- Advertisement -
32.9 C
Bangkok
Home Blog Page 11

OMODA & JAECOO ฉลองความสำเร็จครบรอบ 1 ปี ชูบริการหลังการขาย

OMODA & JAECOO ฉลองความสำเร็จครบรอบ 1 ปี พร้อมเปิดศักราชใหม่ในไทย มุ่งมั่นสร้างความมั่นใจบริการหลังการขาย

กรุงเทพฯ (25 กันยายน 2568) – OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม ฉลองครบรอบ 1 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมประกาศถึงผลตอบรับอันน่าประทับใจของ JAECOO 5 EV ที่สามารถทำยอดจองได้กว่า 5,000 คันในเดือนสิงหาคม 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์

ภายในงาน ผู้บริหารได้ประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้น 3 พันธกิจหลักเพื่อตอบสนองตลาดไทย ได้แก่ การพัฒนาและผลิตยานยนต์คุณภาพสูงที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโรงงานผลิตภายในประเทศ และการเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มเชอรี่ในระดับโลก

มร.บิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ OMODA & JAECOO ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญของกลุ่มเชอรี่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในรอบปีแรกนี้ยืนยันว่าเราเดินมาถูกทิศทาง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสานทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่น และประสิทธิภาพการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างลงตัว”

ด้านการลงทุนในประเทศไทย บริษัทฯ ได้จัดตั้งโรงงานประกอบรถ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค พร้อมวางแผนขยายกำลังการผลิตในอนาคตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โรงงานแห่งนี้จะเป็น Hub of NEV (New Energy Vehicle) เริ่มจาก JAECOO 6 EV และ เพื่อการตอบสนองความต้องการของตลาดได้มีการวางแผนผลิต OMODA C5 EV และ JAECOO 5 EV ภายในปี 2568 นอกจากนั้นยังวางแผนในการตั้ง Training Center + R&D ภายในปี 2570

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รายงานความคืบหน้าในการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 60 แห่ง และตั้งเป้า 90 แห่งภายในปี 2568 ควบคู่กับแผนการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการขาย การรับประกันคุณภาพ ไปจนถึงการบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ

มร.บิล กล่าวทิ้งท้ายว่า “หนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรา เรามีแผนการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรของเรา เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และทีมงานของเรา จะสามารถส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยได้อย่างแท้จริง”

เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า OMODA & JAECOO ได้ยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ “OJ O-Jai” (โอเจ โอใจ) ครอบคลุมทุกความต้องการ เริ่มจากศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านช่องทางโทรศัพท์หมายเลข 02 020 8888 พร้อมบริการรถสำรอง (Courtesy Car) สำหรับกรณีที่รถมีปัญหาที่เกิดจากระบบ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) ฟรีในระยะทาง 200 กิโลเมตร (ขยายระยะจากเดิม 100 กิโลเมตร) ด้วยมาตรฐานการเข้าถึงภายใน 30 นาทีในเขตกรุงเทพฯ และ 45 นาทีในต่างจังหวัด

นอกจากนี้ ยังมีบริการ Mobile Service ที่พร้อมให้บริการถึงที่สำหรับงานซ่อมบำรุงเบื้องต้น และภายในปีหน้าจะเพิ่มบริการรับ-ส่งรถ (Pick-Up & Delivery) สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทาง โดยทั้งสองบริการนี้จำกัดการใช้งาน 2 ครั้งต่อปี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ OMODA & JAECOO ได้ที่เว็บไซต์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของแบรนด์

ซูซูกิ เสริมทัพ เปิดตัว ALL NEW SUZUKI FRONX

ซูซูกิ เสริมทัพ SUV เปิดตัว ALL NEW SUZUKI FRONX เติมเต็มความคุ้มค่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว ชูแนวคิด “THE ICONIC DRIVE” ราคาเริ่มต้น 689,000 บาท อัดแคมเปญหนักกระตุ้นการตัดสินใจผู้บริโภคช่วงปลายปี

(จากซ้าย) นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

25 กันยายน 2568-กรุงเทพฯ – บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตแบบ SUV รุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW SUZUKI FRONX มาพร้อมแนวคิด “THE ICONIC DRIVE นิยามใหม่ของการขับขี่…ในแบบที่เป็นคุณ”

ดีไซน์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว แฝงไว้ด้วยความทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ผสานเทคโนโลยี Smart Hybrid Vehicle (SHVS) เอกสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ มอบสมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน เติมเต็มความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี SUZUKI SAFETY SUPPORT พร้อมมอบทุกความคุ้มค่า ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต ในราคาเริ่มต้นเพียง 689,000 บาท รับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันนี้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวแนะนำยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW SUZUKI FRONX สปอร์ต SUV ที่มาพร้อมดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เทคโนโลยีล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์สำคัญอย่าง Global Model ตามที่เราได้เคยประกาศไว้

(จากซ้าย) Mr. Masafumi Harano, Managing Officer, Executive General Manager, Automobile Marketing – Asian, Latin America and Oceania, Suzuki Motor Corporation, นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ Mr. Masafumi Harano, Managing Officer, Executive General Manager, Automobile Marketing – Asian, Latin America and Oceania, Suzuki Motor Corporation

ALL NEW SUZUKI FRONX เป็นรถยนต์คุณภาพ ที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานระดับโลก สร้างความสำเร็จและการตอบรับอย่างงดงามมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในประเทศอินเดีย ประเทศญี่ปุ่น และประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งรถเอสยูวีดีไซน์สปอร์ตคันนี้ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะผู้ที่มองหารถยนต์ที่พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน ด้วยความสะดวกสบายในการขับขี่ ความคล่องตัวในการใช้งาน ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มอบทุกความมั่นใจในทุกเส้นทาง

