- Advertisement -
32 C
Bangkok
Home Blog Page 93

Toyota Gazoo Racing Motorsport 2023 สนาม 3 บุรีรัมย์ สนุกเร้าใจ

Toyota Gazoo Racing Motorsport 2023 สนาม 3 บุรีรัมย์ สุดฮอต! “มีย่า พิชชา ทองเจือ” ขึ้นโพเดียมครั้งแรก “YARIS ATIV Lady One Make Race” “ปังปอนด์ อัครวุฒิ มังคลสุต” คว้าโพเดียมที่ 3 YARIS One Make Race : Division 1

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าใน จ.บุรีรัมย์ ร่วมเปิดการแข่งขันเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเปิดการแข่งขันว่า “ยินดีต้อนรับสู่ โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2023 เก็บคะแนนสะสมสนามที่ 3 ณ สนามแข่งมาตรฐาน FIA แห่งนี้ ภายใต้แนวคิด “From Circuit to the Road” จากสนามแข่งสู่ท้องถนน เพราะเราเชื่อว่า “ถนนสร้างคน และคนสร้างรถ” เราจึงใช้สนามแข่งมอเตอร์สปอร์ต เป็นเสมือนสนามทดสอบในการพัฒนาคน และพัฒนารถ เพื่อตอบสนองปรัชญา “Make Ever Better Cars” นั่นคือการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งขึ้น โดยการแข่งขันรายการ “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต” เป็นการแข่งขันระดับ One Make Race  ที่ได้รับความสนใจจากนักแข่งมากที่สุด ด้วยรถแข่งเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุดถึง 65 คัน นี่คือบันไดสำคัญในการสร้างนักแข่งหน้าใหม่เข้าสู่วงการ มีนักแข่งชื่อดังแจ้งเกิดจากการแข่งขันรายการนี้มากมาย และยังเป็นการพิสูจน์ของรถแข่งระดับ Production Car จากฝีมือคนไทย พัฒนาเป็นรถแข่งโดยช่างไทย ดูแล Service โดยช่างไทยตลอดการแข่งขัน นี่คือการพัฒนาทั้งองค์รวม เพื่อส่งเสริมวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยอย่างแท้จริง”

ผลการแข่งขัน โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2023 สนามที่ 3 บุรีรัมย์

รายการแรก พิสูจน์สมรรถนะ ความคล่องตัว และความทนทานของ YARIS Hatchback พร้อมนำเสนอพลังงานทางเลือกใหม่ในกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดย “ซิดนีย์ ศริทธนา มิตรอารี” นักแข่งจาก Toyota Gazoo Racing Academy Thailand ลงแข่งด้วย Toyota Yaris One Make Race Carbon Neutral Fuel แชมป์ประจำสนามตกเป็นของ “ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์” หมายเลข 68 จากทีม “TMC-Drive68 by wootbangbon3” ในขณะที่อันดับ 2 เป็นของ “ไอตั้น อัษฎาธร” หมายเลข 51 จากทีม “Lin Motorsport“ อันดับที่ 3 ดาราหนุ่มฟอร์มดีจาก Toyota Racing Star Team “ปังปอนด์ อัครวุฒิ มังคลสุต” หมายเลข 10  อันดับที่ 4 เป็นของ “ธนากร เลี่ยวไพรัตน์” หมายเลข 22 จากทีม “HC by Sittipol”  และ อันดับที่ 5 “บุญโชค ถิรธารากร”  หมายเลข 15 จากทีม “Nexzet HGR Racing Team by PMC52”

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 8 รอบ)

อันดับหมายเลขนักแข่งทีมคะแนนสะสม
168ภูรีพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์TMC-Drive68 by wootbangbon330
251ไอตั้น อัษฎาธรLin Motorsport28
310อัครวุฒิ มังคลสุตToyota Racing Star Team12
422ธนากร เลี่ยวไพรัตน์HC by Sittipol20
515บุญโชค ถิรธารากรNexzet HGR Racing Team by PMC528

ในขณะที่ “YARIS One make Race : Division 2” แชมป์ประจำสนามตกเป็นของ “พรรณภัทร พรรณทรัพย์” หมายเลข 34 อันดับ 2 เป็นของ “ฐิติณัฎฐ์ ภุมรินทร์” หมายเลข 27 และอันดับที่ 3 “ภูวภณ ทวีไกรกุล” หมายเลข 45 จากทีม “Nexzter HYB Motul by TTR” อันดับที่ 4 “ปวิธชาติ รัตตกาลกูล” หมายเลข 91 จากทีม “FORESTA NEXZTER BY PTS Racing” และ อันดับที่ 5 “Alex Grocott”  หมายเลข 57 จากทีม “Bendix SRT Racing Team”

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 8 รอบ)

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
134พรรณภัทร พรรณทรัพย์
236ฐิติณัฎฐ์ ภุมรินทร์
345ภูวภณ ทวีไกรกุลNexzter HYB Motul by TTR
491ปวิธชาติ รัตตกาลกูลFORESTA NEXZTER BY PTS Racing
557Alex GrocottBendix SRT Racing Team

ต่อเนื่องกับรายการแข่งขันของนักแข่งสาวสวย “YARIS ATIV Lady One Make Race” พิสูจน์สมรรถนะ ความทนทาน ของรถ ECO Car ยอดนิยม Yaris ATIV แชมป์ประจำสนามตกเป็นของ “ศิริภากรณ์ แยบยนต์”  หมายเลข 168 จากทีม “TMC-Drive68 by wootbangbon3” ตามมาด้วยอันดับที่ 2 “สาวิตรี กวางแก้ว” หมายเลข 138  จากทีม “Compact Brakes Superclub Racing Team” อันดับที่ 3 “ปิยะวดี พฤฒิสาร” หมายเลข 135 จากทีม “Smile Nexzter Ruk Service Racing Team” อันดับที่ 4 “ปัณฑ์นลิน ทวยเดช” หมายเลข 128 จากทีม “Kaizo-R Motorsports Team Nexzter by Ruk Service” และ อันดับที่ 5 เป็นของดาราสาวรุ่นใหม่ไฟแรง จาก Toyota Racing Star Team “มีย่า พิชชา ทองเจือ” หมายเลข 198

ผลการแข่งขัน “YARIS ATIV Lady One Make Race” (แข่งขัน 8 รอบ)

อันดับหมายเลขนักแข่งทีมคะแนนสะสม
1168ศิริภากรณ์ แยบยนต์TMC-Drive68 by wootbangbon334
2138สาวิตรี กวางแก้วCompact Brakes Superclub Racing Team34
3135ปิยะวดี พฤฒิสารSmile Nexzter Ruk Service Racing Team42
4128ปัณฑ์นลิน ทวยเดชKaizo-R Motorsports Team Nexzter by Ruk Service42
5198พิชชา มีย่า ทองเจือToyota Racing Star Team10

ตามมาด้วยรุ่นไฮไลท์ “COROLLA ALTIS GR Sport One Make Race” รายการแข่งขันสุดเร้าใจกับสุดยอดสมรรถนะของ Corolla ALTIS GR Sport ที่ผ่านการแข่งขันระดับโลกโดย ‘‘Toyota Gazoo Racing Team Thailand’’ คว้าแชมป์ 4 สมัย จากรายการแข่งขัน มาราธอน 24 ชั่วโมง ที่สนามแข่งนูร์เบิร์กริง เยอรมนี แชมป์ประจำสนามตกเป็นของ “อะกิ จิตรานุวัฒน์” หมายเลข 9 จากทีม “YK Motorsport”  ตามมาด้วย “นรรัศมิ์ อภิวาท” หมายเลข 25 จากทีม “Compact Brakes Superclub Racing Team” ในอันดับที่ 2 และ อันดับที่ 3 ได้แก่ “ทยาพล คงสุวรรณ” หมายเลข 45 อันดับที่ 4 เป็นของ “สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ หมายเลข 89 จากทีม “Nexzter Rest Club Singha Sittipol” และ อันดับที่ 5 เป็นของ “Kentaro Chiba” หมายเลข 3 จากทีม  “ORC Racing”

ผลการแข่งขัน “COROLLA ALTIS GR Sport One Make Race” (แข่งขัน 8 รอบ)

อันดับหมายเลขนักแข่งทีมคะแนนสะสม
19อะกิ จิตรานุวัฒน์YK Motorsport44
225นรรัศมิ์ อภิวาทCompact Brakes Superclub Racing Team45
345ทยาพล คงสุวรรณ34
489สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์Nexzter Rest Club Singha Sittipol18
53Kentaro ChibaORC Racing32

ปิดท้ายการแข่งขันสนามที่ 3 ด้วยรายการ “HILUX REVO One Make Race” แข่งขันกระบะโชว์สมรรถนะเหนือชั้น ของเครื่องยนต์ GD Super Power 2,400 ซีซี ที่ทนทาน ทั้งในสนามแข่งขัน และการใช้งานจริง ผลการแข่งขันปรากฏว่า แชมป์ประจำสนามตกเป็นของ “เมฆรัชคีฏาก์ กะลันตานนท์” หมายเลข 98 จากทีม “Kaizo-R Motorsports Team Nexzter by Ruk Service” อันดับ 2 ได้แก่ “Junichi Kimura” หมายเลข 11 อันดับ 3 ได้แก่ “นิรุทธ์ สุจริต” หมายเลข 19 อันดับ 4 ได้แก่ “พงศธร โอนอ่อน” หมายเลข 49 และอันดับ 5  ได้แก่ “Theophile Napat Broianigo” หมายเลข 29

ผลการแข่งขัน “HILUX REVO One Make Race” (แข่งขัน 8 รอบ)

อันดับหมายเลขนักแข่งทีมคะแนนสะสม
198เมฆรัชคีฏาก์ กะลันตานนท์Kaizo-R Motorsports Team Nexzter by Ruk Service35
211Junichi Kimura23
319นิรุทธ์ สุจริต22
449พงศธร โอนอ่อน10
529Theophile Napat Broianigo16

แฟนมอเตอร์สปอร์ตภาคเหนือ เตรียมสัมผัสจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ตกับ TOYOTA GAZOO RACING MOTORSPORT สนามที่ 4 ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 25667 นี้ ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี

ติดตามข้อมูลข่าวสาร รายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook / YouTube : Toyota Gazoo Racing Motorsport Thailand / Instagram : TGRthailand / TikTok : TGR.Thailand

มิตซูบิชิ เปิดตัวแคมเปญ “เช็ก มั่นใจ…เปลี่ยน ปลอดภัย!”

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “เช็ก มั่นใจ…เปลี่ยน ปลอดภัย!” ห่วงใยลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ชวนเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิ 4 รุ่นปี ทั้งมือหนึ่ง มือสอง เปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัย ฟรี! พร้อมรับคูปองเงินสด ถึง 15 พฤศจิกายน 2566

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวแคมเปญ “เช็ก มั่นใจ…เปลี่ยน ปลอดภัย!” เชิญชวนเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิ 4 รุ่นปี ทั้งมือหนึ่งและมือสอง ให้นำรถเข้าศูนย์บริการของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อรับบริการตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เสริมความปลอดภัยตลอดอายุการใช้รถ พร้อมรับฟรี! “คูปองเงินสดมูลค่า 200 บาท” ของขวัญสมนาคุณพิเศษจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เมื่อนำรถยนต์ 4 รุ่นปีดังกล่าวมาเข้ารับบริการในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 15 พฤศจิกายน 2566 นี้

รถยนต์มิตซูบิชิ 4 รุ่นปี ที่ได้รับสิทธิในแคมเปญ “เช็ก มั่นใจ…เปลี่ยน ปลอดภัย!” สามารถรับบริการตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัย ฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดอายุการใช้งาน ได้แก่

– มิตซูบิชิ ปาเจโร (รถยนต์นำเข้า) รุ่นปี 2551 – 2552 (Model Year 2008 – 2009)

– มิตซูบิชิ เดลิกา สเปซวากอน (รถยนต์นำเข้า) รุ่นปี 2558 (Model Year 2015)

– มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นปี 2548 – 2557 (Model Year 2005 – 2014) 

– มิตซูบิชิ แลนเซอร์ (2.0L) รุ่นปี 2549 (Model Year 2006)

เจ้าของรถมิตซูบิชิทั้ง 4 รุ่นปีดังกล่าว ทั้งรถยนต์มือหนึ่งและมือสอง สามารถติดต่อนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำรถเข้ามาตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัย ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยติดต่อมิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และหากนำรถมิตซูบิชิทั้ง 4 รุ่นปี ตามที่ระบุในแคมเปญ “เช็ก มั่นใจ…เปลี่ยน ปลอดภัย!” มาเข้ารับบริการตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัย ในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 15 พฤศจิกายน 2566 จะได้รับคูปองเงินสดมูลค่า 200 บาท สำหรับจับจ่ายที่ห้างโลตัส เป็นของขวัญพิเศษจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพิ่มเติมอีกด้วย

ด้วยปณิธานที่มุ่งสร้างความพึงพอใจด้านการขายและบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าและเสริมความปลอดภัยด้วยมาตรฐานสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงให้ความสำคัญต่อการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกับรถยนต์รุ่นเก่าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ทางบริษัทฯ สนับสนุนให้ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของรถ ตระหนักถึงความสำคัญในการนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดตราบอายุการใช้งาน

ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของรถมิตซูบิชิ 4 รุ่นปี ตามที่ระบุในแคมเปญ “เช็ก มั่นใจ…เปลี่ยน ปลอดภัย!” สามารถตรวจสอบว่ารถยนต์ของท่านจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัยหรือไม่ โดยกรอกหมายเลขตัวถัง (VIN) ผ่านคิวอาร์โค้ด หรือที่เว็บไซต์ https://vinsearch.mitsubishi-motors.co.th หากรถยนต์ของท่านได้รับคำแนะนำให้ตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในถุงลมนิรภัย ท่านสามารถนัดหมายล่วงหน้า ได้ที่ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ไทยฮอนด้า เปิดตัว New Honda Giorno+ ครั้งแรกในโลก

ไทยฮอนด้า เปิดตัว “New Honda Giorno+” รถโมเดิร์นคลาสสิกรุ่นใหม่ ครั้งแรกของโลก ชูคอนเซ็ปต์ The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่าพร้อมเปิดตัว 3 พรีเซนเตอร์ระดับท็อป ณเดชน์-วิโอเลต-เจฟ ซาเตอร์

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด New Honda Giorno+ (นิว ฮอนด้า จีออโน่ พลัส) รถออโตเมติกแนวโมเดิร์นคลาสสิก ในสไตล์ High Fashion ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่า” ผสานดีไซน์ที่โดดเด่นมีสไตล์เข้ากับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ล้ำสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมกับถ่ายทอดภาพลักษณ์ของรถผ่าน 3 พรีเซนเตอร์ใหม่ นำโดย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงและนายแบบชื่อดัง “วี-วิโอเลต วอเทียร์” ศิลปินมากความสามารถที่มีสไตล์ไม่เหมือนใครและ “เจฟ-วรกมล ซาเตอร์” ศิลปินที่มีความโดดเด่นและเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในครั้งนี้ว่า “ความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมาย และการมุ่งพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยทำให้ฮอนด้าได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากคนรุ่นใหม่และครองความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในกลุ่มรถออโตเมติกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ความต้องการของตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราจึงต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างผู้นำเพื่อเติมเต็มความต้องการเหล่านั้นให้ได้ ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว เราได้พัฒนา New Honda Giorno+ รถรุ่นใหม่ที่ผสานความทันสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัว ทุกรายละเอียดได้รับการออกแบบให้แสดงถึงความมีสไตล์ ด้วยรูปทรงและเส้นสายที่สวยงาม ไปจนถึงสีสันที่โดดเด่นเข้ากับดีไซน์ของรถ กลายเป็นความลงตัวที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีคลาส ไม่เพียงเท่านั้น รถรุ่นนี้ยังถูกสร้างเพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย นี่คือรถที่จะถ่ายทอดอีกนิยามของความเป็นแฟชั่น เสมือนงานศิลปะบนรถจักรยานยนต์อย่างแท้จริง”

New Honda Giorno+ มาพร้อมคอนเซปต์ “The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่า” รถออโตเมติกสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่โดดเด่นเกินใคร จากการออกแบบให้สะท้อนความเป็น High Fashion ผสานความงามไร้กาลเวลา และความล้ำสมัยของเทคโนโลยีเพื่อไลฟ์สไตล์การขับขี่ยุคใหม่ สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ลงตัวเข้ากับเส้นสายที่ให้ความคลาสสิกรอบคัน

New Honda Giorno+ มาพร้อมกับสมรรถนะในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้การขับขี่ที่สนุก ให้อัตราเร่งดี บิดติดมือ ตอบสนองการใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี ปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้า และระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น ABS) และระบบกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง Combi Brake System เพิ่มประสบการณ์ขับขี่ในรูปแบบใหม่ที่ High ขึ้นทุกระดับ

New Honda Giorno+ มาพร้อมความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยกุญแจรีโมตอัจฉริยะ Honda Smart Key เช่นเดียวกับ U-Box ขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร พร้อมติดตั้ง USB Socket & Console Box สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา รวมถึงจุดเติมน้ำมันด้านหน้า สามารถเติมน้ำมันได้โดยไม่ต้องเปิดเบาะ

นอกจากนี้ ไทยฮอนด้ายังได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการสื่อสารการตลาดสำหรับ New Honda Giorno+ ด้วยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ระดับท็อปพร้อมกันทีเดียวถึง 3 คน เริ่มจาก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงและนายแบบผู้หลงใหลในเสน่ห์ของรถจักรยานยนต์ “วี-วิโอเลต วอเทียร์” ศิลปินสาวที่มีสไตล์โดดเด่นในแบบของตัวเอง และ“เจฟ-วรกมล ซาเตอร์” ศิลปินระดับอินเตอร์ที่มีความเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นตัวจริง โดยทั้ง 3 คนถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่สะท้อนความเป็น The New High ของรถจักรยานยนต์ New Honda Giorno+ ในแบบฉบับของตัวเอง

ไทยฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย New Honda Giorno+ แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกสองรุ่นย่อยประกอบด้วยรุ่น ABS มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเทา-ดำ และสีแดง-ดำ ราคาแนะนำที่ 66,900 บาท รุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเหลือง-ดำ สีเขียว-ดำ และสีน้ำเงิน-ดำ ราคาแนะนำที่ 61,900 บาท

นอกจากรุ่น ABS และ Standard แล้ว ฮอนด้ายังได้นำเสนอ Special Edition จากสำนักแต่ง H2C by Honda ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แต่ละไลฟ์สไตล์ โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Bianco Pearl Edition ตกแต่งมาในสไตล์ Urban Rider ทันสมัยในแบบคนเมืองรุ่นใหม่ ราคาแนะนำที่ 72,900 บาท ตามด้วย Glamorous Nero Edition ตกแต่งสไตล์ Casual Weekender ราคาแนะนำที่ 75,900 บาท และสุดท้าย Ruby Russo Edition ตกแต่งในแบบ Street Strider ให้ลุคสปอร์ต ราคาแนะนำที่ 78,900 บาท

พร้อมกันนี้ ไทยฮอนด้ายังมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษให้กับ 10,000 คันแรก ที่เป็นเจ้าของ New Honda Giorno+ ด้วยแพคเกจ HSP (Honda Service Premium Package) ตรวจเช็คระยะฟรีตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือระยะทาง 18,000 กิโลเมตร กดรับสิทธิ์ผ่าน Application “My Honda Moto” ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น : https://myhonda.page.link/invite

มาสด้า ส่ง NEW MAZDA CX-3 ดีไซน์ใหม่ใส่ออฟชั่นเต็มคัน

มาสด้า เดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง ประเดิมเปิดตัว New Mazda CX-3 รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ชูคอนเซ็ปต์ “Never Settle for Less ความท้าทายใหม่ไม่รู้จบ” ลุยเจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ B-Car Upper และลูกค้ากลุ่ม B-SUV ที่ต้องการรถอเนกประสงค์เอสยูวีเป็นคันแรกในครอบครัว และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพื้นที่อรรถประโยชน์ที่มากกว่ารถยนต์นั่ง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และภาพลักษณ์ความสปอร์ต ตลอดจนฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ให้ความคุ้มค่า เหนือราคา โดยวางราคาเริ่มต้นเพียง 770,000 บาท และดอกเบี้ย 1.79% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ลูกค้าที่สนใจสามารถทดลองขับพร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับรถใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว New Mazda CX-3 ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบอันสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ รวมถึงเป็นการกระตุ้นตลาดรถยนต์ไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่นรถอเนกประสงค์ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนารถรุ่นนี้ให้เป็นครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกที่จะพาคุณออกไปเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ได้ไม่รู้จบ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นวัยเริ่มต้นทำงานที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีเป็นคันแรก หรือลูกค้าที่ต้องการซื้อรถเพิ่มเติมเพื่อเติมเต็มชีวิตของครอบครัว ที่มีดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม มีความคุ้มค่าเหนือราคา อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

New Mazda CX-3 มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร (SKYACTIV-G 2.0) ให้กำลังแรงม้าสูงสุดถึง 156 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม./ลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

การออกแบบ New Mazda CX-3 ได้รับการยกระดับความสปอร์ตพรีเมี่ยม ที่มีเอกลักษณ์ในสไตล์เฉพาะตัว ทั้งดีไซน์ภายนอกที่มาพร้อมกระจังหน้าสีดำ กระจกมองข้างสีดำ ซุ้มล้อสีดำเงา และหลังคาสีดำเงา และมาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ในขณะที่ภายในห้องโดยสารก็มีความประณีต พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งยังมีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ด้วยคอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังสีฟ้าเทา ตกแต่งด้วยด้ายสีคอปเปอร์ พร้อมกรอบช่องแอร์สีคอปเปอร์ ผสานกันอย่างลงตัวกับเบาะหนังสีดำและผ้า Grand Luxe Suede® พร้อมสีภายนอกใหม่ สีเทา แอโร เกรย์ ที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูไปอีกระดับ ทำให้รถ New Mazda CX-3 มีให้เลือกมากถึง 7 สี

นอกจากดีไซน์ใหม่แล้ว New Mazda CX-3 ยังได้ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยมาเพิ่มเติม รวมถึงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ด้วยระบบ i-Activsense ที่ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและช่วยให้การขับขี่ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) ระบบช่วยหยุดรถขณะถอยหลัง (SCBS-R) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC) และติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go โดยระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง จึงทำให้รุ่นนี้กลายเป็นครอสโอเวอร์เอสยูวี ที่ให้ความคุ้มค่าเหนือราคาเมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีที่ให้มาแบบเต็มคัน

New Mazda CX-3 มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 2.0 Base ราคา 770,000 บาท รุ่น 2.0 Base Plus ราคา 830,000 บาท รุ่น 2.0 Comfort ราคา 900,000 บาท และรุ่นใหม่ล่าสุด 2.0 Sport Luxe ราคา 970,000 บาท ลูกค้าที่สนใจรถครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3 สามารถยลโฉมรถคันจริงได้ที่งาน Big Motor Sale 2023 ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 3 กันยายน 2566 พร้อมรับแคมเปญสุดคุ้มช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ย 1.79% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี หรือทดลองขับพร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

บรรยายภาพ : คณะผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำโดย มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร ให้เกียรติต้อนรับ นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป และ ประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน Big Motor Sale 2023 พร้อมด้วยสื่อมวลชนกิตติมศักดิ์ เนื่องในพิธีเปิดบูธมาสด้าและเปิดตัวรถครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3 ในงาน Big Motor Sale 2023

ซีพี โฟตอน หนุนโปรเจ็คต์เครือข่ายยานยนต์เพื่อศึกษา

ซีพี โฟตอน เดินหน้าหนุนโปรเจ็คต์เครือข่ายยานยนต์เพื่อการพัฒนาการศึกษา ในงาน Big Motor Sale 2023

บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด มอบโอกาสพิเศษเพื่อการสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาศักยภาพเยาวชน ภายใต้ โครงการ “เครือข่ายยานยนต์เพื่อการสนับสนุนการศึกษา” นำร่องปีแรกร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หรือ “PIM” ออกบูธประชาสัมพันธ์หลักสูตรวิศวกรรมการผลิตยานยนต์ หมวดวิชาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ภายในงาน “Big Motor Sale 2023…มหกรรมเปิดโลกยานยนต์” ขานรับตลาดแรงงานที่เร่งสร้างบุคลากรเสริมทัพรับกระแสลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

นายกฤษณะ เศรษฐธรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด เผยว่า “ในฐานะที่ ซีพี โฟตอน เป็นหนึ่งในธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เราจึงตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายธุรกิจเพื่อดำเนินงานสาธารณะประโยชน์ด้านต่างๆ ต่อเนื่อง เรามี Knowledge, Know-How และทีมบุคลากรที่พร้อมจะถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์ด้านการศึกษา หรือสร้างโอกาสต่างๆ เช่นล่าสุด ได้ร่วมกับผู้จัดงานแสดงสินค้ายานยนต์ระดับประเทศ อย่าง Big Motor Sale หรือมหกรรมเปิดโลกยานยนต์ จัดทำโครงการความร่วมมือทางการศึกษา กับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) ในการส่งเสริมประสบการณ์นอกห้องเรียนพร้อมสร้างโอกาสให้เยาวชนได้มีโอกาสเปิดตัวกับผู้ประกอบการณ์ยานยนต์โดยตรง พร้อมทั้งมีแผนส่งบุคลากรคุณภาพร่วมเป็นวิทยากรพิเศษ ให้ความรู้ในสาขายานยนต์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน ซึ่งในระยะยาว ซีพี โฟตอน พร้อมที่จะรับเยาวชนที่ผ่านการอบรมหรือฝึกงานกับแบรนด์ฯ ให้ได้มีอาชีพที่มั่นคงในภูมิลำเนาของตัวเอง เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างมั่นคงอีกด้วย”

งาน “Big Motor Sale 2023 มหกรรมเปิดโลกยานยนต์” จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 ณ ฮอลล์ 101–104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

NETA ยกข้อเสนอสุดพิเศษรถไฟฟ้า 100% ร่วมงาน Big Motor Sale 2023

NETA มอบข้อเสนอสุดพิเศษ เมื่อจอง NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car ในงาน Big Motor Sale 2023 และที่โชว์รูม NETA ทั่วประเทศ

NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car จากแบรนด์ NETA ครองตำแหน่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงเป็นอันดับสองของตลาดเมืองไทย พร้อมส่งข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ย 0% บัตรกำนัลมูลค่า 10,000 บาท ฟรีชุดแต่งรอบคันฟรี NETA Wallbox พร้อมค่าติดตั้ง สำหรับผู้ที่จองรถในงาน Big Motor Sale ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 นี้ ที่ไบเทค บางนา และโชว์รูม NETA ทั่วประเทศ

NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงเป็นอันดับสองของตลาดเมืองไทย

มร.เป่า จ้วงเฟย (Mr. Bao Zhuangfei) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบัน NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car ของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาปประเภทรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรือ อีโคคาร์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์อเนกประสงค์ (เอสยูวี) มากขึ้น ทำให้มียอดการจำหน่ายเฉลี่ยเดือนละ 1,000 และสามารถครองตำแหน่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงเป็นอันดับสองของตลาดเมืองไทยด้วยยอดจดทะเบียนรวม 7,189 คัน (มกราคม – กรกฎาคม 2566) ในขณะที่ยอดขาย NETA V รวมถึงปัจจุบันมีสูงกว่า 9,000 คัน (ธันวาคม – ปัจจุบัน) แม้สถานการณ์ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจะมีอัตราชะลอตัวเนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดด้านการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มากขึ้น แต่บริษัทฯ เชื่อว่ายอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของไทยในปี 2566 จะอยู่ที่ราว 50,000 คัน หรือเติบโตขึ้นกว่า 400% จากปีที่ผ่านมา และมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 6% ของยอดขายรถยนต์รวมทั้งหมด โดย NETA ตั้งเป้ายอดขาย NETA V ในปีนี้ไว้ที่ 13,000 คัน หรือ 25% ของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศ

รับข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อจอง NETA V ในงาน BIG MOTOR SALE 2023

มร.เป่า จ้วงเฟย กล่าวเสริมถึงการเข้าร่วมงาน Big Motor Sale ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ NETA ได้เข้าร่วมงาน อย่างเป็นทางการว่า บริษัทฯ ได้เตรียมข้อเสนอสุดพิเศษให้กับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ NETA V ภายใต้ชื่อ Campaign “Make your life more colorful with NETA V” เพื่อเป็นการขอบคุณคนไทยที่ให้ความไว้วางใจในแบรนด์ NETA โดยข้อเสนอดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งลูกค้าที่จองในงาน Big Motor Sale ที่ไบเทค บางนา และที่โชว์รูม NETA ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 นี้

•ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี*

•ฟรี! เครื่องชาร์จ NETA WALLBOX พร้อมค่าติดตั้ง จำนวน 1 ชุด*

•ฟรี! รับประกันรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

•ฟรี! รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

•ฟรี! ค่าแรงและค่าอะไหล่รถยนต์เมื่อเช็คระยะ 1 ปี หรือ 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

•อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ระยะเวลา 12 เดือน*

•Gift Voucher Hypermarket มูลค่า 10,000 บาท (เฉพาะสีฟ้า Sky Blue สีเขียว Cyan และสีชมพู Sakura Pink เท่านั้น)*

•AERO KIT จำนวน 1 ชุด มูลค่า 15,000 บาท (เฉพาะสีฟ้า Sky Blue สีเขียว Cyan และสีชมพู Sakura Pink เท่านั้น)*

•และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ตลาดรถยนต์เดือนกรกฏาคม 2566 ยังติดลบ 8.8%

ตลาดรถยนต์เริ่มต้นครึ่งปีหลังติดลบ 8.8% ยอดขาย 58,419 คัน ยอดขายรถยนต์นั่งสดใส เติบโตต่อเนื่องที่ 17.3% ยอดขาย 22,511 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนตลาดรถกระบะ 1 ตัน ชะลอตัวยาวตลาดลดลงมากถึง 26.6%

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฏาคม 2566 ด้วยยอดขาย 58,419 คัน ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลูกค้าให้การตอบรับตลาดรถยนต์นั่งเดินหน้าต่อเนื่องด้วยยอดขาย 25,511 คัน เติบโต 17.3% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องด้วยยอดขาย 35,908 คัน ลดลง 19.9% ในส่วนของรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ ชะลอตัวเช่นกันด้วยยอดขาย 24,982  คัน ลดลงถึง 26.6%

สำหรับตลาดรถยนต์เดือนกรกฏาคม 2566 มีปริมาณการขายที่ 58,419 คัน ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์นั่งสามารถทำยอดขาย 22,511 คัน เติบโตต่อเนื่องที่ 17.3% โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ 16,308 คัน เติบโต 18.1% แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ยอดขายรวมในเดือนนี้กลับมาเป็นบวก เนื่องจากตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 19.9% ด้วยยอดขาย 35,908 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัวถึง 26.6% ด้วยยอดขาย 24,982 คัน จากการชะลอการสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจขนส่ง โดยมีปัจจัยลบที่สำคัญอย่างยิ่งคือความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่มีความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคม มีความหวังที่จะฟื้นตัวขึ้น จากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตวิทยาการบริโภคในการใช้เงินเพื่อจับจ่ายใช้สอย ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่ง ผลดีต่อตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน โดยมีปัจจัยเสริมที่สำคัญ ได้แก่ แคมเปญการตลาดในช่วงงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2023 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 นอกจากช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ภายในงาน ยังขยายข้อเสนอพิเศษไปยังโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศอีกด้วย และนับเป็นโอกาสดีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ความผันผวนทางเศรษฐกิจซึ่งส่งผลต่อภาวะหนี้สินครัวเรือน ตลอดจนความเข้มงวดของสถาบันการเงินต่อการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2566

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย  58,419 คัน ลดลง 8.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      20,421 คัน       เพิ่มขึ้น  0.7%   ส่วนแบ่งตลาด   35.0%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          11,735 คัน       ลดลง   27.9% ส่วนแบ่งตลาด   20.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       7,551 คัน        เพิ่มขึ้น  4.1%  ส่วนแบ่งตลาด   12.9%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,511 คัน เพิ่มขึ้น 17.3%                                  

อันดับที่ 1 โตโยต้า      8,048 คัน        เพิ่มขึ้น  57.9% ส่วนแบ่งตลาด   35.8%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       4,922 คัน        เพิ่มขึ้น  6.2% ส่วนแบ่งตลาด   21.9%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      1,086 คัน        ลดลง   39.3% ส่วนแบ่งตลาด  4.8%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 35,908 คัน ลดลง 19.9%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,373  คัน      ลดลง   18.5% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           11,735 คัน       ลดลง   27.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,754 คัน        ลดลง   23.7% ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 24,982 คัน ลดลง 26.6%                                

อันดับที่ 1 อีซูซุ          10,228  คัน      ลดลง 31.0%  ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      10,088 คัน      ลดลง   20.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         2,754 คัน      ลดลง   23.7% ส่วนแบ่งตลาด  11.0%

    *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,673 คัน

โตโยต้า 1,776 คัน – อีซูซุ 1,677 คัน – ฟอร์ด 934 คัน – มิตซูบิชิ 213 คัน – นิสสัน 73 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 20,309 คัน ลดลง 31.9%                                

อันดับที่ 1 อีซูซุ          8,551 คัน        ลดลง 35.5%  ส่วนแบ่งตลาด 42.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      8,312 คัน       ลดลง   26.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        1,820 คัน       ลดลง   37.4% ส่วนแบ่งตลาด  9.0%      

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฏาคม 2566

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 464,550 คัน ลดลง 5.5%                              

อันดับที่ 1 โตโยต้า       157,280 คัน   ลดลง     3.1% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            98,016 คัน     ลดลง     22.3% ส่วนแบ่งตลาด 21.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า        53,685 คัน     เพิ่มขึ้น  13.2% ส่วนแบ่งตลาด 11.6%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย  170,598 คัน เพิ่มขึ้น 10.0%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        59,089 คัน    เพิ่มขึ้น  34.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า         35,347 คัน   เพิ่มขึ้น  3.3% ส่วนแบ่งตลาด 20.7%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ        10,664 คัน    ลดลง  17.8% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 293,952  คัน ลดลง 12.6%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า       98,191 คัน      ลดลง   17.0% ส่วนแบ่งตลาด   33.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            98,016 คัน     ลดลง   22.3% ส่วนแบ่งตลาด   33.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         22,871 คัน     เพิ่มขึ้น  23.6% ส่วนแบ่งตลาด  7.8%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 207,934 คัน ลดลง 20.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ            88,861 คัน     ลดลง   23.6% ส่วนแบ่งตลาด   42.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า       80,632 คัน     ลดลง   20.9% ส่วนแบ่งตลาด   38.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          22,871 คัน    เพิ่มขึ้น  23.6% ส่วนแบ่งตลาด   11.0%

 *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 37,940 คัน

โตโยต้า 13,538 คัน – อีซูซุ 13,630 คัน – ฟอร์ด 7,204 คัน – มิตซูบิชิ 2,806 คัน – นิสสัน 762 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย  169,994 คัน ลดลง 25.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ         75,231 คัน       ลดลง  28.8%  ส่วนแบ่งตลาด 44.3%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      67,094 คัน       ลดลง  23.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        15,667 คัน      เพิ่มขึ้น  0.7%                    ส่วนแบ่งตลาด  9.2%    

ยามาฮ่า ยกทัพมอเตอร์ไซค์ลุยงาน BIG MOTOR SALE 2023

“ไทยยามาฮ่า” จัดเต็มงาน “บิ๊ก มอเตอร์ เซล 2023” ส่งทัพมอเตอร์ไซค์ ครบทุกเซกเมนต์พร้อมเปิดบิ๊กไบค์ปี 2023 SR400, Tenere700 และ TRACER 9GT+ จัดเต็มฟังก์ชันใหม่ที่มาเปิดให้ยลโฉมกันที่นี่ที่แรก 

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพชั้นนำของประเทศไทย เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมเปิดโลกยานยนต์ Bangkok International Grand Motor Sale 2023 หรืองาน “BIG MOTOR SALE 2023” จัดเต็มครบทุกเซกเมนต์รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ และสแตนดาร์ดไบค์ รถกอล์ฟ และ ยานยนต์ทางน้ำ เวฟรันเนอร์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค มาพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษครบครัน พร้อมโชว์ยนตรกรรมสุดล้ำยานยนต์ไฟฟ้าสู่โลกอนาคต YAMAHA E01 ที่บูธ “YAMAHA REV UP YOUR  RIDE พร้อมแล้วกับความท้าทายใหม่ขั้นสุดให้ทุกการขับขี่ที่เร้าใจในแบบยามาฮ่า” ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

นายธนะชัย เลขวนิชกุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ ไทยยามาฮ่า นำรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ครบทุกเซกเมนต์มาร่วมงาน BIG MOTOR SALE 2023 นำทีมโดย SR400 สีใหม่ / Tenere700 ใหม่ ปี 2023 และ TRACER 9GT+ ที่มาพร้อมฟังก์ชันใหม่มาเปิดให้ยลโฉมกันที่นี่ที่แรกในงานบิ๊กมอเตอร์เซล 2023

YAMAHA SR400 ยังคงความคลาสสิก และเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ในปีนี้มาพร้อมกับ 2 สีใหม่ ได้แก่สีเทา (Mat Gray Metallic) และสีขาว มุก (Silky White) พร้อมราคาสุดพิเศษที่ 295,000 บาท รับฟรี Gift Voucher 10,000 บาท

YAMAHA Tenere700 ใหม่ปี 2023 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบสี TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน แอปพลิเคชัน My Ride และ ระบบเบรก ABS แบบปรับโหมดได้ด้วย ราคาสุดพิเศษที่ 479,000 บาท รับฟรี Gift Voucher 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA TRACER 9GT+ จัดเต็มฟังก์ชันใหม่มาพร้อมกับระบบช่วยในการขับขี่ เทคโนโลยีล่าสุด พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน แอปพลิเคชัน My Ride และแอปแสดงแผนที่เต็มรูปแบบกับ Garmin Motorize พร้อมเสริมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control) ระบบเบรก Unified Brake ที่เชื่อมโยงกับเรดาร์ (Radar) ระบบกันสะเทือนแบบกึ่งแอกทีฟ (Semi-active suspension) พร้อมโหมดการขับขี่ที่สามารถตอบสนองในทุกการขับขี่ และนี่เป็นแค่เบื้องต้นสำหรับเทคโนโลยีที่มีใน TRACER 9GT+ สำหรับ Tracer 9GT+ นี้ พร้อมกับราคาสุดพิเศษที่ 619,000 บาท รับฟรีทันที Gift Voucher 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1”

พร้อมกันนี้ยามาฮ่ายังคงความเร้าใจที่มาพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเมื่อซื้อรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์และสแตนดาร์ดไบค์ภายในงานนี้

• YAMAHA WR155R พร้อมรับ Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท

• YAMAHA XSR155 พร้อมรับ Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท

• YAMAHA MT-15 รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อกลิมิเต็ดอิดิชั่น ลายนักแข่ง Sar moon (ซามูล) จำนวนจำกัด

• YAMAHA YZF-R15 รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อกลิมิเต็ดอิดิชั่น ลายนักแข่ง Sar moon (ซามูล) จำนวนจำกัด

• YAMAHA AEROX รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bagมูลค่า 1,000 บาท

• YAMAHA Fino รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

• YAMAHA XMAX Connected รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

• YAMAHA NMAX Connected รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 1,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

• YAMAHA Grand Filano Hybrid Connected รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 1,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

• YAMAHA FAZZIO Hybrid รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 1,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

• YAMAHA FINN รับฟรี ตะกร้าหน้ารถ และ หมวกกันน็อกฟินน์ พร้อมบัตร Big C มูลค่า 500 บาท (จำนวนจำกัด)

โปรโมชัน รถจักยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์

• YZF-R7:    รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 41,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• MT-09 SP: รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 35,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• MT-09:      รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 56,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• MT-07:      รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 40,500 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• Tracer9 GT+: รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• Tenere700: รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• XSR900:   รับฟรีGift Voucher มูลค่า 47,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• XSR700:   รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 45,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• SR400:      รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท

โปรโมชัน รถกอล์ฟยามาฮ่า และ ยานยนต์ทางน้ำ ยามาฮ่าเวฟรันเนอร์ 

• YAMAHA Golf Car YDR Cruise (ยามาฮ่า กอล์ฟ คาร์ วายดีอาร์ ครูซ) รับส่วนลดสูงสุดมูลค่า 5,000 บาท พร้อมฝาครอบล้อ (นำเข้าจากอเมริกา) มูลค่า 3,500 บาท จัดส่งฟรีกรุงเทพฯ และปริมณฑล

• YAMAHA Wave Runner FX Limited SVHO (เวฟรันเนอร์ เอฟเอ็กซ์ลิมิเต็ด เอส วี เอช โอ) แถมฟรี Gift Voucher 10,000 บาทฟรี เทรลเลอร์สำหรับลากจูงมูลค่า 45,900 บาท

โปรโมชันอะไหล่ยามาฮ่า

• ผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป ลด 10%

• เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยามาฮ่า *ลดสูงสุด 50%

ร่วมสัมผัสความเร้าใจของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษได้ที่บูธ YAMAHA REV UP YOUR  RIDE ในงาน BIG MOTOR SALE 2023 ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พิเศษ สมาชิกแอปพลิเคชัน YAMAHA SMART REWARD เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป อะไหล่ตกแต่ง เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ภายในงาน รับคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า* และอีกสองช่องทางสุดพิเศษ บนแอปพลิเคชั่นไลน์ “Line Shopping” เพียงค้นหาชื่อร้าน YAMAHA TYM และช่องทาง Yamaha Online Shop ที่เว็บไซต์ www.yamaha-motor.co.th คุณก็สามารถช้อปสินค้ายามาฮ่าโปรโมชันเดียวกันกับงาน BIG MOTOR SALE 2023

*โปรดแจ้งการสะสมคะแนนต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดชำระเงินก่อนการชำระเงิน

เอ็มจี เปิดฉากบุกเวที BIG MOTOR SALE 2023 ชูข้อเสนอพิเศษ

เอ็มจี เปิดฉาก BIG MOTOR SALE 2023 ชูข้อเสนอพิเศษครบทุกขุมพลังขับเคลื่อนพร้อมสร้างสีสันตลาดอีวีด้วย NEW MG4 ELECTRIC สี FRESH PINK

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมสร้างสีสันในงาน BIG MOTOR SALE 2023 นำยนตรกรรมหลากหลายขุมพลังขับเคลื่อนที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษให้เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้นด้วยดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 48 เดือน เอาใจคอเอสยูวีที่ชื่นชอบรถสีแดง Scarlet Red ด้วย NEW MG HS และ NEW MG VS HEV ราคาพิเศษ กับอีกหนึ่งไฮไลท์กับ NEW MG4 ELECTRIC ที่สะกดทุกสายตาโดยการแรพสี FRESH PINK ทั้งคัน และเปิดรับจองเฉพาะในงานฯ นี้ จำนวนจำกัด ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A02 ฮอลล์ EH101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงาน BIG MOTOR SALE 2023 เอ็มจีจัดเตรียมแคมเปญพิเศษเพื่อมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าครบทุกรุ่น ทั้งกลุ่มรถ “อีวี” ที่มีให้เลือกมากถึง 5 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น NEW MG ZS EV, NEW MG EP PLUS, NEW MG4 ELECTRIC, NEW MG ES และ NEW MG MAXUS 9 ด้วยดอกเบี้ย 1.99% นาน 48 เดือน ฟรี MG Home Charger จำนวน 1 ชุด และค่าติดตั้ง ให้ลูกค้าขับขี่ได้อย่างสบายใจด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 – 200,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับรุ่นที่จอง ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครองนาน 1 ปี พิเศษสำหรับรุ่น NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG ZS EV คุ้มครองนานถึง 3 ปี สำหรับรถยนต์กลุ่มเครื่องสันดาปและรถยนต์พลังงานทางเลือกรับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครองนาน 1 ปี พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เอาใจคนที่ชื่นชอบรถสีแดงกับแคมเปญสี Scarlet Red ราคาพิเศษ ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่น 2 สไตล์ กับ NEW MG HS รุ่น D ราคา 899,000 บาท (จากราคาปกติ 1,089,000 บาท) และ NEW MG VS HEV สปอร์ตไฮบริด SUV รุ่น D ราคา 739,000 บาท (จากราคาปกติ 859,000 บาท) โดยทั้ง 2 รุ่น รับฟรี ประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครอง             นาน 1 ปี รวมทั้งขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร สำหรับรุ่น NEW MG VS HEV รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า เอ็มจี นำรถเก่ามาแลกรุ่นใหม่ หรือ ชวนเพื่อนที่สนใจมาซื้อรถ เอ็มจี รับส่วนลดพิเศษ 20,000 บาท สำหรับ MG ZS รุ่น V และ MG5 ทุกรุ่น

อีกหนึ่งไฮไลท์จากการออกแบบรถไฟฟ้าโดย AI ในช่วงที่ “สีชมพู ฟีเวอร์” นำมาสร้างเป็นคอนเทนต์ NEW MG4 ELECTRIC สีชมพูบนโลกโซเชียล ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนเพจเป็นอย่างมาก จากเรื่องราวในออนไลน์ กลายเป็นไอเดียนำไปสู่รถคันจริงด้วยคอนเซ็ปต์ “FROM AI TO REALITY” โดยการนำเอา NEW MG4 ELECTRIC มาแรพด้วยสติ๊กเกอร์สี FRESH PINK ทั้งคัน พร้อมเปิดรับจองให้เป็นเจ้าของเพียง 8 คัน ในงาน  BIG MOTOR SALE 2023 เท่านั้น เพื่อเป็นของขวัญให้กับแฟนๆ เอ็มจี”

สำหรับ NEW MG4 ELECTRIC สี FRESH PINK สามารถเลือกเป็นเจ้าของได้ทั้งรุ่น D ราคาจำหน่ายที่ 869,000 บาท และ รุ่น X ราคาจำหน่ายที่ 969,000 บาท ซึ่งเป็นราคาปกติ ด้วยคุณสมบัติการเป็นรถไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมส่งมอบความสนุกและเร้าใจด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC คงความเป็น “อีวีสายพันธุ์แท้” รุ่นแรกที่สร้างสรรค์ขึ้นบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โครงสร้างที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ สะท้อนความเป็นไอคอนนิคด้วยอัตลักษณ์ที่เด่นชัดกับดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน ดีไซน์ภายในเรียบง่ายแต่มีสไตล์ และเพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมากถึง 26 ระบบ

พบกับยนตรกรรมครบทุกขุมพลังการขับเคลื่อนของ เอ็มจี พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษในงาน BIG MOTOR SALE 2023 ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A02 ฮอลล์ EH101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 นี้ และที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพของเอ็มจีกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ

หมายเหตุ : ทุกข้อเสนอเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

ฟอร์ด นำขบวนรถฟอร์ดรุ่นยอดนิยมบุก BIG Motor Sale 2023

ฟอร์ด ประเทศไทย ชวนลูกค้าผู้สนใจมาสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ฟอร์ด ทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ พร้อมข้อเสนอสุดเร้าใจสำหรับรถยนต์ทุกรุ่นในงาน BIG Motor Sale 2023 มหกรรมเปิดโลกยานยนต์ ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม-3 กันยายน 2566 ณ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

“ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวไทย ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยในปีนี้ฟอร์ดได้เพิ่มตัวเลือกรุ่นย่อยที่โดดเด่นด้วยอีกขั้นของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสตอร์มแทรค ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLS ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ตัวเลือกเครื่องยนต์ ดีเซล 2.0L และฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค ยิ่งไปกว่านั้น ฟอร์ดยังคงมุ่งเน้นการยกระดับบริการแบบ ‘พร้อมเสมอ’ นำนวัตกรรมด้านบริการ อาทิ แอปพลิเคชันฟอร์ดพาส มาอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับรถ รวมถึงการเข้าถึงบริการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับข้อเสนอสุดพิเศษที่ฟอร์ดนำมามอบให้กับทุกท่านในงาน BIG Motor Sale ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดีให้ลูกค้าตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของรถฟอร์ดที่ท่านชื่นชอบ” นายอรรถกร จารุศิลาวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ภายในงานลูกค้าจะได้พบกับรถยนต์ฟอร์ดที่ได้รับความนิยมสูง นำโดย ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสตอร์มแทรค รุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของเรนเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดท้าทายไปอีกขั้น ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ อย่างราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้มากถึง 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว ทั้งยังรองรับการติดตั้งหรือขนย้ายอุปกรณ์เพื่อการผจญภัยและการทำงานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น พร้อมรองรับน้ำหนักสูงสุดถึง 80 กก. ขณะขับและ 250 กก. ขณะจอด

ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสปอร์ต อีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมของฟอร์ด เรนเจอร์ ที่มาพร้อมสมรรถนะอันเหนือระดับและความอเนกประสงค์เพื่อการทำงาน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยการแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถอย่างเต็มรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน ตอบโจทย์ทั้งการเป็นรถสำหรับครอบครัวและการท่องเที่ยวในวันพักผ่อน

ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLS รถกระบะยกสูงเกียร์อัตโนมัติราคาคุ้มค่าที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบอเนกประสงค์สำหรับกลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม มาพร้อมความแข็งแกร่งของตัวถังและช่วงล่าง ผสานเทคโนโลยีทันสมัย และระบบความปลอดภัยครบครัน โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน สมรรถนะที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มคุณสมบัติด้วยอุปกรณ์ต่างๆ อัดแน่นเต็มคัน อาทิ บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายที่ออกแบบมาให้ขึ้นสู่ตัวรถได้ง่ายโดยไม่ต้องปีนล้อรถเพื่อหยิบของในกระบะท้าย กล้องมองหลังขณะถอยจอด ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยจอดแบบเข้าซองได้อย่างปลอดภัย ด้วยการแสดงภาพด้านหลังรถผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 10.1 นิ้ว

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นเทรนด์ ที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์ในราคาสุดคุ้ม ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูง และโหมดทางลื่น ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและออฟโรด โดดเด่นด้วยแผงหน้าปัดรถยนต์แบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว และจอสีระบบสัมผัส 10.1 นิ้วที่ลูกค้าสามารถใช้งานระบบ SYNC®4A ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ โดยในงาน BIG Motor Sale 2023 ฟอร์ดได้นำชุดแต่งแท้ฟอร์ด Special Exterior Package มาเสริมรูปลักษณ์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นเทรนด์ ให้ดูสปอร์ตดุดันยิ่งขึ้น ได้แก่ ชุดคิ้วโป่งล้อ ชุดกันสาดกระจกประตู กระจังหน้าสีดำ ตัวอักษร EVEREST สำหรับกระโปรงหน้า ชุดแต่งสติ๊กเกอร์ด้านข้างและด้านหลัง ครอบไฟหน้าและไฟท้ายสีดำ และครอบกระโปรงหน้าสีดำ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ประสบการณ์การผจญภัยขั้นสุดด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด เสริมด้วยระบบ Terrain Management System ที่มอบตัวเลือกการขับขี่ 6 โหมด คือ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูง โหมดทางลื่น โหมดโคลน และโหมดทราย พร้อมระบบดิฟล็อคหลังแบบไฟฟ้าเพิ่มความสามารถในการบุกตะลุยในทุกสภาพพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น ไฟหน้า Matrix LED พร้อมระบบปรับมุุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟรบกวนสายตา

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ สุดยอดกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงอันทรงพลัง อัดแน่นด้วยดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ให้ลูกค้าคอออฟโรดตัวจริงมีอิสระในการได้สัมผัสสุดยอดประสบการการขับขี่แบบ #ดุดันไม่เกรงใจใคร โดดเด่นด้วยสมรรถนะและฟีเจอร์อัดแน่น มาพร้อมสุดยอดของระบบกันสะเทือนของโช้คอัพ FOXTM ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์รถกระบะ

ข้อเสนอสุดเร้าใจภายในงาน BIG Motor Sale 2023 

•ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งและโปรแกรม Ford Care* สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสตอร์มแทรค, ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสปอร์ต, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่

•ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLS รุ่น 4 ประตู ราคาเริ่มต้นเพียง 879,000 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งและโปรแกรม Ford Care*

•ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นเทรนด์ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งและโปรแกรม Ford Care* พิเศษ! จองรถในงาน BIG Motor Sale 2023 และออกรถ รับฟรีชุดแต่งแท้ฟอร์ด Special Exterior Package ประกอบด้วย ชุดคิ้วโป่งล้อ ชุดกันสาดกระจกประตู กระจังหน้าสีดำ ตัวอักษร EVEREST สำหรับกระโปรงหน้า ชุดแต่งสติ๊กเกอร์ด้านข้างและด้านหลัง ครอบไฟหน้าและไฟท้ายสีดำ และครอบกระโปรงหน้าสีดำ มูลค่ารวม 20,780 บาท ไม่รวมค่าแรงติดตั้ง

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมีข้อเสนอสำหรับรถยนต์ฟอร์ดรุ่นอื่นๆ ทุกรุ่น ทั้งในงานและที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ฟอร์ดภายในงาน BIG Motor Sale 2023 และออกรถภายในวันที่ 30 กันยายน 2566 รับบัตรน้ำมันมูลค่า 1,000 บาท เมื่อขอสินเชื่อผ่านฟอร์ดลีสซิ่งโดยธนาคารทหารไทยธนชาตเท่านั้น ลูกค้าที่สนใจสามารถมาสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ฟอร์ดได้ในงาน BIG Motor Sale 2023 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ฟอร์ดและเงื่นไขข้อเสนอพิเศษได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th

หมายเหตุ : โปรแกรม Ford Care รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่จากโรงงาน 5 ปี/150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ช.ม. นาน 5 ปี ดูข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save