- Advertisement -
25.9 C
Bangkok
Home Blog Page 71

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แต่งตั้ง มร.สเวน ฮ็อฟเดน เป็น CFO คนใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แต่งตั้ง มร.สเวน ฮ็อฟเดน เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ โดยรับตำแหน่งต่อจาก มร.มิคาเอล ไรเนอร์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ลาตินอเมริกา

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง มร.สเวน ฮ็อฟเดน ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนล่าสุด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 โดย มร.ฮ็อฟเดน เข้ารับตำแหน่งต่อจากฃ

มร.มิคาเอล ไรเนอร์ ซึ่งย้ายไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ละตินอเมริกา โดยการเข้ารับตำแหน่งของ มร.ฮ็อฟเดน ครั้งนี้สะท้อนอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในด้านบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อมาร่วมบริหารและพัฒนาธุรกิจขององค์กรในภูมิภาคนี้

ก่อนหน้านี้ มร.สเวน ฮ็อฟเดน ได้ร่วมงานกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในฐานะผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการเงิน ณ โรงงานรอสลินของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมสั่งสมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในหลากหลายสายงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การควบคุม และการศุลกากร และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายควบคุม ดูแลรับผิดชอบฝ่ายขายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แอฟริกาใต้ ก่อนหน้าที่จะย้ายมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายบริหารการเงิน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยในตำแหน่งใหม่นี้ มร.ฮ็อฟเดนจะรับผิดชอบดูแลการบริหารงานด้านการเงินในภาพรวมของ บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด, บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ มร. สเวน ฮ็อฟเดน ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มร.ฮ็อฟเดน ได้แสดงผลงานและความเป็นผู้นำด้านการบริหารการเงินที่ยอดเยี่ยม และด้วยประสบการณ์การทำงานอันเชี่ยวชาญที่ มร.ฮ็อฟเดน จะนำมาสู่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะช่วยให้เราสามารถครองความเป็นผู้นำยานยนต์พรีเมียมของประเทศไทย พร้อมส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเราทั่วประเทศ”

เรารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งสําหรับความทุ่มเทและความเป็นผู้นําของ มร. มิคาเอล ไรเนอร์ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้จะมีช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ความเชี่ยวชาญทางการเงินของเขาช่วยให้เราประสบความสำเร็จและครองตําแหน่งผู้นําในกลุ่มตลาดพรีเมียมในประเทศไทย ในนามของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผมขอแสดงความยินดีกับ มร.ไรเนอร์

กับบทบาทใหม่ในบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ละตินอเมริกา ผมมั่นใจว่าเขาจะยังคงสร้างผลสำเร็จเชิงบวกและนําทีมใหม่ไปสู่ความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน” มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา กล่าวเสริม

SUZUKI CARRY ตอกย้ำภาพลักษณ์ รถคู่คิดธุรกิจ SME

SUZUKI CARRY ยอดขายสะสมทะลุ 60,728 คัน พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ รถคู่คิดธุรกิจ SME เดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสังคมต่อเนื่อง “CARRY YOUR DREAM CARRY YOUR LIFE”

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดย่อมหรือ SME เป็นอย่างดี จนสามารถสร้างยอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 จำนวน 2,125 คัน และผลักดันให้มียอดขายรวมนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2549 จนถึง ณ ปัจจุบัน มียอดขายรวมในประเทศไทยไปแล้วกว่า 60,728 คัน และเพื่อเป็นการตอกย้ำความนิยม และความสำคัญของ SUZUKI CARRY ในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจขนาดย่อมที่กำลังเติบโตของตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SME ในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่มีการขยายตลาดและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา นอกเหนือจากการคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีคุ้มค่าในทุกด้านแล้ว “ซูซูกิ” ยังมีความมุ่งมั่นที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมไทยผ่านแคมเปญ “SUZUKI Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” จึงเป็นความมุ่งหวังที่จะพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับช่วยเหลือเกื้อกูลชุมชนและสังคมให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

