- Advertisement -
32.4 C
Bangkok
Home Blog Page 2

SAIC MOTOR ยกทัพแบรนด์ในเครือ โชว์เทคโนโลยีในงาน Auto Shanghai 2025

SAIC MOTOR CORPORATION ผนึกกำลังแบรนด์ในเครือภายใต้แนวคิด “ONE SAIC” ร่วมโชว์เทคโนโลยีและวิสัยทัศน์ระดับโลก ในงาน Auto Shanghai 2025

เซี่ยงไฮ้, สาธารณรัฐประชาชนจีน – 25 เมษายน 2568 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของบริษัทแม่อย่าง SAIC MOTOR CORPORATION ผ่านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลกในงาน Auto Shanghai 2025 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งชาติ โดยในปีนี้มาพร้อมแนวคิด “ONE SAIC” ซึ่งเป็นการรวมพลังของแบรนด์ในเครือกว่า 10 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก นำเสนอเทคโนโลยีแห่งอนาคตสะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ “More than Auto – เหนือกว่าการเข้าใจรถ คือการเข้าใจผู้ใช้รถ” ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รถในทั่วโลกมีโอกาสเข้าถึงโดยเท่าเทียมกัน และสร้างระบบนิเวศอัจฉริยะร่วมกัน

SAIC MOTOR CORPORATION เดินหน้าพัฒนายนตรกรรมให้ตอบโจทย์กับเทรนด์ตลาดโลกภายใต้ยุทธศาสตร์ “Globalization to Localization” (GLOCAL 3.0) มุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีในกลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ เช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระบบไฮบริด HEV เจเนอเรชันใหม่ และแบตเตอรี่โซลิดสเตต ฯลฯ

ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศที่ผสานวิสัยทัศน์ระดับโลกกับการดำเนินงานเฉพาะพื้นที่ ขณะเดียวกันมีการวางกลยุทธ์แบรนด์ และผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมในแต่ละภูมิภาค พร้อมคำนึงถึงบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ในงาน Shanghai Auto Show 2025 ปีนี้ จึงนำเสนอยนตรกรรมที่แสดงถึงศักยภาพของ SAIC MOTOR CORPORATION ผ่าน 3 แกนหลัก ดังนี้

1. นวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ที่ก้าวล้ำ และการยกระดับระบบนิเวศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

SAIC MOTOR CORPORATION สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยเป็นเจ้าแรกที่นำเสนอ “ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ 3.0 แบบเชิงปกป้อง และป้องกัน” ทั้งโครงสร้างตัวถัง ระบบช่วงล่าง และการควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ จากความร่วมมือกับพันธมิตรด้าน AI ระดับแนวหน้าของจีนอย่าง Horizon Robotics, ZHUOYU, Harmony Intelligent Mobility Alliance และ Momenta เพื่อสร้างยนตรกรรมที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร อาทิ เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ห้องโดยสารอัจฉริยะ ระบบช่วงล่างขั้นสูง อีกทั้งยังร่วมมือกับ Huawei พัฒนาแบรนด์และยานยนต์อัจฉริยะพลังงานใหม่ระดับไอคอนิค ในขณะเดียวกันได้ยกระดับประสิทธิภาพของระบบเชื่อมต่อโดยร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง OPPO และ Volcano Engine เพื่อมอบประสบการณ์ดิจิทัลในรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบ และยกระดับความมั่นใจกับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่จาก เอ็มจี ด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน

2. เขย่าอุตสาหกรรมด้วยยนตรกรรมใหม่ สู่ความเป็น “ONE SAIC”

ปีที่ผ่านมา SAIC MOTOR CORPORATION กวาดยอดขายส่งสะสมรวม 4.013 ล้านคัน และมียอดส่งมอบสู่มือลูกค้าแล้ว 4.639 ล้านคัน โดยมียอดขายจากแบรนด์ในเครือสูงถึง 2.408 ล้านคัน หรือคิดเป็น 60% ของยอดรวมทั้งหมด โดยรถยนต์พลังงานใหม่ทำสถิติยอดขายกว่า 1.234 ล้านคัน เติบโตขึ้น 9.9% พร้อมความภาคภูมิใจในการขยายโอกาสธุรกิจสู่ตลาดระดับโลก ด้วยยอดส่งออก 1.082 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.6% แม้ต้องเผชิญแรงกดดันด้านนโยบายจากสหภาพยุโรป โดย ณ ปัจจุบัน SAIC MOTOR CORPORATION สามารถเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยยอดสะสมกว่า 5.5 ล้านคันถึงสิ้นปี ค.ศ. 2024 และยังคงเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์พลังงานใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยโกลบอลโมเดลที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง NEW MG S5 EV และ NEW MG4 ELECTRIC รวมถึงรถยนต์ไฮบริด เจเนอเรชันล่าสุดอย่าง ALL NEW MG3 HYBRID ทั้งยังสร้างความมั่นใจด้วยฐานการผลิตชิ้นส่วนในต่างประเทศกว่า 100 แห่ง ศูนย์บริการ และตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 3,000 ราย มีศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ (R&D Center) ในลอนดอน สหราชอาณาจักร ซิลิคอนแวลลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รวมถึงการสร้างฐานการผลิตในประเทศไทย อินโดนีเซีย อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่นท่ามกลางกระแสตลาดที่ท้าทาย

ในปีนี้ SAIC MOTOR CORPORATION วางกลยุทธ์การตลาดสู่ความเป็นหนึ่งภายใต้แนวคิด “ONE SAIC” ที่นำเสนอสุดยอดยนตรกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ล้ำหน้าเหนือจินตนาการ เริ่มต้นจาก

•แบรนด์ MG กับ “NEW MG CYBER X” ยนตรกรรมดีไซน์ทรงกล่อง (Boxy SUV) มาพร้อมนวัตกรรมและการออกแบบสุดล้ำสมัย สะท้อนปรัชญา “เทคโนโลยีเพื่อทุกคน” ผ่านรูปลักษณ์เน้นความเป็นเหลี่ยมสันจากทุกมุมและสมรรถนะที่ตอบโจทย์อนาคต รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ อย่าง NEW MG CYBERSTER สีใหม่ และ รุ่น Black Edition ฉลองครบรอบ 101 ปี และ โกลบอลโมเดลรุ่นอื่นๆ อย่าง NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG S5 EV

•แบรนด์ Roewe กับรถ SUV และซีดานหรูระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “PEARL OF CHINA” นำเสนอผลงานการออกแบบโดย Mr. Jozef Kabaň – Vice President of SAIC DESIGN ผู้สร้างสรรค์ความหรูหราในแบบร่วมสมัย