ALL NEW SUZUKI FRONX จึงเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนความตั้งใจของซูซูกิที่จะมอบความคุ้มค่า และดูแลลูกค้าตั้งแต่วันแรกที่เป็นเจ้าของไปจนถึงตลอดระยะเวลาการใช้งาน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าคุณภาพและความคุ้มค่าของ ALL NEW SUZUKI FRONX รวมถึงบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายยอดขายรถยนต์ซูซูกิรวม 8,000 คัน ในปีนี้ หรือเติบโตขึ้น 41% ได้อย่างแน่นอน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ALL NEW SUZUKI FRONX ยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตแบบ SUV ถูกนำเสนอภายใต้แนวคิด “THE ICONIC DRIVE นิยามใหม่ของการขับขี่…ในแบบที่เป็นคุณ” ที่จะสะท้อนความเป็นตัวตนและตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ เพราะถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอกย้ำความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภค ด้วยจุดเด่นของสมรรถนะ ความคล่องตัวทุกการขับขี่  ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพและงานบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานส่งต่อถึงมือผู้บริโภคทุกท่าน

โดยสิ่งที่ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นับจากการจัดแคมเปญพิเศษก่อนการแนะนำ ALL NEW SUZUKI FRONX อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนจองสิทธิเป็นเจ้าของ ALL NEW SUZUKI FRONX ผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม – 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา พร้อมรับบัตรเติมน้ำมัน 3,000 บาทฟรี สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจและตอบรับ ด้วยการลงทะเบียนจองสิทธิสูงถึง 5,364 คัน ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า และให้ความเชื่อมั่นว่าเราสามารถมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เป็นเจ้าของรถอย่างแท้จริง

ALL NEW SUZUKI FRONX  มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์ K15B ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ K15C ที่มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ (DUALJET) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Smart Hybrid Vehicle (SHVS) เอกสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ ที่เป็นการผสานพลังเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี Integrated Starter Generator (ISG) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน พร้อมมอบสมรรถนะที่เร้าใจด้วยอัตราเร่งที่เฉียบคม และประหยัดน้ำมัน ทำให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเงียบสบายอย่างลงตัว

สะกดทุกสายตาด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน

ALL NEW SUZUKI FRONX โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตาด้วยไฟหน้าพร้อม Daytime Running Light กระจังหน้าทรงพลังเสริมความพรีเมียมด้วยลายเส้นโครเมียม และไฟท้าย LED เชื่อมต่อเต็มแนวโดดเด่นในทุกมุมมอง ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีสไตล์และความสบายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมพวงมาลัย Multifunction ดีไซน์สปอร์ต Paddle Shift ขับสนุกตลอดทาง จอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ระบบ Keyless Push Start แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง พร้อม USB Charger

สมรรถนะและความปลอดภัยครบครัน รองรับการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย

ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ที่มีความทนทานและบำรุงรักษาง่าย ทำให้มีความมั่นใจในการขับขี่ พร้อมรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.8 เมตร ทำให้การขับขี่และการจอดรถในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายและมั่นใจ ระบบ Idling Stop ช่วยลดมลพิษและประหยัดน้ำมัน โครงสร้างตัวถัง TECT เหล็กกล้าน้ำหนักเบา มีความแข็งแรง ทนทานต่อการสึกหรอเป็นพิเศษ  แพลตฟอร์ม HEARTECT เอกสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ ระบบ NVH ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control) จุดยึดเบาะที่นั่งสำหรับเด็ก พร้อมจุดรั้งตำแหน่งด้านบนของเบาะที่นั่งเด็ก (ISOFIX) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP

อุ่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน

ด้านความปลอดภัยของรถยนต์ ALL NEW SUZUKI FRONX ในทุกรุ่น มอบความอุ่นใจด้วยถุงลมนิรภัย SRS มากถึง 6 ตำแหน่ง และพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นท็อปที่ครบครันด้วยเทคโนโลยี SUZUKI SAFETY SUPPORT เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่สูงสุดในทุกเส้นทาง ประกอบไปด้วย

•ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Dual Sensor Brake Support II (DSBSII)

•จอแสดงข้อมูล Head-up display (HUD)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA)

•ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)

•ระบบช่วยป้องกันรถออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)

•ระบบเตือนเมื่อรถส่าย Vehicle Sway Warning

•ระบบเตือนสิ่งกีดขวางในจุดอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)

•ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)

•กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Surround View Monitor

•เซนเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือน Parking Sensor

ราคารถยนต์ ALL NEW SUZUKI FRONX

•รุ่น GL                            ราคา 689,000 บาท

•รุ่น GLX                          ราคา 749,000 บาท

•รุ่น GLX PLUS               ราคา 799,000 บาท

*หมายเหตุ :

สี Pearl Snow White เพิ่ม 5,000 บาท

   สี Two-tone                   เพิ่ม 10,000 บาท

ALL NEW SUZUKI FRONX ในรุ่น GL, GLX และ GLX PLUS มาพร้อมหลากหลายเฉดสี ได้แก่

•Pearl Snow White

•Silky Silver Metallic

•Metallic Magma Gray

•Cool Black Metallic

•Savanna Ivory Metallic

ALL NEW SUZUKI FRONX ยังมีสีพิเศษในรุ่น GLX PLUS แบบ Two-tone อีก 3 สี ได้แก่

•Pearl Snow White / Cool Black Metallic

•Savanna Ivory Metallic / Cool Black Metallic

•Ice Grayish Blue Metallic / Cool Black Metallic

เพื่อเป็นการฉลองการเปิดตัว ALL NEW SUZUKI FRONX ซูซูกิจัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด ให้แก่ลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – 31 ธันวาคม 2568 เท่านั้น โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้:

•ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99%

•ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

นอกจากนี้ ซูซูกิยังมอบทางเลือกที่คุ้มค่าตลอดการใช้งาน คลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ และเพื่อมอบความอุ่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า ซูซูกิขอนำเสนอโปรแกรมพิเศษ SUZUKI FRONX Worry Free Maintenance Package ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 27,999 บาท ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถตามระยะทาง นานถึง 7 ปี ซึ่งเป็นความคุ้มค่าที่ช่วยให้ลูกค้าวางแผนค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และมีความมั่นใจในการครอบครองรถในระยะยาว

ALL NEW SUZUKI FRONX คือ ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เราเชื่อมั่นว่า ผู้บริโภคชาวไทยจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะนอกจากความนิยมของผู้บริโภคที่มีให้กับรถในกลุ่มเอสยูวีจะขยายตัวมากขึ้นแล้วนั้น ด้วยดีไซน์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์ อุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหาความคุ้มค่า คุ้มราคา แต่ยังมาพร้อมคุณภาพของสมรรถนะการขับขี่ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับสภาพถนนของประเทศไทย ซึ่งจะถูกเสริมความมั่นใจด้วยบริการหลังการขายที่เรายกระดับคุณภาพขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง  ทั้งการนำนวัตกรรม S-Solution มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เต็มรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและมั่นใจในการใช้บริการผ่านระบบ Dealer Management System (DMS) พร้อมด้วยแอปพลิเคชัน Hello Suzuki ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถนัดหมายศูนย์บริการล่วงหน้า ตรวจสอบข้อมูลการเข้ารับบริการ และขอรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ปัจจุบันมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน 47 แห่งทั่วประเทศ และยังมีบริการ “Mobile Service” ที่พร้อมดูแลรถยนต์นอกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบระบบเบรก แบตเตอรี่ หรือการบำรุงรักษาพื้นฐานต่างๆ พร้อมด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 2S (Service & Spare Parts) เพื่อให้บริการควบคู่ไปกับศูนย์บริการหลักประเภท 3S (Sales, Service & Spare Parts) เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ซูซูกิได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมของผู้จำหน่ายทุกรายตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้สามารถรองรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงยึดมั่นในแนวทาง ‘SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ’ ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน”

พิเศษ! ในวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ซูซูกิขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมกิจกรรมเพื่อสัมผัส ALL NEW SUZUKI FRONX ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิครอบคลุม 86 แห่งทั่วประเทศ

“ฟอร์ด”เดินหน้าจัดแข่งขันทักษะช่างเทคนิค ปีที่ 19 ยกระดับมาตรฐานบริการและการสื่อสาร เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

ฟอร์ด ประเทศไทย สานต่อพันธกิจ ‘สะดวก มั่นใจ ประทับใจ’ จัดการแข่งขันทักษะช่างเทคนิค ปีที่ 19 (19th TECHNICIAN SKILLS COMPETITION AND TECHNICIAN FORUM 2025) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘การส่งมอบบริการที่มีประสิทธิภาพในครั้งแรก พร้อมสร้างความสบายใจด้วยการสื่อสารที่โปร่งใสและเข้าใจง่าย’ โดยกิจกรรมครั้งนี้ยังเปิดเวทีสัมมนาให้ช่างเทคนิคจากศูนย์บริการฟอร์ดทั่วประเทศได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ พัฒนาความรู้และทักษะ เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการหลังการขาย พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า 

ฟอร์ด ประเทศไทย 2

การแข่งขันจัดชึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ณ ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรฟอร์ด ซึ่งทีมช่างเทคนิคจากฟอร์ด อยุธยา ได้แก่ นายโสภณ ศรีสวัสดิ์ และนายวรวุฒิ เหลือรักษ์ คว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ด้วยการทำคะแนนรวมแบบทีมสูงสุดในเวลาที่กำหนด สะท้อนทั้งความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ

ฟอร์ด ประเทศไทย 3

“ฟอร์ดขอแสดงความยินดีกับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและทุกทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ซึ่งทุกคนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงทักษะ ประสบการณ์ และความทุ่มเทอย่างเต็มที่” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว “ฟอร์ดจัดการแข่งขันทักษะช่างเทคนิคอย่างต่อเนื่องถึง 19 ปี เพื่อยกระดับศักยภาพของบุคลากรของเรา เพราะช่างเทคนิคคือหัวใจสำคัญในการมอบประสบการณ์การบริการเป็นเลิศและสร้างความอุ่นใจในการใช้รถฟอร์ดให้แก่ลูกค้า การแข่งขันช่างเทคนิคในปีนี้ยังตอกย้ำการให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับลูกค้าอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจทุกครั้งที่นำรถเข้าศูนย์บริการฟอร์ด”

ฟอร์ด ประเทศไทย 4

สำหรับปีนี้ ฟอร์ดออกแบบกระบวนการแข่งขันโดยเน้นการทำงานเป็นทีม (ทีมละ 2 คน) เพื่อสร้างการเรียนรู้และถ่ายทอดความสามารถร่วมกัน โดยมีทีมจากผู้จำหน่ายฟอร์ด 5 ทีม ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ได้แก่ ฟอร์ด ฑีฆเจริญ (บ้านจั่น) จังหวัดอุดรธานี ฟอร์ด แม่สอด จังหวัดตาก ฟอร์ด อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฟอร์ด อาร์เอ็มเอ หัวหมาก จังหวัดกรุงเทพฯ และฟอร์ด ดุสิตออโตโมบิล จังหวัดกระบี่