หนึ่งในโครงการสำคัญที่เรายังคงเดินหน้าส่งมอบความสุขกันมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 คือ กิจกรรม “CARRY YOUR DREAM CARRY YOUR LIFE” โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ณ มูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือกับทั้งผู้ประกอบการที่เป็นพันธมิตร และผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ทำการดัดแปลงรถกระบะเพื่อการพาณิชย์อเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ให้กลายเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่เพื่อนำไปให้บริการ พร้อมทั้งการมอบเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นไว้ให้ทางมูลนิธิฯ ซึ่งจากจุดเริ่มต้นในครั้งนั้น เราได้ขยายการจัดกิจกรรมการส่งมอบความสุขนี้ไปยังผู้ด้อยโอกาสทางสังคมยังสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 ซูซูกิยังคงร่วมมือกับทางผู้ประกอบการร้านตัดผม จากร้าน Mug & Scissors และผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิในพื้นที่นำ SUZUKI CARRY Barber Truck มาให้บริการตัดผมแก่ผู้สูงอายุ ณ ศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ จังหวัดเชียงใหม่

ศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ มีสมาชิกในการดูแลทั้งหมด 122 ท่าน เข้ารับบริการตัดผมจาก SUZUKI CARRY Barber Truck จำนวน 30 ท่าน ซึ่งช่วยสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขและความประทับใจให้แก่ผู้สูงอายุทุกท่านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังคงมอบเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นแก่ทางศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมฯ โดยมีคุณศุภกานต์ อินทุทรัพย์ นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ เป็นผู้แทนในการรับมอบ

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำ SUZUKI CARRY Barber Truck ออกตระเวนให้บริการตัดผมแก่ประชาชนมาแล้วทั่วประเทศ นอกจากจะเป็นการสานต่อเจตนารมณ์อันดีเพื่อสังคมและผู้คนที่ซูซูกิมุ่งมั่นและตั้งใจแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY ไม่ใช่เป็นเพียงแค่รถบรรทุก แต่เป็นรถขนส่งความสุขในทุกเส้นทางความฝัน พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลายมากกว่าการเป็นรถขนสินค้าหรือสัมภาระ แต่เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

ซูซูกิ จึงได้นำเสนอแคมเปญพิเศษ สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นนี้ ด้วยการมอบข้อเสนอพิเศษ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 10,000 บาท หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเพียงวันละ 222 บาท  หรือเลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% พร้อมฟรีประกันชั้น 1 ในปีแรก ซึ่งข้อเสนอพิเศษดังกล่าวจะเป็นการคิดรวมกับอุปกรณ์ตกแต่งรถเรียบร้อยแล้ว (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯที่กำหนด) อีกทั้งเรายังมีพันธมิตรเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟลีสซิ่ง ช่วยเรื่องการอนุมัติสินเชื่อให้มีความหลากหลายและช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ไทยฮอนด้า เปิดตัว New Honda CBR150R กับ 2 สีใหม่

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัว ‘New Honda CBR150R’ รถไบค์สายพันธุ์แกร่งในตระกูล CBR Series 2 สีใหม่ ‘สีแดงกรังด์ปรีซ์เรด (GRAND PRIX RED)’ และ ‘สีดำ (DOMINATOR MATTE BLACK)’ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘For the Real Racing Spirit แรงเท่าที่ใจอยากแรง’ พร้อมอัปลุคความสปอร์ตให้โดดเด่นกว่าเดิมด้วยลายเส้นกราฟิกและล้ออัลลอยสีทองใหม่ สะท้อนความเป็น Sport Aggressive ได้อย่างลงตัว

New Honda CBR150R ‘สีแดงกรังด์ปรีซ์เรด (GRAND PRIX RED)’ มาพร้อมกราฟิกไตรคัลเลอร์ ที่ถ่ายทอดมาจากดีไซน์ของตัวแข่งฮอนด้าในศึก World Superbike และ ‘สีดำ (DOMINATOR MATTE BLACK)’ ที่ให้ความดุดันกว่าเดิม ลงตัวกับไฟหน้า LED 2 ชั้น แบบ Double-Layered ทั้งหน้าและหลัง มาพร้อมกับ Position Light คู่บน และไฟเลี้ยว LED เฉียบคมด้วยเส้นสายบนตัวรถที่บ่งบอกความเป็นสปอร์ตขั้นสุด

