- Advertisement -
29.4 C
Bangkok
Home Blog Page 5

GWM กวาดยอดจอง 4,959 คัน ในงาน Motor Show 2025

GWM กวาดยอดจองกว่า 4,959 คัน ในงาน Motor Show 2025 พร้อมประกาศปรับราคา NEW GWM TANK 300 DIESEL ทุกรุ่น ขึ้น 30,000 บาท

กรุงเทพฯ 7 เมษายน 2568 – GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด ประกาศความสำเร็จจากงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 46 จากกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ พร้อมปิดยอดจองสะสมรวมทั้งสิ้น 4,959 คัน โดยรถยนต์รุ่นยอดนิยม 3 อันดับแรก นำโดย NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการรถยนต์ดีเซลในประเทศไทย ครองใจสายลุยทั้งในเมืองและนอกเมือง ด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์และขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนฯ ใหม่ล่าสุด ด้วยยอดจองสูงถึง 2,786 คัน สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าและความแข็งแกร่งของแบรนด์ในประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จของ GWM หลังเปิดศักราชใหม่ได้ไม่นาน

นอกจากนี้ จากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่เปิดตัวมาพร้อมกับราคาแนะนำสุดพิเศษเริ่มต้นเพียง 999,000 บาท และสามารถกวาดยอดจองสูงกว่า 800 คัน ภายใน 5 วัน เพื่อเฉลิมฉลองและขอบคุณลูกค้ากับการตอบรับอย่างล้นหลามให้กับรถยนต์รุ่นนี้ GWM จึงได้มีการประกาศขยายระยะเวลาโปรโมชันออกไปจนจบงานมอเตอร์โชว์ หรือถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 เวลา 23.59 น. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว GWM ขอประกาศปรับราคา NEW GWM TANK 300 DIESEL ทุกรุ่น ขึ้นจำนวน 30,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2568 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

•NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T รุ่น PRO จากราคา 999,000 บาท เป็นราคา 1,029,000 บาท

•NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T รุ่น ULTRA จากราคา 1,149,000 บาท เป็นราคา 1,179,000 บาท

•NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD จากราคา 1,249,000 บาท ราคา 1,279,000 บาท

สำหรับผู้ที่จอง NEW GWM TANK 300 DIESEL ตั้งแต่วันที่ 7 – 30 เมษายน 2568 รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี ฟรี ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทางภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร* (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1,000,000 กิโลเมตร หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

* เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service   

เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุน GWM ด้วยความไว้วางใจและความอบอุ่นเสมอมา รวมถึงทีมงานทุกคนที่ร่วมกันสร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ให้กับ GWM ในงาน Motor Show ในครั้งนี้ โดยยอดจองที่เกิดขึ้นในงาน เป็นเครื่องพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของรถยนต์ของเราที่ครอบคลุมทุกพลังงานว่าสามารถตอบความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ นอกเหนือจากการมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัยแล้ว ‘การบริการหลังการขาย’ คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ มาโดยตลอด ทั้ง GWM และ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ กว่า 68 แห่งทั่วประเทศ มีความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อพัฒนาการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น ตั้งแต่การบริหารจัดการอะไหล่ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทักษะช่างเทคนิค ไปจนถึงการซ่อมบำรุงรถยนต์ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าในทุกมิติให้กับลูกค้าชาวไทยทุกคน สอดคล้องกับแนวคิด ‘GWM Go With More’”

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสสัมผัสยนตรกรรมสุดล้ำครอบคลุมทุกพลังงานของ GWM ในงาน Motor Show สามารถเข้าชมและทดลองขับยนตรกรรมใหม่แห่งอนาคตทั้ง 3 รุ่น ทั้ง NEW GWM TANK 300 DIESEL, ALL NEW GWM HAVAL H6 และ NEW GWM ORA Good Cat สี So Blue และรถยนต์ GWM รุ่นอื่นๆ ได้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ 68 สาขาทั่วประเทศ

(รุ่นรถที่จัดแสดงและให้ทดลองขับจะแตกต่างกันไปแต่ละ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ โปรดตรวจสอบรายละเอียดก่อนเข้ารับบริการ) พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่รอให้ชาวไทยเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้

มาสด้า Mazda Iconic SP และ Mazda6e คว้ารางวัลในงานมอเตอร์โชว์

มาสด้า เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แน่นบูธอัดโปรโมชั่นคุ้มสุดในงานมอเตอร์โชว์ รถต้นแบบ Mazda Iconic SP และรถไฟฟ้า Mazda6e คว้ารางวัล

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 3 เมษายน 2568 – สุดยอดเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต พัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution ที่มาสด้านำมาจัดแสดงให้ชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก คว้ารางวัลอันแห่งเกียรติยศจากคณะผู้จัดงานฯ โดยรุ่นแรก คว้ารางวัล The Best Concept Car Award คือ Mazda Iconic SP ยานยนต์ต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รองรับการใช้พลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ และอีกหนึ่งรางวัล The Best Sedan EV Award คือ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า BEV 100% รุ่นแรกจากมาสด้า รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้โดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจากคณะผู้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ นำโดย ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ และนายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นอกจากนี้ มาสด้ายังจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นพิเศษแน่นบูธ โดยเฉพาะการเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยม New Mazda2 Essential โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เริ่มต้นเพียง 529,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญ Mazda Super Offer สุดยอดข้อเสนอใหญ่ โดนใจทุกคน รับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท หรือดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีบัตรน้ำมันสำหรับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) นานสูงสุด 7 ปี ที่บูธมาสด้าในงานมอเตอร์ โชว์ ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 นี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 3 วันสุดท้ายเท่านั้น  ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

สำหรับลูกค้าที่สนใจเข้าชมและสัมผัสยนตรกรรรมจากมาสด้า สามารถแวะไปได้ที่บูธรถยนต์มาสด้าในงานมอเตอร์ โชว์ 2025 พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมาย เมื่อจองซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน อาทิ

-รถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยมที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ New Mazda2 Essential ดีไซน์บ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจน พร้อมฟังก์ชั่นที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ ตอบโจทย์ความคุ้มค่าการใช้งาน ด้วย สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร มีให้เลือกถึง 3 เกรด คือ รุ่น Prime, Ultra และ Signature ราคาเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท ดาวน์เริ่มต้นเพียง 26,450 บาท และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 7,993 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัว รับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท

-รถยนต์นั่งสปอร์ตคอมแพคคาร์ Mazda3 และรุ่นพิเศษ Carbon Edition ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมที่เติมเต็มเอกลักษณ์ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ดีไซน์สะกดสายตา ราคาเริ่มต้น 979,000 บาท เลือกรับส่วนลด 120,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0.49% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 10,179 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท

-Mazda CX-3 ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้น พร้อมพาคุณออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ไม่สิ้นสุด เติมเต็มชีวิตที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ ราคาเริ่มต้น 770,000 บาท เลือกรับส่วนลด 120,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 7,862 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท

-Mazda CX-30 และรุ่นพิเศษ Carbon Edition ที่สุดแห่งยนตรกรรม Crossover SUV พร้อมเติมเต็มความหมายให้กับทุกด้านของชีวิตอย่างมีสไตล์ ต้นแบบของความสง่างาม ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด เรียบง่าย แต่งดงาม ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท เลือกรับส่วนลด 150,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท

-New Mazda CX-5 ครอสโอเวอร์เอสยูวีสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่ดีที่สุด กำหนดนิยามความหมายของครอบครัวได้ตามต้องการ พร้อมแชร์ทุกประสบการณ์และช่วงเวลาความสุขร่วมกัน โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพพรีเมียม หรูหรา เหนือระดับ ราคาเริ่มต้น 1,219,000 บาท เลือกรับส่วนลด 70,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.89% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท

-Mazda CX-8 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม ที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความภูมิฐานและความสมบูรณ์แบบ ให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่าร่วมกัน ราคาเริ่มต้น 1,549,000 บาท เลือกรับส่วนลด 120,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.19% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท

-New Mazda BT-50 ปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดทั้งคัน ใส่เทคโนโลยีแห่งอนาคต แกร่ง ดุดัน หรูหรา สง่างามทุกมุมมอง ฉีกกฏภาพลักษณ์ปิกอัพแบบเดิม ๆ เติมความหรูหรา สง่างาม พรีเมี่ยมทุกจุดสัมผัส จาก โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่าย…แต่งดงาม ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ทุกไลฟ์สไตล์ ให้คุณสนุกกับทุกกิจกรรม ราคาเริ่มต้น 769,000 บาท เลือกรับส่วนลด 55,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 8,620 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท

-New Mazda MX-5 35th Anniversary Editon รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 35 ปี และ New Mazda MX-5 สปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนเจ้าของตำนานความสนุกในทุกการขับขี่ ราคา 3,029,000 บาท เลือกรับส่วนลด 40,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 2.49% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี

-Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 20 ปี สปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ตอกย้ำความหรูหรา สง่างาม ผสานความสปอร์ต ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด สมบูรณ์แบบทั้งภาพลักษณ์ คุณภาพ และสมรรถนะ ยกระดับสู่ความพรีเมียม ราคา 2,499,000 บาท รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท และดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 7 ปี และฟรีลำโพงบลูทูธ Bose Soundlink Color II มูลค่า 5,900 บาท

พิเศษสุดสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว รับฟรีบัตรน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์มาสด้าภายในงานฯ รับฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 3,990 บาท

หมายเหตุ : เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขาย ณ งาน มอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

มาสด้า โชว์สุดยอดรถต้นแบบ Mazda Iconic SP และรถไฟฟ้า Mazda6e

มาสด้า โชว์สุดยอดเทคโนโลยีแห่งอนาคต Multi-solution นำรถต้นแบบ Mazda Iconic SP และรถไฟฟ้า Mazda6e จัดแสดงครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แน่นบูธ

มาสด้าสร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้ชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก โชว์สุดยอดเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต ตามแนวทาง Multi-solution จัดแสดงนวัตกรรมใหม่ 2 รุ่น นำโดย Mazda Iconic SP คอนเซ็ปต์คาร์ของรถสปอร์ตคอมแพ็ค ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รองรับการใช้พลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ และ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV รุ่นแรกจากมาสด้า ตอกย้ำจุดยืนในการส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยม New Mazda2 Essential โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังแนะนำ New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition รถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นพิเศษที่เฉลิมฉลองการครบรอบ 35 ปี แบรนด์ไอคอนเจ้าตำนานความสนุกสนานในการขับขี่มาอวดโฉมพร้อมเปิดให้จองเป็นเจ้าของ ควบคู่กับรถยนต์มาสด้าครบทุกรุ่น ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีบัตรน้ำมันสำหรับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ MUS นานสูงสุด 7 ปี ณ บูธมาสด้า ในงาน มอเตอร์ โชว์ 2025 ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. 68 – 6 เม.ย. 68 นี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือรับข้อเสนอเดียวกันนี้ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาสด้าได้มุ่งมั่นเพื่อยกระดับประสบการณ์ในการขับขี่ให้กับลูกค้าของเรา เพราะเราเชื่อว่าความสุขในการขับขี่รถยนต์ จะนำมาซึ่งความสุขในการใช้ชีวิต และในปีนี้ มาสด้าพร้อมที่จะถ่ายทอดวิสัยทัศน์นี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยการนำกลยุทธ์การบริหารงานโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท และแนวคิดที่เชื่อว่าในทุกรายละเอียดของชีวิต มีความสุขขับเคลื่อนเราเสมอ หรือ “Joy Drives Lives” มาใช้ในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับความสุขและได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์มาสด้า ควบคู่กับการมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าของเราทั้งในวันนี้และในอนาคต

เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ มาสด้าจึงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทาง Multi-solution เพื่อส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มาพร้อมพลังงานทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้าทั่วโลก รวมถึงลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้ เราอยู่ในช่วงเฟสที่ 2 ระหว่างปี 2025-2027 ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอทั้งรถยนต์ ประเภท xEVs, Hybrid, Plug-in Hybrid และรถไฟฟ้า BEV เข้าสู่ตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสร้างความยั่งยืนให้กับโลก สังคม และผู้คน เพื่อส่งมอบให้กับผู้คนในเจนเนอเรชั่นถัดไป

สำหรับไฮไลท์สำคัญของบูธมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ 2025 นี้ มาสด้าได้นำยนตรกรรมที่ได้รับการพัฒนาตามแนวทาง Multi-solution เพื่อนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ที่มาพร้อมพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย มาให้ลูกค้าได้รับชมและสัมผัสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ประกอบไปด้วย

•MAZDA ICONIC SP ยานยนต์ต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยใช้เครื่องยนต์โรตารี่ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาสด้า แบบ 2 โรเตอร์ ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ รองรับการใช้พลังงานหลากหลายรูปแบบ อาทิ พลังงานไฮโดรเจน และพลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะพลังงานที่ได้จากธรรมชาติ อาทิ สาหร่ายขนาดเล็ก หรือเปลือกหอย ซึ่งยังคงถ่ายทอดเอกลักษณ์แบรนด์มาสด้าไว้อย่างเต็มเปี่ยม มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา กระจายน้ำหนัก 50:50 พร้อมการออกแบบตามแนวทาง Kodo Design รวมถึงการขับขี่ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ ตามปรัชญา จินบะ-อิไต ที่พัฒนาขึ้นโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ พร้อมได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับยุคของพลังงานไฟฟ้า เพื่อถ่ายทอดปณิธานความสุขในการขับขี่ของมาสด้า โดยรถต้นแบบคันนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อฟื้นตำนานรถสปอร์ตเครื่องยนต์โรตารี่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และนำเสนอพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบให้กับลูกค้า

สีภายนอก “VIOLA RED” ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามความปรารถนาของมาสด้าที่จะ “เชิดชูสีแดง” และสอดคล้องกับปรัชญาในการ “ยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน” โดยมุ่งเน้นไปที่สีสันที่สดใส แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความสง่างามของมิติของตัวรถที่เกิดจากแสงและเงาที่ตกกระทบลงบนตัวรถ

ข้อมูลจำเพาะเบื้องต้นของ MAZDA ICONIC SP

ความยาว x ความกว้าง x ความสูง (มม.)          4,180 × 1,850 × 1,150

ระยะฐานล้อ (มม.)                                           2,590

อัตราส่วน แรงม้า – น้ำหนัก                               3.9

แรงม้าสูงสุด (PS)                                             370

น้ำหนัก (กก.)                                                   1,450

พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ ให้ระยะการขับขี่ได้ไกลสุดถึง 552 กม. มาพร้อมเทคโนโลยี FAST CHARGE สามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้เร็วสูงสุดภายใน 15 นาที มอบความสนุกสนานในการขับขี่ตามปรัชญา จินบะ-อิไต และเน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าเฉกเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก

•Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV รุ่นแรกที่มาสด้าพัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution Technology สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าไว้อย่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบ ทั้งดีไซน์ภายนอกที่สง่างามตามแนวคิด Kodo Design – Soul of Motion โดยผสานความงดงามตามสไตล์รถไฟฟ้ายุคใหม่ ให้ภาพลักษณ์แบบสปอร์ตในรูปแบบตัวถังพิเศษแบบ Fastback แต่ยังคงมีความโฉบเฉี่ยวสไตล์รถซีดาน และเอกลักษณ์ของสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิศวกรของมาสด้าที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด กระจายน้ำหนัก 50:50 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ ให้ระยะการขับขี่ได้ไกลสุดถึง 552 กม. มาพร้อมเทคโนโลยี FAST CHARGE สามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้เร็วสูงสุดภายใน 15 นาที มอบความสนุกสนานในการขับขี่ตามปรัชญา จินบะ-อิไต และเน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าเฉกเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก

“มาสด้าเชื่อว่า ยนตรกรรมทั้งสองรุ่นนี้ จะทำให้ลูกค้าเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ต่อการเดินหน้าตามแนวทาง Multi-solution ของมาสด้า เพื่อนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่ตอบโจทย์การใช้งานลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้รถยนต์ของมาสด้าสามารถส่งมอบความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้านให้กับลูกค้าและครอบครัว นับตั้งแต่แรกที่เริ่มใช้งานจนถึงในระยะยาว อันเป็นปณิธานที่มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าว

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นอกเหนือจากยนตรกรรมที่นำมาจัดแสดงตามแนวทาง Multi-solution แล้ว มาสด้ายังได้นำรถยนต์นั่งยอดนิยมที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ล่าสุด New Mazda2 Essential มาเปิดตัวภายในงานฯ โดยมาพร้อมแนวคิด Nothing Else เลือกแล้วว่าใช่ ก็ไม่ต้องการอะไรอีก ที่ดีไซน์บ่งความเป็นตัวตนที่ชัดเจน และฟังก์ชั่นที่เติมเต็มกับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ เจาะกลุ่มเจนเนอเรชั่น Z ที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกสำหรับการใช้งานที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด และตอบโจทย์ความเป็นตัวของตัวเอง มาพร้อมทางเลือก 4 รุ่นใหม่ ได้แก่