ฟอร์ด ประเทศไทย 7

ในรอบชิงชนะเลิศ ทีมช่างเทคนิคที่เข้าแข่งขันต้องเผชิญโจทย์เสมือนเหตุการณ์จริง ตั้งแต่การรับฟังปัญหา การวางแผนร่วมกันทำงานในระยะเวลาที่กำหนด การตรวจเช็กและวิเคราะห์ระบบรถยนต์ด้วยเครื่องมือเทคนิคของฟอร์ดที่มีความแม่นยำสูงมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการ การเก็บและบันทึกข้อมูล ไปจนถึงการอธิบายขั้นตอนงานซ่อมให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนและเกิดความสบายใจ ตามแนวทาง ‘การซ่อมรถยนต์ให้หายในครั้งแรก’ ของฟอร์ด โดยมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญควบคุมการแข่งขันอย่างเข้มข้น และมีผู้บริหารและพนักงานของฟอร์ด ประเทศไทย และกลุ่มตลาดนานาชาติ ร่วมให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันตลอดกิจกรรม

ฟอร์ด ประเทศไทย 9

โดยผู้ชนะการแข่งขันทักษะช่างเทคนิคฟอร์ด ประจำปี 2568 ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ นายโสภณ ศรีสวัสดิ์ และนายวรวุฒิ เหลือรักษ์ จากฟอร์ด อยุธยา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง นายบารมี บุญใสย และนายณัฐวุฒิ โคตะมี จากฟอร์ด ฑีฆเจริญ อุดรธานี (บ้านจั่น)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง นายลำภู ไกรเพชร และนายคชพฤษณ์ ปัญญาทา จากฟอร์ด แม่สอด
รางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่
นายวัชรพล บุญแสง และนายธีระภัทร์ ชูภิรมย์ จากฟอร์ด กระบี่ ดุสิตออโตโมบิล
นายศราวุธ ละมูล และนายประณต ภู่พะเนียด จากฟอร์ด อาร์เอ็มเอ หัวหมาก

ฟอร์ดจัดการแข่งขันทักษะด้านบริการหลังการขายมาตั้งแต่ ปี 2543 เพื่อยกระดับบุคลากรในเครือข่ายผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ ให้มีมาตรฐานเป็นเลิศทั้งด้านเทคนิคและการบริการ พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ ในรถยนต์ฟอร์ด เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งปัจจุบันและอนาคต ภายใต้แนวคิดบริการหลังการขาย ‘สะดวก มั่นใจ ประทับใจ’

กรังด์ปรีซ์ฯ คว้ารางวัล Asian Print Awards 2025

กรังด์ปรีซ์ฯ คว้า 2 รางวัล Asian Print Awards 2025 ตอกย้ำศักยภาพสิ่งพิมพ์ไทย บนเวทีระดับนานาชาติ

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI สร้างความภาคภูมิใจให้กับอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ไทย หลังคว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติประเภท Bronze Award ในการประกวดสิ่งพิมพ์ Asian Print Awards 2025 บนเวทีระดับนานาชาติของภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ รางวัลงานพิมพ์นิตยสาร ระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ต มากกว่า 4 สี โดยนายอโณทัย เอี่ยมลําเนา ประธานเจ้าหน้าที่ สายการผลิต บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับมอบรางวัล และรางวัลงานพิมพ์โปสเตอร์ ระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ต โดยมีนายกฤษฏิ์พิรัช รัตนวิจิตร ผู้จัดการขายธุรกิจสิ่งพิมพ์ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา  วันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

งานประกวดรางวัล Asian Print Awards 2025 ถือเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าในวงการการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ระดับเอเชีย ที่มอบให้แก่ผลงานที่มีความโดดเด่นด้านคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และมาตรฐานการผลิต โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศร่วมตัดสินอย่างเข้มข้น จากผลงานเข้าร่วมกว่า 300 บริษัท จาก 20 ประเทศ ทั่วภูมิภาคเอเชีย การที่บริษัทกรังด์ปรีซ์ฯ ได้รับรางวัลครั้งนี้  นับเป็นการสะท้อนถึง ความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพงานสิ่งพิมพ์สู่มาตรฐานสากล และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผลงานของคนไทยสามารถก้าวขึ้นสู่การยอมรับในเวทีระดับนานาชาติได้อย่างภาคภูมิ  ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติประวัติแก่บริษัทฯ หากยังเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำ ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ ควบคู่กับความเป็นผู้นำการจัดงานกิจกรรมต่างๆในระดับสากล ของบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อีกด้วย

มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติยศ

มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติยศ ในฐานะองค์กรด้านการพัฒนาสังคม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2568

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ กรรมการ มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน เข้ารับโล่พระราชทาน ในฐานะองค์กรด้านการพัฒนาสังคม ที่ทำคุณประโยชน์ต่อเด็ก และเยาวชน ในงานวันเยาวชนแห่งชาติประจำปี 2568 ซึ่งจัดโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568

ผู้นำอีซูซุคว้ารางวัลเกียรติยศ DAILYNEWS TOP CEO 2025

ผู้นำอีซูซุคว้ารางวัลเกียรติยศ DAILYNEWS TOP CEO 2025 สุดยอดผู้นำองค์กร สาขาธุรกิจยานยนต์

มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับมอบรางวัลเกียรติยศ “DAILYNEWS TOP CEO 2025” สุดยอดผู้นำองค์กร สาขาธุรกิจยานยนต์ ในงานมอบรางวัลจัดขึ้นโดยเดลินิวส์ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

มร.ทาคาชิ ฮาตะ เปิดเผยถึงความภาคภูมิใจในการรับรางวัลครั้งนี้ว่า “ผมขอขอบคุณเดลินิวส์อย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้กับผม รางวัลนี้ไม่ใช่ความสำเร็จของผมเพียงคนเดียว แต่เป็นรางวัลแห่งความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่ายในกลุ่มอีซูซุ รางวัลนี้จะเป็นกำลังใจและแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของพวกเราทุกคนในการมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนขอแบรนด์อีซูซุจากแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าชาวไทยเกิดความไว้วางใจเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าสูงต่อสังคมไทย ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศไทย ทั้งในด้านการผลิตและการบริการอย่างครบวงจร เราอีซูซุจะเดินหน้าสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมไทยและเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างลูกค้าชาวไทยตลอดไป ขอบคุณเดลินิวส์อีกครั้งหนึ่งครับ”

รางวัล “DAILYNEWS TOP CEO 2025” จัดขึ้นโดยทีมบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมมุ่งหวังถ่ายทอดความรู้ กลยุทธ์การบริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่ต่อไป

GWM ไขข้อสงสัย ประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1 ล้านกม.

GWM ไขข้อสงสัย การรับประกันเครื่องยนต์ดีเซลสูงสุดในไทย 1 ล้านกิโลเมตร

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM (Thailand) เผยถึงข้อกังวลของผู้ใช้งานรถยนต์ดีเซลในไทยที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความมั่นใจในการใช้รถยนต์ดีเซล โดยเฉพาะเมื่อระยะการใช้งานเกินกว่าระยะเวลารับประกัน 150,000 กิโลเมตร หรือรถมีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ซึ่งมักเป็นมาตรฐานที่ค่ายรถในวงการรถยนต์ดีเซลได้กำหนดไว้ หลังจากถึง ‘ระยะวิกฤต’ ดังกล่าวแล้วนั้น ผู้ใช้งานจะรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจเนื่องจากการบำรุงรักษาและซ่อมแซมที่จะตามมาในจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหาและคลายความกังวลใจนี้  GWM (Thailand) ชูจุดแข็งของนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ที่พัฒนาและคิดค้นขึ้นเอง โดยอยู่ในรถยนต์ SUV ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL เพื่อมอบความมั่นใจแม้จะใช้งานเกินระยะรับประกันที่รถยนต์ดีเซลในตลาดทั่วไปมักกำหนดไว้ กับระยะเวลาการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซลถึง 1,000,000 กิโลเมตร หรือ 8 ปี* (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตอบโจทย์ผู้ใช้งานหนักและสายลุยที่ต้องการความอุ่นใจและเชื่อมั่นในการใช้งานในระยะยาว

เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด คำตอบที่ใช่ด้านคุณภาพและความทนทาน

หนึ่งความกังวลใจของผู้ใช้งานในไทย คือ ความไม่มั่นใจในเทคโนโลยีดีเซลจากประเทศจีน ทั้งนี้ GWM เป็นแบรนด์ที่เกิดและเติบโตมาจากเครื่องยนต์ดีเซล ด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งในประเทศจีนกว่า 30 ปี การันตีด้วยผู้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเกือบ2 ล้านคน ใน 170 ประเทศและทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ ละตินอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัสเซีย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ดีเซลของ GWM ในระดับโลก

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน มอบพละกำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรแบบต่อเนื่องหรือแฟตทอร์คที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ทำให้การออกตัวและการขับขี่ในพื้นที่ที่มีความท้าทายเป็นไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถปรับอัตราการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละสภาพถนน และสอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ใหม่ของ GWM มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์และลดเสียงรบกวน NVH (Noise, Vibration, Harshness) ที่ยอดเยี่ยม ด้วยการออกแบบใหม่ของท่อไอเสีย เพลาลูกเบี้ยวปั๊มน้ำมันเครื่อง ท่อน้ำมันแรงดันสูง สายพาน Timing และ Balance Shaft จึงทำให้ห้องเครื่องยนต์มีระดับเสียงต่ำกว่า 68 เดซิเบลในช่วง idle speed ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นิ่ง ไม่สั่น ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย

อย่างไรก็ตาม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพดังกล่าว เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ยังผ่านการทดสอบในสภาพอากาศหนาวและร้อนสุดขั้ว 300 ชั่วโมง ทดสอบการทำงานที่ความเร็วรอบสูงสุด 500 ชั่วโมง ทดสอบการรับน้ำหนักในสภาวะต่าง ๆ 650 ชั่วโมง รวมถึงการทดสอบในสภาพถนนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันถึง 76 รูปแบบทั่วโลก โดยมีระยะทางรวม 6 ล้านกิโลเมตร ซึ่งการทดสอบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและความทนทานเพื่อรองรับการใช้งานหนักในระยะยาว ภายใต้สภาพถนนที่หลากหลายและท้าทายของประเทศไทย ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือออกทริปต่างจังหวัดแบบสมบุกสมบัน

เหนือกว่าเครื่องยนต์ดีเซลในตลาด GWM กล้ารับประกันเครื่องยนต์ดีเซลยาวนานที่สุดในไทย

GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL มีการรับประกันเครื่องยนต์ที่ยาวนานที่สุดในไทย โดยกล้ารับประกันเครื่องยนต์ดีเซลถึง 1 ล้านกิโลเมตร หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยครอบคลุมชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์ 5 ส่วน ได้แก่

