- Advertisement -
28.7 C
Bangkok
Home Blog Page 88

มิตซูบิชิ ออล-นิว ไทรทัน – เอ็กซ์ฟอร์ซ – เดลิกา มินิ คว้ารางวัลออกแบบยอดเยี่ยม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส นำ “ออล-นิว ไทรทัน” “เอ็กซ์ฟอร์ซ” และ “เดลิกา มินิ” คว้า 3 สุดยอดรางวัลออกแบบยอดเยี่ยมแห่งญี่ปุ่น Good Design Award 2023 การันตีความเท่ ที่สุดแห่งดีไซน์ด้วยเครื่องหมาย G Mark มาตรฐานระดับโลก

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) คว้ารางวัลออกแบบยอดเยี่ยมจากรถยนต์ 3 รุ่น นำโดย ออล-นิว ไทรทัน1 รถกระบะขนาด 1 ตัน ออล-นิว เอ็กซ์ฟอร์ซ2  รถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวีขนาดเล็ก และ เดลิกา มินิ รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กยกสูงแบบเคคาร์3 (Kei-car) จากงาน Good Design Award4 2023 จัดโดยสถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Institute of Design Promotion) ด้วยมาตรฐานระดับโลก โดยมีเครื่องหมาย G Mark เป็นสัญลักษณ์การันตีการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากองค์กรธุรกิจจากทั่วโลกที่เข้าร่วมประกวดในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ เครื่องแต่งกาย สถาปัตยกรรม และอุปกรณ์ไอที

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างสรรค์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์อันแตกต่างและโดดเด่น ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ “ความแข็งแกร่งทรงพลังและฉลาดปราดเปรียว” (Robust & Ingenious) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความเชื่อมั่น อุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ไปพร้อมกับประสบการณ์เหนือระดับที่น่าตื่นตาตื่นใจ ผ่านการสร้างสรรค์ยนตรกรรม ด้วยแนวคิดหลักที่มุ่งเน้นความแข็งแกร่งทนทานเปี่ยมด้วยพละกำลัง ผสานเทคโนโลยีอันชาญฉลาดปราดเปรียวคล่องตัว และรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับการพัฒนาและขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้เหมาะกับยุคสมัย โดยรถยนต์ใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ ไทรทัน เอ็กซ์ฟอร์ซ และเดลิกา มินิ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมในปี 2023 (Good Design Award 2023) จากการหลอมรวมความเป็นที่สุดแห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) ที่สะท้อนปรัชญาการออกแบบพร้อมกับแสดงถึงแนวคิดการดีไซน์ที่โดดเด่นและแตกต่าง

ออล-นิว ไทรทัน

ออล-นิว ไทรทัน เป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะแห่งยนตรกรรมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส แบบเต็มพิกัด มอบการขับขี่ที่ปลอดภัย สะดวกสบาย อุ่นใจได้บนทุกเส้นทาง ออล-นิว ไทรทัน พร้อมฝ่าฟันเส้นทางที่สมบุกสมบันบนทุกพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าสภาพอากาศหรือสภาพถนนจะทรหดเพียงใด โดยได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด “บีสต์โหมด” (Beast Mode) เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งความแข็งแกร่งทนทาน ตามแบบฉบับของรถกระบะขนานแท้ พร้อมด้วยความแข็งแรงบึกบึนและปราดเปรียวตามสไตล์รถยนต์มิตซูบิชิ ขณะที่ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างหรูหราในทุกจุด เติมความสะดวกสบายเหนือระดับเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบอเนกประสงค์สไตล์รถส่วนตัว ควบคู่ไปกับการใช้งานเชิงพาณิชย์เพื่อการเติบโตของธุรกิจ

ความเห็นของคณะกรรมการตัดสินรางวัล

กลุ่มเป้าหมายหลักของรถกระบะรุ่นนี้คือกลุ่มลูกค้าในตลาดอาเซียนและละตินอเมริกา และเพื่อให้ตอบโจทย์ในการเป็นรถคู่ใจสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์และการใช้งานแบบรถส่วนตัวในภูมิภาคดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีพลังในการขับเคลื่อนที่เหนือกว่ารถยนต์โดยสารทั่วไป รวมถึงให้การขับขี่ที่สนุก ควบคุมได้ดั่งใจ ซึ่งแตกต่างจากรถเพื่อการพาณิชย์รุ่นอื่นๆ ด้วยสไตล์การออกแบบด้านหน้ารถที่ผสมผสานความแข็งแกร่ง ที่มาพร้อมกับชุดไฟ LED ที่แตกต่างโดดเด่นด้วยเส้นแสงแบบแนวราบและซุ้มล้อทรงเหลี่ยม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่และถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ รถกระบะรุ่นนี้ยังมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง แผงควบคุมที่ใช้งานง่าย รวมถึงกระบะตอนท้ายที่ใหญ่โตบรรทุกสินค้าได้มาก ทั้งยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ตลอดจนแผ่นปิดท้ายรถกระบะ ที่สะท้อนถึงความประณีตของช่างฝีมือทักษะสูง เว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.com/en/products/triton

ออล-นิว เอ็กซ์ฟอร์ซ

ออล-นิว เอ็กซ์ฟอร์ซ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวีขนาดเล็ก มอบความสะดวกสบายและการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารอันกว้างขวางและพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์ ผสมผสานอย่างลงตัวกับความคล่องแคล่วปราดเปรียว ขนาดตัวรถที่พอเหมาะพอเจาะ และสมรรถนะในการควบคุมขับขี่ที่ปลอดภัยและมั่นใจได้ในสภาพอากาศและสภาพถนนที่หลากหลาย ภายใต้การออกแบบด้วยแนวคิดที่ผสานสมดุลแห่งสไตล์ที่หรูละมุนผนวกความแข็งแกร่งมั่นคง (Silky & Solid) การออกแบบของรถรุ่นนี้เน้นความโดดเด่นสะดุดตาและทรงพลังตามแบบฉบับรถเอสยูวีที่แท้จริง พร้อมด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ดูโฉบเฉี่ยว ให้ความรู้สึกล้ำสมัย

ความเห็นของคณะกรรมการตัดสินรางวัล

การออกแบบภายนอก ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ด้านหน้าและซุ้มล้อหลังอันทรงพลัง สร้างความรู้สึกที่ดูใหญ่โตโอ่อ่า แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ผนวกรวมกับรูปทรงของชุดไฟหน้าและชุดไฟท้าย ที่สะท้อนเสน่ห์แบบรถอเนกประสงค์ที่ล้ำสมัย ขณะที่การผสมผสานอย่างลงตัวและความกลมกลืนอย่างเหนือชั้นของการออกแบบสี วัสดุ และพื้นผิว (CMF) ทำให้ภายในห้องโดยสารสะท้อนความน่าทึ่งน่าตื่นตาตื่นใจ ที่ไปกันได้ดีกับรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างลงตัว การใช้ลวดลายหกเหลี่ยมทั้งภายในและภายนอกยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การออกแบบตัวรถโดยรวมมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วย เว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.com/en/products/xforce/

เดลิกา มินิ ใหม่!

