- Advertisement -
31.7 C
Bangkok
Home Blog Page 66

โตโยต้าถนนสีขาว ประกาศผลรางวัล การประกวดแผนรณรงค์สร้างความปลอดภัยบนท้องถนน

โตโยต้าถนนสีขาว ประกาศผลรางวัล การประกวดแผนรณรงค์สร้างความปลอดภัยบนท้องถนนในสถานศึกษา “Toyota Campus Challenge 2023” สร้างการรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของคนรุ่นใหม่ ลดการสูญเสียและสร้างรอยยิ้มกับสัมคม

นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมเป็นประธานในการประกาศผลรางวัลรอบชิงชนะเลิศกิจกรรม “Campus Challenge ครั้งที่ 8 ประจำปี 2023” ภายใต้โครงการโตโยต้าถนนสีขาว เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงออกถึงความรู้ ความสามารถและศักยภาพของตนเองอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงการก่อให้เกิดการรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของคนรุ่นใหม่ ร่วมสร้างรอยยิ้มและลดการสูญเสียแก่สังคมไทย ณ Toyota Alive เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567

โครงการโตโยต้าถนนสีขาว ได้ดำเนินกิจกรรม Campus Challenge มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยสนับสนุนให้นิสิต นักศึกษาได้มีโอกาสและประสบการณ์ในการวางแผนรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนนภายในมหาวิทยาลัยของตน ซึ่งโตโยต้าเล็งเห็นว่า การแสดงออกและความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างสังคมคนขับรถดี อันจะนำไปสู่ถนนสีขาวหรือถนนปลอดอุบัติเหตุได้อย่างแท้จริง

กิจกรรม Campus Challenge 2023 เริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2566 โดยมีโจทย์การวางแผนประชาสัมพันธ์สร้างความปลอดภัยทางถนนในสถานศึกษา ภายใต้แนวคิด “มาร่วมคิดสิ่งใหม่ เล่นใหญ่ให้โลกจำ” นอกเหนือจากการประกวดแผนประชาสัมพันธ์ ทีมที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ยังมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคและวิธีการนำเสนอผลงาน โดยผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ อาทิ การอบรมเทคนิคการนำเสนอผลงานให้ปัง โดยผู้เชี่ยวชาญจาก The Standard การอบรมแนวคิดการสื่อสารเพื่อการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) การอบรมขับขี่ปลอดภัย (Toyota Mobility Driving) โดย Toyota Mobility Instructor นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ประสบการณ์และเทคนิคการนำเสนอแผนงาน โดยทีมที่ชนะเลิศกิจกรรม Campus Challenge 2020

กิจกรรม Campus Challenge 2023 มีนิสิต นักศึกษา ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 1,554 ทีม ซึ่งได้ทำการคัดเลือก 10 ทีมสุดท้าย ไปเมื่อวันที่ 7-9 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยแต่ละทีมได้รับทุนสนับสนุนมูลค่า 21,000 บาท ไปใช้ในการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ความปลอดภัยทางถนนในสถานศึกษา เป็นระยะเวลา 1 เดือน และในรอบชิงชนะเลิศ ทั้ง 10 ทีมได้นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ เพื่อคัดเลือกผู้ชนะเลิศ โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ดังนี้

1) ดร.ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ที่ปรึกษาและนักกลยุทธ์ชื่อดังด้านการสื่อสาร

2) ศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย

3) คุณพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ

4) คุณสิทธิชัย นกสุวรรณ์ Toyota Mobility Instructor

5) คุณเตทัศน์ สุทธินุ่น Managing Director, TOUCHPOINT GROUP THAILAND

โดยมีรางวัล สำหรับทีมชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1 และรองชนะเลิศอันดับ 2 ดังนี้

•รางวัลชนะเลิศ ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 100,000 บาท และโล่รางวัล พร้อมทั้งได้เปิดประสบการณ์ทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงโอกาสสัมภาษณ์ฝึกงานที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด หรือบริษัทในเครือพันธมิตร

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 80,000 บาท และโล่รางวัล

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 50,000 บาท และโล่รางวัล

ผลการตัดสิน Campus Challenge 2023 ภายใต้โครงการโตโยต้าถนนสีขาว มีดังนี้

•รางวัลชนะเลิศ ได้แก่

ทีม “Rainbow Dash” มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  \วิทยาเขตบางเขน

– คุณยศพร พิจิตราศิลป์

– คุณเอกรัตน์ ลิ้มบริบูรณ์ทรัพย์

– คุณปริเยศ พราหมณ์น้อย

– คุณอุดมวิทย์ สิทธินันท์เจริญ

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่

ทีม “12 123 12 12 1” มหาวิทยาลัยขอนแก่น

– คุณจิรพัฒน์ คำอินทร์

– คุณฐิติพงศ์ ปรีชากุล

– คุณธนาทร ปินะพัง

– คุณสกุลชัย ตันตระบัณฑิตย์

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่

ทีม “สามใบเถา” มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

– คุณณิชกมล กันอ่วม

– คุณมัสฤณ ผอบทอง

– คุณธีรศักดิ์ ตันท้าว

โครงการโตโยต้าถนนสีขาว ยังคงมุ่งมั่นรณรงค์และสร้างสังคมคนขับรถดี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมผลักดันสังคมไทยให้บรรลุเป้าหมายการเป็นสังคมที่ยั่งยืนตาม Sustainable Development Goals-SDGs ต่อไป

                            “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

“บางกอก มอเตอร์โชว์” ปลุกตลาดรถ ดันยอดจองรวมทะลุ 58,611 คัน

งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน ที่ผ่านมา มียอดจองรถภายในงานรวมทั้งสิ้น 58,611 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 27.5 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่แนะนำในช่วงงาน รวมถึงแคมเปญกระตุ้นยอดขายของค่ายรถ ขณะที่ตัวเลขผู้เข้าชมงานสูงถึง 1.6 ล้านคน สำรับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” จะมีขึ้นระหว่างวันที่  26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธานจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” เปิดเผยว่า “เนื่องจากการจัดงานในปีนี้ มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากประเทศจีนและเวียดนาม ที่นำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาให้ผู้บริโภค เลือกชม เลือกซื้อ เป็นจำนวนมาก โดยมีราคาตั้งแต่หลักแสนปลายๆ ไปจนถึงหลักล้านต้นๆ ทำให้มีผู้บริโภคให้ความสนใจเข้าร่วมงานมากถึง 1,610,972 คน ส่งผลให้ยอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในงานมีมากกว่า 58,611 คัน แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 5,173 คัน และรถยนต์ 53,438 คัน โดยมากกว่า 32.78 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นภายในงาน”

