- Advertisement -
27.7 C
Bangkok
Home Blog Page 89

โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวอัครยานยนต์ไฟฟ้า สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก เปิดตัว “สเปกเตอร์” ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท

สเปกเตอร์ ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

•ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ นำทุกท่านสู่ยุคใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

•ทั่วโลกให้กระแสตอบรับดี และเป็นที่ต้องการสูง กำหนดรับรถยาวตลอดปี 2567

•ประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เรามีความยินดี ที่ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัว โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถที่มีการพูดถึงและได้รับความสนใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรถยนต์รุ่นนี้ก็นับเป็นยนตรกรรมที่มีความสำคัญกับการก้าวสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของเรา ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นร่วมสมัย ผสานห้องโดยสารที่เอื้อต่อการตกแต่งแบบ Bespoke แบบไร้ขีดจำกัด ร่วมกับความล้ำสมัยในเชิงวิศวกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ สเปกเตอร์ มีจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ” ไอรีน นิคเคียน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส

“ประเทศไทยเปรียบได้กับศูนย์กลางแห่งความหรูหราในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนของเจ้าของกิจการและผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง สเปกเตอร์ ก็นับว่ามาเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ คันนี้ นับว่าอยู่ในจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ และกระผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วม ในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้กับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ โรลส์-รอยซ์” กฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก

ปี 2564, โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ทำการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเป็นทิศทางไปสู่อนาคตของแบรนด์ โดย โรลส์-รอยซ์ ยืนยันความแน่วแน่ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรุ่น ‘สเปกเตอร์’ (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 พร้อมตั้งเป้ายุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาป และทำให้ยนตรกรรมที่จำหน่ายขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 ซึ่งนับตั้งแต่การประกาศสำคัญในครั้งนั้น สเปกเตอร์ ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบอย่างเข้มข้น เป็นระยะทางรวมระยะทางกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตร และเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ณ Home of Rolls-Royce เมือง West Sussex ประเทศอังกฤษ พร้อมเสียงตอบรับที่เยี่ยมจากทั่วโลก

ปัจจุบัน กำหนดส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าท่านแรกใกล้เข้ามาทุกขณะ สเปกเตอร์ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พร้อมเผยโฉมของยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก สู่สายตาของลูกค้าและสื่อมวลชนในภูมิภาคนี้ เพื่อแสดงถึงทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้า โรลส์-รอยซ์ ในอนาคต

สเปกเตอร์ คือ ผู้เปิดตำนานอันน่าตื่นเต้นบทใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของยุคแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลิ่อนด้วยไฟฟ้าของแบรนด์ โดยยนตรกรรมรุ่นดังกล่าว นับเป็นการยืนยันถึงพันธสัญญา, ความแม่นยำแห่งการทำนาย และการพัฒนาอันน่าทึ่ง พร้อมแสดงให้เห็นว่า โรลส์-รอยซ์ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังคงรักษาเอกลักษณ์และจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ ควบคู่ไปกับเป้าหมายในการทำให้ยนตรกรรมทุกรุ่นที่จำหน่าย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีไฟฟ้ามายาวนาน โดยช่วงปี 2443 มร. ชาร์ลส์ โรลส์ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ได้ทำนายอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า หลังได้มีโอกาสขับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า ‘The Columbia Electric Carriage’ โดยเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบอันยั่งยืนของยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อาทิ การปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จรองรับอย่างเพียงพอ”

จากนั้นช่วงปี 2554 โรลส์-รอยซ์ ก็ได้เผยโฉมยนตรกรรมต้นแบบ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น แฟนธอม (Experimental Phantom concept) ภายใต้รหัส 102EX และตามมาด้วย 103EX ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสื่อถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ โรลส์-รอยซ์ ในอนาคตได้อย่างชัดเจน

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น

มาพร้อมแพ็กเกจ SPECTRE Ownership ดังนี้ :

•รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์

ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)*

•รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่นาน 10 ปี*

•โปรแกรมบำรุงรักษา (service inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง*

•ทีมบุคลากรของ โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทย ผ่านการอบรมพร้อมประกาศนียบัตรด้านการบำรุงรักษา สเปกเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

BYD SEAL เปิดตัวในราคาเริ่มต้น 1.325 ล้านบาท

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวรถ BYD SEAL รถยนต์ไฟฟ้านำเข้า รุ่น 3 ในประเทศไทยพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ราคา 1,325,000-1,599,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL ออกแบบมาด้วยมาให้โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัยอย่าง บีวายดี ซีล (BYD SEAL) มาพร้อมกัน 3 รุ่นย่อย (Dynamic, Premium, AWD Performance) ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อคได้อย่างง่ายดายผ่านคีย์เลส มือเปิดประตูแบบซ่อนจะเลื่อนออกมาให้ดึงประตูเปิด เมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับสิ่งแรกที่จะได้สัมผัสคือ Welcome seat ที่เบาะจะถอดออกอัติโนมัติเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าและออกได้อย่างคล่องตัว ห้องโดยสารวัสดุหนังสีดำในทุกรุ่น ออกแบบปราณีตในทุกรายละเอียด โดยสีภายนอกมี 4 สีให้เลือกแยกตามรุ่นดังนี้

• DYNAMIC = ขาว, ดำ

• PREMIUM = ขาว, ดำ, เทา

• AWD PERFOMANCE = ขาว, ดำ, เทา, ฟ้า

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด “BYD SEAL เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทุกท่านรอคอย และเป็นรุ่นที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบนด์บีวายดี โดยบีวายดี ซีล ยนตกรรมไฟฟ้าสปอร์ตซีดาน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน ความสะดวกสบาย หรูหรา ห้องโดยสารกว้างขวาง ขุมพลังที่แรงให้ผู้ขับขี่สนุกไปทุกการเดินทาง จะนำพาทุกท่านไปยังทุกการเดินทางได้อย่างผ่อนคลาย ด้วยราคาสุดพิเศษเพื่อคนไทย” กล่าว

BYD SEAL มาด้วยราคา

• DYNAMIC 1,325,000 บาท

• PREMIUM 1,449,000 บาท

• AWD PERFOMANCE 1,599,000 บาท

ส่วนทางด้านบริการหลังการขายนั้น คุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด กล่าว “Rever care เรามีให้ลูกค้าของ BYD SEAL ด้วยความพิเศษ มูลค่าถึง 230,000 บาท”

รายละเอียด REVER CARE มูลค่ารวม 230,000 บาท

1. ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน*

2. ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.ระยะเวลา 1 ปี

3. บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.*

4. รับประกันตัวรถ (Warranty) 8 ปี หรือ 160,000 กม.*

5. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.*

6. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม*

7. โฮมชาร์จเจอร์ยี่ห้อ ABB พร้อมการติดตั้ง*

8. สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ VTOL

9. สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger

10. ค่าจดทะเบียนรถ*

11. พรมเข้ารูป กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ

* ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

BYD SEAL (บีวายดี ซีล) พร้อมให้คุณสัมผัสและทดลองขับแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 นี้ ที่โชว์รูมบีวายดีทั่วประเทศ พร้อมให้บริการท่านมากกว่า 65 โชว์รูม คุณสามารถเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์ขุมพลังไฟฟ้าคันนี้ได้แล้ววันนี้ โดยมีรถส่งมอบให้กับลูกค้าทันทีภายในเดือนกันยายน 2566 จำนวน 1,782 คัน ภายในเดือนตุลาคม 2566 จำนวน 2,952 คัน

สำหรับรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL (บีวายดี ซีล)

-ที่สุดของ BYD OCEAN SERIES ดีไซน์สปอร์ตระดับท็อป ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวจากความสวยงามของศิลปะแห่งท้องทะเล พร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวเกินใครกับช่วงหน้ารถแบบ X-SHAPED DESIGN เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่ากับหลังคากระจกที่ทอดยาวทั้งห้องโดยสาร พร้อมดีไซน์ไฟ LED ด้านท้ายที่ล้ำสมัย แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งท้องทะเล

-ไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating เส้นสายที่ออกแบบให้บาง และ ลดแรงต้านอากาศของเลนส์ LED ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น

-ขนาดและมิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง : 4,800 x1,875 x1,460 mm ระยะฐานล้อกว้างถึง 2,920 mm

-ฝากระโปรงแบบโช้คอัพ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ช่องเก็บของด้านหน้าความจุ 50 ลิตร

-กระจกมองข้างทรงหยดน้ำ ปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง

-ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 235/45/19 ในรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE และ 18 นิ้ว 225/50/18 ในรุ่น Dynamic

-มือจับประตูที่เก็บซ่อนไปกับตัวรถ ช่วยจัดระเบียบอากาศ และ ลดแรงต้านของลม ซ่อนเก็บด้วยไฟฟ้า อัจฉริยะและเรียบหรูจะเปิดออกทันที เมื่อผู้ใช้ปลดล็อกด้วยระบบ Keyless entry

-ไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียว ประกอบด้วยไฟรูปหยดน้ำเรียงเป็นชั้น กันชนหลังที่โดดเด่น มีมิติที่คมชัด ตกแต่งทั้ง 2 ข้างด้วยดีไซน์โครงแบบรถแข่ง

-ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า ระบบป้องกันการหนีบอัจฉริยะ ตั้งระดับความสูงได้ตามความต้องการ

-หลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. ให้มุมมองที่กว้าง

-ภายในสีดำ หรูหรา สปอร์ต กว้างขวาง และ สะดวกสบาย เบาะนั่งทรงสปอร์ต ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท (เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMACE) และ ดับรถปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ

-เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศ และ ระบบอุ่นเบาะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในทุกรุ่น รุ่น Premium & AWD Performance เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Courtesy ฝั่งคนขับมีระบบปรับดันหลังได้ 4 ทิศทาง (Lumbar support) พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง (Memory Seat)

-หัวเกียร์ไฟฟ้าแบบคริสตัล

-เบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง เบาะปรับพับแยกได้แบบ 40/60

-e-platform 3.0 เอกสิทธิ์เฉพาะรถไฟฟ้าบีวายดี ที่มาพร้อมกับเทคโนโยลีการติดตั้ง—-แบตเตอรี่แบบ Cell To Body (CTB) พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ชุดประกอบโครงสร้างแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้สามารถปิดผนึกเข้าได้โดยตรงกับโครงสร้างรถยนต์อย่างลงตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการปิดผนึก และ การเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น

-การพัฒนาโครงสร้างเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ด้านหลัง มอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร + ด้านหน้า มอเตอร์อะซิงโครนัส

-ฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเสียง ด้วยการใช้เสียงสั่งงาน ใช้หน้าจอสัมผัส และใช้ปุ่มควบคุมต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องขยับมือ

-หน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1080P (1920×1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ CarPlay สำหรับอุปกรณ์ IOS หรือ Android Auto10 พร้อมหน้าหลังพวงมาลัย LCD ขนาด 10.25 นิ้ว

-ระบบเครื่องเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio

-ที่วางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายให้ถึง 2 ช่อง

-ระบบกรอง 5

-ใบปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติแบบไร้โครง หน้า/หลัง

-ฟังก์ชั่น VTOL Function-2.2kW

-ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง

-กล้องมองรอบคัน 360 องศาความคมชัดระดับสูง

-ลงทะเบียนเปิดใช้งาน BYD application เจ้าของรถจะสามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ จากระยะไกล ผ่าน BYD application ในโทรศัพท์มือถือได้

-HUD (Head UP Display) ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจากเครื่องบินทหารเพื่อให้แสดงผลการขับขี่ที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เนื้อหาที่จะแสดงผลนั้น ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วรถยนต์ที่จะแสดงในระดับสายตาบนกระจกบังลมหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้ เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE

-เรด้าห์แบบ Millimeter-Wave 5 ตำแหน่ง กล้องด้านหน้าสำหรับระบบ ADAS 1 ตำแหน่ง

-ระบบช่วยแจ้งเตือนการคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW)

-ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

-ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD)

-ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)

-ระบบช่วยเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA-B)

-ระบบช่วยรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA)

-ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)

-ระบบช่วยความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)

-ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICC)

-ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA)

-ระบบชวยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAW)

-ระบบกันสะเทือน ปีกนกคู่หน้า (Double Wishbone) มัลติลิงค์ (Five-Link) ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD) ควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD จึงปรับความนุ่มนวลและความแข็งของโช้คอัพได้โดยอัตโนมัติ การปรับเปลี่ยนแบบแปรผันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับทุกสภาพถนนในการขับขี่ เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น

-ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC)

-รัศมีวงเลี้ยว 7 เมตร

-ค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน (Cd ) ต่ำเพียง 219

-อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 8 วินาที (AWD PERFORMANCE)

-ระบบดิสก์เบรกแบบ 4 พอร์ต พร้อมคาลิปเปอร์+ ดิสก์เบรกระบายความร้อนพร้อมรูระบายความร้อน

-รองรับการชาร์จแบบ DC ที่กำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์

มูฟชีวิตไปให้สุดๆ กับยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ที่ทุกคนรอคอยจาก โตโยต้า “ALL-NEW YARIS CROSS – Move To The Max”

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ มร.โทรุ อุดะ หัวหน้าวิศวกร Emerging-market Compact Car Company ร่วมเปิดตัว “ALL-NEW YARIS CROSS” ยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานการใช้งานแบบ “URBAN x ADVENTURE” ตอบสนองการขับขี่ในเมืองที่คล่องแคล่ว สนุกสนาน และสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับ Top Class พร้อมเปิดตัวศิลปินชื่อดัง “อิ้งค์”  วรันธร เปานิล และ “บิวกิ้น” พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ในฐานะพรีเซ็นเตอร์เพื่อเสริมภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ ที่มีความโดดเด่น ล้ำสมัย โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเปิดตัว ALL-NEW YARIS CROSS  ต่อสื่อมวลชนว่ “โตโยต้าแนะนำ YARIS Hatchback ในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2548  ก่อนการแนะนำรถยนต์ ECO Sedan YARIS ATIV ในปี พ.ศ. 2560 Compact car รุ่นนี้ครองใจกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาว และขยายฐานลูกค้าโตโยต้าทั่วโลก ทำให้ยอดผลิตสะสมของ YARIS ในประเทศไทยปัจจุบันมีจำนวนมากถึงกว่า 1 ล้านคัน ในขณะที่ยอดจำหน่ายสะสมในประเทศของ YARIS อยู่ที่กว่า 630,000 คัน ขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่าน สำหรับความไว้วางใจ และให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นโครงการ YARIS และ YARIS ATIV นี้ ยังมีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยกว่า 19,000 ล้านบาท  ที่สำคัญมีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศถึงกว่า 80%”

