- Advertisement -
32.2 C
Bangkok
Home Blog Page 70

MOTOR EXPO จับรางวัลคืนกำไรให้ผู้ชม

“IMC สื่อสากล” จับรางวัลผู้โชคดีในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” รับรถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และรางวัลอื่นๆ มากมาย จากกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมหลายรายการ ณ ห้องจูปิเตอร์ 4-5 อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ในวันพุธที่ 24 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้

“ซื้อรถ…ชิงรถ” NEW MG HS PHEV D ได้แก่ พรพิมล ภู่ศิริ จังหวัดปทุมธานี

“ซื้อบัตร…ชิงรถ” NETA V ได้แก่ จอมขวัญ ยงยุทธ จังหวัดสมุทรสาคร

“ซื้อสินค้า…ชิงรถ” MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T ได้แก่ ว่าที่ ร.ต.กัมพล ดวงรัศมี จังหวัดปทุมธานี

“ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” HONDA รุ่น XL750 TRANSALP ได้แก่ ศุภโชค หรูวานิชย์ จังหวัดกรุงเทพฯ

“ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล” ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 ได้แก่ ธิดารัตน์ คนคล่อง จังหวัดพะเยา

สำหรับรายชื่อผู้โชคดีที่ผ่านการตรวจสอบว่าปฏิบัติตามกฎกติกาของการชิงรางวัลแล้ว จะประกาศ ทางเวบไซท์ motorexpo.co.th, autoinfo.co.th, ทาง LINE @motorexpo ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และทางนิตยสาร “ฟอร์มูลา”, 4 WHEELS  ฉบับประจำเดือนเมษายน 2567

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยโมเดลธุรกิจ Retail of the Future กดจองรถราคาเดียวทั่วไทย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ สร้างความเท่าเทียมด้านราคา ยกระดับค้าปลีกลักชัวรี่ในไทย ด้วยโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” ซื้อรถที่ไหนก็ได้ราคาเดียวกันทั่วประเทศ

•เปิดตัวเป็นตลาดที่ 11 ของโลก นำเสนอโมเดลธุรกิจในรูปแบบเอเจนต์ที่เข้ามายกระดับประสบการณ์การซื้อรถของผู้บริโภคชาวไทย

•วางบทบาทสำคัญของตัวแทนจำหน่ายฯ (Retail Partners) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่จะส่งมอบประสบการณ์ระดับลักชัวรี่ให้กับลูกค้าทุกคน

•ย้ำแพลตฟอร์มออนไลน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำเสนอข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยผสานประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อในทุกช่องทางแบบ Omni-channel

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยกระดับอุตสาหกรรมค้าปลีกระดับลักชัวรี่ในไทย เปิดตัวโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” อย่างเป็นทางการ เดินหน้าพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกของแบรนด์สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ พร้อมนำเสนอประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าในทุกมิติ หลังการหารือกับตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ และประกาศความพร้อมเมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา

“Retail of the Future” เป็นโมเดลธุรกิจที่มอบข้อได้เปรียบให้กับลูกค้าโดยตรง เน้นเรื่องความโปร่งใสด้านราคาและข้อเสนอที่เท่าเทียมกันในทุกแพลตฟอร์ม รวมไปถึงการที่ลูกค้าสามารถเลือกรถยนต์ทุกรุ่นที่ต้องการผ่านระบบคลังสินค้าส่วนกลางที่เชื่อมต่อกันทั่วประเทศ โดยผสานความโดดเด่นจากโมเดลธุรกิจให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของลูกค้า การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนและจูงใจสำหรับตัวแทนจำหน่ายฯ ในขณะที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ ในการเข้าถึงลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

จากการปรับใช้โมเดลธุรกิจและสร้างความสำเร็จมาแล้วในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก โดยมี เยอรมนี และมาเลเซีย เป็น 2 ประเทศล่าสุดในปีที่ผ่านมา เป็นข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทั้งฝั่งตัวแทนจำหน่ายฯ และลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เปิดเผยขั้นตอนการเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อสร้างความเข้าใจและความคุ้นเคยให้กับลูกค้าทุกคน โดยสรุปเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้

•Step 1 “เข้าใกล้รถที่ใช่”: ลูกค้าทุกคนสามารถเริ่มต้นด้วยการค้นหารถรุ่นที่ชอบ ติดต่อที่ปรึกษาการขาย และลงทะเบียนทดลองขับได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศ หรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

•Step 2 “เข้าถึงสต็อกกลาง”: ด้วยระบบคลังสินค้าส่วนกลางที่จัดการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำให้ตัวแทนจำหน่ายฯ และลูกค้าทุกคนเข้าถึงรถยนต์ทุกรุ่นเหมือนกันทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะซื้อรถที่ไหนก็ได้รถรุ่นที่ต้องการ

•Step 3 “เข้าถึงราคาและข้อเสนอสุดพิเศษ”: รับข้อเสนอและราคาที่ดีที่สุดและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ โดยเริ่มจากการประเมินราคาและเลือกข้อเสนอที่ต้องการ รับใบเสนอราคา เลือกรับข้อเสนอทางการเงินและช่องทางการวางเงินจอง

•Step 4 “เข้าสู่การจองรถ”: ยืนยันการซื้อรถผ่านเอกสารข้อตกลงการซื้อรถยนต์ รับใบจองพร้อมเลือกวันและวิธีการรับรถ หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดเตรียมรถยนต์และติดต่อเพื่อยืนยันวันนัดหมาย

•Step 5 “เข้ามาเป็นเจ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์”: ตรวจเช็กรถยนต์โดยผู้เชี่ยวชาญ วางเงินดาวน์และรับใบกำกับภาษี เซ็นรับรถพร้อมรับประสบการณ์สุดพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในขั้นตอนการส่งมอบ

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในการเปิดตัวโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำเสนอวิธีการซื้อรถในรูปแบบใหม่ มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้า และปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับพฤติกรรมและเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ยังส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับลูกค้าทุกคนเช่นเคย พร้อมยกระดับให้มากขึ้นด้วยการลดความเหลื่อมล้ำด้านราคา ทำให้ลูกค้าทุกคนไม่จำเป็นต้องต่อรองราคาและใช้เวลาไปกับการหาราคาและข้อเสนอที่ดีที่สุด ด้วยการกำหนดนโยบาย “One Price” ราคาเดียวกันทั่วประเทศ ที่จะทำให้ลูกค้าทุกคนได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์”

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการส่งมอบรถยนต์ที่มีความหรูหราและเป็นที่ต้องการ ควบคู่ไปกับการนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือระดับในทุกมิติให้กับลูกค้าทุกคน โมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่สะท้อนผ่านทุกก้าวสำคัญในการออกแบบการเดินทางที่น่าตื่นเต้นและน่าประทับใจให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน

อีซูซุปล่อยของแรง “อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรง…ทะลุเวิร์ส” ต้อนรับปีใหม่

