- Advertisement -
25.9 C
Bangkok
Home Blog Page 72

MOTOR EXPO 2023 พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 66

MOTOR EXPO 2023 รวมยานยนต์ครบวงจร รถยนต์ 40 แบรนด์ จักรยานยนต์ 23 แบรนด์ เรือ และอากาศยาน พร้อมแคมเปญส่งท้ายปีจากค่ายรถสุดเร้าใจ

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ศูนย์รวมยานยนต์ประกาศความยิ่งใหญ่ พร้อมจัดแสดงรถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ และอากาศยาน ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ศกนี้

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า – Mobility: Imagination and Beyond” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงมีธุรกิจ เรือ และเพิ่มการจัดแสดงอากาศยาน ทำให้งานมีความสมบูรณ์แบบจากการแสดงยานยนต์ครบวงจรทั้ง ทางบก เรือ และอากาศเป็นครั้งแรก”

รถยนต์ 40 แบรนด์ ได้แก่ AION, AUDI, BENTLEY, BMW, BYD, CHANGAN, FORD, GWM, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JEEP, KIA, LEXUS, LOTUS, MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NETA, NEX, NISSAN, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, SMOGO, SUBARU, SUZUKI, TATA, TESLA, TOYOTA, VOLVO, WULING รวมถึงชุดแต่ง และรถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระ ได้แก่ BMW M PERFORMANCE, CARLSSON, M’Z SPEED และ SWIFT

รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA VOLANTIS, BMW, CINECO, CYCLONE, EM EV BIKE THAILAND, FELO, HANWAY, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, I-MOTOR, KAWASAKI, LAMBRETTA, LYVA, RAPID, ROYAL ALLOY, ROYAL ENFIELD, SCOMADI, SMOGO, SOLAR, SUZUKI, TRIUMPH, YAMAHA และ ZEEHO

นอกจากนี้ ยังมีรถมือสอง 4 แบรนด์ ได้แก่ BMW PREMIUM SELECTION, JUST CAR, MERCEDES-BENZ CERTIFIED, PRE-OWNED VEHICLES และ VOLVO SELEKT

พื้นที่ JOIN BOAT PLATFORM โดยงาน MOTOR EXPO 2023 ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเรือจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเรือ และการท่องเที่ยวทางน้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยจัดแสดงเรือมากกว่า 10 ลำ

ยิ่งกว่านั้น MOTOR EXPO 2023 เปิดพื้นที่จัดแสดงโซนอากาศยานเป็นครั้งแรก โดยร่วมกับ สถาบันการเรียนการสอน เทคโนโลยี นวัตกรรม บริการภาคพื้น และเช่าเหมาลำ รวม 14 องค์กร ได้แก่ โรงเรียนการบินไทยอินเตอร์ไฟลอิ้ง, สมาคม Blue Bird, สมาคมกีฬาทางอากาศ, สถาบันการบินพลเรือน, EASY 2018, PULSE SCIENCE, TOP Engineering, MU Space and Advanced Technology, YAMAHA, SIT, AAS, สยาม ซีเพลน, First Global Jet และ SAVIATION

สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ…ชิงรถ / ซื้อบัตร…ชิงรถ / ซื้อสินค้า…ชิงรถ / ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์ / ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้

1.“ซื้อรถ…ชิงรถ” เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ NEW MG HS PHEV D มูลค่า 1,299,000 บาท

2.“ซื้อบัตร…ชิงรถ” ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA V มูลค่า 760,000 บาท

3.“ซื้อสินค้า…ชิงรถ” เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้นการจอง/ซื้อรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถใช้แล้ว) มีสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T ราคา 529,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

4.“ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ HONDA รุ่น XL750 TRANSALP 2023 มูลค่า 394,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

5.“ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน MOTOR EXPO APPLICATION โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล

พิเศษสำหรับผู้ชมงานมีบริการ “MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR” เป็นแพคเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 700 บาท รับสิทธิพิเศษ ที่จอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 2 ใบ บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ และซื้อสินค้าที่ระลึก MOTOR EXPO ลด 10%

พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

สรยท. เปิดภาพบรรยากาศทดสอบรอบสุดท้ายรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566

การลงคะแนนรอบสุดท้ายรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 ที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ATTRIC ของสถาบันยานยนต์ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม สุดเข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV มีความแตกต่างทั้งกำลัง ขนาดแบตเตอรี่ รวมถึงฟังก์ชั่นการทำงาน และราคามีความแตกต่างกันอย่างมาก

ในรอบสุดท้ายนี้ เป็นการทดสอบภาคสนามของรถยนต์ และรถ EV ที่เข้ารอบทั้งหมด 12 รุ่น ประกอบด้วย BMW X, GWM TANK 300, HONDA CR-V, MERCEDES-BENZ GLC 350 e, MITSUBISHI TRITON และ TOYOTA INNOVA ZENIX ของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน

BYD Dolphin, BYD Seal, MG 4 Electric, MG Maxus 9, MERCEDES-AMG EQE 53 4MATIC+ และ TOYOTA bZ4X ในกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า เข้าชิงรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023

ทั้งหมดถูกนำมาทดสอบสมรรถนะอีกครั้ง โดยกรรมการที่เป็นสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือสรยท. กว่า 50 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้มีประสบการณ์สูงในการรายงานข่าว และทดสอบรถยนต์ของเมืองไทย

การเลือกให้รถยนต์รุ่นใดรุ่นหนึ่งให้ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR โดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือสรยท. ในทุกปี มีรถยนต์เข้าสู่รอบสุดท้ายของการตัดสิน มีความแตกต่างทั้งสมรรถนะ ราคา ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ  แต่คณะกรรมการ ต้องมีเกณฑ์ให้คะแนนที่เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละเซกเมนต์

