- Advertisement -
33.4 C
Bangkok
Home Blog Page 47

มิตซูบิชิ จัดประสบการณ์ขับขี่สุดล้ำ Mitsubishi e:MOTION

ลูกค้าการันตีความเหนือระดับ กับประสบการณ์การขับขี่สุดล้ำจาก Mitsubishi e:MOTION ในงาน Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ ชวนลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับกับ Mitsubishi e:MOTION ที่มีที่มาจากคำว่า ELECTRIFIED MOTION การขับเคลื่อนที่ผสานพลังงานไฟฟ้า เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มั่นใจในทุกเส้นทาง เพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ สุดเร้าใจไปกับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นแรกจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

กิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ จัดขึ้นที่หนองค้อ แอร์ฟิลด์ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกของการทดลองขับขี่ในยามค่ำคืนที่จัดขึ้นโดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในสนามที่จำลองขึ้นจากเส้นทางที่ ท้าทายและหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบที่จะได้จาก Mitsubishi e:MOTION พร้อมพาผู้ทดลองขับได้ลุยกับทุกสภาพถนน และตอบโจทย์สถานการณ์ใช้งานจริงได้อย่างยอดเยี่ยม

มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจในไทยมานานกว่า 63 ปี ปัจจุบันมีเครือข่ายผู้จำหน่ายมากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ได้รับการผลิตที่โรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในจังหวัดชลบุรี ทุกท่านจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตได้อย่างแน่นอน”

“เราจัดกิจกรรมทดลองขับ “Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย” ในครั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสความเป็นที่สุดของการผสานการทำงานของเทคโนโลยีอันเหนือชั้น ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและพิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีของเราได้รับการพัฒนาและพร้อมที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ที่ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน มั่นใจได้ในความปลอดภัยมั่นใจได้ในความปลอดภัยในทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศ  โดยเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม

Mitsubishi e: MOTION เป็นการผสานการทำงานระหว่างเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส อันได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (Full HEV System) ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม แต่ยังประหยัดน้ำมัน ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดใหม่ ที่ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid System) อีกทั้งยังสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ถึง 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับรูปแบบการขับขี่ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ลุยได้ทุกสภาพถนน ทุกรูปแบบการเดินทาง สร้างประสบการณ์การเดินทางไร้ข้อจำกัด ให้ความมั่นใจและปลอดภัยทุกสถานการณ์ พร้อมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยระบบนี้จะควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้งให้ทำงานสัมพันธ์กันและรักษาสมดุลของตัวรถ เพื่อรักษาเสถียรภาพให้การขับขี่ในทุกโค้งเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ยังโดดเด่นเหนือระดับ ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน

กิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ ได้ออกแบบสนามทดสอบจำนวนทั้งสิ้น 5 สถานี เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงคุณสมบัติและสมรรถนะที่โดดเด่นของประสบการณ์การขับขี่แบบ Mitsubishi e:MOTION สถานีแรกเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่จากพลังงานไฟฟ้า ด้วย ‘Charge Mode’ และ ‘EV Priority Mode’ ที่สามารถชาร์จไฟฟ้ากลับคืนเข้าแบตเตอรี่ได้แม้จะจอดอยู่กับที่ด้วยเวลาอันสั้น และยังให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าจากพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เงียบ พร้อมความคล่องตัวในการหลบสิ่งกีดขวาง ตลอดจนการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยมของห้องโดยสาร 

สถานีที่สอง เป็นการจำลองการทำงานของ ‘Tarmac Mode’ ผู้ขับขี่ต้องเหยียบคันเร่งในอัตราความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนลาดยางในระยะทางที่กำหนด เพื่อสัมผัสถึงพละกำลังแรงบิดอันทรงพลังเช่นเดียวกับโหมดสปอร์ต แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล เมื่อถึงสถานีที่สาม ผู้ขับขี่จะต้องปรับรูปแบบการขับขี่ไปยัง ‘Wet Mode’ โหมดการขับขี่บนถนนเปียกลื่น ซึ่งเป็นรูปแบบการขับขี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะกับภูมิอากาศของประเทศไทยโดยเฉพาะ และในสถานีนี้ ผู้ขับขี่ยังได้ทดสอบระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง  (Active Yaw Control: AYC)  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้ง โดยไม่เกิดอาการท้ายปัด หรือ อันเดอร์สเตียร์ (understeer)

สำหรับในสถานีที่สี่ ผู้ขับขี่ได้ทดสอบการใช้งานรูปแบบการขับขี่ ‘Gravel Mode’ ทดสอบการขับขี่บนถนนลูกรัง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขับขี่บนถนนที่ลื่นไถลจากกรวดหินและฝุ่น แต่ยังสามารถควบคุมตัวรถได้อย่าง

มีเสถียรภาพและมั่นใจ และสถานีสุดท้ายกับการทดสอบรูปแบบการขับขี่ ‘Mud Mode’ โดยรูปแบบการขับขี่นี้จะมีการปรับการตอบสนองและการควบคุมที่ทรงพลังบนถนนดินโคลนอันสมบุกสมบัน ให้สามารถผ่านไปได้โดยไม่ติดหล่ม พร้อมกับความสูงใต้ท้องรถที่ 205 มิลลิเมตร จึงทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลกับอุปสรรคบนพื้นผิวถนน

จากการทดสอบสมรรถนะทั้ง 5 สถานี จึงเป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะอันเหนือกว่าของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ที่เหนือกว่ารถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อ ในกลุ่มรถยนต์ประเภทเดียวกัน 

นอกเหนือจากการได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ไปกับ Mitsubishi e:MOTION ลูกค้ายังได้สนุกกับการเล่นเกมและกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย พร้อมกระทบไหล่กับดาราดังภายในงาน ที่มาร่วมสร้างความสนุกสนานไปกับลูกค้า และร่วมทดสอบการขับขี่กับลูกค้าผู้โชคดีร่วมกัน

