- Advertisement -
34.9 C
Bangkok
Home Blog Page 71

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซ็นสัญญาแต่งตั้ง ไพรม์มัส พัทยา

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” ลงนามเซ็นสัญญาแต่งตั้ง “ไพรม์มัส พัทยา” เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการ หลังเนรมิตโชว์รูม-ศูนย์บริการเต็มรูปแบบ บนพื้นที่พัทยาใต้และนาจอมเทียน พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ หมดเขต 31 มกราคม 2567 นี้

มร.คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก (ที่ 5 จากขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและการขาย พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กับคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ พัทยา จำกัด นำโดย นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ (ที่ 5 จากซ้าย) ประธาน และนายจิระพล รุจิวิพัฒน์ (ที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้ง “ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ พัทยา” เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz, Mercedes-AMG และ Mercedes-Benz Certified Used Car ในพื้นที่เขตพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง อย่างเป็นทางการ หลังผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานในการดำเนินงานด้านการขายและการบริการหลังการขายของโชว์รูมและศูนย์บริการ “ไพรม์มัส พัทยา” ทั้ง 2 เฟส ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายบริษัทแม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)” ที่กำหนดมาตรฐานไว้ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน

สำหรับ “ไพรม์มัส พัทยา” เป็นสาขาแห่งที่ 2 ภายใต้การบริหารงานของ “เบนซ์ไพรม์มัส” มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 2 เฟสด้วยกัน คือ เฟส 1 โชว์รูมจัดแสดงและจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG รุ่นใหม่ พร้อมศูนย์ Service Center ที่มีบริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Mercedes-Benz ทุกรุ่น ทุกแบบ รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้ 350 คันต่อเดือน พื้นที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท-นาจอมเทียน

เฟส 2 โชว์รูมจัดแสดงรถยนต์ Mercedes-Benz Certified Used Car รถยนต์ใช้แล้ว คุณภาพมาตรฐาน ในราคาคุ้มค่า และศูนย์ซ่อมสี-ตัวถัง ขนาดใหญ่และทันสมัยสุดในภาคตะวันออก รองรับการบริการงานซ่อมหนัก และเบา พร้อมรับงานซ่อมจากบริษัทประกันทุกแห่ง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท-พัทยาใต้

“ไพรม์มัส พัทยา” ทั้ง 2 เฟส ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจและต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น GLA 200 AMG Dynamic ในราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 2,190,000 บาท ฟรี! MB Protection นาน 1 ปี และ Mercedes-Benz รุ่น E 300 e AMG Dynamic, รุ่น C350 e AMG Dynamic และรุ่น CLS รับฟรี! MB Protection นาน 1 ปี เมื่อทำสัญญามายสตาร์ หมดเขต 31 มกราคม 2567 นี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และนัดหมายการเข้ารับบริการต่างๆ ได้ที่หมายเลข 038 051 555 หรือ Line : @primuspattaya

“โกลด์ อินทิเกรท” ขยายอาณาจักรโชว์รูม GAC AION แห่งใหม่

“โกลด์ อินทิเกรท” ผู้แทนจำหน่ายรายใหญ่และให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ GAC AION อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ขยายอาณาจักรรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการเต็มรูปแบบแห่งใหม่อย่างยิ่งใหญ่และสุดอลังการ นับเป็น Flagship Showroom แห่งแรก ภายใต้ชื่อ AION THAI สาขาพิบูลสงคราม ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพิบูลสงคราม ช่วงระหว่างสะพานพระราม 5 และพระราม 7 จังหวัดนนทบุรี ชูศักยภาพโชว์รูม และศูนย์บริการที่ทันสมัยมาตรฐานสากลแบบครบวงจร เอาใจลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่องฉลองโชว์รูมใหม่ แจกอั่งเปาพิเศษต้อนรับปีมังกรทอง พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 1 กุมภาพันธ์ 2567

มร.หวัง หย่ง เจีย

ปี 2567 มร.หวัง หย่ง เจีย ประธานกรรมการ บริษัท โกลด์ อินทิเกรท จำกัด เปิดเผยว่า “ได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า “อีวี คอนเนคท์” พร้อมเดินหน้าลุยเปิดกลยุทธ์เอาใจลูกค้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความนิยมของ คนรุ่นใหม่ที่มีความชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า AION เตรียมปักหมุดแชร์โลเคชันโชว์รูมและศูนย์บริการ GAC AION แห่งใหม่ล่าสุด บนถนนพิบูลสงคราม ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง AION Thailand และ โกลด์ อินทิเกรท โดยสองนักบริหารเป็นผู้ดูแล ได้แก่ คุณอนุสรณ์ โกวิทย์พรสิน และคุณอนุสรา โกวิทย์พรสิน โชว์รูมแห่งนี้ได้วางแนวคิดการออกแบบตาม Corporate Identity Design ของทาง AION Thailand โดย Flagship Showroom แห่งนี้ เป็นโชว์รูม AION Experience Center แห่งแรกของจังหวัดนนทบุรี ด้วยการใช้งบลงทุนการก่อสร้างมากกว่า 150 ล้านบาท มีพื้นที่โดยรวม 3,500 ตารางเมตร ชูแนวคิดการผสมผสานงานออกแบบสมัยใหม่ ให้โชว์รูมแห่งนี้ กลายเป็นจุดนัดพบแห่งใหม่แก่ผู้ชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างรอบด้านแบบ 360 องศา ควบคู่กับการบริหารงานระดับมืออาชีพ ที่พร้อมมอบประสบการณ์และบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและประทับใจสูงสุด” นายหวัง หย่ง เจีย กล่าว