อย่างเช่นรถยนต์ยุโรป อยู่ในเซกเมนต์ระดับหรู และต้องแข่งกับรถยนต์จากเอเชีย ในเซกเมนต์ตลาดมวลชน (Mass Market) การให้คะแนนจึงไม่ได้จำกัดให้รถมีราคาต่ำจะได้มากกว่า หรือรถที่มีสมรรถนะ กำลังแรงม้า มากกว่าต้องการได้คะแนนสูงเสมอไป

เพราะกรรมการผู้ลงคะแนน ที่ได้คัดเลือกมา ต้องมองในมุมกว้าง ตั้งแต่ทิศทางการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ คุณสมบัติอันโดดเด่นของรถแต่ละรุ่น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความปลอดภัย มีความเหมาะสมกับพฤกติกรรมการใช้รถยนต์ของคนไทยมากน้อยเพียงใด

สำหรับวิธีให้คะแนน การคัดเลือกรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม กรรมการแต่ละท่านจะมีคะแนนคนละ 25 คะแนน ในการทดสอบภาคสนามรอบสุดท้าย กรรมการทุกคนได้สัมผัสกับรถยนต์เข้ารอบ ทั้งภายนอก ภายใน การขับขี่ เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะที่เหมาะสมกับรถยนต์ในแต่ละเซกเมนต์ ก่อนให้คะแนน โดยให้ 10 คะแนนสำหรับรถยนต์ที่คิดว่าควรจะเป็นรถยอดเยี่ยม และ 15 คะแนนจะแบ่งกระจายให้กับรถที่เข้ารอบรุ่นอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 5 รุ่น

ผลรวมคะแนนรถยนต์ยอดเยี่ยมจะถูกนำมานับ รถยนต์ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศไทยหรือ THAILAND CAR OF THE YEAR รูปแบบและหลักเกณฑ์ที่ว่านี้ คือหลักการระดับสากล ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการตัดสิน Japan Car of The Year ของประเทศญี่ปุ่น และ EURO Car of The Year ของยุโรป

THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 รอบสุดท้าย สรยท. ได้รับความร่วมมือจากสถาบันยานยนต์สังกัด กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ใช้ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ATTRIC เป็นสถานที่ทดสอบภาคสนาม ซึ่งเป็นสถานที่ให้กรรมการผู้ลงคะแนน ได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละเซกเมนต์ อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจาก ATTRIC มีสถานีต่างๆ ให้ทดสอบสรรถนะที่หลากหลาย นั่นเอง

โดยศูนย์ทดสอบยานยนต์แห่งนี้ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 11 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน เริ่มเปิดให้บริการ สำหรับการทดสอบรถยนต์และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต่างๆ ของตัวรถ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการให้มาตรฐานทางอุตสาหกรรม เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา และให้บริการสำหรับทดสอบรถ และอุปกรณ์สำหรับผู้ประกอบการยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง

ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ATTRIC ตั้งอยู่ในอำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ทั้งโครงการมากกว่า 1,200 ไร่ และมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 5 พันล้านบาท มีพื้นที่สำหรับทดสอบรถยนต์ก่อสร้างแล้วเสร็จไปมากว่า 50% สนามทดสอบส่วนใหญ่ดำเนินการเรียบร้อยไปหลายส่วน เหลือสนามทดสอบความเร็วสูง รูปไข่ ซึ่งรองรับการใช้ความเร็วได้มากว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสถานที่สำหรับทดสอบระบบรถยนต์ เช่น ศูนย์ทดสอบการชน หรือ Crash Test อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นต้น

ในการทดสอบภาคสนาม THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 รถยนต์เข้ารอบส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ลูกผสม หรือไฮบริด และมีปิกอัพ อีก 1 รุ่น หากพิจารณาจากลักษณะของตัวรถ ปิกอัพอาจมีความเสียเปรียบรถรถยนต์นั่ง แต่การให้คะแนนต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าของตัวผลิตภัณฑ์ในการใช้งานรถเป็นองค์ประกอบในการให้คะแนนด้วยเช่นกัน

ขณะที่กลุ่มรถพลังงานไฟฟ้านั้น ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ไม่สามารถส่งรถ  MERCEDES-AMG EQE 53 4MATIC+ เข้าร่วมทดสอบ คณะกรรมการจึงตัดสิทธิ์รถรุ่นดังกล่าวไป ทำให้มีรถเข้าสู่การทดสอบภาคสนาม 5 คัน การให้คะแนนมีความยาก และซับซ้อนกว่า เนื่องจากระบบ อุปกรณ์ ปุ่มควบคุมต่างๆ รวมถึงคันเกียร์ ของแต่ละแบรนด์แตกต่างกันอย่างมาก กรรมการผู้ให้คะแนนแต่ละคนจึงต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้งาน เป็นองค์ประกอบร่วม ไม่ได้มองในเรื่องระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จ หรือความแรงของกำลังมอเตอร์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีกรอบแนวทางการการตัดสินใจลงคะแนนเป็นองค์รวมอยู่แล้วตามที่กล่าวมาข้างต้น

นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการตกแต่ง มีความคงทน คุ้มกับราคามากน้อยเพียงใดอีกด้วย เป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เพราะเป็นปีแรกของการให้รางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีรางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมประจำปี

สำหรับการประกาศรางวัลรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ประกาศผลในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 นี้ที่ศูนย์ประชุม เดอะฮอลล์ ถนนวิภาดีรังสิต โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการมอบรางวัลเกียรติยศในครั้งนี้ด้วย

