- Advertisement -
31.3 C
Bangkok
Home Blog Page 3

โตโยต้า ยกทัพรถยนต์ทุกรุ่นร่วมงาน BIG MOTOR SALE 2025

โตโยต้า ยกทัพรถยนต์ทุกรุ่นร่วมงาน “BIG MOTOR SALE 2025” ชูไฮไลต์ NEW YARIS ATIV HEV พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ “โปรได้ใจ คุ้มไซส์ BIG” ระหว่างวันที่ 22 – 31 สิงหาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงาน “BIG MOTOR SALE 2025” นำเสนอยนตรกรรมโตโยต้ายอดนิยม รถตกแต่งพิเศษหลากหลายรุ่น และมีให้ทดลองขับภายในงาน พิเศษสุด!กับข้อเสนอสุดพิเศษ “โปรได้ใจ คุ้มไซส์ BIG” สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์โตโยต้าภายในงาน ณ บูธ A03 ฮอลล์ EH 101-102 ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคม 2568 และที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดทัพขบวนรถยนต์โตโยต้าหลากหลายรุ่น และรุ่นแต่งพิเศษ มาให้ทุกท่านได้สัมผัสกันภายในงาน พบกับ กลุ่มรถยนต์ไฮบริด นำโดย NEW YARIS  ATIV HEV 2025 / CAMRY / NEW COROLLA ALTIS / YARIS CROSS / COROLLA CROSS / INNOVA ZENIX และ ALPHARD รถยนต์เพื่อการพาณิชย์หลากหลายรุ่น ตระกูล HILUX REVO / ตระกูล FORTUNER และ HILUX CHAMP และรถยนต์ยอดนิยม อย่าง YARIS / YARIS ATIV / รุ่น SPECIAL EDITION YARIS ATIV NIGHTSHADE เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วน รวมถึงข้อเสนอสุดเร้าใจ

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเปิดบูธโตโยต้าว่า “ปีนี้ เรานำเสนอรถยนต์หลากหลายรุ่น ข้อเสนอสุดพิเศษ และบริการตลอดอายุการใช้งานแบบครบวงจร นำโดย YARIS ATIV HEV รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ กับ 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น HEV Premium ที่มาพร้อม ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.5 ลิตร ประหยัดสูงสุด ด้วยอัตราการใช้เชื้อเพลิง 29.4 กม.ต่อลิตร และมาตรฐานความปลอดภัยครบครันและรุ่น HEV GR Sport ปรับจูนช่วงล่างพิเศษ ให้ขับสนุก พร้อมการตกแต่งแนวสปอร์ต ทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งยังมีรถยนต์ไฮบริด อีกหลายรุ่น ที่เรานำมาให้ทุกท่านได้สัมผัสภายในงาน เช่น CAMRY และ COROLLA ALTIS HEV GR SPORT SUV ยอดนิยม ทั้ง Yaris Cross และ Corolla Cross รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง INNOVA ZENIX และ MPV สุดหรู Alphard โดยลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจในรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นจากโตโยต้าด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดยาวนานถึง 10 ปี

ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผู้นำยนตรกรรมไฮบริดกับ “TOYOTA NO.1 TRUSTED HEV” ขอมอบแคมเปญพิเศษ ในทุกรุ่นไฮบริด

รถยนต์ไฮบริด

-NEW YARIS ATIV HEV 2025

– รุ่น HEV Premium           ราคาปกติ 729,000 บาท     ราคาพิเศษช่วงแนะนำ เพียง  719,000 บาท

– รุ่น HEV GR Sport          ราคาปกติ 779,000 บาท      ราคาพิเศษช่วงแนะนำ เพียง 769,000 บาท

(หมายเหตุ: ราคาพิเศษช่วงแนะนำตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568)

รับข้อเสนอ: ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.39% หรือ ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-CAMRY ราคาเริ่มต้น 1,475,000 บาท

รับข้อเสนอ: ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.09% หรือ ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-COROLLA ALTIS ราคาเริ่มต้น 894,000 บาท

รับข้อเสนอ: ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.15% และ ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-YARIS CROSS ราคาเริ่มต้น 789,000 บาท

รับข้อเสนอ: ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.55% หรือผ่อนสบาย เริ่มต้นเพียง 6,565 บาทต่อเดือน

-COROLLA CROSS ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท

รับข้อเสนอ: ต่อที่ 1 : ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือผ่อนสบาย เริ่มต้นเพียง 7,734 บาทต่อเดือน

                 ต่อที่ 2 : ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-INNOVA ZENIX ราคาเริ่มต้น 1,379,000 บาท

รับข้อเสนอ: ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.79% หรือเลือกรับ ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-ALPHARD ราคาเริ่มต้น 4,269,000 บาท มีรถพร้อมจำหน่าย และส่งมอบ

“TOYOTA NO.1 TRUSTED HEV ไฮบริดที่ใช่ มั่นใจทุกเจน” โดยรถยนต์โตโยต้าไฮบริดมาพร้อมกับ

• TRUSTED VALUE ให้ลูกค้ามั่นใจไปกับความคุ้มค่า

ด้วยอัตราการใช้น้ำมันสูงสุด 29.4 กม/ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker รุ่น NEW YARIS ATIV HEV 2025)

• TRUSTED QUALITY คุณภาพที่ใครก็ไว้วางใจ

• TRUSTED WARRANTY รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 10 ปี

• TRUSTED SERVICE เซอร์วิสที่พร้อมให้บริการ อะไหล่ที่พร้อมส่งภายใน 48 ชั่วโมง และช่างผู้ชำนาญการกว่า 8,000 คน

• TRUSTED NETWORK ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานและครบวงจรกว่า 450 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงบริการแลกเปลี่ยนรถใหม่ที่โตโยต้าชัวร์

ตอกย้ำความเป็นรถกระบะมหาชน กับ ไฮลักซ์ ซีรีส์ และ KING OF PPV ฟอร์จูนเนอร์

นายศุภกร รัตนวราหะ แนะนำกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ “นำทัพโดย Hilux Revo และ Fortuner หลากหลายรุ่นย่อย ตอบโจทย์ทุกความต้องการเริ่มจาก Hilux Revo กระบะยอดนิยม กับสมรรถนะเหนือชั้นที่ผ่านบทพิสูจน์บนเส้นทางสุดทรหดในประเทศออสเตรเลียและขึ้นโพเดียม 2 ปีซ้อน ในการแข่งขันรายการ Asia Cross Country 2025 ทีผ่านมา รุ่นต่อมาคือ Hilux Revo Pre runner ที่โดดเด่นด้วยช่วงล่างซับแรงกระแทกดีเยี่ยม มอบความสบายให้ทุกการเดินทางและยังมี Hilux Revo Z-edition ที่แต่งสนุก ถูกใจสายแต่งรถอย่างแน่นอน สำหรับผู้ประกอบการต่างๆ เราขอนำเสนอ Hilux Champ รถยนต์สร้างธุรกิจเคลื่อนที่ได้ในฝัน พร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า ซื้อ Hilux Champ รับส่วนลด 15,000 บาท”

ไฮลักซ์ รีโว่ และฟอร์จูนเนอร์

-HILUX REVO DOUBLE CAB 4×4 ROCCO ราคา 1,326,000 บาท

รับข้อเสนอ: ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนเริ่มต้น 7,374 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

                 ทางเลือกที่ 2 : ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-ILUX REVO DOUBLE CAB PRERUNNER 2×4 2.4 High ราคา 1,072,000 บาท

รับข้อเสนอ: ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนเริ่มต้น 5,366 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

                 ทางเลือกที่ 2 : ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-HILUX REVO DOUBLE CAB Z EDITION ราคา 885,000 บาท

รับข้อเสนอ: ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนเริ่มต้น 7,374 บาท* พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care

                 ทางเลือกที่ 2 : ดอกเบี้ยพิเศษ 0.55% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-HILUX REVO SMART CAB Z EDITION ราคาเริ่มต้น 783,000 บาท

รับข้อเสนอ: ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.29% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

               ทางเลือกที่ 2 : ผ่อนเริ่มต้น 6,699 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-HILUX CHAMP ราคาเริ่มต้น 459,000 บาท

รับข้อเสนอ สำหรับผู้ประกอบการขนส่งและประกอบธุรกิจ รับดอกเบี้ยอัตราพิเศษเริ่มต้น 1.55% เมื่อซื้อไฮลักซ์ แชมป์ พร้อมดัดแปลงหรือต่อเติมเพื่อการทำธุรกิจทุกรูปแบบ

-FORTUNER LEADER ราคาเริ่มต้น 1,239,000 บาท

รับข้อเสนอ: ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนเริ่มต้น 9,884 บาท

                 ทางเลือกที่ 2 : ดอกเบี้ยพิเศษ 0.89% พร้อมประกันภัยชั้น 1 TOYOTA Care PHYD

นอกจากนี้ เรายังมีรถยนต์ยอดนิยมรุ่นอื่นๆอีกหลายรุ่น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็น Yaris Hatchback ที่มาพร้อมชุดแต่ง LUSSO เอาใจสายแต่งดีไซน์สปอร์ต Yaris ATIV NIGHTSHADE รุ่น Special Edition

-YARIS ATIVราคาเริ่มต้น 549,000 บาท

รับข้อเสนอ: ต่อที่ 1 ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือ ผ่อนเริ่มต้น 3,297 บาทต่อเดือน

                 ต่อที่ 2 พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-YARIS ATIV NIGHTSHADE (Special Edition) ราคา 699,000 บาท

รับข้อเสนอ: ต่อที่ 1 ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือ ผ่อนเริ่มต้น 4,471 บาทต่อเดือน

                 ต่อที่ 2 พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

-YARIS ราคาเริ่มต้น 559,000 บาท

รับข้อเสนอ: ต่อที่ 1 ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือ ผ่อนเริ่มต้น 3,376 บาทต่อเดือน

                 ต่อที่ 2 พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง Toyota Care PHYD

เมื่อทุกท่านมาที่บูธโตโยต้า นอกจากท่านจะได้พบรถยนต์ที่มีคุณภาพและราคาขายต่อที่ดีแล้ว โตโยต้าพร้อมที่จะดูแลทุกท่าน ด้วยเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ กว่า 450 แห่งทั่วประเทศเพื่อมอบความอุ่นใจให้ผู้ใช้งานตลอดการเดินทาง

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวปิดท้ายว่า ในงานนี้ เราเตรียมข้อเสนอพิเศษ กับ “โปรได้ใจ คุ้มไซส์ BIG” พบ ดอกเบี้ย 0% หรือเลือกผ่อนเริ่มต้นในอัตราพิเศษ พร้อมมอบฟรีประกันชั้น 1 และสิทธิพิเศษที่หลากหลายในรถทุกรุ่น รวมถึงบริการด้านสินเชื่อพิเศษจาก Toyota Leasing ประเทศไทย และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถโตโยต้าได้ง่ายๆ ผ่านคอนเซ็ปต์ “เอกสารครบ ผ่านเงื่อนไข รับรถไว”

และสำหรับลูกค้าที่กำลังจะเปลี่ยนรถคันใหม่ ท่านสามารถเลือกซื้อรถและนำรถคันเดิมเข้ารับการประเมินราคาฟรี โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Toyota Sure ภายในบูธของโตโยต้าอีกด้วย

ที่สำคัญ เราขอขอบคุณทุกเสียงตอบรับ ที่มีให้กับรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่น bZ4X ใหม่  โดยหลังจากการเปิดจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ ไปเมื่อวานนี้ ตอนนี้ เราได้รับการตอบรับ มากถึง 620 สิทธิ์

TOYOTA ACCESSORIES

ครบเครื่องทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจ

สัมผัสความแตกต่างที่มากกว่าการตกแต่งรถ ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งแท้จากโตโยต้า ที่คัดสรรด้วยดีไซน์สวยกลมกลืนกับตัวรถ พร้อมฟังก์ชันใช้งานจริงที่ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือ ทริปไกล ให้คุณมั่นใจได้ทั้งความสวยงามและคุณภาพตามมาตรฐานของโตโยต้า พร้อมรับประกันสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม.*

1. ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง CHARISMO DRIFT สำหรับรุ่น NEW YARIS ATIV HEV และ YARIS ATIV เสริมภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมียม สะกดทุกสายตาด้วยความโดดเด่นเหนือระดับ

ราคาขายปลีกแนะนำ 19,990 บาท** ประกอบไปด้วย

สเกิร์ตกันชนหน้า     ราคา 4,600           บาท**

ชุดสเกิร์ตข้าง          ราคา 6,500           บาท**

สเกิร์ตกันชนหลัง     ราคา 4,600           บาท**

สปอยเลอร์หลัง       ราคา 4,290           บาท**

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.toyota.co.th/accessories/yarisativ 

– พิเศษช่วงแนะนำ รับส่วนลด 4,000 บาท เหลือ 15,990 บาท** หรือผ่อนเพิ่มเริ่มต้น 240 บาท/เดือน*** (ราคาพิเศษช่วงแนะนำตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568)

2. ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง GR สำหรับรุ่น NEW YARIS ATIV HEV และ YARIS ATIV

ชุดแต่ง SPORT RACING แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง MOTORSPORT ถ่ายทอดสู่ทุกเส้นทางของคุณ

ราคาขายปลีกแนะนำ 28,990 บาท** ประกอบไปด้วย

สเกิร์ตกันชนหน้า GR         ราคา  6,890 บาท**

ชุดสเกิร์ตข้าง GR              ราคา  7,900 บาท**

สเกิร์ตกันชนหลัง GR         ราคา  7,200 บาท**

สปอยเลอร์หลัง GR           ราคา  7,000 บาท**

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.toyota.co.th/accessories/yarisativ  

– พิเศษช่วงแนะนำ รับส่วนลด 6,000 บาท เหลือ 22,990 บาท** หรือผ่อนเพิ่มเริ่มต้น 345 บาท/เดือน*** (ราคาพิเศษช่วงแนะนำตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568)

3. อุปกรณ์ตกแต่งแท้โตโยต้าสำหรับรุ่น HILUX CHAMP แต่งเต็มสไตล์ แกร่งทุกเส้นทาง

ชุดตกแต่งกระจังหน้า / ชุดตกแต่งมุมกันชนหน้า / ชุดตะขออเนกประสงค์ / แร็คหลังคา / ชุดพื้นปูกระบะ / ราวมือจับ / กล้องมองหลัง / สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ / และชุดเครื่องเล่นวิทยุหน้าจอ 7 นิ้ว

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.toyota.co.th/accessories/hilux_champ

4. อุปกรณ์ตกแต่งแท้โตโยต้าสำหรับรุ่น HILUX REVO Z-EDITION สไตล์เร้าใจ จัดเต็มทุกมุมมอง

จัดเต็มกับอุปกรณ์ตกแต่ง ชุดตกแต่งกันชนหน้า / ชุดตกแต่งกันชนท้าย / คิ้วกันกระแทกประตู / ชุดไฟตัดหมอก LED / ชุดตกแต่งซุ้มล้อ / แผงบังแดดข้าง / สไตลิสท์บาร์ / ชุดตกแต่งฝาถังน้ำมันโครเมียม / ชุดครอบที่จับประตู (แบบสปอร์ต) / คิ้วไฟท้าย / กระจกมองเสริมด้านข้าง และเบาะรองหลังเพื่อสุขภาพ

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.toyota.co.th/accessories/hilux_revo_zedition

5. ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง LUSSO สำหรับรุ่น YARIS เอาใจสายแต่งดีไซน์สปอร์ต เหมาะสำหรับคนที่ชอบความโดดเด่นและลงตัว

ราคาขายปลีกแนะนำ 19,990 บาท** ในรุ่น PREMIUM / SMART และ SPORT

ราคาขายปลีกแนะนำ 15,590 บาท** ในรุ่น PREMIUM S ประกอบไปด้วย

สเกิร์ตกันชนหน้า     ราคา  4,240 บาท**

สเกิร์ตกันชนหลัง     ราคา  5,150 บาท**

ชุดสเกิร์ตข้าง          ราคา  6,200 บาท**

สปอยเลอร์หลังคา   ราคา  4,400 บาท**

รายละเอียดเพิ่มเติม Yaris : https://www.toyota.co.th/accessories/yaris

หมายเหตุ:

* ระยะเวลารับประกันสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน อ้างอิงจากคู่มือรับประกันคุณภาพรถยนต์

** รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และราคาดังกล่าวไม่รวมค่าแรงติดตั้ง

***ราคาผ่อนเพิ่ม 240 บาท/เดือน  (คำนวณจากราคาพิเศษช่วงแนะนำ 15,990 บาท) ไม่รวมค่าติดตั้ง คำนวณจากรถยาริสเอทีฟ รุ่น  HEV Premium โดยโปรแกรมสบายดีของโตโยต้าลีสซิ่ง ดาวน์ 25% ระยะเวลา 84 เดือน ดอกเบี้ย 3.69%

****ราคาผ่อนเพิ่ม 345 บาท/เดือน  (คำนวณจากราคาพิเศษช่วงแนะนำ 22,990 บาท) ไม่รวมค่าติดตั้ง คำนวณจากรถยาริสเอทีฟ รุ่น  HEV Premium โดยโปรแกรมสบายดีของโตโยต้าลีสซิ่ง ดาวน์ 25% ระยะเวลา 84 เดือน ดอกเบี้ย 3.69%

ASSOCIATED ACCESSORIES PRODUCT – AAP (อุปกรณ์ตกแต่งจากพันธมิตร) คัดมาครบ แต่งจบทุกสไตล์

เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่รักการแต่งรถในแบบเฉพาะตัว โตโยต้าร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ คัดสรรอุปกรณ์ตกแต่งจากแบรนด์คุณภาพ ที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้ เพื่อให้คุณเลือกแต่งได้ในสไตล์ที่ใช่ ตรงใจทุกอารมณ์ ลูกค้าที่สนใจสามารถเลือกชมและสอบถามรายละเอียดได้ที่บูธโตโยต้าภายในงานฯ หรือโชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

ชุดตกแต่งรอบคันแนวออฟโรดภายใต้แบรนด์ GR PARTS สำหรับ Hilux Revo จาก บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด

“จากสนามแข่งสู่ชุดแต่งที่คุณเป็นเจ้าของได้’’ ด้วยแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง Asia Cross Country สู่การพัฒนาชุดตกแต่งรอบคัน ประกอบด้วย ชุดกันกระแทกใต้ท้องรถ ด้านหน้า –กลาง –หลัง / แร็คกระบะหลัง / บันไดข้าง / แร็ค หลังคา / ล้ออัลลอย 17 นิ้ว / ชุดน็อตล้อ / ชุดบังโคลนล้อ ที่มีให้เลือกทั้งสีแดงและสีดำ และ ชุดท่อไอเสีย

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.toyota.co.th/accessories/hilux_revo_prerunner_4x4_rocco

-ผลิตภัณฑ์จีอาร์ พาร์ท (GR PARTS) ผลิตและรับประกันโดยบริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด รับประกัน 1 ปี หรือ 20,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

-โปรดศึกษารายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ www.toyota.co.th/accessories/warranty/grparts

มั่นใจและอุ่นใจได้ตลอดการใช้รถโตโยต้ากับโซน “TOYOTA TRUSTED SERVICES” บริการครบวงจรครอบคลุมในทุกด้าน เพื่อความสบายใจสูงสุดในการใช้รถ

“T-Connect” แอปพลิเคชันที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ง่ายในการเป็นเจ้าของ ปลอดภัย คุ้มค่า สะดวกสบาย และมีสิทธิประโยชน์มากมาย เพียงดาวน์โหลดแอปฯ และลงทะเบียนข้อมูลรถ ก็สามารถเชื่อมต่อบริการระหว่างโตโยต้ากับลูกค้าได้ทันที ด้วยเทคโนโลยี Connected ที่จะเชื่อมต่อประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถโตโยต้า เติมเต็มชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.t-connect.in.th/T-connect.aspx

 “TCFR Plus+ เข้าศูนย์ตามนัด พลัสระดับความคุ้ม” บริการหลังการขายใหม่ ที่จะสร้างความมั่นใจตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถโตโยต้า รับสิทธิ์ขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 8 ปี* พร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมายตามการเช็กระยะต่อเนื่อง

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://aftersales.toyota.co.th/tcfrplus/

พิเศษ! เมื่อจองรถและลงทะเบียนแอป T-Connect ภายในงาน รับบัตรสตาร์บัคส์มูลค่า 100 บาท

“KINTO” คินโตะ มีรถใช้ไม่ต้องซื้อ ทางเลือกการบริการเพื่อความสบายใจในการใช้รถ จ่ายรายเดือนราคาเดียว ครอบคลุมทุกการบริการแบบครบวงจร ทั้งค่าใช้ค่าเรื่องการบำรุงรักษา อะไหล่ ยาง และแบตเตอรี่ ประกันภัยชั้น 1 พรบ. ภาษี ต่อให้แบบอัตโนมัติทุกปี หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแฝง ตอบโจทย์ทั้งรูปแบบบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล พร้อมรถยนต์ให้เลือกหลากหลายรุ่น สามารถเลือกรูปแบบการใช้งานระยะสั้น หรือระยะยาว ตั้งแต่ 1 – 5 ปี สมัครบริการวันนี้พร้อมสิทธิพิเศษ ผ่านช่องทางออนไลน์ ง่าย อนุมัติไว

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kinto-th.com/KintoONE/Products

สัมผัสรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด NEW YARIS ATIV HEV 2025 ครั้งแรกได้ในงาน “BIG MOTOR SALE 2025” กับข้อเสนอสุดพิเศษ “โปรได้ใจ จัดคุ้มไซส์ BIG” ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคม 2568 ณ บูธ A03 ฮอลล์ EH 101-102 ไบเทค บางนา และที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.toyota.co.th/                               Facebook: Toyota Motor Thailand

LINE Official: @ToyotaThailand                    TikTok: @ToyotaMotorTH

X: @ToyotaMotorTH                            Instagram: @toyotamotorthailandofficial

ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต คว้าแชมป์ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2025

ชยพล โยธา คว้าแชมป์ประเภทโอเวอร์ออล และนำทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต คว้าแชมป์ประเภททีม ในการแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2025

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) ประกาศความยิ่งใหญ่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเอเชียอีกครั้ง เมื่อทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศญี่ปุ่น) คว้าแชมป์รายการแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2025 (AXCR 2025) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 8 – 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยใช้รถกระบะไทรทัน1 (สเปก T1 หรือรถครอสคันทรีดัดแปลง) เข้าแข่งขันบนเส้นทางสุดหฤโหด รวมระยะทางกว่า 2,316.32 กิโลเมตร ซึ่งรวมถึงเส้นทาง Special Stage (SS)2 กว่า 1,002.95 กิโลเมตร

ในประเภทคะแนนรวม (Overall) ชยพล โยธา คว้าอันดับหนึ่งด้วยเวลา 16 ชั่วโมง 15 นาที 12 วินาที ขณะที่ คัตสึฮิโกะ ทากูชิ จบการแข่งขันที่อันดับ 5 และ คาสุโตะ โคอิเดะ คว้าอันดับที่ 22 นอกจากนี้ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ยังสามารถคว้ารางวัลประเภททีม (Team Award) ได้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นการทวงคืนแชมป์ประเภททีมในรอบ 2 ปี ซึ่งรางวัลนี้จะมอบให้กับทีมที่มีผู้เข้าเส้นชัย 3 คันขึ้นไป โดยพิจารณาจากเวลารวมของ 2 คันแรกที่ทำผลงานได้ดีที่สุด

การแข่งขัน AXCR ในปีนี้ เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ด้วยพิธีเปิดที่ถนนคนเดินพัทยา แหล่งท่องเที่ยวริมทะเลชื่อดังของเมืองไทย ก่อนเริ่มการแข่งขันในวันถัดมาด้วยเส้นทาง Leg 1 ซึ่งมีระยะทางกว่า 360 กิโลเมตร จากเมืองพัทยามุ่งหน้าสู่จังหวัดปราจีนบุรีทางภาคตะวันออก ซึ่งรวมถึงเส้นทาง SS ที่ยาวที่สุดในการแข่งขันถึง 199.13 กิโลเมตร

ส่วนการแข่งขัน Leg 2 พาทุกทีมมุ่งขึ้นเหนือไปอีก 500 กิโลเมตร จากจังหวัดปราจีนบุรี สู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเส้นทาง SS ครั้งนี้ มีทั้งทางหินที่สมบุกสมบัน สลับกับทางเรียบที่ต้องใช้ความเร็วสูงผ่านพื้นที่การเกษตร สะท้อนถึงความหลากหลายของภูมิประเทศ อันเป็นเอกลักษณ์ของการแข่งขัน AXCR ได้อย่างน่าเร้าใจ ส่วนใน Leg 3 เส้นทางยังคงอยู่ในเขตเขาใหญ่ แต่ต้องเจอกับพายุฝนในช่วงบ่าย ทำให้เส้นทางกลายเป็นดินโคลนสุดอันตราย จนทำให้รถแข่งหลายคันต้องเจอปัญหาใหญ่และฝ่าผ่านไปได้อย่างยากลำบาก

สำหรับการแข่งขัน Leg 4 และ Leg 6 ซึ่งเดิมกำหนดเส้นทางที่มีระยะห่างจากชายแดนกัมพูชาประมาณ 50 กิโลเมตร ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย ส่วน Leg 5 ยังเดินหน้าจัดแข่งขันตามปกติ โดยมีเส้นทางวกกลับไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งแม้จะเป็นเส้นทางเดียวกับ SS1 แต่สภาพถนนเลวร้ายลงอย่างหนักจากร่องลึกและหลุมบ่อที่ทีมต่างๆ ทิ้งไว้ในช่วงการแข่งขัน Leg 1 และยังมีต้นไม้หักโค่นจากพายุฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้แม้แต่กลุ่มทีมผู้นำยังติดหล่ม ส่งผลให้การแข่งขัน Leg นี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในวันที่โหดหินที่สุดของการแข่งขันปีนี้

ใน Leg 7 ขบวนรถต่างมุ่งหน้ากลับสู่เมืองพัทยา โดยใช้เส้นทางบางส่วนเดียวกับ SS1 และ SS5 ซึ่งมีทั้งถนนแคบผ่านพื้นที่การเกษตร ถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และการลุยข้ามลำธาร จนกระทั่งถึง Leg 8 ในวันสุดท้าย ซึ่งปิดฉากการแข่งขันลงอย่างยิ่งใหญ่ ณ ท่าเรือบาลีฮาย ในเมืองพัทยา

ผลงานของนักแข่งทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต

ชยพล โยธา นักขับมือหนึ่งของทีม ออกสตาร์ทอันดับที่ 12 แต่สามารถไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วตั้งแต่การแข่งขัน Leg แรก และปิดวันด้วยอันดับที่ 2 ก่อนจะขึ้นนำได้สำเร็จใน Leg 3 จากฝีมือการนำทางที่แม่นยำของผู้นำทาง พีรพงษ์ สมบัติวงศ์ และทักษะการขับที่รวดเร็ว โดยเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับตัวรถให้น้อยที่สุด และถึงแม้จะติดหล่มโคลนลึกใน Leg 5 แต่ชยพลยังคงเดินหน้า ทำเกมรุกอย่างต่อเนื่อง พร้อมทำเวลาเส้นทาง SS ได้เร็วสุดเป็นอันดับ 2 ใน Leg 7 และสุดท้ายก็สามารถคว้าแชมป์คะแนนรวมได้สำเร็จ โดยเฉือนชนะไปเพียง 7 นาที คว้าชัยชนะให้กับทีมได้อีกครั้งในรอบสามปี และนับเป็นครั้งที่ 2 ในรายการ AXCR

คัตสึฮิโกะ ทากูชิ ออกสตาร์ทในอันดับ 5 และสามารถเกาะกลุ่มหัวตารางได้ตลอดช่วงแรก แต่ใน Leg 3 ต้องเจอเส้นทางสุดโหด จนทำให้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าพัง ส่งผลให้ร่วงไปอยู่ที่อันดับ 10 ก่อนจะกลับมาแสดงพลังการขับที่ดุดันใน Leg 5 ในขณะที่ทีมอื่น ๆ กำลังติดหล่ม จนสามารถแซงหน้าคู่แข่งได้ถึง 18 คัน และทำเวลาเร็วที่สุดบนเส้นทาง SS ของวันได้สำเร็จและทำคะแนนรวมอยู่ในอันดับ 6 และแม้ใน Leg 7 จะเจอปัญหาชิ้นส่วนการ์ดและระบบกันสะเทือนช่วงหลังเสียหาย แต่เขายังสามารถทำคะแนนรวมจบได้ที่อันดับ 5 สร้างผลงานที่ดีที่สุดในหมู่นักแข่งคู่ญี่ปุ่นในปีนี้ ซึ่งนับเป็นการแข่งขันรายการ AXCR ครั้งที่สามของเขา

คาสุโตะ โคอิเดะ ลงแข่งเป็นปีที่สอง ในฐานะนักขับของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต้องพบกับอุปสรรคตั้งแต่การแข่งขันวันแรกจากฝุ่นที่บดบังทัศนวิสัย จนชนเข้ากับรถอีกคันที่หยุดอย่างกะทันหัน และต้องออกจากการแข่งขันในวันนั้นทันที ต่อมาใน Leg 5 เกิดปัญหาเบรกหลังขัดข้อง แม้จะเกิดปัญหามากมาย แต่เขาก็ยังพยายามทำหน้าที่เป็นรถสนับสนุน ช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมทั้งใน Leg 3 และ Leg 8 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังทำผลงานได้ดีขึ้นจากปีก่อน โดยจบการแข่งขันที่อันดับ 22 ประเภทคะแนนรวม

เสียงจากทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต

ฮิโรชิ มาซูโอกะ  ผู้อำนวยการทีม

“เป้าหมายสูงสุดในปีนี้ของเราคือการคว้าชัยชนะ และผมดีใจอย่างยิ่งที่ทีมของเราสามารถทำได้ พร้อมกับพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและห้าวหาญในแบบฉบับ Mitsubishi Motors-ness การคว้ารางวัลของทีมยังสะท้อนถึงพลังแห่งความร่วมแรงร่วมใจและความมุ่งมั่นของทุกคน การยกระดับประสิทธิภาพของไทรทันให้โดดเด่นทั้งในด้านเสถียรภาพเมื่อต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูงและความคล่องตัวในเส้นทางคดเคี้ยว ทำให้เราก้าวล้ำเหนือกว่าคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่าได้ และในปีหน้า เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อยกระดับศักยภาพของรถให้สูงยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความเป็นต่อในการแข่งขันต่อไป”

ชยพล โยธา นักแข่งรถหมายเลข 112

“ผมดีใจมากที่คว้าแชมป์คะแนนรวมกลับมาได้อีกครั้ง ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกท่านที่ทำงานกันได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ และสร้างรถที่สมบูรณ์แบบให้กับผม การแข่งขันปีนี้โหดสุดๆ เพราะมีทั้งทางหิน ถนนโคลน และพื้นลื่น แต่ด้วยความทนทานและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมของไทรทัน ทำให้ผมสามารถนำรถผ่านโค้งต่างๆ ด้วยความเร็วสูงและวิ่งบนทางโคลนแคบๆ ได้อย่างมั่นใจ จนสร้างผลงานได้ในระดับท็อปฟอร์ม ปีหน้าผมจะกลับมาเพื่อป้องกันแชมป์อีกครั้ง”

คัตสึฮิโกะ ทากูชิ นักแข่งรถหมายเลข 105

“แม้ผมจะจบอันดับ 5 เหมือนปีที่แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าทีมของเรามีพัฒนาการขึ้นมาก เราสามารถทำเวลาแข่งกับรถเครื่องใหญ่กว่าได้อย่างสูสีทุกรอบ และยังทำสถิติเร็วที่สุดใน Leg 5 อีกด้วย เพราะไทรทันมีการยกระดับประสิทธิภาพขึ้นทุกปี โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนและการควบคุมมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ทีมผ่านเส้นทางสุดโหดมาได้ และยังช่วยสนับสนุนชัยชนะของชยพลได้ในที่สุด ซึ่งหลังการแข่งขัน เรายังสามารถหาจุดที่นำไปพัฒนาต่อได้ในหลายด้านที่จะช่วยให้เราทำเวลาได้ดีขึ้น และด้วยการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อสร้างจุดแข็งในด้านต่างๆ  ผมมั่นใจว่าปีหน้าเราจะทำผลงานได้ดีกว่านี้แน่นอน”

