- Advertisement -
28.8 C
Bangkok
Home Blog Page 6

ฮอนด้า ผนึกกำลังดีลเลอร์ ยกระดับความเป็นเลิศสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

ฮอนด้า ผนึกกำลังดีลเลอร์ทั่วประเทศ ยกระดับความเป็นเลิศสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งไลน์อัป xEV พร้อมลุยปั้นแบรนด์ ชูแนวคิดส่งมอบประสบการณ์ดีเยี่ยมในทุกทัชพอยต์ (Touchpoint) ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้แนวคิด “Redefining Excellence with Reliability and Trust – ยกระดับความเป็นเลิศ สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน” แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญร่วมกับผู้จำหน่ายครอบคลุม 3 ทิศทางหลัก ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ภายใต้แนวคิดสำคัญในการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-centric approach) ด้วยการผนึกความร่วมมือกับผู้จำหน่าย เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย พร้อมยกระดับสู่ความเป็นเลิศแห่งยนตรกรรมอย่างยั่งยืน

บรรยายภาพ : นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับผู้จำหน่ายฯ รวมถึงถ่ายทอดความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแบรนด์และผลิตภัณฑ์ฮอนด้าในประเทศไทย

นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณผู้จำหน่ายทุกท่านสำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ฮอนด้า สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกทัชพอยต์ โดยมีผู้จำหน่ายและบุคลากรของผู้จำหน่ายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ที่จะส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมไปสู่ลูกค้า เพื่อมอบคุณค่าที่เข้าถึงและผูกพันกับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนต่อไป”

ภายในงาน ฮอนด้า ได้ถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญกับเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า โดยผสานการต่อยอดพื้นฐานจุดแข็งปัจจุบันของฮอนด้า ทั้งด้านความเชื่อมั่นในแบรนด์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ไลน์อัป e:HEV ที่โดดเด่น และด้านความพึงพอใจของลูกค้า สู่ทิศทางการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ดังนี้

1.ด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย

•เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกเส้นทาง นำโดยไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV ซึ่งได้รับการยอมรับและพิสูจน์อย่างกว้างขวางถึงความโดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะทรงพลัง อัตราเร่งทันใจ การขับขี่ที่นุ่มนวล และอัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม

•โดยฮอนด้ามีแผนขยายไลน์อัป e:HEV ให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ให้ได้สัมผัสกับรถยนต์ไฮบริดจากฮอนด้าอย่างเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น

•ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของฮอนด้า ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล โดยปัจจุบัน ฮอนด้า มีความพร้อมในการให้บริการและดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ทั้งด้านศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน อะไหล่ และช่างผู้เชี่ยวชาญ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ สะท้อนรากฐานความพร้อมที่มั่นคงในการก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

บรรยายภาพ : เครือข่ายผู้จำหน่ายฮอนด้าฯ ทั่วประเทศ ร่วมตอกย้ำความพร้อมในการให้บริการ และดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ได้อย่างมั่นใจไร้กังวล

2.ด้านการบริการ

•ตั้งเป้าส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศเน้นลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญแห่งการบริการ โดยมุ่งดูแลลูกค้าปัจจุบันเพื่อความพึงพอใจสูงสุด พร้อมสร้างความรู้สึกภูมิใจในการเลือกใช้รถยนต์ฮอนด้า ด้วยการส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าตลอดการเป็นเจ้าของในทุกทัชพอยต์ อาทิ การบริการหลังการขายที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านประสบการณ์ในรูปแบบดิจิทัล การนำเสนอกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟให้เข้าร่วมตลอดปี รวมทั้งข้อเสนอพิเศษต่างๆ

•มุ่งสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านเครือข่ายผู้จำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 222 แห่ง ที่พร้อมส่งมอบความประทับใจกับบริการหลังการขายภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้รับการบริการอย่างทั่วถึงและดีเยี่ยม และรู้สึกอุ่นใจที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวรถยนต์ฮอนด้า (Honda family)

3.ด้านการสร้างแบรนด์

•ในปีนี้ ฮอนด้า ได้เริ่มสื่อสารแบรนด์ภายใต้แนวคิด “Where The Drive Means More ขับเคลื่อนชีวิตไปให้สุดในแบบที่เป็นคุณ” ที่ผสานการสะท้อนความมีรสนิยมและมีชีวิตชีวา เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่ารถยนต์ฮอนด้า เป็นมากกว่ายานพาหนะ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่วางใจได้ พร้อมเคียงข้างและขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ เพื่อส่งมอบความสุขในทุกการเดินทางและทุกช่วงเวลาของชีวิต

•โดยจะโฟกัสการเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ซึ่งการสื่อสารแบรนด์ดังกล่าว จะได้รับการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยผู้จำหน่ายจะร่วมเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงและส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจไปยังลูกค้า ผ่านกิจกรรมสุด

เอกซ์คลูซีฟตลอดปี

บรรยายภาพ : นายชุน คุโรดะ กรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและบริการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายแก่ผู้จำหน่ายฯ

นอกจากการถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมาย ภายในงานยังได้มีพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาที่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของฮอนด้า และมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ครอบคลุมทั้งรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี รวมถึงรางวัลด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านยอดขาย ด้านส่วนแบ่งการตลาด ด้านการบริการหลังการขาย และอื่นๆ รวม 82 รางวัล

บรรยายภาพ : นายพรวุฒิ สารสิน (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2567

บรรยายภาพ : พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมา รวม 82 รางวัล

การจัดประชุมผู้จำหน่ายในครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไม่หยุดนิ่ง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าไปอีกขั้น และสร้างความประทับใจตลอดการเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า พร้อมเติบโตเคียงข้างคนไทยและสานต่อพันธกิจในการเป็นองค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไปอย่างยั่งยืน

เอ็มจี ชวนลุ้นร่วมกิจกรรม MG WEEKEND CLUB ปรุงน้ำหอมกับแบรนด์เมืองผู้ดี

เอ็มจี ชวนลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ MG WEEKEND CLUB ร่วมปรุงน้ำหอมกับแบรนด์ผู้ดีอังกฤษอย่าง JO MALONE และสัมผัสกับความอัจฉริยะของ MG IM6 คันจริง

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ชวนลูกค้าเจ้าของรถ MG CYBERSTER, MG MAXUS 9 และ MG MAXUS 7 ร่วมลุ้นเป็นหนึ่งในผู้โชคดี 40 ท่าน ร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ MG WEEKEND CLUB ครั้งแรกกับ JO MALONE แบรนด์น้ำหอมระดับพรีเมียมจากอังกฤษ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าคนสำคัญของ เอ็มจี ได้ปรุงกลิ่นน้ำหอมที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง เรียนรู้เทคนิคการออกแบบเครื่องหอมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับผู้เชี่ยวชาญจาก JO MALONE และรับชุดของขวัญสุดพิเศษจาก JO MALONE พร้อมร่วมสัมผัส และทดลองขับยนตรกรรมอัจฉริยะ MG IM6 โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 เวลา 09:30 น. – 13:00 น. ณ The Rabbit’s Grove Cafe กรุงเทพกรีฑา

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ – 21 พฤษภาคม 2568 ที่ https://forms.gle/dSLyPnaLhcKDZfpt8 และติดตามรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฯ ผ่านทางเฟซบุ๊ค MG Thailand https://www.facebook.com/MGcarsThailand วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 19:30 น.

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น

พีที สเตชั่น จับมือ โป๊ยเซียน แจกยาดมเติมความสดชื่นเต็ม MAX

พีที สเตชั่น จับมือ “โป๊ยเซียน” แจกยาดม 20,000 หลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ “เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง”

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ นายณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ กรรมการและที่ปรึกษาฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด

บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที ในกลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) จับมือกับ บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาดมตรา “โป๊ยเซียน” ร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สดชื่นและใส่ใจยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมในแคมเปญ “เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง” แจก ยาดมตราโป๊ยเซียน 20,000 ชิ้น

สำหรับลูกค้าสมาชิก PT Max Card เติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ 800 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับฟรี ยาดมตราโป๊ยเซียน 1 ชิ้น (มูลค่า 24 บาท) ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที่ร่วมรายการ ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ถึง 5 มิถุนายน 2568 หรือจนกว่าของจะหมด

นายณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ กรรมการและที่ปรึกษาฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย) นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากขวา) และนายธีจุฑา ประสาทแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ขวาสุด)

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ นายธีจุฑา ประสาทแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ปิโตรเลียมไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ กรรมการและที่ปรึกษาฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด กล่าวถึงแคมเปญนี้ว่า เป็นการสื่อสารความตั้งใจร่วมกันในการส่งต่อความห่วงใยและกำลังใจให้ทุกคนมีพลังพร้อมเดินหน้าต่อ โดย พีที สเตชั่น พร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง เพื่อให้คนไทย “อยู่ดีมีสุข”

CHERY ปักหมุดไทย รุกปั้นแบรนด์ เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น

CHERY ปักหมุดไทยเป็นตลาดสำคัญ เดินเกมรุก ปั้นแบรนด์ เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น และเปิดศูนย์บริการ 30 แห่งปีนี้

CHERY แบรนด์อันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน ประกาศวิสัยทัศน์ในงาน Next Era Mobility : TECH DAY by CHERY and OMODA & JAECOO เตรียมเปิดแบรนด์และรุกตลาดเต็มตัวในปีนี้ ภายใต้กลยุทธ์ “To Be the Top Choice for Global Family-Oriented Consumers” เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวทั่วโลกอย่างชัดเจน ล่าสุดเผยแผนสร้างแบรนด์ที่จะใช้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญในอาเซียน พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ จ.ระยอง เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 และเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย  30 แห่งภายในปีนี้

มร.จิม ลี ผู้อำนวยการ แบรนด์ เชอรี (ประเทศไทย) เผยว่า “CHERY ตั้งเป้าวางตำแหน่งแบรนด์ผ่านคำสำคัญ คือ “Conquer & Guard” ซึ่งสื่อถึงปรัชญาการออกแบบรถยนต์ที่มอบทั้งสมรรถนะในการพิชิตทุกเส้นทางการเดินทาง พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม เพื่อความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และครอบครัว โดยแนวคิดนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ CHERY ในการพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพการขับขี่และการปกป้องผู้โดยสารในทุกการเดินทาง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ในตลาดรถยนต์ที่มุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ”

