- Advertisement -
33.6 C
Bangkok
Home Blog Page 62

ฟอร์ด ชูความสำเร็จปี 2566 ขึ้นแท่นเบอร์ 4 รถขายดีสุดในไทย

ฟอร์ด ชูความสำเร็จปี 2566 ขึ้นแท่นเบอร์ 4 รถขายดีที่สุดในไทย ด้วยยอดขายรวม 36,483 คัน ภูมิใจฟอร์ด เรนเจอร์-เอเวอเรสต์ ผลิตในไทยนิยมทั่วโลก คว้าอันดับ 1 สุดยอดรถขายดีในออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี และครองอันดับ 1 รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในนิวซีแลนด์ 9 ปีซ้อน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 9 มกราคม 2567 – ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จปี 2566 กวาดยอดขายรถรวม 36,483 คัน ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มียอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดอันดับ 4 ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยฟอร์ด เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 9.2% จาก 8.7% ในปีก่อนหน้า และฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่งตลาด 19.8% จาก 14.8% ในปีก่อนหน้า ทำให้ทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่นทั้งในเซ็กเมนต์รถกระบะและ PPV

“ฟอร์ดยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกค้าชาวไทยมั่นใจในแบรนด์ฟอร์ด ส่งผลให้ฟอร์ดมียอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมอันโดดเด่นที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยอยู่เสมอ ประกอบกับความไว้วางใจของลูกค้าในการใช้งานนวัตกรรมบริการต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ฟอร์ดยังคงเดินหน้าสร้างสีสันต่อยอดความสำเร็จของเรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ เพื่อส่งมอบรถยนต์คุณภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานอันหลากหลาย เป็นรถคู่ใจให้ลูกค้าเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตตามต้องการ” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

นอกจากจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าชาวไทย รถทั้ง 2 รุ่นที่ผลิตในประเทศไทยโดยโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ยังได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยล่าสุดฟอร์ด เรนเจอร์ คว้าตำแหน่งรถยนต์ขายดีที่สุดอันดับ 1 ในประเทศออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี และครองอันดับ 1 รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในนิวซีแลนด์1 เป็นปีที่ 9 ต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะในทั้งทวีปยุโรป สหราชอาณาจักร2 รวมถึงประเทศเวียดนาม3 และยังได้รับรางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปีจากหลากหลายหน่วยงานทั้งในประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และในสหราชอาณาจักร

ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ นับเป็นผลิตภัณฑ์แห่งความภาคภูมิใจของไทยที่ได้ผลิตและส่งมอบรถคุณภาพระดับโลกโดยฝีมือคนไทยไปกว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยโรงงานเอฟทีเอ็มและโรงงานเอเอทีเป็นฐานการผลิตรถยนต์ฟอร์ดที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยสำหรับการผลิตรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นรูปชิ้นส่วนรถยนต์ งานพ่นสี งานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ และการทดสอบคุณภาพรถก่อนส่งไปยังผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วโลก และยังช่วยส่งเสริมการจ้างงานในไทยด้วยจำนวนพนักงานในโรงงานทั้ง 2 แห่งรวมกันถึง 9,000 คน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ สร้างความสำเร็จให้ฟอร์ดในฐานะรถที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั่วโลก และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในปีที่ผ่านมา ฟอร์ดจึงได้ลงนามในสัญญาเช่าเหมาลำเรือขนส่งสินค้าแกรนด์ เควสต์ (Grand Quest) เป็นระยะเวลานาน 3 ปี เพื่อช่วยลดระยะเวลารอรับมอบรถของลูกค้า พร้อมเร่งลำเลียงรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานเอฟทีเอ็มและโรงงานเอเอทีในประเทศไทยไปส่งมอบให้แก่ลูกค้าอย่างทันท่วงที

1 ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์นิวซีแลนด์ (NZ Motor Industry Association)

2 ข้อมูลจากสมาคมผู้ค้าและผู้ผลิตยานยนต์สหราชอาณาจักร (The Society of Motor Manufacturers and Traders – SMMT)

3 ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งเวียดนาม (Vietnam Automobile Manufacturers’ Association)

นครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี รวมพลังเป็นหนึ่งสู้ศึกไทยลีก 2 เลกสอง

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 17 มกราคม 2567 – มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร และ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและนักฟุตบอลจากสโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี นำโดย นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์ นายธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น โค้ช และ นายเมธี ทวีกุญกาญจน์ ผู้จัดการทีม พร้อมด้วยนักฟุตบอลสโมสรฯ ที่ให้เกียรติเข้ามาแสดงความขอบคุณเนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ และพูดคุยถึงความพร้อมสำหรับการแข่งขันไทยลีก 2 เลกที่สอง ฤดูกาล 2023/2024 ณ สำนักงานใหญ่ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย

ขณะที่โค้ชโจ – ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ตัวแทนสโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี ได้กล่าวถึงความสำเร็จจากการแข่งขันในเลกแรกที่ผ่านมา รวมถึงความพร้อมในการแข่งขันในนัดที่เหลือไปจนจบฤดูกาล 2023/2024 ซึ่งทางโค้ช ผู้จัดการ และนักฟุตบอลได้วางแผนร่วมกันและเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี ทั้งด้านร่างกาย ทักษะการเล่น การมีวินัยทั้งในสนามและนอกสนาม โดยเฉพาะการช่วยกันเล่นเป็นทีม ตามแทคติกการเล่นในแต่ละเกมส์ ทำให้ทีมขยับขึ้นมารั้งอันดับสามของตาราง มีคะแนนรวม 38 แต้ม ห่างจากหัวตารางเพียงแค่ 2 แต้ม และยังมีเกมส์การแข่งขันอีก 15 แมตช์ โดยเฉพาะเกมส์เตะในบ้านมีถึง 9 แมตช์ เป้าหมายสูงสุดของทีมคือต้องกลับขึ้นสู่ไทยลีกในฤดูกาลหน้าให้ได้ พร้อมยังได้กล่าวขอบคุณมาสด้าที่ให้การสนับสนุนทีมมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเป้าหมายของทีมไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่ต้องมุ่งมั่นเพื่อสร้างทีมฟุตบอลให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อแฟนๆ และชาวโคราชทุกคน พร้อมผลักดันนักกีฬาให้เติบโตก้าวสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของประเทศ

พร้อมกันนี้ มร. ทาดาชิ มิอุระ ได้กล่าวให้กำลังใจกับทีมสำหรับการแข่งขันในเลก 2 ว่า “ผมเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ของทีม  เพราะทุกคนต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในแต่ละแมตช์เพื่อเก็บชัยชนะให้ได้ทุกเกมส์การแข่งขัน เชื่อว่าจะสามารถคว้าแชมป์ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน ผมขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขัน และนำชัยชนะกลับมาให้กับแฟนสวาทแคทได้มีความสุขร่วมกัน มาสด้าพร้อมให้การสนับสนุนสโมสรฯ อย่างเต็มที่เพื่อแฟนบอลชาวไทยและชาวโคราชทุกคน มาสด้าและสวาทแคทเราจะสู้ไปด้วยกัน รวมพลังเป็นหนึ่ง เพื่อผลักดันวงการฟุตบอลไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป”

ฮุนได อัดโปรโมชั่นแรงต้อนรับปีใหม่ 2567

ฮุนได ต้อนรับเปิดศักราชใหม่ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับรถยนต์ฮุนไดที่ร่วมรายการ รวมถึงรุ่นล่าสุดอย่าง ไอโอนิค 5 รถยนต์ไฟฟ้าที่คว้ารางวัลมาแล้วทั่วโลก และ ซานตา เฟ่ รถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่ง ขุมพลังไฮบริด นอกจากนี้ยังจัดเต็มทั้ง ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% ผ่อนนาน 72 เดือน(1) และ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ.(2)

กรุงเทพฯ 12 มกราคม 2567 : ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ให้คุณเป็นเจ้าของฮุนไดคันใหม่ง่ายกว่าเดิม เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับท่านและคนที่คุณรัก สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่สั่งซื้อรถยนต์ฮุนไดรุ่นที่ร่วมรายการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น โดยข้อเสนอพิเศษมีทั้งดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%, ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ, ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อม พ.ร.บ. และ ฟรี ค่าแรงเช็คระยะสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร(3)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได สตาร์เรีย

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได สตาร์เกเซอร์

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 72 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

•ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร(3)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได เครต้า

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 72 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

•ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร(3)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได ซานตา เฟ่

•ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

ข้อเสนอสำหรับ ฮุนได เอช วัน

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

ข้อเสนอสำหรับ ไอโอนิค 5

•ดอกเบี้ยพิเศษ 2.09% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน(1)

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี(2)

•ฟรี Home Charger พร้อมค่าแรงติดตั้ง(1)

สามารถติดต่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ เพื่อรับรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมสัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมคุณภาพจากฮุนได สำหรับข้อมูลของรถยนต์ฮุนไดทุกรุ่น ค้นหาได้ที่ hyundai.com/th/th และพบประสบการณ์ใหม่ของการจองรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ Cl!ck to Buy ที่ buyonline.hyundai.com

หมายเหตุ :

1 เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เท่านั้น และไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือ ทอนเป็นเงินสดได้

3 แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR ฉลองวันเด็ก ปี 2567 จัดการเรียนรู้ ฝึกวินัยจราจร

กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ “SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR” ฉลองวันเด็ก ปี 2567 จัดการเรียนรู้ ฝึกวินัยจราจร

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ในพิธีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 โดยภายในงาน โครงการ ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล ร่วมจัดกิจกรรม กับกระทรวงศึกษาธิการ โดยออกบูธ “โตไป…ขับเป็น” (SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR) อบรมวินัยจราจรแก่เด็ก และเยาวชน ขับขี่ในถนนจำลองที่ปลอดภัย ณ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

ฮอนด้า สานต่อกิจกรรม Honda Run 2024 เส้นทางสายประวัติศาสตร์กรุงเก่า

ฮอนด้า สานต่อกิจกรรม “Honda Run 2024” ชวนพนักงานฮอนด้าและครอบครัว ผู้จำหน่าย และสื่อมวลชน วิ่งการกุศลบนเส้นทางสายประวัติศาสตร์กรุงเก่าอยุธยา เพื่อระดมทุนมอบแก่โรงพยาบาลในอยุธยาและปราจีนบุรี

บรรยายภาพ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายฮิเดโอะ คาวาซากะ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ และ นายไพโรจน์ ศรียุกต์รัตน์ (ซ้าย) กรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่สายงานบริหารและความร่วมมือมอบเงินรายได้จำนวน 1 ล้านบาท จากการจัดกิจกรรมวิ่งการกุศล “Honda Run 2024” ณ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธนู จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน โดยมี แพทย์หญิงชนิดา สยุมภูรุจินันท์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และ นายธนะเดช อิ่มสำราญ (ขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธนู จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แทนรับมอบ

พระนครศรีอยุธยา 16 มกราคม 2567 : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม จัดกิจกรรม “Honda Run 2024” เป็นปีที่ 4 ชวนพนักงานฮอนด้าพร้อมครอบครัว รวมทั้งตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง พร้อมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนกว่า 2,000 คน ร่วมวิ่งการกุศลบนเส้นทางสายประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำรายได้จากการจัดกิจกรรม จำนวน 1 ล้านบาท โดยไม่หักค่าใช้จ่าย สมทบทุนให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินงานอยู่ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน โดยมีกำหนดส่งมอบเงินบริจาคในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

กิจกรรม “Honda Run 2024” เป็นกิจกรรมวิ่งการกุศลที่ฮอนด้าจัดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม 2567 โดยในปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งมีพนักงานฮอนด้าพร้อมครอบครัว ตัวแทนสื่อมวลชน และกลุ่มผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า จ.พระนครศรีอยุธยาและใกล้เคียงร่วมวิ่ง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 2,000 คน โดยกิจกรรมจัดขึ้นภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา การวิ่งแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร มีจุดปล่อยตัว ณ ศาลากลางเก่า วิ่งผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์ และสถานที่สำคัญของจังหวัดฯ ที่มีความสวยงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก นอกจากนี้ ผู้วิ่งยังได้ลุ้นรับรางวัลของที่ระลึกจากฮอนด้า รวมถึงมีรางวัลสำหรับการแต่งกายแฟนซีในแบบไทย ซึ่งเข้ากับบรรยากาศการวิ่งบนเส้นทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีการส่งมอบเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.พระนครศรีอยุธยาและโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยกิจกรรมนี้ นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้เข้าร่วมวิ่งแล้ว ยังถือเป็นการรวมพลังของชาวฮอนด้า ในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยฮอนด้าจะยังคงยืนหยัดในการดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ สู่สังคมต่อไป