คาสุโตะ โคอิเดะ นักแข่งรถหมายเลข 118

“แม้การแข่งขันจะสร้างความรู้สึกกดดันมาก โดยเฉพาะการที่ต้องออกจากการแข่งขันในวันแรก แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก รถไทรทันที่ผมใช้ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติจากรุ่นผลิตจริง แต่สามารถพิสูจน์ถึงความทนทานได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางสภาพโหดของการแข่งขัน AXCR ซึ่งประสบการณ์ในการควบคุมและการบังคับพวงมาลัยที่ผมได้รับมานั้น จะกลายเป็นข้อมูลสำคัญต่อการพัฒนารถรุ่นต่อไปของมิตซูบิชิ และผมตั้งตารอที่จะได้นำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไปใช้กับรถยนต์ของมิตซูบิชิรุ่นต่อไป”

ผลการแข่งขันคะแนนรวม รายการ AXCR 2025

1. ชยพล โยธา (มิตซูบิชิ ไทรทัน)                                 16 ชั่วโมง 15 นาที 12 วินาที

2. มานะ พรศิริเชิด (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว)                     16 ชั่วโมง 23 นาที 3 วินาที

3. เบลีย์ โคล (ฟอร์ด แร็พเตอร์)                                   17 ชั่วโมง 8 นาที 29 วินาที

4. ดิษพงศ์ มณีอินทร์ (อีซูซุ ดีแมคซ์)                            17 ชั่วโมง 9 นาที 32 วินาที

5. คัตสึฮิโกะ ทากูชิ (มิตซูบิชิ ไทรทัน)                          17 ชั่วโมง 37 นาที 56 วินาที

6. ณัฐพล อังฤทธานนท์ ((โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว)            17 ชั่วโมง 46 นาที 52 วินาที

22. คาสุโตะ โคอิเดะ (มิตซูบิชิ ไทรทัน)                        29 ชั่วโมง 34 นาที 31 วินาที

ติดตามข่าวสารการแข่งขันของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ได้ที่ช่องทาง Facebook

อย่างเป็นทางการของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

 www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

ติดตามข่าวสารการแข่งขันของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ได้ที่ช่องทางอินสตาแกรมอย่างเป็นทางการ

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรายการเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่

1.เนื่องจากการปิดพรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ทางผู้จัดงานจึงจัดการแข่งขันภายในประเทศไทยเท่านั้น

2.จัดจำหน่ายด้วยชื่อรุ่น L200 ในตลาดบางประเทศ

TOYOTA GAZOO Racing Thailand ขึ้นโพเดียม 2 ปีซ้อน

TOYOTA GAZOO Racing Thailand ขึ้นโพเดียม 2 ปีซ้อน คว้าอันดับ 2 และ 5 ในรุ่น T1D ด้วย HILUX REVO GR SPORT 4×4 ในการแข่งขันแรลลี่สุดโหด “Asia Cross Country Rally 2025”

ประกาศความสำเร็จอีกครั้งกับ TOYOTA GAZOO Racing Thailand ทีมแข่งรถที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของวงการมอเตอร์สปอร์ต ภายใต้การสนับสนุนของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยความร่วมมือกับ ทีมวิศวกรชาวไทยจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด และอาร์โต เดินหน้าร่วมกันศึกษาเก็บข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนายนตกรรมที่ดียิ่งกว่าให้กับผู้ใช้รถคนไทยในอนาคต ตามแนวคิด “MAKE EVER-BETTER CARS” “FROM CIRCUIT TO THE ROAD” ขึ้นโพเดียมเป็นปีที่ 2 คว้าอันดับ 2 และ 5 ในรุ่น T1D ด้วยรถแข่งสายพันธุ์แกร่ง “HILUX REVO GR SPORT 4×4” ในการแข่งขันแรลลี่สุดโหด “30th Asia Cross Country Rally 2025” (AXCR 2025) บนเส้นทางภาคตะวันออกจากจุดสตาร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคม 2568

การแข่งขัน “30th Asia Cross Country Rally 2025” ปีนี้นับเป็นวาระครบรอบ 30 ปี ของรายการแรลลี่ระดับตำนานในเอเชีย โดยการแข่งขันแบ่งเป็น 8 ช่วงการแข่งขัน หรือ 8 LEG ถือเป็นสนามที่ท้าทายและขึ้นชื่อว่าโหดครบรส ด้วยระยะทางไกล เส้นทางหฤโหดทั้งโคลน ลูกรัง หลุมลึก ทางทุรกันดาร ฝ่าตะลุยเข้าไปในป่าเขา หรือร่องน้ำ ต้องใช้ทักษะและฝีมือตลอดการแข่งขัน เป็นบททดสอบและพิสูจน์สมรรถนะความแกร่งของรถและนักแข่ง รวมถึงทีมเซอร์วิสซัพพอร์ตที่ต้องพร้อมแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเส้นทาง โดยทางทีมได้ส่งรถ HILUX REVO GR SPORT 4×4 กระบะแกร่ง สายพันธุ์สปอร์ต ดีไซน์ดุดัน ลงแข่งขันในรุ่น T1D จำนวน 2 คัน ซึ่งสามารถขับผ่านได้ทุกอุปสรรค บนเส้นทางสุดทรทดทุกรูปแบบ หลังจบการแข่งขันทีม TOYOTA GAZOO Racing Thailand สร้างผลงานดังนี้

-รถหมายเลข 101 ดีกรีแชมป์เก่า ขับโดย หนึ่ง-มานะ พรศิริเชิด และ โคไดร์ฟเวอร์ ตอน-กิติศักดิ์ กลิ่นจันทร์ จบการแข่งขันอันดับ 2 ในรุ่น T1D และ 2 แบบโอเวอร์ออล ใช้เวลารวม 16:23:03 ชม.

-รถหมายเลข 113 ขับโดย จุ๊บ-ณัฐพล อังฤทธานนท์ และ โคไดร์ฟเวอร์ ตั้ม-ธันยพัต มีนิล จบการแข่งขันอันดับ 5 ของรุ่น T1D และ 6 แบบโอวอร์ออล ใช้เวลารวม 17:46:52 ชม.

ความสำเร็จต่อเนื่องในปีที่ 2 ของ TOYOTA GAZOO Racing Thailand ถือเป็นการตอกย้ำแนวคิดในการพัฒนายนตกรรมที่แข็งแกร่งเพื่อผู้ใช้จริง จากการเก็บข้อมูลสำคัญทุกช่วงเวลาในสภาวะการแข่งขันที่กดดัน เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนายนตกรรมที่ดียิ่งกว่าให้กับผู้ใช้รถคนไทยในอนาคต

แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตติดตามภาพบรรยากาศแข่งขันสุดมันส์และข้อมูลเพิ่มเติมของทีมได้ที่ Facebook และ Instagram : TOYOTAGAZOORacingTeamThailand

“Leapmotor Thailand” ประกาศความร่วมมือกับ “ฉลามชล”

“Leapmotor Thailand” ประกาศความร่วมมือกับ “ฉลามชล” ตลอดฤดูกาล 2025-2026 พร้อมส่งมอบรถ Leapmotor C10 Design 3 คัน เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์สู่กลุ่มคนรักกีฬาทั่วประเทศ

22 สิงหาคม 2568 : Leapmotor Thailand ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรครั้งแรกร่วมกับสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟ.ซี. (ฉลามชล) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมสนับสนุนวงการฟุตบอลไทย พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนฟุตบอลทั่วประเทศ

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ Leapmotor Thailand ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟ.ซี. ในฤดูกาล 2025-2026 เพิ่งเลื่อนชั้นกลับเข้าสู่ ไทยลีก 1 ได้สำเร็จ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของทั้งสององค์กรในการแสดงพลังของคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์สังคมด้วยพลังบวกผ่านการกีฬา

หลังจากเปิดตัวเป็นผู้สนับสนุนใหม่อย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟ.ซี. ในงาน “ฉลามชล คนกันเอง” เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Leapmotor Thailand นำโดย นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริหาร บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA), นายธีระพันธุ์ ละอองศรี ผู้จัดการทั่วไป Leapmotor Thailand, นายกิตติพงศ์ โชคดีอนันต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Leapmotor Thailand และ นายยุทธนา วิญญูพงศ์พันธ์ ผู้จำหน่าย Leapmotor สาขาชลบุรี ได้เดินทางมามอบรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor C10 รุ่น Design จำนวน 3 คัน ให้แก่สโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟ.ซี. โดยมี นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรฯ, นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรฯ, นายจีระศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อ รวมไปถึง นายชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว นักฟุตบอลทีมชาติไทย และกัปตันทีมชลบุรี เอฟ.ซี. ให้การต้อนรับและรับมอบ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ สนามชลบุรี ไดกิ้น สเตเดียม จ.ชลบุรี

ลีปมอเตอร์ จัดประชุมผู้จำหน่ายประจำปี 2568

ลีปมอเตอร์ ประเทศไทย จัดประชุมผู้จำหน่ายประจำปี 2568 (Leapmotor Thailand Dealer Conference 2025) ประกาศแผนขยายเครือข่ายโชว์รูมให้ครบ 15 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปี พร้อมตั้งเป้ายอดขายครึ่งปีหลังมากกว่า 600 คัน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

วันที่ 18 สิงหาคม 2568 (กรุงเทพฯ) : บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Leapmotor อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดการประชุมผู้จำหน่าย Leapmotor Thailand Dealer Conference 2025 ภายใต้แนวคิด “A Leap Forward – เพราะทุกก้าว คือ โอกาส” ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริหาร บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด และ นายธีระพันธุ์ ละอองศรี ผู้จัดการทั่วไป ลีปมอเตอร์ ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้จำหน่ายจากโชว์รูมทั้ง 12 แห่ง กว่า 20 ท่าน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เปิดโอกาสให้ผู้จำหน่ายได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor B10 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเตรียมเปิดตัวทำตลาดในประเทศไทยเร็วๆ นี้เป็นครั้งแรก ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด

การประชุมผู้จำหน่าย Leapmotor Thailand Dealer Conference 2025 จัดขึ้นโดย ลีปมอเตอร์ ประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศทิศทางและเป้าหมายสำหรับครึ่งปีหลัง ภายใต้ความมุ่งมั่นในการพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการให้ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด “A Leap Forward – เพราะทุกก้าว คือ โอกาส” ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักในการสร้างและเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ไปพร้อมๆ กับผู้จำหน่ายที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงผู้จำหน่ายรายใหม่ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวลีปมอเตอร์ในอนาคต

นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริการ PNA กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติเข้าร่วมงาน “การประชุมผู้จำหน่าย Leapmotor ประจำปี 2568 ครั้งที่ 1 การประชุมในวันนี้นับเป็น หมุดหมายสำคัญ ของการเดินหน้าสู่ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่าง Leapmotor และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เราตั้งใจจัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อเปิดพื้นที่ในการสื่อสารอย่างใกล้ชิด สร้างความเข้าใจร่วมกันในทิศทางของธุรกิจ แลกเปลี่ยนแนวคิด เสนอข้อคิดเห็น และร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ที่ทุกฝ่ายสามารถขับเคลื่อนไปพร้อมกันได้อย่างมั่นใจ”

นอกจากนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ Leapmotor B10 ซึ่งกำลังจะวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ผู้จำหน่ายทุกท่านจะได้สัมผัสรถยนต์รุ่นนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญ เพื่อให้ทุกท่านมีข้อมูลครบถ้วนและมั่นใจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาด และในอนาคตอันใกล้ เราจะมี Brand อื่นๆ ที่อยู่ในเครือ Stellantis มาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งจะขายในโชว์รูมเดียวกันกับ Leapmotor ด้วย

สิ่งที่มีความหมายอย่างแท้จริงในวันนี้ คือการที่เราได้มารวมตัวกันในฐานะพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน การสนับสนุน ความร่วมมือ และความคิดเห็นจากผู้จำหน่ายทุกท่าน คือ แรงขับเคลื่อนสำคัญ ที่จะทำให้ Leapmotor ประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในประเทศไทย

นายธีระพันธุ์ ละอองศรี ผู้จัดการทั่วไป Leapmotor Thailand กล่าวว่า “ภาพรวมของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันถือเป็นความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่อาจหยุดนิ่ง และต้องมุ่งมั่นคิดค้น พัฒนา และปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการแข่งขันในตลาด สิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องร่วมกันวางรากฐานแห่งความสำเร็จไปพร้อมกับผู้แทนจำหน่ายของเรา สำหรับกลยุทธ์หลักที่นำเสนอใน Leapmotor Thailand Dealer Conference 2025 ในครั้งนี้ เราให้ความสำคัญกับปัจจัยที่เป็นหัวใจของธุรกิจและการบริการลูกค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ การบริหารจัดการอะไหล่และคลังสินค้า การพัฒนาศักยภาพพนักงานขาย การบริการหลังการขาย และมาตรฐานโชว์รูมที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ กลยุทธ์เหล่านี้จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพของผู้แทนจำหน่าย และพร้อมรองรับการขยายเครือข่ายโชว์รูมให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย”

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด Leapmotor B10 อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกในตระกูล B Series โดยได้วางกลยุทธ์การทำตลาดผ่านแคมเปญ Pre-Booking ก่อนการเปิดตัวจริง เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจจากกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน Leapmotor B10 โดดเด่นด้วยดีไซน์กะทัดรัดทันสมัย สีสันสะดุดตา และมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 28–45 ปีได้อย่างลงตัว คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและกลายเป็นอีกหนึ่งรุ่นสำคัญในการขยายฐานลูกค้าของลีปมอเตอร์ในประเทศไทย

สำหรับแผนการเปิดตัวในอนาคต ลีปมอเตอร์ เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล B SUV ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยจะมีการเผยโฉมคันจริงครั้งแรกที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทแม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะคัดสรรเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด พัฒนาโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในประเทศไทย “ในส่วนของเป้าหมายครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมมากกว่า 600 คัน โดยแบ่งเป็นรุ่น Leapmotor C10 ที่เปิดตัวไปแล้วทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Design และ Style รวมถึงรุ่นใหม่ Leapmotor B10 ที่เตรียมทำตลาดในประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 400 คัน”

ในด้านการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ ล่าสุด Leapmotor Thailand ได้ประกาศความร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี อย่างเป็นทางการ โดยโลโก้ของ Leapmotor จะปรากฏบนชุดแข่งขันของสโมสร ซึ่งเพิ่งมีการแถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแฟนคลับเป็นจำนวนมาก ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างการรับรู้แบรนด์และเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จับมือกับพันธมิตรในธุรกิจบริการเช่ารถ Sub A Car แอปพลิเคชันให้เช่ารถรายบุคคลที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่า เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองขับและสัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าของ Leapmotor หลากหลายรุ่นก่อนตัดสินใจซื้อจริง เพื่อสร้างความมั่นใจและประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่สะท้อนแนวคิด ‘A Leap Forward – เพราะทุกก้าว คือ โอกาส’ ในการก้าวไปพร้อมกับลูกค้าและพันธมิตรทุกคน

ภาพรวมของโชว์รูม Leapmotor ในปัจจุบัน เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วในหลายพื้นที่ ครอบคลุมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ รัชโยธิน, ลาดพร้าว, จอมทอง, อ่อนนุช และนนทบุรี ส่วนภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, พิษณุโลก และเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี และภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา รวมทั้งหมด 11 โชว์รูมที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายเครือข่ายโชว์รูมให้ครบ 21 แห่ง พร้อมยกระดับทุกโชว์รูมและศูนย์บริการให้ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย

โตโยต้า แนะนำ NEW YARIS ATIV HEV พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ BEV รุ่น NEW bZ4X ในประเทศไทย

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.คาซุฮิโกะ โยชิโอกะ ผู้จัดการโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ YAR IS ATIV และ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวการเปิดตัว “NEW YARIS ATIV HEV” รถยนต์ซับคอมแพคซีดานรุ่นยอดนิยมในประเทศไทยของโตโยต้า กับขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด ที่จะมาเติมเต็มตลาดรถยนต์ในกลุ่มอีโคเซกเมนต์กับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น HEV Premium และเร้าใจขึ้นอีกระดับ กับรุ่น HEV GR Sport