•รุ่น PRIME มอบความ ”คุ้มสุด” ของรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้ใช้ชีวิตได้คุ้มตั้งแต่เริ่มต้น มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน พร้อมการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าสีดำ วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพียง 529,000 บาท

•รุ่น ULTRA มอบความ “สบายสุด” มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบาย พร้อมกับฟังก์ชั่นที่รู้ใจและตอบโจทย์กับทุกมิติของการใช้ชีวิต ทั้งระบบ Entertainment และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร อาทิ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM พร้อมหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมผ่าน Center Commander ตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยแผงคอนโซลหน้าไบโอพลาสติกแบบสี ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance พร้อมกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง ราคาจำหน่าย 589,000 บาท

•รุ่น SIGNATURE มอบความ “พร้อมสุด” โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Sport Design พร้อมฟังก์ชั่นทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ควบคู่กับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมสองทางเลือก กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ในรุ่น 1.3 Signature ภายนอกตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบ Sport Design และกระจกมองข้างสีดำ ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ และผ้า Grand Luxe Suede® พร้อมกรอบช่องแอร์สีแดง วางราคาจำหน่าย 659,000 บาท และทางเลือกที่สองกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ในรุ่น XDL Signature มาพร้อมหลังคาสีดำ ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว สี Black Machining และดิสก์เบรกหลัง ประหยัดน้ำมันสูงสุด 26.3 กม./ลิตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense หลายระบบ วางราคาจำหน่าย 749,000 บาท

ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด แบรนด์ไอคอนยอดนิยม New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition หรือ รุ่นพิเศษครบรอบ 35 ปี เปิดตัวเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 35 ปี นับตั้งแต่ MX-5 ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรก มาจัดแสดงให้แฟน ๆ ในประเทศไทยได้ชมและครอบครองเป็นเจ้าของ โดยมาพร้อมการตกแต่งพิเศษที่แตกต่างจากรุ่นทั่วๆ ไป เพื่อถ่ายทอดความพิเศษในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น สีภายนอกพิเศษ Artisan Red Premium สัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พนักพิงศีรษะ และพรม พร้อม Serial Number ที่บริเวณด้านข้างตัวถัง เพื่อบ่งบอกถึงบอกถึงความพิเศษในฐานะรุ่นลิมิเต็ด รวมถึงเบาะหนังสีพิเศษ Sports Tan หลังคาแข็งเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Bright ถ่ายทอดภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความพิเศษได้อย่างมีเอกลักษณ์ วางจำหน่ายในจำนวนจำกัด ในราคา 3,069,000 บาท

ลูกค้าที่สนใจชมยนตรกรรรมจากมาสด้า สามารถเข้าชมได้ที่บูธรถยนต์มาสด้าในงานมอเตอร์ โชว์ 2025 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมาย เมื่อจองซื้อรถยนต์มาสด้า อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน* ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance* ฟรีบัตรน้ำมันสำหรับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท* ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ MUS นานสูงสุด 7 ปี* และฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 3,990 บาท** ภายในงานฯ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ที่ปรึกษาการขายมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

**สำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น 3,000 บาท และออกรถภายใน 30 เมษายน 2568

เรเว่จัดกิจกรรม BYD Lab อวดนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคต

เรเว่จัดกิจกรรม BYD Lab เป็นครั้งแรกของไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคต

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ จัดกิจกรรม BYD Lab เป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี โดยผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับ นวัตกรรมล่าสุดมากมายจาก BYD ผ่านกิจกรรมที่น่าตื่นตาหลายรูปแบบรวมถึง การทดลองขับรถยนต์ภายในอาคาร ผ่านสถานีจำลองที่มีความท้าทาย, นิทรรศการแสดงเทคโนโลยีผ่านสื่อหลายรูปแบบ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญ กิจกรรม BYD Lab เปิดให้เข้าชมฟรี ทั้งยังมีสิทธิพิเศษมากมายให้กับลูกค้าของเรเว่ที่มาร่วมกิจกรรม ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่จองรถในงานมอเตอร์โชว์

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “BYD เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ เรเว่จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานใหญ่ของ BYD เพื่อจัดกิจกรรม BYD Lab ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งรูปแบบของกิจกรรมผ่านการปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการ ของผู้บริโภคชาวไทย ให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ เทคโนโลยียานยนต์แห่งโลกอนาคต ที่ติดตั้งในรถยนต์ BYD เรามั่นใจว่างานนี้ควรค่าแก่การเยี่ยมชม เนื่องจากมีกิจกรรมตื่นตาหลายรูปแบบ ซึ่งอัดแน่นอยู่บนพื้นที่จัดแสดงขนาด 5,000 ตร.ม.”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “งาน BYD Lab มีกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์มากมายรวมถึง ครั้งแรกของไทยกับการสาธิตระบบขับเคลื่อนรถยนต์เหนือน้ำในกรณีฉุกเฉิน หรือ Emergency Floating Function ซึ่งติดตั้งมาใน Yangwang U8 ทั้งยังมีสาธิตระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบ Crab Walk ใน DENZA Z9 GT อีกด้วย นอกจากนั้น ยังมีรถยนต์ BYD และ DENZA ให้สัมผัสในงาน ทั้งรถยนต์จัดแสดงและรถยนต์ทดลองขับ หากคุณคือผู้ที่สนใจเทคโนโลยียานยนต์ล่าสุด BYD Lab คืองานที่คุณไม่ควรพลาด”

BYD Lab แบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลักด้วยกัน ประกอบด้วย Creation-Lab, Tech-Lab, Vision-Lab, Simulation-Lab และ Test-Lab โดยแต่ละสถานีผ่านการพัฒนาและออกแบบมาภายใต้สามแนวคิดหลัก เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ สังเกต (Observing), เรียนรู้ (Learning) และ ทดสอบ (Testing) จุดเริ่มต้นของกิจกรรมอยู่ที่จุดลงทะเบียน ซึ่งทุกท่านจะได้รับ e-passport ไว้สะสม e-stamp หลังจากที่เข้าร่วมกิจกรรมจนเสร็จสิ้นในแต่ละส่วน ซึ่งจะมีของที่ระลึกจาก BYD Lab มอบให้กับผู้เข้าเยี่ยมชมงานที่สะสม e-stamp จนครบตามที่กำหนดด้วย

แต่ละส่วนของ BYD Lab ล้วนมีไฮไลท์อยู่ ซึ่งทั้งหมดรวบรวมอยู่บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 5,000 ตร.ม. โดยส่วนแรกของกิจกรรมนั้นคือ Creation-Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ค้นพบนวัตกรรม และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ผ่านนิทรรศการที่มีสื่อหลากหลายรูปแบบ รวมถึงรถยนต์จัดแสดง ในสถานีถัดไปเป็น Tech-Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าผ่านการจัดแสดง E-Platform

ส่วนที่สามของ BYD Lab คือ Vision-Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับ Yangwang U8 คันจริงร่วมกับการใช้กล้อง interactive AR เพื่อศึกษาเทคโนโลยีในรถยนต์ผ่านภาพเสมือนจริง ในส่วนถัดไปเป็น Simulation-Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานชมศักยภาพของ Yangwang U8 ที่สามารถขับเคลื่อนได้ในสระน้ำความลึก 1.5 เมตร ในส่วนสุดท้าย ผู้เข้าร่วมงานจะได้ทดลองขับรถยนต์ BYD รุ่นที่ชื่นชอบผ่านสถานีจำลองรูปแบบต่างๆ ในส่วน Test-Lab

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีคอนเสิร์ตจากนักร้องชื่อดังที่งาน BYD Lab อีกด้วย พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ BYD หรือ DENZA ในงานมอเตอร์โชว์ จะได้รับ BYD Card เพื่อรับสิทธิ์เข้าใช้บริการใน BYD Exclusive Lounge สำหรับลูกค้าปัจจุบันของเรเว่ เพียงโชว์ BYD App ที่หน้างาน สามารถเข้าร่วมงาน พร้อมรับสิทธิ์ใช้บริการในพื้นที่พิเศษ ซึ่งมีอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้บริการโดยเฉพาะ

เชิญพบกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคตจาก BYD ได้ที่ BYD Lab ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีที่ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ในวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 พร้อมพบกับทัพนตรกรรม BYD และ DENZA ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี บูทหมายเลข A20 สำหรับ BYD และ A18 สำหรับ DENZA ซึ่งจัดคู่ขนานกับงาน BYD Lab และไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เพียงติดตาม Official Facebook Page: BYD REVER Thailand ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ BYD ทุกรุ่นได้ที่ reverautomotive.com

