- Advertisement -
25.9 C
Bangkok
Home Blog Page 70

MG4 ELECTRIC คว้ารางวัลTHAILAND EV OF THE YEAR 2023

NEW MG4 ELECTRIC คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 และครอบตำแหน่งรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคคนไทย

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความสำเร็จหลัง NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่คว้ารางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ด้วยผลคะแนนโหวตจากสื่อมวลชนที่มากประสบการณ์ในสายยานยนต์ อีกทั้งยังได้รับคะแนนโหวตจากผู้บริโภคคนไทยให้เป็นรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุดจนคว้าอีกรางวัลกับ BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2023 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการพัฒนายานยนต์ที่สามารถยกระดับทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวไปสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคคนไทยได้เป็นอย่างดี

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถไฟฟ้า Global Model ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ทั้งคัน ตั้งแต่แพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC ที่แบตเตอรี่ถูกติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างตัวรถเพื่อยกระดับการปกป้อง หนึ่งเดียวในคลาสที่วางระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ควบคู่กับการพัฒนาให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อให้ทั้งขับสนุก และมั่นใจในทุกจังหวะการเข้าโค้ง มีนวัตกรรมแบตเตอรี่แบบ CELL TO PACK ที่ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการส่งพลังขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทั้งป้องกันก่อนเกิดเหตุ และปกป้องหลังเกิดเหตุ ระยะทางวิ่งสูงสุด 425 กิโลเมตร (NEDC MODE) และจำหน่ายในราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท เท่านั้น

สำหรับ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 หรือ รถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปี 2566 เป็นรางวัลที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นปีแรก เพื่อให้สอดรับการเทรนด์รถไฟฟ้าในทั่วโลก โดยปีนี้รถไฟฟ้าเอ็มจีผ่านเข้าสู่รอบ 6 คันสุดท้าย จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ NEW MG MAXUS 9 พร้อมรับรางวัล BEST FAMILY EV และ NEW MG4 ELECTRIC  สามารถคว้ารางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ได้สำเร็จ ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของเอ็มจี ด้วยคุณสมบัติทั้งรูปลักษณ์ ดีไซน์การออกแบบภายนอกภายใน คุณภาพของวัสดุที่เลือกใช้ สมรรถนะการขับขี่ ความสะดวกสบายในการใช้งาน และความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับ ล้วนเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นพัฒนามาโดยตลอด

อีกหนึ่งรางวัลอย่าง BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2023 หรือ รางวัลสินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 จากผลโหวตของผู้บริโภคคนไทยในหมวดผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายความสำเร็จด้านการพัฒนายานยนต์ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งปี 2566 นี้ ถือเป็นปีแห่งการเติบโตของ เอ็มจี จากการเป็นผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อ 3 ปีก่อน สู่อีกหนึ่งบทบาทใหม่ด้วยการเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถไฟฟ้าโดยคนไทย เพื่อคนไทยโดยแท้จริง โดย NEW MG4 ELECTRIC จะเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ เอ็มจี ที่ผลิตในประเทศไทย”

โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” มอบน้ำสะอาดแก่โรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต

โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” แห่งที่ 43 มุ่งสู่จังหวัดพัทลุง มอบน้ำสะอาดแก่โรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของนักเรียนและครูในโรงเรียนรวมถึงคนในชุมชน ตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “วิถีอีซูซุ”

กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย โดย มร.ทาคาชิ  ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาสิ่งที่ดีให้สังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งมอบระบบน้ำดื่มสะอาดในโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 แห่งที่ 43 ให้แก่ โรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต ตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของนักเรียนและครูในโรงเรียนรวมถึงคนในชุมชนตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ หรือ “วิถีอีซูซุ” นั่นคือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา”

มร.ทาคาชิ  ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นสานต่อปณิธานดำเนินการช่วยเหลือแก้ปัญหาน้ำดื่มในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยการดำเนินโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” แห่งที่ 43 เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สังคม โดยการเข้าไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมลงพื้นที่พร้อมกับทีมงานจากอีซูซุ สำรวจและสรุปปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดของโรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต เพื่อจัดหาน้ำบาดาลสะอาดไว้อุปโภคบริโภคอย่างถูกสุขอนามัยที่ได้มาตรฐานตามองค์การอนามัยโลกให้และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เด็กนักเรียน และบุคลากรภายในโรงเรียน”

สำหรับโรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ตั้งอยู่ในตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล 1 ถึงชั้นประถมปีที่ 6 มีนักเรียน คุณครู และบุคลากรทั้งสิ้นรวม 245 คน ปัจจุบันโรงเรียนประสบปัญหาแหล่งน้ำที่มีไม่เพียงพอสำหรับนักเรียน คุณครู และบุคลากร เนื่องจากแหล่งที่มาของน้ำที่นำมาใช้บริโภค เป็นน้ำประปาจากบ่อน้ำผิวดิน ซึ่งมีปริมาณน้ำน้อย และต้องใช้ร่วมกับคนในชุมชนข้างเคียงราว 307 ครัวเรือน บ่อยครั้งน้ำสำหรับอุปโภคจึงไม่เพียงพอ จึงต้องมีการซื้อน้ำดื่มจากข้างนอกมาเติมเป็นประจำ อีซูซุจึงส่งทีมงานลงพื้นที่สำรวจปัญหาและติดตั้งระบบน้ำดื่มสะอาดที่ประกอบด้วย ระบบบ่อบาดาลครบวงจร ระบบกรองน้ำดื่มสะอาดตามมาตรฐาน พร้อมอาคารศูนย์ผลิตน้ำดื่ม พร้อมจัดอบรมวิธีการใช้งาน การทำความสะอาด และการบำรุงรักษาให้กับบุคลากรที่รับผิดชอบ รวมทั้งการเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนได้มีน้ำดื่มสะอาดถูกหลักอนามัยบริโภคอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาน้ำดื่มอย่างยั่งยืน

นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงโครงการว่า “โครงการ อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต เป็นโครงการเพื่อประโยชน์ของสังคมที่มีความสำคัญอย่างมาก ในปัจจุบันยังคงมีโรงเรียนที่ประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กและอยู่ในเขตพื้นที่ห่างไกล ต้องขอบคุณกลุ่มอีซูซุที่ได้ทำโครงการนี้ ทางกรมทรัพยาการน้ำบาดาลก็ยินดีที่จะดูแลเรื่องพื้นที่ แหล่งน้ำบาดาล เและรื่องธรณีวิทยาในการหาแหล่งน้ำบาดาลให้ตลอดทุกพื้นที่”

นางสาวกรวิกา หนุนอนันต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต กล่าวว่า “ทางโรงเรียนมีปัญหาเรื่องน้ำมาเป็นระยะเวลานาน ก่อนที่อีซูซุเข้ามาช่วยเหลือเรามีบ่อน้ำตื้นที่ได้ดำเนินการขุดเองแต่ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค นอกจากนี้บ่อยังเกิดสนิมและมีกลิ่น อีกทั้งระบบท่อน้ำยังต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง ทำให้ต้องใช้ทุนทรัพย์จำนวนมากต่อเดือน หลังจากอีซูซุเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้เรามีน้ำดื่มสะอาดและเพียงพอ ความเป็นอยู่และสุขภาพเด็กๆ ดีขึ้น ต้องขอขอบคุณกลุ่มอีซูซุที่มาให้ความอนุเคราะห์น้ำดื่มที่มีคุณภาพ ทำให้ทุกคนในโรงเรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” เป็นโครงการระยะยาวที่กลุ่มอีซูซุมุ่งมั่นตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้ว่าจะดำเนินโครงการนี้จนกว่าจะไม่มีโรงเรียนในประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องน้ำดื่มสะอาดอีกต่อไป เพื่อตอบแทนสังคมโดยมีเป้าหมายที่จะบรรเทาความเดือดร้อนปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดให้หมดไป

มาสด้า CX-3 ใหม่ พิชิตรางวัล Product of the Year Awards 2023

มาสด้า CX-3 ใหม่ สุดยอดรถครอสโอเวอร์ขวัญใจมหาชน พิชิตรางผลิตภัณฑ์และบริการแห่งปี 2566 Product of the Year Awards 2023 ตอกย้ำยนตรกรรมที่อยู่ในใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภคชาวไทย

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย โดย นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด เป็นตัวแทนเข้ารับมอบรางวัลผลิตภัณฑ์และบริการแห่งปี 2566  ซึ่งจัดโดยนิตยสาร Business+ จาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธี โดยครั้งนี้ มาสด้า CX-3 ใหม่ รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี สามารถพิชิตรางวัลความสำเร็จมาครองได้สำเร็จ ด้วยการเป็นสุดยอดสินค้าและบริการที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้บริโภคให้เป็นผลิตภัณฑ์และบริการแห่งปี โดยผ่านผลงานการวิจัยตลาดในขั้นต้นจากทีมบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และลงคะแนนโหวตจากผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ ตอกย้ำถึงความสำเร็จด้านการพัฒนายนตรกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง โดยพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ จัดขึ้นที่ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา

มาสด้า CX-3 นับเป็นรถรุ่นที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าในประเทศไทย โดยตั้งแต่ได้เข้ามาทำตลาดเป็นครั้งแรก ก็สามารถครองใจลูกค้าด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 30,000 คัน สำหรับ มาสด้า CX-3 ใหม่ “Never Settle for Less ความท้าทายใหม่ไม่รู้จบ” ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นของครอบครัว ที่จะพาคุณออกไปเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ได้ไม่รู้จบ เพื่อจุดพลังความกล้าที่จะท้าทายจากสิ่งเดิมๆ ทำในสิ่งที่อยากทำ เติมเต็มชีวิตไปด้วยประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ ทำให้ทุกวันเป็นไปได้มากกว่าที่เคยเป็น ด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม ตามแนวทางการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่งดงาม มีความคุ้มค่า คุ้มราคา และเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่โจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร (SKYACTIV-G 2.0) ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 156 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม./ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล และติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go โดยระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง ทำให้กลายเป็นรถที่ตรงใจลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ตได้อย่างลงตัว

ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้า CX-3 ใหม่ ยังตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ด้วยทางเลือกที่มีมากถึง 4 รุ่นย่อย ทำให้ลูกค้าเลือกรุ่นรถได้ตรงกับความต้องการของตนเองได้อย่างลงตัว และมีความคุ้มค่ามากที่สุดในตลาดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ให้มาแบบเต็มคัน  ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ มาสด้า CX-3 ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 770,000 บาท

รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนายนตรกรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งมาสด้าขอขอบคุณลูกค้า ที่ให้การสนับสนุนรถยนต์มาสด้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และมาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะพัฒนายนตรกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขตลอดการเดินทาง เพื่อตอบแทนที่ลูกค้าและแฟนๆ รถยนต์มาสด้าทุกคนไว้วางใจเลือกให้รถยนต์มาสด้าเป็นรถยนต์คู่ใจ และพร้อมจะเติบโตเคียงข้างกันไปกับครอบครัวมาสด้าในทุกการเดินทาง

HONDA CR-V ควง MG 4 Electric คว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566

ผลการนับคะแนนเพื่อตัดสินรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ของประเทศไทย รถยนต์ Honda CR-V e:HEV และ MG 4 Electric ต่างได้คะแนนสูงสุด ทำให้ได้ครองรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ณ ศูนย์ประชุม เดอะฮอลล์ ถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา

ในปี 2566 สรยท. ดำเนินการคัดเลือกรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์ไฟฟ้า (EV:Electric Vehicle) โฉมใหม่แบบโมเดลเชนจ์ เปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จนถึง 30 กันยายน 2566 โดยมีกติกาการตัดสิน เป็นมาตรฐานเดียวกับการคัดเลือก Car of The Year ของยุโรป และรถยนต์ยอดเยี่ยมของประเทศญี่ปุ่น

สำหรับรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 เป็นปีแรกของการมอบรางวัล และเนื่องจากรถ EV ที่ทำตลาดในไทยปัจจุบัน เป็นรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศแบบสำเร็จรูป (CBU) คณะกรรมการตัดสินจึงนำเงื่อนไขให้เลือกเฉพาะ รถจากผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับรัฐบาล หรือได้ขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ.) เพื่อตั้งโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ในประเทศไทยแล้ว

