- Advertisement -
29.5 C
Bangkok
Home Blog Page 78

มาสด้า อัดยาแรงกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปี

มาสด้า มัดใจลูกค้าด้วยโปรแกรม MAZDA ULTIMATE SERVICE ดูแลฟรีตลอด 5 ปี เปิดตัว CPO MARKETPLACE ซื้อขายรถมาสด้ามือสองคุณภาพดีบนออนไลน์ 24 ชั่วโมง

5 ตุลาคม 2566 : มาสด้า อัดยาแรงกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปี ลูกค้าได้เฮลั่นเมื่อออกรถใหม่ รับทันที Mazda Ultimate Service (MUS) หรือ โปรแกรมบริการหลังการขายที่คุ้มครองและดูแลรถตลอด 5 ปี ครอบคลุมทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว การขยายการรับประกันคุณภาพ 5 ปี 150,000 กิโลเมตร รวมถึงมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และฟรีประกันชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมสูงสุดกว่า 100,861 บาท* พร้อมเปิดตัวช่องทางจำหน่ายรถมาสด้ามือสองคุณภาพดี Mazda CPO Marketplace บนแพลตฟอร์มออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลือกซื้อรถมือสองที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองจากมาสด้า โดยไม่จำกัดทั้งเวลาและสถานที่ หลังประสบความสำเร็จจากโครงการ Mazda CPO ที่เปิดตัวไปเมื่อก่อนหน้านี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมหรือเลือกซื้อได้ทาง  https://certified.mazda.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะมีความคึกคักและแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ล้วนเกิดจากปัจจัยสนับสนุนเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าประเทศมากขึ้น ผลักดันให้เกิดความต้องการรถยนต์มากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตทั้งเครื่องยนต์สันดาปหรือรถไฟฟ้า ล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและความต้องการในการเปลี่ยนรถของลูกค้าเร็วขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่การบริโภคจะเป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมาสด้า เราเตรียมเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อเสริมไลน์อัพในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเช่นกัน เชื่อว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และกลายเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าและแฟนๆ มาสด้าในประเทศไทย

ไม่เพียงแค่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์เท่านั้น มาสด้ายังให้ความสำคัญสูงสุดกับกับการสร้างคุณค่าแบรนด์ และความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในระยะยาว โดยเฉพาะประสบการณ์และคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ ด้วยการรับฟังความต้องการของลูกค้าเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการนำเอาโปรแกรมบริการหลังการขายที่มอบความคุ้มครองและดูแลรถให้กับลูกค้าตลอด 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ที่ครอบคลุมทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว ฟรีขยายการรับประกันคุณภาพ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. กลับมามอบให้ลูกค้าอีกครั้ง เพื่อให้ลูกค้านำรถกลับเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทาง ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ และช่วยเพิ่มมูลค่าของรถเมื่อต้องการขายต่อ โดยมอบให้กับลูกค้าที่ออกรถมาสด้าคันใหม่ รุ่น Mazda3, Mazda CX-30, Mazda CX-5, Mazda CX-8 และ Mazda MX-5

และมอบโปรแกรม Mazda Care ที่ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าที่ออกรถรุ่น New Mazda2 และ New Mazda CX-3 เพื่อมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้ามาสด้าในทุกกลุ่ม

ไม่เพียงเท่านั้น มาสด้ายังมอบความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถมาสด้ามือสองคุณภาพดี โดยเปิดตัว Mazda CPO Marketplace ช่องทางใหม่ในการซื้อขายรถยนต์มาสด้ามือสองคุณภาพดีแบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง เพิ่มเติมจากเดิมที่การจำหน่ายจะมีแค่ที่โชว์รูมอย่างเป็นทางการของมาสด้าเพียงอย่างเดียว โดยรถที่ทำการซื้อขายผ่านช่องทางนี้ล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดคุณภาพและตรวจรับรองโดย มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เลขไมล์น้อย รวมถึงได้รับการตรวจเช็กคุณภาพขั้นสูงแบบรอบด้านโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากมาสด้า จึงสร้างความมั่นใจได้ว่ารถที่ลูกค้าเลือกซื้อเป็นรถที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน สร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าไปตลอดการเดินทาง ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าไปทำการซื้อขายได้โดยตรงผ่าน https://certified.mazda.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีรถมาสด้าคุณภาพดีให้เลือกกว่า 100 คัน

นอกจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2566 มาสด้ายังมอบแคมเปญสุดคุ้มที่ช่วยดูแลรถคันใหม่ให้กับลูกค้าทุกราย และขอมอบความพิเศษอีกหนึ่งต่อให้กับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัวที่ซื้อรถมาสด้าคันใหม่เพิ่มเติม ทั้งรถยนต์นั่งรุ่น New Mazda2 และ Mazda3 และครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3, Mazda CX-30, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 กับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท** เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่น และกลับมาเลือกซื้อรถยนต์มาสด้าอีกครั้ง สำหรับรายละเอียดแคมเปญออกรถใหม่ในเดือนตุลาคม มีดังต่อไปนี้