นายบุรินทร์ โอภาสเศรษฐกุล

ทางด้าน นายบุรินทร์ โอภาสเศรษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลด์ อินทิเกรท จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนในกลุ่มบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า AION กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการ AION Experience Center แห่งนี้เป็น Flagship Showroom ที่ภายในและภายนอกมีความโดดเด่นทันสมัยสบายตา แบ่งพื้นที่การให้บริการอย่างลงตัว อาทิ โซน VIP Sales Negotiation ได้เลือกใช้วัสดุจากไม้สีโทนอบอุ่นและออกแบบให้โชว์รูมรับแสงธรรมชาติเพื่อให้บรรยากาศโชว์รูมผ่อนคลาย เสมือนเป็นการพักผ่อน พร้อมด้วยห้องนั่งเล่นที่มีความสะดวกสบาย โซน Fashion Product โซนพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาสัมผัสรถยนต์อย่างใกล้ชิด ห้องรับรองลูกค้าที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้วยบานกระจกกั้นเป็นสัดส่วน พร้อมโซฟาและเก้าอี้ขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกสบายเป็นกันเอง มีจอโทรทัศน์ LED ขนาดใหญ่ โซน New Car Delivery พื้นที่ส่งมอบรถยนต์แบ่งเป็นสัดส่วนให้ลูกค้าประทับใจมากยิ่งขึ้น, โซน Area For Children พื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน นับว่าเป็นไฮไลท์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับกลุ่มลูกค้าแบบครอบครัว โซน New Media Operations Live Room ห้องทำงานด้านมัลติมีเดียครบครันไปด้วยอุปกรณ์ และเทคโนโลยีอันทันสมัยถูกออกแบบมา เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การทำงานในยุค Digital Transformation

ในส่วนของจุดเด่น และที่ตั้งโชว์รูมแห่งใหม่ของ AION Experience Center นี้ ตั้งอยู่บนถนนพิบูลสงคราม ช่วงระหว่างสะพานพระราม 5 และสะพานพระราม 7 จังหวัดนนทบุรี ที่เน้นการเข้าถึงลูกค้าทุกคนด้วยโลเคชั่นจดจำง่าย สะดวกต่อการเดินทาง และง่ายต่อการสื่อสารกับคำนิยาม “ทำเลที่ตั้งสะดวก สามารถเข้าถึงได้ง่ายและอยู่ในย่านชุมชน” โดยเราเน้นงานบริการให้สอดคล้องความต้องการของลูกค้าเอาใจวิถีคนทำงานและพักอาศัยครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงย่านถนนพิบูลสงคราม ได้แก่ วงศ์สว่าง, นครอินทร์, แคราย, ติวานนท์, สนามบินน้ำ ฯลฯ ซึ่งลูกค้าที่สนใจอยากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ได้เข้ามาสัมผัส และทดลองขับจริง โดยโชว์รูมมีทีมที่ปรึกษาด้านการขายเก่งและเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับรถรุ่นต่างๆ อย่างใกล้ชิด นับว่าเป็นทางเลือกที่เพิ่มความอุ่นใจแก่ลูกค้ากับบรรยากาศแบบกันเอง เมื่อได้เข้าก้าวมาสัมผัสโชว์รูม และศูนย์บริการที่ทันสมัยครบวงจรที่ดีที่สุดบนถนนพิบูลสงคราม มากกว่านั้น โชว์รูมนี้จะมีการติดตั้งสถานีชาร์จ (DC-Direct Current Charger 120kw)  เพื่อรองรับลูกค้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกแบรนด์” นายบุรินทร์ กล่าว

อนึ่ง บริษัท อีวี คอนเนคท์ จำกัด มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างยาวนาน และรถยนต์ไฟฟ้า AION มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกแบบไม่เหมือนใคร ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงสุด มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ และมีความปลอดภัยสูงสุด รถยนต์ไฟฟ้า AION คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่คุณรอคอย หากสนใจเป็นเจ้าของ แวะมาทดลองขับได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ AION THAI สาขาพิบูลสงครามแห่งนี้ หรือที่สาขาใกล้บ้านคุณ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

• AION THAI สาขาถนนพิบูลสงคราม

ตั้งอยู่ที่ :  310 ถนนพิบูลสงคราม ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000

โทร. 082-107-3553

Facebook : Aion Phibunsongkhram

 • AION THAI สาขาราชพฤกษ์

ตั้งอยู่ที่ : 345 ถนนราชพฤกษ์ หมู่ 1 ตำบลบางขนุน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทร. 02-405-8888 กด 2 Facebook : Aion Ratchaphruek

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดแคมเปญ “ดีใจ…ที่ได้เจอ”ฉลองครบรอบ 60 ปี

“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ฉลองครบรอบ 60 ปี แต่งตั้งทีมผู้บริหารใหม่ พร้อมรุกหนักตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2567 ตอกย้ำ Premium Brand มัดใจลูกค้า เปิดตัว 5 รุ่นใหม่ พร้อมเปิดแคมเปญ “ดีใจ…ที่ได้เจอ” มัดใจลูกค้า ชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.4% ด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา ลุยเจาะตลาดถึงตัวลูกค้าทุกเซกเมน์ เพื่อตอกย้ำ “ยามาฮ่า สินค้าคุณภาพ”

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ฉลองครบรอบ 60 ปี แห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในประเทศไทย เปิดแคมเปญ “ดีใจ…ที่ได้เจอ” สานความสัมพันธ์มัดใจผู้บริโภคด้วยคุณภาพของสินค้า ตอกย้ำ “ยามาฮ่า สินค้าคุณภาพ” พร้อมส่ง YAMAHA FINO Final Edition ดีไซน์พิเศษ จำนวนจำกัด เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 60 ปี พร้อมกันนี้ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ประกาศเดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2567 ตั้งเป้าโตขึ้น 4% ชิงตลาดรวม 16.4% จัดเต็มกิจกรรมส่งเสริมการขายครบทุกเซกเมนต์ลุยทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย สร้างความแข็งแกร่งต่อเนื่องสู่ความเป็น Premium Brand เพื่อสร้าง Lifetime Customer มัดใจลูกค้าด้วย Best Customer Experience ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกๆ ช่องทาง