นายวชิระ เรืองมาลัย นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) ในฐานะประธานจัดงานมอบรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 กล่าวว่า สรยท.ได้ดำเนินการจัดงานมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 เป็นการตัดสินให้รถยนต์รุ่นใหม่แบบโมเดลเชนจ์เพียง 1 รุ่น ได้รางวัลอันทรงเกียรตินี้ รอบแรกเป็นการคัดเลือกรถที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ให้สมาชิกสมาคมฯ เป็นผู้ลงคะแนนเลือกไว้ครึ่งหนึ่งผ่านการโหวตนำเข้าสู่การตัดสินรอบสุดท้าย โดยในรอบสุดท้ายนี้ก่อนที่จะมีการลงคะแนน ได้จัดให้มีการทดสอบรถยนต์ภาคสนามกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีประสบการณ์ในการทำข่าวสายยานยนต์ และทดสอบรถยนต์ อันเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

ที่สุดรถยนต์ HONDA CR-V e:HEV และ MG 4 Electric เป็นรถยนต์ที่ได้คะแนนสูงสุดในรอบสุดท้าย จึงได้รับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 และ THAILAND EV OF THE YEAR 2023 ตามลำดับ

โดยกรรมการผู้ลงคะแนนแต่ละท่าน ใช้หลักเกณฑ์ในการให้คะแนนตามหัวข้อต่างๆ ที่สมาคมฯ กำหนดไว้ ซึ่งเป็นไปตามกฎกติกาสากล เช่น การออกแบบภายนอกภายใน, ประโยชน์ใช้สอย, ระบบความปลอดภัย, สมรรถนะเครื่องยนต์, นวัตกรรม/เทคโนโลยี และระบบช่วงล่าง นอกจากนั้นต้องพิจารณาถึงพัฒนาการของรถยนต์รุ่นนั้น ความมั่นคงในเรื่องแบรนด์ และบริการหลังการขายประกอบการพิจารณา

สำหรับสถานที่ทดสอบภาคสนามในปีนี้ สรยท.ได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบันยานยนต์ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ใช้พื้นที่ของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ATTRIC ตั้งอยู่ที่ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ที่เข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 11 คัน เนื่องจากศูนย์แห่งนี้ในอนาคตจะมีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยและภูมิภาคใช้ในการทดสอบยานยนต์รวมถึงอุปกรณ์ และกำหนดมาตรฐานสำหรับยานยนต์ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต่างๆ ของตัวรถยนต์ที่เขามาทำตลาดในประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย

สำหรับรถยนต์เข้ารอบสุดท้ายที่คณะกรรมการได้ทำการทดสอบทั้งหมด 11 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ 6 คัน คือ BMW X1, GWM TANK 300, HONDA CR-V e:HEV, Mercedes-Benz GLC 350e, MITSUBISHI TRITON, TOYOTA INNOVA ZENIX และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) 5 คัน คือ BYD Dolphin, BYD Seal, MG 4 Electric, MG Maxus 9, TOYOTA bZ4X

“ปีนี้ถือเป็นความริเริ่มสำหรับรถ EV เนื่องจากเป็นทิศทางการเปลี่ยนผ่านยานยนต์จากเครื่องยนต์สันดาบภายในไปสู่รถพลังงานไฟฟ้า และปัจจุบันไทยมีรถ EV เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่อง การสร้างมาตรฐานให้รถในกลุ่มนี้ เป็นหน้าที่หนึ่งขององค์กรสื่อยานยนต์ด้วยเช่นกัน และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่มีการให้รางวัลนี้ด้วย” นายวชิระ กล่าว

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานมอบรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2023 กล่าวว่า “รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR ของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เป็นรางวัลอันทรงเกียรติและเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศไทยมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ยานยนต์ที่มีสมรรถนะด้าน “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ยังจะเป็นส่วนสนับสนุนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเติบโตไปข้างหน้า ตามทิศทางเทคโนโลยียานยนต์ของโลกที่มุ่งพัฒนาไปสู่การขับขี่สู่ความยั่งยืน (Sustainable Mobility) และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ที่วางไว้อีกด้วย

กระทรวงอุตสากหรรมยินดีที่ได้องค์กรสื่ออย่างสรยท.เป็นพันธมิตรร่วมในการสร้าง และส่งเสริมภาคการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และแม้ในปัจจุบันรัฐบาลจะมีโครงการสนับสนุนการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าต่อเนื่อง แต่กระทรวงฯ ยืนยันว่าการผลิตรถยนต์สันดาบภายในยังมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยเช่นกัน

“ผมขอชื่นชมองค์กรสื่อ โดยเฉพาะสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ที่สร้างสรรค์รางวัลอันทรงคุณค่านี้ และเป็นส่วนสนับสนุนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ”

นอกจากนี้ สรยท.ยังได้มอบรางวัล Thailand Car & Motorcycle  Marketing Award 2023 ให้กับบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงธุรกิจ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในทั้งยอดขาย การผลิต และกลยุทธ์การตลาด ในปี 2022-2023 ทั้ง 23 บริษัท ดังนี้

1. รางวัล ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมสูงสุด ประจำปี 2565 ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

2. รางวัล รางวัลผู้จำหน่ายรถยนต์กลุ่ม xEV สูงสุดประจำปี 2565 ได้แก่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

3. รางวัล ผู้จำหน่ายรถกระบะ 1 ตัน สูงสุด ประจำปี 2565 ได้แก่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด

4. รางวัล รถยนต์คันแรกที่ออกแบบให้แตกต่างและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ปี 2566 ได้แก่ มาสด้า 2 ของ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

5. รางวัล ขวัญใจ SME ได้แก่ SUZUKI CARRY จาก บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

6. รางวัล ผู้ส่งออกรถกระบะยอดเยี่ยม ประจำปี 2565 ได้แก่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

7. รางวัล ผู้จำหน่ายรถยนต์ PPV ที่คุ้มค่าตัวสูงสุด ได้แก่รถยนต์ NISSAN TERRA จาก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

