- Advertisement -
25.4 C
Bangkok
Home Blog Page 56

สมาคมรถโบราณฯ จับมือ เซ็นทรัลขับรถเที่ยวกรุงเก่า เยี่ยมเงาอดีต

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขบวนรถโบราณ และรถคลาสสิคกว่า 30 คัน ขับเที่ยวชานกรุง เส้นทางกรุงเทพฯ – พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เผยว่า สมาคมฯ ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน “คาราวานชานกรุง 2024” ภายใต้แนวคิด “เยือนกรุงเก่า เยี่ยมเงาอดีต” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณใกล้เคียง ผ่านขบวนรถโบราณ และรถคลาสสิคทรงคุณค่ากว่า 30 คัน

ด้านผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา เป็นโครงการมิกซ์ยูสสปอตไลท์ระดับโลก แลนด์มาร์กของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้แนวคิด “อัศจรรย์อยุธยา” ด้วยสถาปัตยกรรมการตกแต่ง โดยเฉพาะฟาซาดสีขาวและสีทองที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดฯ ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมเสน่ห์ของรถโบราณที่ทรงคุณค่า

ขบวนคาราวานรถโบราณ เริ่มเดินทางจาก ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ มุ่งหน้าสู่ เบนซ์เภตรา อยุธยา เยี่ยมชมโชว์รูม และศูนย์บริการฯ ครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมพักทานอาหารกลางวัน

ช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ชมกรุเครื่องทองสมัยกรุงศรีอยุธยา จำนวนมากกว่า 2,200 รายการ ณ อาคารเครื่องทองอยุธยา โดยมีโบราณวัตถุชิ้นเด่น เช่น พระแสงขรรค์ชัยศรี พระคชาธารจำลอง จุลมงกุฎ และพระสุวรรณมาลา นอกจากนั้นยังมี เครื่องทองจากวัดราชบูรณะ และส่วนจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับคติการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่พบในโบราณสถาน ได้แก่ พระปรางค์วัดพระราม พระปรางค์วัดมหาธาตุ เจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ และเจดีย์ศรีสุริโยทัย เป็นต้น

หลังจากนั้น มุ่งหน้าสู่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา เพื่ออวดโฉมรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และมอบเกียรติบัตรให้แก่เจ้าของรถโบราณที่เข้าร่วมกิจกรรม

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมของสมาคมรถโบราณฯ ได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/vintagecarclub

สรยท.ประกาศรายชื่อรถเข้าเกณฑ์ THAILAND CAR OF THE YEAR, THAILAND EV OF THE YEAR และ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2024

สรยท.ประกาศรายชื่อรถเข้าเกณฑ์ THAILAND CAR OF THE YEAR, THAILAND EV OF THE YEAR และ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2024

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. เปิดเผยรายชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เข้าเกณฑ์การมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2567 หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 (TCOTY2024) โดยในปีนี้ทางสมาคมฯ เล็งเห็นความสำคัญของตลาดรถจักรยานยนต์ จึงมีมตินำการมอบรางวัลรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี หรือ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR กลับมาอีกครั้ง นอกจากนั้น ยังถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่จะมีการมอบรางวัลให้กับกลุ่มรถยนต์พลังไฟฟ้าภายใต้ชื่อรางวัลรถยนต์พลังไฟฟ้ายอดเยี่ยมประจำปี หรือ THAILAND EV OF THE YEAR

“การจัดงาน THAILAND CAR OF THE YEAR มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการจัดงานยังคงบทบาทและหน้าที่สำคัญในการเป็นเวทีที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดันผู้ผลิตยานยนต์ในการยกระดับสินค้าของพวกเขาให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ใช้ยานยนต์ที่มีคุณภาพ รวมถึงยังเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในทุกภาคส่วนของระบบ Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งทั้งหมดถูกสะท้อนผ่านเกณฑ์ในการคัดเลือกของทางสมาคมที่ถูกกำหนดเอาไว้อย่างเหมาะสม” นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) กล่าว

ทางด้านนายสุรมิส เจริญงาม อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 เปิดเผยขั้นตอนการตัดสินและมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ว่า หลังจากนี้จะส่งรายชื่อรถยนต์ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดให้กับสมาชิก สรยท.โหวตคัดเลือกรถยนต์รอบแรกจำนวนกึ่งหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้ายซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนามโดยคณะสื่อมวลชนที่มีความรู้ ประสบการณ์ ในการทดสอบรถยนต์ของเมืองไทยต่อไป

การทดสอบภาคสนามในรอบ 2 นั้น เป็นการร่วมให้คะแนนของสื่อมวลชนสายยานยนต์แลรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่ระดับบรรณาธิการ คอลัมนิสต์ จนถึงผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมากกว่า 20-30 ปี เป็นการให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ของการตัดสินรางวัล European Car of The Year ของยุโรป และ Japan Car of The Year ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดเลือกรถยนต์เพียง 1 รุ่น ให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศไทย

“การจัดงานในปีนี้ยังคงต้องเผชิญหน้ากับบริบทของความเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์เหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการจัดงาน THAILAND CAR OF THE YEAR ถือเป็นดัชนีที่สามารถใช้วัดและระบุถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไทยในแง่ของผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มของรถยนต์พลังไฟฟ้า เราจะพบว่ามีทางเลือกในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่าในปี 2023 ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดงาน” นายสุรมิส กล่าวเพิ่มเติม