พร้อมแนะนำและเปิดรับจองสิทธิ์รถยนต์ไฟฟ้า BEV อเนกประสงค์ รุ่น NEW bZ4X ประกอบและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้มาตรฐานการผลิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มีความพร้อมของชิ้นส่วนอะไหล่ และเครือข่ายงานบริการที่ไว้วางใจได้สูงสุด ผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณ Toyota ALIVE บางนา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ NEW YARIS ATIV HEV กับทางเลือกรุ่น HEV Premium และรุ่น HEV GR Sport  มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i ผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า พร้อมอัตราการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด 29.4 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Stickerโดยทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ ในรุ่น HEV Premium) การออกแบบภายนอก กระจังหน้าด้านบนโครเมียมรมดำ กระจังหน้าด้านล่างสีเทาเมทัลลิก พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว ในรุ่น HEV Premium ภายในฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบายครบครัน หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย พร้อมความมั่นใจได้ในระบบความปลอดภัยเหนือระดับตามมาตรฐานโตโยต้า

สำหรับรุ่น HEV GR Sport โฉบเฉี่ยว ดูสปอร์ต กับดีไซน์กระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมโลโก้ GR และชุดแต่ง GR-S ได้แก่ สเกิร์ตกันชนหน้า ชุดสเกิร์ตข้าง สเกิร์ตกันชนหลังและสปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว หลังคาดำ พร้อมกระจกมองข้างสีดำปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED และพับเก็บอัตโนมัติ สำหรับภายในมากับเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ พร้อมโลโก้ GR และเพิ่มความสนุกในการขับขี่ด้วยช่วงล่างและพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับจูนพิเศษ

โดยลูกค้าสามารถมอบความไว้วางใจให้กับโตโยต้าตลอดอายุการใช้งานด้วยศูนย์บริการกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์ด้านระบบไฮบริด และมาตรฐานความพร้อมด้านอะไหล่ที่ครบครัน ภายใต้แนวคิด “TOYOTA NO.1 TRUSTED HYBRID”

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ด้วยไลน์อัพของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของโตโยต้า ทำให้เรายังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด และครองอันดับหนึ่งด้วยยอดขายสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง 7 เซกเมนต์ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเติบโตของตลาด xEV และ SUV ซึ่งการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ก็ได้ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ BEV ในกลุ่มตลาด xEV เติบโตขึ้นด้วย หากแต่เมื่อพิจารณาด้านการใช้งานจริงแล้ว เรายังเชื่อมั่นว่ารถยนต์ HEV ยังคงมีบทบาทสำคัญ สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับตลาดโลก สำหรับกลุ่มตลาด SUV มีกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ หรือ D-SUV ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่เป็นรถ BEV ทำให้ยอดขายรถ SUV ในปัจจุบันมีสัดส่วนสูงสุดในประเทศไทย

ซึ่งในวันนี้ เรายินดีแนะนำรถยนต์ 2 รุ่น ที่จะมาช่วยเสริมทัพไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของโตโยต้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเติบโตของตลาดในเซกเมนต์นี้

เริ่มจาก bZ4X ใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า BEV อเนกประสงค์ D-Segment เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังมองหารถ SUV ขนาดใหญ่ โดยในปี 2565 โตโยต้าได้แนะนำรถ BEV รุ่นแรกคือ bZ4X สู่ประเทศไทย ภายใต้มาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า EV3.0 ของรัฐบาลไทย แต่เนื่องจากขีดจำกัดด้านการจัดสรรจำนวนรถในเวลานั้น ทำให้เราขายเพียงแค่ 132 คันเท่านั้น

แต่สำหรับ bZ4X ใหม่จะนำเข้าจากญี่ปุ่นในรูปแบบ CBU และเข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ด้วยเป้าหมายยอดขายที่ มากกว่าเดิม ถึง 6,000 คันในช่วงปีแรก

หลายท่านอาจคิดว่า NEW bZ4X เป็นเพียงการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ แต่ในความเป็นจริง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์อีกขั้น ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สะดุดตาและน่าดึงดูด ใช้เวลาในการชาร์จเร็วขึ้น และที่สำคัญ ในรุ่นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ยังสามารถทำระยะการขับขี่ได้ถึง 600* กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ภายใต้มาตรฐาน NEDC ซึ่งไกลกว่ารถหลายรุ่นด้วยกัน พละกำลังสูงสุดได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น และติดตั้งระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบมาตรฐานโตโยต้าในทุกรุ่นย่อย   

หมายเหตุ : * ข้อมูลระยะทางวิ่งสูงสุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยอยู่ระหว่างการรับรองขั้นสุดท้าย

ผมเชื่อมั่นว่าเสถียรภาพ (stability) ความรู้สึกในการควบคุมพวงมาลัย (steering feel) ความนุ่มนวล (riding comfort) และประสิทธิภาพการเบรกนั้นอยู่ในระดับ “สูงสุดในรถระดับเดียวกัน” โดยเราจะจัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับรถรุ่นนี้ในช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อให้ท่านได้สัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของรถรุ่นนี้ด้วยตนเอง และเราจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ทั้งนี้ เราขอประกาศการเปิดรับจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของล่วงหน้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

และโตโยต้ายังมีอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่สำหรับ bZ4X ใหม่ โดยที่รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,5xx,xxx บาท และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,6xx,xxx บาท


นอกจากการที่ bZ4X มีมาตรฐานคุณภาพระดับโลกของโตโยต้าแล้ว เรายังมีระบบการจัดการชิ้นส่วนอะไหล่และเครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุม กับโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ เราจึงมั่นใจว่า NEW bZ4X จะมอบความอุ่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า จึงอาจกล่าวได้ว่า bZ4X ใหม่จะไม่เพียงแต่มอบความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของเท่านั้น แต่ยังมอบความสุขให้กับชีวิตผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ในทุกๆ วันอีกด้วย

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวแนะนำ YARIS ATIV ว่า “ในวันนี้ เราขอแนะนำรถอีกรุ่นหนึ่ง คือ NEW YARIS ATIV HEV โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีการแนะนำ YARIS ATIV สู่ตลาดรถอีโคเซกเมนต์ในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2560 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าชาวไทย ทั้งมีบทบาทสำคัญในตลาดกลุ่มอีโคเซกเมนต์ ด้วยยอดขายสะสมรวมกว่า 280,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน (ข้อมูลยอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เดือน ระหว่างสิงหาคม 2560  – กรกฎาคม พ.ศ. 2568)

ที่สำคัญ เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ YARIS ATIV ได้มีส่วนสร้างการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่การมีส่วนร่วมของวิศวกรชาวไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้น ยังใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศถึง 73% ผลิตภายใต้คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของ โตโยต้า ณ โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายยังกว่า 34 ประเทศทั่วโลก

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศ ตลอดจนความต้องการของรถยนต์ไฮบริด ที่เพิ่มมากขึ้น และต่อยอดการส่งเสริมเศรษฐกิจและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทย เราจึงขอแนะนำ NEW YARIS ATIV HEV ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Be Confident & Beyond Expectation” โดยรถยนต์รุ่นนี้จะครองใจลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในรุ่นที่สร้างยอดขายให้กับโตโยต้า ด้วยเป้าหมายการขายที่ 20,000 คัน ในปีแรก กับทางเลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น HEV Premium และรุ่น HEV GR Sport

ซึ่งนอกเหนือจากดีไซน์ภายนอกซึ่งได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี และภายในของรถที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันแล้ว ยังมีการปรับขนาดของเครื่องยนต์จาก 1.2 ลิตร เป็น 1.5 ลิตร และดัวยเทคโนโลยีไฮบริดที่เชื่อถือได้ของโตโยต้า NEW YARIS ATIV HEV สามารถมอบสมรรถนะอันทรงพลังและประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน โดยมีอัตราสิ้นการใช้เชื้อเพลิงไฮบริดที่ดีที่สุดในประเทศไทย ที่ 29.4 กม./ลิตร

สำหรับ รุ่น HEV GR Sport ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตและระบบช่วงล่างที่เป็นเอกลักษณ์ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานยิ่งขึ้น โดยมร.คาซุฮิโกะ โยชิโอกะ ผู้จัดการโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ YARIS ATIV จะะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง

ยิ่งไปกว่านั้น เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อไป โดย NEW YARIS ATIV HEV จะใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเริ่มต้นที่ 65% โดยเรามีแผนที่จะเพิ่มให้มากขึ้น รวมทั้ง มีการส่งออกรถรุ่นนี้ไปยัง 23 ประเทศอีกด้วย

เราเชื่อมั่นว่ารถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ bZ4X ใหม่และ NEW YARIS ATIV HEV จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์แบบครบวงจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อโตโยต้าให้มากขึ้น พร้อมก้าวเดินและเติบโตไปพร้อมๆ กัน  นอกจากนี้ เรายังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมให้กับลูกค้าในประเทศไทยอีก ในปลายปีนี้” มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวปิดท้าย

มร.คาซุฮิโกะ โยชิโอกะ ผู้จัดการโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ YARIS ATIV กล่าวถึงรถรุ่นนี้ว่า “หลายคนน่าจะมีประสบการณ์ที่ดีกับ YARIS ATIV รุ่นปัจจุบัน ซึ่งคุณจะได้รับประสบการณ์ที่น่าเพลิดเพลินยิ่งขึ้น กับรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด (HEV) ซึ่งต่อยอดจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) โดยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ทันสมัยครบครัน

3.1. รถยนต์ไฮบริดสำหรับทุกคน (HEV for everyone)

โตโยต้ามุ่งหวังให้ลูกค้าทุกคนได้สัมผัสระบบไฮบริดของโตโยต้า (THS : Toyota Hybrid System) ผ่านการออกแบบและพัฒนาให้ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในด้านของสมรรถนะการขับขี่ อัตราการประหยัดน้ำมัน และราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถรวมอยู่ในรถรุ่น NEW YARIS ATIV HEV

3.2. รถยนต์ไฮบริดที่ไว้ใจได้ (Reliable HEV)

ด้วยความเชี่ยวชาญของโตโยต้าในระบบไฮบริดที่มีมาอย่างยาวนาน ที่เราคิดว่าสามารถตอบโจทย์การจราจรที่หนาแน่นในประเทศไทย เพราะเราเข้าใจดีว่าการเปลี่ยนเลนหรือการขับขี่นานๆอาจทำให้ผู้ขับขี่นั้นเหนื่อยล้า ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นให้จังหวะการออกตัวมีอัตราเร่งที่ดีขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยการเสริมกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันนั้นง่ายยิ่งขึ้น

ด้วยประสิทธิภาพของระบบไฮบริดของโตโยต้า NEW YARIS ATIV HEV จะเหมือนเป็นคู่หูที่ไว้ใจได้คู่ใจคุณในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล

3.3. การออกแบบพิเศษ รุ่น HEV GR Sport (GR Sport Package)

สำหรับในรุ่น HEV GR Sport ที่ถูกออกแบบและพัฒนา จากสนามแข่งสู่ถนนจริง ด้วยดีไซน์ภายนอกที่แตกต่าง พร้อมโลโก้ GR และชุดแต่ง GR-S ที่ไม่ใช่เพียงเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น แต่ยังช่วยเสริมอากาศพลศาสตร์ของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ด้วยช่วงล่างและพวงมาลัยที่ถูกปรับจูนพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ต ไม่เหมือนใคร ในทุกด้าน

และ HEV GR Sport ยังได้รับการทดสอบขับโดยนักขับมืออาชีพของ GR จากฝ่ายสถาบันทักษะเทคนิคขั้นสูง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามปรัชญาของ GR ที่ว่า “รถสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า มอบความตื่นเต้นและความสนุกสนานในการขับขี่ทุกวัน”

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “โตโยต้าเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฮบริดและได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 16 ปี อีกทั้งยังมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับโลกโดยลูกค้าสามารถมอบความไว้วางใจให้กับโตโยต้าตลอดการใช้งาน ภายใต้แนวคิด “TOYOTA NO.1 TRUSTED HEV” โดยมีจุดเด่น ดังนี้

1. การรับประกันระบบไฮบริด 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่สูงสุด 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง (เช็กระยะตามเงื่อนไข TCFR Plus+)

2. Toyota Service Technician ช่างผู้ชำนาญการ ที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้าที่มีมากกว่า 8,000 คน รวมถึงอุปกรณ์การซ่อมที่ได้มาตรฐานสำหรับรถไฮบริด ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 450 แห่ง

3. ด้านอะไหล่ เรามีความพร้อมให้บริการ เรามีการจัดเตรียมอะไหล่ไว้รองรับนานกว่า 15 ปี และสามารถจัดส่งได้เร็วสุดภายใน 48 ชั่วโมง

ด้วยจุดแข็งหลักที่กล่าวมาสามารถพิสูจน์ได้ถึงความไว้วางใจของลูกค้า จากความนิยมและราคาขายต่อรถไฮบริดของโตโยต้านั้น ยังคงมีมูลค่าที่สูง และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

ซึ่ง NEW YARIS ATIV HEV เป็นอีกทางเลือกที่เข้าถึงได้ในราคาที่คุ้มค่าสำหรับคนรุ่นใหม่ กับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ HEV Premium และ HEV GR Sport

สำหรับรุ่น HEV Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร  แบตเตอรี่ Lithium-ion ขับเคลื่อนล้อหน้า เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานควบคู่กัน จะได้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอัตราเร่งในช่วงออกตัวและช่วงการเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องยนต์ ประหยัดน้ำมันสูงสุดในกลุ่มรถ HEV อยู่ที่ 29.4 km/L และยังคงสิทธิพิเศษ ที่คุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน เช่นเดียวกับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น อาทิเช่น บริการสินเชื่อ Connected Auto Loan (CAL) , ประกัน PHYD , โปรแกรมสะสมคะแนน Toyota Alive X , โปรแกรม TCFR Plus+ สิทธิประโยชน์ตามการเช็กระยะต่อเนื่อง มาพร้อมสเปคจุดเด่นและจุดที่เพิ่มเติมใหม่ ดังนี้

อุปกรณ์ภายนอก

-กระจังหน้าด้านบนโครเมียมรมดำ และด้านล่างสีเทาเมทัลลิก

-ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว 

อุปกรณ์ภายใน

-เบาะหนังสังเคราะห์สีดำ-เทา

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

-หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

-อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย

-ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า EPB (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH (Auto Brake Hold)

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง และระบบกรองฝุ่น PM2.5

-ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ปรับได้ 64 เฉดสี

ระบบความปลอดภัย

-ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ LKC : Lane Keeping Control หรือระบบช่วยคุมรถให้อยู่ในเลน ที่จะทำงานคู่กับ Adaptive Cruise Control แบบ All-speed

-ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)

-ระบบช่วยเตือนขณะถอยจอด RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

-กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)

-สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง

-กล้องวิดีโอบันทึกภาพด้านหน้า DVR (Digital Video Recorder)

-Airbag 6 ตำแหน่ง

สำหรับผู้ที่มองหาความโดดเด่น สปอร์ตและขับสนุกยิ่งขึ้น เรามีรุ่น HEV GR Sport ไว้ให้เป็นทางเลือกกับ สเปกหลักที่เพิ่มขึ้น ดังนี้

-กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมโลโก้ GR

-ชุดแต่ง GR-S ได้แก่ สเกิร์ตกันชนหน้า ชุดสเกิร์ตข้าง สเกิร์ตกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง

-ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

-หลังคาดำ

-ช่วงล่างและพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS พร้อมโลโก้ GR ปรับจูนพิเศษ

-กระจกมองข้างสีดำปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED และพับเก็บอัตโนมัติ

-เบาะหนังสังเคราะห์และพวงมาลัยสีดำ พร้อมโลโก้ GR

-ลำโพง pioneer 6 ตำแหน่ง

สำหรับสีภายนอก รุ่น HEV Premium มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี และรุ่น HEV GR Sport มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี มาพร้อมหลังคาดำ

โดยในครั้งนี้เรามั่นใจว่า NEW YARIS ATIV HEV นั้นจะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในตลาดรถยนต์อีโคเซกเมนต์ ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยทางเลือกที่หลากหลายตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหานวัตกรรม คุณภาพ เน้นความคุ้มค่าในระยะยาวและเป็นเจ้าของง่าย ผ่านการสื่อสาร ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ที่มุ่งมั่นสู่การพัฒนาตัวเองในทุกจังหวะของชีวิต พร้อมยกระดับชีวิตได้ในทุกมุมมอง ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านพรีเซนเตอร์ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ทั้ง 2 ท่านภายใต้คอนเซปต์การสื่อสาร ‘YOUR DAYS ELEVATED’ ‘จังหวะที่ใช่ ในแบบเรา’

เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้พรีเมียมและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ทางเราได้จัดเตรียมชุดแต่งใหม่ภายใต้ชื่อ CHARISMO DRIFT มาเป็นทางเลือกในรุ่น HEV Premium โดยในชุดจะประกอบไปด้วย สเกิร์ตกันชนหน้า ชุดสเกิร์ตข้าง สเกิร์ตกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการความสปอร์ต แตกต่างไม่เหมือนใคร

เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เฝ้ารอการเปิดตัวและต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์นั่งไฮบริดตัวเริ่มต้น NEW YARIS ATIV HEV เราจึงขอมอบราคาพิเศษแนะนำจนถึงสิ้นปีนี้

เพื่อให้ทุกท่านเป็นเจ้าของ NEW YARIS ATIV HEV ได้ง่ายยิ่งขึ้น เรายังได้เตรียมข้อเสนอสุดพิเศษ ผ่อนเริ่มต้นเพียง 6,443 บาทต่อเดือน หรือ เลือกรับฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดสูงสุด 10 ปี (เช็กระยะตามเงื่อนไข TCFR Plus+) รวมทั้งบริการและสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย”

เลือกเป็นเจ้าของ NEW YARIS ATIV HEV ได้ 2 รุ่นย่อย

ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

•รุ่น HEV GR Sport                    ราคา 779,000 บาท บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

(มาพร้อมสีภายนอก 3 สี ได้แก่ สีดำ Attitude Black Mica / สีขาวมุก หลังคาดำ Platinum White Pearl with Black Roof และสีแดง หลังคาดำ Red Mica Metallic with Black Roof, ภายในสีดำ)

สำหรับสี Platinum White Pearl with Black Roof เพิ่ม 12,000 บาท

สำหรับสี Red Mica Metallic with Black Roof เพิ่ม 5,000 บาท

•รุ่น HEV Premium                    ราคา 729,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

(มาพร้อมสีภายนอก 5 สี ได้แก่ สีเงิน Metal Stream Metallic / สีเทา Urban Metal / สีดำ Attitude Black Mica / สีขาวมุก Platinum White Pearl / และสีแดง Red Mica Metallic, ภายในสีดำ-เทา)

สำหรับสี Platinum White Pearl เพิ่ม 7,000 บาท

ราคาพิเศษช่วงแนะนำ  (ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568)

รุ่น HEV GR Sport              ราคา 769,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

(มาพร้อมสีภายนอก 3 สี ได้แก่ สีดำ Attitude Black Mica / สีขาวมุก หลังคาดำ Platinum White Pearl with Black Roof และสีแดง หลังคาดำ Red Mica Metallic with Black Roof, ภายในสีดำ)

สำหรับสี Platinum White Pearl with Black Roof เพิ่ม 12,000 บาท

สำหรับสี Red Mica Metallic with Black Roof เพิ่ม 5,000 บาท

รุ่น HEV Premium              ราคา 719,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

(มาพร้อมสีภายนอก 5 สี ได้แก่ สีเงิน Metal Stream Metallic / สีเทา Urban Metal / สีดำ Attitude Black Mica / สีขาวมุก Platinum White Pearl / และสีแดง Red Mica Metallic, ภายในสีดำ-เทา)

สำหรับสี Platinum White Pearl เพิ่ม 7,000 บาท

พร้อมขยายระยะเวลาการคุ้มครอง TCFR Plus+ มูลค่า 12,000 บาท ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. และขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง TOYOTA ACCESSORIES

-ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง CHARISMO DRIFT

(สำหรับรุ่น NEW YARIS ATIV HEV รุ่น HEV Premium และ YARIS ATIV รุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร) : เสริมภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมียม สะกดทุกสายตาด้วยความโดดเด่นเหนือระดับ

 – ราคาขายปลีกแนะนำ 19,990 บาท**

 – พิเศษช่วงแนะนำ รับส่วนลด 4,000 บาท เหลือ 15,990 บาท** หรือผ่อนเพิ่มเริ่มต้น 240 บาท/เดือน***

-สเกิร์ตกันชนหน้า              ราคา 4,600 บาท

-ชุดสเกิร์ตข้าง                   ราคา 6,500 บาท

-สเกิร์ตกันชนหลัง              ราคา 4,600บาท

-สปอยเลอร์หลัง                ราคา 4,290 บาท

-ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง GR

(สำหรับรุ่น NEW YARIS ATIV HEV รุ่น HEV Premium และ YARIS ATIV รุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร) : ชุดแต่ง SPORT RACING แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง MOTORSPORT ถ่ายทอดสู่ทุกเส้นทางของคุณ

  – ราคาขายปลีกแนะนำ 28,990 บาท**

  – พิเศษช่วงแนะนำ รับส่วนลด 6,000 บาท เหลือ 22,990 บาท** หรือผ่อนเพิ่มเริ่มต้น 345 บาท/เดือน****

-สเกิร์ตกันชนหน้า GR       ราคา 6,890 บาท

-ชุดสเกิร์ตข้าง GR             ราคา 7,900 บาท

-สเกิร์ตกันชนหลัง GR        ราคา 7,200บาท

-สปอยเลอร์หลัง GR           ราคา 7,000 บาท

หมายเหตุ :

-**รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และราคาดังกล่าวไม่รวมค่าแรงติดตั้ง

-***ราคาผ่อนเพิ่ม 240 บาท/เดือน (ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 15,990 บาท) ไม่รวมค่าติดตั้ง คำนวณจากรถยาริสเอทีฟ รุ่น HEV Premium โดยโปรแกรมสบายดีของโตโยต้าลีสซิ่ง ดาวน์ 25% ระยะเวลา 84 เดือน ดอกเบี้ย 3.69%

-****ราคาผ่อนเพิ่ม 345 บาท/เดือน (ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 22,990 บาท) ไม่รวมค่าติดตั้ง คำนวณจากรถยาริสเอทีฟ รุ่น HEV Premium โดยโปรแกรมสบายดีของโตโยต้าลีสซิ่ง ดาวน์ 25% ระยะเวลา 84 เดือน ดอกเบี้ย 3.69%

-ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง CHARISMO DRIFT และ GR ที่จัดจำหน่ายผ่านช่องทางผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งแท้โตโยต้าสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

-โปรดศึกษารายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ https://www.toyota.co.th/accessories/warranty/tga

และพบทางเลือกในการเป็นเจ้าของรูปแบบใหม่ KINTO

มีรถใช้ แบบไม่ต้องซื้อ บริการให้เช่ารถยนต์ระยะยาวจากโตโยต้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตการขับขี่สะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น จ่ายราคาเดียวเท่ากันทุกเดือน ในราคาเริ่มต้นเพียง 12,900 บาท ต่อเดือน ในรุ่น HEV Premium พร้อมบริการครบวงจร ประกันภัยชั้น 1 การบำรุงรักษา ต่อ พ.ร.บ. ภาษี ให้ตลอดอายุสัญญา

และเปิดรับจองสิทธิ์ เพื่อเป็นเจ้าของ NEW bZ4Xผ่านช่องทางออนไลน์

ที่ https://stores.toyota.co.th/register/bz4x

•รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)      ราคาเริ่มต้น  1,5xx,xxxx บาท

•รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)          ราคาเริ่มต้น1,6xx,xxxx บาท

(มาพร้อมสีภายนอก 4 สี ได้แก่ Precious Metal Black Roof / Platinum White Black Roof / Emotional Red Black Roof / Attitude Black)

พิเศษ รับทันทีส่วนลดเงินสด 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% เฉพาะ 2,000 สิทธิ์แรก สำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์ตั้งแต่ 21 สิงหาคม -19 ตุลาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด (อัตราดอกเบี้ยคำนวณที่ดาวน์ 25% ขึ้นไป นาน 48 เดือน สำหรับผู้ซื้อที่ผ่านการอนุมัติจาก โตโยต้าลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยคำนวณจากดอกเบี้ยต้นงวดและส่วนลดดอกเบี้ยรถไฟฟ้า)

พบ TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV ครั้งแรก ในงาน BIG MOTOR SALE

ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคม 2568 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

หรือกิจกรรม Toyota Easy Drive Easy Deal ที่ Future Park รังสิต

ในวันที่ 21-25 สิงหาคม 2568

ทดลองขับ NEW YARIS ATIV HEV ณ Toyota ALIVE ได้ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมนี้

และสัมผัสและทดลองขับ พร้อมพบกิจกรรมพิเศษที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

ระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2568

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.toyota.co.th/               Facebook: Toyota Motor Thailand

LINE Official: @ToyotaThailand        TikTok: @ToyotaMotorTH X: @ToyotaMotorTH                            Instagram: @toyotamotorthailandofficial

Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 2 จ.ภูเก็ต กับฤดูกาลความสนุก พร้อมปลุกเร้าจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ผู้สนับสนุนรายการอย่างเป็นทางการ และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าจังหวัดภูเก็ต เปิดการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 สนามที่ 2 ที่จัดขึ้นในวันที่ 16-17 สิงหาคม 2568 ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จ.ภูเก็ต จัดเต็มกิจกรรมสุดมันส์โดนใจวัยรุ่นชาวภูเก็ตตลอดทั้งสองวัน กระหึ่มไปด้วยเสียงเชียร์และความสนุกของผู้ชมรอบสนาม

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเปิดการแข่งขันว่า “ขอขอบคุณทางจังหวัด หน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น ห้างร้าน รวมทั้ง พี่น้องชาวภูเก็ตทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับ เข้าร่วมกิจกรรม และสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ปีนี้ เป็นปีที่โตโยต้าดำเนินกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเป็นปีที่ 39 ในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับคนไทย โดยสนามภูเก็ต เป็นสนามที่ 2 ของการแข่งขันนี้จะทำให้ท่านสนุกสนาน เร้าใจ ภายใต้แนวคิด Make Ever-Better Car From Circuit to the road กับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “Toyota One Make Race” ทั้ง “ยาริส วันเมคเรซ” “ยาริส เอทีฟ เลดี้ วันเมคเรซ” “ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ” และ “โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต วันเมคเรซ”

รวมทั้ง ในช่วง HOT LAP เราได้ขนขบวนรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ตระกูล GR ครบทุกรุ่น มาให้ทุกท่านได้สัมผัส นำโดย GR SUPRA TRACK EDITION รุ่นใหม่ มาโชว์สุดยอดสมรรถนะในตำนาน เป็นครั้งแรก และยังมีรุ่นอื่นๆ ทั้ง GR 86, GR COROLLA, GR YARIS รวมถึงรถยนต์ในรุ่น GR SPORT ร่วมท้าทายขีดจำกัด ซึ่งท่านจะได้นั่งไปกับนักแข่งจากทีม Toyota Gazoo Racing Thailand”

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 20 รอบ)

เปิดรายการแรกด้วยสมรรถนะ และความปราดเปรียวของรถยนต์ YARIS Hatchback เรียกเสียงเชียร์จากแฟนๆ นักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ป๊ายปาย โอริโอ้” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ลงสนามด้วย YARIS One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก บรรยากาศการแข่งขันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน ตลอด 20 รอบการแข่งขัน ผู้ที่คว้าตำแหน่งแชมป์สนามสองได้แก่ หมายเลข 68 ศิริภากรณ์ แยบยนต์ จากทีม TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
168ศิริภากรณ์ แยบยนต์TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3
223Abdul Migail23 Motors Racing Team
322Komura ToshikiRUK Team Nexzter PMC 52
427เอกชัย อิทรจินดาB-Quik Racing Team
542กวินท์ ปฏิภาณประเสริฐModern Bug Racing Runstop Ozawa AFV GJ

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 20 รอบ)

เร้าใจต่อเนื่อง มันส์ไม่แพ้ Division 1 สำหรับแชมป์สนามสองตกเป็นของ หมายเลข 8        Warauyo Hinjiranan จากทีม Men’s Health Masterpiece x Nexkart Racing   

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
18Warauyo HinjirananMen’s Health Masterpiece x Nexkart Racing
215Boonchoke ThiratarakornLiqui Moly Thailand By Prakin Racing xHGRxVG
399Tinnasit IsarapongpornLenso Motorsport by WootBangbon3
439Clement Leung
55Jongchai Wongsaithong

ผลการแข่งขัน YARIS ATIV Lady One Make Race (แข่งขัน 20 รอบ)

เพลิดเพลินไปกับนักแข่งสาวสวยในรายการ โดยนักแข่งดาวรุ่งจาก Toyota Racing Star Team “มิย่า พิชชา ทองเจือ” ลงสนามด้วย YARIS ATIV One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก และสามารถชิงอันดับที่ 4 ขึ้นยืนโพรเดียมได้ในสนามนี้ จบการแข่งขันผลปรากฏว่า อันดับที่ 1 ตกเป็นของ หมายเลข 135 Piyawadee Phuettisan จากทีม  A Motorsport Racing Team

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
1135Piyawadee PhuettisanA Motorsport Racing Team
2107Sitanun PikulkajornBfin Racing Compact Wise the Hub
3195Khemisara KhonpdusaBurgundi Motorsport
4198Pitcha Miya ThongchuaTOYOTA Racing Star Team
5114Lunlana GreeutATECH & PSD DRIVING SCHOOL

ผลการแข่งขัน HILUX REVO One Make Race (แข่งขัน 20 รอบ)

กระหึ่มสนามไปกับรายการแข่งขันชิงเจ้ากระบะ โชว์สมรรถนะของเครื่องยนต์ GD Super Power 2,400 ซีซี ผลการแข่งขัน ตำแหน่งแชมป์สนามนี้ ตกเป็นของ หมายเลข 4 Naruchit Kiatmaneesri จากทีม TD Racing by SP Auto

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
14Naruchit KiatmaneesriTD Racing by SP Auto
23Kittisak SeangsalakBKC x Voltronic By House Of Cars x Vangarg Garage
349Pongsatorn OwnonKM Racing
4 55Perk Lertwangpong
519Nirut Sutcharit

ผลการแข่งขัน COROLLA ALTIS GR Sport One Make Race (แข่งขัน 20 รอบ)

เข้มข้น เร้าใจสุดๆ ปีนี้ ยังคงมีนักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ปังปอนด์ อัครวุฒิ” ดารานักแข่งสุดหล่อ เข้าร่วมแข่งขัน และสามารถชิงอันดับที่ 2  ขึ้นยืนโพรเดียมได้ในสนามนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนคลับ จบการแข่งขันปรากฎว่า  หมายเลข 17 Rotor Thongchua จากทีม Superclub Racing Team คว้าแชมป์อันดับ 1 ไปครอง

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
117Rotor ThongchuaSuperclub Racing Team
210Akalavut MankalasutTOYOTA Racing Star Team
39Sittichai KungnimirSpeedRev Racing By NCL Service
466Srithana MitareeLenso Motorsport Sinthorn B88 Wrap X Treme by VG
53Kentaro ChibaORC Racing Motul

นอกจากการแข่งขันรถยนต์สุดมัน ยังมีกิจกรรมสำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตได้ร่วมสนุก

•กิจกรรมพิเศษ GR EXPERIENCE สำหรับลูกค้าจาก GR Garage ทั้ง 6 แห่ง ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ กับรถสปอร์ต ตระกูล GR Series ในช่วง HOTLAP และได้ร่วมพูดคุยกับ CAR GURU อย่าง คุณเบียร์ ใบหยก

•การจัดแสดงรถยนต์ GR SUPRA TRACK EDITION รุ่นใหม่

•กิจกรรม WALK ABOUT ON TRACK / PIT WALK ที่มีทั้งนักแข่ง รถแข่ง ที่ทุกคนได้ไปสัมผัส

•สนุกกับคอนเสิร์ต จากพิธีกรสายฮา ซานิ นิภาภรณ์ และร็อคสุดมันส์ จากวงไททศมิตร

•GR FAST FUN SHOW ขับโดยนักแข่งจาก จากทีม Toyota Gazoo Racing Thailand และ GR TRIPLE DRIFT SHOW โดยนักขับมืออาชีพ ระดับแชมป์ อย่าง เป้, ปอนด์ และ พีท ทองเจือ ที่เรียกเสียงความมันส์ได้อย่างสะใจ

•โซนจัดแสดงนิทรรศการ Make Ever-Better Cars From Circuit to the Road จัดแสดงรถ GR Model อาทิ GR Supra และ GR Corolla รวมไปถึงยนตกรรม เชื้อเพลิงทางเลือก Carbon Neutral Fuel เพื่อเสริมสร้าง ความเป็นกลางทางคาร์บอน

•กิจกรรมการประกวดถ่ายภาพ และ TIKTOK Contest

•กิจกรรม Pit Service Challenge ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ เยาวชนได้ร่วมแข่งขันและใช้ทักษะในการเปลี่ยนยางได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

•การเปิดพื้นที่แสดงดนตรีสด โดยวงดนตรีจากสถานบันศึกษาในจังหวัดภูเก็ต

•กิจกรรม Balance Bike Kids (จักรยานขาไถ) สำหรับน้องๆ ที่เข้าร่วมแข่งขันในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับความสนใจและเสริมพัฒนาการทางร่างกายและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง

•บูธของที่ระลึกจาก GR Collection ที่จับมือกับแบรนด์ CARNIVAL จัดแสดงสินค้าเป็นครั้งแรกในงาน

•สินค้าอุปกรณ์ตกแต่ง พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ จากบูธสปอนเซอร์ต่างๆ

•เหล่า Car Club และแฟนมอเตอร์สปอร์ต พร้อมรถแต่งจัดเต็ม ร่วมพูดคุย Meet & Greet กับศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง อย่าง เบียร์ ใบหยก

•พบข้อเสนอสุดพิเศษ ภายในบูธผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าในจังหวัดภูเก็ต และพันธมิตร

มันกันต่อกับ Toyota Gazoo Racing Thailand สนามที่ 3 และ 4

วันที่ 13-14 กันยายน 2568 นี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

แฟนพันธุ์แท้กีฬามอเตอร์สปอร์ต ห้ามพลาด!