อีซูซุเปิดฉากรุกตลาดต้อนรับปีมังกร ส่งปิกอัพสปอร์ต ดีไซน์ใหม่ “อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรง…ทะลุเวิร์ส” (ISUZU X-SERIES… Gotta Xross The Line!) ทุก Element โดดเด่น ไม่ซ้ำใครทั้งดีไซน์และสมรรถนะ พร้อมสะท้อนตัวตนของผู้ใช้รถรุ่นใหม่ให้ออกไปโลดแล่นนอกกรอบ สู่มิติใหม่มีสไตล์ในแบบตัวเอง ทั้งในรุ่น SPEED และ HI-LANDER แต่งเติมความเท่ให้สุดด้วยดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์ X พร้อม ใหม่! ชุดแต่ง The X Package เพิ่มอารมณ์สปอร์ตและความสนุกเร้าใจ พร้อมเผยโฉมความแรงทะลุเวิร์ส ที่โชว์รูม อีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป

กลุ่มตรีเพชร  โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์  ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของ “ไลฟ์สไตล์ปิกอัพ” ที่ฉีกภาพลักษณ์เดิมของรถปิกอัพทั่วไป ด้วยการสร้างกระแสรถปิกอัพแต่งครบจบจากโรงงานจนเกิดเป็นเซกเมนต์ใหม่ในตลาดรถยนต์เมืองไทย ที่อีซูซุได้ขายและทำการตลาดมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 14 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นรถยอดนิยมของอีซูซุที่เข้าถึงความอิสระของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการโดดเด่นไม่เหมือนใคร แสวงหาความท้าทาย ก้าวข้ามเส้นออกนอกกรอบไปสู่มิติแห่งการใช้ชีวิตที่หลากหลายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อันเป็นที่มาของแนวคิดในรุ่นล่าสุด “อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรงทะลุเวิร์ส” (ISUZU X-SERIES…Gotta Xross The Line!) ปิกอัพสปอร์ตดีไซน์ใหม่ที่แสดงออกซึ่งพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของคนเจนใหม่ ทั้งในรุ่น SPEED ปิกอัพสปอร์ตแนวสตรีทเรซ และรุ่น HI-LANDER ปิกอัพสปอร์ตยกสูง ที่จะช่วยเติมเต็มความสนุกของจินตนาการสู่โลกแห่งความจริง ใหม่! ชุดแต่ง The X Package เพิ่มอารมณ์สปอร์ตกับดีไซน์ X สุดเท่อันเป็นเอกลักษณ์ อาทิ กระจังหน้าโทนเข้มตัดแดง สติกเกอร์คาดหน้า-หลัง นอกจากนี้ยังเหนือกว่าด้วยสมรรถนะ ขับสนุก แรงได้ตามใจ เวิร์สไหนก็ไปได้สุดกับขุมพลังเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ แรงเต็มสมรรถนะ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมตำแหน่งเครื่องยนต์แบบ Semi-Midship การกระจายน้ำหนักที่สมดุล มั่นใจทั้งระบบความปลอดภัยและความบันเทิงสมบูรณ์แบบในสไตล์อีซูซุ  ซึ่งพร้อมเผยโฉมความแรงทะลุเวิร์สที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป รุ่น SPEED ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 748,000 – 851,000 บาท และรุ่น HI-LANDER ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 878,000 – 1,024,000 บาท”

อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรง…ทะลุเวิร์ส” (ISUZU X-SERIES…Gotta Xross The Line!) ปิกอัพสปอร์ตดีไซน์ใหม่ ทุก Element โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ด้วยใหม่! ชุดแต่ง The X Package เหนือกว่าด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ พร้อมดีไซน์ Aerodynamic ให้ออกไปโลดแล่นนอกกรอบกับทุกมิติที่เป็นคุณ แบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่

●“อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น SPEED” (ISUZU X-SERIES SPEED) จัดไป…ใส่เต็มสปีด! ปิกอัพสปอร์ตแนวสตรีทเรซ กับไอเทมรอบคัน ให้คุณมันส์เร้าใจทะลุเวิร์สไปกับทุกสปีดที่ใจต้องการ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโทนเข้มตัดแดง Garnet Red สติกเกอร์ Dual Stripes คาดหน้า-หลัง พร้อมสเกิร์ตหน้า-หลังสไตล์ Integrated สเกิร์ตข้างดีไซน์เฉพาะตัว ล้ออัลลอย 16” Gloss Black ห้องโดยสารโทนดำ-แดง ให้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจ ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 748,000 – 851,000 บาท

– ใหม่! หน้าปัดแสดงข้อมูลสไตล์เรซซิ่ง สะท้อนตัวตนผ่านโลโก้ X

– ใหม่! หน้าจอ Infotainment 8 นิ้ว ระบบสัมผัส ดีไซน์สปอร์ตโทนแดง รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน)

– ใหม่! คอนโซลดีไซน์แบบ Flaming Wing เพิ่มความเร้าใจ

– ใหม่! เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตทูโทนดำ-แดง พร้อมโลโก้ X

– เกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift ทั้งในรุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู

●“อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น HI-LANDER” (ISUZU X-SERIES HI-LANDER) ไปให้สุดกับชีวิตไฮสไตล์ ปิกอัพสปอร์ตยกสูง โดนใจคนจริง ให้คุณสนุกเกินคาดกับทุกเส้นทางเหนือจินตนาการ เอกลักษณ์กระจังหน้าโทนเข้มตัดแดง Garnet Red สติกเกอร์ Dual Stripes คาดหน้า-หลัง พร้อมสเกิร์ตหน้า-หลังสไตล์ Integrated Aerodynamic Sport Bar เหนือกระบะท้าย ล้ออัลลอย 18” Gloss Black ห้องโดยสารโทนดำ-เทา ให้อารมณ์พรีเมียม ดุดัน ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 878,000 – 1,024,000 บาท

– ใหม่! หน้าจอแสดงข้อมูล Integrated MID 7 นิ้ว โทนแดงให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมียม พร้อมโลโก้ X

– ใหม่! หน้าจอ Infotainment 8 นิ้ว ระบบสัมผัส ดีไซน์สปอร์ตโทนแดง รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน)

– ใหม่! Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงปลายนิ้ว ขับสนุกเร้าใจ

– ใหม่! คอนโซลดีไซน์แบบ Iron Structure เพิ่มความเท่อย่างมีสไตล์

– ใหม่! เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยี COOLMAX พร้อมโลโก้ X

– มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift (เฉพาะรุ่น 4 ประตู) และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift

สัมผัสประสบการณ์โลดแล่นนอกกรอบสู่มิติใหม่ที่สนุกเร้าใจกับ “อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรง…ทะลุเวิร์ส” (ISUZU X-SERIES…Gotta Xross The Line!) ณ โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

