บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ มาพร้อมกับงานออกแบบส่วนหน้ารถที่เติมความสดใหม่ให้กับกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ส่วนไฟหน้าทั้งสองดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำ มือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา ขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู
บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับบอดี้ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive เบรกคาลิเปอร์ (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) และพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ส่วนล้อแม็กมาในสองขนาดและสองสไตล์ ได้แก่ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี
บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive
ในด้านสมรรถนะ ตัวท็อปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์ / 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทั้งหมดนี้ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ทั้งเร็วและแรงเต็มพิกัดในสไตล์ M ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport
ส่วนในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport ก็แรงไม่น้อยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลัง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถส่งแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control และแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกับรุ่น i5 M60 xDrive จึงมอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
บีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ จะช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟให้แก่แบตเตอรี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 จาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังร่วมส่งมอบความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
ในขณะขับขี่บนท้องถนน บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง เอาไว้ด้วยกัน ในระหว่างการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus จะใช้กล้อง ควบคู่กับระบบคลื่นอัลตราซาวน์เพื่อช่วยผู้ขับขี่ในหลายสถานการณ์ ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View โดยผู้ขับขี่สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยภาพแบบสามมิติผ่านแอปพลิเคชัน My BMW รวมทั้งยังสามารถซื้อฟังก์ชัน BMW Drive Recorder ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทางได้จาก BMW ConnectedDrive Store
BMW Proactive Care มอบความอุ่นใจทุกเวลา
เพื่อต่อยอดประสบการณ์การขับขี่อันยอดเยี่ยมในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขอแนะนำบริการล่าสุด Proactive Care ที่นำข้อมูลและนวัตกรรม AI มายกระดับการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น โดยระบบจะตรวจสอบและคาดการณ์ความจำเป็นในการเข้ารับบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ และให้ข้อเสนอแนะก่อนนำรถยนต์เข้ารับบริการ
ระบบ Proactive Care จะสังเกตการณ์ข้อมูลของตัวรถในทุกด้าน นับตั้งแต่การวิเคราะห์การทำงานของยาง การแจ้งเตือนปัญหาต่าง ๆ ไปจนถึงรอบการเข้ารับบริการ ระบบจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ควบคู่ไปกับข้อมูลที่ผู้ขับขี่กำหนด และแจ้งข้อความแนะนำได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแอป My BMW ผ่านระบบในตัวรถ ทางอีเมล ผ่านดีลเลอร์ที่กำหนด หรือแม้แต่โทรศัพท์จากบริการ Roadside Assistance นอกจากนี้ ระบบ Proactive Care ยังสามารถให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดซอฟต์แวร์ของตัวรถด้วยตนเอง การขอรับบริการขณะเดินทาง หรือแม้แต่การแนะนำศูนย์บริการ เป็นต้น
บริการ Proactive Care พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7 (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 07/2019) หรือใหม่กว่า โดยลูกค้าที่ใช้บริการจะต้องมีสัญญาใช้งานบริการ BMW ConnectedDrive พร้อมบันทึกข้อมูลรถยนต์ในแอป My BMW หรือหน้าเว็บ My BMW Portal ซึ่งรวมถึง BMW ID และรายละเอียดการติดต่อ และการยินยอมในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว และการอนุญาตให้ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการสามารถติดต่อได้
สรยท.เผยผลโหวตคัดรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 โดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) รอบแรก SUV เข้า 4 รุ่นจาก BMW X1, GWM TANK 300, HONDA CR-V และ MERCEDES-BENZ GLC 350e ปะทะ TOYOTA INNOVA ZENIX รถยนต์ MPV ไฮบริด กับ ปิกอัพเพียงหนึ่งเดียว MITSUBISHI TRITON โฉมใหม่
