- Advertisement -
31.5 C
Bangkok
Home Blog Page 92

มาสด้า มอบรางวัลเกียรติยศแห่งปี เชิดชูดีลเลอร์ผลงานเลิศ

มาสด้า มอบรางวัลเกียรติยศแห่งปี เชิดชูดีลเลอร์ที่มีผลงานเป็นเลิศ สร้างแบรนด์จนมัดใจลูกค้า ภายใต้นโยบายการบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า Mazda Brand Value Management เพื่อมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ “มาสด้า” ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนทั่วทุกพื้นภูมิภาคของประเทศไทย

มาสด้า จัดงานมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี หรือ Mazda Dealer of Excellence Award ซึ่งเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศสูงสุด เพื่อยกย่อง เชิดชู และสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินธุรกิจที่ยอดเยี่ยมตลอดปี 2565 หรือ Mazda Dealer of Excellence Award 2022โดยเฉพาะการส่งมอบประสบการณ์ด้านการบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตั้งแต่การขาย การบริการหลังการขาย การรักษาส่วนแบ่งตลาดในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งยึดมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า Mazda Brand Value Management เพื่อมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าจนเกิดเป็นความจงรักภักดีต่อแบรนด์และกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ตามกลยุทธ์ Retention Business Model โดยมีผู้จำหน่าย 15 แห่ง จากทั่วประเทศที่มีคะแนนสูงสุดและคว้ารางวัลอันทรงเกียรติในปีนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้จำหน่ายมาสด้า ที่พร้อมร่วมกันสร้างโมเดลธุรกิจใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูลูกค้าให้ดีที่สุด

สำหรับเกณฑ์ในการนำมาพิจารณาตัดสินรางวัลในปีนี้ นับเป็นปีแรกที่มาสด้าได้ทำการปรับรูปแบบการคัดเลือกผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี โดยให้ความสำคัญกับการรักษาความพึงพอใจของลูกค้า การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพื่อให้เกิดความผูกผันกับลูกค้าในพื้นที่ ผลักดันให้ผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่เกิดการแข่งขันด้านการบริการ และยกระดับมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นในการดูแลลูกค้า ซึ่งจะส่งผลทำให้มาสด้าก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง จนสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้ในระยะยาว ตามแนวทาง Mazda Brand Value Management เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ ภายในงานฯ มาสด้ายังได้มอบรางวัล Mazda Guild 2022 หรือ รางวัลยอดเยี่ยมด้านการขายและการบริการหลังการขาย ให้กับทีมงานของผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในปี 2565 เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมงาน และยกย่องถึงความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมของผู้จำหน่าย ภายใต้ Thai Mazda Way ในการส่งมอบประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้ามาสด้า อันเป็นพันธกิจสำคัญที่มาสด้าทั่วโลกให้ความสำคัญ

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี หรือ Mazda Dealer of Excellence Award เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มาสด้าจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเชิดชูผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในช่วงระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมถึงความพร้อมของโชว์รูมและศูนย์บริการ การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ทั้งด้านการบริการและการขาย รวมถึงการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า ซึ่งมาสด้าเน้นย้ำมาโดยตลอดเพื่อยกระดับและผลักดันนโยบายนี้ เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่ส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามโครงสร้างธุรกิจใหม่ Retention Business Model และ Mazda Brand Value Management หรือ การบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า เพื่อถ่ายทอดคุณค่าของแบรนด์และยกระดับกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด จนเกิดเป็นความเชื่อมั่น และกลับมาเลือกซื้อรถยนต์มาสด้าอีกครั้งหนึ่ง

“มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับผู้จำหน่ายทุกท่านที่ดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นเลิศครอบคลุมทุกด้าน และคว้ารางวัลจำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2565 หรือ Mazda Dealer of Excellence Award 2022 มาครองได้สำเร็จ ผมขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกท่าน จะสนับสนุนให้มาสด้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ามองหา ตลอดจนกลับมาซื้อซ้ำ และส่งมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน” มร.ทาดาชิ มิอุระ กล่าวเพิ่มเติม

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตามที่มาสด้าได้ประกาศแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วย Retention Business Model โดยให้ความสำคัญสูงสุด คือ การสร้างแบรนด์และสร้างความผูกพันกับลูกค้าในทุกประสบการณ์ ทั้งด้านการขายและการบริการ เพื่อให้การดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศในการส่งมอบประสบการณ์เหล่านี้ไปยังลูกค้า และวันนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน มาสด้าขอบคุณและแสดงความยินดีในความสำเร็จของผู้จำหน่ายที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้การดำเนินธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นลำดับ กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบและให้การยอมรับในประเทศไทย หลังจากนี้ มาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง เพื่อดูแลและสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าที่ใช้รถมาสด้าได้อย่างทั่วถึง ภายใต้วิถีการทำงานโดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบคุณค่าแบรนด์ไปยังลูกค้า และยกระดับในทุกประสบการณ์และในทุกช่วงชีวิตของลูกค้าให้มีความสุขตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า

ทั้งนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ จะยังคงมุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์บริการที่เป็นเลิศ ทั้งด้านการขายและการบริการให้กับลูกค้าในประเทศไทย ตลอดจนถึงเดินหน้าผลักดันการสร้างแบรนด์ เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากการใช้รถยนต์มาสด้าในทุกช่วงจังหวะของชีวิต เพื่อส่งมอบความสุขและสร้างความรัก ความผูกพันกับลูกค้า แทนการตอบแทนลูกค้าที่ตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์มาสด้าให้เป็นรถยนต์คู่ใจไปตลอดการใช้งาน

รายชื่อผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2565

รางวัลผู้จำหน่าย
ระดับ Goldบริษัท ชูเกียรติยนต์ จำกัด
บริษัท บิซ มอเตอร์ส จำกัด
บริษัท มาสด้า ประจวบฯ จำกัด
กลุ่มบริษัท พระราม 7 กรุ๊ป จำกัด
บริษัท เจริญศรีนครพนม (2012) จำกัด
ระดับ Silverบริษัท วิจารณ์ศิริ จำกัด
บริษัท กฤษฎา ออโต้ จำกัด
กลุ่มบริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด
กลุ่มบริษัท ช.เอราวัณออโตเซลล์ จำกัด
กลุ่มบริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้าภูเก็ต จำกัด
ระดับ Bronzeกลุ่มบริษัท ศรีสะเกษทีที ออโตโมบิล จำกัด
บริษัท มาสด้า สุรินทร์ (2002) จำกัด
กลุ่มบริษัท มิตรแท้ ออโตโมบิล จำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญสินมอเตอร์
บริษัท สิทธิชัยออโต้เซลส์ จำกัด

วอลโว่ คาร์ ประกาศเปิดตัว Volvo EX30

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด Volvo EX30 รถพรีเมี่ยม SUV ขนาดเล็กที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมาในรถวอลโว่ ผ่านเทคโนโลยีและดีไซน์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนเพื่อมอบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่มากขึ้นแก่ผู้ใช้งานวอลโว่ พร้อมเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท

มร.คริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ, วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเชื่อว่า Volvo EX30 จะเป็นรถที่ช่วยขยายกลุ่มลูกค้าและตลาดของแบรนด์วอลโว่ในประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นด้วยองค์ประกอบของตัวรถเองที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า มีเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ทั้งยังมีขนาดที่กระทัดรัด และด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราเชื่อว่า Volvo EX30 จะเป็นรถที่ตรงต่อความต้องการของผู้คนมากมายที่มีปณิธานเดียวกันกับวอลโว่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในเมือง และกำลังมองหารถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใข้ชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถยังมีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์การใช้รถใช้ถนนที่มีทั้งคนเดินเท้า จักรยานและมอเตอร์ไซต์อยู่ทุกหนแห่งอย่างกรุงเทพมหานคร ความต้องการรถไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำ Volvo EX30 เข้ามาเพื่อเปิดตลาดกลุ่มรถ SUV ขนาดเล็กในประเทศร่วมกับผู้จำหน่ายของเรา”

มอบความปลอดภัยที่สมบูรณ์ในแบบวอลโว่

เนื่องจากเป็นรถที่ทำงานโดยระบบไฟฟ้า เราจึงให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่อย่างมาก โดยตัวโครงแชสซี และกล่องเก็บแบตเตอรี่ของ Volvo EX30 ทำจากเหล็กที่มีความทนทานสูงเพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับแบตเตอรี่หากเกิดการชน นอกจากนี้ เสา A และ C รวมถึงหลังคาของตัวรถได้รับการออกแบบทางด้านโครงสร้างเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และมอบความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสารซึ่งเก็บอยู่ใต้เบาะคนขับถูกออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศรีษะและบริเวณหน้าอกหากเกิดการชนจากด้านข้าง

