- Advertisement -
32.1 C
Bangkok
Home Blog Page 8

วอลโว่ เปิดตัว Volvo ES90 ครั้งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย

วอลโว่ เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียกับ Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมดุลให้ทุกการเดินทาง

•ใหม่ล่าสุดกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขนาด 800 โวลต์ ที่ให้ระยะทางการขับขี่มากกว่า 755* กิโลเมตร

•สานต่อเทคโนโลยีการออกแบบอันล้ำสมัยที่สามารถอัพเกรด Volvo ES90 ของคุณให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัย การเชื่อมต่อบริการและความบันเทิง และประสิทธิภาพของรถในทุกการขับขี่

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัว Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเอเชียที่มาพร้อมกับนิยามใหม่แห่งความอเนกประสงค์ และนวัตกรรมการขับขี่อันล้ำสมัยไว้อย่างลงตัว ผ่านรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากการนำเอาจุดเด่นในแง่ของความเรียบหรู สง่างามของรถซีดาน ความเอนกประสงค์ของรถที่มีหลังคาลาดเทต่อเนื่องไปจนถึงท้ายรถ (fastback) พื้นที่ภายในกว้างขวางพร้อมความสูงใต้ท้องรถที่ยกสูงขึ้นแบบรถ SUV  ทำให้ Volvo ES90 เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อมอบความลงตัวให้ทุกการเดินทางบนท้องถนนไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว หรือกับครอบครัว ในทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิต

มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเชีย กล่าวว่า “Volvo ES90 ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยี ดีไซน์การออกแบบอันเรียบหรูสไตล์สแกนดิเนเวียน และความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสารไว้ในรถเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบพรีเมี่ยมตามแบบฉบับวอลโว่ Volvo ES90 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าของเราได้อย่างดีเยี่ยมผ่านการออกแบบที่ควบคุมการทำงานของรถด้วยซอฟต์แวร์ และการประมวลผลผ่านชิปเซ็ตที่ทรงพลัง ทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถวอลโว่ในประเทศไทย ปัจจุบันวอลโว่อยู่คู่กับคนไทยมามากกว่า 50 ปี และเรายังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การขับขี่ มอบความปลอดภัยในการเดินทาง และร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความไว้ใจที่ลูกค้าวอลโว่ในประเทศไทยมีต่อแบรนด์เสมอมาจากรุ่นสู่รุ่น”

ความทันสมัย ความโดดเด่น และใช้งานได้คล่องตัว

ดีไซน์การออกแบบภายนอกของ Volvo ES90 สะท้อนได้ถึงความทันสมัย ความโดดเด่น อย่างชัดเจน รวมถึงความสูงจากพื้นของท้องรถซึ่งทำให้สมรรถนะ และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี เส้นหลังคาที่ลาดลงด้านท้ายรถผสานความทันสมัย และความสง่างามไว้อย่างลงตัวในทุกมุมมอง นอกจากนั้นช่วยเสริม แอโรไดนามิกแก่ตัวรถทำให้การจัดสรรพลังงานแบตเตอรี่ดีขึ้น จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น

ไฟหน้าดีไซน์ Thor’s Hammer คงเอกลักษณ์ของวอลโว่ ไฟท้าย LED จัดวางเรียงตามทรงลาดท้ายของหลังคาเชื่อมกับไฟท้ายรูปทรงตัว C ที่เสริมความโดดเด่นให้ท้ายของตัวรถ พร้อมแพทเทรินการแสดงไฟสัญลักษณ์เพื่อต้อนรับและอำลาตามแบบฉบับของวอลโว่ ตัวรถมาพร้อมสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี รวมถึงสีใหม่อย่าง สีเงิน Aurora Silver

ท้ายรถที่มีขนาดใหญ่ และลาดลงในสไตล์ fastback ให้ความโดดเด่นสะดุดตา และยังให้พื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระที่กว้างสำหรับทุกกิจกรรมของครองครัว โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหลังสามารถจัดเก็บได้ถึง 446 ลิตร และขยายกว้างได้ถึง 904 ลิตร หากพับเบาะผู้โดยสารแถวสองลง  อีกทั้งเบาะผู้โดยสารแถวสองของรถยังสามารถพับลงแบบแยกจากกันได้อย่างอิสระ (40/20/40) นอกจากนี้ยังมีที่จัดเก็บสัมภาระด้านหน้ารถหรือ FRUNK ขนาด 27 ลิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับจัดเก็บสายชาร์จรถ

สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในทุกที่นั่ง

การออกแบบภายในของห้องโดยสารสะท้อนความสะดวกสบาย และความพรีเมี่ยม ด้วยวัสดุไม้จริงที่ใช้ตกแต่งแดชบอร์ด ประตู และด้านหลังที่นั่ง พร้อมการออกแบบที่คำนึกถึงถึงการใช้งานจริงเป็นสำคัญตามแนวคิดการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนของวอลโว่ ฐานล้อขนาด 3.1 เมตร ให้พื้นที่โดยสารแถวสองที่กว้าง จึงให้การโดยสารที่สบายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ธีมไฟบรรยากาศภายในรถสามารถเลือกปรับได้ถึง 6  ธีมสีตามความต้องการผู้ใช้รถ พร้อมเบาะที่นั่งที่เลือกได้ทั้งในแบบหนัง Nappa สีดำ Charcoal และขาว Dawn

หลังคาพาโนรามิกแบบอิเล็กโทรโครมิกที่สามารถปรับความโปร่งแสงได้เพื่อผู้ใช้งานจะสามารถปรับความเข้มของแสงที่สะท้อนเข้าถึงตัวรถ รวมถึงความเป็นส่วนตัว ได้เพียงแค่การกดปุ่มปรับตั้งค่า ตัวหลังคายังมาพร้อมคุณสมบัติในการกรองแสงยูวีได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

ระบบปรับอากาศในห้องโดยสามารถควบคุมได้อย่างอิสระทั้งสี่ที่นั่ง พร้อมระบบฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นละอองระดับ PM2.5 ได้มากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และกรองละอองขนาดเล็ก ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ ได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

Volvo ES90 คือหนึ่งในรถวอลโว่ที่ถูกออกแบบให้ห้องโดยสารมีความเงียบ เพื่อทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารจะดื่มด่ำไปกับเครื่องเสียงระดับพรี่เมียมแบรนด์ Bowers & Wilkins ผ่านลำโพงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi 25 ตัว รวมถึงบนหลังคา และบริเวณพนักพิงศรีษะที่ตำแหน่งเบาะโดยสารแถวหน้า ให้กำลังขับสูงถึง 1,610 วัตต์ เพื่ออรรถรสการฟังทั่วห้องโดยสารรอบทิศทางกับระบบเสียง Dolby Atmos® และพิเศษกับโหมดเสียงที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากห้องอัดเสียงจากลอนดอนระดับตำนานอย่าง Abbey Road Studios

ระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Volvo ES90 รองรับการใช้งาน Google built-in เพื่อการใช้บริการ Google Maps เพื่อการนำทาง, Google Assistant ผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้เสียงในการสั่งงาน  หรือใช้บริการแอปอื่นๆ ที่ดาวน์โหลดผ่านทาง Google Play ตัวรถยังรองรับการใช้งานสัญญาณเครือข่ายระดับ 5G ผ่านแพลตฟอร์มประมวลผล Snapdragon® Cockpit Platform จากบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำอย่าง Qualcomm Technologies ให้การใช้งานหน้าจอที่ลื่นไหลตอบสนองแม่นยำ ทำให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ขับแสดงผลผ่านจอขนาด 9 นิ้ว ด้านหน้าของผู้ขับได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการแสดงผลบริเวณ head-up display ที่กระจกหน้า

จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 14.5 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเข้าถึงฟังก์ชัน เช่น ระบบนำทาง ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์, ฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ฟังก์ชันการโทรและรับสาย และอื่นๆ และเพื่อช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น Volvo ES90 ยังมาพร้อมกล้องรอบคันแบบ 360 องศา ที่รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติใหม่ล่าสุด เพื่อมอบความอุ่นใจ และความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับในทุกครั้งที่ต้องจอดในที่แคบ

อัพเดทการใช้งานให้ดีขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอ

Volvo ES90 ผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA2 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของวอลโว่ Superset tech stack ที่รวมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์โมดูล เข้าไว้ด้วยกันเพื่อรองรับการพัฒนาต่อยอดรถไฟฟ้าของวอลโว่ในอนาคต โดยเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะทำให้ วอลโว่ คาร์ สามารถพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ของรถวอลโว่ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Superset ได้ตลอดอายุการใช้งานรถผ่านการอัพเดทในแบบ over-the-air

นอกจากนี้ ES90 ยังเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของวอลโว่ที่มาพร้อมชิปประมวลผล NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ทำให้รถมีพลังในการประมวลผลด้วย คอร์ คอมพิ้วติ้ง มากกว่าที่เคยมีมา ซึ่งประสิทธิภาพในการประมวลผลขั้นสูงนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และประสิทธิภาพของตัวรถให้เพิ่มขึ้นจากการผสานการทำงานระหว่างข้อมูล ซอฟต์แวร์ และ AI

ในแง่ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Volvo ES90 มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ใหม่ล่าสุด ช่วยเพิ่มความเร็วให้การชาร์จ และระยะทางในการขับขี่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และระยะทางรวมสูงสุดถึง 755 กิโลเมตร* เมื่อชาร์จเต็มตามมาตรฐาน NEDC

พลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ถูกควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่มีน้ำหนักเบาจึงช่วยลดน้ำหนัก และเพิ่มประสิทธิของตัวรถโดยรวมซึ่งรวมถึง อัตราเร่ง, ระยะทางการขับ และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ที่เพียง 0.25 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 6.6 วินาที

สานต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน

นอกเหนือจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ อีกหนึ่งจุดเด่นของ Volvo ES90 คือความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนของวอลโว่ ผ่านวัสดุที่เลือกใช้ซึ่งไม่เพียงเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ แต่ยังเป็นวัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณก๊าซ Co2 ในการผลิต และในส่วนของตัวรถก็มีการนำวัสดุรีไซเคิลอย่าง อะลูมินั่มราว 29% และเหล็กราว 18% โพลีเมอร์ราว 16% มาใช้ รวมถึงการใช้งานวัสดุชีวภาพ และวัสดุธรรมชาติอย่างไม้จริงที่มาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองโดย FSC

มาตรฐานความปลอดภัยระดับวอลโว่ ทั้งนอกและในรถกับ Safe Space Technology

เพราะความปลอดภัยคือหัวใจหลักของวอลโว่ Volvo ES90 จึงถูกออกแบบให้มาพร้อมการปกป้องทั้งภายในและนอกรถ ตามมาตรฐานความปลอดภัยของวอลโว่ คาร์ (Volvo Cars Safety Standard) ที่มีการทำการทดสอบ และศึกษาค้นคว้าตลอด 55 ปีที่ผ่านมาจากเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่มากกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยทั่วไป โดยเมื่อผสานการทำงานของระบบความปลอดภัยเข้ากับการทำงานที่ทรงพลังของระบบประมวลผลจาก คอร์ คอมพิ้วติ้ง แล้ว Volvo ES90 จึงเป็นรถที่สานต่อปฐมบทความปลอดภัยรูปแบบใหม่ของ วอลโว่ คาร์ อย่างแท้จริง

Volvo ES90 มีโครงสร้างตัวถังนิรภัยที่แข็งแกร่ง ระบบป้องกันการชนขั้นสูง รวมถึงมีพื้นที่ในการซับแรงกระแทกที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยในการขับขี่แบบแอคทีฟผ่านการใช้งานเซนเซอร์ล้ำสมัยรวมถึงเรดาห์ 5 ตัว, กล้อง 7 ตัว, เซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และ lidar จาก Luminar Technologies

โดยระบบเซนเซอร์เหล่านี้ให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นที่ไกลกว่าสายตาของคนจึงให้ประสิทธิภาพในการตรวจจับวัตถุเพื่อหลีกเลี่ยงการชน และอันตรายบนท้องถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม  Volvo ES90 ยังมาพร้อมระบบ driver understanding system ที่สามารถตรวจจับได้เมื่อผู้ขับขี่สูญเสียสมาธิจากถนน และเข้ามาช่วยสนับสนุนได้ทันที

Safe Space Technology ใน Volvo ES90 มอบการปกป้องไม่เพียงแค่ระหว่างการขับขี่ แต่ยังรวมถึงขณะจอดรถด้วยระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู (door opening alert) ช่วยป้องกันอุบัติเหตุกับนักปั่นจักรยานและคนเดินถนนที่สัญจรผ่านขณะเปิดประตู

ราคา

Volvo ES90 Ultra Single Motor Extended Range 2,990,000 บาท

Volvo ES90 คาดว่าจะพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าในประเทศภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หรือ ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2569

หมายเหตุ :

*อ้างอิงผลการทดสอบที่ได้รับจากห้องปฏิบัติการณ์ภายใต้สภาวะควบคุมเพื่อใช้ยื่นขอ ECO Sticker ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ผลจากการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม ลักษณะการขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

อีซูซุ เปิดเต็มทุกไลน์อัพ สู้ศึกตลาดแข่งเดือดปลายปี 2568

อีซูซุ จัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

อีซูซุ เดินหน้าเปิดตัวรถปิกอัพแห่งอนาคต ครบทุกไลน์อัพ ใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! รถปิกอัพที่สืบทอด DNA แห่งความเชื่อมั่นมากว่าครึ่งศตวรรษ นำทีมโดย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” รถปิกอัพสปอร์ตออฟโรด ดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน กับสีใหม่! อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค (Inishmore Gray Opaque) พร้อมฟังก์ชัน ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด!

เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาพร้อม ชุดแต่งใหม่! The X Package และสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX

นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ที่อีซูซุภูมิใจนำเสนอ คือ การพลิกโฉมสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่สนาม “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น

มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “หลังจากที่เราเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคตไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยอย่างดีเยี่ยม ด้วยชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ ในวันนี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้รถชาวไทย ด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! ด้วย DNA หนึ่งเดียวที่สืบทอดความเชื่อมั่นของอีซูซุมากว่าครึ่งศตวรรษ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่

นำโดย “ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4” “THE ONE & ONLY” ปิกอัพสปอร์ตออฟโรด รุ่นใหม่ล่าสุด! กับสีใหม่! “อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค” (Inishmore Gray Opaque) ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน ยกระดับการขับขี่ให้สะดวกสบายขึ้นด้วย ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ขับง่ายสบายทุกสภาพถนน และเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยด้วย ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด! กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่! แบบสปอร์ต REV TRONIC และ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย ออกแบบเพื่อเครื่องยนต์ 2.2 โดยเฉพาะ แรงจัดจ้าน เต็มสไตล์สปอร์ต มาพร้อมชุดแต่งใหม่! The X Package ทั้งภายนอกและภายใน

นอกจากนี้ยังส่งสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต เพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX ลดการสั่นสะเทือน และการโคลงของรถขณะขับขี่ นุ่มนวล มั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง

นอกจากรถรุ่นใหม่แล้ว อีซุซุจัดงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อยกระดับสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ISUZU 4×4 LAND” สู่ “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” สนามทดสอบที่จะสร้างประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้ โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ออกแบบ Japan Pavilion อันเลื่องชื่อในงาน Osaka World Expo 2025 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์มากกว่าการ “ทดลองขับ” แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ให้ได้เข้ามาสัมผัสสมรรถนะอันโดดเด่นของรถ ISUZU 4×4 อย่างเต็มที่และน่าตื่นเต้น เราใช้เทคนิคการสร้างประสบการณ์ให้เป็นภาษาภาพ โดยการใช้เสาและโทนสีแบบ Full Spectrum ภายใต้องค์ประกอบ 3 ประการ คือ เอียง (TILT) สูงชัน (HIGH) และพลัง (POWER) และ 2 สถานีใหม่! “Haunted Tunnel” (ลุยฝ่า อุโมงค์หลอน) และ “MYSTERY ROAD” (พิลึก ทางพิศวง) ให้คุณท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง สถานีทดสอบสุดเร้าใจที่ได้จำลองสภาพแวดล้อมและอุปสรรคตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์รวม 9 สถานี จะเปลี่ยนอุปสรรคสุดท้าทาย ให้กลายเป็นความสนุกที่ควบคุมได้ ด้วย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ยนตรกรรมปิกอัพ สปอร์ตออฟโรด และ MU-X “THE NEXT PEAK” 4WD ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ณ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี”

ร่วมสัมผัสรถปิกอัพรุ่นใหม่! “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น!  ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE!” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! รวมถึง MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมสิทธิพิเศษแห่งปี “MAXFORCE BIG THANKS ขอบคุณจากใจให้ร้อยล้าน” ฉลองความสำเร็จของเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE ลุ้นขับฟรีสูงสุด 100,000 กิโลเมตร และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าอีซูซุ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมร่วมกิจกรรมพิเศษ “สัปดาห์พิเศษแนะนำรถรุ่นใหม่” ด้วย สามารถติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

สรยท.ประกาศ 17 รถยนต์และ 6 รถจักรยานยนต์ เข้าชิงดำ “รถยอดเยี่ยมประจำปี 2568”

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ประกาศรายชื่อ 23 รถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ เข้ารอบสุดท้ายที่ได้รับการโหวตในรอบแรก โดยสมาชิกสามัญของสมาคมฯ เพื่อเข้าชิงรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR, THAILAND EV OF THE YEAR และ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2025 และนำรถที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปทดสอบก่อนลงคะแนนอีกครั้งที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ATTRIC จังหวัดฉะเชิงเทรา

ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ทางสรยท.ได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบันยานยนต์ ให้ใช้สนามทดสอบภายในศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ซึ่งเป็นสนามทดสอบยานยนต์มาตรฐานระดับเอเชีย ทั้งนี้เพื่อยกระดับมาตรฐานการทดสอบและลงคะแนนในรอบสุดท้ายของรางวัลรถยอดเยี่ยมประจำปี (THAILAND CAR, EV & MOTORCYCLE OF THE YEAR) ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) กล่าวว่า ในปีนี้มีรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาตามกรอบกติกาใหม่ ทั้ง 3 รางวัล รวมแล้ว 45 รุ่น โดยแบ่งออกเป็น THAILAND CAR OF THE YEAR จำนวน 20 รุ่น THAILAND EV OF THE YEAR จำนวน 14 รุ่น และ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR จำนวน 11 รุ่น และได้เปิดให้สมาชิกสามัญได้โหวตในช่วงระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะนำคะแนนทั้งหมดมานับโดยมีนายพินิต ทองสุข ประธานที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสินรางวัลรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568, นายวชิระ เรืองมาลัย, นายวัชระ ธรรมศรี อดีตนายกสมาคมฯ, นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทยและเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมกรรมการการคัดเลือกและตัดสินรางวัลรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ร่วมเป็นสักขีพยานในการนับคะแนน

สำหรับรถที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย หรือ Finalist Car ในทั้ง 3 รางวัล รวม 23 รุ่น ประกอบด้วย

1. รถยนต์เข้ารอบสุดท้ายรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2568 (THAILAND CAR OF THE YEAR 2025) จำนวน 10 รุ่น ประกอบด้วย BYD Seal 5 Dmi, Ford Ranger MS-RT, Isuzu D-Max 2.2 MaxForce, Isuzu Mu-X 2.2 MaxForce, Mazda BT-50 2.2, Mitsubishi XForce HEV, Nissan Serena S Hybrid, Suzuki Fronx, Toyota Yaris Ativ HEV GR Sport, Toyota Camry HEV

2. รถยนต์ไฟฟ้าเข้ารอบสุดท้ายรางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปี 2568 (THAILAND EV OF THE YEAR 2025) จำนวน 7 รุ่น ประกอบด้วย BMW iX1L eDrive20L M Sport, BYD Sealion 7, Jaecoo 5EV, Mercedes-Benz G580 EV, MG S5 EV, MG IM6, Toyota BZ4X

3. รถจักรยานยนต์เข้ารอบสุดท้ายรางวัลรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2568 (THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2025) จำนวน 6 รุ่น ประกอบด้วย BMW R1300GSA, Harley-Davidson Street BOB, Honda Wave 125, Honda PCX160, Yamaha New Aerox, Yamaha All New N Max Techmax

สำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้ง 23 รุ่น คณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสินรางวัลรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 จะจัดให้มีการทดสอบก่อนที่จะให้คะแนนครั้งสุดท้ายในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 โดยผู้ทำหน้าที่ทดสอบและให้คะแนนในรอบสุดท้าย คณะอนุกรรมการฯ จะคัดเลือกจากสมาชิกผู้สื่อข่าวสายยานยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีประสบการณ์สูงในการทดสอบรถยนต์ และได้ร่วมโหวตในรอบแรก เป็นผู้ดำเนินการทดสอบและโหวต โดยมีหลักเกณฑ์การให้คะแนน ตามมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกใช้ในการพิจารณาลงคะแนนกับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR ที่ได้ดำเนินการมาตลอด 9 ปี ซึ่งได้ดำเนินการบนหลักการและกฎกติกาที่มีความยุติธรรมตามมาตรฐานสากล สำหรับรถยนต์ที่มีความแตกต่างทั้งเครื่องยนต์ ระดับราคา จากหลากหลายเซ็กเมนท์ทางการตลาด

การให้คะแนนในรอบสุดท้าย จะคำนึงถึงคุณสมบัติต่างๆ ของรถยนต์ที่เข้ารอบ ทั้งเรื่องรูปลักษณ์การออกแบบภายนอกภายใน สมรรถนะของเครื่องยนต์ วัสดุตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ความสะดวกสบายในการใช้งาน และความคุ้มค่ากับราคาที่ตั้งจำหน่ายในตลาดประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับปีนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้เลือกใช้ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ตั้งอยู่ที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นสนามทดสอบ ทั้งนี้เพื่อยกระดับสร้างมาตรฐานใหม่ในระดับสากลกับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR, THAILAND EV OF THE YEAR และ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ใช้เป็นสถานที่ทดสอบภาคสนาม พร้อมเชิญผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ร่วมสังเกตการณ์อีกด้วย

หลังจากการโหวตลงคะแนนหลังจากทดสอบภาคสนามในรอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย หีบบัตรลงคะแนนคณะกรรมการสมาคมฯ จะนำมาเก็บไว้เป็นความลับ และจะมีการเปิดนับคะแนนต่อหน้าคณะกรรมการ สักขีพยานเพื่อนับคะแนน และจัดพิธีมอบรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR, THAILAND EV OF THE YEAR และ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2025 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ศกนี้ ณ THE HALLS BANGKOK ถนนวิภาวดี-รังสิต กรุงเทพมหานคร

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : นางสาวหทัยชนก  ทองมณี ผู้จัดการสมาคมฯ

โทร 06 1223 7516, 08 9996 4666  line ID: taja-official

“คาราวานชานกรุง 2025” นำขบวนรถโบราณ ชื่นชมงานศิลป์อยุธยา

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา จัดกิจกรรมท่องเที่ยวด้วยรถโบราณ และรถคลาสสิค เยือนถิ่นศิลปวัฒนธรรมไทย บนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เผยว่า งาน “คาราวานชานกรุง 2025” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ชมศิลป์แผ่นดิน…เยือนถิ่นพระราม” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีรถโบราณ และรถคลาสสิคทรงคุณค่าเข้าร่วมงานกว่า 30 คัน

ด้านผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา เป็นโครงการมิกซ์ยูสสปอตไลท์ระดับโลก แลนด์มาร์คของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เน้นสถาปัตยกรรมการตกแต่งตามแนวคิด “อัศจรรย์อยุธยา” โดยเฉพาะฟาซาดสีขาว และสีทอง ที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด พร้อมใช้เป็นสถานที่จัดแสดงรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมเสน่ห์ของยานยนต์ที่ทรงคุณค่า

ขบวนคาราวานรถโบราณ เริ่มเดินทางจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ มุ่งหน้าสู่ พิพิธภัณฑ์โขน ภายในศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชมเรื่องราวความเป็นมาของโขน การออกแบบเครื่องแต่งกาย หัวโขน ฉากประกอบการแสดง รวมถึงประติมากรรมขนาดใหญ่ หนุมานอมพลับพลา

หลังจากทานอาหารกลางวันที่พิพิธภัณฑ์แล้ว ช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนไปยัง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา อวดโฉมรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ก่อนไปเที่ยวชมความงามของ บึงพระราม ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พร้อมถ่ายภาพร่วมกันในบรรยากาศยามเย็น และรับมอบเกียรติบัตรขอบคุณที่เข้าร่วมงานครั้งนี้

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมของสมาคมรถโบราณฯ ได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/vintagecarclub

สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ นำสื่อมวลชนสมาชิกสมาคมฯ เยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ภายใต้กิจกรรม “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์และสายพานการผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิดเป็นกลุ่มแรก

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) เปิดเผยว่า สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมมือกับบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (Nex Point) จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” นำสมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนสายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้าเยี่ยมชมโรงงานสายการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกได้รับความรู้และมีประสบการณ์ตรงกับกระบวนการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์พลังไฟฟ้าและกระบวนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปเผยแพร่สู่สาธารณะได้อย่างถูกต้องทั้งด้านสมรรถนะ คุณภาพ และความปลอดภัยในการใช้งาน

“สำหรับการเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง เน็กซ์ พอยท์ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เดินทางมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโรงงานทั้ง 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และบริษัท เน็กซ์ พอยต์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรแห่งแรกของคนไทย และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอมิตา (Amita) ดำเนินการโดยบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ด้านนายวีรพัฒน์ พิณพาทย์ รักษาการ ผู้จัดการแผนกบริหารจัดการเครื่องจักร อาคารและสถานที่ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ในเขตการค้าเสรีที่อำเภอบ้านโพธิ์ ภายใต้การสนับสนุนด้านการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และดำเนินธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โดยมีกําลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยกระบวนการผลิตบนพื้นที่ภายในโรงงานจะประกอบไปด้วย ส่วนของโรงงานประกอบ, โรงงานเชื่อมตัวถัง, โรงงานพ่นสี และสนามทดสอบ

“โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถยนต์โดยสารไฟฟ้า เช่น รถโดยสารประจำทาง (City Bus) รถตู้โดยสาร, รถมินิบัส, รถหัวลาก และรถบรรทุกต่างๆ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV หรือ ไฟฟ้า 100% ทั้งหมด รวมไปถึงเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้อีกด้วย” นายวีรพัฒน์ กล่าว

บีวายดี ส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่เป็นคันที่ 100,000 ของประเทศไทย

บีวายดี ส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่เป็นคันที่ 100,000 ของประเทศไทย พร้อมมอบรางวัล BYD KUNLUN AWARD ให้ดีลเลอร์และเซลส์ ที่มีผลงานยอดเยี่ยม

•บีวายดี ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ครบ 100,000 คัน ในประเทศไทย