1.ฝาครอบฝาสูบเครื่องยนต์และชิ้นส่วนภายใน

2.ฝาสูบเครื่องยนต์และชิ้นส่วนภายใน

3.เสื้อสูบเครื่องยนต์ส่วนบนและชิ้นส่วนภายใน

4.เสื้อสูบเครื่องยนต์ส่วนล่างและชิ้นส่วนภายใน

5.อ่างน้ำมันเครื่องยนต์และชิ้นส่วนภายใน

การกล้ารับประกันเครื่องยนต์ดีเซลในระยะทางยาวนานถึง 1 ล้านกิโลเมตร หรือ 8 ปี* คือการตอกย้ำถึงความมั่นใจในคุณภาพและความทนทานของเครื่องยนต์ และเป็นการสะท้อนความจริงใจของ GWM (Thailand) ที่ต้องการดูแลลูกค้าในระยะยาวและสร้างความมั่นใจสูงสุดให้แก่ผู้ใช้งาน ว่าการเลือก GWM TANK Series คือการลงทุนในการใช้ชีวิตและการเดินทางที่ชาญฉลาดและยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจ GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL

ORA Good Cat เผยความสำเร็จตลอด 4 ปีในไทย

GWM ORA Good Cat – EV ไอคอนอันดับ 1 ขวัญใจชาวไทย กับ 5 ความสำเร็จตลอด 4 ปีในไทย

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ฉลองครบรอบ 4 ปีเต็มในประเทศไทยของ GWM ORA Good Cat “เจ้าเหมียวไฟฟ้า” ยอดนิยมที่ครองใจแฟนๆ ชาวไทย ที่ไม่เพียงสร้างกระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในประเทศ แต่ยังได้กลายเป็น “ไอคอน” ตัวจริงที่ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กับ 5 ความสำเร็จของ GWM ORA Good Cat ที่เกินคาดในด้านต่างๆ ครอบคลุมทั้งความสำเร็จในการเป็น “อันดับหนึ่ง” และ “ครั้งแรก” ในหลากหลายด้านตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผู้ใช้งานชาวไทยให้ความเชื่อมั่น กับดีไซน์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร คุณภาพระดับโลก พร้อมระบบอัจฉริยะในการขับขี่และระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า สร้างความโดดเด่นเสริมคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนให้กับคนรุ่นใหม่

GWM ORA Good Cat กับการเป็นผู้บุกเบิกและความสำเร็จใน 5 ด้าน

•EV รุ่นแรกที่สร้างกระแสรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทย: ถึงแม้จะเป็นช่วงวิกฤตโควิด-19 การเปิดตัวของ ORA Good Cat ในปี 2564 ได้สร้างปรากฏการณ์และความตื่นตัวของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในวงกว้าง ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารักแต่ยังคงความทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีที่จัดเต็ม ทำให้ ORA Good Cat มาปลุกกระแสการรับรู้ของรถยนต์ไฟฟ้าไปทั้งประเทศ พร้อมยอดจองสิทธิ์เพื่อซื้อที่ถล่มทลายมากกว่า 10,000 คันในระยะเวลาอันรวดเร็วหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คนไทยเปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้า จนกลายมาเป็นพาหนะที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยประโยชน์ที่เหนือกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป เช่น ต้นทุนการครอบครองต่ำกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และฟังก์ชันพิเศษอย่าง V2L ที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนไทย

•หนึ่งใน 2 แบรนด์แรกที่เซ็น MOU EV 3.0: GWM เป็นแบรนด์แรกๆ ที่มีวิสัยทัศน์ในการนำรถยนต์พลังงานใหม่เข้ามาให้คนไทยได้สัมผัส รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการผลักดันไทยสู่สังคมพลังงานสะอาด โดยในเดือนมีนาคม 2565 GWM เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ได้ลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิต ร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง

•อันดับ 1 ยอดขาย BEV ของไทย ปี 2565: GWM ORA Good Cat ขึ้นแท่นปีทองด้วยยอดขายสูงสุดในเซกเมนต์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 4,326 คัน และยังคงเป็นรุ่นขายดีอันดับ 1 ของ GWM อย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 4 ปีในไทยจวบจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลายจากลูกค้าชาวไทย ที่เลือก GWM ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกและคันหลักในชีวิตประจำวัน

•EV รุ่นแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายจริงในไทย: GWM ORA Good Cat ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกที่ Made in Thailand ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยจากโรงงานอัจฉริยะ GWM Smart Factory จ.ระยอง โดยในเดือนมกราคม 2566 รถยนต์ ORA Good Cat คันแรก ได้ออกจากสายการผลิตจากโรงงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นความภูมิใจของคนไทยและเพื่อคนไทย ยกระดับศักยภาพของคนไทยและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์และแข็งแกร่งในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบตเตอรี่แรงดันสูง ที่ผลิตจากโรงงาน SVOLT พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของ GWM ที่มาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย สร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงการแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยี เพื่อผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าสู่ตลาดโลกประจำภูมิภาคคอาเซียน

•EV รุ่นแรกที่ส่งออกจากไทยสู่ตลาดโลก: นอกจากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายโดยโรงงานในประเทศแล้ว GWM ORA Good Cat ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ส่งออกจากประเทศไทยไปยังหลายประเทศในหลายทวีป เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย บราซิล และออสเตรเลีย ยกระดับมาตรฐานการผลิตของโรงงานในประเทศไทยในการส่งออกรถยนต์คุณภาพสูงสู่ตลาดโลก ตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอาเซียนอีกด้วย

ทำไม GWM ORA Good Cat ยังคงเป็น EV ขวัญใจคนไทย ?

