- Advertisement -
23.8 C
Bangkok
Home Blog

ปิดฉาก MOTOR EXPO 2025 ยอดจองรถยนต์กว่า 7 หมื่นคัน

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” งานใหญ่โค้งสุดท้ายปี 2568 ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงเกินครึ่ง ตามติดด้วย รถไฮบริด รถสันดาป รถพลัก-อิน ไฮบริด ส่วนจักรยานยนต์คึกคัก ผู้ชมรวมกว่า 1.5 ล้าน เงินสะพัด 7 หมื่นล้านบาท

_cuva

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เปิดเผยว่า “งาน MOTOR EXPO 2025 เป็นการจัดงานที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดแห่งปี ผนวกกับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 1 (EV 3.0) ที่จะสิ้นสุดปีนี้ รวมถึงการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ที่จะเริ่มปี 2569 ส่งผลให้งานประสบความสำเร็จอย่างสูง และช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก พร้อมสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท”

สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 75,246 คัน จักรยานยนต์ 5,263 คัน และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” พบว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนสูงถึง 50% ส่วนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ (สันดาป, ไฮบริด และพลัก-อิน ไฮบริด) 50%

นอกจากนั้น ประเภทรถที่ได้รับความสนใจแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 58.4% รถเก๋ง 27.8% รถอเนกประสงค์ (MPV) 7.6% รถกระบะ 4.5% และอื่นๆ 1.7%

รถยนต์รุ่นที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” สูงสุด 6 อันดับแรก ได้แก่ MITSUBISHI XFORCE, HONDA HR-V, GEELY EX2, JAECOO 5 EV, BYD ATTO3 และ TOYOTA YARIS CROSS

รถจักรยานยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ LAMBRETTA, YAMAHA, DECO, EM และ ZONTES

ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,122,347 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 177,637 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 7 หมื่นล้านบาท

ปีนี้ ผู้ชมงานสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสถานีเมืองทองธานี และยังมีแพคเกจ MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR ที่อำนวยความสะดวกระดับ VIP ส่งผลให้มีผู้เข้าชมงาน 1,521,296 คน ยอดดาวน์โหลด MOTOR EXPO APPLICATION 45,298 คน และมีผู้ชมงานออนไลน์ 2,028,044 วิว

พบกันใหม่ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 43” และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

Mazda6e สุดฮ็อต ลูกค้าแห่จอง Premiere Package 3,000 สิทธิ์

มาสด้า ตอกย้ำความสำเร็จหลังจากลูกค้าให้ความสนใจจนแน่นบูธตลอดทั้งงาน เตรียมเดินสายอวดโฉมกับกิจกรรม ‘Mazda6e Electric Showcase’ ที่โชว์รูมมาสด้า ตลอดเดือนธันวาคม 2568 เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสยนตรกรรม The All-Electric Mazda6e กันอย่างใกล้ชิด แทนคำขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ภายหลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 ด้วยยอดจองสิทธิ์ Mazda6e Premiere Package* กว่า 3,000 สิทธิ์ ลูกค้าที่สนใจสัมผัสยนตรกรรมไฟฟ้า The All-Electric Mazda6e สามารถสอบถามข้อมูลตารางจัดกิจกรรมได้ที่ผู้จำหน่ายมาสด้าใกล้บ้าน หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th  และ Mazda Virtual Showroom ที่มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในการชมรถทางออนไลน์

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิตอล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 ที่ผ่านมา รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งรถยนต์นั่งรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 ตามด้วย มาสด้า3 และ มาสด้า6 ในขณะที่รถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มีกระแสตอบรับดีที่สุด ได้แก่ มาสด้า CX-30, มาสด้า CX-3, มาสด้า CX-5 และ มาสด้า CX-8 ทั้งนี้ รถยนต์รุ่นอื่นๆ ก็ยังคงสร้างยอดขายให้มาสด้าได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งปิกอัพมาสด้า บีที-50 และรถสปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า MX-5 โดยมีลูกค้าเข้ามาชมกันอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงการตอบรับของลูกค้าที่ยังคงมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน และชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่ในสไตล์มาสด้า”

สำหรับ The All-Electric Mazda6e ที่เปิดตัวในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ในครั้งนี้ ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ด้วยยอดจองสิทธ์ Mazda6e Premiere Package* กว่า 3,000 สิทธิ์ และยังคงมีลูกค้าสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มาสด้าเล็งเห็นถึงกระแสการตอบรับในครั้งนี้ จึงได้จัดงาน ‘Mazda6e Electric Showcase’ ที่โชว์รูมมาสด้า เพื่อให้ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสสัมผัสรถจริง และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับรถก่อนตัดสินใจจองรับสิทธิ์ Mazda6e Premiere Package* โดยมาสด้าได้เพิ่มสิทธิ์ในการจอง Mazda6e Premiere Package* จนถึง 31 ธันวาคม 2568* เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับมาสด้าเป็นอย่างดี โดยกิจกรรมจะเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ที่โชว์รูมมาสด้าตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าที่สนใจชมยนตรกรรมไฟฟ้า The All-Electric Mazda6e สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ผู้จำหน่ายมาสด้าใกล้บ้าน หรือตรวจสอบตารางการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

สำหรับ ‘Mazda6e Premiere Package’* ประกอบด้วย ส่วนลดพิเศษ 20,000 บาท* แพ็กเกจบำรุงรักษารถ Electric Mazda Care นาน 10 ปี* ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ Mazda6e Premiere Experience ทั้งการทดลองขับ “Premiere Test Drive”, การเข้าร่วมงาน “Premiere Celebration Event” และสิทธิ์รับรถล็อตแรก “Premiere Delivery” รวมมูลค่ารวมสูงสุดถึง 70,000 บาท*

The All-Electric Mazda6e เปิดตัวพร้อมแนวคิด จุดประกายความสมบูรณ์แบบให้เป็นหนึ่งเดียว “Electrified Perfection in Oneness” กับนิยามใหม่ของยนตรกรรม 5 ประตู NeoFastback ที่มีให้เลือก 2 สไตล์ คือ สไตล์ Premium Black ห้องโดยสารตกแต่งภายในด้วยวัสดุหนังสีดำให้ภาพลักษณ์สปอร์ตทันสมัย สไตล์ Exclusive Nappa Suede ยกระดับภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุหนัง Nappa/Suede สีแทน ออกแบบตามแนวคิด Kodo-Soul of Motion สง่างามทุกมุมมองทั้งภายนอกและภายใน โดดเด่นด้วย Flying Signature กระจังหน้าแบบ Electric พร้อมฟังก์ชั่นแสดงสถานะการชาร์จไฟ และสปอยเลอร์หลังปรับอัตโนมัติ ตามความเร็วรถ ให้สมรรถนะการขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ ตามปรัชญาการขับขี่ จินบะ-อิตไต แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาด 77.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ขับขี่ได้ระยะทางไกลกว่า 654 กม.** รองรับการชาร์จด่วน DC Fast Charging ชาร์จไฟจาก 30%-80% เร็วสูงสุดใน 15 นาที***

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจยนตรกรรมไฟฟ้า ‘The All-Electric Mazda6e’ ซึ่งเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% จากแบรนด์มาสด้า แต่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่โชว์รูมมาสด้าได้ สามารถรับชมรถแบบ 360 องศา ผ่าน Mazda Virtual Showroom พร้อมจองสิทธิ์ Mazda6e Premiere Package ได้ผ่านช่องทางออนไลน์เช่นกัน

•ชม The All-Electric Mazda6e: https://www.mazda.co.th/th/mazda6e-virtual-showroom

•จองสิทธิ์แพ็คเกจ:  https://www.mazda.co.th/th/mazda6e-pre-register

ตารางการจัดงาน ‘Mazda6e Electric Showcase’ ในเดือนธันวาคม 2568

วันที่ผู้จำหน่ายจังหวัด
12-13 ธันวาคม 2568มาสด้า อารีมิตร มาสด้า ราชาออโต้เซลส์ (สำนักงานใหญ่)ร้อยเอ็ด นครราชสีมา
14-15 ธันวาคม 2568มาสด้า อารีมิตรมหาสารคาม
16-17 ธันวาคม 2568มาสด้า อารีมิตร มาสด้า วี แอนด์ พีกาฬสินธุ์ อุดรธานี
19-20 ธันวาคม 2568มาสด้า พิจิตรเพชร มาสด้า โค้วยู่ฮะ ยานยนต์ขอนแก่น ขอนแก่น
23-24 ธันวาคม 2568มาสด้า ชูเกียรติยนต์นครศรีธรรมราช
26-27 ธันวาคม 2568มาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ (สำนักงานใหญ่) มาสด้า เชียงใหม่ (สำนักงานใหญ่)สงขลา เชียงใหม่

สามารถติดตามข่าวสารการจัดงาน “Mazda6e Electric Showcase” ในเดือนมกราคม 2569 ได้จากช่องทาง Mazda Official Platform

“มาสด้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การตอบรับยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกจากมาสด้าในประเทศไทย ‘The All-Electric Mazda6e’ เป็นอย่างดี มาสด้าเตรียมที่จะส่งมอบรถพร้อมประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทุกท่าน และให้การดูแลท่านอย่างดีที่สุด เพื่อแทนคำขอบคุณที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า และให้มาสด้าดูแลท่าน รวมถึงคนที่ท่านรักไปตลอดอายุการใช้งาน” นายภพนิพิฐ กล่าว

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

**อ้างอิงจากผลการทดสอบมาตรฐาน NEDC

***อ้างอิงจากการใช้เครื่องชาร์จเร็ว DC 200 kW ขึ้นไป ระยะเวลาการชาร์จจริงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ณ ขณะชาร์จ เช่น สภาพแบตเตอรี่ อุณหภูมิของแบตเตอรี่และอุณหภูมิแวดล้อม

GWM ปิดฉาก Motor Expo 2025 กวาดยอดจอง 4,609 คัน

GWM ปิดฉาก Motor Expo 2025 สุดปัง! กวาดยอดจอง 4,609 คัน ดันแรงด้วย 3 ไฮไลต์รุ่นเด่นแห่งปี – TANK 300 Diesel, ORA Good Cat และ WEY G9

กรุงเทพฯ 12 ธันวาคม 2568 – GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด สร้างปรากฏการณ์ในงาน Motor Expo 2025 ด้วยยอดจองรวมทั้งสิ้น 4,609 คัน สะท้อนกระแสตอบรับอันร้อนแรงและความมั่นใจในแบรนด์ GWM จากผู้บริโภคชาวไทยที่มองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งเทคโนโลยี ความปลอดภัย และสไตล์ชีวิตที่แตกต่าง รวมถึงความไว้วางใจในการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใช้งานจริงมาอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจองสะสมในงาน Motor Expo 2025 นี้ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 124% พร้อมสถิติผู้ลงทะเบียนทดลองขับและร่วมกิจกรรมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการรับรู้ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งและการขยายฐานผู้ใช้ที่มองหายนตรกรรมที่มีขุมพลังขับเคลื่อนที่หลากหลาย โดยครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้งานทั้งครอบครัว กลุ่มคนรุ่นใหม่ และนักธุรกิจที่มองหาความลักชัวรี่และเทคโนโลยีล้ำสมัย