มร.ยามาชิตะ กล่าวต่อไปว่า “วันนี้เรามีความยินดีที่จะแนะนำรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้ซีรีส์ของ YARIS ยนตรกรรมที่ผสานความเป็นเลิศของรถยนต์ Compact car สอดรับกับสภาพชีวิตในเมืองได้เป็น   อย่างดี ควบคู่ไปกับความมุ่งเน้น และความเอาใจใส่ทางด้านสภาพแวดล้อมไปพร้อมกัน นั่นคือ ALL-NEW YARIS CROSS โดยรถ SUV ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะตอบสนองความต้องการที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่วยในการบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอีกด้วย ที่สำคัญรถรุ่นนี้จะผลิตภายใต้คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของโตโยต้า ณ โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยโครงการนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยถึงกว่า 3,300 ล้านบาท ซึ่งจะมาสร้างความตื่นเต้น เร้าใจ ให้กับผู้ครอบครองที่เป็นคนหนุ่มสาว เหมาะกับกิจกรรมทุกรูปแบบ กับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์  “Urban” และ “Adventure”

มร.โทรุ อุดะ หัวหน้าวิศวกร กล่าวถึงการพัฒนา ALL-NEW YARIS CROSS ว่า “ในขั้นตอนการพัฒนา เราคำนึงถึงกิจกรรม สถานที่ และความรู้สึกหลากหลายที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ เราได้พบปะและพูดคุยกับลูกค้าจริงในหลายพื้นที่ เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า และทำการรวบรวมไอเดียของทีมงานว่าจะสามารถสร้างรถยนต์ที่เหนือความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างไรบ้าง และได้ข้อสรุปว่า YARIS CROSS คือคำตอบที่เรามองหา เราเริ่มต้นพัฒนาด้วยมุมมองที่สดใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น โดยการรวม 2 คอนเซ็ปท์เข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือ “Youthful” และ “Fun-to-drive” รวมถึงความอเนกประสงค์ และสมรรถนะของรถ Crossover จุดประสงค์ของเราก็คือการสร้างรถยนต์ที่ผสมผสานความคล่องแคล่วของ Compact SUV เข้ากับความแข็งแกร่งของ High-end SUV ได้อย่างลงตัว สิ่งที่ได้ก็คือรถยนต์ที่มีความโดดเด่น แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างแท้จริง ตอบสนองการเดินทางที่ดีที่สุดให้กับคนรุ่นใหม่ และครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์กระฉับกระเฉง รวมไปถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงจุดเด่นของรถรุ่นนี้ว่า YARIS CROSS จะมาสร้างกระแส และยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับรถ SUV เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลาย ต้องการรถที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ซึ่ง YARIS CROSS มีขนาดตัวรถที่ใหญ่ พร้อมสเปคครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า เป็นเจ้าของได้ง่าย โดยมีความโดดเด่นในด้านของดีไซน์ ทั้งภายนอก และภายใน สมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัว และมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กม. / ลิตร ด้วยระบบโตโยต้าไฮบริด นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed ให้ความมั่นใจในการขับขี่ รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง และสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร เรายังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกถึง 2 แพ็กเกจ ได้แก่ “Urban Sport” สไตล์สปอร์ตพรีเมียม และ “Modellista” สไตล์สปอร์ตหรู ซึ่งสามารถผ่อนชำระรวมกับตัวรถได้ เรายังมีโปรแกรมทางการเงินพร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวให้ลูกค้าทุกท่านเป็นเจ้าของได้ง่ายที่สุด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้า เช่น ไม่ต้องดาวน์ หรือรับส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม รวมทั้งการใช้รถรูปแบบใหม่ KINTO มาเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังนำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยี Connected เพื่อความสะดวกสบาย และประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องประกันภัย และการบำรุงรักษา”

นายศุภกร กล่าวถึงแผนการตลาดในการเปิดตัวรถรุ่นนี้ว่า “เราสื่อสารจุดขายของ YARIS CROSS ผ่านไลฟ์สไตล์ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายภายใต้แนวคิด “Move To The Max มูฟชีวิตไปให้สุดๆ” สื่อถึงรถ SUV   ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เต็มที่ในทุกๆ ด้าน ทั้งการทำงาน และกิจกรรมที่ชื่นชอบ โดยเน้นการใช้สื่อที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งสื่อ Out of Home ในสถานที่ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ อย่างเช่น ในพื้นที่สยามสแควร์แห่งนี้”

ALL-NEW YARIS CROSS Move to the Max มูฟชีวิตไปให้สุดๆ”

1. การออกแบบภายนอกแบบ SOLID x DYNAMIC”

สะท้อนความแข็งแรง ทรงพลัง ตอบสนองไลฟ์สไตล์แอคทิฟ พร้อมลุยไปทุกที่ เสริมความทันสมัยด้วยเส้นสายของตัวรถ สะท้อนภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ พร้อมสีภายนอกให้เลือกถึง 6 สี และตัวเลือกหลังคาดำ

2. การออกแบบภายในแบบ ROOMY x SPORTY”

เน้นภาพรวมห้องโดยสารกว้างขวาง สบายตา โดยใช้หลักเส้นนำสายตาที่เป็นเส้นตรงลากยาวบริเวณคอนโซลด้านหน้า เสริมดีกรีความสปอร์ตด้วยการออกแบบที่นั่งฝั่งผู้ขับขี่ให้มีดีไซน์แบบ “Driver-Oriented Cockpit” เพิ่มความพรีเมียมด้วยการตกแต่งภายในด้วยวัสดุบุนุ่ม วัสดุหุ้มเบาะนั่ง พร้อมเทคโนโลยี “QUOLE MODULE ®”  ช่วยลดการสะสมความร้อนบนผิวสัมผัส ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารปรับได้ 14 เฉดสี ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว

3. สมรรถนะการขับขี่

เครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราเร่งดี ห้องโดยสารเงียบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัตราการปล่อย CO2 ต่ำประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาสถึง 26.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)

4. อุปกรณ์ความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานครบครัน ระบบการควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control ระบบป้องกันการหมุนฟรีของล้อ Traction Control System ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กล้องบันทึกด้านหน้า-หลัง สัญญาณเตือนกะระยะหน้า-หลัง 4 จุด และชุดซ่อมยางฉุกเฉิน พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยทันสมัยมากมาย กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM & RCTA และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

5. อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

รองรับ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ลำโพง Pioneer 6 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ALL-NEW YARIS CROSS