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา GWM ORA Good Cat ไม่ได้โดดเด่นเพียงยอดขายเท่านั้น ด้วยความน่ารักของดีไซน์ Retro Futuristic ที่คงความคลาสสิกเหนือกาลเวลา และไม่มีวันตกยุค สะท้อนความ smart & stylish เอกลักษณ์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร จึงกลายเป็นไอคอนแห่ง EV ขวัญใจคนรุ่นใหม่ คนเมือง และ First EV Buyers สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ด้วยความปลอดภัยระดับโลก การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จาก Australasian New Car Assessment Program** (ANCAP) และจาก European New Car Assessment Programme** (Euro NCAP) ซึ่งทั้งสองสถาบันเป็นสถาบันประเมินรถยนต์ใหม่ตามมาตรฐานออสตราเลเซียและยุโรปตามลำดับ (**สำหรับรถยนต์ ORA Good Cat รุ่นที่วางจำหน่ายในยุโรปและออสเตรเลีย) พร้อมแบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ใช้เทคโนโลยี Short Blade Battery ที่มีความเสถียรสูง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย อีกทั้ง โครงสร้างตัวถัง IronBone™ แข็งแกร่ง ออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทกอย่างมีประสิทธิภาพช่วยปกป้องผู้ขับและผู้โดยสารในทุกเส้นทาง

มร.เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “ความสำเร็จของ GWM ORA Good Cat ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงตอกย้ำความเป็นไอคอนของเจ้าเหมียวไฟฟ้าในตลาดประเทศไทย แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อ GWM นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนสมาชิกครอบครัวเจ้าเหมียวไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และเหนียวแน่นขึ้น ซึ่งล้วนเป็นผู้ใช้งานที่หลงรักและมอบความไว้วางใจให้แก่ GWM ORA Good Cat ในทุกๆ การเดินทาง เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ยังตอบโจทย์การใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัยในทุกขณะของการเดินทาง เพื่อให้ทุกชีวิตอุ่นใจ และมั่นใจไปกับรถยนต์คุณภาพที่คุ้มค่าคุ้มราคา ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ครบครัน”

GWM ค้นหาฮีโร่ตัวจริง ปลุกพลังบวก TANKER ทั่วไทย

GWM ค้นหาฮีโร่ตัวจริง ปลุกพลังบวก ชวน TANKER ทั่วประเทศ แชร์โมเมนต์สุดประทับใจในแคมเปญ “TANK HERO MOMENT”

กรุงเทพฯ 10 กันยายน 2568 – GWM (Thailand) มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก โดยยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” นอกจากความมุ่งมั่นส่งมอบยานยนต์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ทุกเส้นทางแล้ว แต่รถยนต์ทุกรุ่น ทุกขุมพลังของ GWM ยังเป็นเพื่อนคู่ใจของผู้ขับขี่ที่พร้อมออกผจญภัยไปกับชีวิตจริง และครั้งนี้ GWM ได้ต่อยอดพลังของคอมมูนิตี้ “TANKER CLUB” ให้ก้าวไปอีกระดับ ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้ TANK ทุกรุ่น ได้แบ่งปันความเป็น ‘ฮีโร่’ ที่มีอยู่ในตัวเอง ภายใต้แคมเปญล่าสุด  “TANK HERO MOMENT” ครั้งแรกในประเทศไทย! ชวน TANKER จากทั่วทุกมุมของประเทศร่วมถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งความกล้าหาญ ท้าทาย ความมีน้ำใจ และแรงบันดาลใจ ผ่านภาพถ่ายหรือรูปแบบวิดีโอภายใต้เรื่องจริง เพื่อร่วมสร้างพลังบวกให้กับคอมมูนิตี้ TANKER และสังคมไทย พร้อมลุ้นเป็น TANK HERO of THE MONTH และ TANK HERO of THE YEAR รับรางวัลจากการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ในทุกเดือนและปี ตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568

เพราะ “ฮีโร่” สามารถปรากฏขึ้นได้ในหลายแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการยืนหยัดเพื่อดูแลตัวเอง การมอบพลังและความห่วงใยให้กับคนรอบข้าง หรือการลุกขึ้นมาทำสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคม ทุกโมเมนต์ล้วนสะท้อนความหมายของการเป็น “ฮีโร่” ในแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น

Self : การเป็นฮีโร่เพื่อตัวเอง ผ่านการพัฒนาศักยภาพและการเดินทางตามเป้าหมายชีวิต

Family & Friends : การเป็นฮีโร่เพื่อครอบครัวและเพื่อน ด้วยการดูแล ยืนเคียงข้าง และเป็นกำลังใจ

Society : การเป็นฮีโร่เพื่อสังคม ผ่านการช่วยเหลือชุมชน และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

กติกาและรูปแบบกิจกรรม

1.TANK HERO of The Month ประจำเดือนกันยายน

1.1ผู้ใช้งานรถ GWM TANK 300 และ NEW GWM TANK 500 ถ่ายภาพโมเมนต์ที่ผู้ใช้ภาคภูมิใจ พร้อมเล่าเรื่องราวฮีโร่ในนิยามของตัวเอง

1.2โพสต์เรื่องราวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของผู้ใช้ ในรูปแบบรูปภาพหรือวิดีโอ ตั้งโพสต์เป็นสาธารณะ พร้อมติดแฮชแท็ก #TANKHEROMOMENT และแท็ก @GWMTANKTHAILAND และ @GWMTHAILAND

1.3ผู้ใช้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่ถูกใจคณะกรรมการมากที่สุดจะได้รับรางวัล 1. เหรียญ TANK HERO MOMENT จำนวน 1 เหรียญ 2. แจ็กเก็ต TANK HERO MOMENT จำนวน 1 ตัว และ 3. AED เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้ายี่ห้อ Yuwell จำนวน 1 เครื่อง มูลค่ารวมของรางวัลทั้งสิ้น 57,500 บาท

1.4ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน – 30 กันยายน 2568 (ภายในเวลา 23.59 น.)