นายพีรพัฒน์ ธรวิวัฒน์ อายุ 43 ปี เจ้าของรถ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส หนึ่งในลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่า “กิจกรรมทดลองขับครั้งนี้มีความแปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และเป็นโอกาสดีที่ทำให้ได้มาพิสูจน์การทำงานของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดที่ล้ำสมัย พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ซึ่งผมรู้สึกประทับใจ Wet Mode และ Gravel Mode รวมถึงระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ AYC ที่ทำให้เข้าโค้งแล้วรถไม่เสียอาการ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ทั้งนี้ ผมใช้รถ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาแล้ว 4 ปี ประทับใจทั้งในด้านสมรรถนะ ความทนทาน ความปลอดภัยและช่วงล่างของรถ รวมถึงศูนย์บริการที่นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้  และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างดี”

อีกหนึ่งลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม นางสาวลักษณ์นารา เล็กกระจ่าง อายุ 31 ปี เจ้าของรถ มิตซูบิชิ แอททราจ กล่าวว่า “รู้สึกสนุกและตื่นตาตื่นใจกับการทดลองขับตอนกลางคืน และเมื่อได้ทดลองขับก็รู้สึกประทับใจในความเงียบของห้องโดยสาร การขับขี่ที่นุ่มนวล และอัตราเร่งที่ดีมาก ส่วนตัวชอบ Wet Mode กับระบบ AYC ที่ทำให้ตัวรถเกาะถนนได้ดีเยี่ยมขณะเข้าโค้ง ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยและตอบโจทย์การใช้งานจริง เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันที่ต้องขับบนเส้นทางจังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือ ที่ถนนบนภูเขาจะลื่นมาก ๆ ในช่วงหน้าฝน”

ลูกค้าและผู้สนใจสามารถสัมผัสเทคโนโลยีอันเหนือชั้นของ Mitsubishi e:MOTION โดยสามารถติดต่อขอทดลองขับได้ที่ผู้จำหน่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเฉพาะ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี สำหรับ 500 ท่านแรก ที่ลงทะเบียนผ่าน https://bit.ly/3LyVplr ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และออกรถ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 4,000 บาท พร้อมแพ็กเกจพิเศษ MITSUBISHI XTRA CARE และสามารถเลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน

มิตซูบิชิ มอบเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุดให้แก่วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมชุดส่งถ่ายกำลัง ให้แก่ วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย มุ่งส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะช่างยนต์

บรรยายภาพ : นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 10 จากซ้าย) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายสมเกียรติ์ นิมิตรุ่งทวี (ที่ 11 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด และ ทพญ.สุจินดา นิมิตรุ่งทวี (ที่ 12 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด ร่วมมอบเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด 2 เครื่อง พร้อมชุดส่งถ่ายกำลัง ให้แก่วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย โดยมี นางปิยะพร พูลเพิ่ม (ที่ 9 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย พร้อมด้วย นางธิติมา โรจน์วัชราภิบาล (ที่ 8 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา และ ดร.ศรากร บุญปถัมภ์ (ที่ 7 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัดเชียงราย ร่วมรับมอบ

กรุงเทพฯ – 23 กรกฎาคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรหัส 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด 2 เครื่อง พร้อมชุดส่งถ่ายกำลัง ให้แก่วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะเชิงช่างผ่านการลงมือฝึกฝนในภาคปฏิบัติด้วยเครื่องยนต์จริง นำไปสู่การพัฒนาบุคลากรอาชีวศึกษาให้มีความรู้ความสามารถ และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ เพิ่มโอกาสในการจ้างงานและความก้าวหน้าในสายอาชีพ

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรหัส 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ล้ำสมัยเป็นขุมพลังขับเคลื่อนใน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และชุดส่งถ่ายกำลัง จะถูกใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานด้วยเครื่องยนต์จริง สร้างความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซูพันล้าน ได้พัฒนาคุณภาพการขาย และบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากรผ่านการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เราได้เล็งเห็นศักยภาพในการจัดการและพัฒนานักเรียน นักศึกษา และชุมชนของวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย จึงมีความยินดีที่จะสนับสนุนครุภัณฑ์ทางการศึกษาอย่างเครื่องยนต์และชุดส่งถ่ายกำลัง รวมทั้งเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ของนักเรียน ผ่านระบบการเรียนรู้ออนไลน์ของเรา”

นางปิยะพร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย กล่าวว่า “เรามีความยินดีและขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซูพันล้าน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การสอน และการเรียนรู้ให้กับนักเรียนด้านยานยนต์ในสถาบันของเรา ความร่วมมือนี้จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะ ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพิ่มพูนโอกาสในการทำงานและความก้าวหน้าในสายอาชีพ”

นายสมเกียรติ์ นิมิตรุ่งทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เพิ่มความต้องการบุคลากรที่มีทักษะ โดยเฉพาะช่างเทคนิคยานยนต์ มิตซูพันล้านจึงร่วมมือกับวิทยาการอาชีพเชียงราย ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสร้างความมั่นคงในการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพในระบบนิเวศอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยจะสนับสนุนพันธกิจทางการศึกษาของวิทยาลัยและมอบประสบการณ์การทำงานจริงให้กับนักเรียน นอกจากนี้ ครูผู้สอนจะได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะของสุดยอดยนตรกรรมมิตซูบิชิ ทางมิตซูพันล้าน ยังได้นำรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 และ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาให้ทุกท่านได้ทดลองขับภายในงานอีกด้วย”

