- Advertisement -
28.7 C
Bangkok
Home Blog Page 4

มาสด้า ประกาศสนับสนุนสวาทแคทต่อเนื่องเป็นปีที่ 13

มาสด้า ประกาศสนับสนุนสวาทแคทต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 เปิดตัวสโมสรฯ นักเตะ ชุดแข่งขัน พร้อมลุยศึกไทยลีกฤดูกาลใหม่

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 14 สิงหาคม 2568 – มาสด้าประกาศผลักดันวงการฟุตบอลไทยสู่ความยั่งยืนให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 พร้อมร่วมงานเปิดตัวสโมสรฯ นักกีฬา ผู้สนับสนุนและชุดแข่งขันในฤดูกาล 2025/26 ภายใต้ธีม “SWATCAT REBORN เริ่ม ลุย ใหม่” ตั้งเป้าคว้าอันดับดีที่สุด พร้อมคว้าชัยชนะส่งความสุขคืนสู่แฟนบอลทั่วประเทศและชาวโคราช ภายในงานฯ ยังได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้บริหารสโมสรฯ ผู้สนับสนุน และแฟนคลับ เข้าร่วมงานกันอย่างหนาแน่น ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคึกคัก แสดงถึงความพร้อมเพื่อลุยศึกการแข่งขันนัดแรกที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของมาสด้า ไม่ใช่เพียงแค่การผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในทุกมิติและพร้อมส่งมอบความสุขให้กับผู้คน ดังนั้น การเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการขับเคลื่อนพันธกิจ ด้านความยั่งยืนของโลก ผู้คน และสังคม ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งกีฬาฟุตบอล ถือเป็นหนึ่งในพลังเป็นหนึ่งเดียวของสังคมที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ในวงกว้าง มาสด้าเชื่อว่าการสนับสนุนกีฬาไม่ใช่เพียงการช่วยพัฒนานักกีฬาอาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนเยาวชนและผู้ที่มีความฝัน สร้างโอกาส เพื่อแสดงศักยภาพ เรียนรู้วินัย ทำงานเป็นทีม และเติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วยแนวคิดนี้ มาสด้าจึงยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างแรงบันดาลใจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของให้กับผู้คน สร้างสรรสังคม และผลักดันศักยภาพของประเทศไทยสู่เวทีโลก ผ่านพลังของกีฬาและกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่มาสด้าให้การสนับสนุนสวาทแคท เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่นั่นคือความท้าทายของเราทุกคน เพราะการจะนำมาซึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ต้องผ่านการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป คือ หัวใจของการเป็นนักสู้ Challenger Spirit ของทีมสวาทแคท และแรงสนับสนุนที่ล้นหลามจากแฟนบอลทุกคนที่ส่งกำลังใจส่งเสียงเชียร์ตลอดการแข่งขัน เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ในปีนี้ก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมา มาสด้าจะยังคงให้การสนับสนุนสโมสรฯ อย่างเต็มที่ในทุกด้าน เพราะเราเชื่อว่า ฟุตบอล ไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬา แต่คือพลังบวกที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้แข็งแกร่ง สร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่เส้นทางของนักกีฬาอาชีพ และที่สำคัญคือการยกระดับวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวสู่เวทีนานาชาติต่อไป

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษา สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นฤดูกาลแรกที่กลับขึ้นมาอยู่บนไทยลีก 1 เราได้เรียนรู้ถึงขีดจำกัด ข้อดี และข้อด้อยของทีม เราได้ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของแฟนบอล ในปีนี้ สโมสรฯ จึงมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งนักเตะไทย และต่างชาติ ตลอดจนการเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอน อย่าง “โค้ชหระ” ซึ่งเป็นโค้ชคนไทยที่มีคุณภาพ ดีกรีโค้ชเยาวชนทีมชาติไทย ที่จะร่วมผนึกกำลังเข้าสู่การเดินทางครั้งใหม่ของสวาทแคท ในส่วนของฝ่ายบริหาร ทุกคนพร้อมสนับสนุนทีมในทุกๆ ด้าน อย่างเต็มที่ เพราะผมรเชื่อว่าการแข่งขันในลีกสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นในทุกมิติ เตรียมพร้อมทุกอย่างให้สมบูรณ์มากที่สุด ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทีมทุกๆ ภาคส่วน ที่อยู่เคียงข้างทีมสวาทแคท ที่สำคัญก็คือพลังของแฟนบอลสวาทแคทที่คอยส่งเสียงเชียร์สนับสนุนทีมมาโดยตลอด

สำหรับไฮไลท์สำคัญของงานฯ ในปีนี้ คือการเปิดตัวทีมนักกีฬา และชุดแข่งขันใหม่สำหรับฤดูกาล 2025/26 ที่ออกแบบโดย บริษัท โวลท์ เอนเนอร์จี แวร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุดออกกำลังกายมาตรฐานระดับสากล ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับสโมสรฯ เป็นปีที่สาม ซึ่งชุดแข่งในปีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก แผนที่โคราชจีโอปาร์ค ซึ่งเป็นอุทยานธรณีระดับโลกที่ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของจังหวัด เพื่อสะท้อนถึง พลังจากผืนแผ่นดินโคราชที่หล่อหลอมความแข็งแกร่งของทีมสโมสรฯ และภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 4,000 ปี ณ เขาจันทร์งาม แหล่งศิลปะถ้ำยุคก่อนประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวในจังหวัดนครราชสีมา สะท้อนให้เห็นถึง รากเหง้า อัตลักษณ์ และจิตวิญญาณของชาวโคราช นำมาสู่การออกแบบลวดลายสุดล้ำบนเสื้อแข่งขันประจำ ฤดูกาล 2025/26

รายชื่อนักฟุตบอลสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ฤดูกาล 2025/26 ภายใต้การคุมทีมของ นายอิสระ ศรีทะโร หรือ โค้ชหระ หัวหน้าผู้ฝึกสอน และกัปตันทีม นายเมธี ทวีกุลกาญจน์ ผู้จัดการทีมฯ มีดังต่อไปนี้

พัชรพงษ์ ประทุมมา, ธนภัทร์ วะรงค์, บาห์ บิล อาบูซ่า มามาดู, สิทธิโชค ภาโส, เดยัน เมเลก, วิคเตอร์ มาร์ติเนซ, ธนินนัทธ์ อธิศราวรเมศร์, เอลสัน ควินซี่ ฮูอี, เดอนี่ โปล คูณ ดาร์เบอเล่ย์, ณฐภพ แก้วกลาง, ฮิโรทากะ มิตะ, วรภพ ทวีสุข, บุคฆอรี เหล็มดี, อนุรักษ์ มุ่งดี, นพพล ละครพล, รัฐศาสตร์ บังสูงเนิน, ณัฐวุธ เจริญบุตร, พงศกร หาญรัตนะ, เดนนิส มูริลโล่, พนธกร หาญรัตนะ, ชิษณุพงศ์ พิมพ์สังข์, จักรพงษ์ แสนมะฮุง, ปัณณทัต เปรมปรีด์, พิณณวัฒน์ ผลสว่าง, อชิรวิชญ์ นัดสันเทียะ, เวนเดล มัทเธอุส, ธณชัย หนูราช, พิทวัส จีนไทย, เนนาด ลาลิช, พีระภัทร ผลสว่าง, อนุศักดิ์ ใจเพชร, ณรงค์ศักดิ์ เพชรนอก, สรวิศ สีฟ้า และ นพกร กันหาบาง

“ผมขอขอบคุณสโมสรฯ ที่เปิดโอกาสมาสด้าได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยสร้างประสบการณ์ความสุข เฉกเช่นเดียวกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจของมาสด้า นั่นคือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต ผมขอขอบคุณแฟนคลับทุกท่าน ที่ให้ความศรัทธากับทีมของเราตลอดมา” นายธีร์ กล่าว

โปรแกรมการแข่งขันนัดแรกของทีมสวาทแคท ฤดูกาล 2025/26 มีดังต่อไปนี้

วันทีมเหย้าทีมเยือนสนาม
เสาร์ที่ 16 ส.ค. 68นครราชสีมา มาสด้า เอฟซีชลบุรี เอฟซีกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ศุกร์ที่ 22 ส.ค. 68ระยอง เอฟซีนครราชสีมา มาสด้า เอฟซีWHA ระยอง สเตเดียม
เสาร์ที่ 30 ส.ค. 68นครราชสีมา มาสด้า เอฟซีราชบุรี เอฟซีกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