  • ขนาดรถยนต์
ยาว x กว้าง x สูง (มม.)4,310 x 1,770 x 1,615
ความยาวฐานล้อ หน้า / หลัง  (มม.)2,620
ความกว้างฐานล้อ หน้า (มม.)1,525
ความกว้างฐานล้อ หลัง (มม.) 1,520
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.)210
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร)5.2
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)36
  • เครื่องยนต์
แบบไฮบริด 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี)1,496
กำลังสูงสุด (PS / รอบต่อนาที) 91 / 5,500
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร / รอบต่อนาที)121 / 4,000-4,800
ระบบเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงE20
  • มอเตอร์ไฟฟ้า
ประเภทซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด (โวลต์)580
กำลังสูงสุด (PS)80
แรงบิดสูงสุด  (นิวตัน-เมตร)141
  • แบตเตอรี่ไฮบริด
ประเภทของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion)
แรงดันไฟฟ้า (โวลต์)177.6
ความจุไฟฟ้า (แอมแปร์-ชั่วโมง)4.3
  •  เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด (PS)111
  • ระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับ
ระบบขับเคลื่อนขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ  E-CVT
ระบบกันสะเทือนหน้า : อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงหลัง : ทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกดิสก์เบรก / ดิสก์เบรก
ล้อและยางล้ออัลลอย ขนาด 215/55 R18 และ 215/60 R17

รุ่น HEV SMART

ตอบโจทย์การขับขี่ทั้งในเมือง และทางไกล พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยครบครัน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ไฟหน้า และไฟท้าย Full LED
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home
  • ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว
  • ภายในสีดำ พร้อมเบาะหนัง PU และ PVC

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

  • ระบบ Push Start & Smart Entry
  • หน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย
  • จอ MID แบบ Digital ขนาด 7 นิ้ว
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5
  • ช่องปรับอากาศตอนหลัง
  • ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง (หน้า x2, หลัง x2)

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC)
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมระบบ Speed Auto Lock
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตําแหน่ง
  • กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
  • สัญญาณเตือนกะระยะ (หลัง 2 จุด)

** ราคา HEV SMART **

789,000 บาท

สีพิเศษ +7,000 บาท

• Dark Turquoise

• Platinum White Pearl

• Spicy Scarlet

รุ่น HEV PREMIUM

เพิ่มความคุ้มค่า ทันสมัย ตอบโจทย์ลูกค้าคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น สามารถเป็นเจ้าของได้อย่างภาคภูมิใจ       ด้วยเทคโนโลยีของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัย

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ไฟหน้า และไฟท้าย Full LED
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home
  • ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว
  • ภายในสีดำ พร้อมเบาะหนัง PU

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

  • ระบบ Push Start & Smart Entry
  • หน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย
  • จอ MID แบบ Digital 7 นิ้ว
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5
  • ช่องปรับอากาศตอนหลัง
  • ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง (หน้า x2, หลัง x2)
  • พิเศษเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC)
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมระบบ Speed Auto Lock
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตําแหน่ง
  • กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
  • สัญญาณเตือนกะระยะ (หน้า 2 จุด – หลัง 2 จุด)
  • กล้องบันทึกภาพด้านหน้า
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
  • ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดวิธี
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาทีกระจกมองข้าง BSM & RCTA
  • พิเศษToyota Safety Sense

** ราคา HEV PREMIUM **

849,000 บาท

สีพิเศษ +12,000 บาท

• Platinum White Pearl / Black Roof

สีพิเศษ +8,000 บาท

• Metal Stream Metallic / Black Roof

สีพิเศษ +7,000 บาท

• Dark Turquoise

• Platinum White Pearl

• Spicy Scarlet

รุ่น HEV PREMIUM LUXURY

ที่สุดของการออกแบบ ทั้งภายนอก และภายใน พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัย ระดับ Top Class

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ไฟหน้า และไฟท้าย Full LED
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home
  • พิเศษล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน ขนาด 18 นิ้ว
  • พิเศษภายในสีเทา-ดำ / ดำ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) พร้อมเบาะหนัง PU
  • พิเศษ! หลังคาแบบ Panoramic แบบ Fixed Type พร้อมม่านปรับไฟฟ้า
  • พิเศษไฟ Welcome Lamp ที่กระจกมองข้าง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

  • ระบบ Push Start & Smart Entry
  • หน้าจอสัมผัส ชนาด 10 นิ้ว
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย
  • จอ MID แบบ Digital 7 นิ้ว
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมกรองฝุ่น PM 2.5
  • ช่องปรับอากาศตอนหลัง
  • ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง (หน้า x2, หลัง x2)
  • พิเศษลำโพง Pioneer 6 ตำแหน่ง
  • พิเศษเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • พิเศษประตูหลังไฟฟ้า พร้อม Kick-Activated
  • พิเศษอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC)
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมระบบ Speed Auto Lock
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตําแหน่ง
  • สัญญาณเตือนกะระยะ (หน้า 2 จุด – หลัง 2 จุด)
  • กล้องบันทึกภาพด้านหน้า-หลัง
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
  • ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดวิธี
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM & RCTA
  • พิเศษกล้องมองภาพรอบคัน Panoramic View Monitor
  • พิเศษToyota Safety Sense
  • พิเศษระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติ

** ราคา HEV PREMIUM LUXURY **

899,000 บาท

สีพิเศษ +12,000 บาท

• Dark Turquoise / Black Roof

• Platinum White Pearl / Black Roof

• Spicy Scarlet / Black Roof

สีพิเศษ +8,000 บาท

• Metal Stream Metallic / Black Roof

สีพิเศษ +7,000 บาท

• Dark Turquoise

• Platinum White Pearl

• Spicy Scarlet

เลือกเป็นเจ้าของ ALL-NEW YARIS CROSS

ได้ 3 รุ่นย่อย ด้วยสีภายนอก 6 สี พร้อมตัวเลือกหลังคาดำ และสีภายใน 2 สี

สีภายนอก

• สีขาว Platinum White Pearl                      • สีดำ Attitude Black Metallic

• สีเงิน Metal Stream Metallic                     • สีเทา Urban Metal

• สีแดง Spicy Scarlet                                  • สีน้ำเงิน Dark Turquoise

สีภายนอกแบบทูโทน (หลังคาดำ)

• สีขาว-ดำ Platinum White Pearl/Black Roof* • สีเงิน-ดำ Metal Stream Metallic/Black Roof*

• สีแดง-ดำ Spicy Scarlet/Black Roof**           • สีน้ำเงิน-ดำ Dark Turquoise/Black Roof**

สีภายใน (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)

• สีดำ                                                             • สีเทา- ดำ**

ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ALL-NEW YARIS CROSS วันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ!**

?  ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.75% (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน) เฉพาะโตโยต้าลิสซิ่ง, ธนาคารทหารไทยธนชาต 
?  ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,841 บาท (ดาวน์ 25% ผ่อน 96 เดือน) คำนวณจากรุ่น HEV Smart ราคา 789,000 บาท เฉพาะโตโยต้า ลิสซิ่ง

* เฉพาะรุ่น HEV PREMIUM และ HEV PREMIUM LUXURY

** เฉพาะรุ่น HEV PREMIUM LUXURY

** *สำหรับสีพิเศษ    

  • สี Dark Turquoise (Black Roof), สี Platinum White Pearl (Black Roof), สี Spicy Scarlet (Black Roof) เพิ่ม 12,000 บาท
  • สี Metal Stream Metallic (Black Roof) เพิ่ม 8,000 บาท
  • สี Dark Turquoise, สี Platinum White Pearl, สี Spicy Scarlet  เพิ่ม 7,000 บาท                               

**** เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เสริมความโดดเด่นเหนือใครด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

  • URBAN SPORT สไตล์สปอร์ตพรีเมียม             ราคา    15,200 บาท
  • MODELLISTA สไตล์สปอร์ตลักชูรี                    ราคา    22,900 บาท