เรเว่ ขนทัพยานยนต์ BYD และ DENZA ร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2025

เรเว่ ออโตโมทีฟ ขนทัพยานยนต์ BYD และ DENZA ร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2025 บนพื้นที่จัดแสดงรวมใหญ่สุดในงาน เปิดรับจอง BYD Shark 6 DMO พร้อมจัดงาน BYD Lab คู่ขนานสุดยิ่งใหญ่

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2025 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการนำทัพยนตรกรรมกว่า 30 คัน มาให้ทุกท่านสัมผัส บนพื้นที่จัดแสดงรวมใหญ่สุดในงาน ละลานตาไปกับรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงที่งานนี้เป็นครั้งแรก ครอบคลุมทั้งยานยนต์จากอนาคต และรุ่นล่าสุดที่พร้อมให้เป็นเจ้าของ ทั้งยังมีทัพยานยนต์เจ้าของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการจัดงาน BYD Lab คู่ขนานกับงานมอเตอร์โชว์ 2025 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักกับนวัตกรรมของ BYD ให้ดีกว่าที่เคย ผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบรวมถึงทดลองขับ พร้อมรับของที่ระลึกฟรี

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ในฐานะที่เรเว่ที่เป็นหนึ่งในผู้นำ ของวงการยานยนต์กลุ่มพลังงานใหม่ เราจึงนำนวัตกรรมยานยนต์ BYD และ DENZA กว่า 10 รุ่น ทั้งรุ่นปัจจุบัน, 4 รุ่นล่าสุด ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนในไทย และ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน มาจัดแสดงที่นี่ พร้อมให้ทุกท่านได้สัมผัสบนพื้นที่จัดแสดง รวมกันมากกว่า 3,000 ตร.ม. เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในงาน ไม่เพียงแค่นั้น เรายังตอบรับเสียงเรียกร้อง ด้วยการเปิดรับจอง BYD Shark 6 DMO ที่ทุกคนรอคอย เป็นครั้งแรก โดยเรเว่มั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันในบูธของเรเว่ จะสร้างสีสันให้กับงานและความตื่นเต้นให้กับผู้เข้าชมงาน ทั้งยังเป็นอีกส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนอุตสาหรรมรถยนต์ และตลาดรถยนต์ใหม่ของไทย”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวเสริมว่า “นอกจากทัพยานยนต์ BYD และ DENZA ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า EV และ PHEV อย่าง DM-i Super Hybrid ที่เรเว่นำมาให้สัมผัสและทดลองขับแล้ว ยังมีอีกงานที่พลาดไม่ได้กับ BYD Lab ซึ่งจัดพร้อมกับงาน Motor Show ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ศึกษานวัตกรรมล่าสุด BYD ผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบซึ่งมีด้วยกัน 5 ส่วน รวมถึงการทดลองขับในสถานีจำลองต่างๆ พร้อมไฮไลท์เป็นโชว์การขับขี่ YangWang U8 ในระดับน้ำลึก 1.5 เมตร ครั้งแรกของไทย งาน BYD Lab เปิดให้ทุกท่านเข้าชมฟรีที่ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ในงานยังมีของที่ระลึกให้ทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครบทุกสถานี และมีสิทธิ์พิเศษอีกขั้นให้กับลูกค้าเรเว่”

•ทัพยานยนต์แห่งอนาคตจาก BYD และ DENZA ที่ไม่เคยจัดแสดงในไทยมาก่อน

BYD Seal 5 DM-i ครั้งแรกของ Eco Sedan Plug-In hybrid ในประเทศไทย ภายนอกโดดเด่นด้วย กระจังหน้าไร้กรอบ และไฟหน้าแบบ Skylight LED ภายในมีห้องโดยสารอัจฉริยะ BYD Intelligent Cockpit ด้วยมาตรวัด LCD ขนาด 8.8 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ใหญ่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ทั้งยังกว้างขวางด้วยระยะฐานล้อยาวสุด ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง DM-i Super Hybrid ที่ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ด้วยการผสานเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าและ Blade Battery โดยวิ่งใน EV Mode ได้ไกลสุด 115 กม. (NEDC)

DENZA FORMULA BAO 8 รถยนต์ OFF-ROAD D-SUV ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่แบบ Off-Road เข้ากับความหรูหรา พร้อมนำแนวคิด “กุญแจแห่งการเปิดประตูเข้าสู่โลกแห่งอนาคต” มาใช้ในการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DMO (Dual Mode Off-road) ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวมกัน 550 กิโลวัตต์ โครงสร้างเป็นแบบ CTC หรือ Cell to Chassis ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ภายในโครงสร้าง Chassis Frame เพิ่มการปกป้องให้แบตเตอรี่ และแกร่งกว่ารถยนต์ที่มีพื้นฐานแบบ Body on Chassis ทั่วไป

BYD ATTO 2 รถยนต์ไฟฟ้า Compact B-SUV ภาพลักษณ์สดใส ด้วยดีไซน์ในกลุ่ม Dynasty Series มีขนาดกระทัดรัด เหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างคล่องตัว ทั้งยังมีไฟท้ายเสมือนตัวเลข 8 สื่อถึงโชคลาภไม่มีที่สิ้นสุด ภายในเป็นแบบ BYD Intelligent Cockpit ผสานความเป็นสมมาตรและเรียบง่าย จึงสะดวกสบายและใช้งานง่าย มาพร้อมเรือนไมล์ LCD ขนาด 8.8 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.8 นิ้ว ด้านระบบส่งกำลังเป็นแบบอัจฉริยะ 8 in 1 พร้อมติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 45.12 kWh แบบ Cell to Body ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 325 นิวตันเมตร ขับขี่ได้ไกลสุดเป็นระยะทาง 410 กิโลเมตร (NEDC) ทั้งยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบครัน ทำงานร่วมกับกล้องและเซนเซอร์รอบคันอย่างแม่นยำ

DENZA N9 DM-i รถยนต์ SUV 6 ที่นั่ง ที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีและความหรูหรา สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม e3 อัจฉริยะ พร้อมเทคโนโลยี PHEV แบบ DM-i ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 3 ตัว กำลังรวมสูงสุด 680 กิโลวัตต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูง ขนาด 2.0T ลิตร เสริมด้วย BYD Blade Battery ขนาดใหญ่ 47 kWh วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสุด 200 กิโลเมตร (CLTC) โครงสร้างแข็งแกร่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี CTB ช่วงล่างเป็นแบบอัจฉริยะ DiSus-A มีโช๊คอัพแก๊สปรับระดับได้ตามสภาพถนนเบื้องหน้า ภายในเต็มเปี่ยมด้วยวัสดุที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน ทั้งยังมากด้วยเทคโนโลยีกับ หน้าจอเรือนไมล์ความคมชัดสูงขนาด 13.2 นิ้ว พร้อมระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (AR-HUD) ขนาด 50 นิ้ว ส่วนหน้าจอสัมผัสคู่ มีขนาด 17.3 นิ้ว และ 13.2 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า เพิ่มความสุนทรียภาพไปกับเครื่องเสียงพรีเมียม DEVIALET Stereo System

•ครั้งแรกของไทย BYD Sealion 6 ForceEdge ที่เพียบพร้อมกว่าเคย

แตกต่างจากที่เคยไปกับ BYD Sealion 6 ForceEdge โดยมาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งเฉพาะรุ่น โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพิ่มความสปอร์ตพรีเมี่ยมจากทุกมุมมอง ด้วยชุดแต่งรอบคันรวมชายกันชนหน้าหลัง (Front & Rear Under Garnish) สีดำเงา Piano Black พร้อมเติมเต็มความพรีเมี่ยมจากบันไดข้าง

•สิ้นสุดการรอคอย เรเว่พร้อมเปิดรับจอง BYD Shark 6 DMO

หลังได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี นับตั้งแต่เรเว่นำ BYD Shark 6 DMO มาอวดโฉมให้ชาวไทยได้สัมผัสเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บัดนี้ เรเว่พร้อมแล้วที่จะเปิดรับคำสั่งซื้อรถกระบะมาดแกร่ง ที่สรรสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการผจญภัย ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DMO (Dual Mode Off Road) ขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมก้าวข้ามทุกอุปสรรคด้วย เครื่องยนต์ขนาด 1.5T ที่ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้พละกำลังรวมสูงสุด 321 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมสูงสุด 650 นิวตันเมตร เสริมด้วย Blade Battery เอกสิทธิ์ของ BYD ขนาด 29.58 kWh ใช้เชื้อเพลิงได้เต็มประสิทธิภาพ และขับขี่ด้วย EV Mode ได้ไกลสุด 100 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าออกนอกตัวรถ VtoL (Vehicle to Load)