โครงการมอบเครื่องยนต์ให้แก่สถาบันการศึกษา ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน ตามปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์ “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” โดยมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

นอกจากวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิค และสถาบันการศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศ โดยได้มอบเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงและชุดส่งถ่ายกำลังให้กับสถาบันต่างๆ ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสารภี จังหวัดเชียงใหม่ วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด จังหวัดตาก วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี และวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี เป็นต้น

“ซูซูกิ” จัดแคมเปญสุดคุ้ม โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจ 7 ปี

“ซูซูกิ” จัดแคมเปญสุดคุ้ม “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” จองและซื้อ SWIFT ทุกรุ่น ฟรี! บำรุงรักษาและค่าแรง นาน 7 ปี ฟรี! รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี ฟรี!บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี ผ่อนเพียง 5,780 บาท นานสุงสุด 99 เดือน

5 สิงหาคม 2567-กรุงเทพมหานคร- บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง จัดแคมเปญพิเศษ สำหรับลูกค้า SUZUKI SWIFT จองและซื้อรถรับฟรี! บำรุงรักษารถรวมค่าแรงระยะเวลานาน 7 ปี ฟรี! รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี พร้อมผ่อนเริ่มต้น 5,780 นานสูงสุด 99 เดือน  ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ซูซูกิ ได้ประกาศแผนงานดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการ ด้วยแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานบริการในทุกด้าน โดยเน้นย้ำถึงการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ มอบคุณภาพของงานบริการที่ดีที่สุด ตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้เสมอมา

ล่าสุดเพื่อเป็นการตอกย้ำและแสดงถึงความจริงใจในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งยังต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่ไว้วางใจใช้งานรถยนต์ของซูซูกิทุกท่าน จึงขอมอบแคมเปญพิเศษ “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” ให้ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ผ่อนง่าย จ่ายสบายมากกว่าที่เคย โดยสามารถเลือกรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ SUZUKI SWIFT ฟรี ค่าบำรุงรักษารถรวมค่าแรง 7 ปี ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี เริ่มตั้งแต่วันนี้ 1 สิงหาคม – 31 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

SUZUKI SWIFT

•ฟรี ค่าบำรุงรักษารถรวมค่าแรง 7 ปี

•ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี 

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 ปี

•ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 5,780 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

SUZUKI ERTIGA HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท

•ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 7,126 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI XL7 HYBRID

•ราคาพิเศษ 799,000 บาท

•เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้น เดือนละ 7,888 บาท หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 8,146 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

•ราคาพิเศษ เริ่มต้น 319,900 บาท

•เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้น เดือนละ 2,999 บาท หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 3,302 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

•รับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง มูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

•หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ซูซูกิยึดมั่นมาโดยตลอด คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่า ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า ซึ่งมีรถยนต์หลายรุ่นที่เข้าไปอยู่ในใจของคนไทยและยังได้การตอบรับเป็นอย่างดีเสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็ก นับเป็นรถยนต์รุ่นเรือธงยอดนิยมของซูซูกิ ที่มีส่วนในการผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ครองใจกลุ่มลูกค้าที่มองหาความเป็นตัวตนที่แตกต่าง พร้อมแสดงออกมาผ่านยานพาหนะคู่ใจ ที่นอกจากจะเข้ามาตอบรับกับการใช้ชีวิตด้วยดีไซน์อันโดดเด่นแล้ว ยังต้องมาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ และอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่าการใช้งานอีกด้วย

โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2555 SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็ก สามารถสร้างยอดขายรวมทั้งสิ้น 153,440 คัน (ยอดขายถึงเดือนกรกฎาคม 2567) ปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้รถยนต์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของตลาดอีโคคาร์ เพราะดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีความล้ำสมัยด้วยรูปทรงที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกตัวตนที่โดดเด่นไม่เหมือนใครได้อย่างชัดเจน รวมถึงสมรรถนะมอบการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ มาพร้อมอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่า ภายใต้ราคาที่สามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง

ฉะนั้น การมอบข้อเสนอให้ลูกค้า SUZUKI SWIFT  เป็นพิเศษ ด้วยการยกเว้นค่าบำรุงรักษารถ รวมค่าแรงนาน 7 ปี ประกอบกับการนำเสนอแคมเปญพิเศษ  “SUZUKI WORRY FREE” หนึ่งในแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่ซูซูกิได้ทำการประกาศไปก่อนหน้า และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไปนั้น จึงเป็นการตอกย้ำถึงการสร้างความเชื่อมั่นว่าซูซูกิจะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง ซึ่งรายละเอียดจะประกอบไปด้วย 7 หัวข้อ ดังนี้

1. ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี

•สำหรับลูกค้าที่นำรถเข้าเช็กระยะต่อเนื่องตามกำหนดกับศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิทุกแห่ง ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2. ขยายการรับประกันอะไหล่และงานบริการ

•อุ่นใจไร้กังวล กับการขยายการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่แท้ทุกชิ้น นานถึง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) จากเดิมที่รับประกันเพียง 3 เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร

3. บริการพิเศษรถสำรองใช้ระหว่างซ่อม

•รถยนต์ที่อยู่ในระยะรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ไร้ความกังวลเรื่องไม่มีรถใช้งานระหว่างซ่อม ด้วยบริการพิเศษ “รถสำรองใช้ระหว่างซ่อม” สำหรับรถยนต์ซูซูกิที่ต้องใช้เวลาตรวจเช็กมากกว่า 1 วัน (ไม่รวมระยะเวลาวิเคราะห์ปัญหา) และไม่รวมกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ

4. HELLO SUZUKI APPLICATION ยกระดับงานบริการแบบ S-Solution

•HELLO SUZUKI คือ แอปพลิเคชัน ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลการทำงานกับลูกค้า อำนวยความสะดวกสบายและความมั่นใจในงานบริการทุกขั้นตอน ทั้งการนัดหมายนำรถเข้ารับบริการ หรือติดต่อสอบถามข้อมูล รายงานการการตรวจสอบและดูแลรถในทุกขั้นตอน รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษมากมาย ด้วยการสะสมคะแนนจากค่าใช้จ่ายในการเข้าซ่อมบำรุงตามระยะอย่างต่อเนื่อง หรือซ่อมแซมที่ศูนย์บริการของซูซูกิทั่วประเทศ

5. ระบบการจัดการอะไหล่ มีเป้าหมายรองรับบริการได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี

•การจัดการเตรียมระบบจัดการอะไหล่รถยนต์ทุกรุ่นที่จำหน่ายภายในประเทศ ช่วยให้ลูกค้าคลายความกังวลเรื่องการขาดแคลนอะไหล่ในการบำรุงรักษารถ โดยมีเป้าหมายรองรับความต้องการของลูกค้าได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดการผลิต

•บริการจัดส่งอะไหล่แบบเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่อื่นๆ ภายใน 48 ชั่วโมง 

•คุ้มค่าต่อการใช้งาน ด้วยอะไหล่ในราคาที่เข้าถึงง่าย

6. ศูนย์บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

7. ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของซูซูกิ 

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า แคมเปญพิเศษ “SUZUKI WORRY FREE ยังคงอยู่ภายใต้ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care–เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ด้วยการ ส่งมอบสินค้าที่มีแต่ความคุ้มค่า คุ้มราคา ตามปรัชญาของซูซูกิที่มุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย ควบคู่ไปกับ การพัฒนางานบริการในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศเป็นเป้าหมายสำคัญยิ่งของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

ฮอนด้า หั่นราคา ซิตี้ อี:เอชอีวี สู้ศึกตลาดแข่งเดือด

ฮอนด้าปรับราคา ซิตี้ อี:เอชอีวี ลง รุกหนักกระตุ้นการตัดสินใจ เพิ่มความคุ้มค่าให้กับรถซิตี้คาร์ ฟูลไฮบริด สัมผัสความมั่นใจในการขับขี่และความประหยัดเหนือความคาดหมายพร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความนิยมของตลาดxEV และกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย มอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้ง่ายขึ้น ปรับราคาใหม่ สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ลงทุกรุ่นย่อย โดยรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลายของคนยุคใหม่ มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ให้ทั้งอัตราเร่งแรงเร้าใจ และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมพาคุณเดินทางสู่ทุกจุดหมายและไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง* มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มาพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่** อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99%*** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเบาดาวน์สบาย กับโปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเริ่มต้น 7,265 บาท/เดือน (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% พร้อมมอบความอุ่นใจในการใช้งานรถฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/promotions

ฮอนด้า ซิตี้ มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการโดยมีให้เลือกรวม 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็น

•ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย

oรุ่น e:HEV RS       ราคา 799,000 บาท

oรุ่น e:HEV SV        ราคา 729,000 บาท

ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย

oรุ่น RS        ราคา 749,000 บาท

oรุ่น SV         ราคา 679,000 บาท

oรุ่น V           ราคา 629,000 บาท

oรุ่น S           ราคา 599,000 บาท

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น S และ V)

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/city

ขอเชิญชวนลูกค้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ทดลองขับยนตรกรรมฮอนด้าได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยทำการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทาง www.honda.co.th/testdrive

หมายเหตุ :

-สำหรับ สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท, สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท, และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท

*ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)

**อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ และ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ โดยจองและรับรถตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567

ฮอนด้า ซิตี้ มาพร้อม 2 ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1.ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

2.ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อน 4 ปี หรือ ผ่อน 5 ปี ได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ผ่อน 4 ปี ค่างวดเริ่มต้น 6,224 บาท / ผ่อน 5 ปี ค่างวดเริ่มต้น 5,970 บาท (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ เกรด S เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10%

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มาพร้อม 2 ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1.ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2.ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อน 4 ปี หรือ ผ่อน 5 ปี ได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ผ่อน 4 ปี ค่างวดเริ่มต้น 7,575 บาท / ผ่อน 5 ปี ค่างวดเริ่มต้น 7,265 บาท (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10%

ฮอนด้า เปิดจองสิทธิ์ ซีวิค ใหม่ ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 5,000 บาท

ฮอนด้า เปิดจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่ 1 ส.ค. 2567 – 22 ส.ค. 2567เตรียมเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 23 ส.ค. 2567 พร้อมกันทั้งที่งาน Big Motor Sale 2024 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตอกย้ำความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจในไทย พร้อมลงทุนและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง

(รุ่น e:HEV RS สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก)) (รุ่น EL+ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์(เมทัลลิก))

•ฮอนด้าเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 22 สิงหาคม 2567 ณ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567* โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมกันทั้งที่งาน Big Motor Sale 2024 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

•อัปดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยไฟท้าย LED รมดำ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ลงตัวกับทุกการใช้งาน

•2 ขุมพลังขับเคลื่อน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง VTEC TURBO 1.5 ลิตร และมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

•ยกระดับความคุ้มค่าไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย** อาทิ Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ** อาทิ เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด

•ฮอนด้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ยืนยันดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องในไทย เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง

(กรุงเทพฯ – 1 สิงหาคม 2567) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้า ยืนยันการดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง ล่าสุด ประกาศให้ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ภายใต้เจเนอเรชันที่ 11 ที่มีการปรับโฉมและเพิ่มเติมคุณค่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ด้วยข้อเสนอพิเศษ ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อทำการจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567* และเตรียมพบกับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ* สำหรับลูกค้าและครอบครัวที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า รวมถึงแคมเปญ “Honda Happy Trade-in*” และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ ที่พร้อมมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูทฮอนด้าในงาน Big Motor Sale 2024 ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ฮอนด้า ซีวิค เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและครองใจลูกค้าชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เจเนอเรชันแรกจนถึงเจเนอเรชันที่ 11 โดยสามารถครองอันดับ 1 ด้านยอดขายกลุ่มคอมแพคท์คาร์ในไทย 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559 -ปัจจุบัน

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

•รุ่น e:HEV RS      ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท***

•รุ่น e:HEV EL+    ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท***

•รุ่น EL+                ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท***  

(ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะประกาศในวันที่ 23 สิงหาคม 2567)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น

-ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว

-ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว

-ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต

-ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว

-ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเท่ สปอร์ต และทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายเหนือระดับ

-ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต

-ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ

-ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย

-ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย

เสริมความมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย**

-ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)

-ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ

ยกระดับความสบายและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

-ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

-ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย

-ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย

-ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย

-ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย

มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะอันทรงพลังผ่านการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง**** และขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในทุกรุ่นย่อย

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+)  สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)  สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวแพลทินัม (มุก) พร้อมภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

โดยมั่นใจตลอดการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยบริการหลังการขายและทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานต์ “Honda Thailand” ในช่องทาง Facebook, YouTube Channel, TikTok และ Instagram  ตั้งแต่เวลา 11:30 น. เป็นต้นไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777  หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/civic

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

**อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

***ราคาประมาณการยังไม่รวมราคาสีพิเศษ (มุก)

****ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)

สมาคม สรยท. เข้าพบแนะนำคณะกรรมการบริหารชุดใหม่กับผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เข้าพบแนะนำคณะกรรมการบริการชุดใหม่กับผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ และทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแนวทางการร่วมมือทางวิชาการ

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เข้าพบ ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ (Thailand Automotive Institute : TAI) กระทรวงอุตสาหกรรม​ โดยการเข้าพบครั้งนี้นอกจากแนะนำคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ วาระปี 2567-2569 แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังได้มีการแลกเปลี่ยนควาคิดเห็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และหารือถึงความร่วมมือทางวิชาการการและการจัดกิจกรรมร่วมกัน อาทิ การจัดสัมมนาทางวิชาการ และการจัดงานมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2567 (Thailand Car of The Year​ 2024) นอกจากนี้ในวงสนทนายังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center : ATTRIC) ตั้งอยู่ที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ และมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับสนามทดสอบรถยนต์มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปมากว่า 50% โดยโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ มีกำหนดก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2569

มาสด้า ผนึก สวาทแคท จัดฟุตบอลนัดพิเศษหารายได้เพื่อสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิก

“มาสด้า” ผนึก “สวาทแคท” เดินหน้า Sport Marketing จัดกิจกรรมหารายได้สนับสนุนกีฬาโอลิมปิกพาลูกค้าชมฟุตบอลนัดพิเศษเพื่อการกุศล ระหว่าง “เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี” มอบรายได้ให้กับสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิก

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 30 กรกฎาคม 2567 – มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (สวาทแคท) ทีมฟุตบอลในไทยลีก 1  ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกีฬาโอลิมปิก 2567 มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ด้วยการร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรเพื่อการกุศลนัดพิเศษ ระหว่างทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พร้อมนำลูกค้ามาสด้าและแฟนบอลเข้าชมการแข่งขันอย่างคับคั่งล้นสนาม นับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักเตะมทั้งสองทีมเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงกระแสนิยมของกีฬาฟุตบอลที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนคนไทย

หลังกรรมการผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างเต็มที่ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างสนุกท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายตลอดทั้งเกม 90 นาที ผลการแข่งขันปรากฏว่าทีมเมืองทอง ยูไยเต็ด เฉือนเอาชนะไปได้แบบสุดมัน 2 ประตู ต่อ 1 ที่สำคัญ รายได้จากการจัดแข่งขันในครั้งนี้จะถูกนำไปมอบให้กับสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิก ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ใช้กีฬาในการพัฒนาทักษะและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางสติปัญญาไทยต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเพื่อให้การสนับสนุนทางด้านกีฬาหรือสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เป็นสิ่งที่มาสด้าเดินหน้าให้การส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกีฬาฟุตบอล ที่มาสด้าเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีมสวาทแคท (สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี) อย่างยาวนานถึง 12 ปี ซึ่งเกิดจากความตั้งใจจริงของมาสด้าที่ต้องการมีส่วนช่วยสนับสนุนวงการกีฬาของประเทศไทย และร่วมผลักดันนักกีฬาไทยให้ไปไกลถึงในระดับสากล นับตั้งแต่มาสด้าได้เข้ามาให้การสนับสนุนทีมสวาทแคท ได้มีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ที่ล้วนมีส่วนผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้า รวมถึงช่วยเติมเต็มความฝันให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลได้มีโอกาสเรียนรู้เสริมทักษะ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาระดับอาชีพ กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่มาสด้าได้ดำเนินการเป็นประจำทุกปี

มาสด้าในฐานะเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของทีมสวาทแคท จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทีมฯ ในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรเพื่อการกุศลในครั้งนี้ มาสด้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีลูกค้ามาสด้าและบรรดาแฟนๆ สวาทแคทเป็นจำนวนมากเดินทางมาร่วมส่งเสียงเชียร์กันอย่างกึกก้องไปทั่วสนาม และยังเห็นสปิริตของนักกีฬาที่ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นสปิริตเฉกเช่นเดียวกับชาวมาสด้าที่มีต้นกำเนิดจากเมืองฮิโรชิม่า ที่ไม่ย่อท้อต่อต่ออุปสรรคใดๆ และมาสด้าขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมส่งกำลังใจนักกีฬาไทย ที่กำลังเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่กำลังลงทำการแข่งขันอยู่ในขณะนี้