ผ่อนเพิ่ม เริ่มต้นเพียง 208 บาท/เดือน (ดาวน์ 25% ผ่อน 96 เดือน)

มูฟชีวิตไปให้สุด กับ ALL-NEW YARIS CROSS “Move To The Max” ได้แล้ววันนี้ ทดลองขับได้ที่ Toyota ALIVE บางนา ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม เป็นต้นไป

และ พบกับกิจกรรมเปิดตัวในวันที่ 14-15 ตุลาคม ศกนี้ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

สรยท. เปิดโผ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023

สรยท.ออกสตาร์ทคัดรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 พ่วงด้วย THAILAND EV OF THE YEAR 2023 สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV สำหรับผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและได้รับอนุมัติแผนการลงทุนในประเทศไทยจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 

รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นแบบ Model Change หรือ All New ปี 2566 รอบแรกเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR มีการกลั่นกรองรถยนต์ผ่านตามหลักเกณฑ์ทั้งหมด 11 รุ่น จาก 7 แบรนด์รถยนต์ ประกอบด้วย

1.BMW 750e 2.BMW X1 3.GWM Tank 300 4.GWM Tank 500 5.Honda CR-V 6.Honda WR-V 7.Hyundai Stargazer 8.Mercedes-Benz GLC350e 9.Mercedes-Maybach S580e 10.Mitsubishi Triton และ 11.Toyota Innova Zenix

ทั้งหมดนี้เป็นรถยนต์ที่ผลิต-ประกอบในประเทศไทย และกลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566

นายวชิระ เรืองมาลัย

นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 เปิดเผยขั้นตอนการตัดสินและมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ว่า หลังจากนี้จะส่งรายชื่อรถยนต์ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดให้กับสมาชิกสรยท.โหวตคัดเลือกรถยนต์รอบแรกจำนวนกึ่งหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้ายซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนามโดยคณะสื่อมวลชนที่มีความรู้ ประสบการณ์ ในการทดสอบรถยนต์ของเมืองไทยต่อไป

การทดสอบภาคสนามในรอบ 2 นั้น เป็นการร่วมให้คะแนนของสื่อมวลชนสายยานยนต์ ตั้งแต่ระดับบรรณาธิการ คอลัมนิสต์ จนถึงผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมากกว่า 20-30 ปี เป็นการให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ของการตัดสินรางวัล European Car of The Year ของยุโรป และ Japan Car of The Year ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดเลือกรถยนต์เพียง 1 รุ่น ให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศไทย

นอกจากนี้ในการทดสอบภาคสนาม สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้เชิญผู้แทนจากภาครัฐ คือ สถาบันยานยนต์ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ร่วมให้ข้อมูล และร่วมสังเกตการณ์ กระบวนการทดสอบและให้คะแนนในรอบสุดท้ายของคณะกรรมการฯ อีกด้วย

นายสุรศักดิ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าในปี 2566 คณะกรรมการสรยท.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 ดำเนินการคัดเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่เปิดตัวในประเทศไทย ช่วงเวลาเดียวกับการคัดเลือกรถยนต์ยอดเยี่ยม เพื่อมอบรางวัลรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายอดเยี่ยมของไทย หรือ THAILAND EV OF THE YEAR 2023

อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปัจจุบัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่เปิดตัวและจำหน่ายในประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศทั้งคันหรือ CBU ดังนั้นในปี 2566 ซึ่งถือเป็นการริเริ่มการให้รางวัล THAILAND EV OF THE YEAR และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ จึงจัดร่างกฎเกณฑ์และกติกา การพิจารณาตัดสินรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 โดยคัดเลือกเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้าของภาครัฐ ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการตั้งโรงงานผลิต และประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ในประเทศไทย รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริการลงทุน (BOI) ทั้งนี้ถือเป็นกติกาเฉพาะ สำหรับใช้พิจารณาคัดเลือกและตัดสินในปี 2566 เท่านั้น

โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกในรอบแรกของ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 มีทั้งหมด 11 รุ่น ประกอบด้วย

1.BYD Atto 3 2.BYD Dolphin 3.BYD Seal 4.GAC Aion Y Plus 5.Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ 6.Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line 7.Mercedes-Benz EQE 350 AMG SUV AWD 8.Mercedes-Benz EQS 500 4Matic AMG Premium 9.MG 4 Electric 10.MG Maxus 9 และ 11.Toyota bZ4X

หลังจากให้สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้ร่วมโหวตคัดเลือกรถยนต์ให้เหลือกึ่งหนึ่งแล้ว จะนำเข้าสู่กระบวนการให้คะแนนภาคสนามเช่นเดียวกับรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี

สำหรับระยะเวลาในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 จะใช้เวลาดำเนินการอีกประมาณ 4 สัปดาห์หลังจากนี้ โดยการตัดสินรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) จะประกาศให้ทราบพร้อมกันในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ศกนี้ ณ ศูนย์ประชุม เดอะฮอลล์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร

มาสด้า อัดยาแรงกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปี

มาสด้า มัดใจลูกค้าด้วยโปรแกรม MAZDA ULTIMATE SERVICE ดูแลฟรีตลอด 5 ปี เปิดตัว CPO MARKETPLACE ซื้อขายรถมาสด้ามือสองคุณภาพดีบนออนไลน์ 24 ชั่วโมง

5 ตุลาคม 2566 : มาสด้า อัดยาแรงกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปี ลูกค้าได้เฮลั่นเมื่อออกรถใหม่ รับทันที Mazda Ultimate Service (MUS) หรือ โปรแกรมบริการหลังการขายที่คุ้มครองและดูแลรถตลอด 5 ปี ครอบคลุมทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว การขยายการรับประกันคุณภาพ 5 ปี 150,000 กิโลเมตร รวมถึงมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และฟรีประกันชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมสูงสุดกว่า 100,861 บาท* พร้อมเปิดตัวช่องทางจำหน่ายรถมาสด้ามือสองคุณภาพดี Mazda CPO Marketplace บนแพลตฟอร์มออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลือกซื้อรถมือสองที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองจากมาสด้า โดยไม่จำกัดทั้งเวลาและสถานที่ หลังประสบความสำเร็จจากโครงการ Mazda CPO ที่เปิดตัวไปเมื่อก่อนหน้านี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมหรือเลือกซื้อได้ทาง  https://certified.mazda.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะมีความคึกคักและแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ล้วนเกิดจากปัจจัยสนับสนุนเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าประเทศมากขึ้น ผลักดันให้เกิดความต้องการรถยนต์มากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตทั้งเครื่องยนต์สันดาปหรือรถไฟฟ้า ล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและความต้องการในการเปลี่ยนรถของลูกค้าเร็วขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่การบริโภคจะเป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมาสด้า เราเตรียมเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อเสริมไลน์อัพในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเช่นกัน เชื่อว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และกลายเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าและแฟนๆ มาสด้าในประเทศไทย

