- Advertisement -
30.7 C
Bangkok
Home Blog Page 65

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุสานต่อกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ มอบเงินสนับสนุนกว่า 2 ล้านบาท จำนวน 6 โครงการ

มร.ทาคาชิ ฮาตะ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ยึดมั่นในวิสัยทัศน์องค์กร คือ “วิถีอีซูซุ : ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” สานต่อกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ มอบเงินสนับสนุน ประจำปี พ.ศ. 2566 มูลค่ารวม 2,080,000 บาท จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ ทุนการศึกษาแก่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ทุนการศึกษาสำหรับผู้ทุพลลภาพแก่สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ เงินสนับสนุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อุปกรณ์การเรียนแก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เงินสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์โซล่าเซลล์แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และอุปกรณ์จราจรแก่หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวม 7 หน่วยงาน เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคมไทย ทั้งด้านการศึกษา การดำรงชีวิต ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนความปลอดภัยบนท้องถนน ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566

โตโยต้า จัดทัพรถCarbon Neutrality ร่วมแข่งขัน Endurance Race 10 ชั่วโมงในไทย

โตโยต้า จัดทัพรถที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) นำโดยพริอุส ร่วมการแข่งขัน Endurance Race 10 ชั่วโมงในประเทศไทย – สู่การขยายทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) เข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ในรายการ “IDEMITSU 600 SUPER ENDURANCE 2023” (การแข่งขัน Endurance Race 10 ชั่วโมงในประเทศไทย) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ สนามช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 22-23 ธันวาคม 2566 โดยนำรถแข่ง 3 คัน ภายใต้ ROOKIE Racing Team ได้แก่ GR86 “ORC ROOKIE GR86 CNF concept” ใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน, COROLLA “ORC ROOKIE GR Corolla H2 concept”  ใช้เชื้อเพลิงพลังงานไฮโดรเจน และ PRIUS (HEV) “CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept” ที่จะเข้านำมาเสริมทัพในรายการนี้

โดย PRIUS ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ มีแนวคิดในการพัฒนารถยนต์รุ่นที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาด และนี่ยังป็นครั้งแรกของโตโยต้า ในการนำรถ HEV รุ่นที่มีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์มาใช้ในการแข่งขัน

นอกจากนี้รถแข่งของ TOYOTA GAZOO RACING THAILAND อย่าง COROLLA GR, GR 86 และ YARIS ก็จะเข้าร่วมการแข่งขันโดยใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยเช่นกัน โดยเราจะร่วมมือกับพันธมิตรในเอเชีย เพื่อรับมือกับความท้าทายในการขยายทางเลือกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเริ่มจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต

โครงสร้างการแข่งขัน
 

ชื่อทีมรถแข่ง
ORC ROOKIE RacingORC ROOKIE GR86 CNF concept
ORC ROOKIE GR Corolla H2 concept
CP ROOKIE RacingCP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept

นักแข่งที่เข้าร่วมการแข่งขัน 

โมริโซ, ยาสึฮิโระ โอกุระ, ขจร เจียรวนนท์, มาซาฮิโระ ซาซากิ, ทัตสึยะ คาตะโอกะ, ฮิโรอากิ อิชิอุระ, คาซึยะ โอชิมะ, นาโอยะ กาโมะ, เคนตะ ยามาชิตะ, ฮิบิกิ ไทระ, เคโซ คะโต, ไดสึเกะ โตโยดะ

*รายชื่ออาจมีการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลง

ORC ROOKIE GR86 CNF Concept

ORC ROOKIE GR COROLLA H2 Concept

1. การเข้าร่วมการแข่งขันด้วยรถแข่งระบบไฮบริด (HEV) เป็นครั้งแรก

โตโยต้าเร่งขยายทางเลือกอันหลากหลายเพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนให้เกิดขึ้นจริง ผ่านการเข้าร่วมซีรีส์การแข่งขัน Super Endurance Race โดยใช้รถแข่ง COROLLA ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน และรถแข่ง GR86 ซึ่งใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยรถทั้ง 2 คันนี้ เคยเข้าร่วมการแข่งขัน Endurance Race 25 ชั่วโมง ในประเทศไทยเมื่อปี 2022 ซึ่งถือเป็นความท้าทายในการนำรถมาแข่งภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากประเทศญี่ปุ่น โดยการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดทางเลือกเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอันหลากหลายของโตโยต้า ในการนี้ เราจึงเพิ่มรถอีกหนึ่งรุ่น คือ รถยนต์ระบบไฮบริด (HEV) เพื่อเป็นรถแข่งอีกรุ่นของโตโยต้า ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์เพื่อสร้างความเหมาะสมในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย และประเทศไทย ที่สำคัญ ยังเป็นการใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนอีกด้วย

ในปัจจุบัน TOYOTA GAZOO Racing ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีการแข่งรถ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศหลายรายการ ซึ่งรวมถึงการนำรถระบบไฮบริด (HEV) มาใช้ในการแข่งขัน หรือ Racing Hybrid โดยผ่านการเข้าร่วมในการแข่งขัน “World Endurance Championship” (WEC) และการแข่งขันในครั้งนี้ โตโยต้ามุ่งนำเสนอเทคโนโลยี ที่เหมาะสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต ผ่านรถรุ่น PRIUS ที่ผ่านการพัฒนาประสิทธิภาพในเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริด HEV ที่มีการสร้างสมดุลระหว่างการใช้พลังงานและมรรถนะการขับขี่ ควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน

ยิ่งไปกว่านั้น ในการแข่งขันครั้งนี้ เรายังได้รับเกียรติจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญที่มีจุดยืนด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนร่วมกับโตโยต้า โดยมี คุณขจร เจียรวนนท์ ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และยังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรูลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลธุรกิจบริการขนส่งของ CP ที่เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักแข่งของ ROOKIE Racing Team ซึ่งจะมาลงแข่งโดยการขับ CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR CONCEPT ที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีความกลางทางคาร์บอนอีกด้วย

2. สร้างพันธมิตรที่จะร่วม “ผลิต” “ขนส่ง” และ “ใช้” ไฮโดรเจนในประเทศไทย   

รถแข่ง COROLLA เครื่องยนต์ไฮโดรเจน ถือเป็นการท้าทายเพื่อขยายทางเลือกในการสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนั้นเรายังได้สร้างพันธมิตรมากมายทั้งในญี่ปุ่น และในต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 51 ราย

ในการแข่งขันรายการเอนดูรานซ์ 10 ชั่วโมง ปีนี้ โตโยต้านำเสนอความท้าทายใหม่ ในการใช้พลังงานชีวภาพที่ได้มาจากมูลจากฟาร์มสัตว์ปีกของซีพี และของเสียจากเศษอาหารที่มาจาก บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเชื้อเพลิง ที่ใช้เติมในรถรุ่นโคโรลล่า ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน

ยิ่งไปกว่านั้น โดรนเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ในการสาธิตการทดลองร่วมกับ CP Group จะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในกิจกรรมนี้ สะท้อนความพยายามในการสร้างพันธมิตรที่จะร่วม “ผลิต” “ขนส่ง” และ “ใช้” ไฮโดรเจนในประเทศไทย ทั้งนี้ โตโยต้ามุ่งขยายความพยายามในการสร้างสังคมไฮโดรเจนไปยังส่วนอื่นของภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มต้นจากประเทศไทยเป็นประเทศแรก

โดรนเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ในการสาธิตการทดลองร่วมกับ CP Group

โตโยต้าจะมุ่งมั่นพยายามต่อไปในการสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ให้เกิดขึ้นจริง

ผ่านแนวทาง “ทางเลือกที่หลากหลาย” ร่วมกับพันธมิตรของเรา

“ก้อง-สมเกียรติ” คว้ารางวัลนักกีฬาอาชีพชายดีเด่นประจำปี 2566

“ก้อง-สมเกียรติ” บันทึกประวัติศาสตร์ นักกีฬาคนแรกของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย คว้ารางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” วันกีฬาแห่งชาติ 2 ปีซ้อน

