- Advertisement -
30.3 C
Bangkok
Home Blog Page 8

วิริยะประกันภัย เผยกลยุทธ์ปี 68 เสริมแกร่งทุกมิติงาน “บริการ-พันธมิตรธุรกิจ-บุคลากร”

วิริยะประกันภัย ปลื้มผลงานปี 67 เบี้ยรวมกว่า 4 หมื่นล้าน เผยทิศทางขับเคลื่อนกลยุทธ์ปี 68 เสริมแกร่งทุกมิติงาน “บริการ-พันธมิตรธุรกิจ-บุคลากร”

วิริยะประกันภัย ปลื้มผลประกอบการในปี 2567 ชูจุดแข็งรับมือความท้าทาย ทั้งทางด้านเศรฐกิจและภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยเบี้ยรับตรง 40,879 ล้านบาท เติบโต 2% เผยตั้งเป้าปี 68 อัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 3.7% มุ่งเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร” พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินงาน 3 เป้าหมาย คือ ยกระดับคุณภาพบริการ Touchpoint ครอบคลุมทุกพื้นที่และครบวงจร เสริมความแกร่ง Ecosystem ด้วยการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และยกระดับศักยภาพบุคลากรให้รองรับทุกมิติของงานบริการประกันภัย

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยต้องเผชิญสถานการณ์ความเสี่ยงและความท้าทายจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค แต่กระนั้น บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดประกันวินาศภัยได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัย อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 33 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.3% ในขณะที่ประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของบริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 เช่นกัน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.6%

ทั้งนี้ การดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกด้านของประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อุบัติเหตุ สุขภาพ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ มีการพัฒนากระบวนการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับประกันภัย บริการหลังการขาย ตลอดไปถึงการบริการสินไหมทดแทนที่รวดเร็วและเป็นธรรม ด้วยสาขาและศูนย์บริการสินไหมทดแทน รวมถึงจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ที่ครอบคลุมกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนานวัตกรรมบริการอย่างต่อเนื่อง อาทิ VClaim on VCall บริการเคลมออนไลน์, V-Inspection บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย, V-Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา

“สำหรับผลประกอบการในปี 2567 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท เติบโต 2% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 36,380 ล้านบาท เติบโต 2.1% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,499 ล้านบาท เติบโต 1.2%  อีกทั้งยังคงมั่นคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 70,904 ล้านบาท และอัตราความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR) 220% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ อันแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงมีต่อวิริยะประกันภัยอย่างเหนียวแน่น ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับตรงอยู่ที่ 42,569 ล้านบาท หรือต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 3.7% แบ่งเป็น ประกันภัยรถยนต์ 37,591 ล้านบาท เติบโต 3.3% และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,978 ล้านบาท เติบโต 11% ซึ่งจะเห็นว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นการเติบโตของนอนมอเตอร์ให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น”

นายอมร เปิดเผยต่อไปอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมส่งมอบประสบการณ์ “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ จะดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร” สะท้อนภาพความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนางานบริการให้เป็นเลิศในทุกมิติ ทั้งในด้านการยกระดับคุณภาพ Touchpoint การขยาย Ecosystem คู่ค้า และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อให้การเติบโตของงานมอเตอร์และนอนมอเตอร์เป็นไปตามเป้าหมาย

เป้าหมายแรก ยกระดับคุณภาพและความพร้อมในการให้บริการ ทุกจุดที่ลูกค้าได้สัมผัสแบรนด์ (Touchpoint) สอดประสานเป็น Omnichannel สะดวกทุกที่ทุกเวลา ผ่านช่องทางบริการที่หลากหลายและครบวงจร ได้แก่

1. ขยายงานตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งถือเป็นช่องทางงานขายสำคัญของบริษัทฯ ให้ได้กว่า 200 ราย เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในเมืองรอง เช่น อุทัยธานี, บึงกาฬ, นครพนม, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด, มหาสารคาม, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส รวมถึงยกระดับความรู้และศักยภาพของตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ผ่านการอบรมออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อสามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุม ทั้งประกันภัยมอเตอร์และนอนมอเตอร์

2. พัฒนาจุดบริการทั้งสาขา ศูนย์บริการสินไหมทดแทน และจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ให้ครอบคลุมทุกบริการอย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายปรับปรุงและขยายพื้นที่บริการเพิ่มเติมให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

3. ยกระดับงานขายและการให้บริการผ่าน Line OA ทั้งในส่วนของวิริยะประกันภัย และวิริยะประกันสุขภาพ ให้กลายเป็น One Stop Service ที่สามารถให้บริการด้านงานขายและงานบริการได้อย่างครบวงจร โดยเฉพาะการแจ้งเคลมอุบัติเหตุ เคลมนัดหมาย (VClaim on VCall) และแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

4. ยกระดับประสิทธิภาพการออกตรวจสอบอุบัติเหตุ ด้วยการวาง “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” หรือจุดพักคอยของเจ้าหน้าที่ในการรอเพื่อออกตรวจสอบอุบัติเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยๆ หรือพื้นที่ที่มีอุปสรรค เช่น การจราจรหนาแน่น มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ใช้เวลานาน ฯลฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปถึงจุดเกิดเหตุภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งการยกระดับบริการ ณ จุดเกิดเหตุให้มีความครบถ้วน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้อุ่นใจในทุกสถานการณ์ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีจุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 20 จุด และมีเป้าหมายจะขยายเป็น 30 จุด ภายในปีนี้

เป้าหมายที่สอง ขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของบริการ (Ecosystem) ได้แก่

1. เพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ครอบคลุมทุกแบรนด์ทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาศักยภาพศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะประกันภัย เพื่อรองรับการให้บริการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

2. การขยายเครือข่ายพันธมิตรศูนย์ซ่อมเฉพาะทาง เช่น ศูนย์ซ่อมรถหรู (Luxury Car) และศูนย์ซ่อมรถขนส่ง เพื่อตอบรับการเติบโตของตลาดประกันภัยรถยนต์เฉพาะทาง

3. ขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยสุขภาพ

4. เพิ่ม Exclusive Partner สำหรับ Privilege Program ซึ่งจะเน้นสิทธิพิเศษแบบ Exclusive Program ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งการชอปปิง การกิน-ดื่ม การดูแลสุขภาพ ความบันเทิง และการเดินทาง-ท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าขยาย Exclusive Partner จาก 65 แบรนด์ สู่ 80 แบรนด์ในปีนี้

ส่วนเป้าหมายที่สาม ยกระดับศักยภาพบุคลากรวิริยะประกันภัย ที่มีอยู่กว่า 6,900 คน ตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ ได้แก่

1. พัฒนาศักยภาพตาม Road Map ของแต่ละตำแหน่งงานและช่วงอายุงาน พร้อมตั้งเป้าหมายในการพัฒนาผู้บริหารตามแผน Individual Development Plan (IDP) เพื่อสรรหาและพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพสูง มีความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ สำหรับเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ในอนาคต

2. พัฒนาความรู้และเสริมทักษะใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยี AI เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ

3. พัฒนาระบบ Online Training ให้พนักงานสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา ภายใต้แนวคิด Long Live Learning

4. เสริมความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์มอเตอร์และนอนมอเตอร์ ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับพนักงานในทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งงานสินไหมทดแทนส่วนหน้าและส่วนหลัง รวมถึงฝ่ายรับประกันภัย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยทั้งในส่วนของประกันภัยมอเตอร์ ซึ่งในปีนี้จะมีการพัฒนาประกันภัยประเภท 5 (2+,3+) คุ้มครองภัยน้ำท่วมซ่อมอู่ทั่วไป และประเภท 5 (2+) รถไฟฟ้าซ่อมห้าง ส่วนประกันภัยนอนมอเตอร์ บริษัทฯ มีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุ โดยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าทั้งแบบมีความรับผิดส่วนแรกและแบบร่วมจ่าย พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทางหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกการเดินทางทั้งในและนอกประเทศ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับการซื้อประกันภัยออนไลน์ (E-Sale) และช่องทาง Affiliate Marketing และในปีนี้ บริษัทฯ ยังได้โฟกัสไปที่การมอบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์แก่กลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยจะออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโจรกรรมรถจักรยานยนต์ คุ้มครองครอบคลุม สูญหาย เสียหายสิ้นเชิง ชดเชยรายได้เมื่อบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพื่อช่วยบรรเทาภาระ เบี้ยประกันภัยสุดคุ้ม ไม่ถึงวันละบาท เพื่อให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างอุ่นใจยิ่งขึ้น

อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับพลังงานสีเขียว เพื่อส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งโซล่า รูฟท็อป และอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกรับความคุ้มครองได้ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโลจิสติกส์ไทยสู่ความยั่งยืน สนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งที่ได้รับเครื่องหมาย Q Mark และผู้ประกอบการที่เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้า เดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดโลจิสติกส์สีเขียว (Go Green Logistics) โดยบริษัทฯ จะมอบสิทธิพิเศษส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาตามแนวนโยบายด้าน ESG ของบริษัทฯ ในปีนี้อีกด้วย

“บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ ทั้งความใส่ใจในบริการ สร้างความมั่นใจ วางใจ และทันใจให้ผู้ถือกรมธรรม์วิริยะประกันภัยกว่า 8 ล้านกรมธรรม์ ได้รับประสบการณ์ ‘ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า’ โดยมีหัวใจสำคัญคือบุคลากรวิริยะประกันภัยทุกส่วนงานเป็นแรงขับเคลื่อนนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย” นานอมร กล่าว

นอกจากแผนการดำเนินงานที่กล่าวมา ในปีนี้บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า” เพื่อสะท้อนความตั้งใจของการทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงและดูแลผู้เอาประกันภัยให้ได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด ภายใต้ความคุ้มครองจากวิริยะประกันภัย เพราะบริษัทฯ คำนึงถึงความสำคัญในทุกช่วงเวลาอันมีค่าของลูกค้า ที่จะนำไปใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาของการอยู่กับครอบครัว คนรัก และคนรอบตัว รวมไปถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิต โดยภายใต้ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ จะสะท้อนภาพในทุกมิติของประสบการณ์การใช้ “วิ” วิริยะประกันภัยอย่างแท้จริง เพื่อให้ทุกช่วง “วิ” นาทีของลูกค้าถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัทฯ

มิตซูบิชิ เปิดตัวทีเด็ด All New XFORCE HEV เคาะราคาเริ่มต้น 8.99 แสน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ Mitsubishi e:MOTION เปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ฟูลไฮบริด

บรรยายภาพ : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี รถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย มร.เรียวอิจิ อินาบะ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มร.มาซาฮิโระ อิโตะ (ที่ 2 จากซ้าย) Chief Product Specialist, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น มร.นาโอกิ อากิตะ (ซ้ายสุด) Program Design Director บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และ นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ขวาสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

กรุงเทพฯ – 20 มีนาคม 2568 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดด้วยการเปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก รถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ เร้าใจกับสมรรถนะ ครบครันด้วยความสะดวกสบาย และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย จากอีกขั้นของการพัฒนา MITSUBISHI e:MOTION ที่ผสาน 3 เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี จะผลิตที่โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และจัดจำหน่ายผ่านทางเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม 2566 ในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน และขยายตลาดสู่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่นๆ ในปี 2567 มีความสำคัญในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี จะมาเสริมทัพกลุ่มรถยนต์ฟูลไฮบริดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต่อยอดความสำเร็จจาก มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ที่เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา รถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่นี้ เป็นรถที่จะสร้างความน่าดึงดูดใจให้กับทุกท่าน เพราะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนาจากระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันเลื่องชื่อของมิตซูบิชิ โดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอัตราเร่งที่ทรงพลัง พร้อมโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ผสานการทำงานระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control – AYC) แบบ All-Wheel Control ที่จะช่วยคำนวณการส่งกำลังจากระบบขับเคลื่อนและแรงเบรกลงสู่แต่ละล้อ เพื่อให้ล้อทั้งคู่หน้า-คู่หลัง ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสมดุลของตัวรถขณะเข้าโค้ง เพื่อความปลอดภัย และมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง

“นี่เป็นครั้งแรกที่ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุดของเรา และเราภาคภูมิใจ ที่รถยนต์รุ่นนี้ ผลิตที่ประเทศไทย ณ โรงงานแหลมฉบังของเรา เราใช้เวลาหลายเดือน ในการทดสอบรถยนต์รุ่นนี้ รวมระยะทางทั้งหมดกว่า 100,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อประเมินความทนทาน และสมรรถนะในการขับขี่ ทีมทดสอบของเราได้รวบรวมข้อมูล และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ซึ่งวิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเรา ได้นำไปใช้ในการปรับแต่งและพัฒนารถรุ่นนี้ ให้ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนสุดท้าย คือการทดสอบความทนทานของรถและปรับแต่งระบบกันสะเทือนที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสภาพถนนที่หลากหลายของประเทศไทย ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เราให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพ และประสบการณ์การขับขี่เสมอมา และเราไม่เคยลดทอนมาตรฐานเหล่านี้เลยครับ เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี จะเป็นโมเดลที่สร้างความตื่นเต้น และน่าประทับใจ พร้อมกับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย” มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

คุณสมบัติเด่นของ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สามารถแบ่งได้เป็น 4 แกนสำคัญ อันประกอบไปด้วย ดีไซน์  สมรรถนะ ระบบความปลอดภัยแลความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร

การออกแบบ

•รูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ ‘Silky and Solid’ แนวคิดการออกแบบใหม่จากมิตซูบิชิ เรียบหรู แต่ทรงพลัง สะท้อนผ่านรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว โดดเด่น เปรียบสมือนไอคอนนิคแห่งยุค ด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED สี Smoked จัดเรียงเป็นรูปตัวที เสริมให้เห็นถึงความกว้างและความรู้สึกมั่นคงของตัวรถ

•ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ดีไซน์สวยงามที่คำนึงถึงแอโรไดนามิค เสริมด้วยซุ้มล้อที่เลือกใช้วัสดุ และสีที่ตัดกับสีรถ ทำให้ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีบุคลิกของรถเอสยูวีอย่างชัดเจน

•รูปลักษณ์ภายใน ออกแบบโดยใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ประณีตในทุกรายละเอียด คอนเซปต์ตามแนวคิด “Horizontal Axis” มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ภายในห้องโดยสารสีทูโทน พร้อมการตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำและคราบสิ่งสกปรก มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จะช่วยสร้างสุนทรียภาพให้คุณตลอดการเดินทาง

สมรรถนะ

•ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มาพร้อมประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ MITSUBISHI e:MOTION ซึ่งเป็นการผสานสามเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดของมิตซูบิชิ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC)

•ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร DOHC 16 วาล์ว MIVEC เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นแรก สู่ระบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพการส่งกำลังที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle ใหม่ ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติตามการขับขี่และสภาพถนน ให้อัตราเร่งที่ดี และนุ่มนวล อีกทั้งยังเพิ่มกลไกตัดการเชื่อมต่อของมอเตอร์ ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ส่งผลให้รถมีอัตราประหยัดน้ำมันขั้นสูงสุด 24.4 กิโลเมตร/ลิตร(1) มีระยะทางการขับขี่ยาวที่สุดในคลาสต่อน้ำมันหนึ่งถัง ทำงานเงียบและมีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมทั้งในการขับขี่บนไฮเวย์ และในเส้นทางที่เป็นเนินลาดชัน

•โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ไม่ว่าเส้นทางแบบไหนก็ไม่เป็นอุปสรรคด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Normal (ถนนทั่วไป) Wet (ถนนเปียก) Gravel (ถนนลูกรัง) Tarmac (ถนนลาดยาง) Mud (ถนนโคลน) และอีก 2 ทางเลือกพลังงานทั้ง Charge (โหมดการชาร์จ) และ EV Priority (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%) โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ด้วยตนเองตามสภาพถนน สภาพภูมิอากาศ หรือรูปแบบการใช้งานที่ต้องการ

•ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ AYC (Active Yaw Control) เทคโนโลยีจากรถแข่งแรลลี่คาร์ของมิตซูบิชิ ทำงานโดยคำนวณการส่งกำลังลงที่ล้อซ้าย-ล้อขวา ให้หมุนสัมพันธ์กัน ขณะที่รถเข้าโค้ง เพื่อสร้างสมดุลให้กับตัวรถ ทำให้สามารถขับผ่านทางโค้งได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และมั่นใจในทุกสถานการณ์

•ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ยังใช้ ช่วงล่าง ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้เหมาะกับทุกสภาพถนนในประเทศไทย ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 100,000 กิโลเมตร

ระบบความปลอดภัย 

•เทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ADAS ที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถแบบ 360 องศา ทำงานอย่างแม่นยำผ่านการทำงานของกล้อง เรดาห์ และเซนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น

-กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (MAM with MOD)

-ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า (LCDN)

-ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA)

-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)

-ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง (ACC)

-ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)

-ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)

ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ยกระดับการเดินทางของคุณ ให้รู้สึกผ่อนคลายในแบบพรีเมียมด้วย

•ห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางขาที่กว้าง ทำให้สามารถเดินทางได้พร้อมกันถึง 5 คน โดยไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับปรับแบบ 40:20:40 และปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด

•ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System) เครื่องเสียงและระบบเสียงคุณภาพ พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ ยามาฮ่า คอร์เปอเรชั่น ให้เสียงใส คมชัดในทุกมิติ ให้คุณเพลิดเพลินกับเพลงโปรดได้เสมือนฟังดนตรีแบบแยกชิ้น

•ระบบฟอกอากาศ nanoe-X ที่จะช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดอากาศเหนื่อยล้า สร้างความสดชื่นให้คุณตลอดการเดินทาง

•ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านหน้า

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย ได้แก่

•รุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond  สีเงิน Blade Silver และสีเทา Graphite Grey

•รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ สีเงิน Blade Silver  สีเทา Graphite Gray  และสีดำ Jet Black Mica

•รุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ, สีเทา Graphite Gray หลังคาดำ, สีเหลือง Energetic Yellow หลังคาดำ, สีแดง Spirit Red  หลังคาดำและสีดำ Jet Black Mica

มาพร้อมการรับประกันระบบไฮบริดเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง หมดกังวลกับเรื่องอะไหล่และบริการหลังการขาย เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ จึงสามารถจัดส่งอะไหล่ได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมดูแลด้วยช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเชี่ยวชาญกระจายอยู่กับเครือข่ายผู้จำหน่ายของมิตซูบิชิที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ

พิเศษสำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี โดยจองภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และรับรถภายใน 31 กรกฎาคม 2568 จะได้รับสิทธิพิเศษภายใต้แคมเปญ “Early Bird Offers(2) เฉพาะช่วงเปิดตัวเท่านั้น”  โดยลูกค้าจะได้รับบัตรของขวัญที่พักโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา มูลค่า 10,000 บาท และรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) ฟรีค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)

พร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษที่สามารถเลือกรับอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.99% (เมื่อดาวน์ 25% และผ่อนชำระ 48 เดือน)(2) กับสถาบันการเงินที่กำหนดและสามารถเลือกรับแพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี และสำหรับลูกค้าครอบครัว มิตซูบิชิ หรือลูกค้าเก่ามิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บาท ผ่านแอฟพลิเคชัน M-Drive

ลูกค้าสามารถสัมผัสออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้ที่งานโรดโชว์ทั่วประเทศและที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (A9) ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี พร้อมพบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของมิตซูบิชิ ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์มิตซูบิชิได้ทางเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.co.th และทุกช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค  MitsubishiMotorsTH

(1)ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ระบุในแคตตาล็อกคำนวณตามวิธีที่กำหนด และอาจจะแตกต่างจากอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในสภาพการขับขี่จริง

(2) สำหรับรุ่น Ultimate และ Ultimate X

สรยท. จับมือ สื่อสากล จัดอบรมขับขี่ปลอดภัยให้กับสมาชิกฯ

สรยท. จับมือ สื่อสากล จัดอบรมขับขี่ปลอดภัยให้กับสมาชิกฯ โดยครูฝึกระดับมืออชีพที่ได้รับประกาศนียบัตร BMW Certified Instructor ระดับ 2

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมมือกับบริษัท สื่อสากล จำกัด โดยมีนางสาวชไมพร ปภัสร์พงษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท สื่อสากล จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการโครงการ “ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” ครูฝึกระดับมืออชีพที่ได้รับประกาศนียบัตร BMW Certified Instructor ระดับ 2 พร้อมทีมงานเป็นผู้ให้ความอนุเคราะห์ในการฝึกอบรมในครั้งนี้

สำหรับการจัดอบรมขับขี่ปลอดภัยให้กับสมาชิกสมาคมฯ ภายใต้โครงการขับขี่ปลอดภัย Skill Driving Experience โดยกิจกรรมดังกล่าวสมาชิกฯ ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการคัดเลือกจากกรรมการสมาคมฯ ว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสม ซึ่งโครงการขับขี่ปลอดภัยจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสบการณ์ทักษะวิชาชีพ และเรียนรู้ทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัยและถูกวิธีของสื่อมวลชนสายยานยนต์คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่อาชีพสื่อมวลชนสายยานยนต์ เพื่อนำทักษะไปใช้ในการทำงานและใช้ในชีวิตประจำวันให้ขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและสังคมต่อไป กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2568 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

เอ็มจี เปิดวิสัยทัศน์ขึ้น ท็อป 5 ในทศวรรษที่ 2 พร้อมเปิดตัว NEW MG IM6

เอ็มจี เปิดวิสัยทัศน์ขึ้น ท็อป 5 ในทศวรรษที่ 2 พร้อมเปิดตัว NEW MG IM6 ชาร์จไว ฟังก์ชันครบ แรงสุดในรุ่น รับประกันแบตเตอรี่ Lifetime Warranty

กรุงเทพฯ – 18 มีนาคม 2568 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจในไทยตั้งเป้าปีนี้ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 5% และมุ่งก้าวสู่ ท็อป 5 ในตลาดยานยนต์ไทย ภายในทศวรรษที่ 2 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า และ ไฮบริด รุ่นใหม่ เพิ่มเติมพอร์ตโฟลิโอภายในปี 2026  เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เติมเต็มพรีเมียมอีวี NEW MG IM6 เข้าเสริมทัพ ชูจุดเด่น The First-ever Premium Intelligent e-SUV ที่มาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จเร็วที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ ฟังก์ชันครบถ้วน พร้อมแรงม้าสูงถึง 778 แรงม้า สะท้อนภาพยนตรกรรมที่ล้ำสมัย มอบความตื่นเต้นให้ลูกค้า พร้อมส่งมอบในช่วงเมษายนนี้

เอ็มจี ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในวงการยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพสูงที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อนในหลากหลายเซกเมนต์ด้วยจุดเด่นของฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและราคาที่เข้าถึงง่าย ด้วยยอดขายสะสม ณ ปัจจุบันรวมกว่า 220,000 คัน ทั้งยังมียอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในไทยไปยังภูมิภาคอาเซียนแล้วมากกว่า 32,000 คัน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จที่ได้รับความเชื่อมั่นไม่เพียงตลาดภายในประเทศ แต่ยังขยายไปสู่การเติบโตในระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นคง ในทศวรรษที่ 2 เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเอ็มจีมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และรถไฮบริด เพิ่มเติมภายในปี 2026 เริ่มต้นด้วย NEW MG IM6 ยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นเรือธง ที่จะเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมอีวี และ B-SUV ไฟฟ้าล้วน อย่าง NEW MG S5 EV ที่จะเปิดตัวในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 พร้อมเสริมทัพแผนการขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพลังงานทางเลือกตามเทรนด์โลก และมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  1. การตอกย้ำความเป็นผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้าในไทยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง

เอ็มจี มุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและคุ้มค่า โดยภายในปี 2026 เอ็มจี เตรียมขยายไลน์อัพรถไฟฟ้าใหม่ ทั้ง SUV และ MPV นอกจากนี้ เอ็มจี ยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่มอบการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์สำคัญของแบรนด์ เพื่อคลายความกังวลเกี่ยวกับความทนทานของระบบไฟฟ้าและเพิ่มมูลค่าให้กับรถมือสอง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการยกระดับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อให้พร้อมต่อการขยายตัวในการใช้รถอีวี

2) การพัฒนายานยนต์พลังงานทางเลือก เพื่อเสริมประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์การขับขี่

เอ็มจี เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดภายใต้แนวคิด “Global Quality, Local Relevance” ด้วยการนำเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันที่ 2 จาก SAIC MOTOR CORPORATION มาชูจุดเด่นด้านสมรรถนะที่ดีขึ้น การประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่า และการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมคงความคุ้มค่าในการใช้งาน พร้อมกันนี้ เอ็มจี ยังเตรียมขยายไลน์อัพรถยนต์ไฮบริดอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ภายในปี 2026 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยทั้งในกลุ่มครอบครัวและกลุ่มที่มองหาความประหยัดเป็นหลัก

3) สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกด้าน

สำหรับ  เอ็มจี เรามุ่งมั่นยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนา E-Workshop ระบบบริการดิจิทัล  ที่ให้ลูกค้าติดตามงานซ่อมได้แบบเรียลไทม์ สะดวก และมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าอัตราการจัดหาอะไหล่ 99% เพื่อให้บริการได้รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย พร้อมเสริมด้วยบริการ ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และการดูแลแบบใส่ใจรายบุคคล เพราะที่ เอ็มจี เราเชื่อว่า ลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ และเราพร้อมดูแลตลอดการเดินทาง