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จในไทยปี 2566 ปิดยอดขาย 12,840 คัน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จในไทยปี 2566 ด้วยยอดขาย 12,840 คัน เติบโต 10% ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ล่าสุดเปิดตัวเปิดราคา ORA Good Cat รุ่นที่ผลิตในประเทศไทย ปลื้มบรรลุ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่ 9 รุ่นใน 3 ปีอย่างสวยงาม

กรุงเทพฯ 15 มกราคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยความสำเร็จการดำเนินงานในประเทศไทยปี 2566 ด้วยยอดขายโดยรวมปี 2566 สูงถึง 12,840 คัน เติบโต 10% จากยอดขายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยรุ่นยอดนิยมสามอันดับแรกที่ผู้ขับขี่ชาวไทยจับจองมากที่สุด ได้แก่ ORA Good Cat, HAVAL JOLION และ HAVAL H6 ตามลำดับ ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคชาวไทยมีให้ต่อยานยนต์พลังงานใหม่ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงผ่านการเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าถึง 4 รุ่นใน 1 ปี บรรลุ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่ 9 รุ่นใน 3 ปีอย่างสวยงาม

โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ แต่ละรุ่นในปี 2566 นำโดยเจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT จำนวน 6,032 คัน เจ้าสิงโตอารมณ์ดี HAVAL JOLION จำนวน 3,199 คัน รถยนต์คอมแพคเอสยูวียอดนิยม HAVAL H6 จำนวน 2,903 คัน ตามด้วยรถยนต์เอสยูวีออฟโรดพรีเมียม All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 296 และ 292 คันตามลำดับ และรถยนต์ไฟฟ้า 100% สปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงรุ่นเรือธง ORA 07 ที่เปิดตัวภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 118 คัน รวมเป็นยอดขายรวมทั้งสิ้น 12,840 คัน เติบโตจากปี 2565 ที่มียอดขายรวม 11,616 คัน ถึง 10% โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปทั้งสิ้น 4 รุ่นด้วยกัน เริ่มต้นด้วย HAVAL JOLION Sport ที่ได้เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม และสองรุ่นจากแบรนด์ TANK อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ที่ได้มีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน และการเปิดตัว ORA 07 ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายการเปิดตัวรถยนต์ 9 รุ่น ตาม Mission 9 in 3 ตามที่บริษัทฯ ได้เคยให้สัญญาไว้ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการส่งมอบประสบการณ์ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าในไทย ตอบรับเทรนด์การขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยเมื่อสิ้นปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสู่ครอบครัวชาวไทยนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยไปแล้วทั้งสิ้น 28,158 คัน โดยแบ่งเป็น HAVAL H6 จำนวน 9,679 คัน HAVAL JOLION จำนวน 6,953 คัน ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT 10,820 คัน ORA 07 จำนวน 118 คัน GWM TANK 500 จำนวน 296 คัน และ GWM TANK 300 จำนวน 292 คัน

นอกจากนี้ ในปี 2566 ถือเป็นอีกปีที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ ชาวไทย อาทิ ความสำเร็จในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 ด้วยยอดจองรวมภายในงานกว่า 3,524 คัน ซึ่งถือเป็นยอดจองที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการเข้าร่วมงานจัดแสดงรถยนต์ระดับชาติของบริษัทฯ และยอดจองรวมภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือ Motor Show 2023 จำนวนทั้งสิ้น 3,117 คัน ซึ่งภายในงาน Motor Show 2023 ได้มีการเปิดจองสิทธิ์ซื้อ All New GWM TANK 500 HEV เป็นครั้งแรกและสามารถทำยอดจองไปได้กว่า 1,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณทุกความไว้วางใจที่ผู้บริโภคชาวไทยมอบให้กับเราเป็นอย่างดีเสมอมานับตั้งแต่ที่บริษัทฯ ได้เข้ามาดำเนินงานในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2564 โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดขายโดยรวมทั้งปีของเรามากขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 10% สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้นของผู้ขับขี่ชาวไทย นอกจากนี้ปี 2566 ยังเป็นปีที่เราบรรลุ Mission 9 in 3 อย่างสวยงาม ด้วยการเปิดตัว ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้า ที่เข้ามาเสริมทัพรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA ของเรา นอกจากนี้ เรายังได้ดำเนินภารกิจต่างๆ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้ทัดเทียมระดับสากลได้อย่างสมบูรณ์ อาทิ การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศเพื่อเดินหน้ารุกธุรกิจฟลีทกับทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมคาราวานรถยนต์ไฟฟ้าในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับยานยนต์พลังงานใหม่ในเวทีสำคัญๆ ระดับประเทศและภูมิภาค และในปี 2567 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย พร้อมกับส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เราได้มีการเปิดสายการผลิตและการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat ภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย ที่สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทฯ ในการส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และความพร้อมในการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเต็มภาคภูมิ”

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) และบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องให้ทัดเทียมระดับสากล โดยร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับการยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric)

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เคาะราคา ORA Good Cat ปลุกกระแสรถไฟฟ้า

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการ New GWM ORA Good Cat รุ่นผลิตในไทย ครั้งแรกของประเทศ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย เริ่มต้น 799,000 บาท

ระยอง 12 มกราคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ กลับมาปลุกกระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยอีกครั้ง เปิดตัวและประกาศราคา New GWM ORA Good Cat จากสายการผลิตในไทยอย่างเป็นทางการ โดย New GWM ORA Good Cat มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อย รุ่น PRO ราคา 799,000 บาท รุ่น ULTRA ราคา 899,000 บาท และ GT ราคา 1,099,000 บาท ตอกย้ำความมุ่งมั่น ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 100% ส่งเสริมการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งมอบภายในเดือนมกราคม 2567 นี้ แฟน ๆ ชาวไทยที่สนใจสามารถจับจองเป็นจ้าของได้ที่ GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2567 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

เจ้าหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย ได้ฝากผลงานอันน่าประทับใจตั้งแต่ที่เข้ามาเปิดตัวครั้งแรกในปี 2564 และได้สร้างผลงานอันน่าประทับใจด้วยการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในปี 2565 โดยในปีนี้ New GWM ORA Good Cat ได้กลับมาสร้างปรากฎการณ์ในไทยอีกครั้ง ด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลัษณ์ มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจและเทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัยและล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งตรงจากสายการผลิตจากโรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จังหวัดระยอง ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นแบรนด์แรกที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศเพื่อจำหน่าย (Mass Production) ชดเชยการนำเข้าตามนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ หรือ ZEV 3.0

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นแบรนด์แรกที่ได้ประกาศอย่างชัดเจน ในการเข้ามาดำเนินธุรกิจในตลาดกลุ่ม xEV หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในประเทศไทย โดยจวบจนถึงปัจจุบันเราได้ส่งมอบ ORA Good Cat ให้กับครอบครัวชาวไทยไปแล้วเกือบ 11,000 คัน และเรามีความยินดีอย่างยิ่งในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่มีการเติบโตมากกว่า 700% ในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทย นอกจากนี้เรายังได้มีส่วนร่วมในการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 9 รุ่นภายใน 3 ปี หรือ Mission 9 in 3 ซึ่งเราได้ทำพันธกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเพื่อต่อยอดความสำเร็จในปีที่แล้ว เรามีความภาคภูมิใจในการเปิดตัวรถยนต์ New GWM ORA Good Cat ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ทำการผลิตในประเทศไทยและส่งมอบให้กับคนไทย ภายใต้นโยบาย ZEV 3.0 ของภาครัฐ จากวันนั้นที่เราได้สร้างปรากฏการณ์และการรับรู้ของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจวบจนถึงวันนี้ เราขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและความไว้วางใจที่ทุกท่านมีให้กับทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ด้วยดีเสมอมา เราจะยังคงมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยกระดับการบริการและประสบการณ์ของลูกค้า ไปพร้อมกับการสนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยสู่อาเซียนอย่างยั่งยืน”

New GWM ORA Good Cat รุ่นสายการผลิตในประเทศไทย ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างกระแสความนิยมในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่ มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อย รุ่น PRO และ รุ่น ULTRA ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และรุ่น GT เอาใจสายสปอร์ต มีพละกำลังสูงสุด 126 กิโลวัตต์ หรือ 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

ออกแบบอย่างลงตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ Empower Your Moment โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED อัจฉริยะรูปทรงตาแมวอันเป็นเอกลักษณ์ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และเพิ่มความสปอร์ตในรุ่น GT ด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีเหลือง พร้อมการออกแบบภายในอย่างประณีตพร้อมดึงดูดทุกสายตา โดดเด่นทุกสัมผัสด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถ ขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง โดยแยกเป็นหน้าจอสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว ผสานกับหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ชุดคอนโซลกลางมีการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น พร้อมติดตั้ง Wireless Charger ที่อัปเกรดใหม่ จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 50 วัตต์ เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น (สำหรับรุ่น ULTRA และ GT) และยังเพิ่มช่องต่อ USB ทั้ง Type A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว New GWM ORA Good Cat ยังมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติใหม่ แบบก้านด้านข้างพวงมาลัย ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนและควบคุมการขับขี่ได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมกับหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เพื่อเพิ่มพื้นที่แสงสว่าง และเปิดมุมมองรับชมวิวทิวทัศน์ได้มากยิ่งขึ้น

New GWM ORA Good Cat อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างครบครันถึง 31 รายการ พร้อมระบบที่ช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 โดยเมื่อเกิดเหตุรถจะรักษาเสถียรภาพของตัวรถไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาโดยเฉพาะเพื่อรุ่นใหม่นี้ และจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภค ยังได้เพิ่มฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) ที่เป็นระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าที่คุณต้องการเข้ามาในรุ่น ULTRA และรุ่น GT เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับทุกกิจกรรม

New GWM ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Hamilton White) สีขาวหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำ, สีเขียวหลังคาสีขาว (Verdant Green with White Roof) พร้อมสีภายในสีเขียวและเทา, สีเบจหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) พร้อมสีภายในสีเบจและน้ำตาล และสีเขียว พิสตาชิโอ (Pistachio Green) พร้อมสีภายในสีเขียวและเบจ ส่วนรุ่น GT มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และสีเทา (Aqua Grey) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำและเหลือง พร้อมอุปกรณ์แต่งสปอร์ตสีเหลือง

ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ New GWM ORA Good Cat  ทั้ง 3 รุ่น สามารถจับจองได้ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2567 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

•ดอกเบี้ย 1.85%* เมื่อดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน*

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปีเต็ม

•ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง (สำหรับรุ่น ULTRA และ GT) สำหรับรุ่น PRO รับสิทธิ์ซื้อโฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง ราคาพิเศษเพียง 25,000 บาท (จากราคาปกติ 60,000 บาท)

•ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง GPSI ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)**

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี

•ฟรี บริการ ระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเตอร์เน็ต*  (Telematic Service) พร้อมแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี

*เนื่องจากสถานการณ์ดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฉพาะเมื่อจองและส่งเอกสารทำสัญญาตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ยพิเศษจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด

**เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.gwm.co.th/services.html

เกรท วอลล์ มอเตอร์  ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) และหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) จะยืนหยัดมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบประสบการณขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย โดยยึดถือแนวคิดที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคเป็นหลัก (User-centric) เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสายการผลิตรถไฟฟ้า ORA Good Cat ในไทย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat แบรนด์แรกในไทย ตามนโยบาย ZEV 3.0 ของภาครัฐ ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท พร้อมส่งมอบมกราคม 2567 นี้

ระยอง 12 มกราคม 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมส่งมอบความสุขให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยรับปีใหม่ตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดพิธีเฉลิมฉลองเปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat จาก โรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จังหวัดระยอง พร้อมเปิดตัวและประกาศราคา New GWM ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่น อย่างเป็นทางการ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในไทย และฉลองความสำเร็จในการเป็นแบรนด์แรกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อชดเชยตามนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ หรือ ZEV 3.0 พร้อมส่งมอบให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยภายในเดือนมกราคม 2567 นี้

โดยพิธีเปิดสายการผลิต New GWM ORA Good Cat ได้รับเกียรติจากนางสาวพิมภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงข้าราชการระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการส่งรถยนต์ New GWM ORA Good Cat คันแรกออกจากสายการผลิตจากโรงงานอัจฉริยะ เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เตรียมพร้อมส่งมอบให้กับแฟน ๆ ชาวไทย โดยมีคณะผู้บริหารของเกรท วอลล์ มอเตอร์ นำโดย มร.ไคล์ด เฉิง ประธาน นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน และ นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ มร.ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มร.เกร็ก ลี รองประธานบริหาร ฝ่ายการผลิตในโรงงาน ภูมิภาคอาเซียน และ นายอำนาจ แสงจันทร์ รองประธานฝ่ายการผลิต เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ร่วมให้การต้อนรับ

นางสาวพิมภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ ปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ BEV มูลค่าการลงทุนรวม 39,579 ล้านบาท มีผู้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนผลิตชิ้นส่วน BEV มูลค่าการลงทุนรวม 16,055 ล้านบาท และมีผู้ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนสถานีอัดประจุไฟฟ้า มูลค่าการลงทุนรวม 5,106 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายและมาตรการส่งเสริมรวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์หลากหลายรุ่นและได้รับความนิยมอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะรุ่น ORA Good Cat ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง การเปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat คันแรกในประเทศไทยในวันนี้ จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทฯ จะขยายการลงทุนในการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน รวมทั้งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ และสนับสนุนการใช้ห่วงโซ่การผลิตในประเทศ เพื่อรักษาและต่อยอดการเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์พวงมาลัยขวา สำหรับจำหน่ายในประเทศและส่งออกในภูมิภาคอย่างยั่งยืน”

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นเบรนด์ยานยนต์จีนรายแรกที่เข้ามาริเริ่มในประเทศไทยพร้อมแผนการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่เพียงแต่เป็นแบรนด์ยานยนต์พลังงานใหม่จากประเทศจีนที่เป็นผู้เข้ามาบุกเบิก พร้อมขยายการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ในตลาดประเทศไทย แต่เรายังเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ ที่ได้มีส่วนริเริ่มและพัฒนาสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เรายึดมั่นพันธกิจหลักคือ “In Thailand For Thailand” หรือการเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศไทยและเพื่อคนไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพื่อเติบโตเคียงคู่ไปกับสังคมไทยอย่างยั่งยืน ในวันนี้รถยนต์ New GWM ORA Good Cat ได้เริ่มการผลิตจากสายการผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่ยุคใหม่ของอุตสหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในรอบ 60 ปี และทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในตลาดต่างประเทศของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และถือเป็นก้าวสำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะผู้มีส่วนสนับสนุนนโยบาย 30@30 ของภาครัฐ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยที่มีต่อกลยุทธ์ระดับโลกของเกรท วอลล์ มอเตอร์”

การเปิดตัว New GWM ORA Good Cat จากสายการผลิตจากโรงงานภายในประเทศถือเป็นการดำเนินธุรกิจตามหนึ่งในพันธกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากับทางภาครัฐ หรือ ZEV 3.0 ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ทำการลงนามกับภาครัฐเป็นแบรนด์แรกๆ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2565 นอกจากนี้ ยังถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการผลิต New GWM ORA Good Cat ภายนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก ตามกลยุทธ์ “Ecological Go-Abroad” ในการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ โดยการนำระบบนิเวศทางด้านยานยนต์ที่ครอบคลุมเพื่อพัฒนาอุสาหกรรมในภาพรวมอย่างรอบด้าน ตอกย้ำความพร้อมในการเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของการใช้และการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสนับสนุนการลงทุนและการจ้างงานให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ยกระดับการแข่งขัน พัฒนาศักยภาพแรงงานไทย สร้างความคึกคักให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะใช้ชุดแบตเตอรี่ ที่ผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ SVOLT ที่ได้เข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2566 อีกด้วย

New GWM ORA Good Cat รุ่นผลิตภายในประเทศ พร้อมจะเข้ามาครองใจแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้ง ด้วยตัวเลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO ในราคา 799,000 บาท และ รุ่น ULTRA ในราคา 899,000 บาท โดยทั้งรุ่น PRO และรุ่น ULTRA ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 210 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC Standard) และรุ่น GT เอาใจสายสปอร์ต มาในราคา 1,099,000 บาท ให้กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 250 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC Standard) 

New GWM ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA มีเฉดสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Hamilton White) สีขาวหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำ, สีเขียวหลังคาสีขาว (Verdant Green with White Roof) พร้อมสีภายในสีเขียวและเทา, สีเบจหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) พร้อมสีภายในสีเบจและน้ำตาล และสีเขียวพิสตาชิโอ (Pistachio Green) พร้อมสีภายในสีเขียวและเบจ ในขณะที่รุ่น GT มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และสีเทา (Aqua Grey) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำและเหลือง พร้อมอุปกรณ์แต่งสปอร์ตสีเหลือง

New GWM ORA Good Cat ยังคงเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการขับขี่ มากถึง 31 รายการ พร้อมเพิ่มระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 เข้ามา และจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภค เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้นำฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) หรือระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามาในรุ่น ULTRA และรุ่น GT อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเตรียมมอบความสุขให้ชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรม มอบของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย ช่วยการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้า GWM สุขใจยิ่งขึ้น พร้อมส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายใต้นโยบาย ZEV 3.0 มอบข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย อาทิ ยืดระยะเวลาแคมเปญสุดพิเศษมอบข้อเสนอเดียวกับในงาน Motor Expo 2023 อาทิ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ และฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นต้น ให้กับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวียอดนิยม HAVAL H6, เจ้าสิงโตอารมณ์ดี HAVAL JOLION และรถยนต์พรีเมียมออฟโรดเอสยูวี All New GWM TANK 300 HEV และ All New GWM TANK 500 HEV อีกด้วย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และส่งเสริมการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง โดยการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อเดินหน้าเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ตลอดจนยกระดับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ระดับสากลได้อย่างยั่งยืน

CEO ลามิน่า ร่วมรายการวาไรตี้โต๊ะนี้มีจอง ประเดิมศักราชใหม่ 2567

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” จากสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พลิกบทบาทใหม่เข้าร่วมรายการ “WHO IS MY CHEF โต๊ะนี้มีจอง” ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23 รายการอาหารรูปแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร ที่เหล่านักชิมต้องค้นหา “เชฟโต๊ะอร่อย” ตัวจริงที่มาพร้อมเมนูสุดพิเศษ

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิล์มกรองแสงลามิน่า ร่วมรายการ WHO IS MY CHEF โต๊ะนี้มีจอง เปิดศักราชปี 2567

โดยมี “เสนาลิง” นายสมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ พิธีกรอารมณ์ดีเป็นผู้ดำเนินรายการ ที่พาเหล่านักชิมค้นหาเชฟโต๊ะอร่อย ซึ่งนักชิมทั้ง 5 ท่านที่ประเดิมโต๊ะอร่อยในปี 2567 นี้ ได้แก่ “ไอซ์” นายศรัณยู วินัยพานิช “ตุ๊กกี้” นางสาวสุดารัตน์ บุตรพรม “บิ๊กเอ็ม” นายกฤตฤทธิ์ บุตรพรม “นาย เดอะคอมเมเดี้ยน” นายมงคล สะอาดบุญญพัฒน์  และ “ไข่มุก” นางสาวรุ่งรัตน์ เหม็งพานิช

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ร่วมรายการ WHO IS MY CHEF โต๊ะนี้มีจอง เปิดศักราชปี 2567

ส่วนเชฟทั้งสามท่านที่นำเมนูซีฟู้ดสุดสูตรหลากหลายมาให้นักชิมได้ลองลิ้มได้แก่ “เชฟจัน” นางสาวจันทร์นภา สายสมร โชว์ฝีมือปรุงเมนูหมี่กรอบกุ้งแม่น้ำโบราณ ที่บรรดานักชิมต่างเทใจเชียร์ให้เป็นเชฟโต๊ะอร่อยตั้งแต่เริ่มรายการ ตามด้วย “เชฟแสงเงิน” กับเมนูชุดข้าวตามสั่ง จากแก๊งนางฟ้าจำแลง และ ”เชฟแจ็ค” เมนูปลาหมึกต้มเค็มหวาน จากร้านข้าวบ้านแม่

“เชฟจัน” นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิล์มกรองแสงลามิน่า และ “ผู้จัดการร้าน” นางสาวสตรีรัตน์ ชูชาติ เลขานุการ CEO

ซึ่งนักชิมที่เลือกจอง “เชฟโต๊ะอร่อย” ได้ถูกต้องจะได้รับประทานอาหารอร่อยสมใจ ส่วนนักชิมคนไหนเลือกพลาด ทีมงานก็เตรียมอาหาร “เชฟโต๊ะอี๋”  ให้ชิมจนต่อมรับรสต้องสะเทือน

ฮอนด้า เผยโฉม “Honda 0 Series” เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2024

ฮอนด้า นำเสนอ “Honda 0 Series” เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2024 นำโดยยนตรกรรมไฟฟ้า Global EV Concept Model 2 รุ่นใหม่ พร้อมเปิดตัวโลโก้ H Mark ใหม่ดีไซน์สุดพิเศษ เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า

•ฮอนด้า เตรียมเปิดตัว “Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์)” ซีรีส์ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นใหม่สำหรับตลาดโลก โดยเริ่มจากตลาดอเมริกาเหนือเป็นที่แรกในปี พ.ศ. 2569

•เผยโฉม “Saloon” และ “Space-Hub” Concept model ของยนตรกรรมไฟฟ้าภายใต้ Honda 0 Series ภายในงาน CES 2024

•ครั้งแรกในโลกกับการเปิดตัวโลโก้ H Mark ใหม่ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อยนตรกรรมไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้าในอนาคต

•โดย “Honda 0 Series” อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะมาพร้อมจุดขายใหม่ที่ บาง เบา และชาญฉลาด เพื่อมอบ 5 คุณค่าใหม่ ได้แก่

1.การออกแบบที่งดงาม สะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่น

2.ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ที่มอบความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการเดินทาง

3.“พื้นที่” ที่เป็นไปได้สำหรับผู้คนด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

4.ความสนุกสนานในการขับขี่ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับยานพาหนะ

5.สมรรถนะของพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ

(กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – 10 มกราคม 2567) ฮอนด้า แนะนำ “Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์)” ซีรีส์ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่เตรียมเปิดตัวทั่วโลกในปี พ.ศ. 2569 นำโดยการเผยโฉม “Saloon” และ “Space-Hub” Concept model ของยนตรกรรมไฟฟ้า 2 รุ่นในซีรีส์ฯ พร้อมเปิดตัวโลโก้ H Mark ใหม่ ที่จะนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้าในอนาคต เป็นครั้งแรกในโลก ในงาน CES 2024 ณ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

Concept Model ภายใต้ Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) ได้แก่ Saloon (ภาพซ้าย) และSpace-Hub (ภาพขวา)

ฮอนด้า ดำเนินธุรกิจภายใต้ Global Brand Slogan คือ The Power of Dreams – How we move you ที่สื่อความหมายว่า ฮอนด้าจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนและบริการที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถ “ก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสของผู้คน” ด้วยผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนและบริการของฮอนด้าเหล่านี้ ฮอนด้า พร้อมสนับสนุนความฝันของผู้คนให้กลายเป็นจริง และเป็นพลังที่ขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังมีเป้าหมายในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านทุกผลิตภัณฑ์และกิจกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินการภายในปี พ.ศ. 2593 พร้อมทั้งเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านยานยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า ในการ “เพิ่มสัดส่วนการขายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) ทั่วโลกให้เป็น 100% ภายในปี พ.ศ. 2583”

Honda 0 Series เป็นซีรีส์ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของฮอนด้า ที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของฮอนด้า ที่สอดคล้องกับ Global Brand Slogan และนโยบายด้านยานยนต์ไฟฟ้า โดยชื่อของซีรีส์แสดงถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้า ในการรับมือกับความท้าทายในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าซีรีส์ใหม่ๆ เสมือนการย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของฮอนด้าในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ และสรรค์สร้างยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ทั้งหมดจาก “ศูนย์” ซึ่งซีรีส์ยานยนต์ไฟฟ้าใหม่นี้ ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะพัฒนาแนวคิด “M/M concept*1” (Man Maximum, Machine Minimum) และ “การขับขี่ที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการผลิตรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยกระดับ “ความสุขและอิสระในการขับเคลื่อน” ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น

โดยฮอนด้า จะเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นแรกภายใต้ “Honda 0 Series” ทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2569 เริ่มจากอเมริกาเหนือ ต่อด้วยญี่ปุ่น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา ทวีปตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ตามลำดับ 

*1 แนวคิด “man maximum, machine minimum” เป็นแนวคิดพื้นฐานในการออกแบบยนตรกรรมของฮอนด้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพภายในของตัวรถให้มีพื้นที่สำหรับผู้ใช้งานได้มากที่สุด และลดพื้นที่สำหรับเครื่องจักรให้เหลือน้อยที่สุด

เกี่ยวกับ Honda 0 Series

แนวคิดเบื้องหลังของ “0” (Zero)

1.ประวัติศาสตร์ของฮอนด้า : จุดเริ่มต้นและก้าวที่ “ศูนย์” ของฮอนด้า ฮอนด้าจะสร้างจุดเริ่มต้นของเจเนอเรชันใหม่ โดยการย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของฮอนด้า ที่รวมถึงการเฟ้นหาแนวคิด M/M การขับขี่ที่สนุกสนานเพลิดเพลิน และความสุขและอิสระในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฮอนด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด และจะยังคงยึดมั่นในแนวคิดนี้ต่อไป  

2.การนำ Global Brand Slogan มาใช้ : ขับเคลื่อนหัวใจของผู้คนด้วยคุณค่าที่สร้างขึ้นจาก “ศูนย์” ฮอนด้า ขับเคลื่อนด้วย “ความฝัน” อยู่เสมอ และด้วย Global Brand Slogan “The Power of Dreams – How we move you” ฮอนด้าจะสร้างคุณค่าใหม่ที่ริเริ่มจากความคิดสร้างสรรค์เหล่านั้น เพื่อที่จะมอบประสบการณ์ที่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นวิธีที่ฮอนด้าขับเคลื่อนผู้คนรวมถึงหัวใจของพวกเขา

3.ความคิดริเริ่มในการตอบแทนสังคม : ความมุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็น “ศูนย์”

ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย “การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นศูนย์” ให้สำเร็จ ตลอดอายุการใช้งานของยานพาหนะ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท และ “การสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์”

แนวคิด “บาง เบา และชาญฉลาด” (Thin, Light, and Wise) ในการพัฒนายนตรกรรมและคุณค่าใหม่ 5 ประการของยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้า

การพัฒนา Honda 0 Series ทีมพัฒนาได้ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของฮอนด้า คิดทบทวนพิจารณาอีกครั้งว่ายนตรกรรมไฟฟ้าแบบไหนที่ฮอนด้าต้องการพัฒนาสำหรับยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง โดยฮอนด้า มุ่งมั่นสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ให้แก่ยนตรกรรมไฟฟ้า ด้วยการก้าวข้ามข้อจำกัดของการเป็นรถที่ “หนาและหนัก” เนื่องจากต้องรองรับแบตเตอรี่ที่มาพร้อมความจุที่สามารถมอบระยะทางในการขับขี่ให้ได้มากพอ เช่นเดียวกับการที่ตัวถังและแพลตฟอร์มต้องสามารถรองรับกับความจุของแบตเตอรี่ได้ โดยฮอนด้า ได้ใช้แนวคิดใหม่ในการพัฒนายนตรกรรมไฟฟ้า ได้แก่ “บาง เบา และชาญฉลาด”

บาง (Thin) : เพิ่มศักยภาพในการออกแบบ รวมถึงออกแบบตัวรถให้ต่ำ และการคำนึงถึงสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์อันยอดเยี่ยม ด้วยการทำให้แพลตฟอร์ม EV “บาง” เพื่อทำให้ตัวรถต่ำลง

เบา (Light) : คำนึงถึงการขับขี่สไตล์สปอร์ตและสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่ท้าทายความเชื่อของผู้คนที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์จากฮอนด้า ที่ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของฮอนด้าในฐานะผู้ผลิตรถยนต์

ชาญฉลาด (Wise) : คำนึงถึงยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ดั้งเดิมของฮอนด้า โดยการผสานองค์ความรู้ที่ฮอนด้าสั่งสมมาจนถึงปัจจุบัน และการพัฒนายนตรกรรมให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย

โดยยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้า จะได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามแนวคิดการพัฒนาข้างต้น และจะมาพร้อมโครงสร้างสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ ที่จะมอบคุณค่าหลัก 5 ประการ ดังนี้

1.การออกแบบที่งดงาม สะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่น

2.ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ที่มอบความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการเดินทาง

3.“พื้นที่” ที่เป็นไปได้สำหรับผู้คนด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

4.ความสนุกสนานในการขับขี่ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับยานพาหนะ

5.สมรรถนะของพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ

5 คุณค่าใหม่

1)การออกแบบที่งดงาม สะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่น

แนวคิดในการออกแบบ คือ “The Art of Resonance” ภายใต้ธีม “Resonance with the environment, society and users” หรือความสอดคล้องระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้ใช้งาน ฮอนด้าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน ที่สะกดทุกสายตาผู้คน และขยายความเป็นไปได้ในชีวิตประจำวันของผู้คน

2)ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ที่มอบความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการเดินทาง

เมื่อปี พ.ศ. 2564 ฮอนด้าได้นำเสนอการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 สู่การใช้งานจริง โดยได้เปิดตัว All-new Legend ที่มาพร้อมกับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท (Honda SENSING Elite) ที่นำเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีคุณสมบัติรองรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 (การขับขี่อัตโนมัติแบบมีเงื่อนไขในพื้นที่จำกัด) โดยฮอนด้าจะนำเอาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS: Advanced Driver-Assistive System) ที่ใช้เทคโนโลยีของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท มาติดตั้งอยู่ใน Honda 0 Series เพื่อมอบประสบการณ์ของเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติให้แก่ลูกค้าทั่วโลก

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 2020 ยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จะมาพร้อมระบบการขับขี่อัตโนมัติ AD (Automated Driving)  และจะนำเสนอยนตรกรรมไฟฟ้าที่มาพร้อมฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

ระบบการขับขี่อัตโนมัตินี้ได้รับการพัฒนาตามแนวคิด “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ของฮอนด้า โดยระบบนี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง เซนส์ซิ่ง  เทคโนโลยีการตรวจจับการจดจำ/การตัดสินใจ และเทคโนโลยีการตรวจจับผู้ขับขี่เพื่อพัฒนาความสามารถให้ใกล้เคียงกับมนุษย์และเป็นธรรมชาติมากขึ้น รวมถึงการคาดการณ์ความเสี่ยงทั่วไปและความเสี่ยงสูง เพื่อนำเสนอฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติที่ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงดังกล่าว จะเพิ่มจำนวนของสถานการณ์การขับขี่อัตโนมัติให้สามารถใช้งานได้บนทางด่วน ในขณะที่ฟังก์ชันแบบแฮนด์ออฟ (Hands-off) บางฟังก์ชัน จะสามารถใช้งานบนถนนปกติได้ด้วย จากที่ปัจจุบันที่ใช้งานได้บนทางด่วนเท่านั้น

3)“พื้นที่” ที่เป็นไปได้สำหรับผู้คนด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

ยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จะมาพร้อมกับคุณค่าด้าน “ความสนุกสนานในการขับขี่ ความสนุกในการใช้งาน และความสนุกในการเชื่อมต่อ” ผ่านการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IoT และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ระบบปฏิบัติการดั้งเดิมของรถยนต์ฮอนด้า และด้วยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data จะทำให้รถสามารถจดจำความสนใจของผู้ขับขี่ เช่น เพลงที่ชอบ รวมถึงพฤติกรรมและแนวโน้มของผู้ขับขี่ขณะขับรถ และช่วยให้คำแนะนำได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ รถยนต์จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบและแนะนำเส้นทางจนถึงจุดหมายปลายทางแม้จะลงจากรถไปแล้ว โดยรถยนต์จะมาพร้อมคุณสมบัติในการเข้าใจความรู้สึกของผู้ขับขี่ ยิ่งใช้รถมากเท่าใด ผู้ขับขี่ก็จะใกล้ชิดกับรถมากขึ้นเท่านั้น เพื่อส่งมอบ “ความสนุกในการเชื่อมต่อ” ในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจําวันของผู้คน

4)ความสนุกสนานในการขับขี่ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับยานพาหนะ

ยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและสมรรถนะตามแบบฉบับของฮอนด้า เพื่อส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ยุคใหม่ ยกระดับอารมณ์ความรู้สึกในการขับขี่สไตล์สปอร์ตและความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ทั้งร่างกายและจิตใจให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จากการผสานการออกแบบตัวรถของ Honda 0 Series ที่มีความต่ำ เข้ากับเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ของฮอนด้า เช่นเดียวกับที่ใช้ในกลุ่มมอเตอร์สปอร์ต ส่งผลให้สมรรถนะการขับเคลื่อน สมรรถนะทางอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบ ผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัว

5)สมรรถนะของพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ

จากเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และการพัฒนายนตรกรรมไฮบริดรุ่นต่างๆ ของฮอนด้าที่สั่งสมมา นำมาสู่สมรรถนะการขับเคลื่อนขั้นสูงจากพลังงานไฟฟ้า โดยยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จะมาพร้อมกับ e-Axles*2 ที่มาพร้อมความสามารถในการแปลงพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ชุดแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา และมีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม โดยมีเป้าหมายเพื่อมอบระยะทางการใช้งานที่เพียงพอ และในขณะเดียวกันก็ลดพื้นที่ในการติดตั้งแบตเตอรี่บนรถยนต์ให้เหลือน้อยที่สุด

นอกจากนี้ เพื่อลดความกังวลในเรื่อง “ระยะเวลาในการชาร์จ” และ “การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่” ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่รถยนต์ไฟฟ้าเผชิญอยู่ ยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ ปราศจากความกังวลเรื่องการชาร์จและลดการเสื่อมสภาพตลอดการใช้งานหลายปี โดยยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 2020 จะมาพร้อมฟังก์ชันการชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 15% ไปถึง 80% ด้วยเวลาประมาณเพียง 10-15 นาที ในขณะเดียวกัน ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีควบคุมระบบแบตเตอรี่ ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงจากข้อมูลการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้ากว่า 1 ล้านคันมาใช้ในการจำกัดการเสื่อมสภาพความจุของแบตเตอรี่ (ช่วงระยะ) ให้น้อยกว่า 10% หลังจากใช้งานไปแล้ว 10 ปี

*2 ระบบที่ประกอบด้วยมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และกระปุกเกียร์ ที่แปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นแรงขับเคลื่อน

Concept Model ของ Honda 0 Series – Saloon และ Space-Hub

Saloon

ซาลูน (Saloon) เป็นยนตรกรรม Flagship concept model ของ Honda 0 Series ซึ่งเป็นการผสมผสานแนวคิด “บาง เบา และชาญฉลาด” เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยความเฉพาะตัวของโครงสร้างสำหรับรถ EV จึงช่วยเปิดอิสระในการออกแบบให้กว้างขึ้น และยกระดับแนวคิด M/M ในยุคของยนตรกรรมไฟฟ้าให้เหนือไปอีกขั้น การออกแบบตัวถังต่ำสไตล์สปอร์ต ทําให้ ซาลูน แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและพื้นที่ภายในที่กว้างขวางมากกว่าที่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอก นอกจากนี้ แผงหน้าปัดยังมี Interface การเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร (HMI) ที่ใช้งานง่ายและสะดวก ช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยและไร้รอยต่อ ด้วยทัศนวิสัยสุดเร้าใจและระบบควบคุมที่ใช้งานง่าย ซาลูน จึงมอบประสบการณ์ขับขี่ที่สนุกสนาน เชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้ขับขี่

จากประสบการณ์อันยาวนานในการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ต้นแบบ ฮอนด้า มุ่งมั่นนำเสนอระบบควบคุมตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ของการขับขี่ ผ่านเทคโนโลยี steer-by-wire และการพัฒนาระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System) รวมถึงระบบควบคุมท่าทางของผู้ขับขี่ ซาลูน ในฐานะที่เป็นยนตรกรรมรุ่น flagship ของ Honda 0 Series มุ่งมั่นสรรค์สร้างที่สุดของ “ความสนุกสนานในการขับขี่” ในยุค EV นอกจากนี้ ยังมีการนำวัสดุที่มีความยั่งยืนมาใช้ทั้งภายในและภายนอก ทำให้ซาลูน เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เชื่อมโยงกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อมอย่างลงตัว

Space-Hub

สเปซ-ฮับ (Space-Hub) ภายใต้แนวทางการออกแบบของ Honda 0 Series Space-Hub ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “เพิ่มพูน (augment) ชีวิตประจำวันของผู้คน” ด้วยแนวทางการพัฒนา “บาง เบา และชาญฉลาด” ทำให้ สเปซ-ฮับ มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม พื้นที่ใช้งานมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ กลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงผู้คน สร้างพลังแห่งการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกัน

เกี่ยวกับโลโก้ H Mark ใหม่

โลโก้ “H Mark” ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ที่มีการเปลี่ยนโฉมของโลโก้ในครั้งก่อน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการพัฒนาของยนตรกรรมไฟฟ้าเจเนอเรชันถัดไป ฮอนด้า จึงตัดสินใจออกแบบโลโก้ H Mark ใหม่ เพื่อเป็นตัวแทนของยนตรกรรมฮอนด้า ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเจตนารมณ์ขององค์กรในการก้าวข้ามรากฐานเดิมของฮอนด้า และแสวงหาความท้าทายและความก้าวหน้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยโลโก้ใหม่นี้ เปรียบเสมือนมือสองข้างที่ยื่นออกไป แสดงถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในการเดินทาง และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าด้วยความจริงใจ โดยโลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่นี้ จะถูกนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันต่อไปของฮอนด้า รวมถึงยนตรกรรมใน Honda 0 Series ด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save