- Advertisement -
24.6 C
Bangkok
Home Blog Page 6

ฮอนด้า เตรียมเปิด ศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริง

ฮอนด้า เตรียมเปิดตัว “The M.O.V.E. by Honda” Immersive Experience Center แห่งแรกของแบรนด์ในกรุงเทพฯ เปิดมุมมองใหม่สู่อนาคตแห่งการเดินทางผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy”

(กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 30 กรกฎาคม 2568) – บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด เตรียมเปิดตัว “The M.O.V.E. by Honda” ศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ โดยตั้งอยู่ที่โซน EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์สู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคตผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 พร้อมนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดจากฮอนด้า ทั้งในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์การขับเคลื่อนล้ำสมัยอย่าง eVTOL

ฮอนด้า ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ในฐานะผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ โดยประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางการจำหน่ายที่สำคัญของฮอนด้า อีกทั้งเป็นตลาดหลักของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และนวัตกรรมแห่งอนาคตของภูมิภาค ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮอนด้า ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้โกลบอลแบรนด์สโลแกน “The Power of Dreams – How we move you.”

The M.O.V.E. by Honda จัดแสดงภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy” ที่สื่อถึงการผสานพลังระหว่างปรัชญาแห่งฮอนด้า และโลกยานยนต์แห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยภายในงาน ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตผ่านทุกมิติของความรู้สึก พร้อมเปิดมุมมองใหม่ของการเดินทางในอนาคตตามแบบฉบับของฮอนด้า

โซนจัดแสดงภายในศูนย์ฯ

นิทรรศการแบ่งออกเป็นโซนอินเทอร์แอกทีฟที่หลากหลาย สะท้อนแนวคิดของฮอนด้าที่ว่า “การเคลื่อนที่” ไม่เพียงแต่หมายถึงการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ “ขับเคลื่อนหัวใจ” ของผู้คนผ่านองค์ประกอบอย่าง แสง เสียง กลิ่น สัมผัส และรสชาติ โดยมีหลากหลายนวัตกรรมที่นำมาจัดแสดง

เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ดังนี้:

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

-EV Fun Concept* 1: รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทรงพลัง เสียงเงียบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง

-EV Urban Concept* 1: รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแสดงวิสัยทัศน์ของฮอนด้า ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การเดินทางในเมืองในอนาคตอันใกล้

รถยนต์ไฟฟ้า

-Honda 0 SALOON (Prototype)* 1: รถยนต์ซีดานไฟฟ้า Flagship Model ที่มอบความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูง

-Honda 0 SUV (Prototype)* 1: รถยนต์ SUV อเนกประสงค์ไฟฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในชีวิตประจำวัน และกิจกรรมเอาท์ดอร์

เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต

-eVTOL* 1: อากาศยานส่วนบุคคลที่จะพลิกโฉมการคมนาคมในเมือง

-Motocompacto: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด พับเก็บได้ เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น

หมายเหตุ: รายการจัดแสดงอาจมีการอัปเดตเพิ่มเติม

* 1: จัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

The M.O.V.E. Café – สัมผัสรสชาติแห่งความทันสมัย

เติมเต็มประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 กับ The M.O.V.E. Café คาเฟ่ที่ผู้เยี่ยมชมจะได้ลิ้มรสอนาคตที่สะท้อนผ่านอาหาร นำเสนอผ่านเมนูขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นที่รังสรรค์ขึ้นผ่านแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ของฮอนด้า ในการขยายขอบเขตการเดินทางทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดย เชฟเดช คิ้วคชา ผู้ได้รับรางวัล Asia’s Best Pastry Chef 2025 จากเวที Asia’s 50 Best Restaurants คาเฟ่แห่งนี้จึงไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่สำหรับการพักผ่อน แต่เป็นจุดหมายปลายทางด้านประสาทสัมผัสที่ถ่ายทอดพลังแห่งการผสานรวมของการเดินทางในรูปแบบใหม่อย่างมีชีวิตชีวา ในแบบฉบับของฮอนด้าอย่างแท้จริง

The M.O.V.E. by Honda ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของฮอนด้า ในการเดินหน้าสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและอนาคตของความยั่งยืน ฮอนด้าขอเชิญชวนลูกค้า ผู้หลงใหลในนวัตกรรม และประชาชนทั่วไปมาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ศูนย์การค้า EMSPHERE กับอิมเมอร์ซีฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์แห่งแรกของฮอนด้าที่จะพาไปสัมผัสมิติใหม่ของการเดินทางอย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อนผ่านนิทรรศการสุดล้ำ พร้อมเข้าถึงแนวคิด Sense the Synergy ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของฮอนด้าอย่างเต็มรูปแบบ

ชื่อกิจกรรม : The M.O.V.E. by Honda

สถานที่ : EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE

628 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

วันเปิดให้เข้าชม: 15 สิงหาคม 2568 – 30 พฤศจิกายน 2569

เวลาเปิดให้เข้าชม :

-วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 19:00 – 22:00 น.

-ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น

ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี

LINE Official Account : @TheM.O.V.E.byHonda

จัดโดย : บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด

มาสด้า เปิดตัว NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL จัดสรรอุปกรณ์ใหม่เต็มลำ

มาสด้า เปิดตัว NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL จัดสรรอุปกรณ์ใหม่ เพิ่มรุ่นเริ่มต้น ปรับไลน์อัพใหม่ ใส่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน ราคาใหม่ 899,000 บาท คุ้มค่าเกินราคา

-คุ้มค่า คุ้มราคา กับรุ่นเริ่มต้นใหม่ที่ออกแบบอุปกรณ์มาให้ครบครัน พร้อมราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เริ่มต้นเพียง 899,000 บาท

-เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิล SKYACTIV-G 2.0 ลิตร 165 แรงม้า ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

-โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่สง่างาม Less is more ตามแนวคิด KODO: Soul of Motion

-ถ่ายทอดเอกลักษณ์อันทรงคุณค่า 5 ประการ ของรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ไว้อย่างครบครันทุกรุ่น

-ขับสนุกในทุกสถานการณ์ ตามเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์มาสด้า ตามปรัชญา จินบะ-อิตไต

-ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ควบคุมการขับขี่ได้แม่นยำและสมดุล

-เพลิดเพลินตลอดการเดินทางกับระบบเสียง Bose® พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง รอบทิศทาง

-ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature

-ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift

-ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA

-ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC

-ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS

-ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R

-ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS

-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC

-ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance

-หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า

-ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง

-ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด

-ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 – มาสด้าเผยโฉมอีกหนึ่งยนตรกรรมภายใต้ ESSENTIAL COLLECTION ครอสโอเวอร์เอสยูวีสปอร์ตพรีเมี่ยม NEW MAZDA CX-30 ESSENTIAL ภายใต้แนวคิด “LIVE A LIFE OF VALUE” เติมเต็มชีวิตให้คุ้มค่ากับเอสยูวีที่ใช่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สง่างามด้วย โคโดะ ดีไซน์ ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เรียบง่ายแต่งดงาม คงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยวและทรงพลัง มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus เหนือระดับด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบสนองดีที่สุดให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการควบคุมการขับขี่ที่แม่นยำและสมดุล ด้วยสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 899,000 บาท  ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุด ลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์ www.mazda.co.th

ทั้งนี้ New Mazda CX-30 Essential ได้มีการปรับเพิ่มออพชันและฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้นทุกรุ่น ซึ่งปัจจุบัน Mazda CX-30 มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น ประกอบด้วย

1.CX-30 Carbon Edition ราคาจำหน่าย         1,211,000 บาท

2.CX-30 SP            ราคาจำหน่าย         1,199,000 บาท

3.CX-30 S              ราคาจำหน่าย         1,099,000 บาท

4.CX-30 C              ราคาจำหน่าย         989,000 บาท

สำหรับ New Mazda CX-30 Essential ได้มีปรับไลน์อัพใหม่ ประกอบด้วย

1.รุ่น PRIME ราคาจำหน่าย 899,000 บาท รุ่นเริ่มต้นใหม่ ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