Volvo EX30 ยังมาพร้อมฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอีกมากมาย อาทิ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตูหรือ dooring alert ผ่านเรดาร์ที่ตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนที่มาจากด้านหลัง เช่น รถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ โดยรถจะส่งเสียงเตือนหากคนในรถจะเปิดประตูเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์เพื่อช่วยตรวจสอบความพร้อมในการควบคุมรถของผู้ขับที่ไม่เพียงตรวจการจับพวงมาลัย แต่ยังสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของศรีษะ ดวงตา และกะพริบตาของผู้ขับได้อย่างรวดเร็วถึง 13 ครั้งต่อวินาทีเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับมีอาการง่วง หรือมีสมาธิในการขับรถหรือไม่ และส่งสัญญาเตือนหากตรวจพบว่าผู้ขับมีแนวโน้มที่ไม่พร้อมในการควบคุมรถ

Volvo EX30 ยังเป็นรถรุ่นแรกที่มีระบบช่วยจอด Park Pilot Assist เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้ผู้ขับเข้าจอดได้อย่างไร้กังวลไม่ว่าจะเป็นการจอดแบบขนาน จอดในลานจอดแบบโค้ง ถอยเข้าซอง หรือจอดในลานจอดแบบสลับฟันปลา

เอกลักษณ์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน

Volvo EX30 ไม่เพียงนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย แต่ยังถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความคล่องตัว และตอบโจทย์การใช้งาน มอบความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี และการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนที่ภายในตัวรถมีความทันสมัย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยวอลโว่ได้นำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่มาชุบชีวิตให้มีประโยชน์อีกครั้ง อาทิ การใช้วัสดุเส้นใยจากยีนส์ และต้นเฟล็กซ์มาใช้ทำเป็นเบาะที่ให้สีสันและสัมผัสที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์

ลักษณะการจัดวางที่เน้นการควบคุมจากศูนย์กลางผ่านจอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว บนแผงแดชบอร์ดรวบรวมฟังก์ชันการควบคุมรถ รวมถึงข้อมูลที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่เพื่อความสะดวกในการใช้งานไว้ในที่เดียว และด้วยการออกแบบที่เน้นการจัดสรรพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด แผงแดชบอร์ดทั้งแผงของ Volvo EX30 จึงถูกติดตั้งชุดลำโพงแบบซาว์ดบาร์จาก Harman Kardon ไว้ภายในเพื่อเป็นการจัดสรรพื้นที่เก็บของในห้องโดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผลที่ได้รับคือคุณภาพเสียงรอบทิศทางที่ไม่ต่างไปจากการฟังเพลงหรือพอดแคสต์สุดโปรดจากชุดเครื่องเสียงในบ้าน

Volvo EX30 มาพร้อมระบบสาระบันเทิง (infotainment) และการเชื่อมต่อ 5G เพื่อการใช้งานแอปที่ลื่นไหลไม่ว่าจะเป็น Google Assistant, Google Maps navigation และ Google Play และครั้งแรกกับฟังก์ชันการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย

หลังคาแมททาลิคสีดำ Onyx Black ให้ความโดดเด่นตัดกับเฉดสีรถที่มีให้เลือกถึง 5 สีได้แก่ สีเหลือง Moss  Yellow สีฟ้า Cloud Blue  สีเทา Vapour Grey  สีขาว Crystal White และสีดำ Onyx Black ห้องโดยสารภายในมาพร้อมตัวเลือกการตกแต่ง 3 สไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติของสแกนดิเนเวียให้สัมผัสและอารมณ์ภายในห้องโดยสารที่แตกต่างกัน ได้แก่ สไตล์ Mist, Indigo และ Breeze

เลือกพลังและระยะทางในแบบที่เป็นคุณ

Volvo EX30 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้รถที่แตกต่างกันด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 แบบ เริ่มต้นที่ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว Extended Range ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ NMC แบบ extended-range ให้ระยะทางสูงสุดถึง 480 กิโลเมตร1 ต่อการชาร์จเต็ม รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 153kW

ปิดท้ายในรุ่นมอเตอร์คู่ Performance ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ NMC ให้พลังการขับเคลื่อนสูงสุด 428 แรงม้า (315 kW) จึงให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ทำให้ Volvo EX30 มีอัตราการเร่งเร็วที่สุดในรถวอลโว่ที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังรองรับกำลังการชาร์จได้ที่ 153kW จึงใช้เวลาการชาร์จจาก 10 – 80% ในเวลาราว 25 นาที2

และเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ Volvo EX30 จึงถูกออกแบบให้มีศูนย์ถ่วงต่ำ และมีการกระจายน้ำหนักของตัวรถที่เหมาะสมเพื่อการทรงตัว มอบความปราดเปรียวในการขับขี่ทั้งในเมืองและทุกเส้นทาง

“ทุกความโดดเด่นที่ทำให้รถ SUV ของวอลโว่เป็นที่ชื่นชอบของคนมากมายในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงภายนอกที่โดดเด่น พื้นที่ห้องโดยสารกว้าง พลังการขับขี่ที่เหนือชั้น ระบบความปลอดภัยขั้นสูง เข้าถึงฟังก์ชันการใช้งานได้สะดวก เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไม่มีสะดุด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้รวมอยู่แล้วใน Volvo EX30” มร.คริส กล่าวทิ้งท้าย

ราคาและการจำหน่ายในประเทศไทย

•Volvo EX30 Core – Single Motor Extended Range ราคาเริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท

•Volvo EX30 Ultra – Single Motor Extended Range ราคาเริ่มต้นที่ 1,790,000 บาท

•Volvo EX30 Ultra – Twin Motor Performance ราคาเริ่มต้นที่ 1,890,000 บาท

ผู้สนใจสามารถจองเพื่อเป็นเจ้าของ Volvo EX30 ได้แล้ววันนี้ โดยคาดว่าจะพร้อมส่งมอบช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เป็นต้นไป พิเศษ พบกับ Volvo EX30 ได้อีกครั้งที่โซน EDEN ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 11 – 17 กันยายน 2566 นี้

หมายเหตุ :

1อ้างอิงผลการทดสอบภายใต้สภาวะควบคุมของ WLTP ผลที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม ลักษณะการขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

2ระยะเวลาการชาร์จอาจแตกต่างไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ อุณหภูมิภายนอก อุณหภูมิของแบตเตอรี่ อุปกรณ์ชาร์จ สถานะของแบตเตอรี่และรถ

กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป จัดพิธีมอบทุนการศึกษา บุตร-ธิดาพนักงาน ประจำปี 2566

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ คุณอโณทัย เอี่ยมลำเนา คุณพีระพงษ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ และคุณปิยนุช แจ่มศิริพรหม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า/ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้จัดพิธีมอบทุนบุตร-ธิดาพนักงานฯ ประจำปีการศึกษา 2566 ซึ่งได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ด้วยคณะผู้บริหาร ต่างตระหนักถึงความสำคัญด้านการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานและปัจจัยหลักในการพัฒนาเยาวชนของชาติเพื่อต่อยอดสู่การเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า และพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

สำหรับทุนการศึกษา ประจำปี 2566 มี 2 ประเภท คือ ทุนเรียนดีและทุนส่งเสริมการศึกษา แบ่งเป็นระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษ ระดับมัธยมศึกษา และเตรียมอุดมศึกษา รวม 82 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 619,500 บาท โดยมีตัวแทน บุตร-ธิดา พนักงานฯ แต่ละระดับชั้นเป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมได้มอบพวงมาลัยเพื่อแสดงความขอบคุณต่อคณะผู้บริหาร และถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกอย่างอบอุ่น  ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 1 บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

บีเอ็มดับเบิลยู เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ รถสปอร์ตอเนกประสงค์ SAV ปลั๊กอินไฮบริดทรงพลังรุ่นล่าสุดในตระกูล XM พร้อมดีไซน์สุดโฉบเฉี่ยว

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวสมาชิกใหม่รุ่นที่สองแห่งตระกูล XM กับบีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ ที่ยังคงรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ความสะดวกสบายอันหรูหรา และขุมพลังที่เหนือกว่า ตามแบบฉบับซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล XM และตามรอยรุ่นก่อนหน้าอย่างบีเอ็มดับเบิลยู XM ใหม่ ที่เปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดอันทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทคโนโลยี M TwinPower Turbo ซึ่งมอบไดนามิกสุดเร้าใจพร้อมกับสมรรถนะอันน่าทึ่ง รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle สายพันธุ์ M รุ่นนี้จะสามารถมอบความเร้าใจที่เป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมตัวเลือกเพิ่มเติมกับออปชันเสริมซึ่งสามารถปรับแต่งได้หลากหลายให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ ประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

รูปลักษณ์ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ บ่งบอกถึงความพิเศษ ตัวตนที่โดดเด่น และสมรรถนะที่ไม่เหมือนใครเช่นเดียวกับรถในตระกูล XM รุ่นก่อนหน้า ด้วยการผสมผสานความเป็นรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ Sport Activity Vehicle (SAV) อันทันสมัย รูปลักษณ์ที่ทรงพลัง สัดส่วนไดนามิกที่แข็งแกร่ง การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์ M และรูปโฉมหน้ารถที่ได้รับการออกแบบใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่มลักชัวรี่ พร้อมองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์อื่นๆ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ เปี่ยมไปด้วยออร่าแห่งความพิเศษและความชัดเจนในตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร การออกแบบในสไตล์ M ยังช่วยเน้นย้ำถึงความดุดันและความมั่นใจของดีไซน์รถยนต์รุ่นนี้ เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าสองชั้น และกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมกรอบไฟส่องสว่างล้อมรอบกระจังหน้าทั้งคู่ แถบสีด้านข้างรถที่ชวนให้นึกถึงบีเอ็มดับเบิลยู M1 ยังช่วยยกระดับดีไซน์ด้านข้างของบอดี้ให้สะกดทุกสายตา นอกจากนั้น การออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู XM ยังรวมเอาองค์ประกอบต่างๆ ที่ชวนให้นึกถึงอดีต อาทิ โลโก้ BMW ที่สลักไว้ที่กระจกหลังและไฟท้าย รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ในสีดำเงาและการตกแต่งรายละเอียดเส้นสายในสีดำดุดันช่วยขับให้บุคลิกของรถรุ่นนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ พร้อมส่งมอบขุมพลังที่อัดแน่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบคันเร่ง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทคโนโลยี M TwinPower Turbo และระบบขับเคลื่อน M Hybrid ซึ่งให้กําลังรวมสูงสุด 350 กิโลวัตต์ / 476 แรงม้า ที่แรงบิด 700 นิวตันเมตร ให้ได้สัมผัสถึงสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังตั้งแต่ออกตัว โดยรถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วตั้งแต่ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 5.1 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ปุ่ม M Hybrid ที่วางอยู่บริเวณคอนโซลกลางยังให้ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับได้ถึงสามโหมด ซึ่งรวมถึงโหมด ELECTRIC สำหรับการขับขี่ด้วยไฟฟ้าโดยที่ไม่ปลดปล่อยมลพิษ มอบกำลังสูงสุดที่ 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร ให้ความเร็วสูงสุดถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้พลังงานจากลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ

เทคโนโลยี M xDrive ได้รับการออกแบบมาเพื่อรับประกันการส่งกำลังการขับขี่สู่ท้องถนนอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิก นอกจากนี้ ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional ยังให้การควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่กระทบต่อความสบายของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ยังมาพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย และเพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ภายในของบีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ ยังแตกต่างด้วยดีไซน์อันโดดเด่น มอบความสะดวกสบายขั้นสุด ห้องโดยสารตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ให้ความรู้สึกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวในการขับขี่ ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น นอกจากนี้ ยังมีชุดไฟตกแต่งภายใน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้าที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นนี้ด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ด้วยหน้าจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ คุณลักษณะเด่นอีกประการของรถยนต์รุ่นนี้คือ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาของตนกับรถยนต์แบบไร้สายผ่าน Apple CarPlay หรือ Android Auto นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังจะได้รับประโยชน์จาก Connected Package Professional ช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน

เตรียมพบกับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e ใหม่ ได้ที่ www.bmw.co.th หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Thailand

อุ่นใจด้วยกับแพ็คเกจบำรุงรักษา BMW และ MINI Service Inclusive ที่ยังคงเหนือกว่าด้วยความคุ้มค่าที่สุดในตลาดรถยนต์พรีเมียม

แพ็คเกจบำรุงรักษา BMW/MINI Service Inclusive ยังคงมอบสิทธิประโยชน์และคุณภาพการบริการบำรุงรักษาระดับพรีเมียมแก่ลูกค้า โดยช่างผู้ชำนาญการ พร้อมอะไหล่แท้ของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลก อาทิ อัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มีการปรับราคาในบางแพ็คเกจ โดยจะยังคงราคาแพ็คเกจเดิมไว้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2566 นี้

ทั้งนี้ จะมีการปรับราคาแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Ultimate สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่มีกำหนดส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถเลือกรับความคุ้มครองในแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard หรืออัพเกรดเป็นแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Ultimate ซึ่งประกอบด้วยการบำรุงรักษาสูงสุดนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันนานสูงสุด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Ultimate ให้การรับประกันนานสูงสุด 6 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงนานสูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร รายละเอียดราคาโดยรวมของแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Ultimate มีดังนี้

รุ่นรถยนต์แพ็คเกจบำรุงรักษา BSIราคาใหม่ (บาท)
รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน / รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%รถยนต์ในตระกูลM
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X4 บีเอ็มดับเบิลยู X4 M บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 บีเอ็มดับเบิลยู Z4 บีเอ็มดับเบิลยู M2 บีเอ็มดับเบิลยู M3 บีเอ็มดับเบิลยู M4 บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู i4Ultimate120,000150,000160,000
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 6 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 บีเอ็มดับเบิลยู X7 บีเอ็มดับเบิลยู M5 บีเอ็มดับเบิลยู iX บีเอ็มดับเบิลยู i7 บีเอ็มดับเบิลยู XMUltimate180,000220,000230,000
มินิUltimate90,000120,000

อีซูซุ “ยิ้มรับกลับศูนย์”…ให้เราดูแลรถคันโปรดของคุณอย่างดี! เช่นเคย

กลุ่มตรีเพชรโดย นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เชิญชวนผู้ใช้รถปิกอัพ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่น และรถบรรทุกอีซูซุขนาด 2 ตันขึ้นไป เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุกับแคมเปญสุดพิเศษ “ยิ้มรับกลับศูนย์” ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 – 30 ธันวาคม 2566

โดยมีรายละเอียดดังนี้

•แพ็กเกจเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 7 ลิตร สำหรับรถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์มูลค่า 1,480 บาท (รวมค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

•ฟรี! ตรวจเช็กสภาพ รถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 8 ระบบสำคัญ (ครอบคลุม 30 รายการ) และรถบรรทุก 50 รายการ

•ส่วนลดอะไหล่แท้ตรีเพชร 15% สำหรับรถปิกอัพ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถบรรทุก

•ส่วนลดซื้อรถใหม่ สำหรับรถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ใหม่สำหรับลูกค้าเก่าอีซูซุและครอบครัวสูงสุด 18,000 บาท

•ส่วนลดแบตเตอรี่ Power Max, 3K, GS, Yuasa ลูกละ 300 บาท

•ส่วนลดยางรถยนต์บริดจสโตนสูงสุด 2,400 บาท (600 บาท ต่อเส้น สูงสุด 4 เส้น) สำหรับรถปิกอัพ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถบรรทุกเฉพาะรุ่น NLR

-Dueler, Duravis R624 ลดเส้นละ 600 บาท

-Duravis, Leo ลดเส้นละ 500 บาท

-ฟรี! ประกัน บาด บวม แตก สำหรับรถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์

•ผ่อน 0% นานสูงสุด 9 เดือน สำหรับธนาคารที่ร่วมรายการ

สามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 – 30 ธันวาคม 2566 สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ หรือ สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2118-0777 และติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

กลุ่มอีซูซุสนับสนุนกองทุนวิจัยวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ-อีซูซุต่อเนื่องเป็นปีที่ 15

มร.ทาคาชิ ฮาตะ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และกรรมการผู้จัดการบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารอีซูซุ มอบเงิน 200,000 บาท ให้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 เพื่อสนับสนุนกองทุนวิจัยวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ-อีซูซุ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการและการพัฒนาความรู้ผ่านกระบวนการวิจัยด้านเทคโนโลยียานยนต์ โดยมี ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดี เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จัดงาน iEVtech 2023 เเสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสุดยิ่งใหญ่

บทสรุปงานเเสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสุดยิ่งใหญ่เเห่งปี iEVtech 2023 จัดโดยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT) ร่วมกับอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ชูคอนเซ็ปต์ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) พร้อมด้วยคุณสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดงานเเสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023 งานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าสุดยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้นำเสนอในคอนเซ็ปต์ “Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem: Business and Investment Opportunities in Thailand” ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต จัดขึ้นตั้งเเต่วันที่ 30 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นอกจากนี้ทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ยังได้มีการจัดทำลงนามบันทึกความเข้าใจ กับ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคอุตสาหกรรมเฉิงตู (CVTCI) ประเทศจีน โดย คุณเจียว ยาง ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารระหว่างประเทศ เเห่งวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคอุตสาหกรรมเฉิงตู กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีกรอบความร่วมมือ ร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยในประเด็นการเเชร์ความรู้ เเละทักษะต่างๆ กับ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคอุตสาหกรรมเฉิงตู รวมไปถึงเราขอเเสดงความยินดี ในการจัดงานเเสดงนวัตกรรมสุดยิ่งใหญ่ iEVtech2023 ในครั้งนี้ ยิ่งส่งเสริมให้เห็นได้ชัดเจนว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโต ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมกันนี้ ประเทศไทยในปัจจุบันยังดึงดูดนักลงทุนจากนานาประเทศ รวมไปถึงการลงทุนจากประเทศจีนด้วย ที่จะเข้ามาช่วยพลักดันประเทศไทยให้มีอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

และบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กับเขตอุตสาหกรรม Yeonnggwang-gun ประเทศเกาหลีใต้ โดย คุณ คัง จงเเมน นายกเทศมนตรีเมือง Yeonggwang-gun กล่าวว่า  เมือง Yeonggwang-gun นั่นได้มีการผลักดันเเละสนับสนุน อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง เขตอุตสาหกรรมของเรานั้นได้ริเริ่ม ตั้งเเต่การออกเเบบผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิตเเละบริการหลังการขาย เเละในปัจจุบันเราต้องการขยายความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในต่างประเทศอย่างในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะของบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศนั้นๆด้วย นอกจากนี้หลังจากเหตุการณ์ Covid-19ที่ผ่านมา เราเจอกับความท้าทายต่างๆ มากมาย ท้ายที่สุดเเล้วเราจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ ให้พัฒนาต่อไปในอนาคต”

โดย เสวนาไฮไลท์ของงานในหัวข้อ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้สื่อข่าวสายการเงิน สำนักข่าว The Standard ซึ่งในหัวข้อเสวนาดังกล่าวนี้มีตัวเเทนผู้ร่วมเสวนาจากหลากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่

คุณจิตวุฒิ ศศิบุตร นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย กล่าวในหัวข้อ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Insurance) เผยว่า “ในอุตสาหกรรมประกันภัยในประเทศไทย ผมในฐานะตัวเเทนสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย เราเล็งเห็นถึงปัญหา ในช่วงต้นปีหน้าเรามีเเผนจะออกบริการพิเศษ เเละยืดหยุ่น เพื่อสนับสนุนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ อย่างในประเทศไทยในขณะนี้ เราเป็นประเทศร้อนชื้น อาจต้องเพิ่มบริการที่เกี่ยวข้องกับเหตุอุทกภัย ที่เกิดขึ้นกับยานยนต์ไฟฟ้า เเต่เราจะต้องรอในส่วนของข้อมูลเคสต่างๆที่เกิดขึ้นในปีนี้เเละจำนวนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราจะพัฒนาบริการต่างๆต่อไปที่ครอบคลุมถึงผู้ใช้บริการ เเน่นอนว่าผู้ใช้บริการกำลังกังวลในเรื่องของราคาในการซ่อมเเซมเเบตเตอรี่ ปัจจุบันราคาสำหรับประกันภัยยานยนต์ไฟฟ้านั้นเเพงมาก เเต่ในอนาคตเรามองเห็นทิศทางว่า ราคาประกันภัยจะถูกลงมากขึ้น เพราะเราจะมีผู้เล่นในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น มีการตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเเล้ว ทิศทางของประกันภัยยานยนต์ไฟฟ้าก็จะถูกลงด้วย”

ต่อด้วย คุณคมกฤช บพิตรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) กล่าวในประเด็น การเงิน (Finance) “ ในฐานะสถาบันการเงิน เรามีหน้าที่สนับสนุนด้านการเงิน ทั้งกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตอะไหล่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง เจ้าของโรงงาน เจ้าของสถานีอัดประจุไฟฟ้า เเละผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เรายังมีหน้าที่กำกับดูเเลในส่วนของ การจ่ายเงิน การดูเเลความก้าวหน้า เเละการกำกับดอกเบี้ยต่างๆ เพราะฉะนั้นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่เเค่จะสนใจเเต่เรื่องของ Fund raising เพื่อให้ธุรกิจพวกเขาอยู่รอดเพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการที่สถาบันทางการเงินมานั่งคุยกัน ในส่วนของการสนับสนุนที่เป็นธรรมกับ ผู้ประกอบการ ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือผู้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคาร”

ตามด้วย คุณ Michael Chadney หัวหน้าแผนกวางแผนการขนส่งและการเคลื่อนที่ในอนาคต (ARUP) กล่าวในหัวข้อสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) “เราต้องเข้าใจในประเด็น EV Ecosystem เบื้องต้นเสียก่อน ที่เริ่มตั้งเเต่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า โรงงานที่ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Soft infrastruture ต่างๆ ได้เเก่ การพัฒนาเเพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ประสบการณ์ของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงการบำรุงรักษา อะไหล่ การชาร์จไฟฟ้า ไปจนถึงการบำรุงรักษายานยนต์ไฟฟ้า เเละเมื่อกล่าวถึงเเนวโน้มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าใน 3 ประเทศหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีจุดเเข็งในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อย่าง อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เเละมาเลเซีย ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้นก็กำลังมีอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอยู่ พร้อมๆ กับ 3 ประเทศดังกล่าว”

คุดร.แฟรงกี เซีย ประธาน Taiwan STOBA Electrodes Corp. กล่าวในหัวข้อ ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ (Battery Safety)  กล่าวถึง “โซลิดสเตตเเบตเตอรี่ ณ ขณะนี้ ยังต้องมีการพัฒนาต่อไป ซึ่งในปัจจุบัน เรายังมีการศึกษาเเละพัฒนาในส่วนของโซลิดสเตตเเบตเตอรี่ที่ค่อนข้างช้าอยู่ เเต่ในอนาคตมีโอกาสที่เราจะได้เห็นการพัฒนา โซลิดสเตตเเบตเตอรี่ ในประเภทที่ไม่มีส่วนผสมของของเหลวอยู่ด้านในเเบตเตอรี่ ซึ่งในอนาคตเเบตเตอรี่ในประเภทนี้เราน่าจะได้เห็นการใช้อย่างเเพร่หลาย เเละถูกผลิตมากขึ้นในโลก นอกจากนี้ในเรื่องของความปลอดภัยของการใช้เเบตเตอรี่ เราได้มีการพัฒนาให้เเบตเตอรี่ถูกใช้อย่างเหมาะสม เเละไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน”

สุดท้ายคุณ Liu Xuan หุ้นส่วนด้านเทคนิค DeepRoute กล่าวในหัวข้อ การขับขี่ยานยนต์เเบบไร้คนขับ (Autonomous) ว่า “เราจะทำอย่างไรให้การขับขี่ยานยนต์เเบบไร้คนขับสามารถประยุกต์ใช้ในทุกที่ทั่วโลก ซึ่งในส่วนนี้จะต้องเป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยราคาที่เป็นธรรม เราได้ตั้งราคาไว้ที่คร่าวๆ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ เเละ เรียกบริการนี้ว่า DeepRoute – Driver เรามองว่าในอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ที่คิดค้นขึ้นจากเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นต้นเเบบให้ทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ด้วย“ ซึ่งในหัวข้อเสวนานี้ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้สื่อข่าวสายการเงิน สำนักข่าว The Standard

ต่อด้วยในช่วงถัดไปเป็นปาฐกถาพิเศษ “Global EV Outlook 2023” โดย ผู้แทนสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และปิดท้ายวันด้วย ปาฐกถาพิเศษ “แนวโน้ม EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดย คุณภูหริพัทธ์ ตันนิพัทธ์ ที่ปรึกษาอาวุโส Frost & Sullivan

งานเสวนาถัดมา วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ได้เเก่ งานเสวนาที่เกี่ยวข้องกับ Global Update Session อัพเดทเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าโลก กับ UNEP เเละ UNESCAP ซึ่งทาง UNEP ได้พูดเกี่ยวกับโครงการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดย คุณ Jihee Kim รองเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ หน่วยการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน เผยว่า ทาง UNEP มีเเผนการศึกษาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศต่างๆ ซึ่งยังรวมไปถึงด้านยานยนต์ไฟฟ้าใช้เเล้ว นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากับเพศ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเเบบบูรณาการ วงจรเเบตเตอรี่ในยานยนต์ไฟฟ้าเเละด้านการสนับสนุนของสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