“ในกลุ่มของรถจักรยานยนต์นั้น ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์หลักอีกประเภทของประเทศไทย และบ้านเราถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับภูมิภาคนี้ ดังนั้น ด้วยการเล็งเห็นความสำคัญ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น การมอบรางวัล THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR เพื่อเป็นหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมให้กับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ได้พัฒนาและยกระดับสินค้าของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ

สำหรับในปีนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 10 แล้ว โดยในกลุ่มรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 มีรถยนต์ที่เข้าเกณฑ์ตามกรอบการคัดเลือกจำนวน 8 คัน โดยพิจารณาจาก 3 หัวข้อหลักคือ เปิดตัวในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 30 กันยายน 2567 เป็นรถยนต์ใหม่แบบโมเดลเชนจ์ และจะต้องมีการผลิตในประเทศไทย หรือนำเข้าจากประเทศในแถบอาเซียน  โดยรถยนต์ทั้ง 8 รุ่นประกอบด้วย

1.BMW Series 5 (G60) – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 19 ตุลาคม 2566

2.BYD Sealion 6 DM-i – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 8 สิงหาคม 2567

3.Honda Accord e:HEV – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว  17 พฤศจิกายน 2566

4.Mercedes-Benz CLE Coupe 4Matic (300 และ AMG53) – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว  6 กันยายน 2567

5.Mercedes-Benz E-Class (W214) – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 4 มีนาคม 2567

6.MG3 Hybrid+ – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 20 สิงหาคม 2567

7.Toyota Hilux Champ – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 27 พฤศจิกายน 2566

8.Toyota Yaris Cross – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 5 ตุลาคม 2566

**การคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้ายจะมีจำนวนทั้งสิ้น 5 คัน**

ส่วนกลุ่มรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2024 นั้น จะยึดตามกรอบของ THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 ยกเว้นเรื่องฐานการผลิต แต่จะใช้การเป็นบริษัทที่อยู่ในโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่บีโอไอ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ได้อนุมัติให้การส่งเสริมแล้วในปี 2566-2567 นี้แล้วเท่านั้น และต้องสามารถแล่นทำระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือเทียบเท่า โดยอ้างอิงจากเอกสารการทดสอบ หรือ ECO Sticker ของผู้ผลิตเป็นสำคัญ ซึ่งในปีนี้มีรถยนต์พลังไฟฟ้าผ่านเกณฑ์ถึง 18 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย

1.Avatr 11 : เปิดตัว 17 กันยายน 2567

2.BMW i5 : เปิดตัว 19 ตุลาคม 2566

3.BMW iX2 : เปิดตัว 1 กุมภาพันธ์ 2567

4.BYD M6 : เปิดตัว 9 กันยายน 2567

5. Changan Deepal L07 : เปิดตัว 29 พฤศจิกายน 2566

6. Changan Deepal S07 : เปิดตัว 29 พฤศจิกายน2566

7.Changan Lumin : เปิดตัว 24 มีนาคม 2567

8.GAC HYPTEC HT : เปิดตัว  19 กันยายน 2567

9.Honda e:N1 : เปิดตัว 26 มีนาคม 2567

10.Hyundai IONIQ 5 (หรือ 5N) : เปิดตัว 30 พฤศจิกายน 2566

11.Hyundai IONIQ 6 : เปิดตัว 25 มีนาคม 2567

12.Mercedes-EQS 450 4Matic SUV : เปิดตัว 23 สิงหาคม 2567

13.MG Cyberster : เปิดตัว 27 มีนาคม 2567

14.MG Maxus 7 : เปิดตัว 13 มิถุนายน 2567

15.MINI Aceman : เปิดตัว 19 สิงหาคม 2567

16.MINI Cooper SE : เปิดตัว 18 กรกฎาคม 2567

17.Neta X : เปิดตัว 27 กรกฎาคม 2567

18.ORA07 : เปิดตัว 29 พฤศจิกายน 2566

**การคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้ายจะมีจำนวนทั้งสิ้น 9 คัน**

ส่วนรางวัล THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2024 จะยึดตามเกณฑ์การคัดเลือกเช่นเดียวกับ THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 ในทั้ง 3 ประเด็นหลัก คือ เปิดตัวในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 30 กันยายน 2567 เป็นรถยนต์ใหม่แบบโมเดลเชนจ์ และจะต้องมีการผลิตในประเทศไทย หรือนำเข้าจากประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งในปีนี้มีรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเข้าเกณฑ์จำนวน 11 รุ่น ประกอบด้วย

1.BMW R 1300GS : เปิดตัวพฤษภาคม 2567

2.CYCLONE RA401 : เปิดตัว กันยายน 2567

3.DUCATI DESERT X RALLY : เปิดตัว พฤษภาคม 2567

4.GPX DZ3 : เปิดตัว กรกฎาคม 2567

5.HARLEY DAVIDSON Street Glide : เปิดตัว มกราคม 2567

6.KAWASAKI Meguro-S1 : เปิดตัว กันยายน 2567

7.KEEWAY GEMMA 125 : เปิดตัว มกราคม 2567

8.KEEWAY V 302C : เปิดตัว เมษายน 2567

9.TRIUMPH SCRAMBLER 400X : เปิดตัว ตุลาคม 2566

10.YAMAHA PG-1 : เปิดตัว พฤศจิกายน 2566

11.Zontes 350e : เปิดตัว มิถุนายน 2567

**การคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้ายจะมีจำนวนทั้งสิ้น 6 คัน**

การลงคะแนนรอบแรกจะลงคะแนนโดยสมาชิกสามัญของสมาคมโดยมีระยะเวลาในการโหวตตั้งแต่วันที่ 17-22 ตุลาคม 2567 จากนั้นจะมีการนับคะแนนในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยอนุกรรมการทำงานในปีนี้ และจะมีการประกาศรายชื่อรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์ที่เข้ารอบสุดท้ายในวันที่ 28 ตุลาคม 2567 นี้ ก่อนที่จะมีการจัดทดสอบเพื่อให้คณะกรรมการที่ได้รับการคัดเลือกได้ลงคะแนนอีกครั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่สนามทดสอบของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจะมีการจัดงานมอบรางวัลในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ที่ The HALLS Bangkok ถนนวิภาวดีรังสิต

