- Advertisement -
33.4 C
Bangkok
Home Blog Page 9

“ยามาฮ่า” เปิดตัว “ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่” ยกระดับความทันสมัย

“ยามาฮ่า” ย้ำบทบาทผู้นำออโตเมติกแฟชั่น เปิดตัว “ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่” เอาใจแฟน 2 รุ่น ยกระดับความทันสมัย

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เติมไลน์อัปเอาใจแฟนรถจักรยานยนต์ออโตเมติกแฟชั่น ด้วย “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” ชูความโดดเด่นภายใต้บทบาทสกู๊ตเตอร์ดีไซน์แฟชั่นสุดเทรนดี้ การันตีกับรางวัล Mini Bike Best Design จากการประกาศผลรางวัล Thailand Bike of The Year 2025 ยกระดับทั้งในเรื่องรูปโฉมและสมรรถนะการใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานด้วย 2 รุ่นทางเลือก ราคาสุดคุ้ม / ราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้ราคาแนะนำเริ่มต้น 50,900 บาท พร้อมการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้าสานต่อทิศทางอันยอดเยี่ยมของ All New YAMAHA NMAX ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดรถจักรยานยนต์ตั้งแต่ช่วงโค้งแรกของปี สะท้อนความต้องการและความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อออโตเมติกไบค์ เปิดตัว “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกในตลาดประเทศไทย

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่ ชูความโดดเด่นด้วย เทรนดี้สไตล์แฟชั่น FAZZ IT UP โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์แคปซูลสุดเก๋ สวยสะดุดตาโดดเด่น สไตล์ใหม่สุดโมเดิร์น ล้ำสมัยทุกมุมมอง สว่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน, LCD DIGITAL METER ทรงแคปซูลดีไซน์สุดคูล ดูเท่ทุกครั้งที่ขี่เห็นชัดทุกข้อมูล ที่ออกแบบเพื่อชีวิตที่ทันสมัย ครบทุกฟังก์ชันที่วัยรุ่นต้องการ อ่านค่าได้ง่าย ทั้งความเร็ว เวลา และข้อมูลการประหยัดน้ำมัน แสดงผลครบในจอเดียว พร้อมให้ออกไปสนุกได้ทุกเวลา รวมถึงมี ACCESSORIES PORT เติมสไตล์เท่ได้ไม่ซ้ำใคร แต่งเพิ่มเติมคาแรกเตอร์ให้เท่ได้ในสไตล์ที่ชอบ ด้วยพอร์ตติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่ใช่ แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังตอบสนองการขับขี่แบบ FULL – ON FUN! สนุกได้เต็มที่ ด้วยเครื่องยนต์ Blue Core Hybrid 125 ซีซี ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้อัตราการเร่งราบรื่น แรง ประหยัด และรักษ์โลกทุกการเดินทาง จะขี่ในเมืองหรือเที่ยวชิลๆ ก็สบายใจได้ว่าช่วยลดมลพิษ เหมาะกับการใช้ชีวิตสไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการใช้งานแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นที่อยากใช้ชีวิตแบบคูลๆ อีกทั้งยังมีขนาดตัวรถ Compact Size ขับขี่ง่าย คล่องตัว สะดวกสบาย ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เหมาะกับการขับขี่ในเมือง เลี้ยวง่าย สะดวกคล่องตัวสุดๆ จะขี่ไปเรียน ทำงาน หรือแฮงก์เอาท์ ก็ไม่ต้องกลัวติดขัดในที่แคบ จอดง่าย ไม่ว่าซอกซอยไหนก็ไปได้สบาย! พร้อมเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ UBS (Unified Brake System) เบรกง่าย มั่นใจในการหยุดทุกเส้นทาง มั่นใจทุกครั้งที่เบรก ด้วยระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ลดระยะเบรกให้สั้นลง และให้การควบคุมที่สมดุล ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นในทุกครั้งที่ออกไปสนุกกับชีวิตเมือง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

ล้ำสมัย FILL DIGITAL LIFE! เติมชีวิตดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี Y-Connect APPLICATION เชื่อมต่อกับรถและแสดงข้อมูลบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้ชีวิตสมาร์ทขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันสำหรับคนรุ่นใหม่ ทำให้การใช้สกู๊ตเตอร์เป็นเรื่องง่าย สะดวกสบายและคูลไปอีกขั้น ที่พร้อมแสดงข้อมูลได้ถึง 9 ฟังก์ชัน ประกอบด้วย

1. SMARTPHONE NOTIFICATIONS ON METER – แจ้งเตือนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน

2. MAINTENANCE RECOMMENDATIONS – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา

3. MALFUNCTION NOTIFICATION – แจ้งเตือนเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา

4. FUEL CONSUMPTION – แสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

5. REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่

6. LAST PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด

7. RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่

8. RIDING LOG – บันทึกประวัติการขับขี่

9. CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า

**ทำงานเมื่อเชื่อมต่อ Y–Connect ผ่าน Bluetooth และเปิด Location เพื่อใช้งานเท่านั้น

พร้อมตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบครัน FIT FOR ALL! ครบทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย SMART KEY SYSTEM ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สะดวกสไตล์คนรุ่นใหม่ ใช้งานง่ายไม่ต้องเสียบกุญแจ แค่พกไว้ก็พร้อมลุยทุกที่ จัดเต็มทุกฟังก์ชัน ทั้งเปิด-ปิดสวิตช์ และปลดล็อก พร้อมฟังก์ชัน Answer Back หารถได้ง่ายทันทีในทุกที่จอด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นอย่างแท้จริง, USB Type-A Mobile Charging พอร์ต USB Type-A สำหรับชาร์จมือถือ พร้อมลุยทุกทริปแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยช่องเก็บของด้านหน้า และไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทาง สามารถฟังเพลงหรือคุยกับเพื่อนก็สนุกแบบไม่มีสะดุด ขี่ไปได้ทุกทางแบบมีไฟ! มาพร้อม F-BOX พื้นที่เก็บของใต้เบาะจุใจ ใส่ของได้สบายๆ ในกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 17.8 ลิตร เก็บของได้หมด ทั้งหมวกกันน็อก กระเป๋า ของช้อปปิ้ง หรือสัมภาระของใช้ส่วนตัว ไม่ต้องหิ้วให้พะรุงพะรัง เก็บได้สบายไม่ต้องพกพา และ DOUBLE HOOK CARABINER เพิ่มที่แขวนของแบบคู่ แขวนได้ 2 จุด เพิ่มความสะดวกสบายในการพกพาทุกสัมภาระ ทั้งของช้อปปิ้ง หรือ อุปกรณ์เสริมต่างๆ เหมาะกับสายช้อป พร้อมพื้นที่วางเท้าด้านหน้ากว้างพิเศษ ไม่อึดอัด สะดวก คล่องตัว ขับขี่ได้แบบชิลๆ นั่งขี่สบายไม่เสียลุค