ไม่เพียงแค่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์เท่านั้น มาสด้ายังให้ความสำคัญสูงสุดกับกับการสร้างคุณค่าแบรนด์ และความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในระยะยาว โดยเฉพาะประสบการณ์และคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ ด้วยการรับฟังความต้องการของลูกค้าเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการนำเอาโปรแกรมบริการหลังการขายที่มอบความคุ้มครองและดูแลรถให้กับลูกค้าตลอด 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ที่ครอบคลุมทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว ฟรีขยายการรับประกันคุณภาพ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. กลับมามอบให้ลูกค้าอีกครั้ง เพื่อให้ลูกค้านำรถกลับเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทาง ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ และช่วยเพิ่มมูลค่าของรถเมื่อต้องการขายต่อ โดยมอบให้กับลูกค้าที่ออกรถมาสด้าคันใหม่ รุ่น Mazda3, Mazda CX-30, Mazda CX-5, Mazda CX-8 และ Mazda MX-5

และมอบโปรแกรม Mazda Care ที่ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าที่ออกรถรุ่น New Mazda2 และ New Mazda CX-3 เพื่อมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้ามาสด้าในทุกกลุ่ม

ไม่เพียงเท่านั้น มาสด้ายังมอบความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถมาสด้ามือสองคุณภาพดี โดยเปิดตัว Mazda CPO Marketplace ช่องทางใหม่ในการซื้อขายรถยนต์มาสด้ามือสองคุณภาพดีแบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง เพิ่มเติมจากเดิมที่การจำหน่ายจะมีแค่ที่โชว์รูมอย่างเป็นทางการของมาสด้าเพียงอย่างเดียว โดยรถที่ทำการซื้อขายผ่านช่องทางนี้ล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดคุณภาพและตรวจรับรองโดย มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เลขไมล์น้อย รวมถึงได้รับการตรวจเช็กคุณภาพขั้นสูงแบบรอบด้านโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากมาสด้า จึงสร้างความมั่นใจได้ว่ารถที่ลูกค้าเลือกซื้อเป็นรถที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน สร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าไปตลอดการเดินทาง ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าไปทำการซื้อขายได้โดยตรงผ่าน https://certified.mazda.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีรถมาสด้าคุณภาพดีให้เลือกกว่า 100 คัน

นอกจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2566 มาสด้ายังมอบแคมเปญสุดคุ้มที่ช่วยดูแลรถคันใหม่ให้กับลูกค้าทุกราย และขอมอบความพิเศษอีกหนึ่งต่อให้กับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัวที่ซื้อรถมาสด้าคันใหม่เพิ่มเติม ทั้งรถยนต์นั่งรุ่น New Mazda2 และ Mazda3 และครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3, Mazda CX-30, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 กับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท** เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่น และกลับมาเลือกซื้อรถยนต์มาสด้าอีกครั้ง สำหรับรายละเอียดแคมเปญออกรถใหม่ในเดือนตุลาคม มีดังต่อไปนี้

-New Mazda2: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว)³ หรือ ดอกเบี้ย 0.99%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda3 และ Mazda3 CARBON EDITION: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 1.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-New Mazda CX-3: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว)³ หรือ ดอกเบี้ย 1.19%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda CX-30 และ Mazda CX-30 CARBON EDITION: ดอกเบี้ย 1.59%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 0.49%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda CX-5: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 1.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda CX-8: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 1.49%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-New Mazda MX-5: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4

หมายเหตุ:

1 Mazda2: ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน ยกเว้น รุ่น 1.3 C/C Sports ราคา 599,000 บาท, ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน สำหรับรุ่นอื่นๆ

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย

³ ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

เงื่อนไขเพิ่มเติม :-

•เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

•ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถ ภายในวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 เท่านั้น

*คำนวณจากแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ และโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี รวมกับประแพ็กเกจประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ของ Mazda CX-8 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามแต่ละแพ็กเกจ และโปรแกรม

**เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

ก้อง-สมเกียรติ คว้าชัยโมโตทู สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ตอกย้ำความสำเร็จ คว้า 2 โพเดียม โมเตกิ “ก้อง-สมเกียรติ” คว้าชัยประวัติศาสตร์ โมโตทู “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ท็อป 3 เอเชีย ทาเลนท์ คัพ

นักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานยอดเยี่ยม คว้า 2 โพเดียม โดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทย สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะได้ถึง 2 ครั้งใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสม โมโตทู 2023 ขณะที่อีก 1 ดาวรุ่งนักแข่งไทยที่กำลังเติบโตตามโร้ดแมป ที่ได้วางไว้ ในศึก เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 สนามที่ 2 “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร บิดเรซแมชชีนคู่ใจ Honda NSF250R หมายเลข 20 คว้าโพเดียมได้สำเร็จ และ “จิมมี่” บูรพา วันมูล กับ Honda NSF250R หมายเลข 10 ก็สามารถเก็บคะแนนสะสมได้ทั้ง 2 เรซ ณ สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 รายการ เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะได้ถึง 2 ครั้งใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสม พร้อมคว้าตำแหน่งโพลและทุบทุกสถิติด้วยการสร้างสถิติเวลาต่อรอบใหม่ (All Time Lap Record) ด้วยเวลา 1 นาที 49.898 วินาที สร้างสถิติ “เวลาต่อรอบสำหรับการแข่งขัน” ใหม่ (Best Race Lap) ด้วยเวลา 1 นาที 50.679 วินาที

ส่วนการแข่งขัน เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 สนามที่ 2 “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” จบเรซแรกด้วยอันดับที่ 7 และขยับลิมิตไปอีกขั้นทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าโพเดียมได้สำเร็จในเรซที่ 2 คว้าอันดับ 3 จบการแข่งขัน 2 สนาม รั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนสะสม มี 45 คะแนน และน้องเล็กอย่าง “จิมมี่-บูรพา” ที่ในเรซแรกมีจังหวะต้องหลุดออกไปพร้อมกับคู่แข่งทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย แต่สามารถเข้าเส้นชัยอันดับ 7 ในเรซที่ 2 จบการแข่งขัน 2 สนาม อยู่อันดับ 14 บนตารางคะแนนสะสม มี 14 คะแนน

ทั้งนี้ ผลงานความสำเร็จของนักแข่งไทย ด้วยการคว้าชัยชนะของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ที่ท้าทายและทำลายขีดจำกัดเพื่อเข้าใกล้เป้าหมายยิ่งขึ้น รวมถึงการคว้าโพเดียมและคะแนนสะสมของ 2 ดาวรุ่งไทย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร และ “จิมมี่” บูรพา วันมูล คือการตอกย้ำความสำเร็จเพื่อสร้างวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยให้แข็งแกร่งและมั่นคงโดยฮอนด้า ผ่านโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ยังคงสานต่อโร้ดแมปการพัฒนานักแข่งอย่างเป็นระบบ เพื่อเป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันโมโตจีพี ภายในปี 2025

แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข่าวสารพร้อมกำลังใจเชียร์นักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

ซูซูกิ จัดโบนัสใหญ่ส่งท้ายปี

“ซูซูกิ” จัดโบนัสใหญ่ส่งท้ายปี แคมเปญ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ช่วยผ่อน นาน 2 ปี เดือนละ 1,500 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0% พิเศษสุด! ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเกษตรกรได้ใช้รถคุณภาพในราคาเข้าถึงได้รับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท ขอบคุณความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์ซูซูกิ

