- Advertisement -
25.9 C
Bangkok
Home Blog Page 10

เกีย เปิดตัว Kia Carnival HEV เรือธงใหม่จับตลาดครอบครัว

เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดตัว The new Kia Carnival HEV 7-seater MPV เรือธงขุมพลังไฮบริดที่พร้อม “ตอบโจทย์ทุกจังหวะชีวิตของครอบครัว” เปิดราคาเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพ 7 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี และข้อเสนอพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์เกียทุกรุ่น

เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดตัว The new Kia Carnival HEV 7-seater เอ็มพีวีรุ่นเรือธงโฉมใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายใต้คอนเซปต์ “Built for Every Move of Life” ยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ เหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยสมรรถนะการขับขี่จากเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.6 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54kW และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่ที่ผสานสไตล์ความเป็นรถ SUV และ MPV เข้าไว้ด้วยกัน และการออกแบบภายในที่ให้ความสปอร์ตแบบพรีเมียม และยกระดับการนั่งโดยสารให้เหนือระดับยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชันใช้งานที่ครบครัน ตอบโจทย์ทุกบทบาทของชีวิตประจำวันและเคียงข้างช่วงเวลาสำคัญของทุกคนในครอบครัว สำหรับ The new Kia Carnival HEV 7-seater มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ราคา 2,699,000 บาท และ The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium ราคา 2,499,000 บาท มาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 7 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชม. 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง การรับประกันแบตเตอรีรถยนต์ (High-Voltage Battery) นาน 8 ปี และข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พิเศษ! สำหรับเจ้าของรถยนต์เกียและครอบครัว (Kia Loyalty) รับสิทธิ์ฟรี! ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) เพิ่มอีก 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 31 ตุลาคม 2568 โดย เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) พร้อมส่งมอบรถ และเปิดให้ทดลองขับ ณ โชว์รูมเกียทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

นายฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “The Kia Carnival ไม่ใช่แค่รถยนต์ธรรมดา แต่เป็นรถ MPV สำหรับครอบครัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และใน The new Kia Carnival HEV 7-seater เราได้สร้างสรรค์ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นเดียวกับครอบครัวที่ได้เป็นเจ้าของ แคมเปญเปิดตัว “Built for Every Move of Life” จึงสะท้อนถึงสิ่งที่ทำให้ The new Kia Carnival HEV 7-seater แตกต่างและมีความหมายยิ่งกว่าใคร ด้วยการเป็น MPV สำหรับครอบครัวที่ทำให้เจ้าของรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อใช้งาน ด้วยดีไซน์อันทรงพลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SUV สู่การเป็นรถ MPV ที่ทำให้คุณสามารถสนุกกับการขับขี่ได้ทุกวัน ด้วยตำแหน่งการขับขี่ที่นั่งสบายแบบรถซีดาน ผสานกับขุมพลังไฮบริดที่ทั้งทรงพลัง ประหยัด และมอบประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มนวลเหนือระดับ ขณะเดียวกัน ยังเติมเต็มทุกช่วงเวลาแห่งครอบครัวด้วยฟีเจอร์ที่มอบความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ ที่นั่งแบบ Relaxation Seat พร้อมระบบระบายอากาศ รวมถึงฟังก์ชันที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงอย่างเช่น ทางเดินที่เอื้อต่อการเข้า-ออกเบาะหลังได้สะดวกยิ่งขึ้น และเบาะที่สามารถพับเก็บราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสูงสุดเมื่อต้องการ The new Kia Carnival HEV 7-seater ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ของไทย ทั้งครอบครัวที่มีลูก ครอบครัวขยายที่มีสมาชิก 5-7 คน หรือครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิก 3 เจเนอเรชันอาศัยอยู่ร่วมกัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานประจำวันในเมือง การเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด หรือการขนสิ่งของสำหรับกิจกรรมต่างๆ ของครอบครัว จึงเรียกได้ว่า The new Kia Carnival HEV 7-seater เป็นรถอเนกประสงค์ที่สร้างมาเพื่อตอบทุกจังหวะของชีวิตครอบครัวอย่างแท้จริง”

ดีไซน์ภายนอกและภายใน – ความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ระดับพรีเมียมตอบทุกความต้องการของครอบครัว

The new Kia Carnival HEV 7-seater จำหน่ายในประเทศไทย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ราคา ราคา 2,699,000 บาท และ The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium ราคา 2,499,000 บาท มาพร้อมกับดีไซน์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สะท้อนทั้งความหรูหราและความแข็งแกร่งในสไตล์ SUV มาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ กระจังหน้าแบบ ‘Tiger nose’ โคมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED ดีไซน์ดวงไฟทรงลูกบาศก์ ชุดไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Star Map Lighting ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแร็คหลังคาที่ไม่เพียงช่วยเสริมลุคความแข็งแกร่งแบบ SUV แต่ยังเป็นการเพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับการใช้งานจริง (แร็คหลังคาสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 100  กิโลกรัม) ช่วยปลดล็อกขีดจำกัดให้การเดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันของครอบครัวให้สะดวกสบายกว่าที่เคย The new Kia Carnival HEV 7-seater มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้า (Smart Power Sliding Door) และฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Power Tailgate) ที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ตัวรถโดยที่มีกุญแจ Smart Key อยู่ด้วย สำหรับในรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury จะมี Dual Sunroof ที่ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร สำหรับตัวเลือกสีภายนอกของ The new Kia Carnival HEV 7-seater มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Snowflake White Pearl สีเทา Meteor Grey สีดำ Jet Black และสีน้ำเงิน Astra Blue

ห้องโดยสารของ The new Kia Carnival HEV 7-seater ได้รับการออกแบบให้กว้างขวางและร่วมสมัยด้วยดีไซน์ใหม่ ประกอบด้วยจอโค้งแบบพาโนรามิกที่ผสานรวมจอแสดงผลแบบคลัสเตอร์ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เข้าไว้ด้วยกันแบบไร้รอยต่อ มีระบบเชื่อมต่อ Android Auto™ และ Apple CarPlay® แบบไร้สายและฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียง มีระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติที่สามารถปรับอุณหภูมิได้แบบแยกอิสระทั้งโซนด้านหน้าฝั่งซ้าย-ขวา และโซนด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมีสวิตช์สำหรับสลับการควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบปรับอากาศที่ผสานการควบคุมทั้งระบบไว้บนอินเตอร์เฟซเดียวกัน เพียงแค่สัมผัสหนึ่งครั้งก็สามารถสลับการควบคุมไปมาระหว่างระบบอินโฟเทนเมนต์กับระบบปรับอากาศ ช่วยลดความซับซ้อนของเลย์เอาต์ในขณะที่ยังคงความสะดวกในการใช้งาน และภายในห้องโดยสารยังได้ติดตั้งพอร์ต USB-C มาตรฐาน รวม 6 พอร์ตกระจายทั้งสามแถวที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถชาร์จอุปกรณ์ของตนได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะนั่งอยู่ตำแหน่งใดของตัวรถ

ในรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ยังได้ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ ด้วยการติดตั้งลำโพง BOSE รอบคัน 12 จุด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่รื่นรมย์ให้แก่ผู้โดยสารทุกคน ไฟเรืองแสง Ambient Light สามารถแต่งสีไฟให้เข้ากับทุกบรรยากาศพร้อมสีให้เลือกถึง 64 เฉดสีครอบคลุมบริเวณคอนโซลและประตู ช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในรถให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะครบครันเพื่อมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัย เช่น ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head-up Display) ขนาด 11 นิ้ว ฉายข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญขึ้นบนหน้าจอกระจกหน้าในระดับสายของผู้ขับ และกระจกมองหลังแบบดิจิทัล ช่วยให้มองเห็นถนนด้านหลังได้อย่างชัดเจน แม้ว่ารถจะเต็มไปด้วยผู้โดยสารหรือสัมภาระขนาดใหญ่