มาสด้า ออกแคมเปญขอบคุณลูกค้าเก่ามอบคูปอง 1,000 บาท

มาสด้า มัดใจลูกค้าเก่าขับเกิน 100,000 รับคูปอง 1,000 บาท เมื่อนำรถเข้าเช็กครบทุกระยะที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 16 ตุลาคม 2567 – มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ส่งแคมเปญพิเศษ “THANK YOU FOR 100,000 km OF TRUST ขอบคุณกว่าแสนกิโลเมตรที่ไว้ใจให้มาสด้าดูแล” มอบคูปองส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท ให้กับลูกค้ามาสด้าแฟมิลี่ เพื่อแทนคำขอบคุณที่ไว้ใจเข้าเช็กระยะกับศูนย์บริการตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กม. ตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาจากมาสด้าที่ต้องการดูแลลูกค้าและรถยนต์ของลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน สำหรับลูกค้าที่ได้สิทธิ์จะได้รับ SMS แจ้งทางมือถือที่ลงทะเบียนไว้กับศูนย์บริการ

นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้จัดการทั่วไปแผนกบริการลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของมาสด้า ไม่ได้มีเพียงแค่การผลิตรถยนต์ที่มีสมรรถนะการขับขี่สูงเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการดูแลหลังการขายที่มีประสิทธิภาพเพื่อส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถไปตลอดอายุการใช้งาน (Ownership Experience) อันตอกย้ำถึงแนวทางปฏิบัติของมาสด้าในการดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดในทุกประสบการณ์ (Customer Experience Management) ซึ่งเป็นปณิธานที่มาสด้ายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งแนวทางเหล่านี้ ยังคลอบคลุมถึงการช่วยดูแลรถยนต์ของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอด้วยการให้บริการเช็กระยะรถเมื่อครบกำหนดตามรอบ เพื่อให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งมาสด้าได้วางมาตรฐานในเรื่องบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้ผ่านมาตรฐานการอบรมจากมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย รวมถึงกรณีที่มีการเปลี่ยนอะไหล่ จะได้อะไหล่แท้ที่มีคุณภาพจากมาสด้า ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่ารถทุกคันที่นำมาเข้าศูนย์บริการจะได้รับการตรวจสอบอย่างดีและสามารถนำกลับไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล

มาสด้าขอขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจให้มาสด้าดูแลรถยนต์คู่ใจ ด้วยการมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าแฟมิลี่ ที่นำรถเข้าเช็กระยะกับศูนย์บริการตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กม. ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 ผ่านแคมเปญ “THANK YOU FOR 100,000 km OF TRUST ขอบคุณกว่าแสนกิโลเมตร ที่ไว้ใจให้มาสด้าดูแล” รับคูปองส่วนลดเงินสดมูลค่า 500 บาท จำนวน 2 ใบ (รวมมูลค่า 1,000 บาท) ให้กับลูกค้าเพื่อนำรถกลับไปเข้าเช็กระยะในรอบที่ 11 หรือ 100,001 กม. ขึ้นไป เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า โดยมีเงื่อนไขการรับคูปองดังนี้

•ลูกค้ามาสด้าที่นำรถเข้าเช็กระยะครบทุกครั้งตามรอบการบำรุงรักษา (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กม.) ตามอายุรถ เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี หรือ 100,000 กม. ขึ้นไป

•มีการนำรถเข้าเช็กระยะครั้งล่าสุดภายในเดือนกรกฎาคมปี 2567

เมื่อลูกค้าลงทะเบียนแล้วและต้องการเข้ารับบริการ ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าและแสดงคูปองใน Line@ Official Mazda Sky Journey (LINE ID: @SkyJourney) เพื่อยืนยันสิทธิ์ คูปองสามารถใช้ได้ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 หรือ ตามวันที่ระบุในคูปอง ทั้งนี้ เมื่อนำรถเข้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการมาสด้ามั่นใจได้ว่ารถยนต์ของลูกค้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมและรับการรองรับมาตรฐาน โดย มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เพื่อช่วยดูแลรถของลูกค้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด สามารถนำรถกลับไปใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไร้กังวล

“ต่อจากนี้ มาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการผลักดันแคมเปญพิเศษ ภายใต้ “Mazda Family” เพื่อดูแลรถยนต์และมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าแฟมิลี่อย่างต่อเนื่อง โปรดติดตามความเคลื่อนไหวได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแนวทางของมาสด้าในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แทนคำขอบคุณที่ไว้วางใจและให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการได้ครอบครองรถยนต์มาสด้าไปตลอดอายุการใช้งาน” นายศราวุฒิ กล่าวเสริม

สำหรับลูกค้าที่ต้องการรับคูปองส่วนลดหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแคมเปญดังกล่าว สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mazda.co.th/services-thank-you-campaign/ หรือ สอบถามรายละเอียดผ่านทาง Mazda Speed Line โทรศัพท์ 02-030-5666

หมายเหตุ :

สำหรับลูกค้าที่ได้สิทธิ์จะได้รับ SMS แจ้งทางมือถือที่ลงทะเบียนไว้กับศูนย์บริการ

สามารถใช้คูปองส่วนลดครั้งที่ 2 ได้ เมื่อใช้สิทธิ์ครั้งแรกไปแล้ว และครบกำหนดเข้ารับบริการเช็กระยะในครั้งถัดไปเท่านั้น

คูปองส่วนลดนี้สามารถใช้ได้ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 หรือ ตามวันที่ระบุในคูปองเท่านั้น

คูปองส่วนลดนี้ไม่สามารถโอน เปลี่ยน แลก หรือทอนเป็นเงินสดได้

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบคูปองส่วนลดให้กับรถยนต์มาสด้าที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด

บีเอ็มดับเบิลยู แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าคนใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าคนใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมอบความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า แต่งตั้งคุณชนินทร์ ฐิติจารุไพศาล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยคุณชนินทร์จะเข้ามารับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขายและยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ระดับพรีเมียม รับตำแหน่งต่อจากคุณสเตฟาน สโลโบดา ซึ่งจะยังคงสานต่อปรัชญาการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกของบีเอ็มดับเบิลยูในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการยกระดับขั้นสูงสุดของการบริการลูกค้าในตลาดรถยนต์หรู

ด้วยประสบการณ์กว่า 19 ปีกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คุณชนินทร์ได้สั่งสมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและครอบคลุมแนวการดำเนินธุรกิจด้านการขายและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า โดยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในฝ่ายขายของบีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก่อนจะย้ายมารับตำแหน่งล่าสุดในฐานะผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย จึงมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านการบริหารเครือข่ายผู้จำหน่ายและความต้องการของลูกค้าในตลาดรถยนต์พรีเมียมประเทศไทยเป็นอย่างดี

สำหรับตำแหน่งใหม่ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า คุณชนินทร์จะดูแลบริหารธุรกิจด้านบริการหลังการขายทั้งหมดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้แก่ การให้บริการหลังการขาย การบริหารจัดการด้านเทคนิค การจัดการด้านอะไหล่ และการตลาดของบริการหลังการขาย เพื่อรักษาความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศด้านการบริการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รวมถึงการสร้างความภักดีของลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และการเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้จำหน่ายเพื่อรักษามาตรฐานการบริการให้อยู่ในระดับสูงสุด

มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “การบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เสมอมา ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้า ในนามบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผมจึงขอขอบคุณมร. สเตฟาน สโลโบดา ที่ได้แสดงถึงความสามารถในการบริหารงานด้วยการบริการที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา พิสูจน์ได้จากการวัดดัชนีความพึงพอใจของลูกค้าในด้านการบริการหรือคะแนน Net Promoter Score ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการด้านมาตรฐานการรับประกันและการบำรุงรักษาในระดับสากล ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท และความสามารถในฐานะผู้นำอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่ามร. สโลโบดา จะนำความสำเร็จเช่นเดียวกันนี้สู่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่นในตำแหน่งใหม่ด้วยเช่นกัน”

“ขณะเดียวกัน เราก็มีความยินดีเป็นอย่างที่ได้ต้อนรับคุณชนินทร์ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าคนใหม่ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา คุณชนินทร์ได้แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลและความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการและทุ่มเทเพื่อเป้าหมายแห่งความสำเร็จ ผมมั่นใจว่าความเป็นผู้นำของคุณชนินทร์จะไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมของเรา แต่ยังจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเรากับเครือข่ายผู้จำหน่ายและลูกค้าทั่วประเทศไทยด้วยเช่นกัน” มร.แกร์ฮาร์ด กล่าว

RIDDARA จัดแสดงรถกระบะไฟฟ้าครั้งแรกในประเทศ

RIDDARA ชวนสัมผัสรถกระบะไฟฟ้า 100% พร้อมรับข้อเสนอพิเศษก่อนเปิดราคาในงาน First Charge, First Meet RIDDARA วันนี้ถึง 23 ตุลาคม 2567ที่ เซ็นทรัล พระราม 2

RIDDARA เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมชมและสัมผัสรถกระบะไฟฟ้า 100% ครั้งแรกในประเทศไทย ในงาน First Charge, First Meet RIDDARA ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ก่อนเผยโฉมจริงพร้อมราคาอย่างเป็นทางการสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ลงทะเบียนจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ RIDDARA วันนี้รับข้อเสนอสุดพิเศษ เฉพาะ 1,000 ท่านแรกเท่านั้น

RIDDARA เป็นแบรนด์รถกระบะพลังงานไฟฟ้า ในเครือ GEELY Holding Group กลุ่มบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลก ยกขบวนรถกระบะไฟฟ้า 100% มาอวดโฉมเป็นครั้งแรกในประเทศไทยพร้อมโชว์ศักยภาพของการเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานรถกระบะรูปแบบใหม่และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เจาะกลุ่มผู้รักการเดินทางและชื่นชอบการทำกิจกรรม Outdoor ได้อย่างลงตัว

(หมายเหตุ : รถที่จัดแสดงภายในงานเป็นรถต้นแบบภายใต้แบรนด์ RADAR ที่จำหน่ายในประเทศจีนเท่านั้น โดยข้อมูลผลิตภัณฑ์พร้อมราคาจัดจำหน่ายของรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA รุ่นที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2567 นี้)

