- Advertisement -
28.7 C
Bangkok
Home Blog Page 5

XPENG X9 เปิดตัวรุ่น Executive เคาะราคา 2.499 ล้านบาท

XPENG X9 ขึ้นแท่นอันดับ 1 รถตู้ไฟฟ้าพรีเมียม ด้วยยอดส่งมอบสะสมกว่า 1,500 คันทั่วประเทศ พร้อมต่อยอดความสำเร็จ เปิดตัวรุ่น ‘Executive’ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มผู้บริหาร และครอบครัว ด้วยราคา 2.499 ล้านบาท

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค เอ็กซ์เผิง อย่างเป็นทางการ จัดงานเปิดตัว เอ็กซ์เผิง X9 ‘Executive’ รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ Ultra Smart Coupe MPV รุ่นล่าสุด มาพร้อมเบาะแถวที่สองแบบเฟิร์สคลาส ฟังก์ชัน Zero Gravity ซึ่งมอบความสบายผ่อนคลายสูงสุด พร้อมช่องทางเดินระหว่างเบาะแถวที่สอง (Walk-through Access) ผสานออปชั่นระดับพรีเมียมอย่างครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานและความคุ้มค่าสูงสุด

อภิวันท์ สิงห์ทวีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า “เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ได้มอบความไว้วางใจ และให้การสนับสนุนทางบริษัทฯ ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ เอ็กซ์เผิง เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดจำหน่ายร่วม 3,000 คัน โดยเฉพาะรุ่น X9 รถตู้ไฟฟ้าพรีเมียมทรงสปอร์ตอัจฉริยะ ‘Ultra Smart Coupe MPV’ ที่ขึ้นแท่นรถตู้ไฟฟ้าอันดับ 1 ในตลาดพรีเมียม MPV (ยอดจดทะเบียนประจำเดือนกรกฎาคม) และวันนี้ เราพร้อมนำเสนอ เอ็กซ์เผิง X9 ‘Executive’ ที่จะมาตอบโจทย์ครบทุกกลุ่ม ทุกความต้องการมากยิ่งขึ้น”

XPENG X9 ‘Executive’ ตอบโจทย์ครบทุกกลุ่ม ทุกความต้องการ

X9 ‘Executive’ รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานสำหรับทุกกลุ่ม ครั้งแรกกับเบาะนั่งแถวที่สองแบบ Zero Gravity ระดับเฟิร์สคลาส ปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง ที่มาพร้อมช่องทางเดินระหว่างเบาะแถวที่สอง (Walk-through Access) และที่ชาร์จแบบไร้สาย เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร โดยเบาะแถวที่สาม สามารถพับแบนราบด้วยระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ SiC Platform ขนาด 101.5  กิโลวัตต์-ชั่วโมง มีระยะทางวิ่งสูงสุด 690 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC รองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดถึง 317 กิโลวัตต์ แพลตฟอร์มโครงสร้างตัวถสถาปัตยกรรม SEPA2.0 พัฒนาโดย เอ็กซ์เผิง รูปลักษณ์ได้แรงบันดาลใจจากยานอวกาศ (Starship) ห้องโดยสารกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 7.7 ตารางเมตร ติดตั้งจอภาพขนาด 21.4 นิ้ว รองรับความบันเทิงเต็มรูปแบบ ขับกล่อมด้วยลำโพง XOPERA 23 ตำแหน่ง ติดตั้งชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 เด่นด้วยระบบเลี้ยว 4 ล้อ ช่วยให้วงเลี้ยวแคบเพียง 5.4 เมตร คล่องตัวสูงสุดเทียบกับรถกลุ่มเดียวกัน มาพร้อมช่วงล่างถุงลม Dual-Chamber สามารถปรับสูง-ต่ำและความหนืดได้ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพสูงสุด

มั่นใจกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุด

ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการทำตลาดในประเทศไทย ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ‘เอ็กซ์เผิง’ ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำอนาคต ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตยุคใหม่ และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ได้แต่งตั้งพาร์ทเนอร์จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการกลุ่มแรกในประเทศไทย ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ตลอดจนจังหวัดหลักในแต่ละภูมิภาคจำนวน 15 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ คือ รามคำแหง, แจ้งวัฒนะ, ประดิษฐ์มนูธรรม, ราชพฤกษ์, สุขุมวิท, ตลิ่งชัน, วิภาวดี-หลักสี่, ศรีนครินทร์ และต่างจังหวัด คือ เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, พัทยา, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพการบริการที่เป็นมาตรฐาน ผสานเครื่องมืออันทันสมัย และคลังเก็บอะไหล่ ‘XPENG Parts Center’ บริเวณถนนบางนา-ตราดที่มีการจัดเก็บอะไหล่เพียบพร้อมและเป็นระบบ เพื่อประสิทธิภาพการให้บริการและความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงการมุ่งขยายเครือข่ายพร้อมศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่อการดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึง

XPENG X9 ‘Executive’ มาพร้อมแพ็กเกจ

•Wallbox 7 kW พร้อมติดตั้ง*

•ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมพรบ. นาน 1 ปี*

•Portable Charger 1 ชุด*

•Vehicle Warranty 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร*

•Battery and Drive Motor with Intelligent Power Unit Warranty 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 5 ปี

สัมผัสและทดลองขับ NEW XPENG X9 EXECUTIVE ได้ที่งาน XPENG ELEGANCE EXPERIENCE ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น G ระหว่างวันที่ 7-12 สิงหาคม และโชว์รูม เอ็กซ์เผิง 15 สาขาทั่วประเทศ