มาสด้า จัดหนักจัดเต็มให้ส่วนลด 120,000 บาท

มาสด้า จัดหนักจัดเต็มให้ส่วนลด 120,000 บาท ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 30,000 บาท ร่วมฉลองฤดูกาลแห่งความรักและความโชคดีกับโปรโมชั่นพิเศษสุดครั้งเดียวในรอบปี SEASON OF LUCK ตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้

-มาสด้า3 และมาสด้า CX-30 รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0%

-มาสด้า CX-3 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0%

-มาสด้า CX-5 รับส่วนลดสูงสุด 110,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0%

-มาสด้า CX-8 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท และมาสด้า2 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท หรือดอกเบี้ย 0%

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 1 กุมภาพันธ์ 2567 – มาสด้า เดินหน้ากระตุ้นตลาดแบบเต็มสูบ โอกาสทองของลูกค้ามาถึงแล้ว ครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบปี กับรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นในราคาสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์นั่งสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมที่สง่างามที่สุดในโลก เจ้าของรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก World Car Design of The Year อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และระบบความปลอดภัยระดับโลก เมื่อมาสด้าร่วมฉลองฤดูกาลแห่งความรักและความโชคดีกับโปรโมชั่นพิเศษสุดครั้งเดียวในรอบปี SEASON OF LUCK มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์มาสด้าตลอดเดือนกุมภาพันธ์ รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท* หรือ โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี (MUS) พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 รวมมูลค่าสูงสุด 100,861 บาท* และเมื่อจองซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รับฟรีลำโพง Sony Portable Wireless Speaker มูลค่า 1,990 บาท** พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัวที่ออกรถใหม่ รับเพิ่มฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท*** ลูกค้าที่สนใจพบข้อเสนอพิเศษนี้ได้ระหว่างวันที่ 1-29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญ MAZDA SEASON OF LUCK ฉลองฤดูกาลแห่งความรักและความโชคดีกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ นับเป็นแคมเปญสุดร้อนแรงที่สุดแห่งปีที่มาสด้าตั้งใจจัดขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อมอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับลูกค้าใหม่และมอบความภูมิใจสำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าคันที่สอง โดยให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่งด้วย Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว มาสด้าต้องการที่จะมอบความสะดวกสบายและไร้ความกังวลให้กับลูกค้า ตั้งแต่ก่อนเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า ไปตลอดระยะเวลาที่ลูกค้าครอบครองรถยนต์มาสด้า

แคมเปญ MAZDA SEASON OF LUCK เป็นแคมเปญที่ตั้งใจจัดขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีทั้งเทศกาลแห่งความรักในวันวาเลนไทน์ และเทศกาลตรุษจีน นับว่าเป็นโอกาสดีที่ทางมาสด้าได้มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้ได้ครอบครองรถยนต์มาสด้าแบบสุดคุ้ม และไม่ต้องกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายจากการบำรุงรักษารถในระยะยาว โดยข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญฯ มีดังต่อไปนี้

•เมื่อจองซื้อรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท* หรือ ดอกเบี้ย 0%*

•เมื่อจองซื้อรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-30 รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0%*

•เมื่อจองซื้อรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-3 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือดอกเบี้ย 0%*

•เมื่อจองซื้อรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า CX-5 รับส่วนลดสูงสุด 110,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0%*

•เมื่อจองซื้อรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-8 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 1.99%*

•เมื่อจองซื้อรถมาสด้า2 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท* หรือ ดอกเบี้ย 0%*

•แพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่และของเหลว)*

•มอบความอุ่นใจกับโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี ที่ครอบคลุมทั้ง รับประกันคุณภาพรถ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ค่าบำรุงรักษารถตามระยะ 5 ปี (ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 5 ปี*

•ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี*

•ฟรี ลำโพง Sony Portable Wireless Speaker มูลค่า 1,990 บาท** เมื่อจองรถทุกรุ่น

•สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท***

ลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่มาพร้อมกับแคมเปญสุดพิเศษ MAZDA SEASON OF LUCK สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th ซึ่งแคมเปญนี้จัดขึ้นเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น

รายละเอียดเพิ่มเติม

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

**จองรถในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 29 ก.พ. 67 รับลำโพง Sony SRS-XB100 มูลค่า 1,990 บาท จำนวนจำกัด 800 ชิ้น เฉพาะโชว์รูมที่ร่วมรายการ โดยไม่สามารถโอนสิทธิ์ หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ และขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกสี

***เฉพาะเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว ที่ออกรถ มาสด้า CX-30, มาสด้า CX-5 และ มาสด้า CX-8

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ครั้งแรกของโลก

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ครั้งแรกของโลก! ในประเทศไทยใหม่! เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ ปลอดภัย มั่นใจทุกเส้นทาง แบบ Mitsubishi e:MOTION

บรรยายภาพ : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ครั้งแรกของโลก! ในประเทศไทย (จากขวาไปซ้าย) มร.มาซาฮิโระ อิโตะ หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น มร. โคอิจิ นามิกิ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมพิธีเปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ใหม่! เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รอบเวิลด์พรีเมียร์ในไทย

กรุงเทพมหานคร, 1 กุมภาพันธ์ 2567 : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ใหม่! เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ครั้งแรกของโลก โดยเป็นครั้งแรกของรถยนต์ครอบครัว 7 ที่นั่งขนาดเล็กในประเทศไทยที่มาพร้อมกับระบบฟูลไฮบริด ซึ่งผสานการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ไว้อย่างลงตัวที่สุด ชูจุดเด่น 3 สุดยอดเทคโนโลยีจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจในทุกเส้นทาง แบบ Mitsubishi e:MOTION พร้อมเดินหน้ารุกตลาดและเริ่มจำหน่ายในไทยทันที โดยรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดทั้งสองรุ่นนี้ จะผลิตขึ้นในไทย โดยบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ณ โรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่!

รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ ผสานความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ในการใช้งานแบบรถครอบครัวเอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เข้ากับรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่แบบรถเอสยูวี ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งยนตรกรรมรุ่นนี้เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี 2560 ก่อนที่จะขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ขณะที่ รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ได้รับการเปิดตัวตามมาในปี 2562 ทั้งนี้ ยานยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ นับเป็นยนตรกรรมรุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ขับเคลื่อนการเติบโตให้กับบริษัทฯ ด้วยยอดขายรวมกว่า 130,000 คัน1 ทั่วโลก ในปีงบประมาณ 2565 ถือเป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 3 ต่อจากมิตซูบิชิ ไทรทัน2 และมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ โดยมียอดขายสะสมรวมสูงกว่า 650,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรก และเฉพาะในประเทศไทย ยานยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นสูงกว่า 64,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2561

รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นนี้ ได้ผสานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเทคโนโลยีระบบควบคุมการขับเคลื่อน อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างมิติใหม่แห่งประสบการณ์การขับขี่ที่เปี่ยมพลัง โดดเด่นเหนือระดับ โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดใน เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ด้วยการต่อยอดจากระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) เพื่อมอบสุนทรียภาพแห่งการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอัดแน่นด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ทำงานสอดผสานอย่างลงตัวกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เพื่อมอบความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยสมรรถนะการควบคุมรถที่เหนือชั้น พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนน และช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่เป็น EV Priority ได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ อาทิ ต้องการเดินทางอย่างเงียบสงบ หรือเคลื่อนตัวได้โดยไม่สร้างเสียงรบกวนในหมู่บ้านยามเช้าตรู่

ไฮไลท์สำคัญ : Mitsubishi e:MOTION

Mitsubishi e:MOTION ประสบการณ์ขับขี่ใหม่เหนือระดับ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจในทุกเส้นทาง โดยผสานการทำงานอย่างสมบูรณ์ของ 3 สุดยอดเทคโนโลยีจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้แก่

•ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (HEV System) มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้นเร้าใจ ให้ความคล่องตัว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs)

•โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน

•ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบการขับขี่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ ควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง

รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! ยังโดดเด่นเหนือระดับยิ่งกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์การเดินทางกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน พร้อมดีไซน์ภายนอกสุดเท่ อันเป็นเอกลักษณ์

ภาพรวมผลิตภัณฑ์ (สเปกรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศไทย)3

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (HEV System)

มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้นเร้าใจ ให้ความคล่องตัว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากระบบขับเคลื่อน

ฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs)

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอชอีวี ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ประกอบด้วยรูปแบบการขับขี่แบบ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%) รูปแบบการขับขี่แบบไฮบริด และระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรกหรือ Regenerative Braking จึงโดดเด่นในด้านอัตราประหยัดน้ำมัน พร้อมมอบความสนุกแห่งการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่รูปแบบการขับขี่ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ และพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่ ณ ขณะนั้น

เมื่อเริ่มออกตัว และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เป็นรูปแบบการขับขี่แบบ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%) (แผนภาพที่ 1) ทำให้สามารถขับขี่ด้วยด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ จากนั้น ในขณะที่ขับรถขึ้นเนินที่ลาดชันหรือในขณะที่เร่งความเร็ว ระบบจะทำการปรับเปลี่ยนสู่รูปแบบการขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด โดยใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ได้รับการปั่นไฟฟ้าให้เกิดพลังงานจากเครื่องยนต์ (แผนภาพที่ 2) และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมกำลังขับเคลื่อน (แผนภาพที่ 3) เนื่องจากเครื่องยนต์เริ่มทำงานอย่างนุ่มนวล ไม่กระชาก ผู้ขับขี่จึงสามารถเพลิดเพลินกับสุนทรียภาพแห่งการเดินทางอันรื่นรมย์ สะดวกสบายแม้ในรูปแบบการขับขี่แบบไฮบริด ขณะที่เมื่อชะลอความเร็ว ตัวรถจะเข้าสู่รูปแบบ Regenerative Braking ซึ่งเป็นระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรก จึงสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าเพื่อเก็บสำรองพลังงานไว้ในแบตเตอรี่ (แผนภาพที่ 4) ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) จึงมอบการขับขี่ที่เงียบสงบและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในแบบของรถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมันเชื้อเพลิง และปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปพร้อมๆ กับการมอบการขับขี่ที่สะดวกสบายในแบบของรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ที่ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ทางไกล โดยไม่ต้องกังวลถึงพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่

โหมดการขับขี่แบบ EV (แผนภาพที่ 1)              โหมดการขับขี่แบบไฮบริด (แผนภาพที่ 2)

โหมดการขับขี่แบบไฮบริด (แผนภาพที่ 3)          โหมด Regenerative Braking

                     (ระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรก) (แผนภาพที่ 4)

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด มอบอัตราเร่งที่ทรงพลัง ไหลลื่นไม่มีสะดุด ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์ พร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC โดยมีแบตเตอรี่ขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ตอบสนองต่อแรงบิด 255 นิวตันเมตรได้อย่างรวดเร็วเมื่อออกตัว และให้อัตราเร่งที่ทันใจเมื่อกดคันเร่ง ผู้ขับขี่จึงสามารถเปลี่ยนเลนบนทางด่วนได้อย่างราบรื่นไร้กังวล และกลับรถบนถนนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นได้อย่างสะดวกง่ายดาย

เครื่องยนต์เบนซินที่ได้รับการพัฒนาใหม่ขนาด 1.6 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว4 มีอัตราส่วนการขยายตัวสูง (วงจร Atkinson) พร้อมกับมีประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่สูงกว่าด้วยการติดตั้งปั๊มน้ำไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในเครื่องยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมคอมเพรสเซอร์แอร์ไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียทางกล ช่วยเสริมให้อัตราประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์ดีขึ้น กว่าเดิมราวร้อยละ 34 สำหรับการขับขี่ในเมือง และให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นกว่าเดิมราวร้อยละ 15 สำหรับการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง เมื่อดำเนินการทดสอบตามมาตรฐานการวัดระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าแบบ NEDC 

โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC) โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน ไปได้ทุกที่ตามต้องการ

โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ประกอบด้วย โหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) 2 โหมดและอีก 5 โหมดสำหรับพื้นผิวถนนที่มีสภาวะแตกต่างกันตามภูมิประเทศและภูมิอากาศ เพื่อสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่และการควบคุมตัวรถที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ

ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) 2 โหมด ได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ ซึ่งประกอบด้วย EV Priority Mode ที่ขับเคลื่อนรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ โดยปราศจากการทำงานของเครื่องยนต์ โหมดนี้ทำงานอย่างเงียบสงบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังช่วยให้ผู้ขับขี่หมดกังวลเรื่องเสียงรบกวนเมื่อขับขี่ในหมู่บ้านยามเช้าตรู่ หากพลังงานแบตเตอรี่เหลือน้อย ผู้ขับขี่สามารถปรับเข้าสู่ Charge Mode เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ทุกเวลา ทั้งในขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่หรือขณะหยุดนิ่ง เพื่อให้สามารถกลับมาสนุกกับการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้อีกครั้ง

โหมดการขับขี่อีก 5 รูปแบบ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อมอบสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่และการควบคุมตัวรถที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำบนพื้นผิวถนนที่มีสภาวะแตกต่างหลากหลายตามภูมิประเทศและภูมิอากาศ โดยพัฒนาระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าให้ดียิ่งกว่ารุ่นเดิม ผสานกับระบบควบคุมการขับขี่ต่างๆ ทั้งระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control : AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นการควบคุมแรงเบรกระหว่างล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวาให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System : TCL) ที่ช่วยตรวจจับอาการลื่นไถลของล้อหน้าและควบคุมพละกำลังการขับเคลื่อน ระบบควบคุมอัตราเร่ง (Acceleration Control) ที่ช่วยปรับกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้ทำงานสอดประสานอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อมีการกดคันเร่ง และระบบควบคุมน้ำหนักพวงมาลัย (Steering Control) ที่ช่วยปรับน้ำหนักของพวงมาลัยให้ตอบสนองได้ดั่งใจตามความเร็วและสภาพพื้นผิวถนน 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