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่ ตอบสนองการใช้งานด้วย 2 รุ่นทางเลือก ได้แก่ รุ่น Smart Key Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีขาว-น้ำเงิน Retro White, สีเขียว-ขาว Relax Matt Green และสีน้ำเงิน-ชมพู Neo Dark Blue ที่วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 52,900 บาท และรุ่น Standard มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ Active Black, สีชมพู Neo Mauve และสีเขียว Nomad Green วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 50,900 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น พร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ผู้ที่สนใจ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ดใหม่ สนุกไม่ซ้ำใคร สไตล์…ฟาซซิโอ้…PLAY UNIQUE, PLAY FAZZIO เทรนดี้สกู๊ตเตอร์ แฟชั่นของคนรุ่นใหม่

GWM เปิดสเปกจัดเต็มใน ALL NEW GWM HAVAL H6 โชว์ดีไซน์ล้ำ สมรรถนะเร้าใจ

GWM เปิดสเปกจัดเต็มใน ALL NEW GWM HAVAL H6 เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ยกเครื่องอัปเกรดรอบด้าน ดีไซน์ล้ำ สมรรถนะเร้าใจ วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ไกลที่สุดในเซกเมนต์ เตรียมเปิดราคาในงาน Motor Show 2025

กรุงเทพฯ 14 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับการเดินทางสู่มาตรฐานใหม่ ด้วยนวัตกรรมเพื่อการเดินทางรุ่นใหม่ล่าสุด ใน ALL NEW GWM HAVAL H6 ที่พร้อมเปิดราคาและเผยโฉมอย่างเป็นทางการให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในมหกรรมยานยนต์แห่งปี มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ โดย GWM (Thailand) ได้เปิดสเปกอย่างเต็มรูปแบบของ

ALL NEW GWM HAVAL H6 ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ทำความรู้จักก่อนสัมผัสคันจริงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยผ่านการอัปเกรดแบบรอบด้าน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งกว่า สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ปลอดภัยและคุ้มค่ายิ่งกว่าในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งดีไซน์อันล้ำสมัย ผสานการพัฒนาซอฟต์แวร์สุดไฮเทค พร้อมด้วย User Experience (UX) และ User Interface (UI) อันเหนือระดับ ร่วมกับระบบอินโฟเทนเมนต์เต็มรูปแบบ และสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการตอบรับเสียงของผู้บริโภคผ่านการพัฒนาช่วงล่างใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านการขับขี่ของชาวไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมไฮไลต์สำคัญกับการเป็นรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% ที่ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) เดินหน้าสู่การเป็นรถยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมสุดล้ำเพื่อการเดินทางแห่งอนาคต ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการขับขี่ที่หลากหลายของชาวไทยด้วยรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด (HEV) 1 รุ่นย่อย รุ่น PRO และรุ่นเครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และ รุ่น ULTRA โดยมีไฮไลต์สเปกที่อัปเกรดมาแบบรอบด้าน ดังนี้

ปรับโฉมดีไซน์ใหม่ให้ล้ำสมัยยิ่งกว่า ดึงดูดทุกสายตาด้วยสุนทรียศาสตร์รอบคันในทุกมุมมอง

ALL NEW GWM HAVAL H6 ในทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมกับการอัปลุคใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งกว่า เพิ่มความสปอร์ตและความสมาร์ตในทุกองศา ทั้งกระจังหน้าและกันชนหน้า สี Smoke Chrome ร่วมกับไฟหน้า LED อัจฉริยะแบบรมดำ รวมถึงระบบไฟ Signature Light แบบ Waterfall สะท้อนเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและตัวตนของผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน อีกทั้งคิ้วประตู คิ้วฝาท้าย หน้าต่าง ด้านข้างของรถ และราวหลังคาแบบสีเปียโนแบล็ก ระบบไฟท้ายแบบ LED Light Strip แบบรมดำ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รมดำลายสปอร์ต พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง (เฉพาะ PHEV รุ่น ULTRA) มอบลุคสปอร์ตทันสมัยในทุกการขับขี่ พร้อมปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่จากคำว่า “HAVAL” เป็น “GWM” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แบรนด์ภายใต้ “ONE GWM” เหมือนกันทั่วโลก

อัปเกรดเต็มพิกัดกับระบบปฏิบัติการสุดล้ำ กับ User Experience (UX) และ User Interface (UI) ที่เหนือระดับและความสะดวกสบายที่ยิ่งกว่า

ALL NEW GWM HAVAL H6 มาพร้อมการออกแบบภายในที่ให้ประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และความบันเทิงที่ครบครันยิ่งกว่าสำหรับทุกคนในครอบครัว

•เพิ่มอรรถรสในการเดินทางด้วย หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นกับขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay* และ Android Auto* (* ระบบจะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป) ให้ทุกคนในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงเต็มรูปแบบ พร้อมระบบเครื่องเสียง Amor luxury hifi system ลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง และในรุ่น ULTRA มาพร้อม Sub-Woofer ให้คุณภาพเสียงคมชัดทั่วถึงทั้งคัน

•สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ User Experience (UX) และ User Interface (UI) โฉมใหม่ทั้งหมด ผ่าน Coffee OS 3.0 + QUALCOMM Snapdragon 8155 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก GWM ที่ให้การใช้งานและการสั่งการเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และลื่นไหลในทุกการขับขี่ ควบคุมทุกฟังก์ชันผ่านหน้าจอ ทั้งประตูท้ายรถ หลังคาซันรูฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่และการใช้งานภายในรถให้ล้ำสมัย ครบครัน ระบบนำทางของ Huawei Petal Map ช่วยให้การค้นหาเส้นทางแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมพาทุกครอบครัวไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอสั่งการได้ตามความต้องการ พร้อมสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพิ่มเติมจาก GWM app store ได้อีกด้วย

•หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 10.25 นิ้ว มาพร้อมระบบนำทางและระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) เพิ่มความสะดวกและลดการสัมผัสปุ่มขณะขับขี่ ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมตัวกรองอากาศ CN95 และช่องแอร์ด้านหลัง ช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไวไฟและระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger) สูงถึง 50W

•พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณหลังพวงมาลัยง่ายต่อการใช้งาน

•ประตูหลังเปิด-ปิดไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิดและปิดประตูไฟฟ้าให้เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกับระบบแฮนด์ฟรี* และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า* (* เฉพาะใน PHEV รุ่น ULTRA)

•อำนวยความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมตลอดทั้งเส้นทาง ด้วยช่องต่อ USB Type A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลังรวม 5 จุด และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ 1 จุด และจุดชาร์จไฟ 12V 1 จุด

สมรรถนะที่เร้าใจ มอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ พร้อมการปรับระบบช่วงล่างจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภค

ALL NEW GWM HAVAL H6 มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุด 179 กิโลวัตต์ หรือ 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น HEV) และพละกำลังสูงสุด 240 กิโลวัตต์ หรือ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น PHEV) มีระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ซึ่งระบบเกียร์ดังกล่าวมีจุดเด่นที่สามารถสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพในทุกความเร็ว พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มนวลในทุกเส้นทาง รองรับทุกสถานการณ์และทุกสภาพถนนสำหรับครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

•ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่น PHEV มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium Ion กับความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 27.54 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ไม่ต้องชาร์จบ่อย ทำให้ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหัวชาร์จประเภท CCS Type 2 combo ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงถึง 41 กิโลวัตต์ รวดเร็วทันใจในการชาร์จกว่ารถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในเซกเมนต์เดียวกัน

•ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่น HEV เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยการปรับเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ที่ถูกพัฒนาจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ความต้องการขับขี่ของชาวไทยมากยิ่งขึ้น มอบการขับขี่ที่มั่นคง มั่นใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสบายในทุกสถานการณ์

•ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และพื้นหิมะ โดยรุ่น PHEV ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 2 ระบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (น้ำมัน + ไฟฟ้า) และโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนอีกด้วย

•ALL NEW GWM HAVAL H6 มีมิติตัวรถที่มีความยาว 4,703 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,886 มิลลิเมตร ความสูง 1,730 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ 170 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,631 / 1,640 มิลลิเมตร (HEV / PHEV) อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 61 ลิตร ในรุ่น HEV และ 55 ลิตร ในรุ่น PHEV มอบประสบการณ์ที่เหนือระดับด้วยมิติตัวรถที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างลงตัว

เหนือชั้นไปอีกระดับกับกล้อง 540 องศา ทั้งครอบครัวอุ่นใจ มอบความปลอดภัยยิ่งกว่า

ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น พร้อมเสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะกว่า 31 รายการ อาทิ กล้องแสดงภาพความละเอียดสูงรอบทิศทาง 540 องศา (กล้องรอบคันและด้านใต้ท้องรถ) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) และอื่น ๆ อีกทั้งยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) และอื่นๆ (โปรดศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นเพิ่มเติม)

เตรียมพิสูจน์อย่างใกล้ชิดกับมาตรฐานใหม่ของรถยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์ กับ ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น พร้อมเผยราคาอย่างเป็นทางการภายใน มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่กำลังจะถึงนี้ สอสบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM application, www.gwm.co.th หรือ GWM Contact Center 02-668-8888

GWM ส่งรถไฮไลต์เขย่าวงการ เตรียมเปิดตัวและประกาศราคารถ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด

GWM เตรียมเขย่าวงการ เปิดตัวและประกาศราคารถ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด รวมถึง NEW GWM ORA Good Cat สีฟ้าใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 พร้อมอัดโปรฯ ที่ต้องห้ามพลาด

ร่วมชม LIVE สด บรรยากาศการเปิดบูธพร้อมกันทั่วประเทศได้ทาง Facebook หรือ YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand ในวันที่ 24 และ 25 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป

กรุงเทพฯ 12 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน เตรียมสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้ง ผ่านแนวคิด GWM Go With More ที่มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าและเหนือกว่าในทุกๆ ด้านอย่างครอบคลุม โดยในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ GWM พร้อมอวดโฉมยนตรกรรมใหม่ล่าสุด 3 รุ่น จาก 3 เซกเมนต์ที่ได้รับกระแสแตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวไทย ได้แก่ รุ่นไฮไลต์สำคัญอย่าง NEW GWM TANK 300 DIESEL รถยนต์เอสยูวีออฟโรดเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่พร้อมปลุกจิตวิญญาณให้สายชิคและสายลุยเตรียมขับหล่อและหลั่งอะดรีนาลีนไปกับการเดินทางครั้งใหม่ พร้อมปลุกกระแสรถเอสยูวีสไตล์ BOXY ที่หลายคนต่างตั้งตารอคอย แข็งแกร่งและทนทานยิ่งขึ้น ทรงพลังยิ่งกว่า มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้น ตามมาด้วยอีกหนึ่งรุ่นไฮไลต์ขวัญใจผู้ใช้งานชาวไทยกับรถยนต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW GWM HAVAL H6 ใน 2 รุ่น ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด และปลั๊กอิน-ไฮบริด กับการปรับโฉมและอัปเกรดความล้ำสมัยเพื่อมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าและดีกว่าเคย  โดยมาพร้อมดีไซน์ที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น โดดเด่นเหนือใคร เพิ่มการอัปเกรดซอฟต์แวร์และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่มากขึ้น และไฮไลต์สุดท้ายกับ NEW GWM ORA Good Cat เจ้าเหมียวไฟฟ้าที่มาในสีฟ้าใหม่ พร้อมเพิ่มความสปอร์ตกับเครื่องแต่งดำ Black Package ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ครอบคลุมมากขึ้น ผ่านการออกแบบและการตั้งชื่อสีใหม่จากการรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างแท้จริง (User Centric)

พบกับ 5 ไฮไลต์สำคัญภายในบูธ GWM ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 กับ 3 รุ่นไฮไลต์ และทัพนวัตกรรมทุกขุมพลังงานพร้อมโปรโมชันแบบแรงเกินต้าน ดังนี้

ไฮไลต์ #1 : การเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของรถยนต์จาก GWM ทั้ง 3 รุ่นย่อยของ “NEW GWM TANK 300 DIESEL” รถยนต์เอสยูวีออฟโรด ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของ GWM ที่ได้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 30 ปี ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในประเทศจีนและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลก ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน ความนิ่งเงียบและนุ่มนวล และความทนทาน พร้อมการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซลสูงสุดถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี) ซึ่ง NEW GWM TANK 300 DIESEL จะมาใน 3 รุ่นย่อย ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ที่มีสไตล์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แข็งแกร่ง และทรงพลัง พร้อมตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่ครอบคลุมทั้งในเมือง-นอกเมือง พร้อมฉีกกฏการขับขี่เครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิมๆ

ไฮไลต์ #2 : การมาถึงของ “ALL NEW GWM HAVAL H6” รถยนต์เอสยูวีที่โดดเด่นและมีเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นไฮบริด และรุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริด กับดีไซน์ใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูทันสมัย โดดเด่นเหนือใคร ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงการอัปเกรดเทคโนโลยีขั้นสูงครั้งใหญ่ ทั้งระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะ อินโฟเทนเมนต์ และสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ และยังตอบรับเสียงของผู้บริโภคชาวไทยกับการพัฒนาช่วงล่างใหม่ให้ตอบโจทย์ความชื่นชอบและการขับขี่ของคนไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมไฮไลต์ที่ยังคงเป็นรถยนต์เอสยูวีระบบปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ไกลที่สุดในเซกเมนต์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในทุกมิติ ตอบโจทย์เหล่าครอบครัวยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมล้ำหน้าเพื่อทุกการเดินทางที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น ปลอดภัย และคุ้มค่าคุ้มราคา

ไฮไลต์ #3 : เพิ่มความเร้าใจกับ “NEW GWM ORA Good Cat” เจ้าเหมียวไฟฟ้ายอดนิยม กับ “ลุคใหม่” ใน 2 คู่สีฟ้า-ดำสุดพิเศษที่โดดเด่นกว่าเคย เตรียมพร้อมให้เหล่าสาวกสัมผัสความสปอร์ตและจับจองเป็นเจ้าของได้ภายในงาน ยิ่งไปกว่านั้น GWM ยังจัดกิจกรรมสุดพิเศษให้เหล่าแฟนๆ เจ้าเหมียวไฟฟ้าได้ร่วมสนุกและเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัว GWM ด้วยการร่วมโหวตชื่อคู่สีใหม่นี้ได้ที่ช่องทาง Facebook ของ GWM Thailand ตั้งแต่วันที่ 12 – 22 มีนาคม 2568 เพื่อร่วมลุ้นรับบัตรเข้าชมงานมอเตอร์ โชว์อีกด้วย โดย GWM จะมีการประกาศชื่อคู่สีใหม่ที่ได้รับการโหวตมากที่สุดจากแฟน ๆ อย่างเป็นทางการในช่วงการแถลงข่าวของบูธ GWM ในวันที่ 24 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.40 – 11.00 น.