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดประวัติศาสตร์ชาวไทยวัย 25 ปี จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ได้รับเลือกให้รับรางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2566 มาครอง ในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ ลานพลาซ่า ราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยรางวัลที่ “ก้อง -สมเกียรติ” ได้รับในครั้งนี้ถือเป็นนักกีฬาจากวงการมอเตอร์สปอร์ตคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว 2 ปีติดต่อกัน

ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” หมายเลข 35 สังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” สร้างผลงานยอดเยี่ยมระดับโลกให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 ด้วยผลงานการครองอันดับ 6 ของโลกในศึกโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 ด้วยผลงาน 1 ชัยชนะ 2 โพเดียม โดยผงาดคว้าแชมป์ในรายการ “เจแปนีส กรังด์ปรีช์” และคว้าโพเดียมอันดับ 3 ในโฮมเรซ “ไทยแลนด์ กรังด์ปรีช์” ที่บุรีรัมย์ และทำคะแนนรวมสะสมทั้งสิ้น 173.5 คะแนน ถือเป็นสถิติสูงสุดของนักบิดไทยในเวิลด์กรังด์ปรีซ์

“ก้อง-สมเกียรติ” เปิดใจหลังจากได้รับรางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” เป็นปีที่สองติดต่อกันว่า “ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ได้รับรางวัล “นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น” และภูมิใจมากๆ ที่ได้ถูกเลือกให้รับรางวัลดังกล่าวนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน ในตอนขึ้นไปรับรางวัล ตื่นเต้นไม่แพ้ครั้งแรกเลย ขอขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทยที่มอบรางวัลดังกล่าวให้ และต้องขอขอบคุณ ไทยฮอนด้า ที่ให้การสนับสนุนผมมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต จนสามารถสร้างผลงานได้รับรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้อีกครั้ง สำหรับรางวัลครั้งนี้ จะเป็นกำลังใจที่ทำให้ผมเดินหน้าเพื่อทำผลงานให้ดีขึ้นไปกว่าเดิมในปีหน้า และผมอยากมอบรางวัลนี้ให้กับคุณแม่ ครอบครัว ไทยฮอนด้า ทีมงาน ผู้สนับสนุนฯ และที่สำคัญคือ แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยทุกคน ที่ช่วยส่งกำลังใจเชียร์ผมมาตลอดทั้งฤดูกาล”

ทั้งนี้ “ก้อง-สมเกียรติ” จะใช้เวลาช่วงพักฤดูกาลราว 3 เดือน เพื่อพักผ่อนและเก็บตัวฝึกซ้อมร่างกายในประเทศไทย ก่อนจะลุยศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ด้วยเป้าหมายที่สูงขึ้น แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารทัพนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

#ThaiHonda #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #RaceToTheDream #IdemitsuHondaTeamAsia #HondaRacingThailand #RoadToMotoGP

เอ็มจี ปลื้ม กวาดยอดจอง 3,568 คัน ในงาน MOTOR EXPO 2023

เอ็มจี รั้งท้อป 5 ยอดจอง MOTOR EXPO 2023 ผนึกกำลังดีลเลอร์ส่งมอบข้อเสนอพิเศษต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2566

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยยอดจองในงาน MOTOR EXPO 2023 หลังกวาดมาได้ถึง 3,568 คัน รั้งอันดับ 5 พร้อมยืนยันกระแสรถยนต์ไฟฟ้าแรงจริง ด้วยสัดส่วนยอดจองกลุ่มรถไฟฟ้าสูงถึง 58% ส่วนรถยนต์พลังงานทางเลือกและเครื่องยนต์สันดาปภายใน 42% โดยรถไฟฟ้าขับหลังอย่าง MG4 ELECTRIC ทำยอดจองได้สูงสุด พร้อมประกาศลุยตลาดต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2566 โดยผนึกกำลังผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดกิจกรรม “HAPPY NEW YEAR, HAPPY DEAL HERE” ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2566 – 17 ธันวาคม 2566 ที่โชว์รูมเอ็มจีกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ หวังให้ลูกค้าออกรถใหม่ป้ายแดงแบบคุ้มๆ ด้วยข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO 2023

สำหรับงาน MOTOR EXPO 2023 ครั้งล่าสุด เอ็มจี มียอดจองสูงกว่า ปีก่อน ถึง 46% คิดเป็นยอดจอง 3,568 คัน โดยมีสัดส่วนรถไฟฟ้ากว่า 58% ซึ่ง NEW MG 4 ELECTRIC เป็นรถไฟฟ้าที่ได้รับกระแสตอบรับสูงที่สุด กวาดยอดจองได้ถึง 990 คัน และในส่วนของรถเครื่องยนต์สันดาป และรถพลังงานทางเลือกมียอดจองกว่า 42% โดยรุ่น MG5 ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดจองกว่า 620 คัน ส่วนโมเดลไฮไลท์ที่ถือเป็นสีสันและดึงดูดความน่าสนใจให้กับบูธเอ็มจีได้อย่างชัดเจน นั่นคือ IM LS6 ซึ่งเป็นรถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่ถือเป็นรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมจาก SAIC MOTOR โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีภายในงาน ทาง เอ็มจี เตรียมพิจารณาทำตลาดรุ่นนี้ในประเทศไทยต่อไป อีกรุ่นเรือธงอย่าง MG CYBERSTER รถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ เอ็มจี เปิดรับจองอีกครั้ง และได้รับความสนใจทั้งจากลูกค้าที่จองรถเป็นกลุ่มแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในงาน MOTOR EXPO 2021 และลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ตั้งใจมาสัมผัสรถคันจริงภายในงานฯ ด้วยความเหนือระดับของนวัตกรรมส่งผลให้โมเดลนี้มียอดจองสะสมรวมกว่า 1,000 คัน สำหรับลูกค้าที่สนใจยังคงสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/CYBERSTERPrestige ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2566 พร้อมรับสิทธิพิเศษจองซื้อ 10,000 บาท สามารถแลกรับส่วนลดได้ 50,000 บาท* ล่าสุดทาง เอ็มจี เตรียมแผนที่จะให้ลูกค้าคนไทยได้ครอบครอง และสัมผัสกับการขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ อีกระดับของรถไฟฟ้าภายในปี 2567

แม้ว่างาน MOTOR EXPO 2023 จะสิ้นสุดลง แต่ เอ็มจี ยังขยายเวลามอบข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าทั่วประเทศได้เป็นเจ้าของรถใหม่ป้ายแดงได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ซึ่งเอ็มจีมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายเซ็กเมนต์ ครบทุกขุมพลังขับเคลื่อน ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ จึงผนึกกำลังกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดกิจกรรม “HAPPY NEW YEAR, HAPPY DEAL HERE” ในทุกโชว์รูมกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง วันที่ 17 ธันวาคม 2566 (3 วัน) โดยลูกค้าสามารถเปิดประสบการณ์การทดลองขับขี่ พร้อมรับสิทธิพิเศษมูลค่ารวมสูงสุด 200,000 บาท อีกทั้งสามารถเลือกดาวน์เริ่มต้น 8% หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. คุ้มครองนานสูงสุดถึง 2 ปี ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO 2023 ถึง 31 ธันวาคม 2566 (รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3tfBToK)

*หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

กลุ่มตรีเพชร ปลูกต้นไม้สร้างสัมคมยั่งยืน

“กลุ่มตรีเพชร” เดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม กับโครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ตอกย้ำสร้างสังคมที่ยั่งยืน

กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็นนิติบุคคลที่ดีและสร้างสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้โครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยในปีนี้ ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนผู้บริหารและพนักงานกลุ่มตรีเพชรกว่า 120 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้ ยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่า และทำฝายชะลอน้ำ ณ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

มร.ทาคาชิ ฮาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มตรีเพชร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559 เป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่คำนึงถึงทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ผ่านการปรับปรุงระบบพลังงานและทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังเสริมสร้างความตระหนักรู้ของพนักงานและส่งเสริมวัฒนธรรมเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) อาทิ การปรับปรุงและยกระดับอาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดยติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ใช้หลอดไฟ LED มีระบบบริหารจัดการและควบคุมอาคารอัตโนมัติ ใช้แผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง และติดตั้งหลอด UV-C ในระบบปรับอากาศ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านการใช้พลังงานและด้านคุณภาพอากาศภายในอาคาร จนได้รับรางวัลอันทรงคุณค่ามากมายทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน การให้พนักงานทุกคนร่วมปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน (Operational Transformation) เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน รวมถึง การขยายโครงการสู่สังคมและชุมชน ผ่านการเชิญชวนให้พนักงานบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปให้มูลนิธิหรือองค์กรต่างๆ และในปีนี้ เราได้จัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยมีผู้บริหารและพนักงานกลุ่มตรีเพชรกว่า 120 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้และยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่าจำนวนเท่ากับพนักงานในกลุ่มตรีเพชร คือ 3,311 ต้น ซึ่งสามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 39,732 กิโลกรัม Co2/ ปี และทำฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในหน้าแล้ง ลดการพังทลายของหน้าดิน เราเชื่อมั่นว่าจากกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการรณรงค์ให้พนักงานมีจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ และเราจะยังคงดำเนินต่อและทำให้กิจกรรมเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป”

ฮอนด้า เปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย

ฮอนด้า เปิดสายการผลิต Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% เป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นหลักแบรนด์แรกที่ผลิตรถยนต์ EV ในไทย

บรรยายภาพ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายฮิเดะโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ และนายทาเคชิ วาตานาเบะ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร กับ Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกที่ผลิต ณ สายการผลิต โรงงานฮอนด้า จ.ปราจีนบุรี เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดสายการผลิต Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ณ โรงงานฮอนด้า สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี โดยฮอนด้านับเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นหลักที่เริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยระดับโลกของฮอนด้า การเปิดสายการผลิต Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญของฮอนด้า ที่แสดงถึงความเชื่อมั่นว่าฮอนด้ายังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยทั้งจากการผลิตและการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่เดินหน้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายแก่ผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์สันดาป ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% (EV) โดยฮอนด้า ได้เตรียมเดินหน้าสู่เป้าหมายปี พ.ศ. 2573 ในการผลิตและจำหน่ายยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) ด้วยสัดส่วนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดการเปิดตัวและช่องทางจำหน่าย Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ให้ทราบอีกครั้งช่วงไตรมาสแรกในปี พ.ศ. 2567

GWM ส่งมอบ ORA 07 ให้กับลูกค้ากลุ่มแรกในไทย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย (xEV Leader) และบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) จัดกิจกรรมส่งมอบ ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงให้กับลูกค้ากลุ่มแรกของประเทศไทย ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 โดยการส่งมอบในครั้งนี้ ประกอบด้วย ORA 07 รุ่น PERFORMANCE จำนวน 10 คัน นับเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของรถยนต์รุ่นสุดท้ายตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับ Mission 9 in 3 หรือ การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 9 รุ่นภายใน 3 ปี ได้อย่างงดงาม พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพอันเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและนวัตกรรมอัจฉริยะ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าไทยแข็งแกร่ง ก้าวขึ้นสู่เวทีสากลได้อย่างเต็มภาคภูมิ

11 ธันวาคม 2566 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ใด้เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ ORA 07 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ดำเนินการส่งมอบรถยนต์ล็อตแรกให้กับลูกค้ากลุ่มแรกของประเทศไทยจำนวน 10 ครอบครัว ในวันที่ 10 ธันวาคม 2566 กลางงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (Motor Expo 2023) ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำโดย นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ นายสฤษดิ์พงษ์ เพ่งเล็งผล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และนางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ร่วมแสดงความยินดีและส่งมอบรถยนต์ ORA 07 ให้กับลูกค้ากลุ่มแรกด้วยตัวเอง โดยบรรยากาศภายในงานส่งมอบเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขของลูกค้าทุกท่าน

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ORA 07 เป็นรถยนต์รุ่นที่ 9 ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เปิดตัวสู่ตลาดในประเทศไทยภายใต้ Mission 9 in 3 รถยนต์คันนี้ได้เข้ามาสร้างความตื่นเต้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยอีกครั้ง หลังจากที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เคยเข้ามาปลุกกระแสและสร้างความตื่นเต้นให้กับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยจากการเปิดตัว ORA Good Cat ผมขอแสดงความยินดีกับลูกค้าทุกท่านที่ได้รับ ORA 07 เข้าสู่ครอบครัวเป็นกลุ่มแรกของประเทศไทยในวันนี้ นับเป็นระยะเวลาเพียง 10 วันหลังจากที่เราได้เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ผมเชื่อว่ารถยนต์รุ่นนี้จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อันหลากหลายได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งด้านดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังก์ชันการใช้งาน สมรรถนะ รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย ผมขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ลูกค้าทุกท่านมีให้กับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เราจะยังคงมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และยกระดับการบริการและประสบการณ์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

ORA 07 – More Than Stunning รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง รุ่นเรือธงล่าสุดภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบที่ปราณีตไม่เหมือนใคร โดย ORA 07 มีโหมดการขับขี่ถึง 6 รูปแบบ (สำหรับรุ่น PERFORMANCE)

ได้แก่ โหมดประหยัด โหมด WELL BEING โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดสปอร์ตพลัส และโหมดส่วนบุคคล พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือการผจญภัยที่เร้าใจของผู้ขับขี่ชาวไทยทุกคน

ORA 07 มาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น LONG RANGE ในราคา 1,299,000 บาท และ รุ่น PERFORMANCE ในราคา 1,499,000 บาท โดยมีเฉดสีภายนอกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว (Jade White) สีเทา (Amethyst Grey) และสีพิเศษ ม่วง (Crystal Purple) ในรุ่น PERFORMANCE เฉดสีภายในมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีน้ำตาล ซึ่งเบาะสีน้ำตาลจะเป็นสีพิเศษสำหรับรุ่น PERFORMANCE ซึ่งเลือกจับคู่ได้กับสีภายนอกสีม่วงและสีเทาเท่านั้น ORA 07 ยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือระยะทาง 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน GWM เว็บไซต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์  www.gwm.co.th รวมถึงช่องทาง Facebook, YouTube และ TikTok ของ GWM Thailand และ Facebook และ TikTok ของ GWM ORA Thailand รวมถึงสามารถทดลองสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ได้ที่ศูนย์บริการ GWM Store และ GWM Partner Store ทั่วประเทศ

MOTOR EXPO 2023 ปิดฉากสวยงาม ยอดจองรถทะลุ 5 หมื่นคัน

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” สร้างสถิติใหม่ ยอดขายรถยนต์กระฉูดกว่า 5 หมื่นคัน รถไฟฟ้ามาแรง จักรยานยนต์คึกคัก ผู้ชมกว่า 1.5 ล้าน เงินสะพัด 7.2 หมื่นล้าน

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นงานฉลองครบรอบ 40 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจเรือ อากาศยาน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานี และออนไลน์ จำนวนมหาศาล”

สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 53,248 คัน จักรยานยนต์ 7,373 คัน และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 22.4% โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป 61.6% และเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 38.4% รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ HONDA, TOYOTA, CHANGAN ส่วนรถรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ CHANGAN, BYD, AION

ประเภทรถที่ได้รับความสนใจสูงสุด รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 57.3% รถเก๋ง 18.3% รถท้ายลาด 10.4% รถกระบะ 9.5% และอื่นๆ 4.5% ด้านรถจักรยานยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ YAMAHA, LAMBRETTA, และ EM

ราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงาน 1,323,962 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 198,488 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 7.2 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,503,030 คน แพคเกจ Motor Expo Exclusive Visitors ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนยอดดาวน์โหลด Motor Expo Application 46,966 คน และมีผู้ชมงานผ่าน Online Platform 1,091,375 ครั้ง

ส่วน JOIN BOAT PLATFORM ที่เป็นศูนย์รวมธุรกิจเรือ กิจกรรมทางน้ำ และ AVIATION ZONE ที่จัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี สถาบันฝึกอบรมด้านการบิน ธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สร้างยอดเงินสะพัด 2 โซน รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

พบกันใหม่ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

วอลโว่ เผยทีเด็ดในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

วอลโว่ คาร์ ชวนคุณสัมผัสความหมายที่มากกว่ายานยนต์ในนิยามของวอลโว่ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 เพื่อร่วมตอบรับแนวคิดการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 (The 40th Thailand International Motor Expo 2023) ภายใต้ชื่องาน “Mobility: Imagination and Beyond หรือ ยานยนต์ : ความหมายที่มากกว่า” วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ร่วมนำรถวอลโว่ทั้งในรุ่น Pure Electric และรุ่น Plug-in Hybrid เข้าจัดแสดงในงานพร้อมความหมายที่มากกว่าในแบบวอลโว่ ที่ไม่เพียงนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ทรงพลังและมาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อผู้ใช้รถใช้ถนน แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตของทุกคน

มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วอลโว่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยแผนการเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราได้ประกาศทิศทางการจำหน่ายรถของวอลโว่โดยจะจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025 นอกจากนี้เรายังได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้า รุ่นที่ 3 ได้แก่ Volvo EX30 ซึ่งเป็นรถที่มีบทบาทสำคัญต่อเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซจากท่อไอเสียให้ได้ 40% ต่อคันภายในปี 2025 และเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักในการเป็นบริษัทที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2040 และเร็วๆ นี้ ทุกท่านจะได้พบกับ Volvo Downtown Store (DTS) แห่งแรกของวอลโว่ คาร์ ในประเทศไทย ที่จะเปิดบริการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ (The EMSPHERE) การเปิดให้บริการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการเพิ่มช่องทางการขายใจกลางเมืองที่ให้เราได้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น แนวคิดการออกแบบของ Volvo Downtown Store เกิดขึ้นจากการผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งการออกแบบในสไตล์สแกนดิเนเวียนร่วมสมัย ที่ให้ความเรียบหรู เน้นการใช้งานได้จริง จัดเป็นสถานที่เปิดรับสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับแบรนด์วอลโว่ให้มากขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับบริการให้แก่ลูกค้าวอลโว่อีกด้วย เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่สะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจกับการเติบโตของยอดจำหน่ายรถทั้งในรุ่น Pure Electric และ Plug-in Hybrid ที่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 23% สำหรับในปี 2024 จะยังคงเป็นปีที่วอลโว่ คาร์ เร่งเดินหน้าเพื่อคงความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเพื่ออนาคตของการเดินทางของคนทุกคน”

มาร่วมสัมผัส Volvo EX30 รถไฟฟ้าพรีเมี่ยม SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากวอลโว่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่, ความปลอดภัย และความบันเทิงที่ล้ำสมัย อาทิ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู dooring alert, ระบบช่วยจอด Park Pilot Assist เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด, ฟังก์ชั่นการควบคุมและระบบสาระบันเทิง infotainment ผ่านจอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมตัวเลือกประสิทธิภาพ และพลังการขับเคลื่อนในแบบที่เป็นคุณจากตัวเลือก Single Motor Extended Range และ Twin Motor Performance ภายใต้การออกแบบที่คำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในด้วยการนำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่มาชุบชีวิตให้มีประโยชน์อีกครั้ง ส่งผลให้ Volvo EX30 เป็นรถที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมาในรถวอลโว่

พบกับ Volvo C40 Recharge Pure Electric Twin Motor และ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor เจเนอเรชั่นล่าสุด มาพร้อมพลังมอเตอร์คู่หลังขนาด 258 แรงม้า และอะซิงโครนัส มอเตอร์ขนาด 150 แรงม้าในล้อคู่หน้า จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นในขนาดความจุ 82kWh ทำให้ได้ระยะทางที่ไกลขึ้น และรองรับการชาร์จที่เร็วขึ้นสูงสุดถึง 200kW DC ตัวรถมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ 5-Spoke Black Diamond Cut ที่ช่วยเพิ่มแอโรไดนามิคส์  ไฟคู่หน้าแบบ Thor’s Hammer ที่มาพร้อมเทคโนโลยี pixel LED ให้ไฟ LED แต่ละดวงทำงานแยกจากกันเป็นอิสระ จึงสามารถปรับรูปแบบความสว่างของไฟหน้าได้อัตโนมัติตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม เพื่อให้ความสว่างที่พอเพียงแก่ผู้ขับ และไม่แยงตารถที่สวนทาง

ภายในงานยังมีการจัดแสดงรถยนต์ Recharge Plug-in Hybrid ใหม่ อาทิ XC60 Recharge Plug-in Hybrid, XC90 Recharge Plug-in Hybrid, S60 Recharge Plug-in Hybrid, S90 Recharge Plug-in Hybrid และ V60 Recharge Plug-in Hybrid รุ่นปี 24 ที่ให้พลังงานการชาร์จที่เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยการรองรับการชาร์จไฟจาก 3.7kW เป็น 6.4kW สำหรับไฟ 3 เฟส 16 แอมป์ ทำให้ร่นระยะการชาร์จเหลือเพียง 3 ชั่วโมง และล้ออัลลอยด์แบบ 6-Spoke Black Diamond-cut ให้ความสวยงามโดดเด่น

ผู้สนใจสามารถรับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์* Motor Expo ในรถวอลโว่ทุกรุ่น เมื่อจองและออกรถระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 29 ธันวาคม 2566 ตามรายละเอียดดังนี้

Volvo C40 Pure Electric – Twin Motor หรือ XC40 Pure Electric – Twin Motor พร้อมสิทธิประโยชน์* อาทิ

•Volvo Care Package ซึ่งประกอบด้วย บริการหลังการขาย Volvo Premium Service Program – Pro (VPSP Pro) ที่ให้การรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

•ฟรี บริการดิจิทัล

•ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเวลา 3 ปี

•เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนัง พร้อมรับประกันอายุการใช้งาน 2 ปี และฟรีบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าและติดตั้ง

•ฟรีค่าชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงในรถยนต์ มูลค่า 25,000 บาท

•บริการประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

Volvo XC40 Recharge Plug-in Hybrid, XC60 Recharge Plug-in Hybrid และ XC90 Recharge Plug-in Hybrid พร้อมสิทธิประโยชน์* อาทิ

•รับสิทธิพิเศษสูงสุด 400,000 บาท ในรุ่น XC40 Recharge Plug-in Hybrid (Plus Dark & Ultimate Bright)

•รับสิทธิพิเศษสูงสุด 700,000 บาท ในรุ่น XC60 Recharge Plug-in Hybrid (Ultimate Bright & Ultimate Dark)

•รับสิทธิพิเศษสูงสุด 1,000,000 บาท ในรุ่น XC90 Recharge Plug-in Hybrid (Ultimate Bright)

•บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

•บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี

Volvo S90 Recharge Plug-in Hybrid, S60 Recharge Plug-in Hybrid หรือ V60 Recharge Plug-in Hybrid พิเศษแคมเปญดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.69% พร้อมสิทธิประโยชน์* อาทิ

•ฟรี Volvo Care Package ประกอบด้วย บริการหลังการขาย Volvo Premium Service Program – Pro (VPSP Pro) ที่ให้การรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

•ฟรี บริการดิจิทัล

•ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ฟรี 1 ปี

•บริการประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

เพื่อยกระดับความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ วอลโว่ได้เปิดโอกาสสำหรับผู้ที่มีความประสงค์ทดสอบรถให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และนวัตกรรมความปลอดภัยที่วอลโว่คิดค้นและพัฒนาเพื่อปกป้องผู้ขับขี่โดยเฉพาะ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนขอทดสอบรถได้ภายในบูธ และสามารถเลือกทดสอบรถยนต์วอลโว่ได้ 6 รุ่น ทั้งในรุ่นมอเตอร์เดี่ยวและรุ่นมอเตอร์คู่ อาทิ

•Volvo C40 Recharge Pure Electric Single Motor รถไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยวที่ทรงพลัง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการกระจายพลังงานของแบตเตอรี่ ทำให้มีระยะทางการขับขี่สูงถึง 590 กิโลเมตร มาพร้อมด้วยความสมดุลของการกระจายน้ำหนักของตัวรถที่ทำให้การควบคุมการลื่นไถลได้ดีกว่าที่เคย

**สำหรับรถ Volvo C40 Recharge Pure Electric Single Motor มอเตอร์เดี่ยว รถพร้อมส่งมอบแล้ววันนี้

•Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor รถไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV มาในรุ่นมอเตอร์คู่ที่มอบพละกำลังและความคล่องตัวของรถได้ดียิ่งขึ้น มอบระยะทางการขับขี่ให้สูงถึง 565 กิโลเมตร ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ปราดเปรียวอย่างปลอดภัยในทุกขณะการขับขี่

•Volvo XC60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid และ Volvo XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid เติมเต็มประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดในรถสไตล์ SUV ขนาดกลางและขนาดใหญ่ มอบการขับขี่ที่ต่อเนื่องและราบรื่นด้วยระบบชาร์จอัจฉริยะ ชาร์จได้เร็วขึ้น จาก 0-100% ภายใน 3 ชั่วโมง ด้วยเครื่องชาร์จใหม่ขนาด 6.4kW แบบ 2 เฟส ช่วยให้คุณขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้นานขึ้น ดื่มด่ำการขับเคลื่อนที่ทรงพลังตลอดการเดินทาง

•Volvo S60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid ค้นพบความสุขในการขับขี่อีกครั้งในรถยนต์ซีดานปลั๊กอิน ไฮบริด มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน เพิ่มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นกับระบบ Google ในตัว เพลิดเพลินไปกับลำโพง Bowers & Wilkins ระบบความบันเทิงที่พร้อมให้คุณสัมผัสแล้ววันนี้

•Volvo V60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับรถยนต์เอสเตทปลั๊กอิน ไฮบริด ให้ความรู้สึกสุขุมและสปอร์ตในเวลาเดียวกันเมื่อได้ขับขี่ เต็มอิ่มไปด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดและดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา พร้อมเครื่องยนต์ทรงพลังและโหมดการขับขี่ที่หลากหลายให้คุณเลือกสรร

นอกเหนือจากบูธรถยนต์วอลโว่แล้ว ท่านยังสามารถแวะชมบูธ Volvo SELEKT รถผู้บริหารไมล์น้อย, รถทดลองขับ, และรถที่ใช้แล้ว สภาพดีเยี่ยม ที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานวอลโว่จากหลายผู้จัดจำหน่าย คัดสรรมาหลากหลายรุ่นให้เลือกชมกันกว่า 70 คัน มีทั้งรถไฟฟ้าล้วน (Pure Electric) และรถปลั๊กอิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid)

มาร่วมสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์กับความหมายที่มากกว่าที่ บูธรถยนต์วอลโว่ (A08) และบูธ Volvo SELEKT (B11) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

ติดตามข่าวสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่าสุดของวอลโว่ได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.com/th และhttp://www.facebook.com/volvocarsth หรือเยี่ยมชม Volvo Studio Bangkok ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่

หมายเหตุ :-

*สิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดตามรุ่นรถที่ท่านสนใจได้ที่ https://www.volvocars.com/th-th/l/offers/

เลกซัส เปิดตัว Lexus RX 500h F SPORT Performance และ RX 350h ในงาน Motor Expo 2023

เลกซัส เผยโฉมยนตรกรรมใหม่ล่าสุดจาก “Lexus Electrified” The New Lexus RX 500h F SPORT Performance และ RX 350h “POWERING THE FUTURE” ก้าวสู่อนาคตการขับขี่ที่ทรงพลังและยั่งยืนยิ่งกว่าที่เคย

นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ ร่วมกับ มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวเปิดบูทเลกซัส ภายใต้แนวคิด “POWERING THE FUTURE” ผ่านการนำเสนอตัวเลือกพลังงานขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทรงพลัง เพื่อความยั่งยืนกว่าที่เคย ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ นำโดยรถยนต์ไฮบริดใหม่ล่าสุดจากเลกซัส The New Lexus RX 500h F SPORT Performance และ Lexus RX 350h สัมผัสยนตรกรรมหรูของเลกซัส ที่จะมอบสุนทรีย์ในการขับขี่ ด้วยการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตามแบบฉบับ “Craftsmanship” นอกจากนี้ ยังพบกับข้อเสนอสุดพิเศษ รวมทั้งการดูแล และบริการลูกค้าอย่างเหนือระดับ ด้วยหัวใจบริการ “Omotenashi” ตามแบบฉบับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ศกนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า “ปีนี้ถือเป็นโอกาศพิเศษของเลกซัสประเทศไทย ที่ได้ร่วมเดินทางกับคนไทยมาครบรอบ 30 ปี ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่ผ่านมาทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ทั้งตัวผลิตภัณฑ์ การบริการ และกิจกรรมต่างๆ ของเราซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ “Making Luxury Personal” ที่ต้องการนำเสนอประสบการณ์ที่หรูหราให้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล”

นายศุภกร กล่าวเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานนี้ว่า “บูธของเราได้ถูกนำเสนอผ่านแนวคิด “POWERING THE FUTURE” พร้อมก้าวไปสู่อนาคตการขับขี่ที่ทรงพลัง และยั่งยืนยิ่งกว่าที่เคย โดยตอกย้ำการนำเสนอตัวเลือกพลังงานขับเคลื่อนที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ภายใต้วิสัยทัศน์ “Lexus Electrified” ที่มาครบทุกไลน์อัพ ไม่ว่าจะเป็น HEV PHEV และ BEV เริ่มจากรถรุ่นเรือธง อย่างยนตรกรรม Luxury Flagship ของเลกซัส LS 500h รุ่นปรับโฉมใหม่ และ Luxury minivan LM 350h รถยนต์ไฟฟ้า Lexus RZ 450e รถยนต์ Plug in hybrid ใน Crossover หรูระดับตำนานอย่าง RX 450h+ พร้อมรุ่นอื่นๆ ในงาน ที่มาในระบบขับเคลื่อนไฮบริดครบทุกรุ่น”

พบกับ LEXUS RX “CHARGE THROUGH THE LIMITS OF IMAGINATION”

ลักชัวรีครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Lexus Electrified

LEXUS RX ครอสโอเวอร์หรูรุ่นยอดนิยมที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกมาตลอดระยะเวลากว่า 24 ปี ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์เลกซัส พิสูจน์ได้จากยอดขายทั่วโลกกว่า 3.5 ล้านคัน The New Lexus RX มาพร้อมกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และสัดส่วนน่าหลงใหลสะกดสายตา กระจังหน้า Spindle Body ดีไซน์ใหม่ เส้นสายตัวรถไร้รอยต่อ เชื่อมไฟท้ายแบบ L-Shaped Light Bar มาพร้อมกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ  เลกซัส (Lexus Driving Signature) ได้อย่างเต็มพลัง

The New Lexus RX 500h F Sport Performance การออกแบบที่ทรงพลัง

การออกแบบภายนอกโดดเด่น และทรงพลังยิ่งกว่า ด้วยการออกแบบที่มาพร้อมกับชุดแต่ง F SPORT PERFORMANCE โดยกระจัง SPINDLE BODY ที่มีรายละเอียดด้านในแบบตาข่ายที่ถูกออกแบบให้กลืนไปกับตัวรถด้านข้าง โลโก้ F SPORT สีดำ เอกสิทธิ์เฉพาะ F SPORT PERFORMANCE เท่านั้น มาพร้อมกับกระจกมองข้างสีดำ ล้ออลูมินัมขนาด 21 นิ้ว กรอบหน้าต่างประตูที่ทำจากสแตนเลสสีดำ

ส่วนภายในได้ถูกออกแบบภายใต้ปรัชญา“Human Centric” ที่มุ่งเน้นคนขับเป็นจุดศูนย์กลางในการควบคุมรถ ตามหลักการดีไซน์แบบ TAZUNA ที่สร้างบรรยากาศโอบล้อมผู้ขับขี่ให้สามารถควบคุมทุกอย่าง โดยแทบไม่ต้องละสายตา และรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถ  โดยความพิเศษของ RX 500h F SPORT PERFORMANCE คือพวงมาลัยที่มาพร้อมกับดีไซน์หนังลายฉลุและแป้นเปลี่ยนเกียร์ หัวเกียร์หุ้มหนังลายฉลุ แป้นเหยียบและที่พักเท้าอะลูมินัมแบบสปอร์ต ชุดแต่งอะลูมินัมแท้ และเบาะหนังแบบสปอร์ตพร้อมโลโก้ F SPORT ให้อารมณ์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง

สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ

Lexus RX 500h F SPORT PERFORMANCE คือความเร้าใจอีกขั้นของ F SPORT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.4L-T HEV เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 366 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 6.2 วินาที และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ DIRECT4 ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดใหม่ ช่วยควบคุุม และกระจายแรงขับเคลื่อน โดยประมวลข้อมููลจากความเร็ว การเร่ง และองศาพวงมาลัย เพื่่อปรับอัตราการกระจายแรงขับของล้อหน้า และล้อหลัง ให้อยู่ระหว่าง 100:0 กับ 20:80 (ล้อหน้า: ล้อหลัง) ช่วยให้รถออกตัวได้อย่างปราดเปรียวเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุุมรถ และลดการใช้พลังงาน ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจ โดยยังคงความสุนทรีย์ในการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเลกซัส หรือ “Lexus Driving Signature” ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เพลา eAxle พร้อมมอเตอร์กำลังสููงในตัวสำหรับขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ไบโพลาร์นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์กำลังสููงใต้เบาะหลัง ทำงานร่วมกัน ควบคุุมแรงบิดทรงพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ควบคุุมการตอบสนองของแรงบิดจากมอเตอร์ ให้ความรู้สึกพุ่งทะยาน และความเร้าใจในขณะเร่งความเร็วได้แบบจัดเต็มและต่อเนื่อง ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ให้สัมผัสที่ชัดเจนและการตอบสนองฉับไว นอกจากนี้ Lexus RX 500h F SPORT PERFORMANCE ยังมาพร้อมกับระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง Dynamic Rear Steering (DRS) ที่จะช่วยเพิ่มองศาการตีวงเลี้ยวได้ถึงสี่องศาในทิศทางเดียวกัน หรือตรงกันข้ามกับล้อหน้า หากวิ่งด้วยความเร็วต่ำระบบจะช่วยให้ผู้ขับขี่เลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างยอดเยี่ยมและสำหรับในย่านความเร็วสูงระบบจะเพิ่มความมั่นคงในการทรงตัวให้ผู้ขับขี่สื่อสารกับรถได้ดั่งใจ นอกจากนี้ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเบรก “Braking Posture Control” ช่วยป้องกันทั้งการโยนตัวขณะเบรก และป้องกันการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ลดอาการเวียนศรีษะ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายสูงสุด

The New Lexus RX 350h

อีกหนึ่งทางเลือกของการเป็นเจ้าของลักชัวรีครอสโอเวอร์ระดับตำนาน Lexus RX 350h ใหม่ มาพร้อมเครื่่องยนต์ 4 สููบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตร มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ตื่นเต้น เร้าใจ ควบคู่ไปกับความประหยัดน้ำมันด้วยระบบไฮบริดทีควบรวมมอเตอร์กำลังสููงเข้าไว้ด้วยกัน ทรงประสิทธิภาพ ตอบสนองได้อย่างใจ สร้างความสมดุุลใหม่ระหว่างสมรรถนะการขับขี่ทางตรงที่นุ่มนวล และการประหยัดพลังงานอันยอดเยี่ยม นอกจากนี้ Lexus RX 350h ใหม่ ยังมาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยเต็มระบบ มาตราฐานLexus Safety System Plus ราคาที่น่าดึงดูด พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ กำหนดส่งมอบเริ่มต้นสิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567

Lexus RX 450h+ PHEV

ครอสโอเวอร์หรูขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด ตอกย้ำเอกลักษณ์การขับขี่ในแบบเลกซัส ด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า “E-FOUR” ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงจ่ายกำลัง และกระจายแรงบิดที่ล้อ ให้การตอบสนองทันใจ เงียบ และประหยัด ผสานการทำงานของแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนที่มอบกำลัง 18.1 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง กับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แบบสี่สูบแถวเรียง ไร้กังวลแม้เมื่อพลังงานไฟฟ้าอยู่ในระดับต่ำ ระบบไฮบริดจะสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างไร้รอยต่อ ให้อัตราเร่ง และรอบเครื่องยนต์สัมพันธ์กับความเร็วรถจึงสามารถทำความเร็วได้อย่างราบรื่น ปลอดภัยด้วยระบบหล่อเย็นแบตเตอรี่สำหรับอากาศร้อน ชุดแบตเตอรี่ไฟฟ้าใช้เซลล์ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพสูง ให้ระยะทางการขับด้วยไฟฟ้าที่เพียงพอ โดยเดินทางได้ไกลเกือบ 90 กม. ใน EV Mode ใช้เวลาชาร์จไฟเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยเครื่องชาร์จกระแสสลับ TYPE2  ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งหมดนี้ ทำให้ RX ใหม่ คือ SMART EV ตัวจริง

เป็นเจ้าของ THE NEW LEXUS RX วันนี้ มั่นใจสูงสุดด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับผู้ที่สนใจครอบครอง Lexus RX 500h F SPORT Performance ใหม่ สามารถจองสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป จำนวนจำกัดเพียง 10 คันเท่านั้น

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

Lexus RX 500h

-F SPORT Direct4                      5,500,000 บาท

Lexus RX 450h+

-Luxury AWD                            4,640,000 บาท

-Premium AWD                         5,090,000 บาท

Lexus RX 350h

-Luxury AWD                            4,440,000 บาท

-Premium AWD                         4,790,000 บาท

LEXUS LS 500h…รุ่นปรับปรุงใหม่ยนตรกรรมหรูระดับเฟิร์สคลาส

Lexus LS ยนตรกรรมรุ่นเรือธง (Flagship) ของเลกซัส มีการปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอกที่ใช้ล้อดีไซน์ใหม่ แบบ Multi-Spoke หรูหรา มีมิติ และโดดเด่นยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปุ่มการปรับ Start-Stop ของเครื่องยนต์ที่คอนโซลหน้าฝั่งด้านขวาคนขับในรุ่น LS500 เพิ่มระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายในช่องเก็บโทรศัพท์บริเวณที่วางแขนคอนโซลกลาง เพิ่มระบบจอดอัตโนมัติ ทำงานควบคู่กับระบบกล้องรอบคัน ปรับสีด้ายถักพวงมาลัยเป็นสีดำในทุกเกรด นอกจากนี้ยังอัพเกรดมาตรฐานความปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหมุดยึดล้อเป็นแบบ Washer Hub-Bolt เพื่อเสริมความแข็งแรง และสมรรถนะที่ดีขึ้น เพิ่มฟังชั่นการแจ้งเตือนลมยาง สามารถตรวจสอบได้ว่ารั่ว (Puncture) หรือลมยางอ่อน และเพิ่มเสียงแจ้งเตือนให้กับระบบ Kick-Sensor เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบถึงจังหวะในการใช้งานได้ดีขึ้น ด้านสมรรถนะปรับระบบเบรกให้ทำงานได้ราบเรียบยิ่งขึ้นเพิ่มความนุ่มสบายในการเดินทาง และเลือกใช้วัสดุเบรกแบบไร้ทองแดง (Copper-free) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมระดับ MASTERPIECE ที่สะท้อนปรัชญาเรื่อง “Craftsmanship” ได้เป็นอย่างดีในทุกๆ รายละเอียด พร้อมความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ดุจผลงานศิลปะอันล้ำค่า พิถีพิถัน ประณีต สะท้อนความหรูหรา สง่างาม พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าความสมบูรณ์แบบ

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) The New Lexus LS

LS350   Luxury                               11,900,000 บาท

LS500   Executive                          13,750,000 บาท

LS500h Executive                          15,200,000 บาท

LS500h Executive Pleat                16,500,000 บาท

The All-New LEXUS LM…”Own a World Apart”

Lexus LM ใหม่ สะท้อนวิสัยทัศน์ของเลกซัส ภายใต้แนวคิด “Making Luxury Personal” หรือ “การทำให้ความหรูหราเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล” พบกับอีกระดับขั้นของความหรูหรา ให้ทุกวินาทีที่อยู่ภายในห้องโดยสารเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบ ด้วยการออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ นำเสนอทั้งความคล่องแคล่ว หรูหรา และสง่างาม พร้อมที่จะพาท่านไปสู่อีกขั้นของ “Omotenashi” ด้วยสภาพแวดล้อมอันผ่อนคลายราวกับอยู่ภายในห้องสวีทของโรงแรมสุดหรู หรือห้องทำงานเคลื่อนที่ รูปลักษณ์ภายนอกหรูหราสง่างาม ทันสมัย ด้วยแนวทางการออกแบบ “Dignified Elegancy” โดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปแบบ “Lexus’s Resolute Look” ที่นำมาออกแบบให้เป็น Unified Spindle พร้อมกับไฟหน้าที่เฉียบคมทันสมัย ด้านข้างมีรูปทรงยาวขึ้น เพิ่มพื้นที่ห้องโดยสาร และทัศนวิสัยให้ได้มากที่สุด ตอกย้ำแนวคิด “ความสบายของห้องโดยสารด้านหลังต้องมาก่อน” ด้านหลัง โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ดูมั่นคง ด้วยแถบไฟ L-Signature ขนาดใหญ่ เสริมด้วยโคมไฟแนวนอนด้านบน ชุดไฟหลัก ลากยาวตอกย้ำความโออ่า และรูปลักษณ์อันทรงพลังของ LM และยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบนวด เครื่องเสียงระดับพรีเมียมรอบทิศทางจาก Mark Levinson พร้อมระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเพิ่มความมั่นใจสูงสุดด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยที่หลากหลาย ที่สุดของมาตรฐานเลกซัส

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Lexus LM 350h

Executive 4-Seater                             7,590,000 บาท

Executive 7-Seater                             6,290,000 บาท

The New All-Electric Lexus RZ 450e

ทีมวิศวกร และนักออกแบบของ Lexus RZ มุ่งถ่ายทอดการขับขี่ที่เพลิดเพลิน ออกมาเป็นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีสัดส่วนที่สะกดสายตา น่าหลงใหล และกระตุ้นให้รู้สึกมีชีวิตชีวา เพลิดเพลินกับสมรรถนะที่เร้าใจ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก และหลากหลายเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก ดีไซน์ภายนอกเร้าใจตั้งแต่แรกเห็นด้วยโคมไฟหน้า พร้อมไฟสูง-ต่ำโปรเจกเตอร์เดี่ยวแบบ Bi-AHS (Adaptive High-beam System) ช่วยกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง พร้อมไฟเลี้ยวที่ดูลุ่มลึก ไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวันที่ขับรูปทรงตัว L และไฟท้ายที่ทอดตัวยาวตลอดแนวขวางเป็นเส้นเพรียวบาง เสริมความเป็น Lexus ให้ยิ่งเด่นชัด กระจังหน้าใหม่ภายใต้แนวคิดแบบ Spindle Body ผสมผสานศิลปะการออกแบบเข้ากับเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย จนได้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ด้านหลังเน้นความเรียบง่ายแต่โดดเด่น เส้นไฟ LED ที่ลากยาวดูเฉียบคม ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติ หลังคากระจกพาโนรามาพร้อมฟังก์ชันปรับลดแสงอัจฉริยะ ช่วยให้ภายใน  ห้องโดยสารดูโอ่โถง โปร่งสบาย และคอนโซลด้านหน้าถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “TAZUNA” ภายใน COCKPIT ออกแบบด้วยความตั้งใจเน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง และการเลือกใช้วัสดุหุ้มเบาะ Ultra-suede ที่ผลิตจากพืชเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผิวสัมผัสที่หรูหรา เสมือนเป็นหนังกลับคุณภาพสูง ดีไซน์ภายในควบคุมง่ายได้ดั่งใจกับแนวคิดแบบ “TAZUNA” แผงตกแต่งภายในรถยนต์ แผงควบคุมจัดวางในระดับต่ำไม่รบกวนสายตา และแผงคอนโซลระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าดูเรียบง่าย โปร่งโล่งสะอาดตา และพื้นผิวลายไม้ประณีต หลังคาด้านท้ายยกขึ้นสูงช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะ ให้ความรู้สึกโอ่โถง พร้อมหลังคาพาโนรามา ให้ความรู้สึกเปิดกว้างยิ่งขึ้น และยังมีระบบความปลอดภัยระดับโลก อาทิ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ LEXUS Safety System Plus ด้วยแนวคิดในการออกแบบ “Seamless E-Motion” สะท้อนความพริ้วไหวในแบบของรถยนต์ไฟฟ้า และ Safe Exit Assist ระบบป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งสวนมา

เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีเลกซัสประเทศไทย พบขอพิเศษสุดเมื่อจอง THE NEW ALL-ELECTRIC LEXUS RZ ภายในงาน รับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับ Wallbox Charger พร้อมติดตั้ง มูลค่า 50,000 บาท

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Lexus RZ 450e

Luxury                            3,870,000 บาท

Premium                        4,190,000 บาท

Lexus NX 350h ยนตรกรรมครอสโอเวอร์สุดหรู

Lexus NX ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวและทันสมัย ด้วยกระจังหน้า SPINDLE GRILLE ดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายรูปทรงตัว L สอดรับรับกับโลโก้แบบใหม่ของ   เลกซัส ภายในออกแบบมาให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ 9.8 นิ้ว ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) ทำให้ตัวรถมีขนาดที่ใหญ่ และกว้างขึ้น ส่งผลให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ NX มีเสถียรภาพในการขับขี่ดีขึ้นในทุกมิติ ตอกย้ำปรัชญา “Lexus Driving Signature” ได้เป็นอย่างดี มั่นใจตลอดการเดินทางมาพร้อมกับ Lexus Hybrid Drive ที่ได้พละกำลังจากเครื่องยนต์ 4 สููบแถวเรียงความจุุ 2.5 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประสิทธิภาพสููง ทำให้สมรรถนะการขับขี่ที่เต็มพลัง สนุุกเร้าใจ แต่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม

 ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus NX มาพร้อมกับ LEXUS SAFETY SYSTEM PLUS (LSS+) ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ E-LATCH โดยระบบจะช่วยให้ประตูรถทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ระบบการเปิด-ปิดประตูแบบ Safe Exit Assist SEA เพิ่มความปลอดภัยขณะลงจากรถ ช่วยให้คุณไม่ต้องออกแรงดึงหรือผลักเพื่อเปิดประตู ทำให้ LEXUS NX เป็น SUV ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี

เป็นเจ้าของ Lexus NX วันนี้ มั่นใจด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไฮบริดนานถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

NX 350h [Hybrid]

-Luxury                                       3,240,000 บาท

-Grand Luxury                           3,390,000 บาท

LEXUS UX 250h “The Urban Disruptor” Luxury compact crossover” ตอบโจทย์ชีวิตเมือง

LEXUS UX 250h ยนตรกรรม Luxury compact crossover สุดหรู โดดเด่นด้วยการออกเเบบภายนอกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เส้นสายเฉียบคมให้ความรู้สึกปราดเปรียว เร้าใจ พร้อมสีภายนอกใหม่ Sonic Iridium และ Feature ทันสมัยใหม่ล่าสุด ด้วยหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ที่รองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย และช่อง USB-C 2 จุดบริเวณด้านหน้า เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง ตอบรับทุก Lifestyle คนเมืองยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริด 2.0 ลิตร มอบสมรรถนะที่ทรงพลังพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประสานสมรรถนะกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-C (Global Architecture-Compact Platform) ที่มีการใช้ Aluminum เข้ามาเป็นองค์ประกอบของตัวรถ ส่งผลให้ได้ตัวถังที่มีน้ำหนักเบา และแข็งแกร่ง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ มีการทรงตัวดีเยี่ยม เสริมประสิทธิภาพการควบคุม และให้ความสะดวกสบายอย่างเหนือระดับ

พิเศษสุดภายในงาน รับดอกเบี้ย 0% เมื่อดาวน์ 30% และผ่อนชำระ 48 เดือน พร้อมรับ LEXUS

EXCLUSIVE PACKAGE STANDARD และประกันภัยชั้น 1 (ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด)