“ทั้งนี้รถรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนได้รับความสนใจจากประชาชน เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และวอลโว่ โดยมียอดจองรวมกันกว่า 17,517 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งกว่า 32.78 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนประกอบก็ยังคงมีสัดส่วนยอดจองกว่า 35,921 คัน”

“ในส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคเองปีนี้ต่างให้การตอบรับกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวภายในงาน และเปิดจองภายในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรก เห็นได้จากบรรยากาศการเจรจาที่หนาแน่นดังเช่นทุกปีโดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่มียอดจองเป็นสองเท่าของวันธรรมดา แต่ด้วยพฤติกรรมของคนผู้บริโภคเปลี่ยนไป เพื่อให้สมกับช่วงที่ต้องรัดเข็มขัด จึงหันมาซื้อหารถใหม่ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากขึ้น ขณะที่ตลาดรถหรูยังคงเติบโตตามเป้าด้วยสาเหตุที่ค่ายรถเองต่างชิงเปิดตัวสินค้าใหม่แทบทุกรุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย”

ขณะที่รถจักรยานยนต์ในปีนี้มีแบรนด์จากประเทศจีนเข้าร่วมงานถึง 5 แบรนด์ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานไม่น้อยเช่นกัน ทำให้มียอดจองรถจักรยานยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 5,173 คัน

สำหรับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” จะมีขึ้นระหว่างวันที่  26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

เปอโยต์ เปิดตัว Peugeot 408 ใหม่

เปอโยต์ ประเทศไทย บุกงานมอเตอร์โชว์ เปิดตัว New Peugeot 408 สปอร์ต ฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ ขุมพลัง 218 แรงม้า เพิ่ม 2 รุ่นย่อย พร้อมรับประกันคุณภาพ 7 ปี เริ่มต้นเพียง 1.499 ล้านบาท

เปอโยต์ ประเทศไทย ภายใต้บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอกย้ำแบรนด์รถยนต์ยุโรประดับพรีเมียม เปิดตัวรุ่นไฮไลท์ New Peugeot 408 Allure, New Peugeot 408 Allure Plus ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Language of Attraction’ ภาษาแห่งการออกแบบสไตล์ฝรั่งเศส ด้วยราคาเริ่มต้น 1.499 ล้านบาท และ New Peugeot 408 GT รุ่นท็อปในตระกูล พร้อมทัพ เปอโยต์ รุ่นยอดนิยมอื่นๆ ที่บูธ A5 ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย เผยว่า “งานมอเตอร์โชว์ปีนี้ แบรนด์รถยนต์ เปอโยต์ ยกทัพยนตรกรรมสไตล์ยุโรป มาเปิดตัวอย่างเร้าใจ โดยเฉพาะ New Peugeot 408 ทั้ง 3 รุ่น นำโดย New Peugeot 408 Allure, New Peugeot 408 Allure Plus และ New Peugeot 408 GT ที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์และสมรรถนะ เสริมทัพด้วย เปอโยต์ เอสยูวี De Nouveau ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ เพิ่มโอกาสการเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ มุ่งมั่นสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ด้วยการขยายเครือข่าย พร้อมบริการหลังการขาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”

เปอโยต์ 408 ทั้ง 3 รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ และสมรรถนะเต็มพิกัด

New Peugeot 408 ยนตรกรรมฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ สไตล์สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1.6 ลิตร 218 แรงม้า (HP) แรงบิด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ ‘e-EAT8’ 8 จังหวะ ห้องโดยสารล้ำสมัย, พื้นที่ด้านหลังกว้าง มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Peugeot i-Cockpit’ เจเนอเรชั่นล่าสุด ติดตั้งมาตรวัดขนาด 10 นิ้ว บริเวณด้านหน้าผู้ขับ กลางแดชบอร์ดติดตั้งจอระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว หันเข้าหาผู้ขับเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด

ขณะที่จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่น เริ่มจาก New Peugeot 408 Allure สะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบ Full LED และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแท้ พร้อมแพดเดิลชิฟท์ ผสานหลายโหมดการขับ Eco / Sport / Normal / Manual พร้อมระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยและม่านนิรภัยรอบคัน เตือนการชนด้านหน้า เตือนเมื่อรถออกจากเลน เตือนเมื่อผู้ขับมีความเหนื่อยล้า เตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหลัง เป็นต้น ราคา 1.499 ล้านบาท

New Peugeot 408 Allure Plus โดดเด่นด้วยไฟหน้าแอลอีดีอัตโนมัติ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบอุ่นเบาะ ระบบขับอัตโนมัติ อาทิ ช่วยเตือนมุมอับสายตา ช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน อ่านป้ายจำกัดความเร็ว และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง (Adaptive Cruise Control with Stop & Go) เป็นต้น ราคา 1.599 ล้านบาท

New Peugeot 408 GT โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าอัตโนมัติแบบ Matrix Beam และ เดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ หลังคาแบบซันรูฟพาโนรามา ล้ออัลลอย 20 นิ้ว เบาะหนัง ‘Nappa’ พร้อมฟังก์ชั่นระบบนวดหลังเบาะผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ชุดไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร 8 สี ระบบกรองอากาศ PM 2.5 ฝาท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบแฮนด์ฟรีและเพิ่มความสุนทรีย์ ด้วยชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ‘FOCAL’ จากฝรั่งเศส 10 ลำโพง เพิ่มความคุ้มค่าด้วยราคาใหม่ 1.799 ล้านบาท จากเดิมราคา 1.849 ล้านบาท

จัดหนัก! ขยายเวลาการรับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 7 ปี หรือ 200,000 กม.