เดลิกา มินิ รุ่นใหม่ คือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กยกสูงแบบเคคาร์ ที่ใช้ชื่อเดียวกับรถมินิแวนอย่างเดลิกา โดดเด่นด้วยการผสานห้องโดยสารที่กว้างขวางและสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลัง ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่พร้อมพาคุณไปค้นพบความสนุกเร้าใจในทุกเส้นทาง (Daily Adventure) ในรูปแบบของรถสไตล์เอสยูวี ที่ให้สมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังที่น่าประทับใจ เช่นเดียวกับรถเดลิกา พร้อมด้วยห้องโดยสารที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครันทั้งสำหรับกิจกรรมเอาท์ดอร์และการขับขี่ในชีวิตประจำวัน

ความเห็นของคณะกรรมการตัดสินรางวัล

ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่น่าประทับใจ ให้ความรู้สึกที่ดูแข็งแกร่ง บึกบึน และทรงพลัง แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังให้ความรู้สึกที่ดูน่ารักและเป็นมิตร โดยเฉพาะไฟหน้าวงแหวนที่ตัดขอบด้านบน รวมถึงสีตัวถังที่สะท้อนถึงความคล่องแคล่วปราดเปรียว ผสานรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและสะดุดตาที่ชวนให้พาออกไปผจญภัย การออกแบบในห้องโดยสารยังสอดรับกับภายนอก สร้างภาพลักษณ์ที่ดูสบายตาและแข็งแกร่ง ส่วนกรอบกระจกหน้าต่างที่กลมกลืนกับสีภายนอกยังสะท้อนความซุกซนสนุกสนานอีกด้วย

เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) www.mitsubishi-motors.co.jp/lineup/delica_mini/special/

1.ไทรทัน ได้รับการจัดจำหน่ายในชื่อ L200 ในบางประเทศ โดยออล-นิว ไทรทัน มีกำหนดออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นปี 2567

2.เอ็กซ์ฟอร์ซ ไม่มีจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น

3.เคคาร์ เป็นประเภทรถยนต์ขนาดเล็กในประเทศญี่ปุ่น

4.Good Design Award เป็นระบบการประเมินและยกย่องการออกแบบที่ครอบคลุมมากที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น และดำเนินการต่อเนื่องมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่มีการก่อตั้ง Good Design Product Selection System ในปี 2500 ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา การตัดสินรางวัลนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับไลฟ์สไตล์และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นผ่านการสร้างสรรค์ผลงานออกแบบ และมีการมอบรางวัลไปแล้วรวมทั้งหมดกว่า 50,000 รางวัล ด้วยมาตรฐานระดับโลก โดยมีเครื่องหมาย G Mark เป็นสัญลักษณ์การันตีการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ทำให้ในปัจจุบัน รางวัลนี้เป็นที่ยอมรับจากบริษัทและองค์กรธุรกิจจากทั่วโลกที่ได้เข้าร่วมส่งผลงาน

สถาบันยานยนต์ จับมือ ออโตลิฟ เสริมพลัง ATTRIC ยกระดับความปลอดภัยในยานยนต์

สถาบันยานยนต์ จับมือ ออโตลิฟ เสริมพลัง ATTRIC ยกระดับระบบความปลอดภัยในยานยนต์ พัฒนากระบวนการทดสอบและมาตรฐานความปลอดภัยยานยนต์

สถาบันยานยนต์ และ บริษัท ออโตลิฟ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการสำหรับระบบความปลอดภัยปกป้องขณะเกิดอุบัติเหตุ (Passive Safety) เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านเทคนิค การพัฒนากระบวนการทดสอบและมาตรฐานความปลอดภัยยานยนต์ ได้แก่ เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย และ ระบบปกป้องผู้โดยสารขณะเกิดการชน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมศักยภาพการทดสอบ การวิจัยพัฒนา และการขยายขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ณ ห้องประชุม 301 สถาบันยานยนต์ สำนักงานกล้วยน้ำไท

ตามที่ กระทรวงอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเร่งส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยยกระดับและพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และขับเคลื่อนประเทศให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน สามารถทดสอบมาตรฐานยานยนต์ได้อย่างครบวงจร ด้วยการจัดสร้างโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างและเปิดให้บริการไปแล้วเสร็จแล้ว 55% ในส่วนของสนามทดสอบฯ ต่างๆ และเครื่องมือทดสอบเข็มขัดนิรภัย ที่นั่งและพนักพิงศีรษะ และระบบห้ามล้อ เป็นต้น โดยการก่อสร้างเฟส 2 ยังคงเหลือการดำเนินงานอีก 45% ในการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็ว (High Speed Test Track) สถานีสำหรับเตรียมสภาพรถ และจัดซื้อชุดเครื่องมือทดสอบการยึดเกาะถนนการเข้าโค้ง ชุดเครื่องมือทดสอบอุปกรณ์เลี้ยวสำหรับยานยนต์ รวมถึง“ชุดเครื่องมือทดสอบการป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้าและด้านข้างของยานยนต์” (Crash Test) และคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการในปี 2569 หากดำเนินการแล้วเสร็จ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์ทดสอบยานยนต์เพื่อการรับรองแห่งแรกของประเทศไทย ที่สามารถทดสอบมาตรฐานการชนได้อย่างครบวงจร

บริษัท ออโตลิฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย และอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยในยานยนต์ระดับโลกที่เปิด ด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญ กว่า 70 ปี จากประเทศสวีเดน และได้ก่อตั้งสำนักงานในประเทศไทยมาแล้วถึง 28 ปี ดำเนินงานด้านวิจัย วิศวกรรม และการผลิต ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการลดการสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนแห่งประเทศไทย 2565 โดยกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตทางถนนอยู่ที่ 16,957 รายหรือคิดเป็น 25.92 ต่อประชากรแสนราย และมีผู้บาดเจ็บรุนแรง (IPD) 197,733 รายหรือคิดเป็น 303.21 ต่อประชากรแสนคน มูลค่าความสูญเสียจากการเสียชีวิตรวมใน 5 ปีที่ผ่านมากกว่าห้าแสนล้านบาท จึงทำให้สถาบันยานยนต์ และ บริษัทออโตลิฟ (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บบนท้องถนนให้ลดน้อยลง

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างสถาบันยานยนต์ และ บริษัทออโตลิฟ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ และ นางมณี แบกกิวลี่ ASEAN CFO and Country Manager Thailand มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการบนพื้นฐานความรู้และทักษะทางเทคนิคด้านการทดสอบ การวิจัย การพัฒนาด้านวิศวกรรม รวมถึงขยายขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบ การชนด้านหน้า การชนด้านข้าง และการทดสอบเข็มขัดนิรภัยรวมถึงโมดูลถุงลมนิรภัยต่อไปในอนาคต โดยผลที่คาดว่าจะได้รับจากความร่วมมือฉบับนี้นั้น ทำให้คุณภาพของการทดสอบข้างต้นสอดคล้องและเป็นไปตามมาตรฐานยุโรปที่อ้างอิง โดยจะเป็นไปตามแผนการประกาศมาตรฐานยานยนต์ของกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังที่กล่าวไว้ข้างต้น พร้อมผลักดันให้ไทยมีขีดความสามารถด้านการทดสอบมาตรฐานยานยนต์ได้อย่างครบวงจรอีกด้วย

ซูบารุ จับมือ สถาบันยานยนต์ สนับสนุนการศึกษาและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ซูบารุ จับมือ สถาบันยานยนต์ สนับสนุนการศึกษาและการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ บริจาคเครื่องยนต์บอกเซอร์ (BOXER ENGINE) มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ให้กับสถาบันอุดมศึกษา 9 แห่ง

