- Advertisement -
27.9 C
Bangkok
Home Blog Page 79

ไทยฮอนด้า เปิดตัว All New 650Series ที่งาน Motor Expo 2023

ไทยฮอนด้า เปิดตัว All New 650Series ติดตั้งนวัตกรรมใหม่ Honda E-Clutch พร้อมด้วย All New 500Series ยกระดับการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาดบิ๊กไบค์ช่วงปลายปี เปิดตัวโมเดลใหม่พร้อมกันถึง 5 รุ่น ในงาน ‘Thailand International Motor Expo 2023’ นำทัพโดยรถบิ๊กไบค์ตระกูล 650Series กับ ‘All New Honda CBR650R’ และ ‘All New Honda CB650R’ ที่ปรับโฉมครั้งใหญ่ มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก Honda E-Clutch ที่จะช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น และเปิดตัวรถในตระกูล 500Series กับ ‘All New Honda CBR500R’ ที่ปรับโฉมใหม่หมดทั้งคัน ตามด้วย ‘New Honda CB500 Hornet’ ดุดันยิ่งกว่าเดิม และ ‘New Honda NX500’ ดีไซน์ใหม่ สะท้อนความเป็น Adventure เต็มขั้น พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่แบบครบครันในรถ 500Series ทุกคัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) หน้าจอแบบ TFT Screen ที่ทำงานร่วมกับ Honda RoadSync นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้จัดแสดงรถบิ๊กไบค์ครบทุกสไตล์ รวมถึงรถแต่งพิเศษจาก CUB House และ Jonny Boats เรือขนาดเล็กติดตั้งเครื่องยนต์จาก Honda Marine ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้พร้อมโปรโมชันพิเศษให้ผู้ที่สนใจได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่

มร. ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “หลายปีที่ผ่านมารถบิ๊กไบค์มีบทบาทสำคัญมากต่อวงการรถจักรยานยนต์ไทย ฮอนด้ารู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาวงการรถบิ๊กไบค์ของไทย ด้วยการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ผ่านรถบิ๊กไบค์หลากหลายประเภท และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อฮอนด้าได้เปิดตัว 500Series สู่ตลาดไทย ตามด้วย 650Series จนกลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจนถึงปัจจุบัน”

“ครั้งนี้ ไทยฮอนด้าพร้อมส่งมอบความสนุกของการขับขี่ครั้งใหม่ให้กับคนไทยผ่านรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในงานนี้ถึง 5 รุ่น รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดของเรานั่นคือ Honda E-Clutch ระบบคลัชต์อิเล็กทรอนิกส์ ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อให้ทุกการขับขี่ในทุกสถานการณ์เต็มไปด้วยสมรรถนะและความนุ่มนวล โดย Honda E-Clutch จะถูกติดตั้งในรถบิ๊กไบค์คลาส 650 ซีซี เป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันเราได้ยกระดับเทคโนโลยีในรถคลาส 500 ซีซี ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนไทย”

ทั้งนี้ ไทยฮอนด้าได้เปิดตัวบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ทั้งสิ้น 5 รุ่นประกอบด้วย

ตระกูล 650Series เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ ‘All New Honda CBR650R’ และ ‘All New Honda CB650R’ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดครั้งแรกของโลก ‘Honda E-Clutch’ เทคโนโลยีการควบคุมระบบคลัตช์ด้วยไฟฟ้า ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทันทีโดยไม่ต้องกำคลัตช์ เปิดประสบการณ์ขับขี่รถบิ๊กไบค์ที่สนุก และเร้าใจ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 650 ซีซี 4 สูบแถวเรียง ตอบสนองได้ดั่งใจ ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ดูง่ายขึ้น แสดงผลครบครันชัดเจนมากยิ่งขึ้น และระบบ HSVCs (Honda Smart Voice Control System) สั่งการด้วยเสียง ผ่านแอปพลิเคชัน Honda RoadSync ที่จะช่วยสร้างความสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมกับระบบป้องกันรถเสียการทรงตัว HSTC (Honda Selectable Torque Control) มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่

• All New Honda CBR650R มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Race Like a Pro’ สปอร์ตไบค์ที่ได้รับการถ่ายทอด DNA ความเท่จากรถระดับซูเปอร์สปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ ปรับโฉมใหม่ทั้งคันให้มีความดุดันยิ่งกว่าเดิม โดดเด่นด้วยไฟหน้าคู่แบบ LED และไฟท้ายใหม่ ลงตัวกับชุดแฟริ่งดีไซน์ใหม่รอบคัน รวมถึงแฟริ่งท้ายแบบใหม่ให้ความสปอร์ตเต็มขั้น ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนมือโปรทุกครั้งที่ออกตัว โดย All New Honda CBR650R มีให้เลือก 2 สีใหม่ ได้แก่ ‘สีแดง GRAND PRIX RED’ และ ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC’ ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 327,300 บาท (รุ่นสแตนดาร์ด ไม่มี E-Clutch) โดยไทยฮอนด้าพร้อมเปิดรับจองทั้งรุ่น Standard และ รุ่น E-Clutch ภายในงาน

• All New Honda CB650R มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Ace of The Road’ บิ๊กไบค์แบบ Naked สไตล์ Neo Sport Cafe ดีไซน์สุดเท่ โดดเด่นด้วยไฟหน้ากลมแบบ LED ที่เป็นเอกลักษณ์ และเส้นสายด้านข้างที่ให้ความบึกบึน และด้านท้ายสไตล์ใหม่ให้ความสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม โดย All New Honda CB650R มีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สีใหม่ ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC’ ‘สีแดง CANDY CHROMOSPHERE RED’ และ ‘สีเทา PEARL SMOKY GRAY’ ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 312,100 บาท (รุ่นสแตนดาร์ด ไม่มี E-Clutch) โดยไทยฮอนด้าพร้อมเปิดรับจองทั้งรุ่น Standard และรุ่น E-Clutch ภายในงาน

ตระกูล 500Series เปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น ยกระดับดีไซน์ไปอีกขั้น และติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ TFT Screen ขนาด 5 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบ HSVCs (Honda Smart Voice Control System) สั่งการด้วยเสียง ผ่านแอปพลิเคชัน Honda RoadSync ยกระดับความมั่นใจด้วยระบบป้องกันรถเสียการทรงตัว HSTC (Honda Selectable Torque Control) ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่

• All New Honda CBR500R มาพร้อมกับคอนเซปต์ ‘Ignite The Race’ ปรับโฉมใหม่ทั้งคัน ยกระดับความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า ไฟท้าย และชุดแฟริ่งใหม่ ให้ความสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม โดย All New Honda CBR500R มีวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีใหม่ ‘สีแดง GRAND PRIX RED’ และ ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC’ ราคาแนะนำที่ 222,800 บาท

• New Honda CB500Hornet มาพร้อมกับคอนเซปต์ ‘Join The Hive’ ดีไซน์ดุดันแบบ Street Naked Bike ไฟหน้า ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่ พร้อมลวดลายกราฟิกสะท้อน DNA แบบ Hornet โดย New Honda CB500Hornet มีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สีใหม่ ‘สีแดง GRAND PRIX RED ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC และ ‘สีขาว PEARL HIMALAYAS WHITE’ ราคาแนะนำที่ 217,700 บาท

• New Honda NX500 มาพร้อมคอนเซปต์ ’The New Adventure Begins’ สู่อีกระดับของการเป็นรถสปอร์ตแอดเวนเจอร์แบบเต็มขั้น ด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งคัน พร้อมลุยไปในทุกเส้นทาง มาพร้อมบังลงหน้าทรงสูงช่วยลดแรงปะทะขณะขับขี่ ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ให้มีน้ำหนักน้อยลงกว่าเดิมถึง 3 กิโลกรัม ให้ทุกการผจญภัยเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ โดย New Honda NX500 มีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สีใหม่ ‘สีแดง GRAND PRIX RED’ ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC’ และ ‘สีขาว PEARL HORIZON WHITE’ ราคาแนะนำที่ 227,900 บาท

นอกจากรถบิ๊กไบค์ใหม่ทั้ง 5 รุ่นแล้ว ไทยฮอนด้ายังได้ยกทัพรถฮอนด้าบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ มาให้ผู้สนใจได้เป็นเจ้าของแบบครบครันทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ เช่นเดียวกับ Iconic Models จาก CUB House ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษจากค่ายดังไม่ว่าจะเป็น Kitaco, GCraft, Streamtails มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และในครั้งนี้ฮอนด้ายังได้นำเรือ Jonny Boats ติดตั้งเครื่องยนต์ Honda Marine มาวางจำหน่ายร่วมกับแบรนด์ CUB House เป็นครั้งแรก พิเศษโปรโมชันสำหรับ 50 ลำแรก ราคาพิเศษเพียง 74,900 บาท (จากราคาปกติ 79,900 บาท) พร้อมรับ Gift Set ประกอบไปด้วยเสื้อ Honda Marine, Handle Bar และกระเป๋ากันน้ำ พร้อมรับแพ็กเกจ Exclusive Trip ล่องเรือ Jonny Boats 2 วัน 1 คืน

สัมผัสรถรุ่นใหม่ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสำหรับงานมอเตอร์เอ็กซ์โปได้ที่ บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี

ยามาฮ่า เปิดตัว ALL NEW PG-1 ในงาน MOTOR EXPO 2023

ยามาฮ่า เปิดบูธ YAMAHA REV UP FOR YOUR STYLE เปิดตัว ALL NEW PG-1 รถครอบครัวสไตล์ใหม่ที่แรกของโลกจัดเต็มระบบ!! โปรโมชันเด็ดส่งท้ายปีทั้งสแตนดาร์ดไบค์ และบิ๊กไบค์ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 Thailand International

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เขย่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยไตยมาส 4 ส่งท้ายปี จัดทัพใหญ่เข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 (The 40th Thailand International Motor Expo 2023) ทั้งรถจักรยานยนต์สแตนด์ดาร์ดไบค์ และรถบิ๊กไบค์ พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ครั้งแรกของโลก กับ “ALL NEW YAMAHA PG-1 Live Playful Ride ใจมันส์ได้…ไปกันได้” รถไลฟ์สไตล์เอ้าท์ดอร์ที่พร้อมพาออกไปค้นพบตัวตน และความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าเส้นทางไหน ถ้าใจมันส์ได้…ก็ไปกันได้ พร้อมพบกับเครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป จัดเต็มโปรโมชันจากยามาฮ่าได้ที่ บูธ YAMAHA Rev up for your style เติมเต็มสไตล์ในแบบคุณ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี”

สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสอันดีที่ยามาฮ่าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW YAMAHA PG-1 (ออลนิว ยามาฮ่า พีจี-วัน) Live Playful Ride ใจมันส์ได้…ไปกันได้ พร้อมกับโปรโมชั่น EARLY BIRD CAMPAIGN สุดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจเพียงสั่งจองรถ ALL NEW YAMAHA PG-1 Live Playful Ride ใจมันส์ได้…ไปกันได้ ผ่านทางเว็บไซต์: http://bit.ly/PG1EarlyBird ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 66 จนถึง 11 ธ.ค. 66 เพียง 5,000 บาท เลือกรับชุดแต่ง Accessories Box Set มีให้เลือก 2 สไตล์ได้แก่ Wanderlust Camper Box Set สำหรับกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ Outdoor หรือ Naughty Tracker Box Set สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสายลุย ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณมูลค่า 10,000 บาท จำกัด 100 สิทธิ์ เท่านั้น

พร้อมกันนี้ยามาฮ่ายังยกโปรโมชันสุดพิเศษ สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 400 ซีซี ดังนี้

พร้อมกันนี้ยามาฮ่ายังยกโปรโมชันสุดพิเศษ สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 400 ซีซี ดังนี้

โปรโมชันพิเศษเมื่อซื้อรถจักยานยนต์ยามาฮ่าขนาดไม่เกิน 400 ซีซี

YAMAHA WR155R                   รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก WR

YAMAHA XSR155                    รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก XSR

YAMAHA MT-15             รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก MT

YAMAHA R15                           รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก R-Series

YAMAHA AEROX           รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 3,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

YAMAHA XMAX              รับฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

YAMAHA NMAX             รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 5,000 บาท พร้อมกระเป๋า Cooling Bag  มูลค่า 1,000 บาท

YAMAHA FAZZIO           รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท  พร้อม Gift set Fazzio คู่หูสุดเฟี้ยว ของคนวัยฟาซ พร้อมกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

YAMAHA Grand Filano Hybrid รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 1,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก Grand Filano Hybrid และกระเป๋า Cooling Bag มูลค่า 1,000 บาท

YAMAHA FINN               รับฟรี ตะกร้าหน้ารถ กันลาย หมวกกันน็อกฟินน์ พร้อมบัตร Lotus มูลค่า 500 บาท  (จำนวนจำกัด)

โปรโมชันพิเศษเมื่อซื้อรถจักยานยนต์ยามาฮ่า Big Bike

YAMAHA YZF-R7           รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 41,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA MT-09 SP                 รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 65,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA MT-09            รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 88,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA MT-07             รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 40,500 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA Tracer9 GT+  รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA Tracer9 GT               รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 55,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA Tenere700                รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA XSR900                    รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 47,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

YAMAHA TMAX             รับฟรี ประกันภัยชั้น 1

YAMAHA TMAX Tech Max      รับฟรี ประกันภัยชั้น 1

YAMAHA SR400            รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท

โปรโมชันพิเศษ สำหรับเครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ YAMALUBE

•ผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป ลด 10% ทุกรายการ

•หมวกกันน็อก *ลดสูงสุดถึง 20%

•เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ยามาฮ่า *ลดสูงสุดถึง 20%

*บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของยามาฮ่าในช่วง 1-12 ธันวาคม 2566 เท่านั้น

เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และผลิตภัณฑ์คุณภาพจากยามาฮ่า พร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษได้ที่งาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 ได้ที่บูธ YAMAHA REV UP FOR YOUR STYLE เติมเต็มสไตล์ในแบบคุณ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และอีกสองช่องทางพิเศษสำหรับเลือกซื้อเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย บนแอปพลิเคชั่นไลน์ Line Shopping เพียงค้นหาชื่อร้าน YAMAHA TYM และช่องทาง Yamaha Online Shop ที่เว็บไซต์ www.yamaha-motor.co.th คุณก็สามารถช้อปสินค้ายามาฮ่าโปรโมชันเดียวกับงาน Motor Expo 2023 แบบชิลชิลได้แล้ว

พิเศษ!!! ลูกค้ายามาฮ่าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสุดล้ำ Yamaha Smart Reward เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน พิเศษ!!! สมาชิกปัจจุบันสามารถใช้ 100 คะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่บูธ YAMAHA REV UP FOR YOUR STYLE สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th

Facebook: Yamaha Society Thailand

Instagram: @Yamaha Society Thailand

YouTube: Yamaha Society Thailand

Line OA: @Yamahasociety

ซูซูกิ ยกทัพอีโคคาร์บุกงาน Motor Expo 2023

“ซูซูกิ” ยกทัพอีโคคาร์บุกงาน Motor Expo 2023 พร้อมเปิดไอเดียธุรกิจเคลื่อนที่แนวใหม่ SUZUKI CARRY PORTABLE RESTROOM ชูแคมเปญเด็ด “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดอกเบี้ย 0% หรือ ช่วยผ่อนนาน 2 ปี

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซูซูกิ ยังคงนำรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเข้าร่วมจัดแสดงภายในงาน ภายใต้แนวคิด “Energize your drive” สื่อสารถึงยนตกรรมของซูซูกิที่เปี่ยมไปด้วยการออกแบบในสไตล์ที่โดดเด่นผสานกับเทคโนโลยีรวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา

งานมหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นงานที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงท้ายของปี ซึ่งเรามีความมุ่งหวังว่าการเข้าร่วมงานในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์ซูซูกิให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-เดือนตุลาคม 2566) ซูซูกิมียอดจำหน่ายรวมจำนวน 10,480 คัน SUZUKI SWIFT สปอร์ตคอมแพคคาร์รุ่นยอดนิยม จำนวน 4,764 คัน SUZUKI CELERIO จำนวน 2,153 คัน SUZUKI CARRY 2,125 คัน SUZUKI XL7 จำนวน 681 คัน SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID จำนวน 334 คัน และ SUZUKI CIAZ จำนวน 390 คัน โดยเชื่อมั่นว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือจะช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตสูงขึ้นอย่างแน่นอน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของยนตกรรมจากซูซูกิ ซึ่งจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ซูซูกิทุกรุ่น นำโดย SUZUKI SWIFT GL NEXT รถซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก SUZUKI SWIFT GL ที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จของรุ่นตกแต่งพิเศษหลายเวอร์ชัน และได้รับความนิยมจนสร้างยอดขายให้ซูซูกิได้เป็นอย่างดี กับแนวคิด “NEXT to the edge ขับสนุกเต็มขั้น เร้าใจเกินพิกัด” พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าซูซูกิโดยเฉพาะ

SUZUKI SWIFT GL NEXT พร้อมการตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ GL NEXT Edition ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ดีไซน์ภายในการตกแต่งด้วยลายเคฟลาร์ ตรงบริเวณคอนโซลและแผงประตูด้านข้าง จอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุที่สามารถรองรับการเล่นไฟล์ MP3, WMA เติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดการเดินทาง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสูงสุด ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงาน แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็กอีกด้วย โดยมีทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคาเริ่มต้นที่ 338,000 บาท

สำหรับรุ่นมาจัดแสดงในงาน SUZUKI CELERIO GL UP รุ่นที่เคยสร้างกระแสความคุ้มค่า ที่มาพร้อมความโดดเด่นทุกด้าน ในสไตล์ CITY CAR ตอกย้ำความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ด้วยชุดแต่งพิเศษ GL UP เติมเต็มความสปอร์ต ด้วยชุดสเกิร์ตรอบคัน พร้อมด้วยสปอยเลอร์หลัง และชุดสติกเกอร์ GL UP ในราคาจำหน่ายที่ 423,000 บาท และ SUZUKI CELERIO GX มาพร้อมกับการปรับปรุงเพื่อตอบรับทุกการใช้งานที่ครบครัน ด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่นวิทยุที่รองรับการเล่นไฟล์ MP3 และ WMA ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Apple Carplay และ Android Auto ราคาจำหน่าย 451,000 บาท

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด รถอเนกประสงค์ MPV ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ SMART HYBRID ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ SHVS จากซูซูกิ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION  ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร เสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เพราะรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี ราคาพิเศษหลังหักส่วนลดเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

SUZUKI CIAZ ฉีกกฎความคุ้มค่า ด้วยสัมผัสสบายสไตล์อีโคซีดาน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับทุกการเดินทางได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา จำหน่ายเริ่มต้นเพียง 528,000 บาท

SUZUKI XL7 รถยนต์ “Multi-Dynamic Crossover” ขนาด 7 ที่นั่ง รถยนต์สำหรับครอบครัว มิติรถขนาดใหญ่ที่มีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร ความสูง 1,710 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถ 200 มิลลิเมตร มอบวิสัยทัศน์และสมรรถนะในการขับขี่ ทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า 814,000 บาท

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต SUZUKI CARRY ไม่ได้ถูกจดจำในฐานะ “Food Truck” ธุรกิจติดล้อเพียงอย่างเดียว แต่จะกลายเป็น Goods Truck และ Service Truck ที่สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆ การช่วยเหลือสังคม รวมถึงการปรับใช้ส่วนตัวเพื่อให้กลายเป็นรถขนส่งความสุขเคียงข้างทุกเส้นทางฝัน เป็นเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ใช้ด้วยความจริงใจ พร้อมเดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ในราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท

สำหรับในโซนการจัดแสดงรถยนต์ตกแต่ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของซูซูกิในทุกปีนั้น ซูซูกิยังคงคัดสรรรถที่ตกแต่งได้อย่างน่าสนใจ เพื่อนำเสนอเป็นแนวทางสำหรับลูกค้าของซูซูกิ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเพื่อความสปอร์ตเร้าใจในการขับขี่ หรือเพื่อนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์จากรถคันโปรดของตัวเองได้อย่างแท้จริง

ไฮไลต์สำคัญ คือ การนำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY มาตกแต่งภายใต้แนวคิด Portable Restroom ยกระดับการออกแบบห้องน้ำเคลื่อนที่ให้มีความครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานทุกฟังก์ชัน ทั้งห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องสุขา โดยดีไซน์ให้มีความเป็นส่วนตัว สะดวกสบาย เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้า VIP หรือเป็นห้องน้ำ ห้องแต่งตัวส่วนตัวสำหรับศิลปิน ดารา นักแสดง ในการออกไปทำงานนอกสถานที่ สอดรับกับจุดเด่นของ SUZUKI CARRY ที่มีขนาดกะทัดรัด สามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดได้ จึงตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างครอบคลุม โดยซูซูกิได้ร่วมมือกับบริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจวัสดุตกแต่งบ้านที่ครบครันครอบคลุมหลากหลายแบรนด์ดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการจัดวางสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ SUZUKI CARRY บนพื้นฐานการใช้งานจริง  ทั้งยังมุ่งหวังให้เป็นไอเดียต้นแบบ สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่แตกต่าง จุดประกายแนวทางใหม่ให้ผู้ประกอบการ ตอกย้ำแนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนรถกระบะบรรทุกให้เป็นรถขนส่งความสุขเคียงข้างทุกเส้นทางฝันทั้งในด้านธุรกิจและการใช้ชีวิตส่วนตัว รวมถึงการช่วยเหลือสังคมเหมาะสมกับการเป็นรถที่ครองใจผู้ประกอบการตัวจริง 

สำหรับรุ่นยอดนิยม SUZUKI SWIFT นำมาตกแต่งในสไตล์ Camping ถูกออกแบบให้ลูกค้านำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สามารถบรรทุกสิ่งของบนแร็คหลังคาโดยรับน้ำหนักได้ถึง 50 กิโลกรัม บรรทุกสัมภาระได้สะดวกสบาย มาพร้อมการตกแต่งไฟหน้ารถ Smiley เพื่อเพิ่มแสงสว่างและทัศนวิสัยในเวลากลางคืน และอีกหนึ่งรุ่น เอาใจสายแต่งจากกลุ่มลูกค้าที่ชอบแต่งรถด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทันสมัย ด้วยดีไซน์สปอร์ต ดูเท่แบบลงตัว  เพิ่มสมรรถนะการใช้งานยิ่งขึ้นด้วยยาง Dunlop 195/55/R15  พร้อมชุดแต่ง Mini BBT รอบคัน คิ้วซุ้มล้อและสปอยเลอร์หลังแบบแนบอีกด้วย

ซูซูกิ ยังเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่านให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงจองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์นี้ รับแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มอบให้ลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ซูซูกิ ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซูซูกิช่วยผ่อน เดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พิเศษ! ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรกสำหรับรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น

ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี  หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศใกล้บ้าน

“SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 

SUZUKI SWIFT

          •เลือกรับข้อเสนอพิเศษ ซูซูกิช่วยผ่อนงวดละ 1,500 บาท สุงสุด 2 ปี  พร้อมดอกเบี้ย 1.99%

          •หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0%

          •หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท สำหรับรุ่น GL และ GLX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 45,000 บาท สำหรับรุ่น GL NEXT พร้อมรับข้อเสนอ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

          •พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร

          •พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CIAZ

          •เลือกรับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท

          •หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0%

          •พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร

          •พนักงานเงินเดือนและลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รับดอกเบี้ยพิเศษ กรณีเลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง

          •พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID

          •ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

          •พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร

          •พนักงานเงินเดือนและลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รับดอกเบี้ยพิเศษ

          •พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI XL7

          •เลือกรับข้อเสนอพิเศษ ซูซูกิช่วยผ่อนงวดละ 1,500 บาท สุงสุด 2 ปี พร้อมดอกเบี้ย 1.99%

          •เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0%

          •หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท*(3) พร้อมรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

          •พนักงานเงินเดือนและลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รับดอกเบี้ยพิเศษ กรณีเลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง

          •พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

          •เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท สำหรับรุ่น GA, GL และ GX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 5,000 บาท สำหรับรุ่น GL UP พร้อมรับ ข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

          •พิเศษส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร

          •พนักงานเงินเดือนและลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รับดอกเบี้ยพิเศษ กรณีเลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง

          •พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

          • รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท

          • หรือ เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%

          • หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

          • พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

หมายเหตุ : เงื่อนไขสำหรับข้อเสนอพิเศษต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี หรือโชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้าน

ฟอร์ด ขนทัพรถยอดนิยม-ชุดแต่ง จัดเต็มโปรเด็ดในมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023

ฟอร์ด ฉลองขึ้นแท่นเบอร์ 4 ยอดขายสูงสุดในไทย ฟอร์ด เรนเจอร์ กระบะพันธุ์ดุได้รับความนิยมสูงสุด ขนทัพรถยอดนิยม-ชุดแต่ง จัดเต็มโปรเด็ดในมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023

•ฟอร์ดชูยอดขายปี 2566 แกร่ง 10 เดือน 31,329 คัน โดยฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดอันดับ 3 อย่างเหนียวแน่น ทั้งในเซ็กเมนต์รถกระบะและ PPV

•ชวนซื้อรถฟอร์ดรุ่นยอดนิยมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 กับข้อเสนอสุดเร้าใจแห่งปี

•ย้ำดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัวกับกลยุทธ์ “สะดวก มั่นใจ ประทับใจ” นำเทคโนโลยีเสริมทัพบริการ

ฟอร์ด ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จในปี 2566 กับยอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก จัดเต็มนำเสนอรถยนต์ฟอร์ดยอดนิยม นำขบวนโดยฟอร์ด เรนเจอร์ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รวมถึงรถสปอร์ตระดับตำนานอย่าง ฟอร์ด มัสแตง และยังสร้างความแปลกใหม่ด้วยการนำรถแต่งดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ต้องการแสดงตัวตนผ่านรถคู่ใจมาสร้างสีสันภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 พร้อมข้อเสนอสุดเร้าใจจัดเต็มส่งท้ายปีที่บูธฟอร์ด (A02) อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี และที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศตลอดช่วงเวลาการจัดงานตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566

“ฟอร์ดยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกค้าชาวไทยมั่นใจในแบรนด์ฟอร์ด ด้วยนวัตกรรมอันโดดเด่นที่สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยอยู่เสมอ รถรุ่นย่อยใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ยังช่วยต่อยอดให้ฟอร์ดมีกระแสแรงต่อเนื่อง ประกอบกับความไว้วางใจของลูกค้าในการใช้งานนวัตกรรมบริการต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฟอร์ดมียอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย โดยในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ เราได้จัดแคมเปญพิเศษเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของรถฟอร์ดได้ง่ายยิ่งขึ้น และเรายังเอาใจลูกค้าที่รักการแต่งรถด้วยชุดแต่งพิเศษที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตรของเราโดยเฉพาะ” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ลูกค้าจะได้พบกับรถฟอร์ดยอดนิยม นำโดย

ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะเหนือระดับ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกครบครัน และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุมทุกความต้องการ นำโดย ฟอร์ด เรนเจอร์ สตอร์มแทรค ที่มาพร้อมชุดแต่งแท้จากฟอร์ด และฟอร์ด เรนเจอร์ XLS ที่มาพร้อมชุดแต่งจาก Ford x Hamer

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูง DNA ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ เจ้าของฉายา “ดุดัน ไม่เกรงใจใคร” ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่เต็มพิกัดให้กับคอออฟโรดตัวจริง

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ นำทัพโดยฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไวลด์แทรค ที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าที่รักความท้าทายและการผจญภัย พร้อมฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ที่ติดตั้งชุดแต่งแท้จากฟอร์ดให้ทุกการเดินทางมีสีสันมากขึ้น

ฟอร์ด มัสแตง รถสปอร์ตระดับตำนาน มาพร้อมแคมเปญสุดเร้าใจ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน ดาวน์ 25% พร้อมแพ็คเกจฟอร์ด พรีเมี่ยม แคร์ นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

ฟอร์ดเอาใจลูกค้าหลากหลายกลุ่มด้วยการส่งโปรโมชันสุดเร้าใจมานำเสนอที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป และที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลางาน ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมบูธฟอร์ด พร้อมพบกับข้อเสนอมากมายได้ดังนี้

•Ford Expo แรงดุดันไม่เกรงใจใคร เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน ดาวน์ 25% สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLS รุ่นสปอร์ต 4×2 เกียร์อัตโนมัติ และรุ่นไวลด์แทรค 4×4 และดอกเบี้ยพิเศษ 1.39% นาน 48 เดือน ดาวน์ 25% สำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นสปอร์ต

•อุปกรณ์ตกแต่งดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าพร้อมยกระดับประสบการณ์เป็นเจ้าของรถที่พิเศษยิ่งขึ้น อาทิ อุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ด Ford x ARB และ Ford x Hamer พร้อมแคมเปญสุดคุ้มรับโชคถึง 2 ต่อ

•โปรพิเศษสำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ซื้อรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทุกรุ่น ฟอร์ดมีแคมเปญ ดาวน์ 0% ขับฟรี 3 เดือน เมื่อจัดไฟแนนซ์ผ่านฟอร์ด ลีสซิ่ง โดยธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)

แคมเปญสำหรับรถทุกรุ่นและอุปกรณ์ตกแต่งรถมาพร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure และโปรแกรม Ford Care รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่จากโรงงานนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน 

ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าไปอีกขั้น

ฟอร์ดตอกย้ำการดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว ผ่านกลยุทธ์ “สะดวก มั่นใจ ประทับใจ” นำเทคโนโลยีมาเสริมทัพให้ลูกค้าเข้าถึงบริการของฟอร์ดได้สะดวกยิ่งขึ้น ตั้งแต่การตัดสินใจซื้อจนถึงการบริการหลังการขาย โดยนวัตกรรมบริการที่ฟอร์ดตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามียอดการใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง 10 เดือนเรกของปีนี้ โดยฟอร์ดยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ด

ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและเงื่อนไขข้อเสนอพิเศษของแคมเปญส่งเสริมการขายจากฟอร์ดได้ที่เว็บไซต์ http://www.ford.co.th และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center โทร 1383

ฮอนด้า จัดแสดงยนตรกรรมทุกไลน์อัป ในงาน Motor Expo 2023

ฮอนด้า จัดแสดงยนตรกรรมทุกไลน์อัป ในงาน Motor Expo 2023 นำโดยไลน์อัป e:HEV ได้แก่ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ และไลน์อัป SUV ได้แก่ ซีอาร์-วี ใหม่ จัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0% พร้อมมอบ Honda Exclusive Care เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายขึ้น

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำตลาด xEV และ SUV ยกทัพยนตรกรรมแบบจัดเต็มในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นำโดย ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ พร้อมด้วยยนตรกรรมหลากหลายรุ่นในไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV อีกทั้งยนตรกรรมไลน์อัป SUV นำโดย ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่  และยนตรกรรมไลน์อัปเทอร์โบ ณ บูทฮอนด้า (A15) อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566 โดยจัดเต็มข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งแคมเปญ “โปรแรงฮอนด้าส่งท้ายปี” ด้วยดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% หรือดาวน์ 0% หรือฮอนด้าช่วยผ่อนนาน 12 เดือน พร้อม Honda Exclusive Care สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 หรือทางเลือกพิเศษ Double Smile Plus ดาวน์น้อยเริ่มต้นเพียง 5% ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,367 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 รวมถึงแคมเปญ “Honda Double Happy, Double Lucky ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง” โปรใหญ่ส่งท้ายปีให้ลูกค้ามีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลถึงสองต่อ รวมทั้งสิ้น 3,030 รางวัล มูลค่ากว่า 52 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นใดก็ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 ลูกค้าที่สนใจสามารถรับข้อเสนอพิเศษเดียวกันนี้ได้ที่งาน Motor Expo 2023 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

พิเศษ ในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2566  เวลา 16.30 – 17.30 น. เอาใจชาวด้อมคุณหนูกับกิจกรรม “One Moment with Gemini – Fourth” กับ 2 นักแสดงหนุ่มสุดฮอต “เจมีไนน์ – นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์” และ “โฟร์ท – ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล” พร้อมร่วมกิจกรรมทายใจ เจมีไนน์ – โฟร์ท เพื่อลุ้นรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่บูทฮอนด้า

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้าขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนรถยนต์กลุ่ม e:HEV ของฮอนด้า ซึ่งทำให้ฮอนด้าสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาด xEV ในไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลน์อัป e:HEV ในหลากหลายเซกเมนต์ เพื่อให้เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันและชีวิตประจำวันของลูกค้า เพื่อมอบอิสระในการขับขี่ได้อย่างไร้กังวล ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น จากการผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์ e:HEV ทุกรุ่นของฮอนด้า ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING อีกด้วย ซึ่งนับเป็นไฮไลต์ที่สำคัญของบูทฮอนด้าในปีนี้ และเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายขึ้น จึงมาพร้อมโปรแรงส่งท้ายปี ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care) เพื่อดูแลลูกค้าให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ”

สำหรับยนตรกรรมไฮไลต์ที่จัดแสดงภายในงาน ได้แก่

ยนตรกรรมไลน์อัป e:HEV นำโดย ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมแฟลกชิปซีดาน โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตสะท้อนความหรูหราทั้งภายนอกและภายใน สมรรถนะการขับขี่ทรงพลังด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย ตอบสนองทันใจด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT ที่ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ มอบพลังการขับเคลื่อนที่ไร้กังวลในทุกเส้นทาง และประหยัดน้ำมันสูงถึง 25 กม./ลิตร มั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย พร้อมหลากหลายเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานอันล้ำสมัย* อาทิ Google built-in ปุ่ม Experience Selection Dial ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกในแอคคอร์ด อีกทั้งมั่นใจด้วยหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ* อาทิ ถุงลม 8 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL) เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด เป็นต้น มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ด้วยราคาเริ่มต้น 1,529,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ*** อาทิ ดอกเบี้ยพิเศษ พร้อม “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” เมื่อจองและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หรือทางเลือก ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นน้อย ผ่อนต่อเดือนต่ำ เมื่อจองและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 พร้อมรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และข้อเสนอสุดพิเศษ เมื่อนำรถยนต์ยี่ห้อใดก็ได้มาขายและออกรถ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่ม บัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

ยนตรกรรมไลน์อัป SUV นำโดย ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวี โดยล่าสุดได้รับรางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 (Thailand Car of The Year 2023) จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ตอกย้ำความเชื่อมั่นในความเป็นเอสยูวีที่ยอดเยี่ยมในทุกมิติและเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งในทุกมิติ มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร (รุ่น e:HEV ES) และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85 มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS) ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์กับเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง มั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับพรีเมียม* มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ*** อาทิ ดอกเบี้ยพิเศษ พร้อม “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 หรือทางเลือก ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นน้อย ผ่อนต่อเดือนต่ำ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 พร้อมรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับรุ่นย่อย e:HEV

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบ Outdoor ในโซนจัดแสดงกลุ่ม SUV ยังได้นำเรือเล็ก Jonny Boats Bass 100 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ติดท้ายเรือชนิด Outboard ของ Honda Marine รุ่น BF2.3 HP ที่ทาง บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้ร่วมพัฒนาภายใต้แบรนด์ Honda Marine มาจัดแสดงเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสยนตรกรรม โดยเรือที่นำมาจัดแสดงเป็นสี Blue Gray พร้อมที่นั่งในเรือคายัค และอุปกรณ์เสริมต่างๆ

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังจัดเต็มด้วยทัพยนตรกรรมในหลากหลายเซกเมนต์ เพื่อให้ลูกค้าเลือกเป็นเจ้าของได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ*** ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% หรือดาวน์ 0% หรือฮอนด้าช่วยผ่อนนาน 12 เดือน พร้อม “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 หรือทางเลือก ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นน้อย ผ่อนต่อเดือนต่ำ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 พร้อมรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับไลน์อัป e:HEV นำโดย

-ไลน์อัปยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ฮอนด้า ซีวิค ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี

-ไลน์อัปยนตรกรรมเทอร์โบ ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก และฮอนด้า ซีวิค

-พร้อมด้วยยนตรกรรมรุ่นอื่น ๆ ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย นำโดย ฮอนด้า บีอาร์-วี และฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่

ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทรถยนต์ฮอนด้า (A15) ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566 พร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษที่แตกต่างกันสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่น ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกันทั้งภายในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777

อีกทั้งสามารถลงทะเบียนทดลองขับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นใดก็ได้ ในแคมเปญ Happy Day Happy Drive ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 – 31 ธันวาคม 2566 ผ่าน www.honda.co.th/testdrive ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับฟรี! กระเป๋าอเนกประสงค์ (Honda Utility Bag ) มูลค่า 280 บาท***

หมายเหตุ :

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

** เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ ตลอดจนเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่บริษัท ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญ “โปรแรงฮอนด้าส่งท้ายปี ข้อเสนอเดียวกับ Motor Expo 2023” สำหรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ร่วมรายการและทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการเมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566

•ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 31,450 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,367 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)”  ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 38,450 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 7,341 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)”  ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 29,950 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,568 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 42,450 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 9,353 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 4,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 48,950 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 4,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 10,321 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ซีวิค มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 4,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 48,245 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 4,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 10,108 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)”  ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 4,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 56,450 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 4,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 12,592 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,950 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 8,596 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า บีอาร์-วี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 45,750 บาท พร้อมแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 10,352 บาท (หลังหักค่าช่วยผ่อนแล้ว)

•ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่น E, ES 4WD และ EL 4WD มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 2.29% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 70,950 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 21,483 บาท

•ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 2.29% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 79,450 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 24,056 บาท

•ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 2.29% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อจองและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นเพียง 76,450 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 23,148 บาท ข้อเสนอสุดพิเศษ เมื่อนำรถยนต์ยี่ห้อใดก็ได้มาขายและออกรถ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ที่โชว์รูมของผู้จำหน่าย รับเพิ่ม บัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท

รายละเอียดรางวัล การจับรางวัล และประกาศรางวัลแคมเปญ “Honda Double Happy, Double Lucky ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง”

ต่อที่ 1 ลุ้นรับรางวัลบัตรน้ำมันทุกเดือน ตลอดแคมเปญ รวม 3,000 รางวัล มูลค่า 40 ล้านบาท

โดยแบ่งการจับรางวัลเป็น 4 ครั้ง ได้แก่

-ครั้งที่ 1 – บัตรเติมน้ำมันจำนวน 300 รางวัล สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ต.ค. 2566 จับรางวัลวันที่ 16 พ.ย. 2566 เวลา 14.00 น. และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 28 พ.ย. 2566 โดยรางวัลประกอบด้วย

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท จำนวน 100 รางวัล

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท จำนวน 200 รางวัล

-ครั้งที่ 2 – บัตรเติมน้ำมัน จำนวน 600 รางวัล สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – 30 พ.ย. 2566 จับรางวัลวันที่ 14 ธ.ค. 2566 เวลา 14.00 น. และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 25 ธ.ค. 2566 โดยรางวัลประกอบด้วย

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท จำนวน 200 รางวัล

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท จำนวน 400 รางวัล

-ครั้งที่ 3 – บัตรเติมน้ำมัน จำนวน 900 รางวัล สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ธ.ค. 2566 จับรางวัลวันที่ 18 ม.ค. 2567 เวลา 14.00 น. และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 30 ม.ค. 2567 โดยรางวัลประกอบด้วย

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท จำนวน 300 รางวัล

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท จำนวน 600 รางวัล

-ครั้งที่ 4 – บัตรเติมน้ำมัน จำนวน 1,200 รางวัล สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ม.ค. 2567 จับรางวัลวันที่ 8 ก.พ. 2567 เวลา 14.00 น. และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 22 ก.พ. 2567 โดยรางวัลประกอบด้วย

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท จำนวน 400 รางวัล

•บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท จำนวน 800 รางวัล

หมายเหตุ :

ชิ้นส่วนรายชื่อที่เหลือจากการจับรางวัลในแต่ละครั้ง ทางบริษัทฯ จะนำมารวมเพื่อจับรางวัลครั้งต่อไปในระยะเวลาแคมเปญ

ต่อที่ 2 ลูกค้าทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ ในการจับรางวัลครั้งสุดท้าย รวม 30 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์ฮอนด้าในไลน์อัปเอสยูวี 4 รุ่น จำนวน 10 คัน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ พลัส (GIORNO+) รุ่น ABS จำนวน 20 คัน สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ฮอนด้า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ม.ค. 2567 โดยจะทำการจับรางวัลวันที่ 14 มี.ค. 2567  เวลา 14.00 น. และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 28 มี.ค. 2567 โดยรางวัลประกอบด้วย

– รถยนต์ ฮอนด้า รุ่น ซีอาร์-วี ใหม่ เกรด e:HEV RS 4WD สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 1,729,000 บาท

– รถยนต์ ฮอนด้า รุ่น ซีอาร์-วี ใหม่ เกรด EL 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 1,661,000 บาท 

– รถยนต์ ฮอนด้า รุ่น เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี เกรด e:HEV RS สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) หลังคาสีดำ (ทูโทน) จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่า 2,378,000 บาท

– รถยนต์ ฮอนด้า รุ่น บีอาร์-วี เกรด EL สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 2,931,000 บาท

– รถยนต์ ฮอนด้า รุ่น ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ เกรด RS สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) หลังคาสีดำ (ทูโทน) จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 2,637,000 บาท 

– รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ พลัส (GIORNO+) รุ่น ABS จำนวน 20 รางวัล รวมมูลค่า 1,338,000 บาท

บริษัทฯ จะทำการจับรางวัลผู้โชคดี ณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการขายและบริการ และศูนย์ฝึกอบรม เลขที่ 27 หมู่ 14 ซอยเสรีไทย 87 ถนนเสรีไทย แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. 10510 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีครั้งที่ 1 – 5 ผ่านทาง www.honda.co.th

บีเอ็มดับเบิลยู ยกทัพสุดยอดยนตรกรรมสู่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างการเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาบริการหลังการขาย พร้อมยกทัพสุดยอดยนตรกรรมรุ่นล่าสุดสู่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40

  • ยอดจดทะเบียนบีเอ็มดับเบิลยูในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ครองตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์พรีเมียมอย่างต่อเนื่อง
  • ยอดจดทะเบียนบีเอ็มดับเบิลยู Luxury Class เติบโต 17% ขณะที่กลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของบีเอ็มดับเบิลยู มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 341%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
  • ต่อความอุ่นใจให้กับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิแม้พ้นระยะ BSI/MSI ด้วยแพ็คเกจ Service Inclusive ครอบคลุมบริการบำรุงรักษาต่ออีก 3 ปี / 40,000 กิโลเมตร พร้อมรับส่วนลดสำหรับอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 25% จากโปรแกรม Care and Value Added
  • สัมผัสกับไฮไลท์รถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ณ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red รถยนต์ตระกูล M ที่มาพร้อมกับสมรรถนะสูงสุดเท่าที่เคยมีมา บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู i5 มินิ คลับแมน Final Edition และบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure ในสี Racing Blue Metallic ใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าก้าวสู่อีกระดับของโลกแห่งยนตรกรรมและการขับเคลื่อนสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยยอดจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 พัฒนาทั้งด้านการขายสำหรับลูกค้าใหม่ ด้วยทัพยนตรกรรมใหม่หลากหลายรุ่นพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 และยกระดับการบริการหลังการขายสำหรับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยแพ็คเกจ Service Inclusive สร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าแม้พ้นระยะ BSI/MSI ด้วยบริการบำรุงรักษาต่อเนื่องอีก 3 ปี/40,000 กิโลเมตร โดยงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 จะจัดขึ้น ณ อาคาร IMPACT Challenger 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ภายใต้แนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า” โดยผู้ร่วมงานจะได้ยลโฉมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่นจากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมตื่นตาไปกับยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่มาเผยโฉมในงานนี้โดยเฉพาะ

มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เรามุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศในผลิตภัณฑ์ สะท้อนให้เห็นจากการที่ลูกค้ามอบความไว้วางใจให้กับเรา และส่งผลให้เรายังคงสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2566 ด้วยยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวมทั้งหมด 12,304 คันในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมนับเป็นการสร้างสถิติยอดจดทะเบียนรวมตลอด 10 เดือนแรกที่สูงที่สุดสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูประเทศไทย

“นอกจากนี้ ในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของบีเอ็มดับเบิลยู มียอดจดทะเบียนในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เติบโตสูงขึ้นถึง 341% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า โดย ณ ปัจจุบัน มียนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นำเสนอแก่ลูกค้าถึง 7 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i5, บีเอ็มดับเบิลยู i7, มินิ คูเปอร์ เอสอี และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู CE 04 ในขณะเดียวกัน รถยนต์หรูในกลุ่ม Luxury Class ของบีเอ็มดับเบิลยูยังมีการเติบโตจากช่วงมกราคมถึงเดือนตุลาคมปีก่อนหน้าถึง 46% ซึ่งลูกค้าจะได้สัมผัสรถยนต์กลุ่มนี้ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ครบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู XM, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 และบีเอ็มดับเบิลยู X7” มร. บารากากล่าว

สำหรับไฮไลท์รถยนต์ภายในงาน บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red นำทัพสุดยอดยนตรกรรม โดยเป็นรถยนต์ในตระกูล XM ซึ่งผลิตมาในจำนวนจำกัดและยังถือเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M ที่มาพร้อมสมรรถนะสูงสุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ที่ออกแบบมาเพื่อมอบทางเลือกใหม่ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ที่ยังคงให้ประสบการณ์การขับขี่ไดนามิคแบบซีดานอย่างแท้จริงตามแบบฉบับในซีรีส์ 7 ส่วนแฟน ๆ ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ตเตรียมพบประสบการณ์ใหม่ที่เร้าใจแบบคูเป้จากรถยนต์ในซีรีส์ 4 กับบีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupe M Sport โดยทั้งสามรุ่นพร้อมรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สำหรับแฟน ๆ มินิเตรียมสัมผัส มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Final Edition ในรูปแบบแฮทช์ 5 ประตู เจ้าของคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่มาในสีล่าสุดไม่เหมือนใคร และมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Mayfield Edition ซึ่งถักทอแรงบันดาลใจมาจากความสวยงามและเงียบสงบของทุ่งลาเวนเดอร์ในย่านเมย์ฟิลด์ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ซึ่งรถสองรุ่นพิเศษนี้ผลิตมาในจำนวนจำกัด โดยมินิ คลับแมน Final Edition มีจำหน่ายเพียง 50 คัน และมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ Mayfield Edition มีจำหน่ายเพียง 12 คันในประเทศไทยเท่านั้น

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เตรียมก็ได้ส่งมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่นสู่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure มาในสี Racing Blue Metallic ใหม่ ที่จะมาเติมความสมบูรณ์แบบให้กับสุดยอดมอเตอร์ไซค์แบบเอ็นดูโร่ พร้อมพาเหล่านักบิดค้นหาความเป็นไปได้ในทุกเส้นทาง

แพ็คเกจบำรุงรักษารถยนต์ (Service Inclusive) สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่พ้นระยะ BSI/MSI*

สัมผัสความสุขในการขับขี่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยแพ็คเกจบริการดูแลบำรุงรักษาที่ได้รับการดีไซน์มาเพื่อเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่พ้นระยะ BMW Service Inclusive หรือ MINI Service Inclusive (ไม่เกิน 15 เดือน) โดยแพ็คเกจบริการดังกล่าวครอบคลุมการดูแลบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร ประกอบด้วยบริการ 7 รายการ ได้แก่ เปลี่ยนถ่ายและเติมน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบสภาพรถยนต์ เปลี่ยนไส้กรองอากาศ เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์ เปลี่ยนหัวเทียน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก โดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการรับรองจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เพื่อให้เจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสบายใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ผ่านการรับรองด้วยอะไหล่แท้จากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิในแพ็คเกจที่คุ้มค่าที่สุด และเมื่อรวมกับโปรแกรม Care and Value Added ที่ให้ส่วนลดค่าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุดถึง 25% เจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสามารถอุ่นใจได้ยิ่งกว่าที่เคยตลอดระยะเวลาการขับขี่

รุ่นราคา (บาท)
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1, ซีรีส์ 233,600
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3, ซีรีส์ 433,600
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5, ซีรีส์ 639,000
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 748,800
บีเอ็มดับเบิลยู X1, X233,600
บีเอ็มดับเบิลยู X3, X435,600
บีเอ็มดับเบิลยู X5, X647,400
มินิ32,300

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/special-offers/si-package-for-non-bsi-vehicles.html เฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Thailand หรือติดต่อผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

ข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40

ลูกค้าที่เลือกซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และเลือกทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย จะได้รับข้อเสนอพิเศษ ดังนี้*

รุ่นข้อเสนอ
บีเอ็มดับเบิลยู 220i Gran Coupe M Sportดาวน์เริ่มต้น 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี สำหรับสัญญาฯ เช่าซื้ออัตราดอกเบี้ยคงที่ สัญญาฯ เช่าซื้อแบบมีบอลลูน และสัญญาฯ เช่าทางการเงินฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปี สำหรับสัญญาฯ Freedom Choice
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport
(รุ่นก่อนปรับโฉม) บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport
(รุ่นก่อนปรับโฉม) บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport
(รุ่นก่อนปรับโฉม) บีเอ็มดับเบิลยู 630i GT M Sport บบีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport
ดาวน์เริ่มต้น 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี สำหรับสัญญาฯ เช่าซื้ออัตราดอกเบี้ยคงที่ สัญญาฯ เช่าซื้อแบบมีบอลลูน และสัญญาฯ เช่าทางการเงินฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 2 ปี สำหรับสัญญาฯ Freedom Choice
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18i บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport บีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sportดาวน์เริ่มต้น 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี สำหรับสัญญาฯ เช่าซื้ออัตราดอกเบี้ยคงที่ ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 2 ปี สำหรับสัญญาฯ เช่าซื้อแบบมีบอลลูน สัญญาฯ เช่าซื้อทางการเงิน และสัญญาฯ Freedom Choice  
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 530e Elite บีเอ็มดับเบิลยู 530e Luxury บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sportฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 3 ปี สำหรับสัญญาฯ Freedom Choice หรือ ดาวน์ 0% และอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อ หรือ ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และอัพเกรด BSI นาน 10 ปี สำหรับสัญญาเช่าซื้อแบบมีบอลลูนหรือสัญญาเช่าทางการเงิน
บีเอ็มดับเบิลยู i5 xDrive M60 บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sportฟรี Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive35 M Sport บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sport บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport
Gran Lusso
ดาวน์เริ่มต้น 25% พร้อมดอกเบี้ย 0%ฟรี Wallboxฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี  

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/special-offers/bmw-nov-2023-offer.html เฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Thailand หรือติดต่อ BMW Contact Centre 1397

ข้อเสนอสุดพิเศษจากมินิ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40

แฟน ๆ มินิ ที่เลือกซื้อรถยนต์มินิภายในงาน หรือภายใน 1 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2566 และมีกำหนดส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และเลือกทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย จะได้รับข้อเสนอพิเศษ ดังนี้*

รุ่นข้อเสนอ
มินิ คูเปอร์ เอสอี ผ่อนเริ่มต้นเพียงวันละ 380 บาทดอกเบี้ย 0%ฟรี ระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน MINI Wall Charger ฟรี ข้อเสนอ MINI Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี*   หรือ   ไม่ต้องดาวน์ดอกเบี้ย 0%ฟรี ระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน MINI Wall Charger ฟรี ข้อเสนอ MINI Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี*
มินิ คันทรีแมนดอกเบี้ย 0%ผ่อนเริ่มต้น เดือนละ 12,500 บาทรับข้อเสนอพิเศษค่าบำรุงรักษา MSI นานสูงสุด 10 ปี*ฟรี ข้อเสนอ MINI Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปี*ฟรี Staycation Gift Voucher 1 คืน สำหรับโรงแรมในกรุงเทพ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mini.co.th/en_TH/home.html เฟซบุ๊กแฟนเพจ MINI Thailand หรือติดต่อ MINI Contact Centre 1397

ข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับแฟน ๆ มอเตอร์ไซค์ ดังนี้*

รุ่นข้อเสนอ
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 Rดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 5 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XRดอกเบี้ย 1% นานสูงสุด 5 ปีฟรี กระเป๋าติดข้างมอเตอร์ไซค์ 2 ใบ
บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GSฟรี กล่องติดท้ายมอเตอร์ไซค์
บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RRประกันภัยชั้นหนึ่ง สูงสุด 1 ปี  
บีเอ็มดับเบิลยู R 18 บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic บีเอ็มดับเบิลยู R 18 B บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Transcontinental  ประกันภัยชั้นหนึ่ง สูงสุด 1 ปีส่วนลดสูงสุด 160,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventureฟรี กล่องติดข้างมอเตอร์ไซค์ 2 ใบ
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GSฟรี กล่องติดข้างมอเตอร์ไซค์ 2 ใบ และแครชบาร์ประกันภัยชั้นหนึ่ง สูงสุด 1 ปีแพ็คเกจบำรุงรักษา BMW Motorrad Service Inclusive (BMSI) สูงสุด 3 ปี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

อีซูซุ ยกทัพยนตรกรรม ลุยงาน “Motor Expo 2023”

อีซูซุ ยกทัพยนตรกรรม “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อม “เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลุยงาน “Motor Expo 2023”

อีซูซุส่งรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก มาพร้อมดีไซน์ใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ใช้รถ เสริมทัพด้วยรถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรู “เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่กับ Passion ไม่สิ้นสุด มาพร้อมกับบูธในคอนเซ็ปต์ “Unlock Subculture Experience” ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่าง พร้อมปลดล็อกทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ของการเดินทาง มาจัดแสดงเต็มพื้นที่รวมทั้งสิ้น 15 คัน ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (Thailand International Motor Expo 2023) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีซูซุได้ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นแบรนด์รถปิกอัพอันดับ 1 ของเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวรถ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ จัดเต็มทุกไลน์อัพ นำโดย “ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” รวมถึงรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” และ“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมสีส้มใหม่ Namibu Orange Mica (ส้มนามิบูไมก้า) ด้านหน้าใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า ราคาตั้งแต่ 650,000 – 1,264,000 บาท นอกจากนี้อีซูซุยังจัดแสดงรถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรู “เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่กับ Passion ไม่สิ้นสุด ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันชาญฉลาด รวมถึงการตกแต่งบูธภายใต้คอนเซปต์ Sense of Scent ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมชมบูธได้ผ่อนคลายกับกลิ่นหอมสุดพิเศษที่อีซูซุร่วมกับ THANN แบรนด์สปาจากธรรมชาติ พร้อมด้วยรถแต่งพิเศษหลากหลายสไตล์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถ”

สำหรับรถที่นำมาจัดในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” จัดเต็มทั้งรถมาตรฐานจากโรงงาน และรถแต่งพิเศษ รวม 15 คัน ได้แก่

รถรุ่นมาตรฐาน

•“ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ 4 ประตู เกรด M มาพร้อมสีใหม่ล่าสุด ส้มนามิบูไมก้า และสีขาวมุกโดโลไมท์ ปลดล็อกทุกความท้าทายกับความแข็งแกร่ง ดุดัน เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ ด้วย ใหม่! ระบบ Rough Terrain Mode ช่วยให้ผ่านอุปสรรคด้วยการควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว รวมถึงระบบแสดงองศามุมปีนไต่ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตาด้วย ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วย ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว กระจังหน้าแบบ 3-Dimension สีเทาดำ และ Black Chrome กันชนหน้าออกแบบใหม่พร้อม Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู โดดเด่นด้วยฝาท้ายใหม่ และไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Rugged & Wild สี Matte Black เท่ แกร่ง ดุดัน สะท้อนเอกลักษณ์แห่งพรีเมียมสปอร์ตออฟโรด ภายในยกระดับความสะดวกสบายสไตล์พรีเมียม เพิ่มความโดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) หรูหรามีมิติ ภายใต้แนวคิด High-Class & Sophisticated เน้นสีทูโทน ดำ-น้ำตาล ห้องโดยสารกว้าง แผงคอนโซลหน้า Sharp Horizontal Layers เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทาง เบาะดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 เติมเต็มความบันเทิงด้วยหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay พร้อมMultitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ปลอดภัยด้วย ใหม่! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน รวมถึงระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) และ ใหม่! ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)

•ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เกรด M สีดำบาวาเรียน และเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 สีเทาไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ ระดับ TOP CLASS ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว เปลี่ยนนิยามคำว่าปิกอัพให้เหนือระดับ ด้วยดีไซน์ที่ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น ภายนอกมาพร้อมกับไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดัน สะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey ระบบ Air Curtain ใหม่ ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู โดดเด่นด้วยฝาท้ายใหม่ และไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น และ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Turbine Spiral ภายในโดดเด่นด้วยห้องโดยสารพรีเมียม ตามแนวคิด High-Class & Sophisticated สะท้อนความหรูหรา โทนสีดำเงิน เสริมความประณีตด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ออกแบบการใช้งานตามหลัก Usability Design พร้อมหน้าจอ Multitasking System ปลดล็อกสู่ประสบการณ์การเดินทางอีกขั้นที่ลงตัวในทุกมิติ หน้าจอ Integrated MID ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์ เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Infotainment Display เบาะดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลังเติมเต็มความบันเทิง ด้วยหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง แบบ Dynamic Surround Sound ปลอดภัยด้วยใหม่! ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน และระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อม ใหม่! ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)

•“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” เครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 เกรด L สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า ที่ถูกออกแบบให้ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผสานสมรรถนะความทนทาน และความประหยัดน้ำมัน ขั้นสุด ตกแต่งภายนอก ใหม่! ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดัน สะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey ระบบ Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู โดดเด่นด้วยฝาท้ายใหม่ และไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น และล้อ   อัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์แบบ Turbine Spiral ภายในโดดเด่นด้วยห้องโดยสารพรีเมียม ตามแนวคิด High-Class & Sophisticated  สะท้อนความหรูหรา โทนสีดำเงิน เสริมความประณีตด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ออกแบบการใช้งานตามหลัก Usability Design พร้อม Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว เติมเต็มความบันเทิงด้วยหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay พร้อมกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

•“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” เครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 เกรด L สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก ตอบโจทย์ด้านสมรรถนะ ความทนทาน และประหยัดน้ำมันขั้นสุด ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ เพื่อชีวิตที่สะดวกลงตัว มาพร้อมไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดันสะกดทุกสายตากับ สี Silky Silver และ Dark Grey ระบบ Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู โดดเด่นด้วยฝาท้ายใหม่ และไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย ภายในห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) เบาะผ้าดีไซน์ใหม่ และหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

•“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” เครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจน 2 เกรด L สีเทา ไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ไปได้ไกลกว่า ออกแบบให้สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผสานสมรรถนะความทนทาน และความประหยัดน้ำมันขั้นสุด ใหม่! กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ดุดันสะกดทุกสายตากับสี Silky Silver และ Dark Grey ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ เอกลักษณ์ใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว ระบบ Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู พร้อมไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น และล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย ภายในห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย “Miura” Design (“มิอุระ” ดีไซน์) ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay เบาะผ้าดีไซน์ใหม่ และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ Built-in พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide

•เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์ รุ่นพิเศษ! “PHANTOM COLLECTION” รุ่น 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีขาวมุกโดโลไมท์ และ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีเทาไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) สปอร์ต เอสยูวี ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา โทนสีดำ และภายนอกเร้าใจกับล้ออัลลอย Gloss Black ขนาด 20 นิ้ว เบาะนั่งดีไซน์พรีเมียม หรูหราสีดำตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ โอบกระชับพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ฝาท้ายแบบ Smart Tailgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor หน้าจอระบบ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Android Auto และ Wireless Apple CarPlay มาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS แบบมีกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

•“เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์ รุ่น Ultimate” รุ่น 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีเงินโบฮีเมียน มาในคอนเซ็ปต์ “be UNCHARTED” หมุดหมายใหม่ กับ Passion ไม่สิ้นสุด ตอบโจทย์ความหลงใหลในการใช้ชีวิต ทั้งในด้านดีไซน์ และความสะดวกสบาย เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันชาญฉลาด ตลอดจนความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างจากรถอเนกประสงค์ที่คุณเคยสัมผัส ภายในกว้างขวางในโทนสี Macchiato Brown สีน้ำตาลเทาสลับสีน้ำตาลเข้มให้อารมณ์นุ่มลึก เพิ่มอารมณ์หรูด้วยวัสดุ Piano Black และ Chrome เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ADAS แบบมีกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน สะดวกสบายยิ่งกว่าด้วย ฝาท้าย Smart Tailgate แบบ Step Sensor สนุกกับการใช้ชีวิตที่หลากหลายควบคู่ไปกับการใช้งานอเนกประสงค์ระดับหรูหรา โดดเด่น เข้ม เต็มอารมณ์สปอร์ต อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

รถแต่งพิเศษ

•“ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ 4 ประตู มาพร้อมสีใหม่สุด ส้มนามิบูไมก้า จัดเต็มสไตล์แคมปิ้งด้วยชุดแต่ง TJM รอบคัน เท่ลงตัวด้วยชุดช่วงล่างจาก TJM ดุดันด้วยล้ออัลลอย TJM รุ่น KONG เติมเต็มประสิทธิภาพบนทุกสภาพถนนด้วยยาง BRIDGESTONE Dueler AT002 ขนาด 265/60 R18 สำหรับรถปิกอัพโดยเฉพาะ เพิ่มประโยชน์ใช้สอยยิ่งขึ้นด้วย ฝาปิดกระบะไฟฟ้า AEROKLAS E-ROLLER LID รวมมูลค่าชุดแต่ง 384,820 บาท

•“ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4×4” เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ 4 ประตู สีเทาไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) โดดเด่นสไตล์ออฟโรดด้วยชุุดแต่ง IRONMAN 4×4 รอบคัน ทั้งกันชนหน้าแบบสามเขา กันชนหลังแบบเต็ม รองรับโซนาร์และเซ็นเซอร์รอบคัน เสริมความเท่ด้วยการ์ดกันกระแทกด้านข้าง (ไซด์เรล) และบันไดข้าง เสริมสมรรถนะด้วยชุดช่วงล่าง โช๊คอัพสตรัทคู่หน้าชนิดโฟมเซลล์ พร้อมคอยล์สปริงหน้า และโช๊คอัพคู่หลังชนิดโฟมเซลล์แบบวาล์วจาก IRONMAN 4×4 เติมเต็มประสิทธิภาพบนทุกสภาพถนนด้วยยาง BRIDGESTONE Dueler AT002 ขนาด 265/60 R18 สำหรับรถปิกอัพโดยเฉพาะ รวมมูลค่าชุดแต่ง 268,260 บาท

•“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เกรด M สีขาวมุกโดโลไมท์ ตกแต่งสไตล์สปอร์ตเรียบหรูด้วยล้ออัลลอย จาก LENSO รุ่น JAGER BAROX ขนาด 20 นิ้ว มาพร้อมกับยาง BRIDGESTONE ECOPIA H/L100 ขนาด 265/50 R20 มั่นใจกับชุดช่วงล่าง EXPLORAR รุ่น RUNNING-X พร้อมชุดเบรก RUN STOP R3 Caliper แบบ 4POT พร้อมจานเบรกหน้าขนาด 355 มม. และจานเบรกหลังขนาด 320 มม. รวมมูลค่าชุดแต่ง 175,600 บาท

•“เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์ รุ่น Ultimate” เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ สีดำ บาวาเรียน เท่ หรู ลงตัวเหมาะกับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ เสริมความเท่อย่างลงตัวด้วยล้ออัลลอย LENSO รุ่น JAGER VENTUS ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง BRIDGESTONE Dueler AT002 ขนาด 265/50 R20 เสริมสมรรถนะด้วยชุดช่วงล่าง EXPLORAR รุ่น RACE+RIDE ชุดคอยล์สปริงหลัง EXPLORAR โหลด 2 นิ้ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วยชุดคาน THULE รุ่น WINGBAR EDGE for ISUZU MU-X และชุดจับจักรยานบนหลังคา THULE UPRIDE 599 พร้อมจักรยาน TREK ทั้งรุ่น Slash 8 และ Marlin 7 รวมมูลค่าชุดแต่ง 194,390 บาท

•“เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์ รุ่น แอคทีฟ” เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีขาวมุกโดโลไมท์ สไตล์หรู เสริมหล่อด้วยล้ออัลลอย LENSO รุ่น JAGER รุ่น YETI ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง BRIDGESTONE ECOPIA รุ่น H/L100 ขนาด 265/50 R20 มั่นใจด้วยโช๊คอัพ EXPLORAR รุ่น RUNNING-X ชุดคอยล์สปริงหลัง EXPLORAR โหลด 2 นิ้ว ชุดเบรกหน้า RUN STOP R8 Caliper แบบ 6POT พร้อมจานเบรกขนาด 380 มม. และชุดเบรกหลัง RUN STOP R3 Caliper แบบ 4POT  พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. รวมมูลค่าชุดแต่ง 219,090 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถร่วมสัมผัส และทดลองขับยนตรกรรมคุณภาพระดับพรีเมียมได้ที่บูธ   อีซูซุ ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” (Thailand International Motor Expo 2023) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

GWM เปิดตัวเปิดราคา ORA 07 กลางเวที Motor Expo 2023

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวและประกาศราคา ORA 07 อย่างเป็นทางการ เริ่มต้น 1.299–1.499 ล้านบาท พร้อมจัดเต็มทัพยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพ โดยยกทัพรถยนต์คอมแพคเอสยูวียอดนิยม HAVAL H6 HEV, HAVAL H6 PHEV และเจ้าสิงโตอารมณ์ดี HAVAL JOLION และข้อเสนอพิเศษมากมายในงาน Motor Expo 2023

 29 พฤศจิกายน 2566 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จของ Mission 9 in 3 ส่งยานยนต์ไฟฟ้า 100% เรือธงรุ่นล่าสุดสู่ตลาดไทย เปิดตัวและประกาศราคา ORA 07 อย่างเป็นทางการภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 เสริมทัพไลน์อัปยานยนต์พลังงานใหม่คุณภาพลำดับที่ 9 สู่ตลาดประเทศไทย โดยราคาอย่างเป็นทางการของ ORA 07 รุ่น LONG RANGE อยู่ที่ 1,299,000 บาท และราคาของ ORA 07 รุ่น PERFORMANCE อยู่ที่ 1,499,000 บาท โดยลูกค้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน GWM และเว็บไซต์ www.gwm.co.th นอกจากนี้ ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสและทดลองขับ ORA 07 คันจริงได้ที่ GWM Partner Store อีกด้วย พร้อมกันนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังขนทัพยานยนต์ไฟฟ้าขวัญใจชาวไทยอีกหลากหลายรุ่นมาจัดแสดง และจัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษพร้อมกิจกรรมสุดสนุกอีกมากมายภายในงาน Motor Expo 2023

มร.ไคลด์ เฉิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในการเข้ามา ดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในภูมิภาคอาเซียน การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนี้ได้เข้ามายกระดับมาตรฐานการดำเนินงานทั้งทางด้านการขายและการผลิต ในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาค เรามุ่งมั่นสร้างรากฐานที่เข้มแข็งของแบรนด์ในตลาดอาเซียน ตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้นำและความตั้งใจของเราในการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่อย่างยั่งยืน เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ยานยนต์ทั่วภูมิภาคผ่านบริการและรถยนต์พลังงานใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย”

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “จนถึงปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ครอบครัวชาวไทยไปแล้วมากกว่า 27,000 คัน จากรถยนต์ทั้งหมด 8 รุ่น ที่ได้เปิดตัวและจำหน่ายไปแล้ว โดยการเปิดตัวและประกาศราคา ORA 07 อย่างเป็นทางการภายในงาน Motor Expo 2023 ในวันนี้ นับเป็นความสำเร็จต่อความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และบรรลุเป้าหมาย Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 9 รุ่นภายใน 3 ปี ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เคยประกาศไว้เมื่อ 3 ปีก่อน นอกจากนี้ความสำเร็จในวันนี้ยังแสดงถึงการเดินหน้าเพื่อเติมเต็มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย พร้อมมอบทางเลือกใน D-Segment ของรถยนต์ไฟฟ้าซีดาน รวมถึงการส่งเสริมการยกระดับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าระดับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่บริษัทฯ เลือกมาเปิดตัวในประเทศไทยครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ 100% ซึ่งเป็นจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ในช่วงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การใช้ยานยนต์พลังงานใหม่และสนับสนุนสังคมสีเขียวในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและความไว้วางใจที่ทุกท่านมอบให้ด้วยดีเสมอมา เราจะยังคงมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยกระดับการบริการและประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้น และยังคงมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำและเป็นส่วนหนึ่งและการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านผลิตภัณฑ์และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายที่เตรียมไว้ให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยในปี 2567 ที่จะถึงนี้”

ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง รุ่นเรือธงล่าสุดภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ มาพร้อมกับตัวเลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น LONG RANGE และรุ่น PERFORMANCE โดยรุ่น LONG RANGE มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้านหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลัง 204 แรงม้า หรือ 150 กิโลวัตต์ แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 640 กิโลเมตร (NEDC Standard) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รุ่น PERFORMANCE มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มอบพละกำลัง 408 แรงม้า หรือ 300 กิโลวัตต์ แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 680 นิวตัน-เมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 550 กิโลเมตร (NEDC Standard) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 83.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ โหมดการขับขี่ถึง 6 รูปแบบ (สำหรับรุ่น PERFORMANCE) ได้แก่ โหมดประหยัด โหมด WELL BEING โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดสปอร์ตพลัส และโหมดส่วนบุคคล

ORA 07 มาพร้อมกับเฉดสีภายนอกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว (Jade White) สีเทา (Amethyst Grey) และสีพิเศษ ม่วง (Crystal Purple) ในรุ่น PERFORMANCE เฉดสีภายในมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีน้ำตาล ซึ่งเบาะสีน้ำตาลจะเป็นสีพิเศษสำหรับรุ่น PERFORMANCE ซึ่งเลือกจับคู่ได้กับสีภายนอกสีม่วงและสีเทาเท่านั้น นอกจากนี้ ORA 07 ยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือระยะทาง 180,000กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับผู้ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของ ORA 07 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้จัดเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษให้กับแฟน ๆ ชาวไทย อาทิ

•ดอกเบี้ย 1.68%* เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 เดือน

•ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง

•ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง GPSI ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี

•ฟรี บริการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและระบบสั่งการภายในรถ เป็นระยะเวลา 3 ปี

*ธนาคารทีเอ็มบีธนชาติ ดอกเบี้ย 1.68% สำหรับผู้ที่ทำการจองตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2566 ธนาคารทิสโก้ ดอกเบี้ย 1.68% สำหรับผู้ที่ทำการจองตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2566 เท่านั้น และจะปรับดอกเบี้ยเป็น 1.85% สำหรับผู้ที่ทำการจองตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม – 31 ธันวาคม 2566

นอกจากการเปิดตัวและประกาศราคาของ ORA 07 แล้ว เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าและความมุ่งมั่นในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ยกขบวนพาเหรดยนตรกรรมไฟฟ้า (xEV) หลากหลายรุ่นมาเพื่อจัดแสดงภายในงาน Motor Expo 2023 ได้แก่ รถยนต์คอมแพคเอสยูวียอดนิยม HAVAL H6 HEV, HAVAL H6 PHEV, เจ้าสิงโตอารมณ์ดี HAVAL JOLION Hybrid SUV เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย ORA Good Cat, ORA Good Cat GT และเจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ORA 07 รวมถึงรถยนต์สำหรับเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ TANK อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV

ภายในงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เตรียมไฮไลต์ชุดตกแต่งออฟโรดฉบับพิเศษสำหรับ All New GWM TANK 300 HEV ที่ผสานการตกแต่งแบบสปอร์ตออฟโรดและความลักซ์ชัวรีไว้อย่างลงตัว สร้างแรงบันดาลใจให้เป็นมากกว่ารถเอสยูวี แต่พร้อมเป็นยานพาหนะคู่ใจที่จะพาผู้ขับขี่ผจญภัยไปในทุกเส้นทางทั้งออฟโรดและออนโรด สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองด้วยตัวรถสีเขียวเข้มแบบด้านตัดกับอะไหล่บอดี้สีดำ ปรับดีไซน์ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำ ผสานโลโก้ TANK รับกับไฟหน้าทรงกลมดูโดดเด่น

ครอบฝากระโปรงหน้าสีดำดีไซน์ X ตัดช่องลมเพิ่มความดุดัน รับกับกระจกมองข้างดีไซน์ใหม่ด้วยครีบตัดอากาศ กันชนด้านหน้าและหลังสีดำคาดลายรังผึ้งพร้อมชายล่างและไฟ LED เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ด้วยท่อไอดีบนฝากระโปรงหน้าสำหรับลุยน้ำได้ดียิ่งขึ้น ล้ออัลลอย 2 โทนขนาด 20 นิ้ว พร้อม ยาง A/T ที่เหมาะสมกับการลุยในเส้นทางออฟโรด พร้อมปรับโช้คอัพยกความสูงขึ้น 3 นิ้ว ชุดตกแต่งซุ้มล้อและบันไดข้างดีไซน์ทันสมัย สอดรับกันชนด้านหน้าและหลัง เสริมชั้นวางสัมภาระบนหลังคาดีไซน์ X พร้อมกันแดดและสปอยเลอร์ และบันไดหลังคาพับออกเมื่อต้องการใช้งาน ฝาครอบยางอะไหล่ดีไซน์ X รับดีไซน์จากฝากระโปรงหน้าและหลังคา ตอบโจทย์การขับขี่ออฟโรดและการผจญภัยของ All New GWM TANK 300 HEV ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมี ORA 07 ชุดตกแต่งพิเศษเสริมรูปลักษณ์ความสปอร์ตสุดเร้าใจ เปลี่ยนโฉมด้วยฟิล์มสีดำทั้งคัน พร้อมล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว และแป้นเหยียบคันเร่งแบบสปอร์ต

ยิ่งไปกว่านั้น พบกับข้อเสนอที่ดีที่สุดส่งท้ายปีสำหรับสาวกเจ้าเหมียวไฟฟ้า กับโอกาสสุดท้ายในการเป็นเจ้าของ ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT เกรท วอลล์ มอเตอร์ ช่วยผ่อนระยะเวลานานถึง 12 เดือน รวมมูลค่าสูงสุด 120,000 บาท เฉพาะสีและรุ่นที่กำหนด ให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย หมดแล้ว หมดเลย พร้อมกับสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ รถยนต์ ORA Good Cat ทั้ง 2 รุ่น จะได้รับฟรี ค่าจดทะเบียนรถยนต์และค่าดำเนินการ มูลค่า 3,500 บาทอีกด้วย ข้อเสนอสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2566 นี้ หรือจนกว่าสินค้าจะหมดเท่านั้น

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ORA 07 และทัพยานยนต์พลังงานใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงร่วมกิจกรรมสนุกๆ มากมายจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ บูธหมายเลข A12 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (Motor Expo 2023) อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

อนึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) หรือ GWM ผู้ผลิตรถเอสยูวีและรถกระบะระดับโลก จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อปี 2546 และ

ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2554 มีบริษัทย่อยที่ถือหุ้นมากกว่า 80 บริษัทและมีพนักงานกว่า 70,000 คน ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำยอดขายได้กว่าหนึ่งล้านคันต่อปี เป็นเวลาหกปีติดต่อกัน ซึ่งนอกจากในประเทศจีน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังส่งมอบรถยนต์คุณภาพไปให้กว่า 60 ประเทศและภูมิภาค และมีเครือข่ายในต่างประเทศกว่า 500 แห่งอีกด้วย

มาสด้า โชว์ Mazda6 รุ่นพิเศษ และมาสด้าทุกรุ่นที่งาน Motor Expo 2023

มาสด้า เปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่หรูหราภูมิฐาน นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสและจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ Mazda6 20th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของมาสด้า6 โดยจะนำเข้ามาเพียง 100 คัน กำหนดส่งมอบเดือนเมษายนปีหน้า ราคาขายประมาณ 2.4 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม Mazda Ultimate Service นานสูงสุด 7 ปี ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ โปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปีอีกมากมาย

นอกจากมาสด้าจะนำ Mazda6 20th Anniversary Edition มาแนะนำและเปิดให้จองสิทธิ์ภายในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 แล้ว มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมมาสด้าทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้จับจองเป็นเจ้าของ พร้อมกับเซอร์ไพรส์พิเศษ ด้วยการนำรถ New Mazda2 ในแบบแฮชท์แบ็ค 5 ประตู ที่ตกแต่งด้วยชุดแต่ง Sci-Fi** มาจัดแสดงให้แฟนๆ ได้ยลโฉม นอกจากนั้นยังนำ New Mazda2 ในแบบซีดาน 4 ประตู ที่ได้รับการเนรมิตโฉมแบบใหม่ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Clap Pop Sedan** มาจัดแสดงให้เป็นไอเดียให้ลูกค้าที่ชอบความมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครได้นำไปเป็นแบบอย่างในการแต่งรถอีกหนึ่งรุ่น

ที่สำคัญมาสด้ายังมอบข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย อาทิ ลูกค้า 300 ท่านแรก ที่จองขั้นต่ำ 5,000 บาท ภายในงานฯ และออกรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รับฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษจากมาสด้า พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับ ฟรี บัตรน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท*** รวมถึงมอบข้อเสนอมากมายส่งท้ายปี อาทิ ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service

ลูกค้าที่สนใจรถยนต์นั่ง Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 20 ปี ที่มีให้ครอบครองเป็นเจ้าของเพียง 100 คัน ในประเทศไทย สามารถยลโฉมคันจริงได้ที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 – 11 ธันวาคม 2566 นี้ เท่านั้น สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน รับข้อเสนอพิเศษดีๆ เช่นนี้เฉพาะช่วงปลายปี สามารถเข้าชมและจับจองได้ภายในงานฯ หรือที่โชว์รูมมาสด้าใกล้บ้านทั่วประเทศ

คณะผู้บริหารมาสด้าและผู้มีเกียรติร่วมถ่ายภาพกับ Mazda6 20th Anniversary Edition ประกอบด้วย มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร, มร.คาซูทากะ โมริ รองประธานกรรมการบริหาร, นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส และ มร.ทาเคชิ มิคามิ รองประธานบริหารส่วนงานวางแผนกลยุทธ์และปฏิบัติการ พร้อมคณะผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ประกอบด้วย นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์, นายประพงษ์ ไม้เจริญ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ และนางสาวชไมพร ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ และสื่อมวลชนกิตติมศักดิ์ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์, นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด และประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แกรนด์ มอเตอร์ เซลส์, นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานบริษัท แอดวานซ์ แอคทิวิตี้ จำกัด และ ประธานจัดงาน Fast Auto Show Thailand, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และรองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์, นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา รองประธานจัดงานแบงค็อก ออโต ซาลอน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอร์โน แอนด์ แนช จำกัดและนายวชิระ เรืองมาลัย นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

GAC AION ปรับลดราคา AION Y Plus 490 Premium สู้ศึกรถอีวี

GAC AION เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium ที่งาน Thailand International Motor Expo 2023 หั่นราคาสู้ศึกรถอีวีลง 100,000 บาท เหลือ 999,900 บาท ถึงวันที่ 11 ธ.ค.นี้ พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย นอกจากนี้ยังได้เผยโฉม Hyper GT, Hyper HT และ Hyper SSR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION รวมถึง AION ES รถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกในอุตสาหกรรมรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย ที่ได้เปิดตัวพร้อมกันทั้งไทยและต่างประเทศ

นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า  ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ AION ในงาน Motor Expo ซึ่งเรามาพร้อมกับความจริงใจ และเปี่ยมล้นด้วยความคาดหวัง วันนี้เรามีความพร้อมที่จะนำเอานวัตกรรมที่ล้ำสมัยและรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นมาจัดแสดงภายในงาน Motor Expo 2023 ซึ่งถือเป็นการเล็งเห็นความสำคัญของตลาดรถในประเทศไทย และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดในอนาคต

ซึ่งงาน Motor Expo ครั้งนี้ บริษัทได้เปิดตัว AION Y Plus 490 Premium โฉมใหม่ด้วยราคาสุดพิเศษ 999,900 บาท จากราคา 1,099,900 บาท ถึงวันที่ 11 ธ.ค. 2566 นี้เท่านั้น โดยได้รับการอัปเกรดออปชัน อย่างเต็มรูปแบบทั้งหมด 24 รายการ ภายนอกมาพร้อมกับระบบไฟสูงอัจฉริยะ พร้อมประตูฝาท้ายระบบไฟฟ้า และฟังก์ชัน VTOL ภายใน มีการเพิ่มระบบระบายอากาศเบาะที่นั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสามารถปรับได้ตามจังหวะดนตรี เบาะหลังมีการติดตั้งพนักพิงศีรษะและที่วางแขนตรงกลาง  รวมถึงระบบการขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิง มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นถึง 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้เรายังได้แถมสาย Emergency Charging ให้กับลูกค้าที่ซื้อ AION Y Plus 490 Premium อีกด้วย

ในส่วนของเทคโนโลยี AION Y Plus 490 Premium ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า AEP ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นและทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง  มาพร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ไว้ที่จุดศูนย์กลางของตัวรถ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ส่งผลให้ตัวรถทำงานควบคู่กับระบบอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวแบตเตอรี่ขนาด 63.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดมากถึง 490 กม. พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกอย่าง Magazine Battery ที่ผ่านการทดสอบโดยการใช้กระสุนปืนยิงทะลุแบตเตอรี่มากกว่า 980,000 ครั้ง ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางของรอยกระสุนที่ใหญ่กว่าการทดสอบแบบทั่วไปมากกว่า 7-8 เท่า ผลลัพธ์คือแบตเตอรี่ไม่มีการติดไฟหรือเกิดการระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แนวคิดการออกแบบ AION Y Plus 490 Premium ได้คำนึงถึงความสะดวกสบายและการใช้งานจริงเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็ได้รวมเอาความทันสมัย และฟังก์ชั่นการขับขี่อัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร AION Y Plus 490 Premium มีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,750 มิลลิเมตร พร้อมด้วยพื้นที่วางขาด้านหลัง 1,022 มิลลิเมตร ทำให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เบาะนั่งคู่หน้าสามารถพับราบเป็นเตียงขนาดใหญ่ได้ 1.8 เมตร มอบทางเลือกในการพักผ่อนที่มากกว่าและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกล เบาะโดยสารด้านหลังสามารถพับลงกลายเป็นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 1,200 ลิตร สามารถรองรับสัมภาระจำนวนมากได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ผู้ที่มีสัมภาระเป็นจำนวนมาก

AION Y Plus 490 Premium มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ACC with Stop & Go และระบบ ICA ที่ช่วยให้การขับขี่ในความเร็วสูงทั้งทางตรงและทางโค้งได้มีประสิทธิภาพ และฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ในสภาพจราจรติดขัด  TJA (Traffic Jam Assist) ที่จะช่วยควบคุมเบรกและคันเร่งให้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่จากสถานการณ์รถติด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดอีกต่อไป และยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆอีกมากมาย เช่น FCW, AEB, LDW และ LKA ซึ่งทำหน้าที่แจ้งเตือนการขับขี่และช่วยเหลือผู้ขับในสภาวะที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมกับระบบแสดงภาพพาโนรามา 540 องศา กำจัดจุดบอดในการมองเห็น และมีระบบสั่งการด้วยเสียงสามารถรองรับได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังมีระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย ระบบนำทางและฟังก์ชั่นฟังเพลงแบบออนไลน์ รวมถึงระบบควบคุมรถระยะไกลผ่าน Application เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้รถ

ในขณะนี้ AION กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC จังหวัดระยอง ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 2.3 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตมากกว่า 50,000 คันต่อปี โดยจะก่อสร้างเป็น 2 เฟส คาดว่าโครงการเฟสแรกจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2567 ปัจจุบัน AION ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายหลายกลุ่มในประเทศไทย และมีศูนย์บริการแล้ว 35 แห่ง โดย 27 แห่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภายในสิ้นปี 2566 นี้ AION มีแผนการที่จะขยายศูนย์จำหน่ายและศูนย์บริการให้ถึง 50 แห่ง

GAC AION มุ่งมั่นที่จะให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันศูนย์สต๊อกอะไหล่ของเราได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว สามารถส่งอะไหล่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย และในวันที่ 15 ธันวาคม จะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลต่างๆของแบรนด์ สามารถค้นหาตัวแทนจำหน่ายและนัดหมายทดลองขับได้ภายในคลิ๊กเดียว รวมถึงบริการหลังการขาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมรถจากระยะไกล เช่น การล็อครถ และการเปิดแอร์ เป็นการมอบประสบการณ์การบริการดิจิทัลที่สะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้

ปัจจุบัน GAC AION กำลังเร่งดำเนินกลยุทธ์ในระดับโลก และกำหนดให้ประเทศไทยเป็นฐานการพัฒนาและการผลิตที่สำคัญในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ AION ได้ให้ประเทศไทยเป็นประตูสำคัญสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์สู่ตลาดระดับโลก การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของ GAC AION ประเทศไทย ถือเป็นก้าวแรกที่มั่นคงในการพัฒนาสู่ระดับโลก และหลังจากการดำเนินการในประเทศไทย AION ได้วางแผนที่จะขยายขอบเขตธุรกิจและกำหนดเป้าหมายไปยังยุโรป อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ โดยเฉพาะตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระดับโลกและความมุ่งมั่นในการขยายตลาด

นอกจากนี้ในงาน Motor Expo 2023 AION ยังได้นำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION มาโชว์ด้วย อย่างเช่น Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดุดันและสง่างาม เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยราคาประมาณ 1,100,000 – 1,700,000 บาท (ในประเทศจีน) สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก และทำยอดขายไปได้มากถึง 2,000 คันในเดือนแรกของการเปิดตัว ถือเป็นรถสปอร์ตซีดานไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ที่ทำยอดขายได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว ดีไซน์ภายนอกและภายในของ Hyper GT แฝงไว้ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ต ผสานกับความหรูหราไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิด-ปิด ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว รวมถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ที่จะทำงานเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด หรือเลือกเปิด – ปิด ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่

ขุมพลังของ Hyper GT จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที ขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 710 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) นอกจากนี้ยังได้ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ NDA ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัวที่สามารถปรับโฟกัสสำหรับการตรวจหาวัตถุได้ทั้งในระยะใกล้และระยะไกล พร้อมด้วยชิปประมวลผล AI คุณภาพสูงจาก Huawei มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร

และ Hyper HT เอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า 100% ระดับไฮเอนด์ รุ่นแรกจาก Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงจาก GAC AION ที่มาพร้อมกับดีไซน์ สมรรถนะ และออปชั่น ที่เหนือกว่า โดยรถคันนี้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP 3.0 ที่ทาง GAC AION วิจัยและพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ Xingling ซึ่งจะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์มากถึง 39 ตัว, ทำงานควบคู่กับกล้อง LIDAR 3 ตัว ให้ความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ขับและผู้โดยสาร

Hyper HT ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ในตลาดเอสยูวีไฟฟ้า 100% โดยได้ชูจุดเด่น 4 ประการได้แก่ ดีไซน์และการออกแบบที่หรูหรา, วัสดุและการตกแต่งระดับพรีเมียม, สมรรถนะการขับที่ยอดเยี่ยม และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ชาญฉลาด มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร สอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์ Hyper ได้แก่ Advanced, Trendy, Fun, High-grade

ปิดท้ายด้วย Hyper SSR ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% ระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นรถซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูงระดับไฮเอนด์รุ่นแรก ภายใต้แบรนด์ Hyper จาก GAC AION บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับแถวหน้าจากประเทศจีน

Hyper SSR มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยวและเป็นเอกลักษณ์ ตัวถังภายนอกผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง 100% ให้ความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบากว่าเหล็กทั่วไปมากถึง 2.5 เท่า โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่สามารถเปิดหรือปิดเพียงแค่กดปุ่มบริเวณประตู, หรือเหยียบแป้นเบรกให้ลึกขึ้นในขณะจอดรถ ประตูก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ Active Spoiler ซึ่งสามารถสร้างแรงกดบริเวณท้ายรถได้มากถึง 100 กิโลกรัม และไม่น่าเชื่อว่า Hyper SSR มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd) เพียงแค่ 0.146 เท่านั้น

ขุมพลังของ Hyper SSR จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้พละกำลังสูงสุดมากถึง 1,225 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 1.9 วินาที ให้ผู้ขับได้สัมผัสแรงกระชากในระดับ 1.7 G

ตัวรถ Hyper SSR ถูกคิดค้น วิจัย และพัฒนา โดยทีมวิศวกรของ Hyper ทั้งหมด และถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับสูง ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์จีน และยังเป็นรถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ที่เริ่มวางขายในประเทศจีนอีกด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save