- Advertisement -
26.9 C
Bangkok
Home Blog Page 47

MG CYBERSTER กับการทดสอบระบบความปลอดภัยก่อนส่งมอบ

NEW MG CYBERSTER กับการทดสอบระบบความปลอดภัย เพื่อถ่ายทอดเทคนิคการควบคุมรถอย่างปลอดภัย ก่อนส่งมอบรถให้ลูกค้าในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้

-ลูกค้าที่สนใจ สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ของ NEW MG CYBERSTER บนนถนนจริงได้ในวันที่ 22-26 พฤษภาคม นี้ ณ Dawn to Dusk BKK ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 ลงทะเบียนทดลองขับ ได้ที่ https://bit.ly/3QQYW1H

กรุงเทพฯ – 20 พฤษภาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความคืบหน้ายอดจอง NEW MG CYBERSTER ในประเทศไทยกว่า 1,000 คัน พร้อมนำรถ NEW MG CYBERSTER พวงมาลัยขวาสเปคไทยทดสอบสมรรถนะระบบความปลอดภัยที่มีการจำลองหลากหลายสถานการณ์จริงบนท้องถนน โดยคณะวิศวกรจากเอ็มจี ทั้งไทยและต่างประเทศ ก่อนทยอยส่งมอบรถในเดือนกรกฎาคม นี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมสัมผัสสมรรถนะของ NEW MG CYBERSTER บนนถนนจริงได้ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคม นี้ ณ Dawn to Dusk BKK

สำหรับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของรถปอร์ตโรดสเตอร์สมรรถนะสูงในครั้งนี้ ทีมวิศวกรยานยนต์ เอ็มจี  ได้นำรถ NEW MG CYBERSTER รุ่นพวงมาลัยขวาทดสอบสมรรถนะในหลากหลายสถานี ที่ครอบคลุมทั้งเรื่องของอัตราเร่ง กำลังเครื่องยนต์และแรงบิด การทรงตัวขณะเข้าโค้งหลายรูปแบบ รวมถึงระบบความปลอดภัยของรถในสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ ที่สนามพีระ เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี โดยรีดสมรรถนะการขับขี่ของรถรุ่นนี้ออกมาให้มากที่สุด เพื่อเตรียมถ่ายทอดชุดข้อมูลความรู้ และประสบการณ์ไปสู่กลุ่มลูกค้าที่สนใจ และเจ้าของสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นนี้ ให้สามารถควบคุมขับขี่ได้อย่างมั่นใจ สร้างความเข้าใจในการใช้งานรถอย่างถูกต้อง มุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยทั้งกับผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ใช้ถนน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนทดลองขับสปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง จาก เอ็มจี ที่ถ่ายทอดสปอร์ตดีเอ็นเอของโรดสเตอร์ที่ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเหนือชั้น อีกทั้งยังมีความโดดเด่นในแง่ของดีไซน์ เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน กับกิจกรรม MG EXCLUSIVE TEST DRIVE โดย ลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยม ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ NEW MG CYBERSTER NEW MG MAXUS 7 และ NEW MG MAXUS 9 ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคมนี้ ณ Dawn to Dusk BKK ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 ลงทะเบียนทดลองขับ ได้ที่ https://bit.ly/3QQYW1H

สำหรับ NEW MG CYBERSTER เป็นสปอร์ตโรดสเตอร์อีวีที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดและหลังคาซอฟต์ท็อป มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แบบมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า มาพร้อมดีไซน์การออกแบบอย่างพิถีพิถัน สะท้อนกลิ่นอายความสปอร์ตสุดคลาสสิกทั้งภายในและภายนอก โดย SAIC’s Advanced Design Studio ในลอนดอน สหราชอาณาจักร อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ครอบคลุมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 26 ระบบ โดยมีสีภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง Flame Red สีเหลือง Photon Yellow และสีบรอนซ์เงิน Bullet Silver ภายใน ห้องโดยสารเป็นแบบทูโทน โดยสีทูโทนดำ-แดง จะแมทซ์กับสีภายนอกสีแดง และสีเหลือง ส่วนสีทูโทน-เทาขาวจะแมทซ์กับสีภายนอกสีบรอนซ์เงิน ในราคาจำหน่ายที่ 2,499,000 บาท  พร้อมทยอยส่งมอบรถในเดือน กรกฎาคม 2567 นี้เป็นต้นไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/NEWMGCYBERSTER

เอ็มจี ทุ่มงบ 3 หมื่นล้าน ผลิตรถอีวีพวงมาลัยขวาในไทย

เอ็มจี ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าทั่วภูมิภาคอาเซียน กับงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท

•เอสเอไอซี มอเตอร์- ซีพี มีพื้นที่กว่า 437.5 ไร่ กับงบลงทุนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท และบุคลากรในการทำงานมากกว่า 1,000 คน โดยเป็นบุคลากรคนไทยกว่า 98%

•เผยถึงความพร้อมในทศวรรษที่ 2 กับไลน์ประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC และโรงงานแบตเตอรี่อีวีที่สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกตลาดอีวีพวงมาลัยขวาในอาเซียน

•เติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ กับพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ที่เปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้วตามกรอบระยะเวลา

ชลบุรี – 13 พฤษภาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความพร้อมในทศวรรษที่สอง กับการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศชั้นนำทั่วภูมิภาคอาเซียน ด้วยไลน์การผลิตที่ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อน กำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี ด้วยงบลงทุนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท โดยสามารถผลิตได้ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์พลังงานทางเลือก และล่าสุดด้วยการเพิ่มไลน์การผลิตรถอีวีนำร่องด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมโรงงานแบตเตอรี่อีวี รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้รถอีวีในประเทศและแถบภูมิภาคอาเซียน พร้อมเผยความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK โดยพื้นที่ทั้งหมดได้เปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และมีพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำร่วมเข้ามาอยู่ในพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ เอ็มจี สามารถกระจายรายได้สู่ภาคประชาชนด้วยการจ้างงานคนไทยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 98%

ประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่ เอ็มจี มุ่งมั่นเข้ามาดำเนินธุรกิจและทำการตลาดในระยะยาวด้วยความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในแง่ของอัตราการเติบโตและการใช้งานรถภายในประเทศ ผนวกกับทำเลที่ตั้งที่มีโอกาสและความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน เอ็มจี จึงได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจร ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 437.5 ไร่ โดยพื้นที่กว่า 300 ไร่ ใช้เป็นส่วนของโรงประกอบตัวถัง (Body Shop) โรงพ่นสีรถยนต์ (Paint Shop)  โรงประกอบรถ (General Assembly Shop) อีกทั้งยังครอบคลุมในส่วนของคลังจัดเก็บอะไหล่เพื่อรองรับรถยนต์ของเอ็มจีทุกรุ่น และ ล่าสุด เมื่อปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาพื้นที่ในส่วนที่เหลืออีกกว่า137.5 ไร่ ให้เป็นส่วนของ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อรองรับการเติบโตของรถอีวี และเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งในส่วนที่พัฒนาใหม่นี้ ประกอบด้วย โรงประกอบแบตเตอรี่อีวี และส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนเพื่อการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ จึงทำให้แบรนด์ เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ได้ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจากฐานการผลิตภายในประเทศ กับกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี

นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า “โรงงานการผลิตและประกอบรถยนต์ เอ็มจี เป็นโรงงานที่มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี อาทิ นวัตกรรมระบบอัตโนมัติ (Automations) หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Robotics) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพ และความแม่นยำในไลน์การผลิต ผนวกกับทักษะความเชี่ยวชาญและความชำนาญของบุคลากรในกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้มีข้อได้เปรียบในกระบวนการการผลิตที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ ทุกรูปแบบการขับเคลื่อน

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนเพิ่มและเริ่มเดินสายการผลิตรถอีวีภายในประเทศ โดยเป็นไปตามแผนงานการลงทุนของบริษัทแม่อย่าง SAIC Motor Corporation และสอดรับกับนโยบายอีวีของภาครัฐ ประเดิมการผลิตรถอีวีรุ่นแรกด้วย NEW MG4 ELECTRIC ซึ่งเป็นโกลบอลอีวีรุ่นยอดนิยมที่มียอดขายสะสมทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มากกว่า 180,000 คัน โดยในสายการผลิตที่ประเทศไทยจะประกอบด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE ซึ่งได้เริ่มเดินสายการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้ส่งมอบสู่ลูกค้าในช่วงเมษายนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะแบรนด์ ผู้บุกเบิกตลาดอีวี เอ็มจี ไม่ได้ให้ความสำคัญแต่เพียงตัวรถอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เรายังขยายความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานรถอีวีในทุกมิติ เราจึงได้ลงทุนในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่อีวี ภายใต้ชื่อ HASCO-CP BATTERY SHOP ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน

โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนการประกอบแบตเตอรี่ ประกอบด้วยสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์ (Robotic) เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ เทคโนโลยี AGV (Automated Guided Vehicle) ที่ใช้ในการกำหนดการเคลื่อนที่ของชิ้นงานตามเส้นทางรวมถึงระยะเวลาการทำงานและคุณภาพการผลิตที่แม่นยำ การเชื่อมโดยเลเซอร์ (Laser Welding) เพื่อให้ได้คุณภาพของการเชื่อมที่ดี การตรวจสอบด้วย CCD (Charge Coupled Device) เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบเทียบกับต้นแบบในทุกขั้นตอนก่อนนำไปประกอบใส่ในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และส่วนที่สอง คือ ส่วนการทดสอบมาตรฐานของแบตเตอรี่กว่า 60 ขั้นตอน ซึ่งได้รับรองคุณภาพและการตรวจสอบภายใต้มาตรฐานยุโรป และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับสายการผลิตระดับโลก โดยโรงงานแห่งนี้ สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี และนำแบตเตอรี่มาใช้ในการประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC เป็นที่เรียบร้อย”

นายสุโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “เอ็มจี มีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจ้างงานภายในประเทศ มีอัตราการจ้างงานบุคลากรในหลายๆ ส่วน คิดเป็นสัดส่วนบุคลากรคนไทยในบริษัทฯ มากกว่า 98% โดยมีบุคลากรทั้งสิ้นมากกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ซึ่ง เอ็มจี ได้พัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย โดยเฉพาะการเติบโตของรถอีวีในอนาคต ภายในพื้นที่แห่งนี้ ยังมีส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ เพื่อจะเติมเต็มความครบวงจรและความสมบูรณ์แบบของกระบวนการผลิต ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว”

ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างแท้จริงของ เอ็มจี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยเป้าหมายใหญ่เชิงมหภาคในการลงทุนระยะยาว เพื่อร่วมเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบรรลุเป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลาง” การผลิตรถยนต์และรถอีวีพวงมาลัยขวา เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนและประเทศชั้นนำทั่วโลก

ซูซูกิ จัดแคมเปญพิเศษรับหน้าฝน ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 99 เดือน

ซูซูกิ จัดแคมเปญพิเศษรับหน้าฝน “SUZUKI EAZY DRIVE ผ่อนสบายในสไตล์คุณ” ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% หรือเลือก ขับฟรี 90 วัน ผ่อนนาน 99 เดือน ชี้ครึ่งปีหลังทิศทางของตลาดรถยนต์จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การแข่งขันของตลาดรถยนต์นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังคงเข้มข้น และด้วยปัจจัยในหลายด้าน ทั้งเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสภาวะเศรษฐกิจ ไปจนถึงความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ตลาดรถยนต์จึงยังไม่กลับมาเติบโตได้อย่างเป็นปกติ แต่อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปีหลังทิศทางของตลาดรถยนต์จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับซูซูกิ ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งนับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความคุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งช่วยมีส่วนกระตุ้นความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าให้เลือกเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของซูซูกิ จนทำให้เราได้รับความสำเร็จทางด้านยอดจำหน่ายสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับความนิยมของรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำการแนะนำไปในช่วงที่ผ่านมาอย่าง SUZUKI XL7 HYBRID รถยนต์อเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง และ SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็กคอมแพคคาร์ที่ขึ้นแท่นเป็น ICONIC BRAND ของซูซูกิ

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรองรับการแข่งขันในตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมกับตอบรับความต้องการของลูกค้าต้องการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์จากซูซูกิ ให้สามารถเข้าถึงและตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงเตรียมนำเสนอแคมเปญพิเศษ “SUZUKI EAZY DRIVE ผ่อนสบายในสไตล์คุณ” ให้ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ผ่อนง่าย จ่ายสบาย มากกว่าที่เคย  โดยสามารถเลือกรับดอกเบี้ย 0% หรือ ขับฟรี 90 วัน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยแคมเปญ “SUZUKI EAZY DRIVE ผ่อนสบายในสไตล์คุณ” เริ่มตั้งแต่วันนี้ 1 มิถุนายน – 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

SUZUKI SWIFT

•เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,999 บาท หรือ รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือ เลือกขับฟรี 90 วัน หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนๆ ละ 5,780 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI XL7 HYBRID

•ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 799,000 บาท

•พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 7,888 บาท หรือ เลือกขับฟรี 90 วัน หรือเลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนๆ ละ 8,146 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

•ราคาพิเศษเริ่มต้น 319,900 บาท

•พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 2,999 บาท หรือเลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เดือนละ 3,302 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI ERTIGA HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท

•พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ขับฟรี 90 วัน หรือ ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือนละ 7,126 บาท

•พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

• รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

• หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

• หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

“ซูซูกิมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เรามีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย รวมถึงความใส่ใจในการยกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ภายใต้แนวคิด “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งนอกเหนือจากความต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่านแล้ว ซูซูกิยังมีความตั้งใจจริง ที่ต้องการที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยได้อย่างยั่งยืน” นายวัลลภ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความสนใจและต้องการเป็นเจ้าของรถทุกรุ่นภายใต้แบรนด์ของซูซูกิ เรายังคงเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการเพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกด้านการอนุมัติสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ รายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ฟาสต์ ออโต โชว์ 2024 ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ฟาสต์ ออโต โชว์ 2024” ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 นำเสนอ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” เริ่ม 3 – 7 กรกฎาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา

คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ ผู้จัดงานแสดงรถยนต์ครบวงจร “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” (FAST Auto Show Thailand 2024) เปิดฉากปลุกตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงครึ่งปีหลังให้คึกคักต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ด้วยยนตรกรรมมากคุณภาพหลากหลายแบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” ครบจบในงานเดียว ซึ่งมาพร้อมดีลเร้าใจสุดคุ้ม ไฮไลต์เด็ดปีนี้เปิดให้ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ภายในฮอลล์ ตั้งเป้าและมั่นใจว่าตลอด 5 วัน ของการจัดงานจะมียอดจองรถยนต์ใหม่ รถใช้แล้ว รถไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นที่น่าพอใจ ห้ามพลาด 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา เข้าชมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมลุ้นรับโชคตลอด 5 วันเต็ม

นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” เปิดเผยว่า “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” เป็นงานซื้อ-ขายรถครบวงจรที่จัดขึ้นในช่วงกลางปี ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เป็นการรับไม้ต่อเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้หยุดนิ่ง กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อ-ขายในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในหัวใจหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้รับการคาดการณ์ว่าจะยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา หากแต่ด้วยแรงสนับสนุนด้านนโยบายของภาครัฐ ความร่วมมือของภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ต่างพยายามช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในมุมของตัวเองอย่างเต็มกำลัง เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นปีที่มีความท้าทาย และยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในธุรกิจยานยนต์ ในการใช้งาน “ฟาสต์ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” ซึ่งเป็นงานที่มีศักยภาพดึงดูดคนมาร่วมงาน ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จในการจัดงานจับคู่ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมานานจนก้าวสู่ปีที่ 12 เป็นเครื่องมือการตลาดในการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในช่วงกลางปี และเป็นโอกาสของผู้บริโภค เพราะการมาเลือกซื้อรถในพื้นที่ขายที่มีรถหลากหลายแบรนด์มาจัดแสดงพร้อมกัน พร้อมมีโปรโมชั่นพิเศษ ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบคุณภาพ การให้บริการ และราคาที่ตรงใจ นอกจากนี้ ในภาวะเศรษฐกิจที่เร่งรีบยังช่วยให้สะดวก และประหยัดเวลา

“งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” ในปีนี้ เรายังคงความครบเครื่องต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ด้วยการจัดงานบนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร พร้อมสรรพในทุกมิติ และยังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มธุรกิจยานยนต์ที่ตอบรับเข้าร่วมงานมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปท์ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้รถ ให้ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ได้อย่างสะดวกและมั่นใจ คือ 1.รถยนต์ใหม่ป้ายแดงที่จะมาพร้อมโปรโมชั่นสุดเร้าใจ 2.รถไฟฟ้า(EV) เทรนด์ที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้ใช้รถในเมืองไทย ตอบรับกระแสรักษ์โลกด้วยการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งมีทั้งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าร่วมพร้อมโซนทดสอบรถไฟฟ้าภายในฮอลล์ และ 3.รถใช้แล้วคุณภาพดี ที่สำคัญมีรับประกัน 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้, ไม่จมน้ำ, ไม่ตัดต่อ, ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หากตรวจพบว่าผิดเงื่อนไข รับประกันซื้อคืน 100% ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของงานในส่วนของรถใช้แล้วตลอดการจัดงาน 11 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดจองรถภายในงานได้มากกว่าปีที่ผ่านมา”

•รถใหม่โปรดีหลากแบรนด์ รถไฟฟ้ามีให้ลองก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานฝ่ายรถใหม่ เผยว่า จากข้อมูลการประเมินตลาดรถยนต์เมืองไทยในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีรถใหม่จ่อคิวรอเปิดตัวหลายรุ่นต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดจะคึกคักมากเป็นพิเศษ รวมทั้งการเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มสีสันให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นดุเดือดต่อจากนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตามถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้รถยนต์ตามความต้องการได้ในราคาที่เหมาะสม

“แบรนด์รถใหม่ป้ายแดงที่ตอบรับเข้าร่วมในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” ณ เวลานี้มีทั้งสิ้น 14 แบรนด์ ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี ยุโรป ประกอบด้วย อีซูซุ (ISUZU) โตโยต้า (TOYOTA) ฮอนด้า (HONDA) มิตซูบิชิ (MITSUBISHI) เอ็มจี (MG) ซูซูกิ (SUZUKI) ฮุนได (HYUNDAI) วอลโว่ (VOLVO) เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM : GREAT WALL MOTOR) เนต้า (NETA) เบนซ์ ธนบุรีพานิช (BENZ THONBURI PHANICH) ฉางอัน (CHANGAN) เน็กซ์เท็ม (NEXTEM) และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV โดยทุกแบรนด์พร้อมจัดแคมเปญโปรโมชั่นสุดเร้าใจเพื่อช่วยกระตุ้นตลาดยานยนต์ พร้อมมีระบบการจองคิวทดลองขับเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่กำลังจะตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์

ไฮไลต์พิเศษในปีนี้ คือ โซนทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในฮอลล์ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากปีที่ผ่านมา โดยรถไฟฟ้าที่นำมาเปิดให้ทดสอบจะเป็นรุ่นใหม่ๆ ในตลาด อาทิ Honda e:N1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทย ที่เปิดให้ทดสอบสำหรับผู้เข้าชมงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2024” เนื่องจากปกติรุ่นนี้ไม่มีจำหน่ายแต่มีให้เช่าใช้เท่านั้น ตามด้วย Volvo EX30 ORA07 Deepal S07 Hyundai IONIQ5 NETA VII และ MG4 ซึ่งในโซนนี้ยังจัดให้มีระบบการจองคิวเพื่อเปิดประสบการณ์การทดลองรถยนต์ไฟฟ้าภายในฮอลล์ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ”

•รถยนต์ใช้แล้วสภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย ราคาดีมีรับประกัน

นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงานฝ่ายรถใช้แล้ว กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากปัจจัยด้านดีมานด์ในตลาด และตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ในงานปีนี้จึงพร้อมนำเสนอรถยนต์หลากหลายเซ็กเมนต์ ตั้งแต่อีโคคาร์ไปจนถึงซูเปอร์คาร์ รวมถึงรถไฟฟ้า โดยมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน 7 ราย ประกอบด้วย DDS คาร์เซ็นเตอร์, โยรัชดา, ดา ศรีนครินทร์และรถเศรษฐี Sethi Premium Used Car CarDeeSureOK GWM Certified Pre-Owned และ Volvo Selekt Approved Used Cars ซึ่งผ่านการคัดเลือกให้เป็นพันธมิตรกับ “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” และมีการรับประกันว่าได้คัดเลือกรถรุ่นปีใหม่ๆ สภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย นำมาจำหน่ายภายในงาน

“เพราะหัวใจหลักของความสำเร็จในส่วนของรถยนต์ใช้แล้ว คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มาซื้อรถในงานของเรา ที่นอกจากจะมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายรุ่น ครบทุกเซ็กเมนต์แล้ว ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานต่างเป็นพาร์ทเนอร์กับเรามานาน มีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ และสิ่งสำคัญที่ถือเป็นจุดแข็งและจุดขายของงานคือ รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบจากทีมงานมืออาชีพของอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ว่าเป็นรถที่เข้าเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หากพบว่ารถยนต์ใช้แล้วที่ซื้อไปไม่เป็นไปตาม 5 ข้อดังกล่าว รับประกันซื้อคืน 100%”

•รถแต่งโดนใจใช้คุ้ม พร้อมลุ้นรางวัลกับกิจกรรมอีสปอร์ต

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานจัดงานฝ่ายรถตกแต่ง โมดิฟาย และกิจกรรมอีสปอร์ต เผยว่า “กิจกรรมที่น่าสนใจในงานยังคงมีอยู่เต็มร้อยเหมือนทุกปี โดยเฉพาะโซนรถตกแต่งพิเศษ ซึ่งปีนี้ได้รวบรวมรถแต่งที่ไม่ได้มีดีแค่สวย เท่ๆ คูลๆ แต่ยังใช้ประโยชน์ได้ครบ คุ้มค่า ตามเทรนด์ปี 2024 มาจัดแสดง เพื่อให้เป็นแนวทางในการแต่งรถยนต์ให้กับผู้ที่สนใจ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบแต่งรถที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวเอง และรองรับกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ประดับยนต์ที่มาใหม่หลากหลายสไตล์ให้เลือก นอกจากนี้เรายังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมอีสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดโซนอีสปอร์ตภายในงานให้ผู้ที่สนใจได้มาประลองฝีมือ และลุ้นรับของที่ระลึกกลับบ้าน เพราะในยุคออนไลน์ การเล่นเกมไม่ใช่แค่เพียงเพื่อความสนุกอีกต่อไป ใครที่มีความสามารถที่แท้จริง สามารถนำไปต่อยอดสร้างเงิน สร้างอาชีพ มีรายได้ให้กับตนเองได้อีกด้วย”

ในส่วนของ ACCESSORY มีบริษัทที่ยืนยันเข้าร่วมงานแล้ว คือ TK ENGINEERING GROUP งานเตรียมระบบไฟสำหรับรถไฟฟ้า และจัดจำหน่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Meguiar’s Thailand ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ และ COWAY ผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำ

พบกับกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ภายในงานตลอด 5 วัน พิเศษชวนเร้าหัวใจกับกิจกรรม Sexy Car Wash สุดร้อนแรง และลุ้นเป็นผู้โชคดีรับของรางวัลทุกวันในเวลา 20.00 น. โดยผู้จองรถและซื้อรถทุกกลุ่มภายในงานได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลประจำวัน ได้แก่ คูปองบริดจสโตน มูลค่า 12,000 บาท วันละ 1 รางวัล รวม 5 รางวัล ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่า 3,845 บาท วันละ 5 รางวัล รวม 25 รางวัล และหลังจบงานยังได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV จํานวน 2 รางวัล ได้แก่ รุ่น Saber Tiger มูลค่า 95,900 บาท จํานวน 1 คัน และรุ่น Mine Plus มูลค่า 73,900 บาท จํานวน 1 คัน พร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s

นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานทุกท่านยังได้รับสิทธิ์ส่งคูปองลุ้นรับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 1,000 บาทวันละ 5 รางวัล รวม 25 รางวัล อีกด้วย เพียงแวะมา “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ได้ที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์  2024” จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 3 – 7 กรกฎาคม ศกนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-104

“ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” (FAST Auto Show Thailand) จัดโดย บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้ความร่วมมือทางธุรกิจของ 3 ค่ายใหญ่ ในวงการสื่อรถยนต์เมืองไทย ได้แก่ กรังด์ปรีซ์ สื่อสากล และ วี.เอ แอนด์ ซันส์ ต่อยอดธุรกิจอีเวนต์โชว์รถครบวงจรในช่วงกลางปี เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยนำจุดแข็งของ “กรังด์ปรีซ์” ผู้จัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ที่เชี่ยวชาญด้านรถใหม่รถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ “สื่อสากล” ผู้จัดงาน “ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป” ที่เชี่ยวชาญด้านรถใหม่ รถนำเข้าและกลุ่มผู้นำเข้าอิสระ และ “วี.เอ แอนด์ ซันส์” ที่เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการรถยนต์ใช้แล้วมากว่า 15 ปี เพื่อสร้างสรรค์งานโชว์รถครบวงจรในแนวคิด “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” ให้ผู้บริโภคได้ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ในแบบที่คุ้มค่าเงินสูงสุด

ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024 คอนเฟิร์มความมันดวลกันด้วยเกียร์ธรรมดา

“กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” จับมือ “ฮอนด้า” สานต่อความมันส์ “ฮอนด้า วันเมคเรซ” ปีที่ 4 เพิ่มความสดใหม่ด้วย “ระบบเกียร์” และ “ฮอนด้า คลับ”

“กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการแข่งขันชั้นนำของเมืองไทย จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน รถยนต์ทางเรียบ “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024″ เพิ่มความสดใหม่ด้วยการอัพเกรดรถแข่งสู่ “เกียร์ธรรมดา” คอนเฟิร์มความเร็วเพิ่มขึ้น โดยแชมป์ประจำปีคว้าสิทธิ์สัมผัสประสบการณ์ล้ำค่า เข้าร่วมแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นแบบฟรีๆ พร้อมเสริมความเร้าใจด้วย “ฮอนด้า คลับ” เอาใจสาวก “วี-เทค” หัวใจมอเตอร์สปอร์ต ยึดสังเวียนระดับโลก “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” และสตรีทเซอร์กิตสุดเจ๋ง  “สงขลา สตรีท เซอร์กิต” ดวลทั้งสิ้น 8 สนาม 4 อีเวนต์ เปิดฉากสนามแรก 6-9 มิถุนายนนี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2024 “กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” โปรโมเตอร์ความเร็วยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย จัดงานแถลงข่าว ประกาศสานต่อความมันส์ รถยนต์ทางเรียบ “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024″ ถือเป็นการเดินหน้าระเบิดความมันส์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้ความร่วมมือจากผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการจำนวนมาก

ในงานแถลงข่าว นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน ฮอนด้า วันเมคเรซ เปิดเผยถึงความสดใหม่ในฤดูกาลนี้ที่เพิ่มเติมเข้ามา โดยมีผู้บริหารจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บุญรอด บริวเวอร์รี่ จำกัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย จำกัด, บริษัท ริชไวส์มาร์เก้ตติ้ง จำกัด, บริษัท โยโกฮาม่า ไทร์ เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด และ บริษัท บี.เค.เรซซิ่ง คลัทช์ จำกัด เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

“ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024” นับเป็นการแข่งขันฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน โดยในปีนี้ กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต ฝ่ายจัดการแข่งขันฯ ได้เพิ่มความสดใหม่เข้ามา ด้วยการอัพเกรดรถแข่ง “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ” ให้เป็นระบบเกียร์ธรรมดา เพื่อเพิ่มความมันส์และเร้าใจให้กับเกมการแข่งขัน และยังมีรถ “เกียร์อัตโนมัติ” อยู่ในเรซด้วยเช่นกัน โดยแชมป์ประจำปี จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น ในรายการ “Super Taikyu” แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใด

ขณะเดียวกัน จากเสียงเรียกร้องของ “แฟนๆ รถยนต์ฮอนด้า” ก็ได้มีการเพิ่มการแข่งขันในรุ่น “ฮอนด้า คลับ” เข้ามาด้วย เพื่อให้สาวกได้สมัครเข้าร่วมดวลความเร็ว และสัมผัสประสบการณ์ในสนามแข่งระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ที่ผ่านการแข่งขันทั้ง โมโตจีพี และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ รวมถึง ซูเปอร์จีที มาแล้ว นอกจากนี้ยังมีสนามสุดพิเศษอย่าง “พีที สงขลา สตรีท เซอร์กิต” ที่มีความสวยงามอย่างมาก

นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดการแข่งขัน “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024″ กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ประกาศว่า กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต จะเดินหน้าสานต่อการแข่งขัน ฮอนด้า วันเมคเรซ ในปี 2024 โดยมีการเพิ่มเติมความเร้าใจให้กับแฟนๆ และนักแข่งทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยรถแข่ง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ ที่มีการอัพเกรดจากเกียร์อัตโนมัติมาเป็น เกียร์ธรรมดา โดยหลังการทดสอบและพัฒนา เราได้เห็นว่ารถแข่งมีศักยภาพที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน”

“การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความเร็วต่อรอบที่ยอดเยี่ยมมาก ด้วยปัจจัยนี้จะทำให้การขับเคี่ยวในสนามมีความเข้มข้นอย่างสูง อย่างไรก็ดี ในการแข่งขัน ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ เราจะยังคงมีรถเกียร์อัตโนมัติเช่นเคย และเสริมความมันส์ในรุ่น เกียร์ธรรมดาเข้ามา ซึ่งความพิเศษในปีนี้คือ นักแข่งที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องจนคว้าแชมป์ประจำปี จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นแบบฟรีๆ ในรายการ “Super Taikyu”