•อีกครั้งกับการปฏิวัติวงการรถยนต์อัจฉริยะของแบรนด์ IM ด้วย “IM L6 หรือ IM5” ความสำเร็จของรถยนต์ที่สร้างปฏิสัมพันธ์ในการขับเคลื่อนร่วมกับ AI ส่งมอบนวัตกรรมให้กับผู้ใช้ทุกกลุ่มในราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงการเปิดตัวรถ Premium Intelligent e-SUV อย่าง IM6 เข้าสู่ตลาดโลก

•แบรนด์ MAXUS เน้นยนตรกรรมเพื่อการพาณิชย์ที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร ด้วยการจัดแสดง Concept Car ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ออฟโรดภายในเมือง ซึ่งหลอมรวมดีไซน์พรีเมียมและจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยได้อย่างกลมกลืน

•และแบรนด์อื่นๆ ในเครือ อาทิ SAIC GM Wuling, SAIC Volkswagen, SAIC General Motorsที่นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

3. นวัตกรรมการโต้ตอบและปฏิสัมพันธ์ที่เสมือนจริงด้วย Smart Travel Experience

SAIC MOTOR CORPORATION ได้จัดแสดงนวัตกรรมเพื่อมอบประสบการณ์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ โดยแปลงโฉมพื้นที่ให้เป็น “Smart Travel Experience Hall” นำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะผ่านหลากหลายโซนไฮไลท์ ได้แก่ โซนทดลองขับด้วยเทคโนโลยี VR จำลองสถานการณ์การขับขี่อัตโนมัติระดับ L4 โซนจัดแสดงการแยกชิ้นส่วนแบตเตอรี่โซลิดสเตต ตลอดจนโซนอุปกรณ์ปฏิสัมพันธ์ภายในห้องโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งภายในพื้นที่ได้รับการตกแต่งให้เป็น “เสมือนอยู่บ้าน” ที่ส่งผลต่อประสาทสัมผัสทั้งภาพ เสียง และกลิ่น เข้ากับบริการและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของบริษัทแม่อย่าง SAIC MOTOR CORPORATION ได้อย่างชัดเจน

สำหรับการนำเสนอยนตรกรรมและนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ของ SAIC MOTOR CORPORATION ในงาน Shanghai Auto Show 2025 แสดงถึงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนระบบนิเวศในทั่วโลกอย่างเป็นรูปธรรมและตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำที่พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

เอ็มจี เปิดตัว MG Cyber 3 รุ่น และ Smart Cabin ที่งาน Auto Shanghai 2025

เอ็มจี สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เปิดตัว MG Cyber Family 3 รุ่นเด่น พร้อมเผยโฉม Smart Cabin ร่วมกับ OPPO ที่งาน Auto Shanghai 2025

เซี่ยงไฮ้, สาธารณรัฐประชาชนจีน – 23 เมษายน 2568 – SAIC MOTOR CORPORATION หนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน และบริษัทแม่ของแบรนด์ เอ็มจี เปิดตัว “MG Cyber Family” อย่างเป็นทางการครั้งแรกสู่สายตาชาวโลกในงาน Auto Shanghai 2025 นำทัพโดยรถต้นแบบสุดล้ำ NEW MG Cyber X สไตล์ Boxy SUV สะท้อนแนวคิดยานยนต์แห่งอนาคตที่ทรงพลัง และต่อด้วยการเผยโฉม NEW MG CYBERSTER MY2026 ที่มาพร้อม 2 สีใหม่ และ NEW MG CYBERSTER Black Edition ฉลองครบรอบ 101 ปีของแบรนด์ เอ็มจี ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราเหนือระดับ การเปิดตัวในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญของเอ็มจีในการนำเสนอยนตรกรรมยุคใหม่ แต่ยังแสดงถึงจุดยืนการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก หลังประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง SAIC MOTOR CORPORATION บริษัทแม่ของ เอ็มจี และ OPPO บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันพัฒนา “Smart Cabin” หรือห้องโดยสารอัจฉริยะที่หลอมรวมการขับขี่และการเชื่อมต่อเข้าไว้ในหนึ่งเดียว ที่พร้อมถ่ายทอดนิยามแห่งการเป็น “Third Space” ที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานภายในห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยี AI รวมถึงการบริการอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้งานเชิงลึก ยกระดับยานยนต์สู่พื้นที่ดิจิทัลเคลื่อนที่ โดยจะถูกนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ของ เอ็มจี เป็นรุ่นแรก

NEW MG Cyber X โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ “การผสานมรดกนวัตกรรมยานยนต์ล้ำค่าสู่มิติใหม่แห่งอนาคต”

NEW MG Cyber X เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Global Urban Adventure Toy” ด้วยการออกแบบเชิงสัญลักษณ์ ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์การผจญภัยของคนรุ่นใหม่ ซึ่งพัฒนาและออกแบบโดย Mr. Jozef Kabaň – Vice President of SAIC DESIGN ด้วยโครงสร้างสูงสง่า เส้นสายด้านหน้าและด้านท้ายสั้น สื่อถึงความมั่นใจ ตัวถังเคลือบด้วยสี “Stardust Gray” ที่เมื่อจอดนิ่งจะเป็นสีด้าน และเงาวาวเมื่อเคลื่อนไหว ไฟหน้าแบบป๊อปอัพสุดคลาสสิก ผสมผสานกับหลักอากาศพลศาสตร์ยุคใหม่เกิดเป็นความสง่างามที่ล้ำสมัย

NEW MG Cyber X สะท้อนการพลิกบทบาทเชิงกลยุทธ์ของ เอ็มจี จากแบรนด์ผู้ที่สร้างตำนานในสนามแข่งรถสู่การเป็นผู้นำด้านการเดินทางหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็น การลุยเส้นทางออฟโรด การขับขี่ในเมืองใหญ่ หรือการใช้ชีวิตกลางแจ้งอย่างมีสไตล์ พร้อมขยายตัวตนจากความสปอร์ตคลาสสิก สู่วิถีชีวิตที่เน้นความเฉพาะตัวและความอิสระ ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่แสวงหาประสบการณ์เหนือความคาดหมาย

NEW MG CYBERSTER MY2026 อัปเกรดเต็มรูปแบบ เติมความเร้าใจแห่งการขับขี่

NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดเตอร์ระดับไอคอนิก ยนตรกรรมที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณจากรถสปอร์ตในตำนานอย่าง MGB Roadster ไว้อย่างเต็มขั้น กลับมาอีกครั้งในโฉมใหม่กับ NEW MG CYBERSTER MY2026 พร้อมการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ และสีภายนอกใหม่ 2 เฉด ได้แก่ สีฟ้า Iris Blue และ สีเทา Andes Gray ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบทูโทนที่มีให้เลือกทั้ง แดง/ดำ และ เทา/ขาว เพิ่มมิติความหรูหราและสปอร์ตในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีการปรับแต่งแผงตกแต่งให้เข้าชุดกับสีตัวถัง สร้างความกลมกลืนในอีกระดับ และแผงกันลมดีไซน์พิเศษ ที่ช่วยลดแรงลมในห้องโดยสารได้ถึง 90% ผสานความสง่างามกับความเร้าใจได้อย่างลงตัว