•Normal Mode เป็นโหมดที่สมดุลและเหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน

•Wet Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น โดยช่วยป้องกันการลื่นไถล ให้การควบคุมที่มั่นใจและเกาะถนนเป็นเลิศแม้ขณะฝนตกหนัก

•Gravel Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนทางทางลูกรัง เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่นและขรุขระ

•Tarmac Mode เหมาะกับการขับขี่บนถนนลาดยาง ที่ให้พละกำลังและการควบคุมการขับขี่ที่คล่องตัว มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ แม้บนถนนที่คดเคี้ยว

•Mud Mode ทางโคลน เพิ่มการตอบสนองและการควบคุมที่ทรงพลังบนถนนดินโคลนสมบุกสมบัน

โหมดการขับขี่ทุกรูปแบบสร้างขึ้นเพื่อมอบความปลอดภัยและสะดวกสบายบนทุกสภาพถนนและสภาพอากาศ ซึ่งผู้ขับขี่ต้องพบเจอเป็นประจำ

ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นสะดุดตาด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว เพื่อการแสดงข้อมูลที่หลากหลายและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยจะแสดงข้อมูลสำคัญเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด อาทิ แสดงรูปแบบการขับขี่ที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์การขับขี่และอัตราเร่ง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงาน อัตราการประหยัดพลังงานเมื่อขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ระดับพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่ และข้อมูลอื่นๆ ทั้งนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ จะมีการแสดงภาพกราฟฟิกกลางหน้าจอเพื่อแจ้งโหมดการขับขี่ที่กำลังทำงานอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกการแสดงผลหน้าจอได้ตามความต้องการ ระหว่าง แบบ Enhanced Mode ที่ล้ำสมัย หรือแบบ Classic Mode ที่ถอดแบบมาจากมาตรวัดระบบอนาล็อก

รถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่ ! โดดเด่นเหนือระดับยิ่งกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์การเดินทางกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน พร้อมดีไซน์ภายนอกสุดเท่ อันเป็นเอกลักษณ์

รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! ให้ความสำคัญกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในแบบรถยนต์ไฟฟ้า จึงมุ่งเน้นการขับขี่ที่เงียบสงบ ผ่อนคลาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มวัสดุกันเสียงและดูดซับเสียงรบกวนในจุดสำคัญต่างๆ ทั่วตัวรถ เสริมความเงียบสงบภายในห้องโดยสารได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เพียงขณะขับขี่ในรูปแบบ EV แต่รวมถึงขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ทั้งในขณะที่เร่งความเร็วหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายและสามารถเพลิดเพลินกับการพูดคุย โดยปราศจากเสียงรบกวนได้ตลอดการเดินทาง ทั้งยังโดดเด่นด้วยดีไซน์หัวเกียร์ใหม่แบบ Electric Shift ที่มาพร้อมเทคโนโลยีระบบเกียร์ไฟฟ้า (Shift-by-Wire) อันทันสมัย เพิ่มความสะดวกสบาย ใช้งานได้ง่าย

เพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ชุดแบตเตอรี่ขับเคลื่อนจึงได้รับการติดตั้งไว้ใต้พื้นบริเวณเบาะนั่งคู่หน้า จึงทำให้รถยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ ยังคงมีพื้นที่ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวาง ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว ซึ่งกว้างขวางที่สุดในบรรดารถยนต์ระดับเดียวกัน พร้อมรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ด้วยขนาดตัวถังที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางในเมือง อีกทั้งห้องเครื่องยนต์และบริเวณรอบชุดแบตเตอรี่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ โดยชุดแบตเตอรี่ยังได้รับการปกป้องด้วยคานรับด้านหน้าและคานขวางด้านหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานของตัวถัง พร้อมด้วยการพัฒนาช่วงล่างและระบบกันสะเทือนใหม่ทั้งหมดเป็นพิเศษ ที่ทำให้รถยนต์ระบบขับเคลื่อนไฮบริดรุ่นนี้มีเสถียรภาพการขับขี่ที่เหนือชั้นและความสะดวกสบายที่เป็นเลิศ ประสิทธิภาพของระบบเบรกยังได้รับการปรับปรุงใหม่ ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นและชะลอความเร็วอย่างมั่นใจ ด้วยดิสก์เบรกครบทั้ง 4 ล้อ

ภายนอกตัวรถ โดดเด่นด้วยโลโก้ “HEV” ที่กระจังหน้าและฝาประตูท้าย พร้อมด้วยโลโก้ “HYBRID EV” ที่ประตูหน้า และการตกแต่งด้วยเส้นสายสีน้ำเงินที่กันชนหน้า กาบข้างประตู กันชนหลัง และล้ออัลลอยแบบทูโทนทั้ง 4 ล้อ สีตัวถังมีให้เลือกหลากหลาย มาพร้อมด้วยสีใหม่ล่าสุดที่เพิ่มจากรุ่นก่อน คือ สีขาว White Diamond ช่วยสะท้อนถึงความพรีเมียม และนิยามความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ดูสะอาดตาของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ให้ความรู้สึกทั้งแข็งแกร่งและโดดเด่นเป็นประกาย ร่วมด้วยสีที่โดดเด่นสะดุดตา อย่าง สีเงิน Blade Silver Metallic สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica รวมถึงสีเขียว Green Bronze Metallic ที่เป็นสีพิเศษเฉพาะของรุ่น เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี

โดยในโอกาสเฉลิมฉลองการเปิดตัวใหม่นี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมมอบราคาพิเศษช่วงแนะนำ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 เพื่อเป็นของขวัญให้กับลูกค้ามิตซูบิชิ ที่รักทุกท่าน โดยมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ใหม่! มีราคาจำหน่ายช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 912,000 บาท ขณะที่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! มีราคาจำหน่ายช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 946,000 บาท ซึ่งมีราคาจำหน่ายเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน

หลังจากช่วงเวลาพิเศษ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ใหม่! จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 933,000 บาท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่! มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 961,000 บาท ซึ่งมีราคาที่ไม่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน

นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษ มิตซูบิชิ เอ็กซ์ตร้า แคร์ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถครอบครองและขับขี่รถทั้งสองรุ่นใหม่นี้โดยไม่ต้องกังวล ได้แก่

-การรับประกันคุณภาพรถใหม่ ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

-แพ็กเกจบำรุงรักษานาน 5 ปี

-ฟรีค่าแรงสำหรับการเช็คระยะตลอด 5 ปี

-บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี

-พร้อมกับประกันภัยชั้น 1 ฟรีหนึ่งปี

-เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด บริษัทฯ จึงขยายการรับประกันระบบขับเคลื่อนไฮบริด ยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง

-และขยายการรับประกันพิเศษสำหรับแบตเตอรี่ขับเคลื่อนไฮบริดในปีที่ 6-10 โดยไม่จำกัดระยะทาง