นอกจากนี้ นายอโณทัย ยังกล่าวถึงการเสริมความมันส์ของการแข่งขัน “ฮอนด้า คลับ” เข้ามาในฤดูกาลนี้ว่า “มีเสียงเรียกร้องมาหลายปีแล้วเกี่ยวกับการแข่งขันแบบ คลับเรซของ ฮอนด้า ซึ่งเราเล็งเห็นว่าประสบการณ์ในสนามแข่งจะทำให้ผู้ขับขี่ ที่มีความชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้สัมผัสความเร้าใจและเข้าใจในเกมการแข่งขันมากขึ้น โดยอดีตที่ผ่านมา มีนักแข่งแถวหน้าของไทยหลายคนเริ่มต้นจากจุดนี้ ดังนั้นเราจึงเพิ่มเติมการแข่งขัน ฮอนด้า คลับ เข้ามาในปฏิทินฤดูกาล 2024 อยากขอเชิญชวนสาวกฮอนด้า ที่มีใจรักกีฬาความเร็ว เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความมันส์ครั้งนี้”

ทั้งนี้ ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024 จะยังคงเสิร์ฟความมันส์ผ่านหน้าจอให้ผู้ชมทั่วโลกติดตามเช่นเคย โดยจะถ่ายทอดสดผ่านทาง เพจ Honda One Make Race, GP Motorsport และ XO Autosport

สำหรับ ศึก ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024 จะดวลความเร็วทั้งสิ้น 8 สนาม 4 อีเวนต์

 โดยมีตารางแข่งขันดังนี้ :

อีเวนต์ 1 : วันที่ 6-9 มิถุนายนนี้ 2024, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

อีเวนต์ 2 : วันที่ 22-23 มิถุนายนนี้ 2024, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

อีเวนต์ 3 : วันที่ 29 สิงหาคม -1 กันยายน 2024, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

อีเวนต์ 4 : วันที่ 17-20 ตุลาคม 2024, สนามพีที สงขลา สตรีท เซอร์กิต จ.สงขลา

เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLS 220d เคาะราคาพิเศษครั้งสุดท้ายที่ 3.88 ล้านบาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบโอกาสพิเศษครั้งสุดท้ายของสายสปอร์ต CLS 220 d ปิดจบที่ 3.88 ล้านบาท โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้ซีดานที่เสริมด้วยชุดแต่ง AMG และขุมพลังดีเซล 2.0 เทอร์โบ ข้อเสนอพิเศษที่ห้ามพลาดกับส่วนลดกว่า 760,000 บาท จากเมอร์เซเดส-เบนซ์

ภายหลังการประกาศยุติการผลิตของ CLS สปอร์ตคูเป้ที่สร้างประวัติศาสตร์มาเกือบ 2 ทศวรรษ ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มอบโอกาสครั้งสุดท้าย สำหรับผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรม CLS ที่เดินทางมาถึงเจเนเรชั่นสุดท้าย กับข้อเสนอที่มาพร้อมส่วนลดกว่า 760,000 บาท ทำให้ราคาจำหน่ายของ CLS 220 d AMG Premium เหลือเพียง 3,880,000 บาท จากราคาเปิดตัว 4,640,000 บาท ด้วยความโดดเด่นของรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้ซีดานที่เสริมด้วยชุดแต่ง AMG และขุมพลังดีเซล 2.0 เทอร์โบ ที่ให้ทั้งความประหยัดและสมรรถนะที่เหลือล้น รวมถึงเทคโนโลยีความด้านความปลอดภัยและการขับขี่ที่ครบครัน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นรถยนต์ที่สายรถควรมีไว้ครอบครอง ร่วมสัมผัสเจเนเรชั่นสุดท้ายของ CLS พร้อมเป็นเจ้าของก่อนใครได้ที่งาน “Mercedes-Benz StarFest 2024” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ถึง 5 มิถุนายน 2567 หรือผ่านตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

CLS 220 d AMG Premium ยนตรกรรมระดับไอคอนิกที่พร้อมสะกดทุกสายตาบนท้องถนน ผสานดีไซน์แห่งความสปอร์ตและความทันสมัยด้านเทคโนโลยีอย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 1,950 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 7.5 วินาที ปราดเปรียวอย่างมีสไตล์ด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling พร้อมกระจังหน้าแบบ Star Pattern Radiator Grille รับกับชุดไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์แบบ MULTIBEAM LED และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ปลดล็อกและสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย KEYLESS-GO Comfort Package ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว ช่วยเปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นไปอย่างนุ่มนวล

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมออปชั่นพิเศษแบบจัดเต็ม อาทิ หน้าจอแสดงผล Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa นุ่มสบายทั้งคนขับและตอนหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และระบบปรับโหมดการขับขี่แบบ DYNAMIC SELECT เป็นต้น มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่เหนือชั้นระหว่างระบบกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX และฟังก์ชั่น Music Streaming Service สามารถเชื่อมต่อสุนทรียภาพและชาร์จมือถือแบบไร้สายไปในตัว (Wireless Charging) เพิ่มความเร้าใจในทุกการฟังเพลงผ่านระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® พร้อมนำเสนออีกขั้นของความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ด้วยระบบตัวช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินแบบแอคทีฟ (ACTIVE BRAKE ASSIST) ที่จะคอยดูแลทุกความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัด

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

 #CLS #MercedesBenz #MercedesBenzThailand

แฟนคลับฟิน กระทบไหล่ป๊ายปาย โอริโอ กิจกรรม Racing in Motion

แฟนคลับฟิน! กระทบไหล่ป๊ายปาย โอริโอ ดารานักแข่งคนใหม่ ในกิจกรรม Toyota ALIVE Racing in Motion ชมมินิคอนเสิร์ตสัมผัสรถแข่งจากสนามแข่งจริงจาก Toyota Gazoo Racing Thailand