ติดตามข้อมูลข่าวสาร และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Facebook / Youtube: ToyotaGazooRacingThailand

Instagram: tgrthailand   

TikTok: tgr.Thailand

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมเผยโฉม CLA 250+ with EQ Technology ในงาน Motor Expo 2025

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมเผยโฉม CLA 250+ with EQ Technology ครั้งแรกในงาน Motor Expo พร้อมส่งท้ายไลน์อัพ Mercedes-EQ ด้วยแคมเปญ “DEFINING ELECTRIC” ดีไซเนอร์ระดับโลก

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ประเดิมจัดงาน CLASS OF ITS OWN. “The new CLA Designer Talk” สร้างปรากฏการณ์ในรอบ 20 ปี ด้วยการดึงตัว “เดนนิส บริงส์” (Dennis Brings) ดีไซเนอร์ระดับโลกจาก Mercedes-Benz Design มาร่วมเผยแรงบันดาลใจและแนวคิดการออกแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เจเนอเรชันล่าสุด “The new CLA” ก่อนที่จะนำรุ่น CLA 250+ with EQ Technology มาจัดแสดงในประเทศไทยครั้งแรกที่งาน Motor Expo 2025 โดย The new CLA มาพร้อมแพลตฟอร์ม MMA (Mercedes-Benz Modular Architecture) ที่เน้นความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการผลิตให้สามารถเข้ากับรถยนต์ทุกระบบขับเคลื่อนทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์สันดาปภายใน สอดคล้องกับการปรับกลยุทธ์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จากเดิมที่ใช้ซับแบรนด์ Mercedes-EQ จะถูกเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งหมด โดยรถยนต์ทุกรุ่นที่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จะใช้ชื่อรุ่นตามด้วย “with EQ Technology” ส่วนรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะตามด้วย “with EQ Hybrid Technology”

มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้มีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ โดยเริ่มต้นด้วยการนำรุ่นแฟลกชิปในเซกเมนต์ Top-End Luxury อย่าง EQS มาเปิดตัวครั้งแรกในปี 2565 ทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบในประเทศ เพื่อทำให้คนไทยได้สัมผัสกับขั้นสุดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับโลกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก่อนที่ในปี 2566–2567 จะเริ่มเปิดตัวรถยนต์ในเซกเมนต์ Entry Luxury อย่าง EQB 250 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนไปถึงการเปิดตัว EQE 350 4MATIC SUV, EQE 53 4MATIC+, EQE 300 และ EQS 450 4MATIC SUV ตามลำดับ ซึ่งจากระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความเข้าใจในโจทย์และความพร้อมของผู้บริโภคชาวไทยสำหรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นอย่างดี

โดยกลยุทธ์ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ต่อจากนี้ หลังจากการเปลี่ยนผ่านของยุค Mercedes-EQ ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังให้ The new CLA เป็นโมเดลสำคัญที่จะเข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่มองหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในเซกเมนต์ที่จับต้องได้ โดย CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทยด้วยแพลตฟอร์ม MMA ที่ทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ของทุกระบบขับเคลื่อนมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกำหนดโครงสร้างราคาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะเปิดตัวในอนาคต”

ภายในงาน CLASS OF ITS OWN. “The new CLA Designer Talk” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก มร. เดนนิส บริงส์ (Dennis Brings) ตำแหน่ง Senior Designer จากสตูดิโอ Mercedes-Benz Design ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานในแผนก “Lights & Parts” โดยเดนนิส บริงส์ ได้พูดถึงแนวคิดการออกแบบและองค์ประกอบสำคัญของ The new CLA ไว้ดังนี้

•ออกแบบภายใต้แนวคิด “Sensual Purity” ดีเอ็นเอของแบรนด์ที่สะท้อนไอคอนนิกสไตล์อันหรูหราและเรียบง่าย แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตา

•นำเสนอสัญลักษณ์ดวงดาวของแบรนด์ให้เข้ากับองค์ประกอบต่างๆ ของตัวรถ อาทิ กระจังหน้า Starpanel ในรูปแบบไฟแอนิเมชัน โคมไฟหน้าติดตั้ง Daytime Running Light รูปทรง Star Shaped และไฟท้าย Digital Jewelry ที่ผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ออกมาเป็นรายละเอียดของอัญมณีที่ลงตัว

•ดีไซน์ภายในของ The new CLA ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนหินญี่ปุ่น หรือ “Zen Garden” สะท้อนศิลปะแห่งการลดทอนและคงไว้เฉพาะสิ่งที่เป็นแก่นแท้ เหลือไว้เพียงส่วนประกอบที่เป็นหัวใจของวิศวกรรมยานยนต์ เช่น การใช้วัสดุกระจกบนจอกลาง MBUX Superscreen วัสดุโลหะบนคอนโซลกลาง และวัสดุหนังบนแผงบุนุ่มบริเวณข้างประตู

CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งในด้านสมรรถนะอันทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP และมีประสิทธิภาพการชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 320 kW โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กิโลเมตร นอกจากนี้ The new CLA ยังถือเป็นรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ

นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้จัดแคมเปญ “DEFINING ELECTRIC: Reimagine Intelligence.” ชวนลูกค้าทุกคนรับข้อเสนอสุดพิเศษ กับส่วนลดสูงสุดถึง 3 ล้านบาท พร้อมร่วมทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% กว่า 8 รุ่น ได้ที่โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) ในวันที่ 15-17 สิงหาคม 2568 และโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village) ในวันที่ 23-24 และ 30-31 สิงหาคม 2568

รายละเอียดข้อเสนอพิเศษของแคมเปญ “DEFINING ELECTRIC: Reimagine Intelligence.”: https://mb4.me/FB-Defining

ลูกค้าที่สนใจรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ 31 แห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ www.mercedes-benz.co.th หรือโซเชียลมีเดีผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

BMW GROUP Expo 2025 นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษ

BMW GROUP Expo 2025 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกิจกรรมและข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษในงาน BMW GROUP Expo 2025 ภายใต้แนวคิด ‘Heritage Meets Innovation’ ที่ผสานความเป็นตำนานจากอดีตเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคต โดยจัดแสดงยนตรกรรมหลากหลายรุ่นจากทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในรูปแบบนิทรรศการทั่วทั้งบริเวณชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ยนตรกรรมซีดานระดับตำนานที่ครองใจผู้ขับขี่ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม พ.ศ. 2568 นี้ ไฮไลท์พิเศษของงานในปีนี้คือการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของบรรดารุ่นคลาสสิก ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ณ ลาน ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดโอกาสให้คนรักรถคลาสสิกได้แสดงออกถึงตัวตนและสัมผัสกับมรดกอันทรงคุณค่าของแบรนด์ที่สร้างตำนานมาอย่างยาวนาน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมายสำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของยนตรกรรมจากทั้งสามแบรนด์

มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งาน BMW GROUP Expo 2025 ในปีนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองมรดกอันทรงคุณค่าที่บีเอ็มดับเบิลยูได้สร้างสรรค์และสืบสานมาตลอดหลายทศวรรษ ภายใต้แนวคิด ‘Heritage Meets Innovation’ เราต้องการนำเสนอเรื่องราวความสำเร็จของยนตรกรรมในอดีตที่เป็นรากฐานสำคัญสู่นวัตกรรมล้ำสมัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 50 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซึ่งเป็นตำนานที่อยู่เคียงข้างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ขับขี่ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน แฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูในไทยจะได้พบกับ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกจนถึงเจเนอเรชั่น 7 หรือรุ่นปัจจุบันอีกด้วย”

“นอกจากการจัดแสดงยนตรกรรมหลากหลายรุ่นจากทั้งสามแบรนด์แล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งของผู้ที่ชื่นชอบในแบรนด์ของเรา ด้วยการรวมตัวของกลุ่มแฟนคลับบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ที่จะมาแบ่งปันความหลงใหลและประสบการณ์ร่วมกัน สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมกันนี้ เรายังคงตอกย้ำปรัชญา ‘สุนทรียภาพแห่งการขับขี่’ และการเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยที่ผสานความหรูหราเหนือระดับ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เข้าถึงง่ายและน่าประทับใจยิ่งขึ้นให้กับทุกท่าน”

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ การจัดแสดงยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ใหม่ และ บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport สุดพิเศษกับยนตรกรรมรุ่นไฮไลท์จากมินิ อย่าง MINI 66 Collection รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง 66 ปีของมินิ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1959 โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศ สิงคโปร์ไปเมื่อไม่นานมานี้ และมีให้มินิสเตอร์ในไทยได้จับจองแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 1 คันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้พบกับมินิ คันทรีแมน เอส ออล4 ไฮทริม ราคาใหม่ รวมถึงมอเตอร์ไซค์รุ่นเด่นจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT และบีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์การจัดแสดงยนตรกรรมในรูปแบบนิทรรศการที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

ภายในงาน BMW GROUP Expo 2025 ได้จัดแสดงยนตรกรรมในรูปแบบนิทรรศการที่พาผู้เข้าชมเดินทางย้อนเวลาผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยแต่ละโซนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่หลากหลาย มอบประสบการณ์ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ ดังนี้

•เสน่ห์แห่งยุคคลาสสิก: บรรยากาศบาร์เรโทรย้อนยุคที่ชวนให้ผู้เข้าชมดื่มด่ำกับตำนานยนตรกรรมอันเป็นไอคอนของบีเอ็มดับเบิลยู อย่าง BMW ISETTA รถขนาดจิ๋วที่เปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุค 50 พร้อมด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 2002 รถสปอร์ตซีดานที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ และ R75 Sidecar มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างในตำนานที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก เข้าชมได้ที่โซน Temp 7

•พลังแห่งตระกูล M: บูธที่ออกแบบด้วยลายเส้นที่โฉบเฉี่ยวสะท้อนดีเอ็นเอความสปอร์ตของตระกูล M โดยจัดแสดงรุ่น M3 (E30) ให้เห็นวิวัฒนาการของยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ครองใจนักขับทั่วโลก เคียงคู่กับ M2 LCI รุ่นล่าสุดที่สืบทอดจิตวิญญาณความเร้าใจแบบคอมแพ็คสปอร์ต เข้าชมได้ที่โซน Temp 6

•เฉลิมฉลอง 50 ปี ซีรีส์ 3: ไฮไลท์สำคัญของงานกับการจัดแสดงบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ครบทั้ง 7 เจเนอเรชั่น เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของยนตรกรรมซีดานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแบรนด์ในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม จัดแสดง ซีรีส์ 2 Gran Coupe M Sport Pro รุ่นใหม่ล่าสุด เสริมทัพด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่นเรือธงอย่าง

R 1250 RT ทัวร์ริ่งไบค์สุดหรู และ F 900 GS แอดเวนเจอร์ไบค์สมรรถนะสูง รวมถึงยนตรกรรมตระกูล X ที่รวบรวมมาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เข้าชมได้ที่ลาน EDEN

•นวัตกรรมแห่งอนาคต: พื้นที่แสดงวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู นำโดย iX1 eDrive20L M Sport ที่เปิดตัวล่าสุด พร้อมนิทรรศการพิเศษของ BMW i8 ยนตรกรรมสปอร์ตไฮบริดที่ผสานนวัตกรรมและดีไซน์อันโดดเด่นได้อย่างลงตัว เข้าชมได้ที่โซน Central Court

•ความหรูหราเหนือระดับ: สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับยนตรกรรมแห่งความหรูหราที่มาพร้อมระบบ iDrive ล่าสุด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport ซีดานไฟฟ้าระดับผู้นำ และ X7 xDrive40d M Sport LCI ยานยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มอบความหรูหราเหนือระดับ

•ตำนานแห่งชัยชนะ: ย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของมินิกับการจัดแสดง มินิ คลาสสิค แรงบันดาลใจจาก MONTE CARLO RALLY 1964 กับสีแดงสุดไอคอนิกที่สร้างตำนานชัยชนะในการแข่งขันแรลลี่ระดับโลก พร้อมเชื่อมโยงสู่ปัจจุบันกับตระกูล มินิ John Cooper Works ที่สืบทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตและสมรรถนะสูงมาจนถึงทุกวันนี้ พร้อมสัมผัสเสน่ห์ความสปอร์ตสไตล์อังกฤษกับ มินิ คูเปอร์ เอสอี มินิ เอซแมน และ มินิ คันทรีแมน ไฮทริม เข้าชมได้ที่โซน BEACON 2&3

•รวมพลคนรักยนตรกรรมคลาสสิก 23 สิงหาคม: พื้นที่พิเศษสำหรับการรวมตัวของเหล่าผู้หลงใหลในยนตรกรรมคลาสสิกจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่จะนำรถคู่ใจมาจัดแสดงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมยานยนต์ที่มีชีวิต และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ร่วมสัมผัสโมเมนต์สุดพิเศษได้ที่ลาน Square

ข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน BMW GROUP Expo 2025

สำหรับลูกค้าที่จองและรับส่งมอบรถยนต์รุ่น X4 xDrive20d, X5 xDrive50e และ X6 xDrive40i M Sport ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 รับของสมนาคุณฟรี ได้แก่ ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทสำหรับรุ่น X4 xDrive20d และ X6 xDrive40i M Sport และชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 300,000 บาท สำหรับรุ่น X5 xDrive50e M Sportพร้อมกับข้อเสนอพิเศษเมื่อทำสัญญาทางการเงินกับ BMW Financial Services* รับของสมนาคุณเพิ่มอีก

•ของสมนาคุณ รับฟรี BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี*

หรือ

•ของสมนาคุณ รับฟรี BMW Protect (ประกันภัยชั้น 1) สูงสุด 1 ปี *

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม ข้อกำหนด และเงื่อนไข ได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/promotional-offers/bmw-groupexpo-2025.html

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สำหรับลูกค้าที่จองและรับส่งมอบรถยนต์จากมินิ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 พบกับข้อเสนอสุดพิเศษ การันตีมูลค่าซื้อคืนสูงสุดถึง 60% และเลือกรับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม

•ผ่อนสบายเริ่มต้นเพียง 9,999 บาทต่อเดือน หรือ

•ค่าใช้จ่ายรายเดือนแบบเหมารวมเริ่มต้นเพียง 24,999 บาทต่อเดือน (รวม MSI Standard และประกันภัยชั้นหนึ่งสูงสุด 3 ปี)

สำหรับลูกค้าที่จองและรับส่งมอบบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด R 1250 RT ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2568 พบกับข้อเสนอสุดพิเศษ

•ข้อเสนอดอกเบี้ยเพียง 1.25% นาน 36 เดือน

•ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

•รับประกัน 5 ปี

สำหรับลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่าง ๆ ต่อไปนี้ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 และเลือกทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังจะได้รับข้อเสนอพิเศษดังนี้**:

รุ่นข้อเสนอ
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupe M Sport Proรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sportรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี หรือเลือกรับ ดอกเบี้ยผ่อนชำระรายเดือน 1.99%* และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี  
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Proรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี หรือเลือกรับ ดอกเบี้ยผ่อนรายเดือน 1.99%*
บีเอ็มดับเบิลยู 530e Inspiring บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sportรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี หรือเลือกรับ ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และดอกเบี้ยผ่อนรายเดือน 1.99%*
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sportฟรี BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 17,500 บาท/เดือน หรือเลือกรับ ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และดอกเบี้ย 1.99%*
บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d xDrive บีเอ็มดับเบิลยูX3 M50ฟรี BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี หรือเลือกรับ ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport (Inspiring)รับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปี หรือเลือกรับ รับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และ
รับข้อเสนอดอกเบี้ยผ่อนรายเดือน 1.99%
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20dรับชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทและ ข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี หรือเลือกรับ ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทและรับ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive50eรับชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 300,000 บาทและรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี หรือเลือกรับ ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 300,000 บาทและรับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sportรับชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทและรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี หรือ เลือกรับ ฟรี ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาท และรับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW GROUP Expo 2025 รายละเอียดข้อเสนอ และการจองทดสอบรถ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของบีเอ็มดับเบิลยู

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ในงาน BMW GROUP Expo 2025

บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่

ราคา: 2,199,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé กลับมาอีกครั้งพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุดในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่ยกระดับทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีแบบรอบด้าน เตรียมเติมสีสันให้คุณได้เพลินไปกับ

การเดินทางในทุกวัน

บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงเปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลซีรีส์ 2 สวยสะดุดตาตั้งแต่หัวจรดท้าย เริ่มจากกระจังหน้าที่กว้างขึ้น และยังติดตั้งระบบไฟ BMW Iconic Glow มาเป็น

ครั้งแรกในซีรีส์ 2 เพื่อขับเน้นรูปทรงของกระจังหน้าให้สวยเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้าแบบ Adaptive LED มาในทรงทอดยาวออกด้านข้าง ช่วยดึงดูดสายตาไปยังทรวดทรงสไตล์สปอร์ตเต็มขั้นของตัวรถ ซึ่งผสมหลังคาทรงโค้งแบบ

รถคูเป้เข้ากับห้องโดยสารแบบ 4 ประตูในแบบรถซีดาน ชุดแต่ง M Sport Pro ยิ่งขับเน้นความโฉบเฉี่ยวของ

บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ด้วยชุดโคมไฟหน้า M Lights Shadowline และกรอบหน้าต่างแบบเรียบหรู M high-gloss Shadowline สอดรับกับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ Y-spoke Bicolour พร้อม

คาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงาแบบ 4 ลูกสูบ

ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงมาพร้อมกับหลังคากระจก Panorama Glass Roof เช่นเดียวกับซีรีส์ 2 Gran Coupé รุ่นก่อนหน้า แต่ได้รับการปรับโฉมแบบรอบด้านในส่วนอื่น นับตั้งแต่เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยวัสดุ Veganza ชุดแต่งภายในแบบ Illuminated ในโทนสีเทา-ดำ Aluminium Graphite ที่มาพร้อมไฟแต่งห้องโดยสารในตัว และตะเข็บบนพื้นผิวต่างๆ ในห้องโดยสารที่ใช้ด้ายสีแดง น้ำเงิน ขาว อันเป็นสีประจำตัวของบีเอ็มดับเบิลยู M ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของตัวรถได้ครบครัน ผ่านชุดอุปกรณ์ BMW Live Cockpit Professional ที่รวมถึงการแสดงข้อมูลสำคัญบนหน้าจอ BMW Head-Up Display ให้ไม่ต้องละสายตาจากถนนด้านหน้า บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังมีระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน จึงสามารถควบคุมและตั้งค่าตัวรถได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมให้เรียกใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอย่าง Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus ในพริบตา ขณะที่ฟังก์ชัน BMW Digital Key Plus อำนวยความสะดวกด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้เป็นกุญแจรถ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผ่านโทรศัพท์มือถือ Samsung นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้ออัปเกรดเพิ่มเติมผ่านทางระบบ BMW ConnectedDrive ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน Remote Engine Start สำหรับสตาร์ทเครื่องล่วงหน้าก่อนเดินถึงตัวรถด้วยสมาร์ทโฟน และชุดฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมายในแพ็คเกจเสริม BMW Digital Premium

บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีขุมพลังที่ยกระดับสมรรถนะเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน

4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ที่มอบพละกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า

ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่รอบเครื่อง 1,450-4,500 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์ Steptronic คลัตช์คู่แบบ 7 สปีดอย่างลงตัว จึงทำให้ซีรีส์ 2 รุ่นใหม่เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที หากต้องการเพิ่มความแรงขึ้นไปอีกขั้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน M Sport Boost ได้จากแป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย เพื่อเพิ่มแรงบิดสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกสำหรับ

การออกตัวที่ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น ส่วนช่วงล่างแบบ Adaptive M ก็สามารถปรับตัวรับแรงกระแทกที่แตกต่างกันตามความถี่การสั่นสะเทือนของตัวรถ จึงช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู 220 M Sport Pro ใหม่ ตอบโจทย์ทั้งในด้านความคล่องตัวและความนุ่มสบายขณะขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีให้เลือกจับจองได้ใน 4 สี ได้แก่ ดำ Black Sapphire Metallic, ขาว Alpine White Solid, เทา Brooklyn Grey Metallic (จับคู่กับเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีแดง Coral Red ตัดดำ) และน้ำเงิน Portimao Blue Metallic (พร้อมเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีดำล้วน)

บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่

ราคา: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ยกระดับการขับขี่สู่ระบบไฟฟ้าล้วน ด้วยดีไซน์ที่ได้รับการปรับแต่งต่างจากบีเอ็มดับเบิลยู X1 ในรุ่นมาตรฐาน และยังเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยตัวรถที่ยาวขึ้นเป็น 4,616 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 2,800 มิลลิเมตร หรือเท่ากับตัวรถยาวกว่า X1 รุ่นมาตรฐาน 116 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 110 มิลลิเมตร ขนาดตัวรถที่เพิ่มขึ้นนี้ ผสมผสานกับบุคลิกที่บึกบึนและแข็งแกร่งในแบบของ SAV ได้อย่างลงตัว ทั้งยังโดดเด่นเตะตากว่าที่เคยด้วยกระจังหน้าแบบปิดโฉมใหม่ในทรงสามมิติ เข้าชุดกับไฟหน้า Adaptive LED ที่ทอดยาวไปยังด้านข้างของตัวรถ ส่วนเส้นสายด้านข้างตัวถัง ให้อารมณ์ความสปอร์ตและดุดันตลอดคัน ก่อนเติมความหรูด้วยชุดแต่ง M Sport ที่รวมถึงส่วนกรอบหน้าต่าง high-gloss Shadowline ที่เงาวับ

จับสายตาได้ไม่แพ้ราวหลังคาอลูมิเนียมผิวด้านที่ทอดยาวอยู่ด้านบน และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในดีไซน์ Double-spoke Bicolour

ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ จึงมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ทั้งจากพื้นที่ที่กว้างขึ้น 81 มิลลิเมตรสำหรับการวางขา และ 107 มิลลิเมตรที่ระดับเข่า สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง รวมถึงตัวเบาะหลังที่บุโฟมนุ่มขึ้น พร้อมขยายความกว้างของตัวเบาะขึ้น 15 มิลลิเมตร ยกระดับความสบายในการนั่งได้ยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบช่วงล่างก็ผ่านการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายบนทุกเส้นทาง เบาะหลังของ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ ยังคงแบ่งสัดส่วนเป็น 3 ตอนแบบ 40:20:40 เช่นเดิม และสามารถพับลงได้เพื่อขยายพื้นที่

เก็บสัมภาระจาก 490 ลิตรเป็น 1,600 ลิตร ระบบ Comfort Access 2.0 ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยการปลดล็อกรถเมื่อเจ้าของรถเดินเข้ามาใกล้ และล็อกรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างตัวรถ เช่นเดียวกับระบบ BMW Digital Key Plus ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ และปลดล็อกรถอัตโนมัติได้เพียงนำสมาร์ทโฟนเข้ามาใกล้ ส่วนหลังคากระจก Panorama Glass Roof ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์นี้ ก็เติมบรรยากาศให้ห้องโดยสารยิ่งรู้สึกโปร่งและโอ่อ่าขึ้นไปอีก

ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ เอาใจผู้ขับขี่ไม่แพ้ผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครันจากแพ็คเกจ Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus (รวมระบบกล้องมองรอบคัน Surround View) พร้อมรองรับการอัปเกรดสู่ Parking Assistant Professional ที่เพิ่มความสามารถในการควบคุมการจอดรถได้ผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และสามารถจดจำรูปแบบการจอดรถอัตโนมัติได้ถึง 10 แบบ รวมระยะทาง 600 เมตร พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเลือกซื่อเพิ่มเติมได้ผ่าน BMW Connected Drive Store นอกจากนี้ iX1 eDrive20L M Sport ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานควบคุมได้ผ่านหน้าจอ Control Display ขนาด 10.7 นิ้ว พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วและ BMW Head-Up Display พร้อมป้อนข้อมูลสำคัญให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบโดยไม่ต้องละสายตาจากเส้นทางข้างหน้า ส่วนชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์จาก Harman Kardon พร้อมเติมความรื่นรมย์ให้กับทุกขณะของการเดินทาง

ระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าล้วน เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 เป็นหัวใจที่ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ให้โลดแล่นบนท้องถนนด้วยการตอบสนองที่ฉับไวในทุกจังหวะ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลัง 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ช่วยให้ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาทีในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยขณะขับขี่ ฟังก์ชัน BMW IconicSounds Electric สร้างเสียงเครื่องยนต์แบบจำลองที่ตอบสนองกับทุกการควบคุม ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 66.5 kWh มอบพลังงานไฟฟ้าเพียงพอสำหรับการขับขี่เป็นระยะทางสูงสุด 402-433 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ทั้งยังรองรับการชาร์จระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟสูงสุด

130 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 32 นาที และเมื่อชาร์จไฟในระบบกระแสสลับ (AC) iX1 รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี AC Charging Plus ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 กิโลวัตต์ ให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 45 นาที ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 ใหม่ ยังสามารถเลือกชาร์จรถจากเครือข่ายสถานีชาร์จ BMW Charging Station ทั้งยังได้รับส่วนลด 20%

เมื่อเติมเงินค่าชาร์จในแอป EVolt

บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ในสีดำ Carbon Black Metallic, ขาว Mineral White Metallic และเทา Skyscraper Grey Metallic โดยทั้งสามสีมาพร้อมกับห้องโดยสารที่หุ้มเบาะด้วยวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศในสีน้ำตาล Mocha

MINI 66 Collection

[ราคาพิเศษ สอบถามเพิ่มเติมในงาน]

MINI 66 Collection ยนตรกรรมรุ่นพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 66 ปีของแบรนด์มินิ มีจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 1 คันเท่านั้น รถรุ่นนี้พัฒนาบนพื้นฐานของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แต่เพิ่ม

ความพิเศษด้วยการผสานเอกลักษณ์ดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าล้ำสมัยตามแบบฉบับ All-Electric MINI

John Cooper Works

ด้านขุมพลัง MINI 66 Collection ถูกพัฒนามาจากรุ่น All-Electric MINI John Cooper Works มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร พร้อมฟังก์ชั่น Electric Boost ที่เพิ่มกำลังอีก 27 แรงม้าขณะออกตัว ทำให้สามารถทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุด

ได้ถึง 200 กม./ชม. ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ให้ระยะทางวิ่งไกลสุด 371 กิโลเมตร

(ตามมาตรฐาน WLTP)

ความโดดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่รายละเอียดการตกแต่งพิเศษ ทั้งล้อแบบ JCW Rallye Spoke ขนาด 18 นิ้ว พร้อม

self-leveling hubcaps ตัวถังสีขาว Nanuq White ตัดด้วยสีแดง JCW’s Signature RED พร้อมลวดลาย “66” และเส้น racing stripes ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง ตลอดจนโลโก้ “Est. 1959 MINI 66 Years” และหลังคากระจกพาโนรามาที่เพิ่มความโปร่งสบายให้ห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารตกแต่งในโทนสีดำสไตล์ JCW Black Vescin/Cord Combination พร้อมการเดินตะเข็บด้าย

สีแดง เบาะนั่งแบบ John Cooper Works ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกความจำ และระบบเสียงพรีเมียม Harman Kardon ที่ให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ

ด้านระบบความปลอดภัย มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Active Cruise Control Stop & GO), ระบบเตือนเปลี่ยนเลน (Lane Change Warning), ระบบเตือนรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Warning), กล้องรอบคัน 360 องศา และระบบถอยจอดอัตโนมัติ (Parking Assistant Professional)

MINI 66 Collection จึงไม่เพียงเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ แต่ยังเป็นการผสานอดีตเข้ากับอนาคตได้อย่างลงตัว สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของยนตรกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย

มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม

 ราคา: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ MSI Standard)

มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริมมาพร้อมกับฟีเจอร์ล้ำสมัยและสเป็คระดับสูงที่ตอบรับกับทุกความต้องการของ

ผู้ขับขี่ยานยนต์ในยุคปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่ขุมพลังจากเครื่องยนต์อันทรงพลัง ไล่ไปจนถึงระบบอินโฟเทนเมนท์ชั้นนำของวงการ โดยในทุกองค์ประกอบของมินิ คันทรีแมน ต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่จากยนตรกรรมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์สวยสะอาดตาซึ่งชนะใจแฟน ๆ มินิในไทยตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2567 ด้วยความโดดเด่นจากเรื่องโครงสร้างตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมินิ ทั้งหน้าสั้น ท้ายยาว ฐานล้อที่ยาวขึ้น และกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยม รุ่นไฮทริมมาพร้อมกับล้อขนาด 19 นิ้วแบบทูโทน ดีไซน์ Kaleido Spoke ด้านเครื่องยนต์และสมรรถนะ มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี TwinPower Turbo ที่แฟน ๆ มินิรู้จักและคุ้นเคย ส่งกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตรลงสู่ล้อทั้งสี่ผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 มอบสมรรถนะและความคล่องตัวระดับเดียวกัน ด้วยอัตราการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 7.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับชุดแต่งภายนอก ติดตั้งไฟหน้า LED พร้อมระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ เช่นเดียวกับฝาครอบกระจกข้างสีดำ และรางสำหรับขนสัมภาระบนหลังคารถ สำหรับรุ่นไฮทริมโดดเด่นกว่าด้วยบรรยากาศที่แตกต่างในห้องโดยสาร เปิดรับสภาพแวดล้อมภายนอกผ่านหลังคากระจกแบบพาโนรามา และยังยกระดับความหรูหราภายในไปอีกขั้น ด้วยเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตแบบ John Cooper Works เพดานห้องโดยสารมาดขรึมในสีดำ Anthracite และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon โดยในรุ่น Hightrim ใช้หนัง Vescin ล้วนโทนสีน้ำตาล Vintage Brown และ

ดำ Dark Petrol

มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม มอบความมั่นใจบนทุกเส้นทางด้วยตัวช่วยครบครันสำหรับการขับขี่และเข้าจอด ทั้ง Dynamic Stability Control (DSC), Dynamic Brake Control (DBC), Park Distance Control (PDC) ระบบแจ้งเตือนการชนหลังเกิดอุบัติเหตุ และอื่น ๆ อีกมากมาย

มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม มีให้เลือก 6 สีด้วยกัน ได้แก่ น้ำเงิน Slate Blue, เขียว Smokey Green, น้ำเงิน Blazing Blue, ขาว Nanuq White, เงิน Melting Silver และแดง Chili Red II 

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT

ราคาจำหน่าย: 1,390,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับสี Triple Black และสี Racing Blue Metallic

1,490,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับ Option 719 Mineral White Metallic

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT สี Triple Black                    บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT สี Racing Blue Metallic

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT มอเตอร์ไซค์ทัวริ่งที่มาพร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ทรงพลัง ผสานเข้ากับ

ความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมสร้างประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่