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ เปอโยต์ ทุกรุ่น ภายในงาน ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี นอกจากนี้ เปอโยต์ ประเทศไทย ยังนำเสนอความคุ้มค่า และอุ่นใจในมาตรฐานยนตรกรรมยุโรป กับการขยายการรับประกันคุณภาพ นานสูงสุดถึง 7 ปี เป็นมาตรฐานใหม่ โดยเริ่มต้นจากรุ่น New Peugeot 408 ทั้ง 3 รุ่น ดังนี้

New Peugeot 408 รุ่น GT, Allure และ Allure Plus

•รับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี หรือ 200,000 กม.*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

•โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Care นานสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร*

และสำหรับ SUV Peugeot De Nouveau รุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง

•รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

•โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Care นานสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร*

เปอโยต์ ประเทศไทย มุ่งขยายเครือข่าย และบริการหลังการขาย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เปอโยต์ ประเทศไทย เดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูม พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร 9 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์, เยาวราช, สุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต, พัทยา และล่าสุด ‘เชียงใหม่ ออโต้’ เครือข่ายแห่งแรกในภาคเหนือ นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังกับ เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘PEUGEOT SERVICE OUTLET’ เพื่อให้บริการหลังการขาย อีก 13 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 10 สาขา ได้แก่ พระราม 4, งามวงศ์วาน, ลำลูกกา, รังสิต, เพชรเกษม, รามคำแหง, คู้บอน, พุทธบูชา, กาญจนาภิเษก และศรีนครินทร์ และอีก 3 สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ระยอง, อุบลราชธานี และภูเก็ต

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งยนตรกรรมที่ขายดีที่สุดในฝรั่งเศส ที่มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะอันโดดเด่น ได้ที่บูธ เปอโยต์ ประเทศไทย (A05) ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เปอโยต์ เปิดตัว New Peugeot 408 สปอร์ต ฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์

เปอโยต์ ประเทศไทย บุกงานมอเตอร์โชว์ เปิดตัว New Peugeot 408 สปอร์ต ฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ ขุมพลัง 218 แรงม้า เพิ่ม 2 รุ่นย่อย พร้อมรับประกันคุณภาพ 7 ปี เริ่มต้นเพียง 1.499 ล้านบาท

เปอโยต์ ประเทศไทย ภายใต้บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอกย้ำแบรนด์รถยนต์ยุโรประดับพรีเมียม เปิดตัวรุ่นไฮไลท์ New Peugeot 408 Fastback หลากรุ่น ได้แก่ New Peugeot 408 Allure, New Peugeot 408 Allure Plus และ New Peugeot 408 GT รุ่นท็อปในตระกูล ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Language of Attraction’ ภาษาแห่งการออกแบบสไตล์ฝรั่งเศส ด้วยราคาเริ่มต้น 1.499 ล้านบาท  พร้อมทัพ เปอโยต์ รุ่นยอดนิยมอื่นๆ โดยมีนางเอกสาวสวย ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ร่วมสร้างสีสันอย่างคึกคัก ที่บูธ A05 ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย เผยว่า “งานมอเตอร์โชว์ปีนี้ แบรนด์รถยนต์ เปอโยต์ ยกทัพยนตรกรรมสไตล์ยุโรป มาเปิดตัวอย่างเร้าใจ โดยเฉพาะ New Peugeot 408 ทั้ง 3 รุ่น นำโดย New Peugeot 408 Allure, New Peugeot 408 Allure Plus และ New Peugeot 408 GT ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์รูปลักษณ์และสมรรถนะ เสริมทัพด้วย เปอโยต์ เอสยูวี De Nouveau ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ เพิ่มโอกาสการเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ มุ่งมั่นสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ด้วยการขยายเครือข่าย พร้อมบริการหลังการขาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”

เปอโยต์ 408 ทั้ง 3 รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ และสมรรถนะเต็มพิกัด

New Peugeot 408 ยนตรกรรมฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ สไตล์สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1.6 ลิตร 218 แรงม้า (HP) แรงบิด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ห้องโดยสารล้ำสมัย, พื้นที่ด้านหลังกว้าง มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Peugeot i-Cockpit’ เจเนอเรชั่นล่าสุด ติดตั้งมาตรวัดขนาด 10 นิ้ว บริเวณด้านหน้าผู้ขับ กลางแดชบอร์ดติดตั้งจอระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว หันเข้าหาผู้ขับเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด

ขณะที่จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่น เริ่มจาก New Peugeot 408 Allure สะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบ Full LED และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแท้ พร้อมแพดเดิลชิฟท์ ผสานหลายโหมดการขับ Eco / Normal / Manua l/ Sport  พร้อมระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยและม่านนิรภัยรอบคัน เตือนการชนด้านหน้า เตือนเมื่อรถออกจากเลน เตือนเมื่อผู้ขับมีความเหนื่อยล้า เตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหลัง เป็นต้น ราคา 1.499 ล้านบาท

New Peugeot 408 Allure Plus โดดเด่นด้วยไฟหน้าแอลอีดีอัตโนมัติ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบอุ่นเบาะ ระบบขับอัตโนมัติ อาทิ ช่วยเตือนมุมอับสายตา ช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน อ่านป้ายจำกัดความเร็ว และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง (Adaptive Cruise Control with Stop & Go) เป็นต้น ราคา 1.599 ล้านบาท

New Peugeot 408 GT โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าอัตโนมัติแบบ Matrix Beam และ ระบบไฟสูงอัตโนมัติหลังคาแบบซันรูฟพาโนรามา ล้ออัลลอย 20 นิ้ว เบาะหนัง ‘Nappa’ พร้อมฟังก์ชั่นระบบนวดหลังเบาะผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ชุดไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร 8 สี ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบกรองอากาศ PM 2.5

ฝาท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบแฮนด์ฟรีและเพิ่มความสุนทรีย์ ด้วยชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ‘FOCAL’ จากฝรั่งเศส 10 ลำโพง เพิ่มความคุ้มค่าด้วยราคาใหม่ 1.799 ล้านบาท จากเดิมราคา 1.849 ล้านบาท

จัดหนัก ขยายเวลาการรับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 7 ปี หรือ 200,000 กม.

