- Advertisement -
30.1 C
Bangkok
Home Blog Page 90

โตโยต้า ยกโปรโมชั่นรับหน้าฝนร่วมงาน FAST Auto Show 2023

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เข้าร่วมแสดงรถในงาน FAST Auto Show 2023 นำเสนอยนตรกรรมโตโยต้าล่าสุดหลากหลายรุ่น พิเศษสุด! กับข้อเสนอสำหรับลูกค้าที่จองรถโตโยต้าทุกรุ่นภายในงาน หรือที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 5-9 กรกฎาคม 2566 ที่ ฮอลล์ EH 102-104 ไบเทค บางนา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เข้าร่วมแสดงรถยนต์ภายใต้แนวคิด “ทุกการขับเคลื่อน เพื่อโลกที่ดีกว่ากับโตโยต้า” จัดทัพขบวนรถยนต์หลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ พบยนตรกรรมระบบไฮบริด นำโดย Corolla ALTIS HEV GR Sport และ 1.8 Sport รุ่นปรับปรุงใหม่ – CAMRY HEV Premium Luxury – Corolla CROSS HEV GR Sport และอีกหลากทางเลือกที่ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งาน ทั้ง YARIS รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ – YARIS ATIV รถอีโค่  ซีดานยอดนิยม – VELOZ รถครอบครัว 7 ที่นั่งสุดคุ้ม – Hilux REVO-D รถกระบะ 4 ประตูที่ให้คุณใช้ชีวิต ได้มากกว่า – FORTUNER Leader เอกลักษณ์แห่งผู้นำ โดดเด่นในทุกมิติ พร้อมรับข้อเสนอดีที่สุดซึ่งโตโยต้าตั้งใจมอบให้กับลูกค้าที่จองรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นภายในงาน หรือที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังยกระดับการครอบครองรถยนต์โตโยต้า ด้วยข้อเสนอพิเศษสุดแห่งปี พร้อมทีมพนักงานขายให้บริการ สุดประทับใจที่สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม

พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษไปกับ

ยนตรกรรมระบบไฮบริด

“Corolla ALTIS HEV GR Sport รุ่นปรับปรุงใหม่ ปี 2566” โดดเด่นด้วยสมรรถนะ และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูล GR ด้วยการปรับจูนพวงมาลัยสไตล์สปอร์ต EPS Tuning เพิ่มความเร้าใจด้วย จอแสดงผลผู้ขับขี่แบบสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ ประหยัดเชื้อเพลิงดีเยี่ยมด้วย เครื่องยนต์ไฮบริดรหัส 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร ผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Dual Zone A/C ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามารถปรับอุณหภูมิสำหรับผู้โดยสารซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังมีรุ่นย่อย HEV Premium พร้อมสเปคอัพเกรดอีกมากมายให้เลือก

“CAMRY HEV Premium Luxury” นำเสนอความสมบูรณ์แบบด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียดการตกแต่งครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สร้างความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับ ด้วยสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจ พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense”

“Corolla CROSS HEV GR Sport” รถเอสยูวี ระบบไฮบริด ที่ไว้วางใจได้สูงสุด เติมเต็มด้วย DNA ของมอเตอร์สปอร์ต ในการสร้างยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า ด้วยจิตวิญญาณของ Gazoo Racing ช่วงล่างปรับจูน เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจกว่าเดิม ด้วยคอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ที่พัฒนาเพื่อสมรรถนะในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ในรุ่น GR Sport โดยเฉพาะ ช่วยให้เกาะถนนดีเยี่ยม ทรงตัวดียิ่งขึ้น เข้าโค้งมั่นใจ โดดเด่นด้วยการตกแต่งแพ็กเกจชุด GR ประกอบด้วย กันชนด้านหน้า กระจังหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนด้านหลังไฟท้าย ล้ออัลลอย 18  นิ้ว พร้อมสัมผัสของสมรรถนะในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นด้วยช่วงล่างปรับจูนใหม่ และพวงมาลัยไฟฟ้า ปรับแต่งแบบสปอร์ต มอบความรู้สึกในการขับขี่ที่หนักแน่น มั่นคง พร้อมการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำขึ้น ให้ความรู้สึกมั่นใจ และสนุกสนานในการขับขี่ โดยมีสีให้เลือก ได้แก่ สีแดง สีขาว Two tone หลังคาดำ และสีดำ ตามแนวคิด GR และมีการปรับระบบควบคุม และปรับความเร็วอัตโนมัติ จนถึงจุดหยุดนิ่ง

ทางเลือกรถยนต์โตโยต้าที่ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งาน

“Corolla ALTIS 1.8 Sport รุ่นปรับปรุงใหม่ ปี 2566” ปรับกระจังหน้าและล้อแม็กดีไซน์ใหม่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 2ZR-FBE Dual VVT-i ขนาด 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ตอบสนองอัตราเร่งเร้าใจด้วยกำลังสูงสุด 140 แรงม้า เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุดด้วยระบบ TOYOTA SAFETY SENSE นอกจากนี้ยังมีรุ่น 1.6G ให้ได้เลือกสรร

“YARIS รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ปี 2566” Open Up Your Life เปิดโลกใหม่ได้อีกเยอะ ปรับปรุงใหม่รอบคัน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ภายนอก ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กับกระจังหน้าดีไซน์แบบ Hammerhead ให้ความรู้สึกปราดเปรียวน่าขับขี่ มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัย สะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยขนาดหน้าจอสัมผัส ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto เสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ ความปลอดภัย Toyota Safety Sense ระบบช่วยเตือนอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA และกล้องมองรอบคัน ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะหนังสีทูโทนแดง-ดำ พร้อมเบาะ คู่หน้าทรงสปอร์ต สมรรถนะการขับขี่คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน คุ้มค่ายิ่งกว่าด้วยการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานมาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น หลากหลายด้วยแพ็กเกจชุดแต่งที่มีให้เลือกถึง 3 สไตล์ LUSSO, CHIARO และ PRESTO

“YARIS ATIV นี่แหละ… รถของเรา” พรีเมียมด้วยดีไซน์แบบ ”Fastback Style” มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน ขนาด 16 นิ้ว ไฟท้าย LED Light-guiding พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential ภายในเรียบหรูเหนือระดับไปกับเบาะหนังสีแดง Ambient light สร้างบรรยากาศ ในห้องโดยสาร ปรับได้ 64 เฉดสี มาตรวัดแบบ Digital ด้านสมรรถนะมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ใหม่ ตอบสนองอัตราเร่งทันใจขณะออกตัว ห้องโดยสารเงียบ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมาย

“VELOZ ใช้ชีวิตไปด้วยกัน” โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะที่นั่งโดยสารปรับได้หลากหลายถึง 7 แบบ อรรถประโยชน์ใช้สอยและระบบความปลอดภัยครบครัน มั่นใจกับการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT  อัตราเร่งดีเยี่ยม ตอบสนองนุ่มนวล ประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.9 กิโลเมตร/ ลิตร คุ้มค่า ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่

พบรถกระบะสายพันธุ์แกร่งและรถ PPV ยอดนิยม

“Hilux REVO-D” รถกระบะ 4 ประตูที่ให้คุณใช้ชีวิตได้มากกว่า ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไลต์ในแบบของคุณ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2.4 GD Super Power กำลังเครื่องยนต์แรงสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร พลังแรง ประหยัดน้ำมัน