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซูซูกิเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ลูกค้าให้การยอมรับเป็นอย่างดี ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มประหยัดพลังงานซึ่งนับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความคุ้มค่า คุ้มราคา และด้วยสิ่งที่เรามุ่งมั่นนำเสนอให้แก่ลูกค้า จึงมีส่วนกระตุ้นความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าให้เลือกเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของซูซูกิ ทำให้เราได้รับความสำเร็จทางด้านยอดจำหน่ายสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-กันยายน 2566) มียอดจำหน่ายรถยนต์รวมอยู่ที่ 9,675 คัน ซึ่งต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยอมรับ และให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างดี ซึ่งมียอดจำหน่ายในแต่ละรุ่น แบ่งออกได้ดังนี้

-SUZUKI SWIFT มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4,423 คัน

-SUZUKI CELERIO มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1,970 คัน

-SUZUKI CARRY มียอดจำหน่าย 1,953 คัน

-SUZUKI XL7 มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 641 คัน

-SUZUKI CIAZ มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 375 คัน

-SUZUKI ERTIGA มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 285 คัน

อีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง คือการนำเสนอแคมเปญพิเศษที่มีวัตถุประสงค์ให้ลูกค้าเข้าถึงการเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่าย อีกทั้งเพื่อนำไปเป็นพาหนะคู่ใจ หรือนำไปต่อยอดในการดำเนินธุรกิจของตนเอง และเพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จและรักษาระดับยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงนำเสนอแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ซึ่งไม่ใช่มุ่งหวังที่จะตอบแทนความไว้วางของของผู้บริโภคเพียงเท่านั้น แต่ต้องการยกระดับการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของซูซูกิทุกท่าน

แคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มอบให้สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถยนต์ซูซูกิเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2566 ซูซูกิช่วยผ่อน เดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พิเศษ! ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรกสำหรับรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น

แคมเปญ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มีรายละเอียดดังนี้

SUZUKI SWIFT

• เลือกรับข้อเสนอพิเศษ ซูซูกิช่วยผ่อนงวดละ 1,500 บาท สุงสุด 2 ปี พร้อมดอกเบี้ย 1.99%

• หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0%

• หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท สำหรับรุ่น GL และ GLX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 45,000 บาท สำหรับรุ่น GL NEXT พร้อมรับข้อเสนอ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI CIAZ

• เลือกรับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท

• หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0%

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID

• ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI XL7

• เลือกรับข้อเสนอพิเศษ ซูซูกิช่วยผ่อนงวดละ 1,500 บาท สุงสุด 2 ปี พร้อมดอกเบี้ย 1.99%

• เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0%

• หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

• เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท สำหรับรุ่น GA, GL และ GX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 5,000 บาท สำหรับรุ่น GL UP พร้อมรับ ข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI CARRY

• รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท

• หรือ เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%

• หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

ทั้งนี้ เงื่อนไขสำหรับข้อเสนอพิเศษต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซูซูกิยังคงยึดมั่นในปรัชญาของซูซูกิคือผลิตสินค้าที่มีคุณค่าเหมือนว่าเราคือผู้ใช้ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพงานบริการของโชว์รูมผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิครอบคลุมทั่วประเทศ สอดคล้องกับความตั้งใจของซูซูกิในการจัดทำโครงการ “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งนอกเหนือจากความต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่านแล้วซูซูกิยังมีความตั้งใจจริง ที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยต่อไปในอนาคต

SUZUKI CARRY PICKUP ขยายแคมเปญ CARRY YOUR DREAM

“SUZUKI CARRY PICKUP” เพื่อทุกธุรกิจที่มีความฝันขยายแคมเปญ CARRY YOUR DREAM ผ่อนนาน 84 เดือน เริ่มต้นวันละ 222 บาท ลุยมุ่งสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมจับมือ กทม.และ พันธมิตรสร้างฝันเพื่อคนไร้บ้าน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยและลงทุนในธุรกิจ โดยเฉพาะตลาดรถเพื่อการพานิชย์มีตัวเลขยอดขาย 8 เดือนที่ผ่านมา มีตัวเลขอยู่ที่ 191,265 คัน ซึ่งในส่วนนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มธุรกิจเพื่อการขนส่ง ภาคการเกษตร หรือการค้าขายในกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME มีการขยับตัวเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจมากยิ่งขึ้น

สำหรับ SUZUKI CARRY PICK UP รถกระบะเพื่อการพาณิชย์อเนกประสงค์ คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีสอดคล้องไปกับทิศทางของตลาด ล่าสุดจากการเข้าร่วมงาน Big MOTOR SALE 2023 ด้วยการนำมาดัดแปลงภายใต้แนวคิด Laundry Carry เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจซัก อบ รีด  ภายใต้แนวคิด CARRY YOUR DREAM พร้อมด้วยการมอบข้อเสนอพิเศษภายในงาน ก็ได้การตอบรับจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME เป็นอย่างดี จนสร้างยอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,790 คัน และผลักดันให้มียอดขายรวมนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2549 จนถึง ณ ปัจจุบัน มียอดขายรวมในประเทศไทยไปแล้ววกว่า 60,393 คัน

โดยเพื่อเป็นการตอกย้ำความนิยม และความสำคัญของ SUZUKI CARRY ในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจขนาดย่อมที่กำลังเติบโตของตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SME ในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่มีการขยายตลาดและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เรากำลังจะมีโครงการที่สนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยไทย ได้มีโอกาสสร้างความมั่นคงทางอาชีพด้วยการผลักดันความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ซูซูกิจึงได้ ขยายแคมเปญพิเศษ สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นนี้ ในราคาเพียง 395,000 บาท พร้อมด้วยข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเพียงวันละ 222 บาท ระยะยาวถึง 84 เดือน หรือเลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% พร้อมฟรีประกันชั้น 1 ในปีแรก ซึ่งข้อเสนอพิเศษดังกล่าวจะเป็นการคิดรวมกับอุปกรณ์ตกแต่งรถเรียบร้อยแล้ว (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯที่กำหนด)

อย่างไรก็ตาม SUZUKI CARRY นอกจากจะมีส่วนสำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพภายใต้แนวคิด “เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมายังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมผ่านโครงการ ‘SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ’ ด้วยการนำเสนอแคมเปญเพื่อสังคมที่หลากหลาย

หนึ่งในแคมเปญสำคัญและได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกลุ่มผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิในพื้นที่ คือ CARRY YOUR DREAM CARRY YOUR LIFE ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ด้วยการดัดแปลง SUZUKI CARRY ให้กลายเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่ เพื่อนำไปร่วมกิจกรรม CSR SUZUKI CARRY Barber Truck  ให้บริการตัดผมแก่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมยังสถานที่ต่างๆ ใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย

ล่าสุด ยังได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยพันธมิตรเช่น มูลนิธิกระจกเงา, Otteri, บุญถาวร และ We Chef ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรม “เปิดตัวห้องน้ำสำหรับคนไร้บ้าน” โดยถือโอกาสนำรถขนส่งความสุข SUZUKI CARRY ที่ดัดแปลงเป็น SUZUKI CARRY BARBER TRUCK รถตัดผมเคลื่อนที่ ไปร่วมให้บริการตัดผมให้แก่คนไร้บ้านผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และ SUZUKI CARRY FOOD TRUCK รถอาหารติดล้อ ไปบริการความอร่อยอิ่มท้องให้แก่คนไร้บ้านและผู้ที่มาร่วมงาน ณ บริเวณสดชื่นสถาน ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