2.รุ่น ULTRA ราคาจำหน่าย 999,000 บาท ปรับอุปกรณ์และฟังก์ชั่นจากรุ่น C

3.ร่น SIGNATURE ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท ปรับเพิ่มอุปกรณ์และฟังก์ชั่นจากรุ่น S ในราคาเท่าเดิม

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร มีประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานมากกว่า 74 ปี ด้วยการเป็นผู้ผลิตยานยนต์ที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่อให้รถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความสุขและเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ผู้คน และสังคม อันเป็นปณิธานสูงสุดของเรา ทั้งนี้ แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์มาสด้ายังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก คือ การคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของแบรนด์ในทุกยนตรกรรม ไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานรูปแบบใดก็ตาม มาสด้ายังคงคุณค่าหลัก 5 ประการ หรือ 5 Common Values ในการพัฒนารถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ประกอบด้วย

-Artful Design การออกแบบสร้างสรรค์ดุจงานศิลปะชิ้นเอก Car As Art ถ่ายทอดภายใต้คอนเซ็ป KODO: Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว โดดเด่นด้วยความสวยงามต้องตาต้องใจผู้พบเห็น ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงสีภายนอกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาสด้าที่ผลิตขึ้นด้วยแนวทาง “ทาคุมินูริ” ที่หมายถึงการเพ้นท์สีโดยช่างผู้ชำนาญการ

-Japanese Mastery ความเชี่ยวชาญ พิถีพิถันในแบบฉบับของญี่ปุ่น คุณค่าระดับสูง สัมผัสได้จากคุณภาพอันประณีตพิถีพิถัน และมีเสน่ห์เฉพาะของชาวญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดลงในทุกองค์ประกอบของรถมาสด้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตัดเย็บและการคัดสรรวัสดุภายในที่ประณีตดุจงานทำมือ แบบสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น

-Human-Centricity การออกแบบโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงการใช้งานตามหลักสรีรศาสตร์ของมนุษย์เป็นหลัก ทั้งในเรื่องตำแหน่งผู้ขับขี่ การจัดวางอุปกรณ์ความสะดวกต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร รวมถึงการจัดวางตำแหน่งเบาะนั่งที่ช่วยรักษากระดูสันหลังให้มีรูปทรงตัว S ทำให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่

-Effortless Joyful Driving ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและควบคุมง่ายดั่งใจ กับระบบการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล มั่นใจทุกการเข้าโค้ง พร้อมรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงระบบความปลอดภัย i-Activsense ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องและโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟช่วยลดการบาดเจ็บให้น้อยที่สุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

-Ingenious Solution นวัตกรรมอัจฉริยะขั้นสูง อาทิ เครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า SKYACTIV-G และเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE โดดเด่นด้วยการรวมทุกข้อดีของเกียร์อัตโนมัติจากทุกระบบเข้ามาไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว

ครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม New Mazda CX-30 Essential ได้รับการออกแบบตามสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ ภายใต้ KODO Design, Soul of Motion มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นถึงความเรียบง่ายแต่งดงาม ถือเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของมาสด้าในการมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมขึ้นไปอีกขั้น เพราะปรัชญาการออกแบบมาสด้า คือรถยนต์เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก “Car As Art” ที่บรรจงสรรสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ และยังคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านเทคโนโลยี SKYACTIV และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย i-Activsense ที่ให้ทั้งสะดวกสบายและความปลอดภัยไปพร้อมกัน

Mazda CX-30 คือครอสโอเวอร์เอสยูวีเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดของมาสด้า ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์เหล่านี้ไว้อย่างลงตัวในทุกองค์ประกอบ ทั้งยังได้รับการการันตีความยอดเยี่ยมด้วยรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยม Thailand Car of the year 2020 เป็นรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้ายเพื่อชิงรางวัล World Car of the Year 2020, คว้ารางวัล Golden Steering Wheel Award 2019 ประเภท Compact SUV จากประเทศเยอรมนี, รางวัล RedDot Award 2020 ประเภท Product Design จากประเทศเยอรมนี, รางวัล Design Trophy 2020 ประเภท SUV และ ประเภท “Champion of all Classes” จากประเทศเยอรมนี และยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย รถรุ่นนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สร้างศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดให้กับแบรนด์มาสด้ามาจนถึงปัจจุบัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “Mazda CX-30 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งอยู่ในช่วเดียวกันกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้ว่าการเปิดตัวจะเจอกับวิกฤตที่หนักหนาสาหัส แต่ก็ไม่ทำให้ความนิยมรถยนต์รุ่นนี้ลดลง กลับทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบันมีรถยนต์รุ่นนี้อยู่ในการครอบครองของลูกค้าชาวไทยไปแล้วกว่า 25,000 คัน และยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดตัว New Mazda CX-30 Essential ภายใต้กลุ่ม ESSENTIAL COLLECTION ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยใหม่ และปรับราคาใหม่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น โดยรุ่นเริ่มต้นใหม่ที่เพิ่มเข้ามามีราคาให้เข้าถึงได้ง่ายเพียง 899,000 บาท ทางมาสด้าได้พัฒนาและออกแบบรุ่นย่อยใหม่ โดยคัดสรรอุปกรณ์ให้เหมาะสมและจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทุกรูปแบบ พร้อมราคาใหม่ที่ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีสไตล์ใหม่ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของชีวิตคู่ หรือเป็นครอบครัวเริ่มต้นขนาดเล็กที่ต้องการความอเนกประสงค์จากรถเอสยูวีที่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม”

นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus หนึ่งในเทคโนโลยี Skyactiv-Vehicle Dynamic ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่

-รุ่น PRIME คุ้มสุด รุ่นเริ่มต้นใหม่ที่ออกแบบมาให้เป็นเจ้าของได้ง่าย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน กับราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม เพียง 899,000 บาท

โดยรวบรวมทุกเอกลักษณ์ของดีเอ็นเอรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่มาไว้อย่างลงตัว กับสมรรถนะเหนือระดับของเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 13.0:1 ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมัน E85 ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร* ให้อัตราเร่งและการตอบสนองดีเยี่ยม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดและปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold และฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ หน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM* และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Windshield Active Driving Display ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าปรับอัตโนมัติและที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง กุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย Burglar Alarm ระบบล็อกและปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เบาะนั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 6 ทิศทาง พนักพิงด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว พนักพิงเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 กล้องมองหลัง พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว

-รุ่น ULTRA สบายสุด มอบความสบายในราคาคุ้มค่ากว่าเคย ราคาจำหน่าย 999,000 บาท

มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับทุกมิติของชีวิต ทั้งระบบ Infotainment ครบครัน มอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด ผ่านระบบ Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM* พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่ออกแบบตามแนวคิดมนุษย์เป็นศูนย์กลางเอกลักษณ์ของมาสด้า ภายในตกแต่งอย่างประณีตมาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายให้กับการใช้งานกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Keyless Entry ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว  พร้อมกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มอบความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

*สำหรับ Android เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป สามารถเชื่อมต่อได้ทันที

-รุ่น SIGNATURE ครบทั้งสไตล์และฟังก์ชั่นที่ใช่ วางราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท

โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความครบครันในทุกฟังก์ชั่น มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟท้ายแบบ LED Signature กระจังหน้าและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำเปียโน ขับสนุกได้อย่างใจด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และมอบความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ครบครัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC, ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS, ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC รบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยลัง ตอบรับความสุนทรีย์ได้ครบทุกจุดสัมผัสกับการออกแบบภายในห้องโดยสารที่พิถีพิถันเสมือนงานทำมือ เรียบหรูด้วยเบาะหนังสีดำ และเพิ่มอรรถรสให้การเดินทางด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง

New Mazda CX-30 Essential มาพร้อมระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากมายหลายระบบ ประกอบด้วย

•ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature

•ไฟท้ายแบบ LED Signature

•กระจังหน้าและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำเปียโน

•ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

•ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)

•ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-lighting System)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System)

•ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)

•ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)

•ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)

•ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart Brake Support)

•ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA

•ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)

•ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

•ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนเนิน HLA (Hill Launch Assist)

•ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)

•ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)

•จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX

•พวงมาลัยยุบตัวแปรผันตามการทำงานของถุงลมนิรภัย พร้อมแป้นเบรกยุบตัวได้

•คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง

•หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า

•ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง

•กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ

•ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง

•ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด

•ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด

•ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว

New Mazda CX-30 Essential มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย

•สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)

•สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)

•สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)

•สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)

•สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)

•สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)

หมายเหตุ : สีแดง โซล เรด คริสตัล เพิ่ม 17,000 บาท สีเทา แมชชีน เกรย์ เพิ่ม 15,000 บาท และ สีขาว สโนเฟลค ไวท์เพิร์ล เพิ่ม 10,000 บาท

มาสด้าต้องการให้รถยนต์มาสด้าเข้ามาเติมเต็มวิถีการดำรงชีวิตของลูกค้า เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจในการเดินทาง ก่อเกิดเป็นความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-30 Essential จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ด้วยองค์ประกอบที่ใส่มาครบครัน พร้อมส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่และดีไซน์ที่สง่างาม ที่สำคัญมีการปรับราคาใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ลูกค้าที่สนใจสามารถแวะชมและสัมผัสคันจริงได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมัน มูลค่า 20,000 บาท หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th

หมายเหตุ :

1 ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ.วิริยะประกันภัย (2) บมจ.ธนชาตประกันภัย (3) บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์  (4) บมจ.แอกซ่าประกันภัย

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

ซูซูกิ ประกาศแผนรุกตลาดครึ่งหลังปี 2568

ซูซูกิ ประกาศแผนรุกตลาดครึ่งหลังปี 2568 เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กันยายนนี้ เพื่อบรรลุเป้าขาย 8,000 คัน เติบโต 41% ชูจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและงานบริการ

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดการประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิจากทั่วประเทศ เพื่อประกาศกลยุทธ์สำคัญสำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 โดยมีแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อบรรลุเป้าขาย 8,000 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 41% เมื่อเทียบจากยอดขายในปีทีผ่านมา พร้อมเดินหน้ายกระดับงานบริการหลังการขาย เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญอย่างยิ่งของซูซูกิ และสร้างความเชื่อมั่นและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การจัดงานประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมและสื่อสารให้ผู้จำหน่ายได้รับทราบถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง พร้อมบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

หัวข้อสำคัญที่ได้มีการประกาศให้ผู้จำหน่ายได้รับทราบ คือ แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์สำคัญอย่าง Global Model

ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซูซูกิมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดในประเทศไทยอย่างชัดเจน นอกจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว ยังมีการเตรียมแผนงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรของผู้จำหน่ายอย่างรอบด้าน เพื่อรองรับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการดูแลด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง

“กลยุทธการนำเข้ารถยนต์ Global Model คือ หนึ่งในแผนงานที่เราได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งนอกจากการนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซียมาเป็นผลิตภัณฑ์หลักสำหรับจำหน่ายให้แก่ลูกค้าชาวไทย เรายังเตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากภูมิภาคอื่นมาจำหน่ายอีกด้วย โดยจะยังคงรักษาจุดแข็งในเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มีให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานตามไลฟ์สไตล์และความต้องการ” นายทาดาโอะมิ กล่าว

การประชุมครั้งนี้ยังตอกย้ำถึงความพร้อมของซูซูกิ ในการเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในเชิงรุก ทั้งการโฆษณาออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียและกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศเพื่อผลักดันยอดขายให้บรรลุเป้าหมายที่ 8,000 คันภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 41% เมื่อเทียบจากยอดขายในปีทีผ่านมาและสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของซูซูกิในประเทศไทยต่อไป

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่า สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการรักษาความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภค ทั้งในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และงานบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของซูซูกิ

ซูซูกิมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำนวัตกรรม S-Solution มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เต็มรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและมั่นใจในการใช้บริการผ่านระบบ Dealer Management System (DMS) รวมถึงการนำเสนอแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” ที่มอบสิทธิพิเศษมากมายให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ยังได้ตอกย้ำพันธกิจในการมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าผ่านการยกระดับการให้บริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 2S (Service & Spare Parts) เพื่อให้บริการควบคู่ไปกับศูนย์บริการหลักประเภท 3S (Sales, Service & Spare Parts) เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนั้นยังมีแผนงานจะเพิ่มศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการแล้วจำนวน 44 แห่ง อีกทั้งยังได้ สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายขยายบริการ “Mobile Service” หรือบริการดูแลรถยนต์นอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับการดูแลรถยนต์โดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์บริการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญการพร้อมให้บริการพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กระบบเบื้องต้น เช่น ระบบเบรก แบตเตอรี่ หรือยาง และบริการบำรุงรักษาตามรอบระยะ เป็นต้น

นายวัลลภ กล่าวตอนท้ายว่า ซูซูกิได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมของผู้จำหน่ายทุกรายตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้สามารถรองรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ความพร้อมในวันนี้คือสิ่งสำคัญที่จะตอกย้ำให้ลูกค้าเห็นถึงความมุ่งมั่นของซูซูกิในการยึดมั่นในแนวทาง ‘SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ’ ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าและชุมชนในทุกช่วงเวลา”

เอ็มจี คว้ารางวัล EV ขวัญใจคนไทย

เอ็มจี คว้ารางวัล EV ขวัญใจคนไทย Marketeer No.1 Brand Thailand 4 ปีซ้อน ยืนหยัดการเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ผู้บริโภคเชื่อมั่น

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 ในหมวดรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ถือเป็นเสียงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อแบรนด์เอ็มจี พร้อมเดินหน้าพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต เข้าถึงง่าย ควบคู่กับการผนึกกำลังผู้จำหน่ายกว่า 125 แห่งทั่วประเทศ สร้างประสบการณ์ที่ดี และความเชื่อมั่นใจในการใช้งานรถไฟฟ้า ด้วยบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ อะไหล่ที่พร้อมจัดส่ง และการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY)

ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี (นับตั้งแต่ปี พ.ศ 2562) ที่ริเริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เอ็มจี เดินหน้าขับเคลื่อนสังคมอีวีในทุกมิติทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ด้วยการขยายไลน์อัพรถอีวีให้มีหลากหลายเซ็กเมนต์เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าคนไทยได้ตรงจุดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสไตล์ HATCHBACK 5 ประตู อย่าง NEW MG 4 ELECTRIC หนึ่งเดียวในตลาดที่มีรถไฟฟ้าสไตล์ STATION WAGON กับ NEW MG EP PLUS และ NEW MG ES สำหรับกลุ่ม SUV มี 2 ตัวเลือกกับ NEW MG ZS EV โมเดลบุกเบิกตลาดอีวีของ เอ็มจี และ NEW MG S5 EV อีวีมหาชนรุ่นล่าสุด นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม EV PREMIUM ซึ่งจะมี e-MPV ขนาด 7 ที่นั่งที่มีให้เลือกทั้งรุ่น NEW MG MAXUS 9 และ NEW MG MAXUS 7 อีกรุ่นที่ถือเป็นสีสันให้กับตลาดอีวีเมืองไทยอย่าง NEW MG CYBERSTER และโมเดลล่าสุดกับ NEW MG IM6 อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่มีโมเดล MADE IN THAILAND อย่าง NEW MG 4 ELECTRIC และ NEW MG S5 EV ทำให้ผู้บริโภคคนไทยเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าง่ายมากขึ้น ในขณะที่ด้านการบริการหลังการขายยังคงได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในทุกพื้นที่ผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีกว่า 125 แห่ง และสถานีชาร์จเร็ว MG SUPER CHARGE อีกกว่า 125 แห่งทั่วประเทศ