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2567 ณ Toyota ALIVE ถ.บางนา-ตราด กม. 3 ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรม Toyota ALIVE Racing in Motion สร้างความสนุกแบบจัดเต็มให้กับลูกค้าโตโยต้า ได้สัมผัสรถแข่งจากสนามแข่งจริงจาก Toyota Gazoo Racing Thailand และนอกจากนี้ยังได้พบกับ Toyota Racing Star Team คนใหม่ล่าสุดอย่าง ป๊ายปาย โอริโอ ที่มาร่วมพูดคุย เล่นเกมและจัดแสดงมินิคอนเสิร์ตอย่างใกล้ชิด

ภายในงานเริ่มต้นด้วย การร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์กับนักแข่งมืออาชีพจากทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing Thailand และปังปอนด์ อัครวุฒิ มังคลสุต Toyota Racing Star Team อีกทั้งผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้สิทธิพิเศษ ลุ้นเป็นผู้โชคดีได้นั่งรถสปอร์ตอย่าง GR86 และ GR Corolla ผ่านกิจกรรม Hot Lap กับนักแข่งมืออาชีพ บนพื้นที่สนามทดลองขับ Toyota Alive Driving Park

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมและบูธต่างๆ ให้ร่วมสนุกชิงรางวัลอีกมากมาย อาทิเช่น GR Driving Simulator Competition ชิงรางวัลบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 5,000 บาท / Go kart Simulator / จับรางวัลกับตู้คีบมหาสนุก / บูธเครื่องดื่มสุดพิเศษจาก TOGETA Café ฯลฯ

ปิดท้ายด้วยกิจกรรมเข้าร่วมแข่งขันประชันความมันส์บนเวที พร้อมกับแจกของรางวัลสุด Exclusive มินิคอนเสิร์ตสุดใกล้ชิด และถ่ายภาพหมู่ร่วมกันกับ ป๊ายปาย โอริโอ ซึ่งสร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้เหล่าแฟนคลับได้ฟินไปตามๆ กัน นอกจากนี้ยังมีการเชิญชวนแฟนคลับไปฟินต่อกับฝีมือการขับรถแข่งครั้งแรกของป๊ายปาย ที่กิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand สนามแรกบางแสน สตรีท เซอร์กิต จ.ชลบุรี 5-7 ก.ค. นี้ และสนามอื่นๆ ทั่วประเทศ ติดตามข้อมูลได้ที่ Facebook Page : Toyota Gazoo Racing Thailand

ทั้งนี้ Toyota  ALIVE เป็นสถานที่ให้ลูกค้าที่สนใจมาสัมผัสผลิตภัณฑ์โตโยต้า ทั้งมาชมและรับข้อมูลผลิตภัณฑ์ทุกรุ่น เทคโนโลยี แคมเปญ รวมไปถึงทดลองขับกับ Instructor มืออาชีพ และยังมีจัดกิจกรรมดีๆ ต้อนรับลูกค้าหลากหลายกลุ่มในทุกๆ เดือน ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์กิจกรรมได้ที่ Facebook Page : Toyota ALIVE

               “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

โตโยต้า ร่วมแสดงความยินดีกับนักตบลูกขนไก่ไทยที่

โตโยต้าร่วมแสดงความยินดี นักตบลูกขนไก่หญิงไทย ท็อปฟอร์มคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว และหญิงคู่ พร้อมถ้วยพระราชทานแบดมินตัน “TOYOTA Thailand Open 2024”

สิ้นสุดการแข่งขันแบดมินตันรายการระดับ” World Tour Super 500TOYOTA Thailand Open 2024 “ ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเงินรางวัลรวม 420,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,700,000 บาท ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ โดยมีผลการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว “เม” ศุภนิดา เกตุทอง ท็อปฟอร์มคว้าแชมป์ชนะ หาน เยี่ย จากจีน ด้วยสกอร์ 21-16 และ 25-23 และประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล และ “วิว” รวินดา ประจงใจ สามารถเอาชนะ เฟเบรียนา ดวีปูจิ กูซูมา และ อเมเลีย คาฮายา ปราติวี จากอินโดนีเซีย ด้วยสกอร์ 21-14 และ 21-14

การแข่งขันรายการนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพื่อให้แฟนกีฬาแบดมินตันได้ชม และเชียร์นักกีฬาไทย ให้สร้างผลงานในเวทีระดับโลก ทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 14-19 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

ภายหลังจากการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจบลง สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ได้มีการจับรางวัลพิเศษในโอกาสที่นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้สิทธ์ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีสได้ครบทั้ง 5 ประเภท โดยมอบรถยนต์โตโยต้า ยาริส เอทีฟ รุ่น Sport (Toyota Yaris ATIV) มูลค่า 556,000 บาทจำนวน 1 รางวัล ให้กับแฟนๆ แบดมินตันผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศผู้โชคดีได้แก่ คุณอรรณพ สัตตนานนท์ โดยได้รับเกียรติจากคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันไทยฯ พร้อมด้วย คุณณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกันมอบรางวัล

“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย นำวิทยาการสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มผลิตภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย มุ่งวิทยาการ สร้างฐานเศรษฐกิจ เพิ่มผลิตภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยุคเปลี่ยนผ่านจากยานยนต์สันดาปภายใน สู่ยานยนต์พลังงานใหม่ โดยมุ่งมั่น สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทย ให้พัฒนายกระดับและสามารถเข้าสู่สายโซ่อุปทานของยานยนต์ยุคใหม่

นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน นายกสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทยหรือ TSAE เปิดเผยว่า สมาคมฯได้จัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้นสอง อาคารเจริญวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างเวลา 15.00-18.00 น. เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานและกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปในปีที่ผ่านมา และแผนงานในอนาคต

TSAE ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2540 สมาคมฯมีบทบาทสำคัญในการร่วมมือสามประสาน (Triple Helix) ระหว่าง ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และสถาบันการศึกษา เช่น ร่วมประชุม และเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมระดับนานาชาติ สร้างเครือข่ายทางวิชาการที่เข้มแข็งทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมจัดทำมาตรฐานต่างๆ สำหรับอุตสาหกรรม ยานยนต์ นอกจากนี้เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนในโรงเรียนและสถาบันอุดมศึกษาสนใจในเทคโนโลยียานยนต์ ยังได้จัดให้มีการแข่งขัน Student Formula เพื่อให้นักศึกษาได้ทำงานเป็นทีม พร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาในการ ออกแบบ ประกอบและแข่งขันควบคุมการขับเคลื่อนยานยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ตลอดระยะ เวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากสนับสนุนด้านการเงินในการออกแบบและสร้างยานยนต์แล้ว ยังได้ส่ง ทีมที่ชนะเลิศไปเข้าร่วมแข่งขันระดับนานาชาติ ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้างแรงจูงใจอีกด้วย

