- Advertisement -
33.1 C
Bangkok
Home Blog Page 42

GAC AION เปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าระดับไฮเอนด์

GAC AION เปิดตัวยานยนต์แห่งอนาคต HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในประเทศไทย

GAC AION สร้างความตื่นเต้นครั้งยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ เน้นความหรูหราและเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ผสานเข้ากับการออกแบบและการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยจุดเด่น 5 ด้านของตัวรถ ได้แก่ HYPTEC Design, HYPTEC Space, HYPTEC Smart, HYPTEC Energy และ HYPTEC Performance พร้อมลงสู้ศึกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอความหรูหราเหนือระดับและเทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์

มร.โอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ GAC AION ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย ในงาน Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา ได้มีกระแสตอบรับแรงเกินคาดมีประชาชนให้ความสนใจ Hyper HT อย่างล้นหลาม เนื่องจาก Hyper (ไฮเปอร์) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ของ GAC AION ที่ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความเป็นที่สุด ทั้งความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะขั้นสูง สะท้อนภาพลักษณ์ และรสนิยมอย่างเหนือชั้น ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

โดยล่าสุด HYPER แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น HYPTEC และไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น สะท้อนถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและการขยายตัวในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก HYPER เป็น HYPTEC เกิดจากการศึกษาวิจัยตลาดและความต้องการของลูกค้าทั่วโลกอย่างละเอียดลึกซึ้ง ชื่อ “HYPTEC” ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยชื่อแบรนด์ HYPTEC มีที่มาจาก “Hyper” สื่อถึงความสุดยอดและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ “Technology” สื่อถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่หรูหรา แต่ยังล้ำหน้าด้วยคุณสมบัติทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น

มร.พอนตุส ฟอนเทอุส (Pontus Fontaeus) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ GAC Advanced Design Los Angeles และผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ HYPTEC ได้กล่าวว่า ปรัชญาการออกแบบของ HYPTEC เริ่มต้นจากหลักปรัชญาการออกแบบ Human-Machine Symbiotic Aesthetics ที่มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีอัจฉริยะ และธรรมชาติอย่างลงตัว ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เรามุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งให้แก่ผู้ใช้ ด้วยการออกแบบภายในที่ทันสมัยและเรียบง่าย สะท้อนถึงบรรยากาศที่หรูหราของการเดินทางระดับเฟิร์สคลาส และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สะดวกสบาย

มร.สวี่เจ้าหยู่ (Xu Zhaoyu) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ ได้กล่าวว่า HYPTEC HT ถูกพัฒนาขึ้นด้วย 5 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ HYPTEC Design, HYPTEC Space, HYPTEC Smart, HYPTEC Energy และ HYPTEC Performance ที่เป็นการผสมผสานความสวยงามทางด้านดีไซน์, พื้นที่ภายในห้องโดยสาร, เทคโนโลยีอัจฉริยะ, การจัดการพลังงาน และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รวมกันไว้ใน HYPTEC HT เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับลูกค้า ทำให้ทุกคนหลงใหลในทุกการขับขี่ พร้อมเป็นเพื่อนคุณในทุกเส้นทาง

สำหรับการเปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ ในครั้งนี้ เปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่

•HYPTEC HT 620 Premium ราคาจำหน่าย 1,449,000 บาท

•HYPTEC HT 620 Luxury (ประตูปีกนก) ราคาจำหน่าย 1,749,000 บาท

สิทธิประโยชน์ HYPTEC Exclusive Privilege*

1.Financial Benefit ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% (เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 งวด)

*เมื่อรับรถและจดทะเบียนรถ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น

2.Exclusive Warranty Package

1.1รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม ตลอดอายุการใช้งาน

(เฉพาะเจ้าของรถส่วนบุคคล ผู้ครอบครองรถลำดับที่ 1, และไม่ใช้งานรถในลักษณะเชิงพาณิชย์)

*กรณีไม่เข้าตามเงื่อนไขด้านบน ระยะการรับประกันสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม จะถูกปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันเป็น 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยนับจากวันที่ออกรถ

1.2รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

1.3รับประกันชิ้นส่วนประตูปีกนก 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3.Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