เครือข่ายพาร์ทเนอร์ เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย

สาขารามคำแหง โทร. 02-078-1889

แจ้งวัฒนะ โทร. 1524

ประดิษฐ์มนูธรรม โทร. 02-515-0525

ราชพฤกษ์ โทร. 02-079-1155

สุขุมวิท โทร. 1488

ตลิ่งชัน โทร. 063-338-3699

วิภาวดี-หลักสี่ โทร. 02-551-1388

ศรีนครินทร์ โทร. 094-854-3111

เชียงใหม่ โทร. 062-326-5969

ขอนแก่น โทร. 066-084-1345

อุบลราชธานี โทร. 099-287-5205

พัทยา โทร. 038-195-656

ภูเก็ต โทร. 083-516-4663

สุราษฎร์ธานี โทร. 1488

หาดใหญ่ โทร. 1488

Facebook: XPENG Thailand

www.xpeng.co.th

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท กำหนด

ตลาดรถยนต์ครึ่งปี 2568 ยอดขายรวม 302,694 คัน

ตลาดรถยนต์ครึ่งปี 2568 ยอดขายรวม 302,694 คัน ลดลง 1.7% คาดการณ์ตลาดปี 2568 อยู่ที่ 600,000 คัน

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสรุปยอดขายรถยนต์ครึ่งปีพ.ศ. 2568 ยอดขายสะสมตลาดรวม 302,694 คัน ลดลง 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 117,482 คัน ลดลง 1.5% ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 185,212 คัน ลดลง 1.8% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 94,715 คัน ลดลง 12.7%

สำหรับยอดขายประจำเดือนมิถุนายน 2568 ยอดขายสะสมตลาดรวม 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายสะสมตลาดรถยนต์นั่ง 19,397 คัน เพิ่มขึ้น 9.4% ยอดขายสะสมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 30,682 คัน เพิ่มขึ้น 2.5% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายสะสม 15,307 คัน ลดลง 8.2% 

สำหรับตลาดรถยนต์ครึ่งปีพ.ศ. 2568 มียอดขาย 302,694 คัน ลดลง 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขายสะสม 117,482 คัน ลดลง 1.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขายลดลง 1.8% ด้วยยอดขาย 185,212 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 94,715 คัน ลดลงถึง 12.7% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 132,493 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.8% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 21.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEV อยู่ที่ 67,202 คัน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 56,529 คัน เติบโตขึ้น 54.5%

ทางด้านตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน 2568 มียอดขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 9.4% ด้วยยอดขาย 19,397 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 2.5% ด้วยยอดขาย 30,682 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 15,307 คัน ลดลง 8.2% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 21,915 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.7% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 30.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 11.6% ด้วยยอดขาย 11,034 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 9,743 คัน เพิ่มขึ้น 59.9%

ขณะที่ตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มทรงตัว หรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนอาจลดหรือชะลอการลงทุนและการใช้จ่ายออกไป เพื่อรอความชัดเจนด้านต่างๆ จากสถานการณ์ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า รวมถึงความไม่แน่นอนระหว่างสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก โตโยต้ามียอดขายรถยนต์รวมที่ 113,889 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 37.6% โดยเฉพาะ ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up + รถกระบะดัดแปลง PPV)  มียอดขายรวมอยู่ที่ 42,430 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์เซกเมนต์นี้ถึง 44.8% สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 39,644 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 33.7% อีกทั้งโตโยต้ายังมียอดขายรถยนต์ไฮบริดถึง 31,793  คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 24% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มตลาด xEV ทั้งหมด

ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในครึ่งปีแรก 2568 เริ่มส่งสัญญาณมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขยอดขายรวมครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 302,694 คัน หรือลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 1.7% เมื่อเทียบกับปี 2567 โตโยต้ายังคงคาดการณ์ระดับตลาดในปี 2568 ที่ระดับ 600,000 คัน สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% สร้างส่วนแบ่งทางการตลาด เท่ากับ 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด โดยในครึ่งปีหลัง โตโยต้ามีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่น ทั้งในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย เพื่อร่วมส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน”

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2568

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5.1%                        
  2. อันดับที่ 1 โตโยต้า      19,105 คัน       เพิ่มขึ้น    3%              ส่วนแบ่งตลาด     38.1%
  3. อันดับที่ 2 อีซูซุ         5,625 คัน       ลดลง     20.5%            ส่วนแบ่งตลาด   11.2%
  4. อันดับที่ 3 ฮอนด้า       5,149 คัน       ลดลง     15.9%          ส่วนแบ่งตลาด    10.3%
  5. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,397 คัน เพิ่มขึ้น 9.4%                                 
  6. อันดับที่ 1 โตโยต้า      6,575 คัน        เพิ่มขึ้น    22.4%          ส่วนแบ่งตลาด    33.9%
  7. อันดับที่ 2 ฮอนด้า       3,130 คัน        ลดลง     7.4%           ส่วนแบ่งตลาด      16.1%
  8. อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      876 คัน           ลดลง     48.3%          ส่วนแบ่งตลาด   4.5%
  9. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,682 คัน เพิ่มขึ้น 2.5%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,530 คัน       ลดลง   4.9%            ส่วนแบ่งตลาด  40.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ         5,625 คัน        ลดลง   20.5%           ส่วนแบ่งตลาด 18.3%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       2,019 คัน        ลดลง   26.4%          ส่วนแบ่งตลาด  6.6%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 15,307 คัน ลดลง 8.2%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      7,099 คัน        ลดลง    10.6%           ส่วนแบ่งตลาด 46.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          4,756 คัน        ลดลง    22.6%          ส่วนแบ่งตลาด 31.1%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        1,399 คัน        ลดลง    14.5%           ส่วนแบ่งตลาด  9.1%

         *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,032 คัน

โตโยต้า 1,258 คัน – อีซูซุ 988 คัน – ฟอร์ด 578 คัน – มิตซูบิชิ 129 คัน – นิสสัน 33 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,269 คัน ลดลง 19.9%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      5,841 คัน        ลดลง   16%             ส่วนแบ่งตลาด 51.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          3,768 คัน      ลดลง    29.3%         ส่วนแบ่งตลาด 33.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        821 คัน           ลดลง    23.1%        ส่วนแบ่งตลาด  7.3%     

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2568

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 302,694 คัน ลดลง 1.7%                              
  2. อันดับที่ 1 โตโยต้า    113,889 คัน       ลดลง     2.1%           ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
  3. อันดับที่ 2 อีซูซุ       37,506 คัน         ลดลง     18.9%         ส่วนแบ่งตลาด 12.4%
  4. อันดับที่ 3 ฮอนด้า    35,355 คัน         ลดลง    18.7%          ส่วนแบ่งตลาด 11.7%
  5. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 117,482 คัน ลดลง 1.5%                                
  6. อันดับที่ 1 โตโยต้า   39,644 คัน          เพิ่มขึ้น  19.2%           ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
  7. อันดับที่ 2 ฮอนด้า   19,672 คัน          ลดลง    20.1%           ส่วนแบ่งตลาด 16.7%
  8. อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ    5,915 คัน         ลดลง   40.2%             ส่วนแบ่งตลาด  5%
  9. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 185,212 คัน ลดลง 1.8%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า  74,245 คัน           ลดลง     10.6%        ส่วนแบ่งตลาด 40.1%

อันดับที่ 2 อีซูซุ   37,506 คัน           ลดลง    18.9%         ส่วนแบ่งตลาด 20.3%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า  15,683 คัน           เพิ่มขึ้น  16.9%        ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 94,715 คัน ลดลง 12.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 42,430 คัน      ลดลง   14.6%            ส่วนแบ่งตลาด 44.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ    32,804 คัน            ลดลง   19.2%        ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด   9,400 คัน             ลดลง   16.7%          ส่วนแบ่งตลาด  9.9%

           *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 20,714 คัน

โตโยต้า 7,294 คัน – อีซูซุ 6,183 คัน – ฟอร์ด 3,717 คัน – มิตซูบิชิ 888 คัน – นิสสัน 269 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 73,995 คัน ลดลง 17.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 35,136 คัน     ลดลง  17.7%             ส่วนแบ่งตลาด 47.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ      26,621 คัน            ลดลง  23.2%     ส่วนแบ่งตลาด  36%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด    5,683 คัน            ลดลง   19%           ส่วนแบ่งตลาด  7.7%    

GWM สรุป 5 เหตุผลที่ NEW GWM TANK 500 DIESEL

GWM สรุป 5 เหตุผลที่ NEW GWM TANK 500 DIESEL เป็นรถ PPV ระดับพรีเมียมที่ควรมีอยู่คู่บ้านคนไทย

กรุงเทพฯ 1 สิงหาคม 2568 – GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ส่งมอบบทสรุป 5 ไฮไลต์สำคัญที่สะท้อนความต่างของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ที่เป็นมากกว่ารถยนต์ PPV 7 ที่นั่ง แต่เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่มอบทั้งความพรีเมียม ความสะดวกสบาย เทคโนโลยีอันล้ำสมัย รวมถึงความปลอดภัยที่จัดเต็ม พร้อมความคุ้มค่าในราคาแนะนำช่วงเปิดตัว เริ่มตั้งแต่ 1.399 – 1.629 ล้านบาท ที่ใครได้ครอบครองจะต้องตกหลุมรัก มอบคุณค่าอันทรงพลัง สำหรับผู้นำยุคใหม่ที่มองหาทั้งสมรรถนะ ความพรีเมียมเหนือระดับ และความยืดหยุ่นในทุกบทบาทของชีวิต ตอบโจทย์ทั้งเรื่องงาน ไลฟ์สไตล์ และครอบครัว โดยหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 24 กรกฎาคม 2568 ได้สร้างกระแสเป็นที่พูดถึงในวงกว้างและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในไทย และถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในรถกลุ่ม PPV ที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับผู้ใช้ชาวไทย จากเหตุผลหลัก 5 ข้อดังต่อไปนี้

1.)ดีไซน์ระดับ Flagship สะท้อนพลังผู้นำในทุกมิติของตัวตน : NEW GWM TANK 500 DIESEL ถ่ายทอดตัวตนของผู้นำผ่านดีไซน์ที่เปี่ยมด้วยพลังและจิตวิญญาณแห่งความสำเร็จ เส้นสายที่เฉียบคม รูปทรงของตัวรถที่แข็งแกร่ง และความประณีตในรายละเอียด ล้วนสะท้อนความมั่นใจของผู้เป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะจอดอยู่ในลานจอด หรือแล่นผ่านใจกลางเมือง รถคันนี้ไม่ใช่แค่สะดุดตา แต่ยังแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ ความหนักแน่น และภาวะผู้นำที่ชัดเจน โดยเฉพาะในรุ่นสี Black Warrior ที่มอบลุคพรีเมียม เข้มขรึม สะท้อนรสนิยมเหนือระดับและพลังอำนาจในสไตล์สุขุมนุ่มลึก ปลุกเร้าความรู้สึกมั่นใจในทุกวินาที พร้อมสื่อถึงความสงบนิ่งและเด็ดขาดในทุกการตัดสินใจ เป็นการส่งต่อข้อความที่บอกโลกว่า “นี่คือผู้นำตัวจริง”

2.)ห้องโดยสารเหนือระดับ ส่งมอบความพรีเมียมที่โอบรับทุกช่วงเวลา : ไม่ว่าชีวิตจะเร่งรีบเพียงใด การเดินทางกับ NEW GWM TANK 500 DIESEL คือช่วงเวลาแห่งการได้หายใจลึกๆ ยาวๆ หลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อย ห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบในโลกที่หมุนเร็ว เบาะหนัง Nappa แท้ที่นุ่มแน่นรับกับสรีระ พร้อมฟังก์ชันปรับไฟฟ้าและระบบนวดในรุ่น Ultra กระจกสองชั้นและระบบ Active Noise Cancellationป้องกันเสียงรบกวน  การปรับจูนระบบช่วงล่างให้เหมาะกับถนนเมืองไทย สร้างประสบการณ์ระดับพรีเมียม พื้นที่ภายในกว้างขวางด้วยความจุสัมภาระสูงสุดถึง 795 ลิตรเมื่อพับเบาะหลัง เสริมด้วยระบบปรับอากาศแบบแยกโซนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และระบบฟอกอากาศ N95 ที่สามารถกรองเชื้อโรคและ PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนรู้สึกสดชื่นแม้การเดินทางยาวนาน หน้าจอแสดงผลคู่ขนาด 12.3 นิ้ว และ 14.6 นิ้ว พร้อมระบบ Smart Interaction มอบการเชื่อมต่อที่ลื่นไหลและสะดวกสบาย พร้อมด้วย ambient light แบบปรับได้หลากสี ช่วยแต่งแต้มอารมณ์ให้กลมกลืนไปกับทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะกำลังขับผ่านแสงอาทิตย์ยามเช้า หรือลัดเลาะกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ ทุกแสง สี เสียง และสัมผัสในห้องโดยสาร เพราะการเดินทางไม่ใช่แค่การพาไปถึงที่หมาย แต่คือการนำพาความรู้สึกที่ดีที่สุดในทุกโมเม้นต์คืนแก่ผู้เดินทาง

3.)ระบบช่วยขับ L2+ เพราะความปลอดภัยคือการส่งมอบความรัก: ในส่วนสำคัญของการเดินทาง ความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณและคนที่คุณรัก NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ ที่มองเห็นสิ่งที่นักเดินทางมองไม่เห็น และคิดแทนในช่วงเวลาที่ผู้ขับขี่กำลังเหนื่อยล้า รถยนต์รุ่นนี้โดดเด่นด้วยระบบ Adaptive Cruise Control ที่ควบคุมความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างนุ่มนวล ผสานกับ Lane Keeping Assist ที่ช่วยให้รถอยู่ในเลนอย่างแม่นยำ แม้ในทางโค้งหรือช่วงเร่งรีบ เหนือไปกว่านั้น ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินขณะถอยหลัง (Rear Cross-Traffic Alert & Braking), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW – Forward Collision Warning) รวมถึงจุดเด่นด้านโครงสร้างตัวถังแบบ Body-on-Frame ที่ได้รับการออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK เพื่อรองรับภารกิจหนักหน่วงและเส้นทางที่ท้าทาย ด้วยเฟรมแชสซีขนาดใหญ่ที่แยกออกจากตัวถัง เสริมด้วยเหล็กกล้าความแข็งแรงสูงในจุดสำคัญ ช่วยกระจายและดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องชิ้นส่วนสำคัญในทุกเส้นทาง เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้มาแทนที่การขับขี่ แต่เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกมั่นใจ ให้ทุกกิโลเมตรคือพื้นที่ที่ปลอดภัย และทุกเส้นทางคือโอกาสให้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบของตัวเอง

4.)หนึ่งเดียวเพื่อทุกบทบาท : NEW GWM TANK 500 DIESEL ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้นำองค์กรที่ต้องใช้ชีวิตในเมือง หรือนักเดินทางผู้แสวงหาความหมายใหม่ๆ ในธรรมชาติ ด้วยดีไซน์หรูหราแต่ทรงพลัง เหมาะกับทั้งนักบริหาร เจ้าของกิจการ หรือหัวหน้าครอบครัวที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และความสะดวกสบายในทุกเส้นทาง ภายในเงียบสงบ พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อที่ช่วยให้ทุกประชุมหรือสื่อสารระหว่างเดินทางได้อย่างราบรื่นและม่านบังแดดสำหรับด้านหลัง ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย พร้อมลุยได้ทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ป่าเขา หรือทางลูกรัง ไม่ว่าจะทำงาน พักผ่อน หรือผจญภัย GWM TANK 500 DIESEL คือรถคันเดียวที่ตอบโจทย์ทุกบทบาทในชีวิตคุณ

5.)ขุมพลังที่เชื่อมั่นได้ เพราะบางเส้นทางไม่อาจย้อนกลับ : ทุกการเดินทางคือการตัดสินใจ และ NEW GWM TANK 500 DIESEL คือคำตอบของผู้ที่ต้องการพลังที่มั่นใจได้ไม่ว่าจุดหมายจะอยู่ไกลแค่ไหน ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ที่ให้แรงบิดสูงถึง 480 นิวตันเมตรตั้งแต่รอบต่ำ การขับขี่จึงทรงพลังตั้งแต่ออกตัว ไม่ว่าจะเร่งแซง ลุยทางชัน ทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ที่ส่งผ่านกำลังได้อย่างลื่นไหล และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งกว่าเดิม และด้วยเทคโลยีเครื่องยนต์ดีเซลอันล้ำสมัย ที่ได้รับการออกแบบโดยให้ความสำคัญกับ NVH (Noise, vibration, harshness) แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยเสียงลมหรือถนนขรุขระ แต่การเดินทางก็ยังคงเงียบ นิ่ง และราบรื่น และเพื่อเติมเต็มความมั่นใจในระยะยาว GWM รับประกันเครื่องยนต์ดีเซลนานสูงสุดถึง 1,000,000 กิโลเมตร หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) เพราะบางเส้นทางในชีวิตไม่มีโอกาสให้ย้อนกลับอีกครั้ง รถที่ไว้ใจได้จึงไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือพลังใจตลอดทาง

นี่คือ 5 เหตุผลที่สะท้อนทั้งสมรรถนะ ความพรีเมียม และมุมมองการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย NEW GWM TANK 500 DIESEL ไม่เพียงเป็นยานยนต์อเนกประสงค์ PPV ระดับ Flagship แต่ยังเป็นตัวแทนของไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้นำยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าการขับขี่ทั่วไป GWM มุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่เข้าใจผู้ใช้ และส่งมอบนวัตกรรมที่ผสานความปลอดภัย เทคโนโลยี และอารมณ์ในการขับขี่ไว้อย่างกลมกลืน พร้อมเดินเคียงข้างผู้ใช้ในทุกเส้นทางของชีวิต

NEW GWM TANK 500 DIESEL พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมสีภายนอก 3 สี ได้แก่ สีขาว สีเทา และรุ่นตกแต่งพิเศษ Black Warrior (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD) ในราคาแนะนำในช่วงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนี้

•NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T PRO ราคา 1,399,000 บาท

•NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA* ราคา 1,499,000 บาท

•NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD* ราคา 1,599,000 บาท

(*ทั้ง ULTRA และ ULTRA 4WD มาพร้อมสีพิเศษ Black Warrior ซึ่งจะมีราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 30,000 บาท)

สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์จริง ทดลองขับ NEW GWM TANK 500 DIESEL ได้ที่ GWM Partner Store ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GWM Application, www.gwm.co.th หรือ GWM Contact Center 02-668-8888