•รถยนต์ที่ บีวายดี ประเทศไทย ส่งมอบเป็นคันที่ 100,000 คือ BYD SEALION 6 DM-i รถยนต์ SUV พรีเมี่ยมขุมพลัง PHEV แบบ DM-i Super Hybrid ซึ่งผลิตขึ้นจากโรงงานในประเทศไทย และมียอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม สูงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มตลาดรถยนต์ขุมพลัง PHEV

•บีวายดี สำนักงานใหญ่ มอบรางวัล BYD KUNLUN AWARD ให้ดีลเลอร์และเซลส์ ที่มีผลงานยอดเยี่ยม

กรุงเทพฯ – 16 ตุลาคม 2568 – บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้ กลุ่มธุรกิจเรเว่ ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานใหม่ บีวายดี และ เดนซ่า อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ร่วมฉลองอีกความสำเร็จในโอกาสที่ บีวายดี ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ครบ 100,000 คันของประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคชาวไทย มีให้นวัตกรรมและคุณภาพของรถยนต์ บีวายดี ทั้งยังพิสูจน์ขีดความสามารถในการผลิตรถยนต์จากโรงงานของไทย ที่สำคัญ ยังช่วยลดมลพิษจากท้องถนนได้อีกด้วย พร้อมกันนั้น ยังมีการมอบรางวัล BYD KUNLUN AWARD ให้ผู้จำหน่ายและพนักงานขาย บีวายดี ซึ่งมีผลงานยอดเยี่ยมทั้งในด้านยอดขายและการให้บริการ ในพิธีมีผู้บริหารระดับสูงจากหลายภาคส่วน เข้าร่วมแสดงความยินดี ดังรายนามต่อไปนี้

•นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด

•นายหยู่ปิน เคอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด

•นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่

•ดร.ธัชพล ภัทรไชยประภา ประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่

•นายวิศิษฎ์ พิทยะวิริยากุล ประธานบริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด

•นายกร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เป็นอีกครั้งหนึ่งที่รถยนต์พลังงานใหม่ บีวายดี พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทย ให้การยอมรับในนวัตกรรมและคุณภาพ นำไปสู่การสร้างสถิติส่งมอบรถยนต์ให้ชาวไทยได้สัมผัสครบ 100,000 คัน เป็นการตอกย้ำว่า บีวายดี และ เรเว่ คือผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่ของไทย โดยเราจะไม่หยุดยั้งการนำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ชาวไทย ทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และการให้บริการ”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดเผยว่า “การที่ บีวายดี ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ให้กับชาวไทยครบ 100,000 คัน มิใช่แค่บทพิสูจน์ว่าชาวไทยไว้วางใจในตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม จนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์พลังงานใหม่ เพื่อร่วมสร้างอากาศที่สะอาดกว่าสำหรับทุกคนซึ่ง เรเว่ ภูมิใจที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนความสำเร็จของ บีวายดี ไปพร้อมกับการลดมลพิษบนท้องถนนอย่างมีนัยสำคัญ”

นายกร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน กล่าวว่า “ปัจจัยที่ทำให้เลือกใช้ BYD SEALION 6 DM-i เป็นเพราะรถยนต์ SUV รุ่นนี้คือยานพาหนะที่ ‘คาราวานมิตรภาพไทย – จีนครบรอบ 50 ปี’ ใช้เดินทาง โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนโดย บีวายดี ประเทศไทย และ เรเว่ ซึ่งเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์จากกรุงเทพฯ สู่ปักกิ่ง เป็นระยะทางไกลกว่า 5,000 กิโลเมตร นับเป็นบทพิสูจน์สำคัญของสมรรถนะ และเทคโนโลยีในรถยนต์ที่ต้องแข็งแกร่งมากพอ ที่พร้อมเอาชนะทุกอุปสรรคตลอดการเดินทางไกลและ BYD SEALION 6 DM-i พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้ ทั้งยังมอบความสะดวกสบายให้กับทุกที่นั่ง ให้เดินทางอย่างผ่อนคลายตลอดเส้นทาง”

BYD SEALION 6 DM-i รถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี คันที่ 100,000 ของไทย การันตีคุณภาพด้วยยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม สูงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มตลาดรถยนต์ขุมพลัง PHEV และผู้ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้รถยนต์พลังงานใหม่จาก บีวายดี เป็นคันที่ 100,000 ของประเทศไทยคือ นายกร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน โดยรุ่นที่เลือกคือ BYD SEALION 6 DM-i รถยนต์ SUV พรีเมี่ยมขุมพลัง PHEV แบบ DM-i Super Hybrid หนึ่งในรถยนต์สี่รุ่นที่ผลิตขึ้นจากโรงงาน บีวายดี ประเทศไทย ซึ่งมิได้ผลิตเพื่อการจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังผลิตเพื่อการส่งออกอีกด้วย โรงงานแห่งนี้ยังเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกของบีวายดี ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทย ผ่านการจ้างงานแรงงานไทยมากฝีมือ และยังร่วมพิสูจน์ให้นานาชาติได้เห็น ถึงศักยภาพการผลิตรถยนต์คุณภาพโดยฝีมือคนไทย

BYD SEALION 6 DM-i มาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดแบบ DM-i SUPER HYBRID ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสมรรถนะและการใช้เชื้อเพลิงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับทั้งการเติมน้ำมันและเสียบปลั๊กชาร์จไฟ พร้อมผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง เข้ากับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร อย่างไร้รอยต่อ ตอบสนองทันใจ ไร้เสียงรบกวน เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทั้งยังมีห้องโดยสารตกแต่งพรีเมี่ยม และกว้างขวางพร้อมมอบความสะดวกสบาย ให้กับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง การันตีคุณภาพด้วยยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม สูงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มตลาดรถยนต์ขุมพลัง PHEV

•มอบรางวัล BYD KUNLUN AWARD ให้กับผู้จำหน่ายและพนักงานขาย ที่มีผลงานยอดเยี่ยม

บีวายดี สำนักงานใหญ่ มอบรางวัลเกียรติยศ BYD KUNLUN AWARD 2024 ให้ 4 ผู้จำหน่ายของไทย ที่มีผลงานยอดเยี่ยม ประกอบด้วย BYD North Star, BYD Jinglong Motors, BYD SUSCO Beyond และ BYD BD Auto Group ไม่เพียงเพื่อเป็นการแสดงการขอบคุณพันธมิตรคู่ค้าเหล่านี้ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้ บีวายดี ประสบความสำเร็จในประเทศไทย แต่ยังเป็นการการันตีผลงานที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องของยอดขายสะสมสูงสุด และให้บริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด พร้อมกันนั้น ยังมีการมอบรางวัลให้กับพนักงานขายจาก BYD SUSCO Beyond พระราม2 ที่สร้างยอดขายรถยนต์ บีวายดี สูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยด้วยยอดสะสมสูงกว่า 1,200 คัน