Amazing Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA

โตโยต้า หนุนกิจกรรม “วิ่งผ่าเมือง” ครั้งที่ 6 จับมือพันธมิตร กระทารวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) สมาคมกรีฑาโลก แถลงข่าวการันตีพร้อมเต็มพิกัด คาดมีนักวิ่งร่วมบันทึกประวัติศาสตร์กว่า 25,000 คน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กรุงเทพมหานคร (กทม.) สมาคมกรีฑาโลก กองบัญชาการตำรวจนครบาล การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  และไทยแลนด์ไตรลีก แถลงข่าวความพร้อมในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยว “วิ่งผ่าเมือง ครั้งที่ 6” รายการ Amazing Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA (อะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์เต็ดบายโตโยต้า) ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ชิงเงินรางวัลรวม 2,440,500 บาท ในปีนี้กำหนดการจัดงานในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566 เวลา 02.30-9.30 น. พิธีปล่อยตัวนักกีฬาจะมีขึ้นที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เข้าเส้นชัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน และลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมีนักวิ่งแห่สมัครร่วมแข่งขัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 25,000 คน สามารถสร้างรายได้และมีหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศกว่า 560 ล้านบาท ด้านผู้อำนวยการสมาคมกรีฑาโลก ทำเซอร์ไพรส์แอบบินตรงร่วมแถลงข่าว เผยเตรียมประกาศยกระดับให้รายการนี้ขึ้นแท่นเป็นมาราธอนซีรีย์เก็บคะแนนสะสมโลกอย่างเป็นทางการในปีต่อไป

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุม Convention hall อาคาร TOYOTA ALIVE นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้ นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมแถลงข่าวความพร้อม ในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกรายการ Amazing Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA : อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก พรีเซ็นต์เต็ดบายโตโยต้า ครั้งที่ 6 ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ทั้งนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, มร.เอเลสซิโอ ปุนซี่ (Mr. Alessio Punzi) ผู้อำนวยการอาวุโสสมาคมกรีฑาโลก, นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พันตำรวจเอกสันทัด ลยางกูร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวยแห่งชาติ, นายสุชาติ แจสุรภาพ ประธานกรรมการมาตรฐานการวิ่ง สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก พรีเซ็นต์เต็ดบายโตโยต้า, นายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, ผู้สนับสนุนภาคเอกชน, สื่อมวลชน และเหล่านักวิ่งที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “ท่านรมว. รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีโอกาสร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก ให้เป็น 1 ในการแข่งขันมาราธอนในเมืองหลวงระดับต้นๆ ของโลก รายการ Amazing Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA ถือเป็นรายการวิ่งมาราธอนในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของประเทศ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งในปี 2559 และได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานหลัก ซึ่งตนขอชมเชยแก่ท่านผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันทุกท่าน ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ของการจัดงานวิ่งในเมืองหลวงได้ด้วยดี จนทำให้รายการนี้ได้รับการยอมรับจาก World Athletics ให้เป็นรายการมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างมีคุณภาพในลำดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย”

“การแถลงข่าวในวันนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงเหล่านักวิ่ง อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยการร่วมกันมาประกาศความพร้อมของการจัดงานในวันนี้ ตนขออวยพร ให้การดำเนินการจัดการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon Bangkok presented by TOYOTA ประสบความสำเร็จไปด้วยดี” นายณณัฏฐ์ กล่าว

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขัน รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 กล่าวว่า “การแข่งขันรายการนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 6 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสานต่อนโยบายของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทั้งสามท่าน รัฐบาลชุดนี้นำโดยท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ “ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ผ่านต้นทุนทางวัฒนธรรม โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงฯ จึงได้มอบหมายนโยบายสำคัญนี้ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัด 5 งานหลักของประเทศในช่วงสิ้นปี และหนึ่งในกิจกรรมนั้น ก็คือการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon Bangkok นั่นเอง”

“สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ มียอดจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขัน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 25,146 คน เป็นชาวไทย 20,971 คน และชาวต่างชาติ 4,175 คนจาก 65 ประเทศทั่วโลก คาดว่าการแข่งขันรายการนี้ จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศไม่น้อยกว่า 565 ล้านบาท”

“คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ มีความพร้อมเกินกว่า 85% แล้ว จากนี้ไปเหลือเวลาอีก 1 เดือน จะเป็นการเก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆ ซี่งตนและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะทำรายงานสรุปความคืบหน้าการเตรียมงานในช่วงสุดท้าย ให้กับท่านรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไป” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ปรึกษา และประธานคณะกรรมการฝ่ายสถานที่ กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพร่วม Hosted City ในรายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 ซึ่งเราได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันรายการนี้ในทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ผมขอถือโอกาสประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่า รายการ ATMBKK เป็นรายการวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการของกรุงเทพมหานคร”

“ผมเห็นว่าการแข่งขันรายการนี้ สร้างประโยชน์มากมายต่อนักวิ่ง รวมถึงประชาชน และชุมชนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสุขให้กับนักวิ่ง รวมถึงยังเป็นแรงกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกรุงเทพมหานคร การใช้กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬามาเป็นจุดขาย ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวเกือบ 5,000 คนจาก 65 ประเทศทั่วโลกเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศแล้ว ยังจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร”

“ผมมีความเชื่อมั่นว่ารายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 จะเป็นรายการวิ่งมาราธอนที่มีมาตรฐานเทียบเคียงระดับโลก จนเป็นที่ยอมรับจากนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ หวังว่าอีกไม่นาน รายการนี้จะสามารถยกระดับไปสู่ระดับโลกได้อย่าง โตเกียว มาราธอน หรือ บอสตัน มาราธอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อกรุงเทพมหานคร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว

ด้าน มร.เอเลสซิโอ ปุนซี่ ผู้อำนวยการอาวุโสสมาคมกรีฑาโลก ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลมาตรฐานการจัดงานวิ่งบนถนน ได้ทำเซอร์ไพรส์คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ด้วยการบินตรงมาร่วมแสดงความยินดีและแถลงข่าวในวันนี้ กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับทางรัฐบาลไทยและคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ที่สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวงในทุกๆ ครั้ง ได้มาตรฐานโลก ไม่น้อยหน้าเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ กรุงเทพมหานครถือเป็นเมืองหลวงสำคัญของทวีปเอเชีย มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ดังนั้น ตนเห็นว่าหากสมาคมกรีฑาโลกให้การสนับสนุนคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ อย่างต่อเนื่อง จะเป็นการช่วยยกระดับให้กรุงเทพมหานครเป็น 1 ใน 10 อันดับแรก ของการจัดวิ่งมาราธอนในเมืองหลวงของโลกอย่างแน่นอน”

“ผมเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ เพราะต้องการประกาศให้ทุกท่านทราบทั่วกันว่า รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok ได้ถูกบรรจุให้เป็นหนี่งในมาราธอนซีรีย์เก็บสะสมคะแนนโลกของเมืองหลวง หรือ The Official Capital City Marathon World Series ซี่งสมาคมกรีฑาโลกจะเลือกเมืองหลวงเพียง 10 แห่ง มาบรรจุในซีรีย์สะสมคะแนนดังกล่าว โดยรายการนี้จะเป็น Final Race ในทุกๆ ปี เราจะเริ่มโครงการนี้จากปีหน้าเป็นต้นไป” ผู้อำนวยการอาวุโสสมาคมกรีฑาโลก กล่าว

ด้านนายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในฐานะ Co-Race Director และผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า “รายการวิ่งผ่าเมืองเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท. กทม. กกท. กองบัญชาการตำรวจนครบาล สมาคมกรีฑาโลก ไทยแลนด์ไตรลีก รวมถึง ภาคเอกชนอีกหลายๆ ท่าน ที่ทุกฝ่ายต่างให้ความร่วมมือ และความช่วยเหลือ ทั้งงบประมาณ และบุคลากร หรือสิ่งอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือกันได้ รวมถึงการช่วยทำประชาสัมพันธ์ในอีกหลายๆ ช่องทาง”

“โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ไทยแลนด์ไตรลีก มาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ มีความพิเศษยิ่งขึ้น โดยที่เราทั้งสามฝ่ายได้ร่วมกันจัดกิจกรรมที่จะส่งเสริมและสร้างกระแสให้คนออกมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้ชื่อกิจกรรม Road to ATMBKK 2023 หรือ ซิตี้รัน…มันส์ ฟัน เวอร์ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักวิ่งและประชาชนโดยทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมากถึง 15,000 คน หากนำจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมดังกล่าวมารวมกับผู้ร่วมแข่งขันการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 จะถือว่าการจัดงานรายการนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากถึง 4 หมื่นคน เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวได้อีกหลายเท่าตัว” นายณัทธร กล่าว

ด้านนายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวถึงรายละเอียดของการแข่งขันว่า “รายการนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พระราชทานถ้วยรางวัลของรายการ จำนวนทั้งสิ้น 8 รางวัล ได้แก่ ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไปชาย และบุคคลทั่วไปชายไทย ระยะมาราธอน จำนวน 2 รางวัล, ถ้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สำหรับผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไปหญิง และบุคคลทั่วไปหญิงไทย ระยะมาราธอน จำนวน 2 รางวัล และถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ จำนวน 4 รางวัล สำหรับผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไป ชายและหญิง ระยะฮาล์ฟมาราธอน และ ผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไป ชายไทยและหญิงไทย ระยะฮาล์ฟมาราธอน นอกจากนี้ การแข่งขันยังเป็นรุ่นกลุ่มอายุต่างๆ โดยมีถ้วยรางวัลให้ชิงชัยกันทั้งสิ้น จำนวน 221 รางวัล มีเงินรางวัลรวมเป็นเงิน 2,440,500 บาท ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.amazingthailandmarathon2023.com และทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/amazingthailandmarathonbkk” นายกอบเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง การแข่งขันรายการนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ระยะทาง 42 กม. และระยะทาง 21 กม. ปล่อยตัว ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ส่วนระยะทาง 10 กม. 5 กม. ปล่อยตัว ณ โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร ถนนมหาไชย โดยมีเส้นชัยอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดเนิน และลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยทางกรุงเทพมหานครได้กำหนดให้ลานคนเมืองเป็นจุดนัดพบหลังเข้าเส้นชัย โซนอาหาร และจุดขึ้นรถรับส่ง ส่วนกำหนดลงทะเบียนรับเบอร์-อุปกรณ์การแข่งขัน จะมีในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม 2566 ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

การแข่งขันรายการนี้ รัฐบาลไทยได้ประกาศให้เป็นกิจกรรมหลักที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงปลายปี จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพมหานคร สมาคมกรีฑาโลก กองบัญชาการตำรวจนครบาล การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ ไทยแลนด์ไตรลีกในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวอัครยานยนต์ Mercedes-Maybach S 580 e