นับตั้งแต่เปิดตัว NEW MG CYBERSTER ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดรถสปอร์ตไฟฟ้าในจีนจาก 0% เป็น 10% ภายในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมยอดส่งมอบกว่า 3,000 คันทั่วโลกภายใน 6 เดือน ส่งผลให้ NEW MG CYBERSTER ผงาดขึ้นเป็น โรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดของโลก และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NEW MG CYBERSTER  เอ็มจี จึงเตรียมเปิดตัวรุ่นพิเศษ NEW MG CYBERSTER Black Edition ที่สะกดทุกสายตาด้วยสีดำเงาสุดหรู ตัดด้วยรายละเอียดโครเมียมที่เปล่งประกายอย่างมีชั้นเชิง นอกจากนี้ เอ็มจี ยังเตรียมเผยโฉม MG Cyber GTS หลังคาแข็ง สู่ตลาดในเร็วๆ นี้ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ของ เอ็มจี ในการนำเสนอความหลากหลายให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

MG × OPPO ผนึกกำลังเปิดตัว Smart Cabin ยกระดับห้องโดยสารสู่ “Third Space” แห่งอนาคต

ภายในงาน Shanghai Auto Show 2025 นอกจากการเผยโฉมยนตรกรรมรุ่นใหม่ที่สะกดทุกสายตาแล้ว บริษัทแม่ของ เอ็มจี อย่าง SAIC MOTOR CORPORATION ยังสร้างอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ผ่านการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง OPPO ภายใต้แนวคิด “Ecosystem Without Borders” หรือ ระบบนิเวศแบบไร้พรมแดน ที่มุ่งหลอมรวมโลกของการขับเคลื่อนเข้ากับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะอย่างไร้รอยต่อ ภายใต้ความร่วมมือนี้ ได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีห้องโดยสารอัจฉริยะ (Smart Cabin) ที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์ เอ็มจี รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ โดยมอบประสบการณ์เหนือระดับด้วยการผสานสมาร์ทโฟนและรถยนต์ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมข้ามอุปกรณ์ (Cross-device Control) การให้บริการที่ตอบสนองแบบเรียลไทม์ ไปจนถึง AI อัจฉริยะที่เรียนรู้และปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ

ห้องโดยสารในคอนเซ็ปต์ “Smart Cabin” จึงเปรียบได้กับ “Cockpit in your pocket” ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่ในการเดินทาง แต่เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง พลิกโฉมรถยนต์ให้กลายเป็น “พื้นที่ที่สาม” หรือ “Third Space” ที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านและที่ทำงานได้อย่างลงตัว พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในทุกมิติ

มาสด้า ยกระดับการบริการหลังการขายปรับค่าแรงและขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่เพิ่มเป็น 5 ปี

มาสด้า ยกระดับการบริการหลังการขายปรับค่าแรงมาตรฐานใหม่ พร้อมเปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่เพิ่มเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

มาสด้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้านบริการหลังการขาย ด้วยนโยบายการปรับค่าแรงมาตรฐานใหม่ทั่วประเทศ เป็น 600 บาท/ชม. สำหรับต่างจังหวัด และ 680 บาท/ชม. สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อมอบความสบายใจไร้กังวลให้กับลูกค้า Mazda Family เมื่อนำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ต่อความคุ้มครอง เพื่อคนแคร์รถ ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์จาก 3 ปี เป็น 5 ปี* อันเป็นสิทธิพิเศษที่จัดขึ้นภายใต้โปรแกรม Mazda Family และตอกย้ำถึงการนำปรัชญาใหม่ Joy Drives Lives เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงแผนการดำเนินธุรกิจมาสด้าตามแนวทาง Customer-Centric โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้าในทุก ๆ ประสบการณ์ เพื่อเป็นการคุ้มครองดูแลรถยนต์มาสด้าคันโปรดของลูกค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดอายุการใช้งาน

นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ามีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นและเป็นไปอย่างครบวงจรให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention ตามความมุ่งมั่นของเรา โดยในปีงบประมาณ 2568 นี้ มาสด้าจะขับเคลื่อนงานบริการหลังการขายด้วยกลยุทธ์หลัก 4C ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการคำนึงถึงสิทธิประโยชน์สูงสุดของลูกค้าที่จะได้รับ อันประกอบด้วย

-Credibility ความน่าเชื่อถือ เพื่อลดความกังวลใจให้กับลูกค้าในการครอบครองรถยนต์มาสด้า ด้วยการยกระดับความสามารถด้านการจ่ายอะไหล่ การซ่อมบำรุง และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์

-Convenience ความสะดวกสบาย เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเข้ารับบริการที่โชว์รูม

-Customer Care การดูแลเอาใจใส่ เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า

-Cost of Ownership ลดภาระค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถยนต์มาสด้าที่สมเหตุสมผล เพื่อช่วยลดความกังวลใจในเรื่องค่าใช้จ่ายของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า

เพื่อผลักดันนโยบายเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นและเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า มาสด้าจึงได้นำเอาข้อเสนอแนะของลูกค้ามาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ และได้ออกแบบนโยบายหลังการขายใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด สำหรับลูกค้า Mazda Family เมื่อนำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ลูกค้าจะได้รับความสบายใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบำรุงรักษา ด้วยสิทธิพิเศษเหล่านี้

-นโยบายการปรับค่าแรงใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ค่าแรง 600 บาท/ชม. สำหรับโชว์รูมต่างจังหวัด* และค่าแรง 680 บาท/ชม. สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล* โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถตามระยะ และเช็กพื้นที่ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้า และอัตราค่าแรงมาตรฐานใหม่ได้ที่เว็บไซต์มาสด้า https://www.mazda.co.th/th/maintenance

-มอบความมั่นใจในทุกการดูแล โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอะไหล่แท้คุณภาพจากมาสด้า

-เปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ต่อความคุ้มครอง เพื่อคนแคร์รถ เมื่อนำรถเข้าเช็กระยะต่อเนื่องตามกำหนด*

“สำหรับโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus เป็นโปรแกรมที่มาสด้าริเริ่มขึ้นใหม่ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า Mazda Family ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์จาก 3 ปี เป็น 5 ปี* สำหรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ท่อนตรง เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา เทอร์โบชาร์จเจอร์ และคาปาซิเตอร์ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมเล็กน้อยคือเป็นรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือไม่เกิน 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และมีประวัติการเข้าเช็กตามระยะครบตามกำหนดทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ครบทุกระยะ ซึ่งลูกค้าสามารถลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่ https://m.mazda.co.th/WarrantyPlusRegistration” นายศราวุฒิ กล่าว