8. รางวัล ยอดขายรถยนต์เติบโตสูงสุดในปี 2565 ได้แก่ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด

9. รางวัล แชมป์ยอดจำหน่ายรถยนต์ยุโรป ประจำปี 2565 ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

10. รางวัล รถยนต์ที่มีคุณค่าน่าสะสมสูงสุด (Rare Item) ได้แก่ รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น AMG G 63 จาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จํากัด

11. รางวัล ผู้นำเข้ารถยนต์ยุโรปพรีเมียมที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ รถยนต์ AUDI จาก บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด

12. รางวัล ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปหัวใจสีเขียว ได้แก่ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

13. รางวัล รถไฟฟ้า SPORT SEDAN ที่คุ้มค่าที่สุด เป็นของรถยนต์ BYD Seal จากบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด

14. รางวัล ผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าสูงสุด ประจำปี 2565 เป็นของ ORA GOOD CAT จาก บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

15. รางวัล รถยนต์ MPV ไฟฟ้า ที่เหมาะกับครอบครัวที่สุด ได้แก่ MAXUS 9 จาก บริษัท เอ็มจีเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

16. รางวัล ผู้นำยานยนต์พลังงานสะอาดจากแดนมังกร ได้แก่ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด

17. รางวัล บริษัทประกันภัยรถยนต์ ที่มียอดกรมธรรม์สูงสุด ประจำปี 2566 ได้แก่ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

18. รางวัล ผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ประจำปี 2565 ได้แก่ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด

19. รางวัล ผู้บุกเบิกระบบนิเวศรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด

20. รางวัล ผู้นำนวัตกรรมออโตเมติกของประเทศไทย ได้แก่ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า จาก บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

21. รางวัล รถจักรยานยนต์ บิ๊กสกูตเตอร์ทัวริ่ง พิกัด 400 ซี.ซี. ยอดนิยม ได้แก่ รถจักรยานยนต์ Suzuki Burgman 400 จาก บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

22. รางวัล รถจักรยานยนต์ ซูเปอร์ไบค์สปอร์ต ประจำปี 2023 ได้แก่ รถจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู BMW M 1000 R ของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย

23. รางวัล บิ๊กไบค์ Enduro Adventure ดีไซน์ยอดเยึ่ยมแห่งยุค ได้แก่ รถจักรยานยนต์ Ducati DesertX จาก บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด

ทีทีซี มอเตอร์ แตกไลน์ธุรกิจสู่คาร์ ดีเทลลิ่ง “โทพาซ”

ทีทีซี มอเตอร์ แตกไลน์ธุรกิจคาร์ ดีเทลลิ่ง ระดับ Ultra Luxury ภายใต้แบรนด์โทพาซ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท

นายอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โทพาซ ดีเทลลิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาด ดูแล ปรับสภาพ รวมถึงการติดตั้งฟิล์มปกป้องสีรถยนต์ระดับ Hi-End จากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า โทพาซ ดีเทลลิ่ง ถือเป็นผู้นำในกลุ่ม Ultra Luxury Car Detailing and Protection Center ที่ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากซูเปอร์สตาร์และเซเลบริตี้จากทุกมุมโลก รวมถึงได้รับเกียรติดูแลรถยนต์ของราชวงศ์ต่างๆ ในโลก ด้วยคุณภาพและการบริการที่เหนือระดับ ให้บริการเสมือนการเสิร์ฟงานศาสตร์และศิลป์ มีการสร้างสรรค์ผลงานที่ประณีตและพิถีพิถันทุกขั้นตอน ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้ได้มาซึ่งความงดงามและคุณภาพสูงสุดของยนตรกรรมสุดหรูทุกคัน เปรียบเสมือนผลงานศิลปะระดับ Master piece

โทพาซ ดีเทลลิ่ง พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่พัฒนาการ 32 ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท โดยมีการสร้าง Facilities ต่างๆ ที่มีคุณภาพสูงสุด รวมไปถึงเครื่องมือที่ได้การรับรองมาตรฐานระดับโลก และให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ มาควบคุมการทำงานในทุกขั้นตอน ซึ่งลูกค้าจะได้สัมผัสคุณภาพระดับ Ultra Luxury กับผลงานการติดตั้ง Paint Protection Film (PPF) สุดประณีตดั่งผลงานศิลปะ รวมไปถึงการทำดีเทลลิ่ง level 1 ถึง level 5 ซึ่งแบ่งแยก level ตามสภาพของตัวรถ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงกว่า 15 ปีในต่างประเทศ เรามั่นใจว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับประสบการณ์สุดประทับใจและความพึงพอใจสูงสุดอย่างแน่นอน

โทพาซ มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 2,020 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ทำงาน โทพาซ สตูดิโอ 1,670 ตรม. แบ่งพื้นที่ทำงานเป็น 4 ส่วน 1.PPF (ฟิล์มปกป้องสีรถยนต์) 249 ตรม. 2. Detailing (ดูแลในทุกรายละเอียดรถยนต์) 231 ตรม. 3.ห้องรับรองลูกค้า ขณะรอการบริการ 76 ตรม. 4.ห้อง Delivery room (ห้องส่งมอบ) 60 ตรม.

มากไปกว่านั้นทางบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะพูดคุยกับ Partner หรือผู้ที่มีความรักและหลงใหลในรถยนต์ที่มีความสนใจจะลงทุนกับธุรกิจ โทพาซ ดีเทลลิ่ง ในแต่ละพื้นที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ บริษัท โทพาซ ดีเทลลิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02 722 7777

สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2023นี้ โทพาซ ดีเทลลิ่ง (ประเทศไทย) ขอเรียนเชิญลูกค้าทุกท่านเข้าไปสัมผัสความพิเศษของการบริการจาก โทพาซ ณ บูธเลขที่ C01 อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ Mercedes-Benz Certified ในฮอล์ Challenger 3 พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษที่ทาง โทพาส ได้จัดเตรียมไว้มอบให้กับลูกค้าที่จองการบริการภายในงานนี้อีกด้วย

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ โทพาซ ดีเทลลิ่ง ประเทศไทย ได้ที่:

Facebook : Topaz Detailing Thailand

IG : Topazthailand

Twitter : Topazthailand

Youtube : Topaz Detailing Thailand

กลุ่มบริษัทเรเว่ ประกาศวิสัยทัศน์ NEW FUTURE YOUR WAY

กลุ่มบริษัทเรเว่ ยกระดับขับเคลื่อนเครือข่ายธุรกิจพุ่งเป้านำประเทศไทย สู่ยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ NEV Nation (NEV : New Energy Vehicle) ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนพร้อมประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “NEW FUTURE, YOUR WAY” ตอบโจทย์ทุกชีวิต สู่ระบบนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการลงทุนเพื่ออนาคต

กลุ่มบริษัทเรเว่ ยกระดับขับเคลื่อนองค์กร พร้อมสร้างขุมพลังเครือข่ายธุรกิจใหม่ เริ่มตั้งแต่ RÊVER Automotive, RÊVER Commercial Vehicles, RÊVER Bus and Truck, RÊVER Leasing พุ่งเป้านำประเทศไทย สู่ NEV Nation (NEV : New Energy Vehicle) พร้อมประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “NEW FUTURE, YOUR WAY” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ สู่ NEV Nation ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับแนวคิดและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย

จากความสำเร็จในการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลด้วยยอดขายสูงสุดในปีนี้ ทำให้กลุ่มบริษัทเรเว่ พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และมุ่งมั่นส่งมอบพลังงานรูปแบบใหม่สำหรับทุกคนด้วยการสร้าง EV INFRASTRUCTURE ที่ยั่งยืน เพื่อช่วยสนับสนุนและรองรับระบบนิเวศของนวัตกรรม EV ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ด้วยองค์ประกอบสำคัญ คือ ผลิตภัณฑ์และความล้ำหน้าของเทคโนโลยี ที่ในวันนี้ไม่จำกัดเพียงแค่รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังขยายสู่การตอบโจทย์ความต้องการในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่อีกด้วย เพื่อสร้างการเติบโตแห่งอนาคตสำหรับทุกภาคธุรกิจ อีกทั้งบริการที่พร้อมสนับสนุนทุกความเป็นไปได้ ทั้งด้านการเงินและสินเชื่ออย่างครบวงจร

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเรเว่ กล่าวว่า “ณ วันนี้ กลุ่มบริษัทเรเว่ทำให้คนไทยและวงการยานยนต์ของไทยพบกับมิติใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้เห็น เรานำอนาคตที่เคยคิดว่าอยู่อีกไกลมาไว้ตรงหน้าท่าน เรานำพลังงานใหม่ที่สะอาดและยั่งยืน มาขับเคลื่อนสังคมไทยให้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น ด้วยมาตรฐานระดับโลก ส่งผ่านความหลากหลายในธุรกิจของเราที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ของทุกชีวิต กลุ่มบริษัทเรเว่จะสร้าง EV INFRASTRUCTURE ที่เข้มแข็ง เป็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนกำหนดด้วยตัวเอง และปรับเปลี่ยนให้ตรงใจได้ในแบบที่ทุกคนอยากให้เป็น ด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “NEW FUTURE, YOUR WAY” จะช่วยผลักดัน NEV Nation ในด้านนวัตกรรมพลังงานใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทุกรุ่นภายใต้แบรนด์ BYD จะเปิดตัวครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในตลาดไทย เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ EV และ NEV Ecosystem ด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทั้งตัวยานยนต์ และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของแบตเตอรี่รถยนต์ อันเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า”

สำหรับด้านการขายและบริการหลังการขาย จะพุ่งเป้าในการให้ความสำคัญกับช่องทางบริการทั้ง Online และ Onsite อย่างทั่วถึง เพื่อสร้างประสบการณ์ Online-and-Offline Experience จากการบริการที่เหนือระดับ ดังนั้น กลุ่มบริษัทเรเว่ จึงมีความตั้งใจอย่างยิ่ง ที่จะเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดเชิงบวก สร้างบริษัทที่เต็มไปด้วยพลังบวกในการทำงาน เปี่ยมด้วยพลังในการสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น และดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ พร้อมเสาะแสวงหานวัตกรรมทางสุนทรียภาพ ไม่จำกัดตนเองอยู่แต่ในกรอบ ขณะเดียวกันก็พร้อมให้เกียรติต่อผู้คน วัฒนธรรม และสังคมอีกด้วย

กลุ่มบริษัทเรเว่ จะสร้าง EV Ecosystem ที่เข้มแข็ง เป็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนกำหนดด้วยตัวเองได้ และปรับเปลี่ยนให้ตรงใจได้ในแบบที่ทุกคนอยากให้เป็นด้วยแนวคิด “NEW FUTURE, YOUR WAY” ซึ่งประกอบไปด้วย

•RÊVER AUTOMOTIVE ที่จะนำนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าอันทันสมัย ขับเคลื่อนทุกชีวิตไปข้างหน้าด้วยพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ BYD ซึ่งจะเปิดตัวครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในตลาดประเทศไทย เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ไฟฟ้า EV และ NEV Ecosystem ด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทั้งตัวรถยนต์และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำด้วย BLADE BATTERY ของ BYD ที่มีประสิทธิภาพสูงและทนทาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้า แบบก้าวกระโดด พร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยี E-PLATFORM 3.0 ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะช่วยสร้างประสบการณ์ขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น บนมาตรฐานความปลอดภัยที่ทุกคนวางใจได้ สะดวกสบายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ เพื่อพาทุกชีวิตสู่อนาคตรูปแบบใหม่อย่างมีสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง

•RÊVER COMMERCIAL VEHICLES ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อเปิดโอกาสสู่อนาคตใหม่ๆ ทางธุรกิจ ตอบทุกความฝัน ด้วยนวัตกรรมยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ ที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบธุรกิจแห่งอนาคต พิสูจน์แล้วถึงประสิทธิภาพที่คุ้มค่า ปลอดภัยกว่า และเป็นมิตรต่อโลกของเรา พร้อมสนับสนุนและพาทุกธุรกิจเดินไปข้างหน้า ทะยานสู่ความสำเร็จใหม่ๆ เป็นจริงได้กับทุกความฝัน แบบที่ทุกคนอยากเป็น มีทีมงานที่พร้อมดูแลลูกค้าทุกรายอย่างทั่วถึง ด้วยทีม AFTERSALE SUPPORTS ที่เชี่ยวชาญ ว่องไว และมากด้วยประสบการณ์ อีกทั้งมีอะไหล่ที่ครบครัน พร้อมให้บริการตลอดเวลา