สำหรับเบาะที่นั่งของคนขับในรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ยังได้ติดตั้งระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งและระบบ Welcome Seat สำหรับผู้ขับ เบาะนั่งคู่หน้าและเบาะนั่งแถวที่สองมาพร้อมระบบระบายอากาศและระบบอุ่นเบาะ สำหรับเบาะผู้โดยสารแถวสองเป็นแบบ Relaxation Seat ที่เปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสด้วยฟังก์ชันปรับเอนนอนที่สามารถปรับระดับได้เต็มรูปแบบ พร้อมเบาะรองขาแบบปรับไฟฟ้า มีโหมด One-touch Relaxation ที่สั่งงานด้วยการกดเพียงครั้งเดียวมอบความสบายให้กับผู้นั่งได้อย่างง่ายดาย สำหรับรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium เบาะนั่งแถวสองเป็นเบาะแบบ Captain Seats ที่สามารถถอดออกได้เพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน และยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นแบบนั่งหันหน้าเข้าหากันได้ ให้สมาชิกในครอบครัวได้มีปฏิสัมพันธ์กันได้ตลอดทริป พร้อมกันนี้ The new Kia Carnival HEV 7-seater ทั้งสองรุ่นได้รับการปรับให้มีพื้นที่ทางเดิน (Walkthrough access) ที่เอื้อต่อการเข้า-ออกเบาะหลังได้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิกครอบครัวทุกคน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ด้วยจุดยึดสําหรับติดตั้งเบาะนั่งสําหรับเด็ก (ISOFIX) ที่มีให้ในตำแหน่งที่นั่ง 4 ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน (2 จุดบนเบาะนั่งแถวสอง และอีก 2 จุดบนเบาะแถวสาม) ซึ่งช่วยให้สามารถติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กในตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น เสริมความปลอดภัยและความสะดวกเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวได้ดีที่สุด

The new Kia Carnival HEV 7-seater ยังคงโดดเด่นในเรื่องความกว้างขวางสำหรับทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเรียงที่นั่งผู้โดยสารที่มีความยืดหยุ่น โดยถือเป็นรถ MPV ที่รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ที่นั่ง พร้อมด้วยสัมภาระของทุกคนได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถคันเดียว เบาะนั่งแถวสามมาพร้อมฟังก์ชันพับราบ ที่เป็นการสร้างพื้นที่บรรทุกแบบเรียบที่รวดเร็วและไม่ต้องใช้แรง ปรับเปลี่ยนได้ทันทีระหว่างความต้องการในการขนย้ายคนและขนส่งสินค้า

สมรรถนะและเทคโนโลยีการขับขี่ – เสริมความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกเส้นทาง

The new Kia Carnival HEV 7-seater ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54kW และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ให้สมรรถนะที่ตอบสนองได้ดีและประหยัดน้ำมัน แต่ยังให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบเป็นพิเศษ พร้อมความสามารถของโหมด EV Drive และสามารถใช้งานระบบปรับอากาศแม้เครื่องยนต์หยุดทำงาน The new Kia Carnival HEV 7-seater มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดเฉพาะรุ่นที่มุ่งยกระดับสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน ควบคู่กับการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและสบายยิ่งขึ้น ในโหมด Eco/Smart ผู้ขับสามารถใช้ Paddle Shift เพื่อปรับระดับการชะลอความเร็วของระบบ Regenerative Braking ได้ถึง 3 ระดับ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งคืนพลังงาน และการประหยัดเชื้อเพลิงในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์เฉพาะของ The new Kia Carnival HEV 7-seater อาทิ

•E-Handling ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมการตอบสนองของรถเมื่อเข้าและออกจากโค้ง

•E-Ride ช่วยลดแรงสะเทือน และมอบความนุ่มนวลในการขับขี่เมื่อต้องผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ

•E-Evasive Handling Assist ออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของรถในสถานการณ์ที่ต้องหักหลบกะทันหัน

และเมื่อผู้ขับต้องการการตอบสนองที่เฉียบคมและการขับขี่ที่เร้าใจกว่าเดิม โหมด Sport มอบอิสระในการควบคุมผ่าน Paddle Shift ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ด้วยความสูงจากพื้น 172 มิลลิเมตร ทำให้ The new Kia Carnival HEV 7-seater มีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่เหนือระดับพร้อมศักยภาพการขับขี่ในแบบรถ SUV ในการรับมือกับถนนขรุขระ ลูกระนาด หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบ

ได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมีความคล่องตัวและง่ายต่อการควบคุมไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ทำให้ The new Kia Carnival HEV 7-seater เป็นรถ MPV ระดับพรีเมียมที่ผสานความนุ่มสบายเข้ากับความมั่นใจในสไตล์ SUV ได้อย่างลงตัว

การจอดรถกับ The new Kia Carnival HEV 7-seater เป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล ด้วยเทคโนโลยี Parking Aid Assist ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจตลอดการใช้งานด้วยกล้องมองรอบทิศทาง (Surround View Monitor) ที่ให้มุมมองเสมือนมองจากมุมสูง ทำให้ผู้ขับเห็นทุกมุมอย่างชัดเจนเมื่อต้องเข้าจอดในพื้นที่แคบ ขณะที่เซนเซอร์รอบคันด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ช่วยให้ประเมินระยะห่างได้อย่างแม่นยำและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางรอบตัวรถได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยจอด (Rear Parking Collision-Avoidance Assist) ที่จะส่งสัญญาณเตือนและสั่งเบรกอัตโนมัติทันทีหากตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหลังขณะถอยหลัง คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้การจอดรถไร้ความกังวล และเปลี่ยนทุกพื้นที่ให้กลายเป็นที่จอดที่ลงตัว นอกจากนี้ The new Kia Carnival HEV 7-seater ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS – Advanced Driver-Assistance Systems) ที่ช่วยยกระดับความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกการเดินทาง อาทิ:

•Smart Cruise Control with Stop & Go 

•High Beam Assist

•Forward Collision Avoidance Assist

•Blind Spot Collision Avoidance Assist (BCA)

•Blind-Spot View Monitor (BVM)

•Rear Cross Traffic Collision Avoidance Assist (RCCA)

•Lane Following Assist and Lane Keeping Assist

•Safe Exit Assist

พร้อมกันนี้ The new Kia Carnival HEV 7-seater ยังได้ติดตั้งถุงลมนิรภัยมาตรฐาน 8 ตำแหน่ง ครอบคลุมทุกด้าน ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมม่านด้านข้าง ถุงลมนิรภัยปกป้องเข่าผู้ขับ และถุงลมนิรภัยกลางระหว่างเบาะผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า (Front Center Airbag) ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บของผู้โดยสารทุกตำแหน่ง พร้อมทั้งเพิ่มความสบายใจให้กับทุกคนในครอบครัว เพื่อความมั่นใจกับผู้โดยสารในทุกเส้นทาง

สำหรับผู้ที่สนใจ The new Kia Carnival HEV 7-seater สามารถทดลองขับ และสอบถามข้อเสนอพิเศษได้ที่โชว์รูมเกียใกล้บ้านท่าน หรือเยี่ยมชม https://www.kia.com

โปรโมชันพิเศษช่วงเปิดตัวสำหรับ The new Kia Carnival HEV 7-seater ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568

•อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.77% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน [1]

•ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [2]

•ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร [3]

•พิเศษ! สำหรับเจ้าของรถยนต์ Kia และครอบครัว (Kia Loyalty) ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) เพิ่มเติม 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (รวมเป็น 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร) [4]

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [5]

•การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [6]

•การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร [7]

หมายเหตุ:

[1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.77% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต

[2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

[3] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

[4] โดยชื่อเจ้าของรถคันเดิมและชื่อเจ้าของรถคันใหม่จะต้องเป็นชื่อเดียวกัน สามารถให้สิทธิ์แคมเปญกับบุคคลในครอบครัวเดียวกันได้ (บิดา มารดา พี่น้อง สามี ภรรยา และบุตร) ใช้สิทธิ์เพียงแสดงเอกสารยืนยันได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาเล่มทะเบียนรถ หรือแสดงเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ (กรณีชื่อเจ้าของรถคันเดิมและคันใหม่ไม่ตรงกัน) ประกอบการใช้สิทธิ์ที่โชว์รูมเกียทั่วประเทศ

[5] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)

[6] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

[7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

[8] สิทธิประโยชน์ข้อ [2], [3] และ [5] มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 85,000 บาท ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

ข้อกำหนดและเงื่อนไขอาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทฯ

สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568

โปรโมชันสำหรับการซื้อผ่านผู้จำหน่าย Kia อย่างเป็นทางการทั่วประเทศไทย

ไม่รวมรถแท็กซี่, รถเช่า, รถที่ขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษ, และลูกค้ารถเช่า

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจะทำการแจ้งผ่านช่องทางสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อผู้จำหน่าย Kia ใกล้ท่าน หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.kia.com/th

สรยท.เปิดกติกาใหม่ THAILAND CAR OF THE YEAR 2025 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

สรยท. เปิดกติกาคัดเลือกรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 หรือ THAILAND CAR EV & MOTORCYCLE  OF THE YEAR 2025 โดยกติกาใหม่เปิดทางกลุ่มรถยนต์ปรับโฉม (Model Year) เข้าร่วมชิงชัย ภายใต้กฎเหล็กใหม่ 8 ข้อ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดรถในปัจจุบัน และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับการปรับกฎระเบียบการคัดเลือกรถยอดเยี่ยมประจำปีใหม่ในครั้งนี้ เพื่อสอดคล้องกับบริบทของตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยวัตถุประสงค์ของการปรับกฎระเบียบในครั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทุกด้าน อาทิ คุณภาพ, สมรรถนะ, ประโยชน์ใช้สอย และมีความคุ้มค่าออกสู่ตลาด เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวไทย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์รุ่นเปลี่ยนโฉม (Model Change) หรือรุ่นปรับโฉม (Minor Change) ดังกล่าว

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thai Automotive Journalists Association : TAJA) เปิดเผยว่า “ในช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ 1 รุ่น ผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ จะขยายเวลาในการทำตลาดมากขึ้นกว่าปกติ จากเดิมที่มีการเปลี่ยนโฉมทุก 4-5 ปี แต่ปัจจุบันหลายรุ่นถูกขยายการทำตลาดนานขึ้น ส่วนรถจักรยานยนต์จะมีอายุการทำตลาดนานกว่ารถยนต์ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนโฉมออกสู่ตลาด”

“เพื่อเป็นการสนับสนุนในเรื่องของการนำนวัตกรรมและสิ่งที่ดีๆ ที่มีความคุ้มค่ามาสู่ผู้บริโภคชาวไทย โดยรุ่นปรับโฉมของรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ในบางรุ่นทำได้ดีมากไม่แพ้กับรถยนต์แบบโมเดลเชนจ์ อาทิ รูปลักษณ์ การออกแบบ เครื่องยนต์ และเทคโนโลยี ทางสมาคมฯ จึงเล็งเห็นความตั้งใจในด้านการยกระดับในหลายๆ ด้านของผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จึงได้มีการประชุมกรรมการและทีมทำงานในการปรับกติกาเพื่อคัดเลือกรถที่เข้าเกณฑ์ทั้งในกลุ่มของรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี รถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมประจำปี และรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2568 โดยให้ครอบคลุมกับรถที่มีการปรับโฉมซึ่งเปิดตัวในช่วงกรอบเวลาที่กำหนด และถูกผลิตจากโรงงานในประเทศไทยหรือนำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียน โดยในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการปรับโฉมนั้นจะมีเกณฑ์การพิจารณาแยกต่างหากผ่านทางการพิจารณาตามกรอบของอนุกรรมการที่ดูแล และการปรับเปลี่ยนนั้นจะต้องส่งผลดีต่อผู้บริโภคชาวไทย” นายสุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า “สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการคัดเลือก คือ การส่งเสริมให้ผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่เพียบพร้อมด้วยความยอดเยี่ยมในหลายๆ ด้าน มีคุณภาพ สมรรถนะ และมีความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคชาวไทย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในรุ่นเปลี่ยนโฉมและปรับโฉม”

ทางด้าน นายพุทธิ ผาสุข อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thai Automotive Journalists Association : TAJA) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสินรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 เผยว่า “สำหรับรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ที่มีคุณสมบัติในปีนี้ จะต้องเป็นรถรุ่นใหม่ (New Model) ที่เปิดตัวสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 กันยายน 2568 แต่ปีนี้มีความพิเศษเป็นปีแรกในการนำรถที่มีการปรับโฉมตามอายุตลาด หรือ Minor Change เข้ามาพิจารณาชิงชัยรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 เพิ่มเติม โดยเรียกว่าเป็น “รถโฉมใหม่” (Model year) ตรงนี้สมาคมฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนระเบียบกฎกติกาใหม่ขึ้นมาเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากคณะอนุกรรมการที่มาจากสมาชิกสมาคมฯ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ให้เกียรติสมาคมฯ เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการร่างกฎระเบียบกติกาใหม่ให้มีความโปร่งใส รัดกุม และเกิดประโยชน์กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด”

“การพิจารณารถรุ่นใหม่ (New Model) ยังคงยึดกติกาเดิม แต่เกณฑ์การพิจารณารถโฉมใหม่ (Model Year) ทั้งรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ จะมีหัวข้อในการพิจารณา 8 หัวข้อ แบ่งออกเป็น เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง, ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยว, ความปลอดภัย Active Safety, ความปลอดภัย Passive Safety, ดีไซน์ภายนอก, ดีไซน์ภายใน, การส่งเสริมการผลิตในประเทศ และการเพิ่มความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งในกลุ่มรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า จะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 65% และรถจักรยานยนต์ ไม่น้อยกว่า 55% ตามตารางเกณฑ์สำหรับการพิจารณา  จากนั้นจึงจะส่งรายชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดให้กับสมาชิก สรยท. เพื่อทำการโหวตคัดเลือกรอบแรกจำนวนกึ่งหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้าย ที่จะเป็นการทดลองขับภาคสนาม ณ สนามทดสอบของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไป

CHERY เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ลุยตลาดประเทศไทย

CHERY เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ในงาน “CHERY THAILAND GRAND PREMIERE LAUNCH”

CHERY (เชอรี) แบรนด์ชั้นนำภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ก้าวสู่การเดินทางอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ “CHERY THAILAND GRAND PREMIERE LAUNCH” พร้อมประกาศราคา V23 รถยนต์ไฟฟ้า EV ดีไซน์เท่สำหรับคนเมือง และเปิดตัว TIGGO8 CSH พรีเมียมเอสยูวี 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่มาพร้อมราคาเริ่มต้นสุดเร้าใจ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ พันธมิตรทางธุรกิจ สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ณ UOB Live ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ในวันอังคารที่ 30 กันยายน 2568

 บรรยากาศในงานจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “From Global Presence to a Lifelong Journey with Thailand” สะท้อนความยิ่งใหญ่และวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ผ่านเทคโนโลยีแสง สี เสียง และจอ LED ขนาดยักษ์กว่า 40 เมตร รวมถึงนิทรรศการที่นำเสนอเรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์ตั้งแต่ปี คศ.1997 ถึงปัจจุบันสู่คำมั่นสัญญาที่จะเติบโตเคียงข้างคนไทยอย่างยั่งยืน

มร.ชุย จวิ้นหยวน ประธาน เชอรี (ประเทศไทย) กล่าวถึงวิสัยทัศน์และความสำคัญของตลาดประเทศไทยว่า “ประเทศไทยคือหัวใจสำคัญของภูมิภาคอาเซียน สำหรับ CHERY การเปิดตัวในวันนี้ไม่ใช่เพียงการนำรถยนต์เข้ามาจำหน่าย แต่คือการแสดงความมุ่งมั่นและคำมั่นสัญญาของเราที่จะนำเทคโนโลยีระดับโลกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย เราเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดและพร้อมที่จะเติบโตเคียงข้างไปกับสังคมไทยอย่างยั่งยืน”

ด้าน มร.จิม ลี ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ เชอรี ประเทศไทย กล่าวถึงการเปิดตัวครั้งนี้ว่า “วันนี้เป็นก้าวที่สำคัญที่สุดอีกก้าวหนึ่งของเรา ผมขอขอบคุณคนไทยสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น CHERY พร้อมแล้วในการเปิดตัวยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมทั้ง 2 รุ่น พร้อมราคาที่ทุกคนรอคอย ซึ่งเรามั่นใจว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทยทุกคน”

พร้อมกันนี้ CHERY ได้การประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์ V23 ทั้ง 3 รุ่นย่อย ได้แก่

•V23 : เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% โดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงกล่องสไตล์เรโทร (Boxy Design) ที่สะท้อนตัวตนของคนเมืองยุคใหม่ พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนาน โดย CHERY V23 มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่

CHERY V23 2WD PLAY และ CHERY V23 2WD PLUS ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 59.93 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ระยะการขับสูงสุด 360 กิโลเมตร/ชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 11 วินาที และให้ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ราคา V23 2WD PLAY: 699,900 บาท / V23 2 WD PLUS: 759,900 บาท

CHERY V23 4WD PEAK ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 81.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร ระยะการขับสูงสุด 430 กิโลเมตร/ชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) ให้ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 7.5 วินาที และให้ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ราคา V23 4WD PEAK: 889,900 บาท

พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ

-รับส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท*

-อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.98%*

-ฟรี! Wall Charge พร้อมติดตั้ง*

และข้อเสนอสุดคุ้มอื่นๆ

-ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี*

-ฟรี! สายชาร์จฉุกเฉิน*

-ฟรี! V2L (Vehicle-to-Load)*

-ฟรี! ชุดพรมปูพื้น*

-รับประกันคุณภาพตัวรถนาน 8 ปี หรือ 200,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

-รับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนและแบตเตอรี่แรงดันสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

-ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ระยะเวลาโปรโมชัน ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 68

สีที่วางจำหน่าย : Dynamic Green, Vibe Orange, Sporty White, Ignite Black และ Sparkle Silver

รวมถึงการเปิดตัว TIGGO8 CSH โดยประกาศราคาเริ่มต้นที่ 9XX,XXX บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ

•TIGGO8 CSH: พรีเมียมเอสยูวี 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง CSH (Chery Super Hybrid) แบบ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ที่ทรงพลังและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมห้องโดยสารกว้างขวางและเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน CHERY TIGGO8 CSH มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่

-CHERY TIGGO8 CSH PHEV 2WD ESTEEM ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ระยะการขับทั้งระบบสูงสุด 1,200 กิโลเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที และให้ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

-CHERY TIGGO8 CSH PHEV 4WD ELITE ให้กำลังสูงสุด 358 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ระยะการขับทั้งระบบสูงสุด 1,200 กิโลเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.8 วินาที และให้ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความสนใจ CHERY TIGGO8 CSH ขยายระยะเวลาแคมเปญจองสิทธิ์ล่วงหน้า พร้อมมอบส่วนลดมูลค่า 10,000 บาท* และพิเศษยิ่งขึ้นด้วยของขวัญมูลค่า 5,000 บาท* สำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2568  *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สีที่วางจำหน่าย : Aura Green, Crystal Black, Emerald Gray และ Ivory White 

นอกจากนี้ในงานยังมีโซน Special Experience ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสและทดลองนั่งรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและรับโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถภายในงานอีกด้วย

ผู้สนใจเป็นเจ้าของ CHERY พร้อมรับข้อเสนอที่ดีที่สุด ที่โชว์รูมทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศใกล้บ้าน  ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

•Website:   www.chery-thailand.com

•Facebook: cherymotorthailand

•Instagram: @cheryauto

“ลามิน่าฟิล์ม” รับรางวัลแบรนด์อันดับ 1 ต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน

“ลามิน่าฟิล์ม” รับรางวัลแบรนด์อันดับ 1 ต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน Marketeer No.1 Brand Thailand 2025

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าทีบริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคารลามิน่า รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 : Marketeer No.1 Brand Thailand ต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน

“ลามิน่าฟิล์ม” คว้ารางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ประจำปี 2568 Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 ต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน พิสูจน์ความสำเร็จของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วประเทศอย่างแท้จริง

บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” จากสหรัฐอเมริกา โดย นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ด้วยคะแนนโหวตสูงสุด ของหมวดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ในฐานะแบรนด์ที่นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังต่อยอดการปรับกลยุทธ์สื่อสารการตลาดที่กระชับ รวดเร็ว ชัดเจน และจริงใจ

การมอบรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในปีนี้ มาร์เก็ตเธียร์ กรุ๊ป ร่วมกับ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง มูฟ จำกัดดำเนินการสำรวจอ้างอิงจากการสำรวจเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ที่ใช้แบบสอบถามที่มีโครงสร้างชัดเจน และการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า ครอบคลุมหมวดผลิตภัณฑ์มากถึง 115 หมวดหมู่ จากการสำรวจความนิยมของแบรนด์กว่า 6,500 ตัวอย่างทั่วประเทศ

ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษในฐานะผู้นำธุรกิจฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 ของเมืองไทย ลามิน่าไม่หยุดยั้งที่จะมุ่งพัฒนานวัตกรรมของฟิล์มกรองแสง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้ใช้รถยุคใหม่ ที่ยานยนต์มีการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงสมองกลอัจฉริยะที่มีความซับซ้อน และต้องการฟิล์มที่รองรับสัญญาณดิจิทัลได้เต็ม 100% เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ได้เต็มประสิทธิภาพ

“คุณภาพของผลิตภัณฑ์ บริการ ความเชี่ยวชาญ และการให้ข้อมูลจริงที่ถูกต้องนี้เอง เป็นจุดยืนของลามิน่า ที่ตอกย้ำและเน้นหนักมาตลอด 30 ปี กล้าเปิดเผยแหล่งที่มา กล้าบอกค่าประสิทธิภาพกันความร้อนของฟิล์มกรองแสงแต่ละรุ่นอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดค่า TSER หรือค่าการวัดประสิทธิภาพการป้องกันความร้อนรวมจากแสงแดดเป็นหลัก ไม่ใช่ค่าบิดเบือนจาก IR หรืออินฟราเรด ท่านเจ้าของรถจึงมั่นใจได้ว่าเมื่อเลือกติดฟิล์มกับลามิน่าแล้วจะได้รับฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสูงสุดอย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด www.laminafilms.com ในฐานะผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงมืออาชีพระดับเอเชียแปซิฟิค ยังนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ อาทิ อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่ (Thule) จากสวีเดน ผลิตภัณฑ์ฟิล์มนิรภัยปกป้องสีรถลูมาร์ (LLumar) จากสหรัฐอเมริกา และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษายานยนต์ครบวงจร (LLux) คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

เลกซัส ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี คิง เพาเวอร์

เลกซัส ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี คิง เพาเวอร์ มอบรถยนต์เลกซัส NX 350h Luxury มูลค่า 3.31 ล้านบาท ในแคมเปญ “KING POWER DELIGHTS & SURPRISES MORE POWER MORE POSSIBILITIES WITH POWER PASS”

เลกซัส ประเทศไทย ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี คิง เพาเวอร์ มอบรถยนต์เลกซัส  รุ่น NX 350h Luxury มูลค่า 3.31 ล้านบาท สำหรับผู้โชคดีในแคมเปญ “KING POWER DELIGHTS & SURPRISES MORE POWER MORE POSSIBILITIES WITH POWER PASS เดือนเกิด คิง เพาเวอร์ คุ้มจนต้องช้อป ON-TOP OF THE YEAR” เมื่อช้อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) ตลอดจนโปรโมชั่นคุ้มค่าที่สุดแห่งปีตลอดเดือนตุลาคม 2568

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัส กรุ๊ป โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่าง เลกซัส ประเทศไทย และ คิง เพาเวอร์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นั้น ถือเป็นการตอกย้ำในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่ม Luxury ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว โดยในปีนี้ เลกซัส ประเทศไทย ได้มอบรถยนต์เลกซัส NX 350h Luxury รถยนต์ครอสโอเวอร์หรู พลังงานไฮบริด สมรรถนะแรง ขับขี่สนุกเร้าใจ มูลค่า 3.31 ล้านบาท สำหรับผู้โชคดีจากการจับฉลาก ในแคมเปญ “KING POWER DELIGHTS & SURPRISES MORE POWER MORE POSSIBILITIES WITH POWER PASS”

อีกทั้งยังมอบสิทธิพิเศษให้กับเจ้าของรถยนต์เลกซัสมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริการช่องจอดรถพิเศษบริเวณเสา J 10 เมื่อมาช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ / สิทธิ์เข้าใช้บริการ King Power Space ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Concourse A และ E) / สิทธิ์ส่วนลดร้านอาหารในเครือฯ อาทิ MOTT32, OJO / สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรม Lexus Refine Dining Experience ที่ The Standard Grill แบบเอกซ์คลูซิฟ ที่โรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakhon

และขอเชิญทุกท่านที่สนใจรถยนต์เลกซัส มาลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ และทดลองขับรถยนต์เลกซัสได้ถึง 3 รุ่น ได้แก่ RX 350h / NX 350h และ LBX ณ บริเวณ FOUNTAIN SQUARE คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ประตูทางออก 1 ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 ตุลาคม 2568”

นายธีรชาติ  ธนสารกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสที่ คิง เพาเวอร์ ผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี สุดยิ่งใหญ่กับแคมเปญ“KING POWER DELIGHTS & SURPRISES MORE POWER MORE POSSIBILITIES WITH POWER PASS มอบประสบการณ์เหนือระดับในเดือนเกิด คิง เพาเวอร์ คุ้มจนต้องช้อป ON-TOP OF THE YEAR” เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า ทาง คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมมือกับทาง เลกซัส ประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มอบรถยนต์เลกซัส รุ่น NX 350h Luxury มูลค่า 3.31 ล้านบาท