ดร.ตัน ฮง ไหว่ ประธาน บริษัท ตัน จง ซูบารุ ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด (TCSA) และบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด และคุณสุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ได้บริจาคเครื่องยนต์ซูบารุ บอกเซอร์ (BOXER ENGINE) จำนวน 21 เครื่อง มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท โดย ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์เป็นผู้รับมอบ พร้อมสถานการศึกษา 9 แห่ง ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ATTRIC อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา

การสนับสนุนการศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัท ตัน จง ซูบารุ ในการเพิ่มศักยภาพให้กับวิศวกรและช่างเทคนิคยานยนต์รุ่นต่อไป โดยบริษัทฯ มอบเครื่องยนต์บอกเซอร์ (BOXER ENGINE) เครื่องยนต์ชั้นนำของอุตสาหกรรมในฐานะเครื่องมือการเรียนรู้แก่นักเรียน นักศึกษาด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ

ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า สถาบันยานยนต์รู้สึกยินดีแทน 9 สถาบันการศึกษาเป็นอย่างมาก สำหรับการให้โอกาสในการศึกษาเรียนรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์ผ่านเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของซูบารุ ซึ่งสำหรับสถาบันยานยนต์นั้น ก็จะนำเครื่องยนต์ที่ได้รับมาใช้สำหรับการศึกษาวิจัยและพัฒนาเชิงวิศวกรรมต่อไป เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต

สำหรับศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารและสนามทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 สนามทดสอบระบบเบรก (Brake Performance Track) สนามทดสอบระบบเบรกมือ (Park Brake Track) สนามทดสอบพลวัต (Dynamic Platform Track) สนามทดสอบการยึดเกาะขณะเข้าโค้ง (Skid Pad Track) โดยคาดว่าเสร็จสมบูรณ์ในปี 2569 พร้อมทั้งภายในพื้นที่เดียวกันมีการเปิดให้บริการศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีความพร้อมในการให้บริการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับแบตเตอรี่ขับเคลื่อนในยานยนต์ไฟฟ้า ตามมาตรฐาน UNECE R100 สำหรับยานยนต์ และ UNECE R136 สำหรับรถจักรยานยนต์ ทั้งหมดนี้ส่งให้ศูนย์ทดสอบแห่งนี้กลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนและอันดับที่ 11 ของโลก

รายชื่อผู้รับเครื่องยนต์ซูบารุบอกเซอร์ จำนวน (เครื่อง)

1.สถาบันยานยนต์ จำนวน 3 เครื่อง

2.วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ จำนวน 2

 เครื่อง

3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จำนวน 2 เครื่อง

4.สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน จำนวน 2 เครื่อง

5.ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน 2 เครื่อง

6.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จำนวน 2 เครื่อง

7.วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม จำนวน 2 เครื่อง

8.วิทยาลัยเทคนิคนครนายก จำนวน 2 เครื่อง

9.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จำนวน 2 เครื่อง

10.มหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 2 เครื่อง

เครื่องยนต์บอกเซอร์ (BOXER ENGINE)

การออกแบบเครื่องยนต์บอกเซอร์ที่อยู่ในรถยนต์ปอร์เช่และซูบารุ มอบประสิทธิภาพในการรักษาสมดุลในการส่งกำลังที่นุ่มนวล โครงสร้างเชิงวิศวกรรมลูกสูบนอนที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและการกระจายน้ำหนักที่เหมาะสมซึ่งทำให้เกิดข้อได้เปรียบที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมอบความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วยโครงสร้างเครื่องยนต์บอกเซอร์ที่มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า ส่งผลให้รถทั้งคันมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าโค้ง

เพราะความปลอดภัยเป็นหัวใจในการออกแบบ เครื่องยนต์บอกเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำจะถูกผลักให้ตกลงไปใต้ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดการชนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ซูบารุยังได้พัฒนาเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์มาอยู่ในจุดที่ดีที่สุดและส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองดีกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปบางรุ่น

เครื่องยนต์ที่บริจาคให้แก่สถานศึกษาเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนได้ศึกษาโครงสร้างของเครื่องยนต์บอกเซอร์และคุณประโยชน์เฉพาะตัวได้โดยตรง ด้วยการศึกษาโครงสร้างลูกสูบนอนจากเครื่องยนต์จริงจะทำให้อนาคตวิศวกรของไทยได้รับข้อมูลเชิงลึกในเชิงปฏิบัติเกี่ยวกับขีดความสามารถและสมรรถนะของเครื่องยนต์บอกเซอร์

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซูบารุได้ปรับปรุงเครื่องยนต์บอกเซอร์ของเรามาตั้งแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2509 และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 60 ปี ทำให้เครื่องยนต์บอกเซอร์ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในเชิงวิศวกรรม การออกแบบ กลไกการทำงาน และความสามารถที่ส่งผลต่อการขับขี่และการควบคุม”

ซึ่ง ซูบารุ และสถาบันยานยนต์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาที่เยาวชนควรจะได้เรียนรู้และสัมผัสการทำงานของเครื่องยนต์บอกเซอร์ผ่านการเรียนรู้และปฏิบัติจากเครื่องยนต์จริง เพื่อต่อยอดเพิ่มทักษะให้เยาวชนเหล่านั้นสามารถนำความรู้ความสามารถที่ได้ไปปรับใช้กับการทำงานและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยต่อไป” นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเป็นประโยนช์สูงสุดต่อหลักสูตรการสอน ซูบารุได้จัดอบรมเครื่องยนต์บอกเซอร์ แก่ตัวแทนจากสถานศึกษาที่มาร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 20 ท่าน

ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างบริษัท Tan Chong International Limited ประเทศสิงคโปร์ และ Subaru Corporation ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2019 Tan Chong Subaru Automotive Thailand (TCSAT) ได้สร้างการจ้างงานและการถ่ายทอดทักษะด้านเทคนิคและทักษะด้านเทคโนโลยีขั้นสูงให้กับพนักงานและนักศึกษาฝึกงาน

TCSAT ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตรที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพฯ ได้รับการออกแบบมาเพื่อผลิตรถยนต์ซูบาสำหรับประเทศไทย มาเลเซีย, เวียดนาม และกัมพูชา สามารถประกอบรถยนต์ได้ 4 รุ่นและสูงสุดถึง 100,000 คันต่อปี เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวดเช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น TCSAT ได้รับการตรวจสอบโดย Subaru Corporation ด้วยขั้นตอนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดทำให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกคันที่ผลิตใน TCSAT มีความปลอดภัย สะดวกสบาย และเชื่อถือได้

ดร.ตัน ฮง ไหว่ ประธาน บริษัท ตัน จง ซูบารุ ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกเหนือจากการสร้างรถยนต์ซูบารุที่มาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ดีที่เยี่ยมแล้ว เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการฝึกอบรมผู้ฝึกงานจากสาขาวิชาวิศวกรรมต่างๆ เช่น เครื่องกล ยานยนต์ ไฟฟ้า และอื่นๆ และจากนักศึกษาฝึกงานเหล่านี้ ในอนาคตเราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับผู้สำเร็จการศึกษา จากสถานบันอันทรงเกียรตินี้ เพื่อร่วมสร้างรถยนต์ซูบารุที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาอุตสาหกรรม และทักษะของแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ ของไทย ผ่านการถ่ายทอดวิชาความรู้และการฝึกอบรมทางเทคโนโลยี ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในก้าวแรกสู่อนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่รุ่งเรือง”