มาสด้าซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์หลักของสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ขอมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลการกุศลในครั้งนี้ พร้อมสนับสนุนนักกีฬาโอลิมปิคของประเทศไทย ที่เดินทางไปร่วมการแข่งขันที่กรุงปารีส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 – 11 สิงหาคม 2567 นี้ มาสด้าเชื่อว่าด้วยสปิริตและการร่วมแรงร่วมใจกันของประชาชนคนไทยในทุกฝ่ายที่มีให้กับนักกีฬาไทย จะเป็นแรงสนับสนุนและสร้างขวัญกำลังใจได้เป็นอย่างดี และส่งเสริมให้นักกีฬาไทยสามารถคว้าชัยชนะ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างแน่นอน

บรรยายภาพ : (จากซ้ายไปขวา) ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไป แผนกการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี นำโดยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ประธานสโมสรฯ และ นางสาวอัญรินทร์ วงศ์อัครพัฒนา รองประธานฝ่ายรายได้และสิทธิประโยชน์ สโมสรฯ ร่วมกันถ่ายภาพในงานฟุตบอลการกุศล ระหว่าง “เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี”

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

ยานยนต์ไทยฝ่าวิกฤต จับกระแสยุคเปลี่ยนผ่านสู่ EV

“เดอะ สเปซบาร์” เปิดเวทีสัมมนาระดมสมองเปิดมุมมองถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ภายใต้หัวข้อ ยานยนต์ไทยยุคอีวี โอกาส หรือ วิกฤต..? เหล่ากูรู มองอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ต้องปรับตัว หลังมีความท้าทายสูง ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสงครามราคา

• กูรู EV มอง EV ไทยเป็นทั้งโอกาส และวิกฤต

• เล็งโอกาส เป็นเรื่องระยะยาว แต่ล่าสุด เป็นวิกฤตของการปรับเปลี่ยน

• ปรับตัวอย่างเข้มข้นในอุตสาหกรรมรถยนต์

โลกยุคพลังงานสะอาด มุ่งหน้าสู่ EV มุ่งเป็นฮับอีวีไทย ฝันสวยงาม แต่ตอนนี้เริ่มจะมีความเสี่ยง การเปลี่ยนไปของเทคโนโลยี และแง่ผู้นำการผลิตรถยนต์ ประเทศเรารับมือการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

สุปรีย์ ทองเพชร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะสเปซบาร์ จำกัด ชี้ประเด็นการเกิดขึ้นของรถยนต์อีวีไทย ถือเป็นโอกาส แต่อาจจะมีวิกฤตเข้ามาสอดแทรกบ้าง เช่น สงครามด้านราคา ซึ่งมีต้นเหตุมาจากตลาดรถยนต์ในจีนประสบภาวะโอเวอร์ซัพพลาย จึงพยายามหาตลาดใหม่ โดยที่ไทยก็เป็นเป้าหมายที่สำคัญ ทำให้เกิดสงครามราคาขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ภาพใหญ่มองว่า เป็นโอกาส เพราะรถไฟฟ้าเป็นเรื่องของเทคโนโลยี เป็นเรื่องของอินฟาสตรัคจอร์ ไม่ใช่ยานยนต์เพียงอย่างเดียว โดยการเติบโตมีโอกาสมากมาย ขึ้นอยู่กับไทย จะคว้าโอกาสได้มากน้อยแค่ไหน และจะรับมือกับวิกฤติครั้งนี้อย่างไร เป็นที่มาให้นำกูรู มาฉายภาพ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และต้องยอมรับด้วยว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังต้องปรับตัวอย่างเข้มข้นในอุตสาหกรรมรถยนต์

วิทวัฒน์ ทองเวส เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เราไม่ปฏิเสธเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เพราะเป็นไปตามเทรนด์โลกที่มุ่งใช้พลังงานสะอาด แต่ถือว่ารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาเร็วไป ท่ามกลางสถานีชาร์จที่ยังไม่พร้อม โดยเฉพาะในแถบชานเมืองจะเห็นภาพ ความไม่พอของจุดชาร์จช่วงเทศกาล ทำให้ต้องต่อคิวเพื่อชาร์จรถยนต์จำนวนมาก

ขณะที่ในแง่แรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ จะถูกแทนด้วย AI หรือไม่นั้น กล่าวได้ว่า เรื่องแรงงานต้องมีการปรับตัว ปรับทักษะ (Skill) ให้สอดรับกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เปลี่ยนไปพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น เท่ากับว่า ทักษะแรงงานก็ต้องรองรับเทคโนโลยี แต่จะเห็นได้ว่า ภาครัฐเองก็ยังไม่มีนโยบายรองรับ สถาบันการศึกษาก็ยังไม่มีหลักสูตร ทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงมีการพูดคุยให้นำหลักสูตรจากต่างประเทศ มารองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น

ณชา อนันต์โชติกุล หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ KKP Research กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร (KKP) ให้มุมมองว่า อุตสาหกรรมอีวี เป็นทั้งโอกาสและวิกฤต กล่าวได้ว่า EV คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับประเทศไทยแล้วถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก อาจจะใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี เพราะ 2 ด้านที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน คือหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ เปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ มาเป็นไฟฟ้า และอย่างที่สอง คือ การเปลี่ยนแปลงผู้เล่น จากเดิมที่เป็นค่ายญี่ปุ่น-ยุโรป ก็กลายมาเป็น ‘จีน’ ที่ถือได้ว่า เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ที่ทรงพลังมากและต้องการเป็นเจ้าตลาด

