- Advertisement -
31.3 C
Bangkok
Home Blog Page 60

โตโยต้า ประกาศผลการประกวดภาพวาดระบายสี “รถยนต์ในฝัน”

โตโยต้า ประกาศผลผู้ชนะการประกวดภาพวาดระบายสี “รถยนต์ในฝัน” “TOYOTA Dream Car Art Contest 2024” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดภาพวาดระบายสีในโครงการ “โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” “TOYOTA Dream Car Art Contest 2024” เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ศกนี้ ณ TOYOTA ALIVE ถ.บางนา-ตราด กม. 3

“โตโยต้ารถยนต์ในฝัน” หรือ “TOYOTA Dream Car Art Contest” เป็นโครงการประกวดภาพวาดระบายสีระดับโลก จัดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถของเยาวชนไทย ให้เยาวชนได้มีโอกาสในการแสดงความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อกลาง ภายใต้หัวข้อ “รถยนต์ในฝัน” ให้เยาวชนรุ่นใหม่เกิดความสนใจในเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างโอกาส สนับสนุนความสามารถของเยาวชนไทย ให้พัฒนา ก้าวไกลสู่เวทีระดับสากล

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวในพิธีมอบรางวัลว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปี ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มุ่งหวังให้เด็ก และเยาวชนไทย ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ รวมถึงพัฒนาทักษะทางด้านศิลปะ โดยเน้นที่การแสดงออก ทางด้านจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ผ่านการวาดภาพระบายสี และในทุกปีเราได้สนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถทางด้านศิลปะ ด้วยการคัดเลือกผลงานส่งเข้าประกวดระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น หลายปีที่ผ่านมาเยาวชนไทยของเรา สามารถคว้ารางวัลระดับโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้รวมทั้งสิ้นถึง 43 รางวัล ซึ่งรางวัลนี้สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลงานใน portfolio สมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และเป็นเกียรติคุณติดตัวต่อไปได้อีกด้วย”

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้แก่โครงการฯ และเยาวชนไทยที่ได้รับพระราชทานพระวโรกาสจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด TOYOTA Dream Car Art Contest 2024 ในระดับประเทศ สำหรับเยาวชนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของทั้ง 3 รุ่น ในส่วนของทางโครงการฯ จะมอบทุนการศึกษา พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้แก่เยาวชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับที่ 1 และรองชนะเลิศอันดับที่ 2 และมอบประกาศนียบัตรพร้อมทุนการศึกษา เป็นรางวัลชมเชย อีก 7 รางวัล ในทุกรุ่นการแข่งขัน

นายศุภกร กล่าวถึงกิจกรรมใหม่ในปีนี้ว่า “ในปีนี้ โครงการเราได้จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การจัด School Art Camp เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และการนำความรู้พื้นฐานทางด้านศิลปะไปประยุกต์ใช้ ให้กับเยาวชน ทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ยิ่งไปกว่านั้นเรายังขยายพื้นที่การจัดกิจกรรมไปยังโรงเรียนประชาสงเคราะห์ บ้านราชวิถี เพื่อให้เด็กๆ ได้ร่วมถ่ายทอดจินตนาการไปกับเรา รวมถึงเรายังได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่าย จัดกิจกรรมที่โชว์รูมในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมกับชุมชน และโรงเรียนในหลายๆจังหวัด”

“พิเศษกว่านั้นหลังจากการประกาศรางวัลในวันนี้ โตโยต้าจะนำผลงานน้องๆ จำนวน 30 ผลงาน ไปจัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 20-31 สิงหาคม 2567 เพื่อให้ผลงานของเยาวชนไทย ได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และสร้างความภาคภูมิใจให้กับน้องๆ เยาวชนไทยอีกด้วย”

นายศุภกร กล่าวขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของโครงการนี้ว่า “โอกาสนี้ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณความร่วมมืออย่างดี จากกระทรวงศึกษาธิการ ในการสนับสนุนการร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ และส่งผลงานของโรงเรียนในสังกัด เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งโรงเรียนรัฐบาล และเอกชน และขอขอบคุณกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการสนับสนุนการขยายแผนกิจกรรมที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงราชวิถี ให้โครงการของเราได้มีโอกาสเติมเต็มความฝัน เเละจินตนาการ ให้กับน้องๆ เพิ่มเติม”

“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่าน ร่วมเป็นกำลังใจให้กับน้องๆ ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศในการประกวดระดับประเทศ จะเป็นตัวแทนเยาวชนไทย ส่งผลงานเข้าแข่งขันในระดับโลก ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยกันนะครับ ขอบคุณครับ”

รายชื่อคณะกรรมการตัดสินการประกวด

ประธานคณะกรรมการ

ดร.สังคม ทองมี

ผู้อำนวยการศูนย์ศิลป์สิรินธร

คณะกรรมการ

1.ผศ.ดร.อภิชาติ พลประเสริฐ

หัวหน้าภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ศึกษา

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2.ดร.ปทุมมา บำเพ็ญทาน

อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

3.อาจารย์ฑีฆวุฒิ บุญวิจิตร

หัวหน้าภาควิชาจิตรกรรม

คณะจิตรกรรมประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

4.คุณศิริวรรณ เต็มผาติ

 ที่ปรึกษาโครงการฯ

Conceptual Designer Ink Studio

ติดตามข้อมูลข่าวสาร และร่วมลุ้นผลงานของเยาวชนไทยในระดับโลกผ่านทาง

Facebook: Toyota Dream Car Art Contest

Website: www.toyota.co.th/toyotadreamcarthailand หรือ โทร. 095-741-6959

“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

ผลการประกวดภาพวาดระบายสี “รถยนต์ในฝัน”

โครงการ “TOYOTA Dream Car Art Contest 2024”

รุ่นระดับอายุไม่เกิน 8 ปี

รางวัลชนะเลิศ :                          

ผลงานชื่อ “รถโลกหอม”

ด.ญ.ณกัญญา คงรักษาคุณ

โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ จ.กรุงเทพฯ /

สถาบันสอนศิลปะบ้านสีโป้ว สตูดิโอ

สาขาจุฬาสามย่าน

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1:

ผลงานชื่อ “รถต้นไม้”

ด.ญ.ชณัญชิฎา ชีวกานนท์

โรงเรียนกวงฮั่ว จังหวัดระยอง /

สถาบันสอนศิลปะบ้านสีโป้ว สตูดิโอ สาขาชลบุรี

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2:

ผลงานชื่อ “รถจรวดช่วยชีวิต”

ด.ช.ธชย บุญปัญญาธนาชัย

โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าเพชรเกษม

จังหวัดกรุงเทพมหานคร

รุ่นระดับอายุ 8-11 ปี

รางวัลชนะเลิศ :

ผลงานชื่อ “Lunch Car for Children”

ด.ญ.วริศรา สัมฤทธิ์

โรงเรียนอนุบาลวังสามหมอ

จังหวัดอุดรธานี

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1:

ผลงานชื่อ “รถพลังงานแสงอาทิตย์”

