- Advertisement -
28.1 C
Bangkok
Home Blog Page 7

ฟอร์ด เผยโฉม เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน พร้อมแคมเปญพิเศษอัดแน่น

ฟอร์ด เผยโฉม เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน ตัวจริงครั้งแรก จัดแคมเปญสุดคุ้มและสตูดิโอไลฟ์สดสุดเอ็กซ์คลูซีฟในงานมอเตอร์โชว์

•สัมผัส ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน ตัวจริงครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ผสานดีไซน์สปอร์ตเข้มดุดัน สมรรถนะการขับขี่เหนือชั้น และเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคา 1,619,000 บาท

•ฟอร์ด เรนเจอร์ สปอร์ต กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมกลับมาให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของอีกครั้ง ตอบโจทย์ทั้งสายลุยและผู้ใช้งานในเมือง มาในราคาพิเศษ 1,049,000 บาท

•จัดเต็มแคมเปญสุดคุ้มสำหรับรถฟอร์ดรุ่นยอดนิยม ทั้งไลน์อัพฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์พร้อมรับประกันคุณภาพรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และรับฟรี กระเป๋าเดินทางฟอร์ดดีไซน์หรู มูลค่า 3,900 บาท เมื่อจองรถฟอร์ดรุ่นใดก็ได้

•ร่วมเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในสตูดิโอไลฟ์สด ได้ที่บูธฟอร์ด

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 24 มีนาคม 2568 – ฟอร์ดเตรียมจัดแสดงฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน อย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ บูธ A2 อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2568 พร้อมนำทัพรถยนต์รุ่นยอดนิยมมาจัดแสดงกับข้อเสนอสุดพิเศษ จัดเต็มไลน์อัพฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ หลากหลายรุ่น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถกระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวจริงด้านความแกร่งและดุดันในทุกเส้นทาง พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วย ‘Ford Live Studio’ สตูดิโอไลฟ์สดสำหรับเหล่าครีเอเตอร์นักสร้างสรรค์คอนเทนต์

“ฟอร์ดมุ่งมั่นรับฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง การเปิดตัวรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน ช่วยตอกย้ำความตั้งใจนี้ ผ่านการผสมผสานทั้งสไตล์และสมรรถนะที่รองรับไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย นอกจากนี้ เรายังได้นำฟอร์ด เรนเจอร์ สปอร์ต กระบะ 4 ประตู พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ กลับมาอีกครั้งตามเสียงเรียกร้องเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแบบสมบุกบันและการขับขี่ในเมือง ในราคาที่คุ้มค่า ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 46 นี้ นับเป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดแห่งปีที่ลูกค้าจะได้เป็นเจ้าของรถฟอร์ดด้วยข้อเสนอสุดพิเศษพร้อมให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

รถยนต์ฟอร์ดที่นำมาจัดแสดงในงาน

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน รถยนต์นั่งอเนกประสงค์รุ่นพิเศษที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเข้มดุดัน ตกแต่งโทนสีดำรอบคัน มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกครบครัน มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ลและสีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก ราคา 1,619,000 บาท มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

ภายในงาน ลูกค้ายังจะได้พบกับกองทัพรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ แบบ 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อ รถยนต์ในฝันของหลายๆ คนที่สะท้อนภาพความแกร่งและดุดันในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานบนทางเรียบหรือเส้นทางออฟโรด อาทิ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สุดยอดรถกระบะสมรรถนะสูงอัดแน่นด้วยดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์วี 6 อันทรงพลัง ฟอร์ด    เรนเจอร์ สตอร์มแทรค โดดเด่นด้วยชุดแต่งสุดเท่ ฟอร์ด เรนเจอร์ สปอร์ต กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งสายลุยและการใช้งานในเมือง มาพร้อมราคาพิเศษ 1,049,000 บาท จากราคาปกติ 1,089,000 บาท และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

นอกจากนี้ เตรียมพบกับแคมเปญพิเศษส่งท้ายไตรมาสแรก มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับรถฟอร์ดรุ่นยอดนิยม ทั้งที่บูธฟอร์ดในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 และที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ โดยมีไฮไลท์ดังนี้

•ฟอร์ด เรนเจอร์ XLS กระบะ 4 ประตูยกสูง เกียร์อัตโนมัติ ราคาพิเศษ 799,000 บาท จากราคาปกติ 924,000 บาท

•ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ฟรี เงินสนับสนุนอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 50,000 บาท

•ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ราคาพิเศษ 1,699,000 บาท จากราคาปกติ 1,804,000 บาท

•ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ ราคาพิเศษ 1,249,000 บาท จากราคาปกติ 1,397,000 บาท

•ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พิเศษ! ลูกค้าเก่ารับฟรี โปรแกรม Ford Care Gold+ อุ่นใจในการขับขี่ตลอด 7 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ สามารถซื้อโปรแกรม Ford Care Gold+ ได้ในราคา 36,050 บาท จากราคาปกติ 66,050 บาท

รถฟอร์ดทุกรุ่นยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่จากโรงงาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และพิเศษ เมื่อจองรถฟอร์ดรุ่นใดก็ได้ในงาน รับฟรีกระเป๋าเดินทางฟอร์ดดีไซน์หรู มูลค่า 3,900 บาท

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ฟอร์ดจัดเตรียมเปิดพื้นที่ ‘Ford Live Studio’ สตูดิโอไลฟ์สดสุดล้ำเพื่อให้เหล่าครีเอเตอร์มาร่วมสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาการจัดงาน

ผู้สนใจดูข้อมูลและเงื่อนไขข้อเสนอพิเศษของแคมเปญส่งเสริมการขายจากฟอร์ดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th และช่องทางโซเชียลมีเดียของฟอร์ด ประเทศไทย ทั้ง Facebook ฟอร์ด YouTube Ford Thailand TikTok Ford Thailand และ Line @FordThailand

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว 3 รุ่น ตระกูล  Mercedes-AMG ในงาน Motor Show 2025

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดบ้านรับคอมมูนิตี้ “Friend with Benz” พร้อมแนะนำ 3 เพื่อนใหม่ จากครอบครัว Mercedes-AMG ให้ทุกคนมาทำความรู้จักกันในงาน Motor Show 2025

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เดินหน้าต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และกลุ่มลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการทำการตลาดที่มีความหมายผ่านการเชิญชวนคนที่มี Passion for Benz มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคอมมูนิตี้ “Friend with Benz” และเข้ามาแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจที่มีต่อแบรนด์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 โดยมี 3 ยนตรกรรมเพื่อนใหม่จาก Mercedes-AMG มาเผยโฉมสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก นำโดย Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ พร้อมประเดิมการเปิดตัวของ MANUFAKTUR Exclusive โปรแกรมปรับแต่งรถยนต์ที่เข้ามารองรับกลุ่มลูกค้าระดับ Top-End Luxury ให้สามารถร่วมออกแบบรถยนต์ของตัวเองได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังจัดแสดงยนตรกรรมหลากหลายรุ่นจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย พบกันที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ หมายเลข A17 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568

มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน การสร้างความสัมพันธ์และตอกย้ำถึงจุดร่วมระหว่างแบรนด์และลูกค้าจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากผู้เล่นอื่นในตลาด หากย้อนกลับไปในงาน Motor Show 2024 เราได้ชวนทุกคนมาหาคำตอบเบื้องหลังของผู้ที่มีชื่อเดียวกับแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา

“The Meaning of Benz” ซึ่งทำให้ชาวไทยมีความรู้สึกร่วมไปกับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ในปีนี้ เราจึงต้องการต่อยอดไปสู่สร้างคอมมูนิตี้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และทำให้พวกเราใกล้กันมากยิ่งขึ้น ด้วยการชวนคนที่มี Passion for Benz มาเป็น “Friend with Benz” ด้วยกันกับเรา โดยนอกจากการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ที่มี Passion เหมือนกัน มาพบเจอกันที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคนยังสามารถทำความรู้จักกับยนตรกรรมทุกรุ่นของเราที่นำมาจัดแสดงแบบครบทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะ 3 เพื่อนใหม่ในตระกูล Mercedes-AMG ที่เราเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับโปรแกรม MANUFAKTUR Exclusive ที่จะเข้ามาสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการปรับแต่งรถยนต์ระดับลักชัวรีในประเทศไทย ภายใต้คอนเซปต์ “MADE TO MEASURE” โดยเปิดให้ลูกค้าในกลุ่ม Top-End Luxury ครอบคลุมทั้งโมเดล S-Class จนไปถึงไลน์อัพระดับ Flagship ของแบรนด์ Mercedes-AMG และ Mercedes-Maybach รวมถึงโมเดลต้นกำเนิดของ MANUFAKTUR อย่าง G-Class ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรถยนต์ของตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีตัวถังเพิ่มเติมได้มากขึ้นถึง 50 แบบ และออปชันสีภายในอีกกว่า 20 แบบ รวมถึงแพ็กเกจ MANUFAKTUR optional extra ที่ให้คุณตกแต่งรถยนต์รอบคันทั้งภายในและภายนอกได้ตามที่ต้องการ โดยถ้าให้พูดถึงโปรแกรม MANUFAKTUR สำหรับ G-Class คุณจะสามารถออกแบบรถยนต์ของคุณให้มีความแตกต่างกันได้มากถึง 1 ล้านแบบ ซึ่งนั่นทำให้ G-Class ทุกคันที่อยู่บนถนนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงเจ้าของรถได้อย่างชัดเจน”

และเพื่อตอกย้ำแนวคิดของแคมเปญ “Friend with Benz” ที่อยากให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้เดียวกันกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทางแบรนด์ได้นำเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษอย่าง “Friend get Friend” ด้วยเงื่อนไขการรับข้อเสนอเพียงอย่างเดียวคือการชวนเพื่อนมาซื้อรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่งาน Motor Show 2025 หรือที่ตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่มีเฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น

ทำความรู้จัก 3 เพื่อนใหม่จากครอบครัว Mercedes-AMG

“Mercedes-AMG G 63” เพื่อนใหม่สายลุย เจ้าของตำแหน่งพี่ใหญ่แห่งเส้นทาง Off-Road มาพร้อมส่วนผสมที่ลงตัวทั้งความแข็งแกร่ง สมรรถนะที่ทรงพลัง และเอกลักษณ์เฉพาะที่เหนือกาลเวลา โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG และเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยระบบ Mild Hybrid ที่ผสานการทำงานเข้ากับพื้นฐานเครื่องยนต์ V8 ภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” เสริมพลังการออกตัวที่เฉียบคม และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

Mercedes-AMG G 63 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท

“Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+” เพื่อนใหม่สายสปอร์ตที่ผสานเสน่ห์ของยนตรกรรมเปิดประทุนสุดหรูรถยนต์กับความเป็นที่สุดในทุกด้านจาก Mercedes-AMG มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังในแบบฉบับ AMG ประกอบขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพียงผู้เดียว ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแบบ “One Man, One Engine” ด้วยเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo มอบพละกำลังสูงสุด 476 แรงม้าที่ 2,250-4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท

“Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+” เพื่อนใหม่สายทรงพลัง ยนตรกรรมตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 ของแบรนด์ Mercedes-AMG ครั้งนี้กลับมาเปิดตัวในประเทศไทยด้วยรหัสตัวถัง C192 ออกแบบภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตรพร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo และติดตั้งในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์แบบ hot inside “V” ทำให้เครื่องยนต์สามารถสร้างพละกำลังได้สูงถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยรถรุ่นนี้ได้ถูกปรับแต่งระบบควบคุมเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะและการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมระบบอัดอากาศให้เหมาะสมตามการขับขี่ และตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยลายเซ็นของผู้ประกอบที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของ AMG

Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท

สามารถรับข้อเสนอพิเศษเดียวกันกับงาน Motor Show 2025 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่ง ทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือโทร 1250 และสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

อีซูซุ ส่งทัพยนตรกรรมขุมพลังใหม่โชว์ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

อีซูซุ ส่งทัพยนตรกรรมขุมพลังใหม่ “2.2 Ddi MAXFORCE” พร้อม “ISUZU DRAGONMAX” ร่วมโชว์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย”

ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ตอกย้ำแบรนด์อีซูซุที่ผู้ใช้ชาวไทยไว้วางใจตลอด 68 ปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” จัดทัพยนตรกรรมครบรุ่น ทั้งโมเดลมาตรฐานยอดนิยมที่โดดเด่นด้วยขุมพลังดีเซลแห่งอนาคต “ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก” และโมดิฟายคาร์ หลากรุ่น ครบทุกไลฟ์สไตล์ รวมทั้งสิ้น 15 คัน แน่นเต็มพื้นที่จัดแสดง

