- Advertisement -
27.5 C
Bangkok
Home Blog Page 72

GWM ลงนามข้อตกลงมาตรการ EV 3.5

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ลงนามข้อตกลงมาตรการ EV 3.5 ร่วมมือภาครัฐขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมยืนยันไม่ปรับราคา ORA 07 พร้อมเติบโตไปพร้อมการขยายตังของยานยนต์ไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 19 มกราคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมลงนามข้อตกลงการรับสิทธิ์ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วง 4 ปี (ปี 2567 – 2570) สำหรับรถยนต์นั่งแบบพลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เกิดการขยายตัว และเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าและฐานการผลิตชั้นนำของอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค พร้อมยืนยันไม่ปรับราคา ORA 07 ทั้งสองรุ่น

หลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติมาตรการ EV 3.5 และกรมสรรพสามิตออกประกาศเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าสนับสนุนมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้เข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงฯ มาตรการ EV 3.5 ณ ห้องประชุมราชวัตร ชั้น 5 กรมสรรพสามิต พิธีลงนามข้อตกลงฯ นี้ได้รับเกียรติจาก นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ร่วมด้วย ว่าที่ร้อยตรีประยุทธ เสตถาภิรมย์ รองอธิบดี และ นายบัญชร ส่งสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต โดยมีผู้บริหารระดับสูงของเกรท วอลล์ มอเตอร์ นำโดย มร.ไคล์ด เฉิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ อาเซียน นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ และนางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงฯ ในครั้งนี้

มร.ไคล์ด เฉิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ อาเซียน กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เข้ามาปลุกกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทยตั้งแต่ปี 2564 โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ORA อย่าง ORA Good Cat, ORA Good Cat GT และ ORA 07 นับเป็นความภาคภูมิใจของเราในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพ ดีไซน์โดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบให้กับผู้บริโภคชาวไทย การร่วมลงนามข้อตกลงฯ มาตรการ EV 3.5 ในครั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นับเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าแรกๆ ที่ร่วมลงนามกับภาครัฐ ซึ่งความตั้งใจของเรานั้นสอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลที่มุ่งมั่นสนับสนุนการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าไทย รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ให้การสนับสนุนมาตรการของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ร่วมลงนามเพื่อเข้าร่วมในมาตรการ EV 3.0 และจะยังคงให้การสนับสนุนมาตรการ EV 3.5 ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงที่เราเปิดตัวไปภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำความพร้อมของเราในการขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าไทย และเพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะไม่มีการปรับราคาขายปลีกของ ORA 07 ทั้งสองรุ่นที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 3.5 อย่างแน่นอน เราต้องการให้ลูกค้าชาวไทยทุกท่านทั้งที่ซื้อไปก่อนหน้านี้และลูกค้าใหม่สามารถมั่นใจได้ว่าราคาที่เราตั้งไว้นั้นเป็นราคาที่สมเหตุสมผล และสะท้อนถึงความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับอย่างแท้จริง”

ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง รุ่นเรือธงล่าสุดภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ มาพร้อมกับตัวเลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น LONG RANGE และรุ่น PERFORMANCE ทั้งนี้ ภายใต้นโยบาย EV 3.5 ORA 07 จะไม่มีการปรับราคาใดๆ ทั้งสิ้น โดยราคาหลังหักเงินสนับสนุนของภาครัฐของ ORA 07 รุ่น LONG RANGE จะคงอยู่ที่ 1,299,000 บาท และราคาของ ORA 07 รุ่น PERFORMANCE ยังคงอยู่ที่ 1,499,000 บาท ซึ่งภายหลังจากการลงนามนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะทำการส่งมอบรถยนต์ ORA 07 อย่างต่อเนื่องให้กับแฟนๆ ชาวไทย

นอกจากนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการเปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat จากโรงงานอัจฉริยะ เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นแบรนด์แรกที่ทำการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อชดเชยตามนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ หรือ EV 3.0 อีกทั้งการผลิต New GWM ORA Good Cat ในประเทศไทยนี้ ยังถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของบริษัทฯ ที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายนอกประเทศจีนได้เป็นครั้งแรกตามกลยุทธ์ “Ecological Go-Abroad” ในการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศอย่างรอบด้านตามความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มีต่อประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังร่วมสนับสนุนการลงทุน การจ้างงาน และการพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทย ด้วยการวางแผนใช้ชุดแบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ SVOLT ที่ได้เข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป สำหรับ New GWM ORA Good Cat รุ่นสายการผลิตในไทยนั้นมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO ในราคา 799,000 บาท รุ่น ULTRA ราคา 899,000 บาท และรุ่น GT ราคา 1,099,000 บาท แฟนๆ เจ้าเหมียวไฟฟ้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยผลสำรวจ ระบุรถยนต์ไฟฟ้าฮอตฮิต

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จับมือ นิด้าโพล เปิดผลสำรวจรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงแบบฉุดไม่อยู่ ชี้เรื่องค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าน้ำมันและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ

กรุงเทพฯ 17 มกราคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” หรือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมคนไทยที่มีต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 1,000 คนทั่วประเทศในเดือนธันวาคม 2566 พบว่า คนไทยให้ความสนใจรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) มากที่สุดถึง 64.8% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจในปี 2564 อย่างมีนัยสำคัญถึง 37.5% ตามด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) ที่ 22.2% และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) ที่ 13.0% โดยผลสำรวจระบุว่า คนไทยพิจารณาราคาค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าราคาน้ำมัน (34.1%) และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (18.9%) เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในรถยนต์พลังงานใหม่ของผู้บริโภคชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับการขับขี่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และความคุ้มค่าในด้านค่าใช้จ่ายของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ผลสำรวจความเห็นและพฤติกรรมคนไทยเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปี 2566 ที่ผ่านมานี้ ได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 200 คน และกลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาป 800 คน ในช่วงอายุระหว่าง 30 – 60 ปี สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด คือ ราคาค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าราคาน้ำมัน ตามมาด้วยความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่สวยงามและทันสมัย และความปลอดภัยที่สูงกว่า ในขณะที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาป ปัจจัยในด้านของราคาค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าราคาน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังคงเป็นสองปัจจัยหลักในการตัดสินใจเปลี่ยนมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน ตามด้วยความปลอดภัยที่สูงกว่า และความสามารถในการขับที่ได้ระยะทางที่ไกลกว่า

สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาปนั้น สัดส่วนมากถึง 81.3% สนใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในอนาคต เนื่องจากประหยัดพลังงาน (89.4%) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (72.3%) และมองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย (49.9%) โดยรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่ผู้ใช้รถยนต์สันดาปอยากเป็นเจ้าของมากที่สุด คือ รถยนต์แบบซีดานสูงสุดที่ 63.6% ตามด้วยรถยนต์อเนกประสงค์ SUV 27.8% รถกระบะ 5.1% และรถยนต์อเนกประสงค์ PPV 3.5% โดยส่วนใหญ่มีแผนที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 3 – 4 ปี และคาดหวังว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่จะซื้อนั้นจะมีระยะทางการขับขี่ต่อหนึ่งการชาร์จในช่วงระหว่าง 501 – 600 กิโลเมตร ในราคาประมาณ 700,001 – 900,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์จากประเทศจีนสูงถึง 83.1% เนื่องจากเชื่อมั่นในแบรนด์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาปยังไม่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในขณะนี้ มาจากความไม่มั่นใจในเรื่องระบบความปลอดภัยเป็นหลัก (66.0%) ตามด้วยจำนวนสถานีชาร์จที่มีจำกัด (50.7%) และความกังวลเกี่ยวกับเวลาในการชาร์จที่ยาวนาน (40.0%)

ด้านกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ผลสำรวจได้แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถคันหลักในการเดินทาง (91.5%) และมีความพึงพอใจกับการใช้รถเนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่าย (ราคาค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าราคาน้ำมัน) มากถึง 49.2% ตามด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและการออกแบบที่สวยงาม (16.6%) และการขับขี่คล่องตัว อัตราเร่งดี (14.5%) ขณะที่จำนวนสถานีชาร์จที่น้อย (57.1%) และระยะเวลาในการชาร์จที่นานเกินไป (42.9%) เป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่พึงพอใจที่สุด

นอกจากนี้ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มองว่า การลดอัตราค่าชาร์จไฟตามสถานีชาร์จต่างๆ การลดค่าจดทะเบียนรายปีรวมถึงค่าเบี้ยประกันภัยให้น้อยกว่ารถยนต์แบบสันดาป และที่จอดรถเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าตามสถานที่ต่างๆ เป็นสิทธิพิเศษที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องการมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับการใช้รถคือ อายุของแบตเตอรี่ สถานีชาร์จไฟ รวมถึงอะไหล่และค่าดูแลรักษาต่างๆ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนมากยังได้ให้เหตุผลว่า จำนวนสถานีชาร์จไฟที่น้อยและไม่ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ และราคาแบตเตอรี่ที่สูง จะเป็นสองปัจจัยหลักที่นำไปสู่การเลิกใช้รถยนต์ไฟฟ้า นอกเหนือจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ต่ำลงกว่าในปัจจุบันจะกระตุ้นให้คนไทยเปลี่ยนใจหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด ตามด้วยการมีสถานีชาร์จไฟที่เพียงพอ รวมทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีในการขับรถที่ดีกว่า

ผู้ตอบแบบสอบถามยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการสนับสนุนจากรัฐบาลนอกจากมาตรการส่วนลดทางภาษีและเงินอุดหนุนว่า การสนับสนุนจากรัฐบาลในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จเป็นสิ่งที่ทั้งสองกลุ่มตัวอย่างต้องการมากที่สุด (34.0%) ตามด้วยการสนับสนุนค่าไฟฟ้า (28.0%) และการสนับสนุนค่าบำรุงรักษารถยนต์ (18.0%)

