- Advertisement -
27.6 C
Bangkok
Home Blog Page 79

มาสด้า เฟ้นหาที่สุดบุคลากรบริการหลังการขาย

มาสด้า เฟ้นหาที่สุดของที่สุดด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ตอกย้ำนโยบายส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้ลูกค้าทั่วประเทศ

มาสด้า สานต่อปณิธานในการส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ตามแนวทาง Customer Experience Management จัดการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 หรือ การแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า ประจำปี 2566 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดบุคลากรฝ่ายบริการหลังการขาย ประเภท ช่างเทคนิค ที่ปรึกษาด้านบริการ และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ จากผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบบริการแบบครบวงจรและประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้ามาสด้าอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงแนวทางที่มาสด้าให้ความสำคัญด้านการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจ เกิดความผูกพันและภักดีในแบรนด์ และยกระดับประสบการณ์ความสุขจากการใช้รถยนต์มาสด้าให้ลูกค้าทุกคน โดยการเฟ้นหาที่สุดของประเทศในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วประเทศ 276 คน คัดเลือกผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นให้เหลือเพียง 30 คน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้าย จัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า ที่สำคัญ ผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทักษะฝีมือช่างเทคนิคในเวทีระดับนานาชาติต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การส่งมอบบริการที่เป็นเลิศและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ คือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้นโยบายการดำเนินงานเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touch point เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายเพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่ง แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้ามาสด้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของมาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย

-Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์

-Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติได้อย่างสมดุล และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น

-Values หรือ การส่งมอบความประทับใจที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า ด้วยความเต็มใจ ด้วยมิตรภาพ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกการให้บริการ

ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่มาสด้าปรารถนาและต้องการส่งมอบสู่ลูกค้าทุกคนในประเทศไทย เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า และต่อเนื่องไปยังรถยนต์มาสด้าคันถัดไป

มาสด้าจึงมุ่งมั่นเดินหน้าเสาะแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อความสุขของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับศักยภาพบุคลากรของผู้จำหน่าย ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่าของมาสด้าให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ รวมถึงการจัดการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 หรือ การแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า ประจำปี 2566 โดยดำเนินการจัดแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องถึง 18 ปี เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้บุคลากรของผู้จำหน่ายได้มีโอกาสพัฒนาทักษะ ความเชี่ยวชาญ และแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการแข่งขัน ไปต่อยอดเพื่อดูแลลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด และมีความสุขกับการใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจในทุกเส้นทาง ทำให้ลูกค้าสบายใจด้วยคุณภาพงานบริการที่ได้มาตรฐานตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า ด้วยการวิเคราะห์งานซ่อมต่างๆ ได้อย่างมืออาชีพ ถูกต้องแม่นยำ เพื่อส่งมอบการบริการที่สะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

ไม่เพียงเท่านี้ การแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 ได้ยกระดับความเข้มข้นของโจทย์และสถานการณ์ที่ใช้ทดสอบสำหรับการแข่งขันแต่ละประเภทในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรฝ่ายบริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศได้พัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพความเชี่ยวชาญและยกระดับความสามารถของตนเองในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ พร้อมประสบการณ์ที่ดีที่สุดและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามนโยบายการสร้างมาตรฐานการบริการจากมาสด้า โดยอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจถึงแก่นแท้ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อันเป็นแนวคิดการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย คือ ผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้ จะได้เดินทางไปร่วมกิจกรรม หรือ การแข่งขันในเวทีระดับโลกอีกด้วย โดยผู้ที่ชนะเลิศในแต่ละประเภท มีดังต่อไปนี้

ประเภท ช่างเทคนิค

ชนะเลิศ : นายศราวุฒิ บริบูรณาคม จาก บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) พัทยา

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นายวิษณุ ก้อนแข็ง จาก บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) – อมตะ

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นายณัฐนันต์ พวงทอง จาก บริษัท นที ยูนิตี้ มอเตอร์ จำกัด – ราชพฤกษ์

ประเภท ที่ปรึกษาด้านบริการ

ชนะเลิศ : นางสาวพัชราภรณ์ ทรงเจริญ จาก บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาวชญาภา เรืองระยนต์ จาก บริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ เน็กซ์ทู จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาวบงกช สุขขณะล้ำ จาก บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ มาสด้า (ประเทศไทย) จำกัด สาขาเพชรเกษม

ประเภท เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์

ชนะเลิศ : นางสาวปรียาภรณ์ ใจตรง จาก บริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้า ภูเก็ต จำกัด (ถนนเจ้าฟ้า)

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาวศศิธร น้อยวิไล จาก บริษัท 14 ออโตโมชั่น จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาวฐิติมา แสงรอด จาก บริษัท วีเอ็มดี ออโต้เซลส์ จำกัด (พิษณุโลก)

ทั้งนี้ มาสด้าภูมิใจในบุคลากรทุกคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 ในครั้งนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมให้คำมั่นว่า เราทุกคนจะไม่หยุดพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศเพื่อลูกค้าและครอบครัวมาสด้าทุกคน และจะมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแบบครบวงจร นับแต่วันแรกที่แบรนด์มาสด้าได้มีโอกาสทำความรู้จักกับลูกค้า ตั้งแต่ก่อนที่ลูกค้าจะซื้อรถ ตลอดจนการบริการหลังการขาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามาสด้าพร้อมดูแลลูกค้าครอบครัวมาสด้าให้ดีที่สุด และรถยนต์คู่ใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ให้ครอบคลุมทุกช่วงของชีวิต ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก รองประธานบริหารส่วนงานวางแผนกลยุทธ์ และปฏิบัติการ มร.ทาเคชิ มิคามิ ซึ่งได้ร่วมชมการแข่งขันและเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าแข่งขันในแต่ละประเภท โดยให้เกียรติมอบรางวัลแห่งความภาคภูมิใจให้กับผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้

TAIA หวั่นหนี้ภาคครัวเรือนฉุดยอดขายรถปี 2567

ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA), สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA และบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 คาดการณ์แนวโน้มภาคผลิตยานยนต์ปี พ.ศ. 2567 ทะลุ 1.9 ล้านคัน เติบโตต่อเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ ส่วนยอดขายในประเทศอาจไม่เติบโต เหตุจากหนี้ภาคครัวเรือน และยอด NPL รถยนต์ยังสูง ส่งผลประมาณการยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะอยู่ที่ 7.5 แสนคัน

นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า ในปี พ.ศ. 2567 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.9 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3.17% โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน และสำหรับรถจักรยานยนต์คาดการณ์จะมีการผลิตที่ 2.12 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 0.03%

ปัจจัยส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ปี 2567 หลักคือ ภาวะทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้สินภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและหนี้เสีย NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่ออำนาจซื้อของประชาชนที่ลดลง นโยบายและกฎระเบียบด้านยานยนต์ การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ทั้งรถยนต์และน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคารถยนต์และน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า (EV :Electric Vehicle) ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจดทะเบียนรวมปัจจุบันอยู่ประมาณ 1.0 – 1.2 แสนคัน และส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จากการตระหนักถึงความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้รถไฟฟ้าจากประชาชนชาวไทย รวมถึงมาตรการการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยอดขายรถ EV มีอัตราการเติบโตแบบชะลอตัว ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการตัดสินใจชะลอซื้อรถรุ่นใหม่ เพราะการทยอยเข้ามาของรถ EV รุ่นใหม่ แบรนด์ใหม่ๆ จากประเทศจีน และการทำสงครามราคาของ EV ด้วยกันเอง

นายสุวัชร์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย อยู่ในช่วงของการปรับตัว และเปลี่ยนถ่ายสู่การผลิตยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่ในเวลานี้ นโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.0, EV 3.5 และมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ รถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าของรัฐบาล มีการอุดหนุนด้านการผลิตรถ EV และเงินอุดหนุนราคา ส่งผลให้ราคารถ EV ต่ำกว่าความเป็นจริง สิ่งที่สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกังวลคือ อาจมีการชะลอตัวในตลาดรถ EV หลังจากมาตราการอุดหนุนต่างๆ สิ้นสุดลง

สิ่งสำคัญในเวลานี้คือ มาตรการเหมาะสมในการสนับสนุนการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (ICE : Internal Combustion Engine) มาอย่างยาวนาน ครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก เปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อลดการปล่อยมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้ตามโนบาย “เป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2050” ของรัฐบาลผ่านนโยบายต่างๆ เช่น 30@30 เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ และการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ปี 2569 เพื่อส่งเสริมรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายสุรศักดิ์ จรินทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนสื่อมวลชนสายยานยนต์รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในการนำเสนอข้อมูลภาพรวม และทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยข้อมูลจากกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นแนวทางให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดยานยนต์ไทยในอนาคต สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลเหล่านี้ สามารถสื่อสาร และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานต่างๆ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI และประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปัจจุบัน มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์มีการแข่งขันกันสูง ในขณะที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งตนเองในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ พยายามผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเติบโตไปสู่แนวหน้าของโลก อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้ เป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการทุกบริษัท โดยเฉพาะญี่ปุ่น ค่ายญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ที่ผ่านมามีการรุกเข้ามาของรถยนต์จากประเทศจีนอย่างมาก แต่อนาคตรถจากจีนเข้ามาแล้วจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกแบบนี้หรือไม่นั้น สำคัญคือเราต้องรู้ทันสิ่งที่เห็น ตอนนี้สิ่งที่กลัวคือ รู้ไม่ทันสิ่งที่เกิดขึ้น

“จึงอยากเตือนว่าอย่าลุ่มหลงจนเกินไป ทั้งที่พื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเราดีอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงในเวลานี้คือ พื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะได้รับผลกระทบ ห่วงความไม่ยั่งยืน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเราทำมา 50 กว่าปีด้วยความยากลำบาก มีค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นยกตัวอย่างทั้งโตโยต้า อีซูซุ มิตซูบิชิ และอีกหลายค่าย ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะปิกอัพส่งออกไปทั่วโลกรวมหลายล้านคันแล้ว” ดร.ปราจิน กล่าว

ดร.ปราจิน กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ในช่วงแรก ตนเองเคยมีโอกาสได้เดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นช่วงที่มีการย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ทำให้เห็นว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับอุตสาหกรมยานยนต์ไทยอย่างมาก ไม่อย่างนั้นค่ายรถยนต์ทั่วโลกคงไม่เกรงใจไทยเหมือนทุกวันนี้ ในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์โชว์มีผู้เข้าชมครั้งละเป็นล้านคน ดังนั้นเราจึงต้องรักษาไว้ ตนจัดงานมอเตอร์โชว์มาจนถึงวันนี้ ครั้งที่ 45 อยากให้เป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็น ตอนนี้ตนอายุ 81 ปีแล้ว แต่ยังอยากทำงานให้ประเทศไทยให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อไป

ฮุนได ขนทัพยนตกรรมรุ่นใหม่ ร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2024

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ฉลองดำเนินธุรกิจครบปี ขนทัพยนตกรรมรุ่นใหม่ พร้อมมอบที่สุดของแคมเปญบริการหลังการขาย ในงานมอเตอร์ โชว์ 2024

บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองดำเนินธุรกิจครบปีพร้อมเขย่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 4 รุ่นในงาน มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 45 นำเสนอความงามของบูธในธีม Pixel Cloud ผสานความงามล้ำสมัยเข้ากับงานศิลป์แบบดิจิตอล สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้เข้าชม นอกจากนั้น ยังมี RN22e Rolling Lab รถยนต์ต้นแบบจากโลกอนาคตมาให้สัมผัสในงาน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังขนทัพยนตรกรรมรุ่นล่าสุดหลากหลายรุ่นมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานทั้ง IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่จะมาเสริมทัพความสำเร็จของ IONIQ 5, Creta Alpha พร้อมดีไซน์อันโดดเด่น, Stargazer X6 / X7 ที่มากด้วยประโยชน์ใช้สอย และ Staria สุดพรีเมียม โดยรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่นจากฮุนได ล้วนตอกย้ำคำมั่นของบริษัทฯ ที่จะร่วมขับเคลื่อนโมบิลิตี้ในประเทศไทยไปสู่อนาคต

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บูธธีม Pixel Cloud สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มุ่งสรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่ออนาคต โดยเรามอบให้ได้มากกว่ายานพาหนะ เพราะเรายังมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าดื่มด่ำให้ด้วย และในโอกาสที่ดำเนินธุรกิจครบ 1 ปีในประเทศไทย เราจะรักษาคำมั่นในการมอบนวัตกรรม, คุณภาพ, ความปลอดภัย และความพึงพอใจให้กับลูกค้าของเราต่อไป เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ฮุนไดสู่แบรนด์รถยนต์ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม เราจะยังเดินหน้ามอบนวัตกรรมด้านขุมพลังไฟฟ้า และสรรค์สร้างโมบิลิตี้อันชาญฉลาดให้กับผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง ตามภารกิจหลักของเรา – ความก้าวหน้าเพื่อมนุษยชาติ”

RN22e Rolling Lab เป็นรถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงอนาคตของรถยนต์สมรรถนะสูง พร้อมมอบอีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ด้วยขุมพลังไฟฟ้า พร้อมยึดมั่น 3 แกนหลักของแบรนด์ N ทั้ง ‘สมรรถนะบนทางโค้ง’, ‘ความแรงในสนามแข่ง’ และ ‘รถสปอร์ตที่ใช้งานได้ทุกวัน’ โดยสิ่งที่ทีมพัฒนารถยนต์ของฮุนไดเรียนรู้จากรถยนต์ต้นแบบคันนี้ ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อเป็นรถยนต์ที่ออกจำหน่ายจริง ซึ่งนำมาจัดแสดงในงานนี้เช่นกันทั้ง Elantra N และ IONIQ 5 N

IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากฮุนได การันตีคุณภาพและสมรรถนะด้วยรางวัลจากเวที World Car Awards 2023 ถึง 3 สาขา ทั้งรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม และ รางวัลรถยนต์ดีไซน์ยอดเยี่ยม ดีไซน์ของ IONIQ 6 ผสานความสง่างามเข้ากับความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel อัตลักษณ์ของ IONIQ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระบบไฟ Dual Ambient Mood Lighting พร้อมระบบ infotainment ล่าสุด ทั้งหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง BOSE premium sound system

IONIQ 6 ยังเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Hyundai SmartSense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านสมรรถนะโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนของ มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 229 แรงม้า 350 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion ขนาด 77.4 kWh ขับได้ไกลสุด 545 กม. ตามมาตรฐาน WLTP โดย IONIQ 6 เปิดตัวราคาพิเศษเริ่มต้น 1,899,000 บาท (และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติภายใต้โครงการ EV 3.5)

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ยังเปิดตัว Creta Alpha เพื่อสานต่อความสำเร็จของ Creta Black Edition รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด ซึ่งเปิดตัวในปีก่อนและจำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ Creta Alpha ไปให้สุดได้ทุกทาง ด้วยตัวถังสีดำด้าน Midnight Matte Black ไม่ซ้ำใคร อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกทั้งหมด รวมถึงล้อขนาด 17 นิ้ว ล้วนมาในสีดำ เพื่อเพิ่มความเข้มอีกขั้น ภายในแตกต่างเช่นกัน ด้วยการใช้แถบสีแดงและตะเข็บสีแดงตกแต่งรอบห้องโดยสาร พร้อมมอบความสุนทรียภาพให้ผ่านเครื่องเสียง BOSE Premium Sound System สำหรับราคาเปิดตัว The New Creta Alpha เริ่มต้นที่ 929,000 บาท

Stargazer X6 และ X7 อีกหนึ่งรถยนต์อเนกประสงค์ที่จะมาเสริมทัพรถยนต์ในกลุ่ม Mini MPV ของฮุนได ซึ่งในตอนนี้มีให้เลือกทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่ง พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งยังโดดเด่นด้วยทางเลือกตัวถังสีด้านทั้ง สีขาว Optic White Matte และ สีทอง Gravity Gold Matte เปิดประสบการณ์สุนทรียภาพ ด้วยเสียงคุณภาพสูงผ่านเครื่องเสียง BOSE Premium Sound System ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Smartstream 1.5L MPI ที่ให้ทั้งความประหยัดและตอบสนองฉับไว มั่นใจในความปลอดภัยด้วยแพ็กเกจระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense ภายในงานนำเสนอ Stargazer X6 ในราคาเริ่มต้น 949,000 บาท และ Stargazer X7 ที่ 929,000 บาท

ในงานยังเปิดตัว Staria รุ่นใหม่ รถยนต์หรูสำหรับครอบครัวที่มีดีไซน์โดดเด่น มากด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และเบาะที่ปรับได้หลายรูปแบบ Staria รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ มอบสมรรถนะเต็มระดับ แต่มลพิษลดลงและผ่านมาตรฐาน Euro 5 ภายนอกยังปรับรูปลักษณ์ด้วยโลโก้แบรนด์แบบใหม่สองมิติ ห้องโดยสารมีประโยชน์ใช้สอยกว่าเดิมด้วยช่องชาร์จแบบ USB Type C พิเศษเฉพาะ Staria Premium รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเสาอากาศแบบครีบ และล้อสีดำเงา Black High Gloss เพื่อรูปลักษณ์ที่แตกต่าง โดย The New Staria Trend S นำเสนอราคาเริ่มต้นที่ 1,819,000 บาท และ The New Staria Premium ที่ 2,419,000 บาท

ฮุนไดยังมอบที่สุดของแพ็กเกจบริการหลังการขาย โดดเด่นเหนือใครสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้า IONIQ พร้อมขจัดทุกข้อกังวลของการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย การรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., การรับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม., ฟรีค่าแรงเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 150,000 กม., สิทธิประโยชน์รับบริการ Charge anywhere service, สิทธิประโยชน์รับบริการ Pick up and Delivery, บริการยก/ลากไม่จำกัดจำนวนครั้ง และ ฟรีโฮมชาร์จเจอร์ รับประกันนานถึง 3 ปี พร้อมฟรีค่าแรงติดตั้งโฮมชาร์จเจอร์ พิเศษสุด ฮุนไดยังมอบเครดิตชาร์จฟรีจาก Shell Recharge มูลค่า 5,000 บาท จำนวนจำกัด

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเสริมเรื่องแพ็กเกจว่า “บริษัทฯ เข้าใจถึงความกังวลของลูกค้า ที่อาจทำให้เกิดการลังเลระหว่างการพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่เราจะสร้างความมั่นใจให้ทุกท่าน และมอบประสบการณ์การครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร้กังวล ด้วยที่สุดของแพ็กเกจบริการหลังการขาย ทั้งยังเป็นการตอกย้ำว่าฮุนไดพร้อมเคียงข้างคุณบนทุกเส้นทาง และพร้อมก้าวสู่อนาคตกับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมั่นใจ”

เพื่อแสดงความขอบคุณผู้บริโภคชาวไทยที่ให้การสนับสนุน ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย และเฉลิมฉลองในโอกาสที่ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการครบ 1 ปี บริษัทฯ ขอมอบส่วนลดเงินสดสูงสุดมูลค่า 150,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และ ฟรีค่าแรงเช็คระยะ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2567

พบกับ PONY รถยนต์รุ่นแรกของฮุนไดในโลกเสมือนจริงผ่าน ZEPETO เครือข่ายโซเชียลโลกอวตารสามมิติซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ในธีมของ ‘กรุงโซลเหนือกาลเวลา’ ซึ่งจะพาผู้เล่นย้อนเวลา กลับไปสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของกรุงโซลในปี 1970 – 1980 และดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมของเกาหลีในอดีต ทั้งหมดนี้พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสที่บูธหมายเลข A03 ของงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567

ซูซูกิ เผยโฉม XL7 HYBRID พร้อมทัพซูซูกิทุกรุ่นกับโปรโมชั่นสุดปัง

ซูซูกิ เปิดตัว NEW SUZUKI XL7 HYBRID ราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้น 799,000 บาท พร้อมอวดโฉม SUZUKI eWX Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าในงานมอเตอร์โชว์ขับเคลื่อนองค์กรที่สนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิ เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ด้วยแนวคิด “Journey towards the future” บทถัดไปของการเดินทางสู่อนาคต เราคิดค้นและออกแบบรถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เริ่มจากรถยนต์สำหรับใช้งานในเมืองขนาดกะทัดรัด ไปจนถึงพาหนะในสไตล์ออฟโรดที่แข็งแกร่งทนทาน เพราะเชื่อว่าทุกคนควรเข้าถึงนวัตกรรมได้อย่างไร้ขอบเขต และนำพาผู้คนไปสำรวจทุกความเป็นไปได้ของชีวิต เราจึงไม่ใช่แค่แบรนด์รถยนต์ แต่เราพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางในทุกๆ เส้นทางของคุณ

ด้วยวิสัยทัศน์ในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมอย่างยืน เรายังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงคำนึงถึงเทคโนโลยีที่สนับสนุนเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นหัวใจสำคัญ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ เราจึงนำรถยนต์ไฮไลท์ 2 รุ่น เข้ามาเปิดตัวให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ SUZUKI eWX Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า และ NEW SUZUKI XL7 HYBRID ซึ่งทั้งคู่เป็นสัญญานบ่งบอกถึงทิศทางในอนาคตที่กำลังจะมาของซูซูกิ

โดยเฉพาะกับ SUZUKI eWX Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าที่แสดงถึงแนวทางการพัฒนารถซิตี้คาร์แห่งอนาคต ซึ่งถูกออกแบบเพื่อให้เป็นเหมือน “คู่หูร่วมทาง” ให้บรรยากาศที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน มาจัดแสดงภายในงาน เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ที่ต้องการขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ส่วน NEW SUZUKI XL7 HYBRID Multi-Dynamic Crossover ที่เรานำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย คือ อีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะเติมเต็มความสุขและความคุ้มค่าในทุกการเดินทางของคุณ

“ในครั้งนี้เราได้นำ Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้ามาจัดแสดง โดย SUZUKI eWX มีขนาดความยาว 3,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,475 มิลลิเมตร ความสูง 1,620 มิลลิเมตร และการชาร์จ 1 ครั้งสามารถขับระยะทางไกลถึง 230 กิโลเมตร ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่ใช่แค่ยานพาหนะอันล้ำสมัย แต่เป็นนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ที่ตอกย้ำลงไปอย่างชัดเจนแก่ผู้บริโภคว่า ซูซูกิจะไม่หยุดพัฒนาสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อการเดินทางที่มาพร้อมกับความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน อย่างแท้จริง” นายทาดาโอะมิ กล่าว

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เราขอแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นล่าสุด NEW SUZUKI XL7 HYBRID “Empower Your Journey” รถยนต์ Multi-Dynamic Crossover ที่ผสานกับเทคโนโลยี Smart Hybrid จากซูซูกิ  ซึ่งเป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับ ISG พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไออน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และช่วยในเรื่องของการออกตัวได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังบำรุงรักษาง่ายไม่ต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน พร้อมตอกย้ำความมั่นใจของทุกท่านด้วยการรับประกันแบตเตอรี่นาน 5 ปีเต็ม

NEW SUZUKI XL7 HYBRID เสริมความโดดเด่นของดีไซน์ ด้วยกระจังหน้าโครเมียมลายใหม่ มาพร้อมกับไฟหน้า LED รีเฟล็กเตอร์ และ Daytime Running Light และเสาอากาศแบบใหม่ ออกแบบด้านท้ายให้มีเส้นสายสะดุดตา ลงตัวกับไฟท้าย LED แบบ Light Guides ติดตั้งสัญลักษณ์ Hybrid บริเวณประตูท้าย และยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ คือ ราวหลังคาสไตล์สปอร์ต บ่งบอกถึงความเป็นรถครอสโอเวอร์ ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง กับเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ถูกตกแต่งคอนโซลลายไม้ ผสมผสานกับดีไซน์คอนโซลแบบสปอร์ต มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลการขับขี่ Driving G-Force และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ครบครันด้วยหน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว มาพร้อมฟังก์ชันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รองรับทุกการเชื่อมต่อความบันเทิงภายในตัวรถ สะดวกไปกับแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พวงมาลัยเป็นทรง D-Shape แนวสปอร์ต มาพร้อมกับปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มสั่งการโทรศัพท์ เพิ่มความคล่องตัวให้กับการขับขี่ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control

โดดเด่นและปลอดภัยด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT ที่ช่วยสมรรถนะในการขับขี่ มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพด้านหลัง ระบบเซ็นเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญานเตือนขณะถอยจอด  ระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบ Idling Stop ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองขณะรถหยุดวิ่ง

NEW SUZUKI XL7 HYBRID พร้อมวางจำหน่าย โดยมีสีและราคาจำหน่ายดังนี้

NEW SUZUKI XL7 HYBRIDราคาราคาพิเศษช่วงแนะนำ
สีเทา (Metallic Magma Gray) ดำ (Cool Black Metallic)825,000.-799,000.-
สีขาว (Pearl Snow White)830,000.-804,000.-
สีใหม่ สีเทาตัดหลังคาสีดำ (Savana Ivory Metallic/Cool Black Metallic) สีส้มตัดหลังคาสีดำ (Rising Orange Pearl Metallic/Cool Black Metallic)835,000.-  809,000.-
สีขาวตัดหลังคาสีดำ (Pearl Snow White Cool Black Metallic)840,000.-814,000.-

พร้อมแคมเปญพิเศษ ขับฟรี 90 วัน หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 8,146 บาท โดยราคาพิเศษช่วงแนะนำสำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม-30 เมษายน 2567

“SUZUKI XL7 คือหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ด้วยความครบครัน ทั้งด้านความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน รวมถึงสมรรถนะการขับขี่อันโดดเด่นที่พร้อมพาคุณไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในทุกเส้นทาง โดยนับตั้งแต่เดือนเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2563 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 8,699 คัน ซึ่งการแนะนำรุ่นใหม่ในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะเข้ามาเพิ่มตัวเลขยอดขายให้เติบโตขึ้นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน” นายวัลลภ กล่าว

ทั้งนี้ ซูซูกิ เตรียมกลับมาสร้างปรากฎการณ์ จิมนี่ ฟีเวอร์! อีกครั้ง ด้วยการนำรถยนต์สไตล์ออฟโรดขนาดเล็ SUZUKI JIMNY กลับมาเปิดจำหน่ายแก่ลูกค้า ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 99 คัน ในราคาเริ่มต้น 1,760,000 บาท โดยจะเปิดให้ผู้ที่สนใจ ลงทะเบียนจองเพื่อลุ้นรับสิทธิ์ซื้อรถยนต์ SUZUKI JIMNY ตั้งแต่วันนี้ เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 เวลา 22.00 น.

โดยผู้ลงทะเบียนยังไม่ต้องชำระเงินจองให้กับซูซูกิ ในกรณีที่มีผู้สนใจลงทะเบียนจองเกิน 99 คัน บริษัทฯ จะทำการรวบรวมรายชื่อที่ลงทะเบียนตรงตามเงื่อนไขตามวันและเวลาที่กำหนด นำไปจับฉลากเพื่อคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์ในการซื้อรถยนต์ SUZUKI JIMNY จำนวน 99 ท่าน พร้อมประกาศผลในวันที่ 9 เมษายน 2567 ผ่านเว็บไซต์  www.suzuki.co.th

นอกจากนั้น ยังขนกองทัพรถยนต์ที่เป็นที่สุดแห่งความคุ้มค่ามาร่วมจัดแสดงภายในงาน นำโดย SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด ซึ่งคว้ารางวัล Car of the Year 2024 หรือ รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 ประเภทรางวัล BEST HYBRID MINI MPV ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความโดดเด่นในคุณภาพของสินค้า ที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค มาพร้อมเครื่องยนต์ HYBRID ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ SHVS จากซูซูกิ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION  ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร เสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เพราะรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี ราคาพิเศษหลังหักส่วนลดเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

SUZUKI SWIFT GL NEXT เร้าใจเกินพิกัด” พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าซูซูกิโดยเฉพาะ ตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ GL NEXT Edition ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ดีไซน์ภายในการตกแต่งด้วยลายเคฟลาร์ ตรงบริเวณคอนโซลและแผงประตูด้านข้าง จอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุที่สามารถรองรับการเล่นไฟล์ MP3, WMA เติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดการเดินทาง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสูงสุด ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงาน แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็กอีกด้วย โดยมีทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคาเริ่มต้นที่ 338,000 บาท

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต SUZUKI CARRY ไม่ได้ถูกจดจำในฐานะ “Food Truck” ธุรกิจติดล้อเพียงอย่างเดียว แต่จะกลายเป็น Goods Truck และ Service Truck ที่สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆ การช่วยเหลือสังคม รวมถึงการปรับใช้ส่วนตัวเพื่อให้กลายเป็นรถขนส่งความสุขเคียงข้างทุกเส้นทางฝัน เป็นเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ใช้ด้วยความจริงใจ พร้อมเดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ในราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท และในครั้งนี้เราได้จับมือกับร้าน The Nail Bakery ที่จะมาเนรมิตรถยนต์ Suzuki Carry ให้เป็นร้านทำเล็บเคลื่อนที่ที่สามารถต่อยอดธุรกิจหรือเป็นไอเดียธุรกิจให้กับคนที่อยากมีอาชีพ และอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองอีกด้วย

นายวัลลภ ยังกล่าวอีกว่า ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ซูซูกิได้จัดแคมเปญสุดคุ้ม “SUZUKI SUPER PLATINUM DEAL ดีลคุ้ม..ขั้นสุด” ให้ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้มในทุกเงื่อนไขได้มากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น ข้อเสนอขับฟรี 90 วัน พร้อมรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 150,000 บาท หรือจะเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 0.79% นาน 60 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งทุกรุ่น โดยแคมเปญ “SUZUKI SUPER PLATINUM DEAL ดีลคุ้ม..ขั้นสุด” จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 โดยขอเชิญชวนลูกค้าติดต่อสอบถามรายละเอียดแคมเปญพิเศษของรถแต่ละรุ่นได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ หรือที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ช่องทางการติดต่อ

www.suzuki.co.th 

www.facebook.com/officialsuzukimotorthailand

โปรโมชั่น งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (วันที่ 25 มีนาคม 2567-7 เมษายน 2567)

โปรโมชั่น NEW SUZUKI XL7 HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน  หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนเดือนละ 8,146 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI SWIFT

•เลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 5,780 บาท พร้อมรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 0.79% นาน 60 เดือน 

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI CIAZ

•ราคาเริ่มต้น 378,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น NEW SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI XL7

•ราคาเริ่มต้น 734,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI CELERIO

•เลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 3,488 บาท พร้อมรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 15,000 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI CARRY

•รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

•หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

BYD ส่งโปรโมชั่นแรง 3 รุ่นรวด ที่งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เรเว่ เปิดตัว New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 พร้อมส่งโปรแรงเร้าใจกับ BYD ATTO 3 รุ่นปี 2023 ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จัดเต็มทัพยานยนต์พลังงานไฟฟ้าล้ำสมัย 29 คัน ให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดพิเศษ! ชุดของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 สำหรับลูกค้าที่จองรถ BYD ภายในงานเท่านั้น

กรุงเทพฯ – 26 มีนาคม 2567 : บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เปิดตัวและประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 รถอเนกประสงค์คู่ใจในชีวิตประจำวัน ผสานเทคโนโลยี ระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้อุ่นใจแม้ยามฉุกเฉิน พร้อมจัดเต็มข้อเสนอคุ้มค่าและราคาสุดเร้าใจสำหรับ BYD ATTO 3 รุ่นปี 2023 จำนวนจำกัด หมดแล้ว หมดเลย! ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เท่านั้น พร้อมทั้งจัดแสดงทัพยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะเหนือชั้นหลากหลายรุ่นให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดรวม 29 คัน ได้แก่ BYD DOLPHIN MINI, BYD SONG MAX, BYD SEALION, BAO 5, DENZA D9 DM-i และYANGWANG U9 พิเศษ! จัดเต็มของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 หลังจากแบรนด์ BYD คว้าสิทธิ์การเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 สำหรับลูกค้าที่จองรถ BYD ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน พ.ศ. 2567 ภายในงาน เท่านั้น

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นี้ BYD มาพร้อมทัพยนตรกรรมที่อัดแน่นด้วยดีไซน์และนวัตกรรมล้ำสมัยทั้งจาก BYD นำโดย New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 ร่วมด้วยแบรนด์ BAO 5, DENZA และ YANGWANG ซึ่งพร้อมให้ชาวไทยได้สัมผัสคันจริงแล้ววันนี้ ในบูธ BYD กับพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร นับเป็นบูธภายใต้แบรนด์เดียวขนาดใหญ่ที่สุดในงาน รองรับการจัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากถึง 29 คัน และอีกหนึ่งความพิเศษในปีนี้ คือการพลิกโฉมบูธด้วยการตกแต่งในธีมฟุตบอล UEFA EURO 2024 ในฐานะที่ BYD เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 โดย BYD ยังเตรียมของสมนาคุณสุดพิเศษมามอบให้ลูกค้าอีกด้วย”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ‘NEW ENERGY FOR ALL’ ที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ NEV Nation เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา แบรนด์ BYD ได้จารึกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 กว่า 2,500 คันภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่เปิดรับจองแบบ walk-in ผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นด้วยยอดจดทะเบียนถึง 19,214 คัน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งรายรุ่นในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าการเปิดตัว New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 ในวันนี้จะตอบโจทย์ความต้องการ ของผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น มอบความสะดวกสบายและความอุ่นใจในการเดินทางกับระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC สูงสุด 480 กิโลเมตร ทั้งยังยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าขึ้นไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยผู้บริโภคสามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ในราคา 1,049,900 บาท และจะพร้อมส่งมอบรถให้ลูกค้าหลังเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “สำหรับลูกค้าที่จอง BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 ที่เปิดตัวพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์นี้ จะได้รับสิทธิพิเศษ RÊVER Care ประกอบด้วยประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี, Smart Home Charger ยี่ห้อ AUTEL พร้อมบริการติดตั้ง, บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม., รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. และสิทธิประโยชน์อื่นๆ กว่า 10 รายการ รวมถึงของสมนาคุณสุดพิเศษจากลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 ส่วนผู้บริโภคที่สนใจ BYD ATTO 3 Standard และ Extended รุ่นปี 2023 เรายังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษสุดในงานเท่านั้นให้ได้เป็นเจ้าของกันก่อนสินค้าหมด กับข้อเสนอที่คุ้มค่ายิ่งกว่าที่เคย นอกจากนี้ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มธุรกิจเรเว่จึงมุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า BYD และผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เดินหน้าเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายจะขยายจาก 100 แห่งเป็น 200 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2567 นี้ เพื่อมอบบริการเหนือระดับที่ทั้งสะดวกและรวดเร็วให้กับทุกคน” 

ดุดันดึงดูดทุกสายตาพร้อมความสะดวกสบายเหนือชั้น

รูปลักษณ์ภายนอกของ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมสีภายนอกใหม่ ให้ความรู้สึกดุดันอย่างสีดำ Quantum Black พร้อมเสาดี (D Pillar) สีดำ ที่ผสานกับดีไซน์ภายนอกอย่างหรูหราลงตัว โดดเด่นด้วย Wing Feather Dragon Crystal LED Combination Headlights หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ที่ออกแบบพิเศษโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ปรับขนาดของยางเป็น 235/50 R18 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนโดยยังคงความนุ่มนวล และยังเลือกใช้ยาง Continental ที่ออกแบบพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะช่วยยึดเกาะถนนและเก็บเสียงรบกวน ให้ห้องโดยสารเงียบสงบ ดีไซน์ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ สะดวกสบายด้วยระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายไฟฟ้าแบบ One-Touch กระจกมองข้างพับและปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบทำความร้อนไล่ฝ้า

ห้องโดยสารตกแต่งภายในสไตล์ Rhythmic Interior มาพร้อมโทนสีน้ำเงิน-ดำ และน้ำเงิน-เทา ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยหน้าจอกลางสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ที่ปรับหมุนเป็นแนวตั้งและแนวนอนได้ หน้าจอแสดงผลด้านคนขับแบบดิจิทัลขนาด 5 นิ้ว จัดเต็มฟีเจอร์อัจฉริยะและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนอย่างเหนือชั้น อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตซ์ควบคุมหน้าจอ แท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX มั่นใจได้ทั้งครอบครัว ชุดเครื่องเสียง Dirac HD Sound พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และเชื่อมต่อ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ให้เพลิดเพลินไปกับแอปพลิเคชันคาราโอเกะ ทั้งยังมีระบบกรองอากาศ PM 2.5 แบบแสดงค่า ช่วยให้คุณอุ่นใจตลอดการเดินทาง

อุ่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยซอฟต์แวร์เสริมความปลอดภัยล้ำสมัย

New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอุ่นใจตลอดการเดินทาง โดยมีการอัพเกรดระบบสตาร์ทอัจฉริยะ การปิดระบบแจ้งเตือนคนข้ามถนน ปิดไฟ Daytime Running Light ได้เมื่อใส่เกียร์ และยังคงมีถุงลมนิรภัย7 ตำแหน่ง กล้องมองรอบคัน 360 องศา เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้า – ด้านหลัง 6 จุด2 ระบบช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา เป็นต้น

ตอบโจทย์ทุกการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยสมรรถนะเหนือชั้น 

New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมกับขุมพลังแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง Blade Battery สิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ BYD ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ความจุ 60.48 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC สูงสุด 480 กิโลเมตร ออกตัวเร็วไม่แพ้ใครด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที พร้อมขับเคลื่อนกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร และมีระบบ VtoL (Vehicle To Load) เทคโนโลยีที่ใช้แบตเตอรี่จ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ ระบบเบรกพร้อมระบบชาร์จพลังงานกลับอัตโนมัติ (Regenerative Braking) ช่วงล่างด้านหน้ามีระบบกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังระบบมัลติ-ลิงค์ ยึดเกาะถนนดีเยี่ยมพร้อมมอบความนุ่มนวลทุกเส้นทางใช้ระบบดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อนบริเวณด้านหน้ารถ รองรับหัวชาร์จ แบบ AC Type 2 และแบบ DC – CCS 2 สูงสุด 88 กิโลวัตต์

ลูกค้าที่ซื้อ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ได้แก่

•ดอกเบี้ย 1.98% นาน 48 เดือน

•ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นานสูงสุด 1 ปี

•รับ Smart Home Charger ยี่ห้อ AUTEL พร้อมบริการติดตั้ง

•บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

•รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.

•รับประกันตัวรถ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปี

•สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือ V to L

•สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger

•พรมเข้ารูป กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ

•ค่าจดทะเบียนรถ

เป็นเจ้าของรถพร้อมรับข้อเสนอสุดเร้าใจจากเรเว่  FINAL RUNOUT CAMPAIGN

เรเว่ ออโตโมทีฟ มอบข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าและผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 รุ่นปี 2023 (จำนวนจำกัด 1,175 คัน) และ BYD DOLPHIN (จำนวนจำกัด 1,549 คัน) รับส่วนลดเงินสดสูงสุด 250,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 – 30 เมษายน พ.ศ. 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD ATTO 3 Standard รุ่นปี 2023 รับส่วนลดเงินสด 200,000 บาท เหลือเพียง 899,900 บาท (จากราคาปกติ 1,099,900 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2023 รับส่วนลดเงินสด 250,000 บาท เหลือเพียง 949,900 บาท (จากราคาปกติ 1,199,900 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 450,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD DOLPHIN รุ่น Standard รับส่วนลดเงินสด 40,099 บาท เหลือเพียง 659,900 บาท (จากราคาปกติ 699,999 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 205,000 บาท

โปรแรงเกินต้านสำหรับ BYD SEAL ทุกรุ่นภายใต้ MOTOR SHOW CAMPAIGN

เรเว่ ออโตโมทีฟ จัดเต็มโปรโมชันต้อนรับงานมอเตอร์โชว์ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL ทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 – 30 เมษายน พ.ศ. 2567 (แคมเปญมีผลย้อนหลังเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567) โดยมีรายละเอียดดังนี้

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL รุ่น Dynamic รับส่วนลดเงินสด 126,000 บาท เหลือเพียง 1,199,000 บาท (จากราคาปกติ 1,325,999 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 361,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL รุ่น Premium รับส่วนลดเงินสด 50,000 บาท เหลือเพียง 1,399,000 บาท (จากราคาปกติ 1,449,000 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 285,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL รุ่น Performance รับส่วนลดเงินสด 100,000 บาท เหลือเพียง 1,499,000 บาท (จากราคาปกติ 1,599,000 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 335,000 บาท

เรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ขอเชิญชวนผู้บริโภคร่วมชมและสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 โดยผู้ที่จองรถยนต์ที่บูธ BYD ทุกรุ่นภายในงานจะได้รับ EURO Set ของสมนาคุณลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 ประกอบด้วย กระเป๋าสะพายหลังมัลติฟังก์ชัน กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ พวงกุญแจ ผ้าเย็นอเนกประสงค์ และ กระบอกน้ำแสดงอุณหภูมิ รวมมูลค่ากว่า 8,990 บาท อีกด้วย และพลาดไม่ได้กับข้อเสนอสุดพิเศษรวมทั้งสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับลูกค้าและผู้สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD ทั่วประเทศ พบกันที่บูธ A18 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 – 7 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

อนึ่ง บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยในเดือนกรกฎาคม 2565  บริษัทฯ ได้นำรถยนต์ไฟฟ้า BYD รุ่นแรก “BYD ATTO 3” เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลามด้วยยอดจำหน่ายและส่งมอบมากกว่า 30,000 คัน ในปีแรกที่เข้าสู่ตลาด ในเดือนกรกฎาคม 2566 ได้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า รุ่นที่ 2 “BYD DOLPHIN” และล่าสุดเสริมสร้างผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าซีดาน รุ่นที่ 3 “BYD SEAL” ในเดือนกันยายน ทำให้สามารถสร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนมากที่สุดในปี 2566 บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ (NEV: New Energy Vehicle) เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เข้าสู่วงการขับขี่ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และมอบทางเลือกที่ความประหยัดในภาวะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัวยนตรกรรมพรีเมียมในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวทัพสุดยอดยนตรกรรมพรีเมียม ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวทัพรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ หลากหลายรุ่น ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45โดยมี ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ให้เกียรติเข้าร่วม ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้

ในภาพ จากซ้าย :

1.มร.คนุท โบลกแคร์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย

2.มร.เอริค รูเก้ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย

3.คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย

4.มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 

5.ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

6.คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

7.คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยโฉมยนตรกรรมใหม่ถึง 8 รุ่น จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เพื่อส่งมอบที่สุดของตัวเลือกด้านนวัตกรรมยานยนต์อันครบครันตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานของผู้ใช้ยวดยานพาหนะ ตามแนวคิดเรื่องการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลักของบีเอ็มดับเบิลยู สอดคล้องแนวคิด “The Mobility of Joyful Experiences: ประสบการณ์แห่งความสนุกของทุกการเดินทาง” ของการจัดงานในปีนี้ และความมุ่งมั่นในการส่งมอบสุนทรียะแห่งการขับขี่สูงสุดในทุกรูปแบบภายในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2566 นี้ ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี

นำทัพโดยบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport (Inspiring) ที่ยังคงครบครันทั้งเทคโนโลยีสุดล้ำและดีไซน์ที่ดึงดูดทุกสายตาทั้งภายนอกภายใน ตามด้วยรถยนต์หลากหลายรุ่นในทุกระบบขับเคลื่อน ได้แก่ รถยนต์อเนกประสงค์แบบคูเป้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport  บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ขุมพลังดีเซล บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro และบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro ในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด

ด้านมินิ เผยโฉมรถรุ่นใหม่คงความเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่ดีไซน์สุดคลาสสิก ด้วยรถยนต์มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล คลาสสิก กับความพิเศษด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู คลาสสิก ที่สะกดทุกสายตาระหว่างการผจญภัยสุดเร้าใจบนท้องถนน ในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Italian Job’ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน รุ่น Multitone ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หลังคา Multitone Roof มาพร้อมตัวเลือกสีน้ำเงิน Soul Blue สะท้อนตัวตนที่แตกต่างและเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา และมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition รุ่นพิเศษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามตามธรรมชาติของเขตเทือกเขาในประเทศสกอตแลนด์

มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นแนวหน้า การส่งมอบบริการระดับคุณภาพ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของเราตลอดทั้งปี พ.ศ. 2566 เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์ยานยนต์พรีเมียมของประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่สี่ นอกจากนี้ การได้รับการประเมินคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (Net Promoter Score – NPS) ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านยอดขายและการให้บริการหลังการขายในปี พ.ศ. 2566 ถือเป็นผลลัพธ์โดยตรงที่แสดงว่าลูกค้ามอบความไว้วางใจให้กับเรา และในปีนี้ เราจะยังคงให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเช่นเดิม โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้นำยนตรกรรมใหม่ถึง 8 รุ่น สู่งานมอเตอร์โชว์ 2024 ที่บูธ A1 จากทั้งแบรนด์

บีเอ็มดับเบิลยู มินิ รวมถึงโปรโมชันพิเศษเฉพาะในงาน บริการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศไปพร้อม ๆ กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและพาร์ทเนอร์ของเราทุกคน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยของเรา”

ข้อเสนอพิเศษในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45*

•เยี่ยมชมโซนชุดแต่ง M Performance เพื่อยลโฉมยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport M Performance Edition พร้อมชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน รวมถึงเบรคแบบ M performance และ บีเอ็มดับเบิลยู X1 ที่ติดตั้งกล่องสัมภาระและแร็คจักรยานบนหลังคารถยนต์ ซึ่งได้รับการดีไซน์มาเพื่อลูกค้าผู้ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ผจญภัยและการทำกิจกรรมนอกบ้านเป็นหลัก ที่สำคัญคือ ส่วนลดพิเศษสำหรับอุปกรณ์ตกแต่ง M Performance ทุกชิ้นอีกด้วย

•แพ็คเกจบำรุงรักษารถยนต์ (Service Inclusive) สำหรับเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่พ้นระยะ BMW Service Inclusive หรือ MINI Service Inclusive (ไม่เกิน 15 เดือน) ครอบคลุมการดูแลบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร ในราคาเริ่มต้นที่ 34,000 บาท ประกอบด้วยบริการ 7 รายการ ได้แก่ เปลี่ยนถ่ายและเติมน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบสภาพรถยนต์ เปลี่ยนไส้กรองอากาศ เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์ เปลี่ยนหัวเทียน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก โดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการรับรองจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยในปี 2567 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้เพิ่มบีเอ็มดับเบิลยู X7 และบีเอ็มดับเบิลยู Z4 เข้ามา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าไทยได้อย่างครอบคลุมที่สุด

•บริการ BMW Proactive Care พร้อมต่อยอดประสบการณ์การขับขี่อันยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผ่านบริการต่างๆ อาทิ การวิเคราะห์ทางไกล สายตรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ สายตรงฉุกเฉิน บริการวิดีโอวิเคราะห์งานซ่อมสำหรับลูกค้า บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance เป็นต้น

•ข้อเสนอพิเศษจากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สำหรับผู้ที่ทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนเริ่มต้นเพียง 16,999 บาทต่อเดือน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2, อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 1.4% สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู iX, อัปเกรด BSI นานถึง 10 ปี สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 และฟรี BMW Wallbox สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น รวมถึงชุดอุปกรณ์ตกแต่ง M performance สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport ในราคา 55,555 บาทเท่านั้น จำกัดเพียง 20 ชุด

•สำหรับมินิ ลูกค้าที่สั่งจองในงานจะได้รับของที่ระลึกพิเศษ พร้อมข้อเสนอแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI นานถึง 10 ปี สำหรับมินิ คันทรีแมน และข้อเสนอ MINI Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สำหรับอีกหลายรุ่น เป็นต้น ผู้ที่สั่งจองมินิ คันทรีแมน ยังจะได้รับของที่ระลึกสุดพิเศษ มินิ x PDM อีกด้วย

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เยี่ยมชมรถยนต์รุ่นต่าๆ พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษต่างๆ จากบีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ ได้ที่บูธ A1 และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้ที่บูธ M7 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 นี้ ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ โชว์นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ครบรอบ 60 ปี สุดยิ่งใหญ่ โชว์นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำ ชูคอนเซ็ปต์ “YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD” พร้อมเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น ตอบโจทย์ทุกเซ็กเม้นท์ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ฉลองครบรอบ 60 ปี ยกทัพนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำเข้าร่วมในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ภายใต้แนวคิด “YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD โลกแห่งยนตกรรมสุดพรีเมี่ยม สู่อิสรภาพแห่งความเร้าใจในการเดินทางแบบไร้ขีดจำกัด” สื่อสารผ่านการออกแบบ และดีไซน์ ภายใต้แนวคิด The Limitless Movement สะท้อนความอิสระ ไม่หยุดนิ่ง ผสมผสานเทคโนโลยี และนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการพัฒนาในการยกระดับสินค้า และบริการสู่ความพรีเมียม เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุด

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงแนวความคิด และการออกแบบบูธยามาฮ่าในปีนี้ว่า“ในโอกาสที่ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าครบรอบ 60 ปี ในประเทศไทย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในครั้งนี้ เราจึงได้ทำการออกแบบ และการนำเสนอบูธยามาฮ่าอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีชื่อว่า “YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD โลกแห่งยนตกรรมสุดพรีเมี่ยม สู่อิสรภาพแห่งความเร้าใจในการเดินทางแบบไร้ขีดจำกัด” ซึ่งยามาฮ่าได้พยายามคิดค้น และพัฒนาเทคโนโลยีของโลกยานยนต์ เพื่อที่จะมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ให้มีความสะดวกสบาย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า

โดยในปีนี้ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ได้นำเทคโนโลยีอันทันสมัยของยามาฮ่าจากงาน Japan Mobility Show 2023 ที่ประเทศญี่ปุ่น มาจัดแสดงให้กับชาวไทยได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าครั้งแรกในประเทศไทย ทั้ง MOTOROiD2 (โมโตรอยด์ทู) ยานยนต์แห่งอนาคตเหนือจินตนาการ ที่สามารถผสานความรู้สึกของมนุษย์ และเครื่องจักรไปพร้อมกัน มาพร้อมระบบการทรงตัวที่สามารถเคลื่อนที่ไปตามผู้ขับขี่ เสมือนได้ขับเคลื่อนไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทาง ด้วยการติดตั้งระบบควบคุม Active Mass Center (AMCES) เพื่อตรวจจับ และปรับสมดุลของตัวรถ ผสาน AI จดจำและตอบสนองต่อใบหน้าและท่าทางของผู้ขับขี่ พร้อมโครงสร้าง LEAF ที่มีคุณสมบัติตอบสนองการขึ้น /ลง ที่ไม่เคยมีในรถจักรยานยนต์มาก่อน และ YAMAHA ELOVE ยนตรกรรมที่ปฎิวัติวงการ ด้วยแนวคิดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งระบบ AMSAS (Advanced Motorcycle Stabilization Assistant System) ช่วยให้รถจักรยานยนต์ทรงตัวได้เองในความเร็วต่ำ เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ เมื่อผู้ขับขี่เกิดความเหนื่อยล้าในขณะขับขี่ แต่ยังคงสามารถเดินทางต่อได้อย่างปลอดภัย

ในครั้งนี้ เราได้นำ e-plegona เครื่องเล่นที่ออกแบบด้วยการผสานระหว่างศิลปะและเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการสำรวจ และศึกษาวิธีการสร้างประสบการณ์ “Kando*” ที่ใช้สื่อความหมายถึงอารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และพึงพอใจอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเมื่อได้เจอกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นปรัชญาองค์กรร่วมกันของ ยามาฮ่า มอเตอร์ และ ยามาฮ่า คอร์ปอร์เรชั่น

(*คำในภาษาญี่ปุ่นที่ใช้สื่อความหมายถึงอารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจเละพึงพอใจอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเมื่อได้เจอกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ)

พร้อมกันนี้ยังมียานยนต์ไฟฟ้า YAMAHA E01 และ YAMAHA NEO’s ยนตรกรรมแห่งยุคยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ ที่พร้อมเชื่อมทุกการเดินทาง รวมทั้งรถจักรยานเสือภูเขาแบบใช้แบตเตอรี่ YAMAHA YPJ-MT PRO นำมาจัดแสดงภายในบูธอีกด้วย

สุดท้ายนี้ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้ามาร่วมสัมผัสกับความพรีเมี่ยมจากนวัตกรรมยานยนต์และประสบการณ์ใหม่สุดเร้าใจภายในบูธ “YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD” ไปพร้อมๆ กันครับ”

นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้าและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ในบูธยามาฮ่าในปีนี้ว่า “ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ 4 รุ่นภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกๆ เซ็กเม้นท์

เริ่มด้วย NEW YAMAHA MT-09SP สุดยอดเครื่องยนต์แบบ CP3 Hyper Naked ขนาด 890 ซีซี ที่ปลุกเร้าความตื่นเต้นอย่างแท้จริง ด้วยสเปคระดับพรีเมียมที่ให้การควบคุม และความแม่นยำระดับ SuperSport มาพร้อมสีใหม่ Icon Performance พร้อมให้เป็นเจ้าของในราคาแนะนำที่ 489,000 บาท และนอกจากนี้ ยังมี NEW YAMAHA MT-09 เพิ่มสมรรถนะของ Hyper Naked พร้อมการควบคุมที่เฉียบคม เครื่องยนต์สามสูบ 890 ซีซี อันเร้าใจ เทคโนโลยีชั้นนำของคลาส และรูปลักษณ์ใหม่สุดขั้ว พร้อมเปิดให้จองในงานราคาแนะนำที่ 447,000 บาท

NEW YAMAHA EXCITER155 แรงเข้าเส้น…Xciting Blood เครื่องยนต์ 155 ซีซี VVA ดีไซน์แฟริ่งใหม่ และเบาะนั่ง Double Super Sports โฉบเฉี่ยวเร้าใจ สะท้อน R-DNA สายพันธุ์สปอร์ต มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ทุกจังหวะหัวใจ เต้นรัวไปกับความแรง ด้วยระบบเบรกหน้า ABS ช่วยป้องกันการล้อล็อค สะดวกสบายมากขึ้นกับระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ และ DC Charging Socket ที่ให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ เต็มที่กับทุกเส้นทาง มาพร้อม 3 สีใหม่ สีเทา-น้ำเงิน, สีดำ และสีน้ำเงิน เป็นเจ้าของ NEW YAMAHA EXCITER155 ได้ในราคาแนะนำที่ 79,500 บาท

ALL NEW YAMAHA PG-1…Playful Custom Limited Edition ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน กับ 2 คอนเซ็ปต์ ให้ทุกคนได้สนุกในสไตล์ที่แตกต่าง คอนเซ็ปต์ Dusty Tracker สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสายลุย และคอนเซ็ปต์ Escape Camper สำหรับสายแคมป์ปิ้ง โดยมีจำนวนจำกัดเพียง 400 คัน เท่านั้นพร้อมกับราคาแนะนำที่ 73,500 บาท

เทรนดี้สกู๊ตเตอร์ของคน Gen Fazz อย่าง YAMAHA FAZZIO ที่ได้ Collab กับแบรนด์แฟชั่นยอดนิยมระดับโลกอย่าง FILA มาร่วมออกแบบ และดีไซน์อัพลุคพิเศษ ให้ YAMAHA FAZZIO x FILA โดดเด่นด้วยสีสัน และกราฟิกสไตล์ FILA แบรนด์แฟชั่นของคน Gen Fazz สนุก พร้อมรับหมวกกันน็อก เสื้อแจ็กเก็ด และชุดแต่งคอลเล็กชั่นพิเศษสุดเท่ Fazzio x FILA Collection สุด Limited เพียง 2,500 คัน เท่านั้น เป็นเจ้าของ YAMAHA FAZZIO ได้ในราคาแนะนำ 62,900 บาท

 เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เรายังได้นำรถจักรยานยนต์ YAMAHA YG-1 ซึ่งถือเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นแรก ที่จำหน่ายในประเทศไทย มาจัดแสดงในโซน 60th Anniversary พร้อมกับ FINO FINAL EDITION Emblem Number 001 คันเดียวในโลกที่ให้ทุกท่านมาร่วมประมูลเริ่มต้นที่ราคา 50,900 บาท เพื่อนำรายได้จากการประมูลสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนาฯ

นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกเซ็กเม้นท์อย่างครบครัน อีกทั้งยังมียานยนต์ทางน้ำอย่าง YAMAHA WAVE RUNNER และ YAMAHA SUPER JET รวมทั้งเครื่องแต่งกาย YAMAHA APPAREL & ACCESSORIES ให้ทุกท่านได้เลือกช้อปตามสไตล์ของตัวเอง ขอให้ทุกท่านได้ร่วมชมนวัตกรรมจากยามาฮ่า และร่วมสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆภายในบูธของเรานะครับ”

สำหรับ YAMAHA REV IDOL ของบูธยามาฮ่าในปีนี้ได้รับเกียรติ 2 สาวสวยดีกรีจากมิสแกรนด์สมุทรปราการ ปี 2023 “น้องรถเบนซ์ สุภาพร ยมรักษ์” และมิสแกรนด์สงขลา ปี 2020 “น้องมะนาว นารีรัตน์ จันทร์ปลอด” มาเพิ่มความพรีเมี่ยมให้กับบูธ และยังมี Yamaha Advisor หนุ่มหล่อ สาวสวย Gen ใหม่ จากไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ที่พร้อมให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือแก่ทุกท่านภายในบูธ “YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD”

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงจัดเต็มด้วยโปรโมชันสุดพิเศษ สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาด 115 – 155 ซีซี และรถจักรยานยนต์ขนาด 400 – 1,000 ซีซี รับ Gift Voucher มูลค่าสูงสุดถึง 75,000 บาท พร้อมเติมเต็มการใช้งานด้วยประกันภัยชั้น 1 พร้อมของแถมสุดพิเศษ สำหรับยานยนต์ทางน้ำ YAMAHA WAVERUNNER รับ Gift Voucher สูงสุด 120,000 บาท และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรับส่วนลดสูงสุด 50%

โปรโมชันพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 400 ซีซี

• XMAX Connected & TechMAX        ฟรี! ประกันภัยชั้น 1

• NMAX155           ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท บัตรน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก MAX Series 1 ใบ (หมวกกันน็อกจำกัด 50 คันแรกเท่านั้น)

• FAZZIO HYBRID          ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 3,000 บาท พร้อม FAZZIO      

BUDDY PACK มูลค่า 2,000 บาท (FAZZIO BUDDY PACK จำนวนจำกัด 200 คัน แรกเท่านั้น)

• GRAND FILANO HYBRID      ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก GRAND FILANO มูลค่า 990 บาท (หมวกกันน็อกจำนวนจำกัด)

• AEROX 155 ปี 2023     ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท บัตรน้ำมันมูลค่า 2,000 บาท พร้อมเสื้อแจ็คเก็ต และหมวกกันน็อก (เสื้อแจ็คเก็ต และหมวกกันน็อกจำกัด 50 คันแรกเท่านั้น)

• New YAMAHA EXCITER155  ฟรี! กระเป๋าสะพายข้าง Exciter Limited Edition มูลค่า 690 บาท (จำนวนจำกัด 100 คัน แรกเท่านั้น)       

• All New YAMAHA PG-1          ฟรี! ชุดโต๊ะ และเก้าอี้จาก Coleman มูลค่า 1,800 บาท Playful Custom Limited Edition          (จำนวนจำกัด 100 คัน แรกเท่านั้น)       

• FINN         ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 2,000 บาท พร้อมบัตรกำนัลจากโลตัส มูลค่า 500 บาท

• XSR155    ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก XSR155 มูลค่า 1,900 บาท (หมวกกันน็อกจำกัด 20 คัน แรกเท่านั้น)

• R15 Connected ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก R15M Connected-ABS   R15 มูลค่า 1,790 บาท (หมวกกันน็อกจำกัด 20 คัน แรกเท่านั้น)

• MT-15       ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท พร้อมหมวกกันน็อก MT-15 มูลค่า 2,400 บาท (หมวกกันน็อกจำกัด 20 คัน แรกเท่านั้น) 

• WR155R   ฟรี! Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง All New YAMAHA PG-1, R15, R15M และ MT-15 รับสิทธิพิเศษมอบคูปองส่วนลด 30% ในการซื้อ Apparel คอลเลคชันรถรุ่นนั้นๆ เฉพาะในงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น จำนวนจำกัด รุ่นละ 50 ใบ

โปรโมชันพิเศษสำหรับรถยามาฮ่าขนาด 400-1,000 ซีซี

• YZF-R7 ปี 2024             ฟรี! Gift Voucher 26,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• New MT-09SP              ฟรี! Gift Voucher 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• New MT-09                   ฟรี! Gift Voucher 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• MT-07                           ฟรี! Gift Voucher 48,500 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• Tracer9 GT+                 ฟรี! Gift Voucher 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• Tenere700                    ฟรี! Gift Voucher 20,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• XSR900                         ฟรี! Gift Voucher 75,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1

• SR400                           ฟรี! Gift Voucher 10,000 บาท 

• TMAX TechMAX           ฟรี! ประกันภัยชั้น 1

โปรโมชันพิเศษสำหรับ YAMAHA WAVERUNNER

• FX Limited SVHO                    รับส่วนลดมูลค่า 120,000 บาท

• SUPERJET                              รับส่วนลดมูลค่า 70,000 บาท

โปรโมชันพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ YAMALUBE เครื่องแต่งกาย และอะไหล่ตกแต่ง

• YAMAHA APPAREL               รับส่วนลดสูงสุด 50%

• YAMAHA ACCESSORIES      รับส่วนลดสูงสุด 10%

• ผลิตภัณฑ์ YAMALUBE           รับส่วนลดสูงสุด 10%

พิเศษสุด…เมื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่ง และยามาลู้ปครบ 1,000 บาท รับฟรี! ทันทีกระบอกน้ำยามาลู้ป จำกัด 1 ใบ / 1 ออเดอร์ / 1 ใบเสร็จ โปรโมชันนี้เฉพาะในงานมอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 เท่านั้น

พบกับบูธสุดล้ำ “YAMAHA REV PREMIUM MOBILITY WORLD โลกแห่งยนตกรรมสุดพรีเมี่ยมสู่อิสรภาพแห่งความเร้าใจในการเดินทางแบบไร้ขีดจำกัด” พร้อมชมยนตกรรมเหนือชั้นจากยามาฮ่า ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมพิเศษจากยามาฮ่าผ่านช่องทางต่างๆ ของ   ยามาฮ่าได้ที่ www.yamaha-motor.co.th

Facebook    : Yamaha Society Thailand

InstaGram   : @YamahaSocietyThailand

YouTube     : Yamaha Society Thailand

LINE OA      : @Yamahasociety

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยโฉมกระบะไฮบริด GWM POER SAHAR HEV

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยโฉม GWM POER SAHAR HEV รถกระบะไฮบริดคันแรกในไทย พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ซื้อ คว้า Three Man Down ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ HAVAL JOLION ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

กรุงเทพฯ 25 มีนาคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) เดินหน้าเร่งเครื่องเต็มพิกัด พร้อมตอกย้ำพันธกิจใหม่กับการขึ้นสู่ตำแหน่งหนึ่งในสามผู้นำแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยภายใน 3 ปี หรือ Top 3 in 3 ขนทัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ทั้งสิ้น 10 รุ่น พร้อมนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตภายใต้แนวคิด “The Great Movement” ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาพร้อมกับไฮไลท์สุดพิเศษ ประเดิมด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์น้องใหม่สะเทือนวงการรถกระบะในประเทศไทย “GWM POER SAHAR HEV – The First-Class Intelligent Pickup” รถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในไทย ที่จะทำให้ทุกการเดินทางเสมือนการใช้บริการในที่นั่งระดับเฟิร์สคลาส ยกระดับมาตรฐานรถกระบะไปอีกขั้น ฉีกกฎการใช้รถกระบะแบบเดิมๆ ให้คอกระบะชาวไทยได้ยลโฉมก่อนใคร เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าด้วยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ HAVAL JOLION อย่าง “Three Man Down” พร้อมเพลงใหม่สุดพิเศษ “ให้เธอนั่งข้าง ๆ” เอาใจคนรุ่นใหม่ ร่วมด้วยทัพรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมรวมถึงโปรโมชันสุดเร้าใจมากมายที่บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ A4 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม 2567 – 7 เมษายน 2567

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “วันนี้เรามีความยินดีที่จะแนะนำแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก โดยรถกระบะเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดและมีประวัติอันยาวนาน กับการครองตำแหน่งผู้นำตลาดในประเทศจีนมากถึง 26 ปี (พ.ศ. 2541 –  พ.ศ. 2566) มีส่วนแบ่งตลาดในปัจจุบันเกือบ 50% และมียอดขายสะสมมากถึง 2.54 ล้านคันทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย รถกระบะจะไม่ใช่พาหนะสำหรับการใช้งานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะเป็นรถเพื่อการพักผ่อนและท่องเที่ยวในคันเดียวกัน ที่จะพาทุกคนในครอบครัวไปสู่จุดหมายได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ซึ่งความสะดวกสบายและความปลอดภัยนี้ ถือเป็นจุดที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความโดดเด่นและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี ถือเป็น “โอกาส” และ “จุดสร้างความแตกต่าง” ที่ทำให้เราโดดเด่นและแตกต่างจากรถกระบะอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน GWM POER SAHAR HEV เป็นรถกระบะไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย ที่จะเข้ามาเปลี่ยนนิยามของรถกระบะให้ไม่เหมือนเดิม ให้ทุกการเดินทางเปรียบเสมือนการโดยสารในที่นั่งเฟิร์สคลาส ที่มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นผสมผสานระหว่างความประณีต หรูหรา และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมสมรรถนะที่ตอบโจทย์ในทุกการเดินทางสำหรับครอบครัวชาวไทยได้เป็นอย่างดี ในอนาคต เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ในด้านการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่สังคมพลังงานใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

GWM POER SAHAR HEV รถกระบะไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย ยกระดับวงการกระบะให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น

GWM POER SAHAR HEV เป็นรถกระบะคันแรกในประเทศไทยที่เป็นพลังงานไฮบริดให้กับผู้ใช้งานรถกระบะทั่วประเทศ ที่จะเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้ GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร มอบความเงียบและความนุ่มทั้งในการขับขี่แบบปกติและเร่งแซง มอบพละกำลัง 244 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร และโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ (ในรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) แรง เร้าใจ ตอบสนองทุกการขับขี่ในทุกสภาพถนน ด้านมิติตัวรถ GWM POER SAHAR HEV มีความยาวถึง 5,445 มม. กว้าง 1,991 มม. สูง 1,924 มม. ทำให้ห้องโดยสารของรถยนต์คันนี้มีความกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกๆ ที่นั่ง ให้ความรู้สึกเสมือนการเดินทางในที่นั่งระดับเฟิร์สคลาส มีระยะฐานล้อ 3,350 มม. ช่วยเพิ่มมิติความกว้างของห้องโดยสารด้านหลัง ให้เป็นเหมือนรถ SUV เพื่อให้ทุกๆ ตำแหน่งของการนั่งในรถคันนี้เป็นเหมือนที่นั่ง VIP สำหรับทุกคน

GWM POER SAHAR HEV มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา Ayers Gray, สีขาว Hamilton White, และสีดำ Sun Black ด้านการออกแบบภายใน โดดเด่นเหนือใครด้วยการออกแบบอย่างประณีต หรูหรา มีระดับ สะท้อนตัวตนผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว สะดวกสบายในทุกๆ ที่นั่ง ด้วยเบาะหนังแท้สุดพรีเมียมที่มาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าและระบบเบาะปรับอากาศในที่นั่งแถวหน้า และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง หน้าจอมัลติมีเดียระบบสัมผัสขนาด 12.3” รองรับความบันเทิงเต็มรูปแบบทำงานร่วมกับ ลำโพง Infinity 10 ตำแหน่ง และอีกหนึ่งไฮไลท์ของรถกระบะคันนี้คือ ฝาท้ายอัจฉริยะที่เปิด-ปิด ได้ 2 รูปแบบ ควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส สะดวกสบายในทุกการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีให้ถึง 29 รายการ และฟังก์ชันที่เป็น Best-in-class มากมาย อาทิ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน, ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2, รวมถึงกล้องรอบคัน 360 องศา และเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบตรวจสอบสถานะและควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเผยสเป็กอย่างเต็มรูปแบบรวมถึงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤษภาคมนี้

พิเศษสุด เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อซื้อ GWM POER SAHAR HEV ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เวลา 12.00 น. จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 23.59 น. ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนจองสิทธิ์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผ่านทาง GWM Application และเว็บไซต์ของ GWM โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์และเป็น 300 ท่านแรกที่ได้ชำระเงินจองหลังการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการ จะได้รับสิทธิพิเศษ ส่วนลดมูลค่า 50,000 บาท

เปิดตัว “Three Man Down” พรีเซนเตอร์ HAVAL JOLION สุดคูล พร้อมเพลงใหม่ Inspire ในทุกเส้นทาง

HAVAL JOLION ถือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงรุ่นสำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการสร้างยอดขายทั่วประเทศในกลุ่ม SUV B และเพื่อเป็นการตอกย้ำสมรรถนะ ความโดดเด่น และการสร้างการรับรู้ของรถยนต์รุ่นนี้สู่กลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้ร่วมมือกับ ค่าย Gene Lab นำกลุ่มศิลปิน “Three Man Down” ที่มากความสามารถและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ชาวไทย มาเป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีสปิริต ความกล้า และมุ่งมั่นเพื่อเติมเต็มความฝัน และทำสิ่งที่ตนเองรักจนประสบความสำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกนของ HAVAL JOLION ที่ว่า “RISE UP YOUR SPIRIT” พิเศษสุด พบกับ Three Man Down และมินิคอนเสิร์ตพร้อมกับเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษ “ให้เธอนั่งข้างๆ” ณ บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในวันที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 13.45 – 14.15 น.

สาวก GWM TANK 300 เตรียมเฮ เปิดจอง รุ่น PRO พร้อมสิทธิพิเศษที่ไม่ควรพลาด

มาตามคำเรียกร้อง เอาใจแฟนๆ ขาลุยกับการเปิดรับจองรถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม GWM TANK 300 รุ่น PRO  พร้อมส่งมอบภายในกลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป GWM TANK 300 พรีเมียมเอสยูวี ดีไซน์ BOXY โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร แข็งแกร่ง ดุดัน และเร้าใจ เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายสำหรับผู้รักการผจญภัย มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยในทุกการเดินทางทั้งในเมือง นอกเมือง และการขับขี่ออฟโรด GWM TANK 300 รุ่น PRO คุ้มค่าด้วยราคาเพียง 1,649,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอสุดเร้าใจมูลค่ารวมสูงสุดถึง 220,000 บาท

ฉลองครบรอบ 3 ปี ในประเทศไทย มอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษของรถยนต์หลากหลายรุ่น

พิเศษไปอีกขั้นกับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมายของรถยนต์หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดเงินสด ดอกเบี้ยพิเศษ ข้อเสนอช่วยผ่อน และอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้แคมเปญเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปี เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศไทย มูลค่าสูงสุดถึง 510,000 บาท ประเดิมด้วย All New GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมูลค่ารวม 510,000 บาท New GWM HAVAL H6 Hybrid SUV 2023 กับข้อเสนอมูลค่ารวม 340,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA และ 180,000 บาท สำหรับรุ่น PRO ในส่วนของ New GWM HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น Sport มอบข้อเสนอสุดพิเศษมูลค่ารวมสูงสุด 120,000 บาท และรุ่น ULTRA มูลค่าสูงสุด 190,000 บาท ต่อกันที่ GWM New ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA กับข้อเสนอมูลค่ารวม 150,000 บาท และ 180,000 บาทตามลำดับ GWM New ORA Good Cat รุ่น GT กับข้อเสนอมูลค่ารวม 200,000 บาท GWM ORA 07 กับข้อเสนอมูลค่ารวม 170,000 บาท และรุ่นสุดท้ายอย่าง ALL NEW GWM TANK 300 มาพร้อมข้อเสนอมูลค่ารวม 220,000 บาทสำหรับรุ่น PRO และ 240,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA และ ALL NEW GWM TANK 500 กับข้อเสนอมูลค่ารวม 180,000 บาทสำหรับรุ่น PRO และ 190,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA โปรโมชันสุดพิเศษนี้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จำกัดเพียงแค่ 300 คันเท่านั้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM Application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th)

ยิ่งไปกว่านั้น รับโชคสองต่อไปกับ “Great Wall Great Lucky” ลุ้นโชคต่อที่สองเมื่อออกรถ รถยนต์คอมแพคเอสยูวี HAVAL H6 HEV รุ่น PRO หรือ รุ่น ULTRA หรือ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด HAVAL H6 PHEV ลุ้นรับทองคำแท่งหนัก 2 บาท มูลค่า 72,191 บาท* สองรางวัล เครื่องปรับอากาศ Haier มูลค่า 18,000 บาท 7 รางวัล เครื่องฟอกอากาศ MI มูลค่า 4,990 บาท 17 รางวัล และ บัตรกำนัลเซ็นทรัลมูลค่า 1,000 บาท 25 รางวัล เพียงจองรถภายในวันที่ 15 มีนาคม 2567 ถึง 30 เมษายน 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้**

สัมผัสกองทัพรถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำ เทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ และกิจกรรมสนุกๆ มากมายจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ที่บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ A4 ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2567 – 7 เมษายน 2567 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

*มูลค่าทองคำแท่ง ณ วันที่ 5 มีนาคม 2567 ของ บริษัท ห้างขายทองฮั่วเซ่งเฮง (ประเทศไทย) จำกัด

**เงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ศึกษารายละเอียดได้ที่ GWM HAVAL Thailand กำหนดจับรางวัล วันที่ 17 มิถุนายน 2567 เวลา 15:00 น. และประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ผ่านทาง Facebook: GWM HAVAL Thailand

LOTUS EMEYA สปอร์ตซีดานไฟฟ้า 100% เผยโฉมที่มอเตอร์โชว์ 2024

LOTUS CARS THAILAND เปิดตัว “LOTUS EMEYA” สปอร์ตซีดานไฟฟ้า 100% Dual-Motor ที่เร็วที่สุดในโลก เป็นครั้งแรก! ใน South East Asia เตรียมเดินหน้ารุกตลาด EV พรีเมียมสปอร์ตคาร์เต็มสูบ พร้อมยกทัพสปอร์ตหรู 2 รุ่นแฟล็กชิพ ร่วมโชว์ในงาน Bangkok International Motor Show 2024

LOTUS CARS THAILAND (โลตัส คาร์ ไทยแลนด์) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษ ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เดินหน้าปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่สะเทือนวงการรถสปอร์ตหรูเมืองไทย กับการเผยโฉม “LOTUS EMEYA (โลตัส อี-เม-ย่า)” เป็นครั้งแรก! ใน South East Asia และเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียแปซิฟิก ในฐานะรถสปอร์ตซีดานไฟฟ้าล้วน 100%  Hyper-GT 4 Door with Dual-Motor ที่เร็วที่สุดในโลก เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.78 วินาที ยกระดับมาตรฐานใหม่ในรถไฟฟ้าซีดานรุ่นแรกของแบรนด์ ที่สะท้อน DNA ของ LOTUS อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมยกทัพสุดยอดยนตกรรมสปอร์ตหรู 2 รุ่น Flagship อย่าง  “LOTUS ELETRE” และ “LOTUS EMIRA” มาให้สัมผัสประสบการณ์ความพรีเมียม พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 ณ บูธ LOTUS CAR หมายเลข A25 ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3

นายธีรพงศ์ รอดลอย ผู้จัดการส่วนภูมิภาค เวิร์นส์ ออโทโมทีฟ ประเทศไทย เผยว่า “หลังจากที่เราได้เปิดตัว LOTUS ELETRE” (โลตัส อี-เลท-ทร้า) ไฮเปอร์ เอสยูวี รถไฟฟ้า 100% ไปถึง 2 รุ่นย่อยในปีที่แล้ว ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมากในประเทศไทยด้วยฟังก์ชันและสมรรถนะการขับขี่ระดับเวิลด์คลาส พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นโฉบเฉี่ยว ทำให้สามารถดันยอดขายเกินเป้ากว่า 180 คัน ในปี 2566 โดยในไตรมาสสองของปี 2567 เราจะส่งมอบรถได้ตรงตามกำหนดมากกว่า 100 คัน และยังมีออเดอร์จองสะสมเข้ามาต่อเนื่องซึ่งคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วงสิ้นปีอีกกว่า 80 คัน   ส่วนสำหรับในปี 2567 นี้ ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 250 คัน

ซึ่งในปีนี้โลตัส คาร์ ไทยแลนด์ ได้เดินแผนรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ด้วยแนวโน้มตลาดรถไฟฟ้าที่เติบโตต่อเนื่องในทุก Segment โดยเฉพาะ Premium เนื่องจาก มีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ BEV ครองตลาดภาพรวมที่ดีขึ้น อาจขยับไปได้ถึง 47% หรือประมาณ 100,000 คัน ขณะที่เทรนด์ของตลาดรถยนต์ BEV ทั้งในไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัว โดยคาดว่าในปีนี้ยอดขายของรถยนต์ BEV จะพุ่งแตะถึงหลัก 100,000 คัน ขณะที่เดือนมกรา 67 เดือนเดียวยอดขายรถยนต์ BEV ทั่วโลกมากถึง 1 ล้านคัน”

“นับเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์จะเข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมเต็มตัวในปี 2567 กับในงาน Motor Show 2024 กับ การเปิดตัว  “LOTUS EMEYA (โลตัส อี-เม-ย่า)” อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยและ South East Asia และเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาดรถสปอร์ตหรูด้วยมาตรฐานที่มีความแตกต่างตามแบบฉบับของ โลตัส คาร์ ด้วย Driving Dynamics ที่มาจาก DNA ของแบรนด์ และเพื่อเป็นการย้ำทิศทางของแบรนด์ในการเดินหน้ารุกตลาดรถไฟฟ้ากลุ่ม Premium อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยไฮไลต์ที่น่าสนใจของ LOTUS EMEYA ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ตซีดานไฟฟ้าล้วน 100% Hyper-GT with Dual-Motor ที่เร็วที่สุดในโลก เพื่อตอกย้ำทิศทางของแบรนด์ความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ต ผู้นำแห่งการออกแบบยานยนต์ไฟฟ้าตามหลัก Aerodynamic ที่ได้ออกแบบการกระจายกำลังรถให้เท่ากัน 50:50 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อให้เกิดความสมดุลในการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่และการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ในรถไฟฟ้าซีดานรุ่นแรกของแบรนด์ พร้อมต่อยอดความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Lotus โดยนำเทคโนโลยีจากสนามสู่ถนน ด้วยระบบ DRS ช่วยจัดระบบไหลเวียนอากาศได้อย่างดี ตอบสนองการขับขี่ที่โฉบเฉี่ยว สปอร์ต เหมือนรถในสนามแข่ง F1 พร้อมทำลายสถิติใหม่กับอัตราการเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 2.78 วินาที พร้อมจัดเต็มด้วยพละกำลังสูงสุด 905 แรงม้า ซึ่งถือเป็นรถที่แรงที่สุดในกลุ่มตลาดรถ EV ที่น่าจับตามองในตอนนี้ โดย EMEYA S ราคา 5,990,000 บาท และ EMEYA R ราคา 6,890,000 บาท พร้อมเปิดจองเป็นเจ้าของในงานได้ทันที และคาดการณ์ส่งมอบรถในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2024 เป็นต้นไป

“LOTUS EMEYA (โลตัส อี-เม-ย่า)” สปอร์ตซีดานไฟฟ้า 100% Hyper-GT Dual-Motor ที่เร็วที่สุดในโลก

LOTUS EMEYA ได้รับสมญานามในฐานะ “The World’s Fastest Electric Hyper-GT with Dual-Motor” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น LOTUS CARLTON รถซีดานแห่งยุค 90 ที่มีพลังแรงสูงเทียบชั้นรถสปอร์ต ถือได้ว่าเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบและการขับขี่ที่ยังคงรักษาคาแรกเตอร์ความเป็นรถสปอร์ตมาโดยตลอด สะท้อน DNA ของแบรนด์ Lotus Cars ที่สะสมประสบการณ์และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานกว่า 75 ปี โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่มีรูปทรงเฉียบคม มีความโฉบเฉี่ยว ตามแบบฉบับรถสปอร์ต

มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Active รูปทรงสามเหลี่ยมเป็นช่องดักอากาศ และ Splitter สร้างแรงกดด้านหน้าของรถ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนให้กับรถได้ดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่ช่วงความเร็วสูง อีกทั้งจุดเด่นของฟังก์ชัน Active Spoiler ด้านหลังขนาดใหญ่ถึง 296 มิลลิเมตร มาในรูปแบบ Dual Layer หรือเรียกว่า Double Wing ช่วยเพิ่มแรงกดถนน (Downforce) ได้มากถึง 215 กิโลกรัม อีกทั้งยังมี Active Rear Diffuser ช่วยลดแรงหมุนของอากาศด้านท้ายรถ และช่วยระบายอากาศใต้ท้องรถให้เร็วขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพในช่วงความเร็วสูง เพิ่มความคล่องตัวได้ทุกรูปแบบในทุกย่านความเร็ว มาพร้อมกับแรงเสียดทานต่ำเพียง 0.21 Cd. มอบอรรถรสการขับขี่อย่างเหนือระดับทุกวินาที โดดเด่นด้วยอัตราความเร็วเหนือความคาดหมายจาก 0-100 km/h ใน 2.78 วินาที รวมทั้งการวางแบตเตอรี่ให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งทำงานร่วม Anti-roll Control ช่วยรักษาสมดุลในช่วงความเร็วขณะเลี้ยวโค้ง พร้อมช่วงล่างถุงลมเป็นระบบกันสะเทือนแบบ Active ล้อ Forged น้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่อย่างสมบูรณ์แบบ

LOTUS EMEYA มาพร้อมกับเทคโลยีจาก NVIDIA ขุมพลังการประมวลผลอัจฉริยะด้วยชิป Dual NVIDIA DRIVE Orin systems-on-a-chip (SoCs) ในการประมวลผลข้อมูลระบบ พร้อมรองรับ Autonomous Driving สูงสุดถึง Level 4 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยโปรเซสเซอร์ Snapdragon 8155 ล่าสุดของ Qualcomm และซอฟต์แวร์ Unreal Engine 6 ยกระดับความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์รอบคันที่ล้ำสมัย 34 ตัว สูงสุด 30 ครั้งต่อวินาที เพื่อให้การรับรู้แบบ 360 องศาได้อย่างครอบคลุม โดยการสแกนหาสิ่งกีดขวางในรัศมีสูงสุด 200 ม. รอบรถ เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ พร้อมชุดไฟส่องสว่างแบบ Matrix LED ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ สามารถปรับตามสภาพการขับขี่อัตโนมัติ เพื่อให้ความสว่างสูงสุดอย่างต่อเนื่องโดยไม่ส่งผลกระทบกับรถที่วิ่งสวนมา พร้อมสมรรถนะมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ระบบ Dual Motors ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD จัดเต็มด้วยพละกำลังสูงสุด 905 แรงม้า แรงบิด 985 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระยะทางวิ่งไกล 610 km. ต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP และใช้เวลาเพียง 18 นาที ในการชาร์ตช่วง 10-80% ด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาด 102 kWh. Lithium-ION รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 350 kW รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW รองรับการเดินทางไกลได้ด้วยรูปแบบ Grand Tourer และตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง และมีการออกแบบภายในที่หรูหรา มีระบบ Infotainment Hyper-OS แสดงผลผ่าน Head up Display และจอ OLED สร้างบรรยากาศการเดินทางภายในรถด้วยเครื่องเสียงจาก KEF รองรับระบบ Dolby Atmos อีกด้วย

พบสุดยอดรถหรูสมรรถนะสูง 2 รุ่นเรือธง “Lotus ELETRE” และ “Lotus Emira”

Lotus ELETRE” (โลตัส อี-เลท-ทร้า) ไฮเปอร์ เอสยูวี รถไฟฟ้า 100% ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามจากการเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สร้างการยอมรับยนตรกรรมสปอร์ต ที่ตอบโจทย์การขับขี่ได้ทุกรูปแบบ ด้วยพื้นที่ภายในกว้างขวาง รองรับการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ นำมาจัดแสดงทั้ง 2 รุ่นย่อย ได้แก่

•Lotus Eletre S ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 603 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 710 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ใช้ระยะเวลา 4.5 วินาที ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ(AWD) ความจุแบตเตอรี่ขนาด 112 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 600 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) ราคา 5.89 ล้านบาท

•Lotus Eletre R ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 905 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 985 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ใช้ระยะเวลา 2.95 วินาที ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ความจุแบตเตอรี่ขนาด 112 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 490 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) ราคา 6.59 ล้านบาท

Lotus Emira (โลตัส อี-มี-ร่า) รถสปอร์ตระดับตำนานที่ถือเป็นรุ่นชูโรงของแบรนด์ ถือเป็นเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้าย ที่มาพร้อมการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวดุดันในเซ็กเมนต์รถสปอร์ต ผสานเส้นสายที่คมชัด การออกแบบที่ลื่นไหล และยังคงรักษา DNA ของ LOTUS เข้าไว้ด้วยกัน ออกแบบภายใต้หลักอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักเบา ช่วงล่างสปอร์ต หรูหรา ไม่เหมือนใคร มาพร้อมแรงขับเคลื่อนที่เร้าใจ เพื่อได้สัมผัสประสบการที่แตกต่างไม่เหมือนใคร โดยมีทั้งหมด 2 รุ่น คือ

•Emira 2.0 First Edition มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ TURBOCHARGED INLINE 4 พร้อมทำความเร็วได้สูงสุด 275 กม./ชม. พร้อมพุ่งทะยานได้สูงด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.3 วินาทีเท่านั้น ทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์จากสนามแข่ง ถ่ายทอดสู่ท้องถนน ตามแบบฉบับ DNA ของ LOTUS ในราคา 9.99 ล้านบาท +

•Emira V6 First Edition ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้ายของโลตัส คาร์ ที่มาพร้อมการออกแบบที่ล้ำยุค โฉบเฉี่ยวดุดันในเซ็กเมนต์รถสปอร์ต Lotus Emira เป็นซูเปอร์คาร์ขนาดเล็กที่มาพร้อมความเร้าใจและคุณลักษณะที่พบได้ในรถยนต์ Lotus ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V6 SUPERCHARGE ขนาด 35 ลิตร ผสมผสานกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้พละกำลังสูงถึง 400 แรงม้า และแรงบิด 420 นิวต้นเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 290 กม./ชม. ในราคา 12.9 ล้านบาท +

พบกับที่สุดของความสมบูรณ์แบบกับยนตรกรรมสปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Emeya, Eletre และ Emira ที่พร้อมให้จับจองและเป็นเจ้าของได้ทันที ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ภายใน บูธ LOTUS CAR หมายเลข A25 ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save