- Advertisement -
29.9 C
Bangkok
Home Blog Page 77

สุขสวัสดิ์ แสงมรกต คว้าแชมป์อีซูซุคัพ 32 ตีตั๋วชกในเวที THAI FIGHT 2023

กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เป็นประธานจัดการแข่งขันมวยไทย ศึกอีซูซุคัพ ครั้งที่ 32 “ศึก Isuzu D-Max ลุย! ท้าโลก” รอบชิงชนะเลิศ ผลการแข่งขันสุขสวัสดิ์ แสงมรกต คว้าแชมป์ไปครอง รับรางวัลรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค เกียร์อัตโนมัติ” มูลค่า 650,000 บาท และเงินสด 500,000 บาท รวมมูลค่า 1,150,000 บาท พร้อมตำแหน่งนักชกตัวแทนประเทศไทยไปประกาศศักดิ์ศรีบนสังเวียนมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT 2023”

การแข่งขันอีซูซุคัพเป็นการแข่งขันมวยไทยระดับตำนาน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ และได้ปรับรูปแบบใหม่ ยกระดับมวยไทยสู่สากลด้วยการเปลี่ยนสถานที่จัดการแข่งขันเป็น The Beat Active ซึ่งเป็น Sport Entertainment Complex ใหม่ล่าสุดของไทย สร้างความเร้าใจด้วยระบบแสง สี เสียงเต็มรูปแบบ ภายในงานมีผู้เข้าชมเต็มสนาม ส่งเสียงเชียร์กันอย่างตื่นเต้น สร้างบรรยากาศครึกครื้นที่สุด และยังมีการแสดงพิเศษโดย ขุนอินทร์ ในชื่อชุด “นวัตกรรมภูมิปัญญาไทย” เป็นการเล่นระนาดและเครื่องดนตรีไทยผสานกับเพลงแนวสมัยใหม่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมก่อนการแข่งขัน เริ่มการแข่งขันยกที่ 1 เป็นการพบกันระหว่างมวยซ้าย สุขสวัสดิ์ แสงมรกต ฝั่งสีขาว กับ มวยขวา ธงชัย เพชรรุ่งเรือง ฝั่งสีดำ ชกประเภทสวมนวม รุ่นน้ำหนัก 65 กิโลกรัม ธงชัยเปิดเกมด้วยแข้งขวา สุขสวัสดิ์ รัวกลับ 3 หมัดเข้าเป้าอย่างจัง พร้อมสาดแข้งใส่ต่อเนื่อง ทำให้สุขสวัสดิ์เป็นต่อในยกแรก เมื่อระฆังยกที่ 2 ดังขึ้นทั้งคู่เปิดเกมเดินเข้าหากัน สุขสวัสดิ์เดินเกมออกอาวุธหมัด เตะ พร้อมยัดเข่าซ้ายเข้าไปหลายครั้ง แต่ธงชัยก็ยังคุมจังหวะตั้งรับและต่อยกลับไปได้อย่างดี แต่โดยรวมยกนี้สุขสวัสดิ์ออกอาวุธได้เข้าเป้ามากกว่า ต่อที่ยกสุดท้าย ธงชัยเดินหน้าออกอาวุธอย่างเต็มที่เพื่อจะพลิกเกมกลับมาให้ได้ สุขสวัสดิ์พยายามโต้ด้วยแข้งซ้ายเล็งไปที่ลำตัวและท่อนแขนขวาซึ่งเป็นกำปั้นที่หนักของธงชัย มีจังหวะแก้เกมกันทั้งรุกและรับ ช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน สุขสวัสดิ์ฟันศอกเข้าเป้าทำให้ธงชัยคิ้วแตกจนเลือดออก จบการแข่งขันกรรมการประกาศฝั่งสีขาว สุขสวัสดิ์ แสงมรกต คว้าแชมป์อีซูซุ คัพ 32 ไปครอง ตีตั๋วชกในบัลลังก์ THAI FIGHT 2023

ร่วมชมและเป็นกำลังใจให้ สุขสวัสดิ์ แสงมรกต แชมป์อีซูซุคัพ คนล่าสุด ในการแข่งขันมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT” เศรษฐีเรือทอง วัดพุน้อย ในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม ศกนี้ ณ บริเวณหน้าวัดพุน้อยตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

ศึกอีซูซุคัพ ครั้งที่ 32 “ศึก Isuzu D-Max ลุย! ท้าโลก”

วัตถุประสงค์

1.ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปะการต่อสู้ประจำชาติในรูปแบบมวยไทยให้แพร่หลายเป็นที่รู้จักกันทั่วไป

2.เสริมสร้างเอกลักษณ์ทางศิลปะและกีฬาของชาติ

3.สืบสานตำนานมวยไทยสายพันธุ์แท้ที่มีมายาวนาน เพื่อร่วมอนุรักษ์สุดยอดศิลปะการต่อสู้ของชาติ

4.ยกระดับภาพพจน์ของมวยไทยให้เป็นที่นิยมและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ

5.ส่งเสริมนักมวยไทยสู่การแข่งขันมวยระดับนานาชาติ “THAI FIGHT”

6.ส่งเสริมความก้าวหน้าของนักมวยไทย พร้อมทั้งสนับสนุนรายการกีฬาทางโทรทัศน์

รางวัลการแข่งขัน

•รางวัลชนะเลิศ

– เข็มขัดแชมป์ อีซูซุคัพ ครั้งที่ 32

– รถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค 1.9 เกียร์อัตโนมัติ” มูลค่า 650,000 บาท

– รางวัลเงินสด 500,000 บาท

– การเป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในศึกมวยไทยระดับโลก “THAI FIGHT 2023”

รวมมูลค่า 1,150,000 บาท

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเงินสด 300,000 บาท

มาสด้า พร้อมจัดแสดงบูธในงาน Japan Mobility Show 2023

มาสด้า พร้อมจัดแสดงบูธในงาน Japan Mobility Show 2023 ภายใต้ธีม The Future created by the ‘love of Cars’

ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 10 ตุลาคม 2566 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยรายละเอียดถึงแผนงานจัดแสดงรถยนต์มาสด้า ภายในงาน Japan Mobility Show 2023*1 โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ณ Tokyo Big Sight อาริอาเกะ เขตโคโต กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งงานในครั้งนี้ สำหรับบูธมาสด้าจะจัดขึ้นภายใต้ธีม “The Future created by the ‘love of Cars’“ หรือ “อนาคตที่สร้างขึ้นจากความรักในรถยนต์” โดยได้รับการออกแบบเพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่รักในการขับขี่และรักในรถยนต์ รถยนต์มาสด้าที่จะนำมาจัดแสดงภายในงานฯ นั้น ล้วนเป็นรถยนต์ได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า ในการยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน

ธีมบูธมาสด้า: “อนาคตที่สร้างจาก ‘ความรักในรถยนต์’”

สำหรับบูธมาสด้าในครั้งนี้ จะเน้นการจัดแสดงรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 ซึ่งเป็นแบรนด์ไอคอน และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยได้นำ Mazda MX-5 มาจัดแสดงหลากหลายรุ่น ได้แก่ Mazda MX-5 เจเนอเรชั่นแรก ซึ่งเป็นรถที่เปรียบเสมือนต้นแบบสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืนของมาสด้า ที่ถ่ายทอดปรัชญาความสนุกสนานในการขับขี่ Mazda MX-5 ขนาดสองในสามของรถคันจริงเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบจำลองให้กับเด็กๆ Mazda MX-5 เจเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาอัพเกรดครั้งใหญ่ และ Mazda MX-5 SeDv*2 ที่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ด้วยมือของผู้ขับเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำรถต้นแบบที่ได้รับการดีไซน์ให้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของธีมบูธมาสด้า มาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกหรือ World Premier ภายในงานนี้

รถต้นแบบของมาสด้าที่จะเปิดตัวภายในงาน Japan Mobility Show 2023

นอกจากนั้นแล้ว มาสด้ายังได้เข้าร่วมโปรแกรมที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น ด้วยการจัดแสดงรถยนต์ Mazda2 Bio Concept ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไบโอดีเซล เจเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งอยู่ในส่วนพื้นที่จัดแสดงมอเตอร์สปอร์ตด้วยเช่นกัน