รางวัล BYD KUNLUN AWARD นั้นตั้งชื่อตาม เทือกเขาคุนหลุน ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในเทือกเขาที่สูงที่สุดในเอเชีย จึงเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง, อดทน และ ไม่หวั่นไหว เฉกเช่นเดียวกับผู้จำหน่าย บีวายดี ที่มีความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐาน ทั้งในด้านการขายและบริการ จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทย รวมถึงคู่ควรกับรางวัลเกียรติยศที่สะท้อนถึง ‘ความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่ง’, ‘ความกล้าหาญในการเอาชนะทุกอุปสรรค’ และ ‘ความเป็นเลิศของการขายและการให้บริการที่ยอดเยี่ยม’

สัมผัสประสบการณ์ขับขี่รถยนต์พลังงานใหม่จากยนตรกรรม บีวายดี ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยกว่า 100,000 ราย ด้วยตัวท่านเองได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ บีวายดี และ เดนซ่า ใกล้บ้านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ทุกรุ่นได้ที่ reverautomotive.com สำหรับรถยนต์ บีวายดี หรือ denzathailand.com สำหรับรถยนต์ เดนซ่า ไม่พลาดข่าวสารจาก เรเว่ เพียงติดตาม Official Facebook Page: BYD RÊVER Thailand และ DENZA RÊVER Thailand

เอ็กซ์เผิง จัดงานใหญ่ XPENG CARNIVAL

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดงานใหญ่ ‘XPENG CARNIVAL’ ยกขบวนยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะครบทุกรุ่น พร้อมเปิดตัว ‘X9 Luxury Special Color Edition’ อีกทั้งรถผู้บริหารป้ายแดง ไมล์น้อย ข้อเสนอสุดพิเศษถึง 21 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค ‘เอ็กซ์เผิง’ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA จัดงานสุดปัง ‘XPENG CARNIVAL’ ผสมผสานระหว่างบรรยากาศงานเทศกาลคาร์นิวัล กับยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค พร้อมเปิดตัวรถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ สีพิเศษ ‘X9 Luxury Special Color Edition’ สะท้อนความหรูหราขั้นสุด พลาดไม่ได้รถผู้บริหารป้ายแดง ที่มีให้เลือกสรรพร้อมรับข้อเสนอจุใจ ระหว่างวันที่ 15-21 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

อภิวันท์ สิงห์ทวีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า “กว่า 1 ปีที่ เอ็กซ์เผิง รุ่น G6 และ X9 ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีคนไทย และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง เพื่อตอบรับกระแสดังกล่าว พร้อมฉลองโอกาสที่รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ เอ็กซ์เผิง รุ่น X9  มียอดจดทะเบียนอันดับ 1 ในกลุ่ม MPV ไฟฟ้า ในเดือนกันยายน และสำหรับไตรมาสที่ 3 (ข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก) เราจึงตั้งใจจัดงานใหญ่นี้ พร้อมถือโอกาสเปิดตัวรถรุ่นไฮไลท์ อย่าง ‘X9 Luxury Special Color Edition’ ที่ล้ำด้วยดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี AI ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด นอกจากนี้ ยังมีรถผู้บริหารป้ายแดง ไมล์น้อย การันตีคุณภาพกว่า 20 คัน โดยรถผู้บริหารป้ายแดง G6 ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท ขณะที่ X9 เริ่มต้น 2,290,000 บาท พร้อมดีลดีๆ ที่ยากจะปฏิเสธ”

ตื่นตา X9 Luxury Special Color Edition ทรงพลังด้วยสี Matte Gray อีกระดับความหรูหราที่ลงตัว  

รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะรุ่นท็อป ที่มาพร้อมความพิเศษยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยสีภายนอก Matte Gray ครั้งแรกในตลาด MPV ไฟฟ้า สอดรับกับเฉดสีภายในใหม่ Light Gray เบาะหนังแท้แนปป้า (Nappa) ผสานฟังก์ชั่น Zero-gravity Seat หรูหรามีระดับ เบาะนั่งแถวสองปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมที่ชาร์จแบบไร้สาย 50 วัตต์ ล้ออัลลอยใหม่ดีไซน์แบบ Starlight Floating Wheels ขนาด 20 นิ้ว ผสานการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ รองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดถึง 317 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ NCM ขนาด 101.5 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟเต็มขับได้ไกลสุด 690 กิโลเมตร (NEDC) อีกทั้งยังมาพร้อมระบบเลี้ยว 4 ล้อ ให้รัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.4 เมตร

ที่สำคัญ X9 Luxury สีพิเศษนี้ สะท้อนถึงความหรูหราและทรงพลังเหนือระดับ เข้ากับนิยาม Elegance in Power โดยเฉพาะการออกแบบภายนอกเน้นความเรียบง่ายแต่เฉียบคม ถ่ายทอดบุคลิกแห่ง ‘ความมั่นใจ เงียบขรึม และทรงอำนาจ’ เหมาะสำหรับ ผู้นำทางความคิด (Thought Leader), ผู้บริหารระดับสูง (Executive) รวมถึงผู้ที่หลงใหลในความสมดุลระหว่าง พลัง เทคโนโลยี และความสงบ XPENG X9 Luxury Special Colour Edition จึงไม่ได้เป็นเพียง MPV ระดับพรีเมียม แต่คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จ และรสนิยมที่แตกต่าง

พร้อมด้วย X9 EXECUTIVE นั่งสบายด้วยเบาะแถวที่สองแบบโซฟาพร้อมฟังก์ชั่น Zero-Gravity ปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง มาพร้อมช่องทางเดินระหว่างเบาะแถวที่สอง และที่ชาร์จแบบไร้สาย โดยเบาะแถวที่สามารถพับราบด้วยระบบไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ขณะที่สมรรถนะการขับเคลื่อนจัดเต็มขุมพลัง ใช้เทคโนโลยีเช่นเดียวกับรุ่น Luxury ทำให้ X9 สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

ครบครันยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค ‘New G6’

เอ็กซ์เผิง G6 ใหม่ The NEXT Intelligent SUV ครั้งแรกกับการใช้แบตเตอรี่ 5C ทุกรุ่นย่อย รองรับกระแสไฟในการชาร์จกระแสตรงสูงสุด 451 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 12 นาที* ปรับโฉมทั้งภายนอกและห้องโดยสาร เดย์ไทม์รันนิงไลท์แบบใหม่พาดยาวเป็นเส้นเดียว เปลี่ยนฝาท้ายเป็นแบบ Ducktail และกันชนหลังแบบ C-Ring ห้องโดยสารติดตั้งจอกลางและจอหน้าผู้ขับ ขนาด 15.6 และ 10.25 นิ้ว พร้อมไฟสร้างบรรยากาศ Starlight Rhythm Ambient Light Matrix เสริมหล่อด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่เพิ่มรุ่น ‘AWD Performance’ ทึ่ติดตั้งมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD-All Wheel Drive) ให้กำลัง 486 แรงม้า (PS) พร้อมล้ออัลลอยรมดำ ดุดันแบบเท่สุดๆ

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จอง ‘New G6’ และ ‘X9’ ทั้งรถใหม่ และรถผู้บริหารป้ายแดง ภายในงาน

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พรบ. นาน 1 ปี*

•ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง*

•ฟรี สายชาร์จฉุกเฉิน 1 ชุด*

•รับประกันคุณภาพรถยนต์ นาน 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร*

•รับประกันแบตเตอรี่ และมอเตอร์ขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมความบันเทิง อาทิ เกมชิงรางวัล, ขบวนพาเหรด เป็นต้น โดยงาน ‘XPENG CARNIVAL’ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บริเวณควอเทียร์ อเวนิว ชั้น G และอาคาร C ชั้น BM ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 21 ตุลาคม 2568

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Leapmotor B10 เผยโฉมรุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในอาเซียน

Leapmotor Thailand เผยโฉม Leapmotor B10 รุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในอาเซียนราคาเริ่มต้นที่ 698,000 บาท พร้อมส่งมอบรถทันทีภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ตั้งเป้าเปิดโชว์รูมครบ 30 แห่งภายในปี 2570

•สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ที่ปรับจูนโดยทีมวิศวกรจาก Stellantis พร้อมเทคโนโลยี Cell-To-Chassis 2.0

•การออกแบบสไตล์ European Design และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ EURO NCAP ระดับ 5 ดาว

•ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า PRE Booking จำนวน 1,000 สิทธิ์ รับส่วนลดทันที 10,000 บาท

Leapmotor Thailand ประกาศความพร้อมเดินหน้าบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า กลุ่ม C-Segment ในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด Leapmotor B10 ทั้ง 3 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น Life, Style และ Design มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 56.2 kWh และขนาด 67.1 kWh ระยะทางในการขับขี่ 442 km. และ 516 km. ตามมาตรฐาน NEDC สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ที่ปรับจูนโดยทีมวิศวกรของ Stellantis และเทคโนโลยี Cell-To-Chassis 2.0 และระบบปฏิบัติการ LEAP3.5 รองรับ Apple Carplay และ Android Auto และการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA ใหม่ล่าสุด

นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริหาร บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Leapmotor อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าว่า “การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor B10 รุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่ม C-Segment  ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Leapmotor Thailand ที่ต้องการมอบทางเลือกและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นให้แก่ลูกค้าคนไทย หลังจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก Leapmotor C10 ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะดีและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ทั้งในเรื่องของระบบความปลอดภัย ระบบช่วยขับขี่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และความคุ้มค่า พร้อมยกระดับมาตรฐานการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนในอนาคต ทำให้ปีนี้การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor B10 จะเข้ามาสร้างสีสันให้กับตลาดรถ EV ในไทยเพิ่มมากขึ้น ด้วยราคาที่เราอยากให้ทุกคนเข้าถึงได้”

สำหรับแคมเปญ PRE Booking ที่เริ่มให้ลูกค้าจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ Leapmotor B10 เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าที่สนใจจองสิทธิ์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้เราต้องขยายเวลาเปิดจองสิทธิ์จนถึงวันที่ 10 ตุลาคมนี้ โดยผู้ที่สนใจจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ Leapmotor B10 ได้ง่ายๆ เพียง 1,010 บาท พร้อมรับส่วนลด 10,000 บาท สำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกที่จองสิทธิ์เข้ามาทั้งหมด จะได้สัมผัส Leapmotor B10 คันจริงได้ที่งานนี้ และที่โชว์รูม Leapmotor Thailand ทั้ง 15 สาขาทั่วประเทศ โดยเรามีรถพร้อมส่งให้ถึงมือลูกค้าทันที

สำหรับรายละเอียดข้อมูลรถ Leapmotor B10

สมรรถนะเหนือระดับ (Performance)

•ขนาดตัวถัง: ยาว 4,515 มม., กว้าง 1,885 มม., สูง 1,655 มม., ระยะฐานล้อ 2,735 มม.

•น้ำหนักรถ: 1,780 กก. (รุ่น Life) / 1,845 กก. (รุ่น Style,  Design)

•กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 240 นิวตัน/เมตร

•อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที

•ทำความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.

•ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ

•รุ่น Life ขนาดแบตเตอรี่ 56.2 kWh ระยะทาง 442 กม. (NEDC)

•รุ่น Style & Design ขนาดแบตเตอรี่ 67.1 kWh ระยะทาง 516 กม. (NEDC)

•รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 168 kW / จาก 30% – 80% ในเวลาเพียง 20 นาที

ดีไซน์และความสะดวกสบาย (Design & Comfortable)

ตัวรถออกแบบทันสมัย ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ห้องโดยสารรองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ 420 ลิตร และแบบพับเบาะสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 1,300 ลิตร

•รุ่น Life / รุ่น Style: เบาะเป็นผ้า ฝั่งคนขับปรับมือ 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับมือ 4 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน

•รุ่น Design: เบาะหนังสังเคราะห์ ได้รับมาตรฐาน OEKO-TEX Certification, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะคู่หน้ามีระบบระบายอากาศ, กระจกหลังแบบ Privacy Glass, กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS)

•ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า 2, ด้านข้าง 2, ม่านนิรภัย 2 และถุงลมนิรภัยกลาง 1)

•ระบบ ADAS 17 ฟังก์ชันขั้นสูง เช่น:

– ACC (Adaptive Cruise Control)

– LCC (Lane Centering Control)

– ISA (Intelligent Speed Assistance)

– LKA (Lane Keep Assist)

– ELKA (Emergency Lane Keeping Assist)

– FCW (Front Collision Warning)

– RCW (Rear Collision Warning)

– AEBS (Autonomous Emergency Braking System)

– BSD (Blind Spot Detection)

– DOW (Door Open Warning)

– LDW (Lane Departure Warning)

– HOD (Hands-Off Detection)

– RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

– RCTB (Rear Cross Traffic Braking)

– DDAW (Driver Drowsiness and Attention Warning)

– ADDW (Advanced Driver Distraction Warning)

– TJA (Traffic Jam Assist)

•ระบบกล้องรอบคัน 360°

•การกระจายน้ำหนักสมดุล 50:50

•ระบบกันสะเทือนหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ ที่ได้รับการร่วมพัฒนากับทีม Stellantis Chassis Master

เทคโนโลยีและความบันเทิงภายในรถ

•หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 14.6 นิ้ว, หน้าจอผู้ขับขี่ขนาด 8.8 นิ้ว

•รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto สั่งงานด้วยเสียง ระบบนำทางแบบเรียลไทม์

•การเชื่อมต่อ 4G, WiFi Hotspot, ช่อง USB และแท่นชาร์จไร้สาย

•ระบบเสียงพรีเมียม: 12 ลำโพง (รุ่น Design) / 6 ลำโพง (รุ่น Life, Style)

•ฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load) สำหรับจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายนอก

•หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 1.8 ตร.ม. พร้อมม่านไฟฟ้า (รุ่น Life, Style และ Design)

•ไฟ Ambient Light 64 สี (รุ่น Design)

สีตัวถังและห้องโดยสาร

•สีตัวถังภายนอก 7 สี:

– Morning Dew Purple

– Starry Night Blue

– Tundra Grey

– Lightning White

– Skyfall Grey

– Metallic Black

– Galaxy Silver

•สีห้องโดยสาร:

– Dark Feather Black (Fabric) รุ่น Life และรุ่น Style

– Dark Feather Black ECO Leather รุ่น Design

– Bamboo Shadow Grey ECO Leather รุ่น Design

ราคาจำหน่ายในประเทศไทย

•รุ่น Life ราคาขายอยู่ที่ 698,000 บาท

•รุ่น Style ราคาขายอยู่ที่ 758,000 บาท

•รุ่น Design ราคาขายอยู่ที่ 798,000 บาท

แคมเปญพิเศษ

“ฟรีประกันภัยชั้น 1” สำหรับลูกค้า ที่จองรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor B10 รุ่น Style และ รุ่น Design ทั้งลูกค้า Pre-Booking และลูกค้าที่จองรถ หลังวันที่ 10 ตุลาคม 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลูกค้า Pre-Booking ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2568 จนถึง วันที่ 10 ตุลาคม 2568

-รับส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท

-ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ.

ลูกค้าที่จองรถยนต์รุ่น B10 หลังวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

-รับสิทธิ์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ.

เงื่อนไข : ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ.นี้ จะสิ้นสุดในวันที่ 31 เดือนตุลาคม 2568 และลูกค้าจะต้องรับรถ ภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินส่วนลดใดๆ ได้

ความสำเร็จระดับโลกของ Leapmotor

ในเดือนกันยายน 2568 Leapmotor มียอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมมากกว่า 66,657 คันในประเทศจีน (รวมยอดขายในประเทศและส่งออก) ทะลุกว่า 60,000 คันต่อเดือนเป็นครั้งแรก และมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ติดต่อกันนานถึง 7 เดือนที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 มียอดส่งมอบรวม 173,852 คัน เพิ่มขึ้นถึง 102% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมียอดส่งมอบสะสมตั้งแต่ต้นปีถึง 395,516 คัน คิดเป็นการเติบโต 129%

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของแบรนด์ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าคันที่หนึ่งล้านถูกผลิตขึ้นอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ Leapmotor ก้าวเข้าสู่ “Million Club” ได้สำเร็จ ซึ่งใช้เวลาเพียง 343 วัน ในการผลิตจากคันที่ 500,000 สู่คันที่ 1 ล้าน สะท้อนถึงกลยุทธ์การเติบโตที่มั่นคงและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเราอีกด้วย

MOTOR EXPO 2025 รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน ครั้งที่ 15

MOTOR EXPO 2025 รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน ครั้งที่ 15

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน และนายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน และควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” จัดกิจกรรม “รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน – MOTOR EXPO ครั้งที่ 15” เพื่อกระชับสัมพันธ์ และขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ณ เดอะ แบงเควท ฮอลล์ แอท นาทอง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568

มาสด้า เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ “Joy Workplace”

มาสด้า เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ “Joy Workplace” พื้นที่แห่งความสุขเพื่อคนทำงานยุคใหม่ ผสานวัฒนธรรมองค์กรที่ลงตัว

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัวสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ บนชั้น 19 อาคาร เอแพค ทาวเวอร์ เอกมัย ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สอดรับต่อการเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมองค์กรสู่ยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด “Joy Workplace” โดยออกแบบพื้นที่สำนักงานให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการทำงานของบุคลากรรุ่นใหม่ เน้นการสร้างความสุขในการทำงานที่ริเริ่มจากภายในองค์กร เสริมบรรยากาศของความร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้การทำงานเป็นทีมเวิร์ค ออกแบบพื้นที่ (Space) ให้เปิดโล่งเชื่อมถึงกัน (Collaboration) ให้มีส่วนร่วมพบปะพูดคุย กระตุ้นจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เน้นส่งเสริมการเติบโตของบุคลากรในทุกมิติ การตกแต่งที่เรียบง่ายสไตล์มินิมอล มีความทันสมัย และบรรยากาศอันอบอุ่น นับเป็นก้าวสำคัญของมาสด้าในการยกระดับองค์กรให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ความสุขไปยังลูกค้าทุกคน ตามปรัชญาของมาสด้า Joy Drives Lives ความสุขขับเคลื่อนชีวิต

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การย้ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนสถานที่ทำงงาน แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำงานของบุคลากรในองค์กรทั้งหมด เพราะมาสด้ากำลังก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยการสร้างวัฒนธรรม เพื่อให้พนักงานมีความสุข มีความคล่องตัวสูง ผสานการมุ่งเน้นในการใช้ข้อมูล เพื่อส่งต่อความสุขไปถึงลูกค้าและพันธมิตรของเราอย่างแท้จริง ดังนั้น จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญภายใต้ความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก

สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของมาสด้าได้รับการออกแบบ ภายใต้แนวคิด “Joy Workplace” ที่ริเริ่มจาก Inside Out ด้วยการให้ความสำคัญกับบุคลากรภายในองค์กรเป็นลำดับแรก โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการทำงานและความสุขของพนักงาน ผ่านการจัดสรรพื้นอย่างเหมาะสมกับการทำงานในทุกรูปแบบ อาทิ Joy Space พื้นที่ส่วนกลางสำหรับพักผ่อน พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ Flexible Working Zones รองรับการทำงานร่วมกันแบบไฮบริด มีความยืดหยุ่นสูง และคล่องตัว เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบจัดการพลังงานและน้ำที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้พนักงานมีความสุข เพื่อส่งต่อประสบการณ์ความสุขเหล่านี้ไปยังลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (สำนักงานใหญ่) ตั้งอยู่บนชั้น 19 อาคารเอแพค ทาวเวอร์ เลขที่ 1319 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่สามารถเดินทางสะดวกเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเอกมัย เพิ่มความสะดวกในการเดินทางและการติดต่อประสานงานทางธุรกิจ โดยอาคารแห่งใหม่นี้เป็นอาคารอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Workplace of the Future” โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เทคโนโลยีที่ทันสมัย และสุขภาวะของผู้ใช้อาคาร ที่ผ่านมาตรฐานระดับสากล โดยบริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินงาน ณ สำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

“นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญภายใต้กลยุทธ์การปรับเปลี่ยนธุรกิจของมาสด้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขที่เหนือกว่าการขับขี่ โดยเริ่มต้นจากบุคลากรภายในองค์กร เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขที่แท้จริง” ต้องเริ่มจากภายในก่อนจะส่งต่อไปสู่ภายนอกองค์กร เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจและสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าทุกคนตลอดไป” นายธีร์ กล่าว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save