พร้อมกันนี้ เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้ามาสด้าและแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนมาสด้าและสโมสรฯ มาตลอดระยะเวลา 13 ปี มาสด้าขอเชิญชวนลูกค้าร่วมเล่นเกมส์เพื่อลุ้นรับบัตรเข้าชมการแข่งขันนัดแรก ระหว่าง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และชลบุรี เอฟซี ในวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. 68 บนหน้าเพจ Mazda official Facebook ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะประกาศรายชื่อผู้โชคดี 50 ท่าน (รางวัลท่านละ 2 ใบ) ในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. 68 เวลา 19:00 น. ซึ่งลูกค้าผู้โชคดีสามารถสแกนรับบัตรเข้าชมการแข่งขัน ได้ที่บูธรถยนต์มาสด้า ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตั้งแต่เวลา 17:30 น. เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Mazda official Facebook

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

GWM ยอดขาย 7 เดือนแรกโต 96% สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

GWM (Thailand) ดันยอดขาย 7 เดือนแรกโต 96% สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทย เร่งเดินหน้าพัฒนาบริการหลังการขายแบบเต็มพิกัด

กรุงเทพฯ 13 สิงหาคม 2568 – GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด ประกาศความสำเร็จอย่างแข็งแกร่งในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ด้วยยอดขายรวมสูงถึง 8,804 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มียอดขายอยู่ที่ 4,490 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 96% สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยต่อผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ ‘User-Centric’ ที่มุ่งเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางควบคู่กับการยกระดับบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในประเทศไทยในระยะยาว

ความสำเร็จอันน่าจับตานี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากกระแสตอบรับอันร้อนแรงของ NEW GWM TANK 300 DIESEL รถยนต์ SUV ดีไซน์ทรง Boxy ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2568 ซึ่งสามารถสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดด้วยดีไซน์ที่แข็งแกร่งมีเอกลักษณ์ สมรรถนะที่ทรงพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่ได้อย่างลงตัวทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ส่งผลให้ NEW TANK 300 DIESEL ขึ้นแท่นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมของ GWM ด้วยยอดขายสะสมในช่วง 7 เดือน (มกราคม – กรกฎาคม 2568) ที่ 3,183 คัน ตอกย้ำคุณภาพและความนิยมอันล้นหลามของคนไทยที่มีต่อรถยนต์คันนี้ การันตีด้วยเสียงของผู้ใช้จริงที่ต่างออกมาแบ่งปันความประทับใจจากการใช้งานรถกันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับยอดขายรวม 8,804 คันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตจากปีก่อนหน้าสูงถึง 96% สะท้อนถึงศักยภาพและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ GWM ในประเทศไทย โดยยอดขายของ GWM ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมาจาก GWM ORA 4,218 คัน (48%), GWM TANK 3,473 คัน (39%), และ GWM HAVAL 1,103 คัน (13%) โดยเจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย GWM ORA Good Cat ยังคงครองสัดส่วนสูงสุดถึง 3,573 คัน หรือคิดเป็น 40% ของยอดขายรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 175% ตามมาด้วย GWM TANK 300 DIESEL 3,183 คัน และเจ้าเหมียวไฟฟ้าสายสปอร์ตซีดาน ORA 07 กับยอดขาย 645 คัน สำหรับ GWM TANK 300 DIESEL ได้รับการตอบรับที่ล้นหลามจากลูกค้าชาวไทย ทำสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกรกฎาคมที่ 1,028 คัน สร้างกระแส TANK FEVER ในกลุ่มเป้าหมายที่ทันสมัยและรักการผจญภัย และกลายมาเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งในเซกเมนต์ SUV-C และ PPV

ความสำเร็จและการเติบโตของ GWM นั้น เป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ User-centric หรือการรับฟังเสียงของผู้บริโภคและลูกค้าชาวไทยเพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง โดยผลิตภัณฑ์ที่ GWM เปิดตัวในประเทศไทย ล้วนได้รับการปรับปรุงจากข้อคิดเห็น ความชื่นชอบ และพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย อาทิ All New HAVAL H6 ที่ได้มีการปรับระบบช่วงล่าง การอัปเกรดระบบปฏิบัติการภายในรถ (UX/UI) ด้วย Coffee OS 3.0 อันล้ำสมัย พร้อม Petal Map ที่มีความละเอียดและแม่นยำสูง หรือแม้แต่การนำเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดเข้ามาใน NEW GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL ก็เพื่อตอบสนองความชื่นชอบและการใช้งานของคนไทยเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ GMM (Thailand) ยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านบริการหลังการขาย ที่เป็นจุดสร้างความแตกต่างและคุณค่าในระยะยาวให้กับลูกค้าในการตัดสินใจซื้อ และถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญที่เสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ GWM อย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุด GWM ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 3 จาก 12 แบรนด์รถยนต์ยอดนิยม ด้านความพึงพอใจของบริการหลังการขายประจำปี 2567 โดย Differential บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำระดับประเทศ และเป็นแบรนด์จากประเทศจีนเพียงแบรนด์เดียวที่สามารถขึ้นสู่ระดับ Top 3 ได้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์บริการหลังการขายให้รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง โดย GWM เน้นการบริการผ่าน GWM SMART Service ที่มอบบริการที่ง่าย สะดวกสบาย ผ่านเทคโนโลยีอันล้ำสมัย พร้อมการบริการที่ใส่ใจ เชื่อถือได้ และฉับไว ด้วยการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ การอบรมบุคลากรอย่างเข้มขันทั้งทางภาคทฤษฎีและปฏิบัติ การควบคุมคุณภาพการให้บริการของศูนย์บริการ รวมถึงการขยายโครงการศูนย์สีและซ่อมตัวถังมาตรฐานครบวงจร (GWM Certified Body and Paint) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไทยอย่างรอบด้านและยกระดับคุณภาพบริการในระยะยาว

มร.เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) เผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “GWM ขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่มอบความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มีต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการของเรามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเติบโตถึง 96% ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือนเท่านั้น เราเชื่อว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น HEV, PHEV, BEV หรือดีเซล ทำให้เรามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับ GWM และพาร์ทเนอร์ชาวไทย สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้อย่างครอบคลุมและครบทุกกลุ่ม นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าภายใต้กลยุทธ์ ‘User-Centric’ ที่เน้นรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะอย่างใกล้ชิด และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จริงในทุกมิติเพื่อนำมาพัฒนาในรถยนต์รุ่นถัด ๆ ไปให้เหมาะสมกับพฤติกรรมคนไทยและสภาพท้องถนนประเทศไทยให้มากที่สุด รวมถึงการยกระดับบริการหลังการขายให้รวดเร็ว ครอบคลุม และตรงจุด ผ่านการให้บริการที่มีคุณภาพในศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น เราวางแผนที่จะสร้างความแข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ผ่านประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นกับกลุ่มลูกค้าเราให้มากยิ่งขึ้น พร้อมก้าวสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในตลาดยานยนต์ไทย”

GAC เปิดตัว M8 PHEV รถอเนกประสงค์ MPV สุดหรูครั้งแรกในไทย

GAC ประเทศไทย เปิดตัว GAC M8 PHEV ยนตรกรรม MPV Plug-in Hybrid สุดหรูระดับ Masterpiece อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีอัจฉริยะและความปลอดภัยขั้นสูงสุด ราคาเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาท

บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้วงการยานยนต์ไทย ประกาศเปิดตัว GAC M8 PHEV ยนตรกรรม MPV หรูแบบ 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในงาน GAC M8 PHEV : Master the Moment มอบประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับ เสมือนผลงานศิลปะชิ้นเอกที่มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีอัจฉริยะ ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูงสุด

การมาถึงของ GAC M8 PHEV นับเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ GAC ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าชาวไทย หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า 100% หลายรุ่นสู่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น AION Y Plus, HYPTEC HT, AION V และ AION UT โดย GAC M8 PHEV จะเป็นยนตรกรรมขุมพลังทางเลือก (Plug-in Hybrid) รุ่นแรกของ GAC ในประเทศไทย ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ GAC ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่พร้อมมอบทางเลือกการเดินทางที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค

GAC M8 PHEV เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ราคาเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาท

ข้อเสนอสุดพิเศษ และการรับประกัน (Benefit & Warranty)

1.ชิ้นส่วนหลักอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันสูง (แบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อนและกล่องควบคุมมอเตอร์) รับประกัน 8 ปี หรือ 150,000 กม. แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน / การรับประกันตัวรถยนต์(ยกเว้นชิ้นส่วนหลักและชิ้นส่วนสิ้นเปลือง)รับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กม. แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน / ฟรีบำรุงรักษา สำหรับการเช็คระยะครั้งแรก

2.ฟรี เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมบริการติดตั้ง (สิทธิประโยชน์มีผล 1 ปีนับจากวันออกใบกำกับภาษี)

3.ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่ง พร้อมพ.ร.บ. (คุ้มครอง 1 ปี)

4.ฟรี ค่าจดทะเบียนรถยนต์

5.ฟรี ฟิล์มกรองแสงรถยนต์พร้อมบริการติดตั้ง และพรมปูพื้นรถยนต์

6.พิธีส่งมอบรถสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมชุดของขวัญสุดพรีเมียม

7.กิจกรรมสุดพิเศษสำหรับลูกค้า GAC M8 PHEV แบบเอ็กซ์คลูซีฟ

8.บริการรถสำรองใช้ระหว่างเข้ารับบริการซ่อมหรือบำรุงรักษา

9.สิทธิ์ในการจองคิวล่วงหน้าสำหรับเข้ารับบริการหลังการขาย / ที่ปรึกษาส่วนตัวดูแลลูกค้าแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (Personal Service Advisor)

10.บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง สูงสุด 8 ปี

Experience the Luxurious Moment สุนทรียภาพแห่งความสง่างามและความสะดวกสบาย

GAC M8 PHEV นิยามใหม่ของความหรูหราและความผ่อนคลายในทุกตารางนิ้ว ที่ซึ่งทุกองค์ประกอบได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตราตรึงใจ

-Masterful Gaze Design : ได้รับแรงบันดาลใจจากความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณอันสูงส่งของสิงโต ดีไซน์อันทรงพลังนี้คือผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานความหรูหราและศิลปะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ดึงดูดทุกสายตาในทุกที่ที่ไปถึง

-ไฟหน้า Grand Lion : ไฟหน้าที่ส่องสว่างและมีรูปทรงเฉียบคมสะท้อนสายตาของสิงโต มอบภาพลักษณ์ที่ทรงพลังและแผ่รัศมีความโดดเด่นอย่างเหนือชั้น

-กระจังหน้า Lion Claw : กระจังหน้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกรงเล็บของสิงโต แกะสลักด้วยเส้นสายที่แม่นยำ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและตัวตนอันทรงพลัง

-ไฟท้าย Lion Fang : ไฟท้าย Lion Fang ของเรามีความเฉียบคมและดุดัน ดุจดั่งสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ที่หันกลับมามอง ส่งสัญญาณถึงพลังที่พร้อมจะทะยานไปข้างหน้า

-ดุมล้อ Floating Emblem : การผสมผสานระหว่างนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์และศิลปะชั้นครูที่แผ่เสน่ห์อันสง่างามบนทุกเส้นทาง

-ห้องโดยสารที่เงียบสงบดุจห้องสวีทส่วนตัว (Bespoke Serenity Suite) : ทั้งคันประกอบด้วยวัสดุเก็บเสียงถึง 108 ชิ้น สร้างบรรยากาศห้องโดยสารที่เงียบสงบและสะดวกสบาย เบาะนั่งแถวที่สองสามารถเอนได้ถึง 58° และเบาะแถวที่หนึ่งและสองสามารถปรับเอนราบเป็นเลานจ์ส่วนตัวระดับเฟิร์สคลาสได้เต็มรูปแบบ ช่วยให้สามารถนอนหลับพักผ่อนบนการเดินทางไกลและสร้างช่วงเวลาส่วนตัวที่ผ่อนคลาย

-เบาะหนังสุดหรู (Luxurious Leather Seat) : เบาะหนังพรีเมียม Semi-Aniline ที่มีผิวสัมผัสหรูหรา มอบประสบการณ์ที่นุ่มนวลและสบายให้กับผู้โดยสารทุกคน

-ระบบนวด 10 จุด (10-Point Rejuvenation System) : เพลิดเพลินกับโหมดการนวดสามรูปแบบ ยืดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย, ลดแรงกดทับช่วงเอว และลดความเมื่อยล้า จุดนวดที่ล้ำลึกยิ่งขึ้นมอบประสบการณ์การผ่อนคลายระดับเฟิร์สคลาส ทำให้มั่นใจได้ถึงความสบายแม้ในการขับขี่ระยะไกล

-ที่พักขาสุดหรู (Plush Leg Rest) : ที่พักขาสามารถปรับได้ถึง 75° และยืดไปข้างหน้าได้ 90 มม. รองรับสรีระที่หลากหลายเพื่อการรองรับต้นขาที่เหนือกว่าและลดความเมื่อยล้า

-ระบบสั่งการ Relaxation Touch Command: ปรับตั้งค่าเบาะนั่งได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอสัมผัสบนที่พักแขน และเปิดใช้งานโหมดสปาได้ด้วยสัมผัสเดียว สามารถควบคุมไฟสร้างบรรยากาศและระบบน้ำหอมได้อย่างราบรื่นเพื่อสร้างพื้นที่แห่งความสบายส่วนตัวของคุณ

-คันเกียร์คริสตัล (Crystal Shift Lever) : ประดิษฐ์ขึ้นด้วยการเจียระไนอย่างพิถีพิถันถึง 160 เหลี่ยม คันเกียร์คริสตัลจะจับและหักเหแสง สร้างประกายแวววาวโปร่งแสงที่ส่องสว่างอย่างแท้จริง

Refined PHEV Performance ขุมพลัง PHEV อัจฉริยะที่ผสานสมรรถนะและประสิทธิภาพ

GAC M8 PHEV ทลายทุกข้อจำกัดของการเดินทาง ด้วยเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ล้ำสมัย ตอบสนองทันใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

-สมรรถนะที่เหนือระดับ : สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ทรงพลังจากขุมพลัง 2.0T PHEV System เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 kW แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 134 kW แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจในการออกตัว และการเร่งแซงที่นุ่มนวลแต่ทรงพลังในช่วงความเร็ว 60-120 กม./ชม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัจฉริยะ GMC400 Hybrid Transmission ที่พัฒนาโดย GAC

-พิสัยการเดินทางที่ไกลกว่าและพลังงานสองทางเลือก : หมดกังวลทุกการเดินทางด้วยพิสัยการเดินทางรวมสูงสุดถึง 1,032 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTC) และสามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วน (EV Mode) ได้ไกลถึง 120 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) มั่นใจสูงสุดด้วยเทคโนโลยี แบตเตอรี่ Magazine Battery ขนาด 25.75 kWh ออกแบบมาให้คงความเสถียรแม้ในระหว่างการชนอย่างรุนแรง ทำให้ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากกว่าที่เคย

-ประสิทธิภาพอัจฉริยะและความปลอดภัยสูงสุด : มอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 6.1 ลิตร/100 กม. (เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย) พร้อมโหมดการขับขี่อเนกประสงค์ (Versatile Driving Modes) ให้เลือกใช้ตามสถานการณ์ ทั้ง Pure Electric สำหรับการขับขี่ในเมือง, Intelligent Hybrid สำหรับการเดินทางไกลที่ประหยัดและมีสมรรถนะสูง และ Intelligent Charge Hold เพื่อรักษากำลังขับเคลื่อนที่มั่นคงบนทางหลวง

Live the Masterpiece Moment ตอบสนองทุกบทบาทของชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ

GAC M8 PHEV ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวเคลื่อนที่ระดับ First Class ที่พร้อมปรับเปลี่ยนให้เข้ากับทุกกิจกรรมและทุกไลฟ์สไตล์

-พื้นที่อเนกประสงค์ที่ปรับเปลี่ยนได้ดั่งใจ (Dynamic Space) : เบาะนั่งแถวที่สองมาพร้อมรางเลื่อนไฟฟ้าแบบยาวพิเศษถึง 480 มม. และแถวที่สามเลื่อนได้ 220 มม. ทำให้การปรับเปลี่ยนพื้นที่เพื่อดูแลบุตรหลานหรือเพื่อความสะดวกสบายเป็นไปอย่างง่ายดาย พร้อม ห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ (Grand Cargo Trunk) ที่ขยายความจุได้สูงสุดถึง 1,500 ลิตรเมื่อพับเบาะทุกแถวราบ ตอบโจทย์ทั้งทริปพักผ่อนของครอบครัวใหญ่และการเดินทางเพื่อธุรกิจ

-เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความสะดวกสบายและง่ายดาย : มาพร้อม โต๊ะพับอเนกประสงค์ (Executive Floating Table) ที่พนักพิงเบาะแถวสอง และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ L2 (L2 Intelligent Assisted Driving) ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้า, ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ (Smart Parking Assist) ที่ทำให้การจอดในที่แคบเป็นเรื่องง่าย และ ระบบถอยจอดตามรอยเส้นทาง (Reverse Tracking System) ที่ตัวรถสามารถถอยหลังตามเส้นทางเดิมได้อัตโนมัติไกลถึง 50 เมตร

Mr. Andrew Wang ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การมาถึงของ M8 PHEV ในวันนี้ คือการตอบสนองต่อทุกความคาดหวังด้วยงานฝีมืออันประณีตและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งเกิดขึ้นจากความสำเร็จของ GAC ในตลาดโลกที่เติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจ ด้วยยอดขายสะสมของรถยนต์ MPV กว่า 700,000 คันทั่วโลก และการครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ MPV ระดับพรีเมียมของจีนติดต่อกันถึง 70 เดือน การเปิดตัวครั้งนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในการเดินทางของเรา ที่จะเติบโตและสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกับประเทศไทย ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการสนับสนุนที่มีให้เราเสมอมา”

เกี่ยวกับ GAC Group

GAC Group เป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าให้กับอุตสาหกรรม ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง นวัตกรรมล้ำสมัย และบริการที่ยอดเยี่ยม โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ระดับแนวหน้าของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกที่น่าเชื่อถือในระดับโลก โดย GAC Group ได้ก้าวสู่ตลาดรถยนต์โลกอย่างเป็นทางการในปี 2013 และเติบโตเข้าสู่ตลาดอย่างมั่นคง ด้วยการยึดมั่นในคุณค่าแห่ง “คุณภาพระดับแนวหน้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย” พร้อมหลักการ “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง บริการจากภายใน” เพื่อสร้างแบรนด์ที่เชื่อถือในเวทีสากล และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานทุกมิติ

ปัจจุบัน GAC Group มีสำนักงานใหญ่จำนวน 5 แห่ง ครอบคลุมกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก, กลุ่มประเทศ CIS และอียิปต์ เสริมศักยภาพการขยายตัวในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่โดดเด่นและวัฒนธรรมขององค์กรที่แข็งแกร่ง

ด้วยความสำเร็จที่โดดเด่น GAC Group ได้รับการจัดอันดับใน Fortune Global 500 ต่อเนื่องถึง 12 ปี โดยในปี 2024 อยู่ที่อันดับ 181 มีบุคลากรระดับแนวหน้ากว่า 100,000 คน ครอบคลุม 15 ประเทศทั่วโลก รวมถึงทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 6,000 คนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

GAC Group มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Centers) ในจีน สหรัฐอเมริกา และอีกหลากหลายประเทศ พร้อมครอบครองเทคโนโลยีด้านสิทธิบัตรหรือสิทธิการอนุญาตกว่า 18,600 รายการ และผลงานการพัฒนาอัจฉริยะกว่า 7,500 รายการ ครอบคลุมเทคโนโลยีและนวัตกรรมขององค์กร

ด้านศักยภาพทางผลิต GAC Group มียอดขายกว่า 2.5 ล้านคันในปี 2023 ติดอันดับ 4 ของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดยปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์ในเครือที่ยืนหยัดด้วย 3 แบรนด์ได้แก่ AION, HYPTEC และ GAC Motor นอกจากนี้ GAC Group ยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ชั้นนำในผู้ผลิตชั้นนำ ได้แก่ HONDA และ TOYOTA ผ่านบริษัทระหว่าง GAC HONDA และ GAC TOYOTA

ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ GAC Group ใช้ Big Data ขับเคลื่อนโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ และระบบ AI ผ่านการทดสอบที่มีความแม่นยำสูงถึง 95% พร้อมยกระดับขอบเขตการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การผลิต พัฒนา เทคโนโลยี ไปจนถึงการให้บริการระดับโลก

GAC Group ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำด้านยานยนต์ แต่ยังเน้นย้ำถึงการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม ความโปร่งใส และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความพึงพอใจมากกว่า เพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก

กระทรวงอุตสาหกรรม เตือนภัย หลังตรวจพบมียางรถยนต์ไม่ได้มาตรฐานจำหน่ายในตลาด

กระทรวงอุตสาหกรรม สั่งปูพรม ตรวจเข้มโรงงานผลิตยางล้อและร้านจำหน่าย เตือนประชาชนเลือกซื้อยางรถให้ดู ECO sticker หลังพบยางตกเกรด, ไม่มี มอก., ไม่ได้มาตรฐาน และเสื่อมสภาพ ลักลอบวางจำหน่ายในตลาดจำนวนมาก ย้ำผู้ใช้ยางดังกล่าวโดยไม่ได้สังเกตแหล่งที่มาและสัญลักษณ์ที่บ่งบอกมาตรฐานของยางรถยนต์ที่กล่าวเบื่องต้นอาจจะได้รับผลกระทบกับความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ถ้าพบเห็นโปรดแจ้งเบาะแสร้านจำหน่ายยางรถยนต์ที่ไม่มี มอก. ผ่านแอปพลิเคชั่น “แจ้งอุต”

กระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งการให้ชุดสุดซอยตรวจปูพรมโรงงานผลิตยางล้อรถยนต์ทุกโรงงาน และตรวจร้านจำหน่ายยางทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนที่เลือกซื้อยางล้อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับรายงานว่า มีการลักลอบนำยางรถยนต์เสื่อมสภาพตกเกรดวางจำหน่ายในท้องตลาดในหลายพื้นที่ อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์ยางล้อที่ผลิตหรือจำหน่ายในประเทศ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ตลอดจนภาพลักษณ์การลงทุนของประเทศอย่างร้ายแรง

จากกรณีที่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สั่งปิด “บริษัท ปริ๊งซ์ เฉิงซาน ไทร์ จำกัด” โรงงานผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา เหตุลักลอบผลิตยางรถยนต์และรถบรรทุกไม่ได้มาตรฐาน มีการลบวันที่ผลิตยางและลบตราสัญลักษณ์ยี่ห้อที่แก้มยาง อีกทั้ง ยังพบยางที่ไม่แสดงเครื่องหมาย มอก. จำนวนมาก ซึ่งยางรถยนต์และยางรถบรรทุกเป็น มอก.บังคับ ผู้ผลิตต้องได้รับใบอนุญาตและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ สมอ.กำหนด อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมีการขนกากของเสียอันตรายกว่า 65.94 ตัน ออกนอกโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังทำผิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในอีกหลายประเด็น ซึ่งมีพฤติกรรมที่จงใจกระทำผิดซ้ำซากมาโดยตลอด เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดอันตรายและความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจพบกองยางรถยนต์หลายขนาด ซึ่งถูกลบวันที่ผลิตยางและลบตราสัญลักษณ์ยี่ห้อที่แก้มยางกว่า 74,504 เส้น มูลค่ารวมกว่า 223 ล้านบาท ภายในป่า จ.ระยอง ซึ่งมีการปิดล้อมด้วยรั้วสังกะสีในลักษณะตั้งใจปกปิดการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากยางรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าวถูกส่งวนกลับไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภค อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างร้ายแรง และจะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง

จากสถานการณ์ดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สั่งการให้ชุดสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม และ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) ปูพรมตรวจโรงงานผลิตยางล้อรถยนต์ในประเทศทุกโรงงาน และตรวจร้านจำหน่ายยางทั่วประเทศ เพื่อกำกับดูแลไม่ให้เกิดการลักลอบผลิตยางรถยนต์ที่ตกเกรดเสื่อมสภาพไม่ได้มาตรฐาน ที่อาจส่งผลกระทบกับความปลอดภัยและชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ อยากเน้นย้ำพี่น้องประชาชนที่กำลังเลือกซื้อยางล้อรถยนต์ ให้สังเกตป้าย ECO sticker ที่ติดบนยางล้อรถยนต์ ซึ่งยางรถยนต์ที่ได้ มอก. จะต้องติดป้าย ECO sticker ทุกเส้น หากพบยางรถยนต์ที่ไม่มีป้าย ECO sticker ขอให้สันนิษฐานว่า เป็นยางรถยนต์ที่ไม่มี มอก. ตกเกรด และเสื่อมสภาพ และขอให้ช่วยแจ้งเบาะแสร้านจำหน่ายยางรถยนต์ที่ไม่มี มอก. ผ่านแอปพลิเคชั่น “แจ้งอุต” เพื่อกระทรวงจะได้ดำเนินการตรวจจับดำเนินคดีทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อไป

การเลือกซื้อยางล้อรถยนต์ ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย

•  สังเกตป้าย ECO sticker ที่ติดบนยางรถยนต์ ทุกเส้น

•  ป้าย, ยี่ห้อ, ขนาด, ผลิตโดย.. ที่ป้าย ECO sticker ตรงกับที่ยาง 

•  มีระบุ วัน, เดือน, ปี ที่ผลิตชัดเจน

•  สังเกตเครื่องหมาย มอก. เลขที่ รับรอง คู่กับ QR Code ที่สามารถสแกน เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของยางเส้นนั้นได้

** หากพบยางรถยนต์ที่ไม่มีป้าย ECO sticker ขอให้สันนิษฐานว่า เป็นยางรถยนต์ที่ไม่มี มอก. ตกเกรด และเสื่อมสภาพ ช่วยแจ้งเบาะแส ร้านจำหน่ายยางรถยนต์ที่ไม่มี มอก. ผ่านแอปพลิเคชั่น “แจ้งอุต”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องที่ : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/99418

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ชวนร่วมฉลองวันแม่

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ชวนร่วมฉลองวันแม่สุดประทับใจ กับมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก ‘โต๋ ศักดิ์สิทธิ์’ พร้อมแคมเปญWonderful MOM, Wonderful Deal’ 11-17 ส.ค. 68 ที่โชว์รูมพระราม 4

บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และ มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ชวนร่วมฉลองวันแม่สุดประทับใจ กับมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก ‘โต๋ ศักดิ์สิทธิ์’ พร้อมแคมเปญ ‘Wonderful MOM, Wonderful Deal’ ระหว่างวันที่ 11–17 สิงหาคม 2568 ณ โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ สาขาพระราม 4 พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า ด้วยข้อเสนอพิเศษ กิจกรรมสุดประทับใจ และความเอ็กซ์คลูซีฟที่ไม่ควรพลาด หรือรับสิทธิพิเศษสำหรับยนตรกรรม บีเอ็มดับเบิลยู ทุกรุ่น ได้ที่โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู ทุกสาขาทั่วประเทศ

นายศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “วันแม่ปีนี้ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ชวนร่วมฉลองวันแม่สุดประทับใจ กับมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก ‘โต๋ ศักดิ์สิทธิ์’ พร้อมแคมเปญ ‘Wonderful MOM, Wonderful Deal’ ที่เราได้รังสรรค์ขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันมากที่สุด พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในทุกมิติ ร่วมกับพันธมิตรระดับแนวหน้า เพื่อให้เป็นมากกว่าการจำหน่ายรถยนต์”

วันแม่ปีนี้ รับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมเติมเต็มความรู้สึกดีๆ ที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ สาขาพระราม 4

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดกิจกรรมสุดประทับใจ ฉลองเทศกาลวันแม่ เพื่อตอบแทนความรักของแม่ที่มีให้อย่างไม่จำกัด ด้วยกิจกรรมดีๆ ระหว่างวันที่ 11-17 สิงหาคม 2568 ที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ สาขาพระราม 4 มาพร้อมหลากหลายข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

• ทดลองขับ THE NEW iX1 รถยนต์ไฟฟ้า 100% และ THE NEW 2 Gran Coupé รุ่นล่าสุด พร้อมข้อเสนอพิเศษ

• บัตรโดยสารสายการบินไทยไป-กลับ กรุงเทพฯ–ญี่ปุ่น สำหรับ 4 ที่นั่ง*

 มูลค่าสูงสุด 250,000 บาท* หรือ เลือกรับสิทธิ์ TRADE-IN นำรถคันเก่ามาแลกคันใหม่ เพิ่มมูลค่าสูงสุด 700,000 บาท*

• รูดบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ แบ่งจ่าย 0% นานสูงสุด 3 เดือน*

• บริการรับ–ส่งสนามบินด้วย BMW 5 Series หรือรถ MPV เทียบเท่า จำนวน 4 ครั้ง มูลค่า 16,000 บาท*

• ฟรี Upgrade BSI Ultimate*

• ฟรี BMW Wallbox*

• ฟรี กล้องติดรถยนต์ BMW Advanced Car Eye 3.0*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นานสูงสุด 3 ปี*

เพลิดเพลินกับกิจกรรมพิเศษ วันที่ 12 สิงหาคม พบกับมินิคอนเสิร์ตสุดอบอุ่น ‘Incredible Voice’ โดยศิลปินชื่อดัง ‘โต๋ ศักดิ์สิทธิ์’ พร้อมของขวัญสุดพิเศษสำหรับคุณแม่ และ 16–17 สิงหาคม เวิร์กช็อปเอ็กซ์คลูซีฟ ‘Radiant Elegance’ โดย ESTÉE LAUDER Makeup Artist ร่วมถ่ายทอดเคล็ดลับการเสริมเสน่ห์อย่างมีระดับ

สำรองที่นั่ง โทร.1286 Millennium Auto Connect

BMW Millennium Auto Line Official: https://bit.ly/2Z3ou46 (@millenniumauto)

https://www.millenniumauto.co.th

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

BYD SEAL 5 DM-i ปลั๊กอินไฮบริด เปิดราคาขายวันนี้ 6.99 แสนบาท

BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว รุ่น PREMIUM ราคา Early Bird 699,900 บาท

•BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID รถยนต์ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เทคโนโลยี DM-i SUPER HYBRID พร้อมให้ชาวไทยได้เป็นเจ้าของแล้ว

•BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ผลิตขึ้นที่โรงงาน บีวายดี ออโต้ ประเทศไทย มาพร้อม 2 รุ่นย่อยให้เลือก โดยมีราคาปกติ 769,000 บาท ในรุ่น PREMIUM ราคา Early Bird 699,900 บาท (ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 68 – 30 ก.ย. 68) ซึ่งมีสีตัวถังให้เลือก 3 สี

กรุงเทพฯ – 8 สิงหาคม 2568 – บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานใหม่ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เท่านั้น แต่ยังเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการผลิต BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID รุ่นพวงมาลัยขวา ขึ้นที่โรงงาน บีวายดี ออโต้ ประเทศไทย อีกด้วย โดยในพิธีแถลงข่าวมี นายหยู่ปิน เคอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ให้เกียรติร่วมพิธี

นายหยู่ปิน เคอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การนำ BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID รุ่นพวงมาลัยขวา มาประกอบที่โรงงานผลิตรถยนต์ บีวายดี ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นที่ 4 ของ บีวายดี ที่ผลิตในประเทศไทย คือหลักฐานที่ยืนยันว่า บีวายดี เล็งเห็นศักยภาพในเรื่องของฝีมือการผลิตรถยนต์ระดับแนวหน้าของโลก และให้ความสำคัญในการลงทุนเริ่มสายการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ในประเทศไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับรถยนต์ซีดานขนาดกลางในไทย ด้วยการนำขุมพลัง DM-i SUPER HYBRID ซึ่งเป็นขุมพลัง PHEV มาใช้ในรถยนต์กลุ่มนี้เป็นรายแรก”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ มั่นใจในศักยภาพของ BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ทั้งในแง่ของสมรรถนะ ประสิทธิภาพของการใช้เชื้อเพลิง และความทนทาน เนื่องจากขุมพลัง DM-i SUPER HYBRID ได้ผ่านการพิสูจน์และเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งยังผ่านการทดสอบโดยสื่อมวลชนชั้นนำของไทยกว่าร้อยชีวิต ซึ่งต่างให้การยอมรับถึงนวัตกรรมนี้เป็นเสียงเดียวกัน ทั้งยังมีตัวถังขนาดใหญ่สุดในกลุ่ม ห้องโดยสารสะดวกสบาย พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ขุมพลัง DM-i SUPER HYBRID ใน BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ผ่านการทดสอบแล้วว่า ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลักจริง ภายใต้สภาวะการขับขี่ใช้งานจริงบนท้องถนนของประเทศไทย และยืนยันได้จากสื่อมวลชนระดับชั้นนำของไทย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของ เรเว่ ที่นำยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่ มาให้ชาวไทยได้สัมผัส ไม่ใช่เพียงเพื่อการเป็นผู้นำของวงการ แต่ยังสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