ไฮไลต์ #4 : พบข้อเสนอสุดพิเศษและสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งส่วนลด ดอกเบี้ยพิเศษ ประกันภัยชั้นหนึ่ง แพ็กเกจบำรุงรักษา และอื่นๆ อีกมากมาย ให้กับลูกค้าที่จองรถยนต์ทุกรุ่นทุกพลังงานจาก GWM ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 46 นี้ และที่ พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อรับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า และความคุ้มค่าคุ้มราคาที่มากกว่าจาก GWM

นอกเหนือจาก 4 ไฮไลต์แล้ว GWM ยังขนไลน์อัพรถยนต์ครบทุกพลังงานและทุกเซกเมนต์ ครอบคลุมทุกตระกูลของ GWM ไม่ว่าจะเป็น NEW GWM ORA Good Cat, GWM ORA 07 ยนตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซที่ผสานดีไซน์สปอร์ตและความสง่างามได้อย่างลงตัว ตามด้วย NEW GWM HAVAL JOLION Sport เอสยูวีที่ครบครันทุกฟังก์ชันการขับขี่ พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย รวมถึง GWM TANK 300 HEV พร้อมเครื่องตกแต่งพิเศษ เพิ่มความหล่อ เท่ ในทุการขับขี่ และ GWM TANK 500 HEV เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่พร้อมพิชิตทุกเส้นทาง โดยยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและความดุดันเกินคาด ปิดท้ายด้วย NEW GWM POER SAHAR รถกระบะพลังงานไฮบริดดีไซน์ล้ำสมัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความสะดวกสบายและสมรรถนะที่เหนือระดับ

GWM พร้อมต้อนรับทุกท่านที่บูธ A10 ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ) สำหรับผู้ที่สนใจรับชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศการแถลงข่าวของ GWM จำนวน 2 รอบ รอบแรก วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป (การเปิดตัวและประกาศราคา ALL NEW GWM H6 และ NEW GWM ORA Good Cat สีใหม่) และรอบที่สอง ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.45 น. เป็นต้นไป (การเปิดตัวและประกาศราคา NEW GWM TANK 300 DIESEL) สามารถรับชมผ่านทุกช่องทางของ GWM Thailand ทั้ง Facebook, YouTube และ TikTok

GWM แต่งตั้ง “เวย์น โจว” นั้งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ

GWM แต่งตั้ง “เวย์น โจว” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ เดินหน้านำทัพพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

กรุงเทพฯ 11 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ประกาศแต่งตั้ง เวย์น โจว (Wayne Zhou) ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 โดยการแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงให้กับธุรกิจในประเทศไทย โดย เวย์น โจว จะนำทัพขับเคลื่อนแบรนด์และขยายการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานคนไทยกว่า 1,000 ราย และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์และบริการที่เป็นเลิศ พร้อมมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยภายใต้กลยุทธ์ “การมีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง” (User-Centric) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมสร้างคุณค่าสู่สังคมไทย

เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “วันนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทย โดยในปี 2568 นี้ GWM จะก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เพรียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำหน้า พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครันครอบคลุมทุกประเภทพลังงานได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ผมยังให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เสริมความแข็งแกร่งให้กับ GWM และส่งมอบคุณค่าในระยะยาวให้กับลูกค้า ชุมชน และพันธมิตรชาวไทย อีกทั้ง GWM จะยังคงเดินหน้าลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญสำหรับการส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังตลาดโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผมให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย อีกทั้งยังพร้อมเรียนรู้จากทีมงานชาวไทย และให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งนับว่าเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้น ผมมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของ GWM ในประเทศไทย และพร้อมนำพาแบรนด์ให้ก้าวเข้าสู่ยุคทองของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”

เวย์น โจว พร้อมนำทัพ GWM (Thailand) ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 15 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสามารถที่โดดเด่นทางด้านการวางกลยุทธ์การตลาดและการขาย พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวสู่ตลาดที่ท้าทายมาแล้วทั่วโลกได้อย่างเป็นประจักษ์ โดย เวย์น โจว เริ่มต้นบทบาทผู้นำในตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้ (ปี 2553) ภูมิภาคตะวันออกกลาง (ปี 2553 – 2562) สู่การเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายเครือข่ายและการขาย GWM ประเทศอินเดีย (ปี 2562 – 2565) จากนั้นก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ GWM ละตินอเมริกา กับการดูแลการดำเนินธุรกิจในกว่า 40 ประเทศทั่วอเมริกากลางและอเมริกาใต้ (ยกเว้นบราซิลและเม็กซิโก) (ปี 2565 – 2567)

หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดของ เวย์น โจว คือ การพลิกโฉม GWM ในตลาดละตินอเมริกา กับบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายทั่วภูมิภาค ภายใต้การนำทัพของ เวย์น โจว ทำให้ GWM ชิลี สามารถก้าวจากอันดับที่ 14 ขึ้นสู่อันดับที่ 8 ของตลาดในปี 2566 แม้ตลาดโดยรวมจะหดตัวลงเกือบ 30% และภายในเวลาเพียง 1 ปี GWM กลายเป็นแบรนด์จีนอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และแผนการตลาดที่แม่นยำ นำไปสู่การคว้ารางวัล “BEST BRAND” จาก Autocosmos ในปี 2566 พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2567 โดยยังคงครองอันดับ 1 ในกลุ่มแบรนด์จีน อันดับ 8 ในตลาดรวม และติด 1 ใน 3 อันดับแรกของตลาดรถกระบะ นอกจากความสำเร็จในชิลี เวย์น โจว ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดเอกวาดอร์ โดยทำให้ GWM ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 7 และเป็น 1 ใน 2 แบรนด์จีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด รวมถึงเป็นแบรนด์รถกระบะจีนอันดับ 1 ในปี 2567 พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยการเปิดสายการผลิตแบบ KD สำหรับ GWM POER เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนและรองรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บทบาทของ เวย์น โจว ยังขยายไปถึงตะวันออกกลาง กับการปรับโครงสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของตัวแทนจำหน่าย ส่งผลให้ศักยภาพทางธุรกิจของ GWM แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอกย้ำการเป็นเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่แข็งแกร่งและมีขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ทั้งนี้ ผมขอขอบคุณ ไมเคิล ฉง สำหรับความทุ่มเทและความพยายามในการขับเคลื่อนการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจในประเทศไทยท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทาย นอกจากนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับ ไมเคิล ฉง กับบทบาทสำคัญในการกำหนด

กลยุทธ์ทางธุรกิจของทีม GWM ระดับโลก เพื่อผลักดันความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ” เวย์น โจว กล่าวเสริม

GWM คว้า 3 รางวัล THAILAND CAR & BIKE OF THE YEAR 2025

GWM คว้า 3 รางวัลคุณภาพจากงาน THAILAND CAR & BIKE OF THE YEAR 2025 จากรถยนต์ 3 รุ่น 3 ตระกูล : GWM TANK 300 HEV, GWM ORA 07 และ GWM POER SAHAR HEV

