- Advertisement -
27.9 C
Bangkok
Home Blog Page 56

มิตซูบิชิ ไทรทัน พิสูจน์ความประหยัดน้ำมันเหนือชั้น 24.71 กม./ล.

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน พิสูจน์ความประหยัดน้ำมันเหนือชั้น ด้วยอัตราประหยัดสูงสุด 24.71 กิโลเมตรต่อลิตร* ในการทดสอบเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา

กรุงเทพฯ – 20 พฤษภาคม 2567 : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เชิญลูกค้าและสื่อมวลชนจากประเทศไทยและประเทศกัมพูชาเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบการขับ “ปฏิวัติทุกขีดจำกัด กับความประหยัดเกินคาด” (Disruptor Unleashed: Break the Limits in Fuel Efficiency) ท้าพิสูจน์ที่สุดแห่งความประหยัดน้ำมันของ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ในทริป การเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเสียมเรียบ กัมพูชา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูง พละกำลังที่ดุดัน และความสะดวกสบายของออล-นิว ไทรทัน ที่สร้างขึ้นเพื่อปฎิวัติทุกความท้าทาย ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานเชิงพาณิชย์และส่วนบุคคล

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งหมด 15 คัน ที่เข้าร่วมในกิจกรรมทดสอบการขับครั้งนี้ ประกอบด้วย รถที่จำหน่ายในประเทศไทย 10 คัน และจำหน่ายในกัมพูชา 5 คัน ได้แก่ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ แอคทีฟ (150 แรงม้า) ซิงเกิ้ล แค็บ โปร (184 แรงม้า) เมกะ แค็บ โปร (150 แรงม้า) และ ดับเบิ้ล แค็บ พลัส อัลตรา เกียร์อัตโนมัติ (184 แรงม้า) รวมถึงรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ จีแอลเอส ขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งจำหน่ายในกัมพูชา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ อันทรงพลัง ด้วยเทคโนโลยีคลีนดีเซล ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะโดยมีมลภาวะต่ำ ตอบโจทย์การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พิสูจน์อัตราประหยัดน้ำมันได้อย่างเหนือชั้น

การทดสอบการขับในครั้งนี้ ซึ่งได้รับการกำหนดให้ใช้ความเร็วในระดับปกติของผู้ใช้งานทั่วไปตามกฎหมายระหว่าง 40–120 กม.ต่อชั่วโมง ด้วยอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส สามารถทำสถิติการประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยตัวเลขที่มากกว่าป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล หรือ ECO Sticker โดยผลการทดสอบพบว่า รถคันที่ประหยัดน้ำมันที่สุดคือรุ่น ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ แอคทีฟ (150 แรงม้า) มีอัตราบริโภคน้ำมัน 24.71 กม.ต่อลิตร*

โดยค่าเฉลี่ยอัตราประหยัดน้ำมันของรถที่เข้าร่วมทดสอบ มีดังนี้

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน (รุ่นรถยนต์)ตัวเลขค่าเฉลี่ยอัตราประหยัดน้ำมัน
กม.ต่อลิตร
ซิงเกิ้ล แค็บ แอคทีฟ (150 แรงม้า)23.04
ซิงเกิ้ล แค็บ โปร (184 แรงม้า)20.00
เมกะ แค็บ โปร (150 แรงม้า)22.11
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส อัลตรา เกียร์อัตโนมัติ (184 แรงม้า)20.12

กิจกรรมทดสอบการขับในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 30 คน ประกอบด้วยลูกค้าและสื่อมวลชนจากประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ที่ได้สัมผัสความเหนือชั้นของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ ความสะดวกสบาย และความประหยัดน้ำมัน

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “กิจกรรมทดสอบการขับ ปฏิวัติทุกขีดจำกัด กับความประหยัดเกินคาด หรือ Disruptor Unleashed: Break the Limits in Fuel Efficiency จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงสมรรถนะแห่งขุมพลัง และความประหยัดน้ำมันอันยอดเยี่ยมของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทริปทดสอบอันน่าประทับใจจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเสียมเรียบได้สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านสมรรถนะและความประหยัด พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูงของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทันได้เป็นอย่างดี”

“เรามีความมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะชื่นชอบในความประหยัดและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับ ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งเพื่อการพาณิชย์และการใช้งานส่วนบุคคล สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราที่จะพัฒนาและออกแบบยานยนต์ที่หลอมรวมปรัชญาความเป็นที่สุดแห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่     ล้ำสมัย ให้ความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมพาคุณขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้เร็วกว่าที่เคย และถึงบ้านด้วยความปลอดภัยในทุกเส้นทาง” นายสาโรจน์ กล่าวเพิ่มเติม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นักสิทธ์ นุ่มวงษ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบขับครั้งนี้กล่าวถึงความสำคัญของวิธีการคำนวณอัตราบริโภคน้ำมันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและเทียบเคียงได้กับการใช้งานจริง “การทดสอบในครั้งนี้ปฏิบัติตามขั้นตอนตามมาตรฐานในการวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกใช้บนระยะทางที่กำหนดเพื่อคำนวณอัตราบริโภคน้ำมันให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง การดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติเช่นนี้ช่วยสร้างความมั่นใจในผลลัพธ์อัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากกิจกรรมทดสอบขับครั้งนี้จะตรงตามสถานการณ์ใช้งานจริง”

นายปิยพนธ์ ศักดิ์ศรี ลูกค้าที่เข้าร่วมทดลองขับ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส อัลตรา เกียร์อัตโนมัติ พละกำลัง 184 แรงม้า ซึ่งสามารถทำสถิติประหยัดน้ำมันในทริปนี้อยู่ที่ 20.32 กม.ต่อลิตร กล่าวว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมพิสูจน์การทดสอบการประหยัดน้ำมันของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ในครั้งนี้ ในบางช่วงของการขับ ผมใช้ความเร็วสูงถึง 120 กม.ต่อชั่วโมง แต่อัตราการประหยัดน้ำมันยังคงดีเยี่ยม นอกจากนี้ ผมยังรู้สึกประทับใจทีมงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ให้การดูแลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในทริปนี้ยังช่วยพิสูจน์ถึงที่สุดแห่งสมรรถนะของออล-นิว ไทรทัน ซึ่งมีช่วงล่างที่นุ่มนวล สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม ปุ่มและสวิตช์ควบคุมต่าง ๆ ที่ใช้งานได้ง่ายและตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ที่สำคัญคือ ประหยัดน้ำมันมากแบบเหนือความคาดหมาย ถือเป็นทริปที่ให้ประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ได้ขับรถคู่ใจเพื่อไปเยือนมรดกโลกอย่างนครวัดและนครธมที่น่าประทับใจมากครับ”