มาสด้ายังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนงานในการนำเสนอโปรแกรมเพื่อมอบสิทธิพิเศษดีๆ เช่นนี้ให้กับลูกค้าต่อไป สำหรับลูกค้า Mazda Family ที่ต้องการรับข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อลูกค้าก่อนใคร สามารถเพิ่มเพื่อนผ่านแพลตฟอร์มไลน์ Mazda Sky Journey (Line Official Account: @skyjourney) นอกจากจะสามารถเช็กสิทธิพิเศษนี้ได้ก่อนใครแล้ว ลูกค้ายังสามารถทำการจองนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำรถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นกัน

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th

อีซูซุ จัดเต็มกับโปรโมชันสุดคุ้“ยิ่งใช้นานยิ่งเฮ อีซูซุเปย์ 4 ต่อ

อีซูซุ จัดเต็มกับโปรโมชันสุดคุ้มในแคมเปญ “ยิ่งใช้นานยิ่งเฮ! อีซูซุเปย์ 4 ต่อ!” ทั้งประหยัด ทั้งมั่นใจทุกการเดินทาง

กลุ่มตรีเพชรโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เชิญชวนเจ้าของรถอีซูซุใช้บริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุกับโปรโมชันสุดคุ้มเพื่อลูกค้าคนสำคัญในแคมเปญ “ยิ่งใช้นานยิ่งเฮ! อีซูซุเปย์ 4 ต่อ!” พร้อมรับสิทธิพิเศษความคุ้ม 4 ต่อ ที่คุณไม่ควรพลาด ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568

รถปิกอัพอีซูซุทุกรุ่น และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่น

•ต่อที่ 1 เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 7 ลิตร เกรดมาตรฐาน ในราคาเพียง 1,199 บาท (รวมค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่ม)

•ต่อที่ 2 แพ็กเกจคืนความฟิต จะรถปีไหนก็ฟิตเหมือนใหม่ได้ คืนความมั่นใจให้รถคุณ

oแพ็กเกจเปลี่ยนแผ่นกันความร้อนฝากระโปรง เริ่มต้น 1,199 บาท

oแพ็กเกจเปลี่ยนยางแท่นเครื่องและแท่นเกียร์ เริ่มต้น 5,699 บาท

oแพ็กเกจเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ พร้อมไส้กรองเกียร์และท่อยางน้ำมันเกียร์ออโต้ เริ่มต้น 5,999 บาท (รวมค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่ม)

•ต่อที่ 3 ยิ่งใช้นาน ยิ่งลดเยอะ!

oรถอายุ 7 ปีขึ้นไป รับส่วนลดอะไหล่สูงสุดถึง 20%

oรถอายุน้อยกว่า 7 ปี รับส่วนลด 5%

•ต่อที่ 4 ยิ่งซ่อม ยิ่งคุ้ม!

oคูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาท สำหรับใช้ในครั้งถัดไป (เฉพาะลูกค้ารถอายุ 7 ปีขึ้นไป ที่มีค่าใช้จ่ายหลังหักส่วนลดและรวมภาษี 5,000 บาทขึ้นไป)

สิทธิพิเศษเพิ่มเติม ฟรี! ตรวจเช็กสภาพรถ ผ่อน 0% นาน 9 เดือน รับประกันงานซ่อม 6 เดือน หรือ 10,000 กม. ส่วนลดยางยี่ห้อบริดจสโตน สูงสุด 2,000 บาท

รถบรรทุกอีซูซุขนาดใหญ่  (2 ตันขึ้นไปทุกรุ่น)

•ต่อที่ 1 แพ็กเกจเปลี่ยนจาระบีลูกปืนล้อ เริ่มต้นเพียง 3,500 (รวมจาระบี ซีลล้อ ค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่ม) เปลี่ยนจาระบีทันใจ ภายใน 4 ชั่วโมง

•ต่อที่ 2 ส่วนลดอะไหล่ สูงสุด 15% อาทิเช่น ช่วงล่าง เบรก คลัตช์ ซีลล้อ ลูกปืนล้อ อุปกรณ์ดักจับความชื้น อะไหล่บำรุงรักษาเชิงป้องกัน

•ต่อที่ 3 ส่วนลดยางบริดจสโตน สำหรับรถบรรทุก รุ่น NLR และ NLR Lite เมื่อเปลี่ยนครบ 4 เส้น

oส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท

oฟรี! ค่าแรง

•ต่อที่ 4 ฟรี! ตรวจเช็กสภาพรถ (ครอบคลุม 50 รายการ)

ผ่อน 0% นาน 9 เดือน รับประกันงานซ่อม 6 เดือน หรือ 10,000 กม.

กลับมาเติมความมั่นใจให้รถคู่ใจวันนี้ พร้อมรับความคุ้มที่มากกว่าเดิมจากอีซูซุ ให้รถของคุณได้รับการดูแลอย่างดีจากมืออาชีพที่คุณไว้ใจ ท่านสามารถรับสิทธิพิเศษทั้งหมดนี้ได้ที่แอพพลิเคชัน my-ISUZU (ดาวน์โหลดผ่าน Google play store และ App store)

เข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568 สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ หรือ สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2118-0777 และติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

มิตซูบิชิ ผสานพันธมิตร เปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มิตซูบิชิ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซูคำวาลุย ออโต้ ไทยแลนด์ จับมือ วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา (ช.พ.น.) เปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มิตซูบิชิ สนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11

บรรยายภาพ : นางสาวจิตโสมนัส ชัยวงษ์ (ที่ 6 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานอาชีวศึกษานครราชสีมา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มิตซูบิชิ พร้อมมอบเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังให้แก่วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา (ช.พ.น.) โดยมี นายตระการ แสนแก้ว (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา (ช.พ.น.) รับมอบจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 6 จากขวา) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายกุญญาวัตน์ รวยอารีย์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการศึกษาและฝึกอบรมและฝ่ายพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายจิระศักดิ์ พันธ์สายเชื้อ (ที่ 5 จากขวา) ประธานกรรมการ บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด และ นายเหว่ยชุน ลุย (ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล (ที่ 5 จากซ้าย) อธิการบดีมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ผู้จัดการ/ผู้ได้รับใบอนุญาต ช.พ.น. ร่วมเป็นสักขีพยาน

กรุงเทพฯ – 21 เมษายน 2568 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา (ช.พ.น.) จับมือเปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มิตซูบิชิ อย่างเป็นทางการพร้อมมอบเครื่องยนต์และชุดส่งกำลัง เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการฝึกอบรมด้านเทคนิค ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ อีกทั้ง การเสริมสร้างทักษะและเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสำหรับการทำงานจริงในอุตสาหกรรมยานยนต์

