- Advertisement -
30.2 C
Bangkok
Home Blog Page 60

เปอโยต์ เปิดตัว New Peugeot 408 สปอร์ต ฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์

เปอโยต์ ประเทศไทย บุกงานมอเตอร์โชว์ เปิดตัว New Peugeot 408 สปอร์ต ฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ ขุมพลัง 218 แรงม้า เพิ่ม 2 รุ่นย่อย พร้อมรับประกันคุณภาพ 7 ปี เริ่มต้นเพียง 1.499 ล้านบาท

เปอโยต์ ประเทศไทย ภายใต้บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอกย้ำแบรนด์รถยนต์ยุโรประดับพรีเมียม เปิดตัวรุ่นไฮไลท์ New Peugeot 408 Fastback หลากรุ่น ได้แก่ New Peugeot 408 Allure, New Peugeot 408 Allure Plus และ New Peugeot 408 GT รุ่นท็อปในตระกูล ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Language of Attraction’ ภาษาแห่งการออกแบบสไตล์ฝรั่งเศส ด้วยราคาเริ่มต้น 1.499 ล้านบาท  พร้อมทัพ เปอโยต์ รุ่นยอดนิยมอื่นๆ โดยมีนางเอกสาวสวย ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ร่วมสร้างสีสันอย่างคึกคัก ที่บูธ A05 ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย เผยว่า “งานมอเตอร์โชว์ปีนี้ แบรนด์รถยนต์ เปอโยต์ ยกทัพยนตรกรรมสไตล์ยุโรป มาเปิดตัวอย่างเร้าใจ โดยเฉพาะ New Peugeot 408 ทั้ง 3 รุ่น นำโดย New Peugeot 408 Allure, New Peugeot 408 Allure Plus และ New Peugeot 408 GT ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์รูปลักษณ์และสมรรถนะ เสริมทัพด้วย เปอโยต์ เอสยูวี De Nouveau ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ เพิ่มโอกาสการเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ มุ่งมั่นสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ด้วยการขยายเครือข่าย พร้อมบริการหลังการขาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”

เปอโยต์ 408 ทั้ง 3 รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ และสมรรถนะเต็มพิกัด

New Peugeot 408 ยนตรกรรมฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ สไตล์สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1.6 ลิตร 218 แรงม้า (HP) แรงบิด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ห้องโดยสารล้ำสมัย, พื้นที่ด้านหลังกว้าง มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Peugeot i-Cockpit’ เจเนอเรชั่นล่าสุด ติดตั้งมาตรวัดขนาด 10 นิ้ว บริเวณด้านหน้าผู้ขับ กลางแดชบอร์ดติดตั้งจอระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว หันเข้าหาผู้ขับเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด

ขณะที่จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่น เริ่มจาก New Peugeot 408 Allure สะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบ Full LED และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแท้ พร้อมแพดเดิลชิฟท์ ผสานหลายโหมดการขับ Eco / Normal / Manua l/ Sport  พร้อมระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยและม่านนิรภัยรอบคัน เตือนการชนด้านหน้า เตือนเมื่อรถออกจากเลน เตือนเมื่อผู้ขับมีความเหนื่อยล้า เตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหลัง เป็นต้น ราคา 1.499 ล้านบาท

New Peugeot 408 Allure Plus โดดเด่นด้วยไฟหน้าแอลอีดีอัตโนมัติ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบอุ่นเบาะ ระบบขับอัตโนมัติ อาทิ ช่วยเตือนมุมอับสายตา ช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน อ่านป้ายจำกัดความเร็ว และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง (Adaptive Cruise Control with Stop & Go) เป็นต้น ราคา 1.599 ล้านบาท

New Peugeot 408 GT โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าอัตโนมัติแบบ Matrix Beam และ ระบบไฟสูงอัตโนมัติหลังคาแบบซันรูฟพาโนรามา ล้ออัลลอย 20 นิ้ว เบาะหนัง ‘Nappa’ พร้อมฟังก์ชั่นระบบนวดหลังเบาะผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ชุดไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร 8 สี ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบกรองอากาศ PM 2.5

ฝาท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบแฮนด์ฟรีและเพิ่มความสุนทรีย์ ด้วยชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ‘FOCAL’ จากฝรั่งเศส 10 ลำโพง เพิ่มความคุ้มค่าด้วยราคาใหม่ 1.799 ล้านบาท จากเดิมราคา 1.849 ล้านบาท

จัดหนัก ขยายเวลาการรับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 7 ปี หรือ 200,000 กม.

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ เปอโยต์ ทุกรุ่น ภายในงาน ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี นอกจากนี้ เปอโยต์ ประเทศไทย ยังนำเสนอความคุ้มค่า และอุ่นใจในมาตรฐานยนตรกรรมยุโรป กับการขยายการรับประกันคุณภาพ นานสูงสุดถึง 7 ปี เป็นมาตรฐานใหม่ โดยเริ่มต้นจากรุ่น New Peugeot 408 ทั้ง 3 รุ่น ดังนี้

New Peugeot 408 รุ่น GT, Allure และ Allure Plus

•รับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี หรือ 200,000 กม.*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

•โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Care นานสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร* และสำหรับ SUV Peugeot De Nouveau รุ่น 2008, 3008 และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง

•รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

•โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Care นานสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร*

เปอโยต์ ประเทศไทย มุ่งขยายเครือข่าย และบริการหลังการขาย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เปอโยต์ ประเทศไทย เดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูม พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร 9 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์, เยาวราช, สุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต, พัทยา และล่าสุด ‘เชียงใหม่ ออโต้’ เครือข่ายแห่งแรกในภาคเหนือ

นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังกับ เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘PEUGEOT SERVICE OUTLET’ เพื่อให้บริการหลังการขาย อีก 13 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 10 สาขา ได้แก่ พระราม 4, งามวงศ์วาน, ลำลูกกา, รังสิต, เพชรเกษม, รามคำแหง, คู้บอน, พุทธบูชา, กาญจนาภิเษก และศรีนครินทร์ และอีก 3 สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ระยอง, อุบลราชธานี และภูเก็ต

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งอันน่าหลงใหลแห่งยนตรกรรมฝรั่งเศส ที่มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะอันโดดเด่น ได้ที่บูธ เปอโยต์ ประเทศไทย (A05) ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สอบถามข้อมูล โทร. ‘1488 ALWAYS CONNECTED’

LINE: @peugeotthailand

FACEBOOK: Peugeot Thailand

WEBSITE: www.peugeot.co.th

เอ็กซ์เผิง จัดแสดงยานยนต์อัจฉริยะในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดแสดงเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดโลกทัศน์ใหม่ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าหลายรูปแบบ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ภายใต้บริษัท เอ็กซ์ โมบิลิตี้ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างกลุ่มอรุณ พลัส ในเครือ บมจ. ปตท. กับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA มุ่งสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย เปิดตัว เอ็กซ์เผิง (XPENG) แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยมี มร. เหอ เสี่ยวเผิง (Mr. He Xiaopeng) เป็นผู้ก่อตั้งช่วงปี 2557 ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า ‘เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อรูปแบบของการเดินทางในอนาคต’ เน้นการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำยุคไปถึงยานยนต์ที่สามารถบินได้ พร้อมจัดแสดงรถยานยนต์ไฟฟ้าล้ำอนาคตหลากรูปแบบ ให้ได้ชมแบบตื่นตาตื่นใจ ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มร.เจมส์ วู รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน, เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส กล่าวว่า “เอ็กซ์เผิง เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอัฉจริยะ และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทุกระดับ ที่หลงใหลในเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเราเชื่อว่าเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อรูปแบบของการเดินทางในอนาคต ปัจจุบัน เอ็กซ์เผิง ได้รับความนิยมเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศแถบยุโรป รวมไปถึงตะวันออกกลาง เรามีนโยบายในการทำตลาดระดับโลก ผ่านความร่วมมือกับผู้จำหน่ายในประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายในการจำหน่ายที่ครอบคลุม พร้อมบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ผสานการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสม กับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย

ปัจุบันยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งยานยนต์ไฟฟ้า เอ็กซ์เผิง สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว เพราะเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ใช้เพื่อเดินทาง แต่ยังสะท้อนถึงความชาญฉลาด, ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย และไลฟ์สไตล์ของผู้ครอบครอง

นายปารมี ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย กล่าวว่า “เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจาก เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ส ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัฉจริยะ ‘เอ็กซ์เผิง’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างลงตัว พร้อมนำเสนอมิติใหม่แห่งการเดินทางอย่างยั่งยืน

เปิดตัวแบบจัดเต็ม ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์อัจฉริยะ ไปจนถึงยานยนต์บินได้