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุภูมิใจนำเสนอบูธในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ในคอนเซ็ปต์ “Isuzu Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” มีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำแบรนด์อีซูซุที่ผู้ใช้ชาวไทยไว้วางใจตลอด 68 ปีที่ผ่านมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามแบบฉบับญี่ปุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างแท้จริง คือ ประหยัดน้ำมันที่สุด ทนทานที่สุด คุ้มค่าเงินสูงสุด พร้อมการบริการดูแลและสร้างความพอใจแก่ผู้ใช้ตลอดอายุการใช้งาน อีกทั้งอีซูซุยังให้ความสำคัญต่อคุณค่าทางสังคมไทย ด้วยการผลิตรถที่เน้นการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ เช่น รถปิกอัพที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก ใช้ชิ้นส่วนไทยมากกว่า 90% ก่อให้เกิดห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ที่แข็งแกร่งของไทยในระดับโลก เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจไทยตลอดมา นอกจากนี้อีซูซุได้ยกขบวนยนตรกรรมโชว์ขุมพลังดีเซลแห่งอนาคต “ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากโดยในระยะเวลา 3 เดือนนี้ มีลูกค้ามากกว่า 22,000 คนทั่วประเทศ ได้ทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่นี้แล้วทั้ง อีซูซุดีแมคซ์ และ อีซูซุมิว-เอ็กซ์ ลูกค้าต่างพอใจกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของทั้งเครื่องยนต์ใหม่ 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ ในด้านพละกำลัง ความเร็ว และความนุ่มนวลในการขับขี่ ร่วมจัดแสดงภายในบูธ รวมทั้งสิ้น 15 คัน ทั้งรุ่นมาตรฐานยอดนิยม จำนวน 8 คัน และตกแต่งพิเศษหลากสไตล์ จำนวน 7 คัน และ 1 ในรถตกแต่งพิเศษนั้นคือ “ISUZU DRAGONMAX” โดดเด่นในคอนเซ็ปต์ “Restomod” ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “Restoration” และ “Modernization” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และอีซูซุยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าที่จองรถในงานได้ร่วมลุ้นรับบัตรกำนัลมูลค่า 22,000 บาท ทุกวัน รวมมูลค่า 1,232,000 บาท อีกด้วย”

สำหรับยนตรกรรมที่อีซูซุนำมาจัดแสดงภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 รวมทั้งสิ้น 15 คัน ดังนี้

ยนตรกรรมอีซูซุ รุ่นมาตรฐาน รวม 8 คัน ได้แก่

•NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×2 สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) ไลน์อัพใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมการออกแบบที่โดดเด่น และสปอร์ตเหนือระดับ

•NEW MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ULTIMATE 4×2 สีขาวมุก โดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พลิกโฉมสู่ความพรีเมี่ยม

•NEW MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ELEGANT 4×2 สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade เพิ่มความสปอร์ตของชุดไฟท้าย

•NEW ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู รุ่น M สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพยกสูงระดับ TOP CLASS ที่ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวก้าวล้ำไปสู่เทคโนโลยีอนาคตแฝงด้วยศาสตร์แห่งวิศวกรรมการขับเคลื่อน

•NEW ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู รุ่น Z สีดำบาวาเรียน (Bavarian Black Mica) 2.2 Ddi MAXFORCE ปิกอัพยกสูงเหนือระดับ ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่คุ้มค่า

•NEW ISUZU D-MAX CAB4 รุ่น Z สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดใหม่ ภายนอกภูมิฐาน ไฟหน้าดีไซน์เน้นความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight กระจังหน้าแบบ 3-Dimension สี Silky Silver และ Dark Grey พร้อม Air Curtain ที่กันชนหน้า

•NEW ISUZU D-MAX SPACECAB รุ่น L สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รถปิกอัพอเนกประสงค์ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน

•ISUZU X-SERIES รุ่น HI-LANDER 2 ประตู 1.9 Ddi Blue Power AT สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) ปิกอัพสปอร์ตยกสูง มาพร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว สี Gloss Black ห้องโดยสารโทนดำ-เทา คอนโซลดีไซน์แบบ Iron Structure เพิ่มความเท่อย่างมีสไตล์

ยนตรกรรมอีซูซุโมดิฟายคาร์ รวม 7 คัน ได้แก่

•รถปิกอัพในตำนาน “ISUZU DRAGONMAX” สร้างขึ้นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Restromod” (Restoration & Modernization) เพื่อตอกย้ำแนวคิด “Isuzu Trusted Buddy… อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” โดยนำรถปิกอัพอีซูซุยอดนิยม รุ่น TFR ปี 1988 มาปรับลุคใหม่ เสริมสไตล์สปอร์ต ทันสมัย โดดเด่นภายนอกจดภายใน ใหม่หมดทุกมุมมอง ดีไซน์กันชนหน้า กระจังหน้า ฝากระโปรงหน้าใหม่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟ DRL ที่กันชนหน้า ชุดสเกิร์ตข้างดีไซน์ใหม่แบบ Muscle Line ที่ซุ้มล้อ ฝากระบะท้ายพร้อมสปอยเลอร์ Duck Tail ดีไซน์ใหม่ ดุดันยิ่งขึ้นด้วยโป่งล้อที่แก้มหน้าและกระบะท้ายแบบ Wide Body กระจกมองข้าง  ปรับไฟฟ้า สะกดสายตาด้วยชุดไฟท้าย LED ใหม่ ทันสมัยกับสีตัวรถ Katana Matte Silver เปลี่ยนระบบช่วงล่างพร้อมระบบบังคับเลี้ยวใหม่ ด้วยชุดแร็คพวงมาลัย ปีกนก คอม้า และเพลาท้ายใหม่ ชุดโช้กอัพ Profender รุ่น Queen Series & Piggy Back ล้อแม็กซ์ Bradley-V ขนาด 8×17 นิ้ว ยาง Yokohama Advan Fleva V701 ขนาด 225/50/17 ชุดจานดิสก์เบรกหน้า-หลัง Brembo พร้อมจานเบรกขนาด 340 และ 320 มม. ภายในเพิ่มความหรูหราแฝงรสนิยมขั้นสุดกับห้องโดยสารด้วยคอนโซลหน้า เบาะและชุดแต่งอาคันทาร่ายกเซต เสริมความสปอร์ตด้วยเบาะ Recaro Premium Classic Seat หุ้มอาคันทาร่า พร้อมมาตรวัด AIM MXT ขนาด 10 นิ้ว อ่านค่าความเร็ว วัดรอบเครื่องยนต์ วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง วัดความร้อนเครื่องยนต์ ติดตั้งจอกลางแบบ Android ขนาด 11.8 นิ้ว วัดค่าฟังก์ชั่นต่าง ๆ จากกล่องพ่วงเพิ่มแรงม้า ECU Shop Ultra Boost เช่น วัดบูสต์เทอร์โบ วัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิภายนอก ผสานเข้ากับที่สุดของขุมพลังดีเซลแห่งอนาคต “ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก” ห้องเครื่องสร้างใหม่โดย BRD เพิ่มความแรงเต็มสปีด แรงไร้ควันด้วยกล่องพ่วงเพิ่มแรงม้า ECU SHOP Ultra Boost ปรับจูน 220 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตัน-เมตร และคันเร่งไฟฟ้า Boost Speed Next