4.Exquisite Gifts ฟรี ฟิล์มกระจก แผ่นรองเท้า ค่าจดทะเบียน

5.Exclusive Deal for Home Charger ฟรี Home Chager พร้อมบริการติดตั้ง (ฟรีสายไฟความยาวไม่เกิน 20 เมตร / รับประกันเครื่องชาร์จ 1 ปี)

6.In-car Internet Service แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ฟรี นาน 2 ปี ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน

7.Lifetime OTA Firmware Update ล้ำสมัยตลอดการขับขี่ บริการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในระบบรถยนต์ฟรีตลอดชีพ

8.24 Hours Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

โดย HYPTEC HT มาพร้อม 5 จุดเด่น ที่จะสร้างปรากฏการณ์การขับขี่ก้าวล้ำทันสมัย ดังนี้

HYPTEC Design

HYPTEC HT ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเหมือนผลงานศิลปะ เปรียบเสมือนแสงและเงาที่ไหลเวียนบนพื้นผิวที่เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน ตามหลักแนวคิด Aesthetics of mechanics and humanity สุนทรียศาสตร์ทางกลไกที่ผสมผสานกับความเป็นมนุษย์ ด้วยเส้นสายที่โค้งมนและลื่นไหล พร้อมด้วยดีไซน์หลังคาแบบลาดเอียง (Fastback) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ดีไซน์ด้านหน้าได้รับแรงบันดาลใจจาก อัญมณีคริสตัล ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน สร้างรูปลักษณ์หน้ารถที่เต็มเปี่ยมด้วยความลึกลับและสง่างามด้วยเทคนิคการขัดอัญมณี ไฟหน้าดีไซน์ Diamond Cut การออกแบบแบบคลาสสิกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพชร ส่องประกายอย่างสดใส ไฟท้าย Horizon ดีไซน์ไฟท้ายแบบรัน-ทรู ส่องแสงยามค่ำคืนเหมือนเส้นขอบฟ้าที่งดงาม

ไฮไลท์ที่โดดเด่นของ HYPTEC HT ก็คือ ประตูปีกนก (Gull wing doors) ที่นอกจากจะดูสวยงามและโดดเด่น ยังมอบพื้นที่การขึ้นลงขนาดใหญ่เป็นพิเศษด้วยความสูงของการเปิดที่ 2.3 เมตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องก้มศีรษะหรือย่อตัวเมื่อต้องขึ้นหรือลงจากรถ สามารถเปิดประตูในที่จอดรถแคบๆ ได้อย่างง่ายดาย ต้องการระยะด้านข้างเพียง 34 ซม. เพื่อเปิดประตู ทำให้ปรับตัวได้ดีกับพื้นที่จอดรถทั่วไป ระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางอัจฉริยะของระบบประตูปีกนกติดตั้งเรดาร์ 12 จุด ทำให้การเปิดประตูมีความชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ระบบดูดประตูไฟฟ้า ช่วยให้ประตูเปิดและปิดได้อย่างเงียบสนิทโดยไม่ส่งเสียงรบกวน (เฉพาะรุ่น 620 Luxury)

HYPTEC HT มาพร้อมสีตัวถังภายนอกทั้งหมด 5 สี และสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ดังนี้

สีภายนอก (Exterior)

-Rose Star (โรสสตาร์) *เฉพาะรุ่น 620 Luxury

-Spinel Grey (สปิเนลเกร)

-Alpine White (อัลไพน์ไวท์)

-Crystal Silver (คริสตัลซิลเวอร์)

-Onyx Black (โอนิกซ์แบล็ก)

สีภายใน (Interior)

-Berlin Beige (เบอร์ลินเบจ) *เฉพาะรุ่น 620 Luxury

-Midnight Black (มิดไนท์แบล็ก)

-Olympus Brown (โอลิมปัสบราวน์)