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย เปิดตัวยิ่งใหญ่ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่น หลายประเภท ให้ได้ชมกันแบบจุใจ พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำ ‘เอ็กซ์เผิง จีซิกส์’ (XPENG G6) ก่อนใครภายในงาน โดยเป็นยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Ultra Smart Coupe SUV ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากนักเขียนนิยายไซ-ไฟ (Sci-Fi) มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง แบ่ง 2 รุ่นย่อย คือ Standard Range ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 580 กิโลเมตร* อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.9 วินาที และ Long Range ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 755 กิโลเมตร* อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดเท่ากันที่ 202 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับ Super-fast charge โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 20 นาที มาพร้อมระบบ ADAS เต็มรูปแบบ ขณะที่เทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell to Body รวมเป็นส่วนเดียวกับโครงสร้างตัวถัง ก็เป็นที่ยอมรับว่าว่าดีที่สุดในปัจจุบัน และการขึ้นรูปตัวถังแบบ Die-cast Structure ทำให้ตัวถังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นถึง 83% พร้อมได้รับมาตรฐานความปลอดภัย E-NCAP และ C-NCAP ระดับ 5 ดาว

นอกจากนั้น เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ก็แสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ผ่านยานยนต์ไฟฟ้าอีกหลายรุ่น รวมไปถึงหุ่นยนต์ยูนิคอร์น และยานยนต์บินได้สุดไฮเทค

XPENG G9-Flagship Intelligent SUV ได้รับมาตรฐาน E-NCAP & C-NCAP 5 Stars ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 702 กิโลเมตร* รองรับอัตราการชาร์จได้สูงสุดถึง 315 กิโลวัตต์ โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 20 นาที ห้องโดยสารแบบวีไอพีเลานจ์ กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระจุใจ ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับ ADAS (Full-scenerio ADAS XNGP) แบตเตอรี่ 800V ซิลิคอนคาร์ไบด์แพลตฟอร์ม ผสานช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะแบบ Double-chamber

P7i-Ultra Smart Sports Sedan ได้รับมาตรฐาน E-NCAP & C-NCAP 5 Stars ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 702 กิโลเมตร โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลา 29 นาที ระบบเบรกดีเยี่ยม ใช้ระยะทางในการเบรกที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงหยุดนิ่ง เพียง 33.33 เมตร และมีอัตราส่วนเพลาขับด้านหลังแบบเดียวกับซูเปอร์คาร์

Smart Robot Pony

หุ่นยนต์ยูนิคอร์นที่ผลิตโดย XPENG สำหรับเป็นเพื่อนเล่น หรือเพื่อนเดินทาง โครงสร้างภายนอกผลิตจากวัสดุ  Liquid Silicone Skin ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี ใช้ระบบการมองเห็นเรียกว่า AR Projector เพื่อใช้ในการสำรวจและแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ข้อต่อบริเวณคอใช้วัสดุ Elastic-fabric joint มีความยืดหยุ่นสูง ส่วนต้นขาเป็นแขนกล 6 ทิศทาง (6-Dof Robot Arm) สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขาทั้ง 4 ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบา แต่มีความมั่นคง ขณะที่ส่วนเท้าใช้เทคโนโลยี EVA superficial foaming foot เงียบ ทนทาน และดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี นอกจากนั้นยังมีระบบเสียงแบบไฮ-ไฟประสิทธิภาพสูง รองรับความบันเทิงเต็มรูปแบบ

X2

XPENG X2 เป็นยานยนต์บินได้ 2 ที่นั่ง ปราศจากไอเสียขณะบิน นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเดินทางแบบไร้มลพิษ เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองที่บินด้วยความสูงไม่มาก เช่น การบินชมทัศนียภาพ หรือการใช้งานทางการแพทย์ ติดตั้ง 2 โหมดการขับ คือ แมนนวล และ อัตโนมัติ โดยในโหมดการบินอัตโนมัติ ผู้โดยสารสามารถดื่มด่ำกับไฟล์ทอันชาญฉลาด ทั้งในขณะบิน รวมถึงลงจอดอย่างปลอดภัย ได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม

เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ‘เอ็กซ์เผิง’ เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้า จองสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ ‘เอ็กซ์เผิง จีซิกส์’ ยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Ultra Smart Coupe SUV ได้แล้ววันนี้

*(มาตรฐาน CLTC)

มาเซราติ โชว์ไฮไลท์ “เกรคาเล่ โฟลกอเร” รถไฟฟ้า 100% ที่งานมอเตอร์โชว์

มาเซราติ ประเทศไทย จัดแสดงยนตรกรรมล้ำสมัย โชว์ไฮไลท์ “เกรคาเล่ โฟลกอเร” ข้บเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มาเซราติ ประเทศไทย นำสองยนตรกรรมรุ่นล่าสุด สะท้อนความเป็นลักชัวรีสปอร์ตสไตล์อิตาเลียน กับ มาเซราติ ‘เกรคาเล่ โฟลกอเร่’ ยนตรกรรมล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มาเซราติ ‘กรันทูริสโม’ (GranTurismo) โฉมใหม่ ยนตรกรรมสไตล์จีที (GT) ที่ผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับทางไกล จัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี

นายปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า “มาเซราติ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ผ่านยนตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง ฟอร์มูล่า อี โดยภายในงานนี้ เราภูมิใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำยุค ซึ่งสามารถสะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ มาเซราติ ได้เป็นอย่างดี”

Maserati Grecale Folgore ยนตรกรรมไฟฟ้าสุดล้ำ ตามแบบฉบับอิตาเลียนพันธุ์แท้

ยนตรกรรมคอมแพกต์เอสยูวี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ภายใต้คอนเซปต์ ‘Everyday Exceptional’ คิดค้นและพัฒนาขึ้นด้วยสุดยอดทีมงานวิศวกรของ Maserati Innovation Lab เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ผสมผสานความหรูหรา สง่างาม เปี่ยมสมรรถนะ และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมประสิทธิภาพการขับเคลื่อนดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นเอสยูวีที่มีความโดดเด่นและครบครันมากที่สุดในกลุ่ม High Performance Luxury ด้วยคอนเซปต์การออกแบบ ‘Masters of Italian Audacity’ หรือ ความกล้าที่จะแตกต่างในสไตล์อิตาเลียน พร้อมสะท้อนตัวตนที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยแรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ ‘เอ็มซี20’ (MC20) ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูลา อี

รูปลักษณ์สไตล์คูเป้ เส้นสายโค้งมน กระจังหน้าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมไฟท้ายบูเมอแรง ที่ได้แรงบันดาลใจจาก มาเซราติ Giugiaro 3200 GT มาพร้อมห้องโดยสารเต็มเปี่ยมความหรูหราและอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน ตกแต่งอย่างประณีตทุกรายละเอียด ด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม ไม้แท้ และคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการใช้นาฬิกาดิจิทัล แทนนาฬิกาทรงรีแบบดั้งเดิม สามารถแสดงข้อมูลหลากหลาย ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์แบบทีเอฟที (TFT: Thin-Film Transistor) ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ พร้อมติดตั้งทัชสกรีนแบบคู่ บริเวณกลางแดชบอร์ด โดยจอบนมีขนาด 12.3 นิ้ว และจอล่างขนาด 8.8 นิ้ว ใหญ่สุดเท่าที่เคยติดตั้งในรถยนต์ มาเซราติ ครบทุกอรรถรสของการขับ ด้วยเครื่องเสียง Sonus Faber จากอิตาลี พร้อมออปชั่นลำโพงแบบ 14 ตำแหน่งและ 21 ตำแหน่ง

ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำกำลังได้มากกว่า 500 แรงม้า (HP) แรงบิด 800 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับ 4 โหมดการขับ คือ Comfort, GT, Sport และ Off-road ผสานระบบควบคุมการทรงตัวใหม่ล่าสุด ‘วีดีซีเอ็ม’ (VDCM-Vehicle Dynamic Control Module)

Maserati All-new GranTurismo

ยนตรกรรมสไตล์จีที (GT) ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Others Just Travel’ ที่มอบประสบการณ์พิเศษ มากกว่าคำว่าการเดินทาง ฝากระโปรงหน้าทรงยาวและตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซี ที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่

ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Digital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี ‘Sonus Faber’ ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่งให้เลือก

ขุมพลังเบนซิน วี6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เน็ททูโน (V6 Nettuno) บล็อกเดียวกับที่ใช้ในซูเปอร์คาร์รุ่น เอ็มซี20 (MC20) คันที่จัดแสดงเป็นรุ่นย่อย โมเดนา (Modena) ทำได้ 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: มาเซราติ ประเทศไทย