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) UX250h

Luxury                         2,540,000 บาท

Grand Luxury              2,740,000 บาท

F SPORT                     3,670,000 บาท

LEXUS ES “Refine Your Journey” สุนทรียภาพใหม่แห่งการเดินทาง

LEXUS ES (Executive Sedan) ยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลาง ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากความโดดเด่นเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่ และความเงียบภายในห้องโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของเลกซัส ประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ควบคู่กับความกว้างขวางของที่นั่งด้านหลัง แตกต่างจากรถยนต์หรูทั่วไป จากความนิยมดังกล่าวทำให้ LEXUS ES เดินทางมาสู่เจเนอเรชั่นที่ 7 ด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกมากถึง 2.65 ล้านคัน มาพร้อมไฟหน้าดีไซน์ใหม่รับกับกระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ เส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว ไฟหน้าแบบ 3-eye LED Headlamps มาพร้อมกับเทคโนโลยี Blade Scan Adaptive High-beam System ที่จะทำหน้าที่ปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ ช่วยกระจายแสงไฟด้านหน้ารถได้อย่างแม่นยำ และละเอียดมากยิ่งขึ้น หน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ตอกย้ำสมรรถนะอันทรงพลัง ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด มั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับด้วยระบบ LEXUS SAFETY SYSTEM PLUS (LSS+) เจเนอเรชันที่ 2 และระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด (Parking Support Brake : PKSB) เพิ่มความปลอดภัยขณะถอยจอด โดยระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติทันทีหากระบบประเมินว่าอาจเกิดการชน

พิเศษสุดเมื่อจอง LEXUS ES ภายในงาน รับดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

Luxury                              3,625,000 บาท

Grand Luxury                   3,795,000 บาท

Premium                           4,210,000 บาท

F SPORT                          4,380,000 บาท

LEXUS IS 300h สุดยอดสปอร์ตซีดานหรูกับเอกลักษณ์การขับขี่ LEXUS Driving Signature

LEXUS IS 300h รถสปอร์ตซีดานหรูเหนือระดับที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว สปอร์ต และสมรรถนะที่ทรงพลัง เกาะถนนดีเยี่ยม ตอบสนองการควบคุมได้ดั่งใจ อัตราเร่งออกตัวที่ดี ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของสมรรถนะการขับขี่ในรูปแบบเดิม ภายใต้การพัฒนาด้วยการใช้ถนนออกแบบรถ และทดสอบในสนามแข่ง Shimoyama ประเทศญี่ปุ่น  ที่สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากสนามแข่งสุดโหดระดับโลก Nurburgring ประเทศเยอรมัน เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง พร้อมโครงสร้างตัวถังรถยนต์ที่ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม โดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ ให้กับผู้ขับขี่ ดีไซน์ภายนอกออกแบบด้วยเส้นสายที่เฉียบคม โฉบเฉี่ยว ดุดัน กว้างขวาง และยาวขึ้น พร้อมล้อขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยการเกาะถนนดีเยี่ยม บ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ตซีดานได้เป็นอย่างดี ราคาเริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท

พิเศษสุดเมื่อจอง LEXUS IS ภายในงาน รับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) IS300h

Luxury                2,690,000 บาท

Premium             3,370,000 บาท

F SPORT            3,890,000 บาท

สัมผัสประสบการณ์ในการครอบครองยนตรกรรม เลกซัส รูปแบบใหม่

กับบริการ KINTO ONE และ KINTO ONE Experience “The First Step to Experience Amazing”

ทางเลือกใหม่ของการใช้รถจาก “โตโยต้า ลีสซิ่ง” ตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ สำหรับลูกค้าบุคคลซึ่งมีทั้งแบบสัญญาระยะสั้น 1 ปี ระยะยาวสูงสุด 5 ปี ที่ทำให้การใช้รถเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย คุ้มค่า ไร้กังวล มอบความสะดวกสบายด้วยค่าบริการครอบคลุมค่าใช้จ่าย ทั้งในการบำรุงรักษา ประกันภัยชั้น 1 มีรถทดแทน ระหว่างซ่อม มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง และหมดกังวลเรื่องราคาขายต่อเพียงคืนรถเมื่อครบสัญญา

รุ่นที่มีบริการ KINTO ONE

-RZ เกรด Premium                          ค่าบริการเริ่มต้น           62,990 บาท*

-RZ เกรด Luxury                             ค่าบริการเริ่มต้น           58,900 บาท*

-ES เกรด Grand Luxury                 ค่าบริการเริ่มต้น           60,890 บาท

-IS เกรด Luxury                             ค่าบริการเริ่มต้น           43,000 บาท

-UX เกรด Grand Luxury                 ค่าบริการเริ่มต้น           46,100 บาท

รุ่นที่มีบริการ KINTO ONE Experience

-UX เกรด Grand Luxury                   ค่าบริการ                    39,990 บาท

*ราคาพิเศษ Kinto RZ นี้สำหรับการทำสัญญา ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 เท่านั้น

สอบถามรายละเอียดได้ที่ เจ้าหน้าที่ภายในบูทเลกซัส

หรือ www.kinto-th.com และ Kinto Call Center 02-386-3888

“The Pride of Lexus Ownership” ข้อมูลด้านบริการหลังการขาย     

เพิ่มความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้าคนสำคัญ ตลอดการครอบครองรถเลกซัส ปีนี้เราได้จัดบูทประชาสัมพันธ์การบริการของเลกซัสโดยผู้เชี่ยวชาญด้านบริการ หรือ Lexus Service Guru ที่จะแนะนำข้อมูล และตอบทุกข้อสงสัย อาทิ ข้อมูลด้านค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถเลกซัสแต่ละรุ่นที่เป็นมาตรฐาน และคุ้มค่า ไร้กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจุกจิก ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพรถเลกซัส ซึ่งโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ทั่วโลก ทั้งด้านคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ มั่นใจได้ว่ายนตรกรรมเลกซัสเปี่ยมด้วยคุณภาพไร้ปัญหาจุกจิก ตลอดจนข้อมูลเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศกับ Service Corner 15 แห่งใน 8 จังหวัดใหญ่ พร้อมบริการ Home Visit Mobility Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนเครื่องมือพร้อมอะไหล่แท้ เพื่อมอบบริการสำหรับท่านลูกค้าทั่วประเทศอีกด้วย

บริการพิเศษ เลกซัส Pre-owned ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการขายรถ

หรือผู้ที่มองหา LEXUS  Pre-Owned ที่วางใจได้ เพื่อมอบความมั่นใจ และความสะดวกสบาย ให้กับผู้ครอบครองยนตรกรรมของเลกซัส ที่ต้องการขายหรือแลกเปลี่ยนรถ ตลอดจน ผู้ที่สนใจ และกำลังมองหารถเลกซัส Pre-Owned ด้วยบริการสุดเอกซ์คลูซีฟ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมได้ ในโซน Pre-owned corner

พิเศษสุด สำหรับท่านที่จอง LEXUS รุ่นที่ร่วมรายการภายในงาน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

-สำหรับทุกท่านที่จอง LEXUS รุ่นที่ร่วมรายการด้วยตนเองภายในงาน รับทันที AWC Prestige Cash Voucher มูลค่า 5,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) สำหรับรุ่นที่ร่วมรายการ รับ “LEXUS EXCLUSIVE PACKAGE STANDARD” โปรแกรมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ LEXUS เป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง บริการเลขาส่วนตัว ฟรีค่าแรง และอะไหล่ในการบำรุงรักษาตลอด 5 ปี

โดย LEXUS EXCLUSIVE PACKAGE ได้ออกแบบประเภทโปรแกรมที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ และช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว

-STANDARD : ครอบคลุมค่าแรงตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

-PLUS : ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ100,000 กิโลเมตร (ยกเว้นอะไหล่เสื่อมสภาพ)

PREMIUM : ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมอะไหล่เสื่อมสภาพ

กับเอกสิทธ์เฉพาะเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เหนือกว่า

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เลกซัสทุกรุ่น จากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

-รับสิทธิ์เป็นสมาชิกแอปพลิเคชัน LEXUS Elite Club อำนวยความสะดวกตลอดการใช้รถเลกซัส เช่น การแจ้งเตือน และนัดหมายนำรถเข้าศูนย์บริการ ทั้งร่วมรับสิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย

-สะดวก ครอบคลุมทุกพื้นที่ กับ LEXUS Service Corner ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่ง ใน 8 จังหวัด สำหรับพื้นที่นอกเหนือจากการบริการของ LEXUS Service Corner เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เรามีบริการ LEXUS Home Visit Mobility Unit ที่จะส่งช่างที่มีความรู้ และความชำนาญไปดูแลลูกค้าถึงที่ครอบคลุมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

ติดตามข้อมูลข่าวสารของเลกซัสเพิ่มเติมได้ที่  www.lexus.co.th และ Official Account : Lexus Thailand

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save