•ทัพยานยนต์คุณภาพจาก BYD และ DENZA การันตีด้วยรางวัล Car of The Year 2025

BYD SEALION 6 DM-i Premium เจ้าของรางวัล BEST PLUG-IN HYBRID SUV UNDER 1,500 ซีซี. หรือรถยนต์ SUV ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid ความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซี ยอดเยี่ยม มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ซึ่งผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยระบบจะเน้นการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเป็นหลัก สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ให้การตอบสนองทันใจ ไร้เสียงรบกวน ไปพร้อมกับการรองรับการเติมน้ำมัน และใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

BYD M6 เจ้าของรางวัล BEST STATION WAGON EV หรือรถยนต์ Station Wagon ขุมพลังไฟฟ้ายอดเยี่ยม ยนตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบรับการใช้ชีวิตของครอบครัวยุคใหม่ ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง มีให้เลือกทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่ง ตอบโจทย์การใช้งานของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า EV ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรม BYD Blade Battery ขนาดใหญ่สุด 71.8 kWh ขับขี่ได้ไกลสุดเป็นระยะทาง 530 กิโลเมตร (NEDC) และยังมีเทคโนโลยี VtoL (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าออกนอกตัวรถได้ด้วย

BYD SEALION 7 AWD เจ้าของรางวัล BEST MID-SIZE SUV EV (AWD) หรือรถยนต์ SUV ขนาดกลาง ขุมพลังไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อยอดเยี่ยม ยานพาหนะที่สรรสร้างขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนยุคใหม่ โดดเด่นกับดีไซน์โฉบเฉี่ยวด้วยผลงานออกแบบระดับปรมาจารย์ของ Wolfgang Egger พร้อมปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ ด้วยสมมรถนะสปอร์ตเต็มขั้นในรุ่น AWD Performance ซึ่งมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กำลังสูงสุดรวม 390 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดรวม 690 นิวตันเมตร เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.5 วินาที และขับขี่ได้ไกลสุดถึง 542 กิโลเมตร หรือ 567 กิโลเมตร (NEDC) ในรุ่น Premium ด้วยเทคโนโลยี BYD Blade Battery ขนาด 82.5 kWh

DENZA D9 เจ้าของรางวัล THE MOST VALUABLE MPV EV หรือรถยนต์ MPV ขุมพลังไฟฟ้าที่คุ้มค่ามากที่สุด ในรุ่นย่อย Premium ขับขี่ได้ไกลสุด 600 กิโลเมตร (NEDC) เพียบพร้อมด้วยความสง่างามจากดีไซน์เส้นสายตัวถัง Streamlined Waistline ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก และการตกแต่งอย่างประณีตกับ เบาะหุ้มหนัง Nappa โดยเบาะแถวที่ 1 – 2 ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบนวดและระบายอากาศ ผู้โดยสารเบาะแถวที่ 2 ยังสั่งการได้ผ่านหน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชัน ขนาด 5.5 นิ้ว ผ่อนคลายไปกับเครื่องเสียง Hi-Fi Class Dynaudio 14 ลำโพง และดื่มด่ำกับเครื่องดื่มที่คุณเลือก จากตู้เย็นที่ควบคุมอุณหภูมิได้ -6 ถึง 50 องศาเซลเซียส

พบกับทัพนตรกรรม BYD และ DENZA ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี บูทหมายเลข A20 สำหรับ BYD และ A18 สำหรับ DENZA ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ทั้งยังมีกิจกรรมพิเศษมากมาย ให้ท่านได้ทำความรู้จักกับนวัตกรรมจาก BYD ได้ดีกว่าที่เคยกับ BYD Lab ซึ่งจัดคู่ขนานกับงานมอเตอร์โชว์ ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี หรือสัมผัสพร้อมทดลองขับรถยนต์ BYD และ DENZA ทุกรุ่นได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั้ง 150 สาขาทั่วประเทศ

 “บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” ผ่านมาครึ่งทาง ผู้บริโภคแห่ตอบรับรถ xEV ดันยอดจองโต 29%

“บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” สัปดาห์แรกของการจัดงาน มีค่ายรถที่เข้าร่วมงานกวาดยอดจองไปแล้วมากกว่า 2.4 หมื่นคัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 29.1 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการเปิดตัวรถยนต์ในกลุ่ม xEV รุ่นใหม่ๆ ของค่ายรถ

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการบริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ขณะนี้งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ได้ผ่านมาถึงครึ่งทางของการจัดงาน โดยยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคเข้ามาร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก เหตุผลสำคัญมาจากการที่ภายในงานปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม xEV ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันในตลาดกันค่อนข้างสูงในปัจจุบัน

สัปดาห์แรกของการจัดงาน มีรายงานตัวเลขจากค่ายรถที่นำรถ เข้ามาร่วมจัดแสดงภายในงาน พบว่ามีตัวเลขยอดจองรถยนต์ 24,744 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 29.1 เปอร์เซ็นต์ (ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมยอดจองจากบางแบรนด์ที่ของส่งยอดในวันสุดท้าย)

ทั้งนี้ ตัวเลขยอดจองรถยนต์ภายในงานเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ทางคณะผู้จัดงานฯ คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเพราะในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ปีนี้ มีผู้จำหน่ายรถยนต์ xEV เข้ามาร่วมงานหลายแบรนด์ และยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกหลายรุ่น แต่คงต้องรอดูตัวเลขยอดจองหลังจบงานอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการจัดงาน อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ามาเลือกชม เลือกซื้อรถภายในงาน เพราะนอกจากเป็นการรวมรถยนต์ทุกค่ายไว้ในงานเดียวแล้ว ผู้เข้าชมงานยังมีโอกาสได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำและประสิทธิภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่แห่งอนาคต นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัลต่างๆ มากมายอีกด้วย

มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมแห่งยานยนต์ AI ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตใหม่ของทุกคนได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46  วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี

ฮุนได ปลุกพลังสปอร์ต เปิดตัว N Line Series ในงานมอเตอร์ โชว์ 2025

ฮุนได ปลุกพลังสปอร์ต เติมตัวตนที่ใช่ เปิดตัว “N Line Series” ที่สุดของความเร้าใจ กับดีไซน์สปอร์ตในงาน มอเตอร์ โชว์ 2025 พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญ “Hyundai Spark Offer” รับ ส่วนลดสูงสุดถึง 330,000 บาท* หรือเลือก ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 84 เดือน*

•นำเสนอ N Line Series เสริมภาพลักษณ์แนวสปอร์ตสุดเร้าใจ ตอบโจทย์การขับขี่แนวไลฟ์สไตล์และครอบครัวยุคใหม่ ทั้งรุ่น IONIQ 5 N Line, CRETA N Line, และจัดแสดง KONA Electric N Line

•IONIQ 5 N Line – รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกรุ่นอัปเกรด ด้วยแบตเตอรี่ใหม่ 84.0 kWh วิ่งไกล 530 กม. ราคา1,988,000 บาท

•CRETA N Line คอมแพ็กเอสยูวีแนวสปอร์ต ขุมพลังขับเคลื่อน 113 แรงม้า ตอบโจทย์สายลุยทั้งสไตล์และสมรรถนะสุดคุ้มค่า ในราคา 1,199,000 บาท

•Kona Electric N Line รถยนต์ไฟฟ้า 100% จัดแสดงครั้งแรกในไทยด้วยดีไซน์สปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยว เพื่อทดสอบกระแสตอบรับจากตลาดไทย

•Staria Elite Plus รุ่นอัปเกรด พร้อมฟังก์ชันความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Hyundai SmartSense ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ ในราคา 1,899,000 บาท

กรุงเทพฯ 24 มีนาคม 2568 – ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ด้วยการนำเสนอ “N Line Series” ที่เติมเต็มความสปอร์ตให้กับกลุ่มยานยนต์ยอดนิยม พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น เปิดตัวรุ่น IONIQ 5 N Line, CRETA N Line, และจัดแสดง KONA Electric N Line ที่มาพร้อมสี ไอคอนนิคของ N Line อย่างสี Dragon Red Pearl พร้อมด้วย Staria Elite Plus รุ่นอัปเกรด จัดเต็มทั้งฟังก์ชันความปลอดภัย และความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮุนไดในการพัฒนายานยนต์ที่โดดเด่น ทั้งดีไซน์และสมรรถนะอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ ฮุนไดยังขนทัพยนตรกรรมสุดล้ำ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ 5, IONIQ 6, IONIQ 5 N หรือ SUV ระดับแฟลกชิป อย่าง Palisade และ Stargazer เฉพาะในงาน BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2025 ครั้งที่ 46 ณ บูธ A3 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 6 เมษายน 2568

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ตอกย้ำความเชื่อมั่นในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเรา ทำให้ฮุนไดมุ่งมั่นพัฒนาและขยายไลน์อัปอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในงานมอเตอร์ โชว์ 2025 ครั้งนี้ เราภูมิใจนำเสนอ N Line Series ภายใต้คอนเซปต์ “Spark Your Drive เติมตัวตนที่ใช่” ดีไซน์สปอร์ตที่เสริมความดุดัน ผสานสมรรถนะเร้าใจ ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มดีไซน์แห่งมอเตอร์สปอร์ต ที่จะทำให้คุณโดดเด่นในทุกท้องถนน โดย N Line เป็นการยกระดับไลน์อัปของฮุนไดทั้งรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ 5 N line และ SUV อย่าง Creta N Line พร้อมการจัดแสดงครั้งแรกในประเทศไทยของ KONA Electric N Line รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งให้กับ แบรนด์ฮุนไดในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าและ SUV แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะนำเสนอยานยนต์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคไทย”

IONIQ 5 N LINE – ยานยนต์ไฟฟ้าดีไซน์สปอร์ตเต็มขั้น

Hyundai IONIQ 5 N Line ยกระดับความสปอร์ตของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย โครงสร้างตัวรถ E-GMP แบตเตอรี่ 84.0 kWh แรงดันไฟฟ้า 800V ระยะการวิ่งได้ไกล 530 กม. (WLTP) พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 225 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวตันเมตร ขับขี่มั่นใจด้วย ล้ออัลลอย 20 นิ้ว หลังคา Panoramic พร้อมม่านบังแดด ดีไซน์เฉพาะรุ่น N Line โดดเด่นด้วยกันชนหน้า-หลังสไตล์สปอร์ต และห้องโดยสารพรีเมียมที่ตกแต่งด้วย เบาะหนัง Alcantara ประทับโลโก้ N สะดวกสบายด้วยเบาะคนขับปรับไฟฟ้าเสมือนไร้แรงโน้มถ่วง Zero Gravity, แผงคอนโซลดีไซน์พิเศษ และพวงมาลัยหนังเดินตะเข็บแดง มาพร้อม จอ Infotainment 12.3 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ผสานสมรรถนะและดีไซน์สปอร์ตที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense อย่างครบครัน ในราคา 1,988,000 บาท

CRETA N LINE – คอมแพ็กเอสยูวีแนวสปอร์ตที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Hyundai CRETA N Line ยกระดับคอมแพ็กเอสยูวีให้สวยแกร่งดุดันด้วย การปรับรูปโฉมทั้งภายในและภายนอกใหม่ พร้อมชุดแต่ง N Line ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 113 แรงม้า และแรงบิด 144 นิวตันเมตร เสริมความสปอร์ตด้วยล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว หลังคา Panoramic พร้อมม่านบังแดด ภายในตกแต่งด้วยพวงมาลัยหนังเดินตะเข็บแดง คันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต สะดวกสบายด้วยเบาะคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมชุด Infotainment 10.25 นิ้ว ล้ำสมัย รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเครื่องเสียง Bose ลำโพง 8 ตำแหน่ง ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense เต็มรูปแบบ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS และระบบกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Monitor ด้วยการผสานระหว่างความอเนกประสงค์ของเอสยูวีและดีไซน์สปอร์ตจากสนามแข่ง ทำให้ CRETA N Line เป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับนักเดินทางผู้รักความสนุกและความสะดวกสบายในหนึ่งเดียว ราคา 1,199,000 บาท

KONA ELECTRIC N LINE – รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ จัดแสดงครั้งแรกในไทย ด้วยดีไซน์สปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยว

Hyundai KONA Electric N Line มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตและสมรรถนะเหนือระดับ แบตเตอรี่ 66.0 kWh ระยะการวิ่งได้ไกล 451 กม. (WLTP) พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 214 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร สวยสะดุดตาด้วยกันชนหน้าและหลังดีไซน์เฉพาะรุ่น สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกแอลอีดีและล้ออัลลอย 19 นิ้ว ห้องโดยสารเสริมความสปอร์ตด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังเดินตะเข็บแดง เบาะหนัง Alcantara ประทับโลโก้ N หรูด้วยคันเร่งและเบรกดีไซน์เฉพาะ พร้อมจอแสดงผล Infotainment 12.3 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัล ระบบเครื่องเสียง Bose ลำโพง 8 ตำแหน่ง ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense เต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย สมรรถนะคุ้มค่าและสัมผัสการขับขี่เร้าใจ โดย Kona Electric N Line ได้นำมาจัดแสดงเพื่อทดสอบกระแสตอบรับจากตลาดไทย

STARIA ELITE PLUS – ความหรูหราและความปลอดภัยที่เหนือระดับ

Hyundai STARIA Elite Plus รถ MPV ระดับพรีเมียมรุ่นอัปเกรด เพิ่มเติมจากรุ่น Staria Elite ที่มาพร้อม Hyundai SmartSense เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง จัดเต็มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจทุกการเดินทาง ด้วยระบบอัตโนมัติและการปรับตัวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ทั้งระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ Smart Cruise Control with Stop and Go พร้อมหลีกเลี่ยงการชนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  มอบทั้งความปลอดภัยขั้นสุดและความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยประตูห้องผู้โดยสารปรับไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา STARIA Elite Plus ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ดีเซล CRDi 2.2 ลิตร ให้กำลัง 175 แรงม้า และแรงบิด 431 นิวตันเมตร รองรับ น้ำมันดีเซล B10 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางในยุคใหม่ ราคา 1,899,000 บาท

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “N Line Series เป็นการนำเสนอความสง่างามแนวสปอร์ตสู่ตลาดรถเมืองไทย เพื่อตอบโจทย์นักขับที่ต้องการทั้งสมรรถนะและสไตล์ที่แตกต่างอย่างแท้จริง เราไม่เพียงนำแรงบันดาลใจจากสนามแข่งมาสู่ท้องถนนเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยรูปแบบการขับขี่ที่สนุกสนานและเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์แห่งตัวตน โดยเราเผยโฉม “N Line Series” พร้อมกันถึง 3 รุ่นในงาน ทั้ง IONIQ 5 N Line, CRETA N Line, และการจัดแสดง KONA Electric N Line ที่มาพร้อมสีไอคอนนิคของ N Line อย่างสี Dragon Red Pearl เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และเป็นทางเลือกของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน พร้อมด้วย Staria Elite Plus รุ่นอัปเกรด  และยนตรกรรมสุดล้ำจากฮุนได ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ 5, IONIQ 6, IONIQ 5 N หรือ SUV ระดับแฟลกชิป Palisade พร้อมทั้งรถ MPV อย่าง Stargazer ลูกค้าที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของรถฮุนไดทุกรุ่นได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับงานมอเตอร์โชว์ 2025 “Hyundai Spark Offer” วันนี้ ถึง 6 เมษายน นี้เท่านั้น ที่บูธในงาน และโชว์รูมฮุนไดทั่วประเทศ”

ฮุนไดมอบข้อเสนอสุดพิเศษ “Hyundai Spark Offer” ให้คุณเป็นเจ้าของยนตรกรรมแห่งอนาคตได้ง่ายขึ้น ในงาน Motor Show 2025 รับ ส่วนลดสูงสุดถึง 330,000 บาท หรือเลือก ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 84 เดือน สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 เท่านั้น นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าและ SUV สุดล้ำจากฮุนได ในราคาสุดคุ้ม พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและสมรรถนะเหนือระดับ มาสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวเองที่ บูธฮุนได A3, อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 อย่าพลาด! โอกาสเดียวที่คุณจะได้สัมผัส เทคโนโลยียานยนต์สุดล้ำ ดีไซน์สปอร์ต และข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุดจากฮุนได ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

*หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เอ็มจี เปิดตัว NEW MG S5 EV ราคาเริ่มต้น 7.199 แสน

เอ็มจี เปิดตัว NEW MG S5 EV ตอบโจทย์ SUV มหาชน ชูจุดเด่น คุ้มค่า พร้อมความมั่นใจ ใช้ยาว ไร้กังวล ราคาเริ่มต้น 719,900 บาท

•โกลบอลโมเดลกับจุดเด่น “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty”

•e-SUV รุ่นแรกที่พัฒนาบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โครงสร้างเดียวกันกับโกลบอลโมเดลอย่าง NEW MG4 ELECTRIC

•มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 245 แรงม้า เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที

•คลายกังวลการใช้รถอีวีของคนไทย ไปได้ทั่วไทยวิ่งได้ไกลถึง 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นระยะทางไกลที่สุดในคลาสเดียวกัน

•ให้ผู้ใช้มั่นใจในระยะยาว ด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty)

กรุงเทพฯ – 25 มีนาคม 2568 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย นำเสนอทางเลือกที่คุ้มค่าให้กับผู้บริโภค พร้อมเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์อีวี เปิดตัวโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2 ของปี ด้วย NEW MG S5 EV บุกตลาดและสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่ม B-SUV ไฟฟ้า กับจุดเด่น  “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” ตอกย้ำการเป็น e-SUV ที่คุ้มค่าและครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทย ด้วยยนตรกรรมไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ

NEW MG S5 EV นับเป็น e-SUV รุ่นแรกที่พัฒนาบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่รองรับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายเซกเมนต์ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเริ่มใช้งานครั้งแรกใน NEW MG4 ELECTRIC และได้รับการพัฒนาช่วงล่างให้เหมาะกับรูปแบบ SUV มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและมั่นใจในทุกเส้นทาง ภายใต้แนวคิด “Make Anywhere Possible” ที่เข้ามายกระดับมาตรฐานรถ e-SUV ในประเทศไทยให้ก้าว ไปอีกขั้น ซึ่งรถรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง “โกลบอลโมเดล” ที่จะทำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก รถรุ่นนี้ยังเป็นยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่ เอ็มจี ได้เริ่มเดินสายการผลิตในประเทศไทย (CKD) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล รองรับทั้งตลาดในประเทศและแผนการส่งออกในอนาคตอีกด้วย

NEW MG S5 EV มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร กับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 6.1 วินาที ถือเป็น e-SUV ที่มีการตอบสนองที่ฉับไว ขับสนุก นุ่มนวล ทั้งยังให้การควบคุมที่แม่นยำด้วยระบบพวงมาลัย Dual Pinion ที่ทำให้การควบคุมการขับขี่มีความคล่องตัว ผสานการทำงานของระบบช่วงล่างอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า และ 5-Link Suspension ด้านหลัง ที่ปรับจูนมาเป็นพิเศษ ทำให้เกาะถนนดียิ่งขึ้น ลดแรงสั่นสะเทือนระหว่างการขับขี่ พร้อมเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมแม้ในความเร็วสูง มีการออกแบบให้ กระจายน้ำหนักที่สมดุลระหว่างล้อหน้าและล้อหลังในอัตรา 50:50 ควบคู่กับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ลดอาการโคลง และเสริมความมั่นคงขณะเข้าโค้ง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ One Pedal ที่ให้คุณเร่งและชะลอความเร็วได้ในแป้นคันเร่งเดียว มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART 3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุด ช่วยการใช้งานสั่งการต่างๆ ภายในรถเป็นเรื่องง่าย และยังมีจุดเด่นที่ขับได้ไกลยิ่งขึ้น ด้วยแบตเตอรี่ NMC ขนาดความจุ 64 kWh ให้ระยะทางการขับขี่ 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ ยังมาพร้อมความมั่นใจในการใช้งานในระยะยาวด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน ทั้งหมดนี้ ทำให้ NEW MG S5 EV เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ e-SUV ที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสามารถตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “NEW MG S5 EV ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญของ เอ็มจี ในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยี และความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคชาวไทย โดย เอ็มจี มีกำหนดส่งมอบรถให้ลูกค้าภายในเดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป และเนื่องจากรถรุ่นนี้เป็น “โกลบอลโมเดล” หลังจากที่เปิดตัวและประกาศราคาที่ประเทศไทย จะมีการทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในสหราชอาณาจักร ประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรป เป็นต้น การเข้ามาทำตลาดของ NEW MG S5 EV รุ่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ เอ็มจี ที่ต้องการให้คนไทยได้เป็นเจ้าของยนตรกรรมคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ควบคู่กับการสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของ เอ็มจี ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ตรงจุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยและยกระดับยนตรกรรมไฟฟ้าให้มีทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังตอกย้ำถึงภาพความเอาจริงเอาจังของ เอ็มจี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังให้ความพร้อมในเรื่องระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าและดูแลลูกค้าในระยะยาว”

ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและทดลองขับเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ e-SUV ในมุมมองใหม่ กับ NEW MG S5 EV ได้ที่บูธ เอ็มจี ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 หรือ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพของ เอ็มจี ทั้ง 140 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

มาสด้า ปรับโฉม MAZDA2 ชูความคุ้มค่า ประหยัด

มาสด้า เนรมิตบูธดีไซน์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ JOY DRIVES LIVES พร้อมโชว์รถต้นแบบ Mazda Iconic SP และรถไฟฟ้า Mazda6e ในงานมอเตอร์โชว์ 2025

กรุงเทพฯ– ประเทศไทย, วันที่ 25 มีนาคม 2568 – มาสด้าบุกงานมอเตอร์ โชว์ 2025 จัดแสดง 2 เทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต ตามแนวทาง Multi-solution เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน นำโดย Mazda Iconic SP คอนเซ็ปต์คาร์ของรถสปอร์ตคอมแพ็ค ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รองรับการใช้พลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ และ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV รุ่นแรกจากมาสด้า พร้อมเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยม New Mazda2 Essential โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ มาพร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท ทั้งยังแนะนำ New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition รถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นพิเศษที่เฉลิมฉลองการครบรอบ 35 ปี แบรนด์ไอคอนเจ้าตำนานความสนุกสนานในการขับขี่มาอวดโฉมพร้อมเปิดให้จองเป็นเจ้าของ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษให้เป็นเจ้าของได้ง่าย ณ บูธมาสด้า ในงาน มอเตอร์ โชว์ 2025 ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. 68 – 6 เม.ย. 68 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บูธมาสด้าครั้งนี้มีความพิเศษยิ่งกว่าทุกปี ไม่เพียงเฉพาะแค่การออกแบบใหม่เท่านั้น เนื่องจากมาสด้าได้นำยนตรกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคตถึงสองรุ่น ที่ได้รับการพัฒนาตามแนวทาง Multi-solution มาจัดแสดงในประเทศไทย เริ่มจาก ยานยนต์ต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์ Mazda Iconic SP ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยใช้เครื่องยนต์โรตารี่แบบ 2 โรเตอร์ ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ รองรับการใช้พลังงานหลากหลายรูปแบบ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา กระจายน้ำหนัก 50:50 ได้รับการออกแบบตามแนวทาง Kodo Design รวมถึงการขับขี่ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ โดยรถต้นแบบคันนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อฟื้นตำนานรถสปอร์ตเครื่องยนต์โรตารี่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

สำหรับรถยนต์รุ่นที่สองได้แก่ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV รุ่นแรกที่มาสด้าพัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution Technology สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าไว้อย่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบ ทั้งดีไซน์ภายนอกที่สง่างามตามแนวคิด Kodo Design – Soul of Motion และเอกลักษณ์ของสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง กระจายน้ำหนัก 50:50 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ ให้ระยะการขับขี่ได้ไกลสุดถึง 552 กม. มาพร้อมเทคโนโลยี FAST CHARGE สามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้เร็วสูงสุดภายใน 15 นาที มอบความสนุกสนานในการขับขี่ตามปรัชญา จินบะ-อิไต และเน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าเฉกเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก

นอกจากรถยนต์ไฮไลท์สองรุ่นที่นำมาจัดแสดงแล้ว มาสด้ายังเปิดตัว New Mazda2 Essential มาเปิดตัวภายในงานฯ มาพร้อมดีไซน์ที่บ่งความเป็นตัวตนที่ชัดเจน และฟังก์ชั่นที่เติมเต็มกับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ มาพร้อมทางเลือก 4 รุ่นใหม่ ได้แก่ รุ่น PRIME มอบความ ”คุ้มสุด” ของรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร และมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน รุ่น ULTRA มอบความ “สบายสุด” ครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบาย พร้อมกับฟังก์ชั่นที่รู้ใจและตอบโจทย์กับทุกมิติของการใช้ชีวิต และ รุ่น SIGNATURE มอบความ “พร้อมสุด” กับสองทางเลือก กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ในรุ่น 1.3 Signature และ รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ในรุ่น XDL Signature โดย Mazda2 Essential มีราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท

ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด แบรนด์ไอคอนยอดนิยม New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition มาจัดแสดงให้แฟนๆ ในประเทศไทยได้ชมและครอบครองเป็นเจ้าของ มาพร้อมการตกแต่งพิเศษเพื่อถ่ายทอดความพิเศษในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น สีภายนอกพิเศษ Artisan Red Premium สัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พนักพิงศีรษะ และพรม พร้อม Serial Number ที่บริเวณด้านข้างตัวถัง เพื่อบ่งบอกถึงบอกถึงความพิเศษในฐานะรุ่นลิมิเต็ด รวมถึงเบาะหนังสีพิเศษ Sports Tan หลังคาแข็งเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Bright วางจำหน่ายในจำนวนจำกัด ในราคา 3,069,000 บาท

นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำรถยนต์ครบทุกรุ่นมาจัดแสดงพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษภายในงาน อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* นานสูงสุด 72 เดือน* ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance* ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ MUS นานสูงสุด 7 ปี* ฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 3,990 บาท* และสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว รับฟรี บัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท* ภายในงานฯ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ที่ปรึกษาการขายมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

มิตซูบิชิ ชวนสัมผัสยนตรกรรมฟูลไฮบริด 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ในมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนสัมผัสยนตรกรรมฟูลไฮบริดสุดล้ำสมัย 2 รุ่นใหม่ล่าสุด “ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี” และ “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์” พร้อมแคมเปญพิเศษ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนลูกค้าสัมผัสความล้ำสมัย พร้อมดีไซน์สุดโฉบเฉี่ยว กับครั้งแรกของการจัดแสดงรถยนต์ฟูลไฮบริด 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ ร่วมด้วยแคมเปญพิเศษ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 พร้อมเดินหน้าประกาศความพร้อม ส่งทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต เตรียมลงสู้ศึกการแข่งขันรายการเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ (เอเอ็กซ์ซีอาร์) 2025 ด้วยรถแข่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ และตอกย้ำความสำเร็จด้วยการคว้า 5 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 หรือ ‘Car of the Year 2025’

มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากที่เราได้เปิดตัวรถ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ในวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา งานนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าจะได้ชมการจัดแสดงรถ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ที่หลายๆ คนรอคอย รวมถึงรถ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ ซึ่งเป็นรถรุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด โดยรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการพัฒนารถยนต์ฟูลไฮบริด พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์ที่โดดเด่น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

“นอกจากนี้ เรายังมีข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม และรับมอบรถภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นี้ กับแคมเปญ “Early Bird Offers เฉพาะช่วงเปิดตัวเท่านั้น” โดยลูกค้าจะได้รับบัตรของขวัญที่พักโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา มูลค่า 10,000 บาท รวมถึงโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมายสำหรับรถยนต์ทุกร่น” มร.อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาวไทยและมีฐานการผลิตที่โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส แหลมฉบัง จ.ชลบุรี มั่นใจได้ในคุณภาพรถยนต์และบริการหลังการขายที่ครบครัน แบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่ อิกไนท์ (Ignite) อัลทิเมท (Ultimate) และรุ่นท็อป อัลทิเมท เอ็กซ์ (Ultimate X) พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ภายใต้แนวคิด ซิลก์กี แอนด์ โซลิด (Silky & Solid) สะท้อนความเรียบหรูแต่ทรงพลังในทุกมิติอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกกว่าในทุกการเดินทาง ผสานการทำงานของ 3 สุดยอดเทคโนโลยี ในแบบ MITSUBISHI e:MOTION ที่เหนือระดับไปอีกขั้น ด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Generation ใหม่ ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 24.4 กิโลเมตร/ลิตร* มาพร้อมกับ โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ หรือ 7 Drive Mode ให้ความปลอดภัย ลุยได้ในทุกสภาพถนน และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจสูงสุดขณะเข้าโค้ง พร้อมช่วงล่างและระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ให้เหมาะกับทุกสภาพถนนในประเทศไทย จากการทดสอบจริงบนถนนของเมืองไทยกว่า 100,000 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ยังโดดเด่นและเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense)  แบบครบครัน ซึ่งรวมถึง กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) พร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (Moving Object Detection: MOD) ถุงลม 6 ตำแหน่ง และอีกมากมาย พร้อมมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยห้องโดยสารกว้าง พื้นที่เก็บของหลากหลาย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ โดยในรุ่นท็อป อัลทิเมท เอ็กซ์ (Ultimate X) ยังมาพร้อมระบบเสียงไดนามิค ซาวน์ ยามาฮา พรีเมียม (Dynamic Sound Yamaha Premium) และลำโพง 8 จุด เพื่อคุณภาพเสียงเหนือระดับอีกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลต์ภายในงาน ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด ที่ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์ครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก ของรถจากซีรีส์ ‘มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์’ ที่มีการติดตั้งชุดแต่งจากโรงงานในโทนสีดำ ให้บุคลิกใหม่ที่โดดเด่น มีสไตล์ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับในแบบ MITSUBISHI e:MOTION ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งปรับพับได้หลากหลายรูปแบบและมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และรองรับไลฟ์สไตล์สุดแอ็กทีฟของครอบครัวยุคใหม่

ภายในงานยังจัดแสดง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม ใหม่ มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบครันมากยิ่งขึ้น ในราคาจำหน่ายเท่าเดิม เพิ่มความคุ้มค่าด้วยการยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารสะดวกสบาย สะท้อนความหรูหราและทันสมัย

ปิดท้ายด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮเปอร์ พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู (Hyper Power X2) กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ตอบสนองไลฟ์สไตล์สปอร์ตพรีเมียมด้วยรูปลักษณ์โดดเด่นมีสไตล์ สะกดทุกสายตา ห้องโดยสารสะดวกสบายทุกจุด ผสานดีไซน์ภายในสีทูโทน เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’ พร้อมระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) และระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly) ทั้งยังสามารถขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและพื้นผิวถนนทุกรูปแบบด้วย 7 โหมดการขับขี่ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)

นอกจากการขนทัพสุดยอดยนตรกรรมมาจัดแสดงแล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังประกาศความพร้อมเตรียมส่งทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ลงสู้ศึกเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ หรือ เอเอ็กซ์ซีอาร์ 2025 ด้วยรถแข่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ โฉมใหม่* เพื่อกลับมาทวงตำแหน่งแชมป์อีกครั้ง พร้อมประกาศความสำเร็จที่ได้คว้า 5 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 หรือ ‘Car of the Year 2025’ จากบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ สมรรถนะ และความพึงพอใจของลูกค้า รางวัลอันทรงเกียรติเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการพัฒนาด้านวิศวกรรม นวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในทุกกลุ่มยานยนต์ โดยรถมิตซูบิชิ ที่ได้รับรางวัลนปีนี้ ประกอบด้วย

•มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี : รางวัลรถอเนกประสงค์ไฮบริดขนาดเล็ก เครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,600 ซีซี ยอดเยี่ยม

•มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท : รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี ยอดเยี่ยม

•มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท : รางวัลรถอเนกประสงค์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี ยอดเยี่ยม

•มิตซูบิชิ แอททราจ : รางวัลรถยนต์อีโคคาร์ 4 ประตู ราคาคุ้มค่า ยอดเยี่ยม

•มิตซูบิชิ มิราจ : รางวัลรถยนต์อีโคคาร์ ประหยัดน้ำมัน ยอดเยี่ยม

ผู้สนใจสามารถชมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นได้ที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (A9) ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 หรือ Bangkok International Motor Show 2025 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

*รถแข่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ โฉมใหม่ จะถูกจัดแสดงที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เฉพาะในวันแถลงข่าวเท่านั้น

สุดยอดยนตรกรรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่จัดแสดง ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

รุ่นรถยนต์โปรโมชั่นพิเศษ
ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0.99%*รับฟรี บัตรของขวัญเซ็นทารา มูลค่า 10,000 บาท* รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี* รับฟรี รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี  หรือ 100,000 กม. พร้อมฟรี ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี* เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี*ครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์เลือกรับ ดอกเบี้ย 0%* รับฟรี แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี* รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี* รับฟรี รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี  หรือ 100,000 กม. พร้อมฟรี ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี* ครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม ใหม่เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.09%* รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี* เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี*รับฟรี รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี  หรือ 100,000 กม. พร้อมฟรี ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี* ครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*
มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีทเลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99%* รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี* เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี*รับฟรี รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี  หรือ 100,000 กม. พร้อมฟรี ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี* ครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*

*เงื่อนไขและรายละเอียดเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด หลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save