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ เปอโยต์ ทุกรุ่น ภายในงาน ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี นอกจากนี้ เปอโยต์ ประเทศไทย ยังนำเสนอความคุ้มค่า และอุ่นใจในมาตรฐานยนตรกรรมยุโรป กับการขยายการรับประกันคุณภาพ นานสูงสุดถึง 7 ปี เป็นมาตรฐานใหม่ โดยเริ่มต้นจากรุ่น New Peugeot 408 ทั้ง 3 รุ่น ดังนี้

New Peugeot 408 รุ่น GT, Allure และ Allure Plus

•รับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี หรือ 200,000 กม.*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

•โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Care นานสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร* และสำหรับ SUV Peugeot De Nouveau รุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง

•รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

•โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Care นานสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร*

เปอโยต์ ประเทศไทย มุ่งขยายเครือข่าย และบริการหลังการขาย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เปอโยต์ ประเทศไทย เดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูม พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร 9 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์, เยาวราช, สุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต, พัทยา และล่าสุด ‘เชียงใหม่ ออโต้’ เครือข่ายแห่งแรกในภาคเหนือ

นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังกับ เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘PEUGEOT SERVICE OUTLET’ เพื่อให้บริการหลังการขาย อีก 13 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 10 สาขา ได้แก่ พระราม 4, งามวงศ์วาน, ลำลูกกา, รังสิต, เพชรเกษม, รามคำแหง, คู้บอน, พุทธบูชา, กาญจนาภิเษก และศรีนครินทร์ และอีก 3 สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ระยอง, อุบลราชธานี และภูเก็ต

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งอันน่าหลงใหลแห่งยนตรกรรมฝรั่งเศส ที่มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะอันโดดเด่น ได้ที่บูธ เปอโยต์ ประเทศไทย (A05) ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สอบถามข้อมูล โทร. ‘1488 ALWAYS CONNECTED’

LINE: @peugeotthailand

FACEBOOK: Peugeot Thailand

WEBSITE: www.peugeot.co.th

เอ็กซ์เผิง จัดแสดงยานยนต์อัจฉริยะในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดแสดงเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดโลกทัศน์ใหม่ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าหลายรูปแบบ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ภายใต้บริษัท เอ็กซ์ โมบิลิตี้ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างกลุ่มอรุณ พลัส ในเครือ บมจ. ปตท. กับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA มุ่งสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย เปิดตัว เอ็กซ์เผิง (XPENG) แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยมี มร. เหอ เสี่ยวเผิง (Mr. He Xiaopeng) เป็นผู้ก่อตั้งช่วงปี 2557 ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า ‘เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อรูปแบบของการเดินทางในอนาคต’ เน้นการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำยุคไปถึงยานยนต์ที่สามารถบินได้ พร้อมจัดแสดงรถยานยนต์ไฟฟ้าล้ำอนาคตหลากรูปแบบ ให้ได้ชมแบบตื่นตาตื่นใจ ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มร.เจมส์ วู รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน, เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส กล่าวว่า “เอ็กซ์เผิง เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอัฉจริยะ และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทุกระดับ ที่หลงใหลในเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเราเชื่อว่าเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อรูปแบบของการเดินทางในอนาคต ปัจจุบัน เอ็กซ์เผิง ได้รับความนิยมเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศแถบยุโรป รวมไปถึงตะวันออกกลาง เรามีนโยบายในการทำตลาดระดับโลก ผ่านความร่วมมือกับผู้จำหน่ายในประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายในการจำหน่ายที่ครอบคลุม พร้อมบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ผสานการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสม กับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย

ปัจุบันยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งยานยนต์ไฟฟ้า เอ็กซ์เผิง สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว เพราะเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ใช้เพื่อเดินทาง แต่ยังสะท้อนถึงความชาญฉลาด, ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย และไลฟ์สไตล์ของผู้ครอบครอง

นายปารมี ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า “เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจาก เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัฉจริยะ ‘เอ็กซ์เผิง’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างลงตัว พร้อมนำเสนอมิติใหม่แห่งการเดินทางอย่างยั่งยืน

เปิดตัวแบบจัดเต็ม ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์อัจฉริยะ ไปจนถึงยานยนต์บินได้

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย เปิดตัวยิ่งใหญ่ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่น หลายประเภท ให้ได้ชมกันแบบจุใจ พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำ ‘เอ็กซ์เผิง จีซิกส์’ (XPENG G6) ก่อนใครภายในงาน โดยเป็นยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Ultra Smart Coupe SUV ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากนักเขียนนิยายไซ-ไฟ (Sci-Fi) มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง แบ่ง 2 รุ่นย่อย คือ Standard Range ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 580 กิโลเมตร* อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.9 วินาที และ Long Range ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 755 กิโลเมตร* อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดเท่ากันที่ 202 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับ Super-fast charge โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 20 นาที มาพร้อมระบบ ADAS เต็มรูปแบบ ขณะที่เทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell to Body รวมเป็นส่วนเดียวกับโครงสร้างตัวถัง ก็เป็นที่ยอมรับว่าว่าดีที่สุดในปัจจุบัน และการขึ้นรูปตัวถังแบบ Die-cast Structure ทำให้ตัวถังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นถึง 83% พร้อมได้รับมาตรฐานความปลอดภัย E-NCAP และ C-NCAP ระดับ 5 ดาว

นอกจากนั้น เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ก็แสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าอีกหลายรุ่น รวมไปถึงหุ่นยนต์ยูนิคอร์น และยานยนต์บินได้สุดไฮเทค

XPENG G9-Flagship Intelligent SUV ได้รับมาตรฐาน E-NCAP & C-NCAP 5 Stars ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 702 กิโลเมตร* รองรับอัตราการชาร์จได้สูงสุดถึง 315 กิโลวัตต์ โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 20 นาที ห้องโดยสารแบบวีไอพีเลานจ์ กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระจุใจ ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับ ADAS (Full-scenerio ADAS XNGP) แบตเตอรี่ 800V ซิลิคอนคาร์ไบด์แพลตฟอร์ม ผสานช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะแบบ Double-chamber

P7i-Ultra Smart Sports Sedan ได้รับมาตรฐาน E-NCAP & C-NCAP 5 Stars ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 702 กิโลเมตร โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลา 29 นาที ระบบเบรกดีเยี่ยม ใช้ระยะทางในการเบรกที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงหยุดนิ่ง เพียง 33.33 เมตร และมีอัตราส่วนเพลาขับด้านหลังแบบเดียวกับซูเปอร์คาร์