ขณะที่ นายอุดม นาดี ลูกค้าที่เข้าร่วมทดลองขับ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส อัลตรา เกียร์อัตโนมัติ พละกำลัง 184 แรงม้า ซึ่งสามารถทำสถิติประหยัดน้ำมันในทริปนี้ อยู่ที่ 19.45 กม.ต่อลิตร กล่าวว่า “แม้ว่าผมจะขับรถโดยใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 80-100 กม.ต่อชั่วโมง ในเขตประเทศไทย และความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50 กม.ต่อชั่วโมง ในเขตประเทศกัมพูชา แต่ผลการทดสอบการประหยัดน้ำมันที่ได้ก็ยังน่าทึ่งและน่าประทับใจ

นอกจากนี้จุดแข็งของรถกระบะรุ่นนี้คือช่วงล่างซึ่งออกแบบมาได้ดีมาก มอบความนุ่มนวลและการควบคุมตัวรถอย่างยอดเยี่ยม ภายในห้องโดยสารยังมีความกว้างขวาง ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ครบครัน ผมรู้สึกประทับใจที่ได้ร่วมกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้ ซึ่งมีการเตรียมงานอย่างดีและทำให้ได้เห็นสถิติการประหยัดน้ำมันที่น่าทึ่งจากการขับ ออล-นิว ไทรทัน อีกด้วย”

* อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจากรถยนต์ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ แอคทีฟ (2,442 ซีซี)  เลขทะเบียน บห 7558 สระบุรี ผ่านเส้นทางกรุงเทพ-เสียมเรียบ เป็นระยะทาง 395 กิโลเมตร ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2667  โดยผู้ใช้งานจริง และสื่อมวลชน โดยมีอาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมคำนวณอัตราสิ้นเปลืองประหยัดน้ำมันและเป็นสักขีพยานตลอดเส้นทาง

มาสด้า ผนึกผู้จำหน่ายทั่วประเทศรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว

มาสด้า ผนึกผู้จำหน่ายทั่วประเทศรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว จัดประชุมใหญ่ Mazda Mirai ก้าวที่แข็งแกร่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ย้ำการสร้างแบรนด์คือหนทางสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 21 พฤษภาคม 2567 – มาสด้าผนึกผู้จำหน่ายทั่วประเทศรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เข้าร่วมประชุมประจำปีงบประมาณ FY2024 หรือ Mazda Dealer National Conference ภายใต้ธีม Mazda Mirai 2024 และแนวคิด “Reinvent for a Sustainable Future” ประกาศยึดมั่นนโยบายการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด Customer Experience Management สร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้าและมอบสิทธิประโยชน์เกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง ย้ำการสร้างแบรนด์คือหนทางสู่การเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ เดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจากอดีตและตลอดไป ให้เกิดเป็นความผูกพันเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน โดยมีเป้าหมายและพันธกิจไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งมอบคุณค่าของแบรนด์จากรุ่นสู่รุ่น โดยมีผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ คณะผู้บริหารระดับสูงจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พร้อมพันธมิตรทางธุรกิจ เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน

การประชุมผู้จำหน่ายประจำปี หรือ Mazda Mirai 2024 มาสด้าได้นำเสนอนโยบายและแผนธุรกิจระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ผู้จำหน่ายเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ผ่าน 3 คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ Reinvention หมายถึงการปรับและเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Sustainability คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ไม่เพียงในแง่ของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และ Future คืออนาคตที่พวกเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน ระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย ประสานมือสร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างแบรนด์ Brand Value Management โดยเฉพาะการบริการหลังการขายให้ถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า Joy Drives Lives โดยเฉพาะผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า ถึงแม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเน้นนโยบาย เพื่อรักษาและดูแลฐานลูกค้าเก่าเป็นอันดับแรก นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของมาสด้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น คือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก และให้บริการลูกค้าจนเกิดความพึงพอใจ นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะกลาง Mid-Term Plan หัวใจหลักสำคัญคือการสร้างมูลค่าแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายรถใหม่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งได้ แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้าตลอดไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์ และทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามด้วย Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ครบทุกมิติได้อย่างสมดุล ทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและกายภาพ รวมถึงชุมชนและสังคม และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น คือ Values หรือ คุณค่า ทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณนักสู้ ส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังรางวัลตอบแทน โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท

นี่คือ แนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

TTC Motor จัดกิจกรรมสร้างความพึงพอใจสูงสุดลูกค้า

TTC Motor อัดแน่นกิจกรรม เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ให้ลูกค้าที่จะออกรถยนต์ Mercedes-Benz กับ TTC Motor เน้นบริการก่อนและหลังการขายที่ดีที่สุด จากกระแสความแรงของ The new E-Class TTC Motor Ubon เดินหน้าจัด Mini Motor Show ครั้งแรก! ในภาคอีสาน  25-27 พ.ค.นี้ ส่วน TTC Motor พัฒนาการส่ง 6 โปร หวดวงสวิงกับลูกค้าแบบเอ็กซ์คูลซีฟ พร้อมด้วยเวิร์กชอป Wine Tasting โดยคุณโอ-พีระ เลาหเจริญสมบัติ ผู้ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันสากลระดับโลกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ระดับสูงสุด และ Coffee Drip ได้รับเกียรติจาก คุณป็อก-ฉัฐรินทร์ ธรรมชัยโรจน์ แชมป์ Cup Taster อันดับหนึ่งของประเทศไทย

นายอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์, เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และ เมอร์เซเดส-มายบัค อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับของ The new E-Class ดีมากๆ ทำให้บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ยกทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั่วไทย เพื่อให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรับข้อเสนอต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

TTC Motor Ubon พร้อมจัดกิจกรรมเปิดตัว The new E-Class ใหม่ ครั้งแรก! ในภาคอีสาน ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนรถยนต์ใหม่ล่าสุดไปจัดแสดง อาทิ The new E 350 e AMG Dynamic , EQS 450+ AMG Dynamic และ GLC  350 e 4MATIC Coupe AMG นอกจากนี้ยังมีรถทดลองขับอีกมากมาย อาทิ Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG SL 43, GLC 350 e MATIC Coupe AMG, GLE 300 d 4MATIC AMG Line, GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic เป็นต้น

ในส่วนของ TTC Motor พัฒนาการ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย ทำกิจกรรมเติมความสัมพันธ์ที่เหนี่ยวแน่นกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น กับสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ตีกอล์ฟกับโปร ทั้ง 6 ท่าน ซึ่ง TTC Motor ให้การสนับสนุนการแข่งขันในทุกทัวร์นาเม้นท์ ได้แก่ โปรมินนี-มนัสชยา ซีมากร, โปรแอร์-ศรุตยา งามอุษาวรรณ และ โปรเบนซ์-โชติกา ศุภภิญโญ, โปรแพรว-ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์, โปรฟลุ๊ก-รฐนน วรรณศรีจันทร์ ร่วมปะทะวงสวิงแบบเอ็กซ์คูลซีฟ โดยคัดสรรลูกค้าที่มีความสนใจในกีฬากอล์ฟ มาร่วมกิจกรรม พร้อมกันนี้ยังจะจัดอย่างต่อเนื่องในเดือนถัดๆ ไป

“นอกจากนี้ยังมีความพิเศษเฉพาะ สำหรับลูกค้า The new E-Class กับการเวิร์กชอป  Wine Tasting โดยคุณโอ-พีระ เลาหเจริญสมบัติ เจ้าของ REVERIE SIAM RESORT ผู้ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันสากลระดับโลกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ระดับสูงสุด ในส่วนของเวิร์กชอป Coffee Drip ได้รับเกียรติจาก คุณป็อก-ฉัฐรินทร์ ธรรมชัยโรจน์ เซียนกาแฟมือหนึ่งเจ้าของรางวัลมากมาย  ผู้ก่อตั้ง PPAL CAFÉ ที่คัดสรรกาแฟระดับพรีเมี่ยมจากทั่วโลกมาเสิร์ฟ ทั้งสองท่านจะมาถ่ายทอดและแนะนำเทคนิคให้กับลูกค้าของเรา ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้”

นายอัครินทร์ กล่าวทิ้งท้าย TTC Motor ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่เตรียมไว้สปอยล์ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2567 ออกรถยนต์ Mercedes-Benz กับ TTC Motor เพื่อบริการก่อนและหลังการขายที่ดีที่สุด

#TTCmotorอยู่เคียงข้างคุณ #TTC #ROTF #ซื้อรถเท่าเทียม #MercedesBenz #TTCmotor

TTC Motor #ครบจบทุกเรื่องเบนซ์

Mercedes-Benz | Mercedes-AMG

Mercedes-Maybach | Van

ฮุนได จับมือ JWON เปิดประสบการณ์งานศิลป์บน HYUNDAI IONIQ 5

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย จับมือ JWON เปิดประสบการณ์งานศิลปะบนยานยนต์ HYUNDAI IONIQ 5 กับกิจกรรม “IONIQ Powering Arts x JWON” ณ IONIQ Lab ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมนิทรรศการงานศิลป์ได้ตั้งแต่ 18 พฤษภาคม – 18 มิถุนายน 2567

บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (HMT) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนแห่งโลกยานยนต์ ร่วมมือกับศิลปินไทยชื่อดัง “JWON” สรายุทธ คุระแก้ว นำเสนอพลังสร้างสรรค์แห่งศิลปะที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านการสรรสร้างงานศิลปะหนึ่งเดียวบนรถยนต์ HYUNDAI IONIQ 5 ในรูปแบบของ Art Car พร้อมจัดเวิร์กช็อปรอบเอ็กซ์คลูซีฟ “IONIQ Powering Arts x JWON” ณ IONIQ Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานสรรสร้างงานศิลปะด้วยตัวเอง ไปพร้อมกับสัมผัสการบรรจบกันของความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย นอกจากนั้น ยังมีนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะของ JWON ที่สรรสร้างขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ รวมถึงภาพที่วาดขึ้นใหม่ และรูปปั้น Dylie ขนาด 2 เมตร

ศิลปิน JWON สร้างสรรค์ศิลปะ Art Car บน HYUNDAI IONIQ 5 ในธีม “Dylie, Embark on your journey to the world” โดยนำก้อนเมฆมาเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อจุดประกายการมุ่งหน้าสู่อนาคตที่สดใส และดีต่อชีวิตทุกคน Dylie ยังเป็นมากกว่าองค์ประกอบตกแต่ง แต่เชื่อมโยงผู้ชมเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างกลมกลืน พร้อมทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งเส้นทางอันเปี่ยมชีวิตชีวา บนความยั่งยืนเสมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆที่สวยงาม การผสานพรสวรรค์ทางศิลปะของ JWON เข้ากับนวัตกรรมอันล้ำหน้าของ HYUNDAI IONIQ 5 ในครั้งนี้ จึงแสดงถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของศิลปะ ผ่านการสรรค์สร้างแรงบันดาลใจ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืน จนก่อเกิดเป็นงานศิลป์บนยนตกรรม Art Car ชิ้นเอกคันแรกและมีเพียงหนึ่งเดียว

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่การนำเสนอผลงานศิลปะผ่าน HYUNDAI IONIQ 5 เพียงอย่างเดียว หากยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปสุดพิเศษที่ IONIQ Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสถึงการบรรจบกัน ของความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดย JWON ศิลปินผู้โด่งดังด้านการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัย ได้ร่วมแบ่งปันเทคนิคพร้อมกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ และนำเสนอเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนอย่างอิสระ สอดคล้องกับจุดประสงค์ของการก่อตั้ง IONIQ Lab เพื่อส่งเสริมการสร้างแนวคิดใหม่และสร้างพื้นที่ในการแสดงออกให้กับทุกคน กิจกรรมเวิร์กช็อปครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนกล้าคิดบนแนวคิดที่แตกต่าง เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรมไปสู่ขอบเขตแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด

ด้วยพรสวรรค์และสไตล์ศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของ JWON ซึ่งโด่งดังจากการจัดนิทรรศการในระดับนานาชาติมากมาย จึงถือเป็นโอกาสดีให้ IONIQ เป็นที่รู้จักของกลุ่มคนที่กว้างขวางขึ้น พร้อมดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้สนใจในงานศิลป์จำนวนมากมายังรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ ต่อไป นอกจากนี้ การร่วมมือกับ JWON ซึ่งเป็นศิลปินไทย ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ของ IONIQ กับกลุ่มผู้บริโภคในประเทศ ผ่านการจัดกิจกรรมที่จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “IONIQ Lab มิใช่เพียงศูนย์นวัตกรรม หากเป็นเวทีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สร้างแรงบันดาลใจ ในการก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งความยั่งยืน เป็นศูนย์กลางแห่งความมุ่งมั่นและความร่วมแรงร่วมใจ ในการสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสกว่าสำหรับทุกคน ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ยังสอดคล้องกับปณิธานของแบรนด์ ในด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และการนำเสนออัตลักษณ์ของบุคคลอย่างสมบูรณ์แบบ เป้าหมายของเราคือการผสานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยี เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปสู่การสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยสไตล์ทางศิลปะที่โดดเด่นและชื่อเสียงในระดับโลกของ JWON ทำให้เราเชื่อมั่นว่า จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้น และสามารถนำเสนอศักยภาพของรถไฟฟ้า IONIQ ได้อย่างโดดเด่น เราจึงให้ความสำคัญกับศักยภาพของศิลปะ เพื่อใช้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกผ่านการจัดงานนี้ ด้วยการผสานทักษะทางศิลปะของ JWON เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยของ HYUNDAI IONIQ 5 จนเชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืน และสร้างแรงบันดาลใจพร้อมส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน อย่างโดดเด่นในโลกยานยนต์”