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มองว่า รถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์จีนนั้นมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยงามและทันสมัย ในขณะที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาปมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์จีนมีราคาที่จับต้องได้และมีความคุ้มค่ากว่ารถยนต์จากประเทศอื่น ตามด้วยการออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม และมีระบบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและผู้ใช้รถยนต์สันดาป เชื่อว่าการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก่อให้เกิดโอกาสหรือการพัฒนาในระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ในทุกภาคส่วน โดยทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การติดตั้งแท่นชาร์จ (Wall Charge), แผงโซล่าเซลล์, สถานีชาร์จไฟฟ้าแบบเร็ว (DC Fast Charge), และการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการส่งเสริมการลงทุน การจ้างงาน และพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานไทย เพื่อพัฒนาและยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย เราได้ร่วมมือกับนิด้าโพลในครั้งนี้เป็นปีที่สามของการสำรวจ จากผลการสำรวจ เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงแนวโน้มการเปิดรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นจากการเติบโตของยอดขายและยอดจดทะเบียนของรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2566 ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 700% จากปี 2565 ที่ผ่านมา อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ การเข้ามาของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ โดยเฉพาะจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างต้องร่วมมือกันในการผลักดันการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องผ่านนโยบายและสิทธิพิเศษต่างๆ การขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน การทำงานร่วมกันเกี่ยวกับข้อกังวลต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถยนต์

ไฟฟ้า การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สามารถวิ่งได้ระยะทางมากขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น แบตเตอรี่ ให้มากยิ่งขึ้น ในปี 2567 นี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะขยายตัวและเติบโตอย่างเห็นได้ชัด จากการที่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์จากประเทศจีนที่เล็งเห็นโอกาสในตลาดยานยนต์ไทย และเข้ามาลงทุนก่อตั้งโรงงานเพื่อเพิ่มสายการผลิตในประเทศไทย รวมถึงยกให้ประเทศไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค เช่นเดียวกันกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ได้เปิดตัว New GWM ORA Good Cat จากสายการผลิตภายในประเทศที่โรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ที่จังหวัดระยอง เพื่อส่งมอบสู่ชาวไทยภายในเดือนมกราคม 2567 ภายใต้นโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าตามมาตรการ ZEV 3.0 ของรัฐบาล เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย จะยังคงเดินหน้าพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมตัวเลือกหลากหลาย พร้อมตอบโจทย์ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์แบบแบตเตอรี่ ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด รวมถึงยกระดับการบริการต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับประสบการณ์ของการเป็นเจ้าของยานยนต์คุณภาพที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ปลอดภัย และไร้กังวล ควบคู่ไปกับการเดินหน้าเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตและพัฒนาขึ้นสู่ระดับสากล”

MG SKILL CONTEST บททดสอบทักษะการบริการที่ดีเพื่อลูกค้า

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จัดการแข่งขันทักษะฝีมือพนักงาน หรือ MG SKILL CONTEST สื่อถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณภาพการบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานเอ็มจีทั่วประเทศ  

สำหรับการแข่งขัน MG SKILL CONTEST ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 โดยในปีนี้ได้มีการปรับบททดสอบให้สอดรับกับบทบาทการเป็นแบรนด์ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้า และเอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่มีรถยนต์พลังงานทางเลือกหลากหลายรุ่น อีกทั้งในแต่ละรุ่นต่างอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัย เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การทดสอบทักษะของพนักงานทุกภาคส่วนจึงเป็นหนึ่งในแผนการยกระดับคุณภาพการให้บริการของพนักงานโดยแบ่งเป็น 8 ประเภท ได้แก่ ด้านที่ปรึกษาการขาย ด้านที่ปรึกษาการบริการ ด้านลูกค้าสัมพันธ์ ด้านการจัดการงานอะไหล่ ด้านการจัดการงานรับประกันคุณภาพ ด้านเทคนิคและงานซ่อม ด้านการประเมินราคางานซ่อมสีและตังถัง และด้านงานเทคนิคซ่อมสีและตัวถัง

ผลการแข่งขัน MG SKILL CONTEST ครั้งที่ 6

1.ด้านที่ปรึกษาการขาย

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายวสันต์ ปันคำ (บจก.เบส ออโต้เซลส์ สาขาหางดง)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายศุภณัฐ์ สินวิบูลย์รัตน์ (บจก.เอ็มจี ออโต้เฮ้าส์ สระบุรี)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายกฤษกร แย้มกลีบบัว (บจก.อยุธยาแกรนด์เอ็มจีเซลส์แอนด์เซอร์วิส)

2.ด้านที่ปรึกษาการบริการ

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.จิราภรณ์ กุลยวน (บจก.วี.จี. คาร์ สาขากระบี่)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.ภีธ์ณภัชญ์ ฉัตร์สุวรรณ (บจก.เอ็มจี บางปูแลนด์ แอนด์ ออโต้โมบิล)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายเกรียงไกร โกศัยเนตร (บจก.เซควอญ่า หลักสี่ สาขารามอินทรา)

•รางวัลพนักงานผลงานยอดเยี่ยม เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร :

นายสิทธิชัย ไวเจริญ ( บจก.เบส ออโต้ เซลส์ สาขาแม่โจ้)

3.ด้านลูกค้าสัมพันธ์

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.ปิยะนารถ บ่อไทย (บจก.เอ็มจี อนันตภัณฑ์ ออโตเซลส์)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.กนกพร อร่ามโรจน์ (บจก.เอ็มจี พระนคร สาขาอ้อมน้อย)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.รัตนา กันลา (บจก.อารีมิตร เอ็มจี สาขาขอนแก่น)

•รางวัลพนักงานผลงานยอดเยี่ยม เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร : น.ส.พิมลพรรณ สกุลไพบูลย์ (บจก.เบส ออโต้ เซลส์ สาขาศรีราชา)

4.ด้านการจัดการงานอะไหล่

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายศักดิ์ธัช ทิจำปา (บจก.เซควอญ่า หลักสี่ สาขารามอินทรา)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.กุลธนันท์ ลมเชย (บจก.วัชรเซลส์ แอนด์ เซอร์วิส)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.ณัฐพิชา กุลลิ่ม (บจก.เอ็มจี ดุสิต มอเตอร์ สาขากระบี่)

•รางวัลพนักงานผลงานยอดเยี่ยม เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร:

นายภานุพงค์ ศิริภาวงค์ (บจก.เบส ออโต้ เซลส์ สาขาหางดง)

5.ด้านการจัดการงานรับประกันคุณภาพ

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายกรณิศ คิดถูก (บจก.เอ็มจี อนันตภัณฑ์ ออโต้เซลส์)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.สุนันทา สุริยะ (บจก.เอ็มจี ลักซูรี่หาดใหญ่ สาขาลพบุรีราเมศร์)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.ประภัสสร โพธิสัตย์ (บจก.เอ็มจี เจริญกรุง-สาธร ออโต้เซลส์)

•รางวัลพนักงานผลงานยอดเยี่ยม เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร :

น.ส.กัญชลิกา สลับสี (บจก.เอ็มจี เซควอญ่า หลักสี่ สาขารามอินทรา)

6.ด้านเทคนิคและงานซ่อม

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายพจชระ อินทร์ปิ่น (บจก.เอ็มจี สุโขทัย)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายนิพนธ์ ภักดีวงษ์ (บจก.เอ็มจี ลักซูรี่หาดใหญ่ สาขาทุ่งสง)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายจักรกฤษณ์ เจริญแพทย์ (บจก.เบส ออโต้เซลส์ สาขาชลบุรี)

•รางวัลพนักงานผลงานยอดเยี่ยม เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร :

นายอนุวัตน์ สุดทองคง (บจก.เอ็มจี ลักซูรี่หาดใหญ่ สาขากาญจนวณิชย์)

7.ด้านงานประเมินราคางานซ่อมสีและตัวถัง

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.กนกวรรณ สมศรีษะ (บจก.เบส ออโต้เซลส์ สาขาเพชรเกษม)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.ชนันท์กานต์ ม่วงเจริญ (บจก.เอ็มจี บางปูแลนด์แอนด์ออโตโมบิล)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : น.ส.นริณทร์ภัทร เพ็ชรหาญสุขกานต์ (บจก.เบส ออโต้เซลส์ สาขาหางดง)  

8.ด้านเทคนิคงานซ่อมสีและตัวถัง (แข่งขันเป็นทีม ทีมละ 2 ท่าน)

•รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นาย วรวุฒิ บุตรสุวรรณ และนาย สมศรี พรมพิทักษ์ (บจก.เอ็มจี เอเบิล มอเตอร์ส)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายเกรียติณรงค์ คำโสภา และนาย สุพล อาญหาญ (บจก.อยุธยาแกรนด์เอ็มจีเซลส์แอนด์เซอร์วิส)

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร : นายเชิดศักดิ์ กระแสโสม และนาย ทินกร วงศ์สุวรรณ (บจก.เบส ออโต้เซลส์ สาขาพัทยา)

หลานสาว เฮนรี ฟอร์ด เยือนไทย ผูกสัมพันธ์ผู้จำหน่ายร่วมผลักดันเติบโตยั่งยืน

กรุงเทพ, ประเทศไทย, 17 มกราคม 2567 : เอเลนา ฟอร์ด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความสัมพันธ์ ผู้จำหน่าย ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เดินทางเยือนประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะตลาดสำคัญของฟอร์ด โดยเอเลนา ฟอร์ด ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเครือข่ายผู้จำหน่ายฟอร์ดในประเทศไทยซึ่งถือเป็นพันธมิตรสำคัญในการผลักดันการมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในการเป็นเจ้าของรถให้แก่ลูกค้าครอบครัวฟอร์ด เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจของฟอร์ดให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทายาทรุ่นที่ 5 ในตระกูลของผู้ก่อตั้งบริษัท ได้พบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพนักงานและเครือข่ายผู้จำหน่ายฟอร์ดในประเทศไทย รวมถึงผู้จำหน่ายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ภายใต้โครงการ Ford Next-Gen Dealers ซึ่งฟอร์ด ประเทศไทย ริเริ่มขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของทายาทรุ่นที่สองของผู้จำหน่ายฟอร์ดในประเทศไทย ด้วยการเสริมสร้างความรู้และทักษะสำคัญที่จำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้จำหน่ายรุ่นใหม่และสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว

“ผู้จำหน่ายฟอร์ดเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจและความสำเร็จของฟอร์ด เพราะผู้จำหน่ายเป็นตัวแทนของฟอร์ดในการส่งมอบประสบการณ์และบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ ช่วยให้เราเข้าใจตลาดและความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และนำไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพให้กับลูกค้าของเราต่อไป” เอเลนา ฟอร์ด กล่าว

หลานสาวของเฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัท ยังได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของฟอร์ด ประเทศไทย ในโอกาสที่ฟอร์ดก้าวขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์ขายดีที่สุดอันดับ 4 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การดำเนินงาน 27 ปี ในประเทศไทย ด้วยยอดขายรวม 36,483 คันในปี 2566 โดยฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่นทั้งในตลาดรถกระบะและ PPV จากการนำเสนอนวัตกรรมอันโดดเด่นที่สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยอยู่เสมอ ประกอบกับความไว้วางใจของลูกค้าในการใช้งานนวัตกรรมบริการต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เอเลนา ฟอร์ด ยังได้เยี่ยมชมการทำงานของผู้จำหน่ายฟอร์ด วีพี เพชรเกษม และฟอร์ด อาร์เอ็มเอ หัวหมาก พร้อมชมสาธิตการนำกลยุทธ์การบริการแบบ ‘พร้อมเสมอ’ มาใช้ในการดำเนินงาน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทีมฟอร์ดและผู้จำหน่ายในการปรับการทำงานทุกด้านให้ทันสมัย โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในกลุ่มตลาดนานาชาติที่นำทั้ง 10 นวัตกรรมด้านบริการรูปแบบใหม่ของฟอร์ดมานำเสนอให้แก่ลูกค้า และมียอดการใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 บริการนัดหมายเข้ารับบริการผ่านระบบออนไลน์ (Online Service Booking) มีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 100,000 ครั้ง ขณะที่หน่วยบริการเคลื่อนที่ (Mobile Service Unit) และบริการรับ-ส่งรถนอกสถานที่ (Pick Up & Delivery) มียอดใช้บริการรวมกันมากกว่า 44,000  ครั้ง เติบโตขึ้นถึง 150% จากปีก่อนหน้า

การเดินทางเยือนประเทศไทยของ เอเลนา ฟอร์ด นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ฟอร์ดที่จะพัฒนาเครือข่าย ผู้จำหน่าย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ดให้กับลูกค้า โดยฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นหนึ่งในบริษัทยานยนต์ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนสะสมรวมกว่า 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท ผ่านโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) เพื่อส่งมอบรถยนต์คุณภาพชั้นนำระดับโลกสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและตลาดทั่วโลก ควบคู่กับการขับเคลื่อนโอกาสและการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ฟอร์ด ชูความสำเร็จปี 2566 ขึ้นแท่นเบอร์ 4 รถขายดีสุดในไทย

ฟอร์ด ชูความสำเร็จปี 2566 ขึ้นแท่นเบอร์ 4 รถขายดีที่สุดในไทย ด้วยยอดขายรวม 36,483 คัน ภูมิใจฟอร์ด เรนเจอร์-เอเวอเรสต์ ผลิตในไทยนิยมทั่วโลก คว้าอันดับ 1 สุดยอดรถขายดีในออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี และครองอันดับ 1 รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในนิวซีแลนด์ 9 ปีซ้อน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 9 มกราคม 2567 – ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จปี 2566 กวาดยอดขายรถรวม 36,483 คัน ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มียอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดอันดับ 4 ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยฟอร์ด เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 9.2% จาก 8.7% ในปีก่อนหน้า และฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่งตลาด 19.8% จาก 14.8% ในปีก่อนหน้า ทำให้ทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่นทั้งในเซ็กเมนต์รถกระบะและ PPV

“ฟอร์ดยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกค้าชาวไทยมั่นใจในแบรนด์ฟอร์ด ส่งผลให้ฟอร์ดมียอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมอันโดดเด่นที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยอยู่เสมอ ประกอบกับความไว้วางใจของลูกค้าในการใช้งานนวัตกรรมบริการต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ฟอร์ดยังคงเดินหน้าสร้างสีสันต่อยอดความสำเร็จของเรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ เพื่อส่งมอบรถยนต์คุณภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานอันหลากหลาย เป็นรถคู่ใจให้ลูกค้าเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตตามต้องการ” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

นอกจากจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าชาวไทย รถทั้ง 2 รุ่นที่ผลิตในประเทศไทยโดยโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ยังได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยล่าสุดฟอร์ด เรนเจอร์ คว้าตำแหน่งรถยนต์ขายดีที่สุดอันดับ 1 ในประเทศออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี และครองอันดับ 1 รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในนิวซีแลนด์1 เป็นปีที่ 9 ต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะในทั้งทวีปยุโรป สหราชอาณาจักร2 รวมถึงประเทศเวียดนาม3 และยังได้รับรางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปีจากหลากหลายหน่วยงานทั้งในประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และในสหราชอาณาจักร

ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ นับเป็นผลิตภัณฑ์แห่งความภาคภูมิใจของไทยที่ได้ผลิตและส่งมอบรถคุณภาพระดับโลกโดยฝีมือคนไทยไปกว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยโรงงานเอฟทีเอ็มและโรงงานเอเอทีเป็นฐานการผลิตรถยนต์ฟอร์ดที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยสำหรับการผลิตรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นรูปชิ้นส่วนรถยนต์ งานพ่นสี งานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ และการทดสอบคุณภาพรถก่อนส่งไปยังผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วโลก และยังช่วยส่งเสริมการจ้างงานในไทยด้วยจำนวนพนักงานในโรงงานทั้ง 2 แห่งรวมกันถึง 9,000 คน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ สร้างความสำเร็จให้ฟอร์ดในฐานะรถที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั่วโลก และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในปีที่ผ่านมา ฟอร์ดจึงได้ลงนามในสัญญาเช่าเหมาลำเรือขนส่งสินค้าแกรนด์ เควสต์ (Grand Quest) เป็นระยะเวลานาน 3 ปี เพื่อช่วยลดระยะเวลารอรับมอบรถของลูกค้า พร้อมเร่งลำเลียงรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานเอฟทีเอ็มและโรงงานเอเอทีในประเทศไทยไปส่งมอบให้แก่ลูกค้าอย่างทันท่วงที

1 ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์นิวซีแลนด์ (NZ Motor Industry Association)

2 ข้อมูลจากสมาคมผู้ค้าและผู้ผลิตยานยนต์สหราชอาณาจักร (The Society of Motor Manufacturers and Traders – SMMT)

3 ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งเวียดนาม (Vietnam Automobile Manufacturers’ Association)

นครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี รวมพลังเป็นหนึ่งสู้ศึกไทยลีก 2 เลกสอง

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 17 มกราคม 2567 – มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร และ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและนักฟุตบอลจากสโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี นำโดย นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์ นายธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น โค้ช และ นายเมธี ทวีกุญกาญจน์ ผู้จัดการทีม พร้อมด้วยนักฟุตบอลสโมสรฯ ที่ให้เกียรติเข้ามาแสดงความขอบคุณเนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ และพูดคุยถึงความพร้อมสำหรับการแข่งขันไทยลีก 2 เลกที่สอง ฤดูกาล 2023/2024 ณ สำนักงานใหญ่ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย

ขณะที่โค้ชโจ – ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ตัวแทนสโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี ได้กล่าวถึงความสำเร็จจากการแข่งขันในเลกแรกที่ผ่านมา รวมถึงความพร้อมในการแข่งขันในนัดที่เหลือไปจนจบฤดูกาล 2023/2024 ซึ่งทางโค้ช ผู้จัดการ และนักฟุตบอลได้วางแผนร่วมกันและเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี ทั้งด้านร่างกาย ทักษะการเล่น การมีวินัยทั้งในสนามและนอกสนาม โดยเฉพาะการช่วยกันเล่นเป็นทีม ตามแทคติกการเล่นในแต่ละเกมส์ ทำให้ทีมขยับขึ้นมารั้งอันดับสามของตาราง มีคะแนนรวม 38 แต้ม ห่างจากหัวตารางเพียงแค่ 2 แต้ม และยังมีเกมส์การแข่งขันอีก 15 แมตช์ โดยเฉพาะเกมส์เตะในบ้านมีถึง 9 แมตช์ เป้าหมายสูงสุดของทีมคือต้องกลับขึ้นสู่ไทยลีกในฤดูกาลหน้าให้ได้ พร้อมยังได้กล่าวขอบคุณมาสด้าที่ให้การสนับสนุนทีมมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเป้าหมายของทีมไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่ต้องมุ่งมั่นเพื่อสร้างทีมฟุตบอลให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อแฟนๆ และชาวโคราชทุกคน พร้อมผลักดันนักกีฬาให้เติบโตก้าวสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของประเทศ

พร้อมกันนี้ มร. ทาดาชิ มิอุระ ได้กล่าวให้กำลังใจกับทีมสำหรับการแข่งขันในเลก 2 ว่า “ผมเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ของทีม  เพราะทุกคนต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในแต่ละแมตช์เพื่อเก็บชัยชนะให้ได้ทุกเกมส์การแข่งขัน เชื่อว่าจะสามารถคว้าแชมป์ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน ผมขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขัน และนำชัยชนะกลับมาให้กับแฟนสวาทแคทได้มีความสุขร่วมกัน มาสด้าพร้อมให้การสนับสนุนสโมสรฯ อย่างเต็มที่เพื่อแฟนบอลชาวไทยและชาวโคราชทุกคน มาสด้าและสวาทแคทเราจะสู้ไปด้วยกัน รวมพลังเป็นหนึ่ง เพื่อผลักดันวงการฟุตบอลไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป”

ฮุนได อัดโปรโมชั่นแรงต้อนรับปีใหม่ 2567

ฮุนได ต้อนรับเปิดศักราชใหม่ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับรถยนต์ฮุนไดที่ร่วมรายการ รวมถึงรุ่นล่าสุดอย่าง ไอโอนิค 5 รถยนต์ไฟฟ้าที่คว้ารางวัลมาแล้วทั่วโลก และ ซานตา เฟ่ รถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่ง ขุมพลังไฮบริด นอกจากนี้ยังจัดเต็มทั้ง ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% ผ่อนนาน 72 เดือน(1) และ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ.(2)

กรุงเทพฯ 12 มกราคม 2567 : ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ให้คุณเป็นเจ้าของฮุนไดคันใหม่ง่ายกว่าเดิม เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับท่านและคนที่คุณรัก สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่สั่งซื้อรถยนต์ฮุนไดรุ่นที่ร่วมรายการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น โดยข้อเสนอพิเศษมีทั้งดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%, ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ, ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อม พ.ร.บ. และ ฟรี ค่าแรงเช็คระยะสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร(3)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได สตาร์เรีย

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได สตาร์เกเซอร์

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 72 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

•ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร(3)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได เครต้า

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 72 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

•ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร(3)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได ซานตา เฟ่

•ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได เอช วัน

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

ข้อเสนอสำหรับ ไอโอนิค 5

•ดอกเบี้ยพิเศษ 2.09% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

•ฟรี Home Charger พร้อมค่าแรงติดตั้ง(1)

สามารถติดต่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ เพื่อรับรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมสัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมคุณภาพจากฮุนได สำหรับข้อมูลของรถยนต์ฮุนไดทุกรุ่น ค้นหาได้ที่ hyundai.com/th/th และพบประสบการณ์ใหม่ของการจองรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ Cl!ck to Buy ที่ buyonline.hyundai.com

หมายเหตุ :

1 เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เท่านั้น และไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือ ทอนเป็นเงินสดได้

3 แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR ฉลองวันเด็ก ปี 2567 จัดการเรียนรู้ ฝึกวินัยจราจร

กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ “SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR” ฉลองวันเด็ก ปี 2567 จัดการเรียนรู้ ฝึกวินัยจราจร

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ในพิธีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 โดยภายในงาน โครงการ ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล ร่วมจัดกิจกรรม กับกระทรวงศึกษาธิการ โดยออกบูธ “โตไป…ขับเป็น” (SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR) อบรมวินัยจราจรแก่เด็ก และเยาวชน ขับขี่ในถนนจำลองที่ปลอดภัย ณ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

ฮอนด้า สานต่อกิจกรรม Honda Run 2024 เส้นทางสายประวัติศาสตร์กรุงเก่า

ฮอนด้า สานต่อกิจกรรม “Honda Run 2024” ชวนพนักงานฮอนด้าและครอบครัว ผู้จำหน่าย และสื่อมวลชน วิ่งการกุศลบนเส้นทางสายประวัติศาสตร์กรุงเก่าอยุธยา เพื่อระดมทุนมอบแก่โรงพยาบาลในอยุธยาและปราจีนบุรี

บรรยายภาพ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายฮิเดโอะ คาวาซากะ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ และ นายไพโรจน์ ศรียุกต์รัตน์ (ซ้าย) กรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่สายงานบริหารและความร่วมมือมอบเงินรายได้จำนวน 1 ล้านบาท จากการจัดกิจกรรมวิ่งการกุศล “Honda Run 2024” ณ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธนู จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน โดยมี แพทย์หญิงชนิดา สยุมภูรุจินันท์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และ นายธนะเดช อิ่มสำราญ (ขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธนู จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แทนรับมอบ

พระนครศรีอยุธยา 16 มกราคม 2567 : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม จัดกิจกรรม “Honda Run 2024” เป็นปีที่ 4 ชวนพนักงานฮอนด้าพร้อมครอบครัว รวมทั้งตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง พร้อมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนกว่า 2,000 คน ร่วมวิ่งการกุศลบนเส้นทางสายประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำรายได้จากการจัดกิจกรรม จำนวน 1 ล้านบาท โดยไม่หักค่าใช้จ่าย สมทบทุนให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินงานอยู่ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน โดยมีกำหนดส่งมอบเงินบริจาคในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

กิจกรรม “Honda Run 2024” เป็นกิจกรรมวิ่งการกุศลที่ฮอนด้าจัดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม 2567 โดยในปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งมีพนักงานฮอนด้าพร้อมครอบครัว ตัวแทนสื่อมวลชน และกลุ่มผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า จ.พระนครศรีอยุธยาและใกล้เคียงร่วมวิ่ง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 2,000 คน โดยกิจกรรมจัดขึ้นภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา การวิ่งแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร มีจุดปล่อยตัว ณ ศาลากลางเก่า วิ่งผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์ และสถานที่สำคัญของจังหวัดฯ ที่มีความสวยงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก นอกจากนี้ ผู้วิ่งยังได้ลุ้นรับรางวัลของที่ระลึกจากฮอนด้า รวมถึงมีรางวัลสำหรับการแต่งกายแฟนซีในแบบไทย ซึ่งเข้ากับบรรยากาศการวิ่งบนเส้นทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีการส่งมอบเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.พระนครศรีอยุธยาและโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยกิจกรรมนี้ นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้เข้าร่วมวิ่งแล้ว ยังถือเป็นการรวมพลังของชาวฮอนด้า ในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยฮอนด้าจะยังคงยืนหยัดในการดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ สู่สังคมต่อไป

