- Advertisement -
33.9 C
Bangkok
Home Blog Page 75

ฮอนด้า เปิดจอง แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมแฟลกชิปซีดาน มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV และ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อยสู่อีกขั้นของคุณค่าใหม่ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบในทุกการเดินทางพร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ และเตรียมเปิดตัว 17 ตุลาคม 2566

•ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้นครั้งแรกในโลกกับรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สปอร์ตเอกซ์คลูซีฟรอบคัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ครบครันด้วยหลากหลายฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบายและล้ำสมัย

•ขับเคลื่อนอย่างทรงพลัง ด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลังด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวในระบบเกียร์ E-CVT ที่มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection ที่ได้รับการพัฒนาใหม่และมั่นใจในทุกเส้นทางด้วย เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

•หลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ใน แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้งานกับรถได้อย่างลงตัว อาทิ Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google และ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อปรับเลือกฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย สามารถจดจำประสบการณ์การใช้งานได้สูงสุดถึง 8 แบบ

•พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของก่อนใคร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 16 ตุลาคม 2566** ที่

โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท** โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ตุลาคม 2566 เมื่อจองและรับรถภายในระยะเวลาที่บริษัทฯ กำหนด**

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัวพรีเมียมแฟลกชิปซีดาน “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่” ภายใต้ ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชันที่ 11 ที่ได้รับการยกระดับเพื่อส่งมอบคุณค่าใหม่อีกขั้น สู่การเป็นยนตรกรรมที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ ครั้งแรกกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ทุกรุ่นย่อย ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลังด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ มอบพลังการขับเคลื่อนที่ไร้กังวลในทุกเส้นทาง โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) มีอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ผสานความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ความประณีต และฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว ครั้งแรกในโลกของ แอคคอร์ด กับรุ่น e:HEV RS ที่ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้น ในดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน เสริมความพรีเมียมด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหลากหลายเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครัน* ที่ฮอนด้าได้ติดตั้งเป็นครั้งแรก* ใน แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ อาทิ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้อย่างง่ายดาย Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว สวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ใหม่ สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย ระบบ Adaptive Cruise Control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Switch ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่น ๆ* อาทิ ถุงลม 8 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL) เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง เป็นต้น เสริมความมั่นใจในระบบ e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ตุลาคม 2566

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ก่อนใคร สามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เวลา 22.00 น.** โดยสามารถจองสิทธิ์ผ่านที่ปรึกษาการขายฮอนด้า หรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท** เมื่อจองและรับรถภายในระยะเวลาที่บริษัทฯ กำหนด**

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

•รุ่น e:HEV RS                  ราคาประมาณการไม่เกิน 1,800,000 บาท*** 

•รุ่น e:HEV EL                  ราคาประมาณการไม่เกิน 1,670,000 บาท*** 

•รุ่น e:HEV E                    ราคาประมาณการไม่เกิน 1,530,000 บาท***           

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นในทุกมิติ ผสานความหรูหราสง่างามและความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว

•กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตใหม่ โดดเด่นด้วยแพตเทิร์นที่มีมิติ สะกดทุกสายตา

•ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED

•ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED

•กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ

•กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•ระบบเปิด – ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

•เสาอากาศครีบฉลาม

•ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน (รุ่น e:HEV E) และขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำ (รุ่น e:HEV EL)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมส่งมอบประสบการณ์สุดเอกซ์คลูซีฟ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบาย สะท้อนภาพลักษณ์ที่มีระดับ

•ใหม่ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ใช้รถสัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 แบบ

•ใหม่ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งใน ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ เป็นครั้งแรก (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•ใหม่ ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง

•ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง

•ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ

•ใหม่ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

•ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•ใหม่ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card (รุ่น e:HEV RS)

•ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ที่ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key

•ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

•ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง

•อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

ครั้งแรกในโลกของแอคคอร์ดกับรุ่น e:HEV RS ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้น ในดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน

•โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น กับสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้าและด้านท้าย

•ใหม่ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา เปิดมุมมองที่กว้างขวาง ยกระดับสุนทรียภาพในการเดินทาง

•ใหม่ ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential

•ไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก

•กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ สีดำแบบสปอร์ต

•ช่องระบายอากาศด้านข้างสีเงิน เสริมความ Contrast และพรีเมียมยิ่งขึ้น

•เสาอากาศครีบฉลามสีดำแบบสปอร์ต

•สปอยเลอร์หลังสีดำแบบสปอร์ต

•ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เสริมความสปอร์ตหรูด้วยสีดำแบบแมตต์

•ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และชุดตกแต่งภายในสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และสีดำ Piano Black

ขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายอย่างไร้ข้อจำกัด กับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ทุกรุ่นย่อย

•ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลัง ด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ โดยระบบจะมอบสมดุลระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง แรง ตอบสนองดั่งใจ มอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่เยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร

•ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) นอกจากนี้ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration)

•นอกจากนี้ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ยังมาพร้อมสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ เพียงกดปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ ได้แก่

oใหม่ โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย ระบบ Adaptive cruise control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ

oโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)

oโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode)

oโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)

มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกเส้นทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอื่นๆ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครัน

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

•ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

•ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

•ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน

•ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ* อาทิ

•สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน และยังมีการพัฒนาแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น

•ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

•ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)

•ถุงลม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า

•ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)

•ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

•ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง

•ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ ใหม่ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)

•ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

 สู่ประสบการณ์เดินทางที่สมบูรณ์แบบเต็มขั้น กับครั้งแรกของหลากหลายเทคโนโลยีเชื่อมต่ออันล้ำสมัย รองรับสมาร์ตไลฟ์สไตล์ ผสานผู้ใช้งานกับรถได้อย่างลงตัว

•ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ขอแนะนำ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ที่มี Google built-in พบกับแอปที่คุณชื่นชอบอย่าง Google Assistant, Google Maps และแอปอื่นๆ อีกมากมายจาก Google Play ในรถยนต์ของคุณเพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบมีผู้ช่วยที่ราบรื่นและปรับเปลี่ยนได้ในแบบของคุณ

•ใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto

•ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งเป็นจอแบบ Full Graphic LCD ที่สามารถแสดงผลทั้งการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ข้อมูลการขับขี่ และข้อมูลต่างๆ ของตัวรถในรูปแบบของกราฟิกขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลการทำงานของ Maps ได้เต็มหน้าจอ เมื่อใช้งาน Google built-in อีกด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย แม้จะมีการทำงานของระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ก็ไม่รบกวนการนำทางบนหน้าจอ

•ใหม่ ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

•ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า กับฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air (OTA) ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถอัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้ ผ่านทางระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว หรือผ่านทางแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน เพิ่มความสะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องเข้าไปยังศูนย์บริการ

เสริมความมั่นใจในการใช้งานยิ่งขึ้น โดย ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่  มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้าน e:HEV (e:HEV Expert) จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เวลา 22.00 น.** รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท** เมื่อจองและรับรถภายในระยะเวลาที่บริษัทฯ กำหนด** สามารถจองสิทธิ์ผ่านที่ปรึกษาการขายฮอนด้าหรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ในวันอังคารที่ 17 ตุลาคม 2566 ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานต์ “Honda Thailand” ในช่องทาง Facebook และ YouTube Channel ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777

หมายเหตุ :

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

***ราคาประมาณการยังไม่รวมราคาสีพิเศษ (มุก)

ยามาฮ่า จัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย Fazzio BUDDY PACK

ยามาฮ่า จัดโปรโมชันคู่หูสุดเฟี้ยว “Fazzio BUDDY PACK” ซื้อรถยามาฮ่าฟาซซิโอ้วันนี้ รับของแถมสุดเฟี้ยวมูลค่า 2,000  บาท

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำระบบรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของประเทศไทย จัดเต็มโปรโมชันสุดคุ้ม “Fazzio BUDDY PACK” เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ (Yamaha Fazzio) ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2566 รับของแถมสุดเฟี้ยวของคนวัย Fazz ชุดคู่หู Limited Edition ทันที 1 ชุด รวมมูลค่า 2,000 บาททันที ได้แก่หมวกกันน็อก Fazzio พร้อมกระเป๋าสะพายข้างแฟชั่นอย่างละ 1 ใบ พร้อมเพิ่มความมั่นใจในกับการรับประกันทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สามารถเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ทั้ง 2 รุ่นได้แก่ รุ่น Standard ในราคาแนะนำที่ 53,800 บาท และรุ่น Smart Key ในราคาแนะนำที่ 55,500 บาท พร้อมรับของแถมคู่หูสุดเฟี้ยวของคนวัย Fazz ชุดคู่หู Limited Edition ได้แล้วที่ ศูนย์จำหน่ายและบริการยามาฮ่าทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center : 02-263-9999 / Facebook : Yamaha society Thailand และ Automatic Society

ยามาฮ่า ส่ง “กฤตภัทร” ร่วมบิดโมโตทรี ศึกไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์

“ยามาฮ่า” สานโครงการ Road To The World Class ส่ง “กฤตภัทร” ร่วมบิดโมโตทรี ศึกไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ปูทางสู่เวทีความเร็วระดับโลก

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำบทบาทผู้นำมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย เดินหน้าโครงการ “Road To The World Class” พร้อมส่ง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ นักแข่งดาวรุ่งในโครงการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ศึกโมโตจีพี 2023 โดยใช้สิทธิไวลด์การ์ดในคลาสโมโตทรี บนสังเวียนความเร็วโฮมเรซ ณ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 นี้

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เผยว่า “หลังประสบความสำเร็จอย่างมากในการแข่งขันระดับเอเชีย ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้เดินหน้าพัฒนาโครงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้มีทีมแข่งจากประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันในระดับโลก ในปีนี้เราได้ส่งนักแข่งเข้าร่วมชิงชัยในรายการระดับโลกอย่าง Super Bike World Championship 2023 แบบเต็มฤดูกาล รวมถึงส่ง 2 ดาวรุ่งนักบิดไทย อย่าง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ และ “เอิร์ธ” ธุรกิจ บัวผา ลุยศึก YAMAHA R3 bLU cRU European Cup 2023 ทั้งยังสามารถทำผลงานได้โดดเด่น โดย “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ มีคะแนนสะสมรั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ” “และเป็นก้าวที่สำคัญของ นักบิดดาวรุ่งไทย และทีมงานที่ได้รับสิทธิไวลด์การ์ด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ศึกโมโตจีพี ในรุ่น โมโตทรี และนี่คือเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้ได้สัมผัสประสบการณ์กับเกมการแข่งขันในระดับโลก ส่วนผลการแข่งขันเป็นเรื่องที่รองลงมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสานฝันของเด็กไทยและโครงการ Road To The World Class จะพยามค้นหาและผลักดันนักแข่งเยาวชนของไทยให้ไปสู่เป้าหมายในระดับโลกให้ได้”

โดย “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ หนึ่งในนักบิดดาวรุ่งสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่ได้รับการผลักดันเข้าสู่โครงการ Road To The World Class เปิดใจว่า “ผมมีความยินดีสำหรับโอกาสที่ได้รับ รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันศึกโมโตจีพี รุ่นโมโตทรี ซึ่งเป็นรถแข่งที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ก็สามารถปรับตัวเข้ากับรถได้เป็นอย่างดีหลังได้ลงบิดทดสอบที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และสามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้ นับเป็นทิศทางที่ยอดเยี่ยม นอกเหนือจากการทดสอบขับขี่แล้ว ยังได้เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และโภชนาการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ”

“การได้รับโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งการแข่งขัน ศึกโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ผมตั้งเป้าที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดและต้องขอขอบคุณ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้สนับสนุนอื่นๆ ที่ร่วมผลักดันและเดินหน้าโครงการ Road To The World Class ในครั้งนี้และครั้งต่อๆ ไปด้วยครับ”

สำหรับ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ดาวรุ่งสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เริ่มต้นขับขี่รถจักรยานยนต์ตั้งแต่อายุ 6 ปี โดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัวเขื่อนคำ และสามารถคว้าแชมป์ FIM ASIA Motocross รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ได้ในปี 2019 และในปี 2020 สามารถคว้าแชมป์การแข่งขัน FMSCT All Thailand Road Racing ในรุ่น Sport Production 150 cc ด้วยรถแข่ง YAMAHA YZF-R15 ในรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ตามด้วยแชมป์ FMSCT All Thailand SuperBike 600 cc ด้วยรถแข่ง YAMAHA YZF-R6 ด้วยวัยเพียง 17 ปี ในปี 2022 หลังจากนั้นได้รับโอกาสจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เข้าร่วมการแข่งขัน YAMAHA R3 bLU cRU European Championship 2022 และในปี 2023 ไอเดีย กฤตภัทร ได้เข้าร่วมทำการชิงชัย YAMAHA R3 bLU cRU European Championship 2023 แบบเต็มฤดูกาล และสามารถสร้างผลงานการแข่งขันด้วยการขึ้นโพเดี้ยมอันดับที่ 1 และ 2 ได้ถึง 3 สนาม ส่งผลให้เป็นที่จับตาในวงการแข่งรถจักรยานยนต์ในระดับโลก และเดินหน้าคว้าแต้มรั้งอยู่ในอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ แฟนความเร็วสามารถ

ร่วมส่งกำลังใจและร่วมเชียร์ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ดาวรุ่งในสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่ถูกคัดเลือกเข้าโครงการ Road To The World Class โดยจะเข้าร่วมทำการแข่งขันศึกโมโตจีพี รายการโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ในรุ่นโมโตทรี ณ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 ผ่าน Facebook แฟนเพจ : YAMAHA THAILAND RACING TEAM

ก้อง-สมเกียรติ คว้าอันดับ 7 สนามอินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์

“ก้อง-สมเกียรติ” ฟอร์มแรงต่อเนื่อง! ดีดทะยานท็อป 5 อันดับโลก โมโตทู พร้อมเดินหน้าคว้าโพเดี้ยมที่ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” รักษาผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง เก็บคะแนนขยับขึ้นรั้งอันดับ 5 ของโลก ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 หลังบิดคว้าอันดับ 7 สนามล่าสุดรายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ซึ่งก่อนเข้าสู่สุดสัปดาห์นี้ รั้งอยู่ในอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสม ออกสตาร์ตจากกริดที่ 6 ภายใต้การชิงชัยทั้งสิ้น 22 รอบสนาม

หลังออกตัว “สมเกียรติ” ทะยานขึ้นไปถึงอันดับ 3 แต่จากปัญหาการยึดเกาะของยาง ส่งผลให้นักบิดไทยต้องพยายามรักษาตำแหน่งที่ดีเอาไว้ เพื่อเก็บคะแนนสุดสำคัญ ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 7 ด้วยเวลารวม 35 นาที 4.822 วินาที

จากผลงานยอดเยี่ยม “สมเกียรติ” เก็บแต้มทะยานขึ้นไปรั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนสะสมอันดับโลกของรุ่น โมโตทู มีทั้งสิ้น 123 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันทั้งสิ้นอีก 5 สนามของฤดูกาลนี้

ทั้งนี้ โมโตจีพี 2023 สนามต่อไปจะโยกไปดวลความเร็วกันที่ ฟิลลิปไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ในศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม 2566 นี้

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

เลกซัส ร่วมฉลองครบรอบ 34 ปี คิง เพาเวอร์

เลกซัส ร่วมฉลองครบรอบ 34 ปี คิง เพาเวอร์ ช้อปปิ้งตลอดเดือนตุลาคม ลุ้นรถไฟฟ้า LEXUS RZ พร้อมรับดีล แจกฟรีวนไป

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัส กรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมฉลองครบรอบ 34 ปี คิง เพาเวอร์ อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมมอบรถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ 450e Premium มูลค่า 4.19 ล้านบาท กับแคมเปญ “King Power 34th Anniversary Delights and Surprises ช้อปวนไป เป็นไปได้ไม่รู้จบ” คืนกำไรขาช้อปนักเดินทาง อัดโปรโมชั่นเด็ดตลอดเดือน ตุลาคม 2566

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัส กรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ด้วยความสอดคล้องทางแนวคิดการดำเนินธุรกิจของ เลกซัส และ คิง เพาเวอร์ ในเรื่องของการใส่ใจต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยความรอบคอบ และประโยชน์สูงสุด พร้อมก้าวสู่องค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอน เรามีความยินดีที่จะมอบรถยนต์ LEXUS RZ 450e เป็นของรางวัลให้กับเหล่านักช้อปสายรักษ์โลก ให้ได้ลุ้นกับโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้ ในโอกาสพิเศษที่ คิง เพาเวอร์ฉลองครบรอบ 34 ปี”

นางสาวปรานต์ชญาน์ อภิลัคนานุวัต รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของ คิง เพาเวอร์ เราไม่เคยหยุดค้นหาความเป็นไปได้ในทุกมิติ ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกของไทย เราจึงจัดมหกรรมช้อปแห่งปีอย่างยิ่งใหญ่ “King Power 34th Anniversary Delights and Surprises ช้อปวนไป เป็นไปได้ไม่รู้จบ” ฉลองครบรอบ 34 ปี ตลอดเดือนตุลาคม มอบประการณ์ช้อปเหนือระดับแห่งปีที่อัดแน่นไปด้วยทัพความสุข พร้อมจับมือพันธมิตรคนสำคัญอย่าง เลกซัส ตื่นตาด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ ลุ้นรับรถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ 450e Premium มูลค่า 4,190,000 บาท แทนคำขอบคุณให้กับลูกค้า และสมาชิก คิง เพาเวอร์ ช้อปครบ 50,000 บาท รับสิทธิร่วมลุ้นจับรางวัล 1 สิทธิ์ พิเศษ! เพียงสมัครสมาชิก SCARLET และมียอดช้อปครบ 50,000 บาทในวันเดียวกัน รับทันที 2 สิทธิ์”

ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า RZ 450e NX 350h และ IS 300h ได้ที่บริเวณทางออก 1 ลานน้ำพุ ระหว่างวันที่ 18–23 ตุลาคม 2566 นี้ พร้อมรับข้อเสนอที่ดีที่สุด สิทธิ์พิเศษนี้สำหรับนักช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตลอดเดือนเกิดของ คิง  เพาเวอร์

นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเลกซัส กับบริการช่องจอดรถพิเศษบริเวณเสา J 10 เมื่อมาช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ รวมถึงส่วนลดร้านอาหารชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น OJO, MOTT 32, The Standard Grill, Tenshino และ Tenko Omakase นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม CRM สำหรับลูกค้าคนสำคัญของ เลกซัส โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม “Exclusive Private Dinner with One Michelin Star Chef  MARC BRIAND” และ “Lexus Gathering” ร่วมรับประทานอาหารที่ MOTT32 และ ขึ้นชม SKY WALK MAHANAKHON แบบ Exclusive

พบกัน ในงาน “34th Anniversary Delights & Surprises 2023” ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ- ศรีวารี – พัทยา และ ภูเก็ต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : King Power Contact Centre 1631

ติดตามข่าวสารได้ที่ : Facebook / Instagram LEXUS Thailand

และ Lexus Elite Club Application

มิตซูบิชิ เสริมทัพผู้บริหารชูไทยศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เสริมทัพผู้บริหารเน้นขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ครบวงจร ปั้นไทยเติบโตต่อเนื่อง สู่ศูนย์กลางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคและระดับโลก

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง เสริมทัพคณะผู้บริหารสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประกาศแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ มร.โนโบรุ สึจิ ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการบริษัท – และ มร.เรียวอิจิ อินาบะ ดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์การตลาด สายงานขาย สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และสายงานบริการหลังการขาย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้

มร.โนโบรุ สึจิ เริ่มต้นทำงานกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในปี 2525 และสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจยานยนต์ในตลาด ต่างประเทศมาอย่างยาวนาน อาทิ สเปน เยอรมนี ออสเตรเลีย และ อินโดนีเซีย ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในปี 2561 และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ในสายงานบรรษัทภิบาล ก่อนเดินทางมารับตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

ขณะที่ มร.เรียวอิจิ อินาบะ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์การตลาด สายงานขาย สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และสายงานบริการหลังการขาย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มต้นทำงานกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในปี 2535 ในฝ่ายวางแผนตลาดต่างประเทศ โดยต่อมาในปี 2549 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยุโรป ก่อนจะดำรงตำแหน่งเป็น ประธานคณะกรรมการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เซลส์ เนเธอร์แลนด์ ในปี 2552 และย้ายกลับไปประจำที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2555 เพื่อรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ โดยรับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบรถ ปาเจโร สปอร์ต ต่อมาในปี 2558 ได้ย้ายไปรับตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ที่ครามา ยุทธา ทิก้า เบอร์เลียน มอเตอร์ส (Krama Yudha Tiga Berlian Motors) หรือ เคทีบี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งหลังจากนั้นได้รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ครามา ยุทธา เซลส์ อินโดนีเซีย  (Mitsubishi Motors Krama Yudha Sales Indonesia: MMKSI) ในอีก 2 ปีต่อมา จากนั้นในปี 2564 ได้ย้ายกลับไปประจำที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอาเซียน บี มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้มารับตำแหน่งที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญกับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในฐานะตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ การเสริมทัพผู้บริหารในครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นหัวใจสำคัญสู่ยุทธศาสตร์แห่งการเติบโตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น โดยมีโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง พร้อมด้วยสนามทดสอบรถยนต์แห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น การที่ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานที่สำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกจากไทยไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก

มิตซูบิชิ ยกระดับคุณภาพชีวิตจ้างงานผู้พิการ ต่อเนื่องปีที่ 5

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้า “โครงการส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการ” (Disabled Employment Project) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สานต่อความมุ่งมั่นในการมอบโอกาสการทำงานและสร้างอาชีพให้แก่ผู้พิการกว่า 420 คนนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการให้มีรายได้ที่มั่นคง พร้อมช่วยส่งเสริมคุณค่าให้ผู้พิการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคม สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานเพื่อสังคมของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย”

“โครงการส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการ” เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สำนักงานจัดหางานจังหวัด และมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม โดยในปี 2566 นี้ ได้ทำการจ้างงานผู้พิการจำนวนทั้งสิ้น 62 คน แบ่งเป็นการจ้างงานโดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย 52 คน และ เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น 10 คน เพื่อช่วยเหลือผู้พิการให้ได้ทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสมในหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงราย, นครศรีธรรมราช, ขอนแก่น และชลบุรี ประกอบด้วยหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานด้านสาธารณสุข สถาบันการศึกษา มูลนิธิ และสมาคมต่างๆ

เทศบาลเมืองหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี นำโดยนายวินัย อินทร์พิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองหนองปรือ หนึ่งในหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ช่วยดำเนินการและจัดหาผู้พิการเข้าร่วมโครงการนี้ กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่โครงการนี้ ภายใต้ความร่วมมือกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สามารถช่วยสนับสนุนผู้พิการให้ได้มีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้พิการได้ตระหนักถึงศักยภาพและคุณค่าของตัวเองที่พวกเขานำมาสู่สังคม โดยเราเชื่อมั่นว่าโอกาสคือสิ่งสำคัญและหวังว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างทัศนคติที่ดี และเปลี่ยนแปลงมุมมองความคิดใหม่ให้กับคนในสังคมที่มีต่อผู้พิการต่อไป”

นายกฤษณะ ชาติบุษย์ ผู้พิการทางมือและขา ปัจจุบันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของสำนักงานเทศบาลตำบลเสม็ด จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้มาแล้ว 5 ปี ก่อนหน้านี้ ผมมีอาชีพขายของแต่รายได้ไม่มั่นคง การได้รับการจ้างงานจากโครงการนี้ ทำให้มีรายได้ประจำที่มั่นคงและยังมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น ผมขอขอบคุณมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และโครงการนี้ที่ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้พิการเข้าถึงการจ้างงานและได้มีโอกาสเท่าเทียมกับคนอื่น”

นายบุญชู สระทองจันทร์ ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ทำหน้าที่ผู้ช่วยดูแลเด็ก ที่มูลนิธิบ้านครูบุญชูเพื่อเด็กพิเศษ กล่าวว่า “ผมทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในโครงการนี้มาแล้ว 3 ปี รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งมอบโอกาสให้ผมได้ทำงานและมีรายได้มาช่วยเหลือครอบครัว”

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ส่งมอบ ORA GOOD CATให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ส่งมอบ ORA GOOD CAT รุ่น 400 PRO ให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมผลักดันนโยบายภาครัฐส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) และผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย (xEV Leader) ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat 400 PRO จำนวน 10 คัน ให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการใช้เป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งให้กับบุคลากรเพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ ร่วมส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การขับขี่ยานยนต์พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย และผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ภายในพิธีส่งมอบ ได้รับเกียรติจาก ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้รับมอบ โดยมีนายสฤษดิ์พงษ์ เพ่งเล็งผล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนในการส่งมอบในครั้งนี้

นายสฤษดิ์พงษ์ เพ่งเล็งผล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเลือกรถยนต์ไฟฟ้า 100% ORA Good Cat 400 PRO เป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งให้แก่บุคลากรของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเยาวชนไทยในระดับอุดมศึกษา เราเชื่อว่าการร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเสริมสร้างเครือข่ายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในหน่วยงานของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงในระดับสากล และยังถือเป็นการสานต่อเจตจำนงค์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทยไปพร้อม ๆ กับการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยยานพาหนะเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ”

ORA Good Cat 400 PRO เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Retro Futuristic ที่มีความโค้งมน ทันสมัย พร้อมสีสันอันหลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์บนท้องถนน ควบคู่กับประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร  รวมถึงระยะทางการขับขี่สูงสุดถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) พร้อมระบบความปลอดภัยและฟังก์ชันการอำนวยความสะดวกมากมาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอันทรงคุณภาพ เดินหน้าไปพร้อม ๆ กับภาครัฐ เอกชน และประชาชน ตอกย้ำนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับการขับขี่พลังงานสะอาดให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ยกระดับสู่การเป็นประเทศศูนย์กลางการใช้รถยนต์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมส่ง ORA 07

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพิ่มดีกรีความร้อนแรงของยานยนต์ไฟฟ้าในไทย เตรียมส่ง ORA 07 (ORA Grand Cat) รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สุดหรู สู่ตลาดพฤศจิกายนนี้

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทยส่งท้ายปี เตรียมเปิดตัว ORA 07 หรือ ORA Grand Cat ที่สาวกรถยนต์ไฟฟ้าตั้งตารอคอย เข้าสู่ตลาดยานยนต์ไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเสริมทัพไลน์อัปยานยนต์คุณภาพ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV Leader) พร้อมตอบสนองทุกความต้องการที่โดดเด่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ สะท้อนตัวตนที่แท้จริงของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

ORA 07 รถยนต์สปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง ที่กำลังจะเปิดตัวภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเข้ามาเสริมทัพยานยนต์ร่วมกับเจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Good Cat  และ ORA Good Cat GT ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ขับขี่ชาวไทย โดย ORA 07 ถูกออกแบบภายใต้ปรัชญาและกระบวนการพัฒนายานยนต์รุ่นใหม่ของอนาคต โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนายานยนต์ที่มากกว่าดีไซน์ที่โดดเด่น แต่ยังรวมไปถึงการให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปิดรับเทคโนโลยีพลังงานใหม่แบบอัจฉริยะ พร้อมกับการสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน พร้อมมอบความสะดวกสบายเสมือนการพักผ่อนในทุกขณะของการขับขี่

ORA 07 ยังโดดเด่นยิ่งกว่าที่เคยในทุกๆ มิติทั้งดีไซน์สปอร์ตอันโฉบเฉี่ยวเร้าใจ สมรรถนะเหนือระดับเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนาน นวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยสูงสุด รูปลักษณ์ภายนอกสง่างามสะกดทุกสายตากับความหรูหราและทันสมัยด้วยหลังคากระจก (Glass Roof) พาดยาวตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านหลัง ภายในดูเรียบหรูด้วยการตกแต่งสไตล์คลาสสิก แต่ยังคงความทันสมัยไว้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

นอกจากดีไซน์ที่สวยงาม สมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่อัดแน่นเตรียมมอบให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยแล้ว การเปิดตัว ORA 07 ในตลาดยานยนต์ประเทศไทยยังถือเป็นการสานต่อความสำเร็จของ ORA Good Cat ที่ได้เข้ามาปลุกกระแสของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2564 พร้อมกันนี้ยังถือเป็นการบรรลุเป้าหมายในการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทย ตาม Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวรถยนต์ 9 รุ่นภายใน 3 ปี ซึ่ง ORA 07 จะเป็นยานยนต์รุ่นที่ 9 ตามที่บริษัทฯ ได้ประกาศไว้ตั้งแต่เริ่มเข้ามาดำเนินงานในประเทศไทย

แฟนๆ เจ้าเหมียวไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้ อดใจรออีกไม่นาน เตรียมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่า ด้วยสมรรถนะและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ ORA 07 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gwm.co.th แอปพลิเคชัน GWM และช่องทางโซเชียลมีเดีย  Facebook, YouTube และ TikTok ของ GWM Thailand

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ โตโยต้า จัดอบรมสรุปความเสียหายก่อนซ่อม

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ โตโยต้า บอดี้ เซอร์วิส จัดอบรมพิเศษเสริมความรู้งานสรุปความเสียหายและการจัดซ่อม

นายศรัณย์ สอสกุล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนงานสินไหมทดแทนส่วนหลัง บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานกล่าวเปิดการอบรม “โครงการพัฒนางานสรุปรายการความเสียหายด้วยระบบ TOYOTA NEW TOPSERV”  ซึ่งบริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อเพิ่มองค์ความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างตัวถังและอะไหล่ของรถยนต์โตโยต้า รวมถึงขั้นตอนการจัดซ่อม ให้แก่ เจ้าหน้าที่สรุปรายการความเสียหาย ในสังกัด ฝ่ายปฎิบัติการภาค 6 (ภาคกรุงเทพฯ) โดยได้รับเกียรติ จาก นายเกษม บุญประภา ที่ปรึกษา บริษัท โตโยต้า บอดี้ เซอร์วิส จำกัด นำคณะวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้ในครั้งนี้ ณ ห้องประชุม Multipurpose บริษัท โตโยต้า บอดี้ เซอร์วิส จำกัด เขตบางนา กรุงเทพฯ

สำหรับการอบรมดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท โตโยต้า บอดี้ เซอร์วิส จำกัด จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการให้บริการด้านการประเมินรายการความเสียหายรถยนต์ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มองค์ความรู้เรื่องของโครงสร้างตัวถังและอะไหล่รถยนต์ ขั้นตอนการจัดซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานของรถยนต์โตโยต้า รวมถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาความเสียหายตามมาตรฐานการประเมินราคาในระบบ NEW TOPSERV ของบริษัท โตโยต้า ประเทศไทย จำกัด ให้แก่ เจ้าหน้าที่สรุปรายการความเสียหายของวิริยะประกันภัย เพื่อให้การปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างสององค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานความถูกต้องและเหมาะสม พร้อมสำหรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save