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย-ผู้จำหน่ายฮอนด้า ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ผนึกกำลังผู้จำหน่ายฯ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลันใน 3 จังหวัด น่าน แพร่ และสุโขทัย ส่งมอบข้าวกล่องและส่งถุงยังชีพ รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท พร้อมมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 30% ค่าแรง 15% สำหรับลูกค้ารถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่

(กรุงเทพฯ – 1 สิงหาคม 2568) กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ผนึกกำลังร่วมกับตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์และตัวแทนผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในพื้นที่ เดินหน้าส่งมอบกำลังใจและความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลันใน 3 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ น่าน แพร่ และสุโขทัย โดยได้มอบอาหารกล่องจำนวน 5,000 กล่อง ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ เทศบาลจังหวัดน่าน พร้อมเตรียมส่งมอบถุงยังชีพจำนวน 1,000 ถุง ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น รวมมูลค่างบประมาณความช่วยเหลือทั้งสิ้นกว่า 800,000 บาท

นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังขอมอบสิทธิ์สำหรับลูกค้ารถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ โดยมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 30%* และส่วนลดค่าแรง 15%* โดยสามารถนำรถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการรถยนต์ฮอนด้าในพื้นที่ฯ ได้แก่

•จังหวัดน่าน : ศูนย์บริการรถยนต์ฮอนด้า บริษัท น่าน ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด

•จังหวัดแพร่ : ศูนย์บริการรถยนต์ฮอนด้า บริษัท แพร่มิตรประสาน ฮอนด้าคาร์ส จำกัด

•จังหวัดสุโขทัย : ศูนย์บริการรถยนต์ฮอนด้า บริษัท สุโขทัย ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ขอส่งมอบความห่วงใยและกำลังใจให้พี่น้องผู้ประสบภัยในพื้นที่ทุกท่าน สามารถผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้และกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ววัน ดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการเติบโตและเคียงข้างกับสังคมไทย ในฐานะองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ต่อไป

หมายเหตุ : * เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0 2341 7777

เอ็มจี เผยยอดขายครึ่งปีแรกโต 28%

เอ็มจี ร่วมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย–จีน ในงาน Yuyuan Lantern Festival 2025 เผยยอดขายครึ่งปีแรกเติบโต 28%

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน กับงาน “Yuyuan Lantern Festival 2025” ภายใต้แนวคิดแห่งความร่วมมือ “Global Experiential Destination” ถ่ายทอดมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของสองประเทศผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จับต้องได้ พร้อมจัดแสดงยนตรกรรมรุ่นสำคัญเพื่อแสดงศักยภาพจีนสมัยใหม่ ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรม อุตสาหกรรม และอนาคตของยานยนต์อย่างกลมกลืน พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งสวนตลาดด้วยยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกกว่า 11,367 คัน เติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอ็มจี นับเป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนแบรนด์แรกที่เข้ามาวางรากฐานในประเทศไทย โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง SAIC MOTOR CORPORATION ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 138 ใน Fortune Global 500 ปี 2025 ด้วยรายได้รวมมากกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024 และติดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 โดยใน 6 เดือนแรกของปี 2025 SAIC MOTOR CORPORATION มียอดขายรถยนต์แบบขายส่งเพิ่มขึ้น 12.4% และยอดส่งมอบถึงลูกค้าอยู่ที่ 2.21 ล้านคัน และเครือเจริญโภคภัณฑ์ของไทย กับความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยแผนงานระยะยาวและการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงงานผลิตรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตขั้นสูงพร้อมเดินหน้าเพิ่มความคล่องตัว เร่งพัฒนารถรุ่นใหม่ให้เร็วขึ้น และล่าสุดกับ โรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารองรับทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก รวมถึงยังมีคลังอะไหล่ โชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 125 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมแทบทุกจังหวัด และยังมีแผนขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

จากก้าวแรกในไทยสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำด้านยนตรกรรม

ตลอดระยะเวลาเกินกว่าทศวรรษ รถยนต์แบรนด์ เอ็มจี ปรากฏบนท้องถนนเมืองไทยมากกว่า 2 แสนคัน  ไม่เพียงแค่เติบโตด้วยยอดขายที่มั่นคง หรือการขยายเครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่สร้างผลงานสำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตแห่งพลังงานทางเลือกอย่างแท้จริง ด้วยวิสัยทัศน์ที่กล้าท้าทาย มองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ ผนวกกับความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ เอ็มจี ได้พัฒนายานยนต์อย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นมากกว่าแค่ “รถ” แต่คือตัวแทนของเทคโนโลยี ดีไซน์ และวิถีชีวิตแห่งอนาคตไว้ในทุกรุ่นอย่างแท้จริง เอ็มจี จึงเดินหน้าพัฒนาอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สู่เป้าหมายในการสร้าง MG EV ECOSYSTEM ที่แข็งแกร่งและครอบคลุม

เอ็มจี สู่บทบาทที่ภาคภูมิใจ ในฐานะ “ตัวแทนแห่งนวัตกรรมจีนยุคใหม่”

การปรากฏตัวของ เอ็มจี ในงาน Yuyuan Lantern Festival 2025 ครั้งนี้ เปรียบเสมือนการประกาศพลังของแบรนด์ในฐานะ “ตัวแทนแห่งนวัตกรรมจีนยุคใหม่” ที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทของ เอ็มจี ในฐานะ สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพอันมั่นคงระหว่างสองแผ่นดินที่เติบโตเคียงข้างกันด้วย คุณค่าด้านความคิดสร้างสรรค์ ความก้าวหน้า และวิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายในงานนี้ เอ็มจี ยังนำทัพยนตรกรรมรุ่นไฮไลท์มาจัดแสดง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสนวัตกรรมอย่างใกล้ชิด เริ่มจาก NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เสริมทัพด้วย e-SUV ระดับพรีเมียมอย่าง NEW MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าซึ่งเป็น The First ever Premium Intelligent e-SUV ที่มาพร้อมสมรรถนะเหนือชั้นและเทคโนโลยีอัจฉริยะตอบโจทย์ชีวิตดิจิทัล และ NEW MG S5 EV รถอีวีมหาชนรุ่นล่าสุด ที่มอบทั้งระยะทางการขับขี่ที่ไกล ดีไซน์ที่โดดเด่น ภายในกว้างขวาง และเทคโนโลยีครบครัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม LIFETIME WARRANTY” ทั้งหมดนี้ พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสจริง เพื่อพิสูจน์ว่า เอ็มจี ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตรถยนต์ แต่คือผู้นำด้านนวัตกรรมที่เข้าใจผู้คน และมุ่งมั่นสร้างสรรค์อนาคตที่ทุกคนเข้าถึงได้