โชว์รูมสุขุมวิท 26 โทร. 02-663-2233

โชว์รูมสยามพารากอน โทร. 02-610-9441

โชว์รูมไอคอนสยาม 02-117-4666

เว็บไซต์ : http://Thailand.Maserati.com/

เฟซบุ๊ค : Maserati Thailand

อินสตาแกรม : Maserati Thailand

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ เปิดราคาเริ่มต้นที่ 31.8 ล้านบาท

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก จัดแสดง “สเปกเตอร์” ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ เป็นครั้งแรกต่อสาธารณะ เผยราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท สะเทือนเวทีมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก นำ “สเปกเตอร์” (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โรลส์-รอยซ์ จัดแสดงต่อสาธารณะ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567

•ยนตรกรรมอัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ นำทุกท่านสู่ยุคใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

•ทั่วโลกให้กระแสตอบรับดี และเป็นที่ต้องการสูง กำหนดรับรถยาวตลอดปี 2567

•ประเทศไทยนับเป็นตลาดหลักของ โรลส์-รอยซ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ประเทศไทยเปรียบได้กับศูนย์กลางแห่งความหรูหราในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนของเจ้าของกิจการและผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง สเปกเตอร์ ก็นับว่ามาเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ คันนี้ นับว่าอยู่ในจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ และกระผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วม ในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้กับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ โรลส์-รอยซ์”

นายกฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ปี 2564 โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ทำการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเป็นทิศทางไปสู่อนาคตของแบรนด์ โดย โรลส์-รอยซ์ ยืนยันความแน่วแน่ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรุ่น ‘สเปกเตอร์’ (SPECTRE) ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% พร้อมตั้งเป้ายุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาป และทำให้ยนตรกรรมที่จำหน่ายขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 ซึ่งนับตั้งแต่การประกาศสำคัญในครั้งนั้น สเปกเตอร์ ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบอย่างเข้มข้น เป็นระยะทางรวมระยะทางกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตร

ปัจจุบันได้มีการส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าที่สั่งจองเป็นอันดับต้นๆ ไปแล้ว และในครั้งนี้ ก็นับเป็นการเผยโฉมต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เพื่อตอกย้ำถึงทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้า โรลส์-รอยซ์ ในอนาคต

สเปกเตอร์ คือ ผู้เปิดตำนานอันน่าตื่นเต้นบทใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของยุคแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลิ่อนด้วยไฟฟ้าของแบรนด์ โดยยนตรกรรมรุ่นดังกล่าว นับเป็นการยืนยันถึงพันธสัญญา, ความแม่นยำแห่งการทำนาย และการพัฒนาอันน่าทึ่ง พร้อมแสดงให้เห็นว่า โรลส์-รอยซ์ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังคงรักษาเอกลักษณ์และจุดเด่นตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ พันธุ์แท้ ทุกประการ ควบคู่ไปกับเป้าหมายในการทำให้ยนตรกรรมทุกรุ่นที่จำหน่าย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีไฟฟ้ามายาวนาน โดยช่วงปี 2443 มร. ชาร์ลส์ โรลส์ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ได้ทำนายอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า หลังได้มีโอกาสขับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า ‘The Columbia Electric Carriage’ โดยเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบอันยั่งยืนของยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อาทิ การปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จรองรับอย่างเพียงพอ”

จากนั้นช่วงปี 2554 โรลส์-รอยซ์ ก็ได้เผยโฉมยนตรกรรมต้นแบบ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น แฟนธอม (Experimental Phantom concept) ภายใต้รหัส 102EX และตามมาด้วย 103EX ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสื่อถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ โรลส์-รอยซ์ ในอนาคตได้อย่างชัดเจน

โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น

มาพร้อมแพ็กเกจ SPECTRE Ownership ดังนี้:   

•รับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (ไม่ครอบคลุมรถยนต์

ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์)*

•รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่นาน 10 ปี*

•โปรแกรมบำรุงรักษา (service inclusive) ครอบคลุมค่าแรงทั้งหมด*

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง*

•ทีมบุคลากรของ โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทย ผ่านการอบรมพร้อมประกาศนียบัตรด้านการบำรุงรักษา สเปกเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

โตโยต้า ถนนสีขาว รณรงค์เดินทางปลอดภัยช่วงสงกรานต์

โตโยต้า ถนนสีขาว รณรงค์เดินทางท่องเที่ยวปลอดภัยช่วงสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเร็ว ยิ่งสูญเสียเร็ว” ใช้ความเร็วเหมาะสมช่วยลดอุบัติเหตุได้

โครงการ “โตโยต้าถนนสีขาว” เดินหน้ารณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วงสงกรานต์ พร้อมส่งมอบความสุขในทุกการเดินทาง ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเร็ว..ยิ่งสูญเสียเร็ว” มุ่งเน้นการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในการขับขี่เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางในช่วงเทศกาล พร้อมส่งมอบความมั่นใจทั้งก่อนและหลังการเดินทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ด้วยการให้บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 7 ระบบสำคัญ รวม 24 รายการ ที่ศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567 และให้บริการจุดพักรถ ณ บริเวณเส้นทางหลวงขาออกไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบความสุข และความปลอดภัยในระหว่างการเดินทาง

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน

ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร จึงริเริ่มดำเนินโครงการโตโยต้าถนนสีขาวมากว่า 35 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังวินัยจราจรและน้ำใจของการขับรถที่ดีให้กับสังคมไทย ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจในการรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนน ผ่านการเน้นย้ำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักถึงเรื่อง “ความเร็ว” ด้วยการขับขี่โดยใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเร็ว..ยิ่งสูญเสียเร็ว” เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล และเพื่อสร้างความมั่นใจให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัยตลอดเส้นทาง บริษัทฯ พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จึงจัดให้มีบริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 7 ระบบสำคัญ รวม 24 รายการ ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสงกรานต์ เพื่อเตรียมความพร้อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนำรถยนต์ไปตรวจเช็กได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567 โดยมีรายการตรวจเช็ก 24 รายการ ดังนี้

1. ระบบช่วงล่าง

•ยางกันฝุ่นเพลาขับ

•โช้กอัพหน้าหลัง

•ลูกปืนล้อ

•ลูกหมากปีกนก

2. ระบบเบรก

•ระบบฟรีแป้นเหยียบ/คลัตช์/เบรกมือ

3. ระบบแอร์

•ระบบเครื่องปรับอากาศ พัดลม และน้ำยาแอร์

4. ระบบไฟฟ้า

•แบตเตอรี่/ระดับน้ำกลั่น

•ระบบไฟส่องสว่าง/แตร

5. ระบบของเหลว

•ระดับน้ำมันเครื่อง

•ระดับน้ำในถังสำรอง/ระดับน้ำยาหล่อเย็น

•ระดับน้ำมันเบรก

•ระดับน้ำมันเพาเวอร์

•ระดับน้ำมันเกียร์

•รอยรั่วและความผิดปกติของหม้อน้ำ

•รอยรั่วและความผิดปกติของท่อทางน้ำ

•ระดับน้ำมันเฟืองท้าย (เพิ่มเติม เฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)

•ระดับน้ำมันทรานเฟอร์ (เพิ่มเติม เฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)

6. ระบบเครื่องยนต์

•ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์

•ตรวจเสียงเครื่องยนต์ขณะสตาร์ต

•สายพานต่าง ๆ

•รอยรั่วและความผิดปกติของเครื่องยนต์

•รอยรั่วและความผิดปกติของเกียร์

7. ระบบความปลอดภัยอื่นๆ

•ที่ปัดน้ำฝน/น้ำล้างกระจก

•สภาพยางรถยนต์

•เข็มขัดนิรภัย

•รอยรั่วและความผิดปกติของพวงมาลัยพาวเวอร์

นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆในพื้นที่ พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า จัดจุดพักรถจำนวน 4 แห่ง ได้แก่

  1) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จุดให้บริการประชาชนทางเข้า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

  2) ภาคเหนือ ณ จุดให้บริการประชาชน ริมปิง ถนนสาย117 ต.บางม่วง อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์

  3) ภาคใต้ ณ จุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ ตลาดพูนทรัพย์ ต.สระพัง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี

  4) ภาคตะวันออก ณ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมฯ (ด่านหลัก) จุดสกัด 344 ขาเข้าเยื้อง บ.คิวเอ็ม บี จำกัด อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

โดยมีการให้บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น และผลิตภัณฑ์จากโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ แก่ผู้ที่เดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11- 13 เมษายน 2567

โตโยต้า มุ่งมั่นรณรงค์และขับเคลื่อนสังคมแห่งความปลอดภัยในการเดินทาง และขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ “สร้างสังคมคนขับรถดี” ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยการขับขี่ตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจร มีวินัย และน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง เพื่อขับเคลื่อนความสุขและความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนนให้แก่คนไทยทุกคนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

*สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า TOYOTA CONTACT CENTER 1486

                      “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

มาสด้า เฟ้นหาที่สุดบุคลากรบริการหลังการขาย

มาสด้า เฟ้นหาที่สุดของที่สุดด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ตอกย้ำนโยบายส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้ลูกค้าทั่วประเทศ

มาสด้า สานต่อปณิธานในการส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ตามแนวทาง Customer Experience Management จัดการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 หรือ การแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า ประจำปี 2566 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดบุคลากรฝ่ายบริการหลังการขาย ประเภท ช่างเทคนิค ที่ปรึกษาด้านบริการ และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ จากผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบบริการแบบครบวงจรและประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้ามาสด้าอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงแนวทางที่มาสด้าให้ความสำคัญด้านการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจ เกิดความผูกพันและภักดีในแบรนด์ และยกระดับประสบการณ์ความสุขจากการใช้รถยนต์มาสด้าให้ลูกค้าทุกคน โดยการเฟ้นหาที่สุดของประเทศในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วประเทศ 276 คน คัดเลือกผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นให้เหลือเพียง 30 คน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้าย จัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า ที่สำคัญ ผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทักษะฝีมือช่างเทคนิคในเวทีระดับนานาชาติต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การส่งมอบบริการที่เป็นเลิศและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ คือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้นโยบายการดำเนินงานเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touch point เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายเพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่ง แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้ามาสด้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของมาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย

-Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์

-Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติได้อย่างสมดุล และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น

-Values หรือ การส่งมอบความประทับใจที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า ด้วยความเต็มใจ ด้วยมิตรภาพ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกการให้บริการ

ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่มาสด้าปรารถนาและต้องการส่งมอบสู่ลูกค้าทุกคนในประเทศไทย เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า และต่อเนื่องไปยังรถยนต์มาสด้าคันถัดไป

มาสด้าจึงมุ่งมั่นเดินหน้าเสาะแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อความสุขของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับศักยภาพบุคลากรของผู้จำหน่าย ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่าของมาสด้าให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ รวมถึงการจัดการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 หรือ การแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า ประจำปี 2566 โดยดำเนินการจัดแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องถึง 18 ปี เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้บุคลากรของผู้จำหน่ายได้มีโอกาสพัฒนาทักษะ ความเชี่ยวชาญ และแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการแข่งขัน ไปต่อยอดเพื่อดูแลลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด และมีความสุขกับการใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจในทุกเส้นทาง ทำให้ลูกค้าสบายใจด้วยคุณภาพงานบริการที่ได้มาตรฐานตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า ด้วยการวิเคราะห์งานซ่อมต่างๆ ได้อย่างมืออาชีพ ถูกต้องแม่นยำ เพื่อส่งมอบการบริการที่สะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

ไม่เพียงเท่านี้ การแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 ได้ยกระดับความเข้มข้นของโจทย์และสถานการณ์ที่ใช้ทดสอบสำหรับการแข่งขันแต่ละประเภทในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรฝ่ายบริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศได้พัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพความเชี่ยวชาญและยกระดับความสามารถของตนเองในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ พร้อมประสบการณ์ที่ดีที่สุดและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามนโยบายการสร้างมาตรฐานการบริการจากมาสด้า โดยอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจถึงแก่นแท้ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อันเป็นแนวคิดการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย คือ ผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้ จะได้เดินทางไปร่วมกิจกรรม หรือ การแข่งขันในเวทีระดับโลกอีกด้วย โดยผู้ที่ชนะเลิศในแต่ละประเภท มีดังต่อไปนี้

ประเภท ช่างเทคนิค

ชนะเลิศ : นายศราวุฒิ บริบูรณาคม จาก บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) พัทยา

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นายวิษณุ ก้อนแข็ง จาก บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) – อมตะ

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นายณัฐนันต์ พวงทอง จาก บริษัท นที ยูนิตี้ มอเตอร์ จำกัด – ราชพฤกษ์

ประเภท ที่ปรึกษาด้านบริการ

ชนะเลิศ : นางสาวพัชราภรณ์ ทรงเจริญ จาก บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาวชญาภา เรืองระยนต์ จาก บริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ เน็กซ์ทู จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาวบงกช สุขขณะล้ำ จาก บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ มาสด้า (ประเทศไทย) จำกัด สาขาเพชรเกษม

ประเภท เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์

ชนะเลิศ : นางสาวปรียาภรณ์ ใจตรง จาก บริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้า ภูเก็ต จำกัด (ถนนเจ้าฟ้า)

รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาวศศิธร น้อยวิไล จาก บริษัท 14 ออโตโมชั่น จำกัด

รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาวฐิติมา แสงรอด จาก บริษัท วีเอ็มดี ออโต้เซลส์ จำกัด (พิษณุโลก)

ทั้งนี้ มาสด้าภูมิใจในบุคลากรทุกคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศการแข่งขัน MAZTECH Thailand 2023 ในครั้งนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมให้คำมั่นว่า เราทุกคนจะไม่หยุดพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศเพื่อลูกค้าและครอบครัวมาสด้าทุกคน และจะมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแบบครบวงจร นับแต่วันแรกที่แบรนด์มาสด้าได้มีโอกาสทำความรู้จักกับลูกค้า ตั้งแต่ก่อนที่ลูกค้าจะซื้อรถ ตลอดจนการบริการหลังการขาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามาสด้าพร้อมดูแลลูกค้าครอบครัวมาสด้าให้ดีที่สุด และรถยนต์คู่ใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ให้ครอบคลุมทุกช่วงของชีวิต ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก รองประธานบริหารส่วนงานวางแผนกลยุทธ์ และปฏิบัติการ มร.ทาเคชิ มิคามิ ซึ่งได้ร่วมชมการแข่งขันและเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าแข่งขันในแต่ละประเภท โดยให้เกียรติมอบรางวัลแห่งความภาคภูมิใจให้กับผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้

TAIA หวั่นหนี้ภาคครัวเรือนฉุดยอดขายรถปี 2567

ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA), สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA และบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 คาดการณ์แนวโน้มภาคผลิตยานยนต์ปี พ.ศ. 2567 ทะลุ 1.9 ล้านคัน เติบโตต่อเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ ส่วนยอดขายในประเทศอาจไม่เติบโต เหตุจากหนี้ภาคครัวเรือน และยอด NPL รถยนต์ยังสูง ส่งผลประมาณการยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะอยู่ที่ 7.5 แสนคัน

นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า ในปี พ.ศ. 2567 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.9 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3.17% โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน และสำหรับรถจักรยานยนต์คาดการณ์จะมีการผลิตที่ 2.12 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 0.03%

ปัจจัยส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ปี 2567 หลักคือ ภาวะทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้สินภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและหนี้เสีย NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่ออำนาจซื้อของประชาชนที่ลดลง นโยบายและกฎระเบียบด้านยานยนต์ การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ทั้งรถยนต์และน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคารถยนต์และน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า (EV :Electric Vehicle) ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจดทะเบียนรวมปัจจุบันอยู่ประมาณ 1.0 – 1.2 แสนคัน และส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จากการตระหนักถึงความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้รถไฟฟ้าจากประชาชนชาวไทย รวมถึงมาตรการการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยอดขายรถ EV มีอัตราการเติบโตแบบชะลอตัว ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการตัดสินใจชะลอซื้อรถรุ่นใหม่ เพราะการทยอยเข้ามาของรถ EV รุ่นใหม่ แบรนด์ใหม่ๆ จากประเทศจีน และการทำสงครามราคาของ EV ด้วยกันเอง

นายสุวัชร์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย อยู่ในช่วงของการปรับตัว และเปลี่ยนถ่ายสู่การผลิตยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่ในเวลานี้ นโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.0, EV 3.5 และมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ รถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าของรัฐบาล มีการอุดหนุนด้านการผลิตรถ EV และเงินอุดหนุนราคา ส่งผลให้ราคารถ EV ต่ำกว่าความเป็นจริง สิ่งที่สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกังวลคือ อาจมีการชะลอตัวในตลาดรถ EV หลังจากมาตราการอุดหนุนต่างๆ สิ้นสุดลง