4) การขับเคลื่อนแบรนด์สู่ความยั่งยืน พร้อมเคียงข้างสังคมไทย

ในปีนี้ เอ็มจี จะยังคงเดินหน้าพันธกิจนำแบรนด์สู่ความยั่งยืน โดยบูรณาการความร่วมมือกับทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาองค์กรและสังคมไปพร้อมกัน ทั้งยังสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมและมุ่งถ่ายทอดทักษะด้านนวัตกรรมในการพัฒนาเทคโนโลยี NEV ด้วยเผยการขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาทักษะในอนาคตและสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ

และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญภายในงานกับการเปิดตัว NEW MG IM6 ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของแบรนด์ เอ็มจี ซึ่ง NEW MG IM6 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ขับเคลื่อนตัวตน บนความเป็นตัวเอง” (I’M WHO I’M) โดยนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับเติมเต็มทั้งความหรูหราและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแค่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังสะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ผ่านการออกแบบที่โดดเด่นและแตกต่างอย่างมีสไตล์ ซึ่งยนตรกรรมรุ่นนี้ได้รับรางวัล 2024 Red Dot Product Design Award ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เรียบหรู ภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว ผสานกับการออกแบบภายในที่เน้นความสะดวกสบาย ด้วยเบาะ POPO Sofa รูปทรงขนมปังที่มอบความนุ่มนวล ไม่ว่าเส้นทางไหนก็นั่งสบายตลอดทาง เสริมความบันเทิงด้วยหน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว ที่รองรับระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS ที่ได้รับการพัฒนาโดย Alibaba Group ซึ่งระบบดังกล่าวยังได้รับรางวัล Red Dot Design Award สาขา Brand & Communication Design รวมถึงระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 ตำแหน่ง ให้ลูกค้าได้เต็มอิ่มกับเครื่องเสียงรอบทิศทางขณะการเดินทาง

NEW MG IM6 ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีระดับสูง ด้วยแชสซีดิจิทัลอัจฉริยะ IM Digital Chassis ที่มอบความสมดุลและประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 778 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 802 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh ที่รองรับแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) สะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีระบบ Cooling System เจเนอเรชันใหม่ที่สามารถระบายความร้อนถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที และมอบความขั้นกว่าด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ทำให้ NEW MG IM6 เป็นรถที่ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกันและยังสามารถเพิ่มระยะทาง การขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุ่นใจกับการใช้รถไฟฟ้าด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยระบบ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และ ADAS รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาว จาก China NCAP พร้อมดีไซน์ระบบให้รองรับ EURO-NCAP ต่อไป นอกจากนี้ NEW MG IM6  ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าทุกมาตรฐาน ด้วยระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดายแม้ในพื้นที่จำกัด และระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ช่วยให้การขับขี่ในสภาพอากาศที่ยากลำบากยังคงมีความชัดเจน อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นคงในทุกการเดินทาง

นาย ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า “แม้ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เรามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยการพัฒนาแบรนด์ในทุกมิติ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิต การขยายเครือข่ายบริการหลังการขาย และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานต่างๆ สำหรับการเปิดตัวและประกาศราคา NEW MG IM6 ครั้งนี้ เรามุ่งหวังที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยและยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของแบรนด์ เอ็มจี นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ระดับสากล โดยในปีนี้ เอ็มจี ตั้งเป้าหมายที่จะ เพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็น 5% พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจอย่างเข้มข้นเพื่อผลักดันสู่หมุดหมายใหญ่ในการขึ้นเป็นแบรนด์  “ท็อป 5” ภายในทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย”

บีเอ็มดับเบิลยู ยกขบวนยานยนต์สุดทุกรุ่นบุกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยกขบวนยานยนต์สุดตื่นตา จุดกระแสความคึกคักก่อนมุ่งสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

นำทัพด้วยตัวแรงหน้าใหม่จาก บีเอ็มดับเบิลยู M และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ตอบโจทย์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้งรถทัวริ่งสมรรถนะสูงและ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ พลังงานไฟฟ้า

รุ่นยอดนิยมระดับตำนาน บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 เปิดประสบการณ์ใหม่อีกครั้งในรุ่น 330e M Sport และ 530e Inspiring

สัมผัสที่สุดแห่งการผจญภัยแบบเอ็นดูโร กับบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS Adventure ใหม่ ออกตัวคู่กับจรวดทางเรียบในรุ่น S 1000 RR

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมนำทัพยานยนต์รุ่นใหม่สุดตระการตา มุ่งสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “สนทนาภาษายานยนต์” โดยทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมนำเสนอรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุดที่ตอบสนองทุกความต้องการของนักขับชาวไทย นับตั้งแต่ความหรูหราขณะโลดแล่นบนท้องถนนในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงที่สุดของสมรรถนะและการผจญภัยออฟโรดอย่างไร้ขีดจำกัด

มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าวว่า “ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้เผยถึงกระแสตอบรับอันอบอุ่นของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและกลุ่มยานยนต์สมรรถนะสูงของเรา ในมอเตอร์โชว์ปีนี้ เราจึงเตรียมต่อยอดความสำเร็จและกระแสความสนใจของลูกค้าด้วยความตื่นตาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หลายรุ่น อย่างในตระกูล M ของบีเอ็มดับเบิลยู เรามีทั้งบีเอ็มดับเบิลยู M3 Competition M xDrive Touring และ M5 Touring ใหม่ ที่ผสมผสานประสิทธิภาพและความคล่องตัวในระดับสูงสุด เข้ากับรูปลักษณ์สง่างามและประโยชน์ใช้สอยของรถประเภท Touring”

“ทางฝั่งมินิก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ด้วยรถยนต์สมรรถนะสูงจากตระกูล จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ถึง 4 รุ่น ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึง JCW พลังงานไฟฟ้าสองรุ่นแรก ทั้งในรุ่นแบบ 3 ประตู และรุ่น Aceman แบบ 5 ประตู ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ขนตัวท็อปมาเผยโฉมกันในสองสไตล์ ทั้งสายผจญภัยออฟโรดกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS Adventure และซูเปอร์ไบค์อย่างบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR”

ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูและมินิยังทำการปรับโฉม เสริมสมรรถนะให้กับรุ่นยอดนิยมของแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ที่รองรับการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วนได้ไกลยิ่งขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู 530e Inspiring ที่เปิดทางให้ลูกค้าเป็นเจ้าของซีรีส์ 5 ได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงความพรีเมียมในทุกมิติ หรือความเพลิดเพลินจากประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดประทุนกับ MINI Cooper Convertible S นอกจากยานยนต์รุ่นใหม่ที่ยกทัพมาเปิดตัวเป็นครั้งแรก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังมีข้อเสนอพิเศษมากมายจากทั้งสามแบรนด์ ให้ลูกค้าได้สัมผัสที่สุดแห่งการขับขี่ระดับพรีเมียมได้อย่างสบายใจ

มร. แกร์ฮาร์ด กล่าวเสริมว่า “ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรานำมาเปิดตัวในมอเตอร์โชว์ปีนี้ เป็นการเน้นย้ำถึงความสามารถของเราในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในตลาดรถยนต์พรีเมียม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จของเรา ทั้งในตลาดไทยและบนเวทีโลก เรามีความยินดีที่จะได้เห็นลูกค้าได้สนุกและตื่นเต้นไปกับยานยนต์ของเรา และผมขอให้ทุกท่านจับตารอความเคลื่อนไหวของเราในปีนี้ กับสีสันและความแปลกใหม่ที่ยังรออยู่ข้างหน้าในปี 2568 นี้”

ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประกาศเปิดตัวในวันนี้ จะเผยแพร่อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2568

ข้อเสนอพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยูในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่ร่วมรายการ โดยเลือกใช้ข้อเสนอทางการเงินจากบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส และมีกำหนดรับรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 สามารถเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษ* ได้ในงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 8 ปี ประกันภัยชั้นหนึ่ง BMW Protect ฟรีสูงสุด 3 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% และอื่นๆ อีกมากมาย