โดยในรุ่น Pre-runner มาพร้อมช่วงล่าง SuperFlex Suspension ที่นุ่มสบาย หนึบมั่นใจ ปลอดภัยทุกเส้นทาง ทั้งครบครันด้วยอุปกรณ์ความบันเทิง อาทิ หน้าจอสัมผัสรองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย ขับขี่ปลอดภัยด้วยระบบความปลอดภัยครบครัน อาทิ Blind Sport Monitor ระบบเตือนมุมอับสายตา และระบบ Panoramic View Monitor กล้องมอง 360 องศา และในรุ่น Z-edition กับช่วงล่าง GR-Sport suspension ที่ทำให้ขับสนุก นั่งสบาย

“FORTUNER Leader” เอกลักษณ์แห่งผู้นำ โดดเด่นในทุกมิติ โดดเด่นด้วยการออกแบบระดับพรีเมียม ทั้งกระจังหน้า และล้ออัลลอย 18 นิ้ว สะดวกสบายสูงสุดกับห้องโดยสารกว้างขวางหรูหรา และระบบความปลอดภัยเหนือระดับ อาทิ ระบบ Panoramic View Monitor กล้องมอง 360 องศา (ในรุ่น 2.4 Leader V 4WD และ รุ่น 2.4 Leader V) ทางเลือกชุดแต่ง Modellista ที่ออกแบบโดยเน้นความ พรีเมียม เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์จากประสบการณ์อันยาวนาน และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านชุด

ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้า ด้วยข้อเสนอพิเศษสุดแห่งปี พร้อมทีมพนักงานขายให้บริการสุดประทับใจ

T-Connect แอปพลิเคชันที่ทำให้การเดินทางสะดวก ปลอดภัยและคุ้มค่า

 เทคโนโลยี Connected ดูแลคุณ และรถครบในแอปเดียว ด้วยบริการที่หลากหลาย อาทิ บริการติดตามรถหาย แจ้งเตือนเช็กระยะที่แม่นยำ นัดหมายเข้าศูนย์บริการสะดวก ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ให้คุณอุ่นใจ พร้อมประกันภัยขับดีลดให้ (PHYD) และโปรแกรม Toyota Connected Frequent Service Reward (TCFR*) ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. และบริการอื่นๆ อีกมากมาย

เพียงดาวน์โหลดแอป T-Connect แล้วคลิกลงทะเบียน Toyota Alive-X พร้อมผูกบัญชีกับ The1 รับของที่ระลึกได้ที่บธูโตโยต้า *ประกันภัย PHYD และ TCFR สำหรับรถที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น

KINTO อิสรภาพใหม่ของการใช้รถจากโตโยต้า

 ทางเลือกใหม่ของการใช้รถยนต์โตโยต้ารูปแบบใหม่ จากโตโยต้า ลีสซิ่ง กับอิสระเหนือความเป็นเจ้าของรถ ให้บริการทั้งรูปแบบบุคคล และนิติบุคคล เพียงจ่ายรายเดือนราคาเดียว ครอบคลุมทุกการบริการแบบครบวงจร มีรถให้เลือกหลากหลายรุ่น ที่สามารถเลือกระยะเวลา และระยะทางให้การใช้รถได้ สมัครง่าย ยื่นเอกสารผ่านออนไลน์ ด้วยบริการของ KINTO สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย และความคล่องตัวของการใช้ชีวิต และให้คุณเป็นได้มากกว่าเจ้าของด้วยอิสระในการใช้รถใหม่กับการบริการทั้ง 3 ด้าน

1. Full Service ตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย ด้วยบริการคุณภาพมาตรฐานจากโตโยต้า

-บำรุงรักษาและเปลี่ยนอุปกรณ์วัสดุสิ้นเปลืองฟรีทุกรายการ

-ประกันภัยชั้น 1 จากโตโยต้าแคร์ ตลอดอายุสัญญา

-บริการพิเศษช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

-บริการรถทดแทนระหว่างซ่อม

-การดูแลเรื่องต่อภาษี และพ.ร.บ.รถยนต์ประจำปี ส่งตรงถึงหน้าบ้าน

2. One Price ตอบโจทย์ความคุ้มค่าในการใช้รถ ลูกค้าสามารถใช้รถได้อย่างคุ้มค่า กับค่าบริการราคาเดียวทุกโชว์รูมทั่วประเทศ ตลอดอายุสัญญา

ไม่ต้องใช้เงินก้อนเพื่อออกรถ

วางแผนการเงินของคุณได้ เพราะราคาเดียวครอบคลุมทุกอย่าง

ครบสัญญานำรถมาคืน เพื่อเป็นคันใหม่

หรือลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของรถได้ โดยมีค่าผ่อนชำระใกล้เคียงเดิม (เลือกซื้อต่อผ่อน 2-3 ปีแล้วแต่รุ่น)

3. Online Service ตอบโจทย์อิสระใหม่ในการใช้บริการ ด้วยบริการออนไลน์ที่ให้ความสะดวกสบาย และรวดเร็วตั้งแต่ต้นจนจบ สมัครใช้บริการทางเว็บไซต์ www.kinto-th.com และใช้งานผ่านโมบายแอปพลิเคชัน KINTO สามารถตรวจสอบผลอนุมัติการสมัครได้ไวภายใน 1 ชั่วโมงในวัน และเวลาทำการ

พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ ที่ครอบคลุมทุกการบริการข้างต้นที่กล่าวมา กับ Wellness Mobility Service รถยนต์อเนกประสงค์พร้อมที่นั่งแบบ Welcab เบาะที่สามารถขึ้น-ลง รถได้อัตโนมัติ เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ใช้รถวีลแชร์ รับน้ำหนักได้สูงสุด 130 กิโลกรัม พร้อมให้บริการด้วยราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 19,980 บาท รวมค่าบริการดูแลรักษาอุปกรณ์ Welcab

สำหรับลูกค้า KINTO และบุคคลทั่วไป เราขอเสนอทางเลือกบริการอื่นๆ เช่น KINTO SHARE บริการรถเช่ารายวันที่ตอบโจทย์การเดินทาง และการท่องเที่ยว หลายจุดบริการทั่วประเทศ อีกทั้ง TripSabuy by KINTO บริการแนะนำโรงแรม และที่พัก พร้อมส่วนลด และสิทธิพิเศษ ซึ่งทั้ง 2 บริการนี้ ถูกรวบรวมไว้ที่เดียวใน KINTO Application แอปพลิเคชันเดียวทั้งรถเช่า และที่พัก สะดวกสบาย จองง่าย จ่ายจบ พร้อมบริการที่หลากหลาย สามารถดาวน์โหลดได้แล้วผ่าน App Store และ Play Store

ประกันภัยรูปแบบใหม่ ภายใต้ประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE ขับดี ลดให้ “PHYD-Pay How You Drive”

ภายใต้เทคโนโลยีคอนเนคเต็ด “Connected Technology” ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมการขับขี่ คำนวณเป็นคะแนนการขับขี่ โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ คะแนนการขับขี่ ระยะทางการใช้งาน และคำแนะนำการขับขี่ปลอดภัยผ่าน แอปพลิเคชัน T-Connect by Toyota พร้อมทั้งลูกค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 20% – 40% ในปีถัดไป ตามคะแนนการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้บริการมากกว่า 200,000  ราย ซึ่งสูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากความสำเร็จของการตอบรับดังกล่าว ทางโตโยต้าได้ขยายผลิตภัณฑ์ ไปยัง บริษัทประกันภัยชั้นนำเพื่อมอบทางเลือกให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์โตโยต้า ได้แก่ บริษัท ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จํากัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จํากัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป

สิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามมาตรฐานประกันภัยโตโยต้าแคร์

-รับประกันงานซ่อมที่ศูนย์บริการตัวถัง และสีของโตโยต้า นาน 12 เดือน

-สามารถใช้บริการ ณ ศูนย์บริการตัวถัง และสีของโตโยต้า กรณีต่ออายุประกันภัย PHYD

-บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

-บริการงานซ่อมด้วยอะไหล่แท้จากโตโยต้า พร้อมช่างผู้ชำนาญงานได้มาตรฐาน

-เข้ารับบริการตามมาตรฐานโตโยต้า ด้วยอะไหล่แท้ที่ศูนย์บริการตัวถัง และสีของโตโยต้า ที่ครอบคลุมกว่า 256 แห่งทั่วประเทศ

สอบถาม และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัย PHYD ผ่านทางผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

หมายเหตุ : ประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE ขับดี ลดให้ “PHYD-Pay How You Drive” ครอบคลุมรถยนต์โตโยต้ารุ่น Hilux Revo / Fortuner / Corolla Cross / C-HR / Camry / ATIV / New Yaris

มิตซูบิชิ จัดแสดงรถต้นแบบ “ออล-นิว ไทรทัน” พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดแสดงรถต้นแบบ “ออล-นิว ไทรทัน” พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ ให้คนไทยเป็นเจ้าของรถกระบะ “ออล-นิว ไทรทัน” ก่อนใครที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023”

5 กรกฎาคม 2566 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขนทัพสุดยอดยนตรกรรมล้ำสมัย นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบของรถกระบะ “ออล-นิว ไทรทัน” จัดแสดงที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” (Fast Auto Show Thailand & EV Expo 2023) ตลอดวันที่ 5-9 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ร่วมด้วย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ และผู้ที่รักการผจญภัยและออกทริปเอาท์ดอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งรถกระบะรุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” อัดแน่นด้วยขุมพลังความแกร่งเข้มเต็มพิกัดในทุกมุมมอง

บรรยายภาพ : (จากซ้ายไปขวา) มร.อาราตะ ทาคาฮาชิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด  นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Manager Group นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” และ มร.ฮิโระอะคิ โอะซาวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” (Fast Auto Show Thailand & EV Expo 2023)

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ต่างรอคอยการเปิดตัวรถกระบะโฉมใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ว่า “มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดที่แตกต่างและโดดเด่น และมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยภายในงานนี้ จะมีการจัดแสดง มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบของรถกระบะ “ออล-นิว ไทรทัน” เพื่อตอบรับกระแสที่หลายคนกำลังรอคอยการเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้อีกด้วย”

“ออล-นิว ไทรทัน ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี จะมาพร้อมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น แรงเต็มขั้น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมด้วยแชสซีส์ใหม่ยกชุดที่จัดเต็มความแข็งแกร่งทนทาน ยกระดับสู่อีกขั้นของการขับขี่ที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ควบคุมง่ายคล่องตัว สะดวกสบายและปลอดภัยกว่า เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางออฟโรด ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ให้ความสะดวกสบายเหนือระดับ และยังมีพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบและการบรรทุกเชิงพาณิชย์” มร.โคอิโตะ กล่าว

ผู้เข้าร่วมงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN)  เพื่อเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดในโลกก่อนใคร พร้อมรับ 3 ข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทั้งชุดแต่งแท้รอบคัน เสริมพลังหล่อเข้มเต็มพิกัด และชุดของขวัญรุ่นลิมิเต็ด “ออล-นิว ไทรทัน ลิมิเต็ด บ็อกซ์เซ็ต” พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างจุใจ รวมทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 240,000 บาท โดยลูกค้าที่สนใจ สามารถดูข้อมูลรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.allnewmitsubishitriton.com

ภายในงาน ยังมีการจัดแสดงสุดยอดยนตรกรรมจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส รุ่นต่างๆ ประกอบด้วย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ใหม่ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัยและมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นที่ครบครันผสมผสานความเป็น “เอสยูวี และ ครอสโอเวอร์” ไว้อย่างลงตัว พร้อมด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ โฉบเฉี่ยว โดดเด่นทันสมัย สะท้อนความหรูหราผสานดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน พร้อมวัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมี่ยม เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย “ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง” (Active Yaw Control : AYC) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกระหว่างเข้าโค้ง เพิ่มความปลอดภัยและเสถียรภาพในการขับขี่ ให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลายรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบของครอบครัวยุคใหม่ ที่รักการผจญภัยและชื่นชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์

อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน คือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition ที่มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift เทคโนโลยีครบครันด้วยระบบปรับอากาศ nanoeTMX มอบอากาศสะอาดและสดชื่นภายในห้องโดยสาร ชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยม Mitsubishi Power Sound System (MPSS) ลำโพง 8 ตำแหน่ง สะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ รองรับทุกสรีระ และเบาะหนังสังเคราะห์ คุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE

ตามด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก พร้อมด้วยไฟท้ายและไฟเบรก LED พร้อมไฟตัดหมอก ระบบความปลอดภัยครบครัน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และ EBD รัศมีวงเลี้ยวที่แคบและความสูงใต้ท้องรถที่สูง ทำให้รถกระบะรุ่นนี้รองรับการใช้งานอย่างอเนกประสงค์ มีความคล่องตัวสูง ดีไซน์ที่มีสไตล์ โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปกติหรือนำไปตกแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (B03) ได้ที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” (Fast Auto Show Thailand & EV Expo 2023) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ตั้งแต่วันที่ 5–9 กรกฎาคม 2566 ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ EH101-104 และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.co.th หรือติดต่อ สอบถามข้อมูลผ่าน มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ฮอนด้า เปิดตัว “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” ซิตี้คาร์ยอดนิยม

ฮอนด้า เปิดตัว “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” ซิตี้คาร์ยอดนิยม ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียม ด้วยดีไซน์ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลัง ทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV พร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

•กระจังหน้า กันชนหน้า กันชนหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ พร้อมภายในสีใหม่ เพิ่มความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น ห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่ง โล่งสบาย มาพร้อมเทคโนโลยีความสะดวกสบายอันล้ำสมัยใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก

•มีให้เลือกทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เกินคลาส กับแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตรตั้งแต่ออกตัว และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมเพิ่มรุ่นย่อย e:HEV SV เป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้สัมผัสเทคโนโลยีฟูลไฮบริด e:HEV จากฮอนด้าได้ง่ายยิ่งขึ้น

•พร้อมด้วยขุมพลัง VTEC TURBO ที่ลงตัวและตอบโจทย์ทุกการขับขี่ ด้วยความแรง เร้าใจ เร่งแซงได้ทันใจในทุกย่านความเร็ว กับแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 2,000 – 4,500 rpm พร้อมกำลังสูงสุด 122 แรงม้า แต่ก็ยังคงอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม

•มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ

•สัมผัสและทดลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ซิตี้คาร์ยอดนิยม คำตอบของความสมบูรณ์แบบในวันนี้ ยกระดับความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน โฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ กับขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่มีประสิทธิภาพสูง ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และขุมพลัง VTEC TURBO 1.0 ลิตร ที่มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ขับสนุกพร้อมตอบสนองทุกการเดินทาง และประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มั่นใจทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอื่น ๆ* ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วยข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี** และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเป็น 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566** ลูกค้าที่สนใจสามารถพบกับ “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” ในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2566 หรือสัมผัสและทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ ฮอนด้า ซิตี้ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซิตี้คาร์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยยอดขายสะสมเกือบ 800,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้ ฮอนด้า ซิตี้ เป็นแบรนด์ยอดนิยมที่อยู่ในใจลูกค้าเสมอมา ในวันนี้ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ปรับโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น และภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง โดยรุ่น e:HEV จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าได้อย่างไร้กังวล และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และรุ่น TURBO ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยการขับขี่ที่แรง เร้าใจ และสะดวกสบายเกินคลาส โดยทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งเมื่อลูกค้าได้สัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จะต้องประทับใจในความครบครันของรถซิตี้คาร์รุ่นนี้อย่างแน่นอน”

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น

•ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย

รุ่น e:HEV RS               ราคา 839,000 บาท

รุ่น e:HEV SV               ราคา 769,000 บาท

•ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย

รุ่น RS                          ราคา 749,000 บาท

รุ่น SV                          ราคา 679,000 บาท

รุ่น V                       ราคา 629,000 บาท

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V) โดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี** และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566**

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่สุดของยนตรกรรมซิตี้คาร์ ที่จะทำให้ทุกวันของคุณสมบูรณ์แบบ

มาพร้อมคุณค่าที่ยกระดับซิตี้คาร์ไปอีกขั้น กับ 2 ขุมพลังทางเลือก เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังขับสนุกและประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย เพิ่มเติมฟังก์ชันใหม่ ด้วยระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) มีเฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS ครบครันด้วยความปลอดภัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)* ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)* ถุงลม 6 ตำแหน่ง* กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และไฟเตือน เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน เช่น กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง และกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS* ดีไซน์ภายในกว้างขวาง โปร่งโล่ง เสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมใหม่กับเส้นสายสีแดงภายใน มาพร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายที่เชื่อมต่อง่ายในไม่กี่ขั้นตอน  ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง  ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ประสบการณ์สุดเร้าใจและท้าทายทุกการขับขี่ ด้วย 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน

•ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

•ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20

มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้

•ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

•ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

•ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น V, SV และ RS) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ลุคใหม่ กับความสปอร์ตพรีเมียมรอบคัน

ภายนอก โดดเด่นเหนือระดับในทุกรายละเอียด

•กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่

•กระจังหน้าโครเมียม

•ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED

•ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

•มือจับประตูด้านนอกโครเมียม (รุ่น SV และ e:HEV SV)

•กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว

•ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ

•เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ

•ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V) แบบทูโทน (รุ่น SV) และแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)

เสริมความสปอร์ตรอบคันยิ่งขึ้นและโฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง กับรุ่น RS และ รุ่น e:HEV RS

•กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตแบบ RS

•กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง ดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตแบบ RS

•สปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ตแบบ RS

•ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED

•มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED

•ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา

•ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (รุ่น e:HEV RS)

•เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา

•ล้ออัลลอยแบบทูโทนสไตล์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

สะดวกสบายไปอีกขั้น กับห้องโดยสารที่กว้างขวาง โปร่ง โล่งสบาย

ภายใน

•วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงิน (เฉพาะรุ่น V) และสีดำ Piano Black (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)

•วัสดุหุ้มเบาะผ้า (เฉพาะรุ่น V) และวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)

•มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม

ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้นกับรุ่น RS และรุ่น e:HEV RS

•วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิก

•วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์* อาทิ

•มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth

•พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

•พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง

•ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ปุ่ม ECON

•ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•กระจกมองหลังแบบตัดแสง

•แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร

•ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย

•พนักเท้าแขนด้านหน้า

•พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)

•ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยครบครัน* อาทิ

•ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV RS)

•กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

•ถุงลมคู่หน้า

•ถุงลมด้านข้างคู่หน้า

•ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)

•ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)

•ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

•ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

•ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า

•ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)

•เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ

•เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง

•ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

•ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

•จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)

•ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)

•ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)

•สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง

นอกจากนี้ฮอนด้า ยังเสริมความพรีเมียมด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “More Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว* ราคา 15,600 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 4,400 บาท รวมทั้งอุปกรณ์เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เช่น กระบะใส่ของท้ายรถ สำหรับรุ่น TURBO ราคา 1,100 บาท, สำหรับรุ่น e:HEV ราคา 1,250 บาท

นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน  ได้แก่ Modulo Aero Package ราคา 15,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือภายในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2566 ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดทาง www.honda.co.th/city โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2566 จะได้รับฟรี ขวดน้ำพับได้ มูลค่า 250 บาท**

ในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ฮอนด้ายังจัดแสดงยนตรกรรมไฮไลต์รุ่นอื่นๆ ในหลากหลายเซกเมนต์ เพื่อให้ลูกค้าเลือกเป็นเจ้าของได้ตามไลฟ์สไตล์ นำโดยไลน์อัปยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้แก่ ซีอาร์-วี ใหม่ เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี และ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี และไลน์อัปยนตรกรรมเทอร์โบ ได้แก่ ซีอาร์-วี ใหม่ และ ซีวิค พร้อมด้วยรุ่นอื่น ๆ ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลายนำโดย ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ และ บีอาร์-วี ใหม่

หมายเหตุ:

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

-สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท

-สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท

-ราคาล้ออัลลอย รวม 4 วง ไม่รวมราคายาง

-ราคาอุปกรณ์ตกแต่งรวมค่าแรงติดตั้ง ไม่รวม VAT 7% ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city

มาสด้า ยกทัพยนตรกรรม Sky Activ อวดโฉมใน FAST AUTO SHOW THAILAND & EV EXPO 2023

มาสด้า เดินหน้าสร้างการรับรู้ทัพรถยนต์ทุกรุ่น หลังจากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนเกิดกระแส New Mazda2 ฟีเวอร์ ด้วยยอดจองที่ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และทางมาสด้าเริ่มส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 1,000 คัน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยการเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสรถคันจริงในทุกโชว์รูมทั่วประเทศ รวมถึงนำทัพเข้าโชว์ในงานบางกอก ออโต้ ซาลอน ที่ผ่านมา ส่งผลให้กระแสความร้อนแรงของ New Mazda2 ยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นไปอีก มาสด้าไม่รอช้ายกทัพยนตรกรรมสกายแอคทีฟ 5 รุ่น 9 คัน ไปลุยต่อที่งาน FAST AUTO SHOW THAILAND & EV Expo 2023 พร้อมแคมเปญสุดคูล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าจัดเต็มด้วยไฮไลท์ New Mazda2 Rookie Drive Sports สีแอร์ สตรีม บลู สีใหม่ที่ถ่ายทอดอารมณ์สนุกสนานสดใส บ่งบอกบุคลิกที่แตกต่างของผู้ขับได้อย่างไม่ซ้ำแบบใคร นำทัพรถ New Mazda2 Sport Design สีเทา แอโร เกรย์ ที่ยกระดับภาพลักษณ์ความสปอร์ต และ New Wave Design โดดเด่นด้านการออกแบบด้วยกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้าใหม่ และล้อลายใหม่ รวมถึงรุ่นพิเศษ Clap Pop Sports ที่มาพร้อมความสปอร์ตสุดคูล มาโชว์ตัวจัดแสดงภายในงานให้ลูกค้าได้ชมและสัมผัสกันแบบเต็มอิ่ม ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 599,000 บาท อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้นคัน และเดือนกรกฎาคมนี้ทางมาสด้าเตรียมผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าอีก 1,500 คัน