สิ่งสำคัญในเวลานี้คือ มาตรการเหมาะสมในการสนับสนุนการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (ICE : Internal Combustion Engine) มาอย่างยาวนาน ครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก เปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อลดการปล่อยมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้ตามโนบาย “เป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2050” ของรัฐบาลผ่านนโยบายต่างๆ เช่น 30@30 เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ และการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ปี 2569 เพื่อส่งเสริมรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายสุรศักดิ์ จรินทอง อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนสื่อมวลชนสายยานยนต์รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในการนำเสนอข้อมูลภาพรวม และทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยข้อมูลจากกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นแนวทางให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดยานยนต์ไทยในอนาคต สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลเหล่านี้ สามารถสื่อสาร และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานต่างๆ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI และประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปัจจุบัน มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์มีการแข่งขันกันสูง ในขณะที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งตนเองในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ พยายามผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเติบโตไปสู่แนวหน้าของโลก อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้ เป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการทุกบริษัท โดยเฉพาะญี่ปุ่น ค่ายญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ที่ผ่านมามีการรุกเข้ามาของรถยนต์จากประเทศจีนอย่างมาก แต่อนาคตรถจากจีนเข้ามาแล้วจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกแบบนี้หรือไม่นั้น สำคัญคือเราต้องรู้ทันสิ่งที่เห็น ตอนนี้สิ่งที่กลัวคือ รู้ไม่ทันสิ่งที่เกิดขึ้น

“จึงอยากเตือนว่าอย่าลุ่มหลงจนเกินไป ทั้งที่พื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเราดีอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงในเวลานี้คือ พื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะได้รับผลกระทบ ห่วงความไม่ยั่งยืน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเราทำมา 50 กว่าปีด้วยความยากลำบาก มีค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นยกตัวอย่างทั้งโตโยต้า อีซูซุ มิตซูบิชิ และอีกหลายค่าย ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะปิกอัพส่งออกไปทั่วโลกรวมหลายล้านคันแล้ว” ดร.ปราจิน กล่าว

ดร.ปราจิน กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ในช่วงแรก ตนเองเคยมีโอกาสได้เดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นช่วงที่มีการย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ทำให้เห็นว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับอุตสาหกรมยานยนต์ไทยอย่างมาก ไม่อย่างนั้นค่ายรถยนต์ทั่วโลกคงไม่เกรงใจไทยเหมือนทุกวันนี้ ในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์โชว์มีผู้เข้าชมครั้งละเป็นล้านคน ดังนั้นเราจึงต้องรักษาไว้ ตนจัดงานมอเตอร์โชว์มาจนถึงวันนี้ ครั้งที่ 45 อยากให้เป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็น ตอนนี้ตนอายุ 81 ปีแล้ว แต่ยังอยากทำงานให้ประเทศไทยให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อไป

ฮุนได ขนทัพยนตกรรมรุ่นใหม่ ร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2024

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ฉลองดำเนินธุรกิจครบปี ขนทัพยนตกรรมรุ่นใหม่ พร้อมมอบที่สุดของแคมเปญบริการหลังการขาย ในงานมอเตอร์ โชว์ 2024

บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองดำเนินธุรกิจครบปีพร้อมเขย่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 4 รุ่นในงาน มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 45 นำเสนอความงามของบูธในธีม Pixel Cloud ผสานความงามล้ำสมัยเข้ากับงานศิลป์แบบดิจิตอล สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้เข้าชม นอกจากนั้น ยังมี RN22e Rolling Lab รถยนต์ต้นแบบจากโลกอนาคตมาให้สัมผัสในงาน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังขนทัพยนตรกรรมรุ่นล่าสุดหลากหลายรุ่นมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานทั้ง IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่จะมาเสริมทัพความสำเร็จของ IONIQ 5, Creta Alpha พร้อมดีไซน์อันโดดเด่น, Stargazer X6 / X7 ที่มากด้วยประโยชน์ใช้สอย และ Staria สุดพรีเมียม โดยรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่นจากฮุนได ล้วนตอกย้ำคำมั่นของบริษัทฯ ที่จะร่วมขับเคลื่อนโมบิลิตี้ในประเทศไทยไปสู่อนาคต

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บูธธีม Pixel Cloud สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มุ่งสรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่ออนาคต โดยเรามอบให้ได้มากกว่ายานพาหนะ เพราะเรายังมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าดื่มด่ำให้ด้วย และในโอกาสที่ดำเนินธุรกิจครบ 1 ปีในประเทศไทย เราจะรักษาคำมั่นในการมอบนวัตกรรม, คุณภาพ, ความปลอดภัย และความพึงพอใจให้กับลูกค้าของเราต่อไป เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ฮุนไดสู่แบรนด์รถยนต์ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม เราจะยังเดินหน้ามอบนวัตกรรมด้านขุมพลังไฟฟ้า และสรรค์สร้างโมบิลิตี้อันชาญฉลาดให้กับผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง ตามภารกิจหลักของเรา – ความก้าวหน้าเพื่อมนุษยชาติ”

RN22e Rolling Lab เป็นรถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงอนาคตของรถยนต์สมรรถนะสูง พร้อมมอบอีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ด้วยขุมพลังไฟฟ้า พร้อมยึดมั่น 3 แกนหลักของแบรนด์ N ทั้ง ‘สมรรถนะบนทางโค้ง’, ‘ความแรงในสนามแข่ง’ และ ‘รถสปอร์ตที่ใช้งานได้ทุกวัน’ โดยสิ่งที่ทีมพัฒนารถยนต์ของฮุนไดเรียนรู้จากรถยนต์ต้นแบบคันนี้ ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อเป็นรถยนต์ที่ออกจำหน่ายจริง ซึ่งนำมาจัดแสดงในงานนี้เช่นกันทั้ง Elantra N และ IONIQ 5 N

IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากฮุนได การันตีคุณภาพและสมรรถนะด้วยรางวัลจากเวที World Car Awards 2023 ถึง 3 สาขา ทั้งรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม และ รางวัลรถยนต์ดีไซน์ยอดเยี่ยม ดีไซน์ของ IONIQ 6 ผสานความสง่างามเข้ากับความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel อัตลักษณ์ของ IONIQ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระบบไฟ Dual Ambient Mood Lighting พร้อมระบบ infotainment ล่าสุด ทั้งหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง BOSE premium sound system

IONIQ 6 ยังเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Hyundai SmartSense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านสมรรถนะโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนของ มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 229 แรงม้า 350 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion ขนาด 77.4 kWh ขับได้ไกลสุด 545 กม. ตามมาตรฐาน WLTP โดย IONIQ 6 เปิดตัวราคาพิเศษเริ่มต้น 1,899,000 บาท (และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติภายใต้โครงการ EV 3.5)

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ยังเปิดตัว Creta Alpha เพื่อสานต่อความสำเร็จของ Creta Black Edition รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด ซึ่งเปิดตัวในปีก่อนและจำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ Creta Alpha ไปให้สุดได้ทุกทาง ด้วยตัวถังสีดำด้าน Midnight Matte Black ไม่ซ้ำใคร อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกทั้งหมด รวมถึงล้อขนาด 17 นิ้ว ล้วนมาในสีดำ เพื่อเพิ่มความเข้มอีกขั้น ภายในแตกต่างเช่นกัน ด้วยการใช้แถบสีแดงและตะเข็บสีแดงตกแต่งรอบห้องโดยสาร พร้อมมอบความสุนทรียภาพให้ผ่านเครื่องเสียง BOSE Premium Sound System สำหรับราคาเปิดตัว The New Creta Alpha เริ่มต้นที่ 929,000 บาท

Stargazer X6 และ X7 อีกหนึ่งรถยนต์อเนกประสงค์ที่จะมาเสริมทัพรถยนต์ในกลุ่ม Mini MPV ของฮุนได ซึ่งในตอนนี้มีให้เลือกทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่ง พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งยังโดดเด่นด้วยทางเลือกตัวถังสีด้านทั้ง สีขาว Optic White Matte และ สีทอง Gravity Gold Matte เปิดประสบการณ์สุนทรียภาพ ด้วยเสียงคุณภาพสูงผ่านเครื่องเสียง BOSE Premium Sound System ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Smartstream 1.5L MPI ที่ให้ทั้งความประหยัดและตอบสนองฉับไว มั่นใจในความปลอดภัยด้วยแพ็กเกจระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense ภายในงานนำเสนอ Stargazer X6 ในราคาเริ่มต้น 949,000 บาท และ Stargazer X7 ที่ 929,000 บาท