ในโอกาสที่มีการเปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มิตซูบิชิและการมอบเครื่องยนต์ ยังมีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และช่างเทคนิคจาก บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยการฝึกอบรมครั้งนี้ มอบประสบการณ์ทำงานจริงให้นักเรียนได้สัมผัสเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัย ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรหัส 4N16 รุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยซึ่งเป็นขุมพลังขับเคลื่อนในนิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เครื่องยนต์ 4N15 ชุดเกียร์ธรรมดา รุ่น R6M5A เฟืองท้าย และชุดแร็คพวงมาลัยเพาเวอร์

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ในสายงานยานยนต์ สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของเราในการมีส่วนร่วมส่งเสริมการศึกษาของไทยภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ โดยให้โอกาสนักเรียนเข้าถึงเทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัยและการเรียนรู้เชิงปฏิบัติงานจริง เป้าหมายของเราคือการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและสนับสนุนระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน”

ผศ.ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ผู้จัดการ/ผู้ได้รับใบอนุญาต ช.พ.น. กล่าวแสดงความขอบคุณว่า “ความร่วมมือระหว่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อนักเรียนของเรา ศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มิตซูบิชิ และเครื่องยนต์ที่เราได้รับมอบจะช่วยให้นักเรียนได้รับประสบการณ์จริง และทักษะทางเทคนิคที่จำเป็น เพื่อความสำเร็จในการประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยสร้างความพร้อมให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพิ่มโอกาสและเส้นทางอาชีพของพวกเขา”

นายจิระศักดิ์ พันธ์สายเชื้อ ประธานกรรมการ บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะศูนย์บริการที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง การแข่งขันประเภทช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหา จากการแข่งขันทักษะการบริการระดับโลกประจำปี 2024 ที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ให้ความสำคัญกับการเพิ่มทักษะทั้งของช่างเทคนิคของเราและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนโครงการนี้ด้วยการจัดฝึกอบรมภาคปฏิบัติและการแบ่งปันความรู้ เพื่อช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะที่มีคุณค่า การร่วมมือกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ไม่เพียงช่วยสนับสนุนภารกิจของวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์การทำงานจริงให้กับนักเรียน พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของรถยนต์และเทคโนโลยีของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส”

บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ยังจัดแสดงรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นใหม่ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ มิตซูบิชิ แอททราจ สมาร์ท ซึ่งรถยนต์ทุกรุ่นพร้อมให้ผู้สนใจทดลองขับและสัมผัสอย่างใกล้ชิด

โครงการมอบเครื่องยนต์ให้แก่สถาบันการศึกษา ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

GWM HAVAL H6 เปิดประสบการณ์เดินทางระบบนำทางอัจฉริยะ Petal Map

ALL NEW GWM HAVAL H6 เปิดประสบการณ์การเดินทางที่แม่นยำ ด้วยระบบนำทางอัจฉริยะ Petal Map ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งกว่า เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกเส้นทาง

กรุงเทพฯ 21 เมษายน 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM ได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตผ่าน ALL NEW GWM HAVAL H6 หลังจากการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญกับ HUAWEI HMS for Car ซึ่งได้พลิกโฉมทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ไม่เคยมีมาก่อน กับการติดตั้งระบบแผนที่นำทางอัจฉริยะ Petal Map ที่ไม่เพียงแค่พาผู้ขับขี่ไปถึงจุดหมาย แต่ยังเปิดมิติใหม่แห่งการสัมผัสโลกกว้างได้อย่างเหนือกว่า ทั้งความแม่นยำ เรียลไทม์ ล้ำสมัย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงในทุกการเดินทาง ทุกเส้นทาง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ในทุกสภาพถนนของคนไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางที่รักการผจญภัย คนทำงานที่ต้องเผชิญกับการจราจรที่หนาแน่นในเมืองทุกวัน หรือครอบครัวยุคใหม่ที่ชอบท่องเที่ยวในวันหยุด

3 ไฮไลต์สำคัญของ ALL NEW GWM HAVAL H6 ด้วย Petal Map เพื่อทุกการเดินทางที่แม่นยำ เรียลไทม์ ล้ำสมัย ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น

ไฮไลต์ที่ 1 : การนำทางสมจริงระดับเลน (Immersive lane-level navigation experience) ที่มีอยู่ใน ALL NEW GWM HAVAL H6 ได้ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้แม่นยำและเหนือชั้นกว่าที่เคย ไม่เพียงแค่บอกทางแต่ยังแสดงภาพเสมือนจริงแบบเต็มหน้าจอที่รวมทุกรายละเอียดสำคัญไว้อย่างครบถ้วน ทั้งจำนวนช่องทางเดินรถ ทิศทางการเลี้ยว เส้นแบ่งเลน และป้ายจำกัดความเร็ว ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับโลกการขับขี่ในมุมมอง 3 มิติ (3D mode) ที่จำลองอาคารและจุดสังเกตสำคัญรอบตัว ทำให้การรับรู้ทิศทางและบริบทของถนนเป็นเรื่องง่ายและเป็นธรรมชาติ เสมือนมีผู้ช่วยมืออาชีพที่คอยแนะนำเส้นทางให้ตลอดเวลา เมื่อ ALL NEW GWM HAVAL H6 เข้าใกล้จุดสำคัญอย่างสี่แยกหรือทางแยกซับซ้อน ระบบอัจฉริยะขยายมุมมองทางแยก (Zoom-in view) จะทำงานทันที ด้วยการซูมภาพโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงรายละเอียดของเส้นทางและทิศทางการเลี้ยว รวมถึงมีคำแนะนำการเลี้ยวแบบละเอียด (Turn-by-Turn) บนหน้าจออย่างชัดเจน ขจัดความลังเลและความสับสนในการตัดสินใจ ทำให้มั่นใจในทุกเสี้ยววินาทีของการขับขี่ และแม้ในกรณีที่ต้องเผชิญกับทางยกระดับซับซ้อนหลายชั้น ระบบจะช่วยแก้ไขความสับสนด้วยฟีเจอร์สลับมุมมองทางยกระดับ (Switch bridge levels) เป็นการสลับมุมมองระหว่างถนนพื้นราบและทางยกระดับที่ทำได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ทำให้การนำทางเป็นไปอย่างต่อเนื่องและแม่นยำในทุกสถานการณ์ ไม่มีคำว่าหลงทางอีกต่อไป

ไฮไลต์ที่ 2 : ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของ ALL NEW GWM HAVAL H6 ด้วยระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ (Real-time online, smart reminders) ที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ระบบแจ้งเตือนความเร็วอัจฉริยะจะคอยติดตามและเปรียบเทียบความเร็วของรถกับข้อกำหนดตามกฎจราจรตลอดเวลา พร้อมแจ้งเตือนจำกัดความเร็ว (Speed limit reminder) ทันทีเมื่อผู้ขับเร่งความเร็วเกินกำหนด ช่วยให้ขับขี่อย่างปลอดภัยและไม่ต้องกังวลกับการละเมิดข้อกำหนด นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ (Real-time traffic) ที่แสดงผลด้วยรหัสสีบนแผนที่ พร้อมระบบเสียงแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น ช่วยให้หลีกเลี่ยงความวุ่นวายและเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดได้อย่างทันท่วงที สะดวกสบายกว่าที่เคยด้วยการวางแผนเส้นทางที่ได้รับการยกระดับจากระบบคำนวณและเตือนค่าทางด่วน (Highway toll calculation and reminder)* ล่วงหน้าที่แม่นยำ ช่วยให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลจากแหล่งอื่น

ไฮไลต์ที่ 3 : ในยุคที่เวลามีจำกัดและพฤติกรรม “ชอบความรวดเร็ว” ของคนยุคใหม่  ALL NEW GWM HAVAL H6 เข้าใจผู้ใช้งานอย่างลึกซึ้ง โดยได้ร่วมพัฒนาระบบการนำทางให้ตอบโจทย์ด้วยระบบค้นหาและดูเส้นทางอย่างรวดเร็ว (Quick search and view) ที่มีทั้งการค้นหาเส้นทาง (Route search) ที่ทำให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะต้องการค้นหาปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร สถานีชาร์จไฟ หรือห้องน้ำระหว่างทาง นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ภาพรวมเส้นทาง (Route overview) ที่ทันสมัยที่จะสรุปแผนการเดินทางทั้งหมดให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน พร้อมข้อมูลประกอบที่ครบถ้วน ทั้งระดับการจราจร จุดตัด ถนนหลัก และข้อมูลจำเป็นอื่นๆ ทำให้การวางแผนล่วงหน้าเป็นเรื่องง่าย แม่นยำ และปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยให้สามารถคาดการณ์เวลาเดินทางได้อย่างง่ายดาย และจัดการตารางเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

*จะมีอัปเดตเพิ่มเติมจาก GWM (Thailand) ภายในเดือนเมษายนนี้

ALL NEW GWM HAVAL H6 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ SUV เพื่อทุกคนในครอบครัวยุคใหม่เท่านั้น แต่คือศูนย์กลางนวัตกรรมล้ำสมัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในชีวิตจริงและสถานการณ์จริงในหลากหลายรูปแบบของผู้ขับขี่ เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผสานเข้ากับการออกแบบที่ทันสมัย ขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวาง ความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ลดความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ระยะยาว ยกระดับทุกการเดินทางด้วยประสบการณ์การเดินทางที่ดีกว่า ครอบคลุมทั้งความแม่นยำ เรียลไทม์ ล้ำสมัย ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง

ซูซูกิ เปิดศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานเพิ่ม 3 แห่ง

ซูซูกิ เปิดศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานเพิ่ม 3 แห่ง ยกระดับบริการแบบ S-SOLUTION ครบครัน มุ่งสร้างความเชื่อมั่นและส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า พร้อมตั้งเป้าขยายครบ 50 แห่ง ในปี 2568

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซูซูกิยังคงยึดมั่นในปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและยกระดับงานบริการอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ซูซูกิก็ยังคงรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการไว้ได้อย่างมั่นคง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคมาโดยตลอด

ในช่วงปีที่ผ่านมา ซูซูกิได้ร่วมมือกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศพัฒนาแนวทางการบริการแบบ S-Solution โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้บริการ ทั้งในด้านการจัดการข้อมูลลูกค้าแบบ Real-Time ผ่านระบบ Dealer Management System (DMS) ซึ่งช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการและประเมินค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Hello Suzuki เพื่อเชื่อมต่อการบริการระหว่างลูกค้าและศูนย์บริการได้อย่างราบรื่น ครอบคลุมตั้งแต่การนัดหมายเข้ารับบริการ การติดตามสถานะ ไปจนถึงการตรวจสอบข้อมูลรถ พร้อมทั้งมอบสิทธิพิเศษผ่านระบบสะสมคะแนนจากการเข้ารับบริการที่ศูนย์ซูซูกิทั่วประเทศ

อีกหนึ่งความสำคัญคือการเดินหน้าขยายศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับมาตรฐานการบริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ ซูซูกิเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ถึง 2 รุ่น และเพื่อรองรับความคาดหวังของลูกค้า จึงเร่งเพิ่มศักยภาพการบริการในทุกมิติ

“ล่าสุดเราขยายศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานเพิ่มอีก 3 แห่ง และมีแผนจะทยอยเปิดเพิ่มในปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่บริการทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของซูซูกิในการให้บริการที่ได้มาตรฐานสูงสุด และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างยั่งยืน” นายทาดาโอะมิ กล่าว

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกินั้น เป็นแผนงานสำคัญที่เรามีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าความใส่ใจในงานบริการและการดูแลลูกค้าอย่างจริงใจผ่านการร่วมมือร่วมใจกับผู้จำหน่ายซูซูกิทุกราย เป็นสิ่งที่ลูกค้าของซูซูกิทุกท่านสัมผัสได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เพื่อให้การบริการลูกค้าครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัดมากยิ่งขึ้น ซูซูกิได้มีการจัดพิธีแต่งตั้งศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกิอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ประกอบด้วย

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกิ ถือเป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เราเชื่อมั่นว่าความใส่ใจในงานบริการและการดูแลลูกค้าอย่างจริงใจ ผ่านความร่วมมือกับผู้จำหน่ายซูซูกิทั่วประเทศ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงมาตรฐานการบริการที่ดีเยี่ยม

เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในหลายจังหวัดได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซูซูกิได้จัดพิธีแต่งตั้งศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกิอย่างเป็นทางการเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ได้แก่

ลำดับชื่อบริษัทผู้จำหน่ายบริหารงานโดยจังหวัดภูมิภาค
1บริษัท ซูซูกิสุโขทัย ออโต้โมบิล จำกัด (สำนักงานใหญ่)คุณธนพร ซองเหลี่ยมสุโขทัยภาคเหนือ
2บริษัท ซูซูกิสุโขทัย ออโต้โมบิล จำกัด (สาขาสวรรคโลก)คุณธนพร ซองเหลี่ยมสุโขทัยภาคเหนือ
3บริษัท ซูซูกิเจียงอุดร จำกัดคุณกิตติพงษ์ สกุลคูอุดรธานีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ ผู้จำหน่ายทั้ง 3 แห่งผ่านการรับรองมาตรฐานงานบริการจากบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งผลให้ปัจจุบันซูซูกิมีศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานรวมทั้งสิ้น 44 แห่งทั่วประเทศ โดยทุกศูนย์ที่ผ่านมาตรฐานจะต้องมี 5 จุดแข็งสำคัญ ดังนี้

อะไหล่แท้ซูซูกิ – เชื่อมั่นในคุณภาพของอะไหล่แท้ที่ได้รับรองมาตรฐานของซูซูกิ

บริการอย่างมืออาชีพ : มั่นใจในบริการและการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพเป็นมิตรและใส่ใจทุกรายละเอียดการซ่อมโดยช่างผู้มีความชำนาญที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการอบรมในการซ่อมรถยนต์ซูซูกิ

