มาสด้า พร้อมจัดแสดงบูธในงาน Japan Mobility Show 2023 ภายใต้ธีม The Future created by the ‘love of Cars’
ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 10 ตุลาคม 2566 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยรายละเอียดถึงแผนงานจัดแสดงรถยนต์มาสด้า ภายในงาน Japan Mobility Show 2023*1 โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ณ Tokyo Big Sight อาริอาเกะ เขตโคโต กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งงานในครั้งนี้ สำหรับบูธมาสด้าจะจัดขึ้นภายใต้ธีม “The Future created by the ‘love of Cars’“ หรือ “อนาคตที่สร้างขึ้นจากความรักในรถยนต์” โดยได้รับการออกแบบเพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่รักในการขับขี่และรักในรถยนต์ รถยนต์มาสด้าที่จะนำมาจัดแสดงภายในงานฯ นั้น ล้วนเป็นรถยนต์ได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า ในการยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคาอย่างเป็นทางการรถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม All New GWM TANK 500 HEV เริ่มต้นที่ 2,049,000 บาท และ All New GWM TANK 300 HEV ที่ 1,649,000 บาท
เกรท วอลล์ มอเตอร์ สั่นสะเทือนวงการยานยนต์ไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการสุดยิ่งใหญ่ของรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้ GWM TANK เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดประเทศไทย โดย “All New GWM TANK 500 HEV” รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรด เปิดตัวรุ่น PRO ในราคา 2,049,000 บาท และรุ่น ULTRA ในราคา 2,269,000 บาท สำหรับ “All New GWM TANK 300 HEV” รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น รุ่น PRO ที่ราคา 1,649,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 1,799,000 บาท ซึ่งแฟนๆ ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
GWM TANK เป็นรถยนต์ภายใต้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์เอสยูวีในสไตล์ออฟโรดที่มีความแข็งแกร่ง บึกบึน ผสมผสานกับความพรีเมียม หรูหรา และความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในทุกเส้นทาง โดยรถยนต์ GWM TANK ได้รับการพูดถึงในวงกว้างอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีนภายในงาน Guangzhou Auto Show ประจำปี 2564 ซึ่ง GWM TANK 500 สามารถทำยอดจองได้ถึง 26,000 คัน เพียง 2 ชั่วโมงหลังเปิดตัว นอกจากนี้ GWM TANK 300 ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดจีน จนเกิดปรากฏการณ์หาซื้อยาก หรือ “TANK Phenomenon” ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวของ All New GWM TANK 500 HEV ในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2566 มียอดจองสิทธิ์ซื้อทะลุมากกว่า 1,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ตั้งแต่เปิดรับจองสิทธิ์ และตอกย้ำความร้อนแรงด้วยการคว้ารางวัล “The Most Exciting SUV Award” หรือ รางวัลรถยนต์เอสยูวีที่สร้างความตื่นเต้นได้มากที่สุด ภายในงานอีกด้วย
โดยรถยนต์ภายใต้แบรนด์ TANK ทั้งสองรุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการนี้ ถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “NOTHING BUT TANK” สะท้อน DNA ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ 4 บุคลิก ได้แก่ T – คือ Tough ทรหด อดทน ผจญทุกอุปสรรค, A – Ambitious มุ่งมั่น ไม่หยุดนิ่ง ก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ, N – Normal เรียบง่าย เข้าถึงได้ เป็นตัวของตัวเอง แต่แฝงไว้ด้วย K – Kind ความดีงามของจิตใจ ความอ่อนโยน คิดถึงคนรอบข้าง ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีและผู้ขับขี่ชาวไทย ให้ทุกการผจญภัยแตกต่าง แปลกใหม่ และสามารถถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยไร้กังวล
All New GWM TANK 500 HEV เป็นรถยนต์เอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มิติรถกว้างขวางที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ด้วยมิติตัวรถ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,850 มม. ดีไซน์เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED ไฟท้าย Vertical LED อย่างเต็มระบบที่ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชันได้อย่างลงตัว และหลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และยางขนาด 265/50 R20 ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์การขับขี่ให้หรูหรามากขึ้นไปอีกระดับ ควบคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุสีดำ สีดำเงา สีโครเมียม และสีเงิน นาฬิกาแบบคลาสสิก และเบาะหนัง NAPPA
All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังและเทคโนโลยีออฟโรดล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) และโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 11 รูปแบบ สอดรับกับแนวคิด “Nothing is Unreachable ไม่มีความสำเร็จไหนที่ไปไม่ถึง” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย All New GWM TANK 500 HEV มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA ที่มาพร้อมกับเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีใหม่เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA และตัวรถสีเทาคริสตัล)
All New GWM TANK 300 HEV – Define Your Own World เป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลาง มิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้ความแปลกตาด้วยดีไซน์แบบออฟโรดที่ผนวกกับดีไซน์ BOXY ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยกระจังหน้าแบบ Rectangle ตัดขอบสีดำเงาที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยมผสานเข้ากับตัวรถ เสริมความเท่ทะมัดทะแมงด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งและมั่นใจให้กับภาพลักษณ์ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ และยาง A/T ขนาด 265/65 R17 เน้นย้ำความหรูหราของดีไซน์ออฟโรดที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ด้วยนาฬิกาแบบคลาสสิก เบาะหนัง NAPPA ระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารข้างหน้า-หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ
All New GWM TANK 300 HEV ถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม TANK ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเช่นเดียวกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับความหลากหลายของระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ไฮบริด และโหมดการขับขี่ที่มีถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L ซึ่ง All New GWM TANK 300 HEV มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว และมีเฉดสีรถภายในทั้งหมดสีเดียว ได้แก่ สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น PRO และรุ่น ULTRA)
All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง นอกจากนี้ รถยนต์ทั้งสองรุ่น ยังมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบํารุงรักษาตามระยะทาง GWM Pro Service Inclusive – GPSI สูงสุด 10 ครั้ง ภายใน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน (ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ( Roadside Assistance ) ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสิทธิพิเศษกับการเป็นส่วนหนึ่งของ GWM TANK CLUB และกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย
สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ Value Pack ของ All New GWM TANK 500 HEV ไว้ในช่วง Pre-sale จะได้รับส่วนลดเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกค้าจะต้องวางเงินจองภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2566 เวลา 17.59 น. หรือภายใน 1 เดือนหลังจากการประกาศราคา มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ Value Pack ดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าที่จองสิทธิ Pre-sale จะได้สิทธิพิเศษรับรถก่อนลูกค้าที่จะเริ่มจองเข้ามาตามปกติ โดยลูกค้าที่จองสิทธิ์ Pre-sale จะต้องชำระเงินมัดจำภายใน 24 ชั่วโมงนับจากการเริ่มเปิดจอง หรือถึงเวลา 17.59 น. ของวันที่ 29 กันยายน 2566 เท่านั้น หลังจากนั้นลำดับการส่งมอบรถจะเป็นไปตามปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินจองสำเร็จของลูกค้า
ลูกค้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของ All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์จะทยอยส่งมอบรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
“เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการปลุกกระแสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ออฟโรดพลังงานใหม่ทั้งสองนี้ อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV จะเข้าไปอยู่ในใจคนไทย และร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำให้ตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดในไทยครึกครื้นยิ่งกว่าที่เคย ด้วยพลังแห่งแพลตฟอร์ม TANK ออฟโรดอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลังและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย เพื่อส่งต่อประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่ไม่เหมือนใคร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว” นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวเสริม
สำหรับรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL (บีวายดี ซีล)
-ที่สุดของ BYD OCEAN SERIES ดีไซน์สปอร์ตระดับท็อป ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวจากความสวยงามของศิลปะแห่งท้องทะเล พร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวเกินใครกับช่วงหน้ารถแบบ X-SHAPED DESIGN เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่ากับหลังคากระจกที่ทอดยาวทั้งห้องโดยสาร พร้อมดีไซน์ไฟ LED ด้านท้ายที่ล้ำสมัย แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งท้องทะเล
-ไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating เส้นสายที่ออกแบบให้บาง และ ลดแรงต้านอากาศของเลนส์ LED ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น
-ขนาดและมิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง : 4,800 x1,875 x1,460 mm ระยะฐานล้อกว้างถึง 2,920 mm
นายศุภกร กล่าวถึงแผนการตลาดในการเปิดตัวรถรุ่นนี้ว่า “เราสื่อสารจุดขายของ YARIS CROSS ผ่านไลฟ์สไตล์ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายภายใต้แนวคิด “Move To The Max มูฟชีวิตไปให้สุดๆ”สื่อถึงรถ SUV ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เต็มที่ในทุกๆ ด้าน ทั้งการทำงาน และกิจกรรมที่ชื่นชอบ โดยเน้นการใช้สื่อที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งสื่อ Out of Home ในสถานที่ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ อย่างเช่น ในพื้นที่สยามสแควร์แห่งนี้”
ALL-NEW YARIS CROSS “Move to the Max มูฟชีวิตไปให้สุดๆ”
สรยท.ออกสตาร์ทคัดรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 พ่วงด้วย THAILAND EV OF THE YEAR 2023 สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV สำหรับผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและได้รับอนุมัติแผนการลงทุนในประเทศไทยจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นแบบ Model Change หรือ All New ปี 2566 รอบแรกเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR มีการกลั่นกรองรถยนต์ผ่านตามหลักเกณฑ์ทั้งหมด 11 รุ่น จาก 7 แบรนด์รถยนต์ ประกอบด้วย
นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 เปิดเผยขั้นตอนการตัดสินและมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ว่า หลังจากนี้จะส่งรายชื่อรถยนต์ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดให้กับสมาชิกสรยท.โหวตคัดเลือกรถยนต์รอบแรกจำนวนกึ่งหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้ายซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนามโดยคณะสื่อมวลชนที่มีความรู้ ประสบการณ์ ในการทดสอบรถยนต์ของเมืองไทยต่อไป
การทดสอบภาคสนามในรอบ 2 นั้น เป็นการร่วมให้คะแนนของสื่อมวลชนสายยานยนต์ ตั้งแต่ระดับบรรณาธิการ คอลัมนิสต์ จนถึงผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมากกว่า 20-30 ปี เป็นการให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ของการตัดสินรางวัล European Car of The Year ของยุโรป และ Japan Car of The Year ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดเลือกรถยนต์เพียง 1 รุ่น ให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศไทย
นายสุรศักดิ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าในปี 2566 คณะกรรมการสรยท.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 ดำเนินการคัดเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่เปิดตัวในประเทศไทย ช่วงเวลาเดียวกับการคัดเลือกรถยนต์ยอดเยี่ยม เพื่อมอบรางวัลรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายอดเยี่ยมของไทย หรือ THAILAND EV OF THE YEAR 2023
อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปัจจุบัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่เปิดตัวและจำหน่ายในประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศทั้งคันหรือ CBU ดังนั้นในปี 2566 ซึ่งถือเป็นการริเริ่มการให้รางวัล THAILAND EV OF THE YEAR และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ จึงจัดร่างกฎเกณฑ์และกติกา การพิจารณาตัดสินรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 โดยคัดเลือกเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้าของภาครัฐ ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการตั้งโรงงานผลิต และประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ในประเทศไทย รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริการลงทุน (BOI) ทั้งนี้ถือเป็นกติกาเฉพาะ สำหรับใช้พิจารณาคัดเลือกและตัดสินในปี 2566 เท่านั้น
โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกในรอบแรกของ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 มีทั้งหมด 11 รุ่น ประกอบด้วย
1.BYD Atto 3 2.BYD Dolphin 3.BYD Seal 4.GAC Aion Y Plus 5.Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ 6.Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line 7.Mercedes-Benz EQE 350 AMG SUV AWD 8.Mercedes-Benz EQS 500 4Matic AMG Premium 9.MG 4 Electric 10.MG Maxus 9 และ 11.Toyota bZ4X
สำหรับระยะเวลาในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 จะใช้เวลาดำเนินการอีกประมาณ 4 สัปดาห์หลังจากนี้ โดยการตัดสินรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) จะประกาศให้ทราบพร้อมกันในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ศกนี้ ณ ศูนย์ประชุม เดอะฮอลล์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร