- Advertisement -
29.5 C
Bangkok
Home Blog Page 61

มิตซูบิชิ จัดแสดงยานยนต์รุ่นใหม่และโปรโมชั่นจัดเต็มในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดแสดงยานยนต์รุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำโดย เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี, เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ในงาน มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

ภาพข่าว: (จากซ้ายไปขวา) มร. โนโบรุ สึจิ ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถ่ายภาพร่วมกัน ณ บูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขนทัพยานยนต์รุ่นใหม่คุณภาพสูง ภายใต้แนวคิดที่มุ้งเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ร่วมด้วย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 พร้อมจัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 0% และข้อเสนออื่นๆ อีกมากมายที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 พร้อมตอกย้ำดีเอ็นเอผู้นำด้านมอเตอร์สปอร์ตและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันแรลลี่ ด้วยการจัดแสดงรถแข่ง ออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ พร้อมลงสู้ศึกเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ หรือ “AXCR 2024”

มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบสนองความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมของผู้คน หนึ่งในการดำเนินกลยุทธ์ของเราก็คือ การเพิ่มการลงทุน ด้วยงบกว่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสายการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่ 3 ณ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า xEV โดยเริ่มจาก เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ไปพร้อมกับรถยนต์อีโคคาร์ที่ผลิตอยู่เดิม โดยเรายังอยู่ในระหว่างการวางแผนพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์มิตซูบิชิ ระบบไฟฟ้ารุ่นใหม่ในประเทศไทย รวมถึงตลาดในระดับภูมิภาคและระดับโลกอีกด้วย”

“ทั้งนี้ เราได้นำสุดยอดยนตรกรรมคุณภาพสูง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมัน มาจัดแสดงในงานนี้ โดยเรามั่นใจว่ารถยนต์ของเราจะมอบประสบการณ์ความสนุก ตื่นเต้นเร้าใจ และความทรงจำสุดพิเศษให้แก่ทุกท่าน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการจัดงานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ นั่นก็คือ “The Mobility of Joyful Experiences” หรือ ประสบการณ์ความสนุกของทุกการเดินทาง” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม

ไฮไลท์ภายในงานปีนี้ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รุ่นแรกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ใหม่ในแบบ Mitsubishi e:MOTION เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมั่นใจในทุกเส้นทาง จากการผสาน 3 สุดยอดเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (HEV System) มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้นเร้าใจ ให้ความคล่องตัว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน และ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบการขับขี่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ ควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดที่อยู่ภายในรถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี มาจัดแสดงให้ชมแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย การจัดแสดงนี้ จะเผยให้เห็นความปราณีตในการออกแบบเครื่องยนต์ มอเตอร์ ชุดแบตเตอรี่ และชิ้นส่วนขับเคลื่อนที่มอบสมรรถนะขับขี่และการควบคุมอันเหนือชั้น ในแบบ Mitsubishi e:MOTION

ลูกค้าที่ซื้อ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ภายในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จะได้รับข้อเสนอจากแคมเปญพิเศษ ประกอบด้วย ราคาช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 912,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 0% และแพ็กเกจพิเศษ MITSUBISHI XTRA CARE บริการหลังการขายที่พร้อมมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าแบบจัดเต็ม

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานนี้ ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 มาพร้อมขุมกำลังใหม่ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power)” เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบคอมมอนเรลเจเนอเรชันใหม่ ทรงพลังและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 (Euro 5) สร้างพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ใหม่ ประสานการทำงานกับเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ โดยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Elite Edition พร้อมเดินทางสู่จุดหมายในทุกสภาพอากาศและสภาพถนนทุกรูปแบบ ด้วยระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H Full-time) ได้ทันที แม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly) ทั้งยังมีโหมด 4HLc (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง) และ 4LLc (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ) รวมถึงโหมดการขับขี่แบบออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel สำหรับการขับขี่บนทางฝุ่น Mud/Snow สำหรับการขับขี่บนผิวทางที่ปกคลุมด้วยโคลนหรือหิมะ รวมถึงขณะที่ฝนตกซึ่งพื้นผิวถนนมีความลื่น Sand สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวทราย และ Rock สำหรับขับขี่บนผิวทางที่ขรุขระหรือพื้นผิวหิน

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 ยังมาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่ ในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยกระจังหน้าใหม่ แผงกันชนหน้า – หลัง ใหม่ และ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่สีดำ  พร้อมยกระดับความพรีเมียมภายในห้องโดยสาร ด้วยการตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน ดำ-แดงเบอร์กันดี เบาะหนังสังเคราะห์ลาย Diamond Cut พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน  Heat Guard  พร้อมด้วยจอแสดงผลดิจิตอล LCD ขนาด 8 นิ้ว ใหม่ เพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นและใช้งานง่าย

ภายในงานนี้ ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 ได้ในราคาเริ่มต้น 1,389,000 บาท และรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.09% พร้อมรับแพ็จเกจบำรุงรักษา ฟรี 5 ปี และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดง รถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ที่ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท จะใช้ลงแข่งในการแข่งขัน เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ หรือ AXCR 2024 เพื่อท้าทายความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยสถิติแชมป์อันดับ 1 การแข่งขัน AXCR 2022 และรางวัลชนะเลิศประเภททีม ในปี 2023 โดย รถแข่ง ออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ สร้างขึ้นจากรถกระบะ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่ผลิตในไทย รุ่นเดียวกับที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ผู้สนใจสามารถชมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นได้ที่บูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย A09 ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3 เมืองทองธานี โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และติดต่อเพื่อขอทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามข้อมูลข่าวสารของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

เลกซัส เผยโฉมครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด Lexus LBX ในงานมอเตอร์โชว์ 2024

เลกซัส ประเทศไทย แนะนำครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด The All-New Lexus LBX ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำยนตรกรรมครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด The All-New Lexus LBX ครั้งแรกในเมืองไทย รถยนต์พลังงานไฮบริดที่ได้รับการพัฒนาไหม่ให้ความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก ภายในห้องโดยสารเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับโลก เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวรถรุ่นใหม่ว่า “The All-New Lexus LBX ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากแนวคิด Premium Casual เพื่อนำเสนอคุณภาพที่เหนือกว่า โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะท้อนตัวตนของ LBX อย่างชัดเจนภายในออกแบบตามแนวคิด Tazuna ที่ให้ผู้ขับเป็นศูนย์กลาง มาพร้อมกับ Advanced Technology ที่ครบครัน ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทุกองค์ประกอบของ LBX ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างเอกลักษณ์การขับขี่ตามแบบฉบับของเลกซัสที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นผลจาก GA-B Platform ที่ให้ความแข็งแกร่ง น้ำหนักเบา มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ระบบไฮบริดที่ให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ LBX ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัย Lexus Safety System Plus 3.0 ที่เป็นมาตรฐานในทุกเกรด”

“LEXUS LBX ได้ถูกนำเสนอภายใต้ แนวคิด “Escape The Ordinary” นิยามใหม่ของความแตกต่าง และเพื่อเป็นการเชื่อมต่อแบรนด์และกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ผมขอใช้โอกาสนี้ในการแนะนำ “Friend Of Lexus” คนแรกของประเทศไทย คุณเจ้าขุน จักรภัทร  วรรธนะสิน เพื่อเป็นตัวแทนในการเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์กับคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์ทีหลากหลายพร้อมสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจ โดยเลกซัสยังคงมุ่งเน้นการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และสามารถจองรถ Lexus LBX รวมถึงรถยนต์เลกซัสในทุกๆ รุ่น ผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้ นอกจากนี้ทุกท่านยังสามารถพบกับงาน Lexus Electrified Fest ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด รวมถึง LBX Pop-Up Showcase ที่เตรียมจัดแสดงที่ห้างชั้นนำ”

สีภายนอก 

Sonic Quartz                   Silver Metallic                 Astro Gray Metallic

Sonic Chrome                 Black Mica                      Red Spinel                   

Sonic Copper                  Passionate Yellow           Deep Azure Mica Metallic

สีภายใน

สำหรับ เกรด Luxury         Mauve                    Solis White           

สำหรับ เกรด Premium      Saddle Tan            Black

เป็นเจ้าของ The All-New Lexus LBX วันนี้

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-เกรด Luxury         2,229,000 บาท

-เกรด Premium      2,390,000 บาท

พิเศษ กับราคาช่วงแนะนำ The All-new Lexus LBX ในช่วงเปิดตัว สำหรับผู้ที่จองระหว่างงานมอเตอร์โชว์นี้เท่านั้น

ราคาพิเศษช่วงแนะนำ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-เกรด Luxury         2,190,000 บาท

-เกรด Premium      2,350,000 บาท

สัมผัส The New Lexus LBX ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 45” ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน ศกนี้ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน

อุ่นใจ มั่นใจกับศูนย์บริการเลกซัส และ Lexus Service Corner พร้อมบริการ Home Visit Mobility Service ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ

-บริษัท เล็กซ์ซัส กรุงเทพ จำกัด (พระราม 9) โทรศัพท์ 0 2716 8999

58 ถ.ริมคลองแสนแสบ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320

-บริษัท เลกซัส ออโต้ซิตี้ จำกัด สำนักงานใหญ่ รามอินทรา (กม. 2) โทรศัพท์ 02521 1111

14/459 ม.4 ถ.รามอินทรา กม.2 อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพฯ 10220

-บริษัท เลกซัส ออโต้ซิตี้ จำกัด สาขา สุขุมวิท (ซอย18) โทรศัพท์ 0 2260 8123

1/1 ถ.สุขุมวิท18 คลองเตย กรุงเทพฯ 10110

อุ่นใจกับบริการจาก Lexus Service Corner ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่ง

-บริษัท โตโยต้า เชียงใหม่ จำกัด โทรศัพท์ 053 277 888

62/1 ถ.มหิดล ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200

-บริษัท โตโยต้า ล้านนา จำกัด โทรศัพท์ 053 408 999

62 ถ.โชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300

-บริษัท โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ จำกัด    โทรศัพท์ 053 999 888

130/555 ม.9 ถ.เชียงใหม่-ฮอด ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100

-บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด โทรศัพท์ 043 008 888

548 ม.12 ถ.มิตรภาพ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

-บริษัท โตโยต้าแก่นนคร จำกัด โทรศัพท์ 043 333 444

359/888 ม.17 ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

-บริษัท โตโยต้า อมตะ จำกัด โทรศัพท์ 043 240 333

88/8 ม.7 ถ.มะลิวัลย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

-บริษัท โตโยต้าดีเยี่ยม จำกัด โทรศัพท์ 092 474 9999

99 ถ.ชยางกูร ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 34000

-บริษัท โตโยต้าเขาใหญ่ จำกัด โทรศัพท์ 044 311 312

293 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130

-บริษัท โตโยต้าไทยเย็น จำกัด โทรศัพท์ 044 756 333

699 ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา 30000

-บริษัท โตโยต้า อินเตอร์ยนต์ชลบุรี (1999) จำกัด โทรศัพท์ 038 798 833

24/99 ม.6 ถ.บายพาส ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000

-บริษัท โตโยต้า เจริญยนต์ชลบุรี จำกัด โทรศัพท์ 038 255 663

102/34 ม. 1 ถ.สุขุมวิท ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20250

-บริษัท โตโยต้า จี เอ็น ดี ชลบุรี จำกัด โทรศัพท์ 038 719 999

18/4 ม.4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150

-บริษัท โตโยต้าสุราษฎร์ธานี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด        โทรศัพท์ 077 284 900

68/45 ม.2 ถ.ศรีวิชัย ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000

-บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด โทรศัพท์ 076 302 222

61/11 ม.2 ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83200

-บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด สาขาหาดใหญ่ โทรศัพท์ 074 222 222

456 ถ.เพชรเกษม ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของเลกซัสเพิ่มเติมได้ที่  www.lexus.co.th

และ Facebook: Lexus Thailand

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ The New Lexus LBX

  • มิติภายนอก
ยาว x กว้าง x สูง (มม.)4,190 x 1,825 x 1,560 (Premium) / 1,550 (Luxury)
ความยาวฐานล้อ หน้า / หลัง  (มม.)2,580
ความกว้างฐานล้อ หน้า (มม.)1,570
ความกว้างฐานล้อ หลัง (มม.) 1,570
น้ำหนักตัวถังรถ (กก.)1,270-1,340
น้ำหนักรถสุทธิ (กก.)1,755
  • เครื่องยนต์
เครื่องยนต์1.5-liter L-3 12-valve DOHC, Chain Drive (With Dual VVT-i)
ความจุกระบอกสูบ1,490 cc
กำลังสูงสุด (hp/rpm)90 แรงม้า / 5,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด (Nm/rpm)120 นิวตันเมตร  / 3,800-4,800 รอบต่อนาที
ระบบเชื้อเพลิงEFI (Electronic Fuel Injection System)
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงBenzene 91 or higher (E10)
  • มอเตอร์หน้า – หลัง
ประเภทมอเตอร์ซิงโครนัส ชนิดแม่เหล็กถาวร
กำลังสูงสุด69 กิโลวัตต์  / 92 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด185 นิวตันเมตร
กำลังรวมทั้งระบบ100 กิโลวัตต์ / 134 แรงม้า*3
  • สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด 170 กม. /ชม.
อัตราเร่ง 9.2 กม. /ชม. (วินาที)
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 26.32กม. / ลิตร
ค่าเฉลี่ยมลพิษ CO2  (กรัม/กม.)85 กรัม /กม.
มาตรฐานการปล่อยมลพิษEURO 6
  • โครงสร้าง
ระบบรองรับMacPherson strut (หน้า)/ Torsion Beam (หลัง)
ระบบส่งกำลังE-CVT
ระบบขับเคลื่อนFront-wheel Drive (FF)
ระบบบังคับเลี้ยว                                    ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า
ระบบเบรค หน้า / หลังVentilated Disk / Solid Disk
รัศมีวงเลี้ยว5.2 ม.
ความจุถังน้ำมัน  (ลิตร)36
ยาง225/55R18 (Premium) 225/60R17 (Luxury)
  • แบตเตอรี่
ประเภทของแบตเตอรี่Ni-MH

การออกแบบ

Lexus LBX ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มาพร้อมคุณภาพเหนือระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Premium Casual” เรียบหรูและโดดเด่นด้วย “Resolute Look” การออกแบบภายนอกที่สะท้อนบทใหม่ของเลกซัส และแสดงถึงตัวตนของ LBX ได้อย่างชัดเจน ดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังออกแบบมาอย่างประณีต อาทิเช่น ชิ้นส่วนลดแรงต้านรูปทรงครีบบริเวณกันชนด้านหน้า ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้สเกิร์ตยิ่งขึ้น เสาด้านหลังแต่งฟิล์มลายเส้นพื้นผิวแมทสลับกลอสซี่บนพื้นสีดำ กลมกลืนไปกับดีไซน์ของรถเมื่อมองจากระยะไกล และเผยให้เห็นถึงผิวสัมผัสที่มีความพิเศษเมื่อมองจากระยะใกล้

ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของ LBX ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Tazuna Concept” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างผู้ขี่ม้าและสายควบคุมม้า สวิตช์บนพวงมาลัยทำงานร่วมกับจอแสดงผลบนกระจกหน้า ให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันที่จำเป็น อาทิ ฟังก์ชันนำทาง ระบบเสียง ฯลฯ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกวาดสายตา ให้ผู้ขับขี่สามารถผ่อนคลาย รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวร่วมไปกับรถ เพลิดเพลินไปกับการขับขี่ที่เป็นตัวเอง และได้รับความสะดวกสบายสูงสุดตามหลักสรีรศาสตร์

อีกขั้นของ “Lexus Driving Signature” ประหยัดน้ำมันด้วยการขับเคลื่อนไฮบริด

Lexus LBX ยังคงเอกลักษณ์ความสุนทรีย์ในการขับขี่แบบเฉพาะตัวของเลกซัส หรือ “Lexus Driving Signature” ไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยี สถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-B (Global Architecture-B Platform) ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มสมรรถนะความปลอดภัยระดับสูง รองรับแรงเฉื่อยและลดจุดศูนย์ถ่วง ให้รถมีความเสถียรยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังยกระดับประสิทธิภาพไปอีกขั้นด้วยระบบไฮบริด ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังรวมทั้งระบบ 134 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.32 กม./ชม. ประหยัดน้ำมันสูงสุดในคลาสอีกด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวก

-จอมิเตอร์แสดงผลแบบ TFT

-พวงมาลัยหุ้มหนัง (พร้อม Paddle Shift สำหรับรุ่น Premium และ Synthetic Leather สำหรับรุ่น Luxury)

-หัวเกียร์หุ้มหนัง Leather Shift Lever Knob

-วัสดุหุ้มเบาะหรูหรา (Semi-Aniline สำหรับรุ่น Premium และ Synthetic Leather สำหรับรุ่น Luxury)

-ระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย Wireless Apple Car Play

-ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charging

-ช่องต่อ USB-C 5 ช่อง และ DC 12 V

-ระบบไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Interior Ambient Light

-ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบแยกอิสระที่นั่งตอนหน้า Dual-Zone และ Lexus Climate Concierge

-เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ทิศทาง พร้อมฟังก์ชั่นจดจำตำแหน่ง Driver Seat Power 8-way Adjuster with Memory

-เบาะทำความร้อน (คู่หน้า) Seat Heater

-เบาะหลังปรับระดับพับแบบแยกส่วน 60:40

-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control

-ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจริยะ Smart Entry & Start System

เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก

LBX มาพร้อมระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0 ที่ประกอบไปด้วยระบบความปลอดภัยหลากหลาย อาทิ

-ระบบกลอนประตูอัจฉริยะพร้อมระบบความปลอดภัยขณะเปิดประตู E-latch with Safe Exit Assist

-ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Monitor

-ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ Vehicle Stability Control

-ระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control

-ระบบเบรคแบบป้องกันล้อล็อคพร้อมกระจายแรงเบรคไฟฟ้า Anti-lock Brake System with Electronic Brake Force Distribution

-ระบบช่วยเบรค Brake Assist System

-ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-start Assist Control

-ระบบลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ สำหรับกระจกหลังและกระจกข้าง Electro Chromic Inside and Outside Rear View Mirrors

-ระบบช่วยจอดพร้อมระบบเบรคอัตโนมัติ Parking Assist system with PKSB

-หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Head Up Display

-กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด Back Monitor

-ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tire Pressure Warning

-ระบบป้องกันก่อนการชน Precrash Safety System

-ระบบติดตามช่องทางการวิ่ง พร้อมเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Tracing Assist

-สัญญานเตือนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert

-ระบบช่วยเปลี่ยนเลน Lane Change Assist

-ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัจฉริยะ Adaptive High Beam System

โตโยต้า นำทัพรถรุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 ร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

โตโยต้า นำทัพรถรุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 และข้อเสนอสุดพิเศษจากรถยนต์รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “Car of The Year 2024” ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 กับแนวคิด “ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน MOBILITY FOR EVERYONE” นอกจากนี้ยังยกข้อเสนอพิเศษแห่งปีมาให้บริการที่งานนี้อีกด้วย

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวเปิดบูธโตโยต้าในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ภายใต้แนวคิด “ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน MOBILITY FOR EVERYONE”  ขอบคุณความไว้วางใจจากคนไทย พร้อมนำทัพรถเปิดตัวใหม่ อาทิ ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ และโคโรลล่า ครอสใหม่ เพื่อให้ทุกคนสัมผัส พร้อมทดลองขับและเลือกเป็นเจ้าของ ตลอดจนมั่นใจสูงสุดกับ 13 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “Car of The Year 2024” พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษในงาน และผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวในการแถลงข่าวเบิดบูธว่า “ปีนี้ บูธโดโยต้าจัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” (Mobility for Everyone) ซึ่งท่านจะได้พบกับยนตรกรรมรุ่นใหม่หลายรุ่นภายในบูธ โดยแบ่งโซนในการจัดแสดง ได้แก่

1.โซนรถยนต์ไฮบริด โตโยต้าได้สร้าง “ความอุ่นใจ” ในการใช้รถยนต์ไฮบริด ตั้งแต่ได้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริดเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ด้วยการแนะนำคัมรี่ ไฮบริด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ส่งผลให้ปัจจุบันยอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดสะสมของโตโยต้าอยู่ที่กว่า 196,000 คัน ซึ่งเรานำความเชื่อมั่นมาสู่ใจลูกค้าโตโยต้าในทุกด้าน ด้วยผลิตภัณฑ์ การบริการ และบริการสินเชื่อแบบครบวงจร

ในครั้งนี้ เรานำโตโยต้า โคโรลล่า ครอส ใหม่ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ไปตั้งแต่เปิดตัวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เรายังนำทัพรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด อาทิ ยาริส ครอส, คัมรี, โคโรลล่า อัลติส และ อินโนวา ซีนิกซ์ มาให้ทุกท่านได้สัมผัสกันตามความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ของตัวเองด้วย

 2.โซนไฮลักซ์ “รถกระบะมหาชน” ยอดขายอันดับ 1 ที่ตอบโจทย์คนไทยตั้งแต่กลุ่มขนส่งและกลุ่มที่ใช้เป็นรถส่วนตัว ซึ่งในวันนี้เรานำรถไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 ไฮลักซ์ รีโว่ จีอาร์ สปอร์ต 4×4 กระบะรุ่นเรือธงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งในสนาม ไฮลักซ์ รีโว่ แซดอิดิชั่น ทั้งรุ่นดับเบิ้ล แค็บ และสมาร์ท แค็บ และ ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ท แค็บ พรีรันเนอร์ และรุ่นขับเคลื่อน 4×4 ที่มาพร้อมกับมาตรฐานยูโร 5 ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมถึงรถกระบะเชิงพาณิชย์อย่าง Hilux Champ ด้วย”

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับบูธโตโยต้าว่า “พร้อมกันนี้ เราได้นำทัพรถหลากหลายรุ่นมาให้ชาวไทยทุกท่านได้มาสัมผัสคันจริงกันในบูธ ไม่ว่าจะเป็น Yaris ATIV และ Yaris Hatchback, Fortuner และ Veloz ที่สร้างยอดขายสูงสุดในทุกเซกเมนต์ พร้อมเป็นเจ้าของรถง่ายๆ กับแคมเปญสุดพิเศษในรถทุกรุ่น ภายใต้เงื่อนไขบริการสินเชื่อของเรา อาทิ บริการ ‘Connected Auto Loan’ เทคโนโลยีเพื่อการอนุมัติสินเชื่อที่ง่าย สะดวก และไม่เสียค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญการใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินดาวน์ สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ที่นำรถคันเก่ามาแลกเปลี่ยนรถใหม่ เราขอนำเสนอความเหนือระดับของแบรนด์โตโยต้า โดยลูกค้าสามารถประเมินราคารถของท่านได้ตามมาตรฐาน Toyota Vehicle Inspection (TVI) จาก “โตโยต้าชัวร์” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และมีรางวัลสุดพิเศษ เฉพาะสำหรับลูกค้าที่จองรถและออกรถภายในงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น”

สัมผัสรถโตโยต้ารุ่นปรับปรุงใหม่ เจ้าของ 13 รางวัล

ตอกย้ำความเป็นรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี “Car of The Year 2024”

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์

ภายใต้เงื่อนไขการขายดีที่สุดแห่งปี

PICK UP ยอดเยี่ยมแห่งปี 3 รางวัล

เชิญสัมผัสและทดลองขับ HILUX REVO รุ่นปรับปรุงใหม่ ตอกย้ำความเป็นรถกระบะขวัญใจมหาชน

1. Hilux Revo Z Edition ทั้งรุ่น Double cab และ Smart cab ด้วยดีไซน์กระจังหน้าใหม่ ไฟตัดหมอก ไฟหน้ารมดำ และวัสดุภายนอกสีดำเมทัลลิกในรุ่น MID ภายนอกโฉบเฉี่ยว ดุดัน ตามคำเรียกร้องจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการตกแต่งรถ ให้มีสไตล์ เท่ เป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเพื่อคนไทย ทั้ง VSC และ HAC ในทั้งสองรุ่นย่อย

2. Hilux Revo Smart Cab Pre-runner & 4×4 ปรับโฉมตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า ที่ชอบการออกแบบกระจังหน้าแบบ REVO-D ช่วยเสริมภาพลักษณ์รถกระบะใช้งานส่วนบุคคล และระบบช่วงล่าง Superflex suspension ที่นุ่มสบาย เหมาะกับการใช้งานในเมือง

3. Hilux Revo GR-Sport 4×4 นิยามความแกร่ง สปอร์ตพรีเมี่ยม กระบะสายพันธ์แกร่งรุ่นเรือธงที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถแข่งออฟโรดแรลลี่ ด้วยสมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศกับเครื่องยนต์ 2.8 GD Super Power ปรับจูนใหม่ 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตัน-เมตร ปรับจูนช่วงล่าง เพิ่มความกว้างฐานล้อ (wide tread) ด้านหน้าขึ้นอีก 140 มม ด้านหลัง 155 มม และเปลี่ยนเบรกหลังเป็นดิสก์เบรก ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ ยึดเกาะถนนได้ดีมากขึ้น

นอกจากปรับการออกแบบภายนอกแล้ว ยังเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายสูงสุด อาทิ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้วรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

อีกทั้ง HILUX REVO ทุกรุ่น ได้ปรับปรุงให้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ระดับยูโร 5) ที่ช่วยลดการปล่อยละออง PM2.5

มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “BEST 2WD PICKUP UNDER 3,200 c.c., BEST 4WD PICKUP UNDER 2,800 c.c. และ BEST FUEL ECONOMY PICKUP UNDER 3,500 c.c.”

PICK UP นวัตกรรมสุดล้ำแห่งปี

“HILUX CHAMP” ใหม่ กระบะท้ายเรียบพร้อมดัดแปลง…ให้ทุกโอกาสเป็นไปได้ มาพร้อมขุมพลัง ดีเซล 2.4 ลิตรและทางเลือกเกียร์อัตโนมัติ พร้อมดัดแปลงตอบโจทย์ทุกธุรกิจของคุณ All New Hilux Champ กระบะท้ายเรียบพร้อมดัดแปลงให้คุณเป็นอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจของคุณ มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “THE BEST INNOVATION PICKUP”

รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ยอดเยี่ยมแห่งปี

“FORTUNER” ด้วยรุ่น Legender SIGNATURE OF EXCELLENCE ความเหนือระดับแห่งผู้นำ โดดเด่นด้วยการออกแบบระดับพรีเมียม สะดวกสบายสูงสุด และระบบความปลอดภัยเหนือระดับ กับทางเลือกชุดแต่ง Modellista ที่ออกแบบโดยเน้นความพรีเมียม เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์จากประสบการณ์อันยาวนาน และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่น ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านชุด และ Fortuner GR Sport ที่สุดแห่งยนตรกรรมระดับผู้นำ พัฒนาภายใต้แนวคิดของ Toyota Gazoo Racing มอบสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบ สู่อีกระดับของฟอร์จูนเนอร์ที่พร้อมให้คุณได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณความสปอร์ต และตัวตนที่ไม่เหมือนใคร มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “BEST DIESEL 4WD PPV UNDER 3,200 CC”

ไฮบริด SUV ยอดเยี่ยมแห่งปี 2 รางวัล

“COROLLA CROSS” ใหม่ รอทุกท่านให้มาสัมผัสคันจริง ที่ได้รับการปรับปรุงในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบประสบการณ์ในการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า ด้วยดีไซน์กระจังหน้าแบบ “Multi-Dimensional Design” ไฟหน้า ดีไซน์ใหม่ แบบ LED Crystalized Headlamp และ ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential เหนือระดับ ด้วยหลังคา Panoramic Roof แบบ Frameless พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาอิสระ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Parking Support Brake ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ Tire Pressure Monitoring System กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360° View สัญญาณเตือนกะระยะ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ รวมทั้ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold  และรุ่น GR Sport กับความสปอร์ตเต็มขั้น ที่พร้อมจะให้ทุกประสาทสัมผัส ทะยานไปบนอีกขั้นของการเดินทางครั้งใหม่ที่เร้าใจขึ้น สะท้อนความดุดัน ท้าทายให้คุณมาสัมผัส มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “BEST HYBRID SUV UNDER 1,800 c.c.”

“YARIS CROSS” ใหม่ รถ CROSSOVER ที่สร้างกระแสตอบรับได้อย่างล้นหลาม ตอบโจทย์การใช้งานและครองใจคนเมืองที่ใช้ชีวิตแบบสุดๆ ด้วยขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตร และมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยทุกรุ่นย่อยอัดแน่นมาให้เต็มคัน อาทิ ระบบเบรก ABS EBD BA VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ระบบ Speed Auto Lock และถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง ฯลฯ และด้านสมรรถนะการขับขี่ที่แรงเร้าใจมั่ นใจสูงสุดกับรางวัล “THE BEST HYBRID SUV UNDER 1,500 c.c.”

HATCHBACK ยอดเยี่ยมแห่งปี

“YARIS HATCHBACK” รถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กับธีมการออกแบบ Refined & Energetic ให้ความรู้สึกปราดเปรียวน่าขับขี่ ภายในมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยขนาดหน้าจอสัมผัส ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว เพิ่มระบบ Blind Spot Monitor (BSM) ระบบ Rear cross-Traffic Alert  (RCTA) และกล้องมองรอบคัน ห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง สมรรถนะการขับขี่คล่องตัว และประหยัดน้ำมัน คุ้มค่ายิ่งกว่าด้วยการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น พร้อมแพ็กเกจชุดแต่งให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ “เรียบหรู สปอร์ต หรือ พรีเมียม” มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c.”

BEST SEDAN ยอดเยี่ยมแห่งปี

“YARIS ATIV” สปอร์ตกับตัวถัง “Fastback style” ทุกรุ่นมาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED ล้ออัลลอยด์ Two tone ขนาด 16 นิ้ว และไฟท้ายแบบ Full LED Light-guiding ไฟเลี้ยว Sequential ใหม่ ภายในเรียบหรูเหนือระดับกับเบรกมือไฟฟ้า EPB รวมทั้งไฟ “Ambient light” ปรับได้ 64 เฉดสี ในห้องโดยสาร และหน้าปัด Full digital ด้านสมรรถนะ แพลตฟอร์มและเกียร์ CVT ใหม่ ที่มาพร้อมการปรับจูนเครื่องยนต์ ส่งผลให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ทรงตัวดี นุ่มนวล ตอบสนองอัตราเร่งทันใจขณะออกตัว ห้องโดยสารเงียบ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “BEST SEDAN UNDER 1,300 CC”

รถยนต์ซีดานขนาดกลางยอดเยี่ยมแห่งปี 2 รางวัล

“CAMRY” นำเสนอความสมบูรณ์แบบด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียดการตกแต่งครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สร้างความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับ ด้วยสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจ พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense” เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมภาพลักษณ์ระดับผู้นำ มั่นใจสูงสุดกับรางวัล “BEST HYBRID MID-SIZE SEDAN UNDER 2,500 CC” และ “BEST MID-SIZE SEDAN UNDER 2,500 CC”

เตรียมพบกับข้อเสนอพิเศษสุดแห่งปี พร้อมทีมพนักงานขายให้บริการสุดประทับใจ

KINTO ทางเลือกใหม่จากโตโยต้า มีรถใช้ ไม่ต้องซื้อ

KINTO อีกหนึ่งทางเลือกของการใช้รถยนต์โตโยต้า จากโตโยต้า ลีสซิ่ง ให้คุณมีรถใช้ ถูกใจค่อยซื้อ ที่ให้บริการทั้งรูปแบบบุคคล และนิติบุคคล เพียงจ่ายรายเดือนราคาเดียว ครอบคลุมทุกการบริการแบบครบวงจร มีรถให้เลือกหลากหลายรุ่น สามารถเลือกใช้รถยนต์ระยะสั้น หรือระยะยาว โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 5 ปี เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย และความคล่องตัวของการใช้ชีวิต อีกทั้งคุณยังเป็นได้มากกว่าความเป็นเจ้าของพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย สมัครง่าย ยื่นเอกสารผ่านออนไลน์

โดยงานในปีนี้ตอบโจทย์ลูกค้าด้วย KINTO ONE Hot Deal ปรากฏการณ์ใหม่ของบริการออกรถยนต์ ให้ลูกค้ารับรถไวกว่าเดิม และเพิ่มด้วยแพ็กเกจสัญญา 1-2 ปี เพื่อให้ลูกค้า KINTO ได้สัมผัสประสบการณ์การใช้รถยนต์โตโยต้าอย่างเต็มรูปแบบ (ตรวจสอบผู้แทนจำหน่ายที่เข้าร่วมบริการได้ที่เว็บไซต์)

สุดท้าย…พิเศษสุด! สมัครบริการ KINTO ภายในงานรับบัตรสตาร์บัคส์ มูลค่า 500 บาท และรับสิทธิพิเศษ ชำระเงินประกันความเสียหาย จ่ายเพียง 10,000 บาท และรับบัตรกำนัลโรงแรม Veranda Resort Pattaya จาก TripSabuy by KINTO มูลค่า 3,000 บาท (มอบบัตรกำนัลให้ภายหลังการส่งมอบรุ่นยนต์ ภายใน 14 วันทำการ ตามรุ่นรถและแพ็กเกจที่ให้บริการ)

แอป T-Connect โฉมใหม่ ใช้ง่าย ได้ทุกรุ่น

สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่กับการปรับโฉมแอปพลิเคชัน T-Connect ใช้งานง่าย ได้ทุกรุ่น ที่นำทุกบริการจาก T-Connect พร้อมข้อมูลข่าวสารของโตโยต้ามาไว้ในแอปเดียว พิเศษสุดในช่วงฉลองแอปโฉมใหม่ กับแคมเปญ สุดว้าว! เพียงดาวน์โหลดแอป T-Connect และตอบแบบสอบถามในโปรแกรม สะสมคะแนน Toyota ALIVE-X รับคะแนน The1 สูงสุด 2,000 คะแนน* ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายนนี้เท่านั้น

•สำหรับลูกค้าที่สมัคร T-Connect ใหม่ รับ 2 ต่อ

– ต่อที่ 1: รับคูปอง 100 บาท ใช้เป็นส่วนลดที่ศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศ เมื่อผูกบัญชีในโปรแกรม Toyota ALIVE-X กับ The1

– ต่อที่ 2: รับคะแนน The 1 สูงสุด 2,000 คะแนน เมื่อตอบแบบสอบถามในโปรแกรม Toyota ALIVE

•สำหรับลูกค้าปัจจุบัน รับ Welcome back point

– เมื่อตอบแบบสอบถามในโปรแกรมสะสมคะแนน Toyota ALIVE-X รับคะแนน The1 500 คะแนน

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

และขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่าน ร่วมกิจกรรมที่บูธ T-Connect by Toyota ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 รับของที่ระลึกสุดพิเศษ บัตร Starbuck มูลค่า 150 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน และลูกค้าที่เยี่ยมชมบูธ T-Connect ทุกท่าน

ประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE PHYD “Pay How You Drive” ขับดี ลดให้

ภายใต้เทคโนโลยีคอนเนคเต็ด “Connected Technology” ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมการขับขี่ คำนวณเป็นคะแนนการขับขี่ โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ คะแนนการขับขี่ ระยะทางการใช้งาน และคำแนะนำการขับขี่ปลอดภัยผ่าน แอปพลิเคชัน T-Connect by Toyota พร้อมทั้ง ลูกค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 20 – 40% ในปีถัดไป ตามคะแนนการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้บริการมากกว่า 200,000  ราย ซึ่งสูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากความสำเร็จของการตอบรับดังกล่าว ทางโตโยต้าได้ขยายผลิตภัณฑ์ ไปยัง บริษัทประกันภัยชั้นนำเพื่อมอบทางเลือกให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์โตโยต้า ได้แก่ บริษัท ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จํากัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จํากัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด

สอบถาม และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัย PHYD ผ่านทางผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

หมายเหตุ : ประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE ขับดี ลดให้ “PHYD-Pay How You Drive” ครอบคลุมรถยนต์โตโยต้า (Hilux Revo, Hilux Champ, Fortuner, Corolla Cross, Yaris cross, Camry, Corolla Altis, C-HR, Yaris Ativ, Yaris, Innova, Alphard, Vellfire)

Fleet Telematics Service (FTS) by TOYOTA

ระบบระบบบริหารจัดการยานพาหนะและการขนส่งครบวงจร  ด้วย Built-in เทคโนโลยีจากโตโยต้า

•จุดเด่น คือ ติดตั้งอุปกรณ์คอนเนคเต็ดมาแล้วตามมาตรฐานจากโรงงานโตโยต้า พร้อมการรับประกันแบบเดียวกับตัวรถ เริ่มใช้งานได้ทันทีตั้งแต่วันรับรถ และข้อมูลถูกต้องแม่นยำกว่าจีพีเอสทั่วไป

•ช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านต้นทุน เวลา และคุณภาพสินค้า ด้วย 5 ฟังก์ชัน ดังนี้

1) หน้าควบคุม ทราบถึงสถานะของรถยนต์

2) ตรวจพิกัดรถ ติดตามตำแหน่งและสถานะรถยนต์แบบ Real Time

3) ดูย้อนหลัง ค้นหาประวัติและเส้นทางการเดินรถ

4) รายงาน เพื่อใช้ประเมินผลและพัฒนาธุรกิจ

5) รายงานการซ่อมบำรุง เตือนให้ซ่อมบำรุงรถยนตน์อย่างเหมาะสม เพื่อยืดอายุการใช้งาน

•ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.t-connect.in.th/FleetTelematicsService.aspx

•สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Fleet Service Call Center 02-386-2600 เวลาทำการ 08:00-17:00 น.ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวปิดท้ายการแถลงข่าวว่า “ก่อนที่จะจบ ผมขอเชิญทุกท่านร่วม “พิธีส่งมอบรถกระบะไฟฟ้าไฮลักซ์ รีโว่ หรือ ไฮลักซ์ รีโว่-อี” ในวันที่ 25 เมษายนนี้ที่พัทยา จ.ชลบุรี รถรุ่นดังกล่าวประกอบที่โรงงานโตโยต้าสำโรง จ.สมุทรปราการ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยจะใช้เป็น

“รถสองแถว” ในโปรเจ็กต์นำร่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองแห่งการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่นยืนในพัทยา ที่เรานำเสนอทางเลือกด้านเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีจุดยืนเดียวกัน เพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ รถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาในอนาคต ซึ่งขณะเดียวกัน โตโยต้าก็กำลังเตรียมการผลิตเพื่อจำหน่ายของรถกระบะไฟฟ้าไฮลักซ์นี้ ภายในสิ้นปีหน้าด้วย ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ “ยุคแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Era of Sustainable Development) เพื่อร่วมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจไปพร้อมกับสังคมไทย”

พบข้อเสนอสุดพิเศษ ในการเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าทั้งภายในงาน และที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

โตโยต้าใจดี ส่งแคมเปญ “TOYOTA Feel so good. Deal so great”

สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ร่วมลุ้นโชคใหญ่รวมทั้งสิ้น 26 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ได้แก่

รางวัลที่ 1 – ลุ้นรับแพ็กเกจท่องเที่ยวญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง

รางวัลที่ 2 – ลุ้นทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 2 รางวัล

รางวัลที่ 3 – ลุ้นทองคำหนัก 50 สตางค์ จำนวน 4 รางวัล

รางวัลที่ 4 – ลุ้นทองคำหนัก 25 สตางค์ จำนวน 10 รางวัล

*หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.toyota.co.th/promotion

โตโยต้า โปรใจฟู รูดดาวน์ ผ่อนได้

ใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินดาวน์ พร้อมทางเลือกการจ่าย 2 แบบ

-แบ่งชำระ ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน*

-ชำระเต็มจำนวน*

รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ

ต่อที่ 1 : รับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 11,000 บาท*

ต่อที่ 2 : ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%*

สำหรับลูกค้าที่จองภายในวันที่ 16 มี.ค. 2567 – 30 เม.ย. 2567 และชำระเงินดาวน์ รับรถภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2567 รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.toyota.co.th/promotion/toyotaxcreditcards

เชิญสัมผัสยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคนไทยเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์หลากหลายรุ่น พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ในงาน 45th Bangkok International Motor Show ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 และพลาดไม่ได้กับแคมเปญ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

สอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า TOYOTA CONTACT CENTER 1486

“เบอร์เดียวครบ จบทุกเรื่อง ตลอด 24 ชม.”

และที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.toyota.co.th/

Facebook: Toyota Motor Thailand

LINE ID: @ToyotaThailand 

TikTok: @ToyotaMotorTH

X(Twitter): @ToyotaMotorTH

Instagram: @toyotamotorthailandofficial

ฮอนด้า ตอกย้ำแบรนด์ที่แข็งแกร่งในไทยพร้อมข้อเสนอพิเศษที่งานมอเตอร์โชว์ 2024

ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ชูจุดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมเทคโนโลยี xEV และนวัตกรรมการขับเคลื่อนใหม่ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างลงตัว

ฮอนด้า โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผนึกกำลังจัดแสดงไลน์อัปทุกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ฮอนด้าในประเทศไทย ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ พร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนใหม่ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยภายในบูทมีการแบ่งโซนจัดแสดงตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าเพื่อความสะดวกในการเข้าชม เริ่มต้น

ที่โซนแรก Product Zone ในส่วนของรถยนต์ นำโดย ฮอนด้า อี:เอ็น1 (Honda e:N1) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย พร้อมเปิดให้ลูกค้าเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ* และยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ในหลากหลายเซกเมนต์ ในส่วนของรถจักรยานยนต์ นำโดย ‘New Honda Giorno+ Donald Duck Special Edition’ รถเอ.ที.สไตล์ไฮแฟชั่น และ ‘Honda Dax 1978 Special Custom Edition’ จาก CUB House รวมถึงรถบิ๊กไบค์คลาส 650 ซีซี ที่มาพร้อม Honda E-Clutch Technology และโมเดลที่น่าสนใจอีกมากมาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่าง รวมถึงเครื่องยนต์เรือรุ่นใหม่ของฮอนด้า โซนต่อมา Lifestyle Zone เป็นโชว์เคสผลิตภัณฑ์ฮอนด้าที่สะท้อนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร ทั้ง รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รถจักรยานยนต์สไตล์เทรล และเรือสันทนาการ และโซนสุดท้าย Mobility Zone ซึ่งจัดแสดง UNI-ONE อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบแฮนด์ฟรี ที่ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้ง่ายๆ โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวขณะนั่งโดยไม่ต้องใช้มือ และ Motocompacto สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถพับเก็บและพกพาได้ ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์ได้ที่บูทฮอนด้า (A23) ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 โดยมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับภายในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจและสนับสนุนรถยนต์กลุ่ม e:HEV ทำให้ฮอนด้าสามารถครองอันดับ 1 ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน ด้วยการผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดน้ำมันและด้วยการเติมน้ำมันหนึ่งถังก็สามารถขับไปได้ในระยะทางที่ไกลกว่า มีให้เลือกในหลากหลายเซกเมนต์ จากความสำเร็จของยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ที่ผ่านมา ในวันนี้ฮอนด้าพร้อมที่จะได้นำเสนออีกหนึ่งก้าวสำคัญในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV)  ด้วยการแนะนำ Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย ที่พร้อมให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสได้อย่างไร้กังวลด้วยการเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ”

ภายในบูทฮอนด้า มีการแบ่งโซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ดังนี้

Product Zone มีการจัดแสดงยนตรกรรมในหลากหลายเซกเมนต์ ที่ครอบคลุมทุกไลน์อัปของระบบส่งกำลัง นำโดย

ไลน์อัปยนตรกรรมไฟฟ้า 100%

-ฮอนด้า อี:เอ็น 1 (Honda e:N1) ยนตรกรรมเอสยูวีไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจด้วยแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่งผลให้สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ผสมผสานกับการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างสะดวกสบายพร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายในสีฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในแบบยนตรกรรมเอสยูวี โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่ครบครัน พร้อมเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับเคลื่อนขุมพลังไฟฟ้า 100% ด้วยการเช่าใช้ ผ่านบริษัทรถเช่า ชั้นนำ อาทิ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลิสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ไทย วี.พี.คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด บริษัท ไพร์ม คาร์เร้นท์ จำกัด บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด บริษัท เวิลด์เบสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท เอแอลดี เอ็มเอชซี โมบิลิตี้ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ช.พัฒนาคาร์เรนท์ จำกัด โดยรายละเอียดและเงื่อนไขการเช่าเป็นไปตามที่บริษัทรถเช่ากำหนด

ไลน์อัปยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV

พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า ประหยัดเวลาและประหยัดน้ำมันในทุกการเดินทาง มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ติดตั้งในยนตรกรรม e:HEV ทุกรุ่น

-กลุ่ม SUV นำโดย ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวี โดยล่าสุดได้รับรางวัล รถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริดเอสยูวีขนาดกลาง ในงาน Car of the Year 2024 มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Full Hybrid ที่ แรง ทรงพลัง และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร (รุ่น e:HEV ES) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับพรีเมียมพร้อมเติมเต็มทุกความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งไลฟ์สไตล์ในเมืองและนอกเมืองอย่างลงตัว ในราคาเริ่มต้นที่ 1,589,000 บาท (รุ่น e:HEV ES)

-กลุ่ม City Car นำโดย ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ซิตี้คาร์ยอดนิยม ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัล รถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริดซีดาน เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี ในงาน Car of the Year 2024 ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ขับสนุก แรง เร้าใจ และประหยัดน้ำมันสูงสุด 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มอบความคุ้มค่าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันครบครัน ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 769,000 บาท (รุ่น e:HEV SV) พร้อมด้วย ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ อีกหนึ่งทางเลือกของรถซิตี้คาร์แบบ 5 ประตู มอบความคุ้มค่าด้วยเอกลักษณ์ด้านความอเนกประสงค์ที่ลูกค้าชื่นชอบ ให้ลูกค้าสัมผัสกับเทคโนโลยี e:HEV จากฮอนด้าได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 729,000 บาท (รุ่น e:HEV SV)

ไลน์อัปยนตรกรรมเทอร์โบ

-ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ (Civic Type R) ที่สุดแห่งยนตรกรรมความสปอร์ตระดับตำนาน สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความท้าทาย แรง เร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์ Direct Injection DOHC VTEC TURBO ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ได้รับการพัฒนามาสำหรับ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ โดยเฉพาะ มอบกำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด สัมผัสความรู้สึกของอัตราเร่งได้ทันที และให้อัตราเร่งต่อเนื่องไปจนถึงช่วงความเร็วรอบสูงเติมความสนุกในทุกสถานการณ์การขับขี่ มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อันล้ำสมัยอื่นๆ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก)  สีแดงแรลลี่ สีขาวแชมเปียนชิป และสีน้ำเงินเรซซิง (มุก) พร้อมจำหน่ายในราคา 3,990,000 บาท

Mobility Zone โซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่สร้างสรรค์ (Create) ขึ้นมาเพื่อพาผู้คน “ก้าวข้าม (Transcend) ขีดจำกัดต่าง ๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา” โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดง ประกอบด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่พาผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่

-Motocompacto สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ด้วยน้ำหนักเพียง 18.73 กิโลกรัม ทำให้สามารถพับเก็บและพกพาได้ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานด้วยฟังก์ชันการเชื่อมต่อของ Motocompacto ที่ช่วยคาดการณ์การใช้พลังงานของแบตเตอรี่จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทางได้ ลดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดขณะเดินทาง ช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ แม้ว่าตัวรถจะมีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด แต่ Motocompacto ก็สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 12 ไมล์ (ระยะทางประมาณ 19 กม.) เมื่อชาร์จเต็ม และสามารถทำความเร็วสูงสุด 15 ไมล์ต่อชั่วโมง (24 กม./ชม.)

ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสของผู้คน

-UNI-ONE อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบแฮนด์ฟรี ที่ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้ง่ายๆ โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวขณะนั่งโดยไม่ต้องใช้มือ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยหุ่นยนต์ของฮอนด้า และระบบล้อขับเคลื่อน Omni Traction Drive ของฮอนด้า ซึ่งเป็นกลไกของฮอนด้าที่ช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้อย่างสะดวกง่ายดาย เพียงโน้มตัวในขณะนั่ง และเคลื่อนตัวราวกับว่ากำลังเดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวสามารถขยับและเคลื่อนที่ได้

โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ*** กับ “ฮอนด้าโปรตามใจ” ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% พร้อม ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care) หรือทางเลือก ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นน้อย ผ่อนต่อเดือนต่ำ เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับรุ่น e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 – 8 เมษายน 2567 และรับรถตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 – 30 เมษายน 2567

ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทฮอนด้า (A23) ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 พร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับภายในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24ชั่วโมง โทร. 0 2341 7777 โดยสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมทดลองขับที่โชว์รูมฮอนด้าผ่านwww.honda.co.th/testdrive ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 30 เมษายน 2567 จะได้รับฟรี Happy Puffy Bag มูลค่า 250 บาท***

หมายเหตุ :-

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

** เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ ตลอดจนเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่บริษัท ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษ

สำหรับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ร่วมรายการและทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ เมื่อจองตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 – 8 เมษายน 2567 และรับรถตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 – 30 เมษายน 2567

•ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 3,464 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (เกรด S) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท)

•ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)”  ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 5,441 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ (เกรด e:HEV SV) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท)

•ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

**เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567**

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่และบริการช่วยเหลือบนท้องถนน 24 ชั่วโมงอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 29,950 บาท หรือเลือกผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,484 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ (เกรด S+) เงื่อนไขดาวน์ 25%) พิเศษ! เฉพาะลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า (Honda Loyalty), ลูกค้า You’re the One, ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และกลุ่มอาชีพพิเศษ รับสิทธิ์ Honda Free Drive ขับฟรี 6 เดือน (ฟรีค่างวดงวดที่ 1-6) พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

-เกรด S+ ดาวน์ขั้นต่ำ 5%

-เกรด SV ดาวน์ขั้นต่ำ 10%

-เกรด RS ดาวน์ขั้นต่ำ 15%

•ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

**เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567**

1)ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 36,450 บาท หรือ เลือกผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 6,674 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ (เกรด e:HEV SV) เงื่อนไขดาวน์ 25%) พิเศษ! เฉพาะลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า (Honda Loyalty), ลูกค้า You’re the One, ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และกลุ่มอาชีพพิเศษ รับสิทธิ์ Honda Free Drive ขับฟรี 3 เดือน (ฟรีค่างวดงวดที่ 1-3)

    –  เกรด e:HEV SV และ e:HEV RS ดาวน์ขั้นต่ำ 5%

•ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 4,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 7,902 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์วี อี:เอชอีวี (เกรด e:HEV E) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 4,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท)

•ฮอนด้า ซีวิค มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 4,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 7,724 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค (เกรด EL) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 4,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท)

•ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 4,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมทั้งฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 9,803 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี (เกรด e:HEV EL+) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 4,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 54,000 บาท)

•ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 6,622 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี (เกรด SV) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท)

•ฮอนด้า บีอาร์-วี มาพร้อมสี่ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)”  ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2)ดอกเบี้ย 2.59% พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อน เดือนละ 3,500 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3)ดาวน์ 0% พร้อมรับ “ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care)” ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 8,091 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า บีอาร์-วี (เกรด E (สีขาวทาฟเฟต้า)) เงื่อนไขดาวน์ 15% ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้วเดือนละ 3,500 บาท จำนวน 12 เดือน รวมมูลค่า 42,000 บาท)

•ฮอนด้า ซีอาร์-วี เกรด E, ES 4WD และ EL 4WD มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับ ฟรีประกันภัย 1 ปี และบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 17,976 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี (เกรด E) เงื่อนไขดาวน์ 15%)

•ฮอนด้า ซีอาร์-วี เกรด e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 20,130 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี (เกรด e:HEV ES) เงื่อนไขดาวน์ 15%)

•ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมสองข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1)ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับฟรีประกันภัย 1 ปี บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2)ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส** ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% หรือ เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 19,370 บาท (คำนวณจากรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ (เกรด e:HEV E) เงื่อนไขดาวน์ 15%)

หมายเหตุ :-

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

**ให้บริการสินเชื่อโดย บริษัท ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ ณ เวลาที่ยื่นขอสินเชื่อ และเงื่อนไขอื่นๆ ตามที่บริษัทฯ กำหนด

มาสด้า ปลุกชีพตำนานโรตารี่นำ Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV โชว์ที่งานมอเตอร์โชว์ 2024

มาสด้า ปลุกชีพตำนานโรตารี่นำ Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ไปได้ไกลกว่า วางยุทธศาสตร์สู่ความยั่งยืน พร้อมยกโปรโมชั่นสุดฮอตมามอบความสุขให้กับผู้ที่จองรถในงานมอเตอร์โชว์ 2024 และโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ภายในวันที่ 7 เมษายนศกนี้

-เปิดตัวแนะนำปิกอัพสไตล์เอสยูวี New Mazda BT-50 รุ่นปรับโฉมใหม่

-เปิดตัวแนะนำสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนระดับตำนาน New Mazda MX-5

-เปิดให้จองแล้ว Mazda6 20th Anniversary Edition เพียง 100 คันในประเทศไทย

-อัดแคมเปญ Super Offer รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0%

มาสด้า เนรมิตบูธในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) จัดแสดงรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด ภายใต้ธีม Love of Cars เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตที่กำลังดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่หลงไหลในการขับขี่และรักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา และมีรถยนต์มาสด้าเป็นพาร์ทเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำการให้ความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกสนานในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ได้แบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์มาสด้าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พร้อมปลุกตำนานโรตารี่ด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์โรตารี่ กลายเป็น Plug-in Hybrid ที่ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและไปได้ไกลกว่า มาให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้มาสด้าออกแบบบูธงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ใหม่ทั้งหมด ภายใต้ธีม Love of Cars ได้แรงบันดาลใจจากการมีลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมความสุขของผู้ที่รักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น โซนแกลเลอรี่วอลล์ ที่ลูกค้าส่งภาพความประทับใจกับรถยนต์คันโปรด You and Mazda Moments ถ่ายทอดประสบการณ์ความสุขในทุกช่วงเวลาของลูกค้า ซึ่งเป็นปณิธานที่เรามุ่งหวังและตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่รักในรถยนต์ “The Memorable Love of Cars” เสียสละรถโมเดลผ่านทางมาสด้า เพื่อส่งต่อให้กับเด็กๆ เยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งมีผู้สละเข้ามามากกว่า 500 คัน และมาสด้าเพิ่มเติมอีก 1,000 คัน โดยจะเร่งส่งต่อรถโมเดลเหล่านี้ให้ถึงมือเด็กๆ โดยเร็วที่สุด

ส่วนไฮไลท์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยี Multi-Solution มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งมอบเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายและมีความเหมาะสมในแต่ละภูมิภาค เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงไปสู่พลังงานไฟฟ้า หลายคนคงจดจำเครื่องยนต์โรตารี่ สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และความคิดสร้างสรรค์ นี่คือหนึ่งใน Multi-Solution เทคโนโลยีแห่งอนาคตจากมาสด้า การนำเทคโนโลยี e-SKYACTIV R-EV มาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ตที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนา MAZDA MX-30 e-SKYACTIV R-EV คือเครื่องยนต์โรตารี่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ขนาด 830 ซีซี เล็กกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วไปที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากวัสดุอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กก. ประกอบกับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด 17.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ระยะไกลถึง 85 กิโลเมตร ที่เกิดจากจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง และเมื่อได้รับการปั่นเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่จะทำให้เพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไกลเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดถัง 50 ลิตร มาผสานการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่สมบูรณ์แบบที่มีต้นกำเนิดจากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก “จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” หรือ “Challenger Spirit” อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่นำมาจัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ล้วนเป็นยนตรกรรมได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า เพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งรวมถึง การนำ NEW MAZDA MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนยอดนิยม ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย กับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีในการขับขี่ เพื่อถ่ายทอดปรัชญา จินบะ-อิตไต (Jinba-Ittai) ให้โดดเด่นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่ง และการควบคุมพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ฉับไว ไม่ว่าจะขับรถในเมือง ทางโค้ง หรือขับในสนามแข่ง

โดยเฉพาะในระบบเกียร์แมนนวลที่มาพร้อม DSC-TRACK ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control: DSC) ใหม่ ที่ใส่เพิ่มเติมเข้าในรถรุ่นนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่ง โดยระบบจะยอมให้เกิด Understeer หรือ Oversteer เพียงเล็กน้อย และระบบจะเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ หรือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถหมุนเท่านั้น เพื่อช่วยควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงสามารถมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าได้เป็นอย่างดี ในด้านการยกระดับคุณค่าประสบการณ์ของลูกค้าให้ครบทุกมิติ วางราคาจำหน่าย 3,029,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49%(1) ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี(2) ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)3  ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

นอกจากนี้ มาสด้ายังนำรถปิกอัพที่เปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ มาจัดแสดงเป็นครั้งแรก New Mazda BT-50 พร้อม…ให้คุณออกนำทุกเส้นทาง ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Kodo : Soul of Motion โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวี มาสด้านำเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ลงในรุ่นขับสองยกสูง Hi-Racer ทั้งรุ่นฟรีสไตล์แค็บและดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู มาพร้อมสีใหม่ สีเทา ร็อค เกรย์ กระจังหน้า Signature Wing และชุดกันชนหน้าสีดำเงา ล้ออัลอยด์ 18 นิ้ว ภายในเบาะหนังทูโทนสีน้ำตาล-ดำ ติดตั้ง Sport Paddle Shift พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC แบบ Stop & Go เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 7 แสนกว่าบาท

สำหรับมาสด้า บีที-50 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อย รุ่นฟรีสไตล์แค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง (FSC Hi-Racer) และรุ่นดับเบิ้ลแคป ขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง (DBL Hi-Racer) มีการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ กับอัตราเร่งและการออกตัวที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่กับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมาพร้อมระบบ Rough Terrain Mode ที่ติดตั้งมาใหม่ และระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในเส้นทางขับขี่แบบออฟโร้ด ในขณะที่ราคาเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นเริ่มต้นเพียง 752,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.99%(1) ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง(2) ที่สำคัญสำหรับครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของมาสด้า คือ การจัดแสดง New Mazda6 20th Anniversary Edition รถสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ที่เปิดให้ลูกค้าจองแล้ววันนี้ในจำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในประเทศไทยเท่านั้น ด้วยราคาจำหน่าย 2.499 ล้านบาท ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน(1) ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง(2) ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี(4) ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี สำหรับครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท รวมถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายที่ทางมาสด้าเตรียมไว้ให้กับลูกค้า 100 ท่าน ที่เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย

นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสและเป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ ครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบปี ทั้งรถยนต์นั่ง Mazda2 ทั้งรุ่นซีดานและแฮตช์แบ็ค รับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท Mazda3 ทั้งซีดานและฟาสแบ็ค รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท รวมถึงรถยนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวีตระกูล CX-Series ประกอบด้วย Mazda CX-3 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท Mazda CX-30 รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท Mazda CX-5 รับส่วนลดสูงสุด 110,000 บาท และ Mazda CX-8 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสกันครบทุกรุ่น พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี และฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,890 บาท** และพิเศษสุดขึ้นไปอีกขั้นสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ทั้งภายในงานฯ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หมดเขตถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้เท่านั้น โอกาสทองของลูกค้าที่จะได้เป็นเจ้าของรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า

ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” Joy of Driving ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ “ความสุขในการดำเนินชีวิต” ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน

หมายเหตุ :

1ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน

2บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย (5) บมจ. แอกซ่าประกันภัย

³ ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

4 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 7 ปี หรือ 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรมขยายรับประกันคุณภาพรถ เป็น 5 ปี, ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลว จากการบำรุงรักษารถตามระยะนาน 7 ปี หรือระยะทาง 140,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถระหว่างวันที่ 25 มี.ค. 2567 – 7 เม.ย. 2567

**จองรถในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 15 เม.ย. 67 รับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,890 บาท จำนวนจำกัด 1,000 ชิ้น เฉพาะโชว์รูมที่ร่วมรายการ โดยไม่สามารถโอนสิทธิ์ หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิด “The new E-Class : Launch Edition” ในงาน Motor Show 2024

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิด “The new E-Class : Launch Edition” ในงาน Motor Show 2024 ชูรถไฮไลท์ 5 รุ่น พร้อมโปรโมชั่นจองรถในงานลุ้นรับ C-Class หรือชิงทองคำ มูลค่ารวม 4 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าร่วมกิจกรรมบิ๊กอีเวนต์หลังประกาศโมเดลธุรกิจ Retail of the Future ผสานกับโยบาย One Price ที่จะมาผสานประโยชน์ให้กับตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ต่อไปอย่างยั่งยืน

•เผยโฉม “The new E-Class: Launch Edition” ผลิตในไทยแบบจำนวนจำกัด 2 รุ่นย่อย E 220 d AMG Line ราคา 3.99 ล้าน และ E 350 e AMG Dynamic ราคา 4.25 ล้าน เปิดจองแล้ววันนี้ทั่วประเทศ

•บูธโฉมใหม่คอนเซปต์ “ICON OF INSPIRATION.” เปิดตัวรถยนต์รวม 5 รุ่น พรัอมจัดแสดงรถต้นแบบคันเดียวในโลก “Vision One-Eleven” และ G-Class รุ่นพิเศษ 10 คันในไทยที่รอให้คุณเป็นเจ้าของ

•จัดเต็มโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 830,000 บาท พร้อมลุ้นรับรถยนต์รุ่น C 220 d AMG Line หรือทองคำหนักรวม 30 บาท เพียงเลือกทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) สะท้อนการเป็น “ICON OF INSPIRATION.” ยกทัพยนตรกรรมกว่า 20 รุ่น จัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) เปิดตัวยนตรกรรมล่าสุด 5 รุ่น นำโดย “The new E-Class : Launch Edition” Business Saloon ที่มาเซอร์ไพรส์กลางงานพร้อมเปิดจองเป็นครั้งแรก มาด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ E 220 d AMG Line ราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท และ E 350 e AMG Dynamic ราคาจำหน่าย 4,250,000 บาท

ต่อด้วยรถตระกูลเอสยูวีเกือบทุกเซกเมนต์ตั้งแต่ GLC 350 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic ราคาจำหน่าย 4,340,000 บาท, GLE 300 d 4MATIC AMG Line ราคาจำหน่าย 4,980,000 บาท และ GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic ราคาจำหน่าย 6,980,000 บาท รวมถึง “EQS 450+ AMG Dynamic” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นนำเข้าแบบ CBU ในราคาที่ดีที่สุด 5,950,000 บาท นอกจากนี้ยังเผยโฉมรถยนต์ระดับ Iconic ของแบรนด์อย่าง “G 63 Grand Edition” 1 ใน 1,000 คันทั่วโลก ที่นำมาจำหน่ายเพียง 10 คันในไทย ในราคา 23,400,000 บาท และจัดแสดงรถยนต์ต้นแบบ “Vision One-Eleven” อนาคตแห่งยานยนต์ที่มีดีเอ็นเอมาจาก C 111 ตำนานแห่งยุค 60-70s โดยรถยนต์ทุกรุ่นมาพร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดที่ลูกค้าจะได้รับไม่ว่าจะซื้อรถในงานหรือที่ตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ

มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงาน Motor Show ในปีนี้ เราต้องการยกเรื่องแรงบันดาลใจมาเป็นคอนเซปต์หลักของการนำเสนอแบรนด์และบูธจัดแสดงรถยนต์ ภายใต้การเป็น “ICON OF INSPIRATION.” ของคนไทย และแบรนด์รถยนต์ที่อยู่คู่กับลูกค้าชาวไทยมาเป็นเวลานาน เราต้องการสะท้อนเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจผ่านการร่วมมือกับศิลปิน 2 คน หนึ่งในนั้นคือ “เบนซ์ – ธนชาติ” ผู้กำกับชื่อดังจาก Salmon House ที่มาร่วมหาคำตอบเบื้องหลังชื่อเล่นยอดฮิตของคนไทยผ่านสารคดีสั้น “The Meaning of Benz” และอีกหนึ่งศิลปินในนาม Bloody Hell Big Head “เบนซ์ – ธนวัต” ที่มาร่วมเติมสีสันแห่งแรงบันดาลใจให้กับบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์”

ภายในบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคนจะได้พบกับมิติใหม่และสีสันแห่งแรงบันดาลใจ ผ่านการออกแบบบูธในคอนเซปต์ “ICON OF INSPIRATION.” ซึ่งศิลปิน Bloody Hell Big Head ได้นำแรงบันดาลใจจากเรื่องราวและองค์ประกอบต่างๆ ของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มาผสานเข้ากับสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยหนึ่งในยนตรกรรมรุ่นล่าสุดอย่าง GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic ก็ถูกนำมาจัดแสดงพร้อมการตกแต่งสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากศิลปิน Bloody Hell Big Head ด้วยเช่นกัน และที่พิเศษไปกว่านั้น สำหรับลูกค้าที่จอง GLC Coupé ภายในงาน จะได้รับ Exclusive Box Set Design by Bloody Hell Big Head จำนวนจำกัดเพียง 50 กล่อง

ภายใต้โมเดลธุรกิจ Retail of the Future รถยนต์ทุกรุ่นจะมาพร้อมราคาและข้อเสนอที่ดีที่สุดจากทุกตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ โดยนอกจากรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวภายในงาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดเผยแคมเปญสำหรับรถยนต์รุ่นปัจจุบันที่มาพร้อมส่วนลดและประกันชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี

•E 300 e AMG Dynamic ราคาเริ่มต้น 3,190,000 บาท (ส่วนลด 830,000 บาท)

•E 220 d AMG Sport ราคาเริ่มต้น 3,190,000 บาท (ส่วนลด 460,000 บาท

•E 300 e Avantgarde ราคาเริ่มต้น 2,790,000 บาท (ส่วนลด 610,000 บาท)

•C 220 d Avantgarde ราคาเริ่มต้น 2,580,000 บาท (ส่วนลด 150,000 บาท)

และข้อเสนอสุดยิ่งใหญ่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ลุ้นรับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ C 220 d AMG Line มูลค่า 2,880,000 บาท พร้อมชิงทองคำหนักรวม 30 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4 ล้านบาท เมื่อจองรถยนต์ใหม่เมอร์เซเดส-เบนซ์ และทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ระหว่างวันที่ 18 มีนาคม – 30 เมษายน 2567 พร้อมเริ่มต้นสัญญาทางการเงินภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2567

พบกับทัพยนตรกรรมกว่า 20 รุ่นจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่งาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ

ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG : @MercedesBenzThailand และ LINE : @mercedesbenzth

ฮุนได เปิด H-Studio แห่งแรกใจกลางกรุง

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย (HMT) เปิดตัว H-Studio อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ กรุงเทพฯ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการนำเสนอประสบการณ์ยานยนต์ชั้นเลิศแก่ผู้บริโภคในเมืองไทย โดย H-Studio เป็นโครงการต่อยอดความสำเร็จของ H-Space ศูนย์บริการแฟล็กชิปของฮุนไดบนถนนวิภาวดีและ ศูนย์นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ Lab ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ซึ่งศูนย์บริการเหล่านี้ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง หากยังเป็นการฉลองความสำเร็จของบริษัท ที่เปิดดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 1 ปี

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเปิดตัว H-Studio เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของฮุนได ในการปฏิวัติวงการยานยนต์ครั้งสำคัญของเมืองไทย ผ่านการนำเสนอพื้นที่เพื่อการแบ่งปันข้อมูล และชักชวนให้ลูกค้าได้มาสัมผัสกับแนวคิดและเทคโนโลยีของฮุนไดอย่างใกล้ชิด เพราะฮุนไดไม่เพียงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และประสบการณ์ที่น่าจดจำกับผู้บริโภคอีกด้วย โดย H-Studio ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ดิ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ศูนย์การค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานท่องเที่ยวชั้นนำของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์รวมร้านค้าที่สวยงามระดับไฮเอนด์ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของเรา โดย H-Studio จะจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดและดีที่สุดจากแบรนด์ฮุนได โดยแต่ละรุ่นจะได้รับการคัดสรรเพื่อสะท้อนถึงนวัตกรรม และจิตวิญญาณของฮุนไดอย่างชัดเจน ตลอดจนความมุ่งมั่นของเราในการมุ่งหน้าสู่นวัตกรรมและความเป็นเลิศ โดยลูกค้าจะสามารถเชื่อมโยงกับคุณค่าของแบรนด์ สำรวจเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสัมผัสประสบการณ์ยานยนต์อันยอดเยี่ยมได้อย่างเต็มที่”

คอนเซ็ปต์การออกแบบ H-Studio ได้แรงบันดาลใจจากการจัดแสงที่พิถีพิถัน ในลักษณะเดียวกับของพิพิธภัณฑ์ ผสานบรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม พร้อมจอ Transparent LED ขนาด 10.0 x 2.5 เมตร และสไตล์อันทันสมัยของโชว์รูมฮุนไดในกรุงโซล สะท้อนบรรยากาศแบบอุตสาหกรรมและการออกแบบสมัยใหม่ ตลอดจนความลุ่มลึกและความร่วมสมัยของวิสัยทัศน์ฮุนไดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ผสานเทคนิคการจัดแสงแบบเดียวกับที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีความละเอียดอ่อน เข้ากับบรรยากาศอันสวยงามทันสมัย ของโชว์รูมฮุนไดในกรุงโซล จนเกิดเป็นโชว์รูมใจกลางกรุงเทพฯ ที่สะท้อนถึงความหรูหราภูมิฐาน ร่วมสมัยได้อย่างลุ่มลึก

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ฮุนไดได้สร้างมาตรฐานใหม่สู่วงการยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์ 2 แห่ง ได้แก่ H-Space และ IONIQ Lab โดย H-Space ศูนย์บริการแฟล็กชิปของฮุนไดครอบคลุมพื้นที่กว่า 7.45 ไร่ และเป็นหนึ่งในศูนย์การฝึกอบรมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของฮุนไดในการเดินหน้าสู่ความเป็นเลิศ ด้านการบริการลูกค้าและความเชี่ยวชาญของพนักงาน ในขณะที่ศูนย์นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ Lab ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เป็นตัวแทนของความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า IONIQ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความมุ่งมั่นของฮุนได ในการร่วมสรรสร้างอนาคตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ศูนย์ทั้ง 2 แห่งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของการยกระดับมาตรฐานยานยนต์ ไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องของฮุนได

การเปิดตัว H-Studio ที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ ของฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ถือเป็นการเน้นย้ำถึงคำมั่นสัญญาที่จะส่งมอบบริการที่เหนือระดับ เพราะศูนย์แห่งนี้แตกต่างจากโชว์รูมแบบที่เคยมีมา โดยลูกค้าจะได้สัมผัสถึงวิสัยทัศน์ และผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นของฮุนไดอย่างใกล้ชิด H-Studio เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฮุนได ในการนำเสนอประสบการณ์ยานยนต์ ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าในประเทศไทย

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่านสู่ H-Studio เพื่อนำทุกท่านสู่เส้นทางแห่งโลกนวัตกรรมยานยนต์ชั้นเลิศ สัมผัสยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดก่อนใคร และตื่นตาไปกับสินค้าพิเศษจาก Hyundai Collection โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยมอบคำแนะนำด้วยอัธยาศัยไมตรี พบกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้าดิ เอ็มสเฟียร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.

มาสด้า ปรับโฉม BT-50 ชูสวยแกร่งดุดัน

มาสด้า ปรับโฉม BT-50 สวยดุดันทั้งภายนอกภายในหัวใจแกร่ง ใส่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ ลงในรุ่นขับสองยกสูงเอาใจสายแรง

มาสด้า ประกาศบุกตลาดรถปิกอัพเอาใจสายซิ่ง ปรับโฉม New Mazda BT-50 พร้อม…ให้คุณออกนำทุกเส้นทาง จับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ลงในรุ่นขับสองยกสูง Hi-Racer ทั้งรุ่นฟรีสไตล์แค็บและดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู มาพร้อมสีใหม่สีเทา ร็อค เกรย์ กระจังหน้า Signature Wing และชุดกันชนหน้าสีดำเงา ล้ออัลอยด์ 18 นิ้ว ภายในเบาะหนังทูโทนสีน้ำตาล-ดำ ติดตั้ง Sport Paddle Shift พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC แบบ Stop & Go เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 7 แสนกว่าบาท ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บรัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันนี้ตลาดรถปิกอัพมีการแข่งขันที่ดุเดือด ทั้งสงครามราคา แคมเปญ ส่วนลด ซึ่งมาสด้าจะไม่ลงไปเล่นในสมรภูมิเช่นนี้ แต่เราจะสร้างพื้นที่ของเรา สร้างกลุ่มลูกค้าเฉพาะขึ้นมาใหม่ เราเล็งเห็นช่องว่างในการเติมเต็มความต้องการของลูกค้า นั่นคือ ตลาดขับสองยกสูง นั่นคือสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องมาตลอดและยังไม่เคยได้รับการตอบสนอง ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแฟนพันธุ์แท้มาสด้า การปรับโฉมปิกอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ ในครั้งนี้ จึงให้ความสำคัญทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่สง่างาม ดุดัน ภายในสปอร์ตลงตัว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัยถูกใส่เข้ามาแบบเต็มคัน โดยเฉพาะพละกำลังของเครื่องยนต์อันทรงพลัง ด้วยการเพิ่มไลน์อัพของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งปกติจะมีเฉพาะในรุ่น 4×4 มาสด้าได้นำเครื่องยนต์นี้ใส่ลงในรุ่น 4×2 แบบยกสูง หรือ Hi-Racer ทั้งรุ่นฟรีสไตล์แคบ FSC และรุ่นดับเบิ้ลแค็บ DBL ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นสำคัญสำหรับ New Mazda BT-50 คือการออกแบบอันสง่างามของ “โคโดะ ดีไซน์” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มุ่งเน้นให้เกิดความเรียบง่าย แต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series เจนเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า โดยผนวกรวมจุดเด่นทั้งหมดของมาสด้าและความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเห็นจากรถปิกอัพในปัจจุบัน คือการออกแบบที่สง่างามสไตล์ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูงเท่านั้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย อุปกรณ์ความสะดวกสบายที่เทียบเท่ากับรถเอสยูวีในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์ขับขี่ได้ทุกโอกาส ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

ภายในห้องโดยสารสวยงามลงตัวเน้นความประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด คัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูงเท่านั้น ผสมผสานกับโทนสีภายในรวมถึงองค์ประกอบกลมกลืนอย่างลงตัว คอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่งที่ออกแบบให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง แผงประตูที่เพิ่มความหรูหราด้วยตกแต่งสไตล์เดียวกับรถเอสยูวี สัมผัสกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักปรัชญา Human Machine Interface ทุกฟังก์ชั่นจึงง่ายต่อการใช้งาน

มาสด้า BT-50 ใหม่ พร้อม…ให้คุณออกนำทุกเส้นทาง ยังคงถูกวางตำแหน่งให้เป็นปิกอัพสไตล์เอสยูวี ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ภายใต้แนวคิด Kodo : Soul of Motion โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์ SUV ของมาสด้า มาสด้า BT-50 ใหม่ พร้อมกับการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกใหม่ เสริมดีไซน์แกร่งกับกระจังหน้าและ Signature Wing สีดำเงาในทุกรุ่นย่อย เพิ่มความสปอร์ตดุดันกับสีภายนอกใหม่ สีเทา ร็อก เกรย์ (Rock Gray) เสริมความแกร่งให้กับดีไซน์ภายนอกด้วยชุดแต่งพิเศษ Black Thunder สีดำเงา ประกอบด้วยชุดแต่งกันชนหน้า สปอร์ตบาร์ กระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ มือจับเปิดประตู และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลักของรถปิกอัพมาสด้าในปัจจุบันที่ต้องการรถปิกอัพสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย และยังสะท้อนบุคคลิกอันโดดเด่นในสไตล์มาสด้าได้อย่างลงตัว

ดีไซน์ภายในแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์การออกแบบของมาสด้า ที่เน้นความเรียบง่าย เพิ่มความสปอร์ตด้วยห้องโดยสารภายดีไซน์ใหม่ เบาะหนังทูโทน สีน้ำตาล-ดำ ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผ่านการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งด้วยความประณีตและสัมผัสได้ถึงคุณภาพขั้นสูงของห้องโดยสาร อุปกรณ์มาตรฐานได้รับการอัพเกรดเพื่อเน้นตอบสนองความต้องการในการใช้งานและไลฟสไตล์ของทั้งคนขับและผู้โดยสาร อาทิเช่น หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ใหม่ ที่ถูกติดตั้งมาในรุ่นเริ่มต้น และหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สายและ Android Auto™ เพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้ขีดจำกัด

เครื่องยนต์ใน มาสด้า BT-50 ใหม่ ยังคงมีให้เลือกถึง 2 ขนาด สามารถเลือกให้เหมาะสมกับการขับขี่ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ โดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองดีเยี่ยมในทุกรอบความเร็ว นอกจากนี้เครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด ยังสามารถรองรับน้ำมัน B20 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม ด้วยมาตรฐานไอเสียเครื่องยนต์ใหม่ EURO5 พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้เลือกได้ตามความเหมาะสมของการขับขี่

สำหรับมาสด้า บีที-50 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อย รุ่นฟรีสไตล์แคป ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง (FSC Hi-Racer) และรุ่นดับเบิ้ลแคป ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง (DBL Hi-Racer) มีการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ กับอัตราเร่งและการออกตัวที่ดีเยี่ยม ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้น ตอบสนองทุกการขับขี่กับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมาพร้อมระบบ Rough Terrain Mode ที่ติดตั้งมาใหม่ และระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย ช่วยเพิ่มความมั่นใจในเส้นทางแบบออฟโร้ด

ด้านระบบความปลอดภัย มาสด้า BT-50 ใหม่ ยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลังรวมสูงสุด 8 ตำแหน่ง กล้องมองหลังตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และยังมีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advance Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงอีกด้วย

เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่อันน่าประทับใจและปลอดภัยไปอีกขั้น มาสด้า BT-50 ใหม่ ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบเพิ่มเติมเข้ามา ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจตลอดการเดินทาง อาทิเช่น

•AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ

•ACC แบบ Stop & Go (Adaptive Cruise Control with Stop & Go)

•LDW (Lane Departure Warning ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน

•FCW (Forward Collision Warning) ระบบเตือนการชนด้านหน้า

•PMM (Pedal Misapplication Mitigation) ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด

•MSL (Manual Speed Limiter) ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็ว

•AHB (Auto High Beam) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีเทา ร็อก เกรย์ (Rock Gray) ซึ่งเป็นสีใหม่ สีเทา คอนกรีต เกรย์ (Concrete Gray) สีดำ ทรู แบล็ก (True Black) และสีขาว ไอซ์ ไวท์ (Ice White)

ราคาจำหน่าย New Mazda BT-50 ทั้งหมด 6 รุ่น

ลำดับรุ่นราคา (บาท)
1Mazda BT-50 FSC 1.9 C Hi-Racer752,000
2Mazda BT-50 FSC 3.0 S Hi-Racer862,000
3Mazda BT-50 DBL 1.9 S Hi-Racer922,000
4Mazda BT-50 DBL 3.0 S Hi-Racer 6AT992,000
5Mazda BT-50 DBL 3.0 SP Hi-Racer 6AT1,172,000
6Mazda BT-50 DBL 4×4 3.0 SP 6AT1,272,000

•ราคาดังกล่าวเป็นสีโซลิคยังไม่รวมสีเมทาลิค

นายธีร์ กล่าวเสริมว่า “มาสด้า บีที-50 ใหม่ พร้อมเดินทางสู่ทุกความท้าทายกับปิกอัพสไตล์เอสยูวี ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ใส่มาให้อย่างครบครัน ทั้งด้านดีไซน์ภายนอกและภายในที่สดใหม่ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันมีเอกลักษณ์เฉพาะรถปิกอัพสไตล์เอสยูวี ช่วยให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์แห่งความสนุกสนานที่ได้รับจากปิกอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ มาสด้ามอบข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวให้กับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ย 0.99%(1) และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี(2) ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อจองซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่โชว์รูมมาสด้า หรือไปสัมผัสคันจริงได้ที่งานมอเตอร์โชว์ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th”

หมายเหตุ:

1 ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์  (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย (5) บมจ. แอกซ่าประกันภัย

โตโยต้า เผยโฉม HILUX REVO GR Sport

โตโยต้า เปิดตัว ”Hilux Generation” ตอกย้ำความเป็นรถเคียงข้างคนไทยมายาวนาน ครอบคลุมทุกการใช้งาน พร้อมแนะนำรุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567 มาพร้อมกับเครื่องยนต์มาตรฐาน EURO 5

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยนางสาวอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “Hilux Generation” ตอกย้ำการเป็นรถกระบะมหาชนครองใจคนไทย ตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งในเชิงพาณิชย์ และการใช้งานส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ TOYOTA ALIVE บางนา กม.3

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดกล่าวแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า “นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) รุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้มีการส่งมอบรถ IMV ให้กับลูกค้าชาวไทยแล้วจำนวนทั้งสิ้นกว่า 2.7 ล้านคัน ซึ่งนอกจากประสบความสำเร็จด้วยการขายภายในประเทศแล้ว เราได้ส่งออกรถในโครงการ IMV กว่า 4 ล้านคัน ไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆ กว่า 120 ประเทศ ด้วยการใช้ชิ้นส่วนการผลิตภายในประเทศ เป็นการตอกย้ำว่าโครงการ IMV มีส่วนช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างงานให้แก่คนไทย “ผมเชื่อว่า ด้วยความไว้วางใจจากลูกค้าชาวไทยในโครงการ IMV และแบรนด์โตโยต้า พร้อมด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย จนโครงการ IMV ถูกขนานนามว่า “รถกระบะมหาชน”

ในปีที่ผ่านมา แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยประสบความยากลำบากและการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทำให้ภาพรวมตลาดลดลง 9% โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะที่มียอดขายลดลงถึง 32% อย่างไรก็ตาม  รถกระบะ HILUX REVO กลับมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 40% ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ทำให้ภาพรวมของส่วนแบ่งการตลาดของเราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากที่ HILUX CHAMP ได้เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้ปีนี้ โตโยต้ายังได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถกระบะและสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 47% ในช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมั่นใจของคนไทยในรถกระบะ HILUX และแบรนด์โตโยต้า แต่ในขณะเดียวกัน เราจะไม่หยุดลงทุนเพื่อพัฒนา และมุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าชาวไทย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้งานรถกระบะที่สามารถตอบโจทย์ ตั้งแต่กลุ่มขนส่งหนักขนส่งเบา และกลุ่มที่ใช้เป็นรถส่วนบุคคล”

HILUX REVO รุ่นปรับปรุงใหม่ ตอกย้ำความเป็นรถกระบะขวัญใจมหาชน

1.Hilux Revo Z Edition ทั้งรุ่น Double cab และ Smart cab ด้วยดีไซน์กระจังหน้าใหม่ ไฟตัดหมอก ไฟหน้ารมดำ และวัสดุภายนอกสีดำเมทัลลิกในรุ่น MID ภายนอกโฉบเฉี่ยว ดุดัน ตามคำเรียกร้องจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการตกแต่งรถ ให้มีสไตล์ เท่ เป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเพื่อคนไทย ทั้ง VSC และ HAC ในทั้งสองรุ่นย่อย

2.Hilux Revo Smart Cab Pre-runner & 4×4 ปรับโฉมตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า ที่ชอบการออกแบบกระจังหน้าแบบ REVO-D ช่วยเสริมภาพลักษณ์รถกระบะใช้งานส่วนบุคคล และระบบช่วงล่าง Superflex suspension ที่นุ่มสบาย เหมาะกับการใช้งานในเมือง

3.Hilux Revo GR-Sport 4×4 นิยามความแกร่ง สปอร์ตพรีเมี่ยม กระบะสายพันธ์แกร่งรุ่นเรือธงที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถแข่งออฟโรดแรลลี่ ด้วยสมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศกับเครื่องยนต์ 2.8 GD Super Power ปรับจูนใหม่ 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตัน-เมตร ปรับจูนช่วงล่าง เพิ่มความกว้างฐานล้อ (wide tread) ด้านหน้าขึ้นอีก 140 มม ด้านหลัง 155 มม และเปลี่ยนเบรกหลังเป็นดิสก์เบรก ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ ยึดเกาะถนนได้ดีมากขึ้น

นอกจากปรับการออกแบบภายนอกแล้ว ยังเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายสูงสุด อาทิ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้วรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

มร.ยามาชิตะ กล่าวย้ำว่า “HILUX REVO ทุกรุ่น ได้ปรับปรุงให้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ระดับยูโร 5) ที่ช่วยลดการปล่อยละออง PM2.5 อีกด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า HILUX REVO ใหม่ และ HILUX CHAMP จะเป็นรถที่ครองใจคนไทย และได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นที่ผ่านมา ทั้งสามารถครองส่วนแบ่งตลาดที่สูงยิ่งขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้น เรามุ่งหวังว่า HILUX จะยังคงเป็นรถที่สร้างรอยยิ้มไปพร้อมๆกับช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้สมกับที่ได้การขนานนามว่า “รถกระบะมหาชน”

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “Hilux Generation เกิดขึ้นจากการที่รถกระบะ HILUX ของเราอยู่เคียงข้างและครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน และครอบคลุมทุกการใช้งานของคนไทย ด้วยยอดจำหน่ายรถกระบะของโตโยต้ากว่า 14,233 คัน คิดเป็น 46.8% ในเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ของส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถกระบะ สะท้อนให้เห็นว่าโตโยต้านั้นยังเป็นคำตอบสำหรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มการเน้นการใช้งานบรรทุกหนักจากรุ่น HILUX CHAMP ที่ได้เปิดตัวล่าสุดไปเมื่อปลายปี 2566 เพื่อเน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างรุ่น HILUX REVO Pre-runner รวมทั้งรุ่น HILUX REVO Z Edition กระบะตัวเตี้ยใช้งานได้หลากหลาย หรือตกแต่งตามกระแสนิยมไปจนถึงการใช้งานระดับ high performance กับรุ่น HILUX REVO GR-Sport

กระบะ HILUX ได้รับความไว้วางใจและการขนานนามจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างสม่ำเสมอว่าเป็น King of off-road ด้วยชื่อเสียงจากสมรรถนะอันเป็นเลิศของระบบการขับเคลื่อน 4×4 ประกอบกับเครื่องยนต์ที่มีพลกำลังและเทคโนโลยีในการขับขี่รอบด้าน ทำให้กระบะ HILUX มีความทนทานพร้อมรับทุกความท้าทายจากทุกวิถีแห่งการใช้งาน และในครั้งนี้ โตโยต้าได้แนะนำ รถกระบะ Hilux Revo GR-Sport 4×4 ใหม่เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมที่ชื่อชอบการใช้งานกระบะสมรรถนะสูง และ ตอกย้ำว่าโตโยต้าเป็นเจ้าตลาดด้านการพัฒนารถกระบะมาอย่างต่อเนื่อง”

นายศุภกร เล่าถึงเรื่องราวของการปรับปรุงรุ่น Prerunner ว่า “เราได้ตอกย้ำจุดขายกระบะไลฟ์สไลต์คนเมือง สำหรับออกไปทำกิจกรรมต่างๆ พร้อมสื่อสารเรื่องช่วงล่าง Superflex suspension ที่นุ่มสบายเพราะถูกปรับมาให้เหมาะกับการใช้งานในเมือง เพื่อเป็นการตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานของรถกระบะยกสูงซึ่งส่วนใหญ่ใช้งานเป็นรถในชีวิตประจำวัน ขับอยู่ในเมือง และมองหารถใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่ขับขี่สะดวกสบาย มีฟังก์ชั่นแบบพรีเมียม และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตเชิงไลฟ์สไตล์ได้ เช่น การท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ “ให้คุณใช้ชีวิตได้มากกว่า” ซึ่งเราเน้นการสื่อสารแบบใช้งานจริงผ่านทุกช่องทาง เช่น อินฟลูเอนเซอร์ และออนไลน์คอนเทนต์ต่างๆ ที่ทำให้เห็นว่ารถกระบะนั้นก็สามารถใช้งานเป็นรถยนต์นั่งส่วนตัวได้อย่างสะดวกสบายและช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่หรูหราได้เช่นกัน”

นางสาวอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงการปรับปรุงรุ่น Smart Cab และรุ่น Z Edition ว่า “เราเห็นถึงความสำเร็จในดีไซน์ของรุ่น Hilux REVO-D ยกสูงที่มีรูปลักษณ์พรีเมี่ยม เป็นที่ถูกใจลูกค้าชาวไทยกลุ่มใช้งานส่วนบุคคล และจากการที่โตโยต้าลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ใช้จริงทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่องนั้น เราได้รับเสียงเรียกร้องจากลูกค้าในรุ่นสมาร์ทแค็บยกสูง ว่าอยากได้รูปลักษณ์แบบ REVO-D ยกสูง เราจึงขยายดีไซน์ลงมาในสมาร์ทแค็บยกสูงทุกเกรด เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์มีความเป็นใช้งานส่วนบุคคุลมากขึ้น และสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของมากขึ้น

 ส่วนในตระกูล Z Edition เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีเอกลักษณ์การใช้งานกระบะขับเคลื่อนสองล้อที่ไม่เหมือนใครในตลาดโซนเอเชียซึ่งเป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นหลัก โดยลูกค้าคนไทยนั้นนิยมใช้งานเพื่อการขับขี่เป็นรถส่วนตัว ความต้องการเรื่องเอกลักษณ์ของรูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นลูกค้าวัยรุ่น ยังมีความชื่นชอบในการตกแต่ง ปรับจูนรถ เพื่อทำให้รถตอบสนองการความต้องการ และ แสดงตัวตนผ่านการตกแต่งรถด้วยอุปกรณ์ตกแต่งที่มีในท้องตลาด ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางทีมออกแบบและพัฒนาจึงได้ทำให้รถกระบะเพื่อการใช้งานกลายเป็นรถกระบะสปอร์ตที่ผสมผสานระหว่างความโฉบเฉี่ยว แต่ดูเรียบหรู ด้วยราคาที่จับต้องได้ และพร้อมที่จะต่อยอดตกแต่งเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และ แสดงความเป็นตัวตนของลูกค้าแต่ละท่าน ยิ่งไปกว่านั้น เราได้เพิ่มสเปคเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นไฟตัดหมอกในรุ่นMID และ ระบบ VSC ที่มาพร้อมกับ HAC ในทุกรุ่นของ Z Edition อีกด้วย”

พร้อมแนะนำ Hilux REVO GR Sport 4×4

สุดยอดแห่งรถกระบะสมรรถนะสูง

นางสาวอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวคิดการปรับปรุงใหม่ของ HILUX REVO GR Sport Wide Tread ว่า “HILUX REVO GR Sport 4×4 เป็นรถที่ออกแบบและพัฒนา ภายใต้วิสัยทัศน์ “Making Ever-better Motorsports-bred Cars” ด้วยความมุ่งหวังให้เป็นมากกว่าแค่รถกระบะเพื่อการใช้งาน แต่เป็นรถที่จะร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่และการผจญภัย Hilux REVO GR Sport 4×4 จะเพิ่มความสนุกในการขับขี ทีมพัฒนาได้เพิ่มขีดจำกัดในการขับขี่ ทั้งบนถนนทางเรียบ (ออนโรด) และ ทางขรุขระที่มีอุปสรรคธรรมชาติ (ออฟโรด)

Hilux REVO GR Sport 4×4 ถูกพัฒนา มีการปรับความสูงและความกว้างของรถ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการข้ามผ่านอุปสรรคบนถนนออฟโรด และยังเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่บนถนนทางเรียบ อีกทั้งเครื่องยนต์ได้ถูกพัฒนาเพิ่มกำลังเพื่อเพิ่มความสนุกและการตอบสนองในการขับขี่ ในส่วนของดีไซน์ Hilux REVO GR Sport 4×4 มาพร้อมกับการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง rally และ รูปลักษณ์ที่สปอร์ตทั้งภายนอก และ ภายในตามคอนเซปต์ของ Gazoo Racing ที่มาคู่กับความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์”

Highlight ของ Hilux REVO GR Sport 4×4

1.ดีไซน์ภายนอก Hilux REVO GR Sport 4×4 ได้รับการออกแบบให้มีความเป็นรถกระบะออฟโรด DAKAR Rally ออกแบบให้มีทั้งการป้องกันในการก้าวข้ามอุปสรรค ในขณะเดียวกันก็จัดการเรื่องอากาศพลศาสตร์ได้อย่างดี จุดเด่นคือดีไซน์ใหม่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมตัวถังขนาดกว้างขึ้นและสูงขึ้น มิติองศาด้านหน้าเชิดขึ้น 20 มิลลิเมตร ก้าวข้ามขีดจำกัดในเส้นทางออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น

2.สมรรถนะเครื่องยนต์ Hilux REVO GR Sport 4×4 ใหม่นี้ ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.8 ปรับจูนใหม่ แรงขึ้น 10% กำลังสูงสุด 224 แรงม้า (165 กิโลวัตต์) แรงบิด 550 นิวตัน/เมตร พร้อมเกียร์ที่ตอบสนองได้เร็วขึ้น สอดรับกับกำลังเครื่องยนต์เป็นอย่างดี พร้อมโหมดสปอร์ตที่ปรับจูนมาเฉพาะรุ่น Hilux REVO GR Sport 4×4 รีดกำลังเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น ขับสนุกได้ทุกเส้นทาง

3.ระบบช่วงล่าง มีการปรับปรุงให้มีระยะฐานล้อหน้ากว้างขึ้น 140 มิลลิเมตร ด้านหลัง 155 มิลลิเมตร ช่วยให้เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น 37 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบโช้คอัพหน้ากระบอกเดี่ยว (Monotube) พร้อมปรับจูนคอยน์สปริง ระบบโช้คอัพหลังพร้อมแหนบแบบนุ่ม เบรกหลังพัฒนาจากดรัมเบรคเป็นดิสเบรก ตกแต่งด้วยคาลิปเปอร์สีแดง เพิ่มความสปอร์ตให้กับรถ ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว มาพร้อมกับยาง BF Goodrich All terrain 265/65R17

4.ดีไซน์ภายใน อัพเกรดให้ความรู้สึกพรีเมียมมากขึ้น ในห้องโดยสารที่มีธีมสีดำทั้งคัน เบาะวัสดุหนังกลับ (Suede) กระชับตัวผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น ดีไซน์สอดรับกับสมรรถนะความเป็นรถแข่ง โทนสีดำภายในตัดด้วย เซนเซอร์มาร์กและเข็มขัดนิรภัยสีแดง อัดแน่นด้วยอุปกรณ์เสริมความสะดวกสบาย อาทิ จอกลางคอนโซลขนาด 10.25 นิ้ว พร้อม Wireless Apple Carplay & Android Auto แท่นชาร์ตโทรศัพท์แบบไร้สาย

พร้อมแนะนำชุดแต่ง ตอบรับกลุ่มแฟนคลับในการแต่งรถ

นายศุภกรฯ กล่าวแนะนำแนวคิดการพัฒนา HILUX ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งรถ ว่า “ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเป็นลูกค้าใช้งานโดยมีความสร้างสรรค์เป็นเอกลักษณ์ และมีความชื่นชอบในการปรับแต่งรถยนต์ ทั้งภายนอก ภายใน และ เครื่องยนต์ เพื่อรองรับแนวโน้มที่จะมีการแต่งรถเพิ่มมากขึ้น  โตโยต้าเตรียมชุดแต่งไว้รองรับ หรือ นำเสนอไอเดียการแต่งเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าเห็นไม่ว่าจะเป็น Hilux Revo-D Z Edition พร้อมชุดแต่ง Z-runner ซึ่งเป็นรถคอนเซ็ปต์ที่คิดขึ้นมาโดยทีมงานโตโยต้าของเราเอง เป็นสไตล์แข็งแกร่ง ใช้งานง่ายขึ้น ที่นำรถตัวเตี้ยมาเสริมด้านข้างและยกให้สูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังมีการร่วมงานกับ 2 อู่ดัง ได้แก่ เม้ง-การยาง และน้าแจ่ม AZC ในประเทศเพื่อสร้างต้นแบบการแต่งรถ Z Edition คันแรกๆ ในประเทศ”

เปิดประสบการณ์แห่งความประทับใจ

กับกิจกรรมจาก รถกระบะมหาชน มากมายตลอดทั้งปี

นายศุภกร กล่าวเพิ่มเติมว่า“ในปีนี้โตโยต้ามีกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้มาทดลองการขับขี่จริงอย่างเต็มระบบ อาทิ กิจกรรม Off-road experience day ซึ่งเราต้องการให้ลูกค้าได้รู้จักและใช้งานรถได้อย่างเต็มศักยภาพที่มี นอกจากนี้ยังมีการร่วมจัดรายการแข่งขันรถยนต์ออฟโรด โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ 10 เซียนประจัญบาน ที่สนาม Grand Prix Motor Park จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในงานผู้เข้าร่วมสามารถทดลองขับไฮลักซ์ รีโว่ แบบออฟโรดในสนามจริง พร้อมชมการแข่งกันออฟโรดมืออาชีพ แต่หากลูกค้าท่านใดที่สนใจทดสอบรถกับสนามที่ได้มาตรฐานในกรุงเทพฯ ก็สามารถมาได้ที่ Toyota Alive บางนา โดยมีสถานีออฟโรดให้ลูกค้าได้ทดลองรถแบบครบวงจร และที่สำคัญทดลองฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย”

“นอกจากนี้ ในปัจจุบันเราเล็งเห็นว่ามีอู่ตกแต่งรถที่มีชื่อเสียงมากมายเกิดขึ้น เราจึงมีความตั้งใจและพยายามจะเชื่อมกระชับสังคมลูกค้าและอู่ต่างๆ ผ่านกิจกรรม Racing Mania ที่เราจัดมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ รวม 5 สนามในหลายจังหวัด และการแข่งขันมีตั้งแต่รุ่นสมัครเล่นไปจนถึงรุ่นโปรที่ใช้ชื่อว่า Super Revo ที่มีอู่ดังมากมายมาเข้าร่วมการแข่งขัน จึงขอเชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบมาร่วมชม และเข้าร่วมการแข่งขันแดรกแบบมาตรฐานและถูกต้องในสนามปิด อีกทั้งเรายังมีอู่ชั้นนำ พาร์ทเนอร์ รวมถึงร้านอาหาร ร้านค้ามากมาย มาเข้าร่วมออกบูธ ลด แลก แจก แถม ภายในงาน ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐระดับภูมิภาคอีกด้วย โดยผู้ที่สนใจ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการจัดงานได้ที่ Facebook Racing Mania

อีกหนึ่งกิจกรรมคือ กิจกรรมอาชีวะ ท้า แต่ง แซด ที่เกิดขึ้นเพราะโตโยต้าตั้งใจส่งเสริมทักษะและ ศักยภาพของน้องๆอาชีวะ เปลี่ยนความชอบให้เป็นอาชีพ เพื่อให้สามารถต่อยอดได้ในอนาคต โดยเราได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมอาชีวะศึกษา เชิญชวนน้องๆ ชาวอาชีวะมาสร้างไอเดียการตกแต่งกระบะ REVO Z Edition ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา เราได้ทดลองจัดการแข่งขันในเขตจ.ชลบุรี ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และในปีนี้การแข่งขัน อาชีวะ ท้า แต่ง แซด ปี2 เราจะขยายการแข่งขันให้เป็นระดับประเทศ ซึ่งจะเปิดรับสมัครช่วงกลางปี 2567 นี้ โดยสามารถติดตามรายละเอียดการรับสมัคร ได้ที่ Facebook Hilux Revo Thailand”

โดยในงานนี้ โตโยต้ายังได้เปิดตัวหนังโฆษณาตัวใหม่สำหรับ Revo Z Edition ภายใต้ธีม “อารยธรรมแสบ แซดให้โลกเห็น” เพื่อเจาะกลุ่มชาวกระบะตัวเตี้ยที่มักจะรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น รวมถึงการแนะนำ พรีเซ็นเตอร์-แบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่สามารถเป็นตัวแทนกลุ่มของลูกค้า ทางบริษัทฯ ได้เลือกคุณเก้า-จิรายุ ละอองมณี ร็อกเกอร์ และ นักแสดงตัวแทนชาวแซด เจนแสบ พร้อมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ อีกสองท่าน ประกอบไปด้วย ดี เจอร์ราร์ด ศิลปินสุดเท่ มาดแสบ ที่มีเพลงดังเช่น Galaxy 249 ล้านวิว หรือเพลงใหม่ที่กำลังเป็นกระแสตอนนี้เช่น รถไฟฟ้า (Galaxy Express)  ที่มีผู้ชมรวมกว่า 51 ล้านวิว และ คุณแอน อรดี ซุปตาร์หมอลำลีลาแสบแซด ที่มีเพลงฮิตติดหูอย่างเช่น ป๋าเมียมาเลย และ ลืมฮูดซิบ ซึ่งศิลปินทั้งสามท่านถือเป็นตัวแทนความนิยมในแต่ละด้านเพื่อสื่อสารกับลูกค้าที่มีความหลากหลาย ซึ่งศิลปินทั้งสามท่านจะร่วมแสดงในหนังโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ให้มากที่สุด”

นายศุภกร กล่าวเสริมถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และการตลาดของ “HILUX CHAMP” ว่า “การใช้งานของรถกระบะเชิงพาณิชย์ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มขนส่งหนัก กลุ่มขนส่งเบา และกลุ่มที่นำรถไปดัดแปลงเพื่อตอบโจทย์ Mobility Business ต่างๆ (Foodtruck รถ Kiosk หรือรถร้านค้า) ซึ่งเป็นที่ทราบโดยส่วนใหญ่ว่า โตโยต้ามีกระบะแสตนดาร์ดแค็บ ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ พร้อมด้วยเครื่องยนต์ 2.4 และ 2.8 ซึ่งได้ผ่านการพิสูจน์เรื่องความทนทาน และสมรรถนะจากผู้ใช้จริงมาหลายปี ทำให้เราสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดมาโดยตลอด ในปีนี้เราได้เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย VSC และ HAC ในตลาด 4×4 เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ขนส่งระยะไกล โดยในปีนี้ เราจะเน้นการทำตลาดในเครื่องใหญ่อย่าง 2.8 ที่โดดเด่นเรื่องการออกตัว มีสมรรถนะที่ไม่เป็นรองใคร เหมาะอย่างยิ่งกับกลุ่มกระบะต่อคอกที่ขนหนัก

และด้วยความไว้วางใจของลูกค้าที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีกับ HILUX CHAMP ทำให้เราได้รับยอดจองมากกว่า 5,000 คัน ตั้งแต่เปิดตัว ซึ่งจากการสำรวจตลาดช่วงแรกนี้ เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มลูกค้าที่สนใจ HILUX CHAMP กว่า 80% เป็นเจ้าของธุรกิจ เน้นขนส่งเบา และบางส่วนก็นิยมดัดแปลงรถ เพื่อเป็น Mobility Business และลูกค้ากลุ่มที่นำไปดัดแปลงแต่งเพื่อความสวยงาม และดัดแปลงตามไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งพบเป็นจำนวนมากหลังจากที่รถได้เปิดตัวออกไปการมาของ Hilux Champ ในครั้งนี้ จึงถือว่าเราได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ๆ และสามารถสร้างสีสันในธุรกิจอุปกรณ์ตกแต่ง ตลาดดัดแปลง และสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ หรืออู่แต่งรถท้องถิ่นได้อย่างดี”

ราคาอย่างเป็นทางการในแต่ละรุ่น (รวม VAT และเครื่องปรับอากาศ)

โดยHilux Revo รุ่นปรับปรุงใหม่ ปี 2567

•B-cab                   ราคาเริ่มต้น 584,000 – 801,000 บาท

•Z Edition              ราคาเริ่มต้น 669,000 – 862,000 บาท

•Pre-runner           ราคาเริ่มต้น 775,000 – 1,072,000 บาท

•4×4                       ราคาเริ่มต้น 944,000 – 1,252,000 บาท

•Rocco                  ราคาเริ่มต้น 1,006,000 – 1,326,000 บาท

•GR-Sport             ราคาเริ่มต้น 934,000 – 1,499,000 บาท

หมายเหตุ:

1.ราคาขายข้างต้น อ้างอิงจากราคาสีรถแบบเมทัลลิค

2.ราคาขายสำหรับรุ่น Rocco และ GR Sport ข้างต้น เป็นราคารวมอุปกรณ์ตกแต่งที่ติดตั้งโดยบริษัท ไทย ออโต้ คอนเวอร์ชั่น จำกัด

โดยมี 8 สี ให้เลือกดังนี้

-Super White (ลด 7,000 บาท)

-Platinum White Pearl (เพิ่ม 10,000 บาท)

-Silver Metallic

-Dark Grey Metallic

-Attitude Black Mica

-Dark Blue Mica

-Oxide Bronze Metallic

-Emotional Red (เพิ่ม 10,000 บาท)

พิเศษสุด!! สำหรับลูกค้า ไฮลักซ์ รีโว่ ดับเบิ้ลแค็บ 2×4 รุ่นปรับปรุง ปี 2567 

ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ยพิเศษ 0% (ดาวน์25% ผ่อน 48 งวด) + ประกันภัยชั้น1 Toyota Care PHYD

ทางเลือกที่ 2 : ผ่อนเริ่มต้น 8,585 บาท (ดาวน์ 25% ผ่อน 96 เดือน ดอกเบี้ย 3.09%) พร้อมประกันภัยชั้น1 Toyota Care PHYD

พร้อมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพจาก 3 ปีเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมทั้งฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม.

พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโตโยต้า “HILUX GENERATION”

“ให้คุณใช้ชีวิตได้มากกว่า” กับรุ่นปรับปรุงใหม่ HILUX REVO และ Z Edition อัปเกรดเครื่องแรง มาตรฐาน EURO 5 ช่วงล่างแกร่ง และดีไซน์ใหม่ ทั้งภายนอกโฉบเฉี่ยว ดุดัน ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่งในสนาม และภายในเข้ม สปอร์ต พร้อมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อย่างปลอดภัย

สัมผัสรถกระบะมหาชนครองใจคนไทย HILUX REVO ได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.toyota.co.th/

Facebook : Toyota Motor Thailand

LINE ID : @ToyotaThailand 

TikTok : @ToyotaMotorTH

X(Twitter) : @ToyotaMotorTH

Instagram : @toyotamotorthailandofficial    

H.O.G.™ Rally 2024 : เหล่าไบค์เกอร์ในร่างคาวบอยทั่วไทย พร้อมใจ ควบ Harley-Davidson® ตะลุยดินแดน Wild Wild West เขาใหญ่!!!