RIDDARA มอบข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้าก่อนเปิดราคาอย่างเป็นทางการเฉพาะ 1,000 ท่านแรกเท่านั้น รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนดก) และรับโฮมชาร์จเจอร์พร้อมค่าบริการติดตั้งฟรี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) โดยสามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ได้ที่งาน First Charge, First Meet RIDDARA หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.riddara.com/ พบกับ RIDDARA รถกระบะไฟฟ้า 100% ครั้งแรกในประเทศไทย ในงาน First Charge, First Meet RIDDARA ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2567

บริดจสโตน รับ 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากไทยเบฟเวอเรจ

บริดจสโตนรับ 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากไทยเบฟเวอเรจ “Business Partner Award 2024 (Gold Award)” และ “Sustainability Award” สะท้อนความสำเร็จในฐานะองค์กรพันธมิตรที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าร่วมและยกระดับความยั่งยืนสู่สังคมไทย

นายเฉลิมมินทร์ กล้าวิกรณ์ ผู้จัดการแผนกขายผู้ใช้ปลายทาง บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมรางวัล “Business Partner Award 2024 ประเภทรางวัล Gold Award” จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

บริดจสโตน ประเทศไทย รับรางวัลประกาศเกียรติคุณจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทคู่ค้าที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมุ่งมั่นบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อเติบโตในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงไปด้วยกันกับไทยเบฟเวอเรจ โดยคุณเฉลิมมินทร์ กล้าวิกรณ์ ผู้จัดการแผนกขายผู้ใช้ปลายทาง บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนรับรางวัล “Business Partner Award 2024 ประเภทรางวัล Gold Award” พร้อมด้วยคุณอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้อำนวยการส่วนงานกิจการความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เป็นตัวแทนรับรางวัล“Sustainability Award” ในงาน SX Sustainability Expo 2024: TSCN Business Partner Conference 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

รางวัล “Business Partner Award 2024 ประเภทรางวัล Gold Award” และรางวัล “Sustainability Award” จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

นับเป็น 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจจากความทุ่มเทในการบริหารงานของบริดจสโตนที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและได้รับการยอมรับจากไทยเบฟเวอเรจ โดยรางวัล “Business Partner Award 2024 ประเภทรางวัล Gold Award” บริดจสโตนได้รับในฐานะบริษัทคู่ค้าที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมตามเกณฑ์ที่ไทยเบฟเวอเรจได้กำหนดไว้ ได้แก่ ด้านการพัฒนาโครงการ การค้า คุณภาพ การส่งมอบ และความยั่งยืน สำหรับรางวัล “Sustainability Award” บริดจสโตนได้รับในฐานะบริษัทคู่ค้าที่ร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับไทยเบฟเวอเรจเพื่อยกระดับการบริหารงานด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและสังคม รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ยางหล่อดอกพรีเมียมจากบริดจสโตนซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านความยั่งยืนสำหรับยางที่ใช้ในการขนส่งให้ไทยเบฟเวอเรจและการเข้าร่วมแลกเปลี่ยนในกิจกรรมด้านความยั่งยืนต่างๆ ที่ดำเนินการโดยไทยเบฟเวอเรจ

นายอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้อำนวยการส่วนงานกิจการความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด พร้อมรางวัล “Sustainability Award” จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

นายอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้อำนวยการส่วนงานกิจการความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าว ในฐานะวิทยากรรับเชิญบรรยายในหัวข้อ กลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของบริดจสโตน บนเวที SX Idea Lab ว่า “บริดจสโตนรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับทั้ง 2 รางวัลดังกล่าวที่ได้รับ เรายังคงมุ่งมั่นบริหารงานภายใต้ Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) ที่เชื่อมโยงกับพนักงาน คู่ค้าทางธุรกิจ และลูกค้า เพื่อส่งมอบคุณค่าความยั่งยืนแก่สังคมผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ โซลูชั่นด้านการเดินทาง และกิจกรรมต่างๆ โดยบริดจสโตนมีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนตามเป้าหมายดังต่อไปนี้ 1.การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมีแผนระยะสั้นภายในปี พ.ศ. 2573 ด้วยการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% เมื่อเทียบกับฐานปี พ.ศ. 2554 และผลิตยางรถยนต์โดยใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียน 40% รวมถึงแผนระยะยาวภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วยการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และผลิตยางรถยนต์โดยใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียน 100% 2.การผลักดันให้เกิดการศึกษา การประเมิน รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตน ประเทศไทย ตลอดห่วงโซ่คุณค่า นับตั้งแต่โรงงานผลิต ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจจัดจำหน่าย ธุรกิจค้าปลีก รวมถึงโรงงานผลิตภัณฑ์ยางหล่อดอกพรีเมียมจากบริดจสโตน 3.การส่งเสริมหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการติดตั้งแหล่งพลังงานทดแทนจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดในส่วนของโรงงานผลิต และยังรวมถึงกิจกรรมลดการใช้พลังงาน และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับกลุ่มบริษัทในเครือของเรา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบางส่วนของเราบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเรายังคงสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวเพื่อร่วมยกระดับการสร้างความยั่งยืนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าไปด้วยกันกับไทยเบฟเวอเรจ”

นายอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้อำนวยการส่วนงานกิจการความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เป็นวิทยากรรับเชิญบรรยายในหัวข้อ กลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของบริดจสโตน บนเวที SX Idea Lab

วิริยะประกันภัย ส่งมอบอุปกรณ์ดำรงชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

วิริยะประกันภัย ลุยพื้นที่มอบอุปกรณ์ดำรงชีพ ส่งมอบความห่วงใยแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย

นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รับมอบอุปกรณ์ดำรงชีพ ได้แก่ ชุดเครื่องครัวและที่นอนปิกนิก จำนวน 3,000 ชุด มูลค่า 2,500,000 บาท จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชัย) โดยมี นายพงษ์ทิวา กฤษณพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 1 (ภาคเหนือ) ด้านศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน เป็นผู้แทนมอบ ร่วมกับ มูลนิธิสยามรวมใจ (ปู่อินทร์) เชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น แก่ผู้ประสบอุทกภัยชุมชนบ้านเกาะทราย จำนวนกว่า 700 หลังคาเรือน รวมถึงชุมชนในตำบลแม่สายโดยรอบ ให้สามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ โดยกลุ่มวิริยะจิตอาสา ได้ร่วมขนย้ายอุปกรณ์ดำรงชีพ เพื่อกระจายมอบให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย เทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

สำหรับพื้นที่บ้านเกาะทราย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายนั้น ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยหลายระลอก ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถกลับเข้าไปยังที่อยู่อาศัย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ กลุ่มวิริยะจิตอาสาจึงดำเนินการสนับสนุนการช่วยเหลือครั้งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนในชุมชนบ้านเกาะทรายและบริเวณใกล้เคียงได้รับการบรรเทาทุกข์โดยเร็ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยต่อไป ด้วยความตระหนักถึงการดำเนินภารกิจเพื่อสังคมและการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ในทุกสถานการณ์

SUZUKI CARRY เปิดแคมเปญผลักดันเศรษฐกิจหนุนกลุ่มองค์กรธุรกิจ

SUZUKI เปิดแคมเปญผลักดันเศรษฐกิจหนุนกลุ่มองค์กรธุรกิจ สมาชิกหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและนิติบุคคลซื้อ SUZUKI CARRY รับส่วนลดพิเศษเพิ่มสูงสุด 15,000 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนนาน 60 เดือน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า SUZUKI CARRY รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก เป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าไปอยู่ในใจของคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมหรือ SME ซึ่งเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยจุดเด่นที่สำคัญ คือ เรื่องความอเนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในเรื่องของรูปทรงและสมรรถนะการใช้งาน รวมถึงงานบริการหลังการขายที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า จึงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในทุกระดับ ทั้งในบทบาทของการขนส่ง หรือแปลงโฉมเป็นร้านค้าเคลื่อนที่รองรับธุรกิจในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ทำให้ SUZUKI CARRY มียอดขายสะสมในประเทศไปมากกว่า 61,663 คัน

โดยเพื่อเป็นการตอกย้ำแนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จึงจัดแคมเปญพิเศษเพื่อสนับสนุนกลุ่มองค์กรธุรกิจให้สามารถแข่งขันและขยับขยายธุรกิจขององค์กรให้มีความคล่องตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังคงชะลอการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง กลุ่มธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ซูซูกิมีความพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระและส่งเสริมกลุ่มธุรกิจที่ต้องการใช้งานรถยนต์ที่มอบความคุ้มค่า คุ้มราคา เพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจขององค์กรในอนาคต  โดยเมื่อลูกค้ากลุ่มองค์ธุรกิจที่ซื้อและรับรถ SUZUKI CARRY ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2567 สามารถรับส่วนลดอีก 10,000 บาท หรือกลุ่มลูกค้าองค์กรที่เป็นสมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สามารถรับส่วนลดได้ 15,000 บาท เพิ่มเติมจากแคมเปญ “SUZUKI DEAL OF THE YEAR ดีลสุดพิเศษส่งท้ายปี” มอบให้แก่ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ SUZUKI CARRY และสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง มูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก ซึ่งนับเป็นแคมเปญที่ได้การตอบรับจากกลุ่มธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างดี

SUZUKI CARRY นับเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กที่อยู่คู่กับผู้ประกอบการไทยมายาวนาน ด้วยแนวคิดของซูซูกิ นอกจากคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีความคุ้มค่าในทุกด้าน มิติตัวรถที่มีความยาว 4,195 มม. ความกว้าง 1,765 มม. และความสูง 1,910 มม. มาพร้อมความกว้างและความยาวของพื้นที่บรรทุกอยู่ที่ 1,670 มม. และ 2,450 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 160 มม. เติมเต็มสมรรถนะการใช้งานด้วยกระบะบรรทุกแบบเรียบผลิตจากแผ่นเหล็กเสริมกัลวาไนซ์ ป้องกันสนิมและการสึกกร่อน สามารถเปิดได้ทั้ง 3 ด้านช่วยให้การขนถ่ายสัมภาระทำได้สะดวกยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบด้วยน้ำหนักบรรทุกสูงสุดถึง 945 กิโลกรัม โดย SUZUKI CARRY มีสีจำหน่ายเป็นสีขาว ในราคาเพียง 395,000 บาท

รายละเอียดแคมเปญซื้อรถและรับรถ SUZUKI CARRY ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2567

•รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•ลูกค้าองค์กรธุรกิจประเภทนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน องค์กรธุรกิจจัดตั้งหรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะ เช่น สมาคม สหกรณ์ เป็นต้น รับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท หรือ ลูกค้าองค์ธุรกิจที่เป็นสมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รับส่วนลดเพิ่ม 15,000 บาท