Smart Robot Pony

หุ่นยนต์ยูนิคอร์นที่ผลิตโดย XPENG สำหรับเป็นเพื่อนเล่น หรือเพื่อนเดินทาง โครงสร้างภายนอกผลิตจากวัสดุ  Liquid Silicone Skin ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี ใช้ระบบการมองเห็นเรียกว่า AR Projector เพื่อใช้ในการสำรวจและแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ข้อต่อบริเวณคอใช้วัสดุ Elastic-fabric joint มีความยืดหยุ่นสูง ส่วนต้นขาเป็นแขนกล 6 ทิศทาง (6-Dof Robot Arm) สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขาทั้ง 4 ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบา แต่มีความมั่นคง ขณะที่ส่วนเท้าใช้เทคโนโลยี EVA superficial foaming foot เงียบ ทนทาน และดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี นอกจากนั้นยังมีระบบเสียงแบบไฮ-ไฟประสิทธิภาพสูง รองรับความบันเทิงเต็มรูปแบบ

X2

XPENG X2 เป็นยานยนต์บินได้ 2 ที่นั่ง ปราศจากไอเสียขณะบิน นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเดินทางแบบไร้มลพิษ เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองที่บินด้วยความสูงไม่มาก เช่น การบินชมทัศนียภาพ หรือการใช้งานทางการแพทย์ ติดตั้ง 2 โหมดการขับ คือ แมนนวล และ อัตโนมัติ โดยในโหมดการบินอัตโนมัติ ผู้โดยสารสามารถดื่มด่ำกับไฟล์ทอันชาญฉลาด ทั้งในขณะบิน รวมถึงลงจอดอย่างปลอดภัย ได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ‘เอ็กซ์เผิง’ เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้า จองสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ ‘เอ็กซ์เผิง จีซิกส์’ ยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Ultra Smart Coupe SUV ได้แล้ววันนี้

*(มาตรฐาน CLTC)

มาเซราติ โชว์ไฮไลท์ “เกรคาเล่ โฟลกอเร” รถไฟฟ้า 100% ที่งานมอเตอร์โชว์

มาเซราติ ประเทศไทย จัดแสดงยนตรกรรมล้ำสมัย โชว์ไฮไลท์ “เกรคาเล่ โฟลกอเร” ข้บเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มาเซราติ ประเทศไทย นำสองยนตรกรรมรุ่นล่าสุด สะท้อนความเป็นลักชัวรีสปอร์ตสไตล์อิตาเลียน กับ มาเซราติ ‘เกรคาเล่ โฟลกอเร่’ ยนตรกรรมล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มาเซราติ ‘กรันทูริสโม’ (GranTurismo) โฉมใหม่ ยนตรกรรมสไตล์จีที (GT) ที่ผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับทางไกล จัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี

นายปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า “มาเซราติ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ผ่านยนตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง ฟอร์มูล่า อี โดยภายในงานนี้ เราภูมิใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำยุค ซึ่งสามารถสะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ มาเซราติ ได้เป็นอย่างดี”

Maserati Grecale Folgore ยนตรกรรมไฟฟ้าสุดล้ำ ตามแบบฉบับอิตาเลียนพันธุ์แท้

ยนตรกรรมคอมแพกต์เอสยูวี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ภายใต้คอนเซปต์ ‘Everyday Exceptional’ คิดค้นและพัฒนาขึ้นด้วยสุดยอดทีมงานวิศวกรของ Maserati Innovation Lab เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ผสมผสานความหรูหรา สง่างาม เปี่ยมสมรรถนะ และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมประสิทธิภาพการขับเคลื่อนดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นเอสยูวีที่มีความโดดเด่นและครบครันมากที่สุดในกลุ่ม High Performance Luxury ด้วยคอนเซปต์การออกแบบ ‘Masters of Italian Audacity’ หรือ ความกล้าที่จะแตกต่างในสไตล์อิตาเลียน พร้อมสะท้อนตัวตนที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยแรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ ‘เอ็มซี20’ (MC20) ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูลา อี

รูปลักษณ์สไตล์คูเป้ เส้นสายโค้งมน กระจังหน้าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมไฟท้ายบูเมอแรง ที่ได้แรงบันดาลใจจาก มาเซราติ Giugiaro 3200 GT มาพร้อมห้องโดยสารเต็มเปี่ยมความหรูหราและอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน ตกแต่งอย่างประณีตทุกรายละเอียด ด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม ไม้แท้ และคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการใช้นาฬิกาดิจิทัล แทนนาฬิกาทรงรีแบบดั้งเดิม สามารถแสดงข้อมูลหลากหลาย ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์แบบทีเอฟที (TFT: Thin-Film Transistor) ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ พร้อมติดตั้งทัชสกรีนแบบคู่ บริเวณกลางแดชบอร์ด โดยจอบนมีขนาด 12.3 นิ้ว และจอล่างขนาด 8.8 นิ้ว ใหญ่สุดเท่าที่เคยติดตั้งในรถยนต์ มาเซราติ ครบทุกอรรถรสของการขับ ด้วยเครื่องเสียง Sonus Faber จากอิตาลี พร้อมออปชั่นลำโพงแบบ 14 ตำแหน่งและ 21 ตำแหน่ง

ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำกำลังได้มากกว่า 500 แรงม้า (HP) แรงบิด 800 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับ 4 โหมดการขับ คือ Comfort, GT, Sport และ Off-road ผสานระบบควบคุมการทรงตัวใหม่ล่าสุด ‘วีดีซีเอ็ม’ (VDCM-Vehicle Dynamic Control Module)

Maserati All-new GranTurismo

ยนตรกรรมสไตล์จีที (GT) ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Others Just Travel’ ที่มอบประสบการณ์พิเศษ มากกว่าคำว่าการเดินทาง ฝากระโปรงหน้าทรงยาวและตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซี ที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่

ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Digital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี ‘Sonus Faber’ ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่งให้เลือก

ขุมพลังเบนซิน วี6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เน็ททูโน (V6 Nettuno) บล็อกเดียวกับที่ใช้ในซูเปอร์คาร์รุ่น เอ็มซี20 (MC20) คันที่จัดแสดงเป็นรุ่นย่อย โมเดนา (Modena) ทำได้ 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: มาเซราติ ประเทศไทย

โชว์รูมสุขุมวิท 26 โทร. 02-663-2233

โชว์รูมสยามพารากอน โทร. 02-610-9441

โชว์รูมไอคอนสยาม 02-117-4666

เว็บไซต์ : http://Thailand.Maserati.com/

เฟซบุ๊ค : Maserati Thailand

อินสตาแกรม : Maserati Thailand

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ เปิดราคาเริ่มต้นที่ 31.8 ล้านบาท