ด.ช.ปรเมศวร์ ฮดฤาชา

โรงเรียนมหาไถ่ศึกษา จังหวัดเลย

สถาบันสอนศิลปะบ้านสีโป้ว สตูดิโอ สาขาเลย

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2:

ผลงานชื่อ “Nature Car”

ด.ญ.เกศชฎาพร คุ้มบ้าน

โรงเรียนสมคิดจิตต์วิทยา

จังหวัดชลบุรี

รุ่นระดับอายุ 12-15 ปี

รางวัลชนะเลิศ :

ผลงานชื่อ “รถตะเพียนกู้ภัยพลังงานสะอาด”

ด.ญ.ชวิศา ปาละมะ

Global Indian International School

จังหวัดปทุมธานี

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1:

ผลงานชื่อ “รถไฟทางน้ำ พิทักษ์ความยากไร้”

ด.ญ.ศิชาพร นิ่มปาน

โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม

จังหวัดสระบุรี

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2:

ผลงานชื่อ “Little Whale”

นางสาวสโรชา การจนารักพงค์

โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ตลาดรถยนต์เดือนเมษายน 2567 ยอดขาย 46,738 คัน

โตโยต้า เผยตลาดรถยนต์เดือนเมษายน 2567 ยังชะลอตัว ยอดขาย 46,738 คัน ลดลง 21.5% รถยนต์นั่งลดลง 14.4% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 25.1% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ลดลงถึง 34% ซึ่งเป็นผลมาจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัวช้า

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2567 ยอดขายตลาดรวม 46,738 คัน ลดลง 21.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 17,288 คัน ลดลง 14.4% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 29,450 คัน ลดลง 25.1% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 17,689 คัน ลดลงถึง 34%

สำหรับตลาดรถยนต์เดือนเมษายน 2567 มียอดขาย 46,738 คัน ลดลง 21.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งมีการชะลอตัวที่ 14.4% ด้วยยอดขาย 17,288 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวเช่นกันที่ 25.1% ด้วยยอดขาย 29,450 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัวลงมากที่สุด ด้วยยอดขาย 17,689 คัน ลดลงถึง 34% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 15,161 คัน คิดเป็นสัดส่วน 32.4% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 56% ด้วยยอดขาย 10,208 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 4,282 คัน ลดลง 4%

ตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มจะดีขึ้นจากเดือนเมษายน แต่ยังคงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2567

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย  46,738 คัน ลดลง 21.5 %                        

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า      19,422 คัน       ลดลง     0.7 %           ส่วนแบ่งตลาด 41.6%
  • อันดับที่ 2 อีซูซุ          6,856 คัน       ลดลง   48.6 %            ส่วนแบ่งตลาด 14.7%
  • อันดับที่ 3 ฮอนด้า       5,743  คัน       ลดลง   10.4%           ส่วนแบ่งตลาด    12.3%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 17,288 คัน ลดลง 14.4%                                 

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า      5,500  คัน       ลดลง   24.5%            ส่วนแบ่งตลาด  31.8%
  • อันดับที่ 2 ฮอนด้า       3,442  คัน       ลดลง       9%            ส่วนแบ่งตลาด 19.9%
  • อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      1,665  คัน       เพิ่มขึ้น 10.8%            ส่วนแบ่งตลาด 9.6%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 29,450 คัน ลดลง 25.1%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      13,922  คัน      เพิ่มขึ้น  13.4%           ส่วนแบ่งตลาด 47.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          6,856 คัน      ลดลง   48.6%              ส่วนแบ่งตลาด 23.3%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า         2,301 คัน      ลดลง   12.4%            ส่วนแบ่งตลาด  7.8%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 17,689 คัน ลดลง 34%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า       8,647 คัน      ลดลง    15.6%           ส่วนแบ่งตลาด 48.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            6,091 คัน      ลดลง    48.7%           ส่วนแบ่งตลาด 34.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          2,015 คัน      ลดลง    29.8%           ส่วนแบ่งตลาด 11.4%

           *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,622 คัน

         โตโยต้า 1,335 คัน – อีซูซุ 1,044 คัน – ฟอร์ด 1,012 คัน – มิตซูบิชิ 192 คัน – นิสสัน 39 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,067 คัน ลดลง 35.7%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า         7,312 คัน     ลดลง   12.4%            ส่วนแบ่งตลาด 52%

อันดับที่ 2 อีซูซุ              5,047 คัน          ลดลง   50.5%       ส่วนแบ่งตลาด 35.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด           1,003 คัน     ลดลง   50.6 %           ส่วนแบ่งตลาด 7.1%     

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – เมษายน 2567

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 210,494 คัน ลดลง 23.9%                              

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า       78,232 คัน     ลดลง     17.4%          ส่วนแบ่งตลาด 37.2%
  • อันดับที่ 2 อีซูซุ          31,300 คัน     ลดลง     48.3%          ส่วนแบ่งตลาด 14.9%
  • อันดับที่ 3 ฮอนด้า        30,847 คัน     ลดลง    4.7%          ส่วนแบ่งตลาด 14.7%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย  82,903 คัน ลดลง 15.2%                                

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า       22,131 คัน     ลดลง   37.4%            ส่วนแบ่งตลาด 26.7%
  • อันดับที่ 2 ฮอนด้า        17,640 คัน    ลดลง   18.2%            ส่วนแบ่งตลาด 21.3%
  • อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ       6,619 คัน    ลดลง    1.5%             ส่วนแบ่งตลาด    8%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 127,591 คัน ลดลง 28.7%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า       56,101 คัน     ลดลง    5.4%             ส่วนแบ่งตลาด 44%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          31,300 คัน     ลดลง   48.3%             ส่วนแบ่งตลาด   24.5%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า        13,207 คัน     เพิ่มขึ้น  22.3%           ส่วนแบ่งตลาด  10.4%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 74,114  คัน ลดลง 42.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า        33,895 คัน     ลดลง   31.6%            ส่วนแบ่งตลาด  45.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            27,572 คัน     ลดลง   50.2%           ส่วนแบ่งตลาด  37.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          7,946 คัน     ลดลง   42.9%            ส่วนแบ่งตลาด   10.7%

           *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 13,436 คัน

          โตโยต้า 4,983 คัน – อีซูซุ 4,212 คัน – ฟอร์ด 3,151 คัน – มิตซูบิชิ 924 คัน – นิสสัน 166 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 60,678 คัน ลดลง 42.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      28,912 คัน      ลดลง  29.3%             ส่วนแบ่งตลาด 47.6%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          23,360 คัน      ลดลง  50.9%            ส่วนแบ่งตลาด 38.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         4,795 คัน      ลดลง  49.6%             ส่วนแบ่งตลาด  7.9%

MOTOR EXPO 2024 พร้อมแล้ว ปีนี้คึกคักแน่นอน

ค่ายรถยนต์ จักรยานยนต์ แห่จองพื้นที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เต็มภายในครึ่งชั่วโมง

บริษัท สื่อสากล จำกัด เปิดจองพื้นที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ได้รับความสนใจจากค่ายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์อย่างล้นหลาม โดยพื้นที่แสดงรถยนต์ถูกจองหมดภายในเวลาเพียง 40 นาที