“เราไม่เคยหยุดสานต่อเจตนารมณ์อันดีเพื่อสังคมและผู้คน ซึ่งโครงการ SUZUKI CARRY Your Dream CARRY Your Life ที่นำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY มาดัดแปลงเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่เพื่อออกไปร่วมกิจกรรมตัดผมให้ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม รถคันนี้ออกตระเวนให้บริการตัดผมแก่ประชาชนมาแล้วทั่วประเทศ เมื่อทราบว่ามีการจัดกิจกรรมเพื่อคนไร้บ้าน เราจึงไม่ลังเลที่จะจับมือกับพันธมิตรร่วมอุดมการณ์ในการลงพื้นที่เพื่อไปทำประโยชน์ขับเคลื่อนความสุขสู่คนไร้บ้านในครั้งนี้”

นายวัลลภ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY ก็พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย จึงตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY เป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ แต่เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน อีกทั้งเรายังมีพันธมิตรเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟลีสซิ่ง ช่วยเรื่องการอนุมัติสินเชื่อให้มีความหลากหลายและช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

โตโยต้า ร่วมส่งใจเชียร์ “ธนภัทร-ไชยภัทร-ไหมจักรี” ลุยศึก GT Cup ชิงแชมป์เอเชีย

ร่วมส่งใจเชียร์ “ธนภัทร-ไชยภัทร-ไหมจักรี” แชมป์ e-Motorsport ตัวแทนประเทศไทยลุยศึก GT Cup ชิงแชมป์เอเชีย ผลผลิตจาก TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแสดงความยินดี และมอบรางวัลผู้ชนะการแข่งขัน e-Motorsport รอบคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย ในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเสมือนจริง “TOYOTA GAZOO Racing GT Cup (TGR GT Cup)” บนเกมส์ Gran Turismo 7 เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันระดับเอเชียแปซิฟิก เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ณ Toyota ALIVE บางนา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ส่งเสริม และสนับสนุนกีฬา e-Motorsport เพื่อตอบรับ การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก พร้อมเปิดโอกาสผู้มีความชื่นชอบในกีฬาแข่งรถ ได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้น เร้าใจ กับความท้าทายใหม่ๆ ในโลกเสมือนจริง ผ่านการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023 บนเกมส์ Gran Turismo 7 ซึ่งปีนี้นักแข่งที่ทำคะแนนสะสมสูงสุด 3 คน ในรอบคัดเลือกระดับประเทศ เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันระดับเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 23-24 กันยายน นี้ เพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกต่อไป

ผู้ชนะการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023 Thailand

          ชนะเลิศ                 ธนภัทร พวงพัฒน์

          รองชนะเลิศอันดับ 1   ไชยภัทร ลิปิกรโกศล

          รองชนะเลิศอันดับ 2   ไหมจักรี อารีกิจเสรี

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ กล่าวให้กำลังใจนักกีฬาว่า “ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทั้ง 3 คน ที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักกีฬา e-Motorsport จากประเทศอื่นๆ หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นตัวแทนประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นสุดยอด Gamer ของเอเชีย และในระดับโลกต่อไป”

ร่วมเป็นกำลังใจนักกีฬา e-Motorsport ตัวแทนประเทศไทย และติดตามผลการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023 ได้ทาง Facebook: Toyota Gazoo Racing Motorsport Thailand

SUZUKI SWIFT จัดหนักเอาใจคนรุ่นใหม่ ผ่อนนาน 99 เดือน

SUZUKI SWIFT แฮทช์แบ็กอีโคคาร์ยังครองใจคนรุ่นใหม่ เติมเต็มความแตกต่าง เป็นตัวตนอย่างชัดเจนดันยอดขายพร้อมขยายเวลาโปรโมชั่นพิเศษ เอาใจลูกค้า ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กอีโคคาร์ นับเป็นรถยนต์รุ่นเรือธงยอดนิยมของซูซูกิที่มีส่วนในการผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ครองใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาความเป็นตัวตนที่แตกต่าง พร้อมแสดงออกมาผ่านยานพาหนะคู่ใจที่นอกจากจะเข้ามาตอบรับกับการใช้ชีวิตด้วยดีไซน์อันโดดเด่นแล้ว ยังมาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ และอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่าการใช้งานอีกด้วย

สำหรับในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-สิงหาคม 2566) SUZUKI SWIFT สามารถสร้างยอดขายรวมทั้งสิ้น 4,097 คัน ครองอันดับ 3 ของยอดขายรวมรถในกลุ่มแฮทช์แบ็กอีโคคาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้รถยนต์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของตลาดอีโคคาร์ เพราะดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีความล้ำสมัยด้วยรูปทรงที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกตัวตนที่โดดเด่นไม่เหมือนใครได้อย่างชัดเจน รวมถึงสมรรถนะมอบการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ มาพร้อมอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่า ภายใต้ราคาที่จับต้องได้อย่างแท้จริง

“ปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชัดเจนไม่ใช่แค่มองหาความแตกต่างไม่เหมือนใครเพียงเท่านั้น แต่ยังมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ตอบรับความทันสมัยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยการกล้าเลือก กล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ SUZUKI SWIFT จึงกลายมาเป็นตัวเลือกที่สามารถตอบรับกับความต้องการในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน”

SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กยอดนิยม เจเนอเรชั่น 4 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2561 โดยมียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 56,547 คัน ครองใจผู้ใช้งานมาอย่างยาวนาน ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น กับขนาดมิติของตัวรถ ความยาว 3,845 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,735 มิลลิเมตร และความสูง 1,495 มิลลิเมตร

ดีไซน์สปอร์ตและปราดเปรียวกับไฟหน้า LED Projector และไฟหลัง LED ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้ว ด้านสมรรถนะได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่คือหัวฉีดคู่หรือ DUALJET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงประหยัดน้ำมันกว่า 23 กิโลเมตรต่อลิตร ขับขี่เร้าใจด้วยเครื่องยนต์ใหม่ K12M ขนาด 1.2 ลิตร

มอบความปลอดภัยด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT ช่วยให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและช่วยประหยัดน้ำมัน รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT พร้อมระบบกันการสั่นสะเทือน ระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่จะช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS ถึง 6 ตำแหน่ง

SUZUKI SWIFT มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ SWIFT GL จำหน่ายราคา 567,000 บาท SWIFT GL NEXT ราคา 582,000 บาท และ SWIFT GLX ราคา 637,000 บาท มี 6 สี ได้แก่ สีแดง Ablaze Red Pearl, สีเทาอ่อน Star Silver Metallic, Mineral สีเทาเข้ม Gray Metallic, สีดำ Super Black Pearl สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic และ สีขาว Pure White Pearl (เพิ่ม 5,000 บาท)

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าที่ไว้วางใจเลือกใช้งาน SUZUKI SWIFT รวมทั้งช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่สนใจให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์สปอร์ตแฮทช์แบ็กรุ่นนี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซูซูกิ จึงได้ขยายเวลาการจัดแคมเปญพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ SUZUKI SWIFT ทุกรุ่น ภายในวันที่ 30 กันยายน 2566 สามารถเลือกรับข้อเสนอพิเศษสุด ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,444 บาท หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี โดยข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงทดลองขับได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้านทุกสาขา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save