“2 ความท้าทายใหญ่ขนาดนี้ เขย่าสะเทือนโลกขณะนี้ มันมากระทบกับสถานะที่เราเป็นที่ 1 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์เราเป็น ICE (สันดาปภายใน) อันนั้น ก็โดนดิสรัปอย่างหนึ่งแล้ว อย่างที่ 2 คือว่า ค่ายรถยนต์ที่อยู่ในเมืองไทยมาดั้งเดิม (ญี่ปุ่น) พอผู้เล่นหน้าใหม่ (จีน) เข้ามาตีตลาด มาแข่งขัน เลยทำให้ผู้เล่นรายเดิมที่ไทยเป็นพันธมิตรด้วย และเป็นฐานการผลิตในไทยโดนกระทบไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ภาครัฐ น่าจะต้องมีมาตรการที่ให้โอกาสอย่างเท่าเทียม”

ณชา กล่าวด้วยว่า เราไม่ได้ปฏิเสธการเข้ามาของ EV ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่ยังไงก็ตาม การเปลี่ยนเทคโนโลยีไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะรถยนต์ แต่ได้เกิดขั้นในทุกอุตสาหกรรม ถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว เพราะถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ มากมาย ที่น่ากังวล คือว่า ถ้าเราไม่มีการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ให้ดี ๆ เราก็อาจเพลี่ยงพล้ำ และทำให้เกิดผลกระทบในเชิงลบทั้งต่อเศรษฐกิจ ต่อซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันได้ รวมไปถึงเรื่องแรงงาน การจ้างงาน (แรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์) ที่ต้องบอกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทยด้วย

สุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า (EVAT) มองว่า รถยนต์ไฟฟ้า อาจไม่ใช่โอกาส 100% หากเปรียบเทียบรถน้ำมันกับรถไฟฟ้า ส่วนที่ต่างคือ การขับเคลื่อน ซึ่งมีหลายอย่างจะหายไป โดยหนึ่งในนั้นก็คือ เครื่องยนต์ ท่อไอเสีย แล้วก็หม้อลมเบรก

“เรื่องสงครามการค้าระหว่าง อเมริกา กับ จีน ซึ่งปีที่ในจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลกของรถไฟฟ้า แต่ปัจจุบันประตูการค้าของยุโรป และอเมริกา ได้ปิดลง และถือเป็นวิกฤตของจีน แต่นั้นกลับกลายเป็นโอกาสของกลุ่มอาเซียนเรา แม้ประตูการค้าปิดลงแต่ยังไม่มีการย้ายฐานการผลิต อีก 12 เดือนข้างหน้าจะมีย้ายถิ่นฐานการผลิตเข้าในไทย เสมือนการเปลี่ยนสัญชาติรถยนต์ไฟฟ้า นั่นจึงกลายเป็นโอกาสให้ซับพลายได้รับการอัพสกิล”

ส่วนการเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จนทำให้ราคาลดลง จะกลายเป็นตัวบีบให้เกิดสงครามราคา หรือไม่นั้น นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า สงครามราคาไม่ได้เพิ่มยอด ลูกค้าหลายคนก็จะคอยราคาว่า จะลดอีกหรือไม่ คนที่ซื้อแล้วจะเกิดความไม่พอใจ และเพิ่มแรงต่อต้านขึ้นมา การผลิตชดเชย การลดราคา สงครามราคาไม่ใช่การที่เราต้องผลิตชดเชย ที่จริงแล้วสต็อกยังนำเข้าอยู่ โดยปัจจุบัน มีแค่ 3 ยี่ห้อที่ผลิตในประเทศ ซึ่งก็ยังไม่พอ MG, เกรท วอลล์ มอเตอร์, เนตา เพิ่งเริ่มผลิตได้หลายพัน แต่ยังไม่พอชดเชย 1 เท่า ไม่ใช่ว่ากำลังผลิตไม่พอ แต่เป็นการผลิตไปกอง เนื่องจากขายไม่ออก และต้องเบรกการผลิตไป

ส่วนสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้า มองว่ายังไม่ตก แม้อัตราการเร่งตกลงไป ถ้าหากดูจากสถิติรถไฟฟ้าทั่วโลกยังเติบโตอยู่ประมาณ 14 ล้านคัน ส่วนในประเทศ อัตราส่วนถ้าเทียบกับรถยนต์สันดาป อย่างปีที่แล้วไป 12% ปีนี้เป็น 13% เรียกว่าอัตราการเร่งดร็อบลงไปโดยปัจจัย เรื่องเศรษฐกิจเป็นตัวหลัก ตามมาด้วยสงครามราคา

ด้าน พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ระบุว่า เห็นด้วยว่าเรื่องรถยนต์ EV ถือเป็นโอกาส มากกว่าวิกฤต การที่จีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลเราให้การสนับสนุนแรงที่สุดในอาเซียน จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้น 70,000 กว่าคันเกือบ 80,000 คัน ประกอบกับรัฐบาลไทย ยังอนุญาตให้นำเข้าก่อนด้วยแล้วค่อยผลิตชดเชย มองว่ามันเป็นโอกาสของประเทศไทย

“การที่จีนเข้ามาลงทุนในไทย ผมว่าเป็นโอกาสแต่จะกลายเป็นวิกฤตตรงที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในบ้านเราจะปรับตัวได้ทันหรือไม่”

ส่วนเรื่องสงครามราคา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ระบุว่า สงครามราคาถือเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเผ็ดร้อน โดยสงครามราคาถือเป็นปัจจัย ที่ทำให้เกิดความสับสนและขาดความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค ดังนั้น เราต้องมองว่าเมื่อไหร่มันจะถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความเจ็บปวดของผู้ผลิตโดยต้องยอมรับว่าการที่รถยนต์ไฟฟ้าผลิตในประเทศไทย ราคาอาจไม่ได้ถูกเท่าประเทศจีน