รุ่นข้อเสนอพิเศษ
บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d, X3 M50 ใหม่    ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 32,299 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู 330e ใหม่ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 23,799 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู M340i ใหม่ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 33,999 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู 320dฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 23,799 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู iX3ฟรี BMW Wall Boxฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 27,499 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 32,299 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู M และ M Performance   (รุ่นที่เข้าร่วม บีเอ็มดับเบิลยู M240i, บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50, บีเอ็มดับเบิลยู M440i (รุ่นก่อนปรับโฉม), บีเอ็มดับเบิลยู Z4 M40i, บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60, บีเอ็มดับเบิลยู M3 CS, บีเอ็มดับเบิลยู M3 Touring, บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe (รุ่นก่อนปรับโฉม) และ บีเอ็มดับเบิลยู X4M )ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 37,299 บาท/เดือนฟรี แพ็คเกจ BMW Driving Experience ที่เกาหลีใต้ สำหรับรุ่น M240i, i4 M50, i5 M60, M440i (รุ่นก่อนปรับโฉม), Z4 M40i, M3 CS, M3 Touring (รุ่นก่อนปรับโฉม) และ M4 Coupe (รุ่นก่อนปรับโฉม)
บีเอ็มดับเบิลยู 320Li / 330Liฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 19,999 บาท/เดือนหรือ ฟรีอัปเกรด BSI Ultimate นานสูงสุด 5 ปีสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 320 Li
บีเอ็มดับเบิลยู X1ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 15,799 บาท/เดือน (สำหรับรุ่น X1 sDrive20i xLine เท่านั้น)
บีเอ็มดับเบิลยู X3 30eฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 33,099 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู X5 30eฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 46,399 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู รุ่นพลังงานไฟฟ้า   (บีเอ็มดับเบิลยู i4, i5, i7, iX2, iX)ฟรี BMW Wall Boxฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 31,099 บาท/เดือนฟรี เครดิตการชาร์จมูลค่า 20,000 บาทที่สถานีชาร์จ Elex by EGAT

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/promotional-offers/bmw-march-2025-motorshowoffer.html

ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Thailand หรือติดต่อ BMW Contact Centre ที่เบอร์ 1397

ข้อเสนอพิเศษจากมินิในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

พบกับข้อเสนอพิเศษ** ที่พร้อมเปิดทางให้คุณได้โลดแล่นไปกับมินิหลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าขับสนุกหรือรถอเนกประสงค์สำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ ด้วยความอุ่นใจจากอัตราผ่อนชำระพิเศษ ประกันภัยชั้นหนึ่ง และอื่นๆ

รุ่นข้อเสนอพิเศษ
MINI Cooper SE และ MINI Aceman SE  ฟรี MINI Wall Box หรือฟรี ประกันภัยชั้น 1 MINI Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 11,555 บาท/เดือน (สำหรับ MINI Cooper SE) และ 15,555 บาท/เดือน (สำหรับ MINI Aceman SE)
MINI Countryman S ALL4ฟรี ประกันภัยชั้น 1 MINI Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceฟรี กล้องหน้ารถ Advanced Car Eye 3.0 สำหรับรุ่น MINI Countryman S ALL4 Classicผ่อนเริ่มต้น 22,099 บาท/เดือน

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mini.co.th/en_TH/home/serv/special-offers/the_new_mini_family.html  

ข้อเสนอพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

ออกตัวสู่ทุกเส้นทางกับสองล้อคู่ใจคันใหม่จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยข้อเสนอพิเศษ*** ที่มีทั้งประกันภัยชั้นหนึ่ง ขยายเวลาบริการหลังการขาย และอัตราดอกเบี้ยพิเศษสุด

รุ่นข้อเสนอพิเศษ
บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GTฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Motorrad Protect สูงสุด 1 ปีขยายระยะเวลา แพ็คเกจบริการหลังการขาย BMW Motorrad Service Inclusive เป็น 3 ปีเต็ม
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventureเลือกจากฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Motorrad Protect สูงสุด 1 ปีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GSอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.65% สำหรับลูกค้าเดิมของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เท่านั้น

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด 

มาสด้า เปิดตัว NEW MAZDA MX-5 รุ่นลิมิเต็ด ฉลองครบรอบ 35 ปี

มาสด้า เปิดตัวรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอน NEW MAZADA MX-5 รุ่นลิมิเต็ด ฉลองครบรอบ 35 ปี

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 17 มีนาคม 2568 – มาสด้าแนะนำรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนเจ้าของตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี ของ MX-5 ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต มอบความสปอร์ตสไตล์คลาสสิก แฝงด้วยความสปอร์ตทุกรายละเอียด มาพร้อมความพิเศษกับสีภายนอก Artisan Red Premium เอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้า ภายในตกแต่งด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan สะท้อนความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial number บ่งบอกความพิเศษที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด วางราคาจำหน่าย 3,069,000 บาท และแคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัว ฟรีประกันชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี หรือ Mazda Ultimate Service พร้อมเปิดโอกาสให้แฟนพันธุ์แท้ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้า MX-5 คือรถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนหลังคาไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบา เจ้าของตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ แบรนด์ไอคอนของมาสด้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก โดยมาสด้า MX-5 เจนเนอเรชั่นแรก เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2532 ในงาน Chicago Auto Show ด้วยการเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์น้ำหนักเบา ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 เจนเนอเรชั่นที่สองก็ได้ถูกเปิดตัว สร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลกจนได้รับการบันทึกลงในหนังสือ Guinness World Records ให้เป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบบสองที่นั่งที่ขายดีที่สุดในโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 MX-5 เจนเนอเรชั่นที่สามก็ได้เปิดตัวขึ้น และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โรดสเตอร์ที่มาพร้อมหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกเพียง 13 วินาที จนกระทั่งในปี 2558 จนถึงปัจจุบัน MX-5 เจนเนอเรชั่นที่สี่ ได้มีการพลิกโฉมอีกครั้ง โดยมาพร้อมกับดีไซน์ที่เฉียบคมและพริ้วไหว ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ทำให้ได้ภาพลักษณ์ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวอย่างชัดเจน และยังคงสร้างกระแสความนิยมในกลุ่มแฟนๆ อย่างไม่เสื่อมคลาย ทำให้การผลิตในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.2 ล้าน คันทั่วโลก

“การแนะนำ New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษครบรอบ 35 ปี ครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองไปพร้อมๆ กับแฟนมาสด้าทั่วโลก นับตั้งแต่รถรุ่นนี้ได้เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรก และยังคงเป็นรถในเจนเนอเรชั่นที่สี่ ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์ยอดนิยมของมาสด้าไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบที่พรีเมี่ยมสง่างาม ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีไดนามิกในการขับขี่ที่ดี พร้อมการควบคุมที่แม่นยำ มาพร้อมกับเครื่องยนต์วางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลัง กระจายน้ำหนักหน้า-หลังแบบ 50:50 มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ พัฒนาโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ตามปรัชญา จินบะ-อิไต โดยผลิตจำนวนจำกัดเพื่อให้แฟนๆ ทั่วโลก และนักสะสมชาวไทยได้ครอบครอง เชื่อว่ารถรุ่นนี้จะเป็นรถอีกโมเดลที่จะมาสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ ทำให้แฟนๆ สปอร์ตโรดสเตอร์ได้ภูมิใจที่ได้ครอบครองอย่างแน่นอน“ นายธีร์ กล่าว

Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี ได้รับการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อถ่ายทอดความพิเศษในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น สีภายนอกพิเศษ Artisan Red Premium ที่ได้รับผสมผสานตามแนวทาง ทาคุมิ-นูริ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพ่นสีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า โดยเน้นแสงเงาและความมีมิติ ช่วยเพิ่มความสวยงามของตัวถังภายนอกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมความพิเศษด้วยสัญญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial Number ที่บริเวณด้านข้างตัวถัง บ่งบอกถึงความพิเศษที่มีจำนวนจำกัด รวมถึงหลังคาหลังคาแข็งที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Bright ที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความพิเศษได้อย่างมีเอกลักษณ์

ภายในห้องโดยสารของ New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี มาพร้อมความสปอร์ตพรีเมี่ยมที่พิเศษแตกต่างจากรุ่นปกติ ด้วยเบาะหุ้มหนังสีพิเศษ Sports Tan พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition ที่บริเวณพนักพิงศีรษะ เบาะนั่ง และพรมปูพื้นห้องโดยสาร มาพร้อมพวงมาลัย หัวเกียร์ และเบรกมือหุ้มหนังสีดำ พร้อมด้ายสีพิเศษ Sports Tan กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีพิเศษ Artisan Red Premium แผงคอนโซลและแผงประตูหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ ด้วย Apple CarPlay® และ Mazda Connect ที่สามารถแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพงถึง 9 ตำแหน่ง

New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี ยังคงเอกลักษณ์ของมาสด้าด้านความสนุกสนานในการขับขี่ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ตามหลักปรัชญา จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ที่ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้สมรรถนะความแรงสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยมอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบสัญญาณเตือนกันขโมย และระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อม ระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากมายหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)

•ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)

•ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)

•ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ แบบ Advance (Advanced Smart Brake Support)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

•ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

•ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support- Rear Crossing)

New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี มาพร้อมสีภายนอก Artisan Red Premium โดยวางราคาจำหน่ายที่ 3,069,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับแฟนๆ MX-5 ที่สนใจร่วมเป็นหนึ่งกับความภาคภูมิใจไปพร้อมกับแฟนมาสด้าทั่วโลกที่จะได้ครอบครองรถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นพิเศษนี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

รายการตกแต่งพิเศษใน New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี

ลำดับรายการตกแต่งพิเศษ
1พวงมาลัย หัวเกียร์ และเบรค มือหุ้มหนัง พร้อมด้ายสีพิเศษ Sports Tan
2เบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary
3กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ (สีแดง อาร์ทิซาน เรด)
4กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีพิเศษ (สีแดง อาร์ทิซาน เรด)
5แผงคอนโซล และแผงประตูหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan
6ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว สี Bright ใหม่
7สัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial Number
8พรมปูพื้นห้องโดยสาร พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition
9สีภายนอก สีพิเศษ Artisan Red Premium
10หลังคา Hardtop

ซูซูกิ ตอกย้ำความอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย

ซูซูกิ ตอกย้ำความอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลายจับมือผู้ประกอบการจัดแสดงรถตรวจวัดสายตาและรถตัดผมทางเลือกอาชีพคนรุ่นใหม่ ส่งมอบความสุขให้ผู้สูงอายุในปทุมธานี

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซูซูกิ มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่า คุ้มราคา สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย โดย SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เพื่อการพาณิชย์ คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ตอกย้ำให้ผู้บริโภคทราบได้อย่างชัดเจนถึงแนวทางดังกล่าวของซูซูกิได้เป็นอย่างดี

SUZUKI CARRY ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานรวมถึงรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต และสามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับหลากหลายธุรกิจ ตอบโจทย์การเป็นรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ตั้งแต่การขนส่งสินค้า การให้บริการเคลื่อนที่ ไปจนถึงการสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ด้วยความอเนกประสงค์และความคุ้มค่าในการลงทุน SUZUKI CARRY เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินลงทุนไม่มาก และยังสามารถผ่อนชำระในอัตราที่เข้าถึงได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนสูงก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ทันที เติมเต็มธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยและรายใหญ่ ทั้งยังพัฒนาสู่การสื่อสารการตลาดในเชิงสังคมที่โดดเด่น ภายใต้แนวคิด “CARRY YOUR DREAM เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ด้วยการนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดในเชิงนวัตกรรมให้สามารถออกไปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ด้านการตอบรับความต้องการของกลุ่มธุรกิจ SUZUKI CARRY ถูกออกแบบมาให้เป็นกระบะบรรทุกแบบเรียบ ด้วยพื้นที่กระบะบรรทุกขนาดใหญ่ สามารถเปิดกระบะได้ทั้ง 3 ด้าน ช่วงล่างแข็งแกร่ง รองรับหนักบรรทุกสูงสุดถึง 945 กิโลกรัม เป็นจุดเด่นที่ทำให้ SUZUKI CARRY เหมาะสำหรับการใช้งานในกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการความสะดวกสบายในการบรรทุกและขนส่งสิ่งของ หรือการจัดกิจกรรมเคลื่อนที่  โดยถูกนำไปตกแต่งและพัฒนาต่อยอดเป็น รถบ้าน รถขายอาหาร ร้านซักรีดเสื้อผ้า ร้านตัดขนสุนัข ร้านทำเล็บ หรือการนำไปบรรทุกสินค้าอื่นๆ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ของรถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

เพื่อเป็นการส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจและแสดงถึงความอเนกประสงค์ของ SUZUKI CARRY และตอกย้ำถึงการมุ่งมั่นให้ซูซูกิเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซูซูกิยังคงสานต่อโครงการ “SUZUKI CARRY Your Dream CARRY Your Life” กับกิจกรรม CSR Suzuki Carry Barber Truck ปี 4 โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการในการนำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ดัดแปลงเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่เพื่อออกไปร่วมกิจกรรมตัดผมให้แก่ประชาชนยังสถานที่ต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา กิจกรรมจัดขึ้น ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งนอกจาก ร้าน GOT BARBER TRUCK ที่นำรถ Suzuki Carry Barber Truck นำมาให้บริการตัดผมแก่ผู้สูงอายุในสถานที่ดังกล่าวแล้ว ซูซูกิยังได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ เช่น ร้านแว่นตาซันเดย์ออฟติค ให้บริการตรวจวัดค่าสายตาและบริการตัดแว่นสายตาที่สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้านขนมหวานมานีมีนม และรวมถึงได้จัดแสดงรถรับส่งผู้ป่วยติดเตียง ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้สะดวกยิ่งขึ้น ไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทั้งยังได้มอบเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นให้กับทางศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี โดยมีคุณยุวดี วณิชชยังกรู หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการและสังคมสงเคราะห์ เป็นผู้แทนในการรับมอบอีกด้วย

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า SUZUKI CARRY ตอบโจทย์ธุรกิจหลากหลายประเภทด้วยการนำเสนอแนวคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือการดัดแปลงรถ SUZUKI CARRY ให้บริการตัดแว่นสายตาบนรถ ซึ่งเป็นไอเดียใหม่ที่สะดวกและเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่อยู่อาศัยหรือสถานที่อื่นๆ การบริการในรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า แต่ยังมีส่วนช่วยให้ธุรกิจขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น SUZUKI CARRY จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการพัฒนาปรับตัวให้ทันกับความต้องการของตลาดและสร้างความแตกต่างในการให้บริการ

SUZUKI CARRY จำหน่ายในราคาเพียง 395,000 บาท (ราคารุ่นมาตรฐานไม่รวมอุปกรณ์ตกแต่ง) เรายังได้จัดแคมเปญพิเศษ เลือกรับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก ทั้งนี้เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิ 91 แห่งทั่วประเทศ เรามีที่ปรึกษาการขายพร้อมบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและตกแต่ง SUZUKI CARRY นอกจากนั้น ซูซูกิยังได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำเข้ามาร่วมเป็น Suzuki Exclusive Leasing พร้อมทีมงานให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายให้สามารถเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ได้โดยง่ายอีกด้วย

นายวัลลภ กล่าวท้ายสุดว่า แนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY ก็พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย จึงตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY เป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ แต่เปรียบเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

เอ็มจี ร่วมกับจุฬาฯ ชาร์จพลังนักการตลาดคนรุ่นใหม่

เอ็มจี ร่วมกับภาควิชาการตลาด Chulalongkorn Business School ชาร์จพลังนักการตลาดคนรุ่นใหม่ ผ่านเวที “Marketing CBS x MG Brain Rush” ชิงรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เปิดโอกาสให้นิสิตชั้นปีที่ 4 ได้ทดสอบลองสนามการเรียนรู้โจทย์ธุรกิจในชีวิตจริง เพื่อท้าทายความสามารถในการคิดวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์การตลาด ภายใต้โครงการ “Marketing CBS x MG Brain Rush” เพื่อก้าวสู่นักการตลาดมืออาชีพรุ่นใหม่ พร้อมชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

โครงการนี้จัดขึ้นภายใต้รายวิชาการวางแผนการตลาด มุ่งเน้นให้นิสิตได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์แผนการตลาดจากสถานการณ์จริง โดยได้ให้โจทย์เพื่อสร้างความท้าทายจากแบรนด์รถยนต์ เอ็มจี เพื่อร่วมวิเคราะห์การตลาดเชิงบูรณาการองค์รวม ทั้งความรู้ทางทฤษฎีเข้ากับประสบการณ์ปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ มุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้า รุ่น MG4 Long Range โดยมีทีมการตลาดของ เอ็มจี ให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการทำงาน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึกและเตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจจริง

โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เปิดโอกาสให้นิสิตที่มีผลงานที่โดดเด่นจากทั้งหมด 9 ทีมเหลือ 4 ทีมสุดท้าย ร่วมนำเสนอผลงานแผนการตลาด และโต้ตอบมุมมองการตลาดเชิงลึกต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจาก นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ และนายชุมพล คงสกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรองศาสตราจารย์ ม.ล.สาวิกา อุณหนันท์ อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชา

ทั้งนี้ ผลงานแผนการตลาดที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่

1.รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มน้องวอนยอง

2.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 (2 รางวัล) ได้แก่ กลุ่มKrit & Friends และ กลุ่มเพราะรักมันร้ายเลยย้ายมาทำรถ

3.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ กลุ่ม1234!