•RÊVER BUS AND TRUCK (ผู้นำเข้าแชสซีและประกอบรถบัสและรถบรรทุก) พร้อมแล้วที่จะนำท่านและสังคมไทยสู่อนาคตทางการขนส่งรูปแบบใหม่ ที่คุ้มค่า ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กับการขับเคลื่อนการขนส่งด้วยพลังงานใหม่จาก BYD ที่มีทั้งรถบัสและรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า

ด้านนางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเรเว่ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท เรเว่ พร้อมแล้วที่จะขยายอาณาจักรต่อยอดธุรกิจจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจาก BYD แบรนด์พลังงานใหม่อันดับต้นๆ ของโลก มุ่งสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ภายใต้การดำเนินการของ RÊVER BUS AND TRUCK เพื่อสร้างโซลูชั่นแห่งการขนส่งและโลจิสติกส์ด้วยพลังงานใหม่ กับการขับเคลื่อนทุกเส้นทางด้วยนวัตกรรมยานพาหนะแห่งอนาคตจาก BYD ที่พัฒนาการจาก DNA ของการเป็นรถไฟฟ้า มาสู่การสร้างรถ บรรทุกแบบ eTruck และรถขนส่งแบบ eVan ที่จะนำพาธุรกิจไปสู่โลกใหม่ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ เพื่อโลกที่สะอาดและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ด้วยรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ารถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ทันสมัยที่สุด ปลอดภัยที่สุด และคุ้มค่าที่สุดในทุกเส้นทาง”

ขุมพลังจาก BYD IRON-PHOSPHATE BATTERY แบตเตอรี่เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ที่มีประสิทธิภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน และปลอดภัยในทุกเส้นทาง เปิดโอกาสสู่อนาคตและโอกาสใหม่ๆ ของวงการอุตสาหกรรมในแบบที่คุณต้องการ ด้วย “รถหัวลากไฟฟ้า Q1R” ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 200 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง รองรับน้ำหนักของสินค้าได้กว่า 40,000 กิโลกรัม และยังมี “รถบัสไฟฟ้า- eBUS” ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งมวลชน วิ่งได้ไกลถึง 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ผลงานจากการใช้งานจริงของรถบัสไฟฟ้ากว่า 74,000 คันที่ส่งมอบไปแล้วทั่วโลก บทพิสูจน์ถึงการเป็นเจ้าแห่งรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอันดับต้นของโลก

•RÊVER LEASING จะเปิดตัวเพื่อสร้างอนาคตให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ตอบโจทย์ภารกิจทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ามาผสมผสาน แต่ยังคงคำนึงถึง และให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล รวมถึงมุ่งเน้นการให้บริการสู่มาตรฐานสากล ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถยนต์ ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floorplan) สินเชื่อรถยนต์ใหม่ (Hire Purchase–New Car) สินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ และสินเชื่อเพื่อบริษัทหรือองค์กร (Fleet & Financial Lease) สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว (Hire Purchase–Used Car) สินเชื่อเปลี่ยนรถยนต์เป็นเงินสดพร้อมใช้ (Hire Purchase–Refinance) และสินเชื่อเล่มทะเบียนรถ (Loan – Refinance) เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทเรเว่ ได้ง่ายและคล่องตัวขึ้นสำหรับความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาในปี 2024 นี้ กลุ่มบริษัทเรเว่ จะรุกสู่ธุรกิจการเงินเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์

ส่งท้ายปลายปีกับแคมเปญใหญ่ 19,999 Celebration RÊVER แจกโชคใหญ่ ให้แทนคำขอบคุณ ดีลโดนใจ สำหรับลูกค้าใหม่ BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 (สำหรับผู้ซื้อและรับรถตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 นี้เท่านั้น) รับสิทธิ์เพิ่มสุดคุ้มจากโปรแกรม RÊVER Care ประกันภัยชั้น 1 นาน 2 ปี , Home Charger (สำหรับผู้ที่ซื้อ ATTO 3 จะได้รับยี่ห้อ AUTEL), บริการติดตั้ง Home Charger และค่าบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.

นอกจากนี้ ยังแทนคำขอบคุณสำหรับเจ้าของรถ BYD ทุกรุ่น (สำหรับผู้ซื้อและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565-31 ธันวาคม 2566 นี้เท่านั้น) รับสิทธิ์ลุ้นรถ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

พิเศษ! รับเพิ่มเฉพาะลูกค้า BYD DOLPHIN ค่าบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. สำหรับผู้ที่ได้รับรถทุกคันในช่วง 7 กรกฎาคม 2566–31 ตุลาคม 2566

กลุ่มบริษัทเรเว่พร้อมแล้วที่จะเป็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนกำหนดด้วยตัวเอง และปรับเปลี่ยนให้ตรงใจได้ในแบบที่ทุกคนต้องการให้เป็น ด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “NEW FUTURE, YOUR WAY” ที่ทุกคนมีส่วนร่วมสร้างตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เอ็มจี เผยโฉม ROEWE D7 DMH ครั้งแรกในไทยและอาเซียน

เอ็มจี นำรถพรีเมียมซีดาน ROEWE D7 DMH เผยโฉมครั้งแรกในไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมขนยนตรกรรมพลังงานสะอาดร่วมงาน GREEN TECHNOLOGY EXPO 2023

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ยกทัพยนตรกรรมรถพลังงานสะอาดครบทุกรุ่นร่วมงาน GREEN TECHNOLOGY EXPO 2023 นำโดย NEW MG4 Electric พร้อมสร้างสีสันให้กับตลาดรถพลังงานทางเลือก กับการนำรถ ROEWE D7 DMH เข้ามาเผยโฉม ครั้งแรก ในไทย