3 รุ่นไฮไลต์ที่ครองใจลูกค้าในงาน Motor Expo

GWM TANK 300 DIESEL – รถยนต์ SUV สไตล์ Premium Boxy อันเป็นเอกลักษณ์ ยังคงความร้อนแรงด้วยยอดจองสูงที่สุดของ GWM ถึง 1,818 คัน ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา พร้อมสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซลถึง 1 ล้านกิโลเมตร (หรือ 8 ปี) และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัย ที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับแฟน ๆ ชาวไทย นอกจากนี้ ยังมี GWM TANK 300 DIESEL Desert Storm Limited Edition เข้ามาสร้างสีสันและสะท้อนสไตล์เฉพาะตัว ในจำนวนจำกัดเพียง  300 คัน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมงาน จึงไม่แปลกใจว่าทำไม GWM TANK 300 DIESEL ที่ส่งมอบไปแล้วกว่า 6,000 คัน ยังคงเป็นรถยอดนิยมสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบสไตล์และการผจญภัย

GWM ORA Good Cat – เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ “รถคันแรกในใจใครหลายคน” แต่เป็นไอคอนของความคิ้วท์ ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาพร้อมระบบความปลอดภัยล้ำสมัยและแบตเตอรี่ผลิตในประเทศที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งคนยุคใหม่และผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความคุ้มค่า และดีไซน์ที่สะท้อนตัวตน นอกจากนี้เดือนธันวาคม 2568 ถือเป็นโค้งสุดท้ายในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้มาตรการ EV 3.0 กับสิทธิประโยชน์สูงถึง 150,000 บาทและข้อเสนอที่ดีที่สุดของ GWM ORA Good Cat ซึ่งหลังจากจบงาน ได้กวาดยอดจองไปได้อย่างถล่มทะลายถึง 1,566 คัน

WEY G9 – The Crafted Masterpiece สำหรับผู้นำที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์และครอบครัวระดับไฮเอนด์ รถลักชัวรี่ MPV รุ่นแรกของ GWM WEY ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมและเกินความคาดหมายจากผู้บริหารระดับสูง นักธุรกิจ ข้าราชการระดับผู้ใหญ่ ที่ต้องการภาพลักษณ์เหนือระดับ และครอบครัวที่ต้องการรถ MPV ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันที่หลากหลาย โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา เทคโนโลยีไฮบริดขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ หรือ Hi4 ที่มอบทั้งสมรรถนะ เสถียรภาพในการขับขี่ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายระดับแฟลกชิปด้วยเบาะแถวสองแบบ Zero-Gravity Seats สามารถเดินทางได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตรโดยไม่ต้องแวะชาร์จ WEY G9 รุ่น Hi4 Ultra สามารถทำยอดจองสูงสุดที่ 378 คัน

นอกจาก 3 รุ่นไฮไลต์แล้ว รถรุ่นยอดนิยมอื่นของ GWM ก็ได้รับความสนใจอย่างสูงเช่นกัน โดยเฉพาะ GWM POER SAHAR Diesel กระบะพรีเมียมสำหรับสายลุยที่ไม่ทิ้งความสบาย เป็นรถกระบะแห่งปีที่ตอบโจทย์นักเดินทางและสายแอดเวนเจอร์ที่ต้องการรถกระบะขนาดใหญ่ที่เหมาะกับการปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการ เป็น “Next Level of Lifestyle Partner” ที่มีสมรรถนะสูง แต่ยังคงใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมดีไซน์พรีเมียมและความสบายในทุกเส้นทาง รวมถึง NEW GWM TANK 500 Diesel รถ SUV ระดับพรีเมียมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า ตอบโจทย์การขับขี่ที่หลากหลาย และ GWM HAVAL H6 PHEV ที่ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ครองใจผู้บริโภคด้วยความประหยัดและเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งสามรุ่นได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม รวมถึงรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของ GWM สะท้อนความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ในทุกเซกเมนต์ ซึ่งมียอดจองรวมกันทั้งสิ้น 4,609 คัน

เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “เราขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่านสำหรับความไว้วางใจและการตอบรับที่ยอดเยี่ยมในงาน Motor Expo 2025 ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขยอดจอง แต่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า GWM ยืนหยัดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างมั่นคงและแข็งแรง ภายใต้กลยุทธ์ Multi-powertrain การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในทุกระบบขับเคลื่อน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในหลากหลายเซกเมนต์ ครอบคลุมถึง 85% ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ความสำเร็จของเรายังมาจากการรับฟังเสียงของลูกค้า หรือ User-Centric เราเชื่อว่าการฟังเสียงผู้ใช้คือหัวใจของการสร้างแบรนด์และการเติบโตในระยะยาว เพื่อนำมาพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความชื่นชอบของคนไทย ผลลัพธ์คือการตอบรับที่เหนือความคาดหมายจากลูกค้าชาวไทยในงาน Motor Expo ปีนี้ นอกจากผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นแล้ว GWM ยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความอุ่นใจไร้กังวลให้กับลูกค้าของเรา เรามุ่งยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์จีนอันดับ 1 ด้านบริการหลังการขาย และแบรนด์ที่คนไทยให้ความไว้วางใจสูงสุด”

ยามาฮ่า ปิดดีลจัดหนักจอง 1,221 คัน ในงาน Motor Expo 2025

ยามาฮ่า ปิดดีลจัดหนักจอง 1,221 คัน ยอดจำหน่ายแรงกระหึ่ม Motor Expo 2025 – NMAX Tech MAX กระแสแรง แซงทุกโปร

นายกัมพล พรสูงส่ง รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขาย บริการ และอะไหล่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมถ่ายภาพฉลองความสำเร็จในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Bangkok International Motor Expo 2025 ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พนักงานไทยยามาฮ่า และพันธมิตรทางการค้า หลังปิดยอดจองภายในงานได้มากถึง 680 คัน และยอดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์อีก 541 คัน รวมทั้งหมด 1,221 คัน ส่งท้ายปี 2568 อย่างสวยงาม

ภายในงาน Bangkok International Motor Expo 2025 ยามาฮ่าจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อมอบประสบการณ์เร้าใจให้กับลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่า พร้อมเปิดจำหน่าย YAMAHA YZF-R9 อย่างเป็นทางการผ่านระบบออนไลน์ สร้างสถิติใหม่ใช้เวลาเพียง 9 วินาที กับยอดจองเต็มจำนวน 40 คัน พร้อมโชว์ตัว YAMAHA Ténéré 700 รุ่นใหม่ และ New YAMAHA NMAX Tech MAX สีใหม่ ที่กวาดยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของบูธยามาฮ่า

บูธรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ภายในงาน Bangkok International Motor Expo 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ภายใต้แนวคิด Feel The Unique Experience พร้อมทัพรถจักรยานยนต์ครบทุกไลน์อัป ตั้งแต่ 115 – 890 ซีซี พร้อมข้อเสนอแรงด้วยส่วนลดสูงสุด 76,000 บาท และเครื่องแต่งกายลดสูงสุดถึง 68% โดยมีผู้เข้าชมบูธกว่า 20,000 คน ตลอดการจัดงาน

การฉลองยอดจองในครั้งนี้จัดขึ้น ณ บูธ YAMAHA – Feel The Unique Experience ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

วอลโว่  อวดโฉม Volvo XC60 โฉมใหม่ ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ชวนคุณพบกับ Volvo XC60 โฉมใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของป่าสนในแถบสแกนดิเนเวีย ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42

•Volvo XC60 โฉมใหม่ได้รับการอัพเกรดทั้งด้านดีไซน์ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถเพื่อเสริมประสบการณ์การโดยสารให้ดียิ่งกว่าเดิม

•ครั้งแรกกับการเนรมิตป่าสนสแกนดิเนเวีย มาไว้ในงานจัดแสดงรถเพื่อให้ผู้เข้าร่วมชมได้สัมผัสความหมายที่แท้จริงของการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน

•พิเศษสำหรับลูกค้าวอลโว่กับข้อเสนอพิเศษและสิทธิประโยชน์รวมสูงสุดถึง 700,000 บาท**

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย นำโดย มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ (ในภาพ) ประกาศเปิดตัว Volvo XC60 โฉมใหม่ ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 – ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป สานต่อความมุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ และการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนอย่างแท้จริง โดย Volvo XC60 โฉมใหม่นี้ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นผ่านดีไซน์ภายนอก และภายในที่ได้รับการปรับโฉมใหม่, ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ตอบสนองได้เร็วขึ้น และเพื่อถ่ายทอดปรัชญาแห่งความสมดุลระหว่างเทคโนโลยี ผู้คน และธรรมชาติ

นอกจากนี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยยังได้เนรมิตพื้นที่จัดแสดงรถในปีนี้ให้เป็น ป่าสนจากแรงบันดาลใจจากธรรมชาติในป่าแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่งานจัดแสดงรถได้ถูกนำเสนอด้วยพื้นที่สีเขียวที่ประดับด้วยต้นสน และพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด เพื่อสื่อถึงแนวคิดความยั่งยืน และถ่ายทอดปรัชญาแห่งการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน ผู้สนใจสามารถสัมผัส Volvo XC60 โฉมใหม่ และความงามของธรรมชาติในแบบสแกนดิเนเวียน ได้ที่บูธวอลโว่ คาร์ หมายเลข A18 ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3

Volvo XC60 โฉมใหม่ ความงามแห่งการออกแบบ และความลงตัวในการใช้งาน

Volvo XC60 โฉมใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าแนวเฉียงซ้าย และขวา พาดบนตะแกรงตะข่ายพร้อมประดับตราสัญลักษณ์วอลโว่บริเวณกึ่งกลางทำให้ตัวรถแบบ 5 ที่นั่งคันนี้ ดูสะดุดตา, ทันสมัยและมีความพรีเมียมยิ่งกว่าเดิม บริเวณท้ายรถก็ได้รับการปรับโฉมให้กรอบไฟท้ายมีมิติยิ่งขึ้น ด้วยการปรับโทนสีรอบกรอบไฟให้มีความเข้มขึ้นจึงให้มุมมองไฟท้ายที่เป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ดูลอยตัว เห็นได้เด่นชัดยิ่งกว่าที่เคย Volvo XC60 โฉมใหม่ ยังเปิดตัวพร้อมสีเขียว Forest Lake ซึ่งเป็นการเปิดตัวเป็นครั้งแรก

อัพเกรดการใช้งานด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ตอบสนองได้เร็วขึ้น

ตัวรถมาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ เจนเนอเรชั่นใหม่ จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเคยผ่านหน้าจอทัชสกรีนที่ใหญ่ขึ้นขนาด 11.2 นิ้ว จากเดิมขนาด 9 นิ้ว ตั้งอยู่ตำแหน่งกลางคอนโซลหน้าของรถ พร้อมช่วยเสริมประสบการณ์ในการโดยสารด้วยฟีเจอร์ และการแสดงผลบนหน้าจอที่เน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานแอปต่าง ๆ และการอัปเดตแบบ over-the-air รวมถึงรองรับการใช้งานแอปจาก Google built-in ที่ตอบสนองได้เร็วขึ้นกว่าเท่าตัว และให้การประมวลผลกราฟิกที่เร็วขึ้นถึง 10 เท่า ด้วยพลังการทำงานของชิป Snapdragon Cockpit รุ่นใหม่ล่าสุด

ความสบายของห้องโดยสารที่มาพร้อมความสุนทรีย์ด้วยระบบเสียงที่ดีที่สุด

สัมผัสความผ่อนคลายในห้องโดยสารที่เงียบขึ้น พร้อมเบาะที่นั่งที่ได้รับการยอมรับว่านั่งได้สบายตามแบบฉบับของวอลโว่ แล้วดื่มด่ำไปกับการฟังเพลงจากลำโพงที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นลวดลายตาข่าย จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Bowers & Wilkins จำนวน 15 ตัว ที่ให้คุณภาพเสียงระดับ HIFI และพลังขับรวมขนาด 1,410 วัตต์ นอกจากนี้ Volvo XC60 โฉมใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีฟอกอากาศที่ล้ำสมัยเพื่อดูแลคุณภาพอากาศในรถให้สะอาดอยู่เสมอ

พลังขับเคลื่อน T8 AWD

ด้วยคุณสมบัติเด่นของรถปลั๊กอินไฮบริด Volvo XC60 โฉมใหม่ นี้จึงรองรับการขับเคลื่อนทั้งการใช้น้ำมันและพลังไฟฟ้า เครื่องยนต์ T8 มาพร้อมพลังการขับเคลื่อนแบบมอเตอร์คู่ผ่านเครื่องยนต์สี่สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า และแรงบิดจากเครื่องยนต์  400 นิวตันเมตร/รอบต่อนาที และเมื่อทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 145 แรงม้า และแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 309 นิวตันเมตร จึงให้กำลังขับรวมสูงสุดถึง 462 แรงม้า และแรงบิด 709 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0–100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ภายใน 4.8 วินาที* ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้ามาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 18.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง จึงให้ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสูงสุดถึง 89 กิโลเมตร*

Volvo XC60 Ultra T8 Plug-in Hybrid Bright โฉมใหม่ เปิดให้จอง และพร้อมส่งมอบแล้ววันนี้ ที่ราคา 3,590,000 บาท

มร.คริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเชีย กล่าวว่า Volvo XC60 เปิดตัวครั้งแรกในปีพ.ศ. 2560 และเป็นรถรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอีกหนึ่งรุ่นของวอลโว่ พิสูจน์ด้วยยอดขายที่มากกว่า 1.5 ล้านคันทั่วโลก และเนื่องจากความเอนกประสงค์ของรถที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวในหลากหลายโอกาส ดีไซน์เรียบหรูในแบบสแกนดิเนเวียนที่มีความร่วมสมัย ความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่ได้รับการปรับปรุง อีกทั้งซอฟต์แวร์ของตัวรถที่สามารถอัพเดทเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องผ่านระบบ over-the-air   Volvo XC60 โฉมใหม่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ และโดยสารที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวในวันนี้ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ วอลโว่ คาร์ ในการนำเสนอพลังการขับขี่แบบไฟฟ้าที่ยังคงมีน้ำมันเป็นแผนสำรอง อันเป็นคุณสมบัติเด่นของรถปลั๊กอินไฮบริด เพื่อรองรับความต้องการ และความพร้อมในการใช้รถไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไปของลูกค้าของเรา”

สัมผัสธรรมชาติด้วยแรงบันดาลใจจากสแกนดิเนเวีย ที่บูธ วอลโว่ คาร์

ครั้งแรกในประเทศไทยกับการเนรมิตพื้นที่จัดแสดงรถวอลโว่ ขนาด 731 ตารางเมตร ให้เป็นป่าสนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติของป่าในแถบสแกนดิเนเวียที่ถ่ายทอดเรื่องราวความสมดุลระหว่างธรรมชาติและนวัตกรรม ที่สามารถอยู่รวมกันอยู่ได้อย่างลงตัว ด้วยฝีมือการออกแบบของนักแสดง และนักออกแบบภูมิทัศน์คนเก่ง – คุณดุ๊ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ – ที่ได้ออกแบบบูธวอลโว่ ที่งานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ให้สะท้อนความสวยงาม สงบ ร่มรื่น ในแบบป่าแถบสแกนดิเนเวีย ผ่านต้นสนที่มีความสูงกว่า 7 เมตร โขดหินประดับมอสและเฟริน และดอกไม้ป่านานาพันธุ์ ที่จัดแต่งเพื่อสื่อถึงความเรียบง่าย อบอุ่น และเชื่อมต่อกับธรรมชาติ  อันเป็นปรัชญาในการออกแบบรถวอลโว่ แบรนด์สัญชาติสวีเดน ที่ความเรียบง่าย และความยั่งยืน สะท้อนถึงคุณค่าและเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ด้านนายภาณุเดช วัฒนสุชาติ นักออกแบบภูมิทัศน์ ผู้ออกแบบบูธ วอลโว่ คาร์ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 กล่าวว่า “ชีวิตของผมส่วนใหญ่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพราะสำหรับผมแล้ว ธรรมชาติคือครูที่สอนให้เราเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของความสมดุล และในทุกๆ การเดินทางนั้นมันไม่ใช่แค่เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย แต่มันคือโอกาสให้เราได้กลับไปรับฟัง เชื่อมต่อกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ได้ค้นหาแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ จากความสงบของธรรมชาติ  ผมยังจำการเดินทางไปสวีเดนเมื่อหลายปีก่อนได้ดี ตอนนั้นผมได้ไปเที่ยวป่าสนที่กว้างใหญ่มากๆ แห่งหนึ่ง ในความเงียบและสงบนั้น ผมได้เรียนรู้ว่าสถานที่ที่เงียบที่สุดก็สามารถเล่าเรื่องราวอันทรงพลังได้ ซึ่งประสบการณ์จากในวันนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบป่าสนสแกนดิเนเวียในบูธวอลโว่ที่ทุกคนเห็นกัน ผมอยากพาธรรมชาติเข้ามาอยู่ในพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ เพื่อให้เราทุกๆ คน ได้มีโอกาสนึกถึงความหมายของการใช้ชีวิต หรือ For Life”

ท่ามกลางความเขียวชอุ่มของธรรมชาติ ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสถึงความปลอดภัย, เทคโนโลยีที่ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้เป็นสำคัญ, ดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียน และแนวคิดด้านความยั่งยืน ที่ผสานอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนที่ บูธวอลโว่ หมายเลข A18

มอบความลงตัวให้ทุกการเดินทาง บนความสมดุลของชีวิตกับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ Volvo ES90

นอกจากนี้ บูธวอลโว่ คาร์ ในปีนี้ ยังจัดแสดงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด Volvo ES90 ที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่แรกในเอเชีย โดย Volvo ES90 สะท้อนพลังการขับขี่ด้วยสไตล์การออกแบบตัวรถที่ผสานความสง่างามของซีดาน ความเอนกประสงค์ของรถ fastback สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายในห้องโดยสารของรถ SUV เข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุก ๆ วันให้ปลอดภัยและรื่นรมย์ในทุกเส้นทาง ตัวรถผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA2 พร้อมชิปประมวลผลคอร์คอมพิ้วติ้ง NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ที่เสริมประสิทธิภาพให้แก่ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ และฟีเจอร์ความปลอดภัยในรถ Volvo ES90 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 800 วัตต์ ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุดถึง 755 กิโลเมตร*ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ดีไซนการออกแบบในแบบสแกนดิเนเวียน ความเรียบหรูของห้องโดยสาร และเทคโนโลยีภายในรถที่ออกแบบโดยมีผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง ทำให้ Volvo ES90 คือรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความทันสมัย ความสวยงาม ความปลอดภัย และช่วยสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม

สิทธิประโยชน์**สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42

ภายในงาน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เตรียมสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 700,000 บาท** สำหรับรถไฟฟ้าบางรุ่น และสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 600,000 บาท**สำหรับรถปลั๊กอินไฮบริดบางรุ่น โดยในงานมีรถไฟฟ้าที่นำมาจัดแสดงได้แก่ รุ่น Volvo EX90, ES90, EC40, EX40 และ EX30 นอกจากนี้ยังมี รถปลั๊กอินไฮบริดสำหรับผู้ที่ต้องการรถไฟฟ้าที่มาพร้อมแผนสำรองในรุ่น new Volvo XC90 และ XC60 ทั้งโฉมเดิม และโฉมใหม่  มาจัดแสดงผู้สนใจสามารถชมและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ พร้อมสอบถามสิทธิประโยชน์**ในงานที่มีให้เลือกมากมาย อาทิ

•ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเวลาสูงสุด 3 ปี

•ฟรี บริการหลังการขาย รวมถึง บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 ปี, บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

•ฟรี เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนัง พร้อมรับประกันอายุการใช้งาน 1 ปี และฟรีบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าและติดตั้ง

ร่วมสัมผัส นวัตกรรมจาก วอลโว่ คาร์ ที่ผสานความปลอดภัย ความยั่งยืน และดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียน ได้ที่บูธ วอลโว่ คาร์ หมายเลข A18 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568

หมายเหต :

*อ้างอิงผลการทดสอบที่ได้รับจากห้องปฏิบัติการภายใต้สภาวะที่มีการควบคุมเพื่อใช้ยื่นขอ ECO Sticker ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ผลจากการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม ลักษณะการขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

**รายละเอียดเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับข้อเสนอ เข้าไปที่ https://www.volvocars.com/th-th/l/offers/

เรเว่ ขนทัพยานยนต์พลังงานใหม่ บีวายดี และ เดนซ่า ร่วมงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025

เรเว่ ขนทัพยานยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี และ เดนซ่า เข้างานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 บนพื้นที่จัดแสดงรวมใหญ่สุด พร้อมอบแคมเปญที่ดีที่สุด

•เรเว่ นำรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดไนไทยมาก่อน ประกอบด้วย DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition มาเปิดตัวที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งนี้

•พร้อมข้อเสนอให้คุณมั่นใจว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD ส่งท้ายมาตรการ EV 3.0

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้ กลุ่มธุรกิจเรเว่ ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานใหม่ บีวายดี และ เดนซ่า อย่างเป็นทางการในประเทศไทย นำทัพรถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี และ เดนซ่า มาจัดแสดงที่ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 โดยมีพื้นที่จัดแสดงรวมใหญ่สุดในงานขนาด 2,193 ตร.ม. แบ่งออกเป็น 1,591 ตร.ม. สำหรับ บีวายดี และ 602 ตร.ม. สำหรับ เดนซ่า ผู้เข้าชมงานจะไม่เพียงแต่ได้สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ ที่อัดแน่นอยู่ในรถยนต์พลังงานใหม่หลากหลายรุ่นจาก บีวายดี และ เดนซ่า รวมถึง 3 รุ่นใหม่ที่นำมาจัดแสดงที่งานนี้เป็นครั้งแรก แต่ยังมีข้อเสนอที่ดีที่สุดมากมาย ให้คุณมั่นใจว่าไม่มีช่วงเวลาใดดีกว่าช่วงเวลานี้แล้ว ในการเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี และ เดนซ่า โดยหนึ่งในโปรโมชั่นแรงคือ รถยนต์คุณภาพราคาพิเศษเฉพาะช่วงเวลานี้ พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษสุดๆ

นอกจากนั้น มาตรการ EV 3.0 จากภาครัฐ ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะส่งผลให้ราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคาในปัจจุบัน โดยในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทย ประกอบด้วย BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดมูลค่า 150,000 บาท จากโครงการ EV 3.0 อีกต่อไป โดยจะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดมูลค่า 50,000 บาท จากโครงการ EV 3.5 แทน

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า ประกอบด้วย BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้รับทั้งเงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุดมูลค่า 75,000 บาทแล้ว ยังมีการปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 8% รวมเป็น 10% ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในการออกรถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี ที่ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 100,000 ราย ให้การยอมรับในคุณภาพและนวัตกรรมระดับชั้นนำของวงการ

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ ได้ครอบครองพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงานมหกรรมยานยนต์ระดับชาติได้อีกครั้ง เราจึงมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้สัมผัส และทำความรู้จักกับยานยนต์พลังงานใหม่รุ่นล่าสุดจาก บีวายดี และ เดนซ่า กันอย่างจุใจ นอกจากนั้น เรเว่ ยังมั่นใจด้วยว่าแคมเปญล่าสุดจากเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ EV 3.0 จากภาครัฐ จะมอบข้อเสนอและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปข้างหน้าต่อไป ในสภาวะที่มีปัจจัยท้าทายในขณะนี้”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดเผยว่า “เทคโนโลยีล่าสุดมากมายที่อยู่ในรถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี และ เดนซ่า มิได้สร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความตื่นตาให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้วย โดยในพื้นที่จัดแสดงของเรา เรเว่ ได้นำรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังหลายแบบมาจัดแสดง ทั้ง EV และ PHEV ระดับแถวหน้าของวงการอย่าง DM-i Super Hybrid นอกจากนั้น ยังมีการนำรถยนต์ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตจาก บีวายดี มาให้ผู้เยี่ยมชมงานได้สัมผัส สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของเรา ที่จะนำเทคโนโลยีที่ดีกว่ามาให้ชาวไทยได้สัมผัส พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกว่าให้กับเราทุกคน”

•รถยนต์ SUV สองรุ่นล่าสุด ที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมยานยนต์จากอนาคต

DENZA B5

เปิดตัวครั้งแรกของไทย – รถยนต์ SUV off-road ที่ผสานเทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนล้ำสมัย เข้ากับสุนทรียศาสตร์แห่งดีไซน์ทรงเหลี่ยมแบบพรีเมียม พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตจริง มอบความคล่องตัวเหนือชั้นด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร ร่วมกับเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องง่าย ขณะเดียวกันยังพร้อมลุยทุกเส้นทาง ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และพลังไฮบริด DMO ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุด 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบความสุนทรียภาพตลอดการเดินทางอย่างลงตัว

BYD Ti7

เปิดตัวครั้งแรกของไทย – รถยนต์ Urban SUV สไตล์ Adventure ออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด STARSHIP Ark ผสานความดุดันเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยม ห้องโดยสารออกแบบสไตล์ Dual Layer Symmetry และมี BYD Intelligent Cockpit เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว และอุปกรณ์เสริมหน้าจอผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว เชื่อมต่อและ ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง เป็นศูนย์กลางควบคุมในรถ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ 155 กิโลเมตร (NEDC) และมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ

•อีกระดับของการเดินทาง DENZA D9 Phantom Edition

เปิดตัวครั้งแรกของไทย – DENZA D9 Phantom Edition เพิ่มความสง่างามจากชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคัน ทั้งยังพร้อมติดตั้งกระจังหน้าแบบใหม่ สเกิร์ตรอบคันดีไซน์สปอร์ต และชุดสปอยเลอร์ นอกจากนั้น ภายในติดตั้งจอเพดานระบบสัมผัส สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 15.6 นิ้ว ให้ทุกท่านเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

•DM-i Super Hybrid นวัตกรรมระบบ PHEV ที่มีให้เลือกทั้งในตัวถัง SUV และ Sedan

DM-i Super Hybrid นวัตกรรมระบบ PHEV จาก บีวายดี แตกต่างจากระบบ PHEV แบบอื่น เนื่องจากขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก จึงให้ความรู้สึกในการขับขี่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า EV ทั้งตอบสนองฉับไว ไร้เสียงรบกวน แต่ไม่ต้องพะวงเรื่องการชาร์จ และใช้เชื้อเพลิงเต็มประสิทธิภาพ DM-i Super Hybrid ยังมาพร้อมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ระดับชั้นนำของวงการ จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ทั้งใน BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i

BYD Seal 5 DM-i ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) และมีข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 34,995 บาท1 หรือ เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88%1 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก2

ในส่วนของ BYD SEALION 6 DM-i รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) และมีข้อเสนอพิเศษเช่นกัน โดยในรุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นเพียง 44,995 บาท1 หรือ เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88%1 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก2

•ทัพยนตรกรรมพลังงานใหม่จาก BYD พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุด

เลือกรุ่นรถยนต์ BYD ที่ใช่กับโปรที่คุณชอบ จากข้อเสนอดีๆ ที่ เรเว่ พร้อมมอบให้คุณดังนี้

BYD DOLPHIN – สำหรับรุ่นย่อย Standard ราคาพิเศษ 449,900 บาท1 หรือ 459,900 บาท1 พร้อมโฮมชาร์จเจอร์2 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก2

BYD ATTO 3 – สำหรับรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท1 หรือ 639,900 บาท1 พร้อมโฮมชาร์จเจอร์2 สำหรับรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท1 หรือ 709,900 บาท1 พร้อมโฮมชาร์จเจอร์2 ทั้งสองรุ่นย่อย ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก2

BYD M6 – สำหรับรุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท1 หรือ เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88%1 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก2

BYD SEALION 7 – สำหรับรุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท1 หรือ เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88%1 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก2

ทัพยานยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี และ เดนซ่า พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสแล้วที่ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ที่อิมแพคเมืองทองธานี บูธหมายเลข A06 ในวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 อย่าพลาดโอกาสที่ดีที่สุด ในการครอบครองยานยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรมล่าสุดและข้อเสนอที่ดีที่สุด หรือพบกับรถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ บีวายดี และ เดนซ่า ใกล้บ้านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ

1 เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กําหนด

2 พร้อมบริการติดตั้ง

ฮอนด้า เสริมแกร่งไลน์อัป e:HEV พร้อมเปิดจองสิทธิ์ STEP WGN e:HEV

ฮอนด้า เสริมความแข็งแกร่งไลน์อัป e:HEV เปิดตัวรถใหม่หลายเซกเมนต์ นำโดยกลุ่ม SUV ทั้ง CR-V e:HEV ใหม่ และ HuNT Series อัปลุค City e:HEV ในดีไซน์พิเศษ THE BLACK OUTSHINE และเซอร์ไพรส์! การกลับมาของ STEP WGN e:HEV เปิดจองสิทธิ์และจัดแสดงในงาน พร้อมโปรสุดคุ้มส่งท้ายปี ทั้งในงานและโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

(กรุงเทพฯ – 28 พฤศจิกายน 2568) : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดเต็มส่งท้ายปี เปิดตัวรถใหม่หลากรุ่น พร้อมยกขบวนรถยนต์ฮอนด้าครบทุกเซกเมนต์และขุมพลัง ให้ลูกค้าได้สัมผัสในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 (Motor Expo 2025) เปลี่ยนพื้นที่จัดแสดงให้เป็นพื้นที่แห่งการสัมผัสประสบการณ์ที่มีคุณค่า ถ่ายทอดผ่านโซนจัดแสดงต่าง ๆ ที่หลากหลาย ทั้ง Trail Zone สำหรับไลฟ์สไตล์สายลุย Sport Lifestyle Zone อัปลุคสปอร์ตเท่ผ่านดีไซน์ และ Urban Modern Zone สะท้อนลุคพรีเมียม ให้ผู้เข้าชมได้เลือกสัมผัสรถที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางมีความหมายมากยิ่งขึ้น โดยไฮไลต์ของบูทฮอนด้าภายในงาน ได้แก่

•ไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV – The EXCITING Hybrid ที่พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น นำโดยไฮไลต์การเปิดราคาอย่างเป็นทางการของ Honda CR-V e:HEV ใหม่ ที่ปรับไลน์อัปเป็น e:HEV ในทุกรุ่นย่อย พร้อมทั้งเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานใหม่และอัปเกรดฟีเจอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมในหลากรุ่น เพิ่มความคุ้มค่า ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของไฮบริด SUV ขนาดใหญ่ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น เริ่มต้นเพียง 1,399,000 บาท

•เปิดตัวไลน์อัป HuNT Series ชุดแต่ง HuNT แพ็กเกจรอบคันที่นำเสนอในรถ SUV ยอดนิยมของฮอนด้า 2 รุ่น ได้แก่ Honda HR-V e:HEV และ Honda CR-V e:HEV ในโฉมอัปลุคพิเศษรุ่น ‘e:HEV HuNT’สะท้อนตัวตนของเหล่า HuNTSTER ผ่านสไตล์เท่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์สายลุยที่พร้อมออกค้นหาประสบการณ์ในแบบของตัวเองในทุกการเดินทาง

•เพิ่มทางเลือกให้ไลน์อัป City Series ซิตี้คาร์ยอดนิยม ด้วย Honda City e:HEV THE BLACK OUTSHINE รุ่นแต่งพิเศษที่อัปลุคสปอร์ต สะท้อนความเท่และความแอกทีฟอีกขั้น

•เซอร์ไพรส์พิเศษ! กับการกลับมาของ Honda STEP WGN e:HEV รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ที่หลายคนรอคอย รุ่นนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมเผยสเปกและราคาประมาณการ รุ่น e:HEV SPADA 1,7XX,XXX บาท จัดแสดงให้สัมผัสคันจริงเฉพาะในงาน Motor Expo 2025 และเปิดรับจองสิทธิ์ล่วงหน้าทั้งในงานและโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

โดยทุกรุ่นมาพร้อมขบวนความคุ้มค่าแบบพลัสพลัส จัดใหญ่ส่งท้ายปี กับแคมเปญพิเศษ “Honda Pro OH! MY GOOOOOD PLUS+” โปรใหม่ จัดใหญ่เต็ม MAX จัดเต็มข้อเสนอที่หลากหลาย** สำหรับรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น อาทิ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 0% พร้อม Honda Exclusive Care 5 ปี หรือ Double Smile Plus ผ่อนเบา ดาวน์สบาย รวมถึงรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ** มูลค่า 50,000 – 85,000 บาท เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 11 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568

นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ กล่าวว่า “ฮอนด้ามุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าในการเป็นเจ้าของ ที่ไม่ใช่เพียงการขับขี่ แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกสบายในทุกผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่า และประสบการณ์อันน่าดึงดูดใจตลอดการเป็นเจ้าของ นำโดยไลน์อัป e:HEV ที่ครบครันยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัวรถใหม่หลากรุ่น ก้าวสำคัญนี้คือการปลุกพลังความมีชีวิตชีวาและปลดล็อกอีกขั้นของความตื่นเต้น เพื่อเปลี่ยนทุกโมเมนต์ให้เป็นประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายสำหรับลูกค้าทุกคน”

ไฮไลต์ไลน์อัปขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV– The EXCITING Hybrid

New Honda CR-V e:HEV

Honda CR-V e:HEV ใหม่ ที่มาพร้อมการปรับไลน์อัปเป็นฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับ SUV ไฮบริดสำหรับครอบครัวที่ครบและคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น เริ่มต้นเพียง 1,399,000 บาท พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV HuNT กับดีไซน์อัปลุคสะท้อนไวบ์ที่แตกต่าง และ e:HEV RS ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าอย่างลงตัว มีให้เลือกรวมทั้งหมด 5 รุ่นย่อย โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้แก่

•       ใหม่! รุ่น e:HEV E             ราคา 1,399,000 บาท

•       รุ่น e:HEV ES                              ราคา 1,549,000 บาท

•       ใหม่! รุ่น e:HEV HuNT      ราคา 1,599,000 บาท

•       ใหม่! รุ่น e:HEV RS                     ราคา 1,659,000 บาท

•       รุ่น e:HEV RS 4WD                     ราคา 1,729,000 บาท

จัดเต็มความคุ้มค่าด้วยฟีเจอร์ใหม่! พร้อมทั้งอัปเกรดฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติมในหลากหลายรุ่น* อาทิ

•       ใหม่! ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI) ในทุกรุ่นย่อย

•       ใหม่! ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) ในทุกรุ่นย่อย

•       ใหม่! แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย

•       สวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่ปรับได้ 4 รูปแบบ ในทุกรุ่นย่อย ได้แก่ ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต โหมดการขับขี่แบบปกติ และโหมดการขับขี่แบบประหยัด

•       ใหม่! เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศ ตั้งแต่รุ่น e:HEV ES

•       เพิ่ม! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ตั้งแต่รุ่น e:HEV ES

•       เพิ่ม! ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT พร้อมเทคโนโลยี Digital Key เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

•       เพิ่ม! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

•       เพิ่ม! ขนาดมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT เป็นขนาด 10.2 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

ดีไซน์ปรับลุคทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนเฉพาะรุ่นอย่างมีสไตล์ พร้อมทางเลือกสีใหม่! สีเทาเออร์เบิน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS และ e:HEV RS 4WD)

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับ Honda CR-V e:HEV ใหม่ เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (รับรถภายใน 31 มกราคม 2569 สำหรับรุ่น e:HEV HuNT) มาพร้อมทางเลือก

1)       ดอกเบี้ย 0.99%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี**

2)       ดอกเบี้ย 1.99%** พร้อมแพ็กเกจ Honda Exclusive Care 5 ปี** มูลค่าสูงสุด 204,000 บาท**

HuNT Series

ครั้งแรกกับการอัปดีไซน์รถเอสยูวีรุ่นยอดนิยมของฮอนด้า ทั้ง Honda CR-V e:HEV และ Honda HR-V e:HEV

สู่ลุคพิเศษในรุ่น e:HEV HuNT ที่สะท้อนตัวตนของเหล่า HuNTSTER ให้รังสรรค์เรื่องราวในสไตล์ของตัวเอง

สู่ประสบการณ์สุดยูนีค โดดเด่นด้วยดีไซน์เท่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ในทุกการเดินทาง

‣ Honda CR-V e:HEV รุ่น e:HEV HuNT                   ราคา 1,599,000 บาท

มาพร้อมไฮไลต์ใหม่! ชุดแต่ง HuNT แพ็กเกจรอบคัน ได้แก่

•       ชุดเสริมหลังคาคู่

•       คิ้วตกแต่งกระจังหน้าสี Glossy Copper

•       กรอบไฟตัดหมอกสี Glossy Copper

•       แผงใต้กันชนหน้า

•       บันไดข้าง

•       คิ้วตกแต่งซุ้มล้อหน้า-หลัง

•       สีภายนอก มีให้เลือก 2 สี ได้แก่

o        สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)       ราคา 1,599,000 บาท

o        สีดำคริสตัล (มุก)               ราคา 1,609,000 บาท

จัดเต็มฟีเจอร์และฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ ที่พร้อมเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ

•       ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI)

•       ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM)

•       แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว

•       สวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่ปรับได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบ Individual โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต โหมดการขับขี่แบบปกติ และโหมดการขับขี่แบบประหยัด

•       เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศ

•       ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง

•       ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง

•       ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT พร้อมเทคโนโลยี Digital Key

•       เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด

•       ระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร Plasmacluster

•       หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับ Honda CR-V e:HEV รุ่น e:HEV HuNT เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 –

31 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 มาพร้อมทางเลือก

1)       ดอกเบี้ย 0.99%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี**

2)       ดอกเบี้ย 1.99%** พร้อมแพ็กเกจ Honda Exclusive Care 5 ปี** มูลค่าสูงสุด 203,000 บาท**

‣ Honda HR-V e:HEV รุ่น e:HEV HuNT                   ราคาเริ่มต้น 1,087,000 บาท

มาพร้อมไฮไลต์

•       กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ พร้อมใหม่! ตกแต่งด้วยคิ้วกระจังหน้าด้านบนสี STARRY SILVER

•       ใหม่! กันชนหน้าสีดำตกแต่งด้วยสี PREMIUM AMBER

•       ใหม่! กันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสี SHARK GREY

•       ใหม่! ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ตกแต่งด้วยสี PREMIUM AMBER

•       ใหม่! กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวส่วนบนตกแต่งด้วยสี STARRY SILVER

•       ใหม่! ภายในห้องโดยสารสีดำและตกแต่งสีกากี มาพร้อมเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม

•       สีภายนอก มีให้เลือก 2 สี ได้แก่

o        สีดำคริสตัล (มุก)     ราคา 1,087,000 บาท

o        สีขาวแพลทินัม (มุก)          ราคา 1,091,000 บาท

ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ

•       ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close)

•       ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto

•       มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอแสดงไฟเบรก

•       เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

•       อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

•       ช่องปรับอากาศ และช่องเชื่อมต่อ USB Type-C สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

•       ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold

•       ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับ Honda HR-V e:HEV รุ่น e:HEV HuNT เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 –

11 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 มาพร้อมทางเลือก

1)       ดอกเบี้ยพิเศษ 0%** พร้อมรับ Honda Exclusive Care 5 ปี** มูลค่าสูงสุด 152,000 บาท**

2)       รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมมูลค่า 50,000 บาท พร้อมรับ Honda Exclusive Care 5 ปี**

Honda City e:HEV THE BLACK OUTSHINE

ซิตี้คาร์ไฮบริดซีดานที่อัปลุคความสปอร์ตและคาแรกเตอร์ให้โดดเด่นอีกขั้น เพิ่มทางเลือกตอบโจทย์สายมีสไตล์ ผสานเสน่ห์ความลุ่มลึก น่าค้นหา ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ที่เปี่ยมพลัง สะท้อนตัวตนอันชัดเจนของผู้ขับขี่ สู่นิยามใหม่ที่แตกต่างเหนือใคร โดย Honda City e:HEV THE BLACK OUTSHINE ราคาเริ่มต้น 735,000 บาท มาพร้อมไฮไลต์

•       ใหม่! กระจังหน้าด้านบนสีดำเงา

•       ใหม่! กระจังหน้าทรงรังผึ้งสไตล์สปอร์ต

•       ใหม่! กระจกมองข้างสีดำ

•       ใหม่! มือจับประตูสีดำ

•       ใหม่! โลโก้ H-mark สีดำ (หน้าและหลัง)

•       ใหม่! โลโก้ City สีดำ

•       ใหม่! ล้ออัลลอยสีดำแบบสปอร์ต ขนาด 16 นิ้ว

•       สีภายนอก มีให้เลือก 2 สี ได้แก่

o        สีดำคริสตัล (มุก)               ราคา 735,000 บาท

o        สีขาวแพลทินัม (มุก)          ราคา 739,000 บาท

ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย มั่นใจทุกการเดินทาง ด้วยหลากหลายฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิ

•       ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android AutoTM แบบไร้สาย

•       ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง

•       ช่องปรับอากาศตอนหลัง

•       เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทั้ง 6 ฟังก์ชัน พร้อมไฮไลต์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

•       ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

•       ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold

•       ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับ Honda City e:HEV THE BLACK OUTSHINE เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 – 11 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 มาพร้อมทางเลือก

1)       ดอกเบี้ยพิเศษ 0%** พร้อม Honda Exclusive Care 5 ปี** มูลค่าสูงสุด 145,000 บาท**

2)       ดอกเบี้ยพิเศษ 0%** พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติมมูลค่า 50,000 บาท** และ Honda Ultimate Care ขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพรถยนต์รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)       รับฟรีประกันภัย 2 ปี พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติมมูลค่า 50,000 บาท** และ Honda Ultimate Care ขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพรถยนต์รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

New Honda STEP WGN e:HEV

การกลับมาอย่างเป็นทางการของ Honda STEP WGN e:HEV ใหม่ รุ่นนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตอกย้ำ ‘Japanese Quality’ มาตรฐานการผลิตคุณภาพสูง พร้อมความมั่นใจด้านบริการหลังการขาย ด้วยความพร้อมของอะไหล่และทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ จากเครือข่ายโชว์รูมฮอนด้าที่ได้มาตรฐานกว่า 222 แห่งทั่วประเทศ

เผยสเปกและราคาประมาณการ**** รุ่น e:HEV SPADA 1,7XX,XXX บาท พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ล่วงหน้าเพื่อเป็นเจ้าของ และจัดแสดงให้สัมผัสคันจริงภายในงาน Motor Expo 2025 ที่เดียวเท่านั้น

จองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของก่อนใคร! รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท** และฟรีกล้องติดรถยนต์หน้า-หลัง อุปกรณ์ตกแต่งแท้ของฮอนด้า มูลค่า 5,940 บาท** (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) เมื่อจองสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568 พร้อมจองตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2569 – 28 กุมภาพันธ์ 2569 และรับรถภายใน 31 มีนาคม 2569 พร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.39%** สำหรับเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าและครอบครัว (Honda Loyalty) พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี Honda Ultimate Care ขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพรถยนต์รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