แน่นอนว่าลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของสปอร์ตซิตี้คาร์สุดฮ็อตนี้ ทางมาสด้าได้มอบข้อเสนอร้อนแรงแห่งปี ด้วยดอกเบี้ยต่ำสุด 1.59%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อลูกค้า 50 ท่านแรกที่จองรถทุกรุ่นในงานฯ ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป และออกรถภายในวันที่ 31 ก.ค. 66 มาสด้าขอมอบฟรี SONY XB13 EXTRA BASS portable wireless speaker มูลค่า 1,990 บาท3 โดยงานฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 ก.ค. 66 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

(บุคคลในภาพ)

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับณะผู้จัดงาน  FAST AUTO SHOW THAILAND & EV Expo 2023 นำโดย นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน และนายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงาน โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยสื่อมวลชนกิตติมศักดิ์ ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธมาสด้า

หมายเหตุ:

1. ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน ยกเว้น รุ่น 1.3 C/C Sports ราคา 599,000 บาท, 1.3 Clap Pop Sports ราคา 647,000 บาท และ 1.3 Rookie Drive Sports ราคา 662,000 บาท

2. บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย

3. จองรภมาสด้าทุกรุ่น 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 ก.ค. 66 รับ SONY XB13 EXTRA BASS Portable Wireless Speaker มูลค่า 1,990 บาท จำนวนจำกัด 50 ชิ้น

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดข้อเสนอเพิ่มเติมได้กับที่ปรึกษาการขายภายในงานฯ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ พาเหล่า User Committee ชมฐานการผลิตอัจฉริยะที่จีน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ พาเหล่า User Committee บินลัดฟ้าชมฐานการผลิต และนวัตกรรมสุดล้ำถึงประเทศจีน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีให้กับเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

3 กรกฎาคม 2566 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ พาผู้บริโภคชาวไทยร่วมเดินทาง เยี่ยมชมฐานการผลิต และนวัตกรรมของเกรทวอลล์ มอเตอร์ ณ เมืองเป่าติ้ง ประเทศจีน ในช่วงระหว่างวันที่ 25–28 มิถุนายน โดยทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เชิญ User Committee ทั้งหมด 14 ท่าน ซึ่งเป็นตัวแทนลูกค้า GWM จากผู้ใช้งานรถยนต์รุ่น HAVAL H6, HAVAL JOILION และ ORA Good Cat ร่วมสานต่อแนวคิด User-Centric ที่คำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคเป็นหลัก ในการพัฒนายานยนต์คุณภาพ และตอกย้ำความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีให้กับเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ในประเทศไทย

ตั้งแต่เกรท วอลล์ มอเตอร์เริ่มการดำเนินการในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ยึดมั่นการเน้นผู้ใช้รถยนต์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้าชาวไทย ซึ่งเหล่า User Committee เป็นตัวแทนลูกค้าผู้ขับขี่รถยนต์ GWM ที่ได้มาจากการร่วมโหวตของกลุ่มผู้ใช้รถตัวจริงผ่าน GWM Application ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชันกว่า 143,000 ราย โดย User Committee มีหน้าที่ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานกับทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ เก็บข้อมูลโดยรวบรวมเสียงจากผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นข้อติชมหรือข้อเสนอแนะเพื่อพูดคุยกับทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นตัวแทนในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้ใช้ในทุกมิติ รวมถึงเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้ใช้งานเข้าไว้ด้วยกันอย่างเท่าเทียม

ในการเดินทางครั้งนี้ เหล่า User Committee ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมพื้นที่โรงงานอัจฉริยะ ศูนย์วิจัยและพัฒนา ห้องปฏิบัติการ ณ สำนักงานใหญ่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งแสดงถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีด้านยานยนต์พลังงานใหม่ และศักยภาพของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ด้านการผลิต การวิจัย และนวัตกรรมต่าง ๆ ในการก้าวขึ้นสู่หนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก อาทิ

•ฐานการผลิตอัจฉริยะที่เขตซูซุย (Xushui Manufacturing Base) ในเมืองเป่าติ้ง ซึ่งเป็นโรงงานอัจฉริยะมีขนาดพื้นที่ 13 ตารางกิโลเมตร พร้อมรองรับการผลิตมากถึง 750,000 หน่วย โดยครอบคลุมกระบวนการผลิต 4 ส่วนหลัก ได้แก่ การขึ้นรูปชิ้นส่วน (Stamping) การเชื่อม (Welding) การพ่นสี (Painting) และการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ (Assembling) โรงงานอัจฉริยะนี้ยังถือเป็นกำลังสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ทางโรงงานได้มีการนำเทคโนโลยีและหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งสามารถทดแทนแรงงานจากมนุษย์และสามารถเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นอย่างมาก ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความยืดหยุ่นในการผลิต และยังทำให้สามารถผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่นในสายการผลิตเดียวกันได้  นอกจากนี้ฐานการผลิตซูซุยยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

•ศูนย์เทคโนโลยี HAVAL (HAVAL Technology Center) มีพื้นที่ 250,000 ตารางเมตร แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ พื้นที่ส่วนศูนย์วิจัยและพัฒนา ที่รวมทั้งพื้นที่การทำงานและอำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน และ พื้นที่ในส่วนวิศวกรรม ซึ่งรวมไปถึงศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ ที่ทำด้านการปฏิบัติการ การตกแต่ง ออกแบบต้นแบบและการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งศูนย์เทคโนโลยี HAVAL เป็นศูนย์ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรถยนต์ SUV เป็นหลักตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการวางระบบฮาร์ดแวร์ ซึ่งได้รวมตัวผู้เชี่ยวชาญจากทั้งในและนอกประเทศจีนเอาไว้

•สนามทดสอบสมรรถนะรถยนต์ (Test Drive Track) สนามทดสอบสมรรถนะรถยนต์ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ถูกสร้างบนพื้นที่กว่า 1.4 ล้านตารางเมตร ด้วยเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านหยวนในการสร้างสนามทดลองขับแห่งนี้ นับเป็นสนามทดสอบสมรรถนะที่แห่งแรกของจีนที่มีความครอบคลุมด้วยรูปแบบการทดสอบถึง 11 รูปแบบ เช่น สนามการทดสอบความเร็ว (High-speed circuit) สนามทดสอบการเคลื่อนที่ (Dynamic platform Track) สนามทดสอบแบบเนินลาดชัน (Test hills track) สนามทดสอบการควบคุมรถและการขับขี่ในเมือง (City and handling track) ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นทางการทดสอบกว่า 100 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 45 กิโลเมตร

•ห้องปฏิบัติการทดสอบความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Meters EMC Lab) ซึ่งถูกก่อตั้งและพัฒนาอย่างอิสระโดย  เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศจีน สมาคมระหว่างประเทศ และสหภาพยุโรป โดยเป็นห้องปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำการทดสอบอุปกรณ์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้าจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ รวมทั้งการทดสอบสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) ภูมิคุ้มกันทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS) กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก (BCI) คลื่นเรดาร์ การนำไฟฟ้าชั่วคราว (ISO7637) และการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และยังสามารถใช้ในการทำการทดสอบแบบไฟฟ้าสถิตบนยานพาหนะอีกด้วย

•ห้องปฏิบัติการกึ่งเสียงสะท้อน (Semi-Anechoic Chamber) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 430 ตารางเมตร เพื่อทดสอบการสั่นสะเทือนของรถยนต์ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งสามารถทำการทดสอบได้ทั้งรถยนต์สันดาปและรถยนต์พลังงานใหม่ โดยห้องปฏิบัติการนี้จะช่วยตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของระดับเสียง (Noise), ความสั่นสะเทือน (Vibration), และความกระด้าง (Harshness) เพื่อปรับปรุงคุณภาพการเก็บเสียงของรถยนต์และเพิ่มความสะดวกสบายขณะขับขี่ให้แก่ผู้โดยสาร