HYPTEC Space

HYPTEC HT นำเสนอมิติใหม่ของความสะดวกสบายและความหรูหราเหนือระดับ ด้วยห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาสขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อการพักผ่อนที่สะดวกสบาย เบาะนั่งโดยสารหุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa คุณภาพสูงและที่พักแขนทำจากวัสดุไม้แท้ ให้สัมผัสที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยฟีเจอร์เบาะรองน่องผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า พนักพิงเบาะหลังปรับเอนได้มากถึง 143 องศา ทำให้ผู้โดยสารสามารถนอนพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มความสบายระหว่างการเดินทางด้วยที่รองขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทำให้ผู้โดยสารสามารถเหยียดขาได้อย่างอิสระ ลดอาการเมื่อยล้าของขาและเท้าระหว่างการเดินทางไกล นอกจากนี้ยังมีโต๊ะอเนกประสงค์ในเบาะหลังคนขับดีไซน์โค้ง เพื่อลดอันตรายจากการกระแทกสำหรับเด็ก เบาะนวดไฟฟ้า 10 จุดคู่หน้า มอบความเพลิดเพลินจากการนวดระดับสปาด้วยโหมดการนวด 5 รูปแบบ

หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.6 ตารางเมตร พร้อมม่านไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 620 Premium) ให้การป้องกันแสงแดดและสะท้อนความร้อนได้ดียิ่งขึ้น กระจกลามิเนตสองชั้นรอบคัน ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก สร้างพื้นที่ส่วนตัวที่เงียบสงบ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่พิเศษ 670 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋ากอล์ฟได้ถึงสามใบ พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระแบบสองชั้นขนาด 80 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว และอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดเก็บด้านหน้ารถใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 55 ลิตร

สัมผัสสุนทรียภาพที่เหนือกว่า ด้วยระบบเสียง Dolby Atmos 7.1.2 พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 22 ตำแหน่ง สร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง ทำงานร่วมกับซับวูฟเฟอร์ ให้เสียงเบสที่หนักแน่นเหมือนการแสดงสดที่น่าประทับใจ พร้อมลำโพงอิสระที่ตำแหน่งไหล่ของผู้ขับขี่ ช่วยให้สามารถพูดคุยโทรศัพท์หรือฟังระบบนำทางโดยไม่รบกวนการฟังเพลงหรือภาพยนตร์ของผู้โดยสาร หน้าจอความละเอียดสูง 2.5K ขนาด 14.6 นิ้ว ประมวลผลด้วยชิป Qualcomm 8155 ที่ช่วยให้การเล่นลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และแอปพลิเคชันอื่น ๆ นอกจากนี้ HYPTEC HT ยังมาพร้อมระบบน้ำหอมปรับอากาศ ที่สามารถสั่งการผ่านหน้าจอกลาง เลือกกลิ่นได้ถึง 3 รูปแบบ

HYPTEC Smart

ห้องโดยสารอัจฉริยะ ADiGO SPACE มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงแบบ 4 ตำแหน่ง ไม่ว่าผู้ใช้อยู่ที่ใดภายในรถ ระบบสามารถรับรู้และดำเนินการตามคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิขณะขับขี่ ระบบสามารถวิเคราะห์สถานะการขับขี่ของผู้ขับได้อย่างชาญฉลาด และจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงและข้อความบนจอคอนโซลกลาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงฟีเจอร์การปรับที่นั่งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าแบบคลิกเดียว สามารถเลื่อนที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปด้านหน้าด้วยการกดเพียงครั้งเดียว เพื่อเพิ่มพื้นที่นั่งในแถวที่สองได้อย่างง่ายดาย

HYPTEC Energy

HYPTEC HT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง มอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.8 วินาที ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 แบบ lithium ion phosphate ขนาดความจุ 83.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยและคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์ และเทคโนโลยี “ซูเปอร์ชาร์จ” รองรับการชาร์จเร็ว สามารถชาร์จไฟจาก 10-70% ได้ภายใน 15 นาที วิ่งได้ระยะทาง 372 กม. และมีระยะทางขับขี่ไกลสูงสุด 620 กม. สามารถเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ – โคราช โดยไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างทาง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟสู่อุปกรณ์ภายนอก V2L กำลังสูงสุด 3,300 วัตต์