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก จัดแสดง “สเปกเตอร์” ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ เป็นครั้งแรกต่อสาธารณะ เผยราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท สะเทือนเวทีมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก นำ “สเปกเตอร์” (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โรลส์-รอยซ์ จัดแสดงต่อสาธารณะ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567

•ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ นำทุกท่านสู่ยุคใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

•ทั่วโลกให้กระแสตอบรับดี และเป็นที่ต้องการสูง กำหนดรับรถยาวตลอดปี 2567

•ประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ประเทศไทยเปรียบได้กับศูนย์กลางแห่งความหรูหราในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนของเจ้าของกิจการและผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง สเปกเตอร์ ก็นับว่ามาเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ คันนี้ นับว่าอยู่ในจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ และกระผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วม ในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้กับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ โรลส์-รอยซ์”

นายกฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ปี 2564 โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ทำการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเป็นทิศทางไปสู่อนาคตของแบรนด์ โดย โรลส์-รอยซ์ ยืนยันความแน่วแน่ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรุ่น ‘สเปกเตอร์’ (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% พร้อมตั้งเป้ายุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาป และทำให้ยนตรกรรมที่จำหน่ายขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 ซึ่งนับตั้งแต่การประกาศสำคัญในครั้งนั้น สเปกเตอร์ ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบอย่างเข้มข้น เป็นระยะทางรวมระยะทางกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตร

ปัจจุบันได้มีการส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าที่สั่งจองเป็นอันดับต้นๆ ไปแล้ว และในครั้งนี้ ก็นับเป็นการเผยโฉมต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เพื่อตอกย้ำถึงทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้า โรลส์-รอยซ์ ในอนาคต

สเปกเตอร์ คือ ผู้เปิดตำนานอันน่าตื่นเต้นบทใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของยุคแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลิ่อนด้วยไฟฟ้าของแบรนด์ โดยยนตรกรรมรุ่นดังกล่าว นับเป็นการยืนยันถึงพันธสัญญา, ความแม่นยำแห่งการทำนาย และการพัฒนาอันน่าทึ่ง พร้อมแสดงให้เห็นว่า โรลส์-รอยซ์ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังคงรักษาเอกลักษณ์และจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ ควบคู่ไปกับเป้าหมายในการทำให้ยนตรกรรมทุกรุ่นที่จำหน่าย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีไฟฟ้ามายาวนาน โดยช่วงปี 2443 มร. ชาร์ลส์ โรลส์ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ได้ทำนายอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า หลังได้มีโอกาสขับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า ‘The Columbia Electric Carriage’ โดยเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบอันยั่งยืนของยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อาทิ การปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จรองรับอย่างเพียงพอ”

จากนั้นช่วงปี 2554 โรลส์-รอยซ์ ก็ได้เผยโฉมยนตรกรรมต้นแบบ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น แฟนธอม (Experimental Phantom concept) ภายใต้รหัส 102EX และตามมาด้วย 103EX ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสื่อถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ โรลส์-รอยซ์ ในอนาคตได้อย่างชัดเจน

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น

มาพร้อมแพ็กเกจ SPECTRE Ownership ดังนี้:   

•รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์

ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)*

•รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่นาน 10 ปี*

•โปรแกรมบำรุงรักษา (service inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง*

•ทีมบุคลากรของ โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทย ผ่านการอบรมพร้อมประกาศนียบัตรด้านการบำรุงรักษา สเปกเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

โตโยต้า ถนนสีขาว รณรงค์เดินทางปลอดภัยช่วงสงกรานต์

โตโยต้า ถนนสีขาว รณรงค์เดินทางท่องเที่ยวปลอดภัยช่วงสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเร็ว ยิ่งสูญเสียเร็ว” ใช้ความเร็วเหมาะสมช่วยลดอุบัติเหตุได้

โครงการ “โตโยต้าถนนสีขาว” เดินหน้ารณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วงสงกรานต์ พร้อมส่งมอบความสุขในทุกการเดินทาง ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเร็ว..ยิ่งสูญเสียเร็ว” มุ่งเน้นการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในการขับขี่เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางในช่วงเทศกาล พร้อมส่งมอบความมั่นใจทั้งก่อนและหลังการเดินทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ด้วยการให้บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 7 ระบบสำคัญ รวม 24 รายการ ที่ศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567 และให้บริการจุดพักรถ ณ บริเวณเส้นทางหลวงขาออกไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบความสุข และความปลอดภัยในระหว่างการเดินทาง

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน

ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร จึงริเริ่มดำเนินโครงการโตโยต้าถนนสีขาวมากว่า 35 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังวินัยจราจรและน้ำใจของการขับรถที่ดีให้กับสังคมไทย ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจในการรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนน ผ่านการเน้นย้ำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักถึงเรื่อง “ความเร็ว” ด้วยการขับขี่โดยใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเร็ว..ยิ่งสูญเสียเร็ว” เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล และเพื่อสร้างความมั่นใจให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัยตลอดเส้นทาง บริษัทฯ พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จึงจัดให้มีบริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 7 ระบบสำคัญ รวม 24 รายการ ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสงกรานต์ เพื่อเตรียมความพร้อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนำรถยนต์ไปตรวจเช็กได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567 โดยมีรายการตรวจเช็ก 24 รายการ ดังนี้

1. ระบบช่วงล่าง

•ยางกันฝุ่นเพลาขับ

•โช้กอัพหน้าหลัง

•ลูกปืนล้อ

•ลูกหมากปีกนก

2. ระบบเบรก

•ระบบฟรีแป้นเหยียบ/คลัตช์/เบรกมือ

3. ระบบแอร์

•ระบบเครื่องปรับอากาศ พัดลม และน้ำยาแอร์

4. ระบบไฟฟ้า

•แบตเตอรี่/ระดับน้ำกลั่น

•ระบบไฟส่องสว่าง/แตร

5. ระบบของเหลว

•ระดับน้ำมันเครื่อง

•ระดับน้ำในถังสำรอง/ระดับน้ำยาหล่อเย็น

•ระดับน้ำมันเบรก

•ระดับน้ำมันเพาเวอร์

•ระดับน้ำมันเกียร์

•รอยรั่วและความผิดปกติของหม้อน้ำ

•รอยรั่วและความผิดปกติของท่อทางน้ำ

•ระดับน้ำมันเฟืองท้าย (เพิ่มเติม เฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)

