- Advertisement -
29 C
Bangkok
Home Blog Page 63

เกรท วอลล์ มอเตอร์ กวาดยอดขายปี 2566 ทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคันติดต่อกันเป็นปีที่ 8

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยยอดขายประจำปี 2566 บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญในการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ด้วยการทำยอดขายรถยนต์รวมทั่วโลกทั้งหมด 1.23 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นปีที่ 8 ที่ยอดขายทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านคันอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นยอดขายในตลาดต่างประเทศที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 300,000 คัน โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าพึงพอใจ เพียงเดือนเดียวสามารถกวาดยอดขายถึง 33,476 คัน สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและการดำเนินธุรกิจในระดับสากลของบริษัทฯ

ปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ครั้งนี้ คือความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในด้านเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางการตลาด ผสมผสานกับแนวทางขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกเพื่ออนาคต ขณะที่ด้านผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการวางแผนกำหนดกลยุทธ์อย่างเหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างๆ ทั่วโลก หนึ่งในรุ่นที่เป็นที่รู้จักกันอย่างมาก อาทิ GWM TANK 500 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังและความสามารถในการขับขี่ออฟโรด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่มีความหรูหรา สร้างความนิยมในแถบตะวันออกกลางได้เป็นอย่างดี ตลอดจนการต่อยอดความสำเร็จมาสู่ GWM TANK 700 รถยนต์ระดับไฮเอนด์ที่ถูกจับจองหมดภายในเวลาเพียง 55 วินาทีหลังจากเปิดการขายล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่งานมหกรรมกวางโจว ออโต้โชว์ ครั้งที่ 21 ประเทศจีน ในขณะที่ ORA แบรนด์ยานยนต์พลังงานใหม่ก็ได้รับการยกย่องในภูมิภาคยุโรปและแอฟริกาใต้ จนทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำเซกเมนต์ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน

ด้วยแนวทางการดำเนินงานบนพื้นฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคต่างๆ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับเสียงชื่นชมและกวาดรางวัลอันทรงเกียรติจากหลายเวทีทั่วโลกในปี 2566 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น  GWM HAVAL H6 NEV ที่คว้า 4 รางวัลสำคัญประจำปีในประเทศบราซิล GWM P Series ที่คว้ารางวัล “The Best Pickup Model” ในกลุ่มรถกระบะขนาด 100 – 120 กิโลวัตต์ในการประกวด 2023 South African Annual Pickup Model Competition ขณะที่ GWM ORA 03 ได้รับรองมาตรฐาน 5 ดาวจาก Green NCAP พร้อมด้วย LCA และรางวัล “2023 Annual Award” ของ Top Gear South Africa ด้าน GWM WEY 03, WEY 05 และ ORA 03 ได้รับรองมาตรฐาน 5 ดาวจาก E-NCAP ของยุโรป แบรนด์ GWM ยังคว้ารางวัล 2023 BrandZ “China Global Brand Top 20” ซึ่งรางวัลเหล่านี้ทำให้ยานยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle หรือ NEV) ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนับเป็นหัวใจของความสำเร็จด้านยอดขายและการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดยานยนต์พลังงานใหม่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านการเปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยี Hi4 และ Hi4-T ที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการพัฒนาระบบ Coffee OS และระบบนิเวศอัจฉริยะภายในห้องโดยสารเพื่อรองรับการใช้งานที่สะดวกสบาย ง่ายดาย และสามารถยกระดับประสบการณ์ขับขี่โดยรวมได้เป็นอย่างดี

ในปี 2566 ความมุ่งมั่นทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนาอย่างเป็นอิสระทำให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์  ได้รับการยอมรับในวงกว้างถึงศักยภาพทางเทคโนโลยี นำมาซึ่งยอดขายในตลาดต่างประเทศที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 300,000 คัน ศักยภาพด้านงานวิจัยยังส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกหลากหลายราย โดยในเดือนมิถุนายน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จับมือกับ Inchcape ผู้จัดจำหน่ายยานยนต์รายใหญ่ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ เดือนกรกฎาคม FTXT Energy บริษัทฯ ในเครือ เกรท วอลล์ มอเตอร์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ CNR จากประเทศอิตาลีเพื่อพัฒนาโครงการพลังงานไฮโดรเจน และเดินหน้าสู่พลังงานสีเขียวอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในด้านการผลิต เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการขยายฐานการผลิตในต่างประเทศด้วยการจัดตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศปากีสถานและเอกวาดอร์ และเริ่มดำเนินโครงการใหม่ในมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว

ในปี 2567 เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความตั้งใจที่จะจัดงาน “2024 GWM Global Fan Festival” เพื่อยกระดับความสัมพันธ์กับผู้ใช้งานทั่วโลก พร้อมกับแบ่งปันความสำเร็จและความสุขของปีนี้ร่วมไปด้วยกัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ใช้ทุกท่านในการก้าวสู่เส้นทางยานยนต์พลังงานใหม่แห่งอนาคตที่เชื่อมการขับขี่และเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว

ตลอดระยะเวลา 26 ปีของการดำเนินธุรกิจในตลาดโลก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ “One GWM” และได้มีการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ “Global Ecosystem” โดยความสำเร็จในตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง การยึดประสบการณ์ของผู้บริโภคเป็นหลัก ความร่วมมือภายใต้หลัก WIN-WIN กับภาคส่วนต่างๆ และแนวคิดความเรียบง่าย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และส่งเสริมการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าในทั่วทุกมุมโลก