ต่อด้วย ปาฐกถาพิเศษ: EVs และเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมาย SDG7 โดยคุณ Kimberly Roseberry เจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจ กองพลังงาน เผยว่า การเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับชาติอื่นในโลก ในขณะเดียวกันการบริโภคพลังงานเชื้อเพลิงกลับมีเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นการตั้งเป้า 2030 ให้เราก้าวเข้าสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักที่จะนำไปสู่สังคมดังกล่าว คือ 1.เพิ่มอัตราส่วนการผลิตเเละการใช้พลังงานหมุนเวียน 2.เพิ่มปริมาณการผลิตพลังงานให้เพียงพอ 3.ขยายโครงสร้างพื้นฐานเเละอัพเกรดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน

ในส่วนของเสวนาช่วงบ่าย เป็นเสวนาด้านการเเชร์ความรู้ EVs Knowledge sharing เริ่มด้วยทําไมทองแดงถึงเป็นส่วนสำคัญของ EV วิทยากรโดย บริษัท โอเรียนเต็ล คอปเปอร์ จํากัด คุณอาทิตย์ ประทุมพวง รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท โอเรียนเต็ล คอปเปอร์ จํากัด ซึ่งได้เผยว่า “ปัจจุบันทองเเดงเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต EV Components บริษัทโอเรียนเต็ล เป็นบริษัทผู้ผลิตทองเเดง โดยชาวไทย กว่าร้อยละ 90 ของทองเเดง ถูกนำส่งออกไปต่างประเทศ อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา เเละขยายไปสู่หมวดหมู่อุตสาหกรรมขนส่งอีกด้วย”

ต่อด้วยแนวโน้มล่าสุดในการเชื่อมชิ้นส่วน EV ด้วย Green Laser และ Multi Spot Scanner Optic โดยวิทยากรคุณ Markus Lindemann ผู้อํานวยการฝ่ายเลเซอร์ ฝ่ายขายและเทคโนโลยีระดับภูมิภาค บริษัท TRUMPF Pte Ltd. เเละตามด้วยความสําคัญของการทํางานร่วมกัน การสร้างมาตรฐานในสถานีชาร์จ EV โดยคุณพฤทธิพงษ์ ธาราพิมาณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขาย บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จํากัด (มหาชน) ในหัวข้อ เทคโนโลยี EV Charger และอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าโดยคุณอนันตเดช อินทรวิศิษฐ์ ผู้จัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน เป็นเสวนาคู่ขนานในประเด็นกำหนดอนาคตของการจัดการแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในประเทศไทย (ร่วมกับ GIZ & TESTA) นั่งพูดคุย โดย ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล และ ดร.อุเทน สุปัตติ, พิธีกร โดยคุณปาน ปิยะศิลป์ ในประเด็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่สู่ความยั่งยืนวิทยากร โดย ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) การอัปเดตสถานการณ์ของสหภาพยุโรป เกี่ยวกับแบตเตอรี่สำหรับ EV – ตลาด การผลิต ความปลอดภัย และกฎระเบียบ – GIZ ได้เเก่รูปเเบบแบตเตอรี่เเบบใหม่ (รวมถึงความปลอดภัย EOL), พาสปอร์ตแบตเตอรี่, แผนงานแบตเตอรี่ (เศรษฐกิจหมุนเวียน) โดยวิทยากร (ออนไลน์) คุณ Tilmann Vahle, ผู้อำนวยการฝ่าย Mobility and Batteries ที่ยั่งยืน SYSTEMIQ  มาตรฐานความปลอดภัย ข้อบังคับ และนโยบายของแบตเตอรี่โดยวิทยากร: Mr. Kolin Low, ผู้อำนวยการภูมิภาค UL Standards & Engagement และปิดท้ายวันด้วย การอภิปรายเกี่ยวกับการกำหนดอนาคตของการจัดการแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในประเทศไทย โดยตัวแทนสหภาพยุโรปจาก SYSTEMIQ พร้อมด้วยคุณ Kolin Low, ผู้อำนวยการภูมิภาค UL Standards & Engagement เเละคุณวสุ กล่อมเกลี้ยง รองประธานบริหารฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุนบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)

นอกจากนี้ เวทีเสวนาในช่วงบ่าย ที่ InnoTech Hall ยังได้รับเกียรติจากนายกสมาคมและผู้แทนสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศในเครือข่ายพันธมิตรสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอาเซียน (Asian Federation of Electric Vehicle Associations – AFEVA) ประกอบไปด้วย มร. เอ็ดมุนด์ อารากา ประธานกลุ่ม AFEVA และนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าประเทศฟิลิปปินส์ มร. เดนนิส ฉั่ว นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าประเทศมาเลเซีย มร. เทวนโกโน ชานดรา โพห์ เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าประเทศอินโดนีเซีย มร. เทอเรนซ์ ซิว เหรัญญิก สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าประเทศสิงคโปร์ และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมพูดคุยถึงกรอบความร่วมมือด้านการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน โดยมีดร. ยศพงษ์ ลออนวล เลขาธิการกลุ่ม AFEVA เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

งานเสวนาวันสุดท้ายวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 มีการจัดสัมมนา “EVAT Tech Forum” หัวข้อ “Business Opportunity in EV E-Co System: โอกาสทางธุรกิจในระบบอีวีอีโคซิสเต็ม” และมีเวทีเสวนา เรื่อง โอกาสทางธุรกิจและความท้าทายในระบบอีวีอีโคซิสเต็ม ของ ธุรกิจดีลเลอร์ ศูนย์บริการ ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจเช่าซื้อ อู่ซ่อมรถยนต์ ร้านค้าปลีก และ โรงแรม ในครั้งนี้สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยได้เชิญ สมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าโดยตรง อาทิ สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย สมาคมอู่กลางการประกันภัย และสมาคมการซ่อมรถยนต์แห่งประเทศไทย เป็นต้น โดยมี ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์ กรรมการ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เป็นผู้ดำเนินรายการในเสวนาครั้งนี้ ภายในงานเสวนาปาฐกถาที่น่าสนใจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าดังต่อไปนี้ คุณสุโรจน์ เเสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และอุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ฝ่ายวิชาการ เผยว่า “เมื่อประเทศไทย เป็นฮับของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของหลายๆค่ายรถยนต์ จะทำให้การเข้าถึงชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าง่ายขึ้นกว่าปัจจุบัน เเละราคาก็จะถูกลงอีกด้วย จากเดิมที่เราต้องนำเข้าอะไหล่จากต่างประเทศ”

เเละ ดร. ดวิษ กิระชัยวนิช ทีมวิจัยผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เเละอิเล็กทรอนิกส์กำลัง ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน NECTEC สวทช. กล่าวว่า “ในอนาคตเเบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นเทรนด์ของเเบตเตอรี่เเบบ Module 2 เเพค ซึ่งจะทำให้การซ่อมเเบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าง่ายขึ้นเเละราคาถูกลงกว่าเดิม”

ด้านประธานคณะกรรมการ ประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย คุณวาสิต ล่ำซำ เผยว่า “ในส่วนของประกันภัย ในอนาคตจะมีการเเบ่งเเยกส่วนของเเบตเตอรี่เพื่อการซ่อมเเซมโดยเฉพาะ ซึ่งตัวเเบตเตอรี่ในรถบางคันไม่จำเป็นต้องนำส่งซ่อมทั้งหมด เเต่สามารถเเยกส่วนซ่อมได้ ซึ่งก็จะทำให้เบี้ยประกันถูกลง”

ถัดมาคุณนพดล ซุ่มวงศ์ รองประธานกรรมการนายกสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ได้กล่าวในประเด็น “สินเชื่อว่าในอนาคต สินเชื่อด้านยานยนต์ไฟฟ้าจะมีบริการสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า” ส่วนคุณศุภกร ลีภัทรวรกุล นายกสมาคมอู๋กลางการประกันภัย เเละคุณธวัชชัย แย้มชื่นจิตนุกูล ผู้เเทนสมาคมการซ่อมรถยนต์เเห่งประเทศไทย มีความเห็นตรงกันว่า “ในประเด็นของตัวถังเเละสีมีความซับซ้อนขึ้นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเเละทางสมาคมทั้งสองก็พร้อมที่จะปรับปรุงเเนวทางการซ่อมถังเเละสี ให้สอดคล้องกับแนวทางของเทคโนโลยีตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน”