DM-i SUPER HYBRID นวัตกรรมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)

BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) แบบ DM-i SUPER HYBRID หรือ Dual Mode-intelligent (DM-i) ระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูง เน้นการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ผสานเครื่องยนต์ Xiao Yun ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ มอบกำลังรวมสูงสุด 160 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมสูงสุด 300 นิวตันเมตร จึงมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ และประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดี ทั้งยังมี BYD Blade Battery ขนาด 18.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง** เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง และรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งภายนอก

นอกจากนั้น ยังมีระบบ VtoL สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและความประหยัด ด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.5 วินาที ซึ่งไวที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน และสามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน เป็นระยะทางสูงสุด 120 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อแบตเตอรี่ต่ำ 3.8 L/100 km ทำให้รถสามารถขับขี่เป็นระยะทางรวมมากกว่า 1,000 กิโลเมตร*

BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID มาตรฐานใหม่ของรถยนต์ซีดานขนาดกลาง

BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ยนตรกรรมที่สะท้อนความลงตัวเหนือระดับ ทั้งการออกแบบ ความสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ ภายนอกโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตผ่านงานออกแบบภายใต้แนวคิด OCEAN AESTHETICS เส้นสายด้านข้างตัวรถที่เฉียบคมและทรงพลัง เสริมด้วยกระจังหน้าไร้กรอบแบบ DOT MATRIX พร้อมไฟหน้า Full LED แบบ STAR LIGHT และ ไฟท้ายรมดำ แบบ DOT MATRIX พร้อมแถบ LED แบบ Lightbar มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,718 มิลลิเมตร ยาวที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ทำให้มีห้องโดยสารกว้างขวาง ทั้งยังเพียบพร้อมด้วย BYD Intelligent Cockpit ซึ่งมีระบบปรับเกียร์แบบหมุนและรวบรวมปุ่มควบคุมต่างๆ ไว้ในตำแหน่งเดียวกัน ดีไซน์ลงตัวและใช้งานง่าย อีกทั้งยังมีหน้าจอเรือนไมล์ขนาด 8.8 นิ้ว และ หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 12.8 นิ้ว** ใหญ่ที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ในส่วนของความปลอดภัย มั่นใจด้วยโครงสร้างตัวถังแข็งแกร่ง พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะครบครัน

BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID รุ่น PREMIUM มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ประกอบด้วย สีขาว ARCTIC WHITE, สีดำ QUANTUM BLACK และ สีเทา HARBOUR GREY** พร้อมมี 2 รุ่นย่อย ให้เลือกระหว่างรุ่น STANDARD ซึ่งพร้อมเริ่มส่งมอบภายในปีหน้า และ รุ่น PREMIUM ราคาปกติเริ่มต้น 769,000 บาท ราคา Early Bird 699,900 บาท (ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 68 – 30 ก.ย. 68) ซึ่งพร้อมส่งมอบทันที 

สัมผัส BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ใกล้บ้านท่านทั้ง 165 สาขาทั่วประเทศ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ทุกรุ่นได้ที่ reverautomotive.com สำหรับรถยนต์ BYD หรือ denzathailand.com สำหรับรถยนต์ DENZA พร้อมติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวล่าสุดได้ที่ Official Facebook Page: BYD RÊVER Thailand และ DENZA RÊVER Thailand

* เป็นไปตามมาตรการทดสอบตามมาตรฐาน NEDC ระยะทางจริงอาจปรับเปลี่ยนได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล น้ำหนักบรรทุก สภาพการจราจร และอื่นๆ

** เฉพาะรุ่น PREMIUM

ไทยฮอนด้า เผยทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568 เพิ่มทางเลือกใหม่อีก 2 รุ่น

ไทยฮอนด้า เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นใหม่ พร้อมเผยทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568 นำโดย ‘All New Honda Wave125’ พร้อมพรีเซนเตอร์คนใหม่ “โจอี้-ภูวศิษฐ์” และเผยโฉมรถจักรยานยนต์พรีเมียม เอ.ที. ‘New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins’

(กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 8 สิงหาคม 2568) – ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าว ‘Thai Honda Press Conference & Mid-Year Meeting 2025 : Leading The Future’ พร้อมเผยภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก และแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ ‘All New Honda Wave125’ รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมพรีเซนเตอร์คนใหม่ “โจอี้-ภูวศิษฐ์” นักร้องเลือดอีสานขวัญใจมหาชน และ ‘New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins’ ที่ร่วมกับ Öhlins แบรนด์เทคโนโลยีช่วงล่างระดับโลก พัฒนาชุดโช้กอัพ Special Edition สุดพรีเมียม รวมถึง New Honda Giorno+ อีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมที่มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงิน Matte Blue ร่วมด้วยการเผยแผนดำเนินโครงการบริจาคหมวกกันน็อก 60,000 ใบทั่วประเทศ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีไทยฮอนด้า

มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวเปิดงาน “ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าได้เผชิญทั้งความท้าทายและโอกาส พร้อมก้าวผ่านช่วงเวลาสำคัญไปพร้อมกับลูกค้าและพันธมิตรทุกฝ่าย ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายรวมของตลาดรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 1.06 ล้านคัน หรือ เพิ่มขึ้น 101% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายของไทยฮอนด้าอยู่ที่ 0.86 ล้านคัน หรือ เติบโต 102%  เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดรวมตลอดปี 2568 เราคาดการณ์เหมือนตอนต้นปีว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 1.68 ถึง 1.73 ล้านคัน หรือ เติบโตประมาณ 101% ส่วนไทยฮอนด้าตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.36 ถึง 1.40 ล้านคัน หรือราว 102% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของฮอนด้าอย่างต่อเนื่อง”

“รถจักรยานยนต์ในกลุ่มรถครอบครัว ยังคงเป็นเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมสูง เป็นเวลากว่า 28 ปีแล้วที่ Honda Wave เป็นมากกว่ารถจักรยานยนต์ ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยยอดขายสะสมกว่า 19 ล้านคัน ในวันนี้เราจึงกลับมาพร้อมการยกระดับกับ All New Honda Wave125 รุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ความคุ้มค่า และสไตล์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเราได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอย่าง ‘โจอี้ ภูวศิษฐ์’ เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ครอบครัวยุคใหม่ ตอกย้ำความผู้นำในกลุ่มรถครอบครัวที่หลายคนยกให้เป็นอันดับหนึ่ง”

All New Honda Wave125 ครั้งแรกกับเทคโนโลยี Combine Brake System (CBS) ที่ช่วยกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจทุกการเบรกหยุดรถได้อย่างนุ่มนวล และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์ใหม่ ทั้ง New Honda SMART Key กุญแจรีโมตอัจฉริยะล้ำสมัย (เฉพาะรุ่นล้อแม็ก-กุญแจรีโมต) และชุดควบคุมการทำงานสวิตซ์เปิด-ปิดเบาะ อีกทั้ง New USB-C Charger ช่องชาร์จไฟสำรองทุกที่แบบไม่มีสะดุด และ New Rotation Hook ที่แขวนอเนกประสงค์พับเก็บได้ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

All New Honda Wave125 ยังคงตอบโจทย์ในเรื่องประหยัด ทนทาน ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 71.4 กม./ลิตร และมาพร้อมเครื่องยนต์ Honda Smart Engine 125 ซีซี พร้อมเปิดวางจำหน่ายด้วย 5 สีใหม่สุดพรีเมียม ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นล้อแม็ก-กุญแจรีโมต มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำตาล-ดำ, สีน้ำเงิน-ดำ, สีขาว-ดำ และสีดำ ราคาแนะนำ 60,800 บาท ตามด้วยรุ่นล้อแม็ก มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำตาล-ดำ, สีน้ำเงิน-ดำ, สีขาว-ดำ และสีดำ ราคาแนะนำ 59,400 บาท และรุ่นล้อซี่ลวด มีทั้งหมด 2 ดำ ได้แก่ สีแดง-ดำ และสีดำ ราคาแนะนำ 57,200 บาท