ร่วมสนับสนุนแนวคิดอากาศสะอาดเพื่อเราทุกคน ด้วยการแวะมาพบกับ Dylie พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการงานศิลป์ของ JWON ได้ที่ IONIQ Lab สถานที่ที่ศิลปะ เทคโนโลยี และแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมมาบรรจบกัน ได้ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม – 18 มิถุนายน 2567 โดยในนิทรรศการไม่มีได้มีเพียง IONIQ 5 Art Car เท่านั้น แต่ยังมีรูปปั้น Dylie ขนาด 2 เมตร พร้อมผลงานศิลปะจาก JWON อีกหลายชิ้นที่ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน มาจัดแสดงที่นี่ ให้คุณชมก่อนใคร

เปิดประสบการณ์ของอนาคตแห่งการขับเคลื่อนได้แล้ววันนี้ที่ IONIQ Lab ณ True Digital Park ผู้สนใจสามารถติดต่อล่วงหน้า เพื่อจองเวลาทดลองขับพร้อมสัมผัสพลังและความสง่างามของ HYUNDAI IONIQ 5 และ HYUNDAI IONIQ 6 ด้วยตัวคุณเองแล้ววันนี้ และโปรดติดตามเพจ Hyundai Thailand บน Facebook เพื่อที่จะไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว พร้อมรับข้อมูลกิจกรรมพิเศษที่ ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จะจัดในครั้งถัดไป

Hyundai IONIQ 5 N คว้ารางวัลรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงยอดเยี่ยม

Hyundai IONIQ 5 N คว้ารางวัลรถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสมรรถนะสูงยอดเยี่ยมจาก 2024 TopGear.com Electric Awards

IONIQ 5 N คว้ารางวัลรถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสมรรถนะสูงยอดเยี่ยมจาก 2024 TopGear.com Electric Awards

•IONIQ 5 N รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง คว้ารางวัลอันทรงเกียรติอีกครั้ง

•ทั้งยังได้รับการยอมรับและคำชมจากคณะกรรมการ ด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร

•IONIQ 5 N พร้อมให้ชมคันจริงได้แล้ววันนี้ที่ IONIQ Lab

เลเธอร์เฮด / โซล, 14 พฤษภาคม 2567 – Hyundai IONIQ 5 N รถยนต์ไฟฟ้าเจ้าของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมหลายสาขา ชนะใจกรรมการและคว้ารางวัลอันทรงเกียรติอีกครั้ง ในสาขารถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสมรรถนะสูงยอดเยี่ยมหรือ Best EV Hot Hatch จากรายการ 2024 TopGear.com Electric Awards

รางวัล TopGear.com Electric Awards ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 โดยจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้ง เพื่อมอบรางวัลให้กับรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมจากทั่วโลก และสร้างการจดจำให้กับนวัตกรรมใหม่มากมายในสาขาต่างๆ โดยคณะกรรมการของ TopGear ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างมีมติเอกฉันท์ให้ IONIQ 5 N เป็นผู้ชนะรางวัล Best EV Hot Hatch นับเป็นเกียรติต่อความมุ่งมั่นของฮุนได ที่จะสรรสร้างประสบการณ์การขับขี่อันน่าดื่มด่ำ

Jack Rix ตำแหน่ง Editor-In-Chief ของ TopGear กล่าวว่า “ในโลกที่รถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสมรรถนะสูงเป็นของหายาก แต่ฮุนไดสามารถเอาชนะเกมนี้ได้ หลังจากบุกตลาดนี้เป็นครั้งแรก เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม สมรรถนะ และประสบการณ์การขับขี่ ในชนิดที่รถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นไม่มีจนต้องยกให้ IONIQ 5 N เป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้า”

IONIQ 5 N รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ผสานโครงสร้าง Electrified-Global Modular Platform (E-GMP) แบบเดียวกับของ IONIQ 5 รุ่นมาตรฐาน เจ้าของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2022 World Car of The Year พร้อมผสานเข้ากับเทคโนโลยีจากสนามแข่งและความเชี่ยวชาญของทีม N ของฮุนได จนเป็นการยกระดับประสบการณ์ความสนุกแห่งการขับขี่สู่อีกขั้น

เทคโนโลยีขั้นสูงใน IONIQ 5 N คือขุมพลังที่มอบพละกำลังให้ได้มากกว่า ทั้งยังมีสมรรถนะในการระบายความร้อนของแบตเตอรี่และระบบเบรกเหนือชั้น โดยมอเตอร์ไฟฟ้าของ IONIQ 5 N สามารถทำงานได้สูงสุด 21,000 รอบ/นาที ให้กำลังสูงสุด 609 แรงม้า (PS) และสามารถปลดล็อคพละกำลังชั่วคราวเป็น 650 แรงม้า (PS) นาน 10 วินาที เมื่อใช้คำสั่ง N Grin Boost (NGB) ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 259 กิโลเมตร/ชั่วโมง

นอกจากนั้น ยังมีเทคโนโลยีอื่นอีกหลายรายการเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่อันน่าจดจำ ทั้งแกนพวงมาลัยที่แกร่งขึ้นเพื่อให้การตอบสนองที่ดีกว่า ช่วงล่างควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าซึ่งปรับระดับความแข็งตามรูปแบบการขับขี่ และเทคโนโลยีควบคุมระบบด้วยไฟฟ้าอีกมากมาย ล้วนอัดแน่นอยู่ในโครงสร้างแบบ E-GMP โดยอีกหนึ่งจุดเด่นคือ N Pedal ซึ่งจะปรับแต่งการตอบสนองของคันเร่งให้ฉับไว ช่วยให้เข้าโค้งได้เร็วขึ้น ทั้งยังมีระบบกระจายแรงบิดแปรผัน ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง N Torque Distribution