งาน GREEN TECHNOLOGY EXPO 2023 จัดขึ้นโดย กระทรวงพลังงาน, สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST), Council for the Promotion of International Trade Shanghai (CCPIT) และ Chinese Academy of Sciences, Innovation Cooperation Center Bangkok (CAS-ICCB) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้าน Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) ยุทธศาสตร์ชาติและความคิดริเริ่ม “Belt and Road Initiative” ของจีนเพื่อการสร้างคำนิยามที่ว่า “จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” โดยภายในงานมีการนำเทคโนโลยีสีเขียวเป็นแกนหลักในการจัดแสดงเพื่อมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยคาร์บอนของโลก และวิสัยทัศน์ในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) การปฏิบัติตามนโยบายของสหประชาชาติและข้อกำหนดชี้นำของประชาคมระหว่างประเทศในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย เอ็มจี ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีความใส่ใจในเรื่องดังกล่าวและได้นำผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายและครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของคนไทยทั้งรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าอย่าง MG ZS EV ที่เป็นผู้จุดประกายความนิยมรถไฟฟ้าในไทยรถสเตชันวากอนพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์แต่ใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงการลงทุนเพื่อขยายความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟแบบไว หรือ MG SUPER CHARGE ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาแบตเตอรี่อีวีภายในประเทศไทยได้เป็นผลสำเร็จแล้วนั้น เอ็มจี ยังถือเป็นแบรนด์แรกๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสายการผลิตภายในประเทศ โดยประเดิมคันแรกของประเทศไทย ด้วยรถ NEW MG4 ELECTRIC Thailand Edition จะเป็นรุ่นแรกที่เตรียมผลิตเพื่อจัดจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนการผลิตที่แยกออกมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เป้าหมายใหญ่ในการเป็น “ฮับอีวี” ของ เอ็มจี ในภูมิภาคอาเซียน

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของ เอ็มจี ที่ได้เข้าร่วม GREEN TECHNOLOGY EXPO  ซึ่ง บริษัทฯ มีความภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มสร้างตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญนอกจาก NEW MG4 ELECTRIC แล้วเรายังได้นำ ROEWE D7 DMH รถปลั้กอิน-ไฮบริดรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวที่ประเทศจีนเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 มาจัดแสดงเป็นครั้งแรก เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสกับนวัตกรรมของยานยนต์พลังงานทางเลือกที่ล้ำสมัย ซึ่งสอดรับกับคอนเซ็ปต์งานฯ”

สำหรับ ROEWE D7 DMH มีมิติตัวถังขนาด 4,890 x 1,890 x 1,510 มม. ระยะฐานล้อ 2,810 มม. ขับเคลื่อนด้วยระบบ DMH (Dual – Motor Hybrid) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นใหม่จาก SAIC MOTOR สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ได้ สูงสุด 125 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากน้ำมันและไฟฟ้าระยะทางสูงสุด 1,400 กม. ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 21.79 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมช่วงล่างหลังอิสระมัลติลิงค์ ตบแต่งด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัย เรียบหรู ภายในมาพร้อมวัสดุระดับพรีเมียม เบาะหนังกลับคุณภาพสูง และดีไซน์ลายตะเข็บแบบมีรูระบายอากาศ เบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้ 10 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศและหน่วยความจำ พื้นที่โดยสารตอนหลังกว้างขวาง สะดวกสบาย ดูล้ำสมัยด้วยจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว Super- Long LCD Screens ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะ BANMA Intelligent Driving System

พบกับยนตรกรรมครบทุกขุมพลังการขับเคลื่อนของ เอ็มจี พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถไฟฟ้าทุกรุ่นของ เอ็มจี ในงาน GREEN TECHNOLOGY EXPO 2023 ที่ บูธเลขที่ G04 ฮอลล์ EH 98-99 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 – 12 พฤศจิกายน 2566 นี้ และ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเอ็มจีกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ

หมายเหตุ : ทุกข้อเสนอเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

เอ็มจี อวดโฉม MG CYBERSTER และ IM LS6 ที่งาน Motor Expo 2023

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมนำไฮไลท์เทคโนโลยีสุดล้ำระดับพรีเมียมมาโชว์ ทั้งอีวีโรดสเตอร์ MG CYBERSTER และ IM LS6 อีวีคูเป้ เอสยูวีสุดหรู มาให้คนไทยได้ชมอย่างใกล้ชิดในงาน Motor Expo  ครั้งที่ 40 ณ บูธเอ็มจี หมายเลข A14 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

MG CYBERSTER โรดสเตอร์ อีวี จากรถต้นแบบเมื่อ ปี 2021 สู่รถผลิตจริงในปี 2023 ซึ่งครั้งนี้จะนำมาให้ยลโฉมเป็นครั้งแรกในอาเซียน โดยรถคันที่นำมาแสดงได้เปิดตัว ที่สหราชอาณาจักร ในงาน Goodwood Festival of Speed 2023 และงาน เฉิงตูมอเตอร์โชว์ ณ ประเทศจีน เมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถโรดสเตอร์ไฟฟ้า (Electric Roadster) เปิดประทุน 2 ที่นั่งของตลาดอีวี โดดเด่นด้วยดีไซน์ประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด และหลังคาผ้าซอฟต์ท็อป มาพร้อมกระจังหน้าเรียวยาว เส้นด้านข้างของตัวรถมีความโค้งมน ให้ความรู้สึกพลิ้วไหวแต่แฝงไว้ซึ่งความแข็งแกร่ง ภายในหรูหราด้วยวัสดุระดับพรีเมียมใช้ดีไซน์แบบโอบล้อม พร้อมพวงมาลัยทรงสปอร์ต เบาะนั่งแบบสปอร์ตรูปตัว Y เพื่อให้ได้บรรยากาศแบบรถสปอร์ต ผ้าหนังกลับสัมผัสละเอียดรวมถึงเทคโนโลยีการเย็บที่ประณีต เผยให้เห็นสไตล์ที่หรูหราในทุกตารางนิ้ว