1.5ประกาศผลประจำเดือนกันยายนในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 เวลา 18.00น. ทาง Facebook Page : GWM TANK THAILAND

1.6กิจกรรม TANK HERO of The Month จะมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page: GWM TANK THAILAND

2.TANK HERO of The Year 2025

2.1เมื่อได้รับ TANK HERO of The Month ครบทุกเดือนแล้ว ผู้ชนะจะถูกนำมาคัดเลือกรวม และเปิดให้คนร่วมโหวตออนไลน์ เพื่อค้นหาสุดยอด TANKER ประจำปี พร้อมรับรางวัลชนะเลิศ แพ็กเกจที่พักสุดเอ็กซ์คลู-ซีฟโรงแรม Cape Nidhra หัวหิน มูลค่า 34,000 บาท

2.2ผู้ร่วมโหวตสามารถกด Like & Comment ใต้โมเมนต์ที่ชื่นชอบ พร้อมเหตุผลที่โดนใจ หากผ่านเกณฑ์คัดเลือก จะได้รับรางวัล Starbucks Card มูลค่า 500 บาท จำนวน 15 รางวัล มูลค่ารวม 7,500 บาท

หมายเหตุ : ศึกษารายละเอียดเงื่อนไขและข้อกำหนดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3VJMfrn

หนึ่งในจุดเด่นของแคมเปญ “TANK HERO MOMENT” คือการเลือกของรางวัลเป็น AED เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนความโดดเด่นของแคมเปญและจิตวิญญาณที่แท้จริงของ TANKER ได้อย่างชัดเจน ฉีกจากแคมเปญโดยทั่วไปโดยสิ้นเชิง

โดยเครื่อง AED นี้ไม่เพียงจะช่วยเหลือครอบครัวของ TANKER ในเหตุการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย การเลือกของรางวัลนี้สะท้อนจิตวิญญาณที่โดดเด่นของแบรนด์ GWM และจิตวิญญาณนี้เองจะดึงดูดให้ผู้ที่สนใจให้อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว TANK มากขึ้นเรื่อยๆ

ล่าสุด สมาชิก TANKER ในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่าเกือบ 6,000 คน โดยเมื่อไม่นานมานี้ TANKER CLUB ได้มีโอกาสต้อนรับ “ป้อง ณวัฒน์” เข้าสู่คอมมูนิตี้รายล่าสุดแล้วเป็นที่เรียบร้อยกับรถ SUV พรีเมียม 7 ที่นั่งคู่ใจอย่าง NEW GWM TANK 500 DIESEL สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน GWM TANK ทั่วประเทศ ที่มี “TANK SPIRIT” หรือจิตวิญญาณเดียวกัน ทั้งในแง่ความเป็นตัวของตัวเอง (Independent), จิตใจที่เปิดกว้างและพร้อมแบ่งปัน (Good at Heart), ความอิสระในการใช้ชีวิต (Freedom), ความรักและศรัทธาในสิ่งที่เลือก (Love & Passionate) มีชีวิตชีวาพร้อมพลังในการสร้างสรรค์ (Active) และความพร้อมในการออกเดินทางผจญภัยในทุกเส้นทาง (Adventurous)

เบื้องหลังทุกการเดินทางของ GWM TANK ไม่ได้มีเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่สะท้อนความเป็นฮีโร่ในแบบที่แตกต่างกันออกไป บางครั้งคือการเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง บางครั้งคือการอยู่เคียงข้างครอบครัวและเพื่อนหรือบางครั้งคือการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมรอบตัว แคมเปญ TANK HERO MOMENT จึงเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนออกมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ เพื่อให้ทุกโมเมนต์ฮีโร่ถูกบันทึกและส่งต่อเป็นพลังบวกให้กับโลกใบนี้

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน รับโล่เชิดชูเกียรติ วันสถาปนากรมป่าไม้ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์องค์กรมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้สำเร็จภายในปี พ.ศ.2593

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขึ้นรับโล่เชิดชูเกียรติ จาก นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในรางวัล “ผู้ช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ สาขาฟื้นฟู และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้” ประจำปี 2568 ในวันสถาปนาครบรอบ 129 ปี กรมป่าไม้ โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้สำเร็จภายในปี พ.ศ.2593 (ค.ศ.2050) และไม่หยุดยั้งความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูผืนป่าอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 15 : Life on Land) ผ่านโครงการปลูกป่าเพื่อพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ร่วมกับกลุ่มบริษัท ยามาฮ่าประเทศไทย เพื่อประเมินคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ระกา ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเขียว ป่าเขาสว่าง และป่าคลองห้วยทราย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร เนื้อที่รวมกว่า 1,200 ไร่ ซึ่งดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา

สำหรับการรับโล่เชิดชูเกียรติ “ผู้ช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ สาขาฟื้นฟู และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้” ประจำปี 2568 มีขึ้นในวันสถาปนาครบรอบ 129 ปี กรมป่าไม้ ณ หอประชุม อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้ เมื่อเร็วๆ นี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save