ด้านคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า “ทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโต ยิ่งในช่วงปีนี้เราได้เห็นยอดการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยโตขึ้นเเบบก้าวกระโดด หลังจากที่ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลากหลายค่ายจากต่างประเทศเข้ามาบุกตลาดยานยนต์ในไทย เราพบผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเท่าตัว สิ่งที่สำคัญตามมาคือ ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหลายท่านในปัจจุบัน หรือผู้ที่กำลังวางเเผนจะซื้อยานยนต์ไฟฟ้า ยังไม่ทราบประเด็นสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า งาน iEVtech 2023 ที่ได้จัดขึ้นในครั้งนี้จึงถือได้ว่าเป็นงานที่ตอบโจทย์ ห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งเเต่ต้นน้ำคือผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเป็นตัวเเทนในการนำเสนอนวัตกรรมสมัยใหม่และบรรยายในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงปลายน้ำคือผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าก็จะได้รับความรู้ที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจากภายในงานอีกด้วยครับ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีถัดๆไป เราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้นมาจัดเเสดงสอดรับกับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าโลกที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต”

เกี่ยวกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand : EVAT) สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไร โดยแนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน และการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ในปัจจุบันสมาคมมี คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ทำหน้าที่นายกสมาคม และมีสมาชิกที่มาจากภาคเอกชน สถาบันศึกษา รัฐวิสาหกิจ และบุคคลทั่วไปรวมทั้งสิ้นกว่า 370 รายโดยทางสมาคมมีการกำหนดการจัดการประชุม ในทุกๆเดือน และมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ที่ www.evat.or.th

ไทยยามาฮ่า ปลูกป่าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

“ไทยยามาฮ่า” และกลุ่มบริษัทในเครือยามาฮ่า ร่วมปลูกป่าลดสภาวะโลกร้อน สานแนวทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด นำโดย มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง และผู้บริหารกลุ่มบริษัทในเครือยามาฮ่ามอเตอร์จำกัด ร่วมกันปลูกต้นไม้จำนวน 160,000 ต้น ภายใต้กิจกรรม “ยามาฮ่า ปลูกป่ามุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” สร้างผืนป่าบนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมกว่า  800 ไร่ ณ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวสร้างอากาศบริสุทธิและลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์รายแรกของประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจ โดยมีเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ.2593 (ค.ศ.2050)

โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ มีความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญในการลดภาวะโลกร้อน รวมถึงลดภาระทางสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดตามนโยบาย SDGs 17 ขององค์การสหประชาชาติ ทั้งยังมีแผนที่จะขยายการสร้างพื้นที่ป่าให้ครบ 1,500 ไร่ ด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำหรับกิจกรรม “ยามาฮ่า ปลูกป่ามุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” มีขึ้นในวันที่ 1 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจาก จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งภาครัฐ และภาคประชาสังคม กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

MGC-ASIA MOBILITY CARNIVAL ครบทุกไลฟ์สไตล์

MGC-ASIA รับกระแสเศรษฐกิจสดใส ต้อนรับรัฐบาลใหม่ จัดงาน ‘MGC-ASIA MOBILITY CARNIVAL’ ยกทัพยนตรกรรมตอบไลฟ์สไตล์กทั้งทางบก-ทางน้ำ-ทางอากาศ พร้อมแคมเปญดีที่สุดแห่งปี จัดแสดงที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตแบบครบวงจร ตอบรับเศรษฐกิจไทยสดใส กระตุ้นกำลังซื้ออุตสาหกรรมยานยนต์ จัดงาน ‘MGC-ASIA MOBILITY CARNIVAL’ พร้อมรังสรรค์หลากหลายแคมเปญพิเศษ ให้กับลูกค้าและผู้ที่สนใจยนตรกรรมระดับโลกในเครือ MGC-ASIA อาทิ โรลส์-รอยซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด, รถยนต์ ฮอนด้า, เรือยอชท์ อะซิมุท, เรือ คริส-คราฟท์ และ วิสต้า เจ็ท รวมถึงแบรนด์พันธมิตร แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, เปอโยต์ และ จี๊ป โดยกิจกรรมดังกล่าว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-17 กันยายนนี้ ณ ควอเทียร์ อเวนิว ชั้น G ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ

นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ครั้งนี้เรามีความยินดีในความร่วมมือกับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ ดิ เอ็มดิสทริค ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับทาง MGC-ASIA มาอย่างยาวนาน และนับเป็นครั้งแรกกับการจัดกิจกรรม ‘MGC-ASIA MOBILITY CARNIVAL’ ซึ่งมาในธีม Mobility Carnival โดยเน้นการจัดแสดงไลฟ์สไตล์โมบิตี้ ที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง พร้อมสร้างความสนุกสนานผ่านกิจกรรมต่างๆ ลุ้นรับของรางวัลกับวงล้อแห่งความสุข (Wheel of Happiness) ผสานแคมเปญดีที่สุดแห่งปี สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หวังว่าทุกท่านจะได้รับความสนุกสนานจากหลากหลายกิจกรรมที่เรานำเสนอ”

ด้านนางศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ ดิ เอ็มดิสทริค กล่าวว่า “MGC-ASIA กับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ ดิ เอ็มดิสทริค มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกันในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม และรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของ MGC-ASIA ที่เกิดจากวิสัยทัศน์ ความอุตสาหะ เรียนรู้ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่หยุดพัฒนาของผู้นำองค์กร ทำให้วันนี้ MGC-ASIA เป็นอาณาจักรธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ครบวงจร และขอบคุณที่มอบความไว้วางใจให้ ดิ เอ็มควอเทียร์ เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรม ‘MGC-ASIA MOBILITY CARNIVAL’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่างานนี้ จะได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างแน่นอน”

ลุ้นสนุกกับ Wheel of Happiness มากกว่า 300 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

งานนี้จัดเต็มความสนุกให้ลูกค้าที่จองรถภายในงาน กับกิจกรรม ‘Wheel of Happiness’ เพื่อลุ้นรับรางวัลกว่า 300 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท อาทิ บัตรโดยสารสายการบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มัลดีฟ มูลค่ากว่า 110,000 บาท, Voucher เช่ารถ เปอโยต์ ฟรี! จาก SIXT Thailand และอื่นๆ

ครั้งแรก กับการนำเรือ คริส-คราฟท์ รุ่น ‘LAUNCH 25 GT Standard Edition’ มาจัดแสดงบริเวณ ควอเทียร์ อเวนิว ชั้น G มาพร้อม ‘Boat Ownership Program’ แบบครบวงจร ทั้งก่อนและหลังการขาย กับหลากหลายบริการพิเศษ อาทิ สินเชื่อสำหรับเรือ ด้วยโปรแกรมเช่าซื้อสุดพิเศษ โดย ‘อัลฟา เอกซ์’ ประกันภัยเรือ โดย ‘ฮาวเด้น แมกซี่’ รวมถึงการบำรุงรักษา ภายใต้โปรแกรม ‘Boat Inclusive Program’ พิเศษเมื่อจองเรือ คริส-คราฟท์ ภายในงาน รับฟรี! ค่าสมาชิก ริเวอร์เดล มารีน่า ในปีแรก อีกทั้งมีเรือยอชท์ อะซิมุท ‘THE NEW S7’ เรือทรงสปอร์ตสุดหรูหรา หนึ่งในตระกูล S Collection ตอบโจทย์ลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก นำเสนอความสมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา กับรุ่น Ghost ตัวถังสีน้ำเงิน Iguazu Blue ครั้งแรกกับฝากระโปรงหน้าสี Rhodium ที่มีความมันวาวพิเศษ เครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร 563 แรงม้า (HP) แรงบิด 850 นิวตันเมตร พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ภายในงาน และรับรถภายในเดือนตุลาคม 2566 รับฟรี! บัตรโดยสารสายการบินไทยชั้นธุรกิจ ไป-กลับประเทศในทวีปยุโรป จำนวน 2 ที่นั่ง*

บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ยกทัพยนตรกรรมล้ำสมัยจาก BMW, MINI และ BMW Motorrad อาทิ BMW 530e M Sport, BMW iX xDrive40 Sport, BMW iX3 M Sport (Inspiring), BMW i7 xDrive 60 M Sport, มินิ พลังงานไฟฟ้า MINI Cooper SE ตกแต่งลวดลายพิเศษ และ MINI Countryman พร้อมสัมผัสความเร้าใจของมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad S1000 RR และความคล่องตัวของรุ่น C400 GT ทั้งหมดมาพร้อมดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 5 ปี* และฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นานสูงสุด 4 ปี*

สุดคุ้มกับ BMW iX3 M Sport (Inspiring) ราคา 2,999,000 บาท พร้อมรับส่วนลดเงินสด 150,000 บาท, ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง (จัดไฟแนนซ์กับ BMW) และฟรี! Voucher M District: EM QUATIER-EMPORIUM-EMSPHERE มูลค่า 50,000 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ BMW ในงาน รับทันที Fine Dining Cash Voucher มูลค่า 5,000 บาท ที่ The Standard, Bangkok Mahanakhon* จอง MINI ในงาน รับทันที บัตรน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* จอง BMW MOTORRAD ในงาน รับทันที บัตรน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* และสิทธิในการร่วมทริป ‘BMW MOTORRAD WINTER START 2023’ 3 วัน 2 คืน จังหวัดเชียงใหม่*

ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ฮอนด้า อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดแสดงยนตรกรรมไฮไลท์ ‘All-new Honda CR-V 1.5 Turbo’ พิเศษ! จองภายในงานและรับรถภายในเดือนตุลาคม รับกระเป๋าเดินทาง Samsonite ขนาด 29 นิ้ว มูลค่า 16,900 บาท* พร้อมสนุกไปกับเกมทดสอบความรู้เรืองรถยนต์ All-new Honda CR-V และแฟนพันธุ์แท้ ซัมมิท ฮอนด้า

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี 4 แบรนด์พันธมิตร เข้าร่วมในงาน นำโดย แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เชิญมาสัมผัส ‘แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ โรดสเตอร์’ พร้อมแคมเปญพิเศษ เมื่อจองรุ่น แวนเทจ หรือ ดีบีเอ็กซ์ และรับรถภายในปีนี้ รับสิทธิ์บินลัดฟ้าไปชมการแข่ง ฟอร์มูลาวัน ฤดูกาล 2024 ที่สนามซิลเวอร์สโตน (Silverstone)*, ร่วมกิจกรรม ‘Aston Martin Track Experience’ ณ Millbrook Proving Ground* และเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ แอสตัน มาร์ติน ถึงประเทศอังกฤษ*

มาเซราติ ประเทศไทย จัดแสดง ‘เกรคาเล่ โทรเฟโอ’ (Grecale Trofeo) ยนตรกรรมสปอร์ตสัญชาติอิตาเลียน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Italian Audacity’ ที่แสดงถึงการออกแบบสุดท้าทายตามสไตล์ มาเซราติ มาพร้อมขุมพลัง 530 แรงม้า ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ ‘MC20’ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ฟอร์มูลาวัน

เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล จัดแสดง เปอโยต์ 5008 7 ที่นั่ง ตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัว และเอาใจสายฮิปสเตอร์กับ เปอโยต์ 2008 Art Car พร้อมโอกาสดีๆ ที่จะได้เป็นเจ้าของ ‘Peugeot La France Edition’ ที่มาพร้อมกับโลโก้ La France Edition สุดเอ็กซ์คลูซีฟ รุ่นพิเศษ ราคาพิเศษ จำนวนจำกัด พร้อมรับ LUCKY DEAL รับส่วนลดเพิ่มสูงสูดถึง 100,000 บาท และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล นำรุ่นพิเศษ ‘Wrangler Rubicon Monster+’ Edition กับสีใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งปี 2023 ‘Earl Grey’ คันแรกในประเทศไทย และ ‘Gladiator Rubicon’ รถอเนกประสงค์ที่มีศักยภาพการลากจูงมากถึง 2,721 กิโลกรัม จี๊ป ทุกรุ่น มาพร้อม

การรับประกันคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิต นาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* โปรแกรมบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 55,000 กิโลเมตร* และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบพรีเมียม นาน 3 ปี* พร้อมแคมเปญพิเศษ ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง และรับสิทธิ์จับ Lucky Deal รับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับอุปกรณ์ตกแต่งแท้ Mopar* เมื่อจองรถภายในงานฯ

บริษัท เอ็มจีซี เอวิเอชั่น แอนด์ ชาร์เตอร์ เซอร์วิสเซส (เอเชีย) จำกัด ผู้แทนบริการเช่าเหมาลำของสายการบิน VistaJet จัดโปรโมชั่นบัตรโดยสาร ทั้งในและต่างประเทศ นำเสนอโปรโมชั่นบัตรโดยสารราคาพิเศษทุกเส้นทางทั่วโลกของการบินไทย แพ็คเกจทัวร์เอื้องหลวง รวมถึง บัตรโดยสารสายการบินชั้นนำอื่นๆ เช่น ออลนิปปอน แอร์เวย์ ในราคาพิเศษ พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมาก เมื่อซื้อบัตรโดยสารในงาน อาทิ ผ่อน 0% เมื่อชำระด้วยบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมรายการ*, SIXT Thailand มอบส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50% เมื่อเช่ารถขับเองภายในประเทศ และส่วนลดพิเศษสำหรับการเช่ารถในต่างประเทศ* และรับส่วนลด 100 บาท ในการชำระค่าบัตรโดยสาร เมื่อเพิ่มเพื่อนใน Line Official account MGC-Aviation https://lin.ee/iqyyeSY

MGC-ASIA Mobility Carnival รวบรวมยานยนต์และโมบิลิตี้ชั้นนำในเครือฯ พร้อมแบรนด์พันธมิตร มาให้ลูกค้าได้จับจอง พร้อมข้อเสนอพิเศษแห่งปี โอกาสดีๆ แบบนี้ต้องรีบบอกต่อ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-17 กันยายน 2566 นี้ ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-931-8899

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

โตโยต้า เผยโฉม All-New LEXUS LM ยนตรกรรมแห่งความหรูหรา

โตโยต้า พบนิยามใหม่แห่งความหรูหรา กับประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่มีใครเทียบเคียง เปิดตัว “The All-New LEXUS LM…Own a World Apart” ยนตรกรรมระดับหรูสุดพรีเมียมเพื่อลูกค้าคนพิเศษ

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมเปิดตัวยนตรกรรม Luxury Mini Van ระดับหรู “The All-New LEXUS LM” เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมจัดงาน VIP Preview สุด Exclusive สำหรับแฟนพันธุ์แท้เลกซัส นักธุรกิจ Celebrity และ Influencer ชั้นนำ เข้าร่วมงานคับคั่ง

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเปิดตัวเลกซัสรุ่นใหม่ต่อสื่อมวลชนว่า “The All-New LEXUS LM เป็นยนตรกรรมไฟฟ้า “LEXUS Electrified” รุ่นล่าสุด ภายใต้ “LEXUS Chapter of Design Concept” หลังจากความสำเร็จของรุ่น All-New NX, RX และรถ BEV เต็มรูปแบบ รุ่น RZ โดยเลกซัสได้เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 และปีนี้เป็นวาระครบรอบ 30 ปีของเลกซัส ขอขอบคุณลูกค้าในประเทศไทยทุกท่าน สำหรับความไว้วางใจ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง”

มร.ยามาชิตะ กล่าวต่อไปว่า “วิสัยทัศน์ของเลกซัสคือ การทำให้ความหรูหราเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เรามุ่งสร้างประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ โดยเปลี่ยนฟังก์ชันให้เป็นความชื่นชอบ เปลี่ยนสมรรถนะให้เป็นความหลงใหล และเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เหนือกว่าจินตนาการ โดยคุณค่าหลักอันสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งของเลกซัส นั่นคือ “Omotenashi” สื่อถึงจิตวิญญาณการบริการที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งฝังรากลึกในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น การปรนนิบัติลูกค้าให้ผ่อนคลายดั่งการได้พักผ่อนอยู่ในบ้านของตน การเข้าใจความต้องการ และมอบบริการยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมาย”

“All-New LEXUS LM จะมาสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเลกซัสในประเทศไทย รถรุ่นนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และเป็นรถรุ่นหลักที่มียอดขายลำดับต้นๆ ในกลุ่มรถ Minivan ระดับหรู โดย LM ย่อมาจาก “Luxury Mover” สื่อถึงความตั้งใจในการพัฒนารถรุ่นนี้เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของลูกค้าที่ต้องการใช้รถ MPV แบบมีคนขับ วันนี้เรามีความยินดีที่จะแนะนำ “All-New LEXUS LM” ด้วยการออกแบบของเลกซัสเจเนอเรชันใหม่ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ นำเสนอทั้งความคล่องแคล่ว ความหรูหรา และความสง่างาม พร้อมที่จะพาทุกท่านไปสู่อีกขั้นของ “Omotenashi” สร้างสภาพแวดล้อมอันผ่อนคลาย ราวกับว่าอยู่ภายในห้องสวีทของโรงแรมสุดหรู หรือห้องทำงานเคลื่อนที่ ยิ่งไปกว่านั้น เอกลักษณ์การขับขี่เฉพาะแบบเลกซัส ยังได้ถูกผสานเข้ากับ The All-New LM นี้ ผ่านพลวัตขับเคลื่อนอันทรงพลังดั่งใจผู้ขับขี่ ความรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัย และความพิถีพิถัน ที่ถ่ายทอดไปยังผู้โดยสารตอนหลัง ขอเชิญท่านร่วมสัมผัส All-New LM ที่จะมอบสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ และพื้นที่สำหรับแรงบันดาลใจเชิงบวก ทั้งด้านความคิด และการกระทำให้กับทุกท่าน และขอให้เพลิดเพลินไปกับ “Omotenashi” ที่เราตั้งใจมอบให้กับทุกท่านในวันนี้” มร.ยามาชิตะ กล่าวเปิดตัวเลกซัส LM ใหม่ อย่างเป็นทางการด้วยความภาคภูมิใจ