•NEW ISUZU MU-X THE NEXT PEAK รุ่น RS เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตกแต่งสำหรับสายท่องเที่ยวแคมป์ปิ้ง สไตล์ Overland เริ่มจากบันไดข้างจาก TJM พร้อมชุดกันกระแทกด้านข้างตัวถัง เต๊นท์บนหลังคาจาก TJM รุ่น ALLORA ALUMINIUM ROOFTOP TENT เพิ่มความสว่างในยามค่ำคืนด้วยชุดไฟ TJM รุ่น SEEKER LIGHT BAR และชุดไฟ SEEKER SIDE SHOOTER บริเวณฝากระโปรงหน้า ลุยได้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดช่วงล่างจาก TJM โช้คอัพรุ่น XGS ROAMER จับคู่กับคอยล์สปริงรุ่น XGS พร้อมปีกนกปรับองศา ล้อ Lenso รุ่น MX รุ่น Cezar พร้อมยาง BRIDGESTONE DUELER AT002 ขนาด 285/60 R18

NEW ISUZU V-CROSS 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE รุ่น M แต่งพิเศษ เอาใจสายลุยตัวจริงตามแบบฉบับออฟโรดจากประเทศออสเตรเลีย ที่มีสภาพภูมิประเทศสุดโหด ต้องการรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงพร้อมเผชิญหน้ากับอุปสรรคทุกรูปแบบ ตกแต่งด้วยชุดแต่งจาก TJM รอบคัน เริ่มจาก ชุดกันชนหน้ารุ่น CHASER BAR พร้อมรอกไฟฟ้ารุ่น TORQ 9500LB ชุดกันชนหลังรุ่น RB6 ชุดบันไดข้างรุ่น MODULAR SIDE BAR STEP ชุดกันกระแทกใต้ท้องรถ ชุดยกช่วงล่าง TJM โช้คอัพรุ่น XGS RUGGED คอยล์สปริง และชุดแหนบรุ่น XGS และล้อขนาด 18 นิ้วรุ่น KONG จาก TJM ให้คุณสามารถออกไปใช้ชีวิตได้เต็มที่ ด้วยชุดเต๊นท์บนหลังคา และยังเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยชุดกระบะลอยและตู้หลังกระบะที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นในการบรรทุกได้หลายรูปแบบ ติดตั้งระบบสำรองกำลังไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ควบคุมและบาลานซ์กำลังไฟด้วย TJM 25A 3 STAGE DC SOLAR BATTERY CHARGER สามารถแปลงไฟเพื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับสายแคมป์ปิ้ง

NEW! ISUZU MU-X THE NEXT PEAK รุ่น ACTIVE เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE 163 แรงม้า แต่งด้วย CONCEPT SPORT SUV ด้วยชุดแต่งบอดี้พาร์ทรอบคันสไตล์สปอร์ตจาก AKC เสริมสมรรถนะด้วยชุดโหลดช่วงล่าง 3.5 นิ้วจาก Profender รุ่น Tune Series พร้อมปีกนกปรับองศา เสริมลุคให้สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้อ LENSO รุ่นใหม่ล่าสุด JAGER AJAX พร้อมยาง YOKOHAMA ADVAN SPORT ขนาด 265/50 R20 เสริมสมรรถนะระบบเบรกด้วยเบรกหน้า CALIPER แบบ 6 POT รุ่น R8 พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. CALIPER เบรกหลังแบบ 4 POT รุ่น R3 พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. จาก Run Stop ตกแต่งด้วยลวดลายกราฟฟิกพิเศษ ให้ดูโดดเด่น สะกดทุกสายตา

•NEW ISUZU MU-X THE NEXT PEAK รุ่น RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE 163 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อ ตกแต่งให้เป็นรถที่ตอบสนองกับกิจกรรมกลางแจ้ง ด้วยชุดอุปกรณ์ยึดจับ SUP BOARD บนหลังคารถจาก THULE รุ่น SUP TAXI XT เพิ่มความโดดเด่นด้วยล้อ LENSO รุ่น JAGER ZETA พร้อมยาง BRIDGESTONE DUELER AT002 ขนาด 265/50 R20

•NEW ISUZU D-MAX HI-LANDER เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE 163 แรงม้า รุ่น M ให้คุณใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยชุดอุปกรณ์ยึดจับจักรยานในกระบะรุ่น BED RIDER 822 XTR พร้อมจักรยาน Trek แบบ Mountain & City Bike

•NEW ISUZU D-MAX SPARK เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE 163 แรงม้า รุ่น S แต่งเอาใจสายซิ่งด้วยชุดแต่งบอดี้พาร์ทรอบคันสไตล์สปอร์ตจาก FORTE จัดทรงด้วยชุดโหลดช่วงล่างจาก Profender รุ่น Mono Tube พร้อมล้อ MK SPORT รุ่น N-5SRR Limited และยาง NITTO รุ่น NT420SD ขนาด 255/50R18

อีกทั้งยังมีกิจกรรม ISUZU Time Traveler “อีซูซุ คู่หูคู่ใจ ให้ AI พาข้ามเวลา” ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกับ AI ที่จะพาคุณเดินทางผ่านช่วงเวลาต่างๆ ไปกับคู่หู ISUZU ผ่านทาง https://bit.ly/41HwKmo  พร้อมลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษมากมาย อีกทั้งยังสามารถร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความผูกพันกับอีซูซุในกิจกรรม “ความทรงจำดี ๆ กับอีซูซุ”  ภายใต้แคมเปญพิเศษ “Isuzu Trusted Buddy… อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย”พร้อมติด #IsuzuTrustedStory ในแอปพลิเคชัน my-ISUZU และ Facebook : All-New ISUZU D-Max, All-New ISUZU MU-X และ ISUZU Trucks Thailand

เชิญสัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมอีซูซุหลากรุ่นได้ที่บูธอีซูซุ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 256

GWM เปิดราคา TANK 300 DIESEL เริ่มต้น 999,000 บาท

GWM เปิดราคา NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่ 0.999-1.249 ล้านบาท ในงาน Motor Show 2025 ฉีกทุกกฎกับขุมพลังดีเซล 2.4T เจนฯ ใหม่ล่าสุด ทนทาน รับประกันคุณภาพนาน 1 ล้านกิโลเมตร

กรุงเทพฯ 25 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) ปลุกจิตวิญญาณสายลุยทั้งผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ในเมืองและนอกเมืองด้วย การเปิดตัวและการประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ NEW GWM TANK 300 DIESEL รถยนต์เอสยูวีสไตล์ Premium Boxy อันเป็นเอกลักษณ์ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่จะปฏิวัติวงการยานยนต์ด้วยขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์เครื่องยนต์ดีเซลในรูปแบบเดิม สู่การมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นิ่ง เงียบ และนุ่มนวลกว่าเคย แต่ยังคงพละกำลังและสมรรถนะสูงในทุกการขับขี่ พร้อมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีมากขึ้น และการรับประกันคุณภาพเครื่องยนต์ที่ยาวนานถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี)