เหล่าไบค์เกอร์บนทุกเส้นทาง มาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ระดับตำนานของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบฟอกไอเสียแบบ closed-loop ชนิด 3 ทาง จึงพร้อมส่งแรงบิดเต็มกำลัง ขณะที่เทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันใหม่ BMW ShiftCam ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องยนต์

ก็ยังเสริมความแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบเหนือชั้นและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศและของเหลว ขนาด 1,254 ซีซี ที่ได้รับการยกระดับให้สามารถส่งพละกำลังและแรงบิดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถโลดแล่นได้อย่างราบรื่นแม้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ / 136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที เครื่องยนต์บ็อกเซอร์รุ่นใหม่นี้ยังโดดเด่นด้วยระบบไอเสียที่สามารถปล่อยมลพิษน้อยลง และประหยัดเชื้อเพลิง เติมเต็มสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ที่เสริมความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยวและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ เพลาลูกเบี้ยวยังเปลี่ยนมาขับเคลื่อนด้วยห่วงโซ่ฟันแทนโซ่ส่งกำลังแบบเดิม ส่วนระบบหัวฉีดคู่และระบบไอเสียใหม่ ผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ที่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลายสำหรับความต้องการที่แตกต่างของนักบิด โดยมาพร้อมโหมดใหม่ล่าสุด “Eco” ที่ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เคย รวมถึงโหมด Rain, Road และ Riding Modes Pro ที่เพิ่มโหมดการขับขี่แบบโปร คือ Dynamic, Dynamic Pro และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control Pro) เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย ระบบ Dynamic Traction Control และ Full Integral ABS Pro ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) และระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า หรือ Dynamic ESA นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Dynamic Cruise Control (DCC) ร่วมกับ Active Cruise Control (ACC) ที่ช่วยควบคุมความเร็วคงที่ และยังสามารถรักษาระยะห่างจากคันหน้าได้อัตโนมัติ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT สี Option 719 Mineral white metallic

ดีไซน์ของบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT เน้นองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Adaptive ปรับทิศทางตามองศาเลี้ยว ระบบความบันเทิงล้ำสมัยด้วยหน้าจอ TFT แบบสีขนาด 10.25 นิ้ว แสดงผลระบบนำทางได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และช่องวางโทรศัพท์ที่สามารถป้องกันละอองน้ำ มีพัดลมระบายความร้อนในตัว และช่องเสียบ USB ผู้ขับขี่ยังสามารถเพลิดเพลินกับทุกการเดินทางด้วยระบบเสียง Audio System 2.0 มอบความบันเทิงที่เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT มาให้เลือกในสามสีสามสไตล์ ได้แก่ สีดำ Triple Black สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic และสีขาว Option 719 ผสานตัวถังในสีสุดพิเศษ Mineral white metallic ที่เพิ่มความเงางามด้วยสีขาวเมทาลิกตัดกับล้อในสี White Aluminium แบบด้าน คาลิเปอร์เบรกสีทอง และองค์ประกอบสีดำอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว มาพร้อมอุปกรณ์แต่งในแบบฉบับ Option 719 ได้แก่ ฝาครอบเครื่องยนต์พรีเมียมเสริมความโดดเด่นในสีเงิน เบาะนั่งมาในสีน้ำตาล

เติมลูกเล่นด้วยลวดลายและการบุตะเข็บอย่างปราณีต สะท้อนถึงความหรูหราคลาสสิกของชุดแต่ง Option 719

บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS Style Passion

ราคาจำหน่าย: 649,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS Style GS Trophy

ราคาจำหน่าย: 665,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

หัวใจสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS คือเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดเป็น 2 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 895 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ / 105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93

นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้ส่งมอบอัตราเร่งที่รวดเร็วและการส่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกสภาพพื้นผิว และด้วยน้ำหนักที่ลดลงไปถึง 14 กิโลกรัมหากเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ F 900 GS เป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ GS สปอร์ตที่คล่องตัวที่สุด

บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐานสองแบบ ได้แก่ ‘Rain’ และ ‘Road’ เพื่อการควบคุมที่เหมาะสมที่สุดในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ ABS Pro ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งและการเบรก โหมด ‘Riding Modes Pro’ ที่เป็นอุปกรณ์เสริมจะเพิ่มโหมด ‘Dynamic’, ‘Enduro’ และ ‘Enduro Pro’ ซึ่งจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและการเบรกให้รับกับทุกสภาพพื้นผิว นอกจากนี้ Riding Modes Pro ยังช่วยให้คนขับขี่สามารถเลือกตั้งค่าปุ่มต่าง ๆ ที่แฮนด์ด้านขวา และการควบคุมแรงบิดลากของเครื่องยนต์เป็นอีกองค์ประกอบใหม่ของ Riding Modes Pro ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน

มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบโครงรถใหม่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่แบบทัวริ่งและออฟโรด ถังน้ำมันขนาด 14.5 ลิตรที่ออกแบบใหม่ ผนวกกับการปรับส่วนท้ายรถและท่อไอเสียแบบ Akrapovič ช่วยลดน้ำหนักลง เพิ่มความคล่องตัวได้มากยิ่งขึ้น การปรับแต่งที่พักเท้าที่ต่ำลงและแฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น ช่วยควบคุมระหว่างการขับขี่แบบออฟโรด และยังมีสวิงอาร์มที่น้ำหนักเบาขึ้น ตัวลดเสียงท่อไอเสียด้านหลังแบบสปอร์ตโดย Akrapovič ที่พักเท้าแบบเอนดูโร แฮนด์จับแบบอุ่น (heated grips) ขาตั้งข้างอะลูมิเนียม และไฟหน้า LED แบบใหม่ที่ให้แสงสว่างในมุมที่กว้างขึ้นเมื่อเปิดโหมดไฟต่ำอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตั้งแต่จอแสดงผลแบบ TFT ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ที่ให้การควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง ควบคุมเพลง หรือรับสาย ผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่นผ่านแอปพลิเคชัน BMW Motorrad Connected และยังมีพอร์ตชาร์จ USB สองพอร์ต ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ มีพลังงานเพียงพอใช้งานระหว่างการขับขี่ทางไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ยังมาพร้อมกับแท่นยึดอุปกรณ์อเนกประสงค์ ช่วยให้นักขับขี่สามารถติดตั้งอุปกรณ์นำทาง กล้อง และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ และยังมีฟีเจอร์ด้านความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นให้ผู้ขับขี่เลือกใช้งาน เช่น Keyless Ride ช่วยให้สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์และปลดล็อคฟังก์ชันต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋า

ที่สำคัญกว่านั้น มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่วยให้สตาร์ทรถบนทางชันได้ง่ายขึ้น ระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ป้องกันการเร่งเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจในสถานการณ์เบรกฉุกเฉิน ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ABS Pro มอบความปลอดภัยยิ่งขึ้นในระหว่างการเข้าโค้งและการเบรกกะทันหัน เพื่อให้มั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยสูงสุดสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด F 900 GS มีให้เลือก 2 สีที่ต่างเน้นย้ำถึงความสปอร์ตและการขับขี่แบบออฟโรด ได้แก่

สีเหลือง São Paulo สำหรับรุ่น Passion และสีขาวตัดฟ้า Lightwhite / Racing Blue Metallic สำหรับรุ่น GS Trophy

มาสด้า ประกาศสนับสนุนสวาทแคทต่อเนื่องเป็นปีที่ 13

มาสด้า ประกาศสนับสนุนสวาทแคทต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 เปิดตัวสโมสรฯ นักเตะ ชุดแข่งขัน พร้อมลุยศึกไทยลีกฤดูกาลใหม่

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 14 สิงหาคม 2568 – มาสด้าประกาศผลักดันวงการฟุตบอลไทยสู่ความยั่งยืนให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 พร้อมร่วมงานเปิดตัวสโมสรฯ นักกีฬา ผู้สนับสนุนและชุดแข่งขันในฤดูกาล 2025/26 ภายใต้ธีม “SWATCAT REBORN เริ่ม ลุย ใหม่” ตั้งเป้าคว้าอันดับดีที่สุด พร้อมคว้าชัยชนะส่งความสุขคืนสู่แฟนบอลทั่วประเทศและชาวโคราช ภายในงานฯ ยังได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้บริหารสโมสรฯ ผู้สนับสนุน และแฟนคลับ เข้าร่วมงานกันอย่างหนาแน่น ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคึกคัก แสดงถึงความพร้อมเพื่อลุยศึกการแข่งขันนัดแรกที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของมาสด้า ไม่ใช่เพียงแค่การผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในทุกมิติและพร้อมส่งมอบความสุขให้กับผู้คน ดังนั้น การเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการขับเคลื่อนพันธกิจ ด้านความยั่งยืนของโลก ผู้คน และสังคม ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งกีฬาฟุตบอล ถือเป็นหนึ่งในพลังเป็นหนึ่งเดียวของสังคมที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ในวงกว้าง มาสด้าเชื่อว่าการสนับสนุนกีฬาไม่ใช่เพียงการช่วยพัฒนานักกีฬาอาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนเยาวชนและผู้ที่มีความฝัน สร้างโอกาส เพื่อแสดงศักยภาพ เรียนรู้วินัย ทำงานเป็นทีม และเติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วยแนวคิดนี้ มาสด้าจึงยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างแรงบันดาลใจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของให้กับผู้คน สร้างสรรสังคม และผลักดันศักยภาพของประเทศไทยสู่เวทีโลก ผ่านพลังของกีฬาและกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่มาสด้าให้การสนับสนุนสวาทแคท เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่นั่นคือความท้าทายของเราทุกคน เพราะการจะนำมาซึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ต้องผ่านการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป คือ หัวใจของการเป็นนักสู้ Challenger Spirit ของทีมสวาทแคท และแรงสนับสนุนที่ล้นหลามจากแฟนบอลทุกคนที่ส่งกำลังใจส่งเสียงเชียร์ตลอดการแข่งขัน เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ในปีนี้ก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมา มาสด้าจะยังคงให้การสนับสนุนสโมสรฯ อย่างเต็มที่ในทุกด้าน เพราะเราเชื่อว่า ฟุตบอล ไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬา แต่คือพลังบวกที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้แข็งแกร่ง สร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่เส้นทางของนักกีฬาอาชีพ และที่สำคัญคือการยกระดับวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวสู่เวทีนานาชาติต่อไป

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษา สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นฤดูกาลแรกที่กลับขึ้นมาอยู่บนไทยลีก 1 เราได้เรียนรู้ถึงขีดจำกัด ข้อดี และข้อด้อยของทีม เราได้ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของแฟนบอล ในปีนี้ สโมสรฯ จึงมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งนักเตะไทย และต่างชาติ ตลอดจนการเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอน อย่าง “โค้ชหระ” ซึ่งเป็นโค้ชคนไทยที่มีคุณภาพ ดีกรีโค้ชเยาวชนทีมชาติไทย ที่จะร่วมผนึกกำลังเข้าสู่การเดินทางครั้งใหม่ของสวาทแคท ในส่วนของฝ่ายบริหาร ทุกคนพร้อมสนับสนุนทีมในทุกๆ ด้าน อย่างเต็มที่ เพราะผมรเชื่อว่าการแข่งขันในลีกสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นในทุกมิติ เตรียมพร้อมทุกอย่างให้สมบูรณ์มากที่สุด ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทีมทุกๆ ภาคส่วน ที่อยู่เคียงข้างทีมสวาทแคท ที่สำคัญก็คือพลังของแฟนบอลสวาทแคทที่คอยส่งเสียงเชียร์สนับสนุนทีมมาโดยตลอด

สำหรับไฮไลท์สำคัญของงานฯ ในปีนี้ คือการเปิดตัวทีมนักกีฬา และชุดแข่งขันใหม่สำหรับฤดูกาล 2025/26 ที่ออกแบบโดย บริษัท โวลท์ เอนเนอร์จี แวร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุดออกกำลังกายมาตรฐานระดับสากล ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับสโมสรฯ เป็นปีที่สาม ซึ่งชุดแข่งในปีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก แผนที่โคราชจีโอปาร์ค ซึ่งเป็นอุทยานธรณีระดับโลกที่ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของจังหวัด เพื่อสะท้อนถึง พลังจากผืนแผ่นดินโคราชที่หล่อหลอมความแข็งแกร่งของทีมสโมสรฯ และภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 4,000 ปี ณ เขาจันทร์งาม แหล่งศิลปะถ้ำยุคก่อนประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวในจังหวัดนครราชสีมา สะท้อนให้เห็นถึง รากเหง้า อัตลักษณ์ และจิตวิญญาณของชาวโคราช นำมาสู่การออกแบบลวดลายสุดล้ำบนเสื้อแข่งขันประจำ ฤดูกาล 2025/26

รายชื่อนักฟุตบอลสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ฤดูกาล 2025/26 ภายใต้การคุมทีมของ นายอิสระ ศรีทะโร หรือ โค้ชหระ หัวหน้าผู้ฝึกสอน และกัปตันทีม นายเมธี ทวีกุลกาญจน์ ผู้จัดการทีมฯ มีดังต่อไปนี้

พัชรพงษ์ ประทุมมา, ธนภัทร์ วะรงค์, บาห์ บิล อาบูซ่า มามาดู, สิทธิโชค ภาโส, เดยัน เมเลก, วิคเตอร์ มาร์ติเนซ, ธนินนัทธ์ อธิศราวรเมศร์, เอลสัน ควินซี่ ฮูอี, เดอนี่ โปล คูณ ดาร์เบอเล่ย์, ณฐภพ แก้วกลาง, ฮิโรทากะ มิตะ, วรภพ ทวีสุข, บุคฆอรี เหล็มดี, อนุรักษ์ มุ่งดี, นพพล ละครพล, รัฐศาสตร์ บังสูงเนิน, ณัฐวุธ เจริญบุตร, พงศกร หาญรัตนะ, เดนนิส มูริลโล่, พนธกร หาญรัตนะ, ชิษณุพงศ์ พิมพ์สังข์, จักรพงษ์ แสนมะฮุง, ปัณณทัต เปรมปรีด์, พิณณวัฒน์ ผลสว่าง, อชิรวิชญ์ นัดสันเทียะ, เวนเดล มัทเธอุส, ธณชัย หนูราช, พิทวัส จีนไทย, เนนาด ลาลิช, พีระภัทร ผลสว่าง, อนุศักดิ์ ใจเพชร, ณรงค์ศักดิ์ เพชรนอก, สรวิศ สีฟ้า และ นพกร กันหาบาง

“ผมขอขอบคุณสโมสรฯ ที่เปิดโอกาสมาสด้าได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยสร้างประสบการณ์ความสุข เฉกเช่นเดียวกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจของมาสด้า นั่นคือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต ผมขอขอบคุณแฟนคลับทุกท่าน ที่ให้ความศรัทธากับทีมของเราตลอดมา” นายธีร์ กล่าว

โปรแกรมการแข่งขันนัดแรกของทีมสวาทแคท ฤดูกาล 2025/26 มีดังต่อไปนี้

วันทีมเหย้าทีมเยือนสนาม
เสาร์ที่ 16 ส.ค. 68นครราชสีมา มาสด้า เอฟซีชลบุรี เอฟซีกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ศุกร์ที่ 22 ส.ค. 68ระยอง เอฟซีนครราชสีมา มาสด้า เอฟซีWHA ระยอง สเตเดียม
เสาร์ที่ 30 ส.ค. 68นครราชสีมา มาสด้า เอฟซีราชบุรี เอฟซีกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

พร้อมกันนี้ เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้ามาสด้าและแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนมาสด้าและสโมสรฯ มาตลอดระยะเวลา 13 ปี มาสด้าขอเชิญชวนลูกค้าร่วมเล่นเกมส์เพื่อลุ้นรับบัตรเข้าชมการแข่งขันนัดแรก ระหว่าง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และชลบุรี เอฟซี ในวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. 68 บนหน้าเพจ Mazda official Facebook ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะประกาศรายชื่อผู้โชคดี 50 ท่าน (รางวัลท่านละ 2 ใบ) ในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. 68 เวลา 19:00 น. ซึ่งลูกค้าผู้โชคดีสามารถสแกนรับบัตรเข้าชมการแข่งขัน ได้ที่บูธรถยนต์มาสด้า ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตั้งแต่เวลา 17:30 น. เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Mazda official Facebook

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save