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จของงานปีก่อน ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ 53,248 คัน จักรยานยนต์ 7,373 คัน สร้างเม็ดเงินสะพัดรวมกว่า 7.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้การเปิดจองพื้นที่ MOTOR EXPO 2024 ภายในอาคารชาลเลนเจอร์ 1-3 รวม 60,000 ตารางเมตร ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยนอกจากพื้นที่รถยนต์ ซึ่งมีการขยายเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับแบรนด์ใหม่ๆ จะถูกจองเต็มอย่างรวดเร็วแล้ว พื้นที่สำหรับจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องยังถูกจองไปกว่า 98%”

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต-Innovative Spirit…Futuristic Vehicles” โดยมีผู้อุปถัมภ์อย่างเป็นทางการ ได้แก่ บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด

พบกับ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

เอ็มจี จับมือช่องการ์ตูนดัง BOOMERANG 89 ขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่

เอ็มจี จับมือช่องการ์ตูนดัง BOOMERANG 89 ผุดโปรเจกต์ NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION เดินหน้าขยายฐานลูกค้าสู่คนรุ่นใหม่

กรุงเทพฯ – 7 มิถุนายน 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ต่อยอดความฮิตของ NEW MG4 ELECTRIC ร่วมกับช่อง BOOMERANG 89 สร้างสีสันครั้งใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยพร้อมผนวกกระแสความฮ็อตของ Art Toys นำการ์ตูนยอดนิยมระดับโลกอย่าง POWERPUFF GIRLS สะท้อนความสดใสแต่ทรงพลังใน NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION เดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปยังคนรุ่นใหม่ ให้เข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมปล่อยคาราวานย่านวัยรุ่นกลางกรุงเทพฯ ให้ได้สัมผัสกับ NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION ที่ผสานความน่ารักของ 3 สาวฮีโร่อย่างลงตัว พิเศษ!! สำหรับลูกค้าที่ทดลองขับ NEW MG4 ELECTRIC รับกระเป๋า LIMITED EDITION 3 สาวจอมพลัง ตั้งแต่ 7 มิถุนายน 2567–31 กรกฎาคม 2567 ที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ

ความร่วมมือระหว่าง เอ็มจี และช่อง BOOMERANG 89 ครั้งนี้ ผ่านการนำเสนอคาแรคเตอร์การ์ตูนสุดฮิตอย่าง POWERPUFF GIRLS สู่ลวดลายบนตัวรถ NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบคพลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นยอดนิยมของ เอ็มจี ทั้งรุ่น STANDARD RANGE รุ่น LONG RANGE และรุ่น XPOWER กลายเป็นความสดใสและทรงพลังครั้งใหม่กับ NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION และออกสร้างสีสัน มอบความสุขด้วยคาราวาน NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION กลางกรุงเทพฯ โดย NEW MG4 ELECTRIC ทั้ง 3 รุ่น 3 คาแรคเตอร์ ได้รับถ่ายทอดดีเอ็นเอจาก 3 ฮีโร่ ดังนี้

•รุ่น STANDARD RANGE ถ่ายทอดอารมณ์ความสนุกสนาน ความสุข และเสียงหัวเราะในทุกเส้นทางโดย บับเบิลส์ (Bubbles)

•รุ่น LONG RANGE ถูกผนวกกับ บลอสซัม (Blossom) ที่มีความเป็นผู้นำ โดดเด่น เหนือใคร สะท้อนความเป็น ICONIC ของ NEW MG4 ELECTRIC

•รุ่น XPOWER ถูกสื่อสารผ่าน บัตเตอร์คัพ (Buttercup) ฮีโร่ที่สะท้อนจิตวิญญาณของความรวดเร็ว ว่องไว และความปลอดภัย

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “การทำ Collaboration ครั้งนี้ ถือเป็นการผนวกอุตสาหกรรมการ์ตูนและแอนิเมชันและอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้เข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้งเพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ให้กับวงการยานยนต์ พร้อมกันนี้ โปรเจกต์พิเศษอย่าง NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION ยังถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวตามทิศทางของแบรนด์เอ็มจี ที่ฉลองครบรอบ 100 ปี สู่การเป็นโกลบอลแบรนด์ ที่เข้าถึงและครองใจคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น”

สำหรับกิจกรรมคาราวาน NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION ได้สัญจรไปยังแลนด์มาร์คต่างๆ ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยปักหมุดเริ่มกิจกรรมบริเวณลานกิจกรรมหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ต่อเนื่องไปยังประตูน้ำ ถนนรัชดาภิเษก ถนนพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนพระราม 4 ย่านธุรกิจชั้นนำอย่างสีลม สาทร อโศก-สุขุมวิท ย่านฮิตของคนเจน Y-Z อย่างสยาม และปิดท้ายที่ถนนบรรทัดทอง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้พบเห็น อีกทั้งยังมีเหล่าแฟนๆ ของการ์ตูน POWERPUFF GIRLS มารอสัมผัส NEW MG4 ELECTRIC POWERPUFF GIRLS EDITION คันจริงอีกด้วย

หลังจากนี้ ผู้ที่สนใจ NEW MG4 ELECTRIC เพียงทดลองขับหรือจองรถที่โชว์รูมเอ็มจีกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ รับทันทีของพรีเมียม POWERPUFF GIRLS LIMITED EDITION ตั้งแต่ 7 มิถุนายน ถึงวันที่ 31กรกฎาคม 2567 นี้ (จำนวนจำกัด)

เอ็มจี เปิด MG EVolution Showroom ทั่วประเทศ

เอ็มจี เดินหน้า ต่อยอดแผนงานทศวรรษที่สอง กับการเปิดตัว MG EVolution Showroom ทั่วประเทศ 

กรุงเทพฯ – 6 มิถุนายน 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ย้ำภาพแบรนด์ผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยเปิดตัว MG EVolution Showroom หนึ่งในแผนงานพัฒนาศูนย์บริการให้ดูทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่รถไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของลูกค้า เพื่อรองรับการขายและการบริการหลังการขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ประเดิมเปิดตัว 3 โชว์รูมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปทุมธานี และชลบุรี โดยมีแผนขยายครบ 10 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในสิ้นเดือนนี้

ในสถานการณ์ตลาดที่รถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา การพัฒนาภาพลักษณ์โชว์รูมเพื่อให้ตอบโจทย์กับรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นส่วนสำคัญในแผนงานของ เอ็มจี ทั้งนี้ MG EVolution Showroom เป็นโชว์รูมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับการขายและบริการหลังการขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และกลุ่มผลิตภัณฑ์อีวีในระดับพรีเมียม (EV Premium) ซึ่งรถในกลุ่มดังกล่าว นำโดย NEW MG MAXUS 9  ลักชัวรี่ MPV ไฟฟ้า100% แบบ 7 ที่นั่งรุ่นแรกของ เอ็มจี NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง และล่าสุดที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ กับ NEW MG MAXUS 7 รถ e-MPV ยุคใหม่สำหรับครอบครัวสมัยใหม่ โดย MG EVolution Showroom มีการแบ่งพื้นที่ภายในอย่างเป็นระบบ อาทิ โซนจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า โซนต้อนรับ โซนห้องประชุมสำหรับการสาธิตและให้ความรู้ โซนซ่อมบำรุงรักษา ซึ่งจะมีอุปกรณ์และเครื่องมือเฉพาะสำหรับการบำรุงดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญงาน รวมถึงสถานี MG SUPER CHARGE ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ในส่วนของพนักงานขายที่ MG EVolution Showroom จะได้รับการอบรมความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำได้อย่างแม่นยำ ทำให้ลูกค้าเข้าใจในผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน

โดย MG EVolution Showroom ได้ถูกออกแบบที่เน้นการสื่อสารถึงความทันสมัยและเข้าถึงง่ายสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ผ่านการเลือกใช้โทนสีเงินและสีฟ้าเป็นสีหลัก ซึ่งสีเงินสื่อถึงความล้ำสมัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในขณะที่สีฟ้าที่ใช้เป็นเส้นสายประกอบสื่อถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า โดยกลุ่มแรกจะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ เอ็มจี เอเบิล มอเตอร์ ปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เอ็มจี เบส ออโต้เซลส์ สาขาบายพาส ชลบุรี จังหวัดชลบุรี และ เอ็มจี เบส ออโต้เซลส์ เพชรเกษม 65 จังหวัดกรุงเทพมหานคร และจะเปิดเพิ่มเติมอีก 7 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นเดือนมิถุนายนี้

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่เติบโตสูงมาก โดย เอ็มจี ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดนี้เป็นหลัก นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เอ็มจีมียอดขายสะสมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 จนถึงปัจจุบันกว่า 26,000 คันแล้วนั้น ในช่วงทศวรรษที่สอง เอ็มจี ได้ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มถึงสามรุ่น โดยหนึ่งในรุ่นที่ถือเป็นความภูมิใจของ เอ็มจี คือ NEW MG4 ELECTRIC ซึ่งเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกของเอ็มจีที่ออกจากสายการผลิตภายในประเทศ โดยใช้ชิ้นส่วนจาก ประเทศไทยกว่า 17 บริษัท รวมถึงขยายพื้นที่เปิดโรงงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า และพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ เอ็มจี ที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ การเปิดพื้นที่คลังอะไหล่แห่งใหม่รวมพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 25,000 ตารางเมตร รองรับอะไหล่กว่า 30,000 รายการซึ่งทำให้ยอดลงทุนรวมของโรงงาน เอ็มจี สูงถึง 30,000 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น เอ็มจี ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มรถบริการสาธารณะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่ เอ็มจี ดำเนินการมาโดยตลอด และเดินหน้าแผนงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับศูนย์บริการของ เอ็มจี ด้วยการเปิดตัว MG EVolution Showroom และการขยาย MG SUPERCHARGE STATION กว่า 147 แห่ง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของ เอ็มจี ซึ่งจะช่วยเติมเต็มการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยให้มีความครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

MG CYBERSTER กับการทดสอบระบบความปลอดภัยก่อนส่งมอบ

NEW MG CYBERSTER กับการทดสอบระบบความปลอดภัย เพื่อถ่ายทอดเทคนิคการควบคุมรถอย่างปลอดภัย ก่อนส่งมอบรถให้ลูกค้าในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้

-ลูกค้าที่สนใจ สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ของ NEW MG CYBERSTER บนนถนนจริงได้ในวันที่ 22-26 พฤษภาคม นี้ ณ Dawn to Dusk BKK ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 ลงทะเบียนทดลองขับ ได้ที่ https://bit.ly/3QQYW1H

กรุงเทพฯ – 20 พฤษภาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความคืบหน้ายอดจอง NEW MG CYBERSTER ในประเทศไทยกว่า 1,000 คัน พร้อมนำรถ NEW MG CYBERSTER พวงมาลัยขวาสเปคไทยทดสอบสมรรถนะระบบความปลอดภัยที่มีการจำลองหลากหลายสถานการณ์จริงบนท้องถนน โดยคณะวิศวกรจากเอ็มจี ทั้งไทยและต่างประเทศ ก่อนทยอยส่งมอบรถในเดือนกรกฎาคม นี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมสัมผัสสมรรถนะของ NEW MG CYBERSTER บนนถนนจริงได้ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคม นี้ ณ Dawn to Dusk BKK

สำหรับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของรถปอร์ตโรดสเตอร์สมรรถนะสูงในครั้งนี้ ทีมวิศวกรยานยนต์ เอ็มจี  ได้นำรถ NEW MG CYBERSTER รุ่นพวงมาลัยขวาทดสอบสมรรถนะในหลากหลายสถานี ที่ครอบคลุมทั้งเรื่องของอัตราเร่ง กำลังเครื่องยนต์และแรงบิด การทรงตัวขณะเข้าโค้งหลายรูปแบบ รวมถึงระบบความปลอดภัยของรถในสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ ที่สนามพีระ เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี โดยรีดสมรรถนะการขับขี่ของรถรุ่นนี้ออกมาให้มากที่สุด เพื่อเตรียมถ่ายทอดชุดข้อมูลความรู้ และประสบการณ์ไปสู่กลุ่มลูกค้าที่สนใจ และเจ้าของสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นนี้ ให้สามารถควบคุมขับขี่ได้อย่างมั่นใจ สร้างความเข้าใจในการใช้งานรถอย่างถูกต้อง มุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยทั้งกับผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ใช้ถนน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนทดลองขับสปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง จาก เอ็มจี ที่ถ่ายทอดสปอร์ตดีเอ็นเอของโรดสเตอร์ที่ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเหนือชั้น อีกทั้งยังมีความโดดเด่นในแง่ของดีไซน์ เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน กับกิจกรรม MG EXCLUSIVE TEST DRIVE โดย ลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยม ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ NEW MG CYBERSTER NEW MG MAXUS 7 และ NEW MG MAXUS 9 ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคมนี้ ณ Dawn to Dusk BKK ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 ลงทะเบียนทดลองขับ ได้ที่ https://bit.ly/3QQYW1H

สำหรับ NEW MG CYBERSTER เป็นสปอร์ตโรดสเตอร์อีวีที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดและหลังคาซอฟต์ท็อป มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แบบมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า มาพร้อมดีไซน์การออกแบบอย่างพิถีพิถัน สะท้อนกลิ่นอายความสปอร์ตสุดคลาสสิกทั้งภายในและภายนอก โดย SAIC’s Advanced Design Studio ในลอนดอน สหราชอาณาจักร อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ครอบคลุมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 26 ระบบ โดยมีสีภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง Flame Red สีเหลือง Photon Yellow และสีบรอนซ์เงิน Bullet Silver ภายใน ห้องโดยสารเป็นแบบทูโทน โดยสีทูโทนดำ-แดง จะแมทซ์กับสีภายนอกสีแดง และสีเหลือง ส่วนสีทูโทน-เทาขาวจะแมทซ์กับสีภายนอกสีบรอนซ์เงิน ในราคาจำหน่ายที่ 2,499,000 บาท  พร้อมทยอยส่งมอบรถในเดือน กรกฎาคม 2567 นี้เป็นต้นไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/NEWMGCYBERSTER

เอ็มจี ทุ่มงบ 3 หมื่นล้าน ผลิตรถอีวีพวงมาลัยขวาในไทย

เอ็มจี ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าทั่วภูมิภาคอาเซียน กับงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท

•เอสเอไอซี มอเตอร์- ซีพี มีพื้นที่กว่า 437.5 ไร่ กับงบลงทุนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท และบุคลากรในการทำงานมากกว่า 1,000 คน โดยเป็นบุคลากรคนไทยกว่า 98%

•เผยถึงความพร้อมในทศวรรษที่ 2 กับไลน์ประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC และโรงงานแบตเตอรี่อีวีที่สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกตลาดอีวีพวงมาลัยขวาในอาเซียน

•เติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ กับพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ที่เปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้วตามกรอบระยะเวลา

ชลบุรี – 13 พฤษภาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความพร้อมในทศวรรษที่สอง กับการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศชั้นนำทั่วภูมิภาคอาเซียน ด้วยไลน์การผลิตที่ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อน กำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี ด้วยงบลงทุนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท โดยสามารถผลิตได้ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์พลังงานทางเลือก และล่าสุดด้วยการเพิ่มไลน์การผลิตรถอีวีนำร่องด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมโรงงานแบตเตอรี่อีวี รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้รถอีวีในประเทศและแถบภูมิภาคอาเซียน พร้อมเผยความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK โดยพื้นที่ทั้งหมดได้เปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และมีพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำร่วมเข้ามาอยู่ในพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ เอ็มจี สามารถกระจายรายได้สู่ภาคประชาชนด้วยการจ้างงานคนไทยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 98%

ประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่ เอ็มจี มุ่งมั่นเข้ามาดำเนินธุรกิจและทำการตลาดในระยะยาวด้วยความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในแง่ของอัตราการเติบโตและการใช้งานรถภายในประเทศ ผนวกกับทำเลที่ตั้งที่มีโอกาสและความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน เอ็มจี จึงได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจร ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 437.5 ไร่ โดยพื้นที่กว่า 300 ไร่ ใช้เป็นส่วนของโรงประกอบตัวถัง (Body Shop) โรงพ่นสีรถยนต์ (Paint Shop)  โรงประกอบรถ (General Assembly Shop) อีกทั้งยังครอบคลุมในส่วนของคลังจัดเก็บอะไหล่เพื่อรองรับรถยนต์ของเอ็มจีทุกรุ่น และ ล่าสุด เมื่อปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาพื้นที่ในส่วนที่เหลืออีกกว่า137.5 ไร่ ให้เป็นส่วนของ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อรองรับการเติบโตของรถอีวี และเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งในส่วนที่พัฒนาใหม่นี้ ประกอบด้วย โรงประกอบแบตเตอรี่อีวี และส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนเพื่อการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ จึงทำให้แบรนด์ เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ได้ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจากฐานการผลิตภายในประเทศ กับกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี

นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า “โรงงานการผลิตและประกอบรถยนต์ เอ็มจี เป็นโรงงานที่มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี อาทิ นวัตกรรมระบบอัตโนมัติ (Automations) หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Robotics) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพ และความแม่นยำในไลน์การผลิต ผนวกกับทักษะความเชี่ยวชาญและความชำนาญของบุคลากรในกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้มีข้อได้เปรียบในกระบวนการการผลิตที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ ทุกรูปแบบการขับเคลื่อน

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนเพิ่มและเริ่มเดินสายการผลิตรถอีวีภายในประเทศ โดยเป็นไปตามแผนงานการลงทุนของบริษัทแม่อย่าง SAIC Motor Corporation และสอดรับกับนโยบายอีวีของภาครัฐ ประเดิมการผลิตรถอีวีรุ่นแรกด้วย NEW MG4 ELECTRIC ซึ่งเป็นโกลบอลอีวีรุ่นยอดนิยมที่มียอดขายสะสมทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มากกว่า 180,000 คัน โดยในสายการผลิตที่ประเทศไทยจะประกอบด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE ซึ่งได้เริ่มเดินสายการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้ส่งมอบสู่ลูกค้าในช่วงเมษายนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะแบรนด์ ผู้บุกเบิกตลาดอีวี เอ็มจี ไม่ได้ให้ความสำคัญแต่เพียงตัวรถอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เรายังขยายความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานรถอีวีในทุกมิติ เราจึงได้ลงทุนในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่อีวี ภายใต้ชื่อ HASCO-CP BATTERY SHOP ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน

โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนการประกอบแบตเตอรี่ ประกอบด้วยสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์ (Robotic) เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ เทคโนโลยี AGV (Automated Guided Vehicle) ที่ใช้ในการกำหนดการเคลื่อนที่ของชิ้นงานตามเส้นทางรวมถึงระยะเวลาการทำงานและคุณภาพการผลิตที่แม่นยำ การเชื่อมโดยเลเซอร์ (Laser Welding) เพื่อให้ได้คุณภาพของการเชื่อมที่ดี การตรวจสอบด้วย CCD (Charge Coupled Device) เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบเทียบกับต้นแบบในทุกขั้นตอนก่อนนำไปประกอบใส่ในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และส่วนที่สอง คือ ส่วนการทดสอบมาตรฐานของแบตเตอรี่กว่า 60 ขั้นตอน ซึ่งได้รับรองคุณภาพและการตรวจสอบภายใต้มาตรฐานยุโรป และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับสายการผลิตระดับโลก โดยโรงงานแห่งนี้ สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี และนำแบตเตอรี่มาใช้ในการประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC เป็นที่เรียบร้อย”

นายสุโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “เอ็มจี มีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจ้างงานภายในประเทศ มีอัตราการจ้างงานบุคลากรในหลายๆ ส่วน คิดเป็นสัดส่วนบุคลากรคนไทยในบริษัทฯ มากกว่า 98% โดยมีบุคลากรทั้งสิ้นมากกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ซึ่ง เอ็มจี ได้พัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย โดยเฉพาะการเติบโตของรถอีวีในอนาคต ภายในพื้นที่แห่งนี้ ยังมีส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ เพื่อจะเติมเต็มความครบวงจรและความสมบูรณ์แบบของกระบวนการผลิต ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว”

ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างแท้จริงของ เอ็มจี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยเป้าหมายใหญ่เชิงมหภาคในการลงทุนระยะยาว เพื่อร่วมเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบรรลุเป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลาง” การผลิตรถยนต์และรถอีวีพวงมาลัยขวา เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนและประเทศชั้นนำทั่วโลก

ซูซูกิ จัดแคมเปญพิเศษรับหน้าฝน ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 99 เดือน