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการมุ่งสร้างตราสินค้า YAMAHA สู่สังคมไทยในปี 2567 ว่า “ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณท่านสื่อมวลชน พันธมิตรทางการค้า ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกท่าน สำหรับการให้การสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา และในปีนี้เป็นโอกาสอันดีที่ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ของเรายืนหยัดในการผลิตสินค้าคุณภาพ และอยู่คู่กับชาวไทยมา 60 ปี จากจุดเริ่มต้นธุรกิจรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในประเทศไทย เริ่มจาก บริษัท สยามยามาฮ่า จำกัด ในปี พ.ศ. 2507 และได้ส่งต่อภาพลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าด้วยสโลแกน “ยามาฮ่าสินค้าคุณภาพ” ที่อยู่คู่สังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน

โดยในปีที่ผ่านมา ยามาฮ่าต่อยอดความสำเร็จสู่ความเป็นตราสินค้าคู่สังคมไทยในด้านต่างๆ ดังนี้

• นวัตกรรมสินค้าและเทคโนโลยี : ส่งผ่านความสำเร็จสู่ความเป็นผู้นำยอดขายกลุ่มรถสปอร์ตมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผู้นำยอดขายกลุ่มรถออโตเมติกแฟชั่น ซึ่งส่งผลให้ YAMAHA GRAND FILANO HYBRID ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทย ด้วยยอดจำหน่ายรวมมากถึง 1 แสนคันในปี 2566

• ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า : ส่งผ่านความประทับใจจากอดีตถึงปัจจุบันกับการริเริ่มเปิดร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ทันสมัยด้วยรูปแบบโชว์รูมป้ายแดงสู่ YAMAHA SQUARE มาจนถึง NEW YAMAHA SQUARE ในปัจจุบัน ที่มีการปรับปรุงไปแล้วกว่า 179 แห่ง ครอบคลุม 69 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในปีนี้มีเป้าหมายในการปรับปรุงโชว์รูม และเพิ่มโชว์รูมใหม่ 80 แห่ง ยกระดับพัฒนาบริการหลังการขายระดับ Pro Care สู่ความเป็น Premium Service และขยายไปถึง NEW YAMAHA SQUARE ที่ยังคงรักษามาตรฐานของการบริการครองใจผู้ใช้รถยามาฮ่า

• พัฒนามอเตอร์สปอร์ตไทยสู่ระดับโลก : ความสำเร็จของการสร้างทีมจากคนไทยไปสู่เวทีระดับโลกกับโปรเจค Road To The World Class โดยในปีที่ผ่านมานักแข่งจากสังกัด YAMAHA THAILAND RACING TEAM ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยจากรายการ R3 bLU cRU European 2023 และนักแข่งดาวรุ่งไทยอย่าง “ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ” ในการลุยศึก Moto3 สนามประเทศไทย พร้อมทำผลงานได้ดีที่สุดในนักแข่งไทยที่ลงทำการแข่งขัน และรายการ World SuperBike Championship 2023 ในรุ่น World SuperSport 600cc กับผลงานของ “ตี อนุภาพ ซามูล” และ “แสตมป์ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์” 2 นักแข่งไทยที่ออกไปสร้างผลงานในระดับโลก เป็นที่ยอมรับในทวีปยุโรป และความแข็งแกร่งในการแข่งขัน MotoGP กับการเซ็นสัญญาตำนานนักแข่งแชมป์โลก 9 สมัย “วาเลนติโน่ รอสซี่” ในการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และการสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจของ “ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่” ดาวรุ่งจากฝรั่งเศสเจ้าของแชมป์โลก 1 สมัย

• เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ลูกค้า : ความสำเร็จกับการเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของลูกค้าร่วมกับตราสินค้ายามาฮ่า ในเรื่องการสร้างความสุข การสร้างอาชีพ และการร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันปลูกป่าเพื่อมุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การร่วมทำ CSR ผ่านการผลิต และจำหน่ายเสื้อ YAMAHA Jersey Special Edition พร้อมมอบเงินบริจาคให้กับมูลนิธิศัลย์ฯ สร้างข้อต่อชีวิต การร่วมกับกลุ่มลูกค้ามอบหมวกนิรภัยให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงการร่วมบริจาคเงิน และสิ่งของให้กับมูลนิธิต่างๆ

นี่คือส่วนผสมของความสำเร็จของยามาฮ่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยามาฮ่าเป็นตราสินค้าที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนานถึง 60 ปี และในโอกาสครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เราจึงส่ง YAMAHA FINO Final Edition ดีไซน์พิเศษ จำนวนจำกัด รถออโตเมติกที่อยู่คู่กับชาวไทยมาอย่างยาวนาน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระดังกล่าว

นอกจากนี้ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังมีการสื่อสารแคมเปญครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ผ่านแนวคิด “ดีใจ…ที่ได้เจอ” เพื่อเป็นการขอบคุณความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยตลอด 60 ปี อีกทั้งยังมีกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการรวมตัวของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในประเทศไทย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และบริการ ที่ร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศ ขอให้ทุกท่านติดตามความยิ่งใหญ่ของกิจกรรมต่างๆ จากไทยยามาฮ่ามอเตอร์ต่อไปในปี 2567 นี้ครับ”

สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดรวมยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยทั้งหมดอยู่ที่ 1,877,919 คัน ถือว่าเติบโตขึ้นจากการคาดการณ์ในปี 2565 อยู่เล็กน้อย ส่วนยามาฮ่ามียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 269,682 คัน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.4% ของตลาดรวมรถจักรยานยนต์ไทย