NEW GWM TANK 300 DIESEL พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมสีภายนอกให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีเทา สีดำ สีขาว และสีส้ม ในราคาแนะนำในช่วงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนี้

•NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T รุ่น PRO ราคา 999,000 บาท

•NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T รุ่น ULTRA ราคา 1,149,000 บาท

•NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD ราคา 1,249,000 บาท

โดยราคาแนะนำในช่วงเปิดตัวสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถ 800 คันแรกเท่านั้น พิเศษยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่จอง NEW GWM TANK 300 DIESEL รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี ฟรี ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทางภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1,000,000 กิโลเมตร หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service   

มร.เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าว “การเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ในประเทศไทย เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของ GWM ที่มุ่งมั่นส่งมอบนวัตกรรมคุณภาพและเทคโนโลยีอันล้ำหน้าที่ครอบคลุมทุกพลังงาน และทุกเซกเมนต์ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องยนต์ดีเซลที่เราได้ลงทุนพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ทศวรรษ และเป็นความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งของเรา ทั้งนี้ การมาถึงของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ในครั้งนี้ ยังถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจของเราภายใต้แนวคิด GWM Go With More เพื่อให้ชาวไทยได้รับประสบการณ์การขับขี่ดียิ่งกว่า เหนือกว่า และคุ้มค่ากว่าในทุกมิติ สอดคล้องกับกลยุทธ์ User-Centric ที่รับฟังเสียงของผู้บริโภคชาวไทย เพื่อปรับปรุงและพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการของ GWM ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า NEW GWM TANK 300 DIESEL จะสร้างนิยามใหม่ของรถเอสยูวีเครื่องยนต์ดีเซล และจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ชาวไทย”

NEW GWM TANK 300 DIESEL มอบจุดเด่น 3 ประการ ทั้งด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ด้านดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นสะดุดตาเกินใคร และด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มั่นใจมากกว่า

จุดเด่นแรกใน NEW GWM TANK 300 DIESEL ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่ GWM ได้ลงทุนพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นนี้กว่า 200 ล้านหยวน (ประมาณ 1 พันล้านบาท)  จึงมั่นใจได้ว่าเครื่องยนต์นี้จะสร้างพละกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขี้น โดยอัตราการบริโภคน้ำมันของ NEW GWM TANK 300 DIESEL อยู่ที่ 14 กิโลเมตรต่อลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ Eco sticker ในประเทศไทย สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ) ซึ่งน้ำมันหนึ่งถัง (ดีเซล B7) สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์และการพัฒนาเทคโนโลยีในการลดเสียงรบกวน ระดับเสียงภายในห้องโดยสารเพียง 40 เดซิเบลในช่วง idle speed ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นิ่ง ไม่สั่น เทียบเคียงได้กับเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป นอกจากนี้ GWM ได้ทำการทดสอบเครื่องยนต์นี้ในสภาพอากาศหนาวและร้อนสุดขั้ว ความเร็วรอบสูงสุด และในสภาพถนนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันถึง 76 รูปแบบทั่วโลก โดยมีระยะทางรวม 6 ล้านกิโลเมตร ทำให้เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T รุ่นนี้มีความทนทานสูง จึงกล้ามอบการรับประกันคุณภาพที่ยาวนานและครอบคลุมมากขึ้นถึง 1 ล้านกิโลเมตร (หรือ 8 ปี) สำหรับ ด้าน สมรรถนะของ NEW GWM TANK 300 DIESEL มอบพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดถึง 480 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่อง 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ นอกจากนี้ กระบอกสูบที่ให้ความจุมาถึง 2,370 ซีซี และถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ถึง 78 ลิตร มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มองหารถเอสยูวีที่มีประสิทธิภาพการขับขี่และความคุ้มค่าที่มากขึ้น

จุดเด่นที่ 2 ของ NEW GWM TANK 300 DIESEL กับดีไซน์โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร และเท่ทุกมุมมอง สไตล์ Premium Boxy ด้วยมิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ที่มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,750 มม. เพิ่มความแตกต่างด้วยกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเปียโนแบล็ก ผสมผสานกับไฟหน้า LED ทรงกลมสุดอัจฉริยะ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าทรงเหลี่ยม อีกทั้งเสริมลุคแกร่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำเปียโนแบล็ค พร้อมยาง H/T ขนาด 265/65 R17 พร้อมกับล้ออะไหล่ติดตั้งที่ประตูท้ายแบบแนวนอนพร้อมสปอยเลอร์ในตัว และไฟท้าย LED แนวตั้งคู่ ช่วยเสริมดีไซน์ด้านท้ายให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ภายในตัวรถออกแบบมาในโทนสีดำสุดหรู ผสมผสานระหว่างหนังแท้ สีดำ สีเงิน และวัสดุสัมผัสอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกพรีเมียมตั้งแต่แรกสัมผัส เพิ่มความคลาสสิกมากยิ่งขึ้นด้วยช่องแอร์ทรงกระบอกดีไซน์วินเทจ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ร่วมกับหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แผงควบคุมและพวงมาลัยทรงกลม พร้อม Paddle Shift มอบการตอบสนองที่ฉับไว คันเกียร์อิเล็กทรอนิกส์กระชับมือ พร้อมปุ่มควบคุมการขับขี่จากคอนโซลกลาง ทำให้เปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย  NEW GWM TANK 300 DIESEL มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว ดำ เทา และสีส้ม อีกทั้งยังเหมาะอย่างยิ่งกับการนำมาตกแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์ที่ต้องการ ทั้งรูปแบบการแต่งหล่อเพื่อขับในเมือง หรือแต่งสไตล์ดุดันเพื่อขับออฟโรด ในอนาคต GWM จะมีแพกเกจการตกแต่งให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามความชื่นชอบ ณ GWM Partner Store หรือตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

จุดเด่นที่ 3 กับเทคโนโลยีอัจฉริยะด้านความปลอดภัย สู่ความมั่นใจยิ่งกว่า ปลอดภัยยิ่งขึ้น NEW GWM TANK 300 DIESEL เป็นรถเอสยูวีที่ยกระดับมาตรฐานรถยนต์ในเซกเมนต์ SUV-D หรือ PPV ในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย ทั้งจาก Active Safety และ Passive Safety ที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่ Autonomous Level 2 มาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะจำนวน 25 รายการ เพื่อให้ทุกการเดินทางของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเต็มไปด้วยความปลอดภัยและมั่นใจสูงสุด อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ ถุุงลมนิรภัยจำนวน 6 จุด ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนหรือออกนอกเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน การแจ้งเตือนการขับรถเร็วเกินกำหนด ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 และอื่นๆ อีกมากมาย (โปรดศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นเพิ่มเติม)