เครื่องมือมาตรฐานซูซูกิ : ใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจากซูซูกิ ช่วยให้การซ่อมมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมั่นใจในคุณภาพงานซ่อม

สีซ่อมรถยนต์ที่ได้รับรองมาตรฐานซูซูกิ : ใช้สีซ่อมรถยนต์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานของซูซูกิ ทำให้สีรถสวยงามและทนทาน เหมือนใหม่จากโรงงาน

การรับประกันงานซ่อม : รับประกันงานซ่อมว่ามีคุณภาพและมาตรฐานสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยจะรับประกันงานซ่อม 1 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และอะไหล่รับประกัน 1 ปี หรือ 20,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

นายวัลลภ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ซูซูกิมีแผนขยายศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานให้ครบ 50 แห่งภายในปี 2568 เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและมุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยยึดถือคุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งในด้านงานขายและหลังการขาย เพื่อขอบคุณและตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับซูซูกิอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ซูซูกิยังเดินหน้าสานต่อปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจว่าซูซูกิมุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าและชุมชนในทุกช่วงเวลาอีกด้วย

แจ้งการรักษาสถานภาพสมาชิก และการรับสมัครสมาชิกใหม่ ประจำปี 2568

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ในฐานะองค์กรที่สนับสนุนวิชาชีพผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในวิชาชีพ จึงกำหนดหลักเกณฑ์ของการเป็นสมาชิกสมาคมฯ พร้อมแจ้งข้อมูลการรักษาสถานภาพสมาชิก และการรับสมัครสมาชิกใหม่ ประจำปี 2568 ดังนี้

สมาชิกปัจจุบัน (สมาชิกสามัญ)  เป็นผู้ที่มีอาชีพผู้สื่อข่าวด้านรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ อยู่ในสังกัดที่เป็นสื่อหลักสามารถตรวจสอบได้ อาทิ รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และเว็บไซต์ สำหรับสื่อสังคม (Social Media) สมาคมฯ ยังไม่พิจารณาให้เป็นสื่อหลัก

ต้องเสียค่าบำรุงเป็นรายปี ๆ ละ 100 บาท (ตามข้อบังคับ ข้อที่ 7) และสมาชิกภาพของสมาชิกจะสิ้นสุดหากค้างชำระค่าบำรุง เกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด (ตามข้อบังคับ ข้อที่ 11)

สำหรับปี 2568 คณะกรรมการเห็นควรให้ฝ่ายทะเบียนพิจารณาข้อมูลสมาชิกปัจจุบันให้เป็นไปตามข้อบังคับและคุณสมบัติของสมาชิกสามัญในการต่ออายุสมาชิกทุกครั้ง สมาคมฯ จึงขอความร่วมมือสมาชิกแจ้งอัพเดทฐานข้อมูลสมาชิกพร้อมต่ออายุสมาชิก ได้ที่ https://forms.gle/hDK5vnqKYrjSZVd88

สมาชิกใหม่  การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม คณะกรรมการจะพิจารณาคุณสมบัติตามข้อบังคับ ของสมาชิกสามัญ รวมถึงการเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ และอยู่ในแวดวงข่าว
สายยานยนต์ไม่ต่ำกว่า 3 ปี (มีหนังสือรับรองจากองค์กร มีบุคคลรับรองชัดเจน และเป็นสื่อที่สังกัดมีความเคลื่อนไหวไม่ต่ำกว่า 3 ปี)

สำหรับปี 2568 สื่อมวลชนสายยานยนต์สามารถยื่นเอกสารสมัครสมาชิกใหม่ได้ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 (วันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568) สามารถดาวน์โหลดใบสมัคร และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://taja.or.th/การรับสมัครสมาชิกใหม่/

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : นางสาวหทัยชนก  ทองมณี ผู้จัดการสมาคมฯ
โทร 06 1223 7516, 08 9996 4666 LINE OA: @tajathailand

GWM เพิ่มกำลังการผลิตรุกตลาดส่งออกเต็มพิกัด

GWM รุกตลาดส่งออกเต็มพิกัด สู่อาเซียน ลาตินอเมริกา และออสเตรเลีย เพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสสอง ณ โรงงานอัจฉริยะ จังหวัดระยอง เดินหน้าผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก

GWM Thailand ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด เดินหน้าขับเคลื่อนแผนการผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่นครอบคลุมทุกประเภทพลังงานจากโรงงานอัจฉริยะ (GWM Smart Factory) ในจังหวัดระยอง เพื่อขยายการส่งออกสู่ตลาดโลก โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 นี้ GWM (Thailand) เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งออกไปยังกลุ่มประเทศต่าง ๆ ทั้งในอาเซียน ออสเตรเลีย และลาตินอเมริกา โดยจะส่งรถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียม GWM TANK 500 HEV ไปยังประเทศมาเลเซีย ในขณะที่จะยังคงส่งออกรถยนต์ GWM TANK 300 HEV สู่ประเทศอินโดนีเซีย และ GWM HAVAL H6 HEV รวมถึงเจ้าสิงโตอารมณ์ดี GWM HAVAL JOLION HEV ไปรุกตลาดในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนเมษายนนี้ GWM (Thailand) เตรียมส่งออกเจ้าเหมียวไฟฟ้า NEW GWM ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทยสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรก โดยจะส่งออกไปยังประเทศบราซิล ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์อีกด้วย ก่อนหน้านี้ GWM (Thailand) ได้มีการส่งออกรถยนต์เอสยูวีไปยังประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามมาแล้ว โดยได้ส่งออกรถยนต์รุ่น GWM TANK 300 HEV, GWM TANK 500 HEV และ GWM HAVAL H6 HEV ไปยังประเทศอินโดนีเซีย ในขณะที่ประเทศเวียดนาม ได้ส่งออกรถยนต์ทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ GWM HAVAL H6 HEV และ GWM HAVAL JOLION HEV ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากประเทศดังกล่าว ทั้งหมดนี้ คือ การสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ GWM (Thailand) ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานสู่ตลาดโลก สร้างงาน สร้างรายได้ และนำความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย ด้วยการผลิตรถยนต์คุณภาพที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่ผลิตในประเทศไทย โดยคนไทย สู่การมอบประสบการณ์เพื่อการเดินทางที่ “เหนือกว่า” ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ผ่านกลยุทธ์ “GWM Go With More”