ในปี 2567 นี้ แม้การคาดการณ์ตลาดรวมรถจักรยานยนต์ภายในประเทศจะลดลงมาถึง 9% โดยมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ประมาณ 1.71 ล้านคัน ซึ่งมีผลมาจากปัจจัยเสี่ยงของปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ปัญหาหนี้ครัวเรือน และหนี้เสียที่สูงขึ้น รวมถึงกฎหมายควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อที่จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ส่วนปัจจัยบวกเกิดจากภาพรวมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การลงทุนเพิ่มจากภาครัฐ และนโยบายการควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ตาม ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่น เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้ายามาฮ่าในประเทศไทย โดยในปีนี้ ยามาฮ่าคาดการณ์ว่าเราจะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 4% และจะครองส่วนแบ่งตลาดที่ 16.4% ของตลาดรวมในประเทศ โดยมีเป้าหมายการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ 280,000 คัน ผ่านการสานต่อการตลาดแบบเชิงรุกของยามาฮ่า

โดยหลังจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มร.โยชิฮิโระ ฮิดากะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ได้แต่งตั้ง นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ทั้งนี้ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังได้เสริมทัพ และแต่งตั้งคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมวางแผนกลยุทธ์ทางด้านการขายและการตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยมากขึ้น ดังนี้

• นายภาณุพล กิตติคำรณ ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า

• นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด

• นายกัมพล พรสูงส่ง ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองผู้จัดการใหญ่ด้านขาย บริการ และอะไหล่

โดยคณะผู้บริหารระดับสูงทั้ง 3 ท่าน จะร่วมเดินหน้าวางแผนการขายและการตลาด เพื่อลุยศึกตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2567 ทั้งในด้านการสื่อสาร และนำเสนอสินค้าให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า พร้อมเน้นย้ำในความสำคัญของการบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งของตราสินค้า สร้างความเป็นสินค้าพรีเมี่ยม และการสร้าง Lifetime Customer

นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์รูปแบบการตลาดในปี 2567 ว่า “สำหรับแผน และรูปแบบการตลาดเพื่อมัดใจกลุ่มลูกค้าของยามาฮ่าในปีนี้ เรามีแนวทางการเสริมสร้างความแข็งแกร่งสู่ความเป็น Premium Brand กับนโยบายการขาย และการตลาดเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการส่งเสริมการขาย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี 2567

พร้อมกันนี้เรายังมีการสร้างแบรนด์ให้เป็นจุดแข็ง ด้วยปรัชญา KANDO เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Lifetime Customer With YAMAHA as The “PREMIUM BRAND” พร้อมด้วย 6 นโยบายการตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดดังนี้

1.ONE TEAM : สร้างทีมที่แข็งแกร่งระหว่าง ยามาฮ่า ร้านผู้จำหน่าย และบริษัทเช่าซื้อ

2.เสริมสร้างการตลาดทั้ง Online และ On Ground : มุ่งเน้นเข้าหาพื้นที่ต่างๆ ที่มีศักยภาพใหม่ๆ ทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาร้านผู้จำหน่ายในการทำการตลาดในรูปแบบ Online เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

3.เพิ่มความแข็งแกร่งในเครือข่ายร้านผู้จำหน่าย : พัฒนา NEW YAMAHA SQUARE และยกระดับมาตรฐาน และบริการเพิ่มขึ้นอีก 80 แห่ง

4.ส่งมอบประสบการณ์ PREMIUM EXPERIENCE ให้ลูกค้า : อัดแน่นด้วยหลักสูตรพัฒนา และอบรมแก่พนักงานร้านผู้จำหน่าย YAMAHA SQUARE และร้านสาขา ด้วย 4 หลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญจากยามาฮ่า เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การขาย และการบริการระดับพรีเมี่ยมให้มัดใจลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า

5.อัดแน่นด้วยการตลาดเฉพาะกลุ่ม Personalize Marketing : อัดแน่นด้วยกิจกรรมทางการตลาดโดยเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารถออโตเมติก กลุ่มลูกค้ารถครอบครัว และกลุ่มลูกค้ารถสปอร์ต ให้เหมาะกับภาพลักษณ์ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

6.เปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น ครบทุกเซกเม้นต์ : เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สามารถติดตามความเคลื่อนไหวผ่านสื่อของยามาฮ่าทุกช่องทาง และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ

พร้อมด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายด้วยความทันสมัย ด้วยการเพิ่มระบบต่างๆ ดังนี้

1. LEAD Management : พัฒนาระบบ Y-LEAD มัดใจลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

2.TYM Sales Consultant : ระบบช่วยเหลือผู้จำหน่ายในการส่งข้อมูล รวมถึงการเสริมสร้างในความเข้าใจกลไกตลาดรถจักรยานยนต์ด้วย Sales Application พร้อมสร้างทีมอบรมให้ความรู้แก่พนักงานของร้านผู้จำหน่าย เพื่อให้ลูกค้าได้รับ “Premium Experience”