-New Mazda2: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว)³ หรือ ดอกเบี้ย 0.99%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda3 และ Mazda3 CARBON EDITION: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 1.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-New Mazda CX-3: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว)³ หรือ ดอกเบี้ย 1.19%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda CX-30 และ Mazda CX-30 CARBON EDITION: ดอกเบี้ย 1.59%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 0.49%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda CX-5: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 1.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda CX-8: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4 หรือ ดอกเบี้ย 1.49%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-New Mazda MX-5: ดอกเบี้ย 2.39%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)4

หมายเหตุ:

1 Mazda2: ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน ยกเว้น รุ่น 1.3 C/C Sports ราคา 599,000 บาท, ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน สำหรับรุ่นอื่นๆ

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย

³ ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

เงื่อนไขเพิ่มเติม :-

•เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

•ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถ ภายในวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 เท่านั้น

*คำนวณจากแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ และโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี รวมกับประแพ็กเกจประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ของ Mazda CX-8 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามแต่ละแพ็กเกจ และโปรแกรม

**เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

ก้อง-สมเกียรติ คว้าชัยโมโตทู สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ตอกย้ำความสำเร็จ คว้า 2 โพเดียม โมเตกิ “ก้อง-สมเกียรติ” คว้าชัยประวัติศาสตร์ โมโตทู “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ท็อป 3 เอเชีย ทาเลนท์ คัพ

นักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานยอดเยี่ยม คว้า 2 โพเดียม โดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทย สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะได้ถึง 2 ครั้งใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสม โมโตทู 2023 ขณะที่อีก 1 ดาวรุ่งนักแข่งไทยที่กำลังเติบโตตามโร้ดแมป ที่ได้วางไว้ ในศึก เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 สนามที่ 2 “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร บิดเรซแมชชีนคู่ใจ Honda NSF250R หมายเลข 20 คว้าโพเดียมได้สำเร็จ และ “จิมมี่” บูรพา วันมูล กับ Honda NSF250R หมายเลข 10 ก็สามารถเก็บคะแนนสะสมได้ทั้ง 2 เรซ ณ สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 รายการ เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะได้ถึง 2 ครั้งใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสม พร้อมคว้าตำแหน่งโพลและทุบทุกสถิติด้วยการสร้างสถิติเวลาต่อรอบใหม่ (All Time Lap Record) ด้วยเวลา 1 นาที 49.898 วินาที สร้างสถิติ “เวลาต่อรอบสำหรับการแข่งขัน” ใหม่ (Best Race Lap) ด้วยเวลา 1 นาที 50.679 วินาที

ส่วนการแข่งขัน เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 สนามที่ 2 “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” จบเรซแรกด้วยอันดับที่ 7 และขยับลิมิตไปอีกขั้นทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าโพเดียมได้สำเร็จในเรซที่ 2 คว้าอันดับ 3 จบการแข่งขัน 2 สนาม รั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนสะสม มี 45 คะแนน และน้องเล็กอย่าง “จิมมี่-บูรพา” ที่ในเรซแรกมีจังหวะต้องหลุดออกไปพร้อมกับคู่แข่งทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย แต่สามารถเข้าเส้นชัยอันดับ 7 ในเรซที่ 2 จบการแข่งขัน 2 สนาม อยู่อันดับ 14 บนตารางคะแนนสะสม มี 14 คะแนน

ทั้งนี้ ผลงานความสำเร็จของนักแข่งไทย ด้วยการคว้าชัยชนะของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ที่ท้าทายและทำลายขีดจำกัดเพื่อเข้าใกล้เป้าหมายยิ่งขึ้น รวมถึงการคว้าโพเดียมและคะแนนสะสมของ 2 ดาวรุ่งไทย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร และ “จิมมี่” บูรพา วันมูล คือการตอกย้ำความสำเร็จเพื่อสร้างวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยให้แข็งแกร่งและมั่นคงโดยฮอนด้า ผ่านโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ยังคงสานต่อโร้ดแมปการพัฒนานักแข่งอย่างเป็นระบบ เพื่อเป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันโมโตจีพี ภายในปี 2025

แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข่าวสารพร้อมกำลังใจเชียร์นักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

ซูซูกิ จัดโบนัสใหญ่ส่งท้ายปี

“ซูซูกิ” จัดโบนัสใหญ่ส่งท้ายปี แคมเปญ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ช่วยผ่อน นาน 2 ปี เดือนละ 1,500 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0% พิเศษสุด! ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเกษตรกรได้ใช้รถคุณภาพในราคาเข้าถึงได้รับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท ขอบคุณความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์ซูซูกิ

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซูซูกิเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ลูกค้าให้การยอมรับเป็นอย่างดี ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มประหยัดพลังงานซึ่งนับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความคุ้มค่า คุ้มราคา และด้วยสิ่งที่เรามุ่งมั่นนำเสนอให้แก่ลูกค้า จึงมีส่วนกระตุ้นความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าให้เลือกเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของซูซูกิ ทำให้เราได้รับความสำเร็จทางด้านยอดจำหน่ายสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-กันยายน 2566) มียอดจำหน่ายรถยนต์รวมอยู่ที่ 9,675 คัน ซึ่งต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยอมรับ และให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างดี ซึ่งมียอดจำหน่ายในแต่ละรุ่น แบ่งออกได้ดังนี้

-SUZUKI SWIFT มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4,423 คัน

-SUZUKI CELERIO มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1,970 คัน

-SUZUKI CARRY มียอดจำหน่าย 1,953 คัน

-SUZUKI XL7 มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 641 คัน

-SUZUKI CIAZ มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 375 คัน

-SUZUKI ERTIGA มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 285 คัน

อีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง คือการนำเสนอแคมเปญพิเศษที่มีวัตถุประสงค์ให้ลูกค้าเข้าถึงการเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่าย อีกทั้งเพื่อนำไปเป็นพาหนะคู่ใจ หรือนำไปต่อยอดในการดำเนินธุรกิจของตนเอง และเพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จและรักษาระดับยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงนำเสนอแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ซึ่งไม่ใช่มุ่งหวังที่จะตอบแทนความไว้วางของของผู้บริโภคเพียงเท่านั้น แต่ต้องการยกระดับการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของซูซูกิทุกท่าน

แคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มอบให้สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถยนต์ซูซูกิเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2566 ซูซูกิช่วยผ่อน เดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พิเศษ! ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรกสำหรับรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น

แคมเปญ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มีรายละเอียดดังนี้

SUZUKI SWIFT

• เลือกรับข้อเสนอพิเศษ ซูซูกิช่วยผ่อนงวดละ 1,500 บาท สุงสุด 2 ปี พร้อมดอกเบี้ย 1.99%

• หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0%

• หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท สำหรับรุ่น GL และ GLX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 45,000 บาท สำหรับรุ่น GL NEXT พร้อมรับข้อเสนอ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI CIAZ

• เลือกรับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท

• หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0%

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID

• ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI XL7

• เลือกรับข้อเสนอพิเศษ ซูซูกิช่วยผ่อนงวดละ 1,500 บาท สุงสุด 2 ปี พร้อมดอกเบี้ย 1.99%

• เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0%

• หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

• เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท สำหรับรุ่น GA, GL และ GX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 5,000 บาท สำหรับรุ่น GL UP พร้อมรับ ข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

• พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร

SUZUKI CARRY

• รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท

• หรือ เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%

• หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

ทั้งนี้ เงื่อนไขสำหรับข้อเสนอพิเศษต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซูซูกิยังคงยึดมั่นในปรัชญาของซูซูกิคือผลิตสินค้าที่มีคุณค่าเหมือนว่าเราคือผู้ใช้ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพงานบริการของโชว์รูมผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิครอบคลุมทั่วประเทศ สอดคล้องกับความตั้งใจของซูซูกิในการจัดทำโครงการ “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งนอกเหนือจากความต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่านแล้วซูซูกิยังมีความตั้งใจจริง ที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยต่อไปในอนาคต

SUZUKI CARRY PICKUP ขยายแคมเปญ CARRY YOUR DREAM

“SUZUKI CARRY PICKUP” เพื่อทุกธุรกิจที่มีความฝันขยายแคมเปญ CARRY YOUR DREAM ผ่อนนาน 84 เดือน เริ่มต้นวันละ 222 บาท ลุยมุ่งสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมจับมือ กทม.และ พันธมิตรสร้างฝันเพื่อคนไร้บ้าน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยและลงทุนในธุรกิจ โดยเฉพาะตลาดรถเพื่อการพานิชย์มีตัวเลขยอดขาย 8 เดือนที่ผ่านมา มีตัวเลขอยู่ที่ 191,265 คัน ซึ่งในส่วนนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มธุรกิจเพื่อการขนส่ง ภาคการเกษตร หรือการค้าขายในกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME มีการขยับตัวเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจมากยิ่งขึ้น

สำหรับ SUZUKI CARRY PICK UP รถกระบะเพื่อการพาณิชย์อเนกประสงค์ คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีสอดคล้องไปกับทิศทางของตลาด ล่าสุดจากการเข้าร่วมงาน Big MOTOR SALE 2023 ด้วยการนำมาดัดแปลงภายใต้แนวคิด Laundry Carry เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจซัก อบ รีด  ภายใต้แนวคิด CARRY YOUR DREAM พร้อมด้วยการมอบข้อเสนอพิเศษภายในงาน ก็ได้การตอบรับจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME เป็นอย่างดี จนสร้างยอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,790 คัน และผลักดันให้มียอดขายรวมนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2549 จนถึง ณ ปัจจุบัน มียอดขายรวมในประเทศไทยไปแล้ววกว่า 60,393 คัน

โดยเพื่อเป็นการตอกย้ำความนิยม และความสำคัญของ SUZUKI CARRY ในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจขนาดย่อมที่กำลังเติบโตของตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SME ในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่มีการขยายตลาดและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เรากำลังจะมีโครงการที่สนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยไทย ได้มีโอกาสสร้างความมั่นคงทางอาชีพด้วยการผลักดันความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ซูซูกิจึงได้ ขยายแคมเปญพิเศษ สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นนี้ ในราคาเพียง 395,000 บาท พร้อมด้วยข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเพียงวันละ 222 บาท ระยะยาวถึง 84 เดือน หรือเลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% พร้อมฟรีประกันชั้น 1 ในปีแรก ซึ่งข้อเสนอพิเศษดังกล่าวจะเป็นการคิดรวมกับอุปกรณ์ตกแต่งรถเรียบร้อยแล้ว (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯที่กำหนด)

อย่างไรก็ตาม SUZUKI CARRY นอกจากจะมีส่วนสำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพภายใต้แนวคิด “เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมายังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมผ่านโครงการ ‘SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ’ ด้วยการนำเสนอแคมเปญเพื่อสังคมที่หลากหลาย

หนึ่งในแคมเปญสำคัญและได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกลุ่มผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิในพื้นที่ คือ CARRY YOUR DREAM CARRY YOUR LIFE ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ด้วยการดัดแปลง SUZUKI CARRY ให้กลายเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่ เพื่อนำไปร่วมกิจกรรม CSR SUZUKI CARRY Barber Truck  ให้บริการตัดผมแก่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมยังสถานที่ต่างๆ ใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย

ล่าสุด ยังได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยพันธมิตรเช่น มูลนิธิกระจกเงา, Otteri, บุญถาวร และ We Chef ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรม “เปิดตัวห้องน้ำสำหรับคนไร้บ้าน” โดยถือโอกาสนำรถขนส่งความสุข SUZUKI CARRY ที่ดัดแปลงเป็น SUZUKI CARRY BARBER TRUCK รถตัดผมเคลื่อนที่ ไปร่วมให้บริการตัดผมให้แก่คนไร้บ้านผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และ SUZUKI CARRY FOOD TRUCK รถอาหารติดล้อ ไปบริการความอร่อยอิ่มท้องให้แก่คนไร้บ้านและผู้ที่มาร่วมงาน ณ บริเวณสดชื่นสถาน ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

“เราไม่เคยหยุดสานต่อเจตนารมณ์อันดีเพื่อสังคมและผู้คน ซึ่งโครงการ SUZUKI CARRY Your Dream CARRY Your Life ที่นำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY มาดัดแปลงเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่เพื่อออกไปร่วมกิจกรรมตัดผมให้ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม รถคันนี้ออกตระเวนให้บริการตัดผมแก่ประชาชนมาแล้วทั่วประเทศ เมื่อทราบว่ามีการจัดกิจกรรมเพื่อคนไร้บ้าน เราจึงไม่ลังเลที่จะจับมือกับพันธมิตรร่วมอุดมการณ์ในการลงพื้นที่เพื่อไปทำประโยชน์ขับเคลื่อนความสุขสู่คนไร้บ้านในครั้งนี้”

นายวัลลภ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY ก็พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย จึงตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY เป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ แต่เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน อีกทั้งเรายังมีพันธมิตรเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟลีสซิ่ง ช่วยเรื่องการอนุมัติสินเชื่อให้มีความหลากหลายและช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

โตโยต้า ร่วมส่งใจเชียร์ “ธนภัทร-ไชยภัทร-ไหมจักรี” ลุยศึก GT Cup ชิงแชมป์เอเชีย

ร่วมส่งใจเชียร์ “ธนภัทร-ไชยภัทร-ไหมจักรี” แชมป์ e-Motorsport ตัวแทนประเทศไทยลุยศึก GT Cup ชิงแชมป์เอเชีย ผลผลิตจาก TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแสดงความยินดี และมอบรางวัลผู้ชนะการแข่งขัน e-Motorsport รอบคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย ในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเสมือนจริง “TOYOTA GAZOO Racing GT Cup (TGR GT Cup)” บนเกมส์ Gran Turismo 7 เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันระดับเอเชียแปซิฟิก เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ณ Toyota ALIVE บางนา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ส่งเสริม และสนับสนุนกีฬา e-Motorsport เพื่อตอบรับ การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก พร้อมเปิดโอกาสผู้มีความชื่นชอบในกีฬาแข่งรถ ได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้น เร้าใจ กับความท้าทายใหม่ๆ ในโลกเสมือนจริง ผ่านการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023 บนเกมส์ Gran Turismo 7 ซึ่งปีนี้นักแข่งที่ทำคะแนนสะสมสูงสุด 3 คน ในรอบคัดเลือกระดับประเทศ เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันระดับเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 23-24 กันยายน นี้ เพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกต่อไป

ผู้ชนะการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023 Thailand

          ชนะเลิศ                 ธนภัทร พวงพัฒน์

          รองชนะเลิศอันดับ 1   ไชยภัทร ลิปิกรโกศล

          รองชนะเลิศอันดับ 2   ไหมจักรี อารีกิจเสรี

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ กล่าวให้กำลังใจนักกีฬาว่า “ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทั้ง 3 คน ที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักกีฬา e-Motorsport จากประเทศอื่นๆ หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นตัวแทนประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นสุดยอด Gamer ของเอเชีย และในระดับโลกต่อไป”

ร่วมเป็นกำลังใจนักกีฬา e-Motorsport ตัวแทนประเทศไทย และติดตามผลการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing GT Cup 2023 ได้ทาง Facebook: Toyota Gazoo Racing Motorsport Thailand

SUZUKI SWIFT จัดหนักเอาใจคนรุ่นใหม่ ผ่อนนาน 99 เดือน

SUZUKI SWIFT แฮทช์แบ็กอีโคคาร์ยังครองใจคนรุ่นใหม่ เติมเต็มความแตกต่าง เป็นตัวตนอย่างชัดเจนดันยอดขายพร้อมขยายเวลาโปรโมชั่นพิเศษ เอาใจลูกค้า ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กอีโคคาร์ นับเป็นรถยนต์รุ่นเรือธงยอดนิยมของซูซูกิที่มีส่วนในการผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ครองใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาความเป็นตัวตนที่แตกต่าง พร้อมแสดงออกมาผ่านยานพาหนะคู่ใจที่นอกจากจะเข้ามาตอบรับกับการใช้ชีวิตด้วยดีไซน์อันโดดเด่นแล้ว ยังมาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ และอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่าการใช้งานอีกด้วย

สำหรับในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-สิงหาคม 2566) SUZUKI SWIFT สามารถสร้างยอดขายรวมทั้งสิ้น 4,097 คัน ครองอันดับ 3 ของยอดขายรวมรถในกลุ่มแฮทช์แบ็กอีโคคาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้รถยนต์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของตลาดอีโคคาร์ เพราะดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีความล้ำสมัยด้วยรูปทรงที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกตัวตนที่โดดเด่นไม่เหมือนใครได้อย่างชัดเจน รวมถึงสมรรถนะมอบการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ มาพร้อมอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่า ภายใต้ราคาที่จับต้องได้อย่างแท้จริง

“ปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชัดเจนไม่ใช่แค่มองหาความแตกต่างไม่เหมือนใครเพียงเท่านั้น แต่ยังมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ตอบรับความทันสมัยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยการกล้าเลือก กล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ SUZUKI SWIFT จึงกลายมาเป็นตัวเลือกที่สามารถตอบรับกับความต้องการในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน”

SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กยอดนิยม เจเนอเรชั่น 4 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2561 โดยมียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 56,547 คัน ครองใจผู้ใช้งานมาอย่างยาวนาน ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น กับขนาดมิติของตัวรถ ความยาว 3,845 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,735 มิลลิเมตร และความสูง 1,495 มิลลิเมตร

ดีไซน์สปอร์ตและปราดเปรียวกับไฟหน้า LED Projector และไฟหลัง LED ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้ว ด้านสมรรถนะได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่คือหัวฉีดคู่หรือ DUALJET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงประหยัดน้ำมันกว่า 23 กิโลเมตรต่อลิตร ขับขี่เร้าใจด้วยเครื่องยนต์ใหม่ K12M ขนาด 1.2 ลิตร

มอบความปลอดภัยด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT ช่วยให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและช่วยประหยัดน้ำมัน รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT พร้อมระบบกันการสั่นสะเทือน ระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่จะช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS ถึง 6 ตำแหน่ง

SUZUKI SWIFT มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ SWIFT GL จำหน่ายราคา 567,000 บาท SWIFT GL NEXT ราคา 582,000 บาท และ SWIFT GLX ราคา 637,000 บาท มี 6 สี ได้แก่ สีแดง Ablaze Red Pearl, สีเทาอ่อน Star Silver Metallic, Mineral สีเทาเข้ม Gray Metallic, สีดำ Super Black Pearl สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic และ สีขาว Pure White Pearl (เพิ่ม 5,000 บาท)

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าที่ไว้วางใจเลือกใช้งาน SUZUKI SWIFT รวมทั้งช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่สนใจให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์สปอร์ตแฮทช์แบ็กรุ่นนี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซูซูกิ จึงได้ขยายเวลาการจัดแคมเปญพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ SUZUKI SWIFT ทุกรุ่น ภายในวันที่ 30 กันยายน 2566 สามารถเลือกรับข้อเสนอพิเศษสุด ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,444 บาท หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี โดยข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงทดลองขับได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้านทุกสาขา

ตลาดรถยนต์สิงหาคม 2566 ปิดยอดขาย 60,234 คัน

ตลาดรถยนต์สิงหาคมติดลบต่อเนื่อง 11.7% ยอดขาย 60,234 คัน รถเก๋งยังโดนใจลูกค้าเติบโตต่อเนื่อง 4.9% ยอดขาย 23,645 คัน ชี้รัฐบาลใหม่เป็นปัจจัยบวกช่วยขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ให้กลับมาคึกคัก

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2566 ด้วยยอดขาย 60,234 คัน ลดลง 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่รถยนต์นั่งยังอยู่ในความต้องการของลูกค้า เติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 23,645 คัน เติบโต 4.9% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องด้วยยอดขาย 36,589 คัน ลดลง 19.9% โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ ชะลอตัวเช่นกันด้วยยอดขาย 24,622  คัน ลดลงอย่างมากถึง 32.6%

ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์

ตลาดรถยนต์สิงหาคมชะลอตัว 11.7% ด้วยยอดขาย 60,234 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 4.9% ด้วยยอดขาย 23,645 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวที่ 19.9% ด้วยยอดขาย 36,589 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัวถึง 32.6% ด้วยยอดขาย 24,622 คัน จากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ลื่นไหล ส่งผลให้มีการชะลอการสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจขนส่ง โดยมีประเด็นสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่มีความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดรถยนต์กันยายนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยเชื่อว่ากลไกทางเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนได้คล่องตัวขึ้น และหากสถาบันการเงินพิจารณาผ่อนปรนความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จะช่วยขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ก่อให้เกิดความหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และช่วยให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2566

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 60,234 คัน ลดลง 11.7 %

อันดับที่ 1 โตโยต้า      20,871 คัน       ลดลง 10.6 %   ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          11,380 คัน       ลดลง 28.2%    ส่วนแบ่งตลาด 18.9%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       7,084 คัน        เพิ่มขึ้น 0.2%    ส่วนแบ่งตลาด 11.8%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,645 คัน เพิ่มขึ้น 4.9 %                                  

อันดับที่ 1 โตโยต้า      8,346 คัน        เพิ่มขึ้น 12.7%  ส่วนแบ่งตลาด 35.3%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       4,348 คัน        ลดลง 25.3%    ส่วนแบ่งตลาด 18.4%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      929 คัน           ลดลง 41.6%    ส่วนแบ่งตลาด 3.9%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 36,589 คัน ลดลง 19.9%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,525  คัน      ลดลง 21.5%    ส่วนแบ่งตลาด 34.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          11,380 คัน       ลดลง 28.2%    ส่วนแบ่งตลาด 31.1%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,956 คัน       ลดลง 36.8%    ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 24,622 คัน ลดลง 32.6%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      10,014 คัน       ลดลง 28.1%    ส่วนแบ่งตลาด 40.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          9,999 คัน        ลดลง 31.7%    ส่วนแบ่งตลาด 40.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         2,956 คัน      ลดลง 36.8%    ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

                     *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,061 คัน

โตโยต้า 2,047 คัน – อีซูซุ 1,576 คัน – ฟอร์ด 1,130  คัน – มิตซูบิชิ 232 คัน – นิสสัน 76 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,561 คัน ลดลง 36.3%                                

อันดับที่ 1 อีซูซุ          8,423 คัน        ลดลง 35.0%    ส่วนแบ่งตลาด 43.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      7,967 คัน       ลดลง 31.0%    ส่วนแบ่งตลาด 40.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        1,826 คัน       ลดลง 48.2%    ส่วนแบ่งตลาด  9.3%      

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2566

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 524,784 คัน ลดลง 6.2%                              

อันดับที่ 1 โตโยต้า       178,151 คัน   ลดลง 4.0%      ส่วนแบ่งตลาด 33.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          109,396 คัน   ลดลง 23.0%    ส่วนแบ่งตลาด 20.8%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า        60,769 คัน     เพิ่มขึ้น 11.5%  ส่วนแบ่งตลาด 11.6%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 194,243 คัน เพิ่มขึ้น 9.4%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        67,435 คัน    เพิ่มขึ้น  31.2%  ส่วนแบ่งตลาด 34.7%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า         39,695 คัน   ลดลง   0.8%   ส่วนแบ่งตลาด 20.4%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ        11,593 คัน    ลดลง  20.4%   ส่วนแบ่งตลาด 6.0%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 330,541 คัน ลดลง 13.5%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า       110,716 คัน    ลดลง 17.5%    ส่วนแบ่งตลาด           33.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          109,396 คัน   ลดลง 23.0%    ส่วนแบ่งตลาด             33.1%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         25,827 คัน     เพิ่มขึ้น 11.4%  ส่วนแบ่งตลาด  7.8%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 232,556 คัน ลดลง 22.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           98,860 คัน     ลดลง 24.5%    ส่วนแบ่งตลาด             42.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า       90,646 คัน     ลดลง 21.7%    ส่วนแบ่งตลาด              39.0%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          25,827 คัน    เพิ่มขึ้น 11.4%  ส่วนแบ่งตลาด               11.1%

                     *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 43,001 คัน

โตโยต้า 15,585 คัน – อีซูซุ 15,206 คัน – ฟอร์ด 8,334 คัน – มิตซูบิชิ 3,038 คัน – นิสสัน 838 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย  189,555 คัน ลดลง 26.8%

อันดับที่ 1 อีซูซุ          83,654 คัน       ลดลง  29.5%  ส่วนแบ่งตลาด 44.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      75,061 คัน       ลดลง  23.9% ส่วนแบ่งตลาด 39.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        17,493 คัน       ลดลง   8.4%  ส่วนแบ่งตลาด  9.2%    

วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า มอบทุนการศึกษาประจำปี 2566

วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า สร้างโอกาสทางการศึกษาสายอาชีพ มอบทุนการศึกษาประจำปี 2566

วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า สร้างโอกาสทางการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ ผ่านกิจกรรมมอบทุนการศึกษา ประจำปี 2566 ให้กับนักศึกษาจำนวน 26 คน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมอาคารวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า โดยมีผู้สนับสนุนทุนการศึกษา ได้แก่

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

บริษัท โตโยต้า อินเตอร์ยนต์ชลบุรี (1999) จำกัด

บริษัท โตโยต้า จันทบุรี (1972) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

บริษัท พาราโค้ทติ้ง จำกัด

บริษัท โตโยต้า ขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

บริษัท โตโยต้าแก่นนคร จำกัด

บริษัท โตโยต้า พาวิลเลี่ยน ระยอง (2005) จำกัด

บริษัท โตโยต้า ปราจีนบุรี (1993) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

กรมการขนส่งทหารเรือ

เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) 3 สาขางาน

1.สาขางานเทคนิคยานยนต์อัจฉริยะ

2.สาขางานธุรกิจการบริการยานยนต์

3.สาขางานเทคนิคซ่อมตัวถังและสีรถยนต์

พร้อมรับโอกาสพิเศษทางการศึกษา

ผ่อนชำระค่าเทอมได้

มีทุนการศึกษา

เรียนจบมีงานทำ

โครงการไปทำงานประเทศญี่ปุ่น

โครงการเรียนต่อ ป.ตรี ที่ มจธ.

สมัครออนไลน์ผ่าน www.toyotacollege.ac.th

หรือ ติดต่อ อ.ทวีศักดิ์ ประนอมมิตร (08 6323 7683), อ.วัชรีภรณ์ พงษ์ไชย (08 6323 7684)

โตโยต้า เปิดอบรมหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านรถยนต์โตโยต้า

วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า โอกาสดีสำหรับผู้สนใจเทคโนโลยียานยนต์และสายอาชีพ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า เปิดหลักสูตรอบรมความรู้พื้นฐาน เรียน 2 วัน แค่ 4,000 บาท ได้ทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ

รายละเอียดหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านรถยนต์โตโยต้า

วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า เปิดหลักสูตรใหม่ “ความรู้พื้นฐานด้านยานยนต์ : Toyota Basic Automotive Knowledge” เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับองค์ประกอบ และเทคโนโลยีของรถยนต์โตโยต้า จัดการเรียน การสอน ทั้งด้านทฤษฎี และหลักปฏิบัติตามมาตรฐานโตโยต้าจากอุปกรณ์จริง พร้อมจำลองปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และชี้แนะวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้น เพื่อสร้างประสบการณ์ในการสัมผัสเครื่องยนต์ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทีมบุคลากรมืออาชีพของโตโยต้า

หัวข้อการอบรม

ความรู้พื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน                             

ความรู้พื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซล

รถยนต์ไฮบริด (Hybrid vehicle)

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle)

ระบบช่วงล่าง และระบบส่งกำลัง

ระบบไฟฟ้ารถยนต์ และไฟฟ้าตัวถัง

ผู้เข้าอบรม (จำกัดกลุ่มละ 15 คน)

บุคคลทั่วไปที่สนใจ / ผู้ใช้รถยนต์

หน่วยงาน / องค์กร

ผู้ประกอบการ SME

กำหนดการอบรม (2 วัน : เวลา 09.00 – 16.30 น.)

กลุ่มที่ 1 : วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม ถึง วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566

กลุ่มที่ 2 : วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม ถึง วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566

สถานที่อบรม

ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด 25 หมู่ 7 ถ.สุวินทวงศ์ ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา 24000

ค่าอบรม

เพียง 4,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

รวมอาหารกลางวัน Coffee break คู่มือการอบรม อุปกรณ์ภาคปฏิบัติ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

คุณฐิติมา ปัญญายงค์

โทร 038-092011 หรือ 033-026400 ต่อ 2011

อีเมลล์ [email protected]

รีบสมัครด่วน จำนวนจำกัด วันนี้ ถึง 2 ตุลาคม 2566 ศกนี้

“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด นำเสนอความพรีเมียมใหม่

“ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ใหม่” ความพรีเมียมใหม่…คอนเน็คให้ชีวิตมีคลาสความ GRAND…ที่รู้กัน WE ARE GRANDOM

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพชั้นนำของโลก ตอกย้ำบทบาทความเป็น “ผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติก” ของเมืองไทยอีกครั้ง ด้วยการส่งรถจักรยานยนต์ออโตเมติกแฟชั่นพรีเมียมที่ครองใจผู้ใช้ทั่วประเทศมาร่วม 10 ปี โมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ดีไซน์สง่างามเหนือกาลเวลา สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก “สมาร์ทสไตล์พรีเมียม…ความ GRAND ที่รู้กัน” มาพร้อมสีสันใหม่ โดดเด่น บ่งบอกถึงรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างภาคภูมิใจ และคุ้มค่าด้วยการรับประกันนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

“ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” สวยล้ำด้วยเส้นสายและไฟ FULL LED รอบคัน หรูหราอย่างมีระดับ โดดเด่นทุกมุมมอง ทั้งไฟหน้า – ไฟ Daylight – ไฟเลี้ยว – ไฟท้าย ให้ความสว่างเด่นชัดในทุกมุมมอง โดยสอดรับความล้ำสมัยไปพร้อมกับ Digital Meter LCD & TFT เรือนไมล์ดิจิทัลพร้อมจอสี TFT ล้ำสมัย แสดงผลมาตรวัดครบถ้วน พร้อมบอกสถานการณ์ทำงานของระบบไฮบริด ซึ่งผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในทุกจังหวะการขับขี่

“ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ตอบใจทย์การใช้งานที่ผู้ใช้ชื่นชอบ ความประหยัดน้ำมันด้วย BLUE CORE HYBRID ENGINE เครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด 125 ซีซี ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ได้ดีในทุกจังหวะการบิดคันเร่ง แต่ให้ความประหยัดน้ำมันสูงถึง 61.74 กม.ต่อลิตร* ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่นุ่มนวล ออกตัวได้รวดเร็วด้วย SMART MOTOR GENERATOR โดยให้ความสะดวกด้วย ONE PUSH START ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ สตาร์ทง่าย รวดเร็วกว่า ไร้เสียงมอเตอร์รบกวน และมาพร้อมระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ STOP & START SYSTEM ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถเปิดปิดได้ตามความต้องการ

*รายงานการทดสอบในห้องปฏิบัติการตามกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เฉพาะด้านความปลอดภัยสารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับ 7 (มอก.2915-2561) วันที่ทดสอบ 21-22 เมษายน 2566

“ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ยังให้เติมเต็มทุกฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างครบครันด้วย ระบบช่องต่อไฟสำรอง ชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้ พร้อมช่องใส่ของด้านหน้าขนาดใหญ่, ที่เก็บของ GRAND BOX พร้อมไฟ LED ส่องสว่าง ขนาดใหญ่ถึง 27 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกได้ 2 ใบ, ช่องเติมน้ำมันด้านหน้า SMART & EASY REFUEL สะดวกสบาย ไม่ต้องลงจากรถ พร้อมปุ่มกดเปิดฝาอัตโนมัติ ใช้ง่ายเพียงปุ่มเดียว ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน และให้ความมั่นใจด้วยระบบเบรก UBS ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง *เฉพาะรุ่น Standard

นอกจากนี้ “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ยังอัพความพรีเมี่ยมขึ้นอีกระดับสำหรับรุ่น ABS ด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY SYSTEM สะดวกกว่าด้วยสวิตช์เปิด-ปิด แบบ Multi Functions ทั้งปลดล็อกสวิตช์สตาร์ท ดับเครื่องยนต์ / ปลดล็อกแฮนด์ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาถังน้ำมัน โดยให้ความปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบเบรก ABS ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันเบรกหน้าอัตโนมัติ ช่วยลดโอกาสในการเกิดล้อล็อกกรณีเบรกกะทันหัน

สำหรับ “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น คือ GRAND FILANO HYBRID ABS Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือสีเทา Elixir Silver, สีน้ำเงิน Prestige Blue และสีขาว Super White วางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 68,200 บาท และ GRAND FILANO HYBRID STD Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี คือ สีชมพู Nudy Pink, สีดำ Massy Black, สีแดง Vivid Red และสีน้ำเงิน Indigo Blue วางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 63,700 บาท ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ใหม่” ได้แล้วที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พร้อมความมั่นใจในคุณภาพสินค้า ด้วยการรับประกันคุณภาพทั้งคันตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร พิเศษลูกค้ายามาฮ่าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นสุดล้ำ Yamaha Smart Reward เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save