NEW GWM TANK 300 DIESEL ทั้ง 3 รุ่นย่อย พร้อมให้ทดลองขับ (ลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ) และจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ (ลงทะเบียนเพื่อจอง) โดยพร้อมส่งมอบทั่วประเทศในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป สัมผัสประสบการณ์อันล้ำสมัยไปกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะแห่งอนาคตมากมาย ได้ที่บูธ GWM A10 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM application และ https://www.gwm.co.th/ หรือ GWM Contact Center 02-668-8888   

มาสด้า โชว์รถต้นแบบ Mazda Iconic SP และ Mazda6e ในงานมอเตอร์โชว์ 2025

มาสด้า เนรมิตบูธดีไซน์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ JOY DRIVES LIVES พร้อมโชว์รถต้นแบบ Mazda Iconic SP และรถไฟฟ้า Mazda6e ในงานมอเตอร์โชว์ 2025

มาสด้าบุกงานมอเตอร์ โชว์ 2025 จัดแสดง 2 เทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต ตามแนวทาง Multi-solution เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน นำโดย Mazda Iconic SP คอนเซ็ปต์คาร์ของรถสปอร์ตคอมแพ็ค ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รองรับการใช้พลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ และ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV รุ่นแรกจากมาสด้า พร้อมเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยม New Mazda2 Essential โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ มาพร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท ทั้งยังแนะนำ New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition รถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นพิเศษที่เฉลิมฉลองการครบรอบ 35 ปี แบรนด์ไอคอนเจ้าตำนานความสนุกสนานในการขับขี่มาอวดโฉมพร้อมเปิดให้จองเป็นเจ้าของ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษให้เป็นเจ้าของได้ง่าย ณ บูธมาสด้า ในงาน มอเตอร์ โชว์ 2025 ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. 68 – 6 เม.ย. 68 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บูธมาสด้าครั้งนี้มีความพิเศษยิ่งกว่าทุกปี ไม่เพียงเฉพาะแค่การออกแบบใหม่เท่านั้น เนื่องจากมาสด้าได้นำยนตรกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคตถึงสองรุ่น ที่ได้รับการพัฒนาตามแนวทาง Multi-solution มาจัดแสดงในประเทศไทย เริ่มจาก ยานยนต์ต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์ Mazda Iconic SP ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยใช้เครื่องยนต์โรตารี่แบบ 2 โรเตอร์ ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ รองรับการใช้พลังงานหลากหลายรูปแบบ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา กระจายน้ำหนัก 50:50 ได้รับการออกแบบตามแนวทาง Kodo Design รวมถึงการขับขี่ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ โดยรถต้นแบบคันนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อฟื้นตำนานรถสปอร์ตเครื่องยนต์โรตารี่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

สำหรับรถยนต์รุ่นที่สองได้แก่ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV รุ่นแรกที่มาสด้าพัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution Technology สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าไว้อย่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบ ทั้งดีไซน์ภายนอกที่สง่างามตามแนวคิด Kodo Design – Soul of Motion และเอกลักษณ์ของสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง กระจายน้ำหนัก 50:50 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ ให้ระยะการขับขี่ได้ไกลสุดถึง 552 กม. มาพร้อมเทคโนโลยี FAST CHARGE สามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้เร็วสูงสุดภายใน 15 นาที มอบความสนุกสนานในการขับขี่ตามปรัชญา จินบะ-อิไต และเน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าเฉกเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก

นอกจากรถยนต์ไฮไลท์สองรุ่นที่นำมาจัดแสดงแล้ว มาสด้ายังเปิดตัว New Mazda2 Essential มาเปิดตัวภายในงานฯ มาพร้อมดีไซน์ที่บ่งความเป็นตัวตนที่ชัดเจน และฟังก์ชั่นที่เติมเต็มกับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ มาพร้อมทางเลือก 4 รุ่นใหม่ ได้แก่ รุ่น PRIME มอบความ ”คุ้มสุด” ของรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร และมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน รุ่น ULTRA มอบความ “สบายสุด” ครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบาย พร้อมกับฟังก์ชั่นที่รู้ใจและตอบโจทย์กับทุกมิติของการใช้ชีวิต และ รุ่น SIGNATURE มอบความ “พร้อมสุด” กับสองทางเลือก กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ในรุ่น 1.3 Signature และ รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ในรุ่น XDL Signature โดย Mazda2 Essential มีราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท

ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด แบรนด์ไอคอนยอดนิยม New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition มาจัดแสดงให้แฟนๆ ในประเทศไทยได้ชมและครอบครองเป็นเจ้าของ มาพร้อมการตกแต่งพิเศษเพื่อถ่ายทอดความพิเศษในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น สีภายนอกพิเศษ Artisan Red Premium สัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พนักพิงศีรษะ และพรม พร้อม Serial Number ที่บริเวณด้านข้างตัวถัง เพื่อบ่งบอกถึงบอกถึงความพิเศษในฐานะรุ่นลิมิเต็ด รวมถึงเบาะหนังสีพิเศษ Sports Tan หลังคาแข็งเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Bright วางจำหน่ายในจำนวนจำกัด ในราคา 3,069,000 บาท

นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำรถยนต์ครบทุกรุ่นมาจัดแสดงพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษภายในงาน อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* นานสูงสุด 72 เดือน* ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance* ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ MUS นานสูงสุด 7 ปี* ฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 3,990 บาท* และสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว รับฟรี บัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท* ภายในงานฯ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ที่ปรึกษาการขายมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

แจ้งขยายระยะเวลาการเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ ประจำปี 2568

ตามที่ สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้กำหนดจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นสวัสดิการสำหรับสมาชิกเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 สมาชิกสมาคมฯ สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2568 ณ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น

ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา มีกิจกรรมจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สมาชิกไม่สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพได้ภายในเวลาที่กำหนด คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เห็นควรให้ขยายระยะเวลาเข้ารับบริการตรวจสุขภาพจากเดิมเป็น ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 11 เมษายน 2567

สมาชิกที่ประสงค์เข้ารับบริการสามารถตรวจสอบสถานภาพสมาชิกได้ที่ https://taja.or.th/taja-member/  และนัดหมายการตรวจล่วงหน้าที่แผนกศูนย์ตรวจสุขภาพ ชั้น 9 ทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. โทร 02-910-1600 ต่อ 1440 – 1441 หรือ Line ID: @KWC_9

 หมายเหตุ:
– สมาชิกที่ไม่มีรายชื่อบนหน้าเว็บไซต์ กรุณาติดต่อสมาคมฯ เพื่อตรวจสอบสมาชิกภาพ
– สมาชิกที่ต้องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถแจ้งความประสงค์และปรึกษาแพทย์ขณะเข้ารับบริการ
– การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้อยู่ภายใต้ดุลพินิจของแพทย์ที่ทำการตรวจสุขภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: หทัยชนก  ทองมณี ผู้จัดการสมาคมฯ
โทร. 06 1223 7516, 08 9996 4666  LINE OFFICIAL: @tajathailand