สำหรับสมาชิก POWER PASS รับสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัล เมื่อช้อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) โดยสมาชิก NAVY และ SCARLET ได้รับ 1 สิทธิ์ / CROWN ได้รับ 2 สิทธิ์ และ VEGA ได้รับ 3 สิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2568”

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่สุดแห่งปีพร้อมลุ้นรับ รถยนต์เลกซัส ในแคมเปญ “KING POWER DELIGHTS & SURPRISES MORE POWER MORE POSSIBILITIES WITH POWER PASS” ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และภูเก็ต

สอบถามรายละเอียดได้ที่ KING POWER CONTACT CENTRE 1631

มาสด้า ส่งเสริมนักกอล์ฟเยาวชนไทยสู่ระดับโลก

มาสด้าส่งเสริมเยาวชนไทยก้าวไกลสู่ระดับโลกหลังคว้ารางวัลชนะเลิศกอล์ฟ โครงการ Mazda U.S.College PREP Junior Golf Championship 2025

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ พร้อมด้วย นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกอล์ฟและมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนในโครงการ Mazda U.S.College PREP Junior Golf Championship 2025 ซึ่งเป็นโครงการกีฬาที่มาสด้าจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี เพื่อสานฝันและผลักดันศักยภาพเยาวชนให้ไปไกลสู่ระดับโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับวงการกอล์ฟประเทศไทย โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ สนาม กอล์ฟ Siam Country Club Rolling Hills พัทยา ชลบุรี โดยมีเยาวชนจาก 20 ประเทศ รวม 107 คน เข้าร่วมการแข่งขัน ที่สำคัญเยาวชนลูกค้ามาสด้า Mazda Family จากประเทศไทย คว้าอันดับหนึ่งไปครอง ได้แก่ ด.ญ.ศิริกาญจน์ วิชย์โกวิทเทน คว้ารางวัลชนะเลิศประเภทเยาวชนหญิงในระดับ Middle School และ ด.ช.ณัฏฐนันท์ ตั้งสุณาวรรณ คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทชายในระดับ Middle School ส่วนในระดับ High School ประเภทชาย นายธีรวุฒิ บุญสีออ คว้าอันดับสองร่วม และประเภทหญิง นางสาวธัญจิรา อิสสระพล คว้ารางวัลรองชนะเลิศ

สำหรับผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่ง ประเภทเยาวชนชายและหญิงในระดับ High School จากการแข่งขันครั้งนี้ ได้แก่ พาร์ค แจ มิน จากประเทศเกาหลีใต้ และ ซู่ หนิงเหยา จากประเทศจีน ส่วนในระดับ Middle School ได้แก่ ดุ๊ก คัง โด จากประเทศเวียดนาม และ ศิริกาญจน์ วิชย์โกวิทเทน จากประเทศไทย โดยเยาวชนที่ชนะเลิศทั้ง 4 คน จะได้รับเอกสิทธิ์พิเศษ อาทิ ตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างเอเชีย-สหรัฐอเมริกา และโอกาสที่จะได้รับสิทธิ์ในการคว้าทุนการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Junior World Cup Invitational 2026 ที่เมืองฟลอริดา ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-4 มกราคม 2569 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา

นอกจากนั้น เยาวชนที่ได้อันดับท็อป 50% แรกของการแข่งขัน ยังได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Junior World Cup Invitational 2026 ที่ฟลอริดา และเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จากการสมัครผ่าน Mazda Family จำนวน 24 คน ยังได้รับมอบของสมนาคุณพิเศษเป็นที่ระลึกสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้จากมาสด้าอีกด้วย

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันกอล์ฟเยาวชน MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2025 ถือเป็นแมตช์ที่ 2 ของปี 2568 นับเป็นครั้งที่ 4 ที่มาสด้าได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและผลักดันเยาวชนไทยให้ก้าวไกลผ่านกีฬากอล์ฟในระดับนานาชาติ โดยความร่วมมือกับ The Agency College Recruit ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาสำหรับเยาวชน เพื่อส่งเสริมเยาวชนและมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า Mazda Family นอกจากจะเปิดเวทีให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่แล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนมองเห็นเส้นทางใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเอง ทั้งด้านการศึกษาและอาชีพในอนาคต พร้อมทั้งมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าคนสำคัญ ตอกย้ำปณิธานของมาสด้าที่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน เพราะมาสด้าเชื่อมั่นเสมอว่า “รถยนต์” ไม่ใช่แค่ยานพาหนะในการเดินทาง แต่คือแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนชีวิตให้ไปไกลกว่าที่เคย

ไม่เพียงเท่านั้น มาสด้ายังตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะใช้เวทีการแข่งขันกอล์ฟในระดับเยาวชนนี้ให้กลายเป็นส่วนสำคัญในการปลูกฝัง จิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่น การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หรือ “Challenger Spirit” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์มาสด้า ที่ไม่เพียงแต่แสดงออกผ่านยนตรกรรมอันเปี่ยมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดผ่านทุกกิจกรรมที่มาสด้าได้สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อส่งเสริมเติมความฝันของเยาวชนรุ่นใหม่ให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ ซึ่งมาสด้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่โครงการที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนั้นยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีเยาวชนจาก 20 ประเทศ เข้าร่วมการแข่งขัน รวม 107 คน

“โครงการฯ ไม่ได้จัดขึ้นเพียงเพื่อการแข่งขันกอล์ฟหรือการคว้าชัยชนะในสนามเท่านั้น แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของการเติบโตในระดับสากล เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง กำหนดเป้าหมายในชีวิต และกล้าก้าวออกไปคว้าโอกาสที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น ทุนการศึกษา หรือการได้เข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ในสหรัฐอเมริกา สิ่งเหล่านี้ คือ Challenger Spirit หรือ สปริตแห่งความไม่ย่อท้อ ที่เยาวชนทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีร่วมกัน เพราะเยาวชนทุกคนคือตัวแทนของความฝัน ความพยายาม และความกล้าหาญ ที่จะไม่หยุดอยู่แค่ในกรอบเดิมๆ มาสด้าเชื่อว่าด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้จะนำพาให้ทุกคนก้าวไปได้ไกลในเส้นทางที่เลือก และประสบความสำเร็จในเส้นทางข้างหน้า” นายภพนิพิฐ กล่าว

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ จากมาสด้าได้ทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th โดยมาสด้ามุ่งมั่นที่จะจัดกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบสิทธิพิเศษแทนคำขอบคุณสมาชิก Mazda Family ที่ให้ความไว้วางใจและเลือกรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะนี่คือคำมั่นสัญญาของมาสด้า ที่จะดูแลเอาใจใส่ทั้งรถยนต์และสมาชิกทุกคนในครอบครัวของคุณไปตลอดอายุการใช้งาน

ผลการแข่งขันกอล์ฟเยาวชน Mazda U.S. College PREP Junior Golf Championship 2025

ระดับ Middle School (ป.5–ม.2)

ประเภทชาย

1. ดุ๊ก คัง โด (เวียดนาม) อีเว่นพาร์ 216 (69-70-77)

2. โคลเท่น ทราน บัตเลอร์ (สิงคโปร์) 5 โอเวอร์พาร์ 221 (75-72-74)

3. ณัฏฐนันท์ ตั้งสุณาวรรณ(ไทย) 6 โอเวอร์พาร์ 222 (72-69-81)

ประเภทหญิง

1. ศิริกาญจน์ วิชย์โกวิทเทน (ไทย) อีเว่นพาร์ 216 (70-70-76)

2. เอมี่ ซัน (สหรัฐฯ) 8 โอเวอร์พาร์ 224 (78-70-76)

3. แพรววนิต วรอภิญญาภรณ์ (ไทย) 10 โอเวอร์พาร์ 226 (73-78-75)

ระดับ High School (ม.3–ม.6)

ประเภทชาย

1. พาร์ค แจ มิน (เกาหลีใต้) 10 อันเดอร์พาร์ 206 (65-68-73)

อันดับสองร่วม ธีรวุฒิ บุญสีออ (ไทย) 9 อันเดอร์พาร์ 207 (66-70-71) และ เซีย ไคเฉิน (จีน) 9 อันเดอร์พาร์ 207 (70-67-70)

ประเภทหญิง

1. ซู่ หนิงเหยา (จีน) 5 อันเดอร์พาร์ 211 (70-71-70)

2. ธัญจิรา อิสสระพล (ไทย) 4 อันเดอร์พาร์ 212 (73-70-69)

อันดับสามร่วม ไอริส เมห์รี มัสลู (ไทย) 1 โอเวอร์พาร์ 217 (70-73-74) และ ขวัญชนก บุญจันทร์ (ไทย) 1 โอเวอร์พาร์ 217 (75-69-73)

MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2025 มาครบทุกแบรนด์ แคมเปญเด็ด จบในที่เดียว

MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2025’ จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘The Ultimate Deals of the Year’ เปิดตัว ‘New BMW The i7 eDrive50 M Sport’ ครั้งแรกในไทย พร้อมจัดแสดงยนตรกรรมในเครือ และแบรนด์พาร์ทเนอร์ครบทุกกลุ่ม พร้อมข้อเสนอที่คุ้มค่า 9-13 ตุลาคม 2568 นี้ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร จัดงานใหญ่ประจำปี ‘MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2025’ ยกทัพยนตรกรรมในเครือ ครบทุกแบรนด์ จัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อม ‘The Ultimate Deals of the Year’ ข้อเสนอพิเศษแห่งปีที่ยากจะปฏิเสธ ระหว่างวันที่ 9-13 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถและลงทะเบียนภายในงาน

•สมาชิกบัตรเครดิต Card X และ SCB, กรุงศรี, กรุงเทพ, ยูโอบี และทีทีบี ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% พร้อมรับเพิ่มสูงสุด 25,000 คะแนน*

•รับสยามกิฟท์การ์ด รวมมูลค่าสูงสุด 170,000 บาท เมื่อจองและออกรถรุ่นที่กำหนด*

•สมาชิก MGC-MOBILIFE รับความคุ้มค่าถึง 3 ต่อ

-ต่อที่ 1 รับฟรี MOBILIFE PACKAGE มูลค่ารวมกว่า 30,000 บาท*

-ต่อที่ 2 รับคะแนน MGC POINT รวมกว่า 1,000,000 คะแนน*

-ต่อที่ 3 ร่วมเวิร์กช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘KUNJAE & CO – Customized To Your Taste’ สร้างสรรค์พวงกุญแจหนังสไตล์คุณ มูลค่า 1,290 บาท*

•รับ E-Coupon ขับฟรีภายในประเทศ! 1 วัน กับ SIXT รถเช่า ประเทศไทย (จำนวนจำกัด)

และรับ E-Coupon เช่ารถหรือลีมูซีน ทั้งไทยและต่างประเทศ มูลค่ารวม 4,000 บาท*

•เรือแม่น้ำ คริส-คราฟต์ มอบส่วนลดบริการเช่าเหมาลำเรือ มูลค่า 10,000 บาท*

•เอ็มจีซี เอวิเอชั่น ผู้แทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ มอบส่วนลดจองบัตรโดยสารสายการบิน มูลค่ารวม 3,000 บาท สำหรับการเดินทางในและต่างประเทศ*

•ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนายหน้าประกันภัย มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ ด้วยข้อเสนอราคาพิเศษ! พร้อมผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน และสิทธิประโยชน์อีกมาก*

นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสดี ที่เราได้จัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ประจำปีขึ้นอีกครั้ง กับ ‘MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2025’ โดยความพิเศษเหนือสิ่งอื่นใด คือ ความมั่นใจของลูกค้าที่จะต้องได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจ ทั้งในด้านสินค้าและการบริการ ทำให้ MGC-ASIA MOBILITY EXPO เป็นงานที่คนรักรถตั้งตารอ โดยใช้พื้นที่การจัดงานกว่า 2,500 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งชั้น M ชั้น 1, 2 และชั้น 3 นอกจากนั้นในทุกๆ วัน ยังมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวให้ได้รับชมกันอย่างเต็มอิ่ม อาทิ คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ‘ก้อง สหรัฐ Acoustic Show’ โชว์มายากลพิเศษ ‘Illusion Magic Show’ และการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมาย”

นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดี ที่ได้ร่วมมือกับ MGC-ASIA ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นและยาวนาน ในการจัดงาน ‘MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2025’ และขอขอบคุณในความไว้วางใจในพื้นที่ของสยามพารากอน ที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์คสำคัญของนักช็อปจากทั่วทุกมุมโลก รับรองว่ามางานนี้งานเดียว จะได้เก็บเกี่ยวความคุ้มค่าไปอย่างเต็มที่”

สัมผัส Rolls-Royce ที่แรงที่สุด กับ ‘Black Badge Spectre’

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก นำเสนอ ‘แบล็คแบจ สเปกเตอร์’ อัครยนตรกรรมที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จัดแสดงโชว์รูมบูทีคอัตลักษณ์ใหม่ภายใต้คอนเซปต์ ‘Galleria’ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สำหรับลูกค้าที่จองภายในงาน และรับรถภายในเดือนตุลาคม 2568 รับสิทธิพิเศษดังนี้

•รับบัตรโดยสารสายการบินไทย ชั้นธุรกิจ ไป-กลับ ที่ใดก็ได้ในยุโรป 2 ที่นั่ง*

•รับประสบการณ์สุดพิเศษ ‘A day in GoodWood, England’ เยี่ยมชม The Home of Rolls-Royce แบบเอ็กซ์คลูซีฟ*

•รับ MGC Point 1,000,000 คะแนน*

16×9

พิเศษเฉพาะภายในงาน กับกิจกรรม ‘A Journey into Mind Balance’ โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Vitallife โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ ที่จะมาบอกเล่ากลยุทธ์ การรักษาสมดุลแห่งใจ และเวิร์กช็อป ‘The Art of Mind Balance’ ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ สติ และการผ่อนคลาย ผ่านงานประดิษฐ์แบบดอกไม้มัณฑาลา (Flower Mandala Art)

Aston Martin ตำนานแห่งรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษ

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ MGC-ASIA Mobility Expo 2025 จัดแสดง 3 ยนตรกรรมไฮไลท์ คันแรกเป็น ดีบี12 โวลานเต้ (DB12 Volante) เวอร์ชันเปิดประทุนของซูเปอร์ทัวเรอร์ อย่าง ดีบี12 คูเป้ (DB12 Coupe) คันต่อมาเป็นรุ่น ‘แวนเทจ เอฟวัน อิดิชั่น’ (Vantage F1 Edition) ที่ได้แรงบัลดาลใจในการพัฒนาจากเซฟตี้คาร์ของการแข่งฟอร์มูลาวัน ปิดท้ายด้วยรุ่น ดีบีเอ็กซ์707 (DBX707) ผู้เคยครองตำแหน่งเอสยูวีทรงพลังที่สุดในโลก ทำได้ 707 แรงม้า (PS) ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุเกรดพรีเมียม ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย และสามารถเลือกปรับแต่งแบบเฉพาะตัว ผ่านโปรแกรม ‘Q by Aston Martin’

ภายในงานมีกิจกรรมจาก Global Partners อย่าง Glenfiddich ที่นำซิงเกิลมอลต์อายุ 16 ปี รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น เพื่อฉลองความร่วมมือกับทีม Aston Martin Aramco Formula One™

ลูกค้าที่จองภายในงานและรับรถภายในเดือนธันวาคม 2568 เลือกรับ 1 ใน 2 สิทธิพิเศษดังนี้

•MGC point 1,000,000 คะแนน และ Glenfiddich x Aston Martin Formula One 16 Years Old* หรือ ทริปล่องเรือยอทช์ อะซิมุท พร้อมที่พัก 2 วัน 1 คืน ที่พัทยา*

Maserati Pure Energy, Pure Elegance, Pure Performance

มาเซราติ ประเทศไทย นำเสนอตัวตนของ ‘เอ็มซีเพียวร่า’ (MCPURA) ซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นล่าสุด ให้สัมผัสครั้งแรก ผ่านประสบการณ์ Immersive Showcase ที่สะท้อนการพัฒนาต่อยอดจากรุ่น ‘เอ็มซี20’ (MC20) พร้อมก้าวเข้าสู่ ‘Atelier of Passion’ – ห้องศิลป์แห่งความหลงใหล ที่ผสานศิลปะการออกแบบ และความประณีตในสไตล์อิตาเลียน ภายใต้โปรแกรม ‘Fuoriserie’ ที่เปิดโอกาสให้รังสรรค์รายละเอียดการตกแต่งยนตรกรรมได้ในแบบ immersive 3D มาตรฐานเดียวกับโชว์รูมในอิตาลี

ลูกค้าที่จองรถภายในงาน รับข้อเสนอพิเศษดังนี้

•บัตรโดยสารสายการบิน ชั้นธุรกิจ ไป-กลับ กรุงเทพ–มิลาน 1 รางวัล พร้อมเยี่ยมชมโรงงาน มาเซราติ แบบเอ็กซ์คลูซีฟ*

•ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%*

•รับประกันคุณภาพ (Extended Warranty) นานสูงสุด 4 ปี*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) นาน 3 ปี*