Mercedes-Maybach S 580 e ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดราคารุ่นประกอบในประเทศ ตัวถังสีทูโทน 11.2 ล้านบาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) นำเสนอยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เปิดตัวครั้งแรกกับ Mercedes-Maybach S 580 e รุ่นประกอบในประเทศ โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่ขึ้นไลน์ผลิตแบบ Local Production ในรุ่นตัวถังสีทูโทน ชูเอกลักษณ์ความเป็นที่สุดจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ Maybach ภายใต้แนวคิด “The very best of the very best” มาพร้อมขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid ที่วิ่งได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP เหนือระดับในทุกมิติทั้งสมรรถนะ ดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงเทคโนโลยีและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก มอบประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารที่ไร้ที่ติ พร้อมนำเสนอ Mercedes-Maybach Lifestyle Concierge Service จากผู้ช่วยด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก “Quinessentially” เสริมความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าที่เป็นเจ้าของ Mercedes-Maybach ตลอด 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกรถ

มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวของ Mercedes-Maybach S 580 e รุ่นประกอบในประเทศ ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศให้กับแบรนด์ Mercedes-Maybach ภายใต้แนวคิดที่มาจากปรัชญาของ “วิลเฮล์ม มายบัค” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Maybach ด้วยการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งวิศวกรรมยานยนต์ระดับสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และทำให้ Mercedes-Maybach ได้รับการยกย่องจากคนดังระดับโลกมากมายที่เป็นเจ้าของ โดยหนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นที่สุดของรถในตระกูล Mercedes-Maybach คือพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่พร้อมมอบประสบการณ์ระดับ First-Class ซึ่งถูกออกแบบอย่างพิถิพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุดในทุกมิติ

นอกจากความเป็นที่สุดที่ลูกค้าทุกคนจะได้รับจากการเป็นเจ้าของ Mercedes-Maybach อีกหนึ่งความพิเศษคือประสบการณ์อันเหนือระดับของ Mercedes-Maybach Lifestyle Concierge Service โดยจับมือกับ ควินเทสเซ็นเชียลลี่ (Quintessentially) ผู้ให้บริการผู้ช่วยส่วนตัวด้านไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรที่จะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอันเร่งด่วนและซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเดินทาง การจองร้านอาหารชั้นนำระดับโลก หรือการจัดงานเฉลิมฉลองสุดพิเศษ พร้อมให้สมาชิกได้ใช้เวลาอันมีค่ากับคนสำคัญอย่างไร้กังวลซึ่งบริการสุดพิเศษนี้ยังสามารถสะท้อนไปถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ Mercedes-Maybach ด้วยเช่นกัน”

Mercedes-Maybach S 580 e ตัวถังสีทูโทน (two-tone paint – obsidian black / high-tech silver) รุ่นประกอบในประเทศ เปิดราคาจำหน่าย 11,200,000 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสิทธิพิเศษของ Mercedes-Maybach S 580 e ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-มายบัค อย่างเป็นทางการ หรือที่เว็บไซต์ https://www.mercedes-benz.co.th และช่องทางโซเชียลมีเดียของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกแพลตฟอร์ม

มิตซูบิชิ แต่งตั้ง มร.เรียวอิจิ อินาบะ นั่งเก้าอี้ซีอีโอ

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง มร. เรียวอิจิ อินาบะ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ต่อจาก มร. เออิอิชิ โคอิโตะ โดยจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 นี้ เป็นต้นไป ภายหลังจากที่ มร. เออิอิชิ โคอิโตะ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยจนครบวาระ และเตรียมกลับเข้ารับตำแหน่งใหม่ที่ มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ในกรุงโตเกียว

มร.เรียวอิจิ อินาบะ เริ่มต้นทำงานกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในปี 2535 ในฝ่ายวางแผนตลาดต่างประเทศ ด้วยทักษะความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในการขับเคลื่อนองค์กรขนาดใหญ่ จึงได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในหลากหลายสายงาน ทั้งในสายงานกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ สายงานกลยุทธ์การตลาด สายงานขาย สายงานบริการหลังการขาย และสายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ภายใต้การนำของ มร.อินาบะ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน

“เรามีแผนที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด เสริมประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์ ตลอดจนยกระดับศูนย์ปฏิบัติการของบริษัทฯ ให้มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนมาใช้ และมุ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งเคียงข้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมไทย โดยดำเนินโครงการสนับสนุนการลดคาร์บอนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมริเริ่มปูทางสู่ความยั่งยืนแห่งอนาคตด้วยการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจนและแน่วแน่ในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลาง ยิ่งไปกว่านั้น เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้าในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับสังคมไทยและลูกค้าคนสำคัญของเรา” มร.อินาบะ กล่าว

ทางด้าน มร.เออิอิชิ โคอิโตะ ได้เริ่มต้นทำงานกับ มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น มาตั้งแต่ปี 2537 และได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ใน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส นับตั้งแต่ปี 2557 จากนั้นในปี 2563 จึงได้ย้ายมารับตำแหน่งที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ สายงานกลยุทธ์การขาย สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และสายงานบริการหลังการขาย จวบจนได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ มร. โคอิโตะ ได้ส่งเสริมผลักดันให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก้าวสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ที่แหลมฉบัง ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พิธีฉลองชัยอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมถึง 5 ล้านคัน  ความสำเร็จในด้านการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคันในประเทศไทย รวมถึงการแนะนำยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดประเทศไทย ทั้ง “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์” “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส” และการเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” รอบเวิลด์พรีเมียร์ในประเทศไทย พร้อมกับยกระดับบริการในทุกด้าน ทั้งบริการด้านการขายและบริการหลังการขาย จนได้รับรางวัลยกย่องมากมายที่การันตีความทุ่มเทใส่ใจพัฒนาคุณภาพการบริการและการดูแลลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกท่าน ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา คว้ารางวัล “นราธิปพงศ์ประพันธ์” ประจำปี 2567