•ระดับน้ำมันทรานเฟอร์ (เพิ่มเติม เฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)

6. ระบบเครื่องยนต์

•ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์

•ตรวจเสียงเครื่องยนต์ขณะสตาร์ต

•สายพานต่าง ๆ

•รอยรั่วและความผิดปกติของเครื่องยนต์

•รอยรั่วและความผิดปกติของเกียร์

7. ระบบความปลอดภัยอื่นๆ

•ที่ปัดน้ำฝน/น้ำล้างกระจก

•สภาพยางรถยนต์

•เข็มขัดนิรภัย

•รอยรั่วและความผิดปกติของพวงมาลัยพาวเวอร์

นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆในพื้นที่ พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า จัดจุดพักรถจำนวน 4 แห่ง ได้แก่

  1) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จุดให้บริการประชาชนทางเข้า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

  2) ภาคเหนือ ณ จุดให้บริการประชาชน ริมปิง ถนนสาย117 ต.บางม่วง อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์

  3) ภาคใต้ ณ จุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ ตลาดพูนทรัพย์ ต.สระพัง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี

  4) ภาคตะวันออก ณ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมฯ (ด่านหลัก) จุดสกัด 344 ขาเข้าเยื้อง บ.คิวเอ็ม บี จำกัด อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

โดยมีการให้บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น และผลิตภัณฑ์จากโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ แก่ผู้ที่เดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11- 13 เมษายน 2567

โตโยต้า มุ่งมั่นรณรงค์และขับเคลื่อนสังคมแห่งความปลอดภัยในการเดินทาง และขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ “สร้างสังคมคนขับรถดี” ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยการขับขี่ตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจร มีวินัย และน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง เพื่อขับเคลื่อนความสุขและความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนนให้แก่คนไทยทุกคนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

*สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า TOYOTA CONTACT CENTER 1486

                      “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

มาสด้า เฟ้นหาที่สุดบุคลากรบริการหลังการขาย

มาสด้า เฟ้นหาที่สุดของที่สุดด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ตอกย้ำนโยบายส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้ลูกค้าทั่วประเทศ

มาสด้า สานต่อปณิธานในการส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ตามแนวทาง Customer Experience Management จัดการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 หรือ การแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า ประจำปี 2566 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดบุคลากรฝ่ายบริการหลังการขาย ประเภท ช่างเทคนิค ที่ปรึกษาด้านบริการ และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ จากผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบบริการแบบครบวงจรและประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้ามาสด้าอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงแนวทางที่มาสด้าให้ความสำคัญด้านการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจ เกิดความผูกพันและภักดีในแบรนด์ และยกระดับประสบการณ์ความสุขจากการใช้รถยนต์มาสด้าให้ลูกค้าทุกคน โดยการเฟ้นหาที่สุดของประเทศในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วประเทศ 276 คน คัดเลือกผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นให้เหลือเพียง 30 คน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้าย จัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า ที่สำคัญ ผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทักษะฝีมือช่างเทคนิคในเวทีระดับนานาชาติต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การส่งมอบบริการที่เป็นเลิศและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ คือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้นโยบายการดำเนินงานเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touch point เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายเพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่ง แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้ามาสด้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของมาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย

-Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์

-Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติได้อย่างสมดุล และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น

-Values หรือ การส่งมอบความประทับใจที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า ด้วยความเต็มใจ ด้วยมิตรภาพ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกการให้บริการ

ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่มาสด้าปรารถนาและต้องการส่งมอบสู่ลูกค้าทุกคนในประเทศไทย เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า และต่อเนื่องไปยังรถยนต์มาสด้าคันถัดไป

มาสด้าจึงมุ่งมั่นเดินหน้าเสาะแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อความสุขของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับศักยภาพบุคลากรของผู้จำหน่าย ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่าของมาสด้าให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ รวมถึงการจัดการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 หรือ การแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า ประจำปี 2566 โดยดำเนินการจัดแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องถึง 18 ปี เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้บุคลากรของผู้จำหน่ายได้มีโอกาสพัฒนาทักษะ ความเชี่ยวชาญ และแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการแข่งขัน ไปต่อยอดเพื่อดูแลลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด และมีความสุขกับการใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจในทุกเส้นทาง ทำให้ลูกค้าสบายใจด้วยคุณภาพงานบริการที่ได้มาตรฐานตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า ด้วยการวิเคราะห์งานซ่อมต่างๆ ได้อย่างมืออาชีพ ถูกต้องแม่นยำ เพื่อส่งมอบการบริการที่สะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

ไม่เพียงเท่านี้ การแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 ได้ยกระดับความเข้มข้นของโจทย์และสถานการณ์ที่ใช้ทดสอบสำหรับการแข่งขันแต่ละประเภทในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรฝ่ายบริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศได้พัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพความเชี่ยวชาญและยกระดับความสามารถของตนเองในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ พร้อมประสบการณ์ที่ดีที่สุดและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามนโยบายการสร้างมาตรฐานการบริการจากมาสด้า โดยอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจถึงแก่นแท้ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อันเป็นแนวคิดการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย คือ ผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้ จะได้เดินทางไปร่วมกิจกรรม หรือ การแข่งขันในเวทีระดับโลกอีกด้วย โดยผู้ที่ชนะเลิศในแต่ละประเภท มีดังต่อไปนี้

ประเภท ช่างเทคนิค

ชนะเลิศ : นายศราวุฒิ บริบูรณาคม จาก บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) พัทยา

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นายวิษณุ ก้อนแข็ง จาก บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) – อมตะ

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นายณัฐนันต์ พวงทอง จาก บริษัท นที ยูนิตี้ มอเตอร์ จำกัด – ราชพฤกษ์

ประเภท ที่ปรึกษาด้านบริการ

ชนะเลิศ : นางสาวพัชราภรณ์ ทรงเจริญ จาก บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาวชญาภา เรืองระยนต์ จาก บริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ เน็กซ์ทู จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาวบงกช สุขขณะล้ำ จาก บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ มาสด้า (ประเทศไทย) จำกัด สาขาเพชรเกษม

ประเภท เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์

ชนะเลิศ : นางสาวปรียาภรณ์ ใจตรง จาก บริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้า ภูเก็ต จำกัด (ถนนเจ้าฟ้า)

