- Advertisement -
29 C
Bangkok
Home Blog Page 76

TOYOTA GR FESTIVAL 2023 ของขวัญสร้างความสุขส่งท้ายปี

“GR FESTIVAL 2023” Car Performance Show สุดยิ่งใหญ่แห่งปี! เพื่อ “สร้างความสุขให้กับทุกคน – Produce Happiness for All” จากโตโยต้า

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรม Car Performance Show สุดยิ่งใหญ่แห่งปี “GR FESTIVAL 2023” เพื่อสร้างความสุขให้กับทุกคน ภายใต้แนวคิดหลัก “สร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งขึ้น” ผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และความพยายามในการเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ผ่านการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต และพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนแม้จะเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงก็ตาม และที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจซึ่งกันและกันกับการสร้างพันธมิตรที่มีจุดยืนเดียวกัน โดยมีสื่อมวลชน แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต และผู้สนใจเข้าร่วมชมงานอย่างคับคั่งกว่า 3,000 คน เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ TOYOTA ALIVE บางนา

ภายใต้แนวคิดหลักของกิจกรรม ที่ต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้มากขึ้น ผ่านการแสดงสุดยอดสมรรถนะในการขับขี่ยนตรกรรมสมรรถนะสูงหลากหลายรุ่น เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ โดย Master Driver “MORIZO” ผู้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารของ บริษัท โตโยต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และเป็นถึงผู้ก่อตั้งทีมแข่งระดับโลกในนาม ROOKIE Racing พร้อมนักแข่งฝีมือระดับพระกาฬ จากสนามแข่งทั้งประเทศญี่ปุ่น และในประเทศไทย รวมไปถึง KOL ไทยรุ่นใหม่ เข้าร่วมในงานอย่างคับคั่ง

กิจกรรมสุดเร้าใจในงาน ได้แก่ การขับโชว์สุดยอดสมรรถนะของรถแข่งหลากหลายรูปแบบ เช่น  Drift show และ Time trial โดยนักแข่ง ROOKIE Racing ซึ่งนักแข่งเหล่านี้มีส่วนร่วมในการพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง YARIS GR, COROLLA GR และ GR 86 โดยหนึ่งในนักแข่งที่มาร่วมแสดงในครั้งนี้ก็คือ MORIZO ผู้เป็นนักแข่งยอดฝีมือระดับ Master Driver ของโตโยต้า

ข้อมูลของกิจกรรม

MORIZO” คือใคร…?

MORIZO (โมริโซ) เป็นนามแฝงของ มร.อากิโอะ โตโยดะ (MR.AKIO TAYODA) ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้เมื่อเขานั่งอยู่หลังพวงมาลัยในสนามแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง : โมริโซคือใคร? (toyotatime.jp)

โมริโซ ปรมาจารย์นักแข่งและประธานบริษัทฯ อากิโอะ โตโยดะ สามารถพลิกโฉมรถยนต์ของโตโยต้าได้อย่างไร (toyotatimes.jp)

พลิกปูมเส้นทาง MORIZO (โมริโซ)

เป็นที่กล่าวขานถึงว่าประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งเป็นนักแข่งชั้นครู “Master driver” เขาสาธิตการขับรถแข่งประเภทต่างๆ เช่น การดริฟท์รถ Rally1 ซึ่งเป็นหนึ่งในรถแรลลี่ที่ขับยากที่สุดเขาร่วมการแข่งขันรถยนต์ประเภทเซอร์กิต เช่น Nurburgring, Super-Taikyu รวมถึงแรลลี่อื่นๆ อีกด้วย

สำหรับการแข่งรถรูปแบบวิบาก และการแข่งรถยนต์ทางเรียบในสนามแข่งนั้น มีความแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ดอกยางรถยนต์ และสไตล์การขับขี่ แต่สำหรับนักแข่งชั้นครูอย่าง MORIZO สามารถปรับโหมดการขับขี่ ระหว่างการขับขี่แบบเซอร์กิต และแบบแรลลี่ได้โดยไร้ปัญหา เขายังร่วมขับรถ และมีส่วนร่วมในการพัฒนา GR YARIS และ GR COROLLA รวมถึง รถ Rally2 ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการเปิดตัวในขณะนี้

มร.อากิโอะ โตโยดะ มีหลายบทบาท เช่น ประธานคณะกรรมการบริหารของโตโยต้า ในประเทศญี่ปุ่น ประธานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งญี่ปุ่น JAMA ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเป็นนักแข่งชั้นครู และ นักแข่งรถในนาม MORIZO

นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าทีมแทน Latvala ในการแข่ง WRC ที่ประเทศฟินแลนด์ เมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย

นักแข่งยอดฝีมือจากประเทศญี่ปุ่น

Masahiro Sasaki มาซาฮิโร ซาซากิ จากคำบอกเล่าของโมริโซนั้น มร.ซาซากิ เป็นนักแข่งรถมืออาชีพเพียงคนเดียวที่เป็นเสมือนแพทย์ที่สามารถสัมผัส ตรวจสอบ และวิเคราะห์ปัญหาของรถ รวมถึงวินิจฉัยถึงสาเหตุ และนำเสนอวิธีการแก้ไขได้ เขายังมีส่วนร่วมในฐานะนักขับหลัก ที่มีส่วนขับเคลื่อนการพัฒนารถ GR86, GR Yaris, GR Corolla และ Lexus โดยในปี 2010 เขาได้ลงแข่งขันในคลาสที่ท้าทายอย่าง GT300 ของ SUPER GT ที่จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และคว้าแชมป์ในรุ่น ST-3 รายการ SUPER Taikyu เมื่อปี 2014 เขายังเข้าร่วมการแข่งขันรายการ Nurburgring 24h ณ ประเทศเยอรมัน ตั้งแต่ปี 2020 อีกด้วย และในปีนี้ เขายังคงเป็นหนึ่งในนักแข่งภายใต้สังกัดทีม ROOKIE Racing เข้าร่วมการแข่งขัน SUPER Taikyu  ที่จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น
Kazuya Oshima คาซูยะ โอชิมะ หลังจากผ่านการฝึกฝนจาก  FTRS (Formula Toyota Racing School –  ฟอร์   มูล่า โตโยต้า เรซซิ่ง สคูล) เขาได้ร่วมลงแข่งรายการแข่งรถฟอร์มูล่าของโตโยต้า และสามารถคว้าแชมป์ได้ ในปี 2005 ในปี 2006 เขาร่วมการแข่งขันรุ่น F3 และคว้าชัยชนะได้สำเร็จในปีต่อมา ตั้งแต่ปี 2009 ยังลงแข่ง รายาร FORMULA JAPAN (หรือรายการ SUPER FORMULA ในปัจจุบัน) ปี 2010 ร่วมการแข่งขันรายการ Nurburgring 24h และคว้าชัยชนะในรุ่นที่ลงแข่งมาแล้วถึง 5 ครั้งด้วยกัน ปี 2019 คว้าแชมป์ Class Driver Championship ใน Super GT GT500 นอกจากนี้ ยังเป็นนักขับคนสำคัญ ที่มีส่วนร่วมพัฒนารถรุ่น GR Yaris และ GR86 CNF ในปีนี้ เขาเข้าร่วมการแข่งขัน Super GT500 ในนามของนักแข่งสังกัด TGR TEAM ENEOS ROOKIE , ลงแข่งขันรายการ Super Formula ในนามของนักแข่งทีม docomo business ROOKIE , รวมถึงรายการ Super Taikyu ในนามนักแข่งทีม ROOKIE RACING TEAM

นักแข่ง TOYOTA GAZOO RACING THAILAND

มานัต กุละปาลานนท์ ต้น”แชมป์การแข่งขัน
51st ADAC TotalEnergies 24h Nürburgring
ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ แมน”
 
แชมป์การแข่งขัน
51st ADAC TotalEnergies 24h Nürburgring
พิชชา ทองเจือ   มิย่า”ร่วมการแข่งขัน YARIS ATIV One Make Race
ประเภทนักแข่งหญิง
อัครวุฒิ มังคลสุต ปังปอนด์”อันดับที่ 1 Toyota One Make Race
Yaris Class
มานะ พรศิริเชิด หนึ่ง”Toyota Gazoo Racing Asia  Cross Country Rally
เดชาพล โตยิ่งเจริญ ปอนด์”D1 Thailand
Championship

รถแข่งที่ใช้ในกิจกรรม GR FESTIVAL 2023

GR YARIS Rally1 HYBRID ขับโดย MORIZO เป็นรถRally รุ่นใหม่ที่ถูกปรับแต่งให้เกือบจะสมบูรณ์แบบตามกฎระเบียบทางเทคนิคของ FIA World Rally Car ปี 2017 ใต้ฝากระโปรงเป็นเครื่องยนต์ Turbo Direct Injection 1.6 ลิตร พละกำลัง 380 แรงม้า

ข้อมูลเพิ่มเติม : ข้อมูลรถ | 2023 | WRC | โตโยต้า Gazoo Racing

Red Bull GR Corolla สร้างโดย CUSCO Racing มีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อแชมป์โลก WRC ปี 2022 อย่าง Calle Rovampella ชนะการแข่งขัน Formula Drift Japan ด้วยรถแข่งคันนี้

รถรุ่นอื่นๆ  ที่ขับแสดงในงาน : GR Supra, GR COROLLA, GR YARIS, GR 86, GR SUPRA D1, COROLLA ALTIS D1, HILUX  Asia Cross Country, Hydrogen cart (เผยโฉมครั้งแรกในไทย)

ซีพี ทรู ลีสซิ่ง เอสซีจี โตโยต้า CJPT สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในไทย

ซีพี ทรู ลีสซิ่ง เอสซีจี โตโยต้า และ CJPT ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อเดินหน้าเร่งความร่วมมือกับหลากหลายอุตสาหกรรมมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย

(จากซ้ายไปขวา) นายฮิโรกิ นากาจิมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT), นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์, นายโคจิ ซะโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น, นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์, นายอากิโอะ โตโยดะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด และกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ทรู ลีสซิ่ง ปูนซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเร่งความร่วมมือในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย โดย MOUนี้ เกิดขึ้นจากความสำเร็จในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากความพยายามร่วมกันของทุกฝ่าย รวมถึงประสิทธิภาพด้านการขนส่งของซีพี และเอสซีจี และการใช้ยานยนต์จากพลังงานที่หลากหลายตามความต้องการในประเทศไทย

ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ที่ดีและความเชื่อมั่น ระหว่างนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาสกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และนายอากิโอะ โตโยดะ ประธาน บริษัท โตโยต้า (ในขณะนั้น)ซีพี ทรู ลีสซิ่ง เอสซีจี โตโยต้า และ CJPT ได้เริ่มต้นดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้อมูล ด้านการเดินทาง และด้านพลังงาน โดยพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยนำมาซึ่งความสุขให้แก่ชาวไทย 67 ล้านคนภายใต้แนวคิด “เริ่มจากสิ่งที่สามารถทำได้ ณ เวลานี้ ร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน”

(จากซ้ายไปขวา) นายฮิโรกิ นากาจิมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ; นายโคจิ ซะโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ; นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ; นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ; นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด และกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ

สำหรับ“โซลูชันด้านการใช้ข้อมูล” ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า คือประสิทธิภาพของการโหลด และปรับเส้นทางในการจัดส่งอย่างเหมาะสม ด้วยการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้านการค้าปลีกและการขนส่งของแม็คโคร ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มซีพีรวมถึงเอสซีจี ตลอดจนการนำข้อมูลด้านการขนส่งและยานยนต์มาใช้ เพื่อนำมาทดลองกับร้านค้าที่เราดำเนินการทดสอบ ส่งผลให้ขณะนี้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง15% (*1)

สำหรับ “โซลูชันด้านการเดินทาง” หลังจากที่ โตโยต้า มีการเปิดตัวยานพาหนะที่มีความหลากหลาย รวมทั้งรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEVs) รถกระบะไฟฟ้าต้นแบบ Hilux Revo BEV Concept รถ Japan Taxi LPG-HEV และรถตู้ขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ (Kei) โดยการใช้งานจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับการขนส่งในแต่ละประเภทและในแต่ละวัน สำหรับโครงการความร่วมมือครั้งนี้ มีการใช้รถพลังงานไฮโดรเจน และรถตู้ขนาดเล็ก ในธุรกิจค้าปลีกของ กลุ่มซีพี และเอสซีจี ซึ่งส่งผลให้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ68 ตันต่อปี (*2) นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จในการริเริ่มการใช้โดรนไฮโดรเจนต้นแบบสำหรับหว่านเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และงานอื่นๆ ในพื้นที่เกษตรของซีพี

เยี่ยมชมโรงงานกระจายสินค้าของซีพีและ เอสซีจีในประเทศไทย

ในส่วนของ “โซลูชันด้านพลังงาน” เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการเปิดตัวเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพที่ได้จากฟาร์มไก่ไข่ของซีพีเอฟและอาหารเหลือทิ้งจากโรงอาหารของโตโยต้า โดยนำพลังงานนั้นมาใช้กับรถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจนและโดรนไฮโดรเจนรวมไปถึงการแข่งรถที่จะมีขึ้นในปลายเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเริ่มโครงการสาธิตการจัดการพลังงาน โดยใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) และระบบการจัดเก็บพลังงานในแบตเตอรี่

ก้าวต่อไป โตโยต้ามีแผน ที่จะนำรถยนต์ HEV หรือ รถตู้ขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ “Kei” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมไทยในปัจจุบันพร้อมทั้งในอนาคตจะมีการนำรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEVs) และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบไฟฟ้า (BEV) มาเพิ่มเติมเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้แนวคิด “การเดินทางที่หลากหลาย” จากโตโยต้า

ทั้งนี้ ความท้าทายต่อไป คือการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการลดต้นทุนในกระบวนการทั้งหมดของขั้นตอน “การผลิต” “การขนส่ง” และ “การใช้” พลังงานโดยการใช้ พลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับสภาพ และการใช้งานในประเทศไทย

นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้ข้อมูล จะมีการนำข้อมูลด้านค้าปลีก และขนส่งจาก ซีพีและเอสซีจี รวมถึงการนำเทคโนโลยี “Digital Twin” (การสร้างโมเดลเสมือนจริงจากพื้นที่จริง) ของโตโยต้า มาเพิ่มประสิทธิภาพของ “การเดินทาง การขนส่ง และพลังงาน” โดยร่วมมือกับระบบทางสังคม เช่น การจัดการพลังงานและการควบคุมการจราจร เป็นต้น

ภายใต้การบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัทใหม่ Commercial Japan Partnership Technologies Asia (CJPT-Asia) ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย เพื่อเร่งขยายความร่วมมือไปยังทุกภาคอุตสาหกรรมก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ

การสาธิตการเคลื่อนที่แบบคาร์บอนเป็นกลางแบบหลายเส้นทางในการขนส่งในประเทศไทย

*1 การแปลงเป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์ มาจากการลดระยะทางการขับขี่โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบรรทุกและการรับเส้นทางการจัดส่งให้เหมาะสม

*2 การแปลงเป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดทั้งปี มาจากจากลดคาร์บอนไดออกไซด์แบบ “Tank-to-wheel” เมื่อเทียบกับยานพาหนะทั่วไป โดยขึ้นอยู่กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งหมดที่ใช้ระหว่างการสาธิต

มิตซูบิชิ – เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้ารางวัลสถานประกอบดีเด่น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 5 รางวัล สถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ ประจำปี 2566

บรรยายภาพ : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด นำโดย มร.เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 2 จากขวา) รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ ประจำปี 2566 โดยมีผู้บริหารร่วมรับรางวัลจากซ้าย ได้แก่ นายวินัย สนทอง ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้ายสุด) นายมนัส ยงพฤกษา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 2 ซ้าย) และนายอุเทน พรหมสนธิ์ ผู้ชำนาญการอาวุโส บริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด (ขวาสุด) ในโอกาสนี้ นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กลาง) ได้ร่วมแสดงความยินดี

บริษัท  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด คว้า 5 รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ ประจำปี 2566 จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน รางวัลนี้มุ่งยกย่องการปฏิบัติงานที่ยอดเยี่ยมขององค์กรธุรกิจที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อให้พนักงานมีสุขภาพที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ผู้บริหารของบริษัท  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด ที่เป็นผู้แทนรับรางวัลประกอบด้วย มร. เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต นายมนัส ยงพฤกษา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายวินัย สนทอง ผู้อำนวยการใหญ่ และนายอุเทน พรหมสนธิ์ ผู้ชำนาญการอาวุโส โดยมีนายเกริกไกร นาสมยนต์ ผู้ตรวจราชการกรม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัลในพิธีมอบรางวัลโล่และเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการและสถานศึกษาที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 ณ จังหวัดชลบุรี

มร.เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นตัวแทนของพนักงานทุกคนเข้าร่วมพิธีรับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2566 ระดับประเทศ ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสูงสุดในสถานที่ทำงานของเรา และเป็นความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องตระหนักและปฏิบัติทุกวันอย่างต่อเนื่อง”

“เมื่อพนักงานทุกคนมีความปลอดภัย ไม่มีอุบัติเหตุ และทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีย่อมส่งผลทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุดส่งมอบให้ลูกค้าได้ตรงเวลา ผมขอแสดงความยินดีกับพนักงานทุกคนในโรงงานทั้ง 5 แห่งที่ได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศด้านความปลอดภัยในปีนี้ และขอส่งเสริมให้ทุกคนมุ่งมั่นทำงานด้วยความปลอดภัย เพื่อยกระดับคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่องไปทุกปี” มร.โอกาวะ กล่าวเพิ่มเติม

รางวัลนี้มอบให้แก่องค์กรที่มีการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่สอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด และมีผลการปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 – 31 ธันวาคม 2565 สอดคล้องตามเกณฑ์ของการเข้าร่วมประกวดเพื่อขอรับรางวัลดังกล่าว องค์กรที่ได้รับรางวัลต้องแสดงถึงการพัฒนาอย่าง

ต่อเนื่อง พร้อมกับมีความมุ่งมั่นที่จะสรรค์สร้างและรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี

บริษัท  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด ได้รับ 5 รางวัลสำหรับ 5 โรงงานดังนี้

-โรงงาน 3 ได้รับรางวัลเกียรติบัตร ระดับเพชรต่อเนื่องสูงสุดเป็นปีที่ 8

-โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 ได้รับรางวัลเกียรติบัตร ระดับเพชรต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

-โรงงานเครื่องยนต์ ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร ซึ่งได้รับรางวัล 5 ปีต่อเนื่อง ยกระดับจากระดับทองสู่ระดับเพชร

-โรงงาน 1 และ 2 ได้รับรางวัลเกียรติบัตร ระดับทองต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

-โรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก ได้รับรางวัลเกียรติบัตรระดับทองต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

รางวัลโล่และเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการและสถานศึกษาที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยมเป็นแนวคิดริเริ่มของกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจและผู้ประกอบการสร้างระบบการจัดการแรงงานและการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพที่นำไปสู่การมีอุบัติเหตุเป็นศูนย์และยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกจ้าง อีกยังทั้งสามารถเป็นต้นแบบให้กับสถานประกอบกิจการอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งจะทำให้องค์กรธุรกิจมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่ในประเทศไทย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียนแห่งใหม่ ในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางด้านยุทธศาสตร์ ระดับภูมิภาคและระดับโลกของไทย

บรรยายภาพ : มร.ฮิเดะโอะ นาคะอิ ผู้ชำนาญการอาวุโส ศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ซ้ายสุด) ให้การต้อนรับตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ระหว่างการฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ ออล-นิว ไทรทัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Regional Training Center หรือ ARTC) แห่งใหม่ในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางสำคัญด้านการปฏิบัติงานในระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยมีเป้าหมายเพื่อมุ่งยกระดับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในด้านการให้บริการ และยกระดับการฝึกอบรมด้านบริการให้แก่บุคลากรของครือข่ายผู้จัดจำหน่ายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วภูมิภาคอาเซียน

“ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตและการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้ทำการผลิตรถยนต์รุ่นแฟล็กชิพหลายรุ่นเพื่อส่งออกไปยังทั่วโลก พร้อมกันนี้ เรายังมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้นในทุกด้าน เราจึงได้ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียน (ARTC) ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขึ้นในประเทศไทย เพื่อ ‘พัฒนาทักษะของผู้ให้การฝึกอบรม’ โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้จัดจำหน่ายในประเทศอาเซียน ด้วยการพัฒนาหลักสูตรอบรมที่เหมาะสมกับตลาดในอาเซียนโดยเฉพาะ” มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าว

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตเพื่อส่งออกตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยนอกเหนือจากการก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียน (ARTC) แห่งใหม่นี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุนและการเติบโตในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย การเปิดสายการผลิตที่ล้ำสมัยสำหรับออล-นิว ไทรทัน และเครื่องยนต์ไฮเปอร์ พาวเวอร์รุ่นใหม่ รวมถึงการก่อตั้งโรงงานพ่นสีคุณภาพสูง ที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยงบลงทุน 3 พันล้านบาท พร้อมด้วยการเปิดสนามทดสอบรถยนต์แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กลายเป็นศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุสานต่อกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ มอบเงินสนับสนุนกว่า 2 ล้านบาท จำนวน 6 โครงการ

มร.ทาคาชิ ฮาตะ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ยึดมั่นในวิสัยทัศน์องค์กร คือ “วิถีอีซูซุ : ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” สานต่อกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ มอบเงินสนับสนุน ประจำปี พ.ศ. 2566 มูลค่ารวม 2,080,000 บาท จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ ทุนการศึกษาแก่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ทุนการศึกษาสำหรับผู้ทุพลลภาพแก่สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ เงินสนับสนุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อุปกรณ์การเรียนแก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เงินสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์โซล่าเซลล์แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และอุปกรณ์จราจรแก่หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวม 7 หน่วยงาน เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคมไทย ทั้งด้านการศึกษา การดำรงชีวิต ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนความปลอดภัยบนท้องถนน ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566

โตโยต้า จัดทัพรถCarbon Neutrality ร่วมแข่งขัน Endurance Race 10 ชั่วโมงในไทย

โตโยต้า จัดทัพรถที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) นำโดยพริอุส ร่วมการแข่งขัน Endurance Race 10 ชั่วโมงในประเทศไทย – สู่การขยายทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) เข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ในรายการ “IDEMITSU 600 SUPER ENDURANCE 2023” (การแข่งขัน Endurance Race 10 ชั่วโมงในประเทศไทย) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ สนามช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 22-23 ธันวาคม 2566 โดยนำรถแข่ง 3 คัน ภายใต้ ROOKIE Racing Team ได้แก่ GR86 “ORC ROOKIE GR86 CNF concept” ใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน, COROLLA “ORC ROOKIE GR Corolla H2 concept”  ใช้เชื้อเพลิงพลังงานไฮโดรเจน และ PRIUS (HEV) “CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept” ที่จะเข้านำมาเสริมทัพในรายการนี้

โดย PRIUS ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ มีแนวคิดในการพัฒนารถยนต์รุ่นที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาด และนี่ยังป็นครั้งแรกของโตโยต้า ในการนำรถ HEV รุ่นที่มีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์มาใช้ในการแข่งขัน

นอกจากนี้รถแข่งของ TOYOTA GAZOO RACING THAILAND อย่าง COROLLA GR, GR 86 และ YARIS ก็จะเข้าร่วมการแข่งขันโดยใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยเช่นกัน โดยเราจะร่วมมือกับพันธมิตรในเอเชีย เพื่อรับมือกับความท้าทายในการขยายทางเลือกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเริ่มจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต

โครงสร้างการแข่งขัน
 

ชื่อทีมรถแข่ง
ORC ROOKIE RacingORC ROOKIE GR86 CNF concept
ORC ROOKIE GR Corolla H2 concept
CP ROOKIE RacingCP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept

นักแข่งที่เข้าร่วมการแข่งขัน 

โมริโซ, ยาสึฮิโระ โอกุระ, ขจร เจียรวนนท์, มาซาฮิโระ ซาซากิ, ทัตสึยะ คาตะโอกะ, ฮิโรอากิ อิชิอุระ, คาซึยะ โอชิมะ, นาโอยะ กาโมะ, เคนตะ ยามาชิตะ, ฮิบิกิ ไทระ, เคโซ คะโต, ไดสึเกะ โตโยดะ

*รายชื่ออาจมีการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลง

ORC ROOKIE GR86 CNF Concept

ORC ROOKIE GR COROLLA H2 Concept

1. การเข้าร่วมการแข่งขันด้วยรถแข่งระบบไฮบริด (HEV) เป็นครั้งแรก

โตโยต้าเร่งขยายทางเลือกอันหลากหลายเพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนให้เกิดขึ้นจริง ผ่านการเข้าร่วมซีรีส์การแข่งขัน Super Endurance Race โดยใช้รถแข่ง COROLLA ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน และรถแข่ง GR86 ซึ่งใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยรถทั้ง 2 คันนี้ เคยเข้าร่วมการแข่งขัน Endurance Race 25 ชั่วโมง ในประเทศไทยเมื่อปี 2022 ซึ่งถือเป็นความท้าทายในการนำรถมาแข่งภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากประเทศญี่ปุ่น โดยการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดทางเลือกเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอันหลากหลายของโตโยต้า ในการนี้ เราจึงเพิ่มรถอีกหนึ่งรุ่น คือ รถยนต์ระบบไฮบริด (HEV) เพื่อเป็นรถแข่งอีกรุ่นของโตโยต้า ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์เพื่อสร้างความเหมาะสมในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย และประเทศไทย ที่สำคัญ ยังเป็นการใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนอีกด้วย

ในปัจจุบัน TOYOTA GAZOO Racing ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีการแข่งรถ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศหลายรายการ ซึ่งรวมถึงการนำรถระบบไฮบริด (HEV) มาใช้ในการแข่งขัน หรือ Racing Hybrid โดยผ่านการเข้าร่วมในการแข่งขัน “World Endurance Championship” (WEC) และการแข่งขันในครั้งนี้ โตโยต้ามุ่งนำเสนอเทคโนโลยี ที่เหมาะสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต ผ่านรถรุ่น PRIUS ที่ผ่านการพัฒนาประสิทธิภาพในเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริด HEV ที่มีการสร้างสมดุลระหว่างการใช้พลังงานและมรรถนะการขับขี่ ควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน

ยิ่งไปกว่านั้น ในการแข่งขันครั้งนี้ เรายังได้รับเกียรติจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญที่มีจุดยืนด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนร่วมกับโตโยต้า โดยมี คุณขจร เจียรวนนท์ ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และยังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรูลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลธุรกิจบริการขนส่งของ CP ที่เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักแข่งของ ROOKIE Racing Team ซึ่งจะมาลงแข่งโดยการขับ CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR CONCEPT ที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีความกลางทางคาร์บอนอีกด้วย

2. สร้างพันธมิตรที่จะร่วม “ผลิต” “ขนส่ง” และ “ใช้” ไฮโดรเจนในประเทศไทย   

รถแข่ง COROLLA เครื่องยนต์ไฮโดรเจน ถือเป็นการท้าทายเพื่อขยายทางเลือกในการสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนั้นเรายังได้สร้างพันธมิตรมากมายทั้งในญี่ปุ่น และในต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 51 ราย

ในการแข่งขันรายการเอนดูรานซ์ 10 ชั่วโมง ปีนี้ โตโยต้านำเสนอความท้าทายใหม่ ในการใช้พลังงานชีวภาพที่ได้มาจากมูลจากฟาร์มสัตว์ปีกของซีพี และของเสียจากเศษอาหารที่มาจาก บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเชื้อเพลิง ที่ใช้เติมในรถรุ่นโคโรลล่า ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน

ยิ่งไปกว่านั้น โดรนเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ในการสาธิตการทดลองร่วมกับ CP Group จะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในกิจกรรมนี้ สะท้อนความพยายามในการสร้างพันธมิตรที่จะร่วม “ผลิต” “ขนส่ง” และ “ใช้” ไฮโดรเจนในประเทศไทย ทั้งนี้ โตโยต้ามุ่งขยายความพยายามในการสร้างสังคมไฮโดรเจนไปยังส่วนอื่นของภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มต้นจากประเทศไทยเป็นประเทศแรก

โดรนเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ในการสาธิตการทดลองร่วมกับ CP Group

โตโยต้าจะมุ่งมั่นพยายามต่อไปในการสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ให้เกิดขึ้นจริง

ผ่านแนวทาง “ทางเลือกที่หลากหลาย” ร่วมกับพันธมิตรของเรา

“ก้อง-สมเกียรติ” คว้ารางวัลนักกีฬาอาชีพชายดีเด่นประจำปี 2566

“ก้อง-สมเกียรติ” บันทึกประวัติศาสตร์ นักกีฬาคนแรกของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย คว้ารางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” วันกีฬาแห่งชาติ 2 ปีซ้อน

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดประวัติศาสตร์ชาวไทยวัย 25 ปี จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ได้รับเลือกให้รับรางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2566 มาครอง ในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ ลานพลาซ่า ราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยรางวัลที่ “ก้อง -สมเกียรติ” ได้รับในครั้งนี้ถือเป็นนักกีฬาจากวงการมอเตอร์สปอร์ตคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว 2 ปีติดต่อกัน

ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” หมายเลข 35 สังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” สร้างผลงานยอดเยี่ยมระดับโลกให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 ด้วยผลงานการครองอันดับ 6 ของโลกในศึกโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 ด้วยผลงาน 1 ชัยชนะ 2 โพเดียม โดยผงาดคว้าแชมป์ในรายการ “เจแปนีส กรังด์ปรีช์” และคว้าโพเดียมอันดับ 3 ในโฮมเรซ “ไทยแลนด์ กรังด์ปรีช์” ที่บุรีรัมย์ และทำคะแนนรวมสะสมทั้งสิ้น 173.5 คะแนน ถือเป็นสถิติสูงสุดของนักบิดไทยในเวิลด์กรังด์ปรีซ์

“ก้อง-สมเกียรติ” เปิดใจหลังจากได้รับรางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” เป็นปีที่สองติดต่อกันว่า “ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ได้รับรางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” และภูมิใจมากๆ ที่ได้ถูกเลือกให้รับรางวัลดังกล่าวนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน ในตอนขึ้นไปรับรางวัล ตื่นเต้นไม่แพ้ครั้งแรกเลย ขอขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทยที่มอบรางวัลดังกล่าวให้ และต้องขอขอบคุณ ไทยฮอนด้า ที่ให้การสนับสนุนผมมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต จนสามารถสร้างผลงานได้รับรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้อีกครั้ง สำหรับรางวัลครั้งนี้ จะเป็นกำลังใจที่ทำให้ผมเดินหน้าเพื่อทำผลงานให้ดีขึ้นไปกว่าเดิมในปีหน้า และผมอยากมอบรางวัลนี้ให้กับคุณแม่ ครอบครัว ไทยฮอนด้า ทีมงาน ผู้สนับสนุนฯ และที่สำคัญคือ แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยทุกคน ที่ช่วยส่งกำลังใจเชียร์ผมมาตลอดทั้งฤดูกาล”

ทั้งนี้ “ก้อง-สมเกียรติ” จะใช้เวลาช่วงพักฤดูกาลราว 3 เดือน เพื่อพักผ่อนและเก็บตัวฝึกซ้อมร่างกายในประเทศไทย ก่อนจะลุยศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ด้วยเป้าหมายที่สูงขึ้น แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารทัพนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

#ThaiHonda #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #RaceToTheDream #IdemitsuHondaTeamAsia #HondaRacingThailand #RoadToMotoGP

เอ็มจี ปลื้ม กวาดยอดจอง 3,568 คัน ในงาน MOTOR EXPO 2023

เอ็มจี รั้งท้อป 5 ยอดจอง MOTOR EXPO 2023 ผนึกกำลังดีลเลอร์ส่งมอบข้อเสนอพิเศษต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2566

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยยอดจองในงาน MOTOR EXPO 2023 หลังกวาดมาได้ถึง 3,568 คัน รั้งอันดับ 5 พร้อมยืนยันกระแสรถยนต์ไฟฟ้าแรงจริง ด้วยสัดส่วนยอดจองกลุ่มรถไฟฟ้าสูงถึง 58% ส่วนรถยนต์พลังงานทางเลือกและเครื่องยนต์สันดาปภายใน 42% โดยรถไฟฟ้าขับหลังอย่าง MG4 ELECTRIC ทำยอดจองได้สูงสุด พร้อมประกาศลุยตลาดต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2566 โดยผนึกกำลังผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดกิจกรรม “HAPPY NEW YEAR, HAPPY DEAL HERE” ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2566 – 17 ธันวาคม 2566 ที่โชว์รูมเอ็มจีกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ หวังให้ลูกค้าออกรถใหม่ป้ายแดงแบบคุ้มๆ ด้วยข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO 2023

สำหรับงาน MOTOR EXPO 2023 ครั้งล่าสุด เอ็มจี มียอดจองสูงกว่า ปีก่อน ถึง 46% คิดเป็นยอดจอง 3,568 คัน โดยมีสัดส่วนรถไฟฟ้ากว่า 58% ซึ่ง NEW MG 4 ELECTRIC เป็นรถไฟฟ้าที่ได้รับกระแสตอบรับสูงที่สุด กวาดยอดจองได้ถึง 990 คัน และในส่วนของรถเครื่องยนต์สันดาป และรถพลังงานทางเลือกมียอดจองกว่า 42% โดยรุ่น MG5 ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดจองกว่า 620 คัน ส่วนโมเดลไฮไลท์ที่ถือเป็นสีสันและดึงดูดความน่าสนใจให้กับบูธเอ็มจีได้อย่างชัดเจน นั่นคือ IM LS6 ซึ่งเป็นรถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่ถือเป็นรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมจาก SAIC MOTOR โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีภายในงาน ทาง เอ็มจี เตรียมพิจารณาทำตลาดรุ่นนี้ในประเทศไทยต่อไป อีกรุ่นเรือธงอย่าง MG CYBERSTER รถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ เอ็มจี เปิดรับจองอีกครั้ง และได้รับความสนใจทั้งจากลูกค้าที่จองรถเป็นกลุ่มแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในงาน MOTOR EXPO 2021 และลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ตั้งใจมาสัมผัสรถคันจริงภายในงานฯ ด้วยความเหนือระดับของนวัตกรรมส่งผลให้โมเดลนี้มียอดจองสะสมรวมกว่า 1,000 คัน สำหรับลูกค้าที่สนใจยังคงสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/CYBERSTERPrestige ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566 พร้อมรับสิทธิพิเศษจองซื้อ 10,000 บาท สามารถแลกรับส่วนลดได้ 50,000 บาท* ล่าสุดทาง เอ็มจี เตรียมแผนที่จะให้ลูกค้าคนไทยได้ครอบครอง และสัมผัสกับการขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ อีกระดับของรถไฟฟ้าภายในปี 2567

แม้ว่างาน MOTOR EXPO 2023 จะสิ้นสุดลง แต่ เอ็มจี ยังขยายเวลามอบข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าทั่วประเทศได้เป็นเจ้าของรถใหม่ป้ายแดงได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ซึ่งเอ็มจีมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายเซ็กเมนต์ ครบทุกขุมพลังขับเคลื่อน ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ จึงผนึกกำลังกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดกิจกรรม “HAPPY NEW YEAR, HAPPY DEAL HERE” ในทุกโชว์รูมกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง วันที่ 17 ธันวาคม 2566 (3 วัน) โดยลูกค้าสามารถเปิดประสบการณ์การทดลองขับขี่ พร้อมรับสิทธิพิเศษมูลค่ารวมสูงสุด 200,000 บาท อีกทั้งสามารถเลือกดาวน์เริ่มต้น 8% หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครองนานสูงสุดถึง 2 ปี ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO 2023 ถึง 31 ธันวาคม 2566 (รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3tfBToK)

*หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

กลุ่มตรีเพชร ปลูกต้นไม้สร้างสัมคมยั่งยืน

“กลุ่มตรีเพชร” เดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม กับโครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ตอกย้ำสร้างสังคมที่ยั่งยืน

กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็นนิติบุคคลที่ดีและสร้างสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้โครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยในปีนี้ ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนผู้บริหารและพนักงานกลุ่มตรีเพชรกว่า 120 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้ ยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่า และทำฝายชะลอน้ำ ณ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

มร.ทาคาชิ ฮาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มตรีเพชร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559 เป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่คำนึงถึงทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ผ่านการปรับปรุงระบบพลังงานและทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังเสริมสร้างความตระหนักรู้ของพนักงานและส่งเสริมวัฒนธรรมเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) อาทิ การปรับปรุงและยกระดับอาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดยติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ใช้หลอดไฟ LED มีระบบบริหารจัดการและควบคุมอาคารอัตโนมัติ ใช้แผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง และติดตั้งหลอด UV-C ในระบบปรับอากาศ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านการใช้พลังงานและด้านคุณภาพอากาศภายในอาคาร จนได้รับรางวัลอันทรงคุณค่ามากมายทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน การให้พนักงานทุกคนร่วมปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน (Operational Transformation) เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน รวมถึง การขยายโครงการสู่สังคมและชุมชน ผ่านการเชิญชวนให้พนักงานบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปให้มูลนิธิหรือองค์กรต่างๆ และในปีนี้ เราได้จัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยมีผู้บริหารและพนักงานกลุ่มตรีเพชรกว่า 120 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้และยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่าจำนวนเท่ากับพนักงานในกลุ่มตรีเพชร คือ 3,311 ต้น ซึ่งสามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 39,732 กิโลกรัม Co2/ ปี และทำฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในหน้าแล้ง ลดการพังทลายของหน้าดิน เราเชื่อมั่นว่าจากกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการรณรงค์ให้พนักงานมีจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ และเราจะยังคงดำเนินต่อและทำให้กิจกรรมเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป”

ฮอนด้า เปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย

ฮอนด้า เปิดสายการผลิต Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% เป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นหลักแบรนด์แรกที่ผลิตรถยนต์ EV ในไทย

บรรยายภาพ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายฮิเดะโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ และนายทาเคชิ วาตานาเบะ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร กับ Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกที่ผลิต ณ สายการผลิต โรงงานฮอนด้า จ.ปราจีนบุรี เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดสายการผลิต Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ณ โรงงานฮอนด้า สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี โดยฮอนด้านับเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นหลักที่เริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยระดับโลกของฮอนด้า การเปิดสายการผลิต Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญของฮอนด้า ที่แสดงถึงความเชื่อมั่นว่าฮอนด้ายังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยทั้งจากการผลิตและการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่เดินหน้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายแก่ผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์สันดาป ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% (EV) โดยฮอนด้า ได้เตรียมเดินหน้าสู่เป้าหมายปี พ.ศ. 2573 ในการผลิตและจำหน่ายยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) ด้วยสัดส่วนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดการเปิดตัวและช่องทางจำหน่าย Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ให้ทราบอีกครั้งช่วงไตรมาสแรกในปี พ.ศ. 2567

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save