IONIQ 5 N ยังสร้างมาตรฐานใหม่ของความเร้าใจ ในการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ด้วยเทคโนโลยี N e-shift ซึ่งจำลองการการเปลี่ยนเกียร์ ในรูปแบบเดียวกับของเกียร์อัตโนมัติแบบ Dual Clutch ที่ติดตั้งในรถยนต์ N เครื่องยนต์สันดาป และยังมี N Active Sound+ ซึ่งจำลองเสียงคำรามของเครื่องยนต์ ช่วยตอกย้ำพละกำลังของรถยนต์ไฟฟ้า

แม้จะเปิดตัวมาไม่นาน แต่ IONIQ 5 N ได้กวาดรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมมาแล้วจากนานาประเทศ รวมไปถึงรางวัลรถยนต์สมรรถนะสูงยอดเยี่ยมแห่งปี 2024 World Performance Car Award จากเวที World Car Awards และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 Car of the Year จากรายการ TopGear.com นอกจากนั้น ยังเป็นรถยนต์ SUV ขุมพลังไฟฟ้าที่ Sport Auto ทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุดบนสนามแข่ง Nürburgring Nordschleife เยอรมนี

Ashley Andrew ตำแหน่ง President ของ Hyundai & Genesis UK กล่าวว่า “IONIQ 5 N คือรถยนต์ที่มาพลิกวงการอย่างแท้จริง และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับการคัดเลือกโดย TopGear.com ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสมรรถนะสูงยอดเยี่ยมประจำปี 2024 ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่านี่คือรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่จะเป็นผู้นำของการขับเคลื่อนสู่อนาคตอย่างน่าตื่นเต้น”

พบกับ IONIQ 5 N คันจริงได้แล้ววันนี้ในประเทศไทยที่ IONIQ Lab ณ True Digital Park ชั้นหนึ่ง ฝั่ง West ลูกค้าที่สนใจสามารถนัดหมายเพื่อทดลองขับทั้ง IONIQ 5 และ IONIQ 6 ได้ที่ IONIQ Lab, H-SPACE ถนนวิภาวดี และ H-STUDIO ณ Emsphere ชั้นสอง ทั้งยังสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ฮุนไดทุกรุ่นได้ที่ hyundai.com/th

SUZUKI CARRY เดินหน้าสานต่อไอเดียธุรกิจยุคใหม่

SUZUKI CARRY สานต่อไอเดียธุรกิจยุคใหม่ จัดกิจกรรม “SUZUKI CARRY X TheNailBakery On The Road” สร้างโอกาสในช่วงวิกฤติ ชูความอเนกประสงค์ครบครัน ตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย แคมเปญพิเศษ ผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เพื่อการพาณิชย์ขนาดย่อม จะถูกจดจำในฐานะ “Food Truck” มายาวนานมากกว่า 10 ปี ธุรกิจติดล้อที่ใช้การตลาดเชิงรุกในการเข้าหาผู้บริโภคจนกลายเป็นขวัญใจผู้ประกอบการที่ต้องการอิสระในการเดินตามความฝันและต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ด้วยแนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน”ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์

“SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2006 ก่อนจะแนะนำ SUZUKI CARRY เจเนอเรชั่นที่ 2 ออกมาเมื่อปี 2019 ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างยอดขายรวมล่าสุด จนถึงปัจจุบัน ไปได้มากถึง 61,380 คัน”

ด้วยความอเนกประสงค์ของ SUZUKI CARRY ที่สามารถนำไปดัดแปลงและตกแต่งเพื่อใช้งานได้อย่างหลากหลาย จึงทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกลุ่มธุรกิจ SME ล่าสุดในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ซูซูกิได้นำเสนอแนวคิดธุรกิจ “ร้านทำเล็บเคลื่อนที่” โดยได้จับมือกับร้าน TheNailBakery เนรมิตรถยนต์ SUZUKI CARRY ให้เป็นร้านทำเล็บที่สามารถต่อยอดธุรกิจหรือเป็นไอเดียให้กับคนที่ต้องการมีอาชีพและทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งหลังจากนำรุ่นต้นแบบมาจัดแสดงมีกลุ่มลูกค้าที่สนใจอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความร่วมมือจากร้าน TheNailBakery จึงเกิดไอเดียในการตกแต่งที่คำนึงถึงงานบริการลูกค้าเป็นสำคัญ มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การทำเล็บที่สะดวกสบายและมีคุณภาพ ด้วยการจัดแบ่งโซนพื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการจัดพื้นที่เป็นโซนทำเล็บ สามารถรองรับลูกค้าพร้อมกันได้ 2 ท่าน ออกแบบโซฟาและโต๊ะทำเล็บแบบ customization สามารถเคลื่อนย้าย เพื่อปรับเปลี่ยนตามการจัดวาง อีกโซนคือการทำเคาเตอร์และส่วนจัดเก็บอุปกรณ์ของใช้ในร้านไว้อย่างลงตัว โดยสามารถใช้งานได้จริงในทุกพื้นที่

สำหรับภายนอกตัวรถออกแบบในสไตล์ Homey friendly นอกจากการเลือกสีสันให้มีความน่ารักสดใส ยังออกแบบและติดตั้งผ้าใบกันร้อนที่สามารถยืดและขยายได้  ให้มีผ้าใบกันร้อน ยืดขยายได้  เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความสะดวกสบายเวลาเข้ามาใช้บริการ ทั้งยังเลือกใช้วัสดุที่เน้นการดูแลรักษาง่าย และราคาไม่แพงในการตกแต่ง เน้นความคุ้มค่าและควบคุมต้นทุนให้ไม่สูงเกินไปสำหรับการทำธุรกิจ

เหตุผลที่ผู้ประกอบการร้าน TheNailBakery เลือกใช้ SUZUKI CARRY เป็นพาร์ทเนอร์ในการทำธุรกิจร้านทำเล็บเคลื่อนที่ ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบกระบะบรรทุกแบบเรียบสามารถดัดแปลงและปรับใช้ได้ตรงตามความต้องการได้อย่างลงตัว รวมถึงขนาดตัวรถยนต์ SUZUKI CARRY มีความกะทัดรัด ทำให้มีความคล่องตัวในการขับขี่ สามารถนำไปจอดให้บริการลูกค้าในพื้นที่ที่มีเงื่อนไขจำกัดได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง SUZUKI CARRY ในรุ่นมาตรฐานยังมีราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า ไม่ต้องเติมแต่งอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถใช้ขนย้ายสินค้าได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และรองรับน้ำหนักได้มาก จึงประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ทำให้ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เพื่อสานต่อไอเดียธุรกิจดังกล่าวสำหรับผู้ที่สนใจ ซูซูกิเดินหน้าร่วมมือกับร้าน TheNailBakery จัดกิจกรรมพิเศษ “SUZUKI CARRY X TheNailBakery On The Road” โดยเตรียมนำรถทำเล็บเคลื่อนที่คันที่จัดแสดงภายในงาน ออกไปให้บริการแก่ลูกค้าที่สนใจ โดยจะมีสถานที่และช่วงเวลาในการให้บริการ  2 แห่ง คือ

1.วันที่ 11 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2567

ร้านกาแฟ F.I.X. Pradiphat ถนนประดิพัทธ์ ซอย 17

แผนที่ https://maps.app.goo.gl/7NtDLzBYiE6pkJyy7 

2.วันที่ 9-30 มินายน 2567 

ร้านกาแฟ F.I.X. Bangna – Brunch & Play ซอยเมืองแก้ว 2 ถนนบางนา-ตราด

แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9c55suGeiQD8P8Kx5 จะนำรถทำเล็บเคลื่อนที่ไปให้บริการในช่วง

โดยสามารถสอบถามหรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจ Facebook และ Instragram : TheNailBakery

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอไอเดียธุรกิจที่คุณสามารถเป็นเจ้าของเองได้ทั้งรูปแบบส่วนตัว หรือจะนำไปพัฒนาต่อยอดขยายเป็นแฟรนไชส์ ด้วยแนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY ก็พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์  พร้อมเป็น Goods Truck ที่เสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญในการสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ใช้ด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งเป็นโครงการที่ซูซูกิต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการในยุคที่การสื่อสารและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรวดเร็วและไร้ขีดจำกัด ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน รวมถึงส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในสินค้าและบริการของซูซูกิสู่ลูกค้าต่อไป อีกทั้งเราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมพร้อมกับการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่สนใจ SUZUKI CARRY ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท (ราคารุ่นมาตรฐานไม่รวมอุปกรณ์ตกแต่ง) เรายังได้จัดแคมเปญพิเศษ ด้วยข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นานสูงสุด 60 เดือน หรือรับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดแคมเปญพิเศษได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิ 103 แห่งทั่วประเทศ เรามีที่ปรึกษาการขายพร้อมบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและตกแต่ง SUZUKI CARRY นอกจากนั้น ซูซูกิยังได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำเข้ามาร่วมเป็น Suzuki Exclusive Leasing พร้อมทีมงานให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายให้สามารถเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ได้โดยง่ายอีกด้วย

โตโยต้า แนะนำรถตู้พรีเมียม “Toyota Majesty” รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567

โตโยต้า แนะนำรถตู้พรีเมียม “Toyota Majesty” รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567 ยนตรกรรมที่มอบความหรูหราและสะดวกสบาย ปรับปรุงใหม่ มาพร้อมกับพื้นที่ห้องโดยสารใหม่ที่เน้นการใช้งาน พร้อมเครื่องยนต์มาตรฐาน EURO 5

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถตู้ระดับพรีเมียม Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567 เผยโฉมยนตรกรรมที่มอบความหรูหราและสะดวกสบาย ตอบรับบริบทของชีวิต ด้วยการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมกับพื้นที่ห้องโดยสารใหม่ที่เน้นการใช้งาน มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ตอกย้ำภาพลักษณ์ “THE ELEGANCE OF ALL EPISODES”

THE ELEGANCE OF ALL EPISODES”

หรูหราในบริบทของชีวิตกับ Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่

รถตู้ระดับพรีเมียม “Toyota Majesty” รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567 ดีไซน์ภายนอกตกแต่งด้วยโครเมียม ดูโดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายสำหรับลูกค้า ด้วยที่นั่งแบบ Captain Seat พร้อมระบบบริหารหลังปรับไฟฟ้าในรุ่น Grande และเบาะโดยสารพร้อมพนักพิงศีรษะแบบ Butterfly Headrest โอบกระชับเพิ่มความสบายของผู้โดยสาร ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารระบบ nanoe เพลิดเพลินไปกับความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ระบบนำทาง Navigator และระบบ T-Connect รวมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกของรถโตโยต้าอย่าง Toyota Safety Sense ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ และยังมีระบบช่วงล่างช่วยซับแรงสั่นสะเทือนให้ความนุ่มสบาย เครื่องยนต์ GD 2.8 ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานยูโร 5 รองรับน้ำมันดีเซล B20 ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำให้มีสมรรถนะสูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งาน

รถตู้พรีเมียม สะท้อนความหรูหราในทุกมิติ

แนวคิดในการพัฒนารถรุ่นนี้เกิดจากการที่เราเข้าใจถึงความต้องการใช้รถตู้แบบพรีเมียมมีมากขึ้นและเพื่อให้รถของเราครองใจและตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ เราจึงได้พัฒนารถตู้ใหม่นี้ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างรถ ทั้งความสะดวกสบายและความหรูหรา ซึ่งประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับมีดังนี้

1. ดีไซน์การออกแบบที่หรูหรา – Toyota Majesty ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ ความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ความหรูหรา

2. ความสะดวกสบายในการโดยสาร – ที่ออกแบบมาให้ตรงตามความคาดหวังของรถระดับพรีเมียม ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยเน้นความสะดวกสบาย ซึ่งออกแบบผังที่นั่งเป็นแบบ 2-3-2-4 เพื่อตอบสนองลูกค้าทั้งกลุ่มผู้บริหารและกลุ่มครอบครัว

-สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้ามีการปรับเก้าอี้เป็นแบบ 1 ที่นั่ง เพิ่มฟังก์ชั่นการปรับเบาะเป็น 4 ทิศทาง โดยในรุ่น Grande จะเป็นการปรับแบบไฟฟ้าและปรับระดับเก้าอี้ด้านข้างเบาะ

-ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหลังในแถวที่ 1 – 2 จะเป็นที่นั่งแบบ Captain Seats  4 ที่นั่ง และสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหัวหมอนแบบ Butterfly ที่รองน่อง และระบบบริหารหลังแบบไฟฟ้า (ในรุ่น Grande) ทั้งนี้ในแถวที่ 1 ยังมาพร้อมกับเบาะผู้โดยสารตำแหน่งกลางและหัวหมอน ที่สามารถพับเป็นที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย

-สำหรับเบาะผู้โดยสารแถวสุดท้ายจะเป็นแบบ Bench Seat 4 ที่นั่ง ที่มีหัวหมอนทุกที่นั่ง

นอกจากนี้การออกแบบให้เครื่องยนต์วางหน้า พร้อมโครงสร้างแบบวงแหวนและช่วงล่างด้านหลังแบบ 4 ลิงค์คอยล์สปริง ยังช่วยสร้างความเงียบภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี ด้วยเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดาย

3. ระบบความปลอดภัยอุ่นใจในการเดินทาง – ด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ  ถุงลมเสริมความปลอดภัย 9 ตำแหน่ง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ กล้องมองรอบคันและในรุ่น Grande ยังมาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense ที่ประกอบไปด้วย ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)

4. อุปกรณ์อำนวยความสะดวก– เพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ประตูสไลต์ เปิด-ปิด อัตโนมัติ  ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ  ช่องต่อ USB 7 ตำแหน่ง  ม่านบังแดด และไฟอ่านหนังสือ ให้เกิดความผ่อนคลาย

5. คุณภาพ ความทนทานและความน่าเชื่อถือ – ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และแบรนด์โตโยต้าที่พร้อมไปด้วยคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าตลอดมา

สัมผัสบริบทการใช้ชีวิตด้วยยนตรกรรมกับ Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567

มีให้เลือก 2 สี ได้แก่

-สีขาวมุก – White Pearl (ภายในสี Black)

-สีดำ – Black Mica (ภายในสี Black และ Beige)

พร้อมเป็นเจ้าของได้ 2 รุ่น

-Grande      2,329,000    บาท

-Premium    1,989,000    บาท

*ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน

*สีขาวมุก ราคาเพิ่ม 15,000 บาท

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อทดลองขับ

หรือร่วมสัมผัส Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567

ที่ TOYOTA ALIVE ถนนบางนา – ตราด กม. 3

หรือที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Toyota Majesty รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567

“THE ELEGANCE OF ALL EPISODES”

“ยนตรกรรมที่มอบความหรูหราและสะดวกสบาย ตอบรับบริบทของชีวิต”

EPISODE OF EXCLUSIVITY

บริบทแห่งความเรียบหรู สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสำเร็จ…

กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์หรูหรา

ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน

ไฟท้ายแบบ LED

ไฟตัดหมอก

กระจกมองข้างพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว

ล้ออัลลอย 17 นิ้ว

เบาะหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

ประตูบานสไลด์อัตโนมัติ 2 ด้าน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ

EPISODE OF SENSATION

บริบทแห่งความพิเศษ ที่มอบความประทับใจในการเดินทาง…

จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto

พวงมาลัยตกแต่งด้วยลายไม้พร้อมปรับระดับ 4 ทิศทาง

มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID

จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 4 ตำแหน่ง

ที่นั่งแบบ Captain Seat ผู้โดยสารแถวที่ 1 และ 2 พร้อมที่รองขาและหัวหมอนแบบ Butterfly

ระบบควบคุมอุณหภูมิให้ความเย็นสบายในการเดินทางที่มาพร้อมกับระบบกรองอากาศ nanoe

ที่วางแก้วน้ำและช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 โวลต์ พร้อมช่องต่ออุปกรณ์เสริม USB-C 6 ตำแหน่งและ USB-A 1 ตำแหน่ง

ม่านบังแดดและไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร

กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน

ไฟส่องสว่าง Illumination ภายในห้องโดยสาร

ความสะดวกสบายในการเดินทาง (สำหรับรุ่น Grande)

ระบบนำทาง Navigator

ระบบบริหารหลังไฟฟ้าผู้โดยสารแถวที่ 1

EPISODE OF SAFETY

บริบทแห่งความปลอดภัยให้การเดินทางอุ่นใจ…

ถุงลมเสริมความปลอดภัย (SRS Airbags)

ระบบเบรก ABS และ EBD

ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC)

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)

ระบบเสริมแรงเบรก (BA)

ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSM)

ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (RCTA)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

กล้องมองหลัง (Back Camera)

กล้องมองรอบคัน (PVM)

กล้องวีดิโอบันทึกภาพติดรถยนต์ (DVR)

ระบบแจ้งเตือนลมยาง (TPMS)

จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISO-FIX & Top Tether)

ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights)

ไฟตัดหมอกหน้า

ไฟเบรกดวงที่สาม ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกระทันหัน (ESS)

TOYOTA SAFETY SENSE (สำหรับรุ่น Grande)

ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert)

ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control)

ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)

EPISODE OF PERFORMANCE

บริบทแห่งศักยภาพ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อน…

เครื่องยนต์ GD 2.8 ลิตร…ขุมพลังเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง และประหยัดน้ำมัน

-กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ (163 แรงม้า) ที่ 3,600 รอบ/นาที

-แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,200 รอบ/นาที

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างราบรื่น

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท

ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานยูโร 5

EPISODE OF NEW EXPERIENCE

บริบทของประสบการณ์รูปแบบใหม่ กับบริการผ่านแอปพลิเคชัน T-CONNECT … (สำหรับรุ่น Grande)

ด้วย 3 คุณสมบัติหลัก ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง

1. บริการเพื่อความปลอดภัย ไร้กังวล

-บริการ Find My Car เช็กตำแหน่งรถ Real Time

-บริการติดตามรถหาย (TheftTrack) ประสานความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมตวรจสอบตำหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม

-บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS)

-บริการกำหนดขอบเขตปลอดภัย (Geo-Fencing) แจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนออกจากจุดจอดหรือขอบเขตที่คุณกำหนดไว้

2. บริการช่วยให้การดูแลรถยนต์เป็นเรื่องง่าย

-บริการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา (Maintenance Reminder) รวมถึงการนัดหมายศูนย์บริการออนไลน์

-บริการข้อมูลรถและการขับขี่ (Vehicle Information) แสดงสถานะข้อมูลรถยนต์ เช่น เลขไมล์ ระดับน้ำมันคงเหลือ และสรุปทริปการเดินทาง

-บริการสถานะงานซ่อมและประวัติงานซ่อม (Service Status & History) เช็กประวัติงานซ่อมย้อนหลัง

3. บริการเติมเต็มความสุข ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

-บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Services) บริการโทรสอบถามเส้นทาง จองร้านอาหาร และอื่น ๆ 

-TOYOTA ALIVE-X  โปรแกรมสะสมคะแนน The 1 ใช้แลกเป็นส่วนลดในการเข้าศูนย์บริการโตโยต้า และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล

* การให้บริการของ T-Connect ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละรุ่น สามารถตรวจสอบรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่โบรชัวร์ หรือสอบถามที่ปรึกษาการขาย

** เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ซูซูกิ แต่งตั้งนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม คุมงานบริการและอะไหล่

ซูซูกิ ปรับเสริมศักยภาพ ประกาศแต่งตั้งนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม เพิ่มบทบาทดูแลด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการและอะไหล่เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานองค์กร

9 พฤษภาคม 2567-กรุงเทพมหานคร : บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ประกาศปรับเสริมศักยภาพโครงสร้างการบริหารงานภายในองค์กร โดยทำการแต่งตั้ง นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม โดยเพิ่มหน้าที่เป็นผู้ดูแลด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการและอะไหล่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมผู้นำของบริษัทฯ และตอกย้ำการสนับสนุนการดำเนินงานด้านเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีมากกว่า 105 แห่งทั่วประเทศต่อไป

ปัจจุบัน นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ยังคงดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร ซึ่งดูแลด้านกลยุทธ์ทางการตลาดและงานขายด้วยรูปแบบที่ทันสมัย เสริมสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างการยอมรับในคุณภาพของรถยนต์ซูซูกิมาโดยตลอด  ซึ่งในการเข้ามารับผิดชอบดูแลงานด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการและอะไหล่เพิ่มเติมอีกหนึ่งหน่วยงานในองค์กร ก็เพื่อเป็นการยกระดับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านงานบริการหลังการขาย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ภายใต้หลักปรัชญา “Suzuki Cause We Care …เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจในทุกความต้องการ”

ทั้งนี้ นายวัลลภจะรายงานการปฏิบัติงานโดยตรงต่อ นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  ซึ่งในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กร รวมถึงเพื่อส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานหลังการขายให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจรถยนต์ซูซูกิในอนาคต

มิตซูบิชิ เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ บนถนนรามคำแหง มุ่งสร้างความเติบโต พร้อมมอบบริการเหนือระดับให้แก่ลูกค้า

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง และขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างไม่หยุดยั้งด้วยการเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ มิตซูบิชิ อาร์เอ็มเอ สาขารามคำแหง พร้อมนำเสนอบริการด้านการขายและบริการหลังการขายแบบครบวงจร ด้วยโชว์รูม ศูนย์บริการ รวมถึงศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ครบจบในที่เดียว ในทำเลที่โดดเด่นบนถนนรามคำแหง หนึ่งในทำเลสำคัญของกรุงเทพฯ  เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นในพื้นที่ย่านรามคำแหง พระราม 9 และเพชรบุรี

มิตซูบิชิ อาร์เอ็มเอ สาขารามคำแหง นับเป็นโชว์รูมจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์มิตซูบิชิ แห่งที่ 3 ภายใต้การดำเนินการของบริษัท อาร์.เอ็ม.เอ. เทรดดิ้ง ที่ต่อเนื่องความสำเร็จจากโชว์รูมและศูนย์บริการ สาขาลุมพินี และสาขาพระราม 3 ช่วยเสริมสร้างและตอกย้ำความแข็งแกร่งให้แก่เครือข่ายผู้จำหน่ายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมทั้งยกระดับประสิทธิภาพในการมอบรถยนต์และบริการเหนือระดับ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าชาวไทยที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยบริการแบบครบวงจรทั้งบริการด้านการขายและหลังการขายภายใต้มาตรฐานสูงสุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินการเพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจในตลาดประเทศไทย

มิตซูบิชิ อาร์เอ็มเอ สาขารามคำแหง ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 1 ไร่ ภายในโชว์รูมและศูนย์บริการประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงรถยนต์มิตซูบิชิ มากสูงสุด 5 คัน สำนักงานฝ่ายขาย และห้องส่งมอบรถใหม่ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการที่ประกอบด้วย พื้นที่ต้อนรับลูกค้า พร้อมด้วย 15 ช่องซ่อมบำรุง โดยการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอาร์.เอ็ม.เอ. เทรดดิ้ง ในการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการแบบครบวงจร เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยสถานที่ตั้งที่ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงรถยนต์และบริการเหนือระดับได้สะดวกสบายและง่ายต่อการเดินทางมากยิ่งขึ้น

โชว์รูมและศูนย์บริการ มิตซูบิชิ อาร์เอ็มเอ สาขารามคำแหง ตั้งอยู่ที่เลขที่ 555 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-718-5060 หรือเข้าชมเว็บไซต์ https://mitsurma.com

ไทยยามาฮ่าฉลองครบรอบ 60 ปี มอบเงิน 7.5 แสนบาท ให้มูลนิธิชัยพัฒนา

ไทยยามาฮ่าฉลองครบรอบ 60 ปี มอบเงินในการประมูล FINO FINAL EDITION เลขสวยจำนวน 7.5 แสนบาท ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อใช้ในสาธารณประโยชน์

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยตัวแทนคณะผู้บริหารจาก 5 ร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าได้แก่ บริษัท ศรีสะเกษกิจเจริญไทย จำกัด บริษัท อ้อมน้อยเจริญยนต์ จำกัด บริษัท วี.ที. มอเตอร์ไบค์ปราจีนบุรี  จำกัด บริษัท พรโชคออโต้ไบค์ จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กระบี่เอสที ร่วมกันมอบเงินจำนวน 750,000 บาท ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา โดยได้รับเกียรติจากท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปใช้เป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป

สำหรับโครงการประมูลรถจักรยานยนต์ YAMAHA FINO FINAL EDITION เป็นโครงการในการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี การก่อตั้งบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และเป็นการร่วมแสดงความสำเร็จของ YAMAHA FINO รถจักรยานยนต์ออโตเมติกสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทยกับ 18 ปีที่ครองใจชาวไทยมาอย่างยาวนาน โดย YAMAHA FINO FINAL EDITION เป็นรุ่นพิเศษที่ออกวางจำหน่ายเพียง 999 คัน ทรงคุณค่าด้วยโลโก้ Emblem สีทอง และเพลทระบุหมายเลขประจำตัวรถ จาก 001 – 999

ในครั้งนี้ทาง บริษัทฯ ได้คัดเลขระบบประจำตัวรถที่สวยจำนวน 28 คันออกประมูล และนำรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อนำไปใช้ในสาธารณประโยชน์ และสนันสนุนโครงการต่างๆ ของมูลนิธิฯ ในการช่วยเหลือสังคม โดยได้รับเงินจากประมูลครั้งนี้มากถึง 566,575 บาท และทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้สมทบเพิ่มอีกจำนวน 183,425 บาท รวมเป็นเงินในการมอบในครั้งนี้ 750,000 บาท พร้อมกันนี้หมายเลขประจำตัวรถที่มียอดประมูลสูงที่สุด 2 อันดับ คือหมายเลข 999 โดยมียอดประมูลสูงถึง 161,626 บาท และหมายเลข 888 โดยมียอดประมูลที่ 111,123 บาท

โดยการมอบเงินจำนวน 750,000 บาท จากการประมูล YAMAHA FINO FINAL EDITION ในครั้งนี้มีขึ้น ณ มูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อเร็วๆ นี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save