สมาคมฯ ยังได้จัดสัมมนาวิชาการ และจัดทำเอกสารต่างๆ เพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ความก้าวหน้าด้าน เทคโนโลยียานยนต์ แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านจากยานยนต์สันดาปภายใน สู่ยานยนต์พลังงานใหม่ โดยมุ่งมั่น สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทย ให้พัฒนายกระดับและสามารถเข้าสู่สายโซ่อุปทานของยานยนต์ยุคใหม่ จากพื้นฐานที่เข้มแข็ง ของผู้ประกอบการด้านยานยนต์ ภายในประเทศกว่า 2,000 รายและแรงงานทักษะที่มีคุณภาพ กว่า 300,000 คน

สมาคมฯในฐานะผู้มีบทบาทหลักในการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมาตลอด เล็งเห็นความจำเป็นในการแสวงหายุทธศาสตร์และมาตรการเพื่อตอบสนองต่อความผันผวนที่รุนแรงในปัจจุบัน วันนี้จึงได้เชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์สันดาปภายใน มาร่วมสัมมนาให้มุมมองและข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งในภาคอุตสาหกรรมสถาบัน การศึกษาและภาครัฐบาล ได้ประมวลและนำไปใช้เป็นสารสนเทศที่สำคัญในการวางแผนทางเลือกการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

นอกจากนั้น ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีวันนี้ ทางสมาคมฯยังได้จัดให้มีการมอบโล่ แสดงความขอบคุณ ให้กับผู้ทำคุณประโยชน์แก่สมาคมจำนวน 5 ท่านในปีนี้ ได้แก่

1. ดร.มานพ มาสมทบ : นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (ENTEC)

2. ดร.บุรินทร์ เกิดทรัพย์ : นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NECTEC)

3. คุณอรรถพล รังผึ้ง : ผู้จัดการฝ่ายผลิตแบตเตอรี่ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

4. อ.มณเฑียร แก่นสน : อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

5. ผศ.ดร.กิตติ์ชนน เรืองจิรกิตติ์ : คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ สมาคมฯร่วมกับ SAE International และ Japan SAE จะจัดประชุม Small Powertrains and Energy systems Technology Conference (SETC2024) ซึ่งจะหมุนเวียนมาจัดที่ประเทศไทย ตามรอบ 16 ปี โดยสามารถติดตามรายละเอียดจาก website ของสมาคม : www.tsae.or.th

สมาคมฯเชื่อมั่นว่า ความร่วมแรงร่วมใจในลักษณะสามประสานของภาครัฐ เอกชน และสถาบัน อุดมศึกษาภายในประเทศ เชื่อมโยงกับเครือข่ายในต่างประเทศที่สมาคมฯ เป็นข้อต่อที่สำคัญ เพื่อมุ่งสร้าง วิทยาการ สร้างฐานเศรษฐกิจ จะสามารถผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย สู่ความเข้มแข็งยั่งยืน ได้ในอนาคต

ฟอร์ด ชวนสัมผัสการขับขี่สุดเร้าใจกับกิจกรรม 4×4 REMARKABLE EXPERIENCE

ฟอร์ด ประเทศไทย จัดกิจกรรมพาผู้ที่สนใจรถฟอร์ดสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เร้าใจ พิสูจน์ความแกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์ของทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ บนเส้นทางออฟโรดและออนโรด กับกิจกรรม ‘4x4 REMARKABLE EXPERIENCE’ ภายใต้แนวคิด “ลุยให้โลกจำ” สนามที่ 2 ณ จังหวัดระยอง หลังประสบความสำเร็จจากสนามแรกที่จังหวัดนครนายก

พร้อมเปิดรับลงทะเบียนสำหรับที่ผู้สนใจร่วมพิสูจน์ความสนุก และดุดันของรถยนต์ฟอร์ด สนามที่ 3 วันที่ 18-19 พฤษภาคม 25667 ณ สวนดอกไม้ยายสุข จังหวัดชลบุรี สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานและติดตามข่าวสารกิจกรรมครั้งต่อไปได้ทางเว็บไซต์ www.ford.co.th และเฟสบุ๊คฟอร์ด

ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 4×4 REMARKABLE EXPERIENCE จะมีโอกาสได้ทดสอบขับรถฟอร์ด เรนเจอร์ ทั้งรุ่น สตอร์มแทรค และไวลด์แทรค ทำความรู้จักกับรถกระบะที่ชาญฉลาดที่สุด อเนกประสงค์ที่สุด และสมบุกสมบันที่สุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์  และฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นแพลทินัม และรุ่นไทเทเนี่ยม พลัส รถยนต์นั่งอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่รักความท้าทายและการผจญภัย ร่วมพิสูจน์สมรรถนะอันดุดันของรถยนต์ ฟอร์ดบนเส้นทางออฟโรดสุดหิน ทดสอบการขึ้นลงเนินชัน การขับขี่ลุยน้ำ การขับขี่บนทางโคลน การใช้ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า การใช้กล้อง 360 องศา และทดลองใช้โหมดการขับขี่ต่างๆ เช่น โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดปกติ ที่ช่วยให้การขับขี่บนเส้นทางสมบุกสมบันผ่านไปอย่างง่ายดาย

พร้อมสัมผัสความชาญฉลาดของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ กับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (Driver Assist Technologies) อาทิ ระบบควบคุมความเร็วระหว่างลงทางลาดชัน (Hill Descent Control)  และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Aid) ที่มีความแม่นยำสูง เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ และตอบสนองการใช้งานบนถนนที่หลากหลายบนการเดินทางทั้งแบบทางเรียบและออฟโรด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save