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษให้ลูกค้าทุกท่านเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับการดาวน์ 25% และผ่อนนาน 48 เดือน

ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทดลองขับได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมผู้จัดจำหน่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ และพบกับกิจกรรมพิเศษที่โชว์รูมทั่วประเทศได้ระหว่างวันที่ 3 – 4 กุมภาพันธ์ 2567 นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นี้ เริ่มจากในกรุงเทพฯ ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ระหว่างวันที่ 2 – 4 กุมภาพันธ์ 2567 ตามมาด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือ โดยจะมีการประกาศแจ้งวัน-เวลา-สถานที่จัดงานในแต่ละภูมิภาคในช่องทางการสื่อสารโซเชียลมีเดีย ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

ขอเชิญลูกค้าและผู้สนใจ ร่วมสัมผัสมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่ ! และสนุกกับประสบการณ์การขับขี่ใหม่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และมั่นใจในทุกเส้นทางไปกับ Mitsubishi e:MOTION

1. ยอดขายรวมทั้งหมดของเอ็กซ์แพนเดอร์ และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส

2. จำหน่ายในชื่อ L200 ในบางประเทศและภูมิภาค

3. สเปกและคุณสมบัติของรถอาจแตกต่างไปตามรุ่นย่อยและตลาดที่จำหน่าย

4. MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve timing Electronic Control system) เป็นชื่อของระบบวาล์วแปรผันของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส 

มิตซูบิชิ เปิดราคา ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท เริ่ม 1.125 ล้านบาท

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดราคา ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเปิดให้จองแล้ววันนี้

กรุงเทพฯ – 26 มกราคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ เริ่มต้นที่ 1,125,000 บาท พร้อมเปิดให้ลูกค้าจองได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเตรียมส่งมอบรถล็อตแรกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 นี้

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเอาชนะทุกอุปสรรคด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) แตกต่างอย่างเหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและพื้นผิวถนนทุกรูปแบบด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัดเชื้อเพลิงและรักษ์โลก (Eco), โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel), โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตกผิวถนนเปียกลื่น (Snow), โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น (Mud), โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน (Sand) และโหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระ (Rock)

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู” (Hyper Power X2) ซึ่งมีระบบเทอร์โบสองสเตจ (Two-stage Turbocharger) พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร พร้อมระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ

ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด “บีสต์ โหมด” (BEAST MODE) สำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัยพร้อมไลฟ์สไตล์แบบพรีเมียม ที่ผสานความปราดเปรียวสไตล์สปอร์ตสุดล้ำ เข้ากับการออกแบบที่แข็งแกร่งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่หลายคนรอคอยพร้อมแล้วที่จะสะกดทุกสายตาของผู้ชื่นชอบรถกระบะ ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตา สะท้อนความบึกบึนและทรงพลังในแบบฉบับรถกระบะที่แท้จริง การันตีด้วยรางวัลออกแบบยอดเยี่ยม หรือ Good Design Award 2023 จัดโดยสถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Institute of Design Promotion) พร้อมตอกย้ำความเท่ด้วยตัวถังสีพิเศษ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic ที่เป็นสีเฉพาะของรุ่นแอทลีท ลีท มอบความโดดเด่นที่ดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน ร่วมด้วยสีตัวถังอื่นๆ ที่โดนใจ ได้แก่ สีดำ Jet Black Mica สีเทา Graphite Grey และสีขาว White Diamond และภายในห้องโดยสารที่ยังคงดีไซน์สปอร์ตด้วยการตกแต่งทูโทนสีส้ม-ดำ

นอกจากนี้ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีมิตซูบิชิ คอนเนค (MITSUBISHI  CONNECT) ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งการตัวรถแบบไร้สายได้จากระยะไกล ใช้งานง่าย ทั้งการเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร การล็อกและปลดล็อกประตูรถ การเปิดไฟหน้า การกดแตรรถ และการค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง มีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนถนน (Roadside Assistance) การแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Assistance) และอุ่นใจตลอดเส้นทางด้วยระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ (e-call)

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ไดมอนด์ เซนส์ ทีมีระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control) อันชาญฉลาด ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System : FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning : BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist : LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert : RCTA) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam : AHB) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor : MAM) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน เพื่อความปลอดภัยแบบ 360 องศา ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายดายควบคุมรถได้ดังใจ อาทิ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) เสริมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

ออล-นิว  มิตซูบิชิ ไทรทัน มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE (Reinforced Impact Safety Evolution) ที่มีความแข็งแกร่งสูง สามารถรองรับแรงปะทะและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพของห้องโดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทุกรุ่นย่อยจึงได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด 5 ดาว จากการทดสอบการชนของรถยนต์ใหม่ โดย อาเซียน เอ็นแคป (2023 ASEAN NCAP)

ราคาจำหน่ายออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นท็อปที่คุณสัมผัสได้แบบสุดคุ้ม ดังนี้:

-ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,125,000 บาท

-ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,298,000 บาท (สำหรับสีขาว White Diamond เพิ่ม 10,000 บาท ในทั้ง 2 รุ่น)

มิตซูบิชิ ฉลองชัยคว้าโพเดียม Thailand Super Series 2023

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองชัยบนโพเดียม ส่งท้ายการแข่งขัน Thailand Super Series 2023 สนามสุดท้ายที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์

กรุงเทพฯ – 22 มกราคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองความสำเร็จแห่งจิตวิญญาณการแข่งขันที่มุ่งมั่นสู่ชัยชนะที่เป็นดีเอ็นเอสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วยการคว้าตำแหน่งขึ้นฉลองชัยบนโพเดียม ปิดท้ายการแข่งขัน Thailand Super Series 2023 สนามสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้นทั้งหมด 2 วัน ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยผลงานจากทีม A-Tech Ralliart Liqui Moly นำโดยนักแข่ง อ๊อป เอกลักษณ์ นาคเกิด รถหมายเลข 16 ที่คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ อันดับที่ 3 จากการแข่งขันใน Division 1 คลาส A ร่วมด้วยทีม Singha TT Motorsport นำโดยนักแข่ง มาร์ค จักรพันธ์ ตันกำเนิด รถหมายเลข 63 ที่คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ อันดับที่ 4 จากการแข่งขันใน Division 2 คลาส C ได้สำเร็จ จากการแข่งขันทั้งในสองวัน รวมทั้งหมด 4 รางวัล

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้นำลูกค้าคนพิเศษร่วมเชียร์การแข่งขันแบบวีไอพีติดขอบสนาม พร้อมจัดเต็มความสนุกกับกิจกรรมพิเศษมากมาย รวมถึง Meet & Greet อย่างใกล้ชิดกับนักแข่งรถของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นการปิดท้าย กิจกรรม “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เรซซิ่ง สปิริต สตรีท เซอร์กิต เอดิชั่น” (MITSUBISHI MOTORS RACING SPIRIT STREET CIRCUIT EDITION) อีกด้วย

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านมอเตอร์สปอร์ต มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยืนยันความพร้อมในฤดูการหน้า ที่จะเดินหน้าให้การสนับสนุนทีมแข่งเพื่อเข้าร่วมรายการ Thailand Super Series 2024 พร้อมยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยการส่ง ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งทนทาน และความสะดวกสบายด้วยมาตรฐานสูงสุดสำหรับรถแข่ง ให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ติดตามความสนุกเร้าใจกันอย่างต่อเนื่อง

ลามิน่า สานต่อ โครงการ “ลามิน่าสานฝัน เด็กไทยได้เล่าเรียน” ปีที่ 23

เทคโนเซล (เฟรย์) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” ฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูมาร์” จากสหรัฐอเมริกา อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่” จากสวีเดน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร “แอลลักซ์” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำทัพโดย นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดินหน้าสานต่อกิจกรรมตอบแทนสังคมไทยกับโครงการ “ลามิน่าสานฝัน เด็กไทยได้เล่าเรียน” โครงการ 22 ปีที่ 23 ก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขนาดใหญ่ 1 ชั้น จำนวน 4 ห้องเรียน พร้อมระบบไฟฟ้าครบวงจร ให้แก่โรงเรียนบ้านขนวน ตำบลขนวน อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น

ซึ่งได้ดำเนินการส่งมอบอาคารเรียนในวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา โดยมี นายสุระพล สอนเสนา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาขอนแก่นเขต 5 และ นายวิเชียร หมื่นชั่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านขนวน เป็นผู้แทนรับมอบ ทั้งนี้ นายไพศาล วงศ์ชีวะสกุล นายอำเภอหนองนาคำ ร่วมเป็นสักขีพยานแสดงความยินดี นอกจากนี้ยังมีการมอบทุนการศึกษาจำนวน 120 ทุน พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนและอุปกรณ์กีฬาที่จำเป็น

นางสาวจันทร์นภา สายสมร

โรงเรียนบ้านขนวนจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียนรวมทั้งหมด 315 คน มาจากชุมชนใกล้เคียงทั้ง 6 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านขนวน 4 หมู่ บ้านกุดกั้ง และบ้านฝายหิน เด็กๆ จะได้รับกระเป๋าเป้สานฝัน ภายในบรรจุอุปกรณ์การเรียน ขนม ถือเป็นของขวัญเนื่องในเทศกาลวันเด็กที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ ทุกคน

งานนี้ได้รับเกียรติจาก มร.เบอร์นาร์ด เชีย และ มร.เจอรัลด์ เชีย จากลูมาร์ สิงคโปร์ ร่วมส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ พร้อมผู้แทนจำหน่ายจังหวัดขอนแก่น กลุ่มจิตอาสากระทิงโทนนำโดย นายนิคม เพชรกำเนิด ประธานกลุ่ม นายสันติ แสนอาจ ประธานที่ปรึกษาและผู้ควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงผู้บริหารจากลามิน่าฟิล์ม นางจันดา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และ นายชัยณรงค์ สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ลามิน่าฟิล์มยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น จัดทีมทันตกรรมและบุคลากรทางการแพทย์ออกหน่วย “ลามิน่าสร้างฝันปันรอยยิ้ม” ครั้งที่ 13 ให้บริการทันตกรรมแก่นักเรียนและครู โดยลามิน่ายังบริจาคชุดยูนิตทันตกรรมระบบเคลื่อนที่ครบชุด ให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เพื่อส่งมอบต่อให้โรงพยาบาลหนองนาคำ โดยมี แพทย์หญิงภัทรพร ภูคลัง รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองนาคำเป็นตัวแทนรับมอบ

โครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน เริ่มขึ้นจากความตั้งใจของผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ด้วยความเชื่อมั่นว่าความสำเร็จที่แท้จริงต้องเติบโตเคียงคู่ไปกับการตอบแทนสังคม บริษัทจึงได้ริเริ่มโครงการที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กและเยาวชน เพื่อให้เติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป

รายละเอียดโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน ริเริ่มโครงการตั้งแต่ พ.ศ.2545

โครงการ 1 : สร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้แก่โรงเรียนบ้านต้นงิ้ว ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งปรับปรุงอาคารเรียนเดิมให้อยู่ในสภาพดี และส่งมอบอาคารเรียนดังกล่าวในวันที่ 14 เมษายน 2546

โครงการ 2 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ให้แก่โรงเรียนบ้านเหมืองแร่อีต่อง ห้องเรียนสาขาพระธาตุโบอ่อง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2547

โครงการ 3 : มอบอาคารเรียน และอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา ให้แก่โรงเรียนบ้านน้ำพุ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 8 มกราคม 2548

โครงการ 4 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ให้แก่โรงเรียนบ้านป่าเลา อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี และโครงการนี้ยังถือเป็นการฉลองครบรอบ 10 ของลามิน่าอีกด้วย อาคารเรียนดังกล่าวส่งมอบ ในวันที่13 มกราคม 2549

โครงการ 5 : ซ่อมสร้างอาคารเรียนที่ไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้เนื่องจากฝาผนัง ฝ้าเพดาน และหลังคาชำรุด ให้อยู่ในสภาพใหม่ 2 ชั้นทั้งหลัง พร้อมมอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนบ้านซับก้านเหลือง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ในวันที่ 14 มกราคม 2550

โครงการ 6 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ซึ่งแบ่งเป็น 3 ห้องเรียน พร้อมอุปกรณ์การเรียนที่สำคัญให้แก่โรงเรียนบ้านแม่แจ๋ม ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำพูน ในวันที่ 12 มกราคม 2551

โครงการ 7 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่โรงเรียนประชาสามัคคี ต.แนงมุด  อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในวันที่10 มกราคม 2552

โครงการ 8 : เพื่อฉลองวาระครบ 15 ปีของการดำเนินงาน ลามิน่าฟิล์มมอบอาคารเรียนหลังใหม่ อุปกรณ์การเรียนการสอน และห้องสุขา ให้แก่โรงเรียนบ้านสันเจริญ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ในวันที่ 9 มกราคม 2553 พร้อมริเริ่มสนับสนุนทุนการศึกษาโดยการมอบทุนการศึกษาผ่านโครงการ “พระเมตตาสมเด็จย่า” เพื่อต้องการให้นักเรียนที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเล่าเรียนจนจบการศึกษา และกลับมาพัฒนาชุมชนของตน

โครงการ 9 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ ขนาด 4 ห้องเรียน พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอน แก่โรงเรียนบ้านทุ่งน้ำใส อ.ด่านซ้าย จ.เลย ในวันที่ 7 – 8 มกราคม 2554

โครงการ 10 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ ขนาด 5 ห้องเรียน พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนและอุปกรณ์กีฬา แก่โรงเรียนบ้านเตาบ่า อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ในวันที่ 13 – 14 มกราคม 2555

โครงการ 11 : มอบอาคารเรียนหลังใหม่ขนาด 4 ห้องเรียน พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนและอุปกรณ์กีฬา แก่โรงเรียนบ้านวังโพธิ์ อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ในวันที่ 11 – 12 มกราคม 2556 พร้อมเปิดตัวโครงการ “ลามิน่า สร้างฝัน ปันรอยยิ้ม” บริจาคชุดยูนิตทันตกรรมเคลื่อนที่ครบชุด ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลยอดชาด

โครงการ 12 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียนให้แก่โรงเรียนบ้านห้วยผักกูด อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ในวันที่ 10-11 มกราคม 2557

โครงการ 13 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียน ให้แก่โรงเรียนบ้านหนองปลาเข็งกอไหล่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ วันที่ 9-10 มกราคม 2558

โครงการ 14 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียน ให้แก่โรงเรียนบ้านสารจอด ตำบลหนองโพนงาม อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 8-9 มกราคม 2559

โครงการ 15 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียนให้กับโรงเรียนบ้านโคกกระแชขี้เหล็กน้อย  อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ปรับปรุงพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณเสาธงปูกระเบื้องและสร้างลานคอนกรีตขนาด100 ตร.ม. ด้านหน้าอาคาร สร้างห้องน้ำจำนวน 3 ห้อง และปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียน เมื่อวันที่ 13-14 มกราคม 2560

โครงการ 16 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียนให้กับโรงเรียนบ้านลือนาคำ  อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ เทพื้นถนนคอนกรีตหน้าอาคารเรียน 60 ม. สร้างห้องน้ำจำนวน 6 ห้อง และปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียน เมื่อวันที่ 12-13 มกราคม 2561

โครงการ 17 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียนให้กับโรงเรียนหนองม่วงชมพูทอง  อ.ศรีบุญเรือง  จ.หนองบัวลำภู เทพื้นถนนคอนกรีตหน้าอาคารเรียน 100 ม. สร้างห้องน้ำจำนวน 4 ห้อง เมื่อวันที่ 11-12 มกราคม 2562

โครงการ 18 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียนให้กับบ้านน้ำคำ ต.นาสะไม อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เทพื้นถนนคอนกรีตหน้าอาคารเรียน 100 ม. สร้างห้องน้ำจำนวน 4 ห้อง เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม 2563

โครงการ 19 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียนให้กับโรงเรียนสิงห์สะอาด อำเภอสหัสขันธ์  จังหวัดกาฬสินธุ์ เทพื้นคอนกรีตลานอเนกประสงค์หน้าอาคารเรียน 240 ตร.ม. เมื่อวันที่ 8-9 มกราคม 2564

โครงการ 20 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียน มีทางลาดสำหรับรถเข็นและผู้สูงอายุ ให้กับโรงเรียนบ้านโนนกลาง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ เทลานปูนบริเวณหน้าอาคารพื้นที่ 260 ตร.ม. เมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2565

โครงการ 21 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียน ให้กับโรงเรียนบ้านเหล่าข้าว อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด เทลานปูนขนาด 270 ตร.ม.เชื่อมอาคารและถนน เมื่อวันที่ 13-14 มกราคม 2566

โครงการ 22 : มอบอาคารเรียนขนาด 4 ห้องเรียน พร้อมระบบไฟฟ้าครบชุด ให้กับโรงเรียนบ้านขนวน ตำบลขนวน อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น ส่งมอบอาคารวันที่ 13 มกราคม 2567

แนวคิด MOTOR EXPO 2024 จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต

“IMC สื่อสากล” เผยแนวคิดมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต” เน้นเป็นศูนย์รวมนวัตกรรม สร้างสรรค์ยานยนต์อนาคต เวทีแสดงนวัตกรรมยานยนต์และระบบขับเคลื่อน

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เผยแนวคิดของงานปีนี้มาจากการที่ผู้จัดเห็นว่า เทคโนโลยียานยนต์ที่ก้าวหน้า ก่อให้เกิด “นวัตกรรม” มากมาย ในทุกองค์ประกอบของยานยนต์ ทั้งระบบขับเคลื่อน ระบบรองรับ ระบบความปลอดภัย ระบบอำนวยความสะดวก และระบบสื่อสาร

นวัตกรรม เปรียบเสมือน “จิตวิญญาณ” ที่ผลักดันให้ยานยนต์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครบถ้วน

ยิ่งกว่านั้น นวัตกรรมยังช่วยให้ยานยนต์ยุคใหม่ปลอดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ขับเคลื่อนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญ ยังมีนวัตกรรมพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกมาก เช่น พลังไฮโดรเจน พลังลม พลังน้ำ พลังแสงอาทิตย์ ตลอดจน E-FUELS น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์  ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน

นี่คือ จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง  ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์ยานยนต์สมรรถนะสูง ปลอดภัย สะดวกสบาย ประหยัด และสะอาด ในอนาคตอันใกล้

ด้วยเหตุนี้ บริษัท สื่อสากล จำกัด จึงกำหนดแนวคิดของงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ว่า “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต” (Innovative Spirit…Futuristic Vehicles)

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

ฮอนด้า เปิดจองสิทธิ์ Civic Type R ครั้งใหม่

ฮอนด้า เอาใจแฟนคลับสายสปอร์ตต้อนรับปี 2567 เปิดจองสิทธิ์ “ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์” ครั้งใหม่ วันที่ 25 ม.ค. นี้ เริ่มเวลา 10:00 น. ผ่านเว็บไซต์ฮอนด้า

จากกระแสตอบรับที่ดีของแฟนๆ ฮอนด้าที่มีต่อ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ (Civic Type R) ที่สุดแห่งยนตรกรรมความสปอร์ต วันนี้ ฮอนด้าเอาใจแฟนคลับสายสปอร์ต ด้วยการประกาศเปิดรับจองสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ ครั้งใหม่ อย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2567 เริ่มเวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ผ่านทาง www.honda.co.th

โดย ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ ที่เปิดจองครั้งใหม่นี้ จะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในเดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป

ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ (Civic Type R) ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ตที่ได้รับการออกแบบอย่างเหนือระดับทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนความสปอร์ตโดดเด่นเฉพาะตัวในทุกเส้นทาง และสะท้อนตัวตนได้ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มาพร้อมประสบการณ์การขับขี่สนุกสุดเร้าใจกับขุมพลังเทอร์โบ แรงเร้าใจกับเครื่องยนต์ Direct Injection DOHC VTEC TURBO ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ได้รับการพัฒนามาสำหรับ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ โดยเฉพาะ มอบกำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ ครบครัน พร้อมจำหน่ายในราคา 3,990,000 บาท โดยมีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก)  สีแดงแรลลี่ สีขาวแชมเปียนชิป และสีน้ำเงินเรซซิง (มุก)

ลูกค้าที่สนใจสามารถสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.honda.co.th/civictyper

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save