Honda STEP WGN e:HEV ใหม่ รุ่น e:HEV SPADA โดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวถังทรงกล่องภายใต้แนวคิด Life Expander BOX พร้อมห้องโดยสารโปร่งโล่ง กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายทุกที่นั่ง พร้อมเบาะที่ปรับพับได้หลากหลาย เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว ยกระดับคุณค่าในฐานะพาร์ตเนอร์ที่สร้างโมเมนต์น่าจดจำในทุกการเดินทาง ให้ทุกเจเนอเรชัน STEP ใกล้กันยิ่งขึ้น… ‘WHAT BRINGS US TOGETHER’

ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง มอบความสมูทในทุกการขับขี่ มั่นใจทุกการออกตัวโดยไม่ต้องรอรอบ ด้วยแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 18.5 กม./ลิตร*** ครบครันด้วยฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายและการขับขี่ พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่สร้างความมั่นใจในทุกการเดินทาง อาทิ

•       เบาะโดยสารหนังสังเคราะห์แบบ Prime Smooth และเบาะผ้าเทคโนโลยี FABTECH อเนกประสงค์

ปรับได้หลากหลายรูปแบบ

o        เบาะนั่งแถว 2 แบบปรับแยกอิสระ พร้อมเบาะรองน่อง Ottoman

o        เบาะนั่งแถว 3 ปรับพับ 60:40 พร้อมพับแบบแบนราบ

•       ประตูข้างแบบสไลด์ไฟฟ้า ซ้าย-ขวา

•       ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

•       ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri- Zone พร้อมระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร Plasmacluster

•       ระบบเกียร์ไฟฟ้า

•       ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL)

•       ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android AutoTM พร้อมรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto

•       มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว

•       เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ได้แก่

–         ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

–         ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

–         ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

–         ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

–         ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

สีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่! สีดำทไวไลต์มิสต์ (มุก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) มาพร้อมภายในห้องโดยสารสีดำ

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังจัดเต็มยนตรกรรมรุ่นอื่น ๆ หลากหลายรุ่น เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสัมผัสได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบ ทั้งไลน์อัปเทอร์โบ และไลน์อัปพลังงานไฟฟ้า 100%

ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทรถยนต์ฮอนด้า A08 ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 (Motor Expo 2025) ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 พร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่น ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกันทั้งภายในงานฯ และ

โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า

24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777

อัปเดตทุกข่าวสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมล่าสุด เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวได้ที่

•       เว็บไซต์:  www.honda.co.th

•       Facebook Official Account: Honda Thailand

•       LINE Official Account: @honda-thailand

หมายเหตุ

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

***ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ / ผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษระดับ Euro 6 (มอก. 3017-2563) อัตราประหยัดน้ำมันขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานจริงและพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล

****ราคาประมาณการยังไม่รวมราคาสีพิเศษ (มุก)

ซูซูกิ อวดโฉม ALL NEW SUZUKI FRONX “รถแข่งทางเรียบครั้งแรกในอาเซียน” ในงาน Motor Expo 2025

ซูซูกิ อวดโฉม ALL NEW SUZUKI FRONX “รถแข่งทางเรียบครั้งแรกในอาเซียน” ในงาน Motor Expo 2025 อัดแคมเปญสุดคุ้ม รับบัตรเติมน้ำมันฟรี 3,000 บาท พร้อมจับคู่ CARRY-Duca’tim ยกระดับธุรกิจเคลื่อนที่

28 พฤศจิกายน 2568 กรุงเทพมหานคร : บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ภายใต้แนวคิดหลัก “The ICONIC Journey” ซึ่งสื่อถึงการเดินทางที่โดดเด่นและเป็นตำนาน เป็นสัญลักษณ์สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่ พร้อมทั้งชูไฮไลท์หลัก ALL NEW SUZUKI FRONX สปอร์ต SUV รุ่นใหม่ล่าสุด และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้วยโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาด โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-ตุลาคม 2568) ตลาดรถยนต์มีตัวเลขยอดขายรวมทั้งสิ้น 494,938 คัน ส่วนในช่วงเวลาดังกล่าว ซูซูกิมียอดขายรรวม 4,245 คัน ท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการใช้งาน ราคาที่จับต้องได้ ค่าบำรุงรักษาที่สมเหตุสมผล อายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมจนถึงประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงก็เข้ามาเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อรถยนต์มากขึ้น

ซูซูกิ มีความเข้าใจในความต้องการของตลาดในประเทศไทย แม้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจแต่ยังคงมุ่งมั่นคัดสรรรถยนต์คุณภาพดี ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์มาส่งมอบแก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรายังคงยึดมั่นในแนวทางของการนำเสนอความคุ้มค่า คุ้มราคา และมอบทุกความมั่นใจ ด้วยงานบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

การจัดแสดงรถยนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ รถยนต์รุ่นมาตรฐานของซูซูกิ และรถยนต์รุ่นตกแต่งพิเศษ เพื่อนำเสนอแนวทางให้ลูกค้าไปตกแต่งรถได้ในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง อีกทั้งรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเข้าร่วมไปจัดแสดงพร้อมกับการนำเสนอแคมเปญสุดพิเศษส่งท้ายปีมอบให้แก่ผู้เข้าชมงานที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของซูซูกิทุกท่าน ไฮไลท์ที่สำคัญ คือ ALL NEW SUZUKI FRONX รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับรูปลักษณ์สปอร์ตเร้าใจ สมรรถนะการขับขี่อันโดดเด่น และมอบทุกความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบรับต่อความต้องการของผู้บริ โภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี

สุดพิเศษ!! กับการนำ ALL NEW SUZUKI FRONX ที่ถูกตกแต่งมาในสไตล์รถแข่งทางเรียบเป็นครั้งแรกของอาเซียน มาจัดแสดงภายในงาน พร้อมสร้างปรากฎการณ์ด้วยการเข้าร่วมสนับสนุน KTN Garage Racing ทีมมอเตอร์สปอร์ตที่มีประสบการณ์ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในประเทศไทยมากกว่า 10 ปี และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้มากมาย  โดยทีมจะนำรถยนต์ ALL NEW SUZUKI FRONX คันดังกล่าวเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ แบบมาราธอน 12 ชั่วโมง ในรายการ “IDEMITSU SUPER ENDURANCE THAILAND 2025” ในรุ่น Division 4 โดยงานจัดขึ้นระหว่าง 18-20 ธันวาคม 2568  ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อชูศักยภาพและพิสูจน์ให้เห็นถึงความทนทานและสมรรถนะอันโดดเด่นของ ALL NEW SUZUKI FRONX ได้อย่างแท้จริง

อีกหนึ่ง ICONIC ที่ยังคงสร้างตำนานให้ซูซูกิอย่างต่อเนื่อง คือ SUZUKI SWIFT รถยนต์ Sport Hatchback ขวัญใจมหาชน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2555 และมียอดขายสะสมถึงปัจจุบันแล้วมากกว่า 155,880 คัน เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ เราจัดแคมเปญ SUZUKI WORRY FREE PROGRAM ที่ช่วยดูแลรถนานถึง 7 ปี พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ มอบให้แก่ลูกค้าอีกด้วย

“งาน Motor Expo 2025 ถือเป็นเวทีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเป็นโอกาสอันดีในการสื่อสารแนวคิด นวัตกรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคโดยตรง ปีนี้ ซูซูกิยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอรถยนต์หลากหลายรุ่น ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าทุกกลุ่ม และมุ่งมั่นที่จะมอบทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน” นายทาดาโอะมิ กล่าว

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 การจัดแสดงบูธภายใต้แนวคิด“The ICONIC Journey” จะดึงดูดผู้เข้าชมงานให้เข้ามาสัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์รถยนต์ซูซูกิได้เป็นอย่างดี

ไฮไลท์ของรถในปีนี้ นำโดย ALL NEW SUZUKI FRONX “THE ICONIC DRIVE นิยามใหม่ของการขับขี่…ในแบบที่เป็นคุณ” สปอร์ต SUV ดีไซน์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เทคโนโลยีล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดดเด่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์ K15B ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ K15C ที่มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ (DUALJET) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Smart Hybrid Vehicle (SHVS) เอกสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ ที่เป็นการผสานพลังเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี Integrated Starter Generator (ISG)  และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน พร้อมมอบสมรรถนะที่เร้าใจด้วยอัตราเร่งที่เฉียบคม และประหยัดน้ำมัน ทำให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเงียบสบายอย่างลงตัว

ด้านความปลอดภัยของรถยนต์ ALL NEW SUZUKI FRONX ในทุกรุ่น มอบความอุ่นใจด้วยถุงลมนิรภัย SRS มากถึง 6 ตำแหน่ง และพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นท็อปที่ครบครันด้วยเทคโนโลยี SUZUKI SAFETY SUPPORT เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่สูงสุดในทุกเส้นทาง ประกอบไปด้วย

•ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Dual Sensor Brake Support II (DSBSII)

•จอแสดงข้อมูล Head-up display (HUD)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA)

•ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)

•ระบบช่วยป้องกันรถออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)

•ระบบเตือนเมื่อรถส่าย Vehicle Sway Warning

•ระบบเตือนสิ่งกีดขวางในจุดอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)

•ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)

•กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Surround View Monitor

•เซนเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือน Parking Sensor

ราคารถยนต์ ALL NEW SUZUKI FRONX

•รุ่น GL                             ราคา 689,000 บาท

•รุ่น GLX                           ราคา 749,000 บาท

•รุ่น GLX PLUS                ราคา 799,000 บาท

แคมเปญพิเศษ เพียงจอง ALL NEW SUZUKI FRONX ระหว่างงาน Motor Expo และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 รับทันที!บัตรเติมน้ำมันฟรี 3,000 บาท พร้อมรับสิทธิ์ซื้อโปรแกรมบำรุงรักษารถ SUZUKI FRONX MAINTENANCE PACKAGE ที่ครอบคลุมการบำรุงรักษารถตามระยะกับราคาแพ็กเกจพิเศษสุดคุ้ม สำหรับลูกค้าที่ซื้อ ณ วันที่จองและรับรถใหม่ เริ่มต้นเพียง 2,990 บาท ซึ่งประหยัดเงินสูงสุดถึง 34,790 บาท เมื่อเทียบกับราคาปกติ โดยมีมูลค่ารวมดังนี้

รุ่นราคาเต็มจำนวน (บาท)ราคาแพ็กเกจพิเศษ (บาท)ลูกค้าประหยัดเงิน (บาท)
GL33,573.-2,990.-30,583.-
GLX / GLX PLUS42,780.-7,990.-34,790.-

ความคุ้มค่าเหนือระดับที่ครอบคลุมการดูแลรถ ALL NEW SUZUKI FRONX

ขระยะความคุ้มครองยาวนาน: 7 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-ครอบคลุมเต็มรูปแบบ: ครอบคลุมค่าแรงและค่าอะไหล่แท้ ตามตารางบำรุงรักษาอย่างเป็นทางการของซูซูกิ

-ป้องกันความเสี่ยงด้านราคา: การันตีราคาชิ้นส่วนอะไหล่ภายใต้แพ็กเกจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับขึ้นราคาในอนาคต