3 สร้างความสะดวกให้กับลูกค้าในด้าน Service และ Spare Part ด้วย Service Booking : เพิ่มช่องทางในการเลือกช่วงเวลาในการเข้ารับบริการผ่าน YAMAHA Call Center / Fast Track เพิ่มปริมาณแท่นซ่อมสำหรับงานซ่อมที่ใช้เวลาน้อยเพื่อการบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น / Service Status Monitor อุ่นใจทุกครั้งที่เข้ารับบริการกับจอแสดงผลการซ่อม และสามารถประเมินเวลาในการซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ / Parts Pro Care อุ่นใจกับความพร้อมของอะไหล่เคลื่อนไหวเร็วกว่า 100 รายการ ที่มีการเติมอะไหล่ให้ผู้จำหน่ายอัตโนมัติเมื่อของหมด (Auto Fill Fast Moving Parts) ทำให้ร้านผู้จำหน่ายมีอะไหล่พร้อมบริการลูกค้าได้ตลอดเวลา โดยทั้งหมดเพื่อรองรับลูกค้าให้กลับเข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ ยามาฮ่ายังคงมอบความมั่นใจในสินค้าด้วยการกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ให้กับลูกค้า และสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในการรับประกันสินค้ามากที่สุดในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ด้วยระยะเวลาการรับประกัน ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และสำหรับในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟินน์ เรากล้าให้การรับประกัน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อสินค้าเพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม

ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบพระคุณท่านสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และบริการที่ดี สร้างความมั่นใจสู่ความเป็น Premium Brand รวมทั้งเสริมสร้างกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th

Facebook: Yamaha Society Thailand

Instagram: @Yamaha Society Thailand

YouTube: Yamaha Society Thailand

Line OA: @Yamahasociety

อาวดี้ จัดกิจกรรมพิเศษ “Audi Clearance Sale 2024”

อยากได้ “อาวดี้” ต้องมางานนี้ Audi Clearance Sale รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ป้ายแดง สภาพใหม่ ไมล์น้อย ลดหลักล้าน 72 ชั่วโมงเท่านั้น 26-28 มกราคมนี้ ที่ Audi Centre Thailand

อาวดี้ จัดกิจกรรมพิเศษ “Audi Clearance Sale” ยกทัพรถผู้บริหาร รถทดลองขับ ป้ายแดง สภาพใหม่ ไมล์น้อย ลดหลักล้าน กว่า 100 คัน ราคาเริ่มต้นเพียง 750,000 บาท การันตีคุณภาพโดย Audi Approve plus ดีลสุดคุ้ม ห้ามพลาด 3 วันเท่านั้น 26-28 มกราคม 2567 นี้ ที่ Audi Centre Thailand

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เผยว่า “Audi Clearance Sale ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ที่แฟนอาวดี้ตั้งตารอ เสียงตอบรับที่ดีนั้นเกิดจากกลุ่มรถผู้บริหาร รถทดลองขับ ป้ายแดง ไมล์น้อย คุณภาพเหมือนรถใหม่ในราคาพิเศษมาให้ลูกค้าเลือก รถในงานมีความหลากหลายครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า 100% อย่าง e-tron ครบทุกรุ่น รถ High Performance ในตระกูล RS และกลุ่มรถยอดฮิตอย่าง Audi A5 ทั้ง Coupé และ Sportback สปอร์ตคูเป้ไอคอนยอดฮิตอย่าง TT Coupé และ Compact SUV สำหรับครอบครัวรุ่นใหม่อย่าง Audi Q3

ครั้งนี้อาวดี้เตรียมรถมากว่า 100 คัน ให้แฟนอาวดี้ได้เลือก ส่วนลดสูงสุด 1.8 ล้านบาท เป็นเจ้าของง่ายๆ พร้อมข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษเท่ากับรถใหม่ ถือเป็นแคมเปญพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า ตอบโจทย์แฟนอาวดี้ด้วยความคุ้มค่าสูงสุด พร้อมโปรโมชั่นจัดเต็ม ดอกเบี้ยพิเศษเท่าแคมเปญรถใหม่ และยังสามารถผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย เสริมความมั่นใจในคุณภาพรถทุกคันในงาน Audi Clerance Sale ที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน Audi Approved plus รถที่จองในงานทุกคันจะได้รับการรับประกันการบริการหลังการขายต่อเนื่องเหมือนรถรุ่นใหม่ พร้อมการรับประกันคุณภาพรถยนต์ต่อเนื่องจนครบ 5 ปี หรือ ระยะทาง 150,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง นับจากวันที่การรับประกันเริ่มต้น”

ไฮไลท์เด็ดของงาน Audi Clearance Sale จัดราคาพิเศษที่ไม่ว่าใครก็เป็นเจ้าของอาวดี้ได้

•Q2 35 TFSI (ป้ายขาว) ราคาพิเศษ 750,000 บาท มีเพียงคันเดียว ผ่อนเริ่มต้นเพียง 9,700 บาท/เดือน

•A4 40 TFSI S line (ป้ายขาว) ราคาพิเศษ 899,000 จากราคา 2,699,000 บาท ลดไปเกือบ 2 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีขบวนรถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาดี การันตีคุณภาพ ในหลายหลายเซกเมนต์ เช่น

รถไฟฟ้า 100%

•RS e-tron GT quattro (22kW) จากราคา 10,190,000 บาท ราคาพิเศษ 8,600,000 บาท

•e-tron 55 quattro จากราคา 5,299,000 บาท เหลือเพียง 3,480,000 บาท

•e-tron Sportback 55 quattro S line จากราคา 5,299,000 บาท เหลือเพียง 3,480,000 บาท

High Performance Car (RS)

•RS Q8 quattro (Carbon) จากราคา 12,550,000 บาท เหลือเพียง 10,790,000 บาท

•RS Q3 Sportback quattro จากราคา 4,990,000 บาท เหลือเพียง 3,999,000 บาท

Plug-in Hybrid

•Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition จากราคา 5,890,000 บาท เหลือเพียง 4,800,000 บาท

รถรุ่นยอดฮิต

•TT Coupe 45 TFSI quattro S line จากราคา 3,499,000 บาท เหลือเพียง 2,890,000 บาท

•Q3 35 TFSI S line จากราคา 2,550,000 บาท เหลือเพียง 1,790,000 บาท

•A5 Coupe 40 TFSI S line จากราคา 2,799,000 บาท เหลือเพียง 2,100,000 บาท

ในงานยังมีข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจรถใหม่ เลือกได้ระหว่าง ดาวน์ 0 บาท ผ่อน 7 ปี หรือ ผ่อนสบาย 7 ปี แถม Audi voucher มูลค่า 100,000 บาท รับสิทธิ์ใช้แทนเงินสดเพื่อซื้อ Audi Collection และรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการหลังการขาย นอกเหนือจากรถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อยราคาสุดพิเศษยังมี Audi Collection เสื้อผ้าและ Accessories นำมาลดราคาสูงสุดถึง 70%

ลูกค้าสามารถนัดหมายจองสิทธิ์เข้าชมรถผ่านช่องทาง Facebook : Audi Thailand หรือไลน์ Line official (@Audith) จองด่วน หมดแล้วหมดเลย

Audi เป็นรถยนต์นำเข้าประกอบนอกทั้งคัน คุณภาพมาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถอาวดี้ทุกรุ่นได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อนรถไฟฟ้า e-tron และรถ Plug-in Hybrid TFSI e Audi ใหม่ทุุกรุ่น รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook / Instagram : Audi Thailand / www.audi.co.th และโชว์รูมและศูนย์บริการที่พร้อมดูแล 8 แห่ง ทั่วประเทศ

Audi Centre Thailand 02-765-8888

Audi New Petchburi 02-023-4888

Audi Pattaya 038-197-888

Audi Phuket 076-646-666

Audi Service Chiang Mai 052-081-188

Audi Service Ratchapruek 02-034-5888

Audi Udonthani 093-161-5588

Audi Korat 044-017-888

CHANGAN ขานรับนโยบาย EV3.5

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากลับมาคึกคักอีกครั้ง CHANGAN ขานรับนโยบาย EV3.5 นำร่องลงนาม MOU กับกรมสรรพสามิต สานต่อมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (ที่ 3 จากซ้าย) อธิบดีกรมสรรพสามิต และ นายเซิน ซิงหัว (ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ และ ประธานกรรมการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามข้อตกลง MOU ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าฯ ระยะที่ 2 หรือ EV3.5 หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าฯ ระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดย CHANGAN ผู้ผลิตและนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้า DEEPAL เป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ดังกล่าว โดยเป็นมาตรการที่มีผลบังคับใช้ในปี 2567 – 2570 ที่จะช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมาย 30@30 ของรัฐบาล ทั้งนี้ทางบริษัท CHANGAN มีความยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย EV3.5 ของรัฐบาล และพร้อมจำหน่าย รถยนต์ DEEPAL S07 และ รถยนต์ DEEPAL L07 ณ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เรเว่ ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญ Big Thanks

เรเว่ ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญ “Big Thanks” มอบรถยนต์ BYD รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญ “Big Thanks” กิจกรรมสุดพิเศษซึ่งจัดขึ้นในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 เพื่อขอบคุณลูกค้าสำหรับการสนับสนุนและความไว้วางใจที่มอบให้กับกลุ่มธุรกิจเรเว่และแบรนด์รถยนต์ BYD ตลอดมา โดยเตรียมส่งมอบรางวัลเป็นรถยนต์ BYD จำนวน 3 คัน มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ให้แก่ผู้โชคดีภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พร้อมเชิญชวนลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์รุ่น ATTO 3 ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจาก BYD ATTO 3 Run-out Campaign ภายในวันพุธที่ 31 มกราคม 2567

พิธีการประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่เข้าร่วมแคมเปญ “Big Thanks” ได้รับเกียรติจาก มร. หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด มร.เบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดีไทยแลนด์ จํากัด นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายธัชพล ภัทรไชยประภา ประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ พร้อมด้วยสักขีพยานกลุ่มธุรกิจเรเว่ นางนันทนา คนขยัน รองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายการเงิน กลุ่มธุรกิจเรเว่ และตัวแทนสื่อมวลชน นายอาณัติ สุทธิบุตร และนายสิโรตม์ เพ็ชรจำเริญสุข ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ สำนักงานใหญ่กลุ่มธุรกิจเรเว่ อาคารโรงแรมสยาม แอท สยาม

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจเรเว่ขอแสดงความยินดีแก่ผู้โชคดีในแคมเปญนี้ และขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและความไว้วางใจอย่างท่วมท้นจนเราก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทย การันตีด้วยยอดจดทะเบียนรถยนต์ BYD ถึง 30,467 คันซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มธุรกิจเรเว่พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ปี 2567 อย่างแข็งแกร่งพร้อมกับคำมั่นสัญญาที่จะเดินหน้าวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ‘NEW FUTURE YOUR WAY’ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ NEV Nation ควบคู่ไปกับการเติมเต็มความสมบูรณ์ของ NEV Ecosystem อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมด้วยเครือข่ายธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ ตลอดจนบริการที่พร้อมสนับสนุนทุกความเป็นไปได้ทั้งด้านการเงินและสินเชื่ออย่างครบวงจร เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของไทยสู่การเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างแท้จริง”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจเรเว่มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขอบคุณลูกค้าของเราผ่านแคมเปญ ‘Big Thanks’ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อขอบคุณลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD ทุกรุ่นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 – 31 ธันวาคม 2566 และร่วมกรอกแบบสอบถามผ่านทาง RÊVER Application เพื่อรับสิทธิ์ร่วมลุ้นเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า BYD จำนวน 3 คัน โดยกลุ่มธุรกิจเรเว่จะยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทั้งตัวยานยนต์และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของแบตเตอรี่ บริการด้านการขายและหลังการขายที่ครบวงจร เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจตลอดจนยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากกลุ่มธุรกิจเรเว่ และแบรนด์ BYD อย่างรอบด้านต่อไป”

ผู้โชคดีจากแคมเปญ “Big Thanks” ได้แก่

•คุณอาทิตย์ ภัทรพูนสิน ได้รับ BYD SEAL รุ่น RWD DYNAMIC 1 คัน มูลค่า 1,325,000 บาท

•คุณกิตติศักดิ์ เที่ยงธรรม ได้รับ BYD ATTO 3 รุ่น STANDARD Range 1 คัน มูลค่า 1,099,900 บาท

•คุณทฤตมน ธีรธรรมธรณ ได้รับ BYD DOLPHIN รุ่น STANDARD Range 1 คัน มูลค่า 699,999 บาท

ทั้งนี้ เรเว่ ออโตโมทีฟ ขอเชิญชวนลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์รุ่น ATTO 3 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ดำเนินการจดทะเบียนให้แล้วเสร็จ พร้อมลงทะเบียนร่วมแคมเปญ BYD ATTO 3 Run-out Campaign ภายในวันที่ 31 มกราคม 2567 เท่านั้น  เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท  อาทิ เงินคืน 100,000 บาท  Smart Home Charger ยี่ห้อ ABB พร้อมบริการติดตั้ง และแพคเกจ RÊVER Care โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่ https://www.reverautomotive.com/atto3-runout-campaign 

วอลโว่ ประกาศความสำเร็จ ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นในปี 2023

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จด้วยยอดขายรถในประเทศภายในปี 2023 เพิ่มขึ้น 24% โดยการเติบโตดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนจากยอดขายรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ที่ 56% จากยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ประกาศแผนกลยุทธ์เพื่อสานต่อเป้าหมายในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเพื่อเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2025

•คุณถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ – ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย)

•คุณคริส เวลส์ – กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากซ้าย)

•คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ – ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากขวา)

•คุณนิชานันท์ ปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ขวา)

เติบโตต่อเนื่อง อย่างมั่นคง

ความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า Pure Electric ของวอลโว่ ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 56% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนำโดยรถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo XC40 Recharge Pure Electric นอกจากนี้ รถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาอย่าง Volvo EX30 ก็ได้รับกระแสความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถไฟฟ้าของวอลโว่ในปี 2024 ซึ่งการเติบโตที่ต่อเนื่องของรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ในปี 2022 (เติบโต 35%) และปี 2023 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของบริษัทฯในทิศทางการจำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถ Plug-in Hybrid ก็ยังคงได้รับความนิยม โดยมีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 44% จากยอดขายทั้งหมด นำโดย Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดในผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน

มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปีติดต่อกัน ตอกย้ำให้เห็นว่าเราเดินทางมาในทิศทางที่ถูกต้อง ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการมีเป้าหมายและเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ปี 2024 ถือเป็นอีกปีที่สำคัญของวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ที่จะสานต่อจุดยืนในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นยานยนต์ไฟฟ้า”

สานต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง

ในประเทศไทย วอลโว่ คาร์ ได้วางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่เป้าหมายให้สำเร็จภายในปี 2025 ได้แก่ ตั้งเป้าการเติบโตทางด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ระบาด, การเริ่มให้บริการซ่อมและบำรุงรักษารถไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ หรือโมบาย เซอร์วิสทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ในส่วนของแผนปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสภาพอากาศ บริษัทฯ ก็ได้มีการประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) โดยเฉลี่ยร้อยละ 70% ต่อคัน ภายในปี 2025

2024 ก้าวสู่เส้นทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่จำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2025 วอลโว่ได้วางแผนเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีประมวลผล คอร์ คอมพิวติ้ง (Core Computing) เจนเนเรชันล่าสุด เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และมอบความปลอดภัยแห่งอนาคตให้แก่ผู้ใช้รถ โดยรถไฟฟ้ารุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมของวอลโว่ในปัจจุบันที่มีอยู่แล้วอย่าง Volvo XC40, C40 และ EX30 ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

ในเจตนารมณ์ด้านการสร้างความยั่งยืน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เริ่มโครงการติดตั้งหลังคาโซลาร์ ณ คลังสินค้า Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนา ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ล้ำสมัย ทั้งเป็นศูนย์บริการตรวจเช็ครถตามขั้นตอนโดยละเอียดก่อนส่งมอบแก่ลูกค้า ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2024 พื้นที่กว่า 23,331 ตารางเมตร ของคลังเก็บสินค้าแห่งนี้จะสามารถปฎิบัติการณ์ได้ด้วยพลังงานจากแหล่งไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ 100%

นอกจากนี้ วอลโว่ยังมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ โดยเริ่มต้นด้วยโครงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์ โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership) รถไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid ของวอลโว่

และด้วยฐานลูกค้าของวอลโว่ในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะเปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre แห่งที่ 3 ในปีนี้ เพื่อการเข้าถึงและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า

ฟอร์ด มอบ “ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” ให้ลูกค้าผู้โชคดี

ฟอร์ดมอบรางวัลใหญ่ “ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” ให้ลูกค้าผู้โชคดีแคมเปญ Ford Motor Expo ภายใต้แคมเปญ “ซื้อรถลุ้นรถ”

ฟอร์ด ประเทศไทย มอบรางวัลใหญ่รถยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่น 2.0 ลิตร ดีเซล จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 1,779,000 บาท ให้นายศตวรรษ ไชยสัจ ลูกค้าผู้โชคดี เจ้าของรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ที่ซื้อรถจากแคมเปญ Ford Motor Expo #ซื้อรถลุ้นรถ โดยในวันส่งมอบรถ นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เป็นผู้มอบรางวัล ณ โชว์รูมฟอร์ด พระนคร บางแค