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า เราตอกย้ำเสมอถึงแนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ซึ่งเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY ไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์โดยผ่านในหลากหลายอาชีพ เช่น กลุ่มธุรกิจรถ Food Truck รถบ้าน (Motor Home) รถให้บริการอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยงเคลื่อนที่ (Pet Spa) รถตัดผมเคลื่อนที่ (Barber Truck) ร้านทำเล็บเคลื่อนที่ รถสุขาเคลื่อนที่ให้เช่า เป็นต้น ด้วยการพัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย ตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY เป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของซูซูกิในการจัดทำโครงการ “SUZUKI Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” นอกเหนือจากความต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าแล้ว ซูซูกิยังมีความตั้งใจจริงที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยต่อไปในอนาคต อีกทั้งเรายังมีพันธมิตรเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟลีสซิ่ง ช่วยเรื่องการอนุมัติสินเชื่อให้มีความหลากหลายและช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ไพรม์มัส กรุ๊ป ทุ่มงบ 50 ล้าน ผุดโชว์รูมดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี  

ไพรม์มัส กรุ๊ป ต่อยอดความสำเร็จ ทุ่มงบ 50 ล้าน ผุดโชว์รูม ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี พร้อมเดินหน้าสู่อนาคต ด้วยการชู 3 กลยุทธ์ เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าภาคตะวันออก

จ.ชลบุรี, 9 ตุลาคม 2567 : “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ต่อยอดความสำเร็จ เสริมความแกร่งกลุ่มธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ผุดโชว์รูม “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” โชว์รูม-ศูนย์บริการครบวงจรใหญ่สุดในไทย รับเศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต ชู 3 กลยุทธ์ มัดใจลูกค้าภาคตะวันออก มุ่งเป็นที่ 1 ในใจลูกค้า และขึ้นแท่นผู้นำตลาดรถ EV ประเดิมจัดโปร ฟรี! ดอกเบี้ย ผ่อนนาน 48 เดือน หมดเขต 31 ตุลาคม 2567 นี้

นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธานกลุ่มบริษัท ไพรม์มัส กรุ๊ป และกลุ่มบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง (TOAVH) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปิดกว้างสำหรับรถยนต์แบรนด์ใหม่ ทำให้มีบริษัทรถยนต์เข้ามาเปิดตลาดในไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดตื่นตัวและมีการแข่งขันมากขึ้น

ในฐานะที่ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เป็นกลุ่มธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ผนวกกับแนวคิดของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ที่จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่การรักษาสิ่งแวดล้อม จึงเลือกเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีศักยภาพครอบคลุมทุกด้าน โดยได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจาก  CHANGAN แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ 1 ใน 4 ของจีน และ อีเทอร์นิตี้แอทวัน : Eternity At One บริษัทมืออาชีพด้านการดูแลธุรกิจกลุ่มผุ้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Deepal แต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Deepal อย่างเป็นทางการ  ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่จังหวัดชลบุรี

ขณะที่จังหวังชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงระดับประเทศ และเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ทำให้มีการลงทุนเมกกะโปรเจ็คจากภาครัฐ-เอกชนจำนวนมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวมของชลบุรีที่มีการขยายตัวมากขึ้น โดยเป็นตลาดใหญ่มียอดจดทะเบียนเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร

ประกอบกับ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” มีความชำนาญและประสบการณ์การทำตลาดรถยนต์ในเขตพื้นที่ชลบุรี ทั้งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของเรา ทำให้เชื่อมั่นว่า การลงทุนก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ด้วยเม็ดเงินกว่า 50 ล้าน บนพื้นที่เกือบ 4 ไร่ ที่มีบริการครบวงจร จะช่วยต่อยอดความสำเร็จในการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” และแบรนด์รถยนต์ Deepal ได้อย่างแน่นอน

“การพิธีเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ในการทำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการดูแลและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดในทุกมิติ เพราะสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจของเรา ไม่ใช่เพียงการซื้อรถยนต์ แต่รวมถึงการดูแลอย่างจริงใจและดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป”

นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส โมบิลิตี้ จำกัด และบริษัทในเครือ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เปิดเผยว่า “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า ที่มุ่งเน้นกลุยทธ์หลักในการบริหารงาน คือ 1.การบริการครบวงจรจบในที่เดียว 2.ทีมงานมืออาชีพ มากประสบการณ์ และ 3.การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ที่ผ่านบทพิสูจน์ความสำเร็จจากการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ทั้งสาขาเลียบด่วน และสาขาพัทยา ด้วยการเติบโตของยอดจำหน่ายและจำนวนรถยนต์ที่เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี และที่ภาคภูมิใจมากสุด คือ การได้คะแนน CSI สูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำกลยุทธ์แห่งความสำเร็จนี้ มาใช้ในการบริหารงานที่  “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” และสาขาต่างๆ ของ ไพรม์มัส กรุ๊ป 

สำหรับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท-อ่างศิลา มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,290 ตร.ม.นับเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการดีพอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดไทย โดยด้านหน้าเป็นโชว์รูมจัดแสดงรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ทุกแบบ ได้มากกถึง 10 คัน และโซนรับรองลูกค้าที่กว้างขวาง สะดวกสบาย สำหรับรองรับการเข้ารับบริการทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย โดยบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มที่คัดสรรสำหรับลูกค้าคนสำคัญ พร้อมห้องรับรองลูกค้าแบบ Exclusive ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ และโซนส่งมอบรถยนต์ในแบบ Private ที่จะร่วมส่งมอบความประทับใจในการเป็นครอบครัวเดียวกันกับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี”