-รายการบำรุงรักษาหลัก: ครอบคลุมอะไหล่สำคัญ อาทิ น้ำมันเครื่องเกรดมาตรฐาน ไส้กรองน้ำมันเครื่อง แหวนรองนอตถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำยาหม้อน้ำ ไส้กรองอากาศ สายพานหน้าเครื่อง (Hybrid) สายพานแอร์ หัวเทียน เป็นต้น

SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กยอดนิยมของคนไทย สร้างยอดขายเป็นอันดับหนึ่งของซูซูกิมาอย่างต่อเนื่อง ห้องโดยสารสีดำตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสไตล์สปอร์ต จอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว  พร้อมฟังก์ชันเอนเตอร์เทนเมนท์ครบครัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดการเดินทาง มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร หัวฉีดคู่ DUALJET ช่วยลดมลพิษและประหยัดน้ำมันถึง 23 กิโลเมตรต่อลิตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 567,000 บาท

SUZUKI JIMNY  รถยนต์ออฟโรดขนาดคอมแพ็คถูกพัฒนาและออกแบบภายใต้ JIMNY DNA ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่อเนื่องยาวนานมากว่า 50 มอบความโดดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่แบบ Authentic 4WD พร้อมใช้งานในทุกสภาพการขับขี่และภูมิประเทศที่หลากหลายตอบโจทย์การใช้งานอย่างมืออาชีพ ตอบสนองความต้องการของคนที่ชื่นชอบรถยนต์ประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ   มาด้วยแคมเปญพิเศษ “Legendary Deal of the Yar” ด้วยการมอบราคาพิเศษแบบจำนวนจำกัดเพียง 50 คันให้กับลูกค้าที่สนใจการเป็นเจ้าของ อีกทั้งยังมอบความคุ้มค่าและความภาคภูมิใจสูงสุดด้วยแพ็คเกจ SUZUKI WORRYFREE PROGRAM ให้กับผู้ที่พร้อมจะเริ่มต้นตำนานบทใหม่ไปกับ SUZUKI JIMNY พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 ปี

ราคาจำหน่าย SUZUKI JIMNY Legendary Deal of the Year จำนวนจำกัด 50 คัน

SUZUKI JIMNYราคาปัจจุบัน (บาท)ราคาพิเศษ (บาท)
รุ่นเกียร์อัตโนมัติ สี MONO TONE1,760,0001,450,000
รุ่นเกียร์อัตโนมัติ สี TWO TONE1,790,0001,480,000

SUZUKI XL7 ดีไซน์กระจังหน้าโครเมียมมาพร้อมกับไฟหน้า LED รีเฟล็กเตอร์ และ Daytime Running Light  ลงตัวกับไฟท้าย LED แบบ Light Guides  ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง กับเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี Smart Hybrid จากซูซูกิ  ซึ่งเป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และเสริมประสิทธิภาพการออกตัวได้อย่างนุ่มนวลและรวดเร็วด้วยกำลังส่งจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า อีกทั้งยังบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซินสามารถใช้งานได้อย่างไร้กังวล ตอกย้ำความมั่นใจด้วยการรับประกันแบตเตอรี่นาน 5 ปีเต็ม ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 799,000 บาท

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินธุรกิจ จนเป็นที่ยอมรับในฐานะ Food Truck, Goods Truck และ Service Truck สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆ เสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ใช้ด้วยความจริงใจ ราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท  โดยในงานนี้ ซูซูกิร่วมมือกับร้าน Duca’tim (ดูคาติม) แฟรนไชส์ไอศกรีม Soft Serve ชื่อดังคุณภาพพรีเมียม เพื่อตอกย้ำแนวคิด ‘Carry Your Dream’ สานฝันให้ธุรกิจเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า นำรถ SUZUKI CARRY มาดัดแปลงเป็น ‘รถไอศกรีมเคลื่อนที่ Duca’tim’ ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวและครบวงจร รถคันนี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นสะดุดตา แต่ยังมาพร้อมพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน สำหรับอุปกรณ์จำหน่ายไอศกรีม ตลอดจนการจัดเก็บสินค้าได้อย่างลงตัว

การจับคู่ในครั้งนี้ถือเป็นการมอบทางเลือกที่น่าสนใจให้กับนักลงทุนที่สนใจแฟรนไชส์ เนื่องจาก SUZUKI CARRY มีจุดเด่นด้านความทนทาน, ประหยัดน้ำมัน, และค่าบำรุงรักษาต่ำ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว ผนวกกับชื่อเสียงของ Duca’tim ในด้านคุณภาพและรสชาติไอศกรีม ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคงและสามารถขยายฐานลูกค้าได้ในทุกพื้นที่

นอกจากนั้นในโซนการจัดแสดงรถตกแต่ง ยังนำรถทุกรุ่นมาตกแต่งเป็นในสไตล์ที่ไม่เหมือนใครเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และแนวทางให้กับลูกค้าของซูซูกิได้นำไปปรับเพื่อใช้ตกแต่งรถของตัวเองในแบบที่แตกต่างตามไลฟ์สไตล์ อาทิ ALL NEW SUZUKI FRONX SUZUKI JIMNY และ SUZUKI SWIFT

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 จัดขึ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ซูซูกิยังได้นำเสนอแคมเปญพิเศษให้ลูกค้าเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ผ่อนง่ายจ่ายสบายเริ่มต้น 2,999 บาท หรือผ่านนานสูงสุด 99 เดือน โดยขอเชิญชวนลูกค้าติดต่อสอบถามรายละเอียดแคมเปญพิเศษของรถแต่ละรุ่นได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ หรือที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

โปรโมชันงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42

สำหรับลูกค้าที่จองภายในงานหรือโชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ และรับมอบรถยนต์ซูซูกิ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568

ALL NEW SUZUKI FRONX

• ราคาพิเศษเริ่มต้น 689,000 บาท

• ฟรี! บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 3,000 บาท

• รับสิทธิ์ซื้อโปรแกรมบำรุงรักษารถ SUZUKI FRONX MAINTENANCE PACKAGE แพ็กเกจพิเศษสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 2,990 บาท

• พร้อม ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99%

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI SWIFT

• ราคาพิเศษ เริ่มต้น 567,000 บาท

• เลือกรับสิทธิพิเศษฟรี SUZUKI WORRY FREE PROGRAM

-ฟรี Exclusive Maintenance Service 7 ปี

-ฟรี Suzuki Warranty 7 ปี

-ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 ปี

    พร้อม ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนๆ ละ 5,462 บาท

    หรือ  เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 0%

• พิเศษเฉพาะรุ่น SWIFT GLX ฟรี กล้องบันทึกภาพหน้ารถมูลค่า 5,885 บาท

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

SUZUKI XL7 HYBRID

• ราคาพิเศษ เริ่มต้น 799,000 บาท

• ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 7,888 บาท

• หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน ๆ ละ 8,146 บาท                 

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

• ราคาพิเศษ เริ่มต้น 319,900 บาท

• พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 2,999 บาท

• หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 3,302 บาท

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

• ราคา 395,000 บาท

• รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

• หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน 

• หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

SUZUKI JIMNY

• ราคาพิเศษเริ่มต้น 1,450,000 บาท (จำนวนจำกัดเพียง 50 คัน)

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 ปี

หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ไทยฮอนด้ายกทัพส่งท้ายปี เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ ในงาน Motor Expo 2025

ไทยฮอนด้ายกทัพส่งท้ายปี เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ ครบทุกสไตล์การขับขี่ ในงาน Motor Expo 2025 นำโดย New Honda Goldwing 50th Anniversary Edition สะท้อนเรื่องราวระดับตำนาน

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทย ขนทัพโมเดลใหม่ล่าสุดร่วมเปิดตัวในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” Thailand International Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ภายในงาน ไทยฮอนด้า นำเสนอรถจักรยานยนต์ครบไลน์ ทั้ง Honda BigBike และ CUB House ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสรถคันจริงอย่างใกล้ชิด พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ทั้งหมด 4 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่บิ๊กไบค์ระดับตำนาน ทัวร์ริ่งคลาสพรีเมียม ไปจนถึงสายแอดเวนเจอร์ตัวจริง นำทัพโดย ‘New Honda GOLDWING 50th Anniversary Edition’ ทัวร์ริ่งไบค์ระดับโลกฉลองครบรอบ 50 ปี ที่โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์สีทอง 50th Anniversary และสีพิเศษที่สะท้อนประวัติศาสตร์ครึ่งศตวรรษของ Goldwing ตามด้วยรถจักรยานยนต์สายลุย นำโดย ‘New Honda CRF1100L Africa Twin’ และ ‘New Honda XL750 TRANSALP’ ที่ได้รับการอัปเกรดสมรรถนะและเทคโนโลยีใหม่เพื่อพร้อมลุยในทุกสภาพเส้นทาง ปิดท้ายด้วย ‘New Honda CB1300 Final Edition’ โฉมสุดท้ายที่เป็นตำนาน จิตวิญญาณแห่งยุค 90 จาก PROJECT BIG-1 โดยกลับมาพร้อมสีพิเศษ Graphite Black ถ่ายทอดเสน่ห์ความสปอร์ตคลาสสิก ซึ่งทั้งหมดเปิดตัวให้ผู้รักการขับขี่ได้สัมผัสใกล้ชิดภายในงาน Motor Expo 2025 พร้อมข้อเสนอพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น

เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ จึงได้นำเสนอรถจักรยานยนต์สายทัวร์ริ่งระดับท็อปคลาส New Honda GOLDWING 50th Anniversary Edition รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปีที่สะท้อนตำนานความหรูหราและความสะดวกสบายในแบบทัวร์ริ่งไบค์ชั้นนำของโลก ภายใต้คอนเซปต์ ‘GO FLY ให้ทุกตำนานทะยานออกไป’ โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ 50th Anniversary สีทองบริเวณคอนโซลหน้าและกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมสองสีพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น GL1000 ในตำนาน ได้แก่ Bordeaux Red Metallic และ Glamis Gold Metallic มาพร้อมระบบเกียร์ Dual Clutch Transmission (DCT) 7 สปีด และรองรับโหมด Walking และ Reverse เพื่อความสะดวกในการขยับรถ ยกระดับมาตรฐานทัวร์ริ่งไบค์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาพร้อม Special Set Anniversary Book, Table Top Model และ Commemorative Box โดยวางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 1,395,000 บาท

ตามมาด้วยไลน์อัปรถจักรยานยนต์สายแอดเวนเจอร์ นำโดย New Honda CRF1100L Africa Twin ภายใต้คอนเซปต์ ‘True Adventure Never End การผจญภัยที่แท้จริง ลุยได้ไม่มีวันจบ’ และ New Honda XL750 TRANSALP ภายใต้คอนเซปต์ ‘Mountains Are Calling เมื่อจุดพีกเรียกหา…ได้เวลาสัญชาตญาณลุย’ สองโมเดลที่ผสานสมรรถนะและความคล่องตัวสำหรับผู้รักการผจญภัยอย่างแท้จริง โดย New Honda CRF1100L Africa Twin DCT โดดเด่นด้วยสีใหม่ PEARL GLARE WHITE ผสานลายกราฟิกไตรคัลเลอร์ใหม่ให้ความ Aggressive Rally มากขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ Parallel Twin พร้อมล้อหน้าใหม่ขนาด 19 นิ้ว และ New Honda CRF1100L Africa Twin MT สีใหม่ GRAND PRIX RED มาพร้อมยางแบบ Tubeless ใหม่ อวดความเป็นเอ็นดูโร่ตัวจริง ขณะที่ New Honda XL750 TRANSALP มาพร้อม New LED Headlight ดีไซน์ไฟหน้า LED ใหม่ที่รวมไฟสูงและไฟต่ำในชุดเดียว ช่วงล่างเซ็ตอัปใหม่ รับแรงกระแทกได้ดีขึ้น เครื่องยนต์ Parallel Twin 755 ซีซี 8 วาล์ว น้ำหนักรวมเพียง 210 กก. พร้อมล้อหน้า 21 นิ้ว ล้อหลัง 18 นิ้ว และระบบ ABS ที่เปิด–ปิดได้

•New Honda CRF1100L Africa Twin DCT และ MT วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 709,000 บาท และ 569,000 บาท

•New Honda XL750 TRANSALP สี Ross White และ Graphite Black วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 394,000 บาท

New Honda CB1300 Final Edition บิ๊กไบค์ 4 สูบเรียงระดับตำนานจาก PROJECT BIG-1 ที่กลับมาพร้อมรูปลักษณ์สปอร์ตคลาสสิกเหนือกาลเวลา โดยเป็นรุ่นสุดท้ายที่จะผลิต ภายใต้คอนเซปต์ The Final Legacy ตำนานเหนือกาลเวลาทุกเส้นทาง มาพร้อมสีพิเศษ Graphite Black แรงบันดาลใจจาก CB รุ่นแรกในปี ค.ศ.1992 รวมถึงหน้าปัดเรือนไมล์เข็มคู่ดีไซน์ทรงกลมสะท้อนความคลาสสิก ผสานจอดิจิทัลตรงกลางที่ใช้งานง่าย และระบบ Cruise Control และระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Cornering ABS และ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดและการยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจ New Honda CB1300 SUPER FOUR วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 575,000 บาท และ New Honda CB1300 SUPER BOL D’OR วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 600,000 บาท

นอกจากนี้ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ยังเผยโฉมไลน์อัป CBR Series นำโดย New Honda CB650R E-Clutch เน็กเก็ตไบค์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Honda E-Clutch มิติใหม่แห่งความเร้าใจ ถ่ายทอดอารมณ์จากสนามแข่งสู่การขับขี่บนท้องถนนได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเรโทรและตัวถังสีใหม่ Grand Prix Red สีแดงสดสะดุดตา วางจำหน่ายในราคาแนะนำ 332,100 บาท ต่อด้วย New Honda CBR650R สปอร์ตไบค์สายพันธุ์นักแข่ง ที่ติดตั้ง Honda E-Clutch เทคโนโลยีคลัตช์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ช่วยให้บิดมันส์ได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์ พร้อมโหมดเปิด–ปิดการทำงานตามสไตล์ผู้ขับขี่ ดีไซน์ภายนอกได้รับการรีเฟรชให้ดุดันยิ่งขึ้น มาพร้อมสีใหม่ Mat Gunpowder Black Metallic ถอดแบบดีเอ็นเอความเป็นสปอร์ตตัวจริง วางจำหน่ายในราคาแนะนำ 347,300 บาท

ปิดท้ายด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเอาใจชาว CUB House ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสรถคันจริง พร้อมข้อเสนอเร้าใจ โดยมีไฮไลต์คือชุดแต่งจาก Kitaco Set ในราคาพิเศษ รวมถึงดอกเบี้ยพิเศษ 0.69% ผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,800 บาทต่อเดือน และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมทั้งหมวกกันน็อก ทะเบียน และ พ.ร.บ. ที่มอบให้แบบครบชุด โดยทั้งหมดนี้เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะช่วงงาน Motor Expo 2025 เท่านั้น

ผู้สนใจสามารถพบกับรถจักรยานยนต์ใหม่ล่าสุดและรุ่นอื่นๆ ของไทยฮอนด้า พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปรับแต่งรถ และโปรโมชันสุดพิเศษ ได้ที่บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า G01 ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” Thailand International Motor Expo 2025 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

ยามาฮ่า ส่งบิ๊กไบค์ 3 รุ่นใหม่ อวดโฉมในงาน MOTOR EXPO 2025

ยามาฮ่า เปิดบูธ “YAMAHA FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE” ส่งบิ๊กไบค์ 3 รุ่นใหม่ พร้อมจัดเต็มโปรโมชันแรงส่งท้ายปี ในงาน MOTOR EXPO 2025 การออกแบบบูธในปีนี้เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ที่มุ่งสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สะท้อนตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายสปอร์ต สายท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์ หรือสายเนคเกดสตรีท

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ยกทัพรถจักรยานยนต์ครบไลน์อัพทั้งสแตนดาร์ดไบค์และบิ๊กไบค์ร่วมงาน “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42” (THE 42ND THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2025) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “YAMAHA FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE – สุดทุกทาง ต่างทุกฟีล ในทุกเส้นทางที่เป็นตัวคุณ” พร้อมเผยโฉม และเปิดราคาบิ๊กไบค์ใหม่ 3 รุ่น 3 สไตล์ และ NEW YAMAHA NMAX TECH MAX สีใหม่ พร้อมจัดเต็มโปรโมชันส่งท้ายปีภายในงาน

สำหรับบูธยามาฮ่าในปีนี้ออกแบบภายใต้แนวความคิด “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE – สุดทุกทางต่างทุกฟีลในทุกเส้นทางที่เป็นตัวคุณ” เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ที่มุ่งสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สะท้อนตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายสปอร์ต สายท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์ หรือสายเนคเกดสตรีท ยามาฮ่าพร้อมตอบโจทย์ทุกสไตล์ด้วยเทคโนโลยีและดีไซน์ที่โดดเด่นในแบบเฉพาะของยามาฮ่า

โดยในปีนี้มีไฮไลท์อยู่ที่การเปิดตัวรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ด้วยกันถึง 3 รุ่น 3 สไตล์ ได้แก่ YAMAHA YZF-R9 สายพันธุ์ R-SERIES เจ้าแห่ง SUPERSPORT  รุ่นใหม่ล่าสุด, YAMAHA TENERE 700 – CHASE THE NEXT HORIZON รถแอดเวนเจอร์ตัวจริ และ MT-07 & MT-07 Y-AMT – DAWN OF A NEW DARKNESS ไฮเปอร์เนคเกค พร้อมการเปิดราคาสุดเร้าใจ

YAMAHA YZF-R9….SUPERSPORT R-WORLD รถซูเปอร์สปอร์ตดีกรีแชมป์โลก WSSP ล่าสุด ที่จะมาปฏิวัติวงการรถสปอร์ตมิเดิลคลาส ด้วยสมรรถนะสูงสุดเพื่อคนที่หลงใหลในโลกของ SUPERSPORT อย่างแท้จริง ที่พร้อมเปิดราคาที่ 495,000 บาท พร้อมโปรโมชัน ฟรี! ประกันภัยชั้น 1

YAMAHA TENERE 700…CHASE THE NEXT HORIZON ที่สุดสไตล์แอดเวนเจอร์ รถอเนกประสงค์ตอบโจทย์สายลุยตัวจริง แรงบันดาลใจจากรถแข่งแรลลี่ มาพร้อมกับราคาเปิดตัวสุดพิเศษที่ 459,000 บาท พร้อมโปรโมชัน ฟรี! ประกันภัยชั้น 1

NEW YAMAHA MT-07 และ NEW YAMAHA MT-07 Y-AMT…. DAWN OF A NEW DARKNESS ที่สุดกับ HYPER NAKED ตัวจริง โดย NEW YAMAHA MT-07 พร้อมจำหน่ายในราคา 299,000 บาท ส่วน NEW MT-07 Y-AMT จำหน่ายในราคา 305,000 บาท พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1

นอกจากนี้ ยามาฮ่าได้ยกทัพรถจักรยานยนต์ทั้งสแตนดาร์ดไบค์นำโดย NEW YAMAHA NMAX TECH MAX “THE MAX PRIDE BOOSTER” บูสต์ความเร้าใจให้เป็นหนึ่ง สีใหม่ PRESTIGE GRAY ที่เพิ่งได้รับรางวัล THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2025 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย สำหรับรถจักรยานยนต์ทั้งสแตนดาร์ดไบค์รับโปรโมชันสุดพิเศษ รับฟรี! GIFT VOUCHER มูลค่าตั้งแต่ 2,000 –76,000 บาท ภายในงาน MOTOR EXPO 2025 เท่านั้น

สำหรับโปรโมชันสุดพิเศษจากบูธ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE” ภายในงาน MOTOR EXPO 2025 (เฉพาะลูกค้าที่จองในงาน MOTOR EXPO 2025 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 – วันที่ 10 ธันวาคม 2568) ซื้อรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 400 ซีซี รับ VOUCHER ส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท พร้อมของแถม และดอกเบี้ยราคาพิเศษเฉพาะในงานนี้ ซื้อรถยามาฮ่าบิ๊กไบค์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมรับ VOUCHER ส่วนลด 10,000 – 76,000 บาท  พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ สำหรับเครืองแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ YAMALUBE เครื่องแต่งกายลิขสิทธิ์แท้จากยามาฮ่า ลดสูงสุดถึง 68% อุปกรณ์ตกแต่ง และหมวกกันน็อก ลิขสิทธิ์แท้ยามาฮ่า ลดสูงสุด 20% ผลิตภัณฑ์ น้ำมันเครื่องแท้ YAMALUBE ลดสูงสุด 10%

นอกจากนั้นยังล้ำไปอีกขั้นด้วยการเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และผลิตภัณฑ์คุณภาพจากยามาฮ่า ผ่าน “ช้อปออนไลน์กับยามาฮ่าได้แล้ววันนี้” ที่ YAMAHA ONLINE SHOP สะดวก รวดเร็ว มั่นใจ ของแท้แน่นอน อยู่บ้านก็ช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับลูกค้ายามาฮ่าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสุดล้ำ YAMAHA SMART REWARD เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน พิเศษ! สมาชิกปัจจุบันสามารถใช้ 100 คะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลด 200 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่บูธ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE สุดทุกทางต่างทุกฟีลในทุกเส้นทางที่เป็นตัวคุณ” พร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ YAMAHA CALL CENTER โทร. 02- 263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่

WEBSITE: WWW.YAMAHA-MOTOR.CO.TH

FACEBOOK: YAMAHA SOCIETY THAILAND

INSTAGRAM: @YAMAHA SOCIETY THAILAND

YOUTUBE: YAMAHA SOCIETY THAILAND

LINE OA: @YAMAHASOCIETY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save