HYPTEC Performance

ระบบควบคุมการขับขี่ที่ทรงพลังของ HYPTEC HT ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP 3.0 ช่วยให้การควบคุมรถขนาดใหญ่เป็นเรื่องงาน ด้วยรัศมีวงเลี้ยว 5.6 เมตร ให้ความคล่องตัวสูง สามารถกลับรถได้ง่าย การจูนช่วงล่างที่มีต้นแบบจากรถซูเปอร์คาร์ พวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำพร้อมโหมดการขับขี่ที่ปรับแต่งได้ ทั้งในด้าน อัตราเร่ง/การเบรก/พวงมาลัย และการฟื้นฟูพลังงานได้อย่างอิสระ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbones) และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link ช่วยเพิ่มสมรรถนะและความสบายในการขับขี่ ลดการโคลงและสะเทือนในขณะจอดหรือเลี้ยว เสริมด้วย ASTC (Eagle Claw) ระบบรักษาเสถียรภาพอัจฉริยะ ช่วยปรับสมดุลของตัวรถโดยอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงจากการลื่นไถลของรถในสภาพฝนตก หรือเมื่อรถเสียการควบคุม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

HYPTEC HT ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากสถาบัน C-NCAP และได้รับคะแนนระดับ G (ระดับสูงสุด) ในด้านการปกป้องผู้โดยสาร, การปกป้องคนเดินถนน และความปลอดภัยเชิงรุก จากสถาบัน Zhongbao Research พร้อมด้วยช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมากมาย ดังนี้

•ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้า (SRS Airbags)

•ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างตอนหน้า

•ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้าง

•ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

•ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

•ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน (LDP)

•ระบบไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)

•ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)

•ระบบเตือนการเปิดประตู (DOW)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหลังเข้าใกล้ (RAW)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (ACC-S&G)

•ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICA)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)

•ระบบควบคุมความเร็วในขณะเข้าโค้ง (CSC)

•ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DMS)

•ระบบเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)

•ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)

•ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

มร.โอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) ยังได้กล่าวอีกว่า “GAC AION ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบพลังงานควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่ เราทำงานร่วมกับ GAC Energy โดยตั้งเป้าสร้างสถานีชาร์จ 25 แห่งในปีนี้ และสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จภายในรัศมี 15 กิโลเมตรทั่วกรุงเทพฯ”

“ภายในปี 2570 เราวางแผนจะสร้างสถานีชาร์จให้ครอบคลุม 100 เมืองทั่วประเทศ เป็นจำนวน 200 แห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION และ HYPTEC จะได้รับความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้า ในด้านการพัฒนาบุคลากร เราได้เพิ่มจำนวนพนักงานในประเทศไทยถึง 12.6 เท่า จากช่วงเริ่มต้น และได้สนับสนุนการสร้างงานในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง”

มาสด้า มอบรางวัลดีลเลอร์ที่ผลการดำเนินธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2566

มาสด้า มอบรางวัลดีลเลอร์ที่ผลการดำเนินธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2566 เดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดและมุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้าชาวไทย

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ Mazda Dealer of Excellence Award 2023 ภายใต้ธีม “Celebrating the Spirit’s Pathway” เพื่อยกย่องความสำเร็จจากผลการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในปีที่ผ่านมา ตามแนวทาง Customer Experience Management (CXM) หรือ การจัดการประสบการณ์ลูกค้า ที่ดีลเลอร์มุ่งมั่นทุ่มเทส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขที่ได้จากประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า ซึ่งเป็นนโยบายหลักสำคัญในการบริหารงานของมาสด้าทั่วโลก มีผู้จำหน่าย 16 แห่ง จากทั่วประเทศ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในปีนี้ไปครอง นอกจากนี้ ภายในงานฯ มาสด้ายังได้มอบรางวัล Mazda Guild Award 2023 หรือ รางวัลยอดเยี่ยมฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายให้กับทีมงานของผู้จำหน่าย เพื่อแสดงถึงความสำเร็จในการทำงานของทีมงานตลอดปีที่ผ่านมา โดยงานนี้จัดขึ้น ณ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าได้นำกลยุทธ์ Retention Business Model มาใช้เป็นแกนหลักในการปรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องเป็นปีที่สองติดต่อกัน เป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า ตั้งแต่ก่อนการซื้อไปจนถึงการบริการหลังการขาย และนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำกลายเป็นวงจรแห่งชัยชนะ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มาสด้ายึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติจนประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก มีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์มาสด้าเพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน กลยุทธ์ดังกล่าวได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง และกำลังมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งมาสด้าในประเทศไทยจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ หากปราศจากผู้จำหน่ายที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันผลักดันนโยบายนี้ไปพร้อมกัน

“มาสด้าไม่ต้องการเป็นแบรนด์ที่จำหน่ายยานพาหนะเพื่อการเดินทางเท่านั้น แต่เราต้องการส่งมอบความสุขและประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือระดับให้กับลูกค้ารวมถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว ขอขอบคุณผู้จำหน่ายที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับแบรนด์มาสด้า และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกันนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้จำหน่ายที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมา สามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติแห่งปีไปครอง ซึ่งรางวัลแห่งเกียรติยศในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่เพียงเครื่องหมายการันตีถึงความมุ่งมั่นในการทำงานเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความสำเร็จของผู้จำหน่ายที่สามารถครองใจลูกค้าของเรา” มร.ทาดาชิ มิอุระ กล่าว

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งาน Mazda Dealer of Excellence Award 2023 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Celebrating the Spirit’s Pathway” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จอีกก้าวของผู้จำหน่ายมาสด้าที่แข่งขันกันในการดูแลลูกค้า ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนานัปการ อันเป็นสปิริตที่ชาวมาสด้ายึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติงานจนประสบความสำเร็จ และสามารถส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุก ๆ Touchpoint ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของมาสด้าทั่วโลกที่ยึดมั่นปฏิบัติงานเพื่อให้มาสด้ากลายเป็น Top Retention Brand เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้าตลอดไป

รางวัล Mazda Dealer of Excellence Award 2023 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Gold 5 รางวัล Silver 5 รางวัล และ Bronze 5 รางวัล และยังมีการมอบรางวัล Guild Award ประเภทฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายยอดเยี่ยม ให้กับทีมงานของผู้จำหน่ายที่ปฏิบัติงานด้วยความเป็นเลิศ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและตอกย้ำถึงความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในปีที่ผ่านมา บรรยากาศในงานมอบรางวัลเต็มไปด้วยความอบอุ่น เป็นกันเอง สร้างความปลื้มปิติของทั้งผู้จำหน่าย ทีมงาน และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ทุกคน

พร้อมกันนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายมาสด้าในประเทศไทย ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นต่อไป เพื่อตอบสนองต่อเจตนารมณ์ในการดำรงอยู่ของมาสด้า (Purpose) พร้อมสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คน แทนคำมั่นสัญญาในการส่งมอบรถยนต์และประสบการณ์ความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน (Promise) และการส่งมอบคุณค่า รวมถึงประสบการณ์ความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยการดูแลเอาใจใส่ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท (Value) เพื่อให้แบรนด์มาสด้ากลายเป็น Top Customer Retention Brand เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้าตลอดเวลา แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจตลอดการเดินทาง พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่เคียงข้างลูกค้าชาวไทยและสังคมตลอดไป

 ผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ประกอบด้วย

รางวัลผู้จำหน่าย
ระดับ Goldบริษัท ชูเกียรติยนต์ จำกัด
กลุ่มบริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน)
กลุ่มบริษัท พระราม 7 กรุ๊ป จำกัด
กลุ่มบริษัท 14 ออโต้กรุ๊ป จำกัด
กลุ่มบริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ จำกัด
ระดับ Silverบริษัท มาสด้า ประจวบฯ จำกัด
บริษัท กฤษฎา ออโต้ จำกัด
บริษัท เจริญศรีนครพนม (2012) จำกัด
กลุ่มบริษัท ช.เอราวัณออโตเซลล์ จำกัด
กลุ่มบริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้าภูเก็ต จำกัด
ระดับ Bronzeกลุ่มบริษัท วี แอนด์ พี มอเตอร์เซลส์ จำกัด
กลุ่มบริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด
กลุ่มบริษัท แอลบาทรอส ออโต้ จำกัด
กลุ่มบริษัท บิซ มอเตอร์ส จำกัด
กลุ่มบริษัท มาสด้า เชียงใหม่ จำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญสินมอเตอร์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งแคมเปญคืนสิทธิการรับประกันแบตเตอรี่

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งแคมเปญ “Welcome Back Stars” คืนสิทธิการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 ให้กับลูกค้าที่หลุดจากเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพเดิม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เห็นความสำคัญของประสิทธิภาพและความมั่นใจในการใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคัน จึงได้จัดแคมเปญมอบสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม HYBRID และ Plug-in Hybrid ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี และหลุดจากเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพ High Voltage Battery ตามเงื่อนไขเดิม โดยสามารถนำรถยนต์กลับเข้ามารับบริการ ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 และเข้าร่วมแคมเปญ “Welcome Back Stars” เพื่อรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 เพิ่มความมั่นใจให้ทุกการเดินทางของลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์  โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

1.เข้ารับบริการ Service A หรือ B ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

2.มีค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ มากกว่าหรือเท่ากับ 40,000 บาท* (ค่าแรงและค่าอะไหล่ หลังหักส่วนลดและก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม)

3.High-Voltage Battery ได้รับการตรวจสอบคุณภาพปัจจุบันโดยศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ และมีผลทดสอบคุณภาพผ่านเกณฑ์โดยแบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ (แบตเตอรี่เสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ) ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ*

4.เฉพาะรถยนต์รุ่นที่กำหนดในโครงการ Welcome Back Stars และมีเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery ตามรายละเอียดที่ระบุในตารางด้านล่างนี้

รุ่นรถยนต์และเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพเดิมของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery)
ลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 1ลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 2
การรับประกัน High-Voltage Battery รับประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง ภายใน 5 ปีแรก และ จำกัดระยะทาง โดยหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ต้องมีระยะทางไม่เกิน 150,000 กม. ในระหว่างปีที่ 6-10 ปี นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า รุ่นรถยนต์ GLE (W166) 166063 GLE 500 e 4MATIC C-Class (W205) 205012 C 300 BlueTEC HYBRID C-Class Estate (S205) 205212 C 300 BlueTEC HYBRID Estate C-Class (W205) 205047 C 350 e C-Class Estate (S205) 205247  C 350 e Estate C-Class (W205) 205053 C 300 e E-Class (W212) 212098 E 300 BlueTEC HYBRID E-Class Estate (S212) 212298 E 300 BlueTEC HYBRID Estate E-Class (W213) 213050 E 350 e S-Class (V222) 222157 S 400 HYBRID S-Class (V222) 222104 S 300 BlueTEC HYBRID S-Class (V222) 222163 S 500 e S-Class (V222) 222173 S 560 eการรับประกัน High-Voltage Battery รับประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า   รุ่นรถยนต์ C-Class (W206) 206054 C 350 e E-Class (W213) 213053 E 300 e GLC Coupé (C253 ) 253353 GLC 300 e 4MATIC Coupé GLC (X253) 253953 GLC 300 e 4MATIC GLC Coupé (C254) 254356 GLC 350 e 4MATIC  Coupé GLC (X254) 254656 GLC 350 e 4MATIC GLE (V167) 167117 GLE 350 de 4MATIC S-Class (V223) 223168 S 580 e Mercedes-Maybach S-Class (Z223) 223968 Mercedes-Maybach S 580 e Premium และรุ่นรถยนต์อื่นๆ ในปี 2567 ที่ทางบริษัทฯกำหนด

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมแคมเปญเพื่อรับสิทธิ ดังนี้ 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมแคมเปญเพื่อรับสิทธิ ดังนี้ 

1.ส่วนลด 20% จากราคาขายแนะนำสำหรับอะไหล่ High Voltage Battery

•สำหรับลูกค้าที่รถยนต์ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบคุณภาพ High-Voltage Battery ตามเงื่อนไขและข้อกำหนด จะได้รับสิทธิพิเศษส่วนลดค่าอะไหล่ 20%* จากราคาขายแนะนำ เมื่อทำการเปลี่ยน High-Voltage Battery (โดยได้รับส่วนลดข้างต้น) จะได้รับการรับประกันคุณภาพ 2 ปี ตามมาตรฐานอะไหล่แท้เมอร์เซเดส-เบนซ์

•เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ และเข้ารับบริการ Service A หรือ B จะได้รับคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10* นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพจำกัดระยะทางขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ ที่ระบุในตารางด้านบน

2.ราคาพิเศษ! แพ็กเกจ Extended HV battery การขยายการรับประกัน High-Voltage Battery 10 ปี เป็นแบบไม่จำกัดระยะทาง ในราคา 50,000 บาท (สำหรับกลุ่มรถยนต์ที่ได้รับการรับประกัน 10 ปี แบบจำกัดระยะทาง 150,000 กม.)

สำหรับลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 1 ที่ได้รับการประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางภายใน 5 ปีแรก และ จำกัดระยะทางโดยหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ต้องมีระยะทางไม่เกิน 150,000 กม. ระหว่างปีที่ 6-10 ปี (นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า) สามารถขยายการรับประกันคุณภาพเดิม High-Voltage Battery 10 ปี เป็นแบบไม่จำกัดระยะทาง เมื่อซื้อแพ็กเกจ Extended HV battery นี้

*เงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ

1.สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ารับบริการ Service A หรือ B ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567 และชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด

2.มียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ มากกว่าหรือเท่ากับ 40,000 บาท คำนวณเฉพาะค่าสินค้าและบริการตามประเภทที่กำหนด โดยสามารถรวมค่าบริการ Service A/B, งานซ่อมบำรุงตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์, Accessories & Collections, MB Tire, Digital Extras, Renew Mercedes Me Service รวมค่าอะไหล่และค่าแรงหลังหักส่วนลดใดๆ (ถ้ามี) โดยเป็นมูลค่าก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

3.สงวนสิทธิ์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์, งานบริการ Internal, งานรับประกัน Warranty และงานซ่อมสีตัวถัง ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

4.สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้ ในกรณีมีการเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่ในศูนย์บริการฯ เท่านั้น ไม่สามารถนำอะไหล่ออกไปนอกศูนย์บริการฯ

5.โปรดตรวจสอบรายละเอียดโครงการ รุ่นรถยนต์ที่เข้าร่วม และเงื่อนไขโครงการ ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

โตโยต้า จัดกิจกรรมแข่งขันทักษะการบริการประจำปี 2567

โตโยต้า จัดกิจกรรมแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้ารอบคัดเลือก ประจำปี 2567 (2024 Toyota Dealer Customer Service Skills Contest, Qualifying Round)

นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแสดงความยินดี และมอบรางวัลในการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบคัดเลือก ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า จัดการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบคัดเลือก ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม ถึง 11 กันยายน พ.ศ. 2567 รวมทั้งสิ้น 8 รอบ โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 1,100 คน จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 154 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน 9 ประเภท ที่ครอบคลุมตั้งแต่การบริการลูกค้าทั่วไป ไปจนถึงการบริการตัวถังและสี ได้แก่

1. ช่างเทคนิคระดับสูง

2. ช่างเทคนิคระดับพื้นฐาน

3. ผู้บริหารงานบริการ

4. พนักงานอะไหล่

5. พนักงานลูกค้าสัมพันธ์

6. พนักงานคอลเซ็นเตอร์  

7. ช่างซ่อมสีรถยนต์

8. ช่างซ่อมตัวถังรถยนต์

9. ผู้บริหารงานตัวถังและสี

จากการแข่งขันรอบคัดเลือกอย่างเข้มข้น มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 91 คน จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 53 แห่ง ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ ซึ่งจะจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

การแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า จัดขึ้นภายใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งพัฒนาทักษะการบริการลูกค้าของบุคลากรผู้แทนจำหน่าย ให้มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้า ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านพฤติกรรม ความต้องการของลูกค้า และเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ของโตโยต้า ในการเป็นผู้นำและสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้านการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อส่งมอบความสุข และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้คน และสังคมไทย

นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี กล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมว่า “การจัดกิจกรรมแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้าถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้โตโยต้ายังคงครองความเป็นที่หนึ่ง อันเกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของโตโยต้า โดยเรามุ่งมั่นให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการเข้ามาของคู่แข่งหน้าใหม่ ดังนั้น ในการเสริมจุดแข็ง และแก้จุดอ่อนของเรา ต้องมาจากรากฐานที่เข้มแข็ง นั่นคือ ทรัพยากรบุคคล หรือพนักงานของผู้แทนจำหน่าย ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่า และสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้แทนจำหน่าย”

ร่วมเป็นกำลังใจและติดตามชมภาพบรรยากาศและผลการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบชิงชนะเลิศ ประจำปี 2567 ได้ที่ www.toyota.co.th ในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้