กรุงเทพฯ 10 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) ประกาศความสำเร็จรับต้นปี 2568 คว้า 3 รางวัลอันทรงเกียรติจากงานประกาศรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “THAILAND CAR & BIKE OF THE YEAR 2025” จากกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล สะท้อนความ สำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน โดยมีรถยนต์คุณภาพจาก GWM ถึง 3 รุ่น ใน 3 ตระกูลที่ครอบคลุมทั้ง 3 เซกเมนต์ ที่สามารถคว้ารางวัลในงานนี้ ได้แก่

•GWM TANK 300 HEV กับรางวัล BEST HYBRID 4×4 OFFROAD

•GWM ORA 07 ในรางวัล BEST EV SEDAN

•GWM POER SAHAR HEV กับรางวัล BEST HYBRID PICKUP

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานคณะกรรมการบริหาร, นายพีระพงศ์ เอี่ยมลําเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และ นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน THAILAND CAR & BIKE OF THE YEAR 2025 โดยมี นางสาวแพนดอร่า หยู๋ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และนางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร GWM (Thailand) เป็นตัวแทนรับรางวัล โดยมีผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้ง 3 รางวัล ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ในการมุ่งมั่นส่งมอบเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมล้ำหน้าแก่ผู้ใช้งานชาวไทยทั่วประเทศ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่า เหนือกว่า และครอบคลุมยิ่งกว่า ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ สอดคล้องกับแนวคิด GWM Go With More และกลยุทธ์การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ในการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล สำหรับรางวัลอันทรงคุณค่าดังกล่าว และลูกค้าทุกคนที่ไว้วางใจและสนับสนุนเราเสมอมา ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงนวัตกรรมของทั้ง 3 รุ่นที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานใน 3 เซกเมนต์ที่หลากหลาย โดยเราจะยังคงยึดมั่นคำสัญญาที่จะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” 

สำหรับ GWM TANK 300 HEV คว้ารางวัล BEST HYBRID 4×4 OFFROAD โดยน้องเล็กสายออฟโรดจากตระกูล GWM TANK ได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีไฮบริดที่ล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่แข็งแกร่ง การผสานพลังของเครื่องยนต์ไฮบริดขั้นสูง ด้วยระบบขับเคลื่อน 4WD ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย รางวัลนี้สะท้อนถึงคุณภาพที่อัดแน่นและระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัยที่เหนือกว่ารถยนต์ในเซ็กเมนต์และระดับราคาเดียวกัน ส่งผลให้ GWM TANK 300 HEV เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหารถยนต์ SUV สไตล์ BOXY ระดับพรีเมียม สมรรถนะสูง แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลุยได้ในทุกเส้นทางทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ออนโรดและออฟโรด

ในขณะที่ GWM ORA 07 รุ่น Long Range ซึ่งได้รับรางวัล BEST EV SEDAN คือรถไฟฟ้า 100% ที่เกิดจากเสียงเรียกร้องของกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล GWM ORA ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีความสปอร์ต เท่ ปราดเปรียว มีเอกลักษณ์ และให้ความปลอดภัยในทุกเส้นทางขั้นสูงสุด โดย GWM ORA 07 ได้รับการยอมรับในด้านการออกแบบ ที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า การมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ที่ติด้วยการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยระยะทางขับขี่สูงสุด 640 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ทำให้ GWM ORA 07 เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหาความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น โดยไม่ทิ้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็ว และระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้นพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ครบครัน ด้วยโครงสร้างรถลักษณะ Cage-Type Body ที่ใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงและแข็งแกร่งสูงถึง 77.6% ของส่วนประกอบทั้งหมด รองรับแรงกระแทกจากภายนอกได้อย่างดี และช่วยลดความรุนแรงได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกด้วย รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ GWM ในการพัฒนาและนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ ทั้งความต้องการของผู้บริโภค เทคโนโลยีความปลอดภัย  และการรักษาสิ่งแวดล้อมในยุคใหม่

สำหรับ GWM POER SAHAR HEV ซึ่งได้รับรางวัล BEST HYBRID PICKUP เป็นรถกระบะไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย รถกระบะคันนี้ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับมาตรฐานการขับขี่ ด้วยการผสมผสานระหว่างสมรรถนะที่ทรงพลังและความสะดวกสบายที่เหนือชั้น โดยรางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศในด้านการผสานเทคโนโลยีไฮบริด เข้ากับสมรรถนะของรถกระบะที่ทรงพลัง อีกทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่และโดยสารที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบาย ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดจากขนาดฐานล้อที่ยาวที่สุดในกลุ่มรถยนต์ขนาด 3,350 มิลลิเมตร อีกทั้งยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังโดดเด่นด้วยฝาท้ายกระบะที่เปิดปิดได้ 2 รูปแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบรรทุกได้หลากหลาย พร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ฉีกกฏรถกระบะแบบเดิม ๆ อย่างสิ้นเชิง และล่าสุด GWM POER SAHAR ในประเทศออสเตรเลียยังได้รับการรับรองว่าเป็นรถกระบะพลังงานใหม่ที่มีความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จาก Australasian New Car Assessment Program (ANCAP) ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำของ GWM ในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่า

3 รางวัลคุณภาพจากงานประกาศรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “THAILAND CAR & BIKE OF THE YEAR 2025” เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของ GWM มุ่งมั่นส่งมอบเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมล้ำหน้า เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งกว่า เหนือกว่า และครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค และ GWM พร้อมที่จะนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี และดีไซน์ที่เหนือกว่า มาให้ชาวไทยทุกคนได้สัมผัสภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ณ บูธ A10 สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th

วิริยะประกันภัย คว้ารางวัล BEST INSURANCE COMPANY

วิริยะประกันภัย คว้ารางวัล “BEST INSURANCE COMPANY” ตอกย้ำผู้นำประกันภัยรถยนต์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 บนเวที “THAILAND CAR & BIKE OF THE YEAR 2025”

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานมอบรางวัล “BEST INSURANCE COMPANY” ให้แก่ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายเด่นพงศ์ กุนทีกาญจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสถาบันการเงิน เป็นผู้แทนรับมอบ ภายในงาน “CAR & BIKE OF THE YEAR 2025” ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 นับตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ในโอกาสนี้ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ (Motor Show 2025) และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ยังได้ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบรางวัล ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

สำหรับ รางวัล “BEST INSURANCE COMPANY” ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรางวัลอันทรงเกียรติ ที่บริษัทฯ ได้รับอย่างต่อเนื่อง ภายในงาน “CAR & BIKE OF THE YEAR” ซึ่ง บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีแก่วงการธุรกิจยานยนต์ รวมถึงผลักดันให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง อันนำไปสู่การยกระดับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้มีความเจริญก้าวหน้าทุกภาคส่วน โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ จากนิตยสารกรังด์ปรีซ์ และสถาบันยานยนต์ชั้นนำหลากหลายองค์กร เป็นผู้ตัดสินรางวัล รางวัลดังกล่าว จึงเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของวิริยะประกันภัย ในการเป็นผู้นำตลาดประกันภัยรถยนต์ของไทย ด้วยมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายและทันสมัย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ

มาสด้า เติมฝันเยาวชน เปิดดวลวงสวิงปีที่ 2 คว้าตั๋วไปอเมริกา

มาสด้า ต่อเติมเสริมฝันเยาวชนเปิดรับสมัครร่วมแข่งขันกอล์ฟ ปีที่ 2 เพื่อคว้าทุนการศึกษาและร่วมแข่งขันกอล์ฟในประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการจัดแข่งขันกอล์ฟเยาวชนเมื่อปีที่ผ่านมา มาสด้าเดินหน้าต่อเติมความฝันเยาวชนเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ประกาศความร่วมมือกับ The Agency Recruit ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาให้กับเยาวชน จัดกิจกรรม MAZDA U.S. COLLEGE PREP THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2025 เปิดรับสมัครเยาวชนกอล์ฟชายและหญิง อายุระหว่าง 12-19 ปี ที่เป็นลูกค้าครอบครัวมาสด้า เพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับโลกในประเทศไทย โดยเตรียมจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย. 68 ณ สนามกอล์ฟ Phoenix Gold Golf & Country Club จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ มาสด้าเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสรับสิทธิ์เพื่อคว้าทุนการศึกษาจากโรงเรียน และมหาวิทยาลัยชื่อดัง และก้าวสู่การแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมคว้าตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างเอเชียถึงสหรัฐอเมริกา มูลค่าสูงสุด 1,200 USD รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย อาทิ ได้เข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ต้องผ่านรอบคัดเลือก และส่วนลดค่าสมัคร 125 USD จากค่าสมัคร 350 USD และฟรี เสื้อกอล์ฟ Adidas มูลค่า 1,690 บาท โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 68 เวลา 08:00 น. จนถึงวันที่ 1 เม.ย. 68 เวลา 17:30 น. และประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ ในวันศุกร์ที่ 4 เม.ย. 68 เวลา 15:00 น. ผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอีเวนต์

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2025 เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างมาสด้า กับ The Agency Recruit ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาสำหรับเยาวชน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่มีอายุระหว่าง 12-19 ปี และมีใจรักในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสเดินตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ด้วยการมอบโอกาสเพื่อคว้าทุนการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง และสิทธิ์ในการเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งโครงการฯ เป็นส่วนหนึ่งของเอกสิทธิ์พิเศษที่ทางมาสด้ามอบให้กับลูกค้า Mazda Family โดยเฉพาะ เพื่อแทนคำขอบคุณที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจให้กับครอบครัว และเพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขในการชีวิตให้กับลูกค้า (Joy Drives Lives) นอกเหนือจากประสบการณ์ที่ดีจากการขับขี่รถยนต์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะมีความสุข และได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากแบรนด์มาสด้า

สำหรับโครงการฯ ในปี 2568 นี้ มาสด้าจัดขึ้นเป็นปีที่สองติดต่อกัน หลังจากโครงการในปีแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงและได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้า ก่อให้เกิดความรักความผูกพันอย่างแน่นแฟ้น สำหรับการแข่งขันในปีนี้ มาสด้าจะทำการคัดเลือกเยาวชนทั้งหมด 24 คน จากผู้สมัครทั้งหมด เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฯ โดยมีเกณฑ์การรับสมัครดังรายละเอียดต่อไปนี้

เกณฑ์การรับสมัครเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟ

•เยาวชนชายและหญิงที่มีอายุระหว่าง 12-19 ปี

•ผู้ปกครองของเยาวชนผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันต้องเป็นลูกค้าและครอบครัวมาสด้า

•ผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันหรือผู้ปกครอง ต้องสามารถแสดงเอกสารความเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า

•สามารถร่วมกิจกรรมพร้อมลงทะเบียนในวันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย. 68

•สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. 68 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 27 เม.ย. 68

รางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับเยาวชนที่ชนะการแข่งขัน

•เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งหมด 24 คน จะได้รับของที่ระลึกพิเศษจากมาสด้า

•ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ติดอันดับท็อป 50% แรกของแต่ละประเภทการแข่งขัน จะได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย รวมถึงสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันในระดับสูงต่อไป

•ผู้ที่ทำอันดับดีที่สุดจากการแข่งขันในแต่ละประเภท เยาวชนชาย 6 คน เยาวชนหญิง 6 คน รวม 12 คน จะได้รับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จากเอเชียไปสหรัฐอเมริกา และได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน Junior World Cup Invitational Kingsmill ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15-17 ก.ค. 68 ที่รัฐเวอร์จิเนียร์

ทั้งนี้ เยาวชนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถสมัครผ่านช่องทาง www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอีเวนต์ และจะประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ ในวันศุกร์ที่ 4 เม.ย. 68 เวลา 15:00 น. ซึ่งการแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย. 68 ณ สนามกอล์ฟ Phoenix Gold Golf & Country Club จังหวัดชลบุรี พร้อมประกาศผลและมอบรางวัลผู้ชนะเลิศในวันที่ 27 เม.ย. 68 ด้วยเช่นกัน

“มาสด้าเชื่อในสปิริตของความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค (Challenger Spirit) เพราะนี่คือสิ่งที่ผลักดันให้แบรนด์มาสด้าอันมีต้นกำเนิดมาจากเมืองฮิโรชิม่าประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างมั่นคงมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น นอกเหนือจากการส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว เราจึงได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะด้านกีฬา เพื่อเยาวชน และสังคมไทย เพื่อผลักดันผู้คนให้ออกเดินทางตามความฝัน และสามารถนำเอาสิ่งเหล่านี้มาต่อยอดในการประกอบอาชีพได้

สำหรับครั้งนี้ มาสด้าขอเชิญชวนเยาวชนชายและหญิงที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด สมัครเข้าร่วมโครงการฯ เพราะนอกจากจะเป็นก้าวแรกของเยาวชนในการได้ทำในสิ่งที่รักแล้ว ยังเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการเดินหน้าสู่การเป็นนักกีฬากอล์ฟอาชีพในระดับสากลอีกด้วย” นายภพนิพิฐ กล่าวสรุป

หมายเหตุ : ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อและกิจกรรมอีเวนต์ หรือกดลิงก์เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมกอล์ฟเยาวชน m.mazda.co.th/43wKSl0

กลุ่มชูเกียรติยนต์ทุ่มลงทุน 100 ล้าน ผุดโชว์รูมมาสด้า นครศรีธรรมราช

กลุ่มชูเกียรติยนต์ทุ่มลงทุน 100 ล้าน เปิดโชว์รูมมาสด้าและศูนย์บริการแห่งใหม่ในนครศรีธรรมราช มุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดในทุกประสบการณ์