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แนวทางการทำตลาดของ เอ็มจี เราให้ความสำคัญกับการศึกษา ทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคให้ลึกซึ้ง และรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายเซ็กเมนต์เพื่อให้สอดรับกับการใช้งาน นำเสนอราคาที่สมเหตุสมผล คุ้มค่า และทลายข้อกังวลใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การมอบความสบายใจตลอดการขับขี่ด้วย “การรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY)” โดย รางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand ในหมวดรถยนต์ไฟฟ้า ที่ เอ็มจี ได้รับติดต่อกันเป็นปีที่ 4 จากนิตยสาร Marketeer จึงเป็นหนึ่งในเครื่องหมายแห่งความสำเร็จของแนวทางการทำตลาดของ เอ็มจี หลังจากนี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง”

เอ็มจี จัดเกิจกรรม MG3 ท้าพิสูจน์ความประหยัด

เอ็มจี ชวนร่วมสนุกกับกิจกรรม #MG3SAVESAVE ซีซั่น 2 ท้าพิสูจน์ความประหยัดของ ALL NEW MG3 HYBRID+

กรุงเทพฯ – 23 กรกฎาคม 2568 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ท้าพิสูจน์ความประหยัดของสุดยอดเทคโนโลยี HYBRID+ โดยผู้ใช้จริงผ่านกิจกรรม #MG3SAVESAVE ซีซั่น 2 ชวนเจ้าของรถ ALL NEW MG3 HYBRID+ และผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสกับความแรงที่มาพร้อมความประหยัดของ ALL NEW MG3 HYBRID+ ด้วยการถ่ายภาพโชว์ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองบนระยะทาง 100 กิโลเมตร ขึ้นไป และ 500 กิโลเมตร ขึ้นไป และเพียงโพสต์ความประทับใจหรือรีวิวรถ ALL NEW MG3 HYBRID+ ผ่าน FACEBOOK และแชร์ในกลุ่มสาธารณะ MG3 Hybrid Club Thailand พร้อมติดแฮชแท็ก #MG3SAVESAVE ลุ้นรับรางวัล LUCKY DRAW และ CONTENT CREATOR ยอดเยี่ยม  ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 – 6 ตุลาคม 2568

จากความสำเร็จของกิจกรรม #MG3SAVESAVE ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2567 ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งเจ้าของรถตัวจริง และผู้ที่สนใจทดลองขับ ALL NEW MG3 HYBRID+ ร่วมท้าประลองความประหยัดตลอดระยะเวลาแคมเปญ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรื่องราวและประสบการณ์ในการขับขี่ ALL NEW MG3 HYBRID+ รวมถึงเทคนิคการขับขี่อย่างไรให้ประหยัดน้ำมันจากลูกค้าตัวจริงบนโลกออนไลน์ รับชมวีดีโอคลิก : https://bit.ly/3F4uNcp ความน่าสนใจของกิจกรรมนี้ คือ การใช้เสียงจากลูกค้าเป็นผู้ยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และถ่ายทอดไปยังผู้ที่สนใจ หรือกำลังตัดสินใจซื้อ

Screenshot

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ท่ามกลางกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ALL NEW MG3 HYBRID+ จึงเป็นโกลบอลโมเดลที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยจุดเด่นของการเป็น “รถแฮทช์แบ็กไฮบริดที่ประหยัด ขับสนุก และเร้าใจ” ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยไม่ต้องเสียบชาร์จ ไฟ ด้วยขุมพลัง HYBRID+ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 8 วินาที เท่านั้น น้ำมันหนึ่งถังสามารถเดินทางได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร พร้อมระบบความปลอดภัยรอบคันที่ให้ความมั่นใจตลอดการเดินทาง ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mgcars.com/th/news/MG3-SAVESAVE-2”

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น

มาสด้า ตอกย้ำอัตลักษณ์แบรนด์ยนตรกรรมที่สร้างความสำเร็จทั่วโลก

“มาสด้า” แบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวความเป็นมามากกว่า 100 ปี ผ่านร้อน ผ่านหนาว และฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ แต่ยังคงยืนหยัดอย่างสง่างามท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก นั่นคือแบรนด์ “มาสด้า” มาเจาะรายละเอียดว่ากว่าจะเดินทางมาไกลจนถึงวันนี้ มีอะไรที่มาสด้าได้รังสรรค์ให้กับมวลมนุษยชาติไว้อย่างน่าสนใจ

“มาสด้า” เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีอัตลักษณ์สูง (Brand Identity) จึงสามารถสร้างตำนานและถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมาย สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นอกเหนือจากปรัชญาที่มุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาแล้ว ยังคงมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากที่ทำให้รถมาสด้าได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จและเป็นแบรนด์ที่ดำรงอยู่มากกว่า 100 ปี องค์ประกอบหลายสิ่ง ได้ถูกถ่ายทอดลงในรถยนต์ของมาสด้าทุกเจเนอเรชั่น แต่สิ่งที่มาสด้าแตกต่างอย่างชัดเจนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง คือการมาพร้อมเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยภาพลักษณ์ใหม่กับรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยแนวทางการออกแบบที่เสริมให้รถยนต์โดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย โดยเฉพาะการขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างรถกับผู้ขับขี่ ตามปรัชญา Jinba-ittai โดยให้รถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามความตั้งใจของผู้ขับขี่ เพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจมากขึ้น

มาสด้า พัฒนารถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่เพื่อให้เป็น “สิ่งที่เป็นปรารถนาในระดับสากล” การสร้างรถยนต์ที่ทำให้เกิดความปรารถนาของผู้คนนั้น ต้องสร้างคุณค่าใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มาสด้ามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ โดยใช้หลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลางในการยกระดับคุณค่าผลิตภัณฑ์ในทุกด้าน ได้แก่ การออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ การลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ความนุ่มนวลในการขับขี่ เป็นมิตต่อสิ่งแวดล้อม และความรู้สึกถึงคุณภาพอันประณีต เพื่อให้การขับขี่เป็นธรรมชาติมากที่สุดสำหรับทุกคน มาสด้าได้ออกแบบและเชื่อมโยงองค์ประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อดึงความสามารถโดยธรรมชาติของมนุษย์ในการรักษาสมดุล ผลลัพธ์ที่ได้คือ SKYACTIV-Vehicle Architecture เป็นเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังชุดใหม่ที่ทำให้การขับขี่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

สมรรถนะอันทรงพลังจากเทคโนโลยี SKYACTIV สร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลก รถยนต์มาสด้าได้รับการพัฒนาขุมพลังด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ โดยมอบสมรรถนะอันทรงพลังที่มาจากโครงสร้างตัวถังใหม่ SKYACTIV-Vehicle Architecture และปรับให้เข้ากับการรับความรู้สึกของมนุษย์ เพื่อมอบความรู้สึกในการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างรถยนต์และผู้ขับขี่ พร้อมผสานทุกฟังก์ชันตามปรัชญา Human Centric ทำให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง องค์ประกอบเหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้รถยนต์มาสด้าให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากรถยนต์คันอื่น โดยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟของมาสด้า มีดังต่อไปนี้

•เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKTYACTIV-G ให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน โดยฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตราส่วนการอัดสูงที่สุดในโลก คืออัตรา 14.0:1 ช่วยให้ประหยัดนํ้ามัน มีแรงบิดดีขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

•เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล SKYACTIV-D พัฒนาให้สามารถทำงานตอบสนองผู้ขับได้ดียิ่งขึ้น จากอัตราส่วนกำลังการบีบอัดที่สมบูรณ์ ทำให้ได้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง แรง รอบจัด และยังสะอาด จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

•เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดร์ฟ (Skyactiv-Drive) เกียร์อัตโนมัติที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจ มอบความสนุกสนานในการขับขี่ ออกตัวแรง เปลี่ยนเกียร์ได้ราบรื่น และเร่งแซงได้อย่างนุ่มนวล พร้อมทั้งประหยัดนํ้ามันเชื้อเพลิง

•สกายแอคทีฟ-บอดี้ (Skyactiv-Body) โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสะเทือนจากถนน และกระจายแรงปะทะที่เข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

•สกายแอคทีฟ-แชสซี (Skyactiv-Chassis) ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ ระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคงและให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

สมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ ทรงพลัง ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน

เพื่อมอบความปลอดภัยให้ครอบคลุม เครื่องยนต์ SKYACTIV-G รุ่นล่าสุดยังสามารถควบคุมความเร็วได้อย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์การขับขี่ รวมถึงยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus สร้างความมั่นใจให้กับการขับขี่ในทุกสภาพถนน ด้วยการเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ ลดแรงเหวี่ยงในขณะเข้าโค้ง ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังมีความเงียบสงบผ่านการพัฒนาเรื่องการลดเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง ให้ความเพลิดเพลินและความสบาย จากคุณสมบัติที่ครบถ้วนเหล่านี้สามารถมอบความอุ่นใจให้ผู้โดยสารทุกคนได้ผ่อนคลายและสุนทรียภาพในการขับขี่

เทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่รื่นรมย์

รถยนต์มาสด้าทุกรุ่น มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เพื่อช่วยผู้ขับขี่และช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จุดประสงค์พื้นฐานความปลอดภัยเชิงป้องกันของมาสด้า คือการสร้างความมั่นใจในการขับขี่และการขับขี่ที่สนุกสนานให้กับผู้โดยสารทุกคน ตั้งแต่ตำแหน่งคนขับ รูปแบบแป้นเหยียบและทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี เทคโนโลยี i-Activsense รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนปะทะ นอกจากนี้ รถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ ยังมาพร้อมไฟหน้าแอลอีดีแบบปรับได้ (ALH) เพิ่มทัศนวิสัยให้กับกับผู้ขับขี่ในเวลากลางคืน

ในส่วนของความปลอดภัยเชิงปกป้อง เป้าหมายคือเพื่อปกป้องผู้โดยสารและคนเดินเท้าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ด้วยการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูงพิเศษที่มีความแข็งแรงสูง และโครงสร้างสร้างตัวถังที่สามารถดูดซับแรงจากการกระแทกได้ดีขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ การตกแต่งภายในยังใช้โครงสร้างป้องกันที่พัฒนาขึ้นตามลักษณะทางกายภาพของมนุษย์เพื่อลดการบาดเจ็บ พร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยถุงลมนิรภัยครบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็น ด้านหน้า ม่านนิรภัย ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และถุงลมนิรภัยที่หัวเข่า* (ในบางรุ่น*)

การออกแบบตามหลักปรัชญาของมาสด้า

จาก นากาเร่ ดีไซน์ (Nagare Design) สู่ โคโดะ ดีไซน์ ที่ถูกรังสรรขึ้นจากเส้นสายความพลิ้วไหวตามธรรมชาติ การเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่ว แข็งแรง ดั่งนักกีฬา การพัฒนาปรัชญาการออกแบบ นากาเร่ มีความหมายว่า ความต่อเนื่อง ไหลลื่น เป็นธรรมชาติ โดยนำเอาความสวยงามของธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของสรรพสิ่งในธรรมชาติในหลากหลายลักษณะ ความพิถีพิถันการออกแบบเส้นสายที่ลื่นไหลต่อเนื่องของธรรมชาติผสมผสานเข้ากับการขึ้นรูปของตัวรถ การไหลอย่างต่อเนื่องของสรรพสิ่งในธรรมชาติ อาทิ กระแสลม น้ำ การเปลี่ยนรูปของทรายบนเนินทรายที่เกิดจากกระแสลม สายธาร ลาวา เป็นต้น มาสด้าได้นำเอาความสวยงามจากภาพของความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไหลลื่น เหล่านั้น มาประยุกต์ใช้เป็นการยกระดับของงานดีไซน์ ภายใต้แนวทางการออกแบบ นากาเร่ มาสด้าได้ออกแบบรถต้นแบบทั้งสิ้น 7 คัน หลังจากนั้นได้นำมาใช้กับการออกแบบรถมาสด้าและเป็นรถที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายจริง

Fusion TIFF File

ความคิดสร้างสรรค์และแนวทางของมาสด้าได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง มาสด้าได้นำปรัชญาการออกแบบสำหรับยนตรกรรมและถูกถ่ายทอดมาถึงยุคปัจจุบัน คือการผสมผสานความสวยงามและพลังเข้าไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งที่มองเห็นและสัมผัสได้ในการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต ทั้งมนุษย์และสัตว์ เป็นช่วงจังหวะของการเคลื่อนไหวที่กำลังจะเริ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ช่วงจังหวะที่เสือซีต้าห์กำลังกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ หรือศิลปะการป้องกันตัวในอดีตของญี่ปุ่น ในจังหวะที่ดาบ “เคนโด้” กำลังจะถูกฟาดเพื่อเข้าจู่โจม ทั้งหมดคือช่วงเวลาขณะที่พละกำลังถูกรวบรวมเอาไว้เพื่อใช้งาน ได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นการแสดงออกถึงความสมดุลของความแข็งแกร่ง และความปราดเปรียว ในจังหวะเข้าจู่โจมนั้นต้องใช้สมาธิและการช่วงชิงจังหวะ ทำให้รับรู้ได้ถึง พละกำลัง ความเร็ว กล้ามเนื้อ และรูปทรงที่มีความแข็งแรง ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นความสวยงามอย่างประณีต มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ

มาสด้าได้ผสมผสานคุณสมบัติทั้งสามอย่างเพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขึ้นรูปของ โคโดะ ดีไซน์ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวที่งดงาม KODO–Soul of Motion ประกอบด้วย

ความรวดเร็ว (Speed) : การขึ้นรูปที่บ่งบอกถึงความรวดเร็ว ให้ภาพของรถยนต์ที่มีการปลุกเร้าสัญชาตญาณของสรรพสิ่งที่มีชีวิตให้เกิดความต้องการในการควบคุมเครื่องจักรอันนี้ เป็นเครื่องจักรที่มีความเร็วและทรงพลัง

ทรงพลัง (Tense) : การขึ้นรูปที่ก่อให้เกิดความพิถีพิถันของความแข็งแกร่งมีพละกำลัง ในจังหวะการเริ่มต้นของการเคลื่อนที่เข้าจู่โจม เป็นการขึ้นรูปที่ประณีต ที่มีรากฐานของความเรียบง่ายด้วยสปิริตของชาวญี่ปุ่น

ความงดงาม (Alluring) : คุณภาพที่สามารถสัมผัสได้ ถ่ายทอดอย่างลึกซึ้ง เหนือระดับ ด้วยความประณีต และการเลือกสรรอย่างมีคุณค่า รู้สึกได้ถึงศิลปะของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมือของมนุษย์อย่างประณีต

มาสด้า ได้กำหนดการเคลื่อนไหวโดยฉับพลันแบบนี้ ที่เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง ความรวดเร็ว แสดงออกอย่างน่าเกรงขาม ให้เป็นแนวทางของการขึ้นรูปงานดีไซน์ และเป็นการให้คำนิยามของ โคโดะ ‘KODO’ ที่มาสด้าใช้ในการออกแบบรถยนต์มาสด้าให้มีภาพลักษณ์ของความเร็ว ความทรงพลัง รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ทำให้ดูมีชีวิตชีวา แสดงออกถึงจิตวิญญาณ KODO–Soul of Motion เป็นภาษาการออกแบบใหม่ที่เป็นตัวแทนของรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่ มาสด้า ชินาริ (Shinari) คือรถต้นแบบที่ออกแบบด้วยความบริสุทธิ์งดงาม เป็นต้นแบบของรถ 4 ประตู และรถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในภาษาญี่ปุ่น ชินาริ หมายถึงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนสวยงามแต่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง พร้อมกับคุณสมบัติของความยืดหยุ่น สามารถรักษารูปทรงของตัวเองได้ถึงแม้จะได้รับแรงดึง ยืด หรือบิดตัวอย่างรุนแรง คล้ายกับคุณสมบัติธรรมชาติในเหล็กและไม้ไผ่ ชินาริ ยังหมายถึงตัวตนของบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้ด้วยความรวดเร็วฉับไว ภายใต้การเคลื่อนไหวดังกล่าว นักออกแบบมาสด้าจึงได้ค้นพบศักยภาพที่แท้จริง

LOS ANGELES, CA – NOVEMBER 15: Ikuo Maeda, Global Head of Design at Mazda, speaks onstage during the Mazda design event on November 15, 2016 in Los Angeles, California. Mazda Motor Corporation today reveals the all-new Mazda CX-5 to the world. (Photo by Victor Decolongon/Getty Images for Mazda Motor Co.)