New Honda CBR150R ถ่ายทอด DNA ความเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตมาได้อย่างสมบูรณ์แบบจากสนามแข่งด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังความแรงด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยน ขับขี่สนุกด้วยท่านั่งในแบบ ‘Super Sport Riding Position’ ที่โอบรับสรีระผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระชับ และคล่องตัว ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์ของความเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตตัวจริง

New Honda CBR150R มาพร้อมระบบกันสะเทือน ด้วยการใช้โช้กหน้าแบบหัวกลับ (Upside-down Shock Absorber) จากแบรนด์ SHOWA ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรกแบบ ABS เสริมด้วยระบบไฟฉุกเฉิน ESS แสดงสัญญาณไฟกะพริบเมื่อใช้เบรกอย่างกะทันหัน

New Honda CBR150R พร้อมวางจำหน่ายรุ่น ABS 2 สีใหม่ ‘สีแดงกรังด์ปรีซ์เรด (GRAND PRIX RED)’ และ ‘สีดำ (DOMINATOR MATTE BLACK)’ ราคาแนะนำ 99,900 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ

มาสด้า เดินหน้าปันสุขให้น้องนักเรียน

มาสด้า ชวนลูกค้าร่วมแบ่งปันความสุขให้เด็กนักเรียน พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มาสด้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

มาสด้า สานต่อปณิธานในการส่งมอบความยั่งยืนให้กับสังคม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมไทย ประสาน 4 ดีลเลอร์ พาลูกค้าออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ด้วยคาราวานรถยนต์มาสด้าออกเดินทางไปมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน ทุนการศึกษา และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนวัดถั่วทอง จังหวัดปทุมธานี ภายใต้กิจกรรม Mazda ปันสุข Skyactiv Driving Experience พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง และสัมผัสรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ที่มาสด้าเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์ Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์โลกของเราให้คงความสวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืน คือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญเสมอมา มาสด้าจึงแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกคน ควบคู่กับสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มาสด้าจึงได้ริเริ่มโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ขึ้น และดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากผู้จำหน่าย ลูกค้า และพันธมิตรทุกภาคส่วน ในการส่งมอบความสุขและความยั่งยืนกลับคืนสู่สังคม ด้วยการออกเดินทางไปในทุกพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อให้การช่วยเหลือเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ที่ขาดแคลน รวมถึงมีส่วนร่วมเป็นสะพานในการส่งต่อการแบ่งปันให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ซึ่งในปีนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จึงได้สานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ภายใต้ชื่อกิจกรรม Mazda ปันสุข Skyactiv Driving Experience โดยได้รับความร่วมมือจากผู้จำหน่ายมาสด้า 4 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปทุมธานี คือ กลุ่มบริษัท 14 ออโตโมทีฟ, บริษัท พระราม 7 กรุ๊ป, กลุ่มบริษัท ดำรงทรัพย์มาสด้า และ กลุ่มบริษัท แอลบา ทรอส ออโต้ พร้อมลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้า รวมจำนวนกว่า 90 คน ออกเดินทางในรูปแบบคาราวานรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ กว่า 40 คัน มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนวัดถั่วทอง จังหวัดปทุมธานี เพื่อมอบอุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน อุปกรณ์การเกษตร และทุนการศึกษา ให้กับเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็กๆ เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้ครบครันยิ่งขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

โรงเรียนวัดถั่วทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่เปิดสอนในระดับชั้น อ.2 – ป. 6 มีจำนวนนักเรียน 76 คน และ ครู 12 คน จากการออกสำรวจพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นหลายอย่างในการพัฒนาการศึกษา และผู้ปกครองส่วนใหญ่มีรายได้ไม่มากนัก ดังนั้น มาสด้าจึงได้เดินทางไปให้การสนับสนุน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเรียน และเพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกษ์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้จัดเตรียมเมนูอาหารกลางวันที่เด็กๆ ชื่นชอบ และถูกต้องตามหลักโภชนาการไปมอบให้กับเด็กนักเรียนด้วย ซึ่งเรียกรอยยิ้มและสร้างความสุขให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับได้ปลื้มปิติไปด้วยกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากจะส่งต่อการแบ่งปันให้กับเด็กนักเรียนในช่วงเช้า ณ โรงเรียนวัดถั่วทองแล้ว ในช่วงบ่าย มาสด้ายังได้จัดกิจกรรม Skyactiv Driving Experience เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมเสริมทักษะการขับขี่ตามแนวคิด Jinba-Ittai ความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ ได้เรียนรู้เทคนิคในการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยสูงสุด การแก้ไขปัญหาและการบังคับควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน เรียนรู้การทำงานของระบบต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในรถยนต์มาสด้า โดยได้ทดลองขับรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟครบทุกรุ่น ณ สนาม ปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบรถยนต์ นำโดย อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี มาบรรยายให้ความรู้และให้คำแนะนำให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขและความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์ หรือ “Joy of driving” ตามที่มาสด้าตั้งใจถ่ายทอดให้กับลูกค้าทุกคน

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ขอขอบคุณผู้จำหน่ายและลูกค้าเป็นอย่างสูง ที่ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เช่นนี้ ร่วมกับผู้จำหน่ายและลูกค้าของเราให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนและสังคมในทุกด้านด้วยรถยนต์ของเรา ให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เพื่อความสุข และเติมเต็มรอยยิ้มของคนไทย รวมถึงผลักดันโครงการต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อลูกค้า เพื่อสร้างความรักความผูกพันให้แน่นแฟ้นและยืนยาวมากยิ่งขึ้น แทนคำขอบคุณที่เชื่อมั่นในแบรนด์และเลือกรถยนต์มาสด้าเป็นเพื่อนคู่ใจ เพื่อความสุขของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

MGC จับมือกลุ่มปตท. รุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า

MGC เซ็น MOU กับ “กลุ่ม ปตท.” รุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างครบวงจร โชว์รายได้ 9 เดือนแรก 18,449 ล้านบาท เติบโต 11% แย้มผลงานไตรมาสสุดท้ายโดดเด่นรับไฮซีซัน ดันรายได้ทั้งปีโตทะลุ 10% ตามเป้า

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ทำรายได้รวม 18,449 ล้านบาท เติบโต 11% และมีกำไรสุทธิ 228 ล้านบาท แย้มผลงานไตรมาสสุดท้าย เติบโตโดดเด่นรับไฮซีซัน เตรียมรับรู้รายได้จากการส่งมอบเรือยอทช์ Azimut มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และจากศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า TESLA เล็งขยายฟลีตรถเช่ารับภาคท่องเที่ยวฟื้น เตรียมรุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างครบวงจร หลังเซ็น MOU กับ ‘กลุ่ม ปตท.’ แล้ว มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตกว่า 10% ตามเป้าหมาย

นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการเดินทางอย่างครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2566 มีรายได้รวม 18,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 228 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ ที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ บริษัทฯ จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงไตรมาส 3/2566 นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เนื่องจากการปรับโครงสร้างการเช่าพื้นที่ เพื่อใช้เป็นศูนย์จัดจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทฯ รวมถึง ในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรจากการได้รับสิทธิเป็นผู้บริหารจัดการขบวนรถยนต์

ในการประชุม APEC ดังนั้นหากไม่รวมค่าใช้จ่ายและกำไรที่เกิดขึ้นในครั้งเดียวดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 255 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตโดดเด่น จากการวางโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย ภายใต้โมเดลธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem ของ MGC-ASIA ที่มีระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์และแข็งแรง สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งสร้างการเติบโต จากการผสานความร่วมมือภายในองค์กรและพันธมิตรทางธุรกิจ (Synergy) โดยคาดว่าการเติบโตในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมาจากธุรกิจหลักทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ที่บริษัทฯ จะเข้าร่วมงาน Motor Expo 2023 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะมียอดจองรถยนต์ในงานจำนวนมาก จากความต้องการซื้อหรือเปลี่ยนรถใหม่ในช่วงนี้ รวมถึงการรับรู้รายได้จากรถยนต์ที่รอส่งมอบกว่า 900 คัน และส่งมอบเรือยอทช์ Azimut แก่ลูกค้า มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์นำเข้าและจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย 2) ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ จะเริ่มรับรู้รายได้จากศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) ซึ่งจะสร้างรายได้ประจำให้บริษัทฯ (Recurring Income) อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และมีแผนขยายศูนย์บริการเพิ่มอีกแห่งในปี 2567 3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ คาดว่าจะธุรกิจให้เช่ารถรถยนต์ระยะสั้นภายใต้ SIXT Rent a Car จะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยบริษัทฯ เตรียมขยายฟลีตรถเช่าในพื้นที่บริการ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีปัจจัยการเติบโตจากธุรกิจร่วมทุนอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยคาดว่าจะมีรายได้กว่า 325 ล้านบาทในปี 2566 เติบโตกว่า 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 8% ในปี 2567 พร้อมทั้งการเปิดตัวบริการประกันรูปแบบใหม่ จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก รวมถึงมุ่งขับเคลื่อนนโยบายตามหลัก ESG ขณะที่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์ระดับลักชัวรี่และมารีน เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม-ลักชัวรี่ มีการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันรายได้ทั้งปีของบริษัทฯ ให้เติบโตทะลุ 10% ตามเป้าหมาย

“MGC-ASIA ในฐานะผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจรพร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากการร่วมมือกับพันธมิตร ในการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจภายใต้ MGC-ASIA Ecosystem ให้สมบูรณ์และแข็งแรง ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกลุ่มปตท. เพื่อศึกษาแนวทางการลงทุนธุรกิจรถไฟฟ้า (EV) ครบวงจร เพื่อสร้าง Synergy ร่วมกัน รวมทั้งผลักดันให้ MGC-ASIA เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตามเป้าหมายที่กำหนด” นายสัณหวุฒิ กล่าว

“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ดาวรุ่งไทยรั้งท็อป 3 เอเชีย ทาเลนต์ หลังฟอร์มแรงที่ เซปังฯ

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” รั้งท็อป 3 บนตารางคะแนนสะสมหลังโชว์ฟอร์มเยี่ยม คว้าโพเดียมและอันดับ 7 ในศึก เอเชียดาวรุ่งชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 สนาม 5 ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การแข่งขันเรซที่ 2 ของ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 สนาม 5 มีขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” เจ้าของหมายเลข 20 ออกตัวจากกริดที่ 7 และบิดเข้าป้ายในอันดับที่ 3 ขณะที่ทีมเมทรุ่นน้องอย่าง “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ หมายเลข 24 สตาร์ตกริดที่ 15 ทะยานขึ้นมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 10

หลังผ่านการแข่งขัน 2 เรซที่ มาเลเซีย ดาวรุ่งชาวไทยอย่าง “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” เดินหน้าเก็บแต้มอย่างต่อเนื่อง รั้งอันดับ 3 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 132 คะแนน ส่วน “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” รั้งอันดับ 17 มี 26 คะแนน

การแข่งขันสนามต่อไปของ ศึก  เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2023 ซึ่งเป็น 2 เรซสุดท้ายของฤดูกาลจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้ ที่ สนาม โลเซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์

“ก้อง-สมเกียรติ” ไล่แซงโหดคว้าอันดับ 6 โมโตทู มาเลเซีย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สวมบทนักสู้ ไล่แซงจากอันดับ 16 ขยับคว้าอันดับ 6 ในศึก โมโตทู 2023 สนาม 18 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

นักบิดขวัญใจชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 เริ่มเกมจากกริดที่ 9 แต่เสียจังหวะจากคู่แข่งในโค้ง 2 จนร่วงลงไปถึงอันดับ 16 ในรอบแรก แต่นักบิดไทยฮึดสู้ ไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาอย่างสุดมันส์ถึง 10 คัน บิดเข้าป้ายในอันดับ 6 ด้วยเวลา 36 นาที 18.053 วินาที พร้อมเก็บแต้มเพิ่มอีก 10 คะแนน ครองอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 153.5 คะแนน