มาสด้าชูเกียรติยนต์ผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าเก่าแก่ในแถบภาคใต้ที่ดำเนินธุรกิจร่วมกันมากกว่า 40 ปี เชื่อมั่นในแผนการดำเนินธุรกิจและวิสัยทัศน์แบรนด์มาสด้า ทุ่มงบประมาณอีกกว่า 100 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่บนทำเลศักยภาพขนาดใหญ่ เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ สาขาจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมส่งมอบงานขายและงานบริการที่ครอบคลุมให้กับลูกค้าในพื้นที่ ชูจุดเด่นด้านการบริการที่ยอดเยี่ยมและเป็นไปตามมาตรฐานในทุกขั้นตอน การันตีด้วยรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม, รางวัลฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายยอดเยี่ยมหลายปีติดต่อกัน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของมาสด้าและผู้จำหน่ายทั่วประเทศต่อแผนการปรับโครงสร้างเครือข่ายผู้จำหน่ายในประเทศไทย ที่พร้อมให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกองค์ประกอบ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีเยี่ยมจากการใช้รถยนต์มาสด้าให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ คือ พันธกิจสำคัญของมาสด้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้าทุกคน ภายใต้กลยุทธ์ที่สำคัญของมาสด้าตามแนวทาง Brand Value Management และ Retention Business Model เพื่อส่งมอบคุณค่าของแบรนด์ให้กับลูกค้ารู้สึกภาคภูมิใจ โดยเฉพาะการสร้างความรักและความผูกพันกับลูกค้า และการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว ครั้งนี้ มาสด้าได้ร่วมมือกับผู้จำหน่าย กลุ่มบริษัทชูเกียรติยนต์หาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างและมีประวัติการทำงานร่วมกับแบรนด์มาสด้ามาอย่างยาวนาน เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่เพิ่มเติมในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในแถบภาคใต้ และมีปริมาณลูกค้ามาสด้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการบนพื้นที่กว่า 4 ไร่ เพื่อรองรับงานบริการด้านการขายและการบริการหลังการขาย ซึ่งมาสด้ามั่นใจอย่างยิ่งว่าการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่นี้จะสามารถส่งมอบประสบการณ์บริการที่ดีที่สุด และรองรับการเข้ารับการบริการจากลูกค้ามาสด้าในแถบภาคใต้และพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี

“ปัจจุบัน มาสด้าอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนแผนธุรกิจในอนาคต ทั้งในเรื่องของการสร้างคุณค่าของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่สะดวกสบาย และมีความต่อเนื่องไม่ว่าจะไปที่โชว์รูมในพื้นที่ไหนก็ตาม โดยมาสด้าได้มอบนโยบายให้กับผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูง สามารถขยายพื้นที่ความรับผิดชอบในการให้บริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยได้มีการกำหนดพื้นที่ PMA ใหม่ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถขยายพื้นที่การบริการออกไปยังพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างโมเดลธุรกิจของผู้จำหน่ายให้มีผลกำไรที่ยั่งยืนและครอบคลุมครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งการขายและการบริการทั่วทุกภูมิภาค” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสิทธิพร ปิติเจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัทชูเกียรติยนต์ได้เริ่มดำเนินธุรกิจกับมาสด้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 โดยเปิดสาขาแรกที่จังหวัดปัตตานี และได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ สงขลา นราธิวาส และล่าสุด นครศรีธรรมราช ด้วยปณิธานในการทำธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ คือ มุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และพัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกขั้นตอนของการบริการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เพราะฉะนั้นเมื่อลูกค้าเข้ามารับบริการไม่ว่าจะเป็นสาขาไหนก็ตาม ลูกค้าทุกคนจะได้รับการต้อนรับและประสบการณ์บนมาตรฐานเดียวกัน จากแนวคิดที่มุ่งเน้นว่าลูกค้า คือ หัวใจสำคัญของงานบริการ จึงส่งผลให้ กลุ่มบริษัทชูเกียรติยนต์หาดใหญ่ เป็นผู้จำหน่ายมาสด้าที่สามารถคว้ารางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2558, 2559 และ 2563 รวมถึงรางวัลฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายยอดเยี่ยมประจำปี 2558-2564 ถึง 7 ปี ติดต่อกัน

“แม้ว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันจะมีความท้าทายอย่างมาก แต่สิ่งที่มาสด้ายังคงให้ความมั่นใจกับผู้ลงทุนคือความมุ่งมั่นที่จะลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย พัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และมีแผนในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายรุ่นในอนาคตอันใกล้ พร้อมกันนี้ กลุ่มบริษัทชูเกียรติยนต์ ยังเชื่อมั่นในปรัชญาการดำเนินธุรกิจของมาสด้า ที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและออกแบบรถยนต์ ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความรู้สึกของผู้ขับขี่ รวมถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของมาสด้าที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การผลิตรถยนต์ แต่ยังรวมถึงการสร้างความรักความผูกพันที่ดีกับลูกค้า การให้บริการที่เป็นเลิศ และการสร้างคุณค่าให้กับสังคมโดยรวม เพราะ “ความสุขที่มากกว่าการขับขี่” จะนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าในระยะยาว เราจึงได้ขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 4 จังหวัดในปัจจุบัน” นายสิทธิพร กล่าว

พร้อมกันนี้ นายสิทธิพร ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าชูเกียรติยนต์ สาขา นครศรีธรรมราช ว่า “สาขาแห่งใหม่นี้ ถือเป็นสาขาที่ห้าของกลุ่มบริษัทในเครือชูเกียรติยนต์ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 4 ไร่ บริเวณสี่แยกเบญจม ใกล้แหล่งชุมชนและไฮเปอร์ซุปเปอร์มาเก็ต โดยประกอบไปด้วยโชว์รูมที่มีพื้นที่กว้างขวาง สามารถจัดแสดงรถมาสด้าได้อย่างครบถ้วนทุกรุ่น ทำให้ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมรถคันจริงได้

นอกจากนั้น ยังพร้อมสำหรับให้การบริการหลังการขาย ด้วยจำนวนช่องซ่อมมากถึง 17 ช่องซ่อม สามารถรองรับรถยนต์ที่มาใช้บริการได้สูงสุด 50 คันต่อวัน หรือ มากกกว่า 1,200 คันต่อเดือน รวมถึงมีทีมงานและช่างซ่อมบำรุงที่มีทักษะความเชี่ยวชาญสูง ผ่านการฝึกอบรมและรับรองมาตรฐานจาก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายความครบครันทุกองค์ประกอบ จึงมั่นใจว่า สาขานครศรีธรรมราช จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในการบริการให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี” นายสิทธิพร กล่าว

หลังจากนี้ มาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อพัฒนาประสบการณ์ในทุกมิติที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ อันรวมถึงงานขายและงานบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อแทนคำมั่นสัญญาและให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้าไปตลอดอายุการใช้งาน โดยสร้างประสบการณ์ความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อให้แบรนด์มาสด้าเติบโตอย่างยั่งยืนคู่กับลูกค้าคนไทยและสังคมไทยตลอดไป

อนึ่ง กลุ่มบริษัทชูเกียรติยนต์ ปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการ ทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ สาขาอำเภอหาดใหญ่ (จ.สงขลา) สาขาสงขลา (บางดาน) สาขาปัตตานี สาขานราธิวาส และสาขาล่าสุด คือ สาขานครศรีธรรมราช (สี่แยกเบญจม) นอกจากนี้ยังมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน ที่สาขาหาดใหญ่ (จ.สงขลา) และสาขาปัตตานี

สำหรับลูกค้ามาสด้าในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่สนใจเพื่อนำรถเข้ารับการบริการ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ หมายเลข 075-347774 หรือ 093-5800505 หรือพิกัดแผนที่โชว์รูมนครศรีธรรมราช https://maps.app.goo.gl/x6XLXcgCVHUijMy59

DEEPAL E07 และ AVATAR 11 คว้ารางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2025

CHANGAN ตอกย้ำความสำเร็จ DEEPAL E07 และ AVATAR 11 คว้าสองรางวัลจากเวที THAILAND CAR OF THE YEAR 2025

นายเซบาสเตียน ลี ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลในงาน CAR OF THE YEAR 2025

บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ภายใต้ CHANGAN Automobile ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในงาน THAILAND CAR OF THE YEAR 2025 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 27 โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยรถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL E07 คว้ารางวัล “BEST SUV & PICKUP EV” ตอกย้ำความเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีที่ครบครันทั้งความแข็งแกร่ง มีพื้นที่กว้างขวาง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ AVATR 11 SUV Coupe ได้รับรางวัล “BEST Hi-TECH SUV EV” สะท้อนถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย ฟีเจอร์อัจฉริยะ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ

นายเซบาสเตียน ลี ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลในงาน THAILAND CAR OF THE YEAR 2025

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ DEEPAL E07 และ AVATR 11 SUV Coupe คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจากงาน THAILAND CAR OF THE YEAR 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นอันของฉางอานด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำของเราในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของไทย เราจะยังคงเดินหน้านำเสนอยานยนต์คุณภาพ เทคโนโลยีล้ำสมัย และการบริการเหนือระดับแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ DEEPAL E07 เจ้าของรางวัล “BEST SUV & PICKUP EV” คือยนตรกรรมที่สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ผสานความงามร่วมสมัย ความแข็งแกร่ง สมรรถนะ และความปลอดภัยเข้ากันได้อย่างลงตัว โดยรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นนี้ชูแนวคิด “BE YOURSELF, DRIVE YOUR WAY” ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับโหมดรูปลักษณ์รถยนต์ด้านท้ายให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มาพร้อมห้องโดยสารแบบอเนกประสงค์พื้นที่กว้างขวางจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “วิลล่าเคลื่อนที่” มอบความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Zero Gravity หลังคากระจกพาโนรามา และพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ครบครันด้วยสมรรถนะทรงพลัง ศักยภาพการขับขี่ระยะไกล และเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ ระบบจอดรถอัจฉริยะและกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา DEEPAL E07 จึงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้รถยุคใหม่

สำหรับ AVATR 11 SUV Coupe ซึ่งคว้ารางวัล “BEST Hi-TECH SUV EV” เจ้าของรางวัล Red Dot Design Award และยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะคันแรกที่สามารถขึ้นถึงฐานแคมป์เอเวอเรสต์สำเร็จ โดยผสานเทคโนโลยีจากซูเปอร์คาร์และเอสยูวีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ มาพร้อมประตูไฟฟ้าอัจฉริยะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกหรูหราด้วยเบาะหนัง NAPPA แสงไฟภายในแบบ Ambient Lighting และหลังคากระจกพาโนรามา พร้อมเบาะนั่งแบบ Zero Gravity และระบบเสียงระดับไฮเอนด์จาก Meridian แบรนด์ชั้นนำประเทศอังกฤษ มอบความสะดวกสบายไม่รู้จบในขณะพักผ่อน ขับเคลื่อนด้วยระบบแบตเตอรี่ล้ำสมัย ตอบโจทย์การขับขี่ระยะไกล และรองรับการชาร์จเร็ว เสริมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ตอกย้ำว่า AVATR 11 ได้สร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตแบบไร้กังวล และสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ

การคว้าสองรางวัลจากเวที THAILAND CAR OF THE YEAR 2025 ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฉางอาน ประเทศไทยที่จะสร้างอนาคตของการเดินทางด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ความยั่งยืน และการออกแบบอันเป็นเลิศ โดย DEEPAL E07 และ AVATR 11 ได้รับการยกย่องในฐานะยนตรกรรมที่สร้างบรรทัดฐานให้กับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฉางอานในการนำเสนอโซลูชันอันก้าวล้ำที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของผู้ใช้รถในปัจจุบัน ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นแรงบันดาลใจให้ฉางอานเดินหน้าเป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง

ฮุนได เปิดโชว์รูม อุบลราชธานี

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดโชว์รูม ฮุนได ดี ออโต้ อุบลราชธานี รุกขยายตลาดสู่ทุกภูมิภาคทั่วไทย

บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าขยายบริการสู่ระดับภูมิภาคตามกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568 เปิดตัวโชว์รูม ฮุนได ดี ออโต้ อุบลราชธานี รองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมมอบประสบการณ์ลูกค้าระดับสากลบนมาตรฐาน Global Dealership Space Identity (GDSI 2.0) ด้วยดีไซน์โชว์รูมที่ครบครันด้วย 3 S Sale, Service, Spare parts โดยเตรียมพร้อมการบริการหลังการขายโดยทีมช่างผู้ผ่านการอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มรถยนต์สันดาปและรถไฟฟ้า

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การขยายเครือข่ายโชว์รูมคือกลยุทธ์หลักของฮุนไดในการเสริมสร้างการเติบโตที่มั่นคงในประเทศไทย ซึ่งอุบลราชธานีถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพสูง เราจึงต้องการให้ลูกค้าในพื้นที่นี้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของฮุนไดได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงยกระดับศักยภาพด้านการขาย หากยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบบริการระดับพรีเมียมและการดูแลหลังการขายที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าในเมืองไทย”

โชว์รูม ฮุนได ดี ออโต้ อุบลราชธานี มีพื้นที่กว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกลูกค้าในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงอย่างครบวงจร ด้วยพื้นที่โชว์รูมและพื้นที่รับรองลูกค้ามากกว่า 700 ตร.ม. จัดแสดงรถยนต์ฮุนไดครบทุกรุ่น ศูนย์บริการมาตรฐานขนาดพร้อมรองรับปริมาณงานซ่อมได้มากกว่า 3,000 คันต่อปี รองรับการเติบโตในอนาคต ดำเนินงานโดยทีมงานฝ่ายขายและช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกอบรมระดับมืออาชีพ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับบริการหลังการขายในภูมิภาค

นายปัณณพัฒน์ เลาหเธียรประธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี ออโต้ อุบลราชธานี กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายฮุนไดในประเทศไทย และพร้อมให้บริการลูกค้าในภาคอีสานด้วยมาตรฐานโชว์รูมและศูนย์บริการ เรามีทีมงานที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจกว่า 30 ปี ให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่การเลือกซื้อรถ ไปจนถึงบริการหลังการขายที่ครบวงจร ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังมาตรฐานเต็มรูปแบบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด และมั่นใจในคุณภาพของรถยนต์ฮุนได

การเปิดตัวโชว์รูมแห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาวของ ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ในการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV และ SUV ในอนาคต นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าทุกคน และพร้อมขับเคลื่อนฮุนไดให้เป็นแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำที่ลูกค้าในประเทศไทยให้ความเชื่อมั่นสูงสุด”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save