ด้านนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับจากการเปิดตัว Lexus LM ในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2563 ถือได้ว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรม Luxury Minivan ไปอีกขั้น ทำให้ Lexus LM กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราอย่างแท้จริง โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย ด้วยรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาส สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ต้องการห้องโดยสารที่มีความสะดวกสบาย พร้อมความประณีต และพิถีพิถันในการผลิตสูงสุด ตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในประเทศไทย”

“แนวทางการออกแบบ Lexus LM ใหม่ ได้ถูกหล่อหลอม และสะท้อนวิสัยทัศน์ของเลกซัส ภายใต้แนวคิด “Making Luxury Personal” หรือ “การทำให้ความหรูหราเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล” เราได้ยกระดับของความหรูหราขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้มั่นใจว่าทุกวินาทีที่อยู่ภายในห้องโดยสารของ LM จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบ ในวันนี้ผมขอแนะนำ The All-new Lexus LM ใหม่ ผ่านการนำเสนอถึงความสง่างามทั้ง 7 ด้าน ทำให้ Lexus LM ใหม่ แตกต่าง และโดดเด่นอย่างแท้จริง” นายศุภกร กล่าวถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์

The All-New Lexus LM : The 7 Magnificence

1.“Sophisticated Exterior” การออกแบบภายนอกใหม่ทั้งหมด

สง่างาม และทันสมัย ด้วยแนวทางการออกแบบภายนอก “Dignified Elegancy” เริ่มจากกระจังหน้ารูปแบบ “Lexus’s Resolute Look” ที่นำมาออกแบบให้เป็น “Unified Spindle” พร้อมไฟหน้าที่เฉียบคม ทันสมัย โปรไฟล์ด้านข้างตัวรถที่ยาวขึ้น สะท้อนการออกแบบที่เน้นความสบายของห้องโดยสารตอนหลังเป็นอันดับแรก และโดดเด่นด้วยไฟท้าย L-Signature Light Bar ขนาดใหญ่ เสริมรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง

2. “Grand Interior” ห้องโดยสารภายในที่หรูหรา

หรูหรา และประณีต ด้วยการออกแบบที่ยกเอาห้องนั่งเล่น และห้องทำงานมาไว้ด้วยกัน ให้ความรู้สึกสงบ และสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในรุ่น 4 และ 7 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังออกแบบโดยให้ความสำคัญกับทุกๆ ตำแหน่งของเบาะนั่งรวมถึงตำแหน่งผู้ขับตามหลักแนวคิด TAZUNA ให้ตำแหน่งของผู้ขับขี่อยู่บริเวณกึ่งกลาง วางทุกอย่างให้โอบล้อม ผู้ขับ สามารถเอื้อมใช้งานได้สะดวกไม่ต้องละสายตาจากถนน

3. “First Class Cabin Lounge” ห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาส

ภายในห้องโดยสารตอนหลังออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ ด้วยแรงบันดาลใจจากที่นั่งเครื่องบินโดยสารชั้น First class พร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว กระจกปรับความเข้มแสงอัจฉริยะ หน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงชั้นเลิศ “Mark Levinson Reference 3D Surround Sound System” ช่องเก็บของ ช่องแช่เครื่องดื่ม จุดชาร์จไฟ รองรับทุกความต้องการ เบาะนั่งที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล พร้อมระบบควบคุมความร้อน / เย็นของเบาะนั่ง ปรับเอนนอนได้ในองศาที่มากขึ้นกว่าเดิม โอบล้อมสรีระ ให้การซัพพอร์ตได้อย่างเหมาะสม ลดแรงสั่นสะเทือนที่มาจากภายนอกรถ พร้อม “Relaxation Function” ระบบนวดที่ทำให้ทุกการเดินทางผ่อนคลาย สะดวกสบายสูงสุด

4. “Personalized Customization” ฟังก์ชันปรับแต่งเฉพาะบุคคล

ความหรูหราที่ตอบสนองทุกรสนิยมส่วนบุคคล พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย อาทิ Personalized Screen สามารถแยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ “2-Zone Audio System” ซึ่งจะแยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับ และด้านหลัง ทำให้สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่มีเสียงรบกวนซึ่งกันและกัน การควบคุมฟังก์ชันเฉพาะบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Moon roof หน้าจอ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซน สามารถควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสจาก “Overhead Control” และ “Removable Touchscreen Rear Controller”

5. “Comfort and Confidence” สุนทรียภาพ และความมั่นใจในการเดินทาง

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรระบบไฮบริดใหม่ 250 แรงม้า ผสานกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนสีล้อแบบ E FOUR ทำให้ได้พละกำลังที่ดีขึ้น เร่งแซงได้อย่างมั่นใจ พร้อมความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม โครงสร้างตัวถังพัฒนาขึ้นภายใต้สถาปัตยกรรมโครงสร้าง GA-K ที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ให้การตอบสนองที่เฉียบคม และการควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมโหมดการขับขี่ใหม่ “Rear Comfort Mode” ที่ให้ความสบายนุ่มนวลอย่างแตกต่าง ด้วยระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกของโลก “Frequency-sensitivity Piston Valve” ทำงานคู่กับระบบ “Adaptive Variable Suspension” (AVS) และระบบควบคุมการทรงตัวขณะเบรก “Braking Posture Control” ช่วยป้องกันทั้งการโยนตัวขณะเบรก และป้องกันการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ลดอาการเวียนศรีษะ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายสูงสุด

6. “World-Class Safety” ความปลอดภัยขั้นสูง

สัมผัสความปลอดภัยระดับโลกกับระบบ “Lexus Safety System Plus” พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันในทุกเกรด นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบตรวจจับระยะด้วยเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร และกล้องที่กว้างขึ้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และเสริมความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร และผู้ร่วมทาง

7. “Ultimate Omotenashi” ประสบการณ์ “Omotenashi”

สัมผัสจิตวิญญาณการบริการแบบญี่ปุ่นตามปรัชญา “Omotenashi” ด้วยระบบ “Lexus Climate Concierge” ที่จะตรวจจับอุณหภูมิของผู้โดยสารแต่ละท่านเพื่อปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารโซนนั้นๆ ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีโหมดปรับบรรยากาศห้องโดยสารด้านหลัง โดยปรับระบบไฟในห้องโดยสารรวมถึงฟังก์ชันบังแสงจากภายนอกตามอารมณ์ของผู้โดยสารได้ถึง 5 โหมด คือ Dream, Relax, Focus, Energize และ My Original

ทั้งหมดนี้ ทำให้ The All-new Lexus LM ใหม่ เป็นรถ Flagship จากเลกซัส ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นที่มาของ Tagline เลกซัส LM ใหม่ “Own A World Apart” ที่รังสรรค์ประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษที่ไม่มีใครเทียบเคียง

เลือกเป็นเจ้าของยนตรกรรม Luxury Mini Van All-New LEXUS LM ใหม่ ได้ 2 รูปแบบทั้งรุ่น 4ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง พร้อมสีภายนอก และสีภายในที่เป็นเอกลักษณ์

สีภายนอก :  4 สี

• สีดำ Graphite Glass Flake                                • สีขาว Sonic Quartz

• สีแดง Sonic Agate                                          • สีเงิน Sonic Titanium

สีภายใน :  2 สี

• สีขาว Solis White with Copper                            • สีดำ Black with Dark Grey Accents

วัสดุตกแต่งลายไม้ :

• ลายไม้ตกแต่งบริเวณแผงประตูลาย “Yabane” และลายไม้ตกแต่งบริเวณพวงมาลัยลาย “Bengala”

ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

Lexus LM 350h Executive 4-Seater                 ราคา    7,590,000 บาท

Lexus LM 350h Executive 7-Seater                 ราคา    6,290,000 บาท

สัมผัส The All-New Lexus LM ในงาน “Lexus Electrified Fest” ที่สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 2-4 กันยายน ศกนี้ และทดลองขับได้ที่ผู้แทนจำหน่าย เลกซัส อย่างเป็นทางการทั้ง 3 แห่ง ระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน 2566 พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้ครอบครอง เลกซัส LM ใหม่ทุกคันผ่านผู้แทนจำหน่ายเลกซัส อย่างเป็นทางการ รับประกันคุณภาพ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง อุ่นใจ มั่นใจกับศูนย์บริการเลกซัส และ Lexus Service Corner พร้อมบริการ Home Visit Mobility Service ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save