Millennium Auto Group เปิดตัว ‘New BMW i7 eDrive50 M Sport’ ครั้งแรกในไทย

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดแสดงยนตรกรรม บีเอ็มดับเบิลยู ครบทุกกลุ่ม ภายใต้คอนเซปต์ ‘Hall of The Iconic’ ทั้งรถเครื่องยนต์สันดาป, รถไฟฟ้า 100%, รถปลั๊กอินไฮบริด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ THE XM, THE X7, THE 5, THE 3 และเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พบกับการเปิดตัว NEW BMW The i7 eDrive50 M Sport ยนตรกรรมระดับแฟลกชิป ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ความจุแบตเตอรี่ 105.7 kWh ให้กำลัง 455 แรงม้า (HP) แรงบิด 650 นิวตันเมตร ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังแท้ fine-grain Merino Leather พร้อมฟังก์ชั่น Executive Lounge มาพร้อมจอทัชสกรีน ‘BMW Theatre Screen’ ขนาด 31.3 นิ้ว ความคมชัดระดับ 8K รวมถึง Panorama Glass Roof with Sky Lounge เปิดราคาสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในงาน จากราคาปกติ 7,149,000 บาท จำนวนจำกัด เพียง 20 คันเท่านั้น

ลูกค้าที่จองและออกรถภายในเวลาที่กำหนด รับข้อเสนอพิเศษมากมาย

•ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.99%* หรือ บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท สูงสุด 10 เดือน*

•บัตรโดยสารสายการบินไปกลับ กรุงเทพ–ยุโรป ชั้นธุรกิจ จำนวน 2 ที่นั่ง มูลค่าสูงสุด 250,000 บาท หรือสยามกิฟท์การ์ด มูลค่าสูงสุด 170,000 บาท หรือ iPhone 17 Pro 256 GB*

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง สูงสุด 3 ปี*

•เพิ่มมูลค่ารถเทรด-อินสูงสุดถึง 700,000 บาท*

•ฟรี BMW Wallbox พร้อมติดตั้งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า*

•ฟรี กล้องติดรถยนต์ BMW Advance Car Eye 3.0*

•รับเพิ่มคะแนนสะสม MGC point 30,000 คะแนน*

•บริการ SIXT Exclusive Limousine รับ-ส่งสนามบิน ด้วย BMW 5 Series หรือรถ MPV เทียบเท่า ฟรี 4 เที่ยว มูลค่าสูงสุด 26,000 บาท*

•แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน สูงสุด 30% จากบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ*

MINI ‘OCTOBER FIGHT’ การ Battle สุดมันส์ ทั้งรถใหม่ และ MINI NEXT แบบจัดเต็ม

มินิ มิลเลนเนียม ออโต้ เปลี่ยนพื้นที่บริเวณชั้น 1 ให้เป็นเวทีแบทเทิล ภายใต้ธีมสุดมันส์ ‘October Fight: The Battle of 10 MINI Cars – Live from Bangkok’ ศึกดวลระหว่างรถใหม่ป้ายแดง และ MINI NEXT รถมือสองคุณภาพพรีเมียม พร้อมข้อเสนอสุดคุ้มค่า

•MINI NEXT เริ่มเพียง 1,150,000 บาท*

•MINI รถใหม่ เริ่มเพียง 1,690,000 บาท*

•ผ่อนสบาย เริ่มต้น 10,000 บาทต่อเดือน*

•ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 3 ปี*

•ฟรี! กล้อง MINI Advanced Car Eye 3.0*

•ลูกค้าที่จองรถ 10 ท่านแรก รับเก้าอี้พับสุดชิคจาก MINI Millennium Auto*

BMW Motorrad Millennium Auto จัดเต็มทุกแนว เพื่อชาวบิ๊กไบค์โดยเฉพาะ

BMW Motorrad Millennium Auto ยกทัพบิ๊กไบค์ระดับตำนาน คัดสรรมาให้สัมผัสครบทุกแนว อาทิ C 400 GT สกู๊ตเตอร์หรูสำหรับคนเมือง, CE 04 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแห่งอนาคต, S 1000 RR ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ถนน, R 1300 GS และ R 1300 GS Adventure แอดเวนเจอร์ไบค์สำหรับทุกเส้นทาง และ R 18 Roctane เอกลักษณ์สายครูสเซอร์ สะท้อนจิตวิญญาณ Heritage อย่างแท้จริง มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ

•ฟรี! ดอกเบี้ย 0%*

•ฟรี! ดาวน์*

•ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

•ฟรี! โปรแกรม BMSI (BMW Motorrad Service Inclusive)*

XPENG ขับเคลื่อนด้วย AI มาครบทั้ง New G6 และ X9

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย นำยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค รุ่นล่าสุด ‘NEW G6’ รุ่นปรับโฉม ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น พร้อมสีใหม่ ‘Stellar Purple’ ขณะที่รุ่น X9 Luxury และ X9 Executive ตอบโจทย์การใช้งานในสไตล์ผู้บริหาร หรือการใช้งานแบบครอบครัว ที่ต้องการความอเนกประสงค์ ด้วยช่องทางเดินระหว่างเบาะแถว 2 พร้อมรองรับการเชื่อมต่อดิจิทัลเต็มรูปแบบ

สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน รับสิทธิพิเศษดังนี้

•ประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรี 1 ปี*

•Wall Charger พร้อมติดตั้ง*

•Portable Charger*

•รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร*

•รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉินระดับพรีเมียม 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*

ZEEKR สัมผัสยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ‘ZEEKR 7X’

ซีเคอร์ ซี โมบิลิตี้ พลัส จัดแสดงยนตรกรรมไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี รุ่นล่าสุด ‘ZEEKR 7X’ เอสยูวี 5 ที่นั่ง ภายใต้แนวคิด Indulge Every Journey ที่ก้าวข้ามทุกข้อจำกัด มาพร้อมสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V มาพร้อมความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบจัดเต็ม สมทบด้วย ZEEKR 009 7-Seater มาให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

สิทธิพิเศษ เมื่อจอง ZEEKR 7X และรับรถภายในเวลาที่กำหนด

•รับประกันคุณภาพ นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร*

•รับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง และมอเตอร์ขับเคลื่อน นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร*

•ประกันภัยชั้นหนึ่ง และ พ.ร.บ. คุ้มครองนาน 1 ปี*

•Wallbox พร้อมแพ็กเกจติดตั้ง*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*

•ลูกค้าเก่าซื้อเพิ่ม รับส่วนลดพิเศษ*

สิทธิพิเศษ เมื่อจอง ZEEKR 009 7-Seater และรับรถภายในเวลาที่กำหนด

•รับประกันรถ 5 ปี / 150,000 กิโลเมตร*

•รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี / 180,000 กิโลเมตร*

•โปรแกรมบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร*

•ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นานสูงสุด 1 ปี*

•ฟรี! Wall box พร้อมค่าติดตั้ง*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง*

PEUGEOT ‘Lucky Number 777’ ค้นหาความโชคดีจากเลข 7 กับโปรดีที่สุดที่เคยมี

•พบกับ ‘New Peugeot 408’ ภายใต้คอนเซปท์ ‘The Language of Attraction’ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1,600 ซีซี ทำได้ 218 แรงม้า (PS) แรงบิด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม Lucky Egg Surprise ลุ้นรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จิบกาแฟ และถ่ายรูปในคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศสสุดชิค

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน และรับรถภายใน 31 ตุลาคม 2568

•ดอกเบี้ย 0%* หรือโปรโมชั่น 7771 ข้อเสนอจากทางแบรนด์สูงสุด 100,000 บาท และ iPhone 17 256 GB*

•เพิ่มมูลค่ารถเทรด-อินสูงสุด 100,000 บาท*

Jeep ‘Famous for freedom–การผจญภัย ไร้ขอบเขต’

สัมผัสยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่หาชมได้ยาก ‘Jeep Wrangler Rubicon Four Door Monster DNA Edition’ สีพิเศษ SILVER ZYNITH ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร 270 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ติดตั้งชุดแต่ง Mopar รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน และรับรถภายใน 31 ตุลาคม 2568

•รับโปรโมชั่น 7771 และอุปกรณ์ตกแต่ง Mopar แท้ สูงสุดมูลค่า 1,000,000 บาท*

หรือดอกเบี้ย 0% พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับกิจกรรม Jeep Matcha Experience Brew Your Freedom*