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความภาคภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ในการจัดกิจกรรม Marketing CBS x MG Brain Rush ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้แสดงศักยภาพทางด้านการตลาดผ่านการแก้โจทย์ธุรกิจจริงของแบรนด์ เอ็มจี ทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าประสบการณ์การเรียนรู้จากสถานการณ์จริงจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพของเยาวชนไทย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เอ็มจี ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษาและสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายแรงบันดาลใจและสนับสนุนการเรียนรู้ของนิสิตผ่านโครงการนี้”

อีซูซุ เปิดศึกเจ้าแห่งความเร็วใน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16

อีซูซุ เปิดศึกเจ้าแห่งความเร็วใน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16

กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ฟาอีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต จำกัด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด บริษัท ไพโอเนียร์ เอ็นจิเนียริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ริซไวส์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และบริษัท บี.เจ.มอเตอร์พาร์ท จำกัด ร่วมกันระเบิดศึกอีซูซุ ดีแมคซ์ รวม 19 คัน เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่น สุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวม 200,000 บาท

มร.ทาคาชิ  ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “การแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้จัดการแข่งขันกันมายาวนาน และต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ซึ่งการแข่งขันในทุกปีที่ผ่านมานั้นได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ชมที่ติดตามการแข่งขัน และนักแข่งที่เลือกใช้ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เป็นรถคู่ใจในการลงสนามประลองความเร็ว ในปีนี้จะมีการแข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” จำนวน 12 คัน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE จำนวน 7 คัน รวม 19 คัน โดยมีนักดนตรีและนักแข่งอย่าง “โดม ราชนันทร์ คุณาริยานุกูล” และการกลับมาอีกครั้งของนักแสดงและนักแข่งชื่อดัง “แอนดรูว์ โคนินทร์” เข้าร่วมการแข่งขันในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” สำหรับไฮไลท์ในปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเนื่องจากการแข่งขันจัดขึ้นในรูปแบบ “CITY STREET CIRCUIT” ถือเป็นครั้งแรกของ ISUZU ONE MAKE RACE ที่จะนำรถไปวิ่งแข่งขันในสนามเฉพาะกิจกลางเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้น อีก 2 สนาม คือ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี พบกันครั้งแรกกับรถ Safety Car ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่! ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ปรับแต่งความแรงแบบไร้ควัน ให้แรงม้าสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับ คุณสุรชัย เพ็งผ่อง จากการคว้าแชมป์ ในรุ่น  ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 UNLIMIT และ คุณปกรณ์ ธรรมโชติ ที่คว้าแชมป์ในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” รับถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท จากการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2024 ด้วย”

ร่วมพิสูจน์ความมันส์และความแรงสะใจในรายการ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” เพื่อชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่า 200,000 บาท เริ่มการแข่งขันสนามแรกในวันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และจะทำการแข่งขันแบบออนทัวร์เพื่อเก็บคะแนนในแต่ละสนาม และจัดลำดับผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง เพื่อค้นหาที่สุดเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแห่งปี 2025

สำหรับกำหนดการแข่งขันทั้ง  6 สนาม ดังนี้

สนามที่ 1 วันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568     สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

สนามที่ 2 วันที่ 2 – 4  พฤษภาคม 2568  สนามเฉพาะกิจ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อุตรดิตถ์

สนามที่ 3 วันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568   สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

สนามที่ 4 วันที่ 22 – 24 สิงหาคม 2568    สนามแก่งกระจานเซอร์กิต เพชรบุรี

สนามที่ 5 วันที่ 3 – 5 ตุลาคม 2568          สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

สนามที่ 6 วันที่ 12 – 14 ธันวาคม 2568   สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

ติดตามข้อมูลการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” ได้ที่ www.isuzu-tis.com และ www.facebook.com/allnewisuzudmax ชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวม 200,000 บาท และสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง FACEBOOK และ YOUTUBE ช่อง RACING CAR THAILAND CHANNEL และ AUTO SPICY CHANNEL  เวลา 14.00 น. ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ของทุกสนามที่ทำการแข่งขัน

รูปแบบการแข่งขัน ISUZU 3.0 PRODUCTION GROUP “N” 2025 รุ่นใหม่

การแข่งขันแบบ GROUP “N” ตามกติกาสากล บังคับให้ใช้เครื่องยนต์ที่เป็นมาตรฐานเดิมจากโรงงานผู้ผลิต แต่สามารถปรับเปลี่ยนช่วงล่าง เพิ่มเติมความสวยงาม เช่น ติดตั้งสปอยเลอร์หน้า เปลี่ยนฝากระโปรงแบบ VACUUM ซึ่งช่วยสร้างหลักอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการเสริมประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างและเบรก เปลี่ยนเบรกทั้งคันเป็นแบบ DISC BRAKE 4 ล้อ

ล้อหน้าเป็นคาลิปเปอร์แบบ 8 POT เปลี่ยนข8นาดล้อและยาง โช้คอัพ สปริงหน้าและแหนบ เพื่อให้เหมาะกับการแข่งขัน ทั้งหมดนี้เป็นการเน้นให้เห็นถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ให้ความแรงมาตรฐานโรงงาน ปรับแต่งเพียงแค่ช่วงล่างและเบรก แต่ส่งผลให้รถแข่งมีสมรรถนะสูง ความเร็วต่อรอบเทียบเท่ารถแข่งที่มีแรงม้าสูง

รูปแบบการแข่งขัน “ISUZU ONE MAKE RACE 2025”

การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” แต่ละสนามจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ การควอลิฟายด์, การแข่งขัน RACE 1 และการแข่งขัน RACE 2

การควอลิฟายด์

จะมีขึ้นในวันเสาร์เช้า เป็นการจับเวลาแบบ HOT LAP โดย แข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น 2 เรซ คือ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE การจับเวลาและแบ่งกลุ่มจะทำให้นักแข่งสามารถแข่งขันในรุ่นของตนเองได้เต็มที่ ทำให้การแข่งขันเข้มข้นเร้าใจในทุกช่วงเวลา

การแข่งขัน RACE 1

จะมีขึ้นในวันเสาร์ช่วงบ่าย ลำดับ START ตามผลการจัดลำดับเวลา และผลการแข่งขันใน RACE 1 จะเป็นการจัดอันดับออก START ใน RACE 2 ของวันอาทิตย์ จะมีคะแนนเก็บให้ตามลำดับที่เข้าแข่งขัน

การแข่งขัน RACE 2

จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ลำดับ START จะเป็นแบบ Reverse Grid ผลการแข่งขันยังคงรับถ้วยตามกลุ่มการควอลิฟายด์ RACE 2 นี้จะเป็นการตัดสินในการรับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล (เงินรางวัลรับตามอันดับ OVERALL)

หมายเหตุ :

-รถแข่งทุกคัน จะต้องจอดรวมอยู่ในสถานที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น

-หลังจบการแข่งขันทุกครั้ง รถที่มีตำแหน่งจะถูกตรวจสภาพ

-กรณีที่ซีลและมาร์คเครื่องหมายต่างๆ หลุดลอก จะต้องทำการตรวจสภาพใหม่ทั้งหมด

{“ARInfo”:{“IsUseAR”:false},”Version”:”1.0.0″,”MakeupInfo”:{“IsUseMakeup”:false},”FaceliftInfo”:{“IsChangeEyeLift”:false,”IsChangeFacelift”:false,”IsChangePostureLift”:false,”IsChangeNose”:false,”IsChangeFaceChin”:false,”IsChangeMouth”:false,”IsChangeThinFace”:true},”BeautyInfo”:{“IsAIBeauty”:false,”OldBeautyCount”:1,”IsSharpen”:false,”SwitchMedicatedAcne”:false,”IsBrightEyes”:false,”IsOldBeauty”:false,”IsReduceBlackEyes”:false},”HandlerInfo”:{“AppName”:2},”FilterInfo”:{“IsUseFilter”:false}}