วิริยะประกันภัย ร่วมกับพันธมิตร รณรงค์ความปลอดภัยทางถนนเทศกาลปีใหม่ 2567

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน เทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2567

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ฐานะประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2567 ได้ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ รักษาการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุนการออกบูธกิจกรรม นำเกมที่สอดแทรกความรู้เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนมาสร้างสีสันและความสนุกสนานภายในงานอีกด้วย ณ สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

สำหรับโครงการดังกล่าว สำนักงาน คปภ. จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 พร้อมกันนี้ สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และเครือข่ายพันธมิตรภาคธุรกิจ ยังได้ร่วมกันส่งมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผ่าน 2 กรมธรรม์ ได้แก่ “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวร์รันส์) และกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ปีใหม่สุขใจ ฝากบ้านไว้กับประกันภัย (ไมโครอินชัวร์รันส์)” ด้วยเบี้ยประกันภัยเพียง 10 บาท ภายใต้แนวคิด “SMART” (Smart Drive Arrive Safe) เพื่อเป็นการส่งมอบความห่วงใยให้ประชาชนได้เลือกบริหารความเสี่ยงด้วยประกันภัย และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการขับขี่ มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม รวมถึงการศึกษาสภาพจราจร และเส้นทางการเดินทางที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายด้วยความอุ่นใจและปลอดภัยตลอดเส้นทาง

โตโยต้า สนับสนุนการแข่งขัน “ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2024”

โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาวงการกีฬาแบดมินตันไทยสนับสนุนการแข่งขัน “ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2024”

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา และพลอากาศเอกเสกสรร คันธา ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขัน ร่วมแถลงข่าวจัดการแข่งขันแบดมินตันรายการ “ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2024” ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูปเปอร์ 300 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมเงินรางวัลรวม 210,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,240,000 บาท ซึ่งการแข่งขันรายการสำคัญนี้เป็นอีกหนึ่งในการเก็บคะแนนสะสมของนักกีฬำไทย เพื่อจะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬำโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยงานแถลงข่าวจัดการแข่งขันได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ณ โรงแรมอโนมาแกรนด์ กรุงเทพฯ

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวในการแถลงข่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของรายการ โตโยต้ามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาวงการกีฬาแบดมินตันไทย โตโยต้าเชื่อมั่นว่าการจัดการแข่งขันในประเทศไทยครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้นักกีฬาไทยได้ยกระดับฝีมือ แสดงศักยภาพและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อมอบความสุขให้กับแฟนกีฬาแบดมินตันไทย พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยให้หันมาสนใจเล่นกีฬาแบดมินตันให้มากยิ่งขึ้น ผมขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยเข้าชมการแข่งขันและร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาของไทยในการแข่งขันในครั้งนี้ด้วยครับ ที่สำคัญผมขอขอบคุณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้ให้โอกาส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ในการเป็นผู้สนับสนุนหลักสำหรับการจัดการแข่งขันปริ๊สเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2024 ครั้งนี้”

                           “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

วิริยะประกันภัย ร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนปีใหม่ 2567

วิริยะประกันภัย ร่วมรณรงค์ “ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” 2567 ขนส่งหมอชิต

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ รักษาการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ให้การต้อนรับ ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุนมูลนิธิเมาไม่ขับจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ด้วยการนำกลุ่มวิริยะจิตอาสาร่วมเดินรณรงค์ “ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ ขับไม่โทร” เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและลดพฤติกรรมเสี่ยงขณะเดินทางที่อาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น รวมถึงออกบูธกิจกรรมการเล่นเกมที่สอดแทรกความรู้ในเรื่องของการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนมาสร้างความสุขสนุกสนานให้กับประชาชนผู้เข้าร่วมงาน ณ สถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการลดปัจจัยเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน มีสติ และไม่ประมาทในการขับขี่ยานพาหนะ ผ่านกิจกรรมการเสวนา “ฉลองปีใหม่อย่างไร ไม่ตกเป็นเหยื่ออุบัติเหตุ” และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายจากการเมาแล้วขับ พร้อมส่งมอบความห่วงใยไปยังประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวพักผ่อนในต่างจังหวัดช่วงเทศกาลวันหยุดยาวให้ถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย

ยามาฮ่า แต่งตั้ง นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร

ยามาฮ่ามอเตอร์ แต่งตั้ง นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร ไทยยามาฮ่ามอเตอร์

บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแต่งตั้ง นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด แทน มร.ทัตสึยะ โนซากิ ที่ครบวาระในการดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2566 พร้อมรักษาการรองประธานกรรมการบริหาร อีกตำแหน่งด้วย

มร.โยชิฮิโระ ฮิดากะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เนื่องจาก มร.ทัตสึยะ โนซากิ  ประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันครบวาระการทำงานในปี พ.ศ. 2566 ทางบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น จึงมีมติแต่งตั้ง นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการบริหาร และรักษาการรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

สำหรับนายพงศธร เอื้อมงคลชัย ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ก่อนที่จะเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง General Manager of Global Human Resources Development Division ที่ บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ ณ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 2 ปี (2559-2561) จากนั้นจึงกลับมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ในปี พ.ศ.2561 และในปี พ.ศ.2562 ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ก่อนที่จะเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