เพื่อนำแนวคิดมาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นจริง รถยนต์มาสด้าทุกคันถูกพัฒนาขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การขึ้นรูปโมเดลจากดินเหนียว ก่อนเติมความโฉบเฉี่ยวผสมผสานเส้นสายที่เรียบง่ายด้วยแนวคิดการออกแบบ KODO Design ที่เรียบง่ายแต่งดงาม ช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับรถยนต์ ด้วยสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่พัฒนายนตรกรรมให้มีความสง่างามเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก ดึงดูดใจผู้พบเห็น ทีมออกแบบและวิศวกรได้ทำงานร่วมกันเพื่อเนรมิตรถยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลายหลาย ด้วยห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน

ความสำเร็จจากการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ ไม่ได้ถูกจำกัดในบางประเทศเท่านั้น แต่ยังได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จมากมายมาแล้วทั่วโลก รางวัล 2020 World Car Design of the Year, 2021 Canadian Car of the Year, 2010 Red Dot “Best of the Best” จากประเทศเยอรมนี ในรถยนต์ All New Mazda3 และ รางวัลอีกมาย อาทิ รางวัล 2020 Red Dot award ประเภท Product design จากประเทศเยอรมนี รางวัล 2020 Design trophy ประเภท SUV และประเภท Champion of all classes จากประเทศเยอรมนี และยังเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้ายเพื่อชิงรางวัล 2020 World Car of the Year และ World car design of the Year ในรถยนต์ All-New Mazda CX-30

สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงปัจจัยบางส่วนที่ทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก มาสด้าเป็นแบรนด์รถยนต์เล็กๆ ที่มีต้นกำเนิดจากการเป็นผู้ผลิตจุกไม้ค็อกจากเมืองฮิโรชิม่า ได้ก้าวผ่านความท้าทายในหลายยุคหลายสมัยจนสามารถครองใจผู้คนในระดับโลก และมีฐานแฟนคลับอย่างแน่นหนาในหลายประเทศ มาสด้าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ส่งมอบประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้า ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้กับ โลก สังคม และผู้คน อันเป็นพันธกิจของเราตลอดไป

กรังด์ปรีซ์ฯ มอบรางวัลผู้โชคดี จากงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 รวมมูลค่ากว่า 1.94 ล้านบาท

กรังด์ปรีซ์ฯ มอบรางวัลผู้โชคดี จากงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 รวมมูลค่ากว่า 1.94 ล้านบาท

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ภายใต้ธีม “The Talk of Sensuous Automotive” หรือ “สนทนาภาษายานยนต์” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จตามคาดหมาย มียอดผู้เข้าชมงานมากถึง 1.6 ล้านคน มีค่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 54 แบรนด์ ที่เข้ารวมงานฯและกวาดยอดจองในงานรวมทุกเซ็กเม้นท์จำนวนสูงถึง 79,941 คัน ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เป็นประจำของทุกปีที่คณะผู้จัดงานฯ จะทำการการจับรางวัลผู้โชคดีจากการตอบแบบสอบถามสำรวจความพึงพอใจจากผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมงานผ่าน Line OA @GrandPrix.Group ลุ้นรับรางวัลรถยนต์ไฟฟ้า,รถจักรยานยนต์ และของที่ระลึกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 โดยแบ่งเป็น รางวัลผู้โชคดีจากการซื้อบัตรเข้าชมงาน รางวัลจองรถยนต์ รางวัลจองรถจักรยานยนต์ รางวัลจากอภินันทนาการ และรางวัลซื้อสินค้าภายใน Hall 4 มูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป และได้ส่งข้อมูลเพื่อทำการชิงโชคลุ้นรับรถรางวัล โดยได้ทำการจับรางวัลผู้โชคดี ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี บริเวณจุดโชว์รถรางวัล LUCKY DRAW เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และได้ทำการประกาศรายชื่อ ผู้โชคดีใน www.motorshow.in.th และนิตยสารในเครือกรังด์ปรีซ์ฯ

สำหรับพิธีมอบรางวัลแก่ผู้โชคดี จัดขึ้นในวันศุกรที่ 25 กรกฎาคม 2568  เวลา 11.00 – 12.00 น. ณ บริเวณลานจอดรถรางวัล ด้านหน้า อาคาร 1 บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานการจัดงานฯ พร้อมด้วย คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์, คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา, คุณอโณทัย เอี่ยมลำเนา และคุณปิยนุช แจ่มศิริพรหม รองประธานการจัดงานฯ ร่วมกันมอบรางวัล และแสดงความยินดีกับผู้โชคดีจากงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้

รางวัลผู้โชคดีจากการซื้อบัตรเข้าชมงาน

1.รถยนต์ไฟฟ้า JAECOO 6 EV มูลค่า 1,099,000 บาท ได้แก่ คุณปัญญา วิจิตขะจี

2.รถจักรยานยนต์ Yamaha Grand Filano Hybrid มูลค่า 64,700 บาท ได้แก่ คุณอนุวัฒน์ หงษ์เทศ

3.รถจักรยานยนต์ Honda Scoopy I Urban มูลค่า 50,600 บาท ได้แก่ คุณนนนพัทธ์ พระนอ

รางวัลผู้โชคดีจากการจองซื้อรถยนต์ในงานและได้ส่งข้อมูลเพื่อทำการชิงโชคลุ้นรับรถรางวัล

4.รถยนต์ไฟฟ้า NETA VII SMART มูลค่า 427,000 บาท ได้แก่ คุณกิตติ วงษ์วุฒิศักดิ์ 

รางวัลผู้โชคดีจากการจองซื้อรถจักรยานยนต์ในงานและได้ส่งข้อมูลเพื่อทำการชิงโชคลุ้นรับรถรางวัล

5.รถจักรยานยนต์ Kawasaki W230 มูลค่า 149,900 บาท ได้แก่ คุณรัตนะ แสงศิริ

รางวัลผู้โชคดีจากบัตรอภินันทนาการและได้ส่งข้อมูลเพื่อทำการชิงโชคลุ้นรับรถรางวัล

6.รถจักรยานยนต์ SUZUKI Burgman มูลค่า 69,900 บาท ได้แก่ คุณกันตชา ศรีอยุธย์

รางวัลผู้โชคดี จากการซื้อสินค้าภายใน Hall มูลว่า 1,000 ขึ้นไปและได้ส่งข้อมูลเพื่อทำการชิงโชคลุ้นรับรถรางวัล

7.รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Yadea มูลค่า 22,000 บาท ได้แก่ คุณวีระวัฒน์ เจียระไนกาญจน์

นอกจากนี้ยังมีการจับรางวัลสำหรับรายชื่อผู้โชคดีที่จะได้ของที่ระลึกในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 จำนวน 100 รางวัล มูลค่ารวม 50,000 บาท (ซึ่งประกาศในเว็บไซต์ www.bangkok-motorshow.in.th และทาง นิตยสารในเครือกรังด์ปรีซ์ฉบับเดือน พฤษภาคม 2568)

สำหรับกำหนดการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 47 จะมีขึ้นวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2569 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี

GWM เปิดตัว TANK 500 DIESEL เคาะราคาเริ่มต้น 1.399 ล้านบาท

GWM บุกตลาดพรีเมียม PPV 7 ที่นั่ง เปิดตัว “NEW GWM TANK 500 DIESEL” อย่างเป็นทางการ เคาะราคาแนะนำเริ่มต้น 1.399 – 1.599 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 24 กรกฎาคม 2568 – GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ได้ฤกษ์เปิดม่านเผย NEW GWM TANK 500 DIESEL อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมขับเคลื่อนส่วนผสมที่ลงตัวทั้ง “ความพรีเมียมและความสมาร์ต” แบบเต็มขั้นในยนตรกรรมพรีเมียม PPV 7 ที่นั่ง ตอบไลฟ์สไตล์ทุกด้านของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพื่อรับประสบการณ์การขับขี่ที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2.) ความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย 3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย และ 4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง โดยมีราคาแนะนำช่วงเปิดตัวเริ่มต้นที่ 1.399 – 1.599 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ออกรถ 500 ท่านแรก พร้อมข้อเสนอพิเศษสู่การเดินทางที่เหนือระดับ และยังสร้างความต่างอย่างมีสไตล์ สะท้อนความต้องการบาลานซ์ระหว่าง “งาน ชีวิต ไลฟ์สไตล์” ของผู้ใช้งานชาวไทย ผ่าน “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ มุ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว และทริปผจญภัย สู่การนิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV 7 ที่นั่ง ระดับโลกอย่างแท้จริง

NEW GWM TANK 500 DIESEL พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีขาว สีเทา และรุ่นตกแต่งพิเศษ Black Warrior (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD) ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำสุดพรีเมียม ในราคาแนะนำในช่วงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนี้

•NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T PRO ราคา 1,399,000 บาท

•NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA* ราคา 1,499,000 บาท

•NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD* ราคา 1,599,000 บาท

(*ทั้ง ULTRA และ ULTRA 4WD มาพร้อมสีพิเศษ Black Warrior ซึ่งจะมีราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 30,000 บาท)

โดยราคาแนะนำในช่วงเปิดตัวสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถ NEW GWM TANK 500 DIESEL 500 คันแรกเท่านั้น พิเศษยิ่งขึ้น รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี ฟรี ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทางภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1,000,000 กิโลเมตร หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 

** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

มร.ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ GWM ในการสานต่อกลยุทธ์ระดับโลก All scenario, All powertrain, All users ด้วยการเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เรามั่นใจว่า NEW GWM TANK 500 DIESEL จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริโภคชาวไทย และจะเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างสำคัญที่ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่เวทีโลกไปพร้อมกับเรา”

“ในปีนี้ GWM เฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และในช่วงต้นปีนี้ GWM ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านคน สำหรับปีที่ผ่านมา ยอดขายในตลาดต่างประเทศทะลุ 450,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 44.61% นี่เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีต่อแบรนด์ GWM ความสำเร็จนี้เกิดจากยุทธศาสตร์ 4 เสาหลักของโลกาภิวัตน์ คือ ผลิตในพื้นที่ ดำเนินการในพื้นที่ เติบโตในระดับโลก และบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแนวคิด ‘In Local, For Local’ ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคในแต่ละประเทศเป็นศูนย์กลางของทุกการพัฒนา ไม่เพียงเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด แต่ยังส่งเสริมการจ้างงาน และยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนท้องถิ่น ภายในปี 2030 เราตั้งเป้ายอดขายในต่างประเทศกว่า 1 ล้านคันต่อปี โดยมากกว่า 30% จะเป็นรถยนต์พรีเมียม และประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์สำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาเพื่อรองรับตลาดระดับภูมิภาค และระดับโลก” มร.ปาร์คเกอร์ ฉี กล่าวเสริม

NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4T แบบ VGT ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิด 480 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) เหนือกว่าด้วย 4 จุดเด่นหลักที่ยกระดับมาตรฐานวงการ PPV ได้แก่

1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ทรงพลัง ลำโพง 12 ตัว และระบบ surround sound system กระจก 2 ชั้น แบบ Double layer laminated glass

2.) ความสบายเหนือระดับจากห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะหนัง Nappa ปรับไฟฟ้า พร้อมระบบจดจำตำแหน่ง นวด และระบายอากาศ และพาโนรามาซันรูฟ ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัย เช่น กล้องมองรอบคัน 540 องศา (กล้อง 360 องศาพร้อมระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ), Head-up Display, ระบบสั่งงานด้วยเสียง และหน้าจอ Smart Dual Screen ระบบจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ระบบการควบคุมรถจากทางไกลผ่าน GWM application สุดท้าย

4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นด้วยชุดระบบ GWM Intelligent Driving Assistance (L2+) และระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับมากมาย  (ผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นมีข้อมูลอุปกรณ์และฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน โปรดศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม)

มาสด้าสานฝันเยาวชนไทยสู่เส้นทางกอล์ฟอาชีพและการศึกษาระดับโลก

มาสด้า ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสานต่อโครงการกอล์ฟสำหรับเยาวชน ครั้งที่ 4 เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าและเยาวชนที่รักในกีฬากอล์ฟ กับโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2025

มาสด้า ประกาศเชิญชวนเยาวชนทั้งชายและหญิง อายุระหว่าง 12-19 ปี สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อคว้าโอกาสรับทุนการศึกษาและก้าวสู่การแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงคว้าสิทธิพิเศษอีกมากมาย อาทิ ตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกา พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ต้องผ่านรอบคัดเลือก รวมถึงส่วนลดค่าสมัคร 30% มูลค่า 125 USD (หรือประมาณ 4,000 บาท) เป็นต้น ซึ่งการแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ สนามกอล์ฟ Siam Country Club Rolling Hills พัทยา สำหรับเยาวชนที่สนใจสามารถตรวจสอบสิทธิ์ และลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางเว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์ หรือกดสมัครตามลิงค์ที่แนบมานี้ https://m.mazda.co.th/3TRHyL

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP เกิดขึ้นจากการนำปรัชญา Joy Drives Lives…ความสุขขับเคลื่อนชีวิต มาต่อยอดให้เป็นรูปธรรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้า โดยเปิดโอกาสให้กับเยาวชนไทยและทั่วโลกได้รับการศึกษาระดับนานาชาติพร้อมโอกาสก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ด้วยความเชื่อมั่นว่าความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นได้เมื่อลงมือทำในสิ่งที่รักและได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิดของมาสด้าที่เชื่อเสมอว่า “ความสุข” คือพลังที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตได้อย่างแท้จริง การได้เห็นเยาวชนได้เรียนรู้ เติบโต และประสบความสำเร็จในสิ่งที่รัก คือหนึ่งในรูปแบบของความสุขที่มีความหมายมากที่สุด ดังนั้น โครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันกอล์ฟเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีในการค้นหา และผลักดันนักกอล์ฟรุ่นใหม่ที่มีฝีมือได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอนาคตที่สดใสทั้งบนเส้นทางการเป็นนักกีฬาควบคู่กับด้านวิชาการ

โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2567 โดยความร่วมมือระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กับ The Agency Recruit ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาสำหรับเยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนที่รักในกีฬากอล์ฟได้มีโอกาสคว้าทุนการศึกษา และเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับนักกอล์ฟเยาวชนจากนานาชาติ ตลอดจนก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพ โดยครั้งนี้ มาสด้าจะทำการรับสมัครและคัดเลือกเยาวชน จำนวน 24 คน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันร่วมกับเยาวชนอีก 120 คน รวมเยาวชนกอล์ฟที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 144 คน ซึ่งเตรียมจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ สนามกอล์ฟ Siam Country Club Rolling Hills Pattaya จังหวัดชลบุรี โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้

เกณฑ์การรับสมัคร

•เยาวชนชายและเยาวชนหญิง อายุระหว่าง 12-19 ปี

•ผู้ปกครองของผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันต้องเป็นลูกค้ามาสด้าเท่านั้น

•ผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันหรือผู้ปกครอง ต้องสมัครผ่านเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์

•ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จำนวน 24 คน ในวันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2568 เวลา 15:00 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์ และรายชื่อสำรอง จำนวน 10 คน ผู้ที่มีรายชื่อสำรองจะต้องทำการยืนยันสิทธิ์ ภายในวันพุธที่ 23 กันยายน 2568

•สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 08:00 น. จนถึงวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 23:59 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์

•กิจกรรมเปิดงานและงานเลี้ยงต้อนรับเยาวชนกอล์ฟ จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2568

•เยาวชนที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ต้องสามารถร่วมการแข่งขันได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568

หมายเหตุ: เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบสิทธิ์เจ้าของรถ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่านระบบไลน์ MAZDA SKY JOURNEY

รางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขัน

•เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 24 คน จะได้รับของสมนาคุณพิเศษจากมาสด้า

•ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 50% อันดับแรกของแต่ละประเภทการแข่งขัน จะได้รับรางวัลและสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับสูง รวมถึงตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกา

•ผู้ชนะการแข่งขัน จำนวน 12 คน จะได้รับตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน Junior World Cup Invitational Kingsmill ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2569 ที่รัฐเวอร์จิเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

“มาสด้าขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้เยาวชนและคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมโอกาสด้านการศึกษา การกีฬา และการพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ ผ่านกิจกรรมในรูปแบบที่หลากหลาย เพราะมาสด้าเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า เมื่อผู้คนได้ลงมือทำในสิ่งที่ตนรัก ได้รับแรงบันดาลใจ และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความสุขจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นั่นคือพลังที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า ตามปรัชญา Joy Drives Lives…ความสุขขับเคลื่อนชีวิต ที่มาสด้ายึดมั่นมาโดยตลอด เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจและเติบโตไปพร้อมกับความสุขอย่างยั่งยืน” นายภพนิพิฐ กล่าว

เมอร์เซเดส-เบนซ์ สานต่อแคมเปญรับสิทธิประกันคุณภาพไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด

เมอร์เซเดส-เบนซ์ สานต่อแคมเปญ “Welcome Back Stars” ปีที่ 2 ชวนลูกค้ากลับมารับสิทธิประกันคุณภาพ High-Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10* ครอบคลุมไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดกว่า 22 รุ่น

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดแคมเปญบริการหลังการขาย “Welcome Back Stars” ปีที่ 2 ชวนลูกค้ารถยนต์กลุ่ม Hybrid และ Plug-in Hybrid ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี ให้กลับมารับสิทธิการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery) เป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 10 ปี* นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบรถ สำหรับลูกค้าที่เคยหลุดจากเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพเดิม โดยครอบคลุมรถยนต์กว่า 22 รุ่น ตามรุ่นรถยนต์และรหัสตัวถังที่กำหนด สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถนำรถยนต์เข้ามารับบริการและตรวจสอบสิทธิการรับประกันของรถยนต์ในแต่ละกลุ่ม ได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568

เงื่อนไขการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High-Voltage Battery สำหรับรถยนต์กลุ่ม Hybrid และ Plug-in Hybrid มีดังนี้

1.เข้ารับบริการ Service A หรือ B ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ

2.มีค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ มากกว่าหรือเท่ากับ 40,000 บาท* (ค่าแรงและค่าอะไหล่ หลังหักส่วนลดและก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม)

3.เข้ารับการตรวจสอบคุณภาพปัจจุบันของ High-Voltage Battery โดยศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ และมีผลทดสอบคุณภาพผ่านเกณฑ์โดยแบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ (แบตเตอรี่เสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ) ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ*

4.เฉพาะรถยนต์รุ่นที่กำหนดในแคมเปญ “Welcome Back Stars” และมีเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery ตามรายละเอียดที่ระบุในตารางด้านล่างนี้

รุ่นรถยนต์และเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพเดิมของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery)
ลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 1ลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 2
การรับประกัน High-Voltage Battery รับประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง ภายใน 5 ปีแรก และ จำกัดระยะทาง โดยหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ต้องมีระยะทาง ไม่เกิน 150,000 กม. ในระหว่างปีที่ 6-10 ปี นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า   รุ่นรถยนต์ GLE (W166) 166063 GLE 500 e 4MATIC C-Class (W205) 205012 C 300 BlueTEC HYBRID C-Class Estate (S205) 205212 C 300 BlueTEC HYBRID Estate C-Class (W205) 205047 C 350 e C-Class Estate (S205) 205247 C 350 e Estate C-Class (W205) 205053 C 300 e E-Class (W212) 212098 E 300 BlueTEC HYBRID E-Class Estate (S212) 212298 E 300 BlueTEC HYBRID Estate E-Class (W213) 213050 E 350 e S-Class (V222) 222157 S 400 HYBRID S-Class (V222) 222104 S 300 BlueTEC HYBRID S-Class (V222) 222163 S 500 e S-Class (V222) 222173 S 560 eการรับประกัน High-Voltage Battery รับประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า       รุ่นรถยนต์ C-Class (W206) 206054 C 350 e E-Class (W213) 213053 E 300 e GLC Coupé (C253) 253353 GLC 300 e 4MATIC Coupé GLC (X253) 253953 GLC 300 e 4MATIC GLC Coupé (C254) 254356 GLC 350 e 4MATIC  Coupé GLC (X254) 254656 GLC 350 e 4MATIC GLE (V167) 167117 GLE 350 de 4MATIC S-Class (V223) 223168 S 580 e Mercedes-Maybach S-Class (Z223) 223968 Mercedes-Maybach S 580 e Premium และรุ่นรถยนต์อื่นๆ ในปี 2568 ที่ทางบริษัทฯ กำหนด

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมแคมเปญเพื่อรับสิทธิ ดังนี้

1.ส่วนลด 20% จากราคาขายแนะนำสำหรับอะไหล่ High-Voltage Battery

•สำหรับลูกค้าที่รถยนต์ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบคุณภาพ High-Voltage Battery ตามเงื่อนไขและข้อกำหนด จะได้รับสิทธิพิเศษส่วนลดค่าอะไหล่ 20%* จากราคาขายแนะนำ เมื่อทำการเปลี่ยน High-Voltage Battery (โดยได้รับส่วนลดข้างต้น) จะได้รับการรับประกันคุณภาพ 2 ปี ตามมาตรฐานอะไหล่แท้เมอร์เซเดส-เบนซ์

•เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ และเข้ารับบริการ Service A หรือ B จะได้รับคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10* นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพจำกัดระยะทางขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ ที่ระบุในตารางด้านบน

2.ราคาพิเศษ! แพ็กเกจ Extended HV battery การขยายการรับประกัน High-Voltage Battery 10 ปี เป็นแบบไม่จำกัดระยะทาง ในราคา 50,000 บาท (สำหรับกลุ่มรถยนต์ที่ได้รับการรับประกัน 10 ปี แบบจำกัดระยะทาง 150,000 กม.)

สำหรับลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 1 ที่ได้รับการประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางภายใน 5 ปีแรก และ จำกัดระยะทางโดยหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ต้องมีระยะทางไม่เกิน 150,000 กม. ระหว่างปีที่ 6-10 ปี (นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า) สามารถขยายการรับประกันคุณภาพเดิม High-Voltage Battery 10 ปี เป็นแบบไม่จำกัดระยะทาง เมื่อซื้อแพ็กเกจ Extended HV battery นี้

เงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ*

1.สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ารับบริการ Service A หรือ B ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 และชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด

2.มียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ มากกว่าหรือเท่ากับ 40,000 บาท คำนวณเฉพาะค่าสินค้าและบริการตามประเภทที่กำหนด โดยสามารถรวมค่าบริการ Service A/B, งานซ่อมบำรุงตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์, Accessories & Collections, MB Tire, Digital Extras, MBSP แพ็กเกจ Extra Guarantee Lite, รวมค่าอะไหล่และค่าแรงหลังหักส่วนลดใดๆ (ถ้ามี) โดยเป็นมูลค่าก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

3.สงวนสิทธิรถยนต์เพื่อการพาณิชย์, งานบริการ Internal, งานรับประกัน Warranty และงานซ่อมสีตัวถัง ไม่สามารถเข้าร่วมแคมเปญได้

4.สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้ ในกรณีมีการเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่ในศูนย์บริการฯ เท่านั้น ไม่สามารถนำอะไหล่ออกไปนอกศูนย์บริการฯ ได้

5.โปรดตรวจสอบรายละเอียดแคมเปญ รุ่นรถยนต์ที่เข้าร่วม และเงื่อนไขแคมเปญได้ ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://mb4.me/TH_CSSpecialOffers หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าฯ โทร. 1250

ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

#MercedesBenz #MercedesBenzThailand #MBTHCS #WelcomeBackStars

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save