ทั้งนี้ ศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้ ที่ สนาม โลเซล อินเตอร์เนชั่น เซอร์กิต ประเทศกาตาร์

มิตซูบิชิ เปิดสเปค เปิดราคา เปิดศึกตลาดปิกอัพส่งท้ายปี 66

มิตซูบิชิ เปิดสเปค เปิดราคา ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท และ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ อัลตร้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติที่สุดของเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ ไปให้สุดทุกสภาพถนน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดสเปครถกระบะไทรทันใหม่ 2 รุ่นท็อป ได้แก่ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู” (Hyper Power X2) อันทรงพลัง ด้วยพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร และ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ “ไฮเปอร์พาวเวอร์” (Hyper Power) กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ให้อัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ออกแบบออล-นิว ไทรทัน ทุกรุ่นขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์ความเป็นรถปิกอัพส่วนตัวสำหรับคนยุคใหม่ โดยเน้นที่ความสะดวกสบายสุดหรูของห้องโดยสาร เติมเต็มสุนทรียภาพขณะขับขี่ให้เทียบเคียงได้กับรถเอสยูวียุโรป พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงให้ความนุ่มนวลทุกสัมผัสจับถนัดคล่องตัว ทั้งยังมีเบาะดีไซน์ใหม่ที่ช่วยโอบอุ้มสรีระลดความเหนื่อยล้าแม้ต้องขับในระยะไกล ผสานช่วงล่างใหม่ แชสซีส์ใหม่ที่ใหญ่ขึ้น และเฟรมใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม (เมกาเฟรม) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มสบาย คล่องตัวทั้งในเมืองและขณะเดินทางไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออล-นิว ไทรทัน แอทลีท ที่สุดของรถปิกอัพสไตล์สปอร์ต โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่คมเข้ม ขณะที่ ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ อัลตร้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ได้รับการออกแบบในสไตล์โฉบเฉี่ยว หล่อเข้มไม่ซ้ำใคร

เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ ที่มาพร้อมกับระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ  (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control)

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ดับเบิ้ล แค็บ อัลตร้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ ทีมีระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control) อันชาญฉลาด ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน เพื่อความปลอดภัยแบบ 360 องศา ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายดายควบคุมรถได้ดังใจ อาทิ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) เสริมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู” (Hyper Power X2) ซึ่งมีระบบเทอร์โบสองสเตจ (Two-stage Turbocharger) และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ โดยคุณสมบัติอันโดดเด่นทั้งหมดนี้เพียบพร้อมอยู่ใน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ซึ่งมีสีตัวถังให้เลือก 4 สี คือ สีดำ Jet Black Mica สีเทา Graphite Grey สีขาว White Diamond และพิเศษกับสีส้ม Yamabuki Orange Metallic ที่เป็นสีเฉพาะของรุ่นแอทลีท โดดเด่น สะกดทุกสายตา และภายในห้องโดยสารยังคงดีไซน์สปอร์ตด้วยการตกแต่งทูโทนสีส้ม-ดำ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) เจ้าเดียวในตลาดที่มี 4H ฟูลไทม์ เสริมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) และ 7 โหมดการขับขี่

ออล-นิว ไทรทัน แอทลีท ขับเคลื่อน 4 ล้อ (DOUBLE CAB ATHLETE 4WD 2.4 AT) และ ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ อัลตร้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ (DOUBLE CAB 2.4 ULTRA 4WD AT) พร้อมพาคุณไปให้สุดทุกสภาพถนน ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและทุกรูปแบบของพื้นผิว ด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัดเชื้อเพลิงและรักษ์โลก (Eco), โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel), โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตกผิวถนนเปียกลื่น (Snow), โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น (Mud), โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน (Sand), โหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระ (Rock) และแตกต่างอย่างเหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)

เทคโนโลยี “มิตซูบิชิ คอนเนค” (MITSUBISHI  CONNECT) ใช้งานง่าย สั่งการตัวรถได้จากระยะไกล เพิ่มความอุ่นใจในทุกมิติ