มร.เจมส์ หยาง รองประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “GWM และทีมงานชาวไทยทุกคนล้วนภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมสร้างการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการผลิตและส่งออกรถยนต์ GWM หลากหลายรุ่น ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานสู่ผู้ใช้งานทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และลาตินอเมริกา ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะที่เป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาคอาเซียน โดยการส่งออกรถยนต์ GWM ในไตรมาส 2/2568 นี้ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการผลิตและมาตรฐานระดับโลกของโรงงานของเราที่จังหวัดระยอง โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้ GWM TANK ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในประเทศอินโดนีเซีย ส่วน GWM HAVAL ก็ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากประเทศเวียดนาม ที่สำคัญในปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราจะส่งออก NEW GWM ORA Good Cat ซึ่งถือเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจจากโรงงานผลิตขนาดใหญ่ของเรา โดยโรงงานที่จังหวัดระยองถือเป็นโรงงานการผลิตเต็มรูปแบบแห่งที่ 2 ของ GWM นอกประเทศจีน (ถัดจากประเทศรัสเซีย) ทั้งนี้ GWM จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ระดับโลกของ GWM เราพร้อมเติบโตไปในระยะยาวกับลูกค้ารวมถึงพาร์ทเนอร์ชาวไทย และสังคมไทยอย่างยั่งยืน”

ปัจจุบัน โรงงานอัจฉริยะของ GWM ในจังหวัดระยองสามารถรองรับกำลังการผลิตสูงสุดถึง 80,000 คันต่อปี โดย GWM (Thailand) ได้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการจำหน่ายในประเทศและการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยรถยนต์ทุกรุ่นและทุกคันที่จำหน่ายในประเทศไทยล้วนผลิตจากโรงงานในประเทศไทยโดยฝีมือคนไทยทั้งสิ้น (ยกเว้นรุ่น GWM ORA 07 ที่นำเข้าจากประเทศจีน) โดยล่าสุด ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้งรุ่นไฮบริด และปลั๊กอิน-ไฮบริด และ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่เพิ่งเปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ 2025 เมื่อปลายเดือนมีนาคม ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ชาวไทยและเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยไปแล้วนั้น ก็ผลิตจากสายการผลิตที่โรงงาน GWM จังหวัดระยองเช่นเดียวกัน โดยมีพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญกว่า 1,100 คน ซึ่งปฏิบัติงานภายใต้มาตรฐานการผลิตระดับสากล พร้อมทั้งใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ในสัดส่วนประมาณ 45 – 50% ซึ่งในอนาคต GWM (Thailand) ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารจัดการซัพพลายเชน รวมถึงการบริหารจัดการอะไหล่สำหรับการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าทั่วทุกมุมโลกได้สามารถเข้าถึงยนตรกรรมอัจฉริยะในทุกรูปแบบพลังงานของ GWM ได้ง่ายขึ้น คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พร้อมรับประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าในทุกด้านอย่างแท้จริง

GWM (Thailand) เดินหน้าอย่างมั่นคงและต่อเนื่องในการผลิตรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกพลังงานในหลากหลายเซกเมนต์จากหลากหลายตระกูล ครอบคลุม GWM TANK, GWM HAVAL และ GWM ORA เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกสู่ตลาดโลก และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่เวทีระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ

โตโยต้า ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ กับยอดจองในงานมอเตอร์โชว์ 9,615 คัน

โตโยต้า ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ กับยอดจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในงานมอเตอร์โชว์ 2025 ถึง 9,615 คัน ด้านรถไฮบริดยังมาแรง 3,795 คัน คิดเป็น 39% นำโดย SUV ตัวตึง ทั้งยาริส ครอส และ โคโรลล่า ครอส รถกระบะมหาชน ไฮลักซ์ ขึ้นแท่นผู้นำ 2,186 คัน ยาริส เอทีฟ ครองแชมป์ ซีดาน 1,606 คัน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยตัวเลขยอดจองรถยนต์โตโยต้าภายในงาน “The 46th Bangkok International Motor Show 2025” ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม –  6 เมษายน 2568 โดยมียอดจอง ทั้งสิ้น 9,615 คัน แบ่งเป็นยอดจองรถยนต์ไฮบริด หรือ HEV รวม 3,795 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 39% ของยอดจองรวมของโตโยต้า สำหรับรุ่นรถ HEV ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ยังคงเป็น SUV ที่ขายดีที่สุดของเซกเมนต์นี้ อย่าง ยาริส ครอส ตามด้วย โคโรลล่า ครอส

สำหรับรถกระบะมหาชน ไฮลักซ์ ขึ้นแท่นผู้นำ กวาดยอดจอง 2,186 คัน ด้วยความหลากหลายของรุ่นย่อยของทั้ง ไฮลักซ์ รีโว่ และไฮลักซ์ แชมป์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานของลูกค้าได้ ข้ามมาที่ ยาริส เอทีฟ ไม่น้อยหน้า โกยยอดจอง 1,606 คัน สูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่งโตโยต้า

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “โตโยต้า ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่มีให้กับผลิตภัณฑ์และบริการครบวงจรของเรา ซึ่งจากตัวเลขยอดจองรถยนต์โตโยต้า สะท้อนถึงการยอมรับจากลูกค้าชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ เครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุม รวมถึงความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งนี้ ด้วยความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อโตโยต้า ทำให้ในช่วงงานมอเตอร์โชว์ 2025 นอกจากลูกค้าจะเข้ามาจองรถภายในงานถึง 9,615 คัน ในขณะเดียวกัน เรามอบแคมเปญเดียวกับ มอเตอร์โชว์ 2025 ให้ลูกค้าที่จองรถผ่านผู้แทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ ซึ่งทำให้เราได้รับยอดจองรวมทั่วประเทศสูงถึง 21,068 คัน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าโตโยต้า ที่จองรถเข้ามาอย่างล้นหลาม โตโยต้า ยังต้องเดินหน้าเร่งการผลิต จัดหาไฟแนนซ์ ส่งมอบและจดทะเบียน ให้กับลูกค้าให้เร็วที่สุด เพื่อความพึงพอใจสูงสุด

เริ่มจากขั้นตอนขอสินเชื่อ จนถึงการอนุมัติ เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายที่สุด ซึ่งโตโยต้าต้องขอขอบคุณทางภาครัฐ ที่ได้ออกนโยบายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากการที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดรับคำขอค้ำประกัน ผ่านมาตรการ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ให้กับลูกค้า SME ที่เลือกซื้อรถกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่ หรือ ไฮลักซ์ แชมป์ นอกจากนี้ ในส่วนของ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้นำเสนอเงื่อนไขพิเศษในการพิจารณาสินเชื่อ ที่สามารถทำให้ลูกค้าโตโยต้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น อันมีส่วนในการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

นอกจากนี้ เราพยายามจะส่งมอบความเชื่อมั่น เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ด้วยการยกระดับการให้บริการ ด้วยบริการครบวงจรของโตโยต้า ภายใต้แนวคิด TOYOTA TRUSTED SERVICE” ที่ลูกค้าจะอุ่นใจ และมั่นใจในการเป็นเจ้าของรถโตโยต้า ตลอดการใช้งาน” นายศุภกรกล่าวทิ้งท้ายในที่สุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save