“แม้เราไม่สามารถหยุดความคิดของบางแบรนด์ได้ แต่เมื่อกลไก ผลิตรถยนต์แต่ละค่ายเริ่มผลิตแล้ว สงครามราคา ไม่น่าลงไปกว่านี้และน่าจะสิ้นสุดในเร็ว ๆ นี้”

ส่วนมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ เกิดสงคราม คาดว่าเกิดจาก Over ซับพลายที่จีน ซึ่งในจีนอาจมีการอัดฉีดยอดการผลิตจนไม่สามารถระบายออกได้ทัน จึงล้นเข้าประเทศไทย อีกอย่างน่าจะเป็นความพยายามการแย่งมาร็เก็ตแชร์ ทั้ง EV และรถน้ำมัน รวมถึงการเอาชนะญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดความไม่ปกติในตลาดรถยนต์ EV

วิริยะประกันภัย ร่วม บขส. สบทบทุนจัดซื้อรถวีลแชร์เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส

วิริยะประกันภัย ร่วมสบทบทุนจัดซื้อรถวีลแชร์เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส ในโอกาสครบรอบ 94 ปี บขส.

นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รับมอบเงินสนับสนุนการจัดซื้อรถวีลแชร์ จำนวน 50,000 บาท จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีนางสาวกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด เป็นผู้แทนมอบ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาสที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ “ทุกการเดินทางขับเคลื่อนความสุขสู่คนไทยด้วยวีลแชร์” ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ครบรอบ 94 ปี “Change for The Better : เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” ณ อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2 กรุงเทพมหานคร

ประกาศสมาคม : แจ้งเพิ่มช่องทางการสื่อสารใหม่กับสมาชิกผ่าน LINE OFFICIAL

แจ้งเพิ่มช่องทางการสื่อสารใหม่กับสมาชิกผ่าน LINE OFFICIAL

29 กรกฎาคม 2567

ประกาศสมาคม : แจ้งเพิ่มช่องทางการสื่อสารใหม่กับสมาชิกผ่าน LINE OFFICIAL2)

ด้วยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) (ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2542) มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นสื่อกลางในการติดต่อระหว่างสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและสนับสนุนวิชาชีพผู้สื่อข่าวด้านรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยในปี 2567 นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมฯ และคณะกรรมการบริหาร ยังคงดำเนินนโยบายบริหารงานตามจุดมุ่งหมายภายใต้วัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ที่ตั้งไว้

เนื่องจากที่ผ่านมาสมาคมฯ มีช่องทางการสื่อสารกับสมาชิกที่คงสถานภาพปัจจุบันผ่านช่องทางอีเมล์ [email protected] เพียงช่องทางเดียว ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ
ทางคณะกรรมการบริหารเห็นควรให้เพิ่มช่องทางการสื่อสารใหม่ เพื่อให้สมาชิกสามารถสื่อสารกับสมาคมฯ ได้โดยตรง และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นผ่าน LINE OFFICIAL : @tajathailand

สมาชิกสามารถเข้าสู่แอคเคาท์ LINE OFFICIAL : @tajathailand นี้ได้โดยการสแกน QR Code ที่แนบมากับประกาศฉบับนี้ หรือเพิ่มผ่านทาง Application LINE ที่เมนูเพิ่มเพื่อน และค้นหาเพื่อนผ่าน LINE ID จากนั้นพิมพ์คำว่า @tajathailand

นอกจากนี้ LINE OFFICIAL : @tajathailand จะใช้สำหรับสื่อสารข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ ที่ทางสมาคมฯ จัดขึ้นให้กับสมาชิกรับทราบ รวมถึงสมาชิกสามารถแจ้งข้อมูล หรือสื่อสารเรื่องอื่นๆ ให้กับสมาคมฯ รับทราบได้เช่นกัน

อนึ่ง ในปี 2567 นี้ สมาคมฯ จะดำเนินการออกบัตรประจำตัวให้กับสมาชิก สำหรับสมาชิกที่ประสงค์ให้ทางสมาคมฯ ออกบัตรประจำตัวให้ สามารถส่งภาพถ่ายหน้าตรงสวมชุดสุภาพ และข้อมูลส่วนตัว
(ชื่อ-สกุล ไทย-อังกฤษ สังกัด ตำแหน่ง กรุ๊ปเลือด) ให้กับสมาคมเพื่อดำเนินการออกบัตร โดยสามารถส่งข้อมูลดังกล่าวผ่านช่องทาง LINE OFFICIAL : @tajathailand

สำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ทางสมาคมฯ ได้ดำเนินการออกบัตรรวมถึงประกันอุบัติเหตุให้กับสมาชิกกลุ่มดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดส่ง

ทั้งนี้ สมาคมฯ ขอความร่วมมือสมาชิกที่คงสถานภาพปัจจุบันทุกท่านให้เพิ่มเพื่อน LINE OFFICIAL : @tajathailand พร้อมแจ้ง ชื่อ-สกุล สังกัด ภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2567 เพื่อตรวจสอบข้อมูลการออกบัตรประจำตัวให้กับสมาชิก รวมถึงประสานข้อมูลที่อยู่เพื่อจัดส่งบัตรประจำตัวสมาชิกทางไปรษณีย์
ให้แล้วเสร็จภายในเดือน สิงหาคม 2567

สามารถตรวจสอบรายชื่อสมาชิกที่คงสถานภาพปัจจุบันได้ที่ https://taja.or.th/taja-member/ หากสมาชิกมีข้อสงสัย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสมาคมฯ ได้ทุกช่องทาง

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : นางสาวหทัยชนก  ทองมณี ผู้จัดการสมาคมฯ

โทร : 06 1223 7516, 08 9996 4666 

email: [email protected]

LINE OFFICIAL : @tajathailand

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save