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จในไทยปี 2566 ปิดยอดขาย 12,840 คัน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จในไทยปี 2566 ด้วยยอดขาย 12,840 คัน เติบโต 10% ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ล่าสุดเปิดตัวเปิดราคา ORA Good Cat รุ่นที่ผลิตในประเทศไทย ปลื้มบรรลุ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่ 9 รุ่นใน 3 ปีอย่างสวยงาม

กรุงเทพฯ 15 มกราคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยความสำเร็จการดำเนินงานในประเทศไทยปี 2566 ด้วยยอดขายโดยรวมปี 2566 สูงถึง 12,840 คัน เติบโต 10% จากยอดขายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยรุ่นยอดนิยมสามอันดับแรกที่ผู้ขับขี่ชาวไทยจับจองมากที่สุด ได้แก่ ORA Good Cat, HAVAL JOLION และ HAVAL H6 ตามลำดับ ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคชาวไทยมีให้ต่อยานยนต์พลังงานใหม่ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงผ่านการเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าถึง 4 รุ่นใน 1 ปี บรรลุ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่ 9 รุ่นใน 3 ปีอย่างสวยงาม

โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ แต่ละรุ่นในปี 2566 นำโดยเจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT จำนวน 6,032 คัน เจ้าสิงโตอารมณ์ดี HAVAL JOLION จำนวน 3,199 คัน รถยนต์คอมแพคเอสยูวียอดนิยม HAVAL H6 จำนวน 2,903 คัน ตามด้วยรถยนต์เอสยูวีออฟโรดพรีเมียม All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 296 และ 292 คันตามลำดับ และรถยนต์ไฟฟ้า 100% สปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงรุ่นเรือธง ORA 07 ที่เปิดตัวภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 118 คัน รวมเป็นยอดขายรวมทั้งสิ้น 12,840 คัน เติบโตจากปี 2565 ที่มียอดขายรวม 11,616 คัน ถึง 10% โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปทั้งสิ้น 4 รุ่นด้วยกัน เริ่มต้นด้วย HAVAL JOLION Sport ที่ได้เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม และสองรุ่นจากแบรนด์ TANK อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ที่ได้มีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน และการเปิดตัว ORA 07 ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายการเปิดตัวรถยนต์ 9 รุ่น ตาม Mission 9 in 3 ตามที่บริษัทฯ ได้เคยให้สัญญาไว้ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการส่งมอบประสบการณ์ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าในไทย ตอบรับเทรนด์การขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยเมื่อสิ้นปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสู่ครอบครัวชาวไทยนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยไปแล้วทั้งสิ้น 28,158 คัน โดยแบ่งเป็น HAVAL H6 จำนวน 9,679 คัน HAVAL JOLION จำนวน 6,953 คัน ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT 10,820 คัน ORA 07 จำนวน 118 คัน GWM TANK 500 จำนวน 296 คัน และ GWM TANK 300 จำนวน 292 คัน

นอกจากนี้ ในปี 2566 ถือเป็นอีกปีที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ ชาวไทย อาทิ ความสำเร็จในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 ด้วยยอดจองรวมภายในงานกว่า 3,524 คัน ซึ่งถือเป็นยอดจองที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการเข้าร่วมงานจัดแสดงรถยนต์ระดับชาติของบริษัทฯ และยอดจองรวมภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือ Motor Show 2023 จำนวนทั้งสิ้น 3,117 คัน ซึ่งภายในงาน Motor Show 2023 ได้มีการเปิดจองสิทธิ์ซื้อ All New GWM TANK 500 HEV เป็นครั้งแรกและสามารถทำยอดจองไปได้กว่า 1,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณทุกความไว้วางใจที่ผู้บริโภคชาวไทยมอบให้กับเราเป็นอย่างดีเสมอมานับตั้งแต่ที่บริษัทฯ ได้เข้ามาดำเนินงานในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2564 โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดขายโดยรวมทั้งปีของเรามากขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 10% สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้นของผู้ขับขี่ชาวไทย นอกจากนี้ปี 2566 ยังเป็นปีที่เราบรรลุ Mission 9 in 3 อย่างสวยงาม ด้วยการเปิดตัว ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้า ที่เข้ามาเสริมทัพรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA ของเรา นอกจากนี้ เรายังได้ดำเนินภารกิจต่างๆ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้ทัดเทียมระดับสากลได้อย่างสมบูรณ์ อาทิ การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศเพื่อเดินหน้ารุกธุรกิจฟลีทกับทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมคาราวานรถยนต์ไฟฟ้าในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับยานยนต์พลังงานใหม่ในเวทีสำคัญๆ ระดับประเทศและภูมิภาค และในปี 2567 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย พร้อมกับส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เราได้มีการเปิดสายการผลิตและการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat ภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย ที่สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทฯ ในการส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และความพร้อมในการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเต็มภาคภูมิ”

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) และบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องให้ทัดเทียมระดับสากล โดยร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับการยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save