ซูซูกิ จัดแคมเปญพิเศษรับหน้าฝน “SUZUKI EAZY DRIVE ผ่อนสบายในสไตล์คุณ” ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% หรือเลือก ขับฟรี 90 วัน ผ่อนนาน 99 เดือน ชี้ครึ่งปีหลังทิศทางของตลาดรถยนต์จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การแข่งขันของตลาดรถยนต์นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังคงเข้มข้น และด้วยปัจจัยในหลายด้าน ทั้งเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสภาวะเศรษฐกิจ ไปจนถึงความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ตลาดรถยนต์จึงยังไม่กลับมาเติบโตได้อย่างเป็นปกติ แต่อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปีหลังทิศทางของตลาดรถยนต์จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับซูซูกิ ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งนับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความคุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งช่วยมีส่วนกระตุ้นความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าให้เลือกเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของซูซูกิ จนทำให้เราได้รับความสำเร็จทางด้านยอดจำหน่ายสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับความนิยมของรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำการแนะนำไปในช่วงที่ผ่านมาอย่าง SUZUKI XL7 HYBRID รถยนต์อเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง และ SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กคอมแพคคาร์ที่ขึ้นแท่นเป็น ICONIC BRAND ของซูซูกิ

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรองรับการแข่งขันในตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมกับตอบรับความต้องการของลูกค้าต้องการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์จากซูซูกิ ให้สามารถเข้าถึงและตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงเตรียมนำเสนอแคมเปญพิเศษ “SUZUKI EAZY DRIVE ผ่อนสบายในสไตล์คุณ” ให้ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ผ่อนง่าย จ่ายสบาย มากกว่าที่เคย  โดยสามารถเลือกรับดอกเบี้ย 0% หรือ ขับฟรี 90 วัน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยแคมเปญ “SUZUKI EAZY DRIVE ผ่อนสบายในสไตล์คุณ” เริ่มตั้งแต่วันนี้ 1 มิถุนายน – 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

SUZUKI SWIFT

•เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,999 บาท หรือ รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือ เลือกขับฟรี 90 วัน หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนๆ ละ 5,780 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI XL7 HYBRID

•ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 799,000 บาท

•พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 7,888 บาท หรือ เลือกขับฟรี 90 วัน หรือเลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนๆ ละ 8,146 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

•ราคาพิเศษเริ่มต้น 319,900 บาท

•พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 2,999 บาท หรือเลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 3,302 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI ERTIGA HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท

•พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนละ 7,126 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

• รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

• หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

• หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

“ซูซูกิมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เรามีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย รวมถึงความใส่ใจในการยกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ภายใต้แนวคิด “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งนอกเหนือจากความต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่านแล้ว ซูซูกิยังมีความตั้งใจจริง ที่ต้องการที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยได้อย่างยั่งยืน” นายวัลลภ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความสนใจและต้องการเป็นเจ้าของรถทุกรุ่นภายใต้แบรนด์ของซูซูกิ เรายังคงเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการเพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกด้านการอนุมัติสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ รายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ฟาสต์ ออโต โชว์ 2024 ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ฟาสต์ ออโต โชว์ 2024” ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 นำเสนอ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” เริ่ม 3 – 7 กรกฎาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา

คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ ผู้จัดงานแสดงรถยนต์ครบวงจร “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” (FAST Auto Show Thailand 2024) เปิดฉากปลุกตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงครึ่งปีหลังให้คึกคักต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ด้วยยนตรกรรมมากคุณภาพหลากหลายแบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” ครบจบในงานเดียว ซึ่งมาพร้อมดีลเร้าใจสุดคุ้ม ไฮไลต์เด็ดปีนี้เปิดให้ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ภายในฮอลล์ ตั้งเป้าและมั่นใจว่าตลอด 5 วัน ของการจัดงานจะมียอดจองรถยนต์ใหม่ รถใช้แล้ว รถไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นที่น่าพอใจ ห้ามพลาด 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา เข้าชมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมลุ้นรับโชคตลอด 5 วันเต็ม

นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” เปิดเผยว่า “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” เป็นงานซื้อ-ขายรถครบวงจรที่จัดขึ้นในช่วงกลางปี ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เป็นการรับไม้ต่อเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้หยุดนิ่ง กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อ-ขายในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในหัวใจหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้รับการคาดการณ์ว่าจะยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา หากแต่ด้วยแรงสนับสนุนด้านนโยบายของภาครัฐ ความร่วมมือของภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ต่างพยายามช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในมุมของตัวเองอย่างเต็มกำลัง เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นปีที่มีความท้าทาย และยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในธุรกิจยานยนต์ ในการใช้งาน “ฟาสต์ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” ซึ่งเป็นงานที่มีศักยภาพดึงดูดคนมาร่วมงาน ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จในการจัดงานจับคู่ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมานานจนก้าวสู่ปีที่ 12 เป็นเครื่องมือการตลาดในการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในช่วงกลางปี และเป็นโอกาสของผู้บริโภค เพราะการมาเลือกซื้อรถในพื้นที่ขายที่มีรถหลากหลายแบรนด์มาจัดแสดงพร้อมกัน พร้อมมีโปรโมชั่นพิเศษ ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบคุณภาพ การให้บริการ และราคาที่ตรงใจ นอกจากนี้ ในภาวะเศรษฐกิจที่เร่งรีบยังช่วยให้สะดวก และประหยัดเวลา

“งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” ในปีนี้ เรายังคงความครบเครื่องต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ด้วยการจัดงานบนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร พร้อมสรรพในทุกมิติ และยังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มธุรกิจยานยนต์ที่ตอบรับเข้าร่วมงานมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปท์ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้รถ ให้ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ได้อย่างสะดวกและมั่นใจ คือ 1.รถยนต์ใหม่ป้ายแดงที่จะมาพร้อมโปรโมชั่นสุดเร้าใจ 2.รถไฟฟ้า(EV) เทรนด์ที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้ใช้รถในเมืองไทย ตอบรับกระแสรักษ์โลกด้วยการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งมีทั้งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าร่วมพร้อมโซนทดสอบรถไฟฟ้าภายในฮอลล์ และ 3.รถใช้แล้วคุณภาพดี ที่สำคัญมีรับประกัน 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้, ไม่จมน้ำ, ไม่ตัดต่อ, ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หากตรวจพบว่าผิดเงื่อนไข รับประกันซื้อคืน 100% ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของงานในส่วนของรถใช้แล้วตลอดการจัดงาน 11 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดจองรถภายในงานได้มากกว่าปีที่ผ่านมา”

•รถใหม่โปรดีหลากแบรนด์ รถไฟฟ้ามีให้ลองก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานฝ่ายรถใหม่ เผยว่า จากข้อมูลการประเมินตลาดรถยนต์เมืองไทยในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีรถใหม่จ่อคิวรอเปิดตัวหลายรุ่นต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดจะคึกคักมากเป็นพิเศษ รวมทั้งการเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มสีสันให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นดุเดือดต่อจากนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตามถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้รถยนต์ตามความต้องการได้ในราคาที่เหมาะสม