เทคโนโลยีเทเลมาติกส์ (Telematics) ซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างคุณและรถยนต์ ซึ่งมีชื่อว่า “มิตซูบิชิ คอนเนค” (MITSUBISHI  CONNECT) ที่ติดตั้งในออล-นิว ไทรทัน แอทลีท ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมถึง ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ สามารถรองรับได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในสั่งการตัวรถได้แบบไร้สายจากระยะไกล ใช้งานง่าย ทั้งการเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารได้จากระยะไกล การล็อกและปลดล็อกประตูรถ การค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ การเปิดไฟส่องสว่าง และการกดแตรรถ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง มีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนถนน (Roadside Assistance)  การแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Assistance) และอุ่นใจตลอดเส้นทางด้วยระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ (e-call)

ราคาจำหน่ายรถกระบะไทรทันใหม่ 2 รุ่นท็อป ที่คุณสัมผัสได้แบบสุดคุ้ม ดังนี้ :

– ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ อัลตร้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคาเริ่มต้น 1,228,000 บาท โดยลูกค้าสามารถรับรถได้ในช่วงปักษ์แรกของเดือนธันวาคม 2566

– ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มีราคาประมาณการที่ 1,130,000 บาท

ส่วนออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีราคาประมาณการที่ 1,300,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น คาดว่าสามารถส่งมอบรถล็อตแรกได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567

เตรียมพบกับ ออล-นิว ไทรทัน ทุกรุ่น พร้อมทดลองขับได้ที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ “MOTOR EXPO 2023” ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี

ลูกค้าที่สนใจ สามารถชม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

มิตซูบิชิ ชวนลูกค้านำรถอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจเช็กสภาพรถฟรี

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนลูกค้านำรถอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจเช็กสภาพรถฟรี! พร้อมส่วนลดพิเศษ ค่าน้ำมันเครื่อง อะไหล่ เคมีภัณฑ์และค่าแรง ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด “เราดูแล คุณแค่ขับ”

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบส่วนลดพิเศษ 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าน้ำมันเครื่อง อะไหล่ เคมีภัณฑ์ที่ร่วมรายการ และค่าแรง พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพรถ 22 รายการ และโปรแกรมตรวจเช็กเครื่องยนต์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ MUT-III ฟรี สำหรับรถยนต์มิตซูบิชิที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เมื่อลูกค้านำรถเข้าศูนย์บริการของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ วันนี้ – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และพัฒนาคุณภาพด้านบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด “เราดูแล คุณแค่ขับ” ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ข้อเสนอพิเศษภายใต้แคมเปญนี้ ถือเป็นหนึ่งในการส่งเสริมการดูแลรักษารถของลูกค้าให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมตลอดอายุการใช้งาน พร้อมตอบสนองนโยบายของภาครัฐเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 จากการใช้งานรถยนต์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการยกระดับคุณภาพด้านบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนออะไหล่แท้ การให้บริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเป็นผลจากการมุ่งมั่นทุ่มเทที่เรารู้สึกภาคภูมิใจ และได้รับการการันตีความสำเร็จด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ ในด้านความพึงพอใจด้านการขายและบริการหลังการขายถึง 2 ปีซ้อน จากผลสำรวจของ TAQA หรือ รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับรางวัลอันดับ 1 ธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม หรือ TAQA ด้านความพึงพอใจด้านการขายและบริการหลังการขาย ทั้งหมด 7 รางวัล ประกอบด้วย

•รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ความพึงพอใจด้านบริการหลังการขาย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในปี 2563 และปี 2564

•รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ความพึงพอใจด้านการขาย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในปี 2563 และปี 2564

•รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ความพึงพอใจด้านบริการหลังการขาย ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน ในปี 2563 และปี 2564

•รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ความพึงพอใจด้านการขาย ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน ในปี 2564

สามารถตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดและเงื่อนไขการเข้ารับบริการได้ที่ https://bit.ly/OldVehicleMaintenance หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โชว์รูม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

มิตซูบิชิและเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 6 รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 ประจำปี 2565 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่และไม่หยุดยั้งในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการดำเนินงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่โรงงานแหลมฉบัง รางวัลนี้แสดงถึงความสำเร็จครั้งสำคัญเนื่องจากโรงงานดังกล่าวเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส สำหรับจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและส่งออกทั่วโลก โดยพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมวิถีใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน จัดขึ้น ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก (วิภาวดีรังสิต) กรุงเทพมหานคร

บรรยายภาพ : (จากซ้ายไปขวา) นายอลงกรณ์ คณาญาติ ผู้อำนวยการใหญ่สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นายจารึก ศรีภา ผู้อำนวยการใหญ่สายงานผลิต ฝ่ายควบคุมการผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นายธีรุตม์ บุตรเลิศเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายกลยุทธ์สิ่งแวดล้อม บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มร.มาซาฮิโระ อะวาโนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานวิจัยและพัฒนา บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นางรัฐทยา วิทยารัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นายอุเทน พรหมสนธิ์ ผู้ชำนาญการฝ่ายสายงานผลิต บริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันที่พิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมวิถีใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

โรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวทั้งหมด 6 รางวัล ได้แก่ 1) โรงงาน 1 และ 2 2) โรงงาน 3 3) สนามทดสอบรถยนต์ 4) โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 5) โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 และ 6) โรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก โดยมี มร.มาซาฮิโระ อะวาโนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานวิจัยและพัฒนา และนายธีรุตม์ บุตรเลิศเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมายและกลยุทธ์สิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารฝ่ายการผลิตเป็นผู้แทนรับรางวัลจากนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 ซึ่งมอบให้แก่สถานประกอบการที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือของพนักงานในทุกระดับภายในองค์กรเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร นอกจากนี้ยังมุ่งส่งเสริมให้บริษัทฯ มุ่งมั่นสนับสนุนการปฏิบัติงานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความโปร่งใส และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ด้วยแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมและความสำเร็จในการสร้างความยั่งยืนตลอดหลายปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับรองมาตรฐาน IS014001 ตั้งแต่ปี 2544 บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 ในปี 2564 และรางวัลการจัดการของเสียที่ดีตามหลัก 3R จากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในปี 2558 และ 2563

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น มีการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในโรงงานผลิตทุกแห่ง โดยมีเป้าหมายลดของเสีย ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อย่างการนำเทคโนโลยีการพ่นสีฐานน้ำมาใช้ เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายสู่สิ่งแวดล้อม และสร้างระบบการบำบัดน้ำเสียที่สอดคล้องกับการจัดการของเสียที่ดี ด้วยการลดการใช้ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อลดการใช้น้ำดิบให้น้อยลงและลดการปล่อยน้ำเสียอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงานด้วยเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากกว่า 6,100 ตันต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินโครงการ “Solar for Lives : พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” โดยจะติดตั้งแผงโซลาร์ในโรงพยาบาลชุมชน 40 แห่งภายใน 10 ปีข้างหน้า

โครงการอุตสาหกรรมสีเขียวของกระทรวงอุตสาหกรรมช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้แก่ภาคอุตสาหกรรมนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2554 ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของประชาชนและสร้างเศรษฐกิจสีเขียว กระทรวงอุตสาหกรรมเล็งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องพัฒนา ปรับปรุง และสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของภาคอุตสาหกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

โครงการอุตสาหกรรมสีเขียวโดยกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการบนพื้นฐานของความสมัครใจของสถานประกอบการที่ต้องการดำเนินธุรกิจให้เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนโดยดำเนินการอย่างเป็นระบบใน 5 ระดับ

เพื่อให้แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวในกลุ่มสถานประกอบการมีความสอดคล้องกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization หรือ UNIDO) กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำหลักการบริหารจัดการคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Management หรือ TQM) ผนวกกับหลักการสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พัฒนาและปรับปรุงเป็นหลักการของ “อุตสาหกรรมสีเขียว” บนพื้นฐานสำคัญของ 2 เสาหลักคือ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร เพื่อยกย่องความมุ่งมั่นของสถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรม รัฐบาลไทยได้มอบรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวให้แก่สถานประกอบการที่มีการปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่ความยั่งยืน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save