การมอบทุนการศึกษาสำหรับบุตร – ธิดาสมาชิกสมาคมฯ ประจำปี 2568

ด้วยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2542) มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นสื่อกลางในการ ติดต่อระหว่างสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการให้การสนับสนุนสมาชิกสมาคมในด้านต่าง ๆ โดยมีผลงานที่เกี่ยวข้องอันเป็นที่ ประจักษ์แก่สังคมมาโดยตลอด

โดยในปี 2568 นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคม และคณะกรรมการบริหาร ยังคงนโยบาย
ให้ความสำคัญด้านการศึกษาของเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
จึงพิจารณามอบทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดาสมาชิกสมาคมฯ เพื่อสนับสนุนการศึกษาทุนการศึกษาละ 6,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ดังนี้  

1. ผู้ที่ขอรับทุนการศึกษาต้องเป็นสมาชิกสามัญฯ ของสมาคม และปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรมของทางสมาคมฯ เท่านั้น (https://taja.or.th/การรกษาสทธประโยชน/#) โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ทำเนียบสมาชิก https://taja.or.th/taja-member/

2. บุตร-ธิดา ต้องกำลังศึกษาอยู่ระดับเตรียมอนุบาล-ปริญญาตรี มีความประพฤติดี

3. สมาชิก 1 ท่านสามารถขอรับทุนการศึกษาได้ 1 ทุน

4. พิธีมอบทุนการศึกษาสำหรับบุตร-ธิดาสมาชิกสมาคมฯ ประจำปี 2568 จะจัดขึ้นในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 (วันที่ 7 พฤษภาคม 2568) โดยสมาชิกต้องมารับทุนด้วยตนเอง และเข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 เท่านั้น หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขถือว่าสละสิทธิ์

หลักฐานที่ใช้ในการรับทุนการศึกษามีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. แบบฟอร์มขอรับทุนการศึกษาบุตร-ธิดา ประจำปี 2568

2. สำเนาบัตรประชาชนของสมาชิก

3. สำเนาทะเบียนบ้านของบุตร-ธิดาที่ยื่นขอรับทุน

4. สำเนาเอกสารการศึกษา อาทิ ใบเสร็จค่าเทอม-เนิร์สเซอรี่ ประจำปีการศึกษา 2567

สมาชิกท่านใดมีความประสงค์ที่จะขอรับทุนการศึกษา โปรดแจ้งความจำนง กรอกแบบฟอร์มขอรับทุน พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานในการยื่นขอรับทุนทั้งหมดให้ครบถ้วนและส่งมาที่ ที่ LINE OA : @tajathailand หรือ อีเมล์ [email protected] ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 11 เมษายน 2568

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: หทัยชนก  ทองมณี ผู้จัดการสมาคมฯ
โทร. 06 1223 7516, 08 9996 4666  LINE OA : @tajathailand

ขอเชิญสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรม “TAIA Meets the Press” ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2568”

ด้วยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม TAIA Meets the Press” ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 2568” เพื่อนำเสนอข้อมูลภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้แทนสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต

สมาคมฯ จึงใคร่ขอเรียนเชิญสมาชิกทุกท่านให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรม “TAIA Meets the Press” ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2568” ในวันพุธที่ 2 เมษายน 2568 เวลา 13.00-15.10 น. ณ ห้องจูปิเตอร์ 8-9 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

และขอความร่วมมือสมาชิกแจ้งข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรม“TAIA Meets the Press” มาที่ https://forms.gle/5n1jUjLFkND6vDzR7         

หมายเหตุ:   สมาชิกที่ประสงค์ยื่นขอรับทุนการศึกษาปี 2568 สามารถเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาเพื่อรักษาสิทธิการเข้ารับสวัสดิการ

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: หทัยชนก  ทองมณี ผู้จัดการสมาคมฯ
โทร. 06 1223 7516, 08 9996 4666  line ID: taja-official

มาสด้า สร้างแบรนด์ ผ่านใต้ปรัชญา “JOY DRIVES LIVES

มาสด้า สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ ภายใต้ปรัชญา “JOY DRIVES LIVES” ความสุขขับเคลื่อนชีวิต

กรุงเทพฯ– ประเทศไทย, วันที่ 21 มีนาคม 2568 – มาสด้า มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกคน เพราะมาสด้าเชื่อว่าความสุขในการขับขี่จะสามารถเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต แรงบันดาลใจ และสร้างความสุขให้ผู้ขับขี่และเจ้าของได้ ดังนั้น มาสด้าจึงยกระดับการสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างคุณค่าแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอปรัชญาใหม่ “JOY DRIVES LIVES” หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต โดยสื่อสารถึงรายละเอียดความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมีส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแบรนด์ และมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์การใช้ชีวิต มาสด้าเชื่อว่าในทุกรายละเอียดของชีวิต มีความสุขขับเคลื่อนเราเสมอ พร้อมออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เคียงข้างกัน เติมเต็มชีวิตทุกเส้นทางเพื่อให้ผู้คนได้ค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง นำมาซึ่งการสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ เพื่อสานต่อพันธกิจสำคัญ คือการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและการใช้ชีวิตในทุกด้านของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท ตามพันธกิจที่มุ่งมั่นผลักดันองค์กรก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืนตลอดไป

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์และยกระดับการบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดแล้ว มาสด้ายังให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาการสื่อสารภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2543 มาสด้าเริ่มสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยสโลแกน ZOOM-ZOOM ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกและความทรงจำในวัยเด็กออกมาเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ ต่อมาในปี 2558 มาสด้าได้สื่อสารภาพลักษณ์ใหม่อีกครั้ง ภายใต้สโลแกน “FELL THE DRIVE” โดยเริ่มจากการสื่อสารปรัชญาและแนวคิดหลักของแบรนด์ การให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า ผ่านความสนุกในการขับขี่ไปจนถึงคุณค่าทางด้านอารมณ์ความรู้สึกโดยมีมาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะมาสด้าเชื่อว่าความสุขไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การมีรอยยิ้มเท่านั้น แต่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากภายใน เป็นความรู้สึกที่เติมเต็มและมีความหมาย สะท้อนคุณค่าทางอารมณ์ที่เกิดจากความเข้าใจพื้นฐานของมนุษย์

ในปี 2568 เป็นต้นไป มาสด้าพร้อมเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ และต่อยอดพันธกิจในการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขในการขับขี่รถยนต์” (Joy of Driving) จะนำไปสู่ “ความสุขในการใช้ชีวิต” (Joy of Living) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า มาสด้าจึงนำเสนอปรัชญาใหม่ของแบรนด์ “JOY DRIVES LIVES” หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพื่อนำมาใช้ในการสร้างและพัฒนา ประสบการณ์ลูกค้าในรูปแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์จะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุขที่แท้จริง

ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงเดินหน้าสื่อสารปรัชญาใหม่โดยถ่ายทอดภาพยนต์โฆษณาทางสื่อออนไลน์ ภายใต้สโลแกนใหม่ “JOY DRIVES LIVES” เพื่อให้ลูกค้ามาสด้า และบุคคลทั่วไป ตระหนักถึงรายละเอียดของความสุขเล็กๆ รอบตัว ตลอดจนมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์ในการใช้ชีวิต โดยสื่อสารผ่านแคมเปญ 2 ช่วง เริ่มจากการสร้างความตระหนักถึงการค้นหาความสุขที่แท้จริงในชีวิต พร้อมสร้างความเชื่อมโยงการสื่อสารคุณค่าและภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ผ่าน Joy หรือ รายละเอียดของความสุขที่ขับเคลื่อนชีวิต โดยเชิญชวนลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายร่วมค้นหารายละเอียดของชีวิตผ่านแบบทดสอบ Mazda Joy Quiz เพื่อรับรู้ถึงความสุขของตัวเองในรูปแบบต่างๆ ตามด้วยการสร้างการรับรู้ในความหมายใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการสื่อสาร “JOY DRIVES LIVES” อย่างเต็มรูปแบบในทุกช่องทาง สิ่งเหล่านี้จะเป็นนิยามใหม่ของภาพลักษณ์แบรนด์มาสด้า เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยมีมาสด้าเป็นหัวใจหลักในการสร้างความเชื่อมโยง

การสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ภายใต้สโลแกน “JOY DRIVES LIVES” ตอกย้ำถึงการเดินหน้าสู่มิติใหม่ของการส่งมอบประสบการณ์ลูกค้า ที่มาสด้าตั้งใจยกระดับให้ดียิ่งขึ้นในทุกบริบท เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในรูปแบบใหม่ และนำมาพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน รวมถึงการเริ่มต้นปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย (Business Transformation) โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ จะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุขในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า

สำหรับลูกค้ามาสด้า หรือผู้ที่สนใจ หากต้องการค้นหาความสุขในชีวิต เชิญรับชมภาพภาพยนต์โฆษณาภายใต้สโลแกน “JOY DRIVES LIVES” ผ่านช่องทาง Mazda official Website

โตโยต้าและเลกซัส กวาดมากที่สุด 11 รางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2025

โตโยต้า และเลกซัส ตอกย้ำความเป็นแบรนด์รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี กวาดมากที่สุด 11 รางวัล “THAILAND CAR OF THE YEAR 2025”

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นำทีมผู้บริหารขึ้นรับ 11 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “CAR OF THE YEAR 2025” จากนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยรางวัลที่ได้รับมีดังต่อไปนี้

1.BEST SELLING BRAND – TOYOTA

2.BEST EXPORT BRAND – TOYOTA

3.BEST SEDAN (UNDER 1,300 CC)

 -TOYOTA YARIS ATIV NIGHTSHADE

4.BEST HYBRID SEDAN (UNDER 1,800 CC)

-TOYOTA COROLLA ALTIS HEV GR SPORT

5.BEST MID-SIZE HYBRID SEDAN (UNDER 2,500 CC)

-TOYOTA CAMRY PREMIUM LUXURY

6.BEST HYBRID SUV (UNDER 1,500 CC)

-TOYOTA YARIS CROSS

7.BEST 2WD PICKUP (UNDER 2,800 CC)

-TOYOTA HILUX REVO B-CAB 4X2 2.8 ENTRY MT

8.BEST 4WD PICKUP (UNDER 2,800 CC)

-TOYOTA HILUX REVO D-CAB 4X4 2.8 GR-S AT WT

9.BEST PPV DIESEL 4WD (UNDER 2,800 CC)

-TOYOTA FORTUNER 2.8 GR-S AT

10.BEST FUEL ECONOMY PICKUP (UNDER 3,500 CC)

-TOYOTA HILUX REVO

11.BEST HYBRID LUXURY MPV

-LEXUS LM 500H 4 SEATER

รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “CAR OF THE YEAR 2025” จัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการสนับสนุนภาพลักษณ์ที่ดีด้านธุรกิจยานยนต์ และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยจะทำการคัดเลือกรถยนต์ที่มีความโดดเด่นในแต่ละด้าน ทั้งประเภทที่ผลิตในประเทศ และนำเข้า พร้อมทั้งให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง เพื่อศึกษาเป็นแนวทางในการพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์ให้เหมาะสมตามเป้าหมายของการใช้งาน

โตโยต้ารู้สึกภาคภูมิใจ และขอขอบคุณคณะผู้จัดงาน การได้รับรางวัลครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาและผลิตยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่าหรือ “Ever-Better Cars” ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้า ภายใต้หลักการ QDR ซึ่งหมายถึง “Quality : คุณภาพ” / “Durability : ความทนทาน” และ “Reliability : ความไว้ใจได้ในการใช้งาน” ที่เรายึดถือมาโดยตลอด เพื่อรักษาความเป็นรถยนต์ยอดนิยมอันดับ 1 ของคนไทยตลอดไป

เรามั่นใจว่าลูกค้ารถยนต์โตโยต้าจะมีความมั่นใจ และอุ่นใจได้ตลอดการใช้รถ ไม่ว่าด้านชิ้นส่วนอะไหล่ในการบำรุงรักษา ศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกจังหวัด และความเป็น “Trusted Services” ด้วยการบริการที่ครบวงจร เช่น Toyota Sure บริการแบบ One Stop Service ในด้านการซื้อ-ขาย Trade-in รถมือสอง / Auction Express แพลตฟอร์มประมูลรถยนต์ออนไลน์ / FixFit ศูนย์บริการทางเลือกที่ได้มาตรฐาน ให้บริการรถทุกยี่ห้อ / T-OPT อะไหล่ทางเลือก คุณภาพระดับ OEM ที่ได้มาตรฐาน / ทางเลือกชุดแต่งดีไซน์เฉียบ คุณภาพดี AAP (Associated Accessories Product) / KINTO อีกหนึ่งทางเลือกของการใช้รถยนต์ ให้ลูกค้ามีรถใช้ ไม่ต้องซื้อ / T-connect แอปพลิเคชันที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ปลอดภัย คุ้มค่า สะดวกสบาย และมีสิทธิประโยชน์มากมาย

โตโยต้าขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในโตโยต้า เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อลูกค้าคนสำคัญของเราตลอดไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save