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของ เอ็มจี ในประเทศไทย คือบทพิสูจน์ว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระดับนโยบาย แต่แสดงออกอย่างชัดเจนในชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านนวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบโจทย์และเข้าใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง การเข้าร่วมงาน Yuyuan Lantern Festival 2025 ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การจัดแสดงรถยนต์ แต่เป็นการประกาศบทบาทของ เอ็มจี ในฐานะตัวแทนของนวัตกรรมจีนยุคใหม่ ที่ไม่หยุดเพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพอันมั่นคงระหว่างสองแผ่นดิน ที่ร่วมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ความก้าวหน้า และวิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืน สอดคล้องกับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของ เอ็มจี ที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของแบรนด์ ด้วยยอดขายรวมกว่า 11,367 คัน เติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จดังกล่าวมาจากโมเดลหลักที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ได้แก่ NEW MG4 ELECTRIC, NEW MG S5 EV, NEW MG IM6, ALL NEW MG3 HYBRID+ และ MG5 PRO ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง และสำหรับ ครึ่งปีหลังนี้ เอ็มจี ยังคงเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายให้กับผู้บริโภคคนไทยต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งมิตรภาพไทย–จีน และชมยนตรกรรมรุ่นไฮไลท์จาก เอ็มจี ได้ที่ งาน Yuyuan Lantern Festival 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วง 1 – 6 สิงหาคม 2568 นี้ ที่ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โซน River Park ชั้น G

โตโยต้า ลงนามสัญญาแต่งตั้ง GR GARAGE ทั่วไทย

โตโยต้า ลงนามสัญญา GR GARAGE เปิดตัวผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ GR Performance อย่างเป็นทางการ

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยตัวแทนจากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ประกอบด้วย คุณพิเทพ จันทรเสรีกุล บริษัท โตโยต้า กรุงไทย จำกัด คุณจิรเดช สมภพรุ่งโรจน์ บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด คุณสุชาวดี ประโยชน์อมร ภาณุประภา พร้อมด้วย คุณคาร์ล ออพเพนบอร์น บริษัท โตโยต้า ธนบุรี จำกัด คุณเรืองชัย จิตรสกุล บริษัท โตโยต้าริช จำกัด คุณกมลพงศ์ สงวนตระกูล บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด และ คุณชัยภัทร ณ ระนอง บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่าย โตโยต้า จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย GR GARAGE ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ TOYOTA ALIVE ถนนบางนา-ตราด กม.3

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งสร้างแบรนด์ GR ในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากแผนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นจากการจำหน่ายรถยนต์ตระกูล GR Series ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาจาก Toyota Gazoo Racing ในประเทศญี่ปุ่น และยังมีแผนแนะนำรถยนต์สมรรถนะสูง GR Performance อย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัว GR Supra ในปี พ.ศ. 2562 โตโยต้ามีเป้าหมายมากกว่าการจำหน่ายรถยนต์ เรามุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ GR ให้แข็งแกร่ง ภายใต้แรงบันดาลใจจากโลกของมอเตอร์สปอร์ต และความยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งการขับขี่อย่างแท้จริง ทำให้ GR จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ตราสัญลักษณ์ แต่เป็นปรัชญาแห่งการพัฒนารถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นผ่านการแข่งขัน ให้กับลูกค้าชาวไทย

สำหรับบทบาทและความรับผิดชอบของ GR GARAGE นั้น จะเป็นยิ่งกว่าการเป็นโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ แต่เป็นจุดเชื่อมโยงประสบการณ์ของแบรนด์ GR อย่างเต็มรูปแบบ โดยโตโยต้าได้ริเริ่มโครงการ GR GARAGE ผ่านการลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย GR GARAGE ประจำปี 2568 ร่วมกับ GR GARAGE เป็นครั้งแรกในประเทศไทย จำนวน 6 แห่ง ในวันนี้

ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มีการจำหน่ายรถยนต์ GR จำนวน 2 รุ่น คือ GR Yaris และ GR Corolla และภายในสิ้นปีนี้ เรามีแผนที่จะขยายการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มอีก 2 รุ่น ทำให้ภายในปี 2568 โตโยต้าจะจำหน่ายรถยนต์ GR Series รวมทั้งสิ้น 4 รุ่น”

สำหรับ GR Garage จะเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ GR Performance อย่างเป็นทางการ โดยมีผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าที่ให้ความสนใจสมัครหลายแห่ง ที่มีความรักในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ GR รวมถึงกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตในประเทศ บริษัทฯ มีการคัดเลือก GR Garage อย่างเป็นทางการ 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่

กรุงเทพฯ

•GR Garage Krungthai (บริษัท โตโยต้า กรุงไทย จำกัด)

•GR Garage K.Motors (บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด)

•GR Garage Thonburi (บริษัท โตโยต้า ธนบุรี จำกัด)

ภาคเหนือ

•GR Garage Rich (บริษัท โตโยต้าริช จำกัด)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

•GR Garage Khonkaen (บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด) 

ภาคใต้

•GR Garage Pearl (บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด)

เชิญทำความรู้จัก GR Garage ทั้ง 6 แห่ง

ที่งาน GR Garage Mini Press Talk ภายในงาน Bangkok Auto Salon 2025

วันที่ 29 สิงหาคม เวลา 14:00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.toyota.co.th