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา คว้ารางวัล “นราธิปพงศ์ประพันธ์” ประจำปี 2567 รางวัลอันทรงเกียรติด้านวรรณกรรม จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

ดร.ปราจิน เอี่ยมลําเนา ประธานกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้รับเกียรติประกาศรายชื่อเป็น 1 ในผู้ได้รับรางวัล “นราธิปพงศ์ประพันธ์” ประจำปี 2567 รางวัลอันทรงเกียรติด้านวรรณกรรม จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

รางวัล “นราธิปฯ” มาจากพระนาม พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระนามเดิมคือ “หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ” โอรสพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ในรัชกาลที่ 4 ประสูติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2434 พระองค์เป็นทั้งนักการศึกษา นักการทูต และนักประพันธ์ ทรงออกหนังสือพิมพ์ประชาชาติ และนิพนธ์ วิทยาวรรณกรรม เป็นรางวัลเกียรติคุณที่มอบให้กับนักเขียนและบรรณาธิการอาวุโส โดยมีหลักเกณฑ์ที่จะมอบรางวัลให้แก่ นักเขียน นักแปล นักหนังสือพิมพ์ และหรือ บรรณาธิการอาวุโส ที่ทำงานมาอย่างยาวนาน และมีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในวิชาชีพด้านวรรณกรรม มีผลงานเป็นที่ยกย่องกว้างขวาง จัดโดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2544 ในวาระครบการก่อตั้งสมาคมฯ ครบ 30 ปี และเป็นปีที่ ศ.พล.ต.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ ครบรอบ 110 พรรษา และยังครบ 10 ปี องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ  (UNESCO) ประกาศยกย่องให้พระองค์เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม นายประภัสสร เสวิกุล ซึ่งเป็นนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยในปีนั้น จึงได้ดำริตั้งรางวัล “นราธิปพงศ์ประพันธ์” ขึ้น ถือเป็นรางวัลทรงเกียรติของนักประพันธ์ไทย

สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2567 ทางสมาคมฯจะจัดพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงต้นปี 2567 ที่จะถึงนี้

ตลาดรถยนต์กันยายน 2566 ยอดขาย 62,086 คัน

ตลาดรถยนต์กันยายนชะลอตัวต่อเนื่อง 16.3% ยอดขาย 62,086 คัน อีโคคาร์ดันยอดเก๋งโต 10.4% ปิ๊กอัพทรุดหนัก 45.0% จับตาไตรมาสสุดท้าย

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2566 ด้วยยอดขาย 62,086 คัน ลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่รถยนต์นั่งยังเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 25,425คัน เติบโต 10.4% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องด้วยยอดขาย 36,661 คัน ลดลง 28.3% โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ ชะลอตัวอย่างหนักด้วยยอดขาย 23,343 คัน ลดลง 43.6%

ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์

ตลาดรถยนต์กันยายนชะลอตัวต่อเนื่อง 16.3% ด้วยยอดขาย 62,086 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 10.4% ด้วยยอดขาย 25,425 คัน เป็นผลมาจากการเติบโตของเซกเมนต์อีโคคาร์ด้วยยยอดขาย 15,368 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวที่ 28.3% ด้วยยอดขาย 36,661 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน หดตัวถึง 43.6% ด้วยยอดจำหน่าย 23,343 คัน จากการชะลอการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องของภาคประชาชน และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจขนส่ง อันเป็นผลมาจากภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โดยมีอุปสรรคสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่มีความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

ตลาดรถยนต์ตุลาคมเดินหน้าเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นส์ไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งค่ายรถยนต์ต่างทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อหวังกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ตามความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายตัวของตลาดรถยนต์ต่อไป

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกันยายน 2566

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 62,086 คัน ลดลง 16.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า        21,141 คัน  ลดลง 7.9 %                 ส่วนแบ่งตลาด 34.1%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           10,898 คัน  ลดลง 49.5%                ส่วนแบ่งตลาด 17.6%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า         9,113 คัน    เพิ่มขึ้น 34.2%      ส่วนแบ่งตลาด 14.7%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,425 คัน เพิ่มขึ้น 10.4%                                 

อันดับที่ 1 โตโยต้า        9,922 คัน    เพิ่มขึ้น 34.4%                ส่วนแบ่งตลาด 39.0%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า         4,212 คัน    ลดลง 29.3%                ส่วนแบ่งตลาด 16.6%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ        1,083 คัน    ลดลง 39.6%                ส่วนแบ่งตลาด 4.3%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 36,661 คัน ลดลง 28.3%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        11,219  คัน ลดลง 28.0%            ส่วนแบ่งตลาด 30.6%

อันดับที่ 2 อีซูซุ              10,898 คัน   ลดลง 49.5%         ส่วนแบ่งตลาด 29.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         4,901 คัน    เพิ่มขึ้น 489.1%           ส่วนแบ่งตลาด 13.4%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 23,343 คัน ลดลง 43.6%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        9,547 คัน    ลดลง 27.9%                ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            9,298 คัน    ลดลง 54.0%                ส่วนแบ่งตลาด 39.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด  2,946 คัน   ลดลง 41.2%        ส่วนแบ่งตลาด 12.6%

                *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,229 คัน

โตโยต้า 1,607 คัน – อีซูซุ 1,343 คัน – ฟอร์ด 936  คัน – มิตซูบิชิ 255 คัน – นิสสัน 88 คัน