ส่วนผลโหวตรางวัลใหม่ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 หรือ รถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปี 2566 BYD Dolphin ควง BYD Seal เข้ารอบ พร้อมฟัดชิงดำกับ MG 4 Electric กับ MG Maxus 9 และดวลกับแบรนด์หรูแรง MERCEDES-AMG EQE 53 4MATIC+ และ TOYOTA bZ4X รถยนต์ EV รุ่นแรกจากโตโยต้าที่มาชิมรางตลาดเมืองไทย
นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 เปิดเผยว่า การโหวตคัดเลือกรางวัลรถยนต์ และรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปี ของสมาชิกผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ ในรอบแรกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลที่ออกมาน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปีนี้มีรถยนต์ไฮบริดเข้ารอบถึง 4 รุ่น และเป็นเรื่องท้าทายของปิกอัพ MITSUBISHI TRITON โฉมใหม่ และ BMW X1 ที่ต้องแข่งขันกับรถพลังงานทางเลือก บนกติกาเดียวกันในการให้คะแนนรอบสุดท้าย เพื่อตัดสินว่ารถรุ่นไหนจะได้รับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 จะมาจากผลการทดสอบสมรรถนะและการใช้งานในภาคสนามที่จะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยสมาชิกสาคมฯ ล้วนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในการทำข่าวสายยานยนต์มาเป็นผลชี้ขาด
ปีนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้เลือกใช้ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ตั้งอยู่ที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นสนามทดสอบ ทั้งนี้เพื่อยกระดับสร้างมาตรฐานใหม่ระดับสากลกับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กระทรวงอุตสาหกรรม ใช้เป็นสถานที่ทดสอบภาคสนาม พร้อมเชิญผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ร่วมสังเกตการณ์อีกด้วย
สำหรับผู้ทำหน้าที่ทดสอบและให้คะแนนในรอบสุดท้าย คณะอนุกรรมการฯ จะคัดเลือก สมาชิกผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ที่มีประสบการณ์สูงในการทดสอบรถยนต์ และได้ร่วมโหวตในรอบแรก เป็นผู้ดำเนินการทดสอบและโหวต โดยมีหลักเกณฑ์การให้คะแนน ตามมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกใช้ในการพิจารณาลงคะแนนกับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR ได้ดำเนินการมาตลอด 9 ปีที่ผ่าน ซึ่งได้ดำเนินการบนหลักการและกติกาที่มีความยุติธรรมตามมาตรฐานสากล สำหรับรถยนต์ที่มีความแตกต่างทั้งเครื่องยนต์ ระดับราคา จากหลากหลายเซ็กเมนท์ทางการตลาด
•ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
เลกซัส จัดแสดงในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ภายใต้ธีมหลักของงาน “พบกับอนาคตที่ไม่ต้องอดใจรอ!” หรือ “Discover a future you can’t wait to navigate!”
เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำคณะสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ All New GWM TANK 300 HEV สัมผัสมิติใหม่แห่งการขับขี่สุดเร้าใจกับเอสยูวีออฟโรดสุดแกร่ง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
เกรท วอลล์ มอเตอร์ พาสื่อมวลชนทดสอบการขับขี่กับ All New GWM TANK 300 HEV รถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมสมรรถนะอันโดดเด่นและมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ บนเส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา รวมระยะทางไป – กลับกว่า 365 กิโลเมตร โดยมี Campsite เขายายเที่ยง เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้
หลังจากเปิดตัวให้แฟนๆ ออฟโรดชาวไทยได้ตื่นเต้นกันไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงตอกย้ำการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์รถยนต์เอสยูวีออฟโรดที่แข็งแกร่งด้วย All New GWM TANK 300 HEV สำหรับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ในครั้งนี้ ทีมงานและเหล่าสื่อมวลชนเริ่มต้นการเดินทางจาก GWM เพรสทีจ ธัญบุรี มุ่งหน้าสู่จุดมุ่งหมาย Campsite เขายายเที่ยง ใน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยระหว่างทางได้ผจญภัยผ่านเส้นทางการขับขี่หลากหลายรูปแบบ ทั้งในตัวเมือง นอกเมือง ไปจนถึงการขับขี่ขึ้นพื้นที่สูงชัน คดเคี้ยว ท้าทายในทุกมิติ เพื่อทดสอบพละกำลัง อัตราเร่ง ระบบช่วงล่าง ความแม่นยำของพวงมาลัย การตอบสนองการขับขี่ รวมไปถึงทดลองใช้งานอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีการขับขี่อันล้ำสมัยอื่นๆ ที่อัดแน่นมาในรถยนต์คันนี้ และที่เป็นไฮไลต์สำหรับการทดสอบ คณะสื่อมวลชนได้นำ All New GWM TANK 300 HEV เข้าในพื้นที่ธรรมชาติบนเขายายเที่ยง เพื่อทดสอบสมรรถนะและเทคโนโลยีการขับขี่แบบออฟโรดอย่างเต็มรูปแบบ ในระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร
จากสภาพพื้นที่ของเขายายเที่ยงที่เป็นภูเขาที่มีความสูงชันสลับหิน และเส้นทางที่กลายเป็นโคลนเนื่องจากฝนตกเกือบตลอดการเดินทาง จึงทำให้คณะสื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดอย่างเต็มที่ ผ่านเส้นทางสุดท้าทาย และได้ทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for Front and Rear Axles) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับทางชัน แคบ และลักษณะพื้นที่ที่เป็นหินต่างระดับซับซ้อนบนเขายายเที่ยง แต่ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ที่ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม จึงทำให้สามารถผ่านพื้นที่ที่ยากลำบากมาได้อย่างง่ายดาย ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ที่สื่อมวลชนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องทำการกลับรถบนพื้นที่เขาที่คับแคบเพื่อขับกลับลงมาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Off-road Cruise Control) ที่จะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วที่ต่ำและคงที่ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากเมื่อผู้ขับขี่จะต้องจดจ่อกับการบังคับพวงมาลัยในสภาพพื้นที่ไม่คุ้นเคย รวมถึงระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ที่ช่วยจดจำข้อมูลภาพจากกล้องรอบตัวรรถระหว่างการขับขี่รวมกับข้อมูลภาพของพื้นดินแล้วแสดงภาพถนนแบบพาโนรามาด้านล่างและด้านหน้ารถ ซึ่งในพื้นที่เขายายเที่ยงนั้นระบบนี้สามารถช่วยเหลือสื่อมวลชนให้ทราบสภาพใต้ท้องรถและหน้ารถได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถหลบหลีกหินก้อนใหญ่และหลุมลึกได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเทคโนโลยีการขับขี่ออฟโรดอัจฉริยะทั้งหมดที่มีอยู่ใน All New GWM TANK 300 HEV เป็นฟังก์ชันที่สามารถพบได้ในรถยนต์เอสยูวีระดับลักซ์ชัวรี่เท่านั้น นอกจากนี้ จากภูมิประเทศที่เป็นเขาสูงชัน ที่ต้องใช้พละกำลังและแรงบิด แต่ด้วยสมรรถนะของ All New GWM TANK 300 HEV จึงทำให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเนินหรือลงเขา พร้อมระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ในพื้นที่ออฟโรดให้ง่ายยิ่งขึ้น รวมไปถึงล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งยาง Continental Horse AT ของรุ่น ULTRA ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่บนพื้นโคลนและหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
All New GWM TANK 300 HEV – Define Your Own World เป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลาง สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มอัจฉริยะ TANK ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด และโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกมากถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ และดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ เพื่อการขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและความสะดวกสบายตอบโจทย์การใช้งานและการขับขี่ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในตัวเมืองหรือนอกเมือง
ดีไซน์ของ All New GWM TANK 300 HEV สะท้อนความโดดเด่นเหนือระดับสไตล์ออฟโรด แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน และเร้าใจ สำหรับรถยนต์รุ่นนี้มีมิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) พร้อมระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้พื้นที่เก็บสัมภาระ 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ภายในห้องโดยสารของ All New GWM TANK 300 HEV มาในสไตล์พรีเมียมออฟโรด มอบความหรูหรา ทันสมัย กว้างขวาง และสะดวกสบาย เบาะหนัง NAPPA มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระซ้ายและขวาที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ลำโพง Infinity 8 ตำแหน่งพร้อมซับวูฟเฟอร์ หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5 และ Bluetooth ซึ่งสามารถทำงานเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรสตลอดการเดินทาง
All New GWM TANK 300 HEV ยังมาพร้อมเบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางและมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังไฟฟ้า ระบบ Memory Seat ระบบ Welcome Seat เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ในการขึ้น-ลงจากรถ โดยเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมพนักพิงปรับ 2 ระดับ ซึ่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้สอยตามความต้องการ
All New GWM TANK 300 HEV พร้อมให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เลือกจับจอง กับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO ในราคา 1,649,000 บาท และรุ่น ULTRA ในราคา 1,799,000 บาท โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ www.gwm.co.th รวมถึงช่องทาง Facebook, YouTube และ TikTok ของ GWM Thailand และ GWM TANK Thailand