Facebook: Toyota Motor Thailand

LINE ID: @ToyotaThailand

มาสด้า ออกแคมเปญที่สุดแห่งปี “MAZDA MID-YEAR SURPRISE”

มาสด้า จัดให้รับข้อเสนอใหญ่สุดแห่งปี “MAZDA MID-YEAR SURPRISE” ซื้อรถลุ้นรถ ออกรถมาสด้าทุกรุ่นลุ้นโชค 2 ต่อ มูลค่า 1.8 ล้านบาท

มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลัง ครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบทศวรรษ อัดแคมเปญแรงต้อนรับลูกค้าใหม่เข้าสู่ครอบครัวมาสด้า กับ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ ออกรถมาสด้าทุกรุ่นในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2568 ลุ้นรับทันทีกับโชค 2 ต่อ* รวมมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ทั้งรางวัลประจำเดือน1 จำนวน 260 รางวัล และรางวัลใหญ่รถยนต์2 NEW MAZDA2 ESSENTIAL รุ่น 1.3 PRIME อีก 1 รางวัล นอกจากนี้ มาสด้ายังมอบข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมให้กับลูกค้าเมื่อออกรถยนต์มาสด้าคันใหม่ รับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท* พร้อมเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว หรือ Mazda Family รับเพิ่มเติมอีกบัตรน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท* แคมเปญพิเศษนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 – 30 กันยายน 2568 ลูกค้าที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mazda.co.th หรือสอบถามข้อมูลกับที่ปรึกษาการขายทุกโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ เป็นหนึ่งในกิจกรรมครั้งสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจรถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจตลอดการเดินทาง และเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าสุ่ครอบครัวมาสด้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขที่นอกเหนือจากการได้เป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าคันใหม่แล้ว ยังให้ลูกค้าได้รับสิทธิ์ลุ้นรับโชคใหญ่แห่งปีพร้อมของรางวัลสุดพิเศษมากมาย สะท้อนปรัชญาของแบรนด์ ภายใต้ Joy Drives Live หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต ที่มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขในการขับขี่รถยนต์” (Joy of Driving) จะนำไปสู่ “ความสุขในการใช้ชีวิต” (Joy of Living) ดังนั้น มาสด้าจึงต้องการให้รถยนต์เป็นเสมือนตัวแทนที่ส่งมอบทุกประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับลูกค้า ตั้งแต่วันแรกที่ได้ครอบครองรถยนต์มาสด้าไปจนตลอดอายุการใช้งาน

สำหรับแคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 – 30 กันยายน 2568 เพื่อให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มาสด้าคันใหม่ในเดือนสิงหาคมและกันยายน ได้มีโอกาสลุ้นรับโชคถึง 2 ต่อ ทั้งรางวัลประจำเดือนที่จัดเตรียมไว้ถึง 260 รางวัล และรางวัลใหญ่กับรถยนต์มาสด้า2 อีกหนึ่งรางวัล ดังรายละเอียดต่อไปนี้  

ต่อที่ 1:รางวัลประจำเดือนสิงหาคมและกันยายน1 จำนวน 260 รางวัล (จับรางวัลเดือนละ 1 ครั้ง รวม 2 ครั้ง)

-Apple iPhone 16e 128GB มูลค่า 20,000 บาท (ราคารวม VAT) จำนวน 20 รางวัล

-Apple iPad A16 11-inch Wi-Fi 128GB มูลค่า 11,100 บาท (ราคารวม VAT) จำนวน 40 รางวัล

-เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,247 บาท (ราคารวม VAT) จำนวน 200 รางวัล

ต่อที่ 2: รางวัลใหญ่รถยนต์2

-NEW MAZDA2 ESSENTIAL รุ่น 1.3 PRIME สีแดง โซล เรด คริสตัล มูลค่า 541,000 บาท (ราคารวม VAT) จำนวน 1 รางวัล

แคมเปญและข้อเสนอพิเศษต่างๆ นี้ นอกจากจะสร้างประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้าจากการได้ลุ้นรับรางวัลถึง 2 ต่อ แล้ว ยังเป็นการมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่จองและออกรถอีกด้วย ซึ่งแคมเปญจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2568 – 30 กันยายน 2568 นี้เท่านั้น ลูกค้าที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th หรือจากที่ปรึกษาการขายที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ


“มาสด้าขอขอบคุณทุกการสนับสนุนจากลูกค้า และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยสร้างรอยยิ้มและส่งมอบความสุขให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า เพื่อแทนคำขอบคุณที่ให้มาสด้าได้ดูแลลูกค้าและคนที่ลูกค้ารักไปตลอดการเดินทาง” นายภพนิพิฐ กล่าวเสริม

หมายเหตุ:

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขได้จากที่ปรึกษาการขายมาสด้า ณ โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

ข้อเสนอสำหรับลูกค้าที่ของและออกรถยนต์มาสด้ารุ่นใดก็ได้ (เฉพาะรถใหม่) ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2568 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 และชำระเงินจองเรียบร้อยตามกฎระเบียบที่บริษัทฯ กำหนด และไม่สามารถใช้ร่วมกับ รถยนต์มือสอง รถทดลองขับ และรถสำหรับผู้บริหาร

1สิทธิ์ลุ้นรางวัลประจำเดือน สำหรับผู้ที่จองและออกรถภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 – 30 กันยายน 2568 จำนวน 130 รางวัล และภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 – 30 กันยายน 2568 จำนวน 130 รางวัล

2สิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่รถยนต์ จะนำรายชื่อผู้ทีสิทธิ์ลุ้นรางวัลประจำเดือนสิงหาคม 2568 และ กันยายน 2568 ทั้งหมดรวมจับรางวัลในครั้งนี้ ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลประจำเดือนแล้ว ยังคงมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่รถยนต์

โตโยต้า ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

โตโยต้า เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด “TOYOTA GIVING ขับเคลื่อนไทยให้ยั่งยืน”