ฮอนด้า ยกระดับศักยภาพพนักงานขายและบริการ

ฮอนด้า ยกระดับศักยภาพพนักงานขายและบริการทั่วประเทศผ่านการแข่งขัน Honda Skill Contest 2024 อย่างเข้มข้น พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าตลอดการใช้งาน

ฮอนด้า สานความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าตลอดการใช้งานผลิตภัณฑ์และการบริการในทุกขั้นตอน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 34 ประจำปี 2567 (Honda Skill Contest 2024) ภายใต้แนวคิด “Empowering Excellence ก้าวสู่ความเป็นเลิศ มุ่งสู่ความสำเร็จ” เพื่อเป้าหมายในการยกระดับศักยภาพและพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญของพนักงานผู้จำหน่ายฮอนด้า 219 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งการขายและบริการหลังการขาย 10 ประเภท ได้แก่ ที่ปรึกษาการขาย ที่ปรึกษาการบริการ พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ พนักงานช่างซ่อมทั่วไป พนักงานช่างซ่อมตัวถังและสี พนักงานอะไหล่ พนักงานช่างบริการตามระยะแบบคู่ ที่ปรึกษาการบริการซ่อมตัวถังและสี พนักงานตรวจสอบคุณภาพรถใหม่ และครูฝึกขับขี่ปลอดภัย เพื่อส่งมอบการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการ สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ทั้งยังสานต่อความผูกพันของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“กว่า 40 ปีที่ฮอนด้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นอกจากการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า สิ่งที่ฮอนด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ บุคลากร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานในทุกขั้นตอน และวันนี้กิจกรรม Honda Skill Contest ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 34 ปี นับเป็นหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยพัฒนาทักษะและยกระดับความสามารถการปฏิบัติงานของพนักงานผู้จำหน่ายฮอนด้าทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการให้บริการลูกค้า นับตั้งแต่ลูกค้าก้าวเข้ามาเป็นครอบครัวฮอนด้า การบริการหลังการขาย รวมถึงการขายต่ออย่างครบวงจร การแข่งขันฯ นี้ ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้พนักงานเกิดความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าถึงความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการกลับมาซื้อและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงถ่ายทอดความประทับใจให้กับคนใกล้ชิดมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฮอนด้าอีกด้วย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้ฮอนด้าเติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างสังคมไทยต่อไป”

การแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าประจำปี 2567 ได้มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยมุ่งเน้นการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ไลน์อัปผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อให้พนักงานทุกส่วนมีความพร้อมในการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ และรองรับพื้นฐานที่สำคัญของผลิตภัณฑ์กลุ่ม xEV ในอนาคต โดยการแข่งขันได้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และรอบชิงชนะเลิศ จัดขึ้นในวันที่ 15 กันยายน 2567 ณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการขายและบริการ มีพนักงานที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 120 คน จากพนักงานเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 2,194 คน โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ Silver Trophy โล่รางวัลใบประกาศเกียรติคุณ เงินรางวัล และได้รับการจารึกชื่อที่หอเกียรติยศ ณ ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการขายและบริการ พร้อมทั้งเดินทางไปทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำประสบการณ์มาใช้ต่อยอดในการทำงานต่อไป

สำหรับผลการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าครั้งที่ 34 ประจำปี 2567 (Honda Skill Contest 2024) ทั้งหมด 10 ประเภท ได้แก่

ประเภทการแข่งขันผู้ชนะศูนย์บริการ
ที่ปรึกษาการขายคุณธีรนนท์ สุขพงษ์บริษัท สระบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาพระพุทธบาท
ที่ปรึกษาการบริการคุณธีรชัย อุยตระกูลบริษัท ราชบุรี ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
ที่ปรึกษาการบริการซ่อมตัวถังและสี คุณวิศิษศักดิ์ ท้าวกัลยาบริษัท วี. กรุ๊ป ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาบางกอกน้อย
พนักงานลูกค้าสัมพันธ์คุณปัทมาวรรณ ปัญญาใสบริษัท นนทบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด
พนักงานอะไหล่คุณอรรถพล แย้มยงค์บริษัท นนทบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด
พนักงานช่างซ่อมทั่วไปคุณถกลรัตน์ วงษ์สนิทบริษัท เมืองกาญจน์ ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
พนักงานช่างