- Advertisement -
25.9 C
Bangkok
Home Blog Page 73

TOYOTA มุ่งสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อน

TOYOTA มุ่งสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ความปราถนาของคุณเป็นจริงได้ “สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการปรับแต่งที่หลากหลายไม่รู้จบ”

TOYOTA จัดแสดงในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 นี้ ภายใต้ธีมหลัก “ร่วมพลิกโฉมอนาคตแห่งยานยนต์ — Find Your Future.”

โตโยต้า เผยข้อมูลยนตรกรรมที่จะนำมาจัดแสดงปีนี้ โดยแนะนำ “IMV 0*1” ซึ่งเป็นโซลูชั่นการขับเคลื่อนที่จะทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงได้ IMV 0 จะนำเสนอจุดเด่น ในการดัดแปลงตัวรถได้อย่างอิสระหลายรูปแบบ นอกจากนี้จะได้พบกิจกรรม และประสบการณ์ที่มอบความสนุกสนาน  ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่เคลื่อนที่ หรือการลุ้นรับของรางวัลน่าตื่นเต้นที่ CAPSULE BAR  บนจอภายในบูธจะนำเสนอรูปแบบการปรับแต่งรถ IMV 0  ตามความคิด และการใช้งานของลูกค้าอีกด้วย

IMV 0 ที่ปรับแต่ง เพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ (ภาพอ้างอิง)

รายละเอียดรุ่นรถคอนเซปต์ที่จัดแสดง IMV 0 

คุณลักษณะสำคัญ

รถกระบะต้นแบบพลังงานไฟฟ้าสู่ต้นกำเนิดของ IMV*2 ผ่านบริบทของผู้ครอบครอง ที่จะร่วมสร้างการขับเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกันกับรถรุ่นนี้

ชิ้นส่วนที่ปรับแต่งได้จะติดตั้งกับกระบะด้านหลังตัวรถ โดย IMV 0 ตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับเคลื่อนแห่งอนาคต  นำเสนอความสามารถในการปรับแต่งตัวรถเพื่อการใช้งานได้หลายรูปแบบ  ทั้งการใช้งานเชิงธุรกิจ และการใช้งานส่วนบุคคล

IMV 0

ข้อมูลจำเพาะ

ความยาว / ความกว้าง / ความสูง (มม.)           : 5,300 / 1,785 /1,740

ฐานล้อ (มม.)                                          : 3,085

ความจุผู้โดยสาร (คน)                                 : 2

*1 IMV 0:Innovative International Multi-purpose Vehicle 0 (Zero)

*2 โครงการ IMV จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งสร้างฐานการผลิต และส่งออกรถ ภายใต้นโยบาย “สร้างฐานการผลิตในตลาดที่มีความต้องการ” ส่งผลให้สามารถนำเสนอยนตรกรรมที่น่าสนใจในระดับราคาเข้าถึงง่ายให้กับลูกค้าโตโยต้าทั่วโลก ปัจจุบันไลน์อัพผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการ IMV ประกอบด้วย รถกระบะ 3 รุ่น รถมินิแวน 1 รุ่น และรถอเนกประสงค์ 1 รุ่น ซึ่งพัฒนาเพื่อจำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก

JAPAN MOBILITY SHOW 2023 จัดที่ Tokyo Big Sight (เขตโคโต กรุงโตเกียว) 

วันที่ 25-26 ตุลาคม 2566 : รอบสื่อมวลชน / วันที่ 26-27 ตุลาคม 2566 : รอบแขกพิเศษ / 28 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2566 : เปิดสำหรับบุคคลทั่วไป

Toyota Asia นำเสนอวิสัยทัศน์ การขับเคลื่อนแห่งอนาคตสำหรับเอเชีย

Toyota Asia นำเสนอวิสัยทัศน์ “การขับเคลื่อนแห่งอนาคตสำหรับเอเชีย” ในงาน Japan Mobility Show 2023 “ร่วมพลิกโฉมอนาคตแห่งยานยนต์ – Find Your Future”

กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – 24 ตุลาคม 2023 : มร.มาซาฮิโกะ มาเอดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชีย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น แถลงให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน เกี่ยวกับทิศทางของ โตโยต้า ที่มีต่อการขับเคลื่อนในอนาคตสำหรับกลุ่มประเทศในทวีปเอเชีย

ในงาน Japan Mobility Show ครั้งนี้ โตโยต้าจัดแสดงภายใต้แนวคิด “ร่วมพลิกโฉมอนาคตแห่งยานยนต์ – Find Your Future” ซึ่งเป็นการรวบรวมจิตวิญญาณแห่ง “การสืบสานและวิวัฒนาการ”

ในแง่ของการสืบสาน โตโยต้า จะยังคงมุ่งมั่นเป็นบริษัทที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด (Product Centered) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในแต่ละภูมิภาค (Region Based) โดยเรามุ่งเปลี่ยนสู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง ผ่านการนำเสนอหลากทางเลือกด้านเทคโนโลยี เพื่อมุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมเพิ่มคุณค่าของการขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน

ภาพที่ 1: ทิศทางในระดับโลกของโตโยต้า

ภายใต้แนวคิดสำคัญคือ “ความเป็นกลางของคาร์บอน” และ “การเพิ่มคุณค่าของการขับเคลื่อน” โตโยต้า ได้วาง “คอนเซปต์ของการขับเคลื่อน” อย่างพิถีพิถัน โดยมีเสาหลักสำคัญ ได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) การสร้างความหลากหลาย (Diversification) และการเสริมความอัจฉริยะ (Intelligence)

ภาพที่ 2: แนวคิดหลักการขับเคลื่อนของโตโยต้า

การใช้พลังงานไฟฟ้า

โตโยต้า มุ่งนำเสนอการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multi – Pathway” ผ่านการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าและของภูมิภาค สำหรับภูมิภาคเอเชียที่มีหลายปัจจัยอันส่งผลกระทบต่อเส้นทางสู่ความเป็นกลางคาร์บอน โตโยต้า นำเสนอแนวทางที่มีความเป็นไปได้ บนพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และการใช้งานจริง เรามุ่งนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพื่อสร้างความแพร่หลายของการใช้งาน และการใช้งานในทันที

การสร้างความหลากหลาย

 ภาพที่ 3: แนวทางการเสนอตัวเลือกที่หลากหลายของ Toyota

ภูมิภาคเอเชียเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายอย่างยิ่ง โตโยต้า จึงให้ความสำคัญกับการสร้างทางเลือกที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ให้ครอบคลุมทางเลือกในทุกระดับราคา และทุกเซกเมนท์ตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลไปจนถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

ในทวีปเอเชีย โครงการ IMV (Innovative International Multipurpose Vehicle) โดยรถยนต์รุ่น ไฮลักซ์ และ อินโนวา สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ โตโยต้า เพื่อเติมเต็มความหลากหลาย โดยนับตั้งแต่โครงการ IMV เปิดตัวในปี พ.ศ. 2547 สามารถตอบสนองความต้องการด้านการขับเคลื่อนให้กับผู้ใช้งานทั้งรูปแบบส่วนบุคคลและในเชิงธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการจ้างงาน พัฒนา ห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการส่งออก อันมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และวัตถุประสงค์ระดับชาติ ปัจจุบัน โตโยต้า มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ IMV 0 ซึ่งออกแบบมาสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถที่มีราคาสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ตัวรถยังสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ช่วยแก้ปัญหาด้านการเข้าถึงการขับเคลื่อนและมาตรฐานชีวิตลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ โตโยต้า ยังมองหาแนวทางใหม่ๆ สำหรับการขับเคลื่อนทางเลือกอื่น เพื่อให้ทุกคน รวมถึงผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้มีความบกพร่องทางร่างกายสามารถเข้าถึงได้ เรามุ่งสร้างการขับเคลื่อนตามหลักการที่ว่าเราจะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และมอบทางเลือก “การขับเคลื่อนสำหรับทุกคน (Mobility for All)” ที่เหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้า

ภาพที่ 4.2: การสร้างความหลากหลายเพื่อการขับเคลื่อนสำหรับทุกคน

ด้วยการใช้เทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ และการวิเคราะห์ข้อมูล มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมด้านการขับเคลื่อนและโครงสร้างพื้นฐาน โตโยต้า พัฒนาทางเลือกใหม่ด้านการเดินทาง และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าองค์กร เช่น การแนะนำพฤติกรรมของผู้ขับขี่ การติดตามการโจรกรรม หรือการหาข้อมูลเส้นทางที่ดีที่สุด ทางเลือกใหม่ๆ เหล่านี้ยังสามารถบูรณาการเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานได้ เช่น วงจรการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ อย่างเช่น สัญญาณไฟจราจร โตโยต้า ตระหนักดีว่าการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในส่วนของยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน

ภาพที่ 5: การประสานความร่วมมือของการขับเคลื่อนในเอเชีย

ในท้ายที่สุด การใช้พลังงานไฟฟ้า – การสร้างความหลากหลาย – และการเสริมความอัจฉริยะ องค์ประกอบทั้งสามส่วนนี้จะต้องทำงานร่วมกันเป็นระบบนิเวศแบบบูรณาการเพื่อตอบโจทย์ด้านความเป็นกลางของคาร์บอน และความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป

ในประเทศไทย โตโยต้า ริเริ่มโครงการนำร่องเพื่อมุ่งสู่ฝันของชาวไทย (Thai Dream trial project) ร่วมกับภาคีอื่นๆ ใน Commercial Japan Partnership Technology (CJPT) เช่น อีซูซุ และฮีโน่ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและไอทีของประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรที่มีจุดยืนร่วมกัน อย่างบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (เอสซีจี) ภายใต้แผนที่จะแนะนำทางเลือกใหม่ในลักษณะเดียวกันที่บูรณาการการใช้พลังงานไฟฟ้า การสร้างความหลากหลาย และการเสริมความอัจฉริยะ สำหรับประเทศอื่นด้วยเช่นกัน

มร.มาเอดะ กล่าวย้ำว่า “โตโยต้า ริเริ่มพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้ามาเป็นเวลานานแล้ว และได้พัฒนาเทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์มากมาย เช่น HEV และ FCEV นอกเหนือจากนั้น เรายังได้เสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าทุกรูปแบบ ดังจะเห็นได้จากรถยนต์ภายใต้โครงการ IMV และคอนเซปต์คาร์ IMV 0 ทั้งนี้เราตระหนักว่าการพัฒนาแนวคิดหลักในการขับเคลื่อนของโตโยต้า จำเป็นต้องบูรณาการการใช้พลังงานไฟฟ้า การสร้างความหลากหลาย และเสริมสร้างความอัจฉริยะ เพื่อทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนขึ้นได้จริง และมอบคุณค่าที่แท้จริงสำหรับการขับเคลื่อน โตโยต้า ตระหนักด้วยว่าเราไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้โดยลำพัง และเราต้องการให้ทุกคนร่วมเดินไปพร้อมๆ กันกับเรา”

JAPAN MOBILITY SHOW 2023 จัดที่ Tokyo Big Sight (เขตโคโต กรุงโตเกียว) 

25-26 ตุลาคม: รอบสื่อมวลชน / 26-27 ตุลาคม: รอบแขกพิเศษ / 28 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน: เปิดสำหรับบุคคลทั่วไป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบูธภายใน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 https://global.toyota/en/newsroom/corporate/jms2023/

เกี่ยวกับ Toyota Motor Asia Pacific

Toyota Motor Asia Pacific (TMAP) จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เป็นสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคและเป็นบริษัทในเครือของ Toyota Motor Corporation โดย TMAP เป็นผู้นำและสนับสนุนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในด้านการขายและกิจกรรมในภาพที่ 5: การประสานความร่วมมือของการขับเคลื่อนในเอเชีย รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ อุปกรณ์เสริม และการบริการลูกค้า ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตในภูมิภาคโดยรวม

โตโยต้ากำหนดวิสัยทัศน์สังคมแห่งการขับเคลื่อนในอนาคตเพื่อมอบเสรีภาพในการเคลื่อนที่ให้กับทุกคน ยิ่งไปกว่านั้น โตโยต้ายังมอบบริการด้านการขับเคลื่อนและการขนส่งที่หลากหลายแก่ผู้คนทั่วโลกในฐานะองค์กรแห่งการขับเคลื่อนอีกด้วย

เกี่ยวกับ Toyota Daihatsu Engineering and Manufacturing Co. Ltd

Toyota Daihatsu Engineering and Manufacturing Co. Ltd (TDEM) ก่อตั้งขึ้น โดยเป็นศูนย์รวมฟังก์ชันของส่วนงานที่จำเป็นทั้งหมดเข้าด้วยกัน เช่น การเตรียมการผลิต การควบคุมการผลิตและโลจิสติกส์ รวมถึงบริการหลังการขาย เพื่อมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค ตลอดจนการเสนอโซลูชั่นและเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท Asia Sales & Manufacturing Company (ASMCs) เพื่อดูแลลูกค้าในเอเชีย นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นผ่านการพัฒนารถยนต์ที่ดีกว่าเดิมสำหรับลูกค้าในเอเชียและทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็รักษามาตรฐานระดับสูง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบประกาศนียบัตรจากประเทศเยอรมนี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบประกาศนียบัตรจากประเทศเยอรมนีแก่นักเรียนช่างฝึกหัดรุ่นที่ 33 และประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานตำแหน่งงานแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการรับรองและศูนย์ซ่อมสีและตัวถังที่ผ่านการรับรอง

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรโครงการนักเรียนช่างฝึกหัดที่ผ่านการรับรองคุณภาพจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตามมาตรฐานการศึกษาทวิภาคีเยอรมัน ในสาขาวิชาเมคคาทรอนิคส์ยานยนต์ เพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคีและเพื่อพัฒนาศักยภาพ ของนักเรียนอาชีวะสู่การเป็นช่างเทคนิคมืออาชีพที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานเดียวกับประเทศเยอรมนี โดยมีประธานในพิธีคือ มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย คุณเรจินา คิมเพล เลขานุการโท ฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย และ ดร.โรลันด์ ไวน์ ผู้อำนวยการบริหาร หอการค้าเยอรมัน-ไทย ร่วมกับตัวแทนสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการกับบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานของหอการค้าและอุตสาหกรรมของเยอรมนี หรือ German Chambers of Commerce and Industry (DIHK) และเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองในด้านการฝึกอาชีพในระดับอาชีวศึกษาและฝึกอบรมทวิภาคีในประเทศไทยตามหลักสูตรเยอรมัน หรือ Certificate ระดับ บี (Level B) ในปี พ.ศ. 2561 และเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองถึงระดับอาชีวศึกษาและฝึกอบรมทวิภาคีหลักสูตรเยอรมันในต่างประเทศ หรือ Certificate ระดับ เอ (Level A) ในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งทั้งสองระดับเป็นหลักสูตร 2 ปี ของการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติที่ควบคุมโดยผู้ฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการฝึกอบรมจากบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรม “Mercedes-Benz Training Center” ถนนบางนา-ตราด กม. 19 และศูนย์บริการของผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ

โดยในปีนี้มีนักเรียนช่างฝึกหัดเมอร์เซเดส-เบนซ์ สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 33 จำนวน 31 คน จากผู้จำหน่าย 9 แห่ง ได้รับประกาศนียบัตร Certificate Level A จำนวนทั้งสิ้น 10 คน และ ประกาศนียบัตร Certificate Level B จำนวนทั้งสิ้น 21 คน โดยทั้งนักเรียนช่างฝึกหัดและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปปรับใช้ เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าที่ดีที่สุดและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าทุกท่านที่เข้ารับบริการกับผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส -เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกแห่งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาทุกคนจะได้รับการบรรจุเข้าทำงานในบริษัทของผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง คือ บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท เบนซ์ บีเคเค วิภาวดี จำกัด, บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขาลุมพินี), บริษัท เบนซ์ ตลิ่งชัน จำกัด, บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขางามวงศ์วาน), บริษัท บีเคเค ออโตเฮาส์ กาญจนาภิเษก จำกัด, บริษัท เอ็มบี สุขุมวิท จำกัด และ บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขาบางพลัด)

ภายในงาน ทางบริษัทฯ ยังได้มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของทางผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ อันได้แก่ ประกาศนียบัตรในตำแหน่งผู้บริหารที่ผ่านการรับรอง จำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการขายที่ผ่านการรับรอง (Certified Salespeople) จำนวน 84 คน เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการบริการที่ผ่านการรับรอง (Certified Service Advisor) จำนวน 13 คน และเจ้าหน้าที่ช่างวิเคราะห์ที่ผ่านการรับรอง (Certified Diagnosis Technician) จำนวน 4 คน จากผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ 29 แห่ง ดังต่อไปนี้–บริษัท พิษณุโลกนามทอง จำกัด, บริษัท เบนซ์ อุดรธานี จำกัด, บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด, บริษัท เภตรา อยุธยา จำกัด, บริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ บีเคเค วิภาวดี จำกัด, บริษัท ทีเอสที เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำกัด, บริษัท จิตต์ชัยชลบุรี จำกัด, บริษัท เจริญมอเตอร์เบนซ์ จำกัด, บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขาลุมพินี), บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขา ราชดำเนิน), บริษัท เบนซ์ภูเก็ต จำกัด, บริษัท เบนซ์ ตลิ่งชัน จำกัด, บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี จำกัด, บริษัท ออโตโพลิส จำกัด,  บริษัท เค้งหงษ์ทอง จำกัด, บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด, บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขา งามวงศ์วาน), บริษัท ที เอส ที หัวหิน จำกัด, บริษัท เมโทร ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท บีเคเค ออโตเฮาส์ กาญจนาภิเษก จำกัด, บริษัท พรีเมจ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เจริญมอเตอร์ เชียงราย จำกัด, บริษัท แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด, บริษัท เอ็มบี สุขุมวิท จำกัด, บริษัท ทองหล่อ-รามอินทรา จำกัด และ บริษัท เอ็มบี เอ็มไพร์ จำกัด

พร้อมกันนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้มอบประกาศนียบัตรแก่ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงกันยายน 2566 (Certified Body & Paint Service Center) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท เจริญมอเตอร์เบนซ์ จำกัด และบริษัท ทองหล่อ-รามอินทรา จำกัด

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยจับมือนิสสัน มอบรถไฟฟ้า NISSAN LEAF วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยจับมือบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ให้แก่วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี เพื่อต่อยอดเเละพัฒนา โครงการ รวมพลังเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center)

คุณวิทวัส ปัญจมะวัต รองเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา (ที่ 7 จากซ้าย) และคุณนิทัศน์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วยคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (ที่ 5 จากซ้าย) และดร. ธงชัย จินาพันธ์ กรรมการสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (ที่ 1 จากซ้าย) และคุณกุสุมา นฤปิติ ผู้จัดการทั่วไปสายงานกิจการภายนอกและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 6 จากซ้าย) ร่วมกับพันธมิตรจากภาคเอกชนและผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดชลบุรี ร่วมส่งมอบครุภัณฑ์ รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ (Gen 1)ให้กับทาง วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2566 สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) นำโดยคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เเละ ประธานคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐเเละเอกชนเพื่อผลิตเเละพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ) กลุ่มอาชีพยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมกับ คุณวิทวัต ปัญจมะวัต รองเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา, คุณนิทัศน์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี  และคุณ กุสุมา นฤปิติ ผู้จัดการทั่วไปสายงานกิจการภายนอกและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมงานพิธีเปิดโครงการ “รวมพลังเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center)” วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี 

รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf (Gen 1)

ในโอกาสนี้ทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมกับบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ส่งมอบครุภัณฑ์ รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ (Gen 1) เพื่อใช้ในการฝึกอบรมนักศึกษา เเละต่อยอดส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสถาบันการศึกษาเเละนักเรียนอาชีวะในการเรียนรู้ภาคปฏิบัติกับกับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยส่งเสริมองค์ความรู้เเละเสริมสร้างบุคลากรด้านการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้าเเละชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยกำลังต้องการบุคลากรด้านนี้เพื่อสนับสนุนการเติบโตของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันที่มีจำนวนการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ฉะนั้นความพร้อมด้านบุคลากรที่มีองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตเเละส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต 

ICONSIAM VINTAGE CAR SHOW เชิญชมรถโบราณ รถคลาสสิค เรือ

สมาคมรถโบราณฯ ร่วมกับ ไอคอนสยาม จัดงาน “ICONSIAM VINTAGE CAR SHOW” อวดโฉมรถโบราณทรงคุณค่า หาชมยาก ณ ริเวอร์ พาร์ค  ไอคอนสยาม 27 -29 ตุลาคม 2566

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เผยว่า “สมาคมฯ ร่วมกับ ไอคอนสยาม  จัดงาน “ICONSIAM VINTAGE CAR SHOW” ภายใต้แนวคิด “Vintage Spirits are Timeless” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมฉลองครบรอบ 50 สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย โดยจัดแสดงรถโบราณ รถคลาสสิค และเรือหลากหลายประเภท ในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างวันที่ 27–29 ตุลาคม 2566 โดยสมาคมฯ จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ 25 ล้านคนร่วมกับคนไทยทุกคน”

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “งาน ICONSIAM VINTAGE CAR SHOW ครั้งแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ปีนี้จึงจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำแนวคิดการดำเนินธุรกิจ “Collaboration to Win” ที่พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในทุกมิติ สร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้ลูกค้าทุกคนที่มาเยือน”

ไฮไลท์ในงาน ได้แก่ รถ BMW 503 Coupe ปี 1956 ผลิตขึ้นเพียง 412 คัน ปัจจุบันมีไม่เกิน 100 คัน และรถคันนี้เป็นคันเดียวในเอเชีย

Mercedes-Benz 300SL Gullwing ปี 1955 รถสปอร์ทที่พัฒนาจากรถแข่ง ประตูปีกนก กวาดแชมพ์รายการ CARRERA PANAMERICANA ในสหรัฐอเมริกา และ LE MANS ในยุโรป

Alfa Romeo Duetto ปี 1966 รถสปอร์ตเปิดประทุน จากประเทศอิตาลี รูปทรงเพรียวลม คล้ายเรือติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1600 cc. พละกำลัง 109 แรงม้า เหมาะสำหรับขับกินลมชมวิวในยุคนั้น

Ferrari 550 Barchetta ปี 2001 รถโรดสเตอร์ ซูเปอร์คาร์ ที่พัฒนาโดย Michael Schumacher ผลิตทั้งหมดเพียง 448 คัน พวงมาลัยขวาเพียง 42 คัน และมีคันเดียวในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีรถโบราณ รถคลาสสิคที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงเรือหลากหลายประเภท ที่ได้รับการสนับสนุนจาก พิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK และงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40”

เชิญชมงานแสดงรถโบราณ ICONSIAM VINTAGE CAR SHOW” และร่วมสนุกกับกิจกรรมชิงรางวัลมากมาย ระหว่างวันที่ 27–29 ตุลาคม 2566 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1338 หรือ Facebook: ICONSIAM และ Facebook: Vintage Car Club of Thailand

ฮาวเด้น แมกซี่ ยกเครื่ององค์กรรับการเติบโต

“ฮาวเด้น แมกซี่” ตอกย้ำผู้นำธุรกิจบริการประกันภัย เผยรายได้ปี 2566 กว่า 320 ล้านบาท คาดปี 2567 เติบโต 8% ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ พร้อมเดินหน้าจัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ผู้นำธุรกิจบริการประกันภัย ในฐานะบริษัทร่วมทุนกับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการประจำปี 2566 สร้างรายได้กว่า 320 ล้านบาท คาดการณ์ปีงบประมาณ 2567 เติบโตอย่างน้อย 8% ปรับโลโก้ใหม่สู่ภาพลักษณ์ใหม่ทันสมัยครบวงจร ให้มีความทันสมัย สะท้อนความหลากหลายรับเทรนด์โลก พร้อมเดินหน้าจัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ชูจุดแข็งความเป็นมืออาชีพด้านประกันภัย อีกทั้งมุ่งพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นายจิตวุฒิ ศศิบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด และนายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย กล่าวว่า “บริษัท แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัดได้มีการควบรวมกิจการกับ ฮาวเด้น โบรกกิ้ง กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาประกันภัยชั้นนำของโลก เมื่อปี 2561 ภายใต้ชื่อใหม่ ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ โดยมีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดภูเก็ต รวม 3 แห่ง พร้อมบุคลากรคุณภาพกว่า 150 ชีวิต มีเบี้ยประกันภัยทั้งประเภทตรงและต่อ รวมกว่า 4,500 ล้านบาท และสามารถสร้างรายได้ในปี 2566 กว่า 320 ล้านบาท”

“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการที่เป็นเลิศและครบวงจร ภายใต้ผลิตภัณฑ์การประกันภัย อาทิ ประกันภัยรถยนต์ (Motor & Affinity), ประกันทรัพย์สินและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Property & Casualty), ประกันภัยขนส่งและตัวเรือ (Marine & Logistic), ประกันภัยด้านวิชาชีพและการเงิน (Financial Lines), ประกันภัยอัญมณีและงานศิลปะ (Jeweler Block & Fine Arts), ประกันภัยธุรกิจพลังงาน (Power & Energy), ประกันภัยโครงการพิเศษและพลังงานทางเลือก (Specialty) เป็นต้น

การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลนายหน้าประกันภัยวินาศภัยประเภทนิติบุคคลดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 3 ปีติดต่อกัน (2564–2566) ซึ่งคัดเลือกจากการเติบโตของธุรกิจ การมีจรรยาบรรณ และมาตรฐาน ในการทำงาน รวมถึงมีการพัฒนาบุคคลากร และการให้บริการที่ดีอย่างต่อเนื่อง”

โลโก้โฉมใหม่ ง่ายแก่การจดจำของลูกค้าทั่วโลก

มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ สร้างสรรค์ขึ้นจากแนวคิดที่มีความทันสมัย ตัวอักษรต่อเนื่อง ง่ายต่อการจดจำ มีหลากสี สอดคล้องกับบุคลากรและธุรกิจยุคใหม่ ที่ต้องการความหลากหลาย และสะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กร ที่มีความทันสมัย รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และมีความน่าเชื่อถือ

เติบโตร่วมไปกับ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร

จุดแข็งของเราคือ การดูแลลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ โดยเฉพาะในเครือ MGC-ASIA ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ มิลเลนเนียม ออโต้, ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล กลุ่มลักชัวรี่ อย่าง โรลส์-รอยซ์ รวมถึงแบรนด์พาร์ทเนอร์ ได้แก่ แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, เปอโยต์ และ จี๊ป พร้อมกันนี้ ยังดูแลประกันภัยให้กับรถเช่าระยะยาวของ มาสเตอร์คาร์ เร้นเทิล MCR) และระยะสั้น ซิกท์ รถเช่าประเทศไทย (SIXT) อีกทั้งรถใช้แล้วจาก Master Certified Used Car อย่างไรก็ดี ธุรกิจรายย่อยจะมีความพิเศษ คือเป็นงานที่มีรายละเอียดมากและการแข่งขันสูง มีค่าดำเนินงานใกล้เคียงกับลูกค้ากลุ่มองค์กร บริษัทฯ จึงไม่นิ่งนอนใจ และขยายสัดส่วนรายได้ให้เติบโตจากกลุ่มลูกค้าองค์กร นอกเหนือจากการดูแลลูกค้าของ MGC-ASIA ไปพร้อมกัน โดยในปัจจุบันรายได้จากกลุ่ม Motor และ Non-Motor มีสัดส่วนเท่ากับ 44%:56% ในปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566)

ลูกค้าธุรกิจองค์กร (Non-Motor) กลุ่มที่สร้างรายได้น่าสนใจ

ธุรกิจ Non-Motor จะมีกลุ่มลูกค้าองค์กร ในผลิตภัณฑ์ประกันทรัพย์สินและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก/การประกันภัยการค้ำประกันภัยลูกจ้าง เป็นสัดส่วนถึง 27% นอกจากนี้ ยังมีการรุกเข้าไปในผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ใช้ความชำนาญของกลุ่มบริษัท ฮาวเด้น เพื่อเสริมสร้างการเติบโต เช่น กลุ่มพลังงานหมุนเวียน, กลุ่มพลังงานสะอาด โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเป็นนายหน้าการรับประกันภัยต่อ และการเป็นนายหน้าการรับประกันภัยการขนส่งทั้งทางน้ำและทางบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์จากพี่น้องเกษตรกรและการท่องเที่ยวในภาคใต้ พร้อมกับการขยายตัวในกลุ่มการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการละเมิดบุคคลภายนอก ทั้งตัวบริษัท กรรมการ และผู้บริหาร หรือกระทั่งการป้องกันความเสี่ยงในกรณีของการควบรวมบริษัท หรือความไม่สำเร็จในโครงการขนาดใหญ่ กล่าวได้ว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเพียงหนึ่งเดียว ที่จะให้คำแนะนำสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น งานแสดงเครื่องประดับ นิทรรศการศิลปะ ทั้งในและต่างประเทศ

ด้านนายยุทธนา ม้ามณีแดง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด กล่าวถึงทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคตว่า “เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) เรามองการเติบโตของธุรกิจประกันภัย รวมถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจมหาภาคของประเทศและโลก ที่มีความผันผวน รวมถึงรายได้ที่หายไปในส่วนกรมธรรม์ที่ไม่มีการต่ออายุ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยการก่อสร้าง รวมถึงลูกค้าที่ลดเบี้ยประกันภัยเมื่อต่ออายุกรมธรรม์ โดยประมาณการเติบโตอยู่ที่ 8% จากรายได้รวมในปีงบประมาณ 2566 ที่มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 327 ล้านบาท เป็น 353 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567”

จัดทัพองค์กรและบุคลากรครั้งใหญ่ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

บริษัทฯ มีการจัดทัพองค์กรและบุคลากร อาทิ โปรแกรมขยายระยะการรับประกัน (Extended Warranty) ที่ส่วนใหญ่บริษัทประกันจะจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ยานยนต์ ก็จะรวบโปรแกรมนี้เข้ากับกลุ่มยานยนต์ เรียกรวมว่า Affinity ช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดต่อช่องทางดียว พร้อมจัดทัพฝ่ายขายแบบ Cross Selling ที่ใช่พนักงานดูแลเพียงคนเดียว รวมถึงเพิ่มบุคลากรที่มีความเชียวชาญด้าน Cyber Insurance, Trade Credit และ Marine & Logistics และที่ขาดไม่ได้คือ การฝึกอบรมบุคลากรในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบทุนการศึกษาในหลักสูตร ANZIIF (Australian and New Zealand Institute of Insurance and Finance) ที่มีความเข้มข้น เพื่อก้าวสู่การเป็นนักประกันภัยระดับสากล

ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคอยู่เสมอ

มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ อีกทั้งยังคงเก็บผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ ซึ่งบริษัทฯ จะใช้ความได้เปรียบจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญ เช่นในกลุ่มพลังงาน พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก รวมทั้งการเป็นที่ปรึกษาในเรื่องของ Carbon Credit โดยปัจจุบัน ฮาวเด้น แมกซี่ เป็นผู้นำในกลุ่มพลังงานทางเลือก ทั้งในประเทศไทยและยุโรป

แชร์มุมมองกับคู่ค้า ปรับปรุงคุณภาพของข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำ

มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับคู่ค้า เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ร่วมหารือ แนะนำผลิตภัณฑ์ แลกเปลี่ยนข้อมูล วิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรม ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจประกันภัย พร้อมปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ MGC-ASIA ที่มีลูกค้ารีเทลครอบคลุมทุกเซกเมนต์ รวมกับลูกค้าองค์กรอีกหลายแสนราย เรียกว่าครอบคลุมทั้งธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B), การขายผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภค (B2C) และระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2B2C) ขณะที่ ฮาวเด้น แมกซี่มีธุรกรรมนับแสนรายการต่อปี เราต้องการวิเคราะห์ข้อมูลในหลายๆ มิติ รวมถึงสร้างความเข้าใจให้พนักงาน เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

กำหนดเป้าหมาย โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

มีการปรับทิศทางการทำงาน ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้โดนใจ เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ ในกลุ่มลูกค้ารายย่อย และคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก Financial Lines, Cyber Insurance พร้อมรักษาสัดส่วนทางการตลาดในกลุ่ม Property & Casualty, Employee Benefits และ Marine อย่างต่อเนื่อง 

ด้วยเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การรักษาสมดุลในกลุ่มธุรกิจรายย่อย และกลุ่มธุรกิจองค์กร การนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมลูกค้า ประกอบกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมพัฒนาทักษะให้บุคลากร จะช่วยให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมาย รายได้สุทธิ และรักษาอัตราการเติบโต ได้ตามแผนที่กำหนด

ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี จัดงาน “อุบล ออโต เอ็กซ์โป 2023” อัดแน่นโปรโมชั่นเด็ด

ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี รับไม้ต่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยกับแนวคิดบรรทัดฐานใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ Retail of the Future สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าในทุกมิติ เดินหน้าสร้างเครือข่ายพันธมิตรให้ครอบคลุมในทุกรูปแบบ และไร้รอยต่อ เริ่มทันทีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ กับมหกรรมยานยนต์ ที่ใหญ่ที่สุดในอีสานใต้ และจัดขึ้นเป็นครั้งแรกของอีสานใต้อีกด้วย อุบล ออโต เอ็กซ์โป 2023 วันที่ 20-29 ตุลาคม 2566 นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอุบล

นายนราวิช โรจนวิภาต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราธานี จำกัด ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศโมเดลธุรกิจ พลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก Retail of the Future  ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี และพัฒนาการ 45 บลูกต่อทันที โดยที่นี่ได้ให้ความสำคัญกับส่วนงานบริการหลังการขายในทุกมิติ ทั้งการให้บริการ การจัดการ การซ่อมบำรุง การดูแลลูกค้าประดุจครอบครัว

“เราพยายามรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ซื้อรถ และลูกค้าที่เข้ามารับบริการหลังการขายกับเรา โดยมัดใจให้อยู่หมัด ไม่เปลี่ยนใจไปค่ายอื่น จริง ๆ แล้วการบริการรูปแบบนี้ เป็นนโยบายหลักของทีทีซี มอเตอร์ มาเนิ่นนาน ต่อเมื่อบริษัทแม่ต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ เราจำเป็นต้องหยิบยกทุกการบริการมาดึงดูดลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเราดูแลลูกค้าทุกคน ตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่โชว์รูมและศูนย์บริการ อย่างดีที่สุด”

ดังจะเห็นได้จากรางวัลที่ได้รับ ที่โดดเด่นอยู่ในบริเวณห้องรับรอง คือศักยภาพในการบริการหลังการขายดีเยี่ยม และยังมีประสิทธิภาพในการพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการได้เป็นอย่างดี กับ  รางวัล Mercedes-Benz Service Excellence Award South East Asia ในปี 2016-2022 ของประเทศไทย จากผลสำรวจคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง

อีกหนึ่งรางวัลแห่งความภูมิใจในครั้งนี้ ได้แก่ รางวัล Most Improved Dealer Thailand  ประจำปี 2016-2018 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับดีลเลอร์ ที่มีการพัฒนาที่เป็นเลิศในส่วนของความพึงพอใจต่อการเข้ารับบริการ

“ในปัจจุบันเราได้เพิ่มเติมบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น อาทิ การเปิดให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ C-Star ,Café ,Co Working Space , Consulting Area หรือกรณีลูกค้ามีแพลนจัดงาน จัดกิจกรรม สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ห้องจัดเลี้ยงรองรับ หรือห้องสัมมนา ในแต่ละส่วนได้”

ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี มีความครบครัน ในทุกส่วนของการบริการ ทั้งโชว์รูม ศูนย์บริการ ศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ จากพื้นที่รวมทั้งสิ้น 8 ไร่ ประกอบไปด้วย 4 ห้องอบสี สำหรับงานซ่อมด่วน ซ่อมเบา (Quick Repair) และ 1 ห้องอบพ่นสี สำหรับงานพ่นทั้งคัน หรือเฉพาะจุด ที่ให้บริการด้วยระบบสีสูตรน้ำมาตรฐานสากลของเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบเต็มระบบ ซึ่งมีขีดความสามารถในการให้บริการงานซ่อมหนัก (งานดึงตัวถัง) สำหรับตัวถังรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุชนหนัก รวมทั้งงานซ่อมตัวถังอะลูมิเนียม ด้วยการใช้เครื่องมือสำหรับดึงตัวถังให้กลับคืนสภาพเดิมได้ 100% ตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศเยอรมนี)  และสามารถให้บริการงานซ่อมสีแบบด่วนให้จบได้ภายใน 1 วัน และให้บริการได้ถึง 3-4 คันต่อวัน

รวมทั้งทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ทั้งช่างสีและช่างตัวถังนั้น บริษัทมีช่างที่ผ่านการอบรมและได้มาตรฐานงานช่างฝีมือ ตามการรับรองจากบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย การันตีคุณภาพของการทำงานตามมาตรฐานของโรงงานผู้ผลิต ทั้งอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่มีในศูนย์ซ่อมสีและตัวถังนั้น เป็นอุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ของเมอร์เซเดส-เบนซ์

“ศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ของเราเป็นศูนย์ซ่อมรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน รองรับงานสีและตัวถังรถอุบัติเหตุ รถจากบริษัทประกันภัยทุกบริษัท ด้วยความพร้อมที่มีช่องซ่อมรองรับ 8 ช่องซ่อม มีเครื่องมือวิเคราะห์มาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ถึง 4 เครื่องมากที่สุดในภาคอีสาน และมีทีมงานช่างที่มีมาตรฐานตามโครงการทวิภาคีของบริษัทแม่ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ จนเราได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้มาครอบครองอย่างต่อเนื่อง”

ในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการขาย ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี ร่วมออกงานมหกรรมยานยนต์ ที่ใหญ่ที่สุดในอีสานใต้ กับงานอุบล ออโต เอ็กซ์โป (Ubon Auto Expo 2023) ณ อุบล คอนเวนชั่น ฮอล์ โรงแรมเซ็นทารา ที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลอุบล

ทั้งนี้งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-29 ตุลาคมนี้ บนพื้นที่จัดงาน 2,000 ตารางเมตร พรั่งพร้อมด้วยกิจกรรม ศิลปินหลากหลาย อาทิ เจ-เจตริน, แอน-อรดี, ประกวด Cover Dance และ Lucky Draw อีกมากมาย เพื่อสร้างสีสันความบันเทิงแก่ผู้เข้าชมตลอดงาน

ในส่วนของ ทีทีซี มอเตอร์ อุบลฯ มีบูทขนาดพื้นที่ 6×14 เมตร โดยนำรถไปจัดแสดงประกอบด้วย Mercedes-AMG SL43, Mercedes-Benz GLC 350 e AMG Dynamic, EQS 500 4MATIC AMG Premium และภายในงานยังมีรถ Certified Car อาทิ  Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-Benz CLS220d AMG Premium ซึ่งเป็นรถผู้บริหารป้ายแดงไมล์น้อย จอดให้ทุกท่านได้สัมผัส และยังมีรถทดลองขับหลากหลายรุ่นอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังมีแคมเปญสตาร์ช้อยส์ ประกันภัยชั้น 1 นานสูงสุด 5 ปี,รับฟรี  MBSP ULTIMATE นานสูงสุด 5 ปี, ผ่อนดอกเบี้ยพิเศษ นานสูงสุด 5 ปี ส่วนรถ Certified Car มีข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 1ปี, ประกันภัย ชั้น 1 นาน 1 ปี และขับฟรี 90 วัน

ทีทีซี มอเตอร์  อุบลราชธานี โทร.045-475-222  โทร. 045-475-222 , https://www.facebook.com/TTCMOTORUBONRATCHATHANI/  TTC MOTOR ครบจบทุกเรื่องเบนซ์ ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach, Sprinter  อย่างเป็นทางการ Line : @benzttcubon IG : Benzttc Ubonratchatani

ฮอนด้า โชว์ผลิตภัณฑ์การขับเคลื่อนแห่งอนาคต ในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023

ฮอนด้า จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างสรรค์เพื่อนำพาผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัด และเพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสให้ทุกคน

(กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – 26 ตุลาคม 2566) บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด นำเสนอมุมมองเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคตผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อน ที่ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นจริงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ณ บูทฮอนด้าที่งาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ภายใต้แนวคิด “Honda Dream Loop” ที่เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมงานได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ การขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์และเพิ่มคุณค่าให้ผู้คนในการ “ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสให้ทุกคน” พร้อมเชิญชวนให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์การขับเคลื่อนแห่งอนาคตในวงแหวนแห่งความฝันผ่านนวัตกรรม Generative AI ทางเว็บไซต์พิเศษของฮอนด้า https://global.honda/en/japan-mobility-show/2023/

นายโทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “The Power of Dreams – How we move you คือ Global Brand Slogan ของฮอนด้าที่ต้องการถ่ายทอดข้อความที่ว่า ความฝันของพนักงานฮอนด้าทุกคนเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่ฮอนด้ามาโดยตลอด ในขณะที่หลากหลายผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนและบริการที่ฮอนด้าสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยพลังแห่งความฝันเหล่านี้ สามารถนำพาผู้คนไปยังที่ต่างๆ ขับเคลื่อนหัวใจของผู้คน และช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงความฝันของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่อีกมากมายในอนาคต โดยแนวคิดหลักของบูทฮอนด้าในปีนี้ คือ ‘Honda Dream Loop’ ที่สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่เปี่ยมไปด้วยความฝันอันหลากหลายของผู้คน และจะยังคงแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการ ด้านการขับเคลื่อนที่รวบรวมความฝันของฮอนด้าเอาไว้ ที่ช่วยให้ผู้คน ‘ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ เช่น เวลาและสถานที่’ และ ‘เพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสให้ทุกคน’ ซึ่งถือเป็นคุณค่าที่สำคัญของผลิตภัณฑ์และบริการด้านการขับเคลื่อนทุกประเภทที่ฮอนด้านำเสนอมาตลอด 75 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และจะยังคงเป็นคุณค่าอันเป็นเอกลักษณ์ที่ฮอนด้ามุ่งมั่นนำเสนอ เพื่อให้ผู้คนได้รับความสุขและอิสระในการเดินทางต่อไปในอนาคต”

สำหรับนวัตกรรมขับเคลื่อนที่เป็นไฮไลต์ของบูทฮอนด้าในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ได้แก่

1.ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการขับเคลื่อนที่ช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น เวลา สถานที่ และทรัพยากรที่มีจำกัด

•Cruise Origin ยานพาหนะอัตโนมัติที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลา พื้นที่ภายในของยานพาหนะคันนี้มอบความเป็นส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ใช้งานสามารถใช้เวลาเดินทางได้อย่างอิสระมากขึ้น เช่น การจัดการประชุม หรือการใช้เวลาอย่างสนุกสนานกับครอบครัวโดยไม่ต้องกังวลกับคนอื่นรอบข้าง ยานพาหนะคันนี้จะช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาได้อย่างแน่นอน เพราะเวลาถือเป็นข้อจำกัดสำหรับคนส่วนใหญ่ ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการขับเคลื่อนที่ช่วยให้ผู้คนใช้เวลาที่มีจำกัดได้อย่างเท่าเทียมกัน ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน  365 วันต่อปี ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถทำในสิ่งที่มีประโยชน์มากขึ้น เปรียบเสมือนการมอบคุณค่าอันมหาศาลให้กับผู้คน ฮอนด้าร่วมมือกับ GM และ Cruise วางแผนที่จะเปิดตัวบริการเรียกรถไร้คนขับในประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ Cruise Origin ซึ่งจะเริ่มให้บริการภายในต้นปี พ.ศ. 2569

Cruise Origin

• Honda eVTOL และ HondaJet ต่อยอดการขับเคลื่อนในรูปแบบสามมิติสู่ท้องฟ้า และช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดของสถานที่และระยะทางได้

การผสานการทำงานของเครื่องบินเหล่านี้เข้ากับระบบการขับเคลื่อนภาคพื้นดิน เพื่อช่วยให้ผู้คนเดินทางได้อย่างอิสระและราบรื่นไร้รอยต่อมากขึ้นทั้งภาคพื้นดิน ในมหาสมุทร และบนท้องฟ้า ทำให้อุปสรรคที่ผู้คนต้องเผชิญในการเดินทางระยะไกลจะลดลง ทำให้ผู้คนสามารถย้ายไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ชานเมืองที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และไปทำงานในเมืองตามความจำเป็นได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถ “ก้าวข้ามข้อจำกัดของสถานที่และระยะทาง” ได้  ทำให้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานได้ดียิ่งขึ้น

Honda eVTOL

Honda Jet Elite II

•SUSTINA-C Concept ที่ช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

SUSTINA-C เป็นรถยนต์ที่ทำจากเรซินอะคริลิกที่รีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ การหมุนเวียนทรัพยากรในลักษณะนี้จะช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดด้านทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และบรรลุเป้าหมายทั้งในด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความสุขและอิสระในการขับเคลื่อนสู่อนาคต

SUSTINA-C Concept

2.ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและความเป็นไปได้ของผู้คน

•Honda Avatar Robot และ UNI-ONE จะช่วยเพิ่มพูนศักยภาพและความเป็นไปได้ของผู้คน

Honda Avatar Robot สามารถสั่งงานและควบคุมได้จากระยะไกล ทำให้เราสามารถปฏิบัติงานและสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ได้ราวกับว่าอยู่ที่นั่นด้วยตนเอง การใช้ Honda Avatar Robot จะช่วยให้ทุกคน รวมถึงผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนที่อันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้จากสถานที่ห่างไกลอย่างมีประสิทธิภาพ และ UNI-ONE เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้ง่ายๆ โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวขณะนั่งโดยไม่ต้องใช้มือ จึงสามารถปฏิบัติงานต่างๆ ขณะเคลื่อนที่ได้ UNI-ONE จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ใช้ที่มีปัญหาทางการเคลื่อนไหวสามารถขยับและเคลื่อนที่ได้

Honda Avatar Robot                                     

UNI-ONE

•Honda CI-MEV รถยนต์ขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ที่ช่วยเพิ่มและขยายขอบเขตการใช้ชีวิตของผู้คนได้อย่างไร้ขอบเขต

การขับรถและการเดินอาจกลายเป็นเรื่องยากสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีรถสาธารณะให้บริการ คนกลุ่มนี้มักจะมีขอบเขตการดำรงชีวิตที่จำกัด หากมีผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอการขับเคลื่อนที่เข้าถึงได้ง่าย ผู้คนก็สามารถไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ไกลขึ้น เร็วขึ้น และคล่องตัวมากขึ้น หากทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินทางได้อย่างอิสระ และขยายขอบเขตการดำเนินชีวิตได้มากขึ้น พวกเขาจะมีโอกาสพบปะผู้คนใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งฮอนด้าเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสของผู้คนได้ในที่สุด

Honda CI-MEV

3.ฮอนด้า Prelude Concept ยนตรกรรมสปอร์ตที่จะมาบุกเบิกอนาคตแห่งขุมพลังการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบของฮอนด้า

Prelude Concept คือ ยนตรกรรมสปอร์ตที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ตื่นเต้นเร้าใจ ที่ทำให้คุณอยากที่จะขับต่อไปและรู้สึกตื่นเต้นในการขับขี่อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ด้วยการส่งมอบ “ความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการขับขี่” ไปพร้อมกับจิตวิญญาณความเป็นสปอร์ตของฮอนด้า

Prelude Concept

สร้าง “การขับเคลื่อนในฝัน” ผ่านประสบการณ์ Generative AI

สำหรับบูทฮอนด้าในปีนี้ ไม่เพียงแต่จัดแสดงยานยนต์ในฝันแห่งอนาคตของฮอนด้าเท่านั้น แต่ฮอนด้ายังเชิญชวนให้ผู้เยี่ยมชมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนแห่งฝัน (Dream Loop) ของฮอนด้าด้วย ซึ่งฮอนด้าเริ่มนำ generative AI มาใช้ช่วยงานด้านออกแบบของทีมออกแบบ ในการถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ สำหรับในงาน JAPAN MOBILITY SHOW ครั้งนี้ generative AI จะสร้างภาพการออกแบบของการขับเคลื่อนในอนาคตที่ใฝ่ฝัน และแสดงภาพเหล่านั้นบน “Loop Screen” ภายในบูทฮอนด้า

“นอกจากนี้ ภายในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ฮอนด้ายังจัดแสดงหลากหลายการขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่ฮอนด้าใฝ่ฝันถึงอีกมากมาย ขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมและสัมผัสกับความฝันในอนาคตของฮอนด้า และหวังว่าจะมาร่วมแชร์ความฝันและความปรารถนาในการสร้างสรรค์การขับเคลื่อนที่ดีขึ้น และร่วมต่อยอดความฝันของเราร่วมกันในอนาคต” นายโทชิฮิโระ กล่าวปิดท้าย

สามารถเข้าชมเว็บไซต์พิเศษของฮอนด้าสำหรับงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ได้ที่ http://global.honda/en/japan-mobility-show/2023/

 มาสด้า เผยโฉม MAZDA ICONIC SP รถต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์

MAZDA ICONIC SP นับเป็นคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุด รถยนต์สปอร์ตรูปแบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์การดีไซน์รูปแบบกะทัดรัด กับเครื่องยนต์โรตารี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้า เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023

ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 26 ตุลาคม 2566 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เผยโฉมรถ MAZDA ICONIC SP หรือคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023*1

MAZDA ICONIC SP

MAZDA ICONIC SP เป็นรถต้นแบบใหม่ล่าสุด ภายใต้สปอร์ตคอมแพ็คคาร์คอนเซ็ปต์ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ “รักในรถยนต์” และ “ปรารถนาที่จะครอบครองรถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความสุขในการขับขี่” โดยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าที่ยังคงมีขนาดกะทัดรัด จึงทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในเรื่องการจัดวางพื้นที่ของห้องเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้รถต้นแบบคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น โดยแบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จด้วยพลังงานแบบย้อนกลับและจากเครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ ที่ใช้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอน นอกจากนี้ ภายนอกของตัวรถยังมาพร้อมกับสีแดง VIOLA ซึ่งเป็นสีต้นแบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากปรัชญาของมาสด้าในการ “ยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน” ซึ่งเป็นความปรารถนาในการเชิดชูสีแดงอันเป็นสีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า

มร.มาซาฮิโระ โมโร่ ผู้อำนวยการตัวแทนจากมาสด้า, ประธาน และ CEO กล่าวว่า “มาสด้าจะส่งมอบรถยนต์ที่เป็นเสมือนสิ่งย้ำเตือนให้กับผู้คนอยู่เสมอว่า รถยนต์คือความสุขที่แท้จริงและเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขา นอกจากนี้ ในฐานะที่มาสด้าเป็นบริษัทที่รักในรถยนต์ และต้องการเสริมสร้างประสบการณ์ในการเดินทางให้กับผู้คนอย่างไม่รู้จบ เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อนาคตร่วมกับพันธมิตร และแฟนๆ ของเราที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า ‘เรารักรถยนต์’ และเพื่อตอบสนองต่อความปรารถนานี้ มาสด้าจึงมุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน”

มาสด้าจะยังคงส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักในการให้ความสำคัญกับยึดมั่นปรัชญา “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” และยังคงงมั่นที่จะส่งมอบ “ความสุขในการใช้ชีวิต” ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าทุกคน

ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับ MAZDA ICONIC SP

・มาสด้าสร้าง “เฟรมเวิร์ค” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างแบบจำลองให้ได้สัดส่วนที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม โดยแนวคิดในการติดตั้งเครื่องยนต์โรตารีที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดกะทัดรัดไว้ตรงกลางตัวรถนั้นช่วยส่งผลให้ได้ฝากระโปรงหน้าต่ำลง

・เครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) เป็นเครื่องยนต์โรตารีประสิทธิภาพสูงแบบ Scalable สามารถเผาไหม้เชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท เช่น ไฮโดรเจน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนี้ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพลังงานแบบย้อนกลับ ก็จะทำให้สามารถขับขี่ได้ในสภาวะที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน

・พละกำลังการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูงเกิดจากเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) มีสัดส่วนของจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า และมีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ทำให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม แม้ว่าคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้จะเป็นรถสปอร์ตแต่ก็สามารถจ่ายพลังงานได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ผู้ขับขี่ยังคงเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน

・สีภายนอก “VIOLA RED” ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามความปรารถนาของมาสด้าที่จะ “เชิดชูสีแดง” และสอดคล้องกับปรัชญาในการ “ยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน” โดยมุ่งเน้นไปที่สีสันที่สดใส แต่ในขณะเดียวกันก็ให้เน้นให้เห็นถึงความสง่างามของมิติของตัวรถ ที่เกิดจากการตกกระทบของแสงและเงาที่ถ่ายทอดลงบนตัวรถ

ข้อมูลจำเพาะเบื้องต้นของ MAZDA ICONIC SP

ความยาว x ความกว้าง x ความสูง (mm)         :         4,180 × 1,850 × 1,150

ระยะฐานล้อ (mm)                                   :         2,590

อัตราส่วน แรงม้า – น้ำหนัก                          :         3.9

แรงม้าสูงสุด (PS)                                    :         370

น้ำหนัก (kg)                                          :         1,450

*1 Japan Mobility Show 2023 จัดขึ้นโดย สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น โดยรอบสื่อมวลชนถูกจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 (08:00-18:00 น.) และวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2566 (08:00-13:00 น.) และรอบบุคคลทั่วไป จัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566

Mazda’s JAPAN MOBILITY SHOW 2023 website

https://www.mazda.co.jp/experience/event/japanmobilityshow2023/en/

SUZUKI CELERIO จัดแคมเปญเด็ด ผ่อนนาน 99 เดือน

SUZUKI CELERIO ตัวแทนแห่งความคุ้มค่า..! ฉลองยอดขายสะสมมากกว่า 25,000 คัน จัดแคมเปญสวนกระแสเศรษฐกิจ ผ่อนนาน 99 เดือน พร้อมส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท ลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ เกษตรกรรับเพิ่ม 15,000 บาท

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มซีเซกเมนต์ขึ้นไป รวมถึงการมีผู้ประกอบการในกลุ่มรถไฟฟ้ารายใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์คึกคักและมีการแข่งขันสูงมากในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของตลาด ผู้บริโภคชาวไทยยังคงมีความต้องการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างและกระจายไปในหลายเซกเมนต์ เหนือสิ่งอื่นใดยังคงมองหารถยนต์คุณภาพดี ดูแลรักษาง่าย และประหยัดพลังงาน เพื่อนำไปใช้งานได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างครบครัน

สำหรับซูซูกิ แม้เราจะยังไม่ได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงเวลานี้ แต่เราเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายไว้รองรับความต้องการของลูกค้าเกือบครบในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มประหยัดพลังงาน นับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความคุ้มค่า จนเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ลูกค้าให้การยอมรับเป็นอย่างดี

หนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญที่ลูกค้ายังคงไว้วางใจและเลือกใช้งานนั่นก็คือ SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว ที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดตัวทำตลาดในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2557 ด้วยประโยชน์ใช้สอยอันสูงสุด ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ลงตัว มอบความคุ้มค่าในทุกด้าน ทั้งเรื่องของราคา คุณภาพตัวรถ ไปจนถึงเรื่องของการดูแลรักษาง่าย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่สูง จึงส่งผลให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านได้รับความสนใจและสร้างยอดขายสะสมรวมจนถึงปัจจุบันถึง 25,111 คัน โดยในช่วงปี 2564 ซึ่งประเทศไทยกำลังประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือปีที่ SUZUKI CELERIO ได้รับความนิยมสูงสุด สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 4,651 คัน

สำหรับปีนี้ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน 2566) SUZUKI CELERIO มียอดขายรวม 1,970 คัน โดยฐานลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ได้จับอยู่แค่เพียงกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานในช่วงเริ่มต้นชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็ก ที่วางแผนการใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มองหาความความปลอดภัยในการเดินทาง สมรรถนะการใช้งานที่ดีเกินราคา เน้นความคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน ซึ่งล้วนแต่จุดเด่นสำคัญของผลิตภัณฑ์ซูซูกิ

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความโดดเด่นทุกด้านในสไตล์ซิตี้คาร์ ทำให้ครองใจคนใช้งานมาได้อย่างยาวนาน และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น  จึงอยากนำเสนอรถยนต์นั่งขนาดเล็กคุณภาพเกินตัวคันนี้ ให้แก่ผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า คุ้มราคา ด้วยการมอบแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPPLE BONUS DEAL” สำหรับผู้ที่สนใจซื้อ SUZUKI CELERIO ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

ลูกค้าสามารถเลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท สำหรับรุ่น GA, GL และ GX หรือ รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 5,000 บาท สำหรับรุ่น GL UP

อีกทั้งยังมอบข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี

สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร จะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่ม 15,000 บาท อีกด้วย

SUZUKI CELERIO ตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ มอบให้ทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัด ขนาดห้องโดยสารที่กว้างสบาย มีพื้นที่บริเวณเหนือศีรษะและพื้นที่วางขาสบายทั้งที่นั่งตอนหน้าและตอนหลัง พร้อมด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ บรรจุสัมภาระได้มากเกินคาด

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังมั่นใจได้ในสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ K10B ขนาด 1.0 ลิตร ขนาดคอมแพ็คที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มอบพละกำลังและความสามารถเกินตัว มีสมรรถนะการขับที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นสะดุดตา เสริมความอุ่นใจด้วยระบบและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยมาตรฐานตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูซูกิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถอีโคคาร์

SUZUKI CELERIO ตอบสนองการใช้งานด้วย 4 รุ่นทางเลือก คือ SUZUKI CELERIO GA/MT มาพร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 338,000 บาท, SUZUKI CELERIO GL/CVT ราคาจำหน่าย 416,000 บาท, SUZUKI CELERIO GL UP ราคาจำหน่าย 423,000 บาท, และ SUZUKI CELERIO GX/CVT ราคาจำหน่าย 451,000 บาท มาพร้อมสีภายนอกให้เลือกใช้ 4 สี ได้แก่ Ablaze Red Pearl, Mineral Gray Metallic, Super Black Pearl และ Pure White Pearl (สี Pure White Pearl เพิ่ม 3,000 บาท)

ทั้งนี้ ซูซูกิยังร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกด้านการอนุมัติสินเชื่อเพื่อลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ SUZUKI CELERIO ได้ง่ายยิ่งขึ้น ภายใต้เงื่อนไขตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save