Summit Honda ปลุกความเร้าใจกับความเป็น R Racing DNA สไตล์ญี่ปุ่น

ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล จัดแสดง 3 ยนตรกรรมไฮบริด ที่ผ่านการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ต ด้วยสติ๊กเกอร์ ‘R’ และชุดแต่ง Modulo รอบคัน คือ ACCORD e:HEV RS, CR-V e:HEV RS และ CIVIC e:HEV RS พร้อมชื่นชมความน่ารักสดใสของน้องๆ กับการประกวดความสามารถพิเศษในช่วงกิจกรรม ‘Rising Star’

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองภายในงาน และรับรถภายในเวลาที่กำหนด

•ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%*

•ฟรีประกันภัย 1 ปี*

•พิเศษ สมาชิก MOBILIFE รับฟรี! PAYSAVE 2 ระยะ, ส่วนลด 10% ชุดแต่ง MODULO, คูปองล้างแอร์ และร่ม MODULO ผ่าน MOBILIFE APP*

หมายเหตุ : *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด / เฉพาะแบรนด์รถยนต์ที่ร่วมรายการเท่านั้น

โตโยต้า รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเครือข่ายพัฒนาฝีมือแรงงาน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเครือข่ายพัฒนาฝีมือแรงงาน จาก นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมบางกอก พาเลส กรุงเทพมหานคร

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า ได้ร่วมสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านงบประมาณ เครื่องมือและอุปกรณ์การฝึก สถานที่ และวิทยากร รวมถึงการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานการประเมินความรู้ความสามารถของช่างฝีมือ อีกทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์ให้แก่สถานศึกษา เพื่อยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการของตลาดแรงงาน

ปีนี้ บริษัทสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์การฝึกกว่า 300,000 บาท เพื่อพัฒนาแรงงานช่างตัวถังและสี ให้มีทักษะพร้อมประกอบอาชีพ โดยมีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายโตโยต้ารองรับตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ร่วมผลิตและพัฒนาช่างตัวถังและสีรถยนต์กว่า 1,500 คน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกำลังแรงงานคุณภาพให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย

โตโยต้า มีความแน่วแน่ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “เป็นผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขของผู้คน และความยั่งยืนของสังคม”

“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

มิตซูบิชิ มอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแก่วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ให้แก่ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี มุ่งยกระดับการศึกษาพร้อมพัฒนาทักษะเชิงช่างยนต์ หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

จากภาพ : นายเรวัช ศรีแสงอ่อน (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 2 เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ให้แก่ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี จาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 4 จากขวา) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย บริการหลังการขาย และประสบการณ์ลูกค้า และ นายกุญญาวัตน์ รวยอารีย์ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการศึกษาและฝึกอบรม พร้อมด้วย บริษัท มิตซู แอลบีเอ็ม จำกัด นายอภิวัฒน์ เผ่าไทยเจริญสุข (ที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ และ นางสาว ณัฐรียา อยู่สบาย (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไป ร่วมมอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังภายในพิธี โดยมี นายประสงค์ อุบลวัตร (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคลพบุรี และ นางสาว กัลยา สิงหาเขต (ซ้ายสุด) รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี เป็นผู้แทนรับมอบ อีกทั้ง ได้รับเกียรติจาก นายไชยชาญ หินเกิด (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการสถานศึกษา, นายวัชรพงศ์ พิพัฒน์สุริยวงศ์ (ที่ 5 จากซ้าย) ศึกษาธิการจังหวัดลพบุรี และ นายกิจจา จงประเสริฐ (ที่ 5 จากขวา) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี

กรุงเทพฯ – 25 กันยายน 2568 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท มิตซู แอลบีเอ็ม จำกัด มอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ให้แก่ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนผ่านการเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ การเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และความก้าวหน้าในสายอาชีพ โดยภายในพิธีมี การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท มิตซู แอลบีเอ็ม จำกัด และ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี เพื่อสนับสนุนพันธกิจทางการศึกษาของวิทยาลัยและมอบประสบการณ์การทำงานจริงให้กับนักศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย บริการหลังการขาย และประสบการณ์ลูกค้า บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าจัดทำโครงการเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพราะเราเชื่อว่าการศึกษาคือรากฐานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเสริมสร้างทักษะอย่างยั่งยืน การบริจาคเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะเชิงช่าง ผ่านการลงมือปฏิบัติด้วยเครื่องยนต์จริง อันนำไปสู่การยกระดับองค์ความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในอนาคต”

นายประสงค์ อุบลวัตร ผู้อำนวยการ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี กล่าวว่า “การได้รับมอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักศึกษาของเรา เพราะจะช่วยเสริมสร้างทักษะเชิงปฏิบัติการและเพิ่มโอกาสการทำงานในอนาคต นอกจากนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท มิตซู แอลบีเอ็ม จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ จะช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ ผ่านการสนับสนุนพันธกิจทางการศึกษาของวิทยาลัย อีกทั้ง การได้ใช้ชุดเครื่องยนต์และเทคโนโลยีจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นสื่อการเรียนการสอน นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่นักศึกษาอีกด้วย”

นายอภิวัฒน์ เผ่าไทยเจริญสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซู แอลบีเอ็ม จำกัด กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนด้านการศึกษาจะช่วยสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการสร้างรากฐานในด้านทักษะความรู้ ให้แก่เยาวชน เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการนี้ การร่วมมือกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ไม่เพียงช่วยสนับสนุนภารกิจของวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์การทำงานจริงให้กับนักศึกษา พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของรถยนต์และเทคโนโลยีของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส อีกด้วย”

การบริจาคเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังให้แก่ วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ประกอบด้วย เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ รหัส 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นขุมพลังขับเคลื่อนใน นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน, เครื่องยนต์ 4N15, ชุดเกียร์ธรรมดา รุ่น R6M5A และเฟืองท้าย อีกทั้ง ยังมีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และช่างเทคนิคจาก บริษัท มิตซู แอลบีเอ็ม จำกัด มาให้ความรู้และการทดลองปฏิบัติจริงภายในงานอีกด้วย

โครงการมอบเครื่องยนต์ให้แก่สถาบันการศึกษา ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน ตามปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ โดยมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ อันเป็นรากฐานสำคัญเพื่อการเติบโตไปพร้อมกับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

NEX POINT โชว์เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า

NEX POINT โชว์เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า นำรถบรรทุกหัวลาก EV รุ่น City Bus 8 m. ร่วมงาน CBA Expo 2025 และ Concrete Expo Asia 2025

NEX POINT พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในงาน CBA Expo 2025 และ Concrete Expo Asia 2025 ภายใต้ธีม “Towards the Future and Sustainability for the Construction and Mining Industries” งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–26 กันยายน 2025 ณ EH100, BITEC บางนา

ในครั้งนี้ NEX POINT ได้นำรถบรรทุกหัวลาก EV รุ่น City Bus ความยาว 8 เมตร มาจัดแสดง พร้อมนำเสนอจุดเด่นด้านสมรรถนะ การประหยัดพลังงาน และการลดมลพิษในภาคโลจิสติกส์และก่อสร้าง ภายในบูธของบริษัท NEX POINT ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของ NEX POINT อย่างใกล้ชิด พร้อมรับข้อมูลและคำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ระบบชาร์จ และการใช้งานจริงในภาคสนาม เพื่อเป็นทางเลือกในการเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งที่ยั่งยืน

งาน CBA Expo 2025 เป็นมหกรรมการก่อสร้าง เหมืองแร่ และเทคโนโลยีอาคารระดับนานาชาติ ซึ่งจัดควบคู่กับ Concrete Expo Asia 2025 อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นแพลตฟอร์ม B2B ที่ครบวงจรให้ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้ใช้งานในอุตสาหกรรม พบปะ จัดแสดงสินค้า แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และจับคู่ธุรกิจ

โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 4,000 ราย จากประเทศในอาเซียน รวมถึงผู้แสดงสินค้าจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 ราย

NEX POINT ตั้งเป้าว่า รถหัวลาก EV รุ่น City Bus 8 m. ที่จัดแสดงในงานนี้ จะช่วยแสดงศักยภาพของบริษัทในฐานะผู้บุกเบิกโซลูชันโลจิสติกส์สะอาด (Clean Logistics) และสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกับภาคก่อสร้าง โครงการรัฐ และผู้ประกอบการในเครือข่ายโลจิสติกส์

พบกับบูธของ NEX POINT ได้ใน งาน CBA Expo 2025 และ Concrete Expo Asia 2025 ตั้งแต่วันที่ 24–26 กันยายน 2025 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ EH100, BITEC บางนา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save