THAI FIGHT 2023 รอบชิงชนะเลิศ 3 นักชกไทยครองแชมป์

สุดเดือด THAI FIGHT 2023 รอบชิงชนะเลิศ 3 นักชกไทยครองแชมป์ คว้าถ้วยพระราชทาน พร้อมรับรถ ใหม่! “อีซูซุ ดีแมคซ์ เหนือลิมิต…พิชิตโลก” พร้อมเงินสด มูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท

เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึก THAI FIGHT 2023 โดยมี มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด แสดงความยินดีกับ 3 สุดยอดนักชกผู้คว้าแชมป์ THAI FIGHT 2023 ในงาน THAI FIGHT หลวงปู่ทวด รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 1.9 ดีดีไอ รุ่น 2 ประตู พร้อมเงินสด มูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท ณ ลานกิจกรรมพุทธอุทยานมหาราช วัดวชิรธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

THAI FIGHT 2023 รอบชิงชนะเลิศจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “THAI FIGHT หลวงปู่ทวด” โดยมี คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขัน THAI FIGHT และ คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานมูลนิธิหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่อยุธยา ขึ้นกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ในฐานะประธานร่วมจัดการแข่งขัน THAI FIGHT หลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นการปะทะหมัดของสุดยอดนักชกจากนานาชาติ จำนวน 8 คู่ โชว์ลีลาแม่ไม้มวยไทยแบบคละรุ่นทั้งแบบสวมนวมและแบบคาดเชือก พร้อมความสนุกทวีคูณด้วยคู่เอก พิกัด 67 กิโลกรัม เป็นการพบกันระหว่าง สุขสวัสดิ์ แสงมรกต ฉายาพยัคฆ์สุรินทร์ แชมป์อีซูซุคัพปี 2023 พบ วาฮิด นิคคาห์ นักชกจากประเทศอิหร่าน เมื่อระฆังดังเริ่มยกที่หนึ่ง วาฮิดที่ดูจะได้เปรียบในเรื่องช่วงตัว แต่ก็ยังออกอาวุธไม่ค่อยเข้าเป้า ในยกนี้จะเป็นการดูเชิงของกันและกัน ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ต่อมาในยกที่สอง ทั้งคู่ต่างพยายามหาจังหวะเพื่อทำคะแนน แต่สุขสวัสดิ์สาวเท้าเตะเข้าเป้า ยกนี้ดูว่าลูกเตะจะได้เปรียบแต่ก็ยังต้องระวังวาฮิดอยู่ ยกสุดท้ายสุขสวัสดิ์ลุยเข้าทำคะแนนอย่างหนัก ถึงแม้ว่าจะเป็นรองเรื่องช่วงตัว แต่อาศัยความเร็วสาวเท้าเตะเข้าเป้าอยู่หลายจังหวะ ทำให้สุขสวัสดิ์คว้าแชมป์ไป

เสริมด้วยคู่มวยที่พลาดไม่ได้อีก 2 คู่ เป็นการพบกันในพิกัด 72.5 กิโลกรัม ระหว่าง เต็งหนึ่ง ต้อมนครสวรรค์ พบ อะบอลฟาซล์ เมห์ราซารัน นักชกอิหร่าน คู่นี้สนุกตั้งแต่ยกที่หนึ่ง กระหน่ำออกอาวุธกันแบบไม่มียั้ง ต่อด้วยยกที่สองเต็งหนึ่งเดินเกมรุกอย่างหนัก ดูจะได้เปรียบเชิงมวยออกอาวุธหมัดและเตะได้เข้าเป้ามากกว่า ยกสุดท้ายออกอาวุธกันอย่างดุเดือดทำเอากองเชียร์ส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนั่น หลังระฆังจบยกกรรมการประกาศผลเต็งหนึ่งคว้าชัยชนะไป และ ในพิกัด 70 กิโลกรัม ระหว่าง ป.ต.ท. ว.รุจิรวงศ์ พบกับ อเลสซิโอ มาลาเตสต้า นักชกอิตาลี คู่สุดท้ายของงานก็ดุเดือดไม่แพ้คู่อื่น เริ่มต้นยกแรกออกอาวุธครบเครื่องทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก มุ่งมั่นเดินเกมรุกกันอย่างหนัก จบยกที่หนึ่งก็ได้เห็นเลือดกำเดาจากทางอเลสซิโอ ยกที่สองเพิ่มความเดือดมากขึ้น ทั้งคู่เดินหน้าออกอาวุธกันแบบสุดตัว ไม่มีใครยอมใคร ถือว่าสูสีกันมากในยกนี้ ยกสุดท้ายทำเอากองเชียร์ลุ้นกันตัวโก่ง ในยกนี้ ป.ต.ท. ปล่อยหมัดได้แม่นกว่า ทำให้สุดท้าย ป.ต.ท. คว้าแชมป์ไปครอง แชมป์ THAI FIGHT 2023 ทั้ง 3 รุ่นนี้ได้รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 1.9 ดีดีไอ รุ่น 2 ประตู ไปครอง

ผลการแข่งขัน THAI FIGHT 2023 รอบชิงชนะเลิศ

ผลคู่ 1 Super Fight คาดเชือก 65 กิโลกรัม

ยูเนส เบนาลี่ (โมร็อกโก) แพ้คะแนน เพชรภาคใหม่ ช.ชนะมวยไทย (ไทย)