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาวศศิธร น้อยวิไล จาก บริษัท 14 ออโตโมชั่น จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาวฐิติมา แสงรอด จาก บริษัท วีเอ็มดี ออโต้เซลส์ จำกัด (พิษณุโลก)

ทั้งนี้ มาสด้าภูมิใจในบุคลากรทุกคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 ในครั้งนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมให้คำมั่นว่า เราทุกคนจะไม่หยุดพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศเพื่อลูกค้าและครอบครัวมาสด้าทุกคน และจะมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแบบครบวงจร นับแต่วันแรกที่แบรนด์มาสด้าได้มีโอกาสทำความรู้จักกับลูกค้า ตั้งแต่ก่อนที่ลูกค้าจะซื้อรถ ตลอดจนการบริการหลังการขาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามาสด้าพร้อมดูแลลูกค้าครอบครัวมาสด้าให้ดีที่สุด และรถยนต์คู่ใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ให้ครอบคลุมทุกช่วงของชีวิต ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก รองประธานบริหารส่วนงานวางแผนกลยุทธ์ และปฏิบัติการ มร.ทาเคชิ มิคามิ ซึ่งได้ร่วมชมการแข่งขันและเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าแข่งขันในแต่ละประเภท โดยให้เกียรติมอบรางวัลแห่งความภาคภูมิใจให้กับผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้

TAIA หวั่นหนี้ภาคครัวเรือนฉุดยอดขายรถปี 2567

ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA), สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA และบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 คาดการณ์แนวโน้มภาคผลิตยานยนต์ปี พ.ศ. 2567 ทะลุ 1.9 ล้านคัน เติบโตต่อเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ ส่วนยอดขายในประเทศอาจไม่เติบโต เหตุจากหนี้ภาคครัวเรือน และยอด NPL รถยนต์ยังสูง ส่งผลประมาณการยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะอยู่ที่ 7.5 แสนคัน

นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า ในปี พ.ศ. 2567 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.9 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3.17% โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน และสำหรับรถจักรยานยนต์คาดการณ์จะมีการผลิตที่ 2.12 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 0.03%

ปัจจัยส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ปี 2567 หลักคือ ภาวะทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้สินภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและหนี้เสีย NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่ออำนาจซื้อของประชาชนที่ลดลง นโยบายและกฎระเบียบด้านยานยนต์ การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ทั้งรถยนต์และน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคารถยนต์และน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า (EV :Electric Vehicle) ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจดทะเบียนรวมปัจจุบันอยู่ประมาณ 1.0 – 1.2 แสนคัน และส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จากการตระหนักถึงความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้รถไฟฟ้าจากประชาชนชาวไทย รวมถึงมาตรการการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยอดขายรถ EV มีอัตราการเติบโตแบบชะลอตัว ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการตัดสินใจชะลอซื้อรถรุ่นใหม่ เพราะการทยอยเข้ามาของรถ EV รุ่นใหม่ แบรนด์ใหม่ๆ จากประเทศจีน และการทำสงครามราคาของ EV ด้วยกันเอง

นายสุวัชร์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย อยู่ในช่วงของการปรับตัว และเปลี่ยนถ่ายสู่การผลิตยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่ในเวลานี้ นโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.0, EV 3.5 และมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ รถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าของรัฐบาล มีการอุดหนุนด้านการผลิตรถ EV และเงินอุดหนุนราคา ส่งผลให้ราคารถ EV ต่ำกว่าความเป็นจริง สิ่งที่สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกังวลคือ อาจมีการชะลอตัวในตลาดรถ EV หลังจากมาตราการอุดหนุนต่างๆ สิ้นสุดลง

สิ่งสำคัญในเวลานี้คือ มาตรการเหมาะสมในการสนับสนุนการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (ICE : Internal Combustion Engine) มาอย่างยาวนาน ครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก เปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อลดการปล่อยมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้ตามโนบาย “เป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2050” ของรัฐบาลผ่านนโยบายต่างๆ เช่น 30@30 เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ และการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ปี 2569 เพื่อส่งเสริมรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายสุรศักดิ์ จรินทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนสื่อมวลชนสายยานยนต์รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในการนำเสนอข้อมูลภาพรวม และทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยข้อมูลจากกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นแนวทางให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดยานยนต์ไทยในอนาคต สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลเหล่านี้ สามารถสื่อสาร และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานต่างๆ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI และประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปัจจุบัน มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์มีการแข่งขันกันสูง ในขณะที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งตนเองในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ พยายามผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเติบโตไปสู่แนวหน้าของโลก อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้ เป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการทุกบริษัท โดยเฉพาะญี่ปุ่น ค่ายญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ที่ผ่านมามีการรุกเข้ามาของรถยนต์จากประเทศจีนอย่างมาก แต่อนาคตรถจากจีนเข้ามาแล้วจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกแบบนี้หรือไม่นั้น สำคัญคือเราต้องรู้ทันสิ่งที่เห็น ตอนนี้สิ่งที่กลัวคือ รู้ไม่ทันสิ่งที่เกิดขึ้น

“จึงอยากเตือนว่าอย่าลุ่มหลงจนเกินไป ทั้งที่พื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเราดีอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงในเวลานี้คือ พื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะได้รับผลกระทบ ห่วงความไม่ยั่งยืน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเราทำมา 50 กว่าปีด้วยความยากลำบาก มีค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นยกตัวอย่างทั้งโตโยต้า อีซูซุ มิตซูบิชิ และอีกหลายค่าย ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะปิกอัพส่งออกไปทั่วโลกรวมหลายล้านคันแล้ว” ดร.ปราจิน กล่าว

ดร.ปราจิน กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ในช่วงแรก ตนเองเคยมีโอกาสได้เดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นช่วงที่มีการย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ทำให้เห็นว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับอุตสาหกรมยานยนต์ไทยอย่างมาก ไม่อย่างนั้นค่ายรถยนต์ทั่วโลกคงไม่เกรงใจไทยเหมือนทุกวันนี้ ในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์โชว์มีผู้เข้าชมครั้งละเป็นล้านคน ดังนั้นเราจึงต้องรักษาไว้ ตนจัดงานมอเตอร์โชว์มาจนถึงวันนี้ ครั้งที่ 45 อยากให้เป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็น ตอนนี้ตนอายุ 81 ปีแล้ว แต่ยังอยากทำงานให้ประเทศไทยให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save