มาสด้ายังเข้าร่วมกับ “Out of KidZania” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ KidZania หรือ ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงยอดนิยม ที่มุ่งเน้นให้เด็กๆ ได้มีโอกาสทดลองสวมบทบาทการทำงานในแต่ละอาชีพ โดยมาสด้าจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่เข้าเยี่ยมชมภายในงานได้ทดลองสวมบทบาทอาชีพในงานของมาสด้า ได้แก่ “Sand-casting” ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และ “Stamping operator” ที่ออกแบบให้เหมาะสำหรับเด็กๆ ในชั้นก่อนวัยเรียน ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรม จะจัดขึ้นในโรงงานมาสด้าแบบจำลอง ซึ่งจะมอบประสบการณ์ความสุขให้กับเด็กๆ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตรถยนต์

มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ “ความสุขในการดำเนินชีวิต” ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน

รายละเอียดเพิ่มเติม:

•เว็บไซต์ Mazda Japan Mobility Show 2023 (สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 10:45 น. เวลาประเทศญี่ปุ่น) https://mazda.co.jp/experience/event/japanmobilityshow2023/

*1 Japan Mobility Show 2023 จัดขึ้นโดย สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น รอบสื่อมวลชนจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (08:00-18:00) และวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2566 (08:00-13:00) สำหรับงานแถลงข่าวมาสด้า จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (09:15-09:30) และรอบบุคคลทั่วไป จะจัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 – วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566

*2 SeDV: Self-empowerment Driving Vehicle สำหรับบุคคลที่มีข้อจำกัดในกิจกรรมประจำวันให้สามารถขับขี่และควบคุมการขับขี่ได้ด้วยมือของตนเอง

อีซูซุ เปิดตัวอลังการ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์”

อีซูซุ เปิดตัวอลังการ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ปลดล็อกพร้อมลุยทุกไลฟ์สไตล์

อีซูซุเจ้าตลาดรถปิกอัพเมืองไทย เปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ จัดเต็มทุกไลน์อัพ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมกระตุ้นตลาดรถยนต์ปลายปี ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ รวมทั้งผู้จำหน่ายอีซูซุ ลูกค้าพิเศษ “อีซูซุ ซูเปอร์แฟน” และสื่อมวลชนหลากหลายสาขาที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 1,000 คน ณ ICON HALL ชั้น 7 ศูนย์การค้า ICON SIAM

การเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณจุติพงศ์ บุญสูง ประธานกรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด มร.ชินสุเกะ มินามิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) มร.ยูโซ โนะอุจิ รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) มร. ชิเงรุ วากะบายาชิ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มยานยนต์และโมบิลิตี้ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และ มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมเปิดตัว “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL สุดอลังการ ด้วยเทคนิค 3D ครั้งแรกที่สมจริงและจัดเต็มทั้ง ภาพ แสง สี เสียง สุดล้ำ ให้ผู้ร่วมงานได้ปลดล็อกทุกความท้าทาย ตื่นเต้น เร้าใจ ทั้งงาน นับเป็นการตอกย้ำความเป็นรถปิกอัพอันดับ 1 ของเมืองไทย ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตและกิจกรรมที่หลากหลายของผู้ใช้รถยุคใหม่อย่างแท้จริง

ภายในงานเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจกับไลน์อัพรถปิกอัพรุ่นใหม่จัดเต็มถึง 11 คัน ของ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL นำโดย “ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง ตอบโจทย์สายออฟโรด พร้อมลุยทุกกิจกรรม ต่อด้วย “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” ตอบโจทย์ Urban Lifestyle วิถีชีวิตคนเมืองพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับ TOP CLASS และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า รวมถึงรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” ตอบโจทย์สาย Outdoor Activity

มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุ มุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ด้วย “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ดีไซน์ใหม่ทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมสีส้มใหม่ Namibu Orange Mica (ส้ม นามิบู ไมก้า) ด้านหน้าใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า พร้อมออกแบบ Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ ฝาท้ายและชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ภายในเพิ่มความโดดเด่นสุดพิเศษด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ เพิ่มการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift อีกทั้งยังมีหน้าจอ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID ใหม่ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ยกระดับความสะดวกสบายให้กับ ผู้ขับขี่ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย มั่นใจทุกการเดินทางด้วย ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่กว้างขึ้นและแม่นยำขึ้น พร้อม ใหม่! ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (Rear Cross Traffic Brake) ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 540,000 – 1,264,000 บาท รถรุ่นใหม่นี้นอกจากจะตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งส่วนตัวและเพื่อการพาณิชย์แล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันเหนือชั้นของรถอีซูซุ คือ ความแข็งแกร่งทนทาน ความเชื่อถือได้ อะไหล่หาง่าย และบำรุงรักษาได้ง่าย ซึ่งล้วนเป็นคุณลักษณะสำคัญที่ครองใจผู้ใช้รถชาวไทยได้เป็นเวลายาวนาน อีซูซุขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้รถอีซูซุเป็นอย่างดีเสมอมา และเรามั่นใจว่ารถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก จะสร้างความพอใจสูงสุดให้ผู้ใช้รถชาวไทยอย่างแน่นอน”

พบกับ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ได้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2566  เป็นต้นไป ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

TTC Motor ขานรับโมเดลธุรกิจ Retail of the Future

TTC Motor ขานรับแนวคิดโมเดลธุรกิจ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย “Retail of the Future” เตรียมพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกในปี 2024 ใช้โอกาสไตรมาสสุดท้ายเตรียมความพร้อม เดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าในทุกภาคส่วน ชิมลางด้วยการจัดปาร์ตี้ Chef’s Table มอบความพิเศษให้ลูกค้าคนสำคัญได้ประทับใจ ผสมผสานการจัดสรรแคมเปญใหม่ Fast and Fearless Offer เร็วแรงทุกอัตราเร่งไปกับ Mercedes-Benz คันโปรดของคุณ พร้อมข้อเสนอสุดร้อนแรง แซงทุกความต้องการ ที่เร้าใจ พร้อมพุ่งทะยานไปกับคุณ ได้ที่ TTC Motor เท่านั้น

นายอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์, เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี,เมอร์เซเดส-มายบัค อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า TTC Motor ขานรับแนวคิดของโมเดลธุรกิจแห่งยุค “Retail of the Future” เตรียมพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก ในปี 2024 วางเป้าหมายในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ และมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย โดยมร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในช่วงต้นปี 2024 ด้วยเป้าหมายหลักในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจค้าปลีก ชูโมเดลธุรกิจที่เน้นความโปร่งใสของราคาและข้อเสนอจากผู้จำหน่ายฯ ที่ต้องเท่าเทียมกัน การจัดการความพร้อมของสต็อกรถยนต์ และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ภายใต้มาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย โดยที่ผู้จำหน่ายฯ จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในทุกขั้นตอนของการบริการลูกค้า นอกจากนี้ในโมเดลธุรกิจใหม่ จะไม่ได้เน้นเพียงแค่การขายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่จะส่งเสริมเครือข่ายการค้าปลีกของแบรนด์ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ

“จากแนวคิดนี้ TTC Motor เร่งดำเนินการทันที เพราะไตรมาสสุดท้ายเป็นวาระที่ดี ที่ผู้จำหน่าย ควรเตรียมความพร้อม บอกกล่าวและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้ายิ่งๆขึ้น ในอนาคตความประทับใจเท่านั้น จะดึงดูดลูกค้าได้อย่างยั่งยืน เราได้เตรียมอีเว้นต์พิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ ร่วมปาร์ตี้ รับประทานอาหารในรูปแบบ Chef’s Table และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเข้าใช้บริการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเครือข่ายให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น”

นอกจากนี้ TTC Motor ยังได้เตรียมข้อเสนอที่เรากล้าให้คุณได้มากกว่า กับแคมเปญ Fast and Fearless ตลอดเดือนตุลาคมนี้ สามารถเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ด้วยตัวคุณเอง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2566 นี้ อาทิ

•ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท

•รับดอกเบี้ย 0%นานสูงสุด 6 ปี

•รับฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นานสูงสุดถึง 8 ปี

•รับฟรี! Wallbox 2.0 รุ่นใหม่ล่าสุด

•รับ MBSP Package นานสูงสุด 8 ปี

•ออกรถตอนนี้ ขับฟรี 9 เดือน

ทั้งนี้ในส่วนของ TTC Motor Certified พร้อมมอบความแรง ที่ไม่เป็นรองรถป้ายแดง ด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้แล้ว ไมล์น้อย ราคาสุดคุ้ม ผ่านมาตรฐานการตรวจเช็คกับ Mercedes-Benz Authorized Dealer TTC Motor ที่เปิดบริการมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี พร้อมมอบบริการสุดประทับใจให้กับลูกค้าทุกท่าน

•ข้อเสนอที่ 1 ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี

•ข้อเสนอที่ 2 ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

•ข้อเสนอที่ 3 ขับฟรี!! 90 วัน

ออกรถโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะเราดูแลให้คุณหมด หารถเบนซ์ใช้แล้ว รถทดลองขับ ปลดประจำการ หรือรถผู้บริหารไมล์น้อยที่ได้รับรองมาตรฐาน ต้องมาที่ Benz TTC Motor Certified เท่านั้น

TTC Motor 2 สาขา ได้แก่ สาขาพัฒนาการ 45 โทร. 1274, 02-322-2222 และสาขาอุบลราชธานี โทร.045-475-222, www.facebook.com/BenzTTC TTCMotor #ครบจบทุกเรื่องเบนซ์ ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach, Sprinter อย่างเป็นทางการ Line : https://bit.ly/LINEBENZTTC IG : https://bit.ly/IGBENZTTC

อีซูซุ เปิดตัวรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์”

อีซูซุ เปิดตัวรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ปลดล็อกทุกความท้าทาย พร้อมรุกตลาดรถยนต์ปลายปีนี้

 บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าตอกย้ำแบรนด์รถปิกอัพอันดับ 1 ของเมืองไทย เปิดตัว “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ จัดเต็มทุกไลน์อัพ นำโดย “ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ ระดับ TOP CLASS และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า รวมถึงรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” และ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค” ตอบโจทย์ด้านสมรรถนะ ความทนทาน และประหยัดน้ำมันขั้นสุด

 มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุส่งรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก กระตุ้นตลาดปลายปี สร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง ดีไซน์ใหม่ทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมสีส้มใหม่ Namibu Orange Mica (ส้ม นามิบู ไมก้า) ด้านหน้าใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า พร้อมออกแบบ Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ ฝาท้ายและชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ภายในเพิ่มความโดดเด่นสุดพิเศษด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ เพิ่มการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift อีกทั้งยังมีหน้าจอ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID ใหม่ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ยกระดับความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย มั่นใจทุกการเดินทางด้วย ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่กว้างขึ้นและแม่นยำขึ้น พร้อม ใหม่! ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (Rear Cross Traffic Brake) ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 540,000 – 1,264,000 บาท ทั้งนี้เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา ส่งมอบผลิตภัณฑ์อันดีเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้รถอย่างแท้จริง”

“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก นำโดย

“NEW! ISUZU V-CROSS 4×4” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง ดุดัน มาพร้อม สีใหม่สุด Namibu Orange Mica (ส้ม นามิบู ไมก้า) ดีไซน์ใหม่หมด สะกดทุกสายตา ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าจดสเกิร์ตด้านล่าง พร้อมชุดแต่ง ISUZU V-Cross Package รวมถึงฝาท้าย และชุดไฟท้าย สะท้อนเอกลักษณ์แห่งพรีเมียมสปอร์ตออฟโรด ที่ดีไซน์ใหม่ล้ำไปอีกขั้น เพิ่มประสบการณ์ความเหนือชั้นทุกครั้งที่ออกไปใช้ชีวิต พิชิตอุปสรรคใหม่ๆ ท้าทายทุกขีดความสามารถ แรงสุดด้วย เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 917,000 – 1,264,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วย ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension สีเทาดำ และ Black Chrome

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Rugged & Wild สี Matte Black เท่ แกร่ง ดุดัน

ภายใน

-ยกระดับความสะดวกสบายสไตล์พรีเมียม เพิ่มความโดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ ภายใต้แนวคิด High-Class & Sophisticated เน้นสีทูโทน ดำ-น้ำตาล ห้องโดยสารกว้าง แผงคอนโซลหน้า Sharp Horizontal Layers เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทาง

-เบาะดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ

-ใหม่! Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-ใหม่! หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน

-ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพงแบบ Dynamic Surround Sound

-ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

-ใหม่! ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)

-ใหม่! ระบบ Rough Terrain Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้ง 2 และ 4 ล้อ ด้วยการควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว

-ใหม่! ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

-ลุยน้ำลึกสุดได้ 800 มม.

“NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 DOOR” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ ระดับ TOP CLASS ที่ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว เปลี่ยนนิยามคำว่าปิกอัพให้เหนือระดับ ด้วยดีไซน์ที่ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 865,000 – 1,151,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดัน สะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Turbine Spiral

ภายใน

-ห้องโดยสารพรีเมียม ตามแนวคิด High-Class & Sophisticated สะท้อนความหรูหรา โทนสีดำเงิน เสริมความประณีตด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ออกแบบการใช้งานตามหลัก Usability Design พร้อมหน้าจอ Multitasking System ปลดล็อกสู่ประสบการณ์การเดินทางอีกขั้นที่ลงตัวในทุกมิติ

-ใหม่! หน้าจอ Integrated MID ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์ เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Infotainment Display สะดวกยิ่งขึ้น

-เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ

-ใหม่! Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-ใหม่! หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน

-ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง แบบ Dynamic Surround Sound

-ใหม่ล่าสุด! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

-ใหม่! ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)

“NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 2 DOOR” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า ปิกอัพ 2 ประตู ที่ออกแบบให้สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผสานสมรรถนะความทนทาน และความประหยัดน้ำมันขั้นสุด มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์  เจน 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 758,000 – 935,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดัน สะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

ภายใน

-ห้องโดยสารพรีเมียม ตามแนวคิด High-Class & Sophisticated สะท้อนความหรูหรา โทนสีดำเงิน เสริมความประณีตด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ออกแบบการใช้งานตามหลัก Usability Design พร้อมหน้าจอ Multitasking System ปลดล็อกสู่ประสบการณ์การเดินทางอีกขั้นที่ลงตัวในทุกมิติ

-ใหม่! หน้าจอ Integrated MID ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์ เชื่อมต่อข้อมูลกับ หน้าจอ Infotainment Display สะดวกยิ่งขึ้น

-เบาะดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ

-ใหม่! Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-ใหม่! หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ หน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน

-ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง แบบ Dynamic Surround Sound

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

“NEW! ISUZU D-MAX CAB4” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ เพื่อชีวิตที่สะดวกลงตัว มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 731,000 – 882,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดันสะกดทุกสายตากับ สี Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย

ภายใน

-ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์)

-เบาะผ้าดีไซน์ใหม่

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

“NEW! ISUZU D-MAX SPACECAB” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า ออกแบบให้สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผสานสมรรถนะความทนทาน และความประหยัดน้ำมันขั้นสุด มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 650,000 – 760,000 บาท

ภายนอก

-ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดันสะกดทุกสายตากับ Silky Silver และ Dark Grey

-ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว

-ใหม่! Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู

-ใหม่! ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น

-ใหม่! ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย

ภายใน

-ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์)

-ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-เบาะผ้าดีไซน์ใหม่

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

“NEW! ISUZU D-MAX SPARK” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกพร้อมลุยทุกงานบรรทุกหนัก เปลี่ยนนิยามคำว่าบรรทุกหนักให้แตกต่างจากที่เคย ออกแบบโดยผสานการทำงานของโครงสร้างตัวถังแชสชีส์ เครื่องยนต์ และช่วงล่างให้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง ไม่ว่าสภาพถนนแบบไหนก็มั่นใจได้ พร้อมด้วยความประหยัดน้ำมันขั้นสุดของอีซูซุ จนกลายเป็นสุดยอดปิกอัพที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะเพิ่มผลิตผลแห่งความสำเร็จ มาพร้อมเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่  3,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที โดย NEW! ISUZU D-MAX SPARK มีให้เลือกทั้งรุ่น 4×2 และรุ่น 4×4 ซึ่งได้เพิ่มระบบ Rough Terrain Mode มาในรุ่น 4×4 ด้วย ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 540,000 – 727,000 บาท

ภายนอก

-ดีไซน์ใหม่ ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า กระจังหน้า และไฟหน้า

-กระบะท้ายกว้าง ขนาดใหญ่ พร้อมรับทุกงานหนัก รองรับรูปแบบการบรรทุกที่หลากหลายได้อย่างคุ้มค่า สร้างผลกำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ภายใน

-ห้องโดยสารภายในตอบโจทย์งานบรรทุก เน้นความสะดวกสบาย กว้างขวาง ตามหลัก Usability Design บรรทุกหนัก บรรทุกไกล ก็ขับสบายตลอดเส้นทาง

-ใหม่! หน้าจอ Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้งานง่ายรองรับทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

-เบาะที่นั่งคนขับสามารถปรับอิสระ

-ห้องโดยสารกว้างขวาง รวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะ และพื้นที่วางเท้า

-กระจกไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบาย

-คอนโซลกลางออกแบบปุ่มควบคุมและสวิตซ์ต่าง ๆ ใช้งานสะดวกสบาย

-ตำแหน่งวางแก้ว 2 จุด พร้อมช่องในขวดน้ำ 1.5 ลิตร ข้างประตู

-ช่องเก็บของอเนกประสงค์

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

พบกับ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก ได้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม เป็นต้นไป ที่โชว์รูม อีซูซุทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

GWM ประกาศราคา TANK 500 และ TANK 300

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคาอย่างเป็นทางการรถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม All New GWM TANK 500 HEV เริ่มต้นที่ 2,049,000 บาท และ All New GWM TANK 300 HEV ที่ 1,649,000 บาท

เกรท วอลล์ มอเตอร์ สั่นสะเทือนวงการยานยนต์ไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการสุดยิ่งใหญ่ของรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้ GWM TANK เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดประเทศไทย โดย “All New GWM TANK 500 HEV” รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรด เปิดตัวรุ่น PRO ในราคา 2,049,000 บาท และรุ่น ULTRA ในราคา 2,269,000 บาท สำหรับ “All New GWM TANK 300 HEV” รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น รุ่น PRO ที่ราคา 1,649,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 1,799,000 บาท ซึ่งแฟนๆ ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

GWM TANK เป็นรถยนต์ภายใต้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์เอสยูวีในสไตล์ออฟโรดที่มีความแข็งแกร่ง บึกบึน ผสมผสานกับความพรีเมียม หรูหรา และความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในทุกเส้นทาง โดยรถยนต์ GWM TANK ได้รับการพูดถึงในวงกว้างอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีนภายในงาน Guangzhou Auto Show ประจำปี 2564 ซึ่ง GWM TANK 500 สามารถทำยอดจองได้ถึง 26,000 คัน เพียง 2 ชั่วโมงหลังเปิดตัว นอกจากนี้ GWM TANK 300 ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดจีน จนเกิดปรากฏการณ์หาซื้อยาก หรือ “TANK Phenomenon” ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวของ All New GWM TANK 500 HEV ในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2566 มียอดจองสิทธิ์ซื้อทะลุมากกว่า 1,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ตั้งแต่เปิดรับจองสิทธิ์ และตอกย้ำความร้อนแรงด้วยการคว้ารางวัล “The Most Exciting SUV Award” หรือ รางวัลรถยนต์เอสยูวีที่สร้างความตื่นเต้นได้มากที่สุด ภายในงานอีกด้วย

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ อาเซียน กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมเอสยูวีออฟโรดพรีเมียมระดับโลกภายใต้ GWM TANK ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมหลากหลายมิติของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ขับเคลื่อนด้วยมุมมองระดับโลก ข้อมูลเชิงลึกทางตลาด เอสยูวีออฟโรดระดับไฮเอนด์ และเสียงตอบรับของผู้ใช้ เราได้คิดค้นเทคโนโลยีออฟโรดที่น่าตื่นเต้นในรูปแบบของรถยนต์พลังงานใหม่ บนแพลตฟอร์ม TANK โดยเป้าหมายของเราคือการสร้างไลฟ์สไตล์การขับขี่ออฟโรดที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ความทรงพลัง และความสะดวกสบาย  GWM TANK ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศจีนและทั่วโลก เรามียอดขายสะสมมากกว่า 300,000 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60% ของตลาดรถยนต์ออฟโรดในประเทศจีน ในวันนี้ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้ง 2 รุ่น ในตลาดประเทศไทย ผมเชื่อว่า รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมาสร้างปรากฏการณ์และความตื่นเต้นให้กับเซ็กเมนต์รถยนต์เอสยูวีออฟโรดพลังงานใหม่ในประเทศไทยและตอบโจทย์ผู้บริโภคเจนเนอเรชันใหม่ที่มองหาดุลยภาพระหว่างการผจญภัยแบบออฟโรดและการเดินทางในเมืองได้อย่างแน่นอน”

โดยรถยนต์ภายใต้แบรนด์ TANK ทั้งสองรุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการนี้  ถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “NOTHING BUT TANK” สะท้อน DNA ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ 4 บุคลิก ได้แก่ T – คือ Tough ทรหด อดทน ผจญทุกอุปสรรค, A – Ambitious มุ่งมั่น ไม่หยุดนิ่ง ก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ, N – Normal เรียบง่าย เข้าถึงได้ เป็นตัวของตัวเอง แต่แฝงไว้ด้วย K – Kind ความดีงามของจิตใจ ความอ่อนโยน คิดถึงคนรอบข้าง  ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีและผู้ขับขี่ชาวไทย ให้ทุกการผจญภัยแตกต่าง แปลกใหม่ และสามารถถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยไร้กังวล

All New GWM TANK 500 HEV เป็นรถยนต์เอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มิติรถกว้างขวางที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ด้วยมิติตัวรถ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,850 มม. ดีไซน์เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED ไฟท้าย Vertical LED อย่างเต็มระบบที่ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชันได้อย่างลงตัว และหลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และยางขนาด 265/50 R20 ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์การขับขี่ให้หรูหรามากขึ้นไปอีกระดับ ควบคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุสีดำ สีดำเงา สีโครเมียม และสีเงิน นาฬิกาแบบคลาสสิก และเบาะหนัง NAPPA

All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังและเทคโนโลยีออฟโรดล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร  และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) และโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 11 รูปแบบ สอดรับกับแนวคิด “Nothing is Unreachable ไม่มีความสำเร็จไหนที่ไปไม่ถึง” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย All New GWM TANK 500 HEV มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA ที่มาพร้อมกับเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีใหม่เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA และตัวรถสีเทาคริสตัล)

All New GWM TANK 300 HEV – Define Your Own World เป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลาง มิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้ความแปลกตาด้วยดีไซน์แบบออฟโรดที่ผนวกกับดีไซน์ BOXY ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยกระจังหน้าแบบ Rectangle ตัดขอบสีดำเงาที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยมผสานเข้ากับตัวรถ เสริมความเท่ทะมัดทะแมงด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งและมั่นใจให้กับภาพลักษณ์ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ และยาง A/T ขนาด 265/65 R17 เน้นย้ำความหรูหราของดีไซน์ออฟโรดที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ด้วยนาฬิกาแบบคลาสสิก เบาะหนัง NAPPA ระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารข้างหน้า-หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ

All New GWM TANK 300 HEV ถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม TANK ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเช่นเดียวกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับความหลากหลายของระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ไฮบริด และโหมดการขับขี่ที่มีถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L ซึ่ง All New GWM TANK 300 HEV มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว และมีเฉดสีรถภายในทั้งหมดสีเดียว ได้แก่ สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น PRO และรุ่น ULTRA)

All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง นอกจากนี้ รถยนต์ทั้งสองรุ่น ยังมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบํารุงรักษาตามระยะทาง GWM Pro Service Inclusive – GPSI สูงสุด 10 ครั้ง ภายใน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน (ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ( Roadside Assistance ) ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสิทธิพิเศษกับการเป็นส่วนหนึ่งของ GWM TANK CLUB และกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย

สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ Value Pack ของ All New GWM TANK 500 HEV ไว้ในช่วง Pre-sale จะได้รับส่วนลดเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกค้าจะต้องวางเงินจองภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2566 เวลา 17.59 น. หรือภายใน 1 เดือนหลังจากการประกาศราคา มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ Value Pack ดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าที่จองสิทธิ Pre-sale จะได้สิทธิพิเศษรับรถก่อนลูกค้าที่จะเริ่มจองเข้ามาตามปกติ โดยลูกค้าที่จองสิทธิ์ Pre-sale จะต้องชำระเงินมัดจำภายใน 24 ชั่วโมงนับจากการเริ่มเปิดจอง หรือถึงเวลา 17.59 น. ของวันที่ 29 กันยายน 2566 เท่านั้น หลังจากนั้นลำดับการส่งมอบรถจะเป็นไปตามปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินจองสำเร็จของลูกค้า

ลูกค้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของ All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์จะทยอยส่งมอบรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

“เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการปลุกกระแสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ออฟโรดพลังงานใหม่ทั้งสองนี้ อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV จะเข้าไปอยู่ในใจคนไทย และร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำให้ตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดในไทยครึกครื้นยิ่งกว่าที่เคย ด้วยพลังแห่งแพลตฟอร์ม TANK ออฟโรดอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลังและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย เพื่อส่งต่อประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่ไม่เหมือนใคร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว” นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวเสริม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยยึดถือแนวคิดที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคเป็นหลัก (User-centric) เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม ตลอดจนปลุกปั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตสู่ระดับสากลได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน

โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวอัครยานยนต์ไฟฟ้า สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก เปิดตัว “สเปกเตอร์” ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท

สเปกเตอร์ ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

•ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ นำทุกท่านสู่ยุคใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

•ทั่วโลกให้กระแสตอบรับดี และเป็นที่ต้องการสูง กำหนดรับรถยาวตลอดปี 2567

•ประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เรามีความยินดี ที่ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัว โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถที่มีการพูดถึงและได้รับความสนใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรถยนต์รุ่นนี้ก็นับเป็นยนตรกรรมที่มีความสำคัญกับการก้าวสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของเรา ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นร่วมสมัย ผสานห้องโดยสารที่เอื้อต่อการตกแต่งแบบ Bespoke แบบไร้ขีดจำกัด ร่วมกับความล้ำสมัยในเชิงวิศวกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ สเปกเตอร์ มีจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ” ไอรีน นิคเคียน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส

“ประเทศไทยเปรียบได้กับศูนย์กลางแห่งความหรูหราในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนของเจ้าของกิจการและผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง สเปกเตอร์ ก็นับว่ามาเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ คันนี้ นับว่าอยู่ในจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ และกระผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วม ในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้กับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ โรลส์-รอยซ์” กฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก

ปี 2564, โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ทำการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเป็นทิศทางไปสู่อนาคตของแบรนด์ โดย โรลส์-รอยซ์ ยืนยันความแน่วแน่ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรุ่น ‘สเปกเตอร์’ (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 พร้อมตั้งเป้ายุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาป และทำให้ยนตรกรรมที่จำหน่ายขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 ซึ่งนับตั้งแต่การประกาศสำคัญในครั้งนั้น สเปกเตอร์ ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบอย่างเข้มข้น เป็นระยะทางรวมระยะทางกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตร และเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ณ Home of Rolls-Royce เมือง West Sussex ประเทศอังกฤษ พร้อมเสียงตอบรับที่เยี่ยมจากทั่วโลก

ปัจจุบัน กำหนดส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าท่านแรกใกล้เข้ามาทุกขณะ สเปกเตอร์ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พร้อมเผยโฉมของยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ รุ่นแรกของโลก สู่สายตาของลูกค้าและสื่อมวลชนในภูมิภาคนี้ เพื่อแสดงถึงทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้า โรลส์-รอยซ์ ในอนาคต

สเปกเตอร์ คือ ผู้เปิดตำนานอันน่าตื่นเต้นบทใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของยุคแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลิ่อนด้วยไฟฟ้าของแบรนด์ โดยยนตรกรรมรุ่นดังกล่าว นับเป็นการยืนยันถึงพันธสัญญา, ความแม่นยำแห่งการทำนาย และการพัฒนาอันน่าทึ่ง พร้อมแสดงให้เห็นว่า โรลส์-รอยซ์ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังคงรักษาเอกลักษณ์และจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ ควบคู่ไปกับเป้าหมายในการทำให้ยนตรกรรมทุกรุ่นที่จำหน่าย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีไฟฟ้ามายาวนาน โดยช่วงปี 2443 มร. ชาร์ลส์ โรลส์ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ได้ทำนายอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า หลังได้มีโอกาสขับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า ‘The Columbia Electric Carriage’ โดยเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบอันยั่งยืนของยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อาทิ การปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จรองรับอย่างเพียงพอ”

จากนั้นช่วงปี 2554 โรลส์-รอยซ์ ก็ได้เผยโฉมยนตรกรรมต้นแบบ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น แฟนธอม (Experimental Phantom concept) ภายใต้รหัส 102EX และตามมาด้วย 103EX ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสื่อถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ โรลส์-รอยซ์ ในอนาคตได้อย่างชัดเจน

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น

มาพร้อมแพ็กเกจ SPECTRE Ownership ดังนี้ :

•รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์

ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)*

•รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่นาน 10 ปี*

•โปรแกรมบำรุงรักษา (service inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง*

•ทีมบุคลากรของ โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทย ผ่านการอบรมพร้อมประกาศนียบัตรด้านการบำรุงรักษา สเปกเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

BYD SEAL เปิดตัวในราคาเริ่มต้น 1.325 ล้านบาท

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวรถ BYD SEAL รถยนต์ไฟฟ้านำเข้า รุ่น 3 ในประเทศไทยพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ราคา 1,325,000-1,599,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL ออกแบบมาด้วยมาให้โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัยอย่าง บีวายดี ซีล (BYD SEAL) มาพร้อมกัน 3 รุ่นย่อย (Dynamic, Premium, AWD Performance) ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อคได้อย่างง่ายดายผ่านคีย์เลส มือเปิดประตูแบบซ่อนจะเลื่อนออกมาให้ดึงประตูเปิด เมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับสิ่งแรกที่จะได้สัมผัสคือ Welcome seat ที่เบาะจะถอดออกอัติโนมัติเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าและออกได้อย่างคล่องตัว ห้องโดยสารวัสดุหนังสีดำในทุกรุ่น ออกแบบปราณีตในทุกรายละเอียด โดยสีภายนอกมี 4 สีให้เลือกแยกตามรุ่นดังนี้

• DYNAMIC = ขาว, ดำ

• PREMIUM = ขาว, ดำ, เทา

• AWD PERFOMANCE = ขาว, ดำ, เทา, ฟ้า

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด “BYD SEAL เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทุกท่านรอคอย และเป็นรุ่นที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบนด์บีวายดี โดยบีวายดี ซีล ยนตกรรมไฟฟ้าสปอร์ตซีดาน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน ความสะดวกสบาย หรูหรา ห้องโดยสารกว้างขวาง ขุมพลังที่แรงให้ผู้ขับขี่สนุกไปทุกการเดินทาง จะนำพาทุกท่านไปยังทุกการเดินทางได้อย่างผ่อนคลาย ด้วยราคาสุดพิเศษเพื่อคนไทย” กล่าว

BYD SEAL มาด้วยราคา

• DYNAMIC 1,325,000 บาท

• PREMIUM 1,449,000 บาท

• AWD PERFOMANCE 1,599,000 บาท

ส่วนทางด้านบริการหลังการขายนั้น คุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด กล่าว “Rever care เรามีให้ลูกค้าของ BYD SEAL ด้วยความพิเศษ มูลค่าถึง 230,000 บาท”

รายละเอียด REVER CARE มูลค่ารวม 230,000 บาท

1. ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน*

2. ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.ระยะเวลา 1 ปี

3. บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.*

4. รับประกันตัวรถ (Warranty) 8 ปี หรือ 160,000 กม.*

5. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.*

6. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม*

7. โฮมชาร์จเจอร์ยี่ห้อ ABB พร้อมการติดตั้ง*

8. สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ VTOL

9. สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger

10. ค่าจดทะเบียนรถ*

11. พรมเข้ารูป กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ

* ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

BYD SEAL (บีวายดี ซีล) พร้อมให้คุณสัมผัสและทดลองขับแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 นี้ ที่โชว์รูมบีวายดีทั่วประเทศ พร้อมให้บริการท่านมากกว่า 65 โชว์รูม คุณสามารถเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์ขุมพลังไฟฟ้าคันนี้ได้แล้ววันนี้ โดยมีรถส่งมอบให้กับลูกค้าทันทีภายในเดือนกันยายน 2566 จำนวน 1,782 คัน ภายในเดือนตุลาคม 2566 จำนวน 2,952 คัน

สำหรับรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL (บีวายดี ซีล)

-ที่สุดของ BYD OCEAN SERIES ดีไซน์สปอร์ตระดับท็อป ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวจากความสวยงามของศิลปะแห่งท้องทะเล พร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวเกินใครกับช่วงหน้ารถแบบ X-SHAPED DESIGN เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่ากับหลังคากระจกที่ทอดยาวทั้งห้องโดยสาร พร้อมดีไซน์ไฟ LED ด้านท้ายที่ล้ำสมัย แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งท้องทะเล

-ไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating เส้นสายที่ออกแบบให้บาง และ ลดแรงต้านอากาศของเลนส์ LED ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น

-ขนาดและมิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง : 4,800 x1,875 x1,460 mm ระยะฐานล้อกว้างถึง 2,920 mm

-ฝากระโปรงแบบโช้คอัพ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ช่องเก็บของด้านหน้าความจุ 50 ลิตร

-กระจกมองข้างทรงหยดน้ำ ปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง

-ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 235/45/19 ในรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE และ 18 นิ้ว 225/50/18 ในรุ่น Dynamic

-มือจับประตูที่เก็บซ่อนไปกับตัวรถ ช่วยจัดระเบียบอากาศ และ ลดแรงต้านของลม ซ่อนเก็บด้วยไฟฟ้า อัจฉริยะและเรียบหรูจะเปิดออกทันที เมื่อผู้ใช้ปลดล็อกด้วยระบบ Keyless entry

-ไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียว ประกอบด้วยไฟรูปหยดน้ำเรียงเป็นชั้น กันชนหลังที่โดดเด่น มีมิติที่คมชัด ตกแต่งทั้ง 2 ข้างด้วยดีไซน์โครงแบบรถแข่ง

-ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า ระบบป้องกันการหนีบอัจฉริยะ ตั้งระดับความสูงได้ตามความต้องการ

-หลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. ให้มุมมองที่กว้าง

-ภายในสีดำ หรูหรา สปอร์ต กว้างขวาง และ สะดวกสบาย เบาะนั่งทรงสปอร์ต ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท (เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMACE) และ ดับรถปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ

-เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศ และ ระบบอุ่นเบาะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในทุกรุ่น รุ่น Premium & AWD Performance เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Courtesy ฝั่งคนขับมีระบบปรับดันหลังได้ 4 ทิศทาง (Lumbar support) พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง (Memory Seat)

-หัวเกียร์ไฟฟ้าแบบคริสตัล

-เบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง เบาะปรับพับแยกได้แบบ 40/60

-e-platform 3.0 เอกสิทธิ์เฉพาะรถไฟฟ้าบีวายดี ที่มาพร้อมกับเทคโนโยลีการติดตั้ง—-แบตเตอรี่แบบ Cell To Body (CTB) พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ชุดประกอบโครงสร้างแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้สามารถปิดผนึกเข้าได้โดยตรงกับโครงสร้างรถยนต์อย่างลงตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการปิดผนึก และ การเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น

-การพัฒนาโครงสร้างเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ด้านหลัง มอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร + ด้านหน้า มอเตอร์อะซิงโครนัส

-ฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเสียง ด้วยการใช้เสียงสั่งงาน ใช้หน้าจอสัมผัส และใช้ปุ่มควบคุมต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องขยับมือ

-หน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1080P (1920×1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ CarPlay สำหรับอุปกรณ์ IOS หรือ Android Auto10 พร้อมหน้าหลังพวงมาลัย LCD ขนาด 10.25 นิ้ว

-ระบบเครื่องเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio

-ที่วางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายให้ถึง 2 ช่อง

-ระบบกรอง 5

-ใบปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติแบบไร้โครง หน้า/หลัง

-ฟังก์ชั่น VTOL Function-2.2kW

-ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง

-กล้องมองรอบคัน 360 องศาความคมชัดระดับสูง

-ลงทะเบียนเปิดใช้งาน BYD application เจ้าของรถจะสามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ จากระยะไกล ผ่าน BYD application ในโทรศัพท์มือถือได้

-HUD (Head UP Display) ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจากเครื่องบินทหารเพื่อให้แสดงผลการขับขี่ที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เนื้อหาที่จะแสดงผลนั้น ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วรถยนต์ที่จะแสดงในระดับสายตาบนกระจกบังลมหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้ เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE

-เรด้าห์แบบ Millimeter-Wave 5 ตำแหน่ง กล้องด้านหน้าสำหรับระบบ ADAS 1 ตำแหน่ง

-ระบบช่วยแจ้งเตือนการคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW)

-ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

-ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD)

-ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)

-ระบบช่วยเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA-B)

-ระบบช่วยรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA)

-ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)

-ระบบช่วยความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)

-ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICC)

-ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA)

-ระบบชวยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAW)

-ระบบกันสะเทือน ปีกนกคู่หน้า (Double Wishbone) มัลติลิงค์ (Five-Link) ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD) ควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD จึงปรับความนุ่มนวลและความแข็งของโช้คอัพได้โดยอัตโนมัติ การปรับเปลี่ยนแบบแปรผันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับทุกสภาพถนนในการขับขี่ เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น

-ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC)

-รัศมีวงเลี้ยว 7 เมตร

-ค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน (Cd ) ต่ำเพียง 219

-อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 8 วินาที (AWD PERFORMANCE)

-ระบบดิสก์เบรกแบบ 4 พอร์ต พร้อมคาลิปเปอร์+ ดิสก์เบรกระบายความร้อนพร้อมรูระบายความร้อน

-รองรับการชาร์จแบบ DC ที่กำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์

มูฟชีวิตไปให้สุดๆ กับยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ที่ทุกคนรอคอยจาก โตโยต้า “ALL-NEW YARIS CROSS – Move To The Max”

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ มร.โทรุ อุดะ หัวหน้าวิศวกร Emerging-market Compact Car Company ร่วมเปิดตัว “ALL-NEW YARIS CROSS” ยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานการใช้งานแบบ “URBAN x ADVENTURE” ตอบสนองการขับขี่ในเมืองที่คล่องแคล่ว สนุกสนาน และสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับ Top Class พร้อมเปิดตัวศิลปินชื่อดัง “อิ้งค์”  วรันธร เปานิล และ “บิวกิ้น” พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ในฐานะพรีเซ็นเตอร์เพื่อเสริมภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ ที่มีความโดดเด่น ล้ำสมัย โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเปิดตัว ALL-NEW YARIS CROSS  ต่อสื่อมวลชนว่ “โตโยต้าแนะนำ YARIS Hatchback ในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2548  ก่อนการแนะนำรถยนต์ ECO Sedan YARIS ATIV ในปี พ.ศ. 2560 Compact car รุ่นนี้ครองใจกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาว และขยายฐานลูกค้าโตโยต้าทั่วโลก ทำให้ยอดผลิตสะสมของ YARIS ในประเทศไทยปัจจุบันมีจำนวนมากถึงกว่า 1 ล้านคัน ในขณะที่ยอดจำหน่ายสะสมในประเทศของ YARIS อยู่ที่กว่า 630,000 คัน ขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่าน สำหรับความไว้วางใจ และให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นโครงการ YARIS และ YARIS ATIV นี้ ยังมีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยกว่า 19,000 ล้านบาท  ที่สำคัญมีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศถึงกว่า 80%”

มร.ยามาชิตะ กล่าวต่อไปว่า “วันนี้เรามีความยินดีที่จะแนะนำรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้ซีรีส์ของ YARIS ยนตรกรรมที่ผสานความเป็นเลิศของรถยนต์ Compact car สอดรับกับสภาพชีวิตในเมืองได้เป็น   อย่างดี ควบคู่ไปกับความมุ่งเน้น และความเอาใจใส่ทางด้านสภาพแวดล้อมไปพร้อมกัน นั่นคือ ALL-NEW YARIS CROSS โดยรถ SUV ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะตอบสนองความต้องการที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่วยในการบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอีกด้วย ที่สำคัญรถรุ่นนี้จะผลิตภายใต้คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของโตโยต้า ณ โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยโครงการนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยถึงกว่า 3,300 ล้านบาท ซึ่งจะมาสร้างความตื่นเต้น เร้าใจ ให้กับผู้ครอบครองที่เป็นคนหนุ่มสาว เหมาะกับกิจกรรมทุกรูปแบบ กับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์  “Urban” และ “Adventure”

มร.โทรุ อุดะ หัวหน้าวิศวกร กล่าวถึงการพัฒนา ALL-NEW YARIS CROSS ว่า “ในขั้นตอนการพัฒนา เราคำนึงถึงกิจกรรม สถานที่ และความรู้สึกหลากหลายที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ เราได้พบปะและพูดคุยกับลูกค้าจริงในหลายพื้นที่ เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า และทำการรวบรวมไอเดียของทีมงานว่าจะสามารถสร้างรถยนต์ที่เหนือความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างไรบ้าง และได้ข้อสรุปว่า YARIS CROSS คือคำตอบที่เรามองหา เราเริ่มต้นพัฒนาด้วยมุมมองที่สดใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น โดยการรวม 2 คอนเซ็ปท์เข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือ “Youthful” และ “Fun-to-drive” รวมถึงความอเนกประสงค์ และสมรรถนะของรถ Crossover จุดประสงค์ของเราก็คือการสร้างรถยนต์ที่ผสมผสานความคล่องแคล่วของ Compact SUV เข้ากับความแข็งแกร่งของ High-end SUV ได้อย่างลงตัว สิ่งที่ได้ก็คือรถยนต์ที่มีความโดดเด่น แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างแท้จริง ตอบสนองการเดินทางที่ดีที่สุดให้กับคนรุ่นใหม่ และครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์กระฉับกระเฉง รวมไปถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงจุดเด่นของรถรุ่นนี้ว่า YARIS CROSS จะมาสร้างกระแส และยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับรถ SUV เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลาย ต้องการรถที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ซึ่ง YARIS CROSS มีขนาดตัวรถที่ใหญ่ พร้อมสเปคครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า เป็นเจ้าของได้ง่าย โดยมีความโดดเด่นในด้านของดีไซน์ ทั้งภายนอก และภายใน สมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัว และมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กม. / ลิตร ด้วยระบบโตโยต้าไฮบริด นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed ให้ความมั่นใจในการขับขี่ รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง และสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร เรายังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกถึง 2 แพ็กเกจ ได้แก่ “Urban Sport” สไตล์สปอร์ตพรีเมียม และ “Modellista” สไตล์สปอร์ตหรู ซึ่งสามารถผ่อนชำระรวมกับตัวรถได้ เรายังมีโปรแกรมทางการเงินพร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวให้ลูกค้าทุกท่านเป็นเจ้าของได้ง่ายที่สุด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้า เช่น ไม่ต้องดาวน์ หรือรับส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม รวมทั้งการใช้รถรูปแบบใหม่ KINTO มาเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังนำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยี Connected เพื่อความสะดวกสบาย และประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องประกันภัย และการบำรุงรักษา”

นายศุภกร กล่าวถึงแผนการตลาดในการเปิดตัวรถรุ่นนี้ว่า “เราสื่อสารจุดขายของ YARIS CROSS ผ่านไลฟ์สไตล์ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายภายใต้แนวคิด “Move To The Max มูฟชีวิตไปให้สุดๆ” สื่อถึงรถ SUV   ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เต็มที่ในทุกๆ ด้าน ทั้งการทำงาน และกิจกรรมที่ชื่นชอบ โดยเน้นการใช้สื่อที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งสื่อ Out of Home ในสถานที่ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ อย่างเช่น ในพื้นที่สยามสแควร์แห่งนี้”

ALL-NEW YARIS CROSS Move to the Max มูฟชีวิตไปให้สุดๆ”

1. การออกแบบภายนอกแบบ SOLID x DYNAMIC”

สะท้อนความแข็งแรง ทรงพลัง ตอบสนองไลฟ์สไตล์แอคทิฟ พร้อมลุยไปทุกที่ เสริมความทันสมัยด้วยเส้นสายของตัวรถ สะท้อนภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ พร้อมสีภายนอกให้เลือกถึง 6 สี และตัวเลือกหลังคาดำ

2. การออกแบบภายในแบบ ROOMY x SPORTY”

เน้นภาพรวมห้องโดยสารกว้างขวาง สบายตา โดยใช้หลักเส้นนำสายตาที่เป็นเส้นตรงลากยาวบริเวณคอนโซลด้านหน้า เสริมดีกรีความสปอร์ตด้วยการออกแบบที่นั่งฝั่งผู้ขับขี่ให้มีดีไซน์แบบ “Driver-Oriented Cockpit” เพิ่มความพรีเมียมด้วยการตกแต่งภายในด้วยวัสดุบุนุ่ม วัสดุหุ้มเบาะนั่ง พร้อมเทคโนโลยี “QUOLE MODULE ®”  ช่วยลดการสะสมความร้อนบนผิวสัมผัส ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารปรับได้ 14 เฉดสี ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว

3. สมรรถนะการขับขี่

เครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราเร่งดี ห้องโดยสารเงียบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัตราการปล่อย CO2 ต่ำประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาสถึง 26.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)

4. อุปกรณ์ความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานครบครัน ระบบการควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control ระบบป้องกันการหมุนฟรีของล้อ Traction Control System ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กล้องบันทึกด้านหน้า-หลัง สัญญาณเตือนกะระยะหน้า-หลัง 4 จุด และชุดซ่อมยางฉุกเฉิน พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยทันสมัยมากมาย กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM & RCTA และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

5. อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

รองรับ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ลำโพง Pioneer 6 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ALL-NEW YARIS CROSS

  • ขนาดรถยนต์
ยาว x กว้าง x สูง (มม.)4,310 x 1,770 x 1,615
ความยาวฐานล้อ หน้า / หลัง  (มม.)2,620
ความกว้างฐานล้อ หน้า (มม.)1,525
ความกว้างฐานล้อ หลัง (มม.) 1,520
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.)210
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร)5.2
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)36
  • เครื่องยนต์
แบบไฮบริด 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี)1,496
กำลังสูงสุด (PS / รอบต่อนาที) 91 / 5,500
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร / รอบต่อนาที)121 / 4,000-4,800
ระบบเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงE20
  • มอเตอร์ไฟฟ้า
ประเภทซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด (โวลต์)580
กำลังสูงสุด (PS)80
แรงบิดสูงสุด  (นิวตัน-เมตร)141
  • แบตเตอรี่ไฮบริด
ประเภทของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion)
แรงดันไฟฟ้า (โวลต์)177.6
ความจุไฟฟ้า (แอมแปร์-ชั่วโมง)4.3
  •  เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด (PS)111
  • ระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับ
ระบบขับเคลื่อนขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ  E-CVT
ระบบกันสะเทือนหน้า : อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงหลัง : ทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกดิสก์เบรก / ดิสก์เบรก
ล้อและยางล้ออัลลอย ขนาด 215/55 R18 และ 215/60 R17

รุ่น HEV SMART

ตอบโจทย์การขับขี่ทั้งในเมือง และทางไกล พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยครบครัน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ไฟหน้า และไฟท้าย Full LED
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home
  • ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว
  • ภายในสีดำ พร้อมเบาะหนัง PU และ PVC

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

  • ระบบ Push Start & Smart Entry
  • หน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย
  • จอ MID แบบ Digital ขนาด 7 นิ้ว
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5
  • ช่องปรับอากาศตอนหลัง
  • ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง (หน้า x2, หลัง x2)

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC)
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมระบบ Speed Auto Lock
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตําแหน่ง
  • กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
  • สัญญาณเตือนกะระยะ (หลัง 2 จุด)

** ราคา HEV SMART **

789,000 บาท

สีพิเศษ +7,000 บาท

• Dark Turquoise

• Platinum White Pearl

• Spicy Scarlet

รุ่น HEV PREMIUM

เพิ่มความคุ้มค่า ทันสมัย ตอบโจทย์ลูกค้าคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น สามารถเป็นเจ้าของได้อย่างภาคภูมิใจ       ด้วยเทคโนโลยีของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัย

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ไฟหน้า และไฟท้าย Full LED
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home
  • ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว
  • ภายในสีดำ พร้อมเบาะหนัง PU

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

  • ระบบ Push Start & Smart Entry
  • หน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย
  • จอ MID แบบ Digital 7 นิ้ว
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5
  • ช่องปรับอากาศตอนหลัง
  • ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง (หน้า x2, หลัง x2)
  • พิเศษเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC)
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมระบบ Speed Auto Lock
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตําแหน่ง
  • กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
  • สัญญาณเตือนกะระยะ (หน้า 2 จุด – หลัง 2 จุด)
  • กล้องบันทึกภาพด้านหน้า
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
  • ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดวิธี
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาทีกระจกมองข้าง BSM & RCTA
  • พิเศษToyota Safety Sense

** ราคา HEV PREMIUM **

849,000 บาท

สีพิเศษ +12,000 บาท

• Platinum White Pearl / Black Roof

สีพิเศษ +8,000 บาท

• Metal Stream Metallic / Black Roof

สีพิเศษ +7,000 บาท

• Dark Turquoise

• Platinum White Pearl

• Spicy Scarlet

รุ่น HEV PREMIUM LUXURY

ที่สุดของการออกแบบ ทั้งภายนอก และภายใน พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัย ระดับ Top Class

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ไฟหน้า และไฟท้าย Full LED
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home
  • พิเศษล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน ขนาด 18 นิ้ว
  • พิเศษภายในสีเทา-ดำ / ดำ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) พร้อมเบาะหนัง PU
  • พิเศษ! หลังคาแบบ Panoramic แบบ Fixed Type พร้อมม่านปรับไฟฟ้า
  • พิเศษไฟ Welcome Lamp ที่กระจกมองข้าง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

  • ระบบ Push Start & Smart Entry
  • หน้าจอสัมผัส ชนาด 10 นิ้ว
  • ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย
  • จอ MID แบบ Digital 7 นิ้ว
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมกรองฝุ่น PM 2.5
  • ช่องปรับอากาศตอนหลัง
  • ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง (หน้า x2, หลัง x2)
  • พิเศษลำโพง Pioneer 6 ตำแหน่ง
  • พิเศษเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • พิเศษประตูหลังไฟฟ้า พร้อม Kick-Activated
  • พิเศษอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC)
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมระบบ Speed Auto Lock
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตําแหน่ง
  • สัญญาณเตือนกะระยะ (หน้า 2 จุด – หลัง 2 จุด)
  • กล้องบันทึกภาพด้านหน้า-หลัง
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
  • ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดวิธี
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM & RCTA
  • พิเศษกล้องมองภาพรอบคัน Panoramic View Monitor
  • พิเศษToyota Safety Sense
  • พิเศษระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติ

** ราคา HEV PREMIUM LUXURY **

899,000 บาท

สีพิเศษ +12,000 บาท

• Dark Turquoise / Black Roof

• Platinum White Pearl / Black Roof

• Spicy Scarlet / Black Roof

สีพิเศษ +8,000 บาท

• Metal Stream Metallic / Black Roof

สีพิเศษ +7,000 บาท

• Dark Turquoise

• Platinum White Pearl

• Spicy Scarlet

เลือกเป็นเจ้าของ ALL-NEW YARIS CROSS

ได้ 3 รุ่นย่อย ด้วยสีภายนอก 6 สี พร้อมตัวเลือกหลังคาดำ และสีภายใน 2 สี

สีภายนอก

• สีขาว Platinum White Pearl                      • สีดำ Attitude Black Metallic

• สีเงิน Metal Stream Metallic                     • สีเทา Urban Metal

• สีแดง Spicy Scarlet                                  • สีน้ำเงิน Dark Turquoise

สีภายนอกแบบทูโทน (หลังคาดำ)

• สีขาว-ดำ Platinum White Pearl/Black Roof* • สีเงิน-ดำ Metal Stream Metallic/Black Roof*

• สีแดง-ดำ Spicy Scarlet/Black Roof**           • สีน้ำเงิน-ดำ Dark Turquoise/Black Roof**

สีภายใน (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)

• สีดำ                                                             • สีเทา- ดำ**

ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ALL-NEW YARIS CROSS วันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ!**

?  ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.75% (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน) เฉพาะโตโยต้าลิสซิ่ง, ธนาคารทหารไทยธนชาต 
?  ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,841 บาท (ดาวน์ 25% ผ่อน 96 เดือน) คำนวณจากรุ่น HEV Smart ราคา 789,000 บาท เฉพาะโตโยต้า ลิสซิ่ง

* เฉพาะรุ่น HEV PREMIUM และ HEV PREMIUM LUXURY

** เฉพาะรุ่น HEV PREMIUM LUXURY

** *สำหรับสีพิเศษ    

  • สี Dark Turquoise (Black Roof), สี Platinum White Pearl (Black Roof), สี Spicy Scarlet (Black Roof) เพิ่ม 12,000 บาท
  • สี Metal Stream Metallic (Black Roof) เพิ่ม 8,000 บาท
  • สี Dark Turquoise, สี Platinum White Pearl, สี Spicy Scarlet  เพิ่ม 7,000 บาท                               

**** เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เสริมความโดดเด่นเหนือใครด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

  • URBAN SPORT สไตล์สปอร์ตพรีเมียม             ราคา    15,200 บาท
  • MODELLISTA สไตล์สปอร์ตลักชูรี                    ราคา    22,900 บาท

ผ่อนเพิ่ม เริ่มต้นเพียง 208 บาท/เดือน (ดาวน์ 25% ผ่อน 96 เดือน)

มูฟชีวิตไปให้สุด กับ ALL-NEW YARIS CROSS “Move To The Max” ได้แล้ววันนี้ ทดลองขับได้ที่ Toyota ALIVE บางนา ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม เป็นต้นไป

และ พบกับกิจกรรมเปิดตัวในวันที่ 14-15 ตุลาคม ศกนี้ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

สรยท. เปิดโผ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023

สรยท.ออกสตาร์ทคัดรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 พ่วงด้วย THAILAND EV OF THE YEAR 2023 สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV สำหรับผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและได้รับอนุมัติแผนการลงทุนในประเทศไทยจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 

รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นแบบ Model Change หรือ All New ปี 2566 รอบแรกเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR มีการกลั่นกรองรถยนต์ผ่านตามหลักเกณฑ์ทั้งหมด 11 รุ่น จาก 7 แบรนด์รถยนต์ ประกอบด้วย

1.BMW 750e 2.BMW X1 3.GWM Tank 300 4.GWM Tank 500 5.Honda CR-V 6.Honda WR-V 7.Hyundai Stargazer 8.Mercedes-Benz GLC350e 9.Mercedes-Maybach S580e 10.Mitsubishi Triton และ 11.Toyota Innova Zenix

ทั้งหมดนี้เป็นรถยนต์ที่ผลิต-ประกอบในประเทศไทย และกลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566

นายวชิระ เรืองมาลัย

นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 เปิดเผยขั้นตอนการตัดสินและมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ว่า หลังจากนี้จะส่งรายชื่อรถยนต์ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดให้กับสมาชิกสรยท.โหวตคัดเลือกรถยนต์รอบแรกจำนวนกึ่งหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้ายซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนามโดยคณะสื่อมวลชนที่มีความรู้ ประสบการณ์ ในการทดสอบรถยนต์ของเมืองไทยต่อไป

การทดสอบภาคสนามในรอบ 2 นั้น เป็นการร่วมให้คะแนนของสื่อมวลชนสายยานยนต์ ตั้งแต่ระดับบรรณาธิการ คอลัมนิสต์ จนถึงผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมากกว่า 20-30 ปี เป็นการให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ของการตัดสินรางวัล European Car of The Year ของยุโรป และ Japan Car of The Year ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดเลือกรถยนต์เพียง 1 รุ่น ให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศไทย

นอกจากนี้ในการทดสอบภาคสนาม สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้เชิญผู้แทนจากภาครัฐ คือ สถาบันยานยนต์ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ร่วมให้ข้อมูล และร่วมสังเกตการณ์ กระบวนการทดสอบและให้คะแนนในรอบสุดท้ายของคณะกรรมการฯ อีกด้วย

นายสุรศักดิ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าในปี 2566 คณะกรรมการสรยท.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 ดำเนินการคัดเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่เปิดตัวในประเทศไทย ช่วงเวลาเดียวกับการคัดเลือกรถยนต์ยอดเยี่ยม เพื่อมอบรางวัลรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายอดเยี่ยมของไทย หรือ THAILAND EV OF THE YEAR 2023

อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปัจจุบัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่เปิดตัวและจำหน่ายในประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศทั้งคันหรือ CBU ดังนั้นในปี 2566 ซึ่งถือเป็นการริเริ่มการให้รางวัล THAILAND EV OF THE YEAR และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ จึงจัดร่างกฎเกณฑ์และกติกา การพิจารณาตัดสินรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 โดยคัดเลือกเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้าของภาครัฐ ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการตั้งโรงงานผลิต และประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ในประเทศไทย รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริการลงทุน (BOI) ทั้งนี้ถือเป็นกติกาเฉพาะ สำหรับใช้พิจารณาคัดเลือกและตัดสินในปี 2566 เท่านั้น

โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกในรอบแรกของ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 มีทั้งหมด 11 รุ่น ประกอบด้วย

1.BYD Atto 3 2.BYD Dolphin 3.BYD Seal 4.GAC Aion Y Plus 5.Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ 6.Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line 7.Mercedes-Benz EQE 350 AMG SUV AWD 8.Mercedes-Benz EQS 500 4Matic AMG Premium 9.MG 4 Electric 10.MG Maxus 9 และ 11.Toyota bZ4X

หลังจากให้สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้ร่วมโหวตคัดเลือกรถยนต์ให้เหลือกึ่งหนึ่งแล้ว จะนำเข้าสู่กระบวนการให้คะแนนภาคสนามเช่นเดียวกับรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี

สำหรับระยะเวลาในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 จะใช้เวลาดำเนินการอีกประมาณ 4 สัปดาห์หลังจากนี้ โดยการตัดสินรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) จะประกาศให้ทราบพร้อมกันในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ศกนี้ ณ ศูนย์ประชุม เดอะฮอลล์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save