ในงานยังเปิดตัว Staria รุ่นใหม่ รถยนต์หรูสำหรับครอบครัวที่มีดีไซน์โดดเด่น มากด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และเบาะที่ปรับได้หลายรูปแบบ Staria รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ มอบสมรรถนะเต็มระดับ แต่มลพิษลดลงและผ่านมาตรฐาน Euro 5 ภายนอกยังปรับรูปลักษณ์ด้วยโลโก้แบรนด์แบบใหม่สองมิติ ห้องโดยสารมีประโยชน์ใช้สอยกว่าเดิมด้วยช่องชาร์จแบบ USB Type C พิเศษเฉพาะ Staria Premium รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเสาอากาศแบบครีบ และล้อสีดำเงา Black High Gloss เพื่อรูปลักษณ์ที่แตกต่าง โดย The New Staria Trend S นำเสนอราคาเริ่มต้นที่ 1,819,000 บาท และ The New Staria Premium ที่ 2,419,000 บาท

ฮุนไดยังมอบที่สุดของแพ็กเกจบริการหลังการขาย โดดเด่นเหนือใครสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้า IONIQ พร้อมขจัดทุกข้อกังวลของการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย การรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., การรับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม., ฟรีค่าแรงเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 150,000 กม., สิทธิประโยชน์รับบริการ Charge anywhere service, สิทธิประโยชน์รับบริการ Pick up and Delivery, บริการยก/ลากไม่จำกัดจำนวนครั้ง และ ฟรีโฮมชาร์จเจอร์ รับประกันนานถึง 3 ปี พร้อมฟรีค่าแรงติดตั้งโฮมชาร์จเจอร์ พิเศษสุด ฮุนไดยังมอบเครดิตชาร์จฟรีจาก Shell Recharge มูลค่า 5,000 บาท จำนวนจำกัด

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเสริมเรื่องแพ็กเกจว่า “บริษัทฯ เข้าใจถึงความกังวลของลูกค้า ที่อาจทำให้เกิดการลังเลระหว่างการพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่เราจะสร้างความมั่นใจให้ทุกท่าน และมอบประสบการณ์การครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร้กังวล ด้วยที่สุดของแพ็กเกจบริการหลังการขาย ทั้งยังเป็นการตอกย้ำว่าฮุนไดพร้อมเคียงข้างคุณบนทุกเส้นทาง และพร้อมก้าวสู่อนาคตกับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมั่นใจ”

เพื่อแสดงความขอบคุณผู้บริโภคชาวไทยที่ให้การสนับสนุน ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย และเฉลิมฉลองในโอกาสที่ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการครบ 1 ปี บริษัทฯ ขอมอบส่วนลดเงินสดสูงสุดมูลค่า 150,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และ ฟรีค่าแรงเช็คระยะ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2567

พบกับ PONY รถยนต์รุ่นแรกของฮุนไดในโลกเสมือนจริงผ่าน ZEPETO เครือข่ายโซเชียลโลกอวตารสามมิติซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ในธีมของ ‘กรุงโซลเหนือกาลเวลา’ ซึ่งจะพาผู้เล่นย้อนเวลา กลับไปสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของกรุงโซลในปี 1970 – 1980 และดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมของเกาหลีในอดีต ทั้งหมดนี้พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสที่บูธหมายเลข A03 ของงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567

ซูซูกิ เผยโฉม XL7 HYBRID พร้อมทัพซูซูกิทุกรุ่นกับโปรโมชั่นสุดปัง

ซูซูกิ เปิดตัว NEW SUZUKI XL7 HYBRID ราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้น 799,000 บาท พร้อมอวดโฉม SUZUKI eWX Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าในงานมอเตอร์โชว์ขับเคลื่อนองค์กรที่สนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิ เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ด้วยแนวคิด “Journey towards the future” บทถัดไปของการเดินทางสู่อนาคต เราคิดค้นและออกแบบรถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เริ่มจากรถยนต์สำหรับใช้งานในเมืองขนาดกะทัดรัด ไปจนถึงพาหนะในสไตล์ออฟโรดที่แข็งแกร่งทนทาน เพราะเชื่อว่าทุกคนควรเข้าถึงนวัตกรรมได้อย่างไร้ขอบเขต และนำพาผู้คนไปสำรวจทุกความเป็นไปได้ของชีวิต เราจึงไม่ใช่แค่แบรนด์รถยนต์ แต่เราพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางในทุกๆ เส้นทางของคุณ

ด้วยวิสัยทัศน์ในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมอย่างยืน เรายังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงคำนึงถึงเทคโนโลยีที่สนับสนุนเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นหัวใจสำคัญ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ เราจึงนำรถยนต์ไฮไลท์ 2 รุ่น เข้ามาเปิดตัวให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ SUZUKI eWX Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า และ NEW SUZUKI XL7 HYBRID ซึ่งทั้งคู่เป็นสัญญานบ่งบอกถึงทิศทางในอนาคตที่กำลังจะมาของซูซูกิ

โดยเฉพาะกับ SUZUKI eWX Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าที่แสดงถึงแนวทางการพัฒนารถซิตี้คาร์แห่งอนาคต ซึ่งถูกออกแบบเพื่อให้เป็นเหมือน “คู่หูร่วมทาง” ให้บรรยากาศที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน มาจัดแสดงภายในงาน เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ที่ต้องการขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ส่วน NEW SUZUKI XL7 HYBRID Multi-Dynamic Crossover ที่เรานำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย คือ อีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะเติมเต็มความสุขและความคุ้มค่าในทุกการเดินทางของคุณ

“ในครั้งนี้เราได้นำ Concept Model รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้ามาจัดแสดง โดย SUZUKI eWX มีขนาดความยาว 3,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,475 มิลลิเมตร ความสูง 1,620 มิลลิเมตร และการชาร์จ 1 ครั้งสามารถขับระยะทางไกลถึง 230 กิโลเมตร ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่ใช่แค่ยานพาหนะอันล้ำสมัย แต่เป็นนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ที่ตอกย้ำลงไปอย่างชัดเจนแก่ผู้บริโภคว่า ซูซูกิจะไม่หยุดพัฒนาสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อการเดินทางที่มาพร้อมกับความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน อย่างแท้จริง” นายทาดาโอะมิ กล่าว

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เราขอแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นล่าสุด NEW SUZUKI XL7 HYBRID “Empower Your Journey” รถยนต์ Multi-Dynamic Crossover ที่ผสานกับเทคโนโลยี Smart Hybrid จากซูซูกิ  ซึ่งเป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับ ISG พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไออน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และช่วยในเรื่องของการออกตัวได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังบำรุงรักษาง่ายไม่ต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน พร้อมตอกย้ำความมั่นใจของทุกท่านด้วยการรับประกันแบตเตอรี่นาน 5 ปีเต็ม

NEW SUZUKI XL7 HYBRID เสริมความโดดเด่นของดีไซน์ ด้วยกระจังหน้าโครเมียมลายใหม่ มาพร้อมกับไฟหน้า LED รีเฟล็กเตอร์ และ Daytime Running Light และเสาอากาศแบบใหม่ ออกแบบด้านท้ายให้มีเส้นสายสะดุดตา ลงตัวกับไฟท้าย LED แบบ Light Guides ติดตั้งสัญลักษณ์ Hybrid บริเวณประตูท้าย และยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ คือ ราวหลังคาสไตล์สปอร์ต บ่งบอกถึงความเป็นรถครอสโอเวอร์ ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง กับเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ถูกตกแต่งคอนโซลลายไม้ ผสมผสานกับดีไซน์คอนโซลแบบสปอร์ต มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลการขับขี่ Driving G-Force และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ครบครันด้วยหน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว มาพร้อมฟังก์ชันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รองรับทุกการเชื่อมต่อความบันเทิงภายในตัวรถ สะดวกไปกับแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พวงมาลัยเป็นทรง D-Shape แนวสปอร์ต มาพร้อมกับปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มสั่งการโทรศัพท์ เพิ่มความคล่องตัวให้กับการขับขี่ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control

โดดเด่นและปลอดภัยด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT ที่ช่วยสมรรถนะในการขับขี่ มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพด้านหลัง ระบบเซ็นเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญานเตือนขณะถอยจอด  ระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบ Idling Stop ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองขณะรถหยุดวิ่ง

NEW SUZUKI XL7 HYBRID พร้อมวางจำหน่าย โดยมีสีและราคาจำหน่ายดังนี้

NEW SUZUKI XL7 HYBRIDราคาราคาพิเศษช่วงแนะนำ
สีเทา (Metallic Magma Gray) ดำ (Cool Black Metallic)825,000.-799,000.-
สีขาว (Pearl Snow White)830,000.-804,000.-
สีใหม่ สีเทาตัดหลังคาสีดำ (Savana Ivory Metallic/Cool Black Metallic) สีส้มตัดหลังคาสีดำ (Rising Orange Pearl Metallic/Cool Black Metallic)835,000.-  809,000.-
สีขาวตัดหลังคาสีดำ (Pearl Snow White Cool Black Metallic)840,000.-814,000.-

พร้อมแคมเปญพิเศษ ขับฟรี 90 วัน หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 8,146 บาท โดยราคาพิเศษช่วงแนะนำสำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม-30 เมษายน 2567

“SUZUKI XL7 คือหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ด้วยความครบครัน ทั้งด้านความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน รวมถึงสมรรถนะการขับขี่อันโดดเด่นที่พร้อมพาคุณไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในทุกเส้นทาง โดยนับตั้งแต่เดือนเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2563 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 8,699 คัน ซึ่งการแนะนำรุ่นใหม่ในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะเข้ามาเพิ่มตัวเลขยอดขายให้เติบโตขึ้นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน” นายวัลลภ กล่าว

ทั้งนี้ ซูซูกิ เตรียมกลับมาสร้างปรากฎการณ์ จิมนี่ ฟีเวอร์! อีกครั้ง ด้วยการนำรถยนต์สไตล์ออฟโรดขนาดเล็ SUZUKI JIMNY กลับมาเปิดจำหน่ายแก่ลูกค้า ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 99 คัน ในราคาเริ่มต้น 1,760,000 บาท โดยจะเปิดให้ผู้ที่สนใจ ลงทะเบียนจองเพื่อลุ้นรับสิทธิ์ซื้อรถยนต์ SUZUKI JIMNY ตั้งแต่วันนี้ เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 เวลา 22.00 น.

โดยผู้ลงทะเบียนยังไม่ต้องชำระเงินจองให้กับซูซูกิ ในกรณีที่มีผู้สนใจลงทะเบียนจองเกิน 99 คัน บริษัทฯ จะทำการรวบรวมรายชื่อที่ลงทะเบียนตรงตามเงื่อนไขตามวันและเวลาที่กำหนด นำไปจับฉลากเพื่อคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์ในการซื้อรถยนต์ SUZUKI JIMNY จำนวน 99 ท่าน พร้อมประกาศผลในวันที่ 9 เมษายน 2567 ผ่านเว็บไซต์  www.suzuki.co.th

นอกจากนั้น ยังขนกองทัพรถยนต์ที่เป็นที่สุดแห่งความคุ้มค่ามาร่วมจัดแสดงภายในงาน นำโดย SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด ซึ่งคว้ารางวัล Car of the Year 2024 หรือ รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 ประเภทรางวัล BEST HYBRID MINI MPV ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความโดดเด่นในคุณภาพของสินค้า ที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค มาพร้อมเครื่องยนต์ HYBRID ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ SHVS จากซูซูกิ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION  ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร เสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เพราะรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี ราคาพิเศษหลังหักส่วนลดเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

SUZUKI SWIFT GL NEXT เร้าใจเกินพิกัด” พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าซูซูกิโดยเฉพาะ ตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ GL NEXT Edition ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ดีไซน์ภายในการตกแต่งด้วยลายเคฟลาร์ ตรงบริเวณคอนโซลและแผงประตูด้านข้าง จอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุที่สามารถรองรับการเล่นไฟล์ MP3, WMA เติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดการเดินทาง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสูงสุด ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงาน แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็กอีกด้วย โดยมีทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคาเริ่มต้นที่ 338,000 บาท

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต SUZUKI CARRY ไม่ได้ถูกจดจำในฐานะ “Food Truck” ธุรกิจติดล้อเพียงอย่างเดียว แต่จะกลายเป็น Goods Truck และ Service Truck ที่สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆ การช่วยเหลือสังคม รวมถึงการปรับใช้ส่วนตัวเพื่อให้กลายเป็นรถขนส่งความสุขเคียงข้างทุกเส้นทางฝัน เป็นเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ใช้ด้วยความจริงใจ พร้อมเดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ในราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท และในครั้งนี้เราได้จับมือกับร้าน The Nail Bakery ที่จะมาเนรมิตรถยนต์ Suzuki Carry ให้เป็นร้านทำเล็บเคลื่อนที่ที่สามารถต่อยอดธุรกิจหรือเป็นไอเดียธุรกิจให้กับคนที่อยากมีอาชีพ และอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองอีกด้วย

นายวัลลภ ยังกล่าวอีกว่า ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ซูซูกิได้จัดแคมเปญสุดคุ้ม “SUZUKI SUPER PLATINUM DEAL ดีลคุ้ม..ขั้นสุด” ให้ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้มในทุกเงื่อนไขได้มากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น ข้อเสนอขับฟรี 90 วัน พร้อมรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 150,000 บาท หรือจะเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 0.79% นาน 60 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งทุกรุ่น โดยแคมเปญ “SUZUKI SUPER PLATINUM DEAL ดีลคุ้ม..ขั้นสุด” จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 โดยขอเชิญชวนลูกค้าติดต่อสอบถามรายละเอียดแคมเปญพิเศษของรถแต่ละรุ่นได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ หรือที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ช่องทางการติดต่อ

www.suzuki.co.th 

www.facebook.com/officialsuzukimotorthailand

โปรโมชั่น งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (วันที่ 25 มีนาคม 2567-7 เมษายน 2567)

โปรโมชั่น NEW SUZUKI XL7 HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน  หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนเดือนละ 8,146 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI SWIFT

•เลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 5,780 บาท พร้อมรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 0.79% นาน 60 เดือน 

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI CIAZ

•ราคาเริ่มต้น 378,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น NEW SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI XL7

•ราคาเริ่มต้น 734,000 บาท พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI CELERIO

•เลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 3,488 บาท พร้อมรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 15,000 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

โปรโมชั่น SUZUKI CARRY

•รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

•หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

BYD ส่งโปรโมชั่นแรง 3 รุ่นรวด ที่งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เรเว่ เปิดตัว New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 พร้อมส่งโปรแรงเร้าใจกับ BYD ATTO 3 รุ่นปี 2023 ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จัดเต็มทัพยานยนต์พลังงานไฟฟ้าล้ำสมัย 29 คัน ให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดพิเศษ! ชุดของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 สำหรับลูกค้าที่จองรถ BYD ภายในงานเท่านั้น

กรุงเทพฯ – 26 มีนาคม 2567 : บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เปิดตัวและประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 รถอเนกประสงค์คู่ใจในชีวิตประจำวัน ผสานเทคโนโลยี ระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้อุ่นใจแม้ยามฉุกเฉิน พร้อมจัดเต็มข้อเสนอคุ้มค่าและราคาสุดเร้าใจสำหรับ BYD ATTO 3 รุ่นปี 2023 จำนวนจำกัด หมดแล้ว หมดเลย! ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เท่านั้น พร้อมทั้งจัดแสดงทัพยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะเหนือชั้นหลากหลายรุ่นให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดรวม 29 คัน ได้แก่ BYD DOLPHIN MINI, BYD SONG MAX, BYD SEALION, BAO 5, DENZA D9 DM-i และYANGWANG U9 พิเศษ! จัดเต็มของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 หลังจากแบรนด์ BYD คว้าสิทธิ์การเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 สำหรับลูกค้าที่จองรถ BYD ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน พ.ศ. 2567 ภายในงาน เท่านั้น

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นี้ BYD มาพร้อมทัพยนตรกรรมที่อัดแน่นด้วยดีไซน์และนวัตกรรมล้ำสมัยทั้งจาก BYD นำโดย New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 ร่วมด้วยแบรนด์ BAO 5, DENZA และ YANGWANG ซึ่งพร้อมให้ชาวไทยได้สัมผัสคันจริงแล้ววันนี้ ในบูธ BYD กับพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร นับเป็นบูธภายใต้แบรนด์เดียวขนาดใหญ่ที่สุดในงาน รองรับการจัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากถึง 29 คัน และอีกหนึ่งความพิเศษในปีนี้ คือการพลิกโฉมบูธด้วยการตกแต่งในธีมฟุตบอล UEFA EURO 2024 ในฐานะที่ BYD เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 โดย BYD ยังเตรียมของสมนาคุณสุดพิเศษมามอบให้ลูกค้าอีกด้วย”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ‘NEW ENERGY FOR ALL’ ที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ NEV Nation เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา แบรนด์ BYD ได้จารึกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 กว่า 2,500 คันภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่เปิดรับจองแบบ walk-in ผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นด้วยยอดจดทะเบียนถึง 19,214 คัน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งรายรุ่นในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าการเปิดตัว New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 ในวันนี้จะตอบโจทย์ความต้องการ ของผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น มอบความสะดวกสบายและความอุ่นใจในการเดินทางกับระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC สูงสุด 480 กิโลเมตร ทั้งยังยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าขึ้นไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยผู้บริโภคสามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ในราคา 1,049,900 บาท และจะพร้อมส่งมอบรถให้ลูกค้าหลังเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “สำหรับลูกค้าที่จอง BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 ที่เปิดตัวพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์นี้ จะได้รับสิทธิพิเศษ RÊVER Care ประกอบด้วยประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี, Smart Home Charger ยี่ห้อ AUTEL พร้อมบริการติดตั้ง, บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม., รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. และสิทธิประโยชน์อื่นๆ กว่า 10 รายการ รวมถึงของสมนาคุณสุดพิเศษจากลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 ส่วนผู้บริโภคที่สนใจ BYD ATTO 3 Standard และ Extended รุ่นปี 2023 เรายังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษสุดในงานเท่านั้นให้ได้เป็นเจ้าของกันก่อนสินค้าหมด กับข้อเสนอที่คุ้มค่ายิ่งกว่าที่เคย นอกจากนี้ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มธุรกิจเรเว่จึงมุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า BYD และผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เดินหน้าเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายจะขยายจาก 100 แห่งเป็น 200 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2567 นี้ เพื่อมอบบริการเหนือระดับที่ทั้งสะดวกและรวดเร็วให้กับทุกคน” 

ดุดันดึงดูดทุกสายตาพร้อมความสะดวกสบายเหนือชั้น

รูปลักษณ์ภายนอกของ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมสีภายนอกใหม่ ให้ความรู้สึกดุดันอย่างสีดำ Quantum Black พร้อมเสาดี (D Pillar) สีดำ ที่ผสานกับดีไซน์ภายนอกอย่างหรูหราลงตัว โดดเด่นด้วย Wing Feather Dragon Crystal LED Combination Headlights หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ที่ออกแบบพิเศษโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ปรับขนาดของยางเป็น 235/50 R18 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนโดยยังคงความนุ่มนวล และยังเลือกใช้ยาง Continental ที่ออกแบบพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะช่วยยึดเกาะถนนและเก็บเสียงรบกวน ให้ห้องโดยสารเงียบสงบ ดีไซน์ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ สะดวกสบายด้วยระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายไฟฟ้าแบบ One-Touch กระจกมองข้างพับและปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบทำความร้อนไล่ฝ้า

ห้องโดยสารตกแต่งภายในสไตล์ Rhythmic Interior มาพร้อมโทนสีน้ำเงิน-ดำ และน้ำเงิน-เทา ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยหน้าจอกลางสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ที่ปรับหมุนเป็นแนวตั้งและแนวนอนได้ หน้าจอแสดงผลด้านคนขับแบบดิจิทัลขนาด 5 นิ้ว จัดเต็มฟีเจอร์อัจฉริยะและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนอย่างเหนือชั้น อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตซ์ควบคุมหน้าจอ แท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX มั่นใจได้ทั้งครอบครัว ชุดเครื่องเสียง Dirac HD Sound พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และเชื่อมต่อ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ให้เพลิดเพลินไปกับแอปพลิเคชันคาราโอเกะ ทั้งยังมีระบบกรองอากาศ PM 2.5 แบบแสดงค่า ช่วยให้คุณอุ่นใจตลอดการเดินทาง

อุ่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยซอฟต์แวร์เสริมความปลอดภัยล้ำสมัย

New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอุ่นใจตลอดการเดินทาง โดยมีการอัพเกรดระบบสตาร์ทอัจฉริยะ การปิดระบบแจ้งเตือนคนข้ามถนน ปิดไฟ Daytime Running Light ได้เมื่อใส่เกียร์ และยังคงมีถุงลมนิรภัย7 ตำแหน่ง กล้องมองรอบคัน 360 องศา เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้า – ด้านหลัง 6 จุด2 ระบบช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา เป็นต้น

ตอบโจทย์ทุกการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยสมรรถนะเหนือชั้น 

New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมกับขุมพลังแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง Blade Battery สิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ BYD ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ความจุ 60.48 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC สูงสุด 480 กิโลเมตร ออกตัวเร็วไม่แพ้ใครด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที พร้อมขับเคลื่อนกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร และมีระบบ VtoL (Vehicle To Load) เทคโนโลยีที่ใช้แบตเตอรี่จ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ ระบบเบรกพร้อมระบบชาร์จพลังงานกลับอัตโนมัติ (Regenerative Braking) ช่วงล่างด้านหน้ามีระบบกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังระบบมัลติ-ลิงค์ ยึดเกาะถนนดีเยี่ยมพร้อมมอบความนุ่มนวลทุกเส้นทางใช้ระบบดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อนบริเวณด้านหน้ารถ รองรับหัวชาร์จ แบบ AC Type 2 และแบบ DC – CCS 2 สูงสุด 88 กิโลวัตต์

ลูกค้าที่ซื้อ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ได้แก่

•ดอกเบี้ย 1.98% นาน 48 เดือน

•ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นานสูงสุด 1 ปี

•รับ Smart Home Charger ยี่ห้อ AUTEL พร้อมบริการติดตั้ง

•บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

•รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.

•รับประกันตัวรถ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปี

•สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือ V to L

•สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger

•พรมเข้ารูป กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ

•ค่าจดทะเบียนรถ

เป็นเจ้าของรถพร้อมรับข้อเสนอสุดเร้าใจจากเรเว่  FINAL RUNOUT CAMPAIGN

เรเว่ ออโตโมทีฟ มอบข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าและผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 รุ่นปี 2023 (จำนวนจำกัด 1,175 คัน) และ BYD DOLPHIN (จำนวนจำกัด 1,549 คัน) รับส่วนลดเงินสดสูงสุด 250,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 – 30 เมษายน พ.ศ. 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD ATTO 3 Standard รุ่นปี 2023 รับส่วนลดเงินสด 200,000 บาท เหลือเพียง 899,900 บาท (จากราคาปกติ 1,099,900 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2023 รับส่วนลดเงินสด 250,000 บาท เหลือเพียง 949,900 บาท (จากราคาปกติ 1,199,900 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 450,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD DOLPHIN รุ่น Standard รับส่วนลดเงินสด 40,099 บาท เหลือเพียง 659,900 บาท (จากราคาปกติ 699,999 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 205,000 บาท

โปรแรงเกินต้านสำหรับ BYD SEAL ทุกรุ่นภายใต้ MOTOR SHOW CAMPAIGN

เรเว่ ออโตโมทีฟ จัดเต็มโปรโมชันต้อนรับงานมอเตอร์โชว์ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL ทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 – 30 เมษายน พ.ศ. 2567 (แคมเปญมีผลย้อนหลังเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567) โดยมีรายละเอียดดังนี้

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL รุ่น Dynamic รับส่วนลดเงินสด 126,000 บาท เหลือเพียง 1,199,000 บาท (จากราคาปกติ 1,325,999 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 361,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL รุ่น Premium รับส่วนลดเงินสด 50,000 บาท เหลือเพียง 1,399,000 บาท (จากราคาปกติ 1,449,000 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 285,000 บาท

•ลูกค้าที่ซื้อ BYD SEAL รุ่น Performance รับส่วนลดเงินสด 100,000 บาท เหลือเพียง 1,499,000 บาท (จากราคาปกติ 1,599,000 บาท) พร้อมสิทธิพิเศษ RÊVER มูลค่ารวมกว่า 335,000 บาท

เรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ขอเชิญชวนผู้บริโภคร่วมชมและสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 โดยผู้ที่จองรถยนต์ที่บูธ BYD ทุกรุ่นภายในงานจะได้รับ EURO Set ของสมนาคุณลิขสิทธิ์แท้ UEFA EURO 2024 ประกอบด้วย กระเป๋าสะพายหลังมัลติฟังก์ชัน กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ พวงกุญแจ ผ้าเย็นอเนกประสงค์ และ กระบอกน้ำแสดงอุณหภูมิ รวมมูลค่ากว่า 8,990 บาท อีกด้วย และพลาดไม่ได้กับข้อเสนอสุดพิเศษรวมทั้งสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับลูกค้าและผู้สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD ทั่วประเทศ พบกันที่บูธ A18 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 – 7 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

อนึ่ง บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยในเดือนกรกฎาคม 2565  บริษัทฯ ได้นำรถยนต์ไฟฟ้า BYD รุ่นแรก “BYD ATTO 3” เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลามด้วยยอดจำหน่ายและส่งมอบมากกว่า 30,000 คัน ในปีแรกที่เข้าสู่ตลาด ในเดือนกรกฎาคม 2566 ได้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า รุ่นที่ 2 “BYD DOLPHIN” และล่าสุดเสริมสร้างผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าซีดาน รุ่นที่ 3 “BYD SEAL” ในเดือนกันยายน ทำให้สามารถสร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนมากที่สุดในปี 2566 บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ (NEV: New Energy Vehicle) เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เข้าสู่วงการขับขี่ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และมอบทางเลือกที่ความประหยัดในภาวะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save