นอกจากนี้ยังเสริมความพิเศษไปอีกขั้น กับรุ่น All New Honda Wave125R อัปลุคใหม่ให้สปอร์ตเกินต้าน ด้วยชุดแต่ง H2C ดีไซน์โฉบเฉี่ยว สติกเกอรสีทูโทนตกแต่งรอบคัน เพิ่มความจัดจ้านด้วยโช้กหลัง Profender สีแดงทอง มาพร้อมที่ปรับระดับ Rebound ช่วยซับแรงสะเทือนได้ดี ราคาแนะนำ 66,200 บาท

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญอย่างรถจักรยานยนต์ ‘New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins’ เปิดตัวภายใต้คอนเซปต์ “BEYOND PERFECTION ก้าวข้ามความสมบูรณ์แบบที่เหนือระดับ” ที่ได้ร่วมมือกับ Öhlins แบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วงล่างระดับโลก มาพร้อมชุดโช้กอัพ Öhlins Special Edition รองรับทุกจังหวะการขับขี่ด้วยความนุ่ม หนึบ และมั่นใจทุกทางโค้ง ด้วยดีไซน์สีทองอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยหัวโช้คดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย และสติ๊กเกอร์ Blue Logo สะดุดตา รวมถึงตัวปรับโช้ค Gold Compression Adjuster ที่ปรับแต่งได้ละเอียดและโดดเด่นไม่เหมือนใคร และฝาท้ายโช้ค Gold End Cap ที่เติมเต็มความหรูหราอย่างสมบูรณ์แบบ

New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins เสริมลุคสปอร์ตด้วยชุดสติกเกอร์ Öhlins รอบคัน สะท้อนความพรีเมียมด้วย โลโก้ Bold Emblem สีทอง มาพร้อมชุดแผ่นวางเท้าและพักเท้าหลังจาก H2C จำนวนจำกัดเพียง 500 คันทั่วประเทศ ราคาแนะนำ 207,000 บาท

พร้อมกันนี้ นำเสนออีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมกับ New Honda Giorno+ ที่มาพร้อมกับสีใหม่ ‘สีน้ำเงินเข้ม Matte Blue’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Rise to New High พาสไตล์คุณเหนือใคร’ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ แมตช์ได้ทุกลุคสายแฟชั่น วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในราคาแนะนำ 67,700 บาท มีให้เลือกถึง 7 เฉดสี ในรุ่น ABS ได้แก่ น้ำเงิน-ดำ, สีส้ม-ดำ, สีเทา-ดำ, สีขาว-ดำ และ สีดำ รุ่น CBS ได้แก่ สีเขียว-ดำ และ สีเหลือง-ดำ

เนื่องในโอกาสพิเศษครบรอบ 60 ปี นี้ ไทยฮอนด้าได้จัดตั้ง “โครงการบริจาคหมวกกันน็อก” จำนวน 60,000 ใบ มูลค่า 60 ล้านบาท จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา เราจะส่งมอบหมวกกันน็อก 77 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าเคียงข้างสังคมไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการรณรงค์เรื่องความปลอดภัย และสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนไทยทุกคน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยให้ปลอดภัย และก้าวสู่เป้าหมายของการเป็นสังคมที่อุบัติเหตุเป็นศูนย์

ภายในงานครั้งนี้ ยังได้ร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ รวมพลังในการเพิ่มจำนวนหมวกกันน็อกจากจำนวนเดิม 60,000 ใบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถกระจายการเข้าถึงได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ช่วยกันส่งต่อความปลอดภัยให้กับประชาชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้น ทางไทยฮอนด้า ได้เดินหน้ายกระดับมาตรฐานร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ผ่านการพัฒนาบริการหลังการขาย การฝึกอบรมบุคลากร และการจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้มาตรฐานเดียวกัน พร้อมปรับปรุงร้านให้ทันสมัย รองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง และยกระดับคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ใส่ใจในทุกการเดินทางของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า

GAC ฉลองความสำเร็จส่งมอบ AION UT ครบ 1,000 คัน ในประเทศไทย

GAC ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญ จัดงาน AION UT Play Day สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า AION UT ครบ 1,000 คัน ในประเทศไทย

GAC ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จและความมุ่งมั่นในการทำตลาดในประเทศไทย ด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ “AION UT : Play Day” เนื่องในโอกาสส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Compact SUV รุ่นยอดนิยมอย่าง AION UT ให้กับลูกค้าชาวไทยครบ 1,000 คัน ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ เทคโนโลยี และสมรรถนะของตัวรถ

งาน “AION UT : Play Day” จัดขึ้นอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ โอบ ราชพฤกษ์ โดย GAC ได้เชิญลูกค้าคนสำคัญของ AION UT กว่า 100 ท่าน มาร่วมเฉลิมฉลองและรับมอบรถยนต์ในบรรยากาศสุดพิเศษ ภายในงานได้เปิดพื้นที่ให้คณะผู้บริหารได้พบปะพูดคุยกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการขาย แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความประทับใจ โดย GAC ได้เตรียมกิจกรรมสนุกๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้แขกผู้มีเกียรติได้ร่วมสนุกและสร้างความทรงจำที่ดีตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดท้ายด้วยมื้อค่ำสุดพิเศษเคล้าเสียงดนตรีสด และกิจกรรม Lucky Draw เพื่อแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ ในรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะจาก GAC

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากอินฟลูเอนเซอร์ด้านรถยนต์ชื่อดัง คุณปวรวัจน์ ภานุพัฒน์บวรชัย หรือ “คุณแชมป์ 300 Garagelife” ซึ่งได้ให้ความไว้วางใจตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า AION UT เป็นรถคู่ใจคันใหม่ โดยคุณแชมป์ยังเป็นลูกค้าคนสำคัญที่รับมอบรถ AION UT เป็นคันที่ 1,000 ของประเทศไทย ซึ่งได้ให้เกียรติขึ้นรับมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากคณะผู้บริหารบนเวที สร้างสีสันและตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ GAC ในกลุ่มผู้ที่รักและชื่นชอบรถยนต์ตัวจริง

Mr. Andrew Wang ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความสำเร็จในการส่งมอบ AION UT ครบ 1,000 คันในระยะเวลาอันรวดเร็ว คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า AION UT สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าชาวไทยได้อย่างตรงจุด งานในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง แต่เป็นการแสดงความขอบคุณจากใจจริงที่เรามีต่อลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจเลือก GAC เราขอยืนยันว่านอกจากการพัฒนารถยนต์ที่มีคุณภาพแล้ว เราให้ความสำคัญสูงสุดกับบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดการใช้งาน และนี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้าง AION Community ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเราจะเดินหน้ามอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าของเราต่อไป

GAC ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าที่ได้สั่งจองรถยนต์ AION UT เข้ามาก่อนการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ขอยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการและทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวให้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้อย่างแน่นอน

การจัดงาน “AION UT : Play Day” ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่น แต่ยังเป็นการประกาศความพร้อมของ GAC ในการเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมตอบสนองทุกความต้องการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าชาวไทย และสร้างแบรนด์ให้เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนไทยอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า AION UT สามารถเข้าไปสัมผัสและทดลองขับรถได้ ที่ตัวแทนจำหน่าย GAC ทั่วประเทศ

อนึ่ง GAC Group เป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าให้กับอุตสาหกรรม ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง นวัตกรรมล้ำสมัย และบริการที่ยอดเยี่ยม โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ระดับแนวหน้าของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกที่น่าเชื่อถือในระดับโลก โดย GAC Group ได้ก้าวสู่ตลาดรถยนต์โลกอย่างเป็นทางการในปี 2013 และเติบโตเข้าสู่ตลาดอย่างมั่นคง ด้วยการยึดมั่นในคุณค่าแห่ง “คุณภาพระดับแนวหน้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย” พร้อมหลักการ “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง บริการจากภายใน” เพื่อสร้างแบรนด์ที่เชื่อถือในเวทีสากล และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานทุกมิติ

ปัจจุบัน GAC Group มีสำนักงานใหญ่จำนวน 5 แห่ง ครอบคลุมกว่า 74 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก, กลุ่มประเทศ CIS และอียิปต์ เสริมศักยภาพการขยายตัวในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่โดดเด่นและวัฒนธรรมขององค์กรที่แข็งแกร่ง

ด้วยความสำเร็จที่โดดเด่น GAC Group ได้รับการจัดอันดับใน Fortune Global 500 ต่อเนื่องถึง 12 ปี โดยในปี 2024 อยู่ที่อันดับ 181 มีบุคลากรระดับแนวหน้ากว่า 100,000 คน ครอบคลุม 15 ประเทศทั่วโลก รวมถึงทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 6,000 คนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

GAC Group มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Centers) ในจีน สหรัฐอเมริกา และอีกหลากหลายประเทศ พร้อมครอบครองเทคโนโลยีด้านสิทธิบัตรหรือสิทธิการอนุญาตกว่า 18,600 รายการ และผลงานการพัฒนาอัจฉริยะกว่า 7,500 รายการ ครอบคลุมเทคโนโลยีและนวัตกรรมขององค์กร

ด้านศักยภาพทางผลิต GAC Group มียอดขายกว่า 2.5 ล้านคันในปี 2023 ติดอันดับ 4 ของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดยปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์ในเครือที่ยืนหยัดด้วย 3 แบรนด์ได้แก่ AION, HYPTEC และ GAC Motor นอกจากนี้ GAC Group ยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ชั้นนำในผู้ผลิตชั้นนำ ได้แก่ HONDA และ TOYOTA ผ่านบริษัทระหว่าง GAC HONDA และ GAC TOYOTA

ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ GAC Group ใช้ Big Data ขับเคลื่อนโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ และระบบ AI ผ่านการทดสอบที่มีความแม่นยำสูงถึง 95% พร้อมยกระดับขอบเขตการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การผลิต พัฒนา เทคโนโลยี ไปจนถึงการให้บริการระดับโลก

GAC Group ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำด้านยานยนต์ แต่ยังเน้นย้ำถึงการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม ความโปร่งใส และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความพึงพอใจมากกว่า เพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก

“คนไทยไม่เคยทิ้งกัน” MOTOR EXPO ส่งกำลังใจทหารไทย

“คนไทยไม่เคยทิ้งกัน” MOTOR EXPO ส่งกำลังใจทหารไทย

นางสาวชไมพร ปภัสร์พงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ “Thailand International Motor Expo” สนับสนุนโครงการร่วมแบ่งปันน้ำใจเพื่อพี่น้องชาวไทย ซึ่งจัดโดยศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ ที่เป็นสื่อกลางแห่งน้ำใจ ส่งมอบสิ่งของจำเป็นให้แก่กองทัพบกไปช่วยเหลือทหาร  และพี่น้องประชาชน ณ พื้นที่ชายแดน เมื่อเร็วๆ นี้

เอ็มจี ปรับรุ่นย่อย MG S5 EV ชูจุดเด่น “เรื่องความคุ้มค่า”

เอ็มจี ปรับรุ่นย่อย ชูจุดเด่น “เรื่องความคุ้มค่า” NEW MG S5 EV รุ่น D+ ในราคาพิเศษ 699,900 บาท จากเดิมในรุ่น D ราคา 739,000 บาท

เอ็มจี ปรับรุ่นย่อยใหม่ให้กับรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ (B – SUV) ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า กับ NEW MG S5 EV D+ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ และมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็น สร้างมาตรฐานใหม่ของ “ความคุ้มค่า” ที่ทุกคนเข้าถึงได้ พร้อมความมั่นใจกับการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) รองรับทุกจังหวะของการเดินทางในทุกเส้นทางได้อย่างลงตัว ด้วยราคาพิเศษเพียง 699,900 บาท จากเดิมในรุ่น D ราคา 739,000 บาท

NEW MG S5 EV คือยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่ถูกพัฒนาอย่างรอบด้านบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ล้ำสมัย เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง โดย รุ่น V ให้กำลังสูงสุดถึง 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น D+ และ X ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า (125 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบ ขับเคลื่อนล้อหลัง (Rear-Wheel Drive) ผสานกับช่วงล่างแบบ 5-Link Suspension ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบการควบคุมที่แม่นยำ นุ่มนวล และมีเสถียรภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือโค้งแคบ ก็พร้อมให้ความมั่นใจในทุกจังหวะของการขับขี่ ทั้งยังเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ One Pedal ที่ช่วยควบคุมความเร็วได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น NEW MG S5 EV ยังได้รับการรับรองความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดและได้รับการยอมรับมากที่สุดในยุโรป ด้วยจุดเด่น “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” ทำให้ NEW MG S5 EV กลายเป็น e-SUV ขวัญใจมหาชนที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน ทั้งสมรรถนะ การใช้งาน และความคุ้มค่า เสริมความมั่นใจด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคำมั่นจาก  เอ็มจี ในการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อส่งมอบ “ความมั่นใจ” ที่มาพร้อม “ความคุ้มค่า” ในรถคันเดียวอย่างแท้จริง

ปรับรุ่นย่อยที่ลงตัว ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ใส่ใจความคุ้มค่า

NEW MG S5 EV D+ ถูกรังสรรค์ขึ้นจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ ที่ต้องการพาหนะที่สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำในทุกกิจกรรม รุ่นย่อย D+ จึงมาพร้อมกับการออกแบบที่ลงตัว ตอบโจทย์การใช้งานจริงในทุกด้าน ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน ชูจุดเด่นของการเป็นรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่มองหายานยนต์ที่มีคุณภาพ ในงบประมาณที่เข้าถึงได้ NEW MG S5 EV D+ มาพร้อมล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 17 นิ้ว เสริมความดุดันและล้ำสมัย

ภายในห้องโดยสารใหญ่โตและสะดวกสบาย

NEW MG S5 EV D+ ห้องโดยสารกว้างใหญ่สัมภาระด้านท้ายจุของได้เยอะ พร้อมการตบแต่งที่เน้นความ เรียบง่าย พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังแท้ ปรับได้ 4 ทิศทาง มอบสัมผัสที่นุ่มนวลพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ที่ปลายนิ้ว เพื่อให้ทุกการขับขี่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่

รายละเอียดที่ครบถ้วน…ความสมบูรณ์แบบของความสบายในทุกมิติ

ให้ทุกการขับขี่ราบรื่นไร้กังวล ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเพื่อรองรับสรีระอย่างสมบูรณ์แบบทุกองศา พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจากลำโพง 4 จุด ช่วยเติมเต็มการเดินทางให้มีสีสัน กล้องมองหลัง (Rear View Camera) และระบบเตือนการชนด้านหลัง (Rear Collision Warning) เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นในทุกเส้นทาง

NEW MG S5 EV D+ จัดจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 699,900 บาท จากราคาปกติ 749,900 บาท พร้อมส่งมอบภายในเดือนกันยายน 2568 เป็นต้นไป

ข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2568

•ราคาพิเศษ 699,900 บาท จากราคาปกติ 749,900 บาท

•ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99% ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 48 เดือน

•ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี มูลค่า 19,900 บาท

•ฟรี ค่าจดทะเบียน และกรอบป้ายทะเบียน และชุดพรมปูพื้น มูลค่า 7,500 บาท

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนนาน 5 ปี มูลค่า 7,500 บาท

•รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

•รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจียุคใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยให้ตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการ เรารับฟังเสียงจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ต้องการรถคันใหญ่ ในราคาที่คุ้มค่า NEW MG S5 EV D+ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างการปรับรุ่นย่อยที่เติมความต้องการในด้านพลังขับเคลื่อนและความสะดวกสบาย และยังสะท้อนความมุ่งมั่นของ เอ็มจี ในการสร้างมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าในตลาดประเทศไทย โดยยอดส่งมอบ NEW MG S5 EV ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันกว่า 1,500 คัน ถือเป็นเครื่องตอกย้ำการเป็น “อีวีมหาชน” ที่ครบทุกมิติและสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เอ็มจี ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งเสริมความปลอดภัยขั้นสูงสุด พร้อมทั้งนำเสนอความคุ้มค่าที่น่าประทับใจ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ครบถ้วนทุกด้าน ในราคาที่สมเหตุสมผลและเข้าถึงได้ง่าย”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save