“ฟอร์ดขอแสดงความยินดีกับลูกค้าที่ได้รับรางวัลใหญ่จากแคมเปญพิเศษของเรา และขอขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจในแบรนด์ฟอร์ด ฟอร์ดหวังว่าลูกค้าจะประทับใจกับประสบการณ์การขับขี่แบบเหนือระดับของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูง DNA ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ เจ้าของฉายา ‘ดุดัน ไม่เกรงใจใคร’ ซึ่งเป็นรถในดวงใจของลูกค้าหลายๆ คนโดยเฉพาะคอออฟโรด” นายรัฐการ กล่าว

แคมเปญ Ford Motor Expo #ซื้อรถลุ้นรถ เป็นโปรแรงส่งท้ายปี 2566 ของฟอร์ดที่จัดให้กับลูกค้าที่จองรถฟอร์ดในช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2566 และออกรถภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 และที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของฟอร์ดทั่วประเทศ

มิตซูบิชิ ฉลองการผลิตรถยนต์ในไทยครบ 7 ล้านคัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 7 ล้านคัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์

บรรยายภาพ :บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร.เรียวอิจิ อินาบะ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ มร.เออิจิ โอกาวะ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ (ขวาสุด) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต และมร.มิกิฮิสะ คาโนะ (ซ้ายสุด) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานวิศวกรรมการผลิต ร่วมฉลองความสำเร็จในการผลิตรถยนต์ครบ 7 ล้านคัน ณ ศูนย์การผลิตแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยรถยนต์คันที่ 7 ล้าน คือรถกระบะ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน

กรุงเทพฯ, 18 มกราคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เฉลิมฉลองอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการผลิตรถยนต์ครบ 7 ล้านคัน ณ ศูนย์การผลิตแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยรถยนต์คันที่ 7 ล้าน คือรถกระบะ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน

มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ ครบ 7 ล้านคัน ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เราเป็นผู้นำการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของประเทศไทยมาตลอดกว่า 63 ปี การผลิตรถยนต์ครบ 7 ล้านคันเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของเราที่จะส่งเสริมการพัฒนาเพื่อการเติบโตของประเทศไทยผ่าน 7 แกนหลัก ได้แก่ การลงทุน การส่งออก สิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การช่วยเหลือสังคม การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ และการจ้างงาน”

ปัจจุบัน ศูนย์การผลิตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีกำลังการผลิตสูงสุดมากกว่า 400,000 คันต่อปี โดยร้อยละ 80 ถูกส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะผู้นำการส่งออกรถยนต์ของประเทศไทยมียอดการส่งออกรถยนต์สะสมแล้วมากกว่า 5.5 ล้านคัน คิดเป็นร้อยละ 80 ของยอดการผลิตทั้งหมด

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดสายการผลิตรถยนต์ใหม่ที่โรงงานแหลมฉบังเพื่อทำการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ในปี 2566 สายการผลิตใหม่มีความล้ำสมัยด้วยการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติที่มีเทคโนโลยีสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยมีสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึงร้อยละ 95 จากการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว มีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี ด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม มีระดับความแม่นยำและมาตรฐานที่สูงกว่าความสามารถของมนุษย์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มต้นดำเนินงานในประเทศไทยในปี 2504 และฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคันในปี 2546 ก่อนผลิตรถยนต์ครบ 2 ล้านคันในปี 2553 และครบ 3 ล้านคันในปี 2556 ด้วยความต้องการซื้อรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ดำเนินการผลิตรถยนต์ครบ 4 ล้านคัน ในปี 2558 และผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคันในปี 2561 ต่อมาในปี 2564 บริษัทฯ ต่อยอดความสำเร็จเนื่องในโอกาสฉลองการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 60 ปีด้วยการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคันในประเทศไทย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีโรงงานผลิตรถยนต์รวม 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง โรงพ่นสี 1 แห่ง และโรงงานบรรจุชิ้นส่วนส่งออก 1 แห่ง นอกจากนี้ยังมีสนามทดสอบรถยนต์เพื่อการคิดค้นและพัฒนายานยนต์แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังได้ก่อตั้งสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ณ จังหวัดปทุมธานี ในปี 2561 ซึ่งได้รับการยกสถานะขึ้นเป็นศูนย์ฝึกอบรมประจำภาคพื้นอาเซียน (ASEAN Regional Training Center) เมื่อเร็วๆ นี้ ในช่วงปลายปี 2566 โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างการเติบโตในประเทศไทยด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ด้วยปณิธานที่จะร่วมให้แก่สังคมและผู้คน ภายใต้วิสัยทัศน์  “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย”

เอ็มจี ลงนามหนุนนโยบายอีวี EV3.5

เอ็มจี ผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ลงนามสนับสนุนนโยบายอีวีของภาครัฐ ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าฯ ระยะที่สอง หรือมาตรการ EV3.5

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด   ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย  โดยมี นายสุโรจน์ แสงสนิท รองกรรมการผู้จัดการบริหาร (ขวามือ) และ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต (ซ้ายมือ) ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมยานยนต์ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 ณ ห้องประชุมราชวัตร กรมสรรพสามิต เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

เอ็มจี ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมมอบประโยชน์สูงสุด หนุนให้คนไทยได้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ โดยปัจจุบัน มีรถยนต์ไฟฟ้า อยู่ในตลาดประเทศไทย แล้ว 5 รุ่นได้แก่ MG ZS EV MG EP MG ES MG4 ELECTRIC และ MG MAXUS 9 และยังมีแผนนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่สู่ตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดย เอ็มจี มุ่งมันในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ให้แข็งแกร่งเพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่าย

ทั้งนี้ผู้ที่มีความสนใจสามารถเข้าชมและทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทุกรุ่นของเอ็มจี ได้ที่โชว์รูม เอ็มจี ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save