ผลคู่ 2 Super Fight คาดเชือก 77 กิโลกรัม

ไลอ้อน แฟมิลี่มวยไทย (ไทย) ชนะน็อค ยก 2 อาบูฟาเซล กู๊ดดาร์ซ  (อิหร่าน)

ผลคู่ 3 ชิงแชมป์ THAI FIGHT LEAGUE 61 กิโลกรัม

เขี้ยวเพชร เกิยรติไพรสณฑ์ (ตรัง) ชนะคะแนน ขุนศึกเล็ก ศิษย์ผู้ใหญ่เทพ (บุรีรัมย์)

ผลคู่ 4 ชิงแชมป์ THAI FIGHT ถ้วยพระราชทาน รุ่น 67 กิโลกรัม สวมนวม

สุขสวัสดิ์ แสงมรกต (ไทย) ชนะคะแนน วาฮิด นิคคาห์ (อิหร่าน)

ผลคู่ 5 ชิงแชมป์ THAI FIGHT ถ้วยพระราชทาน รุ่น 70 กิโลกรัม สวมนวม

น้องโอ ช.ห้าพยัคฆ์ (ไทย) ชนะน็อค ยก 2 อาร์มาน โมราดี (อิหร่าน)

ผลคู่ 6 ชิงแชมป์ THAI FIGHT คาดเชือกหญิง ถ้วยพระราชทาน รุ่น 54 กิโลกรัม

เวโร ว.รุจิรวงศ์ (เมียนมา) ชนะน็อค ยก 1 พญาสิงห์ ส.สมมิตร (ไทย)

ผลคู่ 7 ชิงแชมป์ THAI FIGHT คาดเชือก ถ้วยพระราชทาน รุ่น 72.5 กิโลกรัม

เต็งหนึ่ง ต้อมนครสวรรค์ (ไทย) ชนะคะแนน อะบอลฟาซล์ เมห์ราซารัน (อิหร่าน)

ผลคู่ 8 ชิงแชมป์ THAI FIGHT คาดเชือก ถ้วยพระราชทาน รุ่น 70 กิโลกรัม

ป.ต.ท. ว.รุจิรวงศ์ (ไทย) ชนะคะแนน อเลสซิโอ มาลาเตสต้า (อิตาลี)

ฮอนด้า จับจริง แจกจริง ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง

ฮอนด้า จับจริง แจกจริง โค้งสุดท้าย ลุ้นรางวัลต่อเนื่องสองต่อจากแคมเปญ “Honda Double Happy, Double Lucky ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง” เมื่อซื้อและรับรถยนต์ฮอนด้า ภายใน 31 ม.ค. 2567

บรรยายภาพ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โดย คุณอารีย์ สุชนลิมะกุล ผู้จัดการทั่วไปส่วนงานขายและงานบริการ เป็นตัวแทนบริษัทฯ ในการจับรางวัลผู้โชคดีจากแคมเปญ “Honda Double Happy, Double Lucky ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง”

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการจับและมอบรางวัลให้แก่ผู้โชคดี จากแคมเปญ “Honda Double Happy, Double Lucky ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง” ให้ลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 โดยลูกค้าจะได้รับ 1 สิทธิ์ต่อการซื้อรถยนต์ 1 คัน เพื่อลุ้นรับรางวัล 2 ต่อ ยิ่งซื้อรถเร็ว ยิ่งมีสิทธิ์ลุ้นต่อเนื่องมากกว่า โดยต่อที่ 1 ลุ้นรับบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท หรือ 10,000 บาท โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกเดือน รวม 3,000 รางวัล หากลูกค้ายังไม่ได้รับโชคในครั้งแรก ลูกค้าจะสามารถลุ้นได้ใหม่ทุกเดือนตลอดแคมเปญ และต่อที่ 2 ลูกค้าทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่

รวม 30 รางวัล ได้แก่ รถยนต์ฮอนด้าเอสยูวี 4 รุ่น จำนวน 10 คัน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ พลัส (GIORNO+) รุ่น ABS จำนวน 20 คัน รวมรางวัลทั้งสิ้น 3,030 รางวัล มูลค่ากว่า 52 ล้านบาท

ทางบริษัทฯ ได้จับรางวัลผู้โชคดีไปแล้ว โดยครั้งที่ 1 จับรางวัลไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – วันที่ 31 ตุลาคม 2566 และครั้งที่ 2 จับรางวัลเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

ทั้งนี้ ลูกค้ายังมีโอกาสลุ้นรางวัลต่อที่ 1 ได้อีกสองครั้ง ในการจับรางวัลครั้งที่ 3 วันที่ 18 มกราคม 2567 และครั้งที่ 4 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 สำหรับบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท หรือ 10,000 บาท และรางวัลใหญ่ต่อที่ 2 สำหรับรถยนต์ฮอนด้าเอสยูวี 4 รุ่น จำนวน 10 คัน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ พลัส (GIORNO+) รุ่น ABS จำนวน 20 คัน โดยจะจับรางวัลในวันที่ 14 มีนาคม 2567

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล เพื่อรับทางเลือกแคมเปญพิเศษ* อาทิ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% หรือดาวน์น้อย ผ่อนต่อเดือนน้อย หรือนัดหมายทดลองขับได้กับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อลูกค้าผู้โชคดี แคมเปญ “Honda Double Happy, Double Lucky ซื้อรถฮอนด้าวันนี้ แฮปปี้คูณสอง” ได้ผ่านทาง https://www.honda.co.th/promotions/detail/hondadoublehappydoublelucky