โตโยต้า สร้างกระแสฟีเวอร์เปิดตัว YARIS CROSS HYBRID SUV

โตโยต้า สร้างกระแสฟีเวอร์ทั่วไทยเปิดตัว SUV ไฮบริดใหม่ โดนใจลูกค้า ALL-NEW YARIS CROSS “Move to The Max – มูฟชีวิตไปให้สุดๆ” อีกทั้งสร้างสีสันด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นท์เตอร์ “อิ้งค์” – วรันธร เปานิล และ“บิวกิ้น” – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ปิดท้ายด้วยแคมเปญพิเศษในช่วงแนะนำดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.75% และผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,841 บาท

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ มร.โทรุ อุดะ หัวหน้าวิศวกร Emerging-market Compact Car Company ร่วมเปิดตัว “ALL-NEW YARIS CROSS” ยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นท์เตอร์ “อิ้งค์” – วรันธร เปานิล และ“บิวกิ้น” – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล โดยมี นายปราจิน เอี่ยมลำเนา, นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์, นายจรวย ขันมณี และ นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ สื่อมวลชนอาวุโส ให้เกียรติเข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ BLOCK I สยามสแควร์ ซอย 2

เลือกเป็นเจ้าของ ได้ 3 รุ่นย่อย ด้วยสีภายนอก 6 สี

พร้อมตัวเลือกหลังคาดำ และสีภายใน 2 สี

สีภายนอก

• สีขาว Platinum White Pearl                      • สีดำ Attitude Black Metallic

• สีเงิน Metal Stream Metallic                     • สีเทา Urban Metal

• สีแดง Spicy Scarlet                                  • สีน้ำเงิน Dark Turquoise

สีภายนอกแบบทูโทน (หลังคาดำ)

• สีขาว-ดำ Platinum White Pearl/Black Roof* • สีเงิน-ดำ Metal Stream Metallic/Black Roof*

• สีแดง-ดำ Spicy Scarlet/Black Roof**           • สีน้ำเงิน-ดำ Dark Turquoise/Black Roof**

สีภายใน (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)

• สีดำ                                                   • สีเทา- ดำ**

ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

HEV SMART                                        ราคา 789,000 บาท

HEV PREMIUM                                    ราคา 849,000 บาท

HEV PREMIUM LUXURY                     ราคา 899,000 บาท

ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ALL-NEW YARIS CROSS วันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ!**

ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.75% (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน) เฉพาะโตโยต้าลิสซิ่ง, ธนาคารทหารไทยธนชาต

ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,841 บาท (ดาวน์ 25% ผ่อน 96 เดือน) คำนวณจากรุ่น HEV Smart ราคา 789,000 บาท เฉพาะโตโยต้า ลิสซิ่ง

สุขสวัสดิ์ แสงมรกต คว้าแชมป์อีซูซุคัพ 32 ตีตั๋วชกในเวที THAI FIGHT 2023

กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เป็นประธานจัดการแข่งขันมวยไทย ศึกอีซูซุคัพ ครั้งที่ 32 “ศึก Isuzu D-Max ลุย! ท้าโลก” รอบชิงชนะเลิศ ผลการแข่งขันสุขสวัสดิ์ แสงมรกต คว้าแชมป์ไปครอง รับรางวัลรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค เกียร์อัตโนมัติ” มูลค่า 650,000 บาท และเงินสด 500,000 บาท รวมมูลค่า 1,150,000 บาท พร้อมตำแหน่งนักชกตัวแทนประเทศไทยไปประกาศศักดิ์ศรีบนสังเวียนมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT 2023”

การแข่งขันอีซูซุคัพเป็นการแข่งขันมวยไทยระดับตำนาน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ และได้ปรับรูปแบบใหม่ ยกระดับมวยไทยสู่สากลด้วยการเปลี่ยนสถานที่จัดการแข่งขันเป็น The Beat Active ซึ่งเป็น Sport Entertainment Complex ใหม่ล่าสุดของไทย สร้างความเร้าใจด้วยระบบแสง สี เสียงเต็มรูปแบบ ภายในงานมีผู้เข้าชมเต็มสนาม ส่งเสียงเชียร์กันอย่างตื่นเต้น สร้างบรรยากาศครึกครื้นที่สุด และยังมีการแสดงพิเศษโดย ขุนอินทร์ ในชื่อชุด “นวัตกรรมภูมิปัญญาไทย” เป็นการเล่นระนาดและเครื่องดนตรีไทยผสานกับเพลงแนวสมัยใหม่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมก่อนการแข่งขัน เริ่มการแข่งขันยกที่ 1 เป็นการพบกันระหว่างมวยซ้าย สุขสวัสดิ์ แสงมรกต ฝั่งสีขาว กับ มวยขวา ธงชัย เพชรรุ่งเรือง ฝั่งสีดำ ชกประเภทสวมนวม รุ่นน้ำหนัก 65 กิโลกรัม ธงชัยเปิดเกมด้วยแข้งขวา สุขสวัสดิ์ รัวกลับ 3 หมัดเข้าเป้าอย่างจัง พร้อมสาดแข้งใส่ต่อเนื่อง ทำให้สุขสวัสดิ์เป็นต่อในยกแรก เมื่อระฆังยกที่ 2 ดังขึ้นทั้งคู่เปิดเกมเดินเข้าหากัน สุขสวัสดิ์เดินเกมออกอาวุธหมัด เตะ พร้อมยัดเข่าซ้ายเข้าไปหลายครั้ง แต่ธงชัยก็ยังคุมจังหวะตั้งรับและต่อยกลับไปได้อย่างดี แต่โดยรวมยกนี้สุขสวัสดิ์ออกอาวุธได้เข้าเป้ามากกว่า ต่อที่ยกสุดท้าย ธงชัยเดินหน้าออกอาวุธอย่างเต็มที่เพื่อจะพลิกเกมกลับมาให้ได้ สุขสวัสดิ์พยายามโต้ด้วยแข้งซ้ายเล็งไปที่ลำตัวและท่อนแขนขวาซึ่งเป็นกำปั้นที่หนักของธงชัย มีจังหวะแก้เกมกันทั้งรุกและรับ ช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน สุขสวัสดิ์ฟันศอกเข้าเป้าทำให้ธงชัยคิ้วแตกจนเลือดออก จบการแข่งขันกรรมการประกาศฝั่งสีขาว สุขสวัสดิ์ แสงมรกต คว้าแชมป์อีซูซุ คัพ 32 ไปครอง ตีตั๋วชกในบัลลังก์ THAI FIGHT 2023

ร่วมชมและเป็นกำลังใจให้ สุขสวัสดิ์ แสงมรกต แชมป์อีซูซุคัพ คนล่าสุด ในการแข่งขันมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT” เศรษฐีเรือทอง วัดพุน้อย ในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม ศกนี้ ณ บริเวณหน้าวัดพุน้อยตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

ศึกอีซูซุคัพ ครั้งที่ 32 “ศึก Isuzu D-Max ลุย! ท้าโลก”

วัตถุประสงค์

1.ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปะการต่อสู้ประจำชาติในรูปแบบมวยไทยให้แพร่หลายเป็นที่รู้จักกันทั่วไป

2.เสริมสร้างเอกลักษณ์ทางศิลปะและกีฬาของชาติ

3.สืบสานตำนานมวยไทยสายพันธุ์แท้ที่มีมายาวนาน เพื่อร่วมอนุรักษ์สุดยอดศิลปะการต่อสู้ของชาติ

4.ยกระดับภาพพจน์ของมวยไทยให้เป็นที่นิยมและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ

5.ส่งเสริมนักมวยไทยสู่การแข่งขันมวยระดับนานาชาติ “THAI FIGHT”

6.ส่งเสริมความก้าวหน้าของนักมวยไทย พร้อมทั้งสนับสนุนรายการกีฬาทางโทรทัศน์

รางวัลการแข่งขัน

•รางวัลชนะเลิศ

– เข็มขัดแชมป์ อีซูซุคัพ ครั้งที่ 32

– รถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค 1.9 เกียร์อัตโนมัติ” มูลค่า 650,000 บาท

– รางวัลเงินสด 500,000 บาท

– การเป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในศึกมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT 2023”

รวมมูลค่า 1,150,000 บาท

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเงินสด 300,000 บาท

มาสด้า พร้อมจัดแสดงบูธในงาน Japan Mobility Show 2023

มาสด้า พร้อมจัดแสดงบูธในงาน Japan Mobility Show 2023 ภายใต้ธีม The Future created by the ‘love of Cars’

ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 10 ตุลาคม 2566 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยรายละเอียดถึงแผนงานจัดแสดงรถยนต์มาสด้า ภายในงาน Japan Mobility Show 2023*1 โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ณ Tokyo Big Sight อาริอาเกะ เขตโคโต กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งงานในครั้งนี้ สำหรับบูธมาสด้าจะจัดขึ้นภายใต้ธีม “The Future created by the ‘love of Cars’“ หรือ “อนาคตที่สร้างขึ้นจากความรักในรถยนต์” โดยได้รับการออกแบบเพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่รักในการขับขี่และรักในรถยนต์ รถยนต์มาสด้าที่จะนำมาจัดแสดงภายในงานฯ นั้น ล้วนเป็นรถยนต์ได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า ในการยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน

ธีมบูธมาสด้า: “อนาคตที่สร้างจาก ‘ความรักในรถยนต์’”

สำหรับบูธมาสด้าในครั้งนี้ จะเน้นการจัดแสดงรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 ซึ่งเป็นแบรนด์ไอคอน และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยได้นำ Mazda MX-5 มาจัดแสดงหลากหลายรุ่น ได้แก่ Mazda MX-5 เจเนอเรชั่นแรก ซึ่งเป็นรถที่เปรียบเสมือนต้นแบบสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืนของมาสด้า ที่ถ่ายทอดปรัชญาความสนุกสนานในการขับขี่ Mazda MX-5 ขนาดสองในสามของรถคันจริงเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบจำลองให้กับเด็กๆ Mazda MX-5 เจเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาอัพเกรดครั้งใหญ่ และ Mazda MX-5 SeDv*2 ที่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ด้วยมือของผู้ขับเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำรถต้นแบบที่ได้รับการดีไซน์ให้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของธีมบูธมาสด้า มาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกหรือ World Premier ภายในงานนี้

รถต้นแบบของมาสด้าที่จะเปิดตัวภายในงาน Japan Mobility Show 2023

นอกจากนั้นแล้ว มาสด้ายังได้เข้าร่วมโปรแกรมที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น ด้วยการจัดแสดงรถยนต์ Mazda2 Bio Concept ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไบโอดีเซล เจเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งอยู่ในส่วนพื้นที่จัดแสดงมอเตอร์สปอร์ตด้วยเช่นกัน

มาสด้ายังเข้าร่วมกับ “Out of KidZania” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ KidZania หรือ ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงยอดนิยม ที่มุ่งเน้นให้เด็กๆ ได้มีโอกาสทดลองสวมบทบาทการทำงานในแต่ละอาชีพ โดยมาสด้าจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่เข้าเยี่ยมชมภายในงานได้ทดลองสวมบทบาทอาชีพในงานของมาสด้า ได้แก่ “Sand-casting” ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และ “Stamping operator” ที่ออกแบบให้เหมาะสำหรับเด็กๆ ในชั้นก่อนวัยเรียน ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรม จะจัดขึ้นในโรงงานมาสด้าแบบจำลอง ซึ่งจะมอบประสบการณ์ความสุขให้กับเด็กๆ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตรถยนต์

มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ “ความสุขในการดำเนินชีวิต” ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน

รายละเอียดเพิ่มเติม:

•เว็บไซต์ Mazda Japan Mobility Show 2023 (สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 10:45 น. เวลาประเทศญี่ปุ่น) https://mazda.co.jp/experience/event/japanmobilityshow2023/

*1 Japan Mobility Show 2023 จัดขึ้นโดย สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น รอบสื่อมวลชนจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (08:00-18:00) และวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2566 (08:00-13:00) สำหรับงานแถลงข่าวมาสด้า จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (09:15-09:30) และรอบบุคคลทั่วไป จะจัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 – วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566

*2 SeDV: Self-empowerment Driving Vehicle สำหรับบุคคลที่มีข้อจำกัดในกิจกรรมประจำวันให้สามารถขับขี่และควบคุมการขับขี่ได้ด้วยมือของตนเอง

อีซูซุ เปิดตัวอลังการ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์”

อีซูซุ เปิดตัวอลังการ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ปลดล็อกพร้อมลุยทุกไลฟ์สไตล์

อีซูซุเจ้าตลาดรถปิกอัพเมืองไทย เปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ จัดเต็มทุกไลน์อัพ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมกระตุ้นตลาดรถยนต์ปลายปี ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ รวมทั้งผู้จำหน่ายอีซูซุ ลูกค้าพิเศษ “อีซูซุ ซูเปอร์แฟน” และสื่อมวลชนหลากหลายสาขาที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 1,000 คน ณ ICON HALL ชั้น 7 ศูนย์การค้า ICON SIAM

การเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณจุติพงศ์ บุญสูง ประธานกรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด มร.ชินสุเกะ มินามิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) มร.ยูโซ โนะอุจิ รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) มร. ชิเงรุ วากะบายาชิ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มยานยนต์และโมบิลิตี้ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และ มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมเปิดตัว “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL สุดอลังการ ด้วยเทคนิค 3D ครั้งแรกที่สมจริงและจัดเต็มทั้ง ภาพ แสง สี เสียง สุดล้ำ ให้ผู้ร่วมงานได้ปลดล็อกทุกความท้าทาย ตื่นเต้น เร้าใจ ทั้งงาน นับเป็นการตอกย้ำความเป็นรถปิกอัพอันดับ 1 ของเมืองไทย ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตและกิจกรรมที่หลากหลายของผู้ใช้รถยุคใหม่อย่างแท้จริง

ภายในงานเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจกับไลน์อัพรถปิกอัพรุ่นใหม่จัดเต็มถึง 11 คัน ของ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL นำโดย “ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง ตอบโจทย์สายออฟโรด พร้อมลุยทุกกิจกรรม ต่อด้วย “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” ตอบโจทย์ Urban Lifestyle วิถีชีวิตคนเมืองพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับ TOP CLASS และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า รวมถึงรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” ตอบโจทย์สาย Outdoor Activity

มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุ มุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ด้วย “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ดีไซน์ใหม่ทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมสีส้มใหม่ Namibu Orange Mica (ส้ม นามิบู ไมก้า) ด้านหน้าใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า พร้อมออกแบบ Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ ฝาท้ายและชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ภายในเพิ่มความโดดเด่นสุดพิเศษด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ เพิ่มการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift อีกทั้งยังมีหน้าจอ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID ใหม่ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ยกระดับความสะดวกสบายให้กับ ผู้ขับขี่ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย มั่นใจทุกการเดินทางด้วย ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่กว้างขึ้นและแม่นยำขึ้น พร้อม ใหม่! ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (Rear Cross Traffic Brake) ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 540,000 – 1,264,000 บาท รถรุ่นใหม่นี้นอกจากจะตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งส่วนตัวและเพื่อการพาณิชย์แล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันเหนือชั้นของรถอีซูซุ คือ ความแข็งแกร่งทนทาน ความเชื่อถือได้ อะไหล่หาง่าย และบำรุงรักษาได้ง่าย ซึ่งล้วนเป็นคุณลักษณะสำคัญที่ครองใจผู้ใช้รถชาวไทยได้เป็นเวลายาวนาน อีซูซุขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้รถอีซูซุเป็นอย่างดีเสมอมา และเรามั่นใจว่ารถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก จะสร้างความพอใจสูงสุดให้ผู้ใช้รถชาวไทยอย่างแน่นอน”

พบกับ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ได้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2566  เป็นต้นไป ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

TTC Motor ขานรับโมเดลธุรกิจ Retail of the Future

TTC Motor ขานรับแนวคิดโมเดลธุรกิจ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย “Retail of the Future” เตรียมพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกในปี 2024 ใช้โอกาสไตรมาสสุดท้ายเตรียมความพร้อม เดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าในทุกภาคส่วน ชิมลางด้วยการจัดปาร์ตี้ Chef’s Table มอบความพิเศษให้ลูกค้าคนสำคัญได้ประทับใจ ผสมผสานการจัดสรรแคมเปญใหม่ Fast and Fearless Offer เร็วแรงทุกอัตราเร่งไปกับ Mercedes-Benz คันโปรดของคุณ พร้อมข้อเสนอสุดร้อนแรง แซงทุกความต้องการ ที่เร้าใจ พร้อมพุ่งทะยานไปกับคุณ ได้ที่ TTC Motor เท่านั้น

นายอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์, เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี,เมอร์เซเดส-มายบัค อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า TTC Motor ขานรับแนวคิดของโมเดลธุรกิจแห่งยุค “Retail of the Future” เตรียมพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก ในปี 2024 วางเป้าหมายในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ และมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย โดยมร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในช่วงต้นปี 2024 ด้วยเป้าหมายหลักในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจค้าปลีก ชูโมเดลธุรกิจที่เน้นความโปร่งใสของราคาและข้อเสนอจากผู้จำหน่ายฯ ที่ต้องเท่าเทียมกัน การจัดการความพร้อมของสต็อกรถยนต์ และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ภายใต้มาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย โดยที่ผู้จำหน่ายฯ จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในทุกขั้นตอนของการบริการลูกค้า นอกจากนี้ในโมเดลธุรกิจใหม่ จะไม่ได้เน้นเพียงแค่การขายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่จะส่งเสริมเครือข่ายการค้าปลีกของแบรนด์ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ

“จากแนวคิดนี้ TTC Motor เร่งดำเนินการทันที เพราะไตรมาสสุดท้ายเป็นวาระที่ดี ที่ผู้จำหน่าย ควรเตรียมความพร้อม บอกกล่าวและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้ายิ่งๆขึ้น ในอนาคตความประทับใจเท่านั้น จะดึงดูดลูกค้าได้อย่างยั่งยืน เราได้เตรียมอีเว้นต์พิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ ร่วมปาร์ตี้ รับประทานอาหารในรูปแบบ Chef’s Table และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเข้าใช้บริการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเครือข่ายให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น”

นอกจากนี้ TTC Motor ยังได้เตรียมข้อเสนอที่เรากล้าให้คุณได้มากกว่า กับแคมเปญ Fast and Fearless ตลอดเดือนตุลาคมนี้ สามารถเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ด้วยตัวคุณเอง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2566 นี้ อาทิ

•ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท

•รับดอกเบี้ย 0%นานสูงสุด 6 ปี

•รับฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นานสูงสุดถึง 8 ปี

•รับฟรี! Wallbox 2.0 รุ่นใหม่ล่าสุด

•รับ MBSP Package นานสูงสุด 8 ปี

•ออกรถตอนนี้ ขับฟรี 9 เดือน

ทั้งนี้ในส่วนของ TTC Motor Certified พร้อมมอบความแรง ที่ไม่เป็นรองรถป้ายแดง ด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้แล้ว ไมล์น้อย ราคาสุดคุ้ม ผ่านมาตรฐานการตรวจเช็คกับ Mercedes-Benz Authorized Dealer TTC Motor ที่เปิดบริการมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี พร้อมมอบบริการสุดประทับใจให้กับลูกค้าทุกท่าน

•ข้อเสนอที่ 1 ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี

•ข้อเสนอที่ 2 ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

•ข้อเสนอที่ 3 ขับฟรี!! 90 วัน

ออกรถโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะเราดูแลให้คุณหมด หารถเบนซ์ใช้แล้ว รถทดลองขับ ปลดประจำการ หรือรถผู้บริหารไมล์น้อยที่ได้รับรองมาตรฐาน ต้องมาที่ Benz TTC Motor Certified เท่านั้น

TTC Motor 2 สาขา ได้แก่ สาขาพัฒนาการ 45 โทร. 1274, 02-322-2222 และสาขาอุบลราชธานี โทร.045-475-222, www.facebook.com/BenzTTC TTCMotor #ครบจบทุกเรื่องเบนซ์ ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach, Sprinter อย่างเป็นทางการ Line : https://bit.ly/LINEBENZTTC IG : https://bit.ly/IGBENZTTC

อีซูซุ เปิดตัวรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์”

อีซูซุ เปิดตัวรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ปลดล็อกทุกความท้าทาย พร้อมรุกตลาดรถยนต์ปลายปีนี้

 บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าตอกย้ำแบรนด์รถปิกอัพอันดับ 1 ของเมืองไทย เปิดตัว “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ จัดเต็มทุกไลน์อัพ นำโดย “ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ ระดับ TOP CLASS และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า รวมถึงรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค” ตอบโจทย์ด้านสมรรถนะ ความทนทาน และประหยัดน้ำมันขั้นสุด

 มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุส่งรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก กระตุ้นตลาดปลายปี สร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง ดีไซน์ใหม่ทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมสีส้มใหม่ Namibu Orange Mica (ส้ม นามิบู ไมก้า) ด้านหน้าใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า พร้อมออกแบบ Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ ฝาท้ายและชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ภายในเพิ่มความโดดเด่นสุดพิเศษด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ เพิ่มการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift อีกทั้งยังมีหน้าจอ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID ใหม่ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ยกระดับความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย มั่นใจทุกการเดินทางด้วย ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่กว้างขึ้นและแม่นยำขึ้น พร้อม ใหม่! ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (Rear Cross Traffic Brake) ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 540,000 – 1,264,000 บาท ทั้งนี้เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา ส่งมอบผลิตภัณฑ์อันดีเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้รถอย่างแท้จริง”

“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก นำโดย

“NEW! ISUZU V-CROSS 4×4” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง ดุดัน มาพร้อม สีใหม่สุด Namibu Orange Mica (ส้ม นามิบู ไมก้า) ดีไซน์ใหม่หมด สะกดทุกสายตา ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าจดสเกิร์ตด้านล่าง พร้อมชุดแต่ง ISUZU V-Cross Package รวมถึงฝาท้าย และชุดไฟท้าย สะท้อนเอกลักษณ์แห่งพรีเมียมสปอร์ตออฟโรด ที่ดีไซน์ใหม่ล้ำไปอีกขั้น เพิ่มประสบการณ์ความเหนือชั้นทุกครั้งที่ออกไปใช้ชีวิต พิชิตอุปสรรคใหม่ๆ ท้าทายทุกขีดความสามารถ แรงสุดด้วย เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 917,000 – 1,264,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วย ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension สีเทาดำ และ Black Chrome

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Rugged & Wild สี Matte Black เท่ แกร่ง ดุดัน

ภายใน

-ยกระดับความสะดวกสบายสไตล์พรีเมียม เพิ่มความโดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ ภายใต้แนวคิด High-Class & Sophisticated เน้นสีทูโทน ดำ-น้ำตาล ห้องโดยสารกว้าง แผงคอนโซลหน้า Sharp Horizontal Layers เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทาง

-เบาะดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ

-ใหม่! Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-ใหม่! หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน

-ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพงแบบ Dynamic Surround Sound

-ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

-ใหม่! ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)

-ใหม่! ระบบ Rough Terrain Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้ง 2 และ 4 ล้อ ด้วยการควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว

-ใหม่! ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

-ลุยน้ำลึกสุดได้ 800 มม.

“NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 DOOR” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ ระดับ TOP CLASS ที่ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว เปลี่ยนนิยามคำว่าปิกอัพให้เหนือระดับ ด้วยดีไซน์ที่ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 865,000 – 1,151,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดัน สะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Turbine Spiral

ภายใน

-ห้องโดยสารพรีเมียม ตามแนวคิด High-Class & Sophisticated สะท้อนความหรูหรา โทนสีดำเงิน เสริมความประณีตด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ออกแบบการใช้งานตามหลัก Usability Design พร้อมหน้าจอ Multitasking System ปลดล็อกสู่ประสบการณ์การเดินทางอีกขั้นที่ลงตัวในทุกมิติ

-ใหม่! หน้าจอ Integrated MID ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์ เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Infotainment Display สะดวกยิ่งขึ้น

-เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ

-ใหม่! Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-ใหม่! หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน

-ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง แบบ Dynamic Surround Sound

-ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

-ใหม่! ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)

“NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 2 DOOR” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า ปิกอัพ 2 ประตู ที่ออกแบบให้สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผสานสมรรถนะความทนทาน และความประหยัดน้ำมันขั้นสุด มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์  เจน 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 758,000 – 935,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดัน สะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

ภายใน

-ห้องโดยสารพรีเมียม ตามแนวคิด High-Class & Sophisticated สะท้อนความหรูหรา โทนสีดำเงิน เสริมความประณีตด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ออกแบบการใช้งานตามหลัก Usability Design พร้อมหน้าจอ Multitasking System ปลดล็อกสู่ประสบการณ์การเดินทางอีกขั้นที่ลงตัวในทุกมิติ

-ใหม่! หน้าจอ Integrated MID ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์ เชื่อมต่อข้อมูลกับ หน้าจอ Infotainment Display สะดวกยิ่งขึ้น

-เบาะดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ

-ใหม่! Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-ใหม่! หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ หน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน

-ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง แบบ Dynamic Surround Sound

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

“NEW! ISUZU D-MAX CAB4” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ เพื่อชีวิตที่สะดวกลงตัว มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 731,000 – 882,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดันสะกดทุกสายตากับ สี Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย

ภายใน

-ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์)

-เบาะผ้าดีไซน์ใหม่

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

“NEW! ISUZU D-MAX SPACECAB” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า ออกแบบให้สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผสานสมรรถนะความทนทาน และความประหยัดน้ำมันขั้นสุด มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 650,000 – 760,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดันสะกดทุกสายตากับ Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย

ภายใน

-ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์)

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-เบาะผ้าดีไซน์ใหม่

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

“NEW! ISUZU D-MAX SPARK” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกพร้อมลุยทุกงานบรรทุกหนัก เปลี่ยนนิยามคำว่าบรรทุกหนักให้แตกต่างจากที่เคย ออกแบบโดยผสานการทำงานของโครงสร้างตัวถังแชสชีส์ เครื่องยนต์ และช่วงล่างให้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง ไม่ว่าสภาพถนนแบบไหนก็มั่นใจได้ พร้อมด้วยความประหยัดน้ำมันขั้นสุดของอีซูซุ จนกลายเป็นสุดยอดปิกอัพที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะเพิ่มผลิตผลแห่งความสำเร็จ มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่  3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที โดย NEW! ISUZU D-MAX SPARK มีให้เลือกทั้งรุ่น 4×2 และรุ่น 4×4 ซึ่งได้เพิ่มระบบ Rough Terrain Mode มาในรุ่น 4×4 ด้วย ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 540,000 – 727,000 บาท

ภายนอก

-ดีไซน์ใหม่ ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า กระจังหน้า และไฟหน้า

-กระบะท้ายกว้าง ขนาดใหญ่ พร้อมรับทุกงานหนัก รองรับรูปแบบการบรรทุกที่หลากหลายได้อย่างคุ้มค่า สร้างผลกำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ภายใน

-ห้องโดยสารภายในตอบโจทย์งานบรรทุก เน้นความสะดวกสบาย กว้างขวาง ตามหลัก Usability Design บรรทุกหนัก บรรทุกไกล ก็ขับสบายตลอดเส้นทาง

-ใหม่! หน้าจอ Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้งานง่ายรองรับทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-เบาะที่นั่งคนขับสามารถปรับอิสระ

-ห้องโดยสารกว้างขวาง รวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะ และพื้นที่วางเท้า

-กระจกไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบาย

-คอนโซลกลางออกแบบปุ่มควบคุมและสวิตซ์ต่าง ๆ ใช้งานสะดวกสบาย

-ตำแหน่งวางแก้ว 2 จุด พร้อมช่องในขวดน้ำ 1.5 ลิตร ข้างประตู

-ช่องเก็บของอเนกประสงค์

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

พบกับ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ได้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม เป็นต้นไป ที่โชว์รูม อีซูซุทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

GWM ประกาศราคา TANK 500 และ TANK 300

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคาอย่างเป็นทางการรถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม All New GWM TANK 500 HEV เริ่มต้นที่ 2,049,000 บาท และ All New GWM TANK 300 HEV ที่ 1,649,000 บาท

เกรท วอลล์ มอเตอร์ สั่นสะเทือนวงการยานยนต์ไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการสุดยิ่งใหญ่ของรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้ GWM TANK เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดประเทศไทย โดย “All New GWM TANK 500 HEV” รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรด เปิดตัวรุ่น PRO ในราคา 2,049,000 บาท และรุ่น ULTRA ในราคา 2,269,000 บาท สำหรับ “All New GWM TANK 300 HEV” รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น รุ่น PRO ที่ราคา 1,649,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 1,799,000 บาท ซึ่งแฟนๆ ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

GWM TANK เป็นรถยนต์ภายใต้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์เอสยูวีในสไตล์ออฟโรดที่มีความแข็งแกร่ง บึกบึน ผสมผสานกับความพรีเมียม หรูหรา และความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในทุกเส้นทาง โดยรถยนต์ GWM TANK ได้รับการพูดถึงในวงกว้างอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีนภายในงาน Guangzhou Auto Show ประจำปี 2564 ซึ่ง GWM TANK 500 สามารถทำยอดจองได้ถึง 26,000 คัน เพียง 2 ชั่วโมงหลังเปิดตัว นอกจากนี้ GWM TANK 300 ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดจีน จนเกิดปรากฏการณ์หาซื้อยาก หรือ “TANK Phenomenon” ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวของ All New GWM TANK 500 HEV ในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2566 มียอดจองสิทธิ์ซื้อทะลุมากกว่า 1,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ตั้งแต่เปิดรับจองสิทธิ์ และตอกย้ำความร้อนแรงด้วยการคว้ารางวัล “The Most Exciting SUV Award” หรือ รางวัลรถยนต์เอสยูวีที่สร้างความตื่นเต้นได้มากที่สุด ภายในงานอีกด้วย

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ อาเซียน กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมเอสยูวีออฟโรดพรีเมียมระดับโลกภายใต้ GWM TANK ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมหลากหลายมิติของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ขับเคลื่อนด้วยมุมมองระดับโลก ข้อมูลเชิงลึกทางตลาด เอสยูวีออฟโรดระดับไฮเอนด์ และเสียงตอบรับของผู้ใช้ เราได้คิดค้นเทคโนโลยีออฟโรดที่น่าตื่นเต้นในรูปแบบของรถยนต์พลังงานใหม่ บนแพลตฟอร์ม TANK โดยเป้าหมายของเราคือการสร้างไลฟ์สไตล์การขับขี่ออฟโรดที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ความทรงพลัง และความสะดวกสบาย  GWM TANK ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศจีนและทั่วโลก เรามียอดขายสะสมมากกว่า 300,000 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60% ของตลาดรถยนต์ออฟโรดในประเทศจีน ในวันนี้ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้ง 2 รุ่น ในตลาดประเทศไทย ผมเชื่อว่า รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมาสร้างปรากฏการณ์และความตื่นเต้นให้กับเซ็กเมนต์รถยนต์เอสยูวีออฟโรดพลังงานใหม่ในประเทศไทยและตอบโจทย์ผู้บริโภคเจนเนอเรชันใหม่ที่มองหาดุลยภาพระหว่างการผจญภัยแบบออฟโรดและการเดินทางในเมืองได้อย่างแน่นอน”

โดยรถยนต์ภายใต้แบรนด์ TANK ทั้งสองรุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการนี้  ถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “NOTHING BUT TANK” สะท้อน DNA ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ 4 บุคลิก ได้แก่ T – คือ Tough ทรหด อดทน ผจญทุกอุปสรรค, A – Ambitious มุ่งมั่น ไม่หยุดนิ่ง ก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ, N – Normal เรียบง่าย เข้าถึงได้ เป็นตัวของตัวเอง แต่แฝงไว้ด้วย K – Kind ความดีงามของจิตใจ ความอ่อนโยน คิดถึงคนรอบข้าง  ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีและผู้ขับขี่ชาวไทย ให้ทุกการผจญภัยแตกต่าง แปลกใหม่ และสามารถถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยไร้กังวล

All New GWM TANK 500 HEV เป็นรถยนต์เอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มิติรถกว้างขวางที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ด้วยมิติตัวรถ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,850 มม. ดีไซน์เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED ไฟท้าย Vertical LED อย่างเต็มระบบที่ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชันได้อย่างลงตัว และหลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และยางขนาด 265/50 R20 ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์การขับขี่ให้หรูหรามากขึ้นไปอีกระดับ ควบคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุสีดำ สีดำเงา สีโครเมียม และสีเงิน นาฬิกาแบบคลาสสิก และเบาะหนัง NAPPA

All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังและเทคโนโลยีออฟโรดล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร  และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) และโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 11 รูปแบบ สอดรับกับแนวคิด “Nothing is Unreachable ไม่มีความสำเร็จไหนที่ไปไม่ถึง” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย All New GWM TANK 500 HEV มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA ที่มาพร้อมกับเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีใหม่เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA และตัวรถสีเทาคริสตัล)

All New GWM TANK 300 HEV – Define Your Own World เป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลาง มิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้ความแปลกตาด้วยดีไซน์แบบออฟโรดที่ผนวกกับดีไซน์ BOXY ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยกระจังหน้าแบบ Rectangle ตัดขอบสีดำเงาที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยมผสานเข้ากับตัวรถ เสริมความเท่ทะมัดทะแมงด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งและมั่นใจให้กับภาพลักษณ์ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ และยาง A/T ขนาด 265/65 R17 เน้นย้ำความหรูหราของดีไซน์ออฟโรดที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ด้วยนาฬิกาแบบคลาสสิก เบาะหนัง NAPPA ระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารข้างหน้า-หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ

All New GWM TANK 300 HEV ถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม TANK ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเช่นเดียวกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับความหลากหลายของระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ไฮบริด และโหมดการขับขี่ที่มีถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L ซึ่ง All New GWM TANK 300 HEV มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว และมีเฉดสีรถภายในทั้งหมดสีเดียว ได้แก่ สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น PRO และรุ่น ULTRA)

All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง นอกจากนี้ รถยนต์ทั้งสองรุ่น ยังมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบํารุงรักษาตามระยะทาง GWM Pro Service Inclusive – GPSI สูงสุด 10 ครั้ง ภายใน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน (ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ( Roadside Assistance ) ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสิทธิพิเศษกับการเป็นส่วนหนึ่งของ GWM TANK CLUB และกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย

สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ Value Pack ของ All New GWM TANK 500 HEV ไว้ในช่วง Pre-sale จะได้รับส่วนลดเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกค้าจะต้องวางเงินจองภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2566 เวลา 17.59 น. หรือภายใน 1 เดือนหลังจากการประกาศราคา มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ Value Pack ดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าที่จองสิทธิ Pre-sale จะได้สิทธิพิเศษรับรถก่อนลูกค้าที่จะเริ่มจองเข้ามาตามปกติ โดยลูกค้าที่จองสิทธิ์ Pre-sale จะต้องชำระเงินมัดจำภายใน 24 ชั่วโมงนับจากการเริ่มเปิดจอง หรือถึงเวลา 17.59 น. ของวันที่ 29 กันยายน 2566 เท่านั้น หลังจากนั้นลำดับการส่งมอบรถจะเป็นไปตามปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินจองสำเร็จของลูกค้า

ลูกค้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของ All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์จะทยอยส่งมอบรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

“เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการปลุกกระแสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ออฟโรดพลังงานใหม่ทั้งสองนี้ อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV จะเข้าไปอยู่ในใจคนไทย และร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำให้ตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดในไทยครึกครื้นยิ่งกว่าที่เคย ด้วยพลังแห่งแพลตฟอร์ม TANK ออฟโรดอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลังและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย เพื่อส่งต่อประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่ไม่เหมือนใคร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว” นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวเสริม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยยึดถือแนวคิดที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคเป็นหลัก (User-centric) เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม ตลอดจนปลุกปั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตสู่ระดับสากลได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save