ชูเทคโนโลยีไฮบริดล้ำยุค No.1 Hybrid Technology: CSH (Chery Super Hybrid)

CHERY เดินหน้าขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เผยโฉมแพลตฟอร์มไฮบริดภายใต้ชื่อ CSH (Chery Super Hybrid) ที่จะเป็นไฮไลต์ของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าในไทย ด้วย 3 จุดขายหลัก ได้แก่

•Endless Horizons – ขับได้ไกลเกินกว่า 1,400 กม. ต่อน้ำมัน 1 ถัง

•Pushing Battery Limits – แบตเตอรี่ที่ให้ความปลอดภัยแม้ถูกชน

•Light Up the Beautiful Moments – รถที่ใช้ได้ทั้งเพื่อการเดินทางและการใช้ชีวิต

CHERY เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ โดยมี Tiggo นำทัพ เน้น “ห้องโดยสารอเนกประสงค์”, “ความปลอดภัยระดับสูง” และ CHERY V23 ที่เน้นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์

CHERY จะเริ่มเจาะตลาดด้วยไลน์อัพรถรุ่น Tiggo ซึ่งเน้น Comfortable Space และ Safe and Reliable เป็นหัวใจหลัก ด้วยการดึงจุดเด่นของ “ห้องโดยสารอเนกประสงค์” สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบรวมไปถึงให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัยแบบเหนือมาตรฐาน” ด้วยอุปกรณ์และระบบช่วยขับขี่ระดับสูง โดยวางแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 ทาง CHERY ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดและมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้

ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ CHERY Tiggo 8 และ Tiggo 7 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH) ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด156 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึงระยะทาง 90 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)

CHERY Tiggo Cross มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด 96 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร

สำหรับ CHERY V23 นอกจากจะมีดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ยังมาพร้อมการขับขี่ที่คล่องตัว ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนให้กำลังสุงสุด 211 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร

CHERY เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ รองรับการให้บริการอย่างครอบคลุมและสะดวกสบาย โดยกระจายตัวในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ 3 แห่ง ภาคกลาง 4 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 แห่ง และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกถึง 15 แห่ง สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางการใช้งานอย่างมืออาชีพและทั่วถึง พบกับ CHERY และความตื่นเต้นครั้งใหม่ในไทยได้เร็วๆ นี้

CHERY และ OMODA & JAECOO เปิดตัวสุดยอดเทคโนโลยี Super Hybrid System สู่โลกยานยนต์ยุคใหม่

CHERY และ OMODA & JAECOO เปิดตัวสุดยอดเทคโนโลยี Super Hybrid System ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์โลกสู่ยุคใหม่ พร้อมเดินสายผลิตในโรงงานและเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ CHERY จับมือ KGEN เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย จากการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ

กรุงเทพฯ, 15 พฤษภาคม 2568 – OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) และ CHERY (เชอรี) ภายใต้บริษัท CHERY Automobile ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ประกาศวิสัยทัศน์ทรงพลังในการนำประเทศไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการทำตลาดปีนี้ พร้อมประกาศความเคลื่อนไหวเชิงรุกของ CHERY และ OMODA & JAECOO ในไทย และเตรียมเปิดสายการผลิตโรงงานในประเทศไทยไตรมาส 3 พร้อมประกาศเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ นอกจากนี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด และนวัตกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน โดยมีท่านศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมเป็นเกียรติในงาน

มร.เฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของ CHERY และ OMODA & JAECOO ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประกาศความพร้อมและแผนการลงทุนในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่เรามีต่อตลาดไทย และเป็นก้าวสำคัญในวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อสร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งในภูมิภาค เรามีความพร้อมเต็มที่ในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า การพัฒนาด้านการขายและการบริการหลังการขายโดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาฐานการผลิตในไทยที่ทันสมัยระดับโลก เรามั่นใจอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ธุรกิจของ CHERY และ OMODA & JAECOO จะตอบความต้องการของผู้บริโภคไทยและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน”

ก้าวสู่อนาคตยานยนต์เทคโนโลยีไฮบริด CHS/SHS ล้ำสมัย

CHERY และ OMODA & JAECOO ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริด CHS (CHERY Hybrid System) / SHS (Super Hybrid System) ล้ำสมัย ที่โดดเด่นใน 4 ด้านหลัก

•ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุด: เครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 1.5T GDI ให้ประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5% สูงที่สุดในอุตสาหกรรม

•พลังขับเคลื่อนระดับโลก: ระบบส่งกำลัง DHT 230/280 สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 280 กิโลวัตต์ และรอบเครื่องสูงสุด

ถึง 24,000 รอบ/นาที

•ความปลอดภัยเหนือมาตรฐาน: ระบบตัดพลังงานฉุกเฉินภายใน 2 มิลลิวินาที และการปกป้องในทุกสภาพอากาศ รวมถึงการลุยน้ำลึกถึง 700 มม.

•ความสามารถรอบด้าน (All Scenario): ระบบบริหารพลังงานล่วงหน้า (Predictive Energy Management) ลดการใช้พลังงานลง 15% และสามารถกู้คืนพลังงานจากเบรกได้ถึง 80%

OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถอีกหลากหลายรุ่นภายใต้เทคโนโลยี SHS, BEV, HEV และ REEV ภายในปีนี้ และเตรียมพบกับ Mr.J เร็วๆ นี้

OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System), เครื่องยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle), HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมีกำหนดการเปิดตัว JAECOO 5 EV และ JAECOO 6T EV ภายในไตรมาส 3 ตามมาด้วย OMODA C7 SHS และ OMODA C9 SHS ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ JAECOO หรือ Mr.J ภายในเร็วๆ นี้

ในขณะเดียวกัน ยังได้มีการปรับราคา OMODA C5 EV Long Range รุ่นใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะและฟังก์ชันเดิมอย่างครบถ้วน ได้แก่ OMODA C5 EV Long Range Dynamic ราคา 649,000 บาท และราคา OMODA C5 EV Long Range Max ราคา 699,000 บาท และยังมีโปรโมชันดาวน์เริ่มต้น 8,888 บาท ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน*

-ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*

-บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี*

-โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง (เฉพาะ OMODA C5 EV Long Range Max)*

-การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร*

สำหรับ JAECOO 6 EV 4WD มีโปรโมชันพิเศษภายในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนนี้เท่านั้น โดยมอบส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 150,000 บาท สำหรับสี Forest Green และ Lunar Silver*

-ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*

-บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี*

-โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง*

-การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร*

ขณะเดียวกัน JAECOO 7 SHS ที่พิสูจน์ความสามารถด้วยสถิติการขับขี่ระยะทางไกลถึง 1,433 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังและการชาร์จแบตเตอรี่เพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งถือเป็นระยะทางขับขี่ที่ไกลที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับ 5 ของโลกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ JAECOO 7 SHS Global Super Hybrid Marathon นอกจากนั้น JAECOO ได้จัดแคมเปญ ECO Bonus มอบส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป (ICE) หรือ ไฮบริด (HEV) พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษารถ (ค่าแรง และ ค่าอะไหล่) เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 2 ปี ฟรี Home Charger และ สายชาร์จ V-2-L สำหรับผู้จองและรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น*

รถแบรนด์ CHERY เดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มกำลัง

CHERY ประกาศความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแผนการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจระยะยาว พร้อมกลยุทธ์การวางตำแหน่งแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในตลาดรถยนต์ไทยที่เน้นย้ำจุดเด่นด้านเทคโนโลยี คุณภาพ และความคุ้มค่า ในปีนี้ CHERY เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 ทาง CHERY ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดและมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้

เริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงาน จ.ระยอง ไตรมาส 3 ปี 2568 ประเดิมด้วยรุ่น JAECOO 6 EV

CHERY และ OMODA & JAECOO ประกาศความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานในประเทศไทย ที่อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท พร้อมเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานใน ไตรมาส 3 ปี 2568 ด้วยเป้าหมายกำลังการผลิตเป็น 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571 โดยเริ่มการผลิต JAECOO 6 EV เป็นรุ่นแรกเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชีย โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตแบบ Completely Knocked Down (CKD) พร้อมติดตั้งหุ่นยนต์เชื่อมสำหรับการเชื่อมอลูมิเนียมที่แม่นยำ นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนการลงทุนในการผลิตยานยนต์เพิ่มเติม ทั้งขยายกำลังการผลิตและโมเดลไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ CHERY Group และการจัดตั้งโรงพ่นสีภายในปี 2570 รวมถึงการให้ความสำคัญในการจัดจ้างงานสำหรับการทำงานในโรงงานนี้โดยเริ่มต้นจะเป็นแรงงานไทย 150 คน สำหรับการทำงานกะเดียว และจะขยายโรงงานและอัตราการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย

มร.ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเดินสายการผลิตที่โรงงานระยองนับเป็นก้าวสำคัญของเรา ไม่เพียงแสดงถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค การเริ่มต้นด้วย JAECOO 6 EV คือการนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกสู่ตลาดไทยและเราตั้งใจที่จะผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของเรากับความเชี่ยวชาญของบุคลากรไทย เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและภูมิภาค นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวไกล และเรามุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างยั่งยืน”

เร็วๆ นี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์ EV แห่งชาติของไทย ส่งเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี EV ภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายในประเทศไทย โดยชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีในฐานะ “รถยนต์สัญชาติไทย” เพื่อสร้างระบบราคาที่เหมาะสม พร้อมกระตุ้นห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่การจัดหาชิ้นส่วน การจ้างงาน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายบริการหลังการขายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในทุกภูมิภาค

งาน Next Era Mobility: TECH DAY by CHERY and OMODA & JAECOO จัดขึ้นที่ Movenpick BDMS Wellness Resort กรุงเทพฯ นับเป็นก้าวสำคัญของทั้ง CHERY และ OMODA & JAECOO ในการแสดงศักยภาพและความพร้อมของเทคโนโลยียานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์แห่งอนาคต

*เงื่อนไขแต่ละข้อเสนอพิเศษมีเนื้อหาและช่วงเวลาที่มีความแตกต่าง แต่ทั้งนี้เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และบางข้อเสนอพิเศษนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการโปรโมชันอื่นๆ ได้

อนึ่ง Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น

อยู่เสมอ จึงก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 25,000 คน รวมถึงเทคโนโลยียานยนต์แบบบูรณาการที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอีกมากมาย Chery มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในหลายประเทศ อาทิ จีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล Chery ถือเป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านคัน เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก

ปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 110 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 16 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 2,680 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 15 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 4.5 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน

BMW Golf Cup 2025 เฟ้นหาสุดยอดนักกอล์ฟสู่รอบชิงชนะเลิศ

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จัดแข่งขัน BMW Golf Cup 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เฟ้นหาสุดยอดนักกอล์ฟสมัครเล่นคนไทยสู่รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เตรียมส่งตัวแทนนักกอล์ฟสมัครเล่นไทยสู่เวทีระดับโลก จัดการแข่งขัน BMW Golf Cup 2025 ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟสมัครเล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก รอบคัดเลือก ณ สนามกอล์ฟนิกันติ จังหวัดนครปฐม ในปีนี้ มีนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วประเทศกว่า 1,900 คนเข้าร่วมแข่งขันใน 16 ทัวร์นาเมนต์ทั่วประเทศ โดยจะมี 120 ท่านที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เพื่อเฟ้นหาสุดยอด นักกอล์ฟเพียง 3 ท่าน เป็นตัวแทน บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ร่วมชิงชัยในรอบชิงชนะเลิศระดับโลก ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2026

BMW Golf Cup 2025 รอบคัดเลือก เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ครอบคลุมหลายจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึง อุบลราชธานี พิษณุโลก เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี และนครปฐม ไปจนถึงกรุงเทพฯ และจะสิ้นสุดในวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 รวม 16 ทัวร์นาเมนต์ เสริมทัพความพิเศษสำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นที่ทำผลงาน

พิชิตโฮล-อิน-วัน รับรางวัลพิเศษ ประกอบด้วย

•ทริปสุดพิเศษสำหรับ 2 ท่าน สู่มิวนิค ประเทศเยอรมนี สนับสนุนโดยบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย

•ลำโพง Bowers & Wilkins สนับสนุนโดย โบเวอร์ แอนด์ วิลกินส์ (Bowers & Wilkins) โดยมีผู้พิชิตรางวัลแล้วจากทัวร์นาเมนต์เชียงใหม่

•GARMIN Golf Launch Monitor สนับสนุนโดยการ์มิน (GARMIN) แบรนด์นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ชั้นนำ

•ชุดเหล็ก T-Series 1 ชุด สนับสนุนโดยไทเทิลลิสท์ (Titleist) แบรนด์ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กอล์ฟและอุปกรณ์เสริมระดับโลก โดยมีผู้พิชิตรางวัลแล้วจากทัวร์นาเมนต์ภูเก็ต

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยังคงเชิญชวนนักกอล์ฟทุกท่านร่วมในการกุศลอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ ส่วนหนึ่งจากการแข่งขัน BMW Golf Cup 2025 จะถูกนำไปสมทบทุนให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อสนับสนุน การดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ร่วมติดตามและเป็นกำลังใจให้นักกอล์ฟสมัครเล่นไทยบนเส้นทางสู่การแข่งขันระดับโลก พร้อมรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน BMW Golf Cup 2025 ได้ที่เว็บไซต์ www.bmw.co.th

บริดจสโตน ร่วมกับ ม.กรุงเทพ พิชิตใจคน Gen Z

บริดจสโตน ร่วมกับ ม.กรุงเทพ พิชิตใจคน Gen Z จัดเต็มกับงานอีเว้นท์สุดมันของน้องๆ นักศึกษาในโครงการ “Bridgestone x Bangkok University Young Influencers : Young Event Organizers 2025”

บริดจสโตน ประเทศไทย ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดโครงการ “Bridgestone x Bangkok University Young Influencers : Young Event Organizers 2025” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากรับฟังไอเดียสุดครีเอทีฟจากน้องๆ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาการผลิตอีเว้นท์ และการจัดการนิทรรศการและการประชุม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทั้ง 6 ทีมจากสายอีเว้นท์และออนไลน์ ซึ่งนำเสนอผลงานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การเดินทางที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ พร้อมเชื่อมโยงแบรนด์ยางพรีเมียมอย่าง “บริดจสโตน” และได้ทีมผู้ชนะทั้ง 2 ทีม ที่โดนใจกรรมการ น้องๆ ได้สร้างสรรค์ผลงานโดยพาบริดจสโตนบุกใจกลางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต และศูนย์การค้า Zpell @ Future Park รังสิต แบบสุดมัน

โดยเมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา น้องๆ จากทีม “EVENT BU WAY TO Z” จัดเต็มกับผลงานอีเว้นท์สุดครีเอทีฟ ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ไฮไลต์ภายในงานคือคุณเบียร์ ใบหยก ยูทูบเบอร์สายรถยนต์ตัวท็อป มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ พร้อมนำรถ Top Secret คู่ใจมาโชว์ให้ผู้ร่วมงานได้เก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษตลอดทั้งงาน และไฮไลต์กิจกรรมที่สร้างสีสันคือการประกวดแฟชั่นธีมยางรถยนต์บริดจสโตน ใน TOTD Contest ซึ่งมอบรางวัลให้ผู้ชนะเป็นส่วนลดยางรถยนต์บริดจสโตนมูลค่า 10,000 บาท

ผลงานอีเว้นท์จากทีม “EVENT BU WAY TO Z”

และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา น้องๆ จากทีม “BU JOY YOUR JOURNEY WITH BRIDGESTONE” ได้ส่งต่อความสนุกและบรรยากาศดีๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคนรุ่นใหม่ที่ทันสมัยและหลากหลาย ณ ศูนย์การค้า Zpell @ Future Park รังสิต งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณโก้ Street Doc อินฟลูเอนเซอร์สายรถยนต์ชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันภายในบูธ ไม่ว่าจะเป็น Daruma สาย Drive, DIY Tire on shirt และ Bridgestone Lucky Spin พร้อมแจกของที่ระลึกสุด Limited ให้กับผู้โชคดีภายในงาน

ผลงานอีเว้นท์จากทีม “BU JOY YOUR JOURNEY WITH BRIDGESTONE”

โครงการ Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริดจสโตนในการสนับสนุนภาคการศึกษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่เส้นทางอาชีพในอนาคตอย่างมั่นใจ พร้อมทำให้แบรนด์บริดจสโตนเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนรุ่นใหม่และสนุกกับการชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ   

ฟอร์ด เรนเจอร์ ลุยสนามทางเรียบในไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2568

ฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมระเบิดความแรงอีกครั้ง เตรียมลุยสนามทางเรียบในไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2568

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย, 16 พฤษภาคม 2568 – เสียงเครื่องยนต์ของฟอร์ด เรนเจอร์กำลังจะดังกระหึ่มอีกครั้ง เมื่อทีมฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง เตรียมลงสนามใน ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ ปี 2568 ซึ่งนับเป็นปีที่ 6 แล้ว ที่ฟอร์ด ประเทศไทยให้การสนับสนุนการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยมีสองนักแข่งขวัญใจมอเตอร์สปอร์ต แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค และแจ็ค เลมวาร์ด ที่จะพาฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 3 และ 41 ท้าทายขีดจำกัดบนสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 22-25 พฤษภาคม 2568 เพื่อถ่ายทอดดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ด ไม่ได้เพียงแค่ลงแข่งในสนามทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย แต่ยังได้ปลุกจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ตของแฟนชาวไทย ผ่านดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านนักแข่งมากฝีมือ ทีมวิศวกรที่ทุ่มเทเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาจากสนามจริง และรถแข่งสมรรถนะสูงทุกคัน เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างแรงบันดาลใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และสานต่อเจตนารมณ์ของทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่จะสร้างตำนานการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตไปทั่วโลกอีกด้วย” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2444  ที่เฮนรี่ ฟอร์ดได้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมการแข่งที่ดีทรอยต์ ไดรฟ์วิ่ง คลับ ในมิชิแกน ด้วยการคว้าชัยชนะเหนือนักแข่งมืออาชีพอย่างอเล็กซานเดอร์ วินตัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฟอร์ดก็ได้สร้างปรากฏการณ์ในสนามแข่งหลากหลายรายการ

สร้างตำนานที่การแข่งขันแนสคาร์ (NASCAR) ในอเมริกา

NASCAR หรือ National Association for Stock Car Auto Racing คือการแข่งขันรถยนต์สต็อก หรือการนำรถยนต์ที่จำหน่ายในท้องตลาดมาปรับแต่งรถเพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นรายการแข่งรถที่ความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2492 รถลินคอล์นที่ขับโดย จิม โรเปอร์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าชัยชนะในการแข่งแกรนด์ เนชั่นแนล เรซ ครั้งแรก จากนั้นฟอร์ดได้คว้าแชมป์ 7 สมัยในรายการแนสคาร์ คัพ ซีรี่ส์ ประจำปี เริ่มต้นจาก บิล เอลเลียตต์ ผู้คว้าแชมป์วินสตัน คัพ ในปี พ.ศ. 2531 ตามมาด้วยชัยชนะใน บุช ซีรีส์ ของจอห์นนี่ เบนสัน จูเนียร์ (พ.ศ. 2538), เดล จาร์เร็ตต์ (พ.ศ. 2542), แมตต์ เคนเซธ (พ.ศ. 2546), เคิร์ต บุช (พ.ศ. 2547) และโจอี้ โลกาโน ที่คว้าแชมป์ในปี พ.ศ. 2561, 2564, 2567 และล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ชัยชนะใน เลอ ม็อง (Le Mans) ทะยานสู่หนังจอเงิน