•ห้องปฏิบัติการทดสอบระบบภูมิอากาศโดยอุโมงค์ลม (Climatic Wind Tunnel Laboratory) มีความสามารถในการจำลองภูมิอากาศในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงสภาพอากาศที่รุนแรง อาทิเช่น ฝน และหิมะ ซึ่งห้องปฏิบัติการนี้ช่วยขจัดข้อจำกัดด้านเวลาและสภาพแวดล้อมซึ่งช่วยให้การทดสอบมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจำลองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเพื่อการทดสอบยานพาหนะได้อย่างสมจริง มีความสามารถสร้างเงื่อนไขการทดสอบในช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ถึง 60 องศาเซลเซียส และช่วงความชื้นตั้งแต่ 5% ถึง 95% ห้องปฏิบัติการนี้สามารถทำการทดสอบประสิทธิภาพรถยนต์ได้ในหลากหลายเงื่อนไขภูมิอากาศทั้ง การทำความเย็น การทำความร้อน การละลายน้ำแข็ง การไล่ฝ้า การสอบเทียบระบบ สมดุลความร้อน ประสิทธิภาพของที่ปัดน้ำฝน การระบายความร้อนของเบรก และการทดสอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ

“ผมรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง และได้มีส่วนในการร่วมขับเคลื่อนการทำงานและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจากใจผู้บริโภค สู่ผู้บริโภค เพื่อผู้บริโภคด้วยกัน ในฐานะผู้ขับขี่รถยนต์จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ คนหนึ่ง การที่ได้มาร่วมทริปในครั้งนี้ ทำให้ผมได้เห็นเบื้องหลังการทำงานกว่าจะออกมาเป็นรถยนต์ ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพให้พวกเราได้ขับขี่กันนั้นไม่ง่ายเลย และยิ่งทำให้ผมมีความมั่นใจต่อการใช้รถยนต์จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ด้วยนวัตกรรมและสมรรถนะการขับขี่ที่พร้อมจะตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานในทุกๆ วันของพวกเรา” ตัวแทน User Committee กล่าว

นอกจากร่วมสัมผัสถึงประสบการณ์นวัตกรรมที่ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ แล้ว ผู้เข้าร่วมยังได้มีโอกาสร่วมทดลองสมรรถนะรถยนต์หลากหลายรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ GWM ที่ได้มีการเปิดตัวแล้วในประเทศจีน ทั้ง HAVAL H-Dog PHEV, HAVAL Xiaolong MAX PHEV, Xiaolong, THE NEXT ORA CAR, GWM TANK 300, GWM TANK 500 ตลอดจนร่วมพูดคุยแบ่งปันความคิดเห็นประสบการณ์ขับขี่  ยานยนต์ GWM กับผู้บริหารระดับสูงของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยตรงอีกด้วย

“หนึ่งในความตั้งใจของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเดินสู่ประเทศจีนในครั้งนี้คือการแสดงให้กลุ่มตัวแทน User Committee ได้เห็นถึงประสิทธิภาพ ผ่านการเยี่ยมชมศูนย์พัฒนาและวิจัย ห้องปฏิบัติการ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงเพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่พร้อมจะนำเสนอยานยนต์คุณภาพเคียงข้างการเดินทางในทุก ๆ รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ขับขี่ทุกท่าน เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ไปกับตัวแทนลูกค้าของเรา เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการเปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้บริโภคในฐานะบุคคลสำคัญที่สุดที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมของเกรท วอลล์ มอเตอร์สู่กลุ่มผู้บริโภคสืบต่อไปในอนาคต” นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าว

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ  บริษัทฯ พร้อมเปิดกว้างในการฟังเสียงของผู้บริโภคให้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการอย่างเต็มรูปแบบผ่านกิจกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ดียิ่งขึ้นเพื่อผู้ใช้งานทุกท่านสืบต่อไป

บีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัว X1 ยกระดับประสบการณ์ SAV

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ รถยนต์ SAV อเนกประสงค์สุดทันสมัย

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์สองรุ่นใหม่ล่าสุดในไลน์อัพบีเอ็มดับเบิลยู X1 ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ โดยรถยนต์ SAV (Sports Activity Vehicle หรือรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์) ทั้งสองรุ่นนี้จะเข้ามาสร้างนิยามใหม่แห่งประสบการณ์การขับขี่สำหรับสาวกบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ที่โดดเด่น เทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังรวบรวมเอาแก่นแท้ของความเป็นอิสระของการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการขับขี่ระยะไกล ผสมผสานความคล่องตัว ประสิทธิภาพ และความสบายในการขับขี่ได้อย่างลงตัว

ตัวรถยังโดดเด่นด้วยองค์ประกอบด้านพื้นที่และความอเนกประสงค์ ตอบสนองผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบการผจญภัย ในขณะเดียวกันยังดึงดูดทุกสายตาเมื่ออยู่บนท้องถนน และในฐานะที่เป็นรถยนต์ในตระกูล ‘X’ อันเลื่องชื่อ รถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ยังแสดงประสิทธิภาพและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความคล่องตัวระดับพรีเมียม ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิกสูงสุดในทุกรูปแบบการเดินทางให้กับผู้ขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย: 2,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่

ราคาจำหน่าย: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตร ที่ 1,450 – 4,500 รอบต่อนาที โดยสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.6 วินาที ก่อนพุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุดที่ 236 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อน มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะแบบ Steptronic พร้อมคลัตช์คู่ และ Gearshift Paddle ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะแบบ Steptronic พร้อมคลัตช์คู่ ทั้งสองรุ่นเหนือกว่าด้วยการผสมผสานคุณสมบัติขั้นสูงมากมาย เช่น ระบบ BMW Head-up Display ที่มอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ

บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport ใหม่ มาพร้อมกับชุดแต่ง M Sport ด้วยล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double Spoke แบบสลับสี ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกสปอร์ตให้กับตัวรถ ราวหลังคาดีไซน์ M สีดำเงาและภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาตอกย้ำความหรูหราที่แฝงไปด้วยความปราดเปรียวตามแบบฉบับ M Sport ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ เน้นบุคลิกทะมัดทะแมงด้วยชุดแต่งภายนอก xLine โดดเด่นด้วยราวหลังคาแบบ Aluminium Satinated และภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง Satin Aluminium ให้การผสมผสานระหว่างรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและการใช้งานได้อย่างลงตัว ลักษณะการออกแบบที่แตกต่างและรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของรถทั้งสองรุ่นยังสะดุดตายิ่งขึ้นด้วยระบบไฟหน้า Adaptive LED ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ และกระจกมองข้างพับอัตโนมัติและตัดแสงอัตโนมัติฝั่งคนขับ นอกจากนั้น กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่เกือบเป็นทรงสี่เหลี่ยมโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ส่วนองค์ประกอบการออกแบบที่แตกต่างช่วยเน้นย้ำลักษณะอันปราดเปรียวและแข็งแกร่งของรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้

ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport ใหม่ ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนใครตามแบบฉบับรถยนต์หรูด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M หลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite และภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย ‘Mesheffect’ ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ ตกแต่งด้วยไม้ลาย Eucalyptus แบบด้าน ให้บรรยากาศที่ประณีตหรูหรา ตอกย้ำถึงคุณลักษณะระดับพรีเมียมที่ฝังลึกอยู่ในตัวรถ กระจกมองข้างและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport คอนโซลด้านบนแบบ Luxury และชุดไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร ยังได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทั้งสองรุ่นอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ มาพร้อมกับระบบช่วยการขับขี่ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus พร้อมด้วยถุงลมนิรภัยสําหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ระบบ Teleservices และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนและระบบตรวจวัดลมยาง ยังถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้นและช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่

รถยนต์สองรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับหลากหลายระบบความบันเทิงทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น BMW Live Cockpit Professional ระบบ BMW ConnectedDrive ระบบเครื่องเสียง HiFi Harman Kardon (สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport) และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน โดยบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine ใหม่ มีให้เลือกใน 4 สีตัวถัง ได้แก่ สีขาว Alpine White Solid, สีดำ Black Sapphire Metallic และสีเงิน Space Silver Metallic พร้อมการตกแต่งภายในบุด้วยหนังเบาะที่นั่งแบบ Sensatec Perforated สีน้ำตาลเข้ม Mocha สำหรับตัวเลือกตัวถังสีน้ำเงิน Phytonic Blue Metallic (บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine) และสี Portimao Blue Metallic (บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport) ตกแต่งภายในบุด้วยหนังเบาะที่นั่งแบบ Sensatec Perforated สีดำ

New Corolla ALTIS The Day to Feel It More

New Corolla ALTIS “The Day to Feel It More” ได้ฟิลกับสมรรถนะ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ พร้อมฉลองความสำเร็จ TOYOTA GAZOO RACING TEAM THAILAND

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ต้อนรับลูกค้าร่วมสัมผัสสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ พร้อมฉลองความสำเร็จของ TOYOTA GAZOO RACING TEAM THAILAND ที่คว้าแชมป์โลก 4 ซ้อนในรายการแข่งขันรถยนต์มาราธอนระดับโลก “51st ADAC Total Energies 24h Nurburgring” ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ณ TOYOTA ALIVE บางนา

นายณัทธร กล่าวต้อนรับลูกค้า และสื่อมวลชนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ว่า “โตโยต้า อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์มานานหลายทศวรรษ เราไม่เคยหยุดยั้งที่จะพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ให้มีความ ล้ำสมัย เรามีความภาคภูมิใจ และมีความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา”

“ในวันนี้เราภูมิใจที่จะนำเสนอ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกระดับ พร้อมที่จะให้ทุกท่านพิสูจน์ถึงสมรรถนะอันเป็นเลิศ ทั้งด้านความทนทาน เกาะถนน การทรงตัว และความแม่นยำในการควบคุมพวงมาลัย ซึ่งเราเสนอสมรรถนะอันดีเยี่ยมเช่นนี้สู่รถยนต์ทุกคันของเรา ไม่ว่าจะมองหารถครอบครัวที่ไว้ใจได้ หรือรถสปอร์ตที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ เราเชื่อว่าความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และการเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ในทุกด้านของเรา จะช่วยให้เราสร้างยานพาหนะที่ล้ำหน้า และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบ และตอบโจทย์ทุกความต้องการให้กับลูกค้าของเรา” นายณัทธร กล่าวด้วยความมั่นใจ

                     “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

โตโยต้า ประกาศผล อาชีวะ ท้าแต่งแซด กับ ไฮลักซ์ รีโว่-ดี แซดอิดิชั่น

โตโยต้า ประกาศผลงานสร้างสรรค์ไอเดียการแต่งรถโตโยต้า “อาชีวะ ท้าแต่งแซด กับ ไฮลักซ์ รีโว่-ดี แซดอิดิชั่น”

กิจกรรมสร้างสรรค์ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวะจ.ชลบุรี จัดไปเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ TOYOTA ALIVE มีนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันอาชีวะใน จ.ชลบุรี ผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาแต่งรถจริงทั้งหมด 4 ทีม โดยได้รับรถกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่-ดี แซต อิดิชั่น พร้อมงบประมาณ 50,000 บาท และชุดล้อแม็กซ์ Cosmis นำไปตกแต่งตามไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้เกณฑ์การตัดสินรอบสุดท้ายได้แก่

• คอนเซ็ปแนวคิดในการออกแบบ และการประกอบออกมาเป็นรถจริง

• การออกแบบความสวยงามของตัวรถทั้งภาพรวม และอุปกรณ์ตกแต่ง

• การนำของแต่งที่มีอยู่ในท้องตลาดมาปรับใช้

• ความถูกต้องทางกฎหมาย และสามารถใช้งานได้จริง

• การจัดสรรภายในงบประมาณที่มอบให้

คณะกรรมการตัดสิน ประกอบด้วยผู้บริหารจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตัวแทนจาก สำนักงานคณะกรรมการอาชีวะตัวแทนผู้แทนจำหน่ายโตโนต้าในจังหวัดชลบุรี และพาร์ทเนอร์ อาทิ อีซียูช็อป พีเอสพีช็อป ได้ผู้ชนะการประกวดดังนี้

รางวัลชนะเลิศ ทีม “บุญตะคำฐานวิทย์” จาก วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์(ชลบุรี) โดยมี คุณอลงกรณ แซ่ตั้ง จาก “เม้งการยาง” เป็นที่ปรึกษา รับทุนการศึกษา 100,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล และเกียรติบัตร

รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ทีม “เทคโนชล25” จาก วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี โดยมี “คุณเอ็กซ์” จาก “บางแสนซ็อป” เป็นที่ปรึกษา รับทุนการศึกษา 50,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร

รองชนะเลิศอันดับสอง ทีม “REVODZeTECH_01” จาก วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) โดยมี “คุณอำพล ศรีวชิรกุล” จาก “ต็อด โมดิฟาย” เป็นที่ปรึกษา รับทุนการศึกษา 30,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร

โตโยต้าขอแสดงความยินดี และชื่นชมความสามารถของนักศึกษาทุกท่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถต่อยอดประสบการณ์ที่ได้รับจากกิจกรรมนี้ได้ต่อไปในอนาคต ติดตามชมรถแต่งทั้ง 3 คันได้ที่งาน“Racing Mania” บางแสน จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 1-2 กรกฏาคม ศกนี้ ขอขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการอาชีวะ คณะครูอาจารย์ พาร์ทเนอร์ และ ร้านประดับยนต์ต่างๆ ที่สนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ 

ไทยฮอนด้า ประกาศแต่งตั้ง ดร.อารักษ์ พรประภา ขึ้นเป็นประธานบริษัทฯ

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตจัดจำหน่ายและส่งออกรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้า ประกาศแต่งตั้ง ดร.อารักษ์ พรประภา ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน (Chairman) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2566 เป็นต้นไป

ดร.อารักษ์ พรประภา เริ่มทำงานกับทางบริษัทฯ มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น และเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในหลายโครงการของฮอนด้า โดยเฉพาะโครงการในสายงานขับขี่ปลอดภัย และสายงานกีฬายานยนต์ รวมถึงบทบาทสำคัญในการร่วมพัฒนาธุรกิจสู่การเป็นผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทยมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

ดร.อารักษ์ พรประภา ในฐานะประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จะผนึกกำลังร่วมกับ มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร ในการดำเนินธุรกิจของไทยฮอนด้า เพื่อส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับคนไทยต่อไปอย่างยั่งยืน

อาวดี้ ประเทศไทย เปิดให้จอง RS Q8

ฉลองครบรอบ 40 ปี Audi Sport  อาวดี้ ประเทศไทย เปิดให้จอง RS Q8 พี่ใหญ่ตระกูล RS แรงสุด 600 HP พร้อมสีใหม่ Exclusive Color 3 สี สาย Performance ห้ามพลาด

รถยนต์ในตระกูล RS มีรากฐานมาจาก Audi Sport ทุกรุ่นสะท้อนถึงความหลงใหลในการพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นแล้วรุ่นเล่ามากว่า 40 ปี สมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ตอันเร้าใจและความลงตัวกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน คือ หัวใจของการพัฒนารถในตระกูล RS ที่ Audi Sport ใช้มาตั้งแต่ปี 2014 และเป็นกลยุทธ์หลักในการพัฒนา Product Portfolio ของรถในตระกูล RS ให้มีความแข็งแกร่ง เข้าถึงความต้องการของลูกค้า ตอบโจทย์แฟนอาวดี้ในหลากหลายเซกเมนต์ได้อย่างลงตัว 

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทยกล่าวถึงโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 40 ปี Audi Sport “Audi Sport เปิดตัวกลุ่มรถในตระกูล RS ด้วย portfolio ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ AUDI AG ภายใต้กลยุทธ์ “RS Model Offensive” ตอกย้ำจุดยืนความสปอร์ตสมรรถนะสูง ไม่ว่าจะเป็น TT RS ทั้ง Coupe และ Roadster, RS 6 Avant Performance, RS 7 Sportback Performance, RS Q3 และ RS Q8 พร้อมอัพเกรด RS 4 Avant, RS 5 Coupé and RS 5 Sportback

การพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงของรถในตระกูล RS ในรุ่น prototype ของ Audi Sport ถูกพัฒนาและส่งต่อสู่สายการผลิต และวางจำหน่ายทั่วโลกอย่างทันท่วงที และสำหรับการเปิดตัวในประเทศไทย เราได้เปิดตัวรถยนต์ในตระกูล RS เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในเซกเมนต์ High Performance มาแล้ว 9 รุ่น ทั้งเครื่องยนต์สันดาปและไฟฟ้า 100% และได้รับเสียงตอบรับจากแฟนอาวดี้ในประเทศไทยเป็นอย่างดี เครื่องยนต์เหนือชั้นสมรรถนะอันยอดเยี่ยมและราคาต่อแรงม้าที่คุ้มค่า ประกอบกับจุดเด่นของรถในตระกูล RS ซึ่งเป็นรถยนต์นำเข้า 100% สมรรถนะแบบ Supercar ประสบการณ์ขับขี่แบบสปอร์ต การเปิดโอกาสให้แฟนอาวดี้ได้ทดลองขับรถในตระกูล RS หลากหลายรุ่นก่อนตัดสินใจซื้อ และที่สำคัญประสบการณ์อันน่าประทับใจที่ Audi Fan บอกต่อ ทำให้ RS เซกเมนต์ในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง เรามุ่งมั่นที่จะนำรถในตระกูล RS ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และ Edition พิเศษ ที่น่าสะสมมาให้แฟนอาวดี้ในประเทศไทยได้เป็นเจ้าของ” 

Audi Sport  ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงสร้างภาพลักษณ์ให้กับรถยนต์ในตระกูล RS แต่เป็นการนำเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตมาสู่การใช้งานในชีวิตประจำวัน  Audi RS ใหม่ทุกคันถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวความคิดที่จะส่งต่อสุดยอดสมรรถนะเครื่องยนต์สันดาป การผสมผสานไดนามิกการขับขี่ และการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ลงตัวที่สุดกับแฟนอาวดี้ จากอดีตมุ่งสู่อนาคต กว่า 40  ปีแล้ว ไม่เพียงแต่เป็นความท้าทายของมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตรฐานสำหรับการผลิตยานยนต์ของ Audi Sport ให้กับรถในตระกูล RS ของ Audi ทุกรุ่นที่จะต้องผ่านการทดสอบอันทรหดระยะทางหลายพันกิโลเมตรที่ Nürburgring ที่เป็นสนามแข่งที่โหดที่สุดในโลก ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนารถยนต์ในตระกูล RS ทุกรุ่นได้รับการทดสอบที่นั่นภายใต้สภาวะที่รุนแรงและเตรียมพร้อมสำหรับการผลิต

Audi RS Q8 – Performance is an attitude.

SUV Coupe อันทรงพลังที่สุดในตระกูล RS จาก Audi Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ให้พละกำลัง 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม ในเวลาเพียง 3.8 วินาที พร้อมกระตุ้นโสตประสาทให้เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยระบบท่อไอเสียแบบ RS Sport กระหึ่มดุดันพร้อมสะกดทุกสายตา 

Audi RS Q8 คือ SUV Coupe ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วย DNA รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ทรงพลัง พร้อมโลดแล่นบนท้องถนนให้คุณรีดสมรรถนะจากขุมพลัง V8 เทอร์โบคู่เครื่องยนต์เบนซิน รูปลักษณ์อันโดดเด่นที่มีรากฐาน Design language ของตระกูล RS กระจังหน้าลายรังผึ้งขนาดใหญ่ภายใต้กรอบกระจังทรง 8 เหลี่ยม พร้อมตกแต่งชายล่างใต้กันชนหน้าและครีบแนวตั้งด้านข้างสีดำเงา ดุดัน มั่นใจ สุดยอดความสมบูรณ์แบบของ SUV Coupe ขนาดใหญ่จาก Audi Sport 

การออกแบบที่สะท้อนตัวตนของ Audi อันเป็นเอกลักษณ์ แผงควบคุมภายใต้กรอบสีดำเงาบริเวณคอนโซลหน้าได้รับการออกแบบให้กลมกลืนและเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างลงตัว แนวเส้นที่ลากยาวด้านหน้าให้ความรู้สึกของความกว้างขวาง ห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ตขั้นสุดผสานกับความล้ำสมัยตกแต่งภายในด้วยลาย Matte Carbon และหุ้มแผงประตูพร้อมตกแต่งคอนโซลกลางด้วย Alcantara การผสมผสานอย่างลงตัวของการออกแบบร่วมสมัยและ DNA มอเตอร์สปอร์ตแบบ Central command ทำให้การตกแต่งภายในของ Audi RS Q8 เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ และสะดวกสบายกับการใช้งานที่ลงตัวในทุกไลฟ์สไตล์ ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ มอบประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดระดับคอนเสิร์ตฮอลล์ คุณภาพเสียงสมบูรณ์แบบผ่านลำโพงคุณภาพสูง 17 ตำแหน่งที่มีกำลังขับรวม 730 วัตต์ 

สปอร์ตเอสยูวีคูเป้ตัวแรง Audi RS Q8 เปิดให้สั่งจองสีพิเศษ Exclusive Colors เพิ่มเติมอีก 3 สี  ได้แก่ 

•Misano red, pearl effect

•Merlin, pearl effect

•Camouflage green, metallic

Audi เป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคันคุณภาพมาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าอาวดี้สามารถมั่นใจกับงานบริการหลังการขาย ซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกสาขา เปิดบริการในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00-20.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-18.00 น. หรือโทรนัดหมายได้ที่

Audi Centre Thailand              02-765-8888            

Audi New Petchburi                02-023-4888

Audi Pattaya                           038-197-888

Audi Phuket                            076-646-666

Audi Service Chiang Mai        052-081-188

Audi Service Ratchapruek      02-034-5888

Audi Udonthani                       093-161-5588

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save