หมายเหตุ :

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย โชว์ความสำเร็จโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ

“กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ร่วมมือ “มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์” ประกาศความสำเร็จ 7 ปี โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ส่งผลกว่า 2,200 ครัวเรือนมีน้ำอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร ที่เพียงพออย่างยั่งยืน

แถวยืน : นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร (กลาง) กรรมการผู้จัดการ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ดร.รอยล จิตรดอน (ที่ 7 จากขวา) กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายกษิดิ์เดช ปันสม (ที่ 7 จากซ้าย) ปลัดอาวุโสอำเภอบ่อเกลือ ผู้แทนรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยตัวแทนผู้นำชุมชนบ้านดงผาปูน บ้านนาบง และบ้านวังปะ จิตอาสาทั้ง 3 ชุมชน ร้านผู้จำหน่ายและจิตอาสาจากกลุ่มลูกค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าจากจังหวัดน่านและใกล้เคียง นักศึกษาทวภาคี วิทยาลัยเทคนิคปัว จังหวัดน่าน

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ประกาศความสำเร็จจากการผสานความร่วมมือกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน เป็นปีที่ 7 สามารถเพิ่มปริมาณน้ำถึง 144,825 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้มีพื้นที่เพาะปลูกได้รับผลประโยชน์จากป่าต้นน้ำและการบริหารจัดการแหล่งน้ำยั่งยืนมากถึง 7,643 ไร่ ส่งผลให้ 2,198 ครัวเรือน (5,914 คน) ในลุ่มน้ำน่านทั้ง 5 พื้นที่ (จังหวัดน่านและจังหวัดพิษณุโลก) มีน้ำอุปโภค บริโภค และเพิ่มแหล่งน้ำสำรองสำหรับทำการเกษตรได้เพียงพอตลอดทั้งปี และเป็นชุมชนต้นแบบในการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

เปรียบเทียบสภาพพื้นที่ป่าของชุมชนบ้านดงผาปูนก่อน (ซ้าย) และหลัง (ขวา) ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

นอกจากนี้ พื้นที่ชุมชนบ้านดงผาปูน ยังได้รับการคัดเลือกและประกาศให้เป็น 1 ใน 28 พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ (ลำดับที่ 27) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นชุมชนที่เป็นต้นแบบของการฟื้นฟูเขาหัวโล้น ที่เปลี่ยนจากการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยวและทำไร่เลื่อนลอย มาปลูกไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และทำวนเกษตร จนเกิดความมั่นคงน้ำ มั่นคงอาหาร มั่นคงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ มีผลผลิตจากป่าเป็นอาหาร สร้างอาชีพและรายได้ จนเป็นตัวอย่างความสำเร็จและขยายผลไปยังพื้นที่ข้างเคียงและในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย พร้อมที่จะให้การสนับสนุน และมอบความช่วยเหลือแก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป

พร้อมทั้งจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สร้างฝายภูมิปัญญาและปลูกต้นไม้พันธุ์พื้นเมือง บริเวณพื้นที่ชุมชนบ้านดงผาปูน บ้านนาบง และบ้านวังปะ โดยได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาทั้ง 3 ชุมชน ร้านผู้จำหน่ายและจิตอาสาจากกลุ่มลูกค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าจากจังหวัดน่านและใกล้เคียง นักศึกษาทวภาคี วิทยาลัยเทคนิคปัว จังหวัดน่าน ร่วมกันสร้างฝายภูมิปัญญา (คอกหมู) จำนวน 3 ฝาย และการปลูกต้นไม้พันธุ์พื้นเมือง เช่น ต๋าว หวาย เมี้ยง มะแขว่น พะยูง ยางนา กฤษณา จำนวนรวม 1,000 ต้น เพื่อช่วยชะลอน้ำและเสริมความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ให้คงความอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้ประชากรมีน้ำใช้ในการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตรตลอดทั้งปีอย่างยั่งยืน

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “กิจกรรมในวันนี้เป็นการประกาศผลสำเร็จของการดำเนินกิจกรรมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ในช่วงระยะเวลา 7 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 – 2566) ที่กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยให้การสนับสนุนงบประมาณรวมกว่า 20.4 ล้านบาท ดำเนินงานใน 5 พื้นที่ เพื่อบริหารจัดการดิน น้ำ ป่า ที่นำมาซึ่งพื้นที่ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง มีความอุดมสมบูรณ์สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน มีน้ำสำรองใช้ได้เพียงพอตลอดทั้งปี ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ในพื้นที่ชุมชนบ้านดงผาปูน ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ด้วยการขยายผลการดำเนินงานและเสริมความมั่นคงทางน้ำในพื้นที่ชุมชนบ้านดงผาปูนเพิ่มเติม และขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ ชุมชนนาบงและบ้านวังปะ ซึ่งประสบปัญหาน้ำหลาก ดินถล่ม เส้นทางสัญจรโดนตัดขาด ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ในงานเกษตรกรรมและเพื่อการอุปโภคเนื่องจากขาดแหล่งกักเก็บน้ำและการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนมาอย่างยาวนาน”

ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้น้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ด้านการนำประสบการณ์จัดการน้ำและพัฒนาน้ำในชุมชนที่ประสบความสำเร็จมาขยายผลการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนไปยังชุมชนอื่น จนเกิดการบริหารจัดการน้ำที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ และเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้น ณ พื้นที่ชุมชนบ้านดงผาปูน หนึ่งในพื้นที่ได้ดำเนินงานร่วมกับกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ที่เป็นตัวอย่างของความสำเร็จจากการร่วมกันของชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูจากเดิมเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดให้กลับมาเป็นป่าต้นน้ำ มีความมั่นคงน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และการเกษตร จนเป็นต้นแบบฟื้นฟูเขาหัวโล้น ด้วยไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ชาวบ้านขายผลิตภัณฑ์ได้รายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าตัว รวมทั้งมีกลุ่มพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบยั่งยืนและตั้งกองทุนหมู่บ้าน เกิดเป็นเครือข่ายร่วมกันพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ”

นายกษิดิ์เดช ปันสม ปลัดอาวุโสอำเภอบ่อเกลือ ผู้แทนรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า “ขอชื่นชมและขอบคุณกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ที่ได้ร่วมกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) รวมทั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำชุมชนบ้านดงผาปูน เทศบาลตำบลบ่อเกลือใต้ ที่สำคัญคือชาวชุมชนดงผาปูน ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า และการดำเนินชีวิตที่ช่วยให้ประชาชนมีรายได้จากการทำเกษตรแบบอยู่ร่วมกับป่าได้ รวมทั้งเป็นตัวอย่างให้ชุมชนพื้นที่อื่นได้เห็นความสำคัญในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำ และบริหารจัดการน้ำให้เกิดขึ้นในชุมชนของตัวเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป”

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำน่าน เป็นโครงการระยะยาวแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ช่วง ระหว่างปี พ.ศ. 2560 – 2566 กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยให้การสนับสนุนงบประมาณรวมกว่า 20.4 ล้านบาท ได้แก่

•ช่วงที่ 1: พ.ศ. 2560 – 2562 สนับสนุนงบประมาณรวม 11.42 ล้านบาท เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนด้วยการพัฒนาศักยภาพคนในชุมชน ให้เข้าใจและบริหารจัดการน้ำได้ด้วยตนเอง เกิดความสำเร็จของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค แบ่งการดำเนินการตามปัญหาการจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1) พื้นที่ชุมชนบ้านนาบงและบ้านดงผาปูน ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน  2) พื้นที่ชุมชนบ้านร้องแง ต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน และ  3) พื้นที่ชุมตำบลนครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก

•ช่วงที่ 2: พ.ศ. 2563 – 2566 สนับสนุนงบประมาณรวม 8.97 ล้านบาท เน้นสร้างความมั่นคงน้ำ เพื่อเป็นต้นแบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อาหาร และผลผลิต เกิดกติกาการบริหารจัดการน้ำที่ยอมรับและนำไปใช้ร่วมกัน สามารถขยายผลความรู้และความสำเร็จสู่พื้นที่ใกล้เคียง ดำเนินงานในพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ 1) พื้นที่ชุมชนบ้านดงผาปูน (รวมชุมชนบ้านนาบงและชุมชนบ้านวังปะ) ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน 2) พื้นที่ชุมชนบ้านร้องแง ต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน

3) พื้นที่ชุมชนตำบลนครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก 4) พื้นที่ชุมชนบ้านป่าแพะ ต.แม่ขะนิง อ.เวียงสา จ.น่าน และ 5) พื้นที่ชุมชนบ้านปางสา ต.จอมจันทร์ อ.เวียงสา จ.น่าน

ผู้ได้รับผลประโยชน์ (ปี 2560 – 2566)จำนวนครัวเรือนจำนวนประชากร (คน)พื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับผลประโยชน์ (ไร่)ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น (ลบ.ม.)งบประมาณ
ที่ใช้ (บาท)
ชุมชนบ้านดงผาปูน (รวมบ้านนาบงและบ้านวังปะ)3371,1211,2016,6339,257,600
ชุมชนบ้านร้องแง7551,6559921904,369,000
ชุมชนตำบลนครป่าหมาก7301,9385,450137,9375,543,000
ชุมชนบ้านป่าแพะ276803065603,000
ชุมชนบ้านปางสา10039700623,000
รวมลุ่มน้ำน่านทั้ง 5 พื้นที่2,1985,9147,643144,82520,395,600

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560 – 2566) กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ได้ร่วมกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ดำเนินโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำและบริหารจัดการน้ำ เพื่อช่วยลดปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง รวมทั้งเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ใน 10 พื้นที่ ประกอบด้วยในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้แก่

1) ชุมชนบ้านดงผาปูน อ.บ่อเกลือ (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน) 2) ชุมชนร้องแง อ.ปัว (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน) 3) ชุมชนเวียงสา อ.เวียงสา 4) ชุมชนป่าแพะ อ.เวียงสา รวมทั้ง 5) ชุมชนนครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก 6) ชุมชนตำบลขุนควร อ.ปง จ.พะเยา 7) ชุมชนป่าเลา อ.สอง จ.แพร่ 8) ชุมชนแม่จั๊วะ อ.เด่นชัย จ.แพร่ 9) ชุมชนตำบลนาแขม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และ10) ชุมชน

ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ก่อตั้งโดยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ได้ร่วมกันประกาศจัดตั้งกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับประชาชนไทยในยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ ที่ดำเนินงานภายใต้กองทุนดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที โดยมอบเงินสมทบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์หนึ่งคัน 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน และ 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 เครื่อง ปัจจุบัน กองทุนมียอดเงินสะสมอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุนฯ ได้กำหนดภารกิจในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านเงินทุน 2) ด้านวัสดุอุปกรณ์ 3) ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และ 4) ด้านการส่งเสริมความรู้ในการรับมือภัยพิบัติ โดยตลอดระยะเวลา 11 ปีของการดำเนินการ “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ได้มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ รวมจำนวนเงินมากกว่า 540 ล้านบาท

ลามิน่า คว้ารางวัลยอดจำหน่ายสูงสุด ประจำปี 2566

บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” จากสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดย นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัลผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ประจำปี 2566 ในหมวดรางวัลเกียรติยศ Thailand Car & Motorcycle Marketing Awards 2023 จากงาน Thailand Car of The Year 2023

ฟิล์มกรองแสง “ลามิน่า” บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด โดยนางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัลผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ประจำปี 2566 ในหมวดรางวัลเกียรติยศ Thailand Car & Motorcycle Marketing Awards 2023 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

งานประกาศรางวัลครั้งนี้จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินตามหลักกติกาสากล ประเมินจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านกลยุทธ์การตลาด การขาย นวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ณ ศูนย์ประชุมเดอะฮอลล์ กรุงเทพฯ

ฟิล์มกรองแสง “ลามิน่า” ประสบความสำเร็จในตลาดประเทศไทยด้วยการครองอันดับ 1 ในตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคารต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 20 ปี ทั้งยังเป็นผู้นำทางด้านการคัดสรรนวัตกรรมด้านฟิล์มกรองแสงมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมาโดยตลอด ซึ่ง “ลามิน่า” ได้เปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Lamina Digital Boost ฟิล์มดิจิทัลประหยัดพลังงานรุ่นใหม่เป็นรายแรกของประเทศไทยมาก่อนหน้า

ทำให้บริษัทได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด/อีวี และสมาร์ทคาร์ยุคดิจิทัลอย่างล้นหลาม จากการที่รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ดังกล่าว มีการติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณดิจิทัล ทั้งเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน การสื่อสารและความบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งฟิล์มกรองแสงลามิน่า ดิจิทัลบูสต์ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่รบกวนสัญญาณเหล่านี้แต่อย่างใด ทำให้การใช้งานของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทำได้อย่างมีเสถียรภาพและไหลลื่นเหนือกว่าฟิล์มกรองแสงอื่นๆ

นอกจากนี้บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงมืออาชีพระดับเอเชียแปซิฟิก ยังนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์อีกมากมาย อาทิ อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่ (Thule) จากประเทศสวีเดน ผลิตภัณฑ์ฟิล์มนิรภัยปกป้องสีรถลูมาร์ (LLumar) จากสหรัฐอเมริกา และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษายานยนต์ครบวงจรแอลลักซ์ (LLux) คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

Thailand 10-hour Endurance Race รถโตโยต้าส่ง 3 คัน ใช้เชื้อเพลิงเป็นกลางทางคาร์บอน วิ่งจบทุกคัน

Thailand 10-hour Endurance Race จบการแข่งขันด้วยโตโยต้าปิดการแข่งขันอย่างงดงามกับรถยนต์ทางเลือกสู่ความ (รถยนต์เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน/รถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจน/รถยนต์ HEV)

ส่งมอบคำขอบคุณและประสบการณ์ “Fun to Drive” แด่แฟนๆ ชาวไทยและชาวเอเชีย

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) เข้าร่วมการแข่งขัน “IDEMITSU SUPER ENDURANCE SOUTHEAST ASIA TROPHY 2023” (Thailand 10-hour Endurance Race) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 และ 23 ธันวาคม 2566 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในประเทศไทย โดยมีรถยนต์เข้าร่วมการแข่งขัน 3 คัน ได้แก่ “ORC ROOKIE GR86 CNF concept” GR86 ใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน “ORC ROOKIE GR Corolla H2 concept” Corolla เครื่องยนต์ไฮโดรเจน และ “CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept” Prius ที่เป็น HEV ซึ่งทุกคันสามารถวิ่งจนจบการแข่งขันได้สำเร็จ

ในการแข่งขัน Thailand 10-hour Endurance Race ครั้งนี้ เราใช้ไฮโดรเจนที่ผลิตในประเทศซึ่งมาจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเราในการสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย นอกจากนี้ ก่อนการแข่งขัน เราได้จัดกิจกรรมขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ให้การสนับสนุนเราเสมอมา กิจกรรมเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงการขับขี่อย่างสนุกสนาน (Fun to drive) ผ่านกีฬามอเตอร์สปอร์ต

1. GR FESTIVAL 2023

ก่อนการแข่งขัน Thailand 10-hour Endurance Race บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดงาน GR FESTIVAL 2023 ขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยมีแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตกว่า 2,500 คนมารวมตัวกันเพื่อชมงานดังกล่าว

ในงาน GR FESTIVAL 2023 มีนักแข่งจาก ROOKIE Racing, Toyota Gazoo Racing Team Thailand และ D1 มาเข้าร่วมในการแข่งขัน ซึ่งนอกจากผู้ชมจะได้ชมผลงานของแต่ละทีม อาทิ การแข่งแบบยิมคาน่าในรูปแบบจับเวลา (Time Attack) การแสดงดริฟท์โชว์ ฯลฯ แล้ว เรายังมีการแนะนำรถ Toyota Hilux Champ ให้ได้ชมด้วย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของกีฬามอเตอร์สปอร์ต รวมถึงเป็นการแสดงความขอบคุณแก่แฟนๆ ชาวไทย

เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างรอยยิ้มให้ลูกค้าชาวไทยของเราด้วยการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างฐานแฟนๆ จากกีฬามอเตอร์สปอร์ตต่อไป

บรรยากาศงาน GR FESTIVAL 2023

2. รถยนต์ทั้ง 3 คัน (รถยนต์เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน/รถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจน/รถยนต์ HEV) สามารถวิ่งจนจบการแข่งขัน Thailand 10-hour Endurance Race ได้สำเร็จ

รถยนต์ทั้ง 3 คัน ได้แก่ GR86 (รถยนต์เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน), Corolla (รถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจน) และ Prius (รถยนต์ HEV) ที่เข้าร่วมในการแข่งขัน Thailand 10-hour Endurance Race เมื่อวันที่ 22 และ 23 ธันวาคม 2566สามารถวิ่งจนจบการแข่งขันด้วยผลการแข่งขันดังต่อไปนี้

Noชื่อทีมชื่อรถ/นักแข่งคลาสจำนวนรอบอันดับโดยรวมอันดับในคลาส
228ORC ROOKIE RacingORC ROOKIE GR86 CNF concept
・Kazuya Oshima, Kenta Yamashita, Keizo Kato, Daisuke Toyoda
D2289ที่ 4ที่ 4
264CP ROOKIE RacingCP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept
・Kachorn Chiaravanont, MORIZO, Tatsuya Kataoka, Naoya Gamo, Hibiki Taira
D2272ที่ 11ที่ 6
232ORC ROOKIE RacingORC ROOKIE GR Corolla H2 concept
・MORIZO, Yasuhiro Ogura, Masahiro Sasaki, Hiroaki Ishiura
D2161*ที่ 55ที่ 8

*มีการดับเครื่องตามแผนประมาณ 2 ชั่วโมง

ในการแข่งขันครั้งนี้ เราพยายามเพิ่มทางเลือกสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้มากขึ้นโดยเริ่มจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต รถ GR86 และ Prius ใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่วน Corolla เครื่องยนต์ไฮโดรเจนก็ใช้ไฮโดรเจนบางส่วนที่ผลิตจากก๊าซชีวภาพที่เกิดจากมูลไก่ในฟาร์มของ CP

หลังจบการแข่งขัน มร.อากิโอะ โตโยดะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนามนักแข่งว่า Morizo ​​ได้แสดงความคิดเห็นไว้ดังนี้

“จุดประสงค์ในการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ คือการนำเสนอรถยนต์ไฮโดรเจนและไฮบริดให้เป็นอีกทางเลือกสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่เราก็สามารถวิ่งจนจบการแข่งขันได้สำเร็จ นอกจากรถเครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่เราได้นำมาแข่งเป็นปีที่ 2 แล้ว ผมก็รู้สึกดีใจที่ชาวไทยก็ให้การยอมรับสิ่งที่เรานำเสนอ ผ่าน รถยนต์ โตโยต้า Prius และรถไฮบริดเป็นอย่างดี

เรากำลังทำงานร่วมกับ CP Group ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศไทยโดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัท ซึ่ง คุณขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรูลีสซิ่ง จำกัด ที่มาร่วมกับทีม Rookie Racing ในการขับ CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept ในครั้งนี้ รวมถึงท่านประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด คุณสุภกิต เจียรวนนท์ ก็รักในการขับรถเช่นกัน ดังนั้น การที่ CP Group และโตโยต้ามาเข้าร่วมการแข่งขัน Thailand 10-hour Endurance Race ด้วย CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept ในครั้งนี้ ผมคิดว่าการร่วมมือในครั้งนี้ ได้ทำให้ผู้คนได้รับรู้ถึงกิจกรรมที่พวกเรากำลังทำกันอยู่มากขึ้น

ในบางครั้ง การสร้างอนาคตภายใต้จุดมุ่งหมายที่จะขับเคลื่อนสังคมให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เป็นเรื่องยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งที่จะทำได้โดยลำพัง หากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตพลังงาน ผู้ขนส่ง ผู้ใช้ และผู้ผลิตรถยนต์ ทุกๆ คนร่วมมือกัน จำนวนพันธมิตรของพวกเรา ก็จะเพิ่มมากขึ้น แล้วผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

คนไทยทุกคนก็สามารถสนับสนุนผู้ที่กำลังพยายามดำเนินการเหล่านี้ได้ ผมอยากอยู่ในโลกที่ทุกคนร่วมกันสร้างอนาคต รวมถึงสนับสนุนผู้ที่มีความพยายามช่วยกันเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิมครับ”

บรรยากาศการแข่งขัน

ORC ROOKIE GR86 CNF concept

ORC ROOKIE GR Corolla H2 concept

CP ROOKIE PRIUS CNF-HEV GR concept

บรรยากาศการเติมไฮโดรเจน

คุณขจร และ MORIZO

โตโยต้าจะส่งเสริมการดำเนินการเหล่านี้ต่อไปเพื่อสร้างสมดุลระหว่างแนวคิด “Multi-pathway” ที่มุ่งบรรลุเป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” และแนวคิด “Fun to Drive” เพื่อ “สร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน” ต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save