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,114คัน ลดลง 45.0%                                

อันดับที่ 1 อีซูซุ           7.955 คัน    ลดลง 56.9%                ส่วนแบ่งตลาด 41.6 %

อันดับที่ 2 โตโยต้า        7,940 คัน    ลดลง 23.6%                ส่วนแบ่งตลาด 41.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         2,010 คัน    ลดลง 44.2%                ส่วนแบ่งตลาด 10.5%      

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กันยายน 2566

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 586,870 คัน ลดลง 7.4%                              

อันดับที่ 1 โตโยต้า         199,292 คัน       ลดลง 4.5%      ส่วนแบ่งตลาด 34.0%

อันดับที่ 2 อีซูซุ             120,294 คัน       ลดลง 26.5% ส่วนแบ่งตลาด 20.5%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า  69,882 คัน เพิ่มขึ้น 14.0%     ส่วนแบ่งตลาด 11.9%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 219,668 คัน เพิ่มขึ้น 9.5%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        77,357 คัน  เพิ่มขึ้น  316% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า   43,907 คัน       ลดลง 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 20.0%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ   12,676 คัน       ลดลง  22.5% ส่วนแบ่งตลาด 5.8%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 367,202 คัน ลดลง 15.2%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า   121,935 คัน      ลดลง 18.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ     120,294 คัน       ลดลง 26.5% ส่วนแบ่งตลาด  32.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด   25,975 คัน         เพิ่มขึ้น 69.8% ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 255,899 คัน ลดลง 24.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ    108,158 คัน    ลดลง 28.4% ส่วนแบ่งตลาด 42.53%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 100,193 คัน  ลดลง 22.4% ส่วนแบ่งตลาด         39.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด  28,773 คัน เพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนแบ่งตลาด  11.2%

 *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 47,230 คัน โตโยต้า 17,192 คัน – อีซูซุ 16,549 คัน – ฟอร์ด 9,270คัน – มิตซูบิชิ 3,293 คัน – นิสสัน 926 คัน

  •  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย  208,669 คัน ลดลง 28.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ      91,609 คัน        ลดลง  33.1%   ส่วนแบ่งตลาด 43.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า    83,001 คัน     ลดลง  23.9%  ส่วนแบ่งตลาด 39.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด    19,503 คัน     ลดลง     14.0%  ส่วนแบ่งตลาด  9.3%    

มาสด้าสานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข”

มาสด้า ประกาศเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง Sustainable Zoom-Zoom 2030 อันเป็นวิสัยทัศน์ที่ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงมาสด้าทั่วโลกและมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นการเดินหน้าตามแนวทาง Sustainable Development Goals- SDGs หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีทั้งหมด 17 เป้าหมาย และสะท้อนถึง 3 เสาหลักของมิติความยั่งยืน อันได้แก่ ด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกับพันธกิจของมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น นั่นคือ เพื่อสร้างสรรค์โลกของเราให้ยังคงความสวยงาม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่มาสด้าเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน อันเป็นพันธกิจหลักเช่นเดียวกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และมาสด้าทั่วโลก เราจึงมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน ผ่านการให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ของผู้คน พร้อมกับให้ความสำคัญในการช่วยรักษาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จากการผลิต ตามหลักการ Well-to-Wheel ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำของแหล่งกำเนิดพลังงาน ตั้งแต่การขุดเจาะ การผลิต การขนส่งเชื้อเพลิง ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อโลกของเรา เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี และเพื่อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้ริเริ่มจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR นี้มาตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตโควิด-19 โดยจัดกิจกรรมขึ้นภายใต้โครงการ “มาสด้า ปันสุข” โดยความร่วมมือกับผู้จำหน่ายมาสด้าในท้องถิ่น ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ขาดแคลน ซึ่งจัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 9 จังหวัด รวมถึงมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ผ่านสภากาชาดไทย มอบรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และศูนย์ฉีดวัคซีน เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคดังกล่าว

ทั้งนี้มาสด้าพร้อมเดินหน้าส่งมอบสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคมไทย เพื่อส่งต่อความยั่งยืนของทั้งผู้คนในสังคม พัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน โครงการ “มาสด้า ปันสุข” ถือกำเนิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยและมีความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน เพื่อเป็นการตอบแทนประเทศและประชาชนคนไทยที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในแบรนด์รถยนต์มาสด้ามาอย่างยาวนานกว่า 73 ปี ซึ่งมาสด้าเชื่อว่ากิจกรรมภายใต้โครงการฯ นี้ จะสามารถให้การช่วยเหลือผู้คน และส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563 มาสด้าได้เดินหน้าให้การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุน และส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างยั่งยืน โดยเราได้เดินหน้าส่งมอบความสุขไปยังประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เพื่อให้กำลังใจและให้ทุกคนลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้งภายหลังจากที่เกิดการระบาดของโควิด-19 โดยมาสด้าได้เดินหน้าเต็มรูปแบบจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้การช่วยเหลือผู้คนหลากหลายกลุ่มอาชีพ อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบอาชีพในแต่ละชุมชน และเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน โดยร่วมมือกับผู้จำหน่ายและสื่อมวลชนในการส่งต่อการแบ่งปัน ซึ่งได้จัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

สำหรับโครงการฯ ในปี 2566 มาสด้าต้องการที่จะขยายการแบ่งปันไปยังผู้คนหลากหลายกลุ่มและหลากหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้คนในแต่ละชุมชน โดยเฉพาะลูกค้ามาสด้า ได้มีส่วนร่วมมากขึ้นเพื่อส่งต่อการแบ่งปันไปด้วยกัน จึงเดินหน้าสานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ปีที่ 4 ขึ้น โดยประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายมาสด้า ลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมออกเดินทางไปเรียนรู้วิถีการผลิตวิชาชีพแบบชุมชน ส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันกับเด็กนักเรียน พร้อมร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน

“มาสด้าขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข และเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ควบคู่กับการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาโลกให้ยังคงสวยงามสำหรับผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป ตามพันธกิจ เพื่อโลก เพื่อผู้คน และเพื่อสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป” นายธีร์ กล่าวเสริม

ไอเดีย ประเดิมสวยศึกโมโตทรีในโฮมเรซ

ไอเดีย ประเดิมสวยโปรเจค YAMAHA Road to The World Class ผ่านเส้นชัยรับธงตราหมากรุก ศึกโมโตทรีในโฮมเรซ

ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ #32 ดาวรุ่งสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่ได้ร่วมมือกับ โบย มอเตอร์สปอร์ต ทีมแข่งชั้นนำระดับโลกสัญชาติสเปน เข้าร่วมศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแขมป์โลก โมโตจีพี รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ในรุ่นโมโตทรี ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

โดย ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ ใช้รถแข่งหมายเลข 32 ลงทำการแข่งขันในครั้งนี้โดยออกจากกริดสตาร์ทที่ 29 ซึ่งถือเป็นเกมที่ท้าทายของ ไอเดีย กฤตภัทร เป็นอย่างมากกับเกมการแข่งขันระดับโลกบนแผ่นดินไทย โดยตลอดเกมการแข่งขัน ไอเดีย สามารถสร้างผลงานได้เป็นอย่างดีกับการเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 27 และเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่สามารถจบการแข่งขันได้ในรุ่นนี้ นับเป็นการเก็บประสบการณ์แข่งขันอันมีค่าเพื่อปรับใช้ในเกมการแข่งขันในครั้งต่อๆ ในไป โครงการ YAMAHA Road To The World Class

นักบิดไทยฮอนด้า ระเบิดฟอร์ม MotoGP โฮมเรซ

“นักบิดไทยฮอนด้า” ระเบิดฟอร์มโฮมเรซ “ก้อง-สมเกียรติ” ผงาดโพเดียม โมโตทู ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” เข้าวินพร้อมดับเบิ้ลโพเดียมเอเชีย ทาเลนต์

“ทัพนักบิดไทยฮอนด้า” จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างผลงานกระหึ่มโฮมเรซในศึก โมโตจีพี รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ จากฟอร์มสุดร้อนแรงของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ที่บิดคว้าท็อป 3 ผงาดโพเดียมโฮมเรซในรุ่น โมโตทู สร้างประวัติศาสตร์เป็น “คนไทยคนแรก” ที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮม กรังด์ปรีซ์” ขณะ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ฮึดสู้อย่างสมศักดิ์ศรีในรุ่น โมโตทรี ด้าน “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร คว้า 2 โพเดียม 1 ชัยชนะในศึก เอเชีย ทาเลนต์ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 สนาม 17 รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ผ่านการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการติดตามจากแฟนชาวไทยทั่วประเทศ

สุดสัปดาห์นี้ นักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ของ “ไทยฮอนด้า” พาเหรดสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมนำโดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมาย 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย ในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าโพเดียมใน “โฮม กรังด์ปรีซ์” ได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังออกตัวจากกริดที่ 5 ไล่แซงเข้าป้ายในอันดับ 3 เรียกเสียงเฮลั่นจากแฟนชาวไทยที่เข้าชมในสนามอย่างกึกก้อง

นับเป็นโพเดียมที่ 6 “ก้อง” สมเกียรติ กับการแข่งขัน โมโตทู ซึ่งก่อนหน้านี้เขาคว้ามาได้ 2 ชัยชนะ (อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022 และ เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ 2023) จากผลงานยอดเยี่ยมส่งผลให้นักบิดไทยรั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนสะสม โมโตทู หลังผ่าน 17 สนาม มีทั้งสิ้น 143.5 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 3 สนามในฤดูกาลนี้

ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยที่ลงบิดในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด ภายใต้รถแข่งหมายเลข 33 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย มีพัฒนาการอย่างมากในการสร้างความเร็ว แต่โชคร้ายพลาดล้มในการแข่งขัน ก่อนฮึดสู้จบเรซในอันดับ 28 เมื่อวันอาทิตย์

นอกจากนี้ยังมี 4 ดาวรุ่งจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ลงล่าฝันในรายการ เอเชีย ทาเลน คัพ 2023 สนาม 4 ซึ่งเป็นซัพพอร์ตเรซ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ผลปรากฏว่า “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 สร้างผลงานกระหึ่มโฮมเรซ ด้วยการคว้าชัยชนะในเรซแรก ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 3 ขึ้นโพเดียมได้ทั้ง 2 วันต่อหน้าแฟนชาวไทย ส่วน “จิมมี่” บูรพา วันมูล เจ้าของหมายเลข 10 ไม่จบการแข่งขันในวันแรกและต้องถอนตัวในวันอาทิตย์ ด้าน “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ หมายเลข 24 และ “ไฮ-เปค” กฤษดา ธนโชติ หมายเลข 22 ลงแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดคว้าแต้มประเดิมการลงแข่งขันครั้งแรกได้อย่างสวยงาม

จากผลงานอันร้อนแรงของ “นักบิดไทยฮอนด้า” ในสุดสัปดาห์นี้กับการแข่งขัน “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” นับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ซึ่งมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการผลักดันนักแข่งรถชาวไทยก้าวเข้าสู่ โมโตจีพี ให้ได้ในปี 2025 และพัฒนานักบิดดาวรุ่งให้ก้าวสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save