รายชื่อนักแข่ง ISUZU ONE MAKE RACE 2025

ลำดับที่หมายเลขชื่อนักแข่งรุ่นที่แข่ง 
14สิริพงศ์ ปภังกรพิทักษ์GROUP “N” 
211ปาณัสม์ อารีรัตนศักดิ์GROUP “N” 
313ภูดิท ธุวะชาวสวนGROUP “N” 
415ปกรณ์ ธรรมโชติGROUP “N” 
518วศิน สินเจริญกุลGROUP “N” 
677วีร์ธรรศ ลิลิตชัยกุลGROUP “N” 
730ราชนันทร์ คุณาริยานุกูลGROUP “N” 
833ชาตรี วงษ์น้อยGROUP “N” 
945อวิโรธน์ ศิรินทร์วรชัยGROUP “N”FULL RACE
1078แอนด์ดรูว์ โคร์นินGROUP “N” 
1188จักรณัฎฐ์ มากสัมพันธ์GROUP “N” 
1299ฐณะวัฒน์ ตั้งจิตรมณีศักดาGROUP “N” 
130สัญญา พลเยี่ยม FULL RACE
149สมร มะปะเข FULL RACE
1589สุรชัย เพ็งผ่อง FULL RACE
1668พัทธดนย์ แซ่เตียว FULL RACE
1775สุนันท์ เหงี่ยมผักแว่น FULL RACE
1822อิทธิพงษ์ ลิลิตชัยกุล FULL RACE

หมายเหตุ : ข้อมูลรายชื่อนักแข่ง ณ วันที่ 10 มีนาคม 2568 ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มเติมระหว่างการแข่งขัน รวม 19 คัน

“ยามาฮ่า” เปิดตัว “ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่” ยกระดับความทันสมัย

“ยามาฮ่า” ย้ำบทบาทผู้นำออโตเมติกแฟชั่น เปิดตัว “ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่” เอาใจแฟน 2 รุ่น ยกระดับความทันสมัย

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เติมไลน์อัปเอาใจแฟนรถจักรยานยนต์ออโตเมติกแฟชั่น ด้วย “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” ชูความโดดเด่นภายใต้บทบาทสกู๊ตเตอร์ดีไซน์แฟชั่นสุดเทรนดี้ การันตีกับรางวัล Mini Bike Best Design จากการประกาศผลรางวัล Thailand Bike of The Year 2025 ยกระดับทั้งในเรื่องรูปโฉมและสมรรถนะการใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานด้วย 2 รุ่นทางเลือก ราคาสุดคุ้ม / ราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้ราคาแนะนำเริ่มต้น 50,900 บาท พร้อมการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้าสานต่อทิศทางอันยอดเยี่ยมของ All New YAMAHA NMAX ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดรถจักรยานยนต์ตั้งแต่ช่วงโค้งแรกของปี สะท้อนความต้องการและความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อออโตเมติกไบค์ เปิดตัว “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกในตลาดประเทศไทย

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่ ชูความโดดเด่นด้วย เทรนดี้สไตล์แฟชั่น FAZZ IT UP โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์แคปซูลสุดเก๋ สวยสะดุดตาโดดเด่น สไตล์ใหม่สุดโมเดิร์น ล้ำสมัยทุกมุมมอง สว่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน, LCD DIGITAL METER ทรงแคปซูลดีไซน์สุดคูล ดูเท่ทุกครั้งที่ขี่เห็นชัดทุกข้อมูล ที่ออกแบบเพื่อชีวิตที่ทันสมัย ครบทุกฟังก์ชันที่วัยรุ่นต้องการ อ่านค่าได้ง่าย ทั้งความเร็ว เวลา และข้อมูลการประหยัดน้ำมัน แสดงผลครบในจอเดียว พร้อมให้ออกไปสนุกได้ทุกเวลา รวมถึงมี ACCESSORIES PORT เติมสไตล์เท่ได้ไม่ซ้ำใคร แต่งเพิ่มเติมคาแรกเตอร์ให้เท่ได้ในสไตล์ที่ชอบ ด้วยพอร์ตติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่ใช่ แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังตอบสนองการขับขี่แบบ FULL – ON FUN! สนุกได้เต็มที่ ด้วยเครื่องยนต์ Blue Core Hybrid 125 ซีซี ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้อัตราการเร่งราบรื่น แรง ประหยัด และรักษ์โลกทุกการเดินทาง จะขี่ในเมืองหรือเที่ยวชิลๆ ก็สบายใจได้ว่าช่วยลดมลพิษ เหมาะกับการใช้ชีวิตสไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการใช้งานแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นที่อยากใช้ชีวิตแบบคูลๆ อีกทั้งยังมีขนาดตัวรถ Compact Size ขับขี่ง่าย คล่องตัว สะดวกสบาย ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เหมาะกับการขับขี่ในเมือง เลี้ยวง่าย สะดวกคล่องตัวสุดๆ จะขี่ไปเรียน ทำงาน หรือแฮงก์เอาท์ ก็ไม่ต้องกลัวติดขัดในที่แคบ จอดง่าย ไม่ว่าซอกซอยไหนก็ไปได้สบาย! พร้อมเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ UBS (Unified Brake System) เบรกง่าย มั่นใจในการหยุดทุกเส้นทาง มั่นใจทุกครั้งที่เบรก ด้วยระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ลดระยะเบรกให้สั้นลง และให้การควบคุมที่สมดุล ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นในทุกครั้งที่ออกไปสนุกกับชีวิตเมือง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

ล้ำสมัย FILL DIGITAL LIFE! เติมชีวิตดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี Y-Connect APPLICATION เชื่อมต่อกับรถและแสดงข้อมูลบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้ชีวิตสมาร์ทขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันสำหรับคนรุ่นใหม่ ทำให้การใช้สกู๊ตเตอร์เป็นเรื่องง่าย สะดวกสบายและคูลไปอีกขั้น ที่พร้อมแสดงข้อมูลได้ถึง 9 ฟังก์ชัน ประกอบด้วย

1. SMARTPHONE NOTIFICATIONS ON METER – แจ้งเตือนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน

2. MAINTENANCE RECOMMENDATIONS – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา

3. MALFUNCTION NOTIFICATION – แจ้งเตือนเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา

4. FUEL CONSUMPTION – แสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

5. REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่

6. LAST PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด

7. RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่

8. RIDING LOG – บันทึกประวัติการขับขี่

9. CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า

**ทำงานเมื่อเชื่อมต่อ Y–Connect ผ่าน Bluetooth และเปิด Location เพื่อใช้งานเท่านั้น

พร้อมตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบครัน FIT FOR ALL! ครบทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย SMART KEY SYSTEM ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สะดวกสไตล์คนรุ่นใหม่ ใช้งานง่ายไม่ต้องเสียบกุญแจ แค่พกไว้ก็พร้อมลุยทุกที่ จัดเต็มทุกฟังก์ชัน ทั้งเปิด-ปิดสวิตช์ และปลดล็อก พร้อมฟังก์ชัน Answer Back หารถได้ง่ายทันทีในทุกที่จอด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นอย่างแท้จริง, USB Type-A Mobile Charging พอร์ต USB Type-A สำหรับชาร์จมือถือ พร้อมลุยทุกทริปแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยช่องเก็บของด้านหน้า และไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทาง สามารถฟังเพลงหรือคุยกับเพื่อนก็สนุกแบบไม่มีสะดุด ขี่ไปได้ทุกทางแบบมีไฟ! มาพร้อม F-BOX พื้นที่เก็บของใต้เบาะจุใจ ใส่ของได้สบายๆ ในกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 17.8 ลิตร เก็บของได้หมด ทั้งหมวกกันน็อก กระเป๋า ของช้อปปิ้ง หรือสัมภาระของใช้ส่วนตัว ไม่ต้องหิ้วให้พะรุงพะรัง เก็บได้สบายไม่ต้องพกพา และ DOUBLE HOOK CARABINER เพิ่มที่แขวนของแบบคู่ แขวนได้ 2 จุด เพิ่มความสะดวกสบายในการพกพาทุกสัมภาระ ทั้งของช้อปปิ้ง หรือ อุปกรณ์เสริมต่างๆ เหมาะกับสายช้อป พร้อมพื้นที่วางเท้าด้านหน้ากว้างพิเศษ ไม่อึดอัด สะดวก คล่องตัว ขับขี่ได้แบบชิลๆ นั่งขี่สบายไม่เสียลุค

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่ ตอบสนองการใช้งานด้วย 2 รุ่นทางเลือก ได้แก่ รุ่น Smart Key Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีขาว-น้ำเงิน Retro White, สีเขียว-ขาว Relax Matt Green และสีน้ำเงิน-ชมพู Neo Dark Blue ที่วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 52,900 บาท และรุ่น Standard มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ Active Black, สีชมพู Neo Mauve และสีเขียว Nomad Green วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 50,900 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น พร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ผู้ที่สนใจ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ดใหม่ สนุกไม่ซ้ำใคร สไตล์…ฟาซซิโอ้…PLAY UNIQUE, PLAY FAZZIO เทรนดี้สกู๊ตเตอร์ แฟชั่นของคนรุ่นใหม่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save