“แบรนด์รถใหม่ป้ายแดงที่ตอบรับเข้าร่วมในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” ณ เวลานี้มีทั้งสิ้น 14 แบรนด์ ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี ยุโรป ประกอบด้วย อีซูซุ (ISUZU) โตโยต้า (TOYOTA) ฮอนด้า (HONDA) มิตซูบิชิ (MITSUBISHI) เอ็มจี (MG) ซูซูกิ (SUZUKI) ฮุนได (HYUNDAI) วอลโว่ (VOLVO) เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM : GREAT WALL MOTOR) เนต้า (NETA) เบนซ์ ธนบุรีพานิช (BENZ THONBURI PHANICH) ฉางอัน (CHANGAN) เน็กซ์เท็ม (NEXTEM) และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV โดยทุกแบรนด์พร้อมจัดแคมเปญโปรโมชั่นสุดเร้าใจเพื่อช่วยกระตุ้นตลาดยานยนต์ พร้อมมีระบบการจองคิวทดลองขับเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่กำลังจะตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์

ไฮไลต์พิเศษในปีนี้ คือ โซนทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในฮอลล์ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากปีที่ผ่านมา โดยรถไฟฟ้าที่นำมาเปิดให้ทดสอบจะเป็นรุ่นใหม่ๆ ในตลาด อาทิ Honda e:N1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทย ที่เปิดให้ทดสอบสำหรับผู้เข้าชมงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” เนื่องจากปกติรุ่นนี้ไม่มีจำหน่ายแต่มีให้เช่าใช้เท่านั้น ตามด้วย Volvo EX30 ORA07 Deepal S07 Hyundai IONIQ5 NETA VII และ MG4 ซึ่งในโซนนี้ยังจัดให้มีระบบการจองคิวเพื่อเปิดประสบการณ์การทดลองรถยนต์ไฟฟ้าภายในฮอลล์ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ”

•รถยนต์ใช้แล้วสภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย ราคาดีมีรับประกัน

นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงานฝ่ายรถใช้แล้ว กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากปัจจัยด้านดีมานด์ในตลาด และตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ในงานปีนี้จึงพร้อมนำเสนอรถยนต์หลากหลายเซ็กเมนต์ ตั้งแต่อีโคคาร์ไปจนถึงซูเปอร์คาร์ รวมถึงรถไฟฟ้า โดยมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน 7 ราย ประกอบด้วย DDS คาร์เซ็นเตอร์, โยรัชดา, ดา ศรีนครินทร์และรถเศรษฐี Sethi Premium Used Car CarDeeSureOK GWM Certified Pre-Owned และ Volvo Selekt Approved Used Cars ซึ่งผ่านการคัดเลือกให้เป็นพันธมิตรกับ “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” และมีการรับประกันว่าได้คัดเลือกรถรุ่นปีใหม่ๆ สภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย นำมาจำหน่ายภายในงาน

“เพราะหัวใจหลักของความสำเร็จในส่วนของรถยนต์ใช้แล้ว คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มาซื้อรถในงานของเรา ที่นอกจากจะมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายรุ่น ครบทุกเซ็กเมนต์แล้ว ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานต่างเป็นพาร์ทเนอร์กับเรามานาน มีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ และสิ่งสำคัญที่ถือเป็นจุดแข็งและจุดขายของงานคือ รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบจากทีมงานมืออาชีพของอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ว่าเป็นรถที่เข้าเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หากพบว่ารถยนต์ใช้แล้วที่ซื้อไปไม่เป็นไปตาม 5 ข้อดังกล่าว รับประกันซื้อคืน 100%”

•รถแต่งโดนใจใช้คุ้ม พร้อมลุ้นรางวัลกับกิจกรรมอีสปอร์ต

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานจัดงานฝ่ายรถตกแต่ง โมดิฟาย และกิจกรรมอีสปอร์ต เผยว่า “กิจกรรมที่น่าสนใจในงานยังคงมีอยู่เต็มร้อยเหมือนทุกปี โดยเฉพาะโซนรถตกแต่งพิเศษ ซึ่งปีนี้ได้รวบรวมรถแต่งที่ไม่ได้มีดีแค่สวย เท่ๆ คูลๆ แต่ยังใช้ประโยชน์ได้ครบ คุ้มค่า ตามเทรนด์ปี 2024 มาจัดแสดง เพื่อให้เป็นแนวทางในการแต่งรถยนต์ให้กับผู้ที่สนใจ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบแต่งรถที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวเอง และรองรับกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ประดับยนต์ที่มาใหม่หลากหลายสไตล์ให้เลือก นอกจากนี้เรายังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมอีสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดโซนอีสปอร์ตภายในงานให้ผู้ที่สนใจได้มาประลองฝีมือ และลุ้นรับของที่ระลึกกลับบ้าน เพราะในยุคออนไลน์ การเล่นเกมไม่ใช่แค่เพียงเพื่อความสนุกอีกต่อไป ใครที่มีความสามารถที่แท้จริง สามารถนำไปต่อยอดสร้างเงิน สร้างอาชีพ มีรายได้ให้กับตนเองได้อีกด้วย”

ในส่วนของ ACCESSORY มีบริษัทที่ยืนยันเข้าร่วมงานแล้ว คือ TK ENGINEERING GROUP งานเตรียมระบบไฟสำหรับรถไฟฟ้า และจัดจำหน่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Meguiar’s Thailand ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ และ COWAY ผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำ

พบกับกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ภายในงานตลอด 5 วัน พิเศษชวนเร้าหัวใจกับกิจกรรม Sexy Car Wash สุดร้อนแรง และลุ้นเป็นผู้โชคดีรับของรางวัลทุกวันในเวลา 20.00 น. โดยผู้จองรถและซื้อรถทุกกลุ่มภายในงานได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลประจำวัน ได้แก่ คูปองบริดจสโตน มูลค่า 12,000 บาท วันละ 1 รางวัล รวม 5 รางวัล ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่า 3,845 บาท วันละ 5 รางวัล รวม 25 รางวัล และหลังจบงานยังได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV จํานวน 2 รางวัล ได้แก่ รุ่น Saber Tiger มูลค่า 95,900 บาท จํานวน 1 คัน และรุ่น Mine Plus มูลค่า 73,900 บาท จํานวน 1 คัน พร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s

นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานทุกท่านยังได้รับสิทธิ์ส่งคูปองลุ้นรับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 1,000 บาทวันละ 5 รางวัล รวม 25 รางวัล อีกด้วย เพียงแวะมา “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ได้ที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์  2024” จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 3 – 7 กรกฎาคม ศกนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-104

“ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” (FAST Auto Show Thailand) จัดโดย บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้ความร่วมมือทางธุรกิจของ 3 ค่ายใหญ่ ในวงการสื่อรถยนต์เมืองไทย ได้แก่ กรังด์ปรีซ์ สื่อสากล และ วี.เอ แอนด์ ซันส์ ต่อยอดธุรกิจอีเวนต์โชว์รถครบวงจรในช่วงกลางปี เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยนำจุดแข็งของ “กรังด์ปรีซ์” ผู้จัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ที่เชี่ยวชาญด้านรถใหม่รถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ “สื่อสากล” ผู้จัดงาน “ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป” ที่เชี่ยวชาญด้านรถใหม่ รถนำเข้าและกลุ่มผู้นำเข้าอิสระ และ “วี.เอ แอนด์ ซันส์” ที่เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการรถยนต์ใช้แล้วมากว่า 15 ปี เพื่อสร้างสรรค์งานโชว์รถครบวงจรในแนวคิด “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” ให้ผู้บริโภคได้ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ในแบบที่คุ้มค่าเงินสูงสุด

ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024 คอนเฟิร์มความมันดวลกันด้วยเกียร์ธรรมดา

“กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” จับมือ “ฮอนด้า” สานต่อความมันส์ “ฮอนด้า วันเมคเรซ” ปีที่ 4 เพิ่มความสดใหม่ด้วย “ระบบเกียร์” และ “ฮอนด้า คลับ”

“กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการแข่งขันชั้นนำของเมืองไทย จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน รถยนต์ทางเรียบ “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024″ เพิ่มความสดใหม่ด้วยการอัพเกรดรถแข่งสู่ “เกียร์ธรรมดา” คอนเฟิร์มความเร็วเพิ่มขึ้น โดยแชมป์ประจำปีคว้าสิทธิ์สัมผัสประสบการณ์ล้ำค่า เข้าร่วมแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นแบบฟรีๆ พร้อมเสริมความเร้าใจด้วย “ฮอนด้า คลับ” เอาใจสาวก “วี-เทค” หัวใจมอเตอร์สปอร์ต ยึดสังเวียนระดับโลก “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” และสตรีทเซอร์กิตสุดเจ๋ง  “สงขลา สตรีท เซอร์กิต” ดวลทั้งสิ้น 8 สนาม 4 อีเวนต์ เปิดฉากสนามแรก 6-9 มิถุนายนนี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2024 “กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” โปรโมเตอร์ความเร็วยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย จัดงานแถลงข่าว ประกาศสานต่อความมันส์ รถยนต์ทางเรียบ “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024″ ถือเป็นการเดินหน้าระเบิดความมันส์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้ความร่วมมือจากผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการจำนวนมาก

ในงานแถลงข่าว นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน ฮอนด้า วันเมคเรซ เปิดเผยถึงความสดใหม่ในฤดูกาลนี้ที่เพิ่มเติมเข้ามา โดยมีผู้บริหารจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บุญรอด บริวเวอร์รี่ จำกัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย จำกัด, บริษัท ริชไวส์มาร์เก้ตติ้ง จำกัด, บริษัท โยโกฮาม่า ไทร์ เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด และ บริษัท บี.เค.เรซซิ่ง คลัทช์ จำกัด เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

“ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024” นับเป็นการแข่งขันฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน โดยในปีนี้ กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต ฝ่ายจัดการแข่งขันฯ ได้เพิ่มความสดใหม่เข้ามา ด้วยการอัพเกรดรถแข่ง “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ” ให้เป็นระบบเกียร์ธรรมดา เพื่อเพิ่มความมันส์และเร้าใจให้กับเกมการแข่งขัน และยังมีรถ “เกียร์อัตโนมัติ” อยู่ในเรซด้วยเช่นกัน โดยแชมป์ประจำปี จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น ในรายการ “Super Taikyu” แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใด

ขณะเดียวกัน จากเสียงเรียกร้องของ “แฟนๆ รถยนต์ฮอนด้า” ก็ได้มีการเพิ่มการแข่งขันในรุ่น “ฮอนด้า คลับ” เข้ามาด้วย เพื่อให้สาวกได้สมัครเข้าร่วมดวลความเร็ว และสัมผัสประสบการณ์ในสนามแข่งระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ที่ผ่านการแข่งขันทั้ง โมโตจีพี และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ รวมถึง ซูเปอร์จีที มาแล้ว นอกจากนี้ยังมีสนามสุดพิเศษอย่าง “พีที สงขลา สตรีท เซอร์กิต” ที่มีความสวยงามอย่างมาก

นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดการแข่งขัน “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024″ กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ประกาศว่า กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต จะเดินหน้าสานต่อการแข่งขัน ฮอนด้า วันเมคเรซ ในปี 2024 โดยมีการเพิ่มเติมความเร้าใจให้กับแฟนๆ และนักแข่งทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยรถแข่ง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ ที่มีการอัพเกรดจากเกียร์อัตโนมัติมาเป็น เกียร์ธรรมดา โดยหลังการทดสอบและพัฒนา เราได้เห็นว่ารถแข่งมีศักยภาพที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน”

“การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความเร็วต่อรอบที่ยอดเยี่ยมมาก ด้วยปัจจัยนี้จะทำให้การขับเคี่ยวในสนามมีความเข้มข้นอย่างสูง อย่างไรก็ดี ในการแข่งขัน ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ เราจะยังคงมีรถเกียร์อัตโนมัติเช่นเคย และเสริมความมันส์ในรุ่น เกียร์ธรรมดาเข้ามา ซึ่งความพิเศษในปีนี้คือ นักแข่งที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องจนคว้าแชมป์ประจำปี จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นแบบฟรีๆ ในรายการ “Super Taikyu”

นอกจากนี้ นายอโณทัย ยังกล่าวถึงการเสริมความมันส์ของการแข่งขัน “ฮอนด้า คลับ” เข้ามาในฤดูกาลนี้ว่า “มีเสียงเรียกร้องมาหลายปีแล้วเกี่ยวกับการแข่งขันแบบ คลับเรซของ ฮอนด้า ซึ่งเราเล็งเห็นว่าประสบการณ์ในสนามแข่งจะทำให้ผู้ขับขี่ ที่มีความชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้สัมผัสความเร้าใจและเข้าใจในเกมการแข่งขันมากขึ้น โดยอดีตที่ผ่านมา มีนักแข่งแถวหน้าของไทยหลายคนเริ่มต้นจากจุดนี้ ดังนั้นเราจึงเพิ่มเติมการแข่งขัน ฮอนด้า คลับ เข้ามาในปฏิทินฤดูกาล 2024 อยากขอเชิญชวนสาวกฮอนด้า ที่มีใจรักกีฬาความเร็ว เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความมันส์ครั้งนี้”

ทั้งนี้ ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024 จะยังคงเสิร์ฟความมันส์ผ่านหน้าจอให้ผู้ชมทั่วโลกติดตามเช่นเคย โดยจะถ่ายทอดสดผ่านทาง เพจ Honda One Make Race, GP Motorsport และ XO Autosport

สำหรับ ศึก ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024 จะดวลความเร็วทั้งสิ้น 8 สนาม 4 อีเวนต์

 โดยมีตารางแข่งขันดังนี้ :

อีเวนต์ 1 : วันที่ 6-9 มิถุนายนนี้ 2024, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

อีเวนต์ 2 : วันที่ 22-23 มิถุนายนนี้ 2024, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

อีเวนต์ 3 : วันที่ 29 สิงหาคม -1 กันยายน 2024, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

อีเวนต์ 4 : วันที่ 17-20 ตุลาคม 2024, สนามพีที สงขลา สตรีท เซอร์กิต จ.สงขลา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save