บ้านเขย่า ภูเขาสะเทือน เหมือนฟ้าถล่ม! เมื่อคาวบอยกว่าพันชีวิตมารวมตัวที่ H.O.G.™ Rally 2024 : Wild Wild West หนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี เพื่อผู้คลั่งไคล้ Harley-Davidson® โดยเฉพาะ ณ โบนันซ่า เขาใหญ่


H.O.G.™ Rally 2024 : Wild Wild West อัดแน่นไปด้วยความมันส์ บันเทิง ชวนให้ผู้มาเที่ยวงานทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ได้รื่นเริงกันแบบเกินเบอร์ (แต่ไม่เกินไป) จากกิจกรรมหลากหลาย อาทิ เกมส์ยิงปืนคาวบอย โยนเกือกม้า ยิงธนู ที่สำคัญยังมีม้ามาให้ขี่กันจริงๆ อีกด้วย!! เรื่องอาหารการกินก็ครบครันมีให้อิ่มหนำกันตลอดคืน ด้านช๊อปปิ้งก็ไม่น้อยหน้า เพราะผู้จัดสรรหาร้านค้าทั้ง เสื้อผ้าแฟชั่น Gadget ของเล่น สุดคูล รวมถึงงานศิลปะสุดเก๋มายั่วเงินในกระเป๋าให้ออกมาปลิวว่อนกันแบบจุใจ และพิเศษสุด ๆ กับนิทรรศการ THE LEGEND OF AMERICAN DREAMIN’ ที่ขนทัพรถ Harley-Davidson®  ต่างๆ มาให้ได้จรรโลงตาจรรโลงใจ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นหายากและรถคัสตอมที่ผ่านการชนะการประกวดในเวทีระดับโลกมาแล้ว พร้อมเผยโฉมรถรุ่นใหม่ 2024 ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และข้อเสนอสุด Exclusive สำหรับรถปี 2023 เฉพาะในงานเท่านั้นอีกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง Joey Boy, Trix ‘O’ Treat และ Sixty Ninth ที่ขนเพลงฮิตมาร้องให้ฟังแบบเต็มอิ่ม สร้างบรรยากาศคึกคักสุดๆ โดย งาน H.O.G.™ Rally 2024 ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เหล่าผู้เข้าร่วมงาน กว่า 1,000 คน ต่างประทับใจกับกิจกรรมต่างๆ บรรยากาศภายในงาน และความยิ่งใหญ่ของ Harley-Davidson® ที่ต้องบอกว่า เป็นงานที่ครบเครื่อง และยอดเยี่ยมที่สุดงานหนึ่งของปี

โดยงานนี้มีเหล่า ดารา Celebrity เข้าร่วมงานคับคั่ง เช่น กาย รัชชานนท์ , ภูริ หิรัญพฤกษ์

คุณกาย รัชชานนท์ – ผู้ขี่  Harley-Davidson® Road Glide™

“เป็นครั้งแรกที่มาร่วมงาน H.O.G.™ Rally ต้องบอกว่ามันส์มากครับ เหมือนมางาน Festival เพราะมีครบทั้งคอนเสิร์ต อาหารอร่อยๆ วิวสวย บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังคาวบอยเลย จัดงานได้ยิ่งใหญ่จริงๆ โดยเฉพาะโซนที่มีการจัดแสดงรถ Harley-Davidson®  รุ่นใหม่ ปี 2024 เห็นแล้ว อยากได้คันที่ 2 มาก แถมมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมเยอะ ที่สำคัญได้เจอเพื่อนๆ ที่รักใน Harley-Davidson® เหมือนกัน อีกด้วย”

คุณภูริ หิรัญพฤกษ์ – ผู้ขี่  Harley-Davidson® Sportster™ S

“เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เข้าร่วมงาน H.O.G.™ Rally ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ เปิดโลก ของผมมากๆ โดยส่วนตัว สไตล์ผมชอบท่องเที่ยว และ ชอบกิจกรรม Adventure งานนี้จึงรู้สึกประทับใจมากได้เจอเพื่อนใหม่ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ คิดว่าสนใจอยากมีรถ Harley-Davidson® สักคันแล้วครับ และคงจะออกกับ AAS แน่นอน เพราะว่า แอบถามโปรโมชั่นแล้ว เร้าใจมาก”

โดยงานนี้ยังได้รับเกียรติเข้าร่วมงานจากคุณซาจีฟ รัชเกคาราน กรรมการผู้จัดการ Harley-Davidson® สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมงาน H.O.G™ Rally จัดโดย AAS Harley-Davidson® และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นความหลงใหลและความกระตือรือร้นของชุมชนนักขี่และตัวแทนจำหน่ายของเราในประเทศไทย   

ที่ Harley-Davidson® เรามีจุดยืนในเรื่องของอิสรภาพ ไม่มีวิธีใดที่จะดีไปกว่าการแสดงออกและเฉลิมฉลองจุดยืนของเราร่วมกับสมาชิก Harley Owners Group™ (H.O.G™) ซึ่งเป็นตัวแทนของนักขี่ที่รักในแบรนด์ของเรา ปีนี้เรายังมีแผนและกิจกรรมที่รออยู่อีกมากมายในประเทศไทย และอยากจะขอเชิญนักขับขี่ทุกคนมาร่วมกิจกรรมกับเรา”

AAS Harley-Davidson®  Group เจ้าภาพหลักของการจัดงานครั้งนี้ ในฐานะศูนย์บริการ สุดปลื้ม คนร่วมงานคับคั่ง

คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์  Managing Director ของ AAS Harley-Davidson® Group

กล่าวว่า เรารู้สึกดีใจมากที่งาน H.O.G.™ Rally 2024 : Wild Wild West ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ผู้เข้าร่วมงานต่างประทับใจกับกิจกรรมต่างๆ บรรยากาศภายในงาน และความยิ่งใหญ่ของ Harley-Davidson® โดยครั้งนี้ พิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะเป็นการจัดแบบ Co-Host ที่มากที่สุด เพราะรวม  Dealer ของ AAS ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ AAS Harley-Davidson®  of Bangkok, AAS Harley-Davidson® of Pattaya และ AAS Metro Harley-Davidson® กับอีก 3 Chapter ของ H.O.G.™ AAS ได้แก่ H.O.G.™ AAS Bangkok, Pattaya และ Metro Bangkok  และเป็นงานแรกที่ทำเป็น Festival มี ความร่วมมือจาก Sponsor  Partner ต่างๆ ของ AAS ทั้งในและนอกเครือบริษัท  มีการจัดนิทรรศการพิเศษ เกี่ยวกับ Harley-Davidson® พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2024 ตัวจริง เสียงจริง  

 
และอีกหนึ่งความพิเศษของการจัดงาน  H.O.G.™ Rally 2024 ครั้งนี้ คือ รายได้ส่วนหนึ่ง เราจะนำไปใช้ในการบูรณะห้องน้ำ ให้ถูกสุขอนามัย ปลอดภัย และรองรับการใช้งานได้เพียงพอกับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ให้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้วย

งาน H.O.G.™ Rally 2024 แสดงให้เห็นถึงพลังชาว Harley-Davidson® ที่รวมตัวกันด้วยความรักใน     แบรนด์ ความหลงใหลในเสียงเครื่องยนต์ และความเป็นอิสระ โดยเราตั้งใจอย่างยิ่งที่จะสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้เข้าร่วมงานทุกคน และหวังว่าจะได้ต้อนรับพวกเขากลับมาอีกครั้งในงานอื่นๆ ต่อไปในอนาคต


นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า  AAS Harley-Davidson® Group มุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์เหนือระดับแก่ลูกค้า ไม่เพียงแค่ความแรงเร้าใจบนท้องถนน แต่เรายังขยายประสบการณ์นั้นผ่าน ไลฟ์สไตล์แบบฉบับ AAS ด้วยสินค้า บริการ และกิจกรรมต่างๆ แบบองค์รวม ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจ รวมถึงได้สัมผัสความล้ำสมัย แต่ยังคงแฝงไปด้วยความคลาสสิกของ Harley-Davidson® รุ่นใหม่ และได้สัมผัส รสชาติสุดพิเศษ ผ่านกาแฟ SHADE Commune ของ AAS ด้วย

คุณกรภัค มิกานนท์ Dealer Principal  ของ AAS Harley-Davidson® Group

กล่าวว่า งาน H.O.G.™ Rally 2024 :  Wild Wild West  เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของปี เราตั้งใจให้งานนี้เป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของคนที่รักและชื่นชอบใน Harley-Davidson® รวมไปถึงเหล่าดารา Celebrity ต่างๆ

เราดีใจที่งานนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงาน แสดงให้เห็นว่า Harley-Davidson® ไม่ได้เป็นแค่รถมอเตอร์ไซค์ แต่เป็นไลฟ์สไตล์ เป็น Community ที่รวมคนที่มีความชอบคล้ายๆ กัน เราหวังว่างาน H.O.G.™ Rally 2024 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ให้คนรู้จัก AAS Harley-Davidson® มากขึ้น และเราหวังว่าจะได้เห็นพวกเขาบนท้องถนนในเร็วๆ นี้ เพราะภายในงานได้มีการนำเสนอรถรุ่นใหม่ โปรโมชั่นสุดพิเศษ และบริการต่างๆ แก่ผู้เข้าร่วมงานนี้ด้วย รู้สึกดีใจที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงานทุกเจนเนอเรชัน แสดงให้เห็นว่า AAS ไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนจำหน่าย Harley-Davidson® แต่เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ที่มอบประสบการณ์พิเศษ แก่ลูกค้าของเรา

AAS Harley-Davidson® Group มุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ประเทศไทย งาน H.O.G.™ Rally 2024 : Wild Wild West สะท้อนความสำเร็จ และวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่

นอกจากบรรยากาศภายในงาน H.O.G.™ Rally 2024 เต็มไปด้วยความคึกคักแล้ว เหล่าผู้บริหาร AAS Harley-Davidson® Group ได้ใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ประเทศไทย

คุณอนุวัชร กล่าวว่า งาน H.O.G.™ Rally 2024 : Wild Wild West ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ Harley-Davidson® และความมุ่งมั่นของ AASHarley-Davidson® Group ในการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่าง และดีที่สุดแก่ลูกค้า โดย AAS มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์  Harley-Davidson® ประเทศไทย เราจะบรรลุเป้าหมายนี้ผ่านกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ดังนี้

1. การขยายฐานลูกค้า:

    นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ มุ่งเน้นทั้งกลุ่มเป้าหมายที่ซื้อรถคันที่ 2 และแม้แต่ผู้ที่จะซื้อ Big Bike เป็นคันแรก และอยากส่งต่อประสบการณ์ โดยการบอกต่อ
    AAS จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดที่ตรงใจ อย่างสม่ำเสมอ

    2. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์:

    มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์พิเศษที่แตกต่างแก่ลูกค้า Harley-Davidson® ทุกคน พัฒนาบริการหลังการขาย ให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด สนับสนุน Community Harley-Davidson® สร้างความผูกพันแน่นแฟ้น  

    • การขยายเครือข่ายการจำหน่าย:

    พัฒนาระบบออนไลน์ เพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า

    AAS Harley-Davidson® Group มุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

    คุณกรภัค เสริมว่า  AAS มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ เรามั่นใจว่า AAS จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson®  ประเทศไทย และนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา ด้วยกลยุทธ์ 5 ประการ ที่ทำให้ AAS โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ดังนี้

    1. ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย: AAS นำเสนอ Harley-Davidson® รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่นยอดนิยม และรุ่นพิเศษ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

    2. บริการที่ยอดเยี่ยม: AAS มุ่งเน้นการบริการหลังการขายที่เหนือระดับ ด้วยทีมช่างผู้ชำนาญ อะไหล่แท้ และเครื่องมือที่ทันสมัย 

    3. ประสบการณ์พิเศษ: AAS มอบประสบการณ์พิเศษแก่ลูกค้า ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น H.O.G.™ Rally ทริป ท่องเที่ยว และการอบรม

    4. ชุมชนที่แข็งแกร่ง: AAS สนับสนุนชุมชน Harley-Davidson® ทั้ง H.O.G.™ และ MC Club ต่างๆ สร้างความผูกพัน และแบ่งปันประสบการณ์

    5. นวัตกรรมและเทคโนโลยี: AAS มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

    กลยุทธ์เหล่านี้ ทำให้ AAS โดดเด่นเหนือคู่แข่ง และสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า AAS มุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ประเทศไทย และนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

    นอกจาก 5 กลยุทธ์หลักข้างต้น AAS ยังมีจุดเด่นอื่นๆ ดังนี้

    ทีมงานมืออาชีพ: AAS มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ

    แบรนด์ที่แข็งแกร่ง: Harley-Davidson® เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้รับการยอมรับจากผู้ขับขี่ทั่วโลก

    ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน จุดเด่นที่หลากหลาย และความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า AAS Harley-Davidson® Group จึงเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ประเทศไทย ที่ลูกค้าไว้วางใจ

    การันตีจาก รางวัล Dealer ยอดเยี่ยมระดับเอเชียถึง 2 ปีซ้อน คือ Asia Emerging Markets Dealer of the Year 2018 และ 2019 จากสาขา AAS Harley-Davidson® of Bangkok และในปี 2022 AAS Harley-Davidson® of Pattaya และ Metro ซึ่งยังคงเป็นเพียง 2 ตัวแทนจากประเทศไทยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 5 ดีลเลอร์ยอดเยี่ยมระดับเอเชีย  ซึ่งเป็นรางวัลใหม่แทนของเดิมในชื่อ 5-Star Achiever Award โดย AAS Harley-Davidson® Group เราเป็นรายแรกและรายเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้  


    เชิญชวนเปิดประสบการณ์รถ Harley-Davidson® รุ่นใหม่
    และ จองคิวเพื่อทดลองขับรถ Test Ride และเข้ารับบริการโดยช่างผู้ชำนาญการ ได้ที่ โชว์รูม AAS ทั้ง 4 สาขาของเรา ได้แก่  

    1. AAS HARLEY-DAVIDSON® OF BANGKOK

    ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย พื้นที่กว้างขวาง รองรับการบริการครบวงจร

    เบอร์โทร: 02-521-4545

    2. AAS METRO HARLEY-DAVIDSON®
    ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 26  โครงการ เอ สแควร์  ดีไซน์เรียบหรู เน้นความสะดวกสบาย ใจกลางเมือง

    เบอร์โทร. : 02-258-0988, 097-484-8844

    3. AAS HARLEY-DAVIDSON® OF SIAM PARAGON
    ตั้งอยู่ ชั้น2 สยามพารากอน  เน้นงานแฟชั่นสาย Biker แบบฉบับลิขสิทธิ์แท้  ของ Harley-Davidson®

    เบอร์โทร: 02-610-9777

    4. AAS HARLEY-DAVIDSON® OF PATTAYA
    ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท พัทยา ในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทุกเจนเนอเรชัน

    เบอร์โทร: 038-255-255

    สำหรับภาพบรรยากาศภายในงาน สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่:Facebook: https://www.facebook.com/AASHarleyDavidson/

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    Privacy Preferences

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    Allow All
    Manage Consent Preferences
    • Always Active

    Save