หนึ่งในภาพที่ตราตรึงที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งรถของฟอร์ด คือการเข้าเส้นชัยอย่างยิ่งใหญ่ของฟอร์ด จีที 40 มาร์ค 2 ในอันดับที่ 1-2-3 ของการแข่งขัน เลอ ม็อง 24 ชั่วโมง (Le Mans 24 Hours) ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2509 ความสำเร็จครั้งนั้นเกิดขึ้นภายใต้การนำทีมของวิศวกรระดับตำนาน แครอล เชลบี้ คันที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งขับโดย บรูซ แม็คลาเรน และ คริส เอมอน ตามมาด้วยคันที่สองของ เคน ไมลส์ และ เดนนี่ ฮูล์ม ปิดท้ายด้วยคันที่สามที่ขับโดย รอนนี่ บัคนัม และ ดิค ฮัทเชอร์สัน นับเป็นการประกาศศักดาของฟอร์ดบนเวทีระดับโลก และยังคว้าแชมป์ในการแข่งขันเลอ ม็องติดต่อกันอีก 3 ครั้ง ซึ่งชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้ถูกถ่ายทอดสู่จอภาพยนตร์ในเรื่อง Ford v Ferrari ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จของฟอร์ดได้อย่างทรงพลังและน่าจดจำ

ฟอร์ด มัสแตง กับความยิ่งใหญ่ในการแข่งเอสซีซีเอ ทรานส์ แอม แชมเปี้ยนชิพ (SCCA Trans-Am Championship)  

หลังจากฟอร์ด จีที 40 มาร์ค 2 สร้างชื่อให้กับฟอร์ดในสนามระดับโลกแล้ว ต่อมาก็ถึงเวลาที่ ฟอร์ด มัสแตง จะก้าวขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความแรงในสนามแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการ เอสซีซีเอ ทรานส์ แอม แชมเปี้ยนชิพในปี พ.ศ. 2513 ที่เน้นการแข่งขันของรถยนต์ที่ดัดแปลงจากรถยนต์ทั่วไป รถฟอร์ด มัสแตง บอสส์ 302 ที่ได้รับการพัฒนาโดย บัด มัวร์ ขับโดยพาร์เนลลี โจนส์ นำชัยชนะครั้งสำคัญมาสู่ทีมฟอร์ดอย่างยิ่งใหญ่ ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2538-2540 ฟอร์ด มัสแตง เราช์ โคบรา สานต่อความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ในรายการเดียวกันถึง 3 ปีติดต่อกัน ตอกย้ำชื่อเสียงของฟอร์ด มัสแตงในฐานะรถเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ผลิตขายจริง

ตำนานแดร็ก เรซซิ่ง ฟันนี่ คาร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิป

ฟอร์ดสร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่ในโลกของ แดร็ก เรซซิ่ง หรือการแข่งขันทางตรงที่ใช้ความเร็วสูงสุด โดยเฉพาะในรายการระดับโลกอย่าง เอ็นเอชอาร์เอ ฟันนี่ คาร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิป (NHRA Funny Car World Championship) ซึ่งฟอร์ดสามารถคว้าแชมป์ได้หลายครั้งตลอดหลายทศวรรษ นับจาก ฟอร์ด มัสแตง “ม้าโทรจัน” ของ แลร์รี่ ฟูลเลอร์ตัน ที่คว้าแชมป์ในปี พ.ศ. 2515 จากนั้นในปี พ.ศ. 2517 ในการแข่งขันที่ ออตตาวา มอเตอร์สปีดเวย์ เชิร์ล เกรียร์ ก็ได้จารึกประวัติศาสตร์ด้วยการขับฟอร์ด มัสแตง เชน ไลท์นิ่ง เข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง แม้รถจะไฟไหม้ในรอบควอลิฟาย แต่สามารถซ่อมแซมจนกลับมาแข่งและคว้าชัยได้ภายในคืนเดียว ในช่วงปี พ.ศ. 2528-2531 เคนนี่ เบิร์นสไตน์ คว้าแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน ด้วยฟอร์ด เทมโป ขณะที่ในยุค 2000s ฟอร์ดยังคงสานต่อความสำเร็จในสนามนี้ ด้วยชัยชนะในปี พ.ศ. 2546 และ 2552

ฟอร์ด ยังคงเดินหน้าเขียนบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของการแข่งขันทางเรียบระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเตรียมส่งทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ กลับสู่สนามในตำนานอย่างเลอ ม็อง 24 ชั่วโมง ในปี พ.ศ. 2570 เพื่อย้อนรำลึกถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่

บิล ฟอร์ด ประธานบริหารบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวว่า “ฟอร์ดกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของสมรรถนะรถและการแข่งขัน ทั้งทางเรียบและออฟโรด เมื่อเราลงสนามแข่งขัน เราสู้เพื่อชัยชนะ ไม่มีสนามใดที่มีความหมายต่อประวัติศาสตร์ของเรามากไปกว่าเลอ ม็อง ซึ่งเราเคยเผชิญหน้ากับคู่แข่งตัวฉกาจ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้ หลังจาก 50 ปี เราพร้อมแล้วที่จะกลับไปคว้าชัยอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ศักยภาพในสนามที่ท้าทายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”

และในปีนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมแล้วที่จะปลุกสัญชาตญาณความแรงให้ลุกโชนอีกครั้งบนสนามทางเรียบของไทย สาวกมอเตอร์สปอร์ตและคนรักฟอร์ดสามารถร่วมให้กำลังใจทีมฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง และนักแข่งระหว่างการแข่งไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2568 ได้ทางไลฟ์สตรีมบนเฟซบุ๊กฟอร์ด

GWM รวมพลคนรักแมว จัด ORA Meeting 2025 ภาคอีสาน

GWM รวมพลคนรักแมว จัด “ORA Meeting 2025” ภาคอีสาน ต่อยอดกลยุทธ์เชื่อมโยงลูกค้า เสริมแกร่ง GWM Family ขับเคลื่อนยานยนต์พลังงานใหม่ทั่วไทย

GWM Thailand ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users) ล่าสุด เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า ผ่านแนวคิดระดับโลกอย่าง

“อยู่ในท้องถิ่น เพื่อตลาดท้องถิ่น และบูรณาการกับชุมชนท้องถิ่น” (Being in the Local Market, For the Local Market, and Integrating into the Local Community) กับกิจกรรม “ORA Meeting 2025 รวมพลคนรักแมว โซนภาคอีสาน” จัดขึ้น ณ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานใหม่ GWM ORA Good Cat และ GWM ORA 07 กว่า 94 คน พร้อมขบวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากสีสันอีกกว่า 37 คัน ที่ร่วมกันเดินทางจากศูนย์ GWM เอกสห โคราช เป็นระยะทางทั้งสิ้นกว่า 78 กิโลเมตร นอกจากจะสะท้อนความแข็งแกร่งของ GWM Family แล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงความนิยมของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า แต่ยังเชื่อมโยง GWM เข้ากับชีวิตของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การบริการที่ครอบคลุม และกิจกรรมที่สะท้อนตัวตนของผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้อย่างลงตัว

ตลอดการเดินทางในกิจกรรม “ORA Meeting 2025 รวมพลคนรักแมว โซนภาคอีสาน” ผู้ร่วมทริปได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจตลอดเส้นทางจากหลากหลายจุดหมายสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา เริ่มต้นที่ “อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)” แลนด์มาร์กที่เปี่ยมด้วยความศรัทธาและเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญของชาวโคราช ก่อนจะแวะพักผ่อนในบรรยากาศสุดอบอุ่นที่ “French Kitsch Café” คาเฟ่ในสวนสไตล์ยุโรปสุดวินเทจ ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งสุดชิค เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับคาราวานของเจ้าเหมียวทั้งสองรุ่น ให้ได้เก็บภาพความทรงจำร่วมกัน จากนั้นรับประทานาอาหารกลางวันและร่วมกิจกรรมสุดสนุกที่ “Patra Sweet House @Sikhio” พร้อมเสิร์ฟอาหารจานเด็ดที่หลากหลายในบรรยากาศสบายๆ ก่อนเดินทางต่อไปยัง “ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง” จุดแวะที่อัดแน่นด้วยสาระความรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนและความยั่งยืน ปิดท้ายทริปอย่างน่าประทับใจที่ “จุดชมวิวกังหันลม ณ เขายายเที่ยง” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังซึ่งเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานสะอาด และจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนลำตะคองและแนวภูเขาโดยรอบได้แบบพาโนรามา ท่ามกลางสายฝนชุ่มฉ่ำและกังหันลมขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม

มร.เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้า GWM ORA Good Cat และ GWM ORA 07 ทุกท่านสำหรับความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่มีให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเรา และร่วมกันจัดกิจกรรมอันแสนอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครั้งนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนผู้ใช้งาน GWM ทั่วประเทศ เพื่อสานสัมพันธ์และเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของ GWM Family ในประเทศไทย GWM เชื่อว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ คือหัวใจของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีในการรับฟัง พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกจากผู้ใช้งานจริงมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านการขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด ‘GWM GO With More’ ในอนาคต GWM จะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอนาคตของยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย”

สมาคม สรยท. จัดพิธีมอบทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา สมาชิก ประจำปี 2568

สมาคม สรยท. จัดพิธีมอบทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ประจำปี 2568 จำนวน 45 ทุน

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) จัดพิธีมอบทุนการศึกษา บุตร-ธิดา ประจำปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 45 ทุน ทุนละ 6,000 บาท ถือเป็นสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) และเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในทุกๆปี โดยปีนี้จัดขึ้นที่ The Halls ซอยวิภาวดีรังสิต 64

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thailand Automotive Journalists Association : TAJA กล่าวว่า การจัดกิจกรรมนี้ ทางสมาคมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา และขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ให้กับครอบครัวเเละผู้ปกครองที่เป็นสมาชิก จึงได้มีการจัดงานมอบทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดาของสมาชิกสมาคมขึ้น ในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 โดยการมอบทุนการศึกษาจะถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่สมาคมมอบให้สมาชิกเป็นประจำทุกปี

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save