ส่วนอาคารด้านหลัง เป็นศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร มีพื้นที่ร่วม 1,000 ตร.ม. พร้อมช่องซ่อม 8 ช่องซ่อม รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากถึง 500 คัน/เดือน โดยมีบริการซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการดูแลรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ มากประสบการณ์ด้านการขายและบริการหลังการขาย ทั้งผ่านการอบรมทุกหลักสูตรตามมาตรฐานของ Changan นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออุปกรณ๋ที่ทันสมัยตามมาตรฐานของบริษัทแม่ เพื่อการรองรับงานบริการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว พร้อมมีบริการรับซ่อมจากบริษัทประกันชั้นนำมากมาย และบริการยกรถเข้าซ่อมฟรี กรณีเกิดอุบัติเหตุ

นายจิระพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี ” มีนโยบายที่จะสร้างศูนย์ซ่อมสีและตัวถังมาตรฐานระดับสูง สำหรับให้บริการรถยนต์ Deepal บริเวณพื้นที่ด้านหลังศูนย์บริการ เพื่อรองรับความต้องการให้แก่ลูกค้าแบบครบวงจร คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการ ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 ศกนี้

ดั้งนั้นเพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และดีไซน์ที่โดดเด่น สวยงาม ทั้งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ของ Deepal ทาง “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ได้จัดแสดงรถยนต์ Deepal ให้เลือกชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิดครบทุกรุ่น ได้แก่

1.Deepal S07 รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้า 100% โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Deepal S07 Standard Range ราคา 1,399,000 บาท และรุ่น Deepal S07 Long Range ราคาจำหน่าย 1,499,000 บาท

2.Deepal L07 รถสปอร์ต ฟาสต์แบ็ก ที่สวยงาม โฉบเฉี่ยว ทันสมัย การันตีด้วยรางวัลด้านดีไซน์ระดับโลก Red Dot Long Range ราคาจำหน่าย 1,329,000 บาท

3.Lumin EV City Car ยานยนต์ไฟฟ้าสุดคิวท์สำหรับคนในเมือง มีให้เลือกทั้งระบบชาร์จแบบ AC และ DC ในราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 479,000 บาท

พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ “Deepal Big Deal” เมื่อจองรถยนต์ Deepal รุ่น S07 และรุ่น L07 รับฟรี! ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมประกันภัยชั้น 1 + พ.ร.บ. นานสุด 2 ปี และทุกรุ่น รับ Deepal Premium Care มูลค่า 250,000 บาท พิเศษ! เฉพาะรุ่น L07 รับ Cashback มูลค่า 40,000 บาท

หรือเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Lumin รับข้อเสนอโปรแกรมช่วยผ่อนนาน 1 ปี มูลค่า 36,000 บาท รับฟรี! ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรี! ประกันภัยชั้น1 + พ.ร.บ. นานสุด 2 ปี พิเศษ! รับ Cashback มูลค่า 12,500 บาท พร้อมสิทธิ์แลกซื้อเครื่องชาร์จและค่าติดตั้ง ในราคาพิเศษเพียง 14,999 บาท จากราคาเต็ม 24,999 บาท หมดเขต 31 ตุลาคม 2567 ศกนี้

และยังมีเซอร์วิสแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้า Deepal ทุกรุ่น รับบริการตรวจเช็ครถฟรี 41 รายการ เฉพาะที่ศูนย์บริการ ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี และ รามคำแหงเท่านั้น ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567ศกนี้ โดยสามารถนัดหมายการเข้ารับบริการต่างๆ ได้ที่หมายเลข 038 288 555 หรือ Line : @primuschonburi

Leapmotor International ส่งมอบรถ SUV C10 ล็อตแรก จากประเทศจีนไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

SUV C10 ของ Leapmotor พร้อมขนส่งจากประเทศจีนไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะมีการจัดส่งเพิ่มเติมอีกในเดือนต่อๆ ไป นับได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่ได้ร่วมมือกันในครั้งนี้

Leapmotor International บริษัทที่มีการร่วมทุนโดยมีสัดส่วน 51/49 โดย Stellantis จะเริ่มจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในมาเลเซีย, ไทย, เนปาล, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในไตรมาสที่ 4 และวางแผนที่จะจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายกว่า 40 แห่ง สำหรับแบรนด์รถไฟฟ้า Leapmotor ในภูมิภาค IAP ภายในสิ้นปี 2024

อนึ่ง Leapmotor International ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการร่วมทุนโดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 51/49 ระหว่าง Stellantis และ Leapmotor เราได้จัดส่งรถไฟฟ้า Leapmotor SUV C10 ล็อตแรกจากเมืองเซี่ยงไฮ้  ประเทศจีน ไปยังท่าเรือต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือครั้งนี้ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการนำเสนอการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี เพื่อเข้าสู่ตลาด EV ในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยรถไฟฟ้า SUV C10 ของ Leapmotor นั้น มาพร้อมกับเทคโนโลยี EV อันล้ำสมัย มีประสิทธิภาพและความประหยัดพลังงานในการขับขี่อย่างดีที่สุด ซึ่ง Leapmotor เป็นแบรนด์ EV สตาร์ทอัพ อันดับ 3 ของประเทศจีน และยังที่มียอดจัดจำหน่ายมากถึง 460,000 คัน ในเดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน ปี 2024 การจัดส่งรถไฟฟ้า SUV C10 ของแบรนด์ Leapmotor ในเดือนตุลาคมนี้นั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือแบบระยะยาวที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนตลาดรถไฟฟ้าในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเราวางแผนเอาไว้ว่าจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และพร้อมและจำหน่ายอย่างน้อยหนึ่งรุ่นในทุกๆ ปี และในอีก 3 ปีต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save