และอีกหนึ่งรุ่นไฮไลท์ จาก แบรนด์ IM Motors ที่เป็นแบรนด์ภายใต้การร่วมทุน ของ SAIC Motor ร่วมมือกับ Alibaba และ Shanghai Zhangjiang  Hi-Tech Park Development อย่าง IM LS6 รถคูเป้เอสยูวีที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบซิลิกอนคาร์ไบด์ ด้วยกำลังชาร์จสูงสุด 900 V โดยมีแรงดันไฟฟ้าขณะใช้งานสูงสุดที่  875 V และเซลล์ในชุดแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้สูงสุด 396 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 200 กิโลเมตร หลังชาร์จไฟเพียง 5 นาที และหากชาร์จ 15 นาที สามารถทำระยะทางได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร ด้วยสมรรถนะ รูปลักษณ์ และเทคโนโลยีอันโดดเด่น ทำให้ IM LS6 สามารถสร้างสถิติยอดจองล่วงหน้ากว่า 6,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น

สัมผัสและรับชมยนตรกรรมคุณภาพจากเอ็มจีได้ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2566 ณ บูธ MG หมายเลข A14 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานทั้ง 150 แห่งทั่วประเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม พร้อมรายละเอียดรถทุกรุ่น ของ เอ็มจี ได้ที่ bit.ly/468EzSx

เมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่งตั้ง “คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก” คุมทัพการตลาดคนใหม่

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ได้แต่งตั้ง มร.คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก ดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แทน มร.บีเยิร์น ยอร์คคิม กุซเทรา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป

มร.คาย-อูเว่ เริ่มต้นอาชีพในปี พ.ศ. 2546 ทื่ smart GmbH ในฝ่ายบริหารการตลาด รับผิดชอบกลุ่มประเทศในยุโรป ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย หลังจากนั้นจึงได้เข้ามาร่วมงานกับบริษัท เดมเลอร์ ไครส์เลอร์ เอจี ณ เมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี โดยมีหน้าที่วิเคราะห์และประเมินแผนการตลาดในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์

ในปี พ.ศ. 2550 มร.คาย-อูเว่ ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดและการขาย (Head of Marketing & Sales) ที่ smart-BRABUS GmbH ในเมืองบอตทรอป ประเทศเยอรมนี โดยรับผิดชอบงานด้านการวางแผนการตลาด การประกอบรถยนต์ และการดีไซน์ ทั้งในส่วนของรถยนต์ อุปกรณ์เสริม และการบริการหลังการขาย รวมถึงดูแลการประสานงานด้านการขาย การวางแผน พัฒนาธุรกิจ การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ มร.คาย-อูเว่ และทีมงาน ยังเป็นผู้ก่อตั้งโปรแกรมปรับแต่งรถยนต์หลังการขายของ smart ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด (smart-BRABUS tailor made)

ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 มร.คาย-อูเว่ ได้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ ณ เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ในตำแหน่ง ผู้จัดการอาวุโส (Senior Manager) ด้านการวางแผนกลยุทธ์ของกลุ่มรถยนต์คอมแพกต์ (Product Management Compact Cars) ประจำบริษัท Beijing Mercedes-Benz Sales & Services Co., Ltd. รับผิดชอบในส่วนของการวิเคราะห์การตลาดและการประเมินราคาสำหรับกลุ่มรถยนต์คอมแพกต์ในตลาดจีน หลังจากผ่านไประยะหนึ่งก็สามารถเปิดตัวรถยนต์คอมแพกต์ที่ประกอบในประเทศได้สำเร็จ จากนั้น จึงย้ายมาดูแลด้านการวางกลยุทธ์การขายและการพัฒนาผู้จำหน่ายฯ อย่างเป็นทางการ (Retail Strategy & Dealer Development) ในปี พ.ศ. 2558 โดยรับผิดชอบทั้งแบรนด์ Mercedes-Benz, AMG, smart และ MAYBACH

ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) มร.คาย-อูเว่ ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของทีมพัฒนาเครือข่าย (Network Strategy & Development) ในบริษัท Beijing Mercedes-Benz Sales & Services Co., Ltd. รับผิดชอบงานด้านการวางกลยุทธ์การขาย และการพัฒนาผู้จำหน่ายฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเป็นผู้นําและมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์ที่สําคัญในประเทศจีน เช่น OTR + (One Touch Retail), MAR2020 และการตลาดในรูปแบบใหม่ เช่น AMG Brand Center และการเปิดตัว Maybach Atelier แห่งแรกของโลก เป็นต้น ทั้งยังมีส่วนสําคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและน่าไว้วางใจกับพันธมิตร ผู้จำหน่ายฯ อย่างเป็นทางการ และนักลงทุนในประเทศจีน

ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ของ มร.คาย-อูเว่ ในการวางแผนด้านการตลาด การขาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาเครือข่ายในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในยุโรปและเอเชีย ดังนั้น “มร.คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก” ในฐานะรองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จึงถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทไปสู่การเติบโตและความสำเร็จต่างๆ ในอนาคต รวมไปถึงการรักษาความเป็นผู้นำด้านตลาดรถหรูในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน 

MOTOR EXPO APPLICATION ไม่พลาดทุกไฮไลท์ ก่อนไปสัมผัสของจริง

ชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ผ่าน MOTOR EXPO APPLICATION พบรีวิวยานยนต์ทุกประเภท ข้อมูลการเปรียบเทียบ โปรโมชั่นเด็ดค่ายดัง AR SCANNER ค้นหารถ 360° แถมลุ้นรับฟรี รถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท

“MOTOR EXPO” APP อัดแน่นข้อมูลของงาน “MOTOR EXPO 2023” ผู้ใช้สามารถชมรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทุกแบรนด์ภายในงานเสมือนได้สัมผัสของจริง จาก Influencer พร้อมรายละเอียดของงาน อาทิ โปรโมชั่น, บริการรถรับส่งชมงานฟรี, รายงานสภาพจราจร พร้อมแผนผังที่จอดรถ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมี BUYER’S GUIDE ช่วยเลือกซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เปรียบเทียบคันต่อคัน พร้อมคำนวณสินเชื่อ

AR SCANNER ค้นหารถ 360° โดยสแกน ยี่ห้อ รุ่น เครื่องยนต์ ราคา ฯลฯ (รองรับรถยนต์จำนวน 100 คัน)

ดาวน์โหลด MOTOR EXPO APP ได้ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมมีกิจกรรม “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566

พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save