นายสิริวิทย์ ปรีชาศุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนองค์กร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย บริษัท โตโยต้าน่าน จำกัด และ บริษัท โตโยต้าแพร่หล่อตระกูล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์อุทกภัยทางภาคเหนือ เพื่อสนับสนุนกล่องยังชีพและข้าวรัชมงคล ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดแพร่ โดยได้รับเกียรติจาก นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน และคณะเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ร่วมรับมอบ

จากสถานการณ์อุทกภัยที่ทวีความรุนแรง และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดแพร่ จึงได้จัดเตรียมกล่องยังชีพจำนวน 1,200 ชุด และข้าวรัชมงคลจำนวน 1,200 กิโลกรัม พร้อมร่วมกับเทศบาลเมืองและหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ดำเนินการส่งมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ของทั้ง 2 จังหวัด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูในเบื้องต้น ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของโตโยต้า ภายใต้แนวคิด “TOYOTA GIVING ขับเคลื่อนไทยให้ยั่งยืน” สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่จะเคียงข้างสังคมไทยอย่างต่อเนื่องในทุกวิกฤต เมื่อวันที่ 30 – 31 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

โตโยต้า ร่วมโครงการจิตอาสาพระราชทาน มอบข้าวรัชมงคล

โตโยต้า ร่วมโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” มอบข้าวรัชมงคล พร้อมจัดกิจกรรมให้องค์ความรู้แก่ประชาชน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพมหานคร และ พระตำหนักสิริยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมอบข้าวจาก “โรงสีข้าวรัชมงคล” เป็นจำนวน 2,500 กิโลกรัม แก่ประชาชนที่เข้าร่วมงาน ตลอดจนประชาชนกลุ่มเปราะบาง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568

สำหรับการจัดงานที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ จ.กรุงเทพมหานคร โตโยต้าได้นำองค์ความรู้ภายใต้โครงการ “โตโยต้าถนนสีขาว” มาส่งต่อแก่ประชาชน โดยการจัดกิจกรรมอบรม ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างทักษะการขับขี่ปลอดภัย “Save Life” รวมถึงลดการสิ้นเปลืองพลังงาน “Save Energy” ควบคู่กับการนำเครื่องจำลองการขับขี่ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสประสบการณ์จริง และนำไปประยุกต์ใช้ในขณะที่งาน ณ พระตำหนักสิริยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา โตโยต้าได้นำองค์ความรู้จาก “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา” มาส่งต่อ ผ่านกิจกรรมที่มุ่งเน้นในเรื่องของการปลูกฝังการคัดแยกขยะให้ถูกประเภท โดยทั้งหมดนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ยั่งยืนต่อไป

เอ็มจี เปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าผ่านกิจกรรม MG TRACK EXPERIENCE

เอ็มจี เปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าผ่านกิจกรรม MG TRACK EXPERIENCE ทดสอบสมรรถนะ NEW MG S5 EV และ NEW MG IM 6 ในสนาม

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จัดกิจกรรม “MG TRACK EXPERIENCE” ชวนลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การทดลองขับ e-SUV 2 รุ่น 2 สไตล์ ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่กับ NEW MG S5 EV และ NEW MG IM 6 ในสนามเพื่อทดสอบสมรรถนะ และเทคโนโลยีแบบเต็มประสิทธิภาพ ณ สนามมอเตอร์สปอร์ตพาร์ค สุวรรณภูมิ

สำหรับ e-SUV ทั้ง 2 รุ่น นอกจากจะมาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีในอีกระดับ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ โดย NEW MG S5 EV เป็น B-SUV ได้รับการพัฒนาเพื่อการขับขี่เช่นเดียวกับ NEW MG 4 ELECTRIC ไม่ว่าจะเป็น NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ได้รับการขยายแพลตฟอร์มให้รองรับการขับขี่ในรูปแบบเอสยูวีอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านการออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 จุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดี และมีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ในขณะที่ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกตำแหน่งที่นั่ง เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปรอบคัน

อีกรุ่นกับ NEW MG IM6 อีวีพรีเมียมของ เอ็มจี ที่นอกเหนือจากขุมพลังสูงสุด 778 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร ยังเพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะที่ทำให้การขับขี่ง่าย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น อาทิ ระบบ One Touch iAD ที่ช่วยให้การถอยจอดง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ฟังก์ชัน Crab Mode ช่วยให้การเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัดทำได้จริง ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ ที่สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนแรงดันไฟฟ้า 800 V รองรับการชาร์จ Quick Charge สูงสุด 396 kW ช่วยให้การชาร์จเร็วขึ้นจาก 10% – 80% ภายใน 18 นาที เท่านั้น* ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน เพิ่มความสบายใจให้กับผู้ใช้งาน

*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับจำนวนแบตเตอรี่ที่เหลือ และกำลังไฟของสถานีชาร์จ

MG TRACK EXPERIENCE เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ เอ็มจี เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อขยายไปสู่ MG EV Community และเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจ NEW MG S5 EV และ NEW MG IM 6 ได้รับประสบการณ์การขับขี่ในสนามที่จำลองสถานการณ์การขับขี่ที่เกิดขึ้นจริงบนท้องถนน เพื่อเพิ่มทักษะ  ความรู้ ความเข้าใจอาการของรถ และวิธีการรับมือ ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมตัวรถได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมรถยนต์ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องเจอสิ่งกีดขวางด้วยสถานี LANE CHANGE ทดสอบความคล่องตัว และการควบคุมพวงมาลัยด้วยสถานี SLALOM ทดสอบการเบรกขณะเข้าโค้ง ทดสอบอัตราเร่งด้วยสถานี ACCELERATION อีกทั้งยังได้ทดลองใช้ฟังก์ชั่นสุดล้ำของรถเอสยูวีทั้ง 2 รุ่น ด้วยสถานีทดสอบประสิทธิภาพของกล้อง 3D Around View Monitor ในรุ่น NEW MG S5 EV สถานีทดลองระบบ One Touch iAD ของ NEW MG IM 6 ที่ช่วยให้การขับขี่รถ SUV ง่าย และปลอดภัยยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของและทดลองขับ NEW MG S5 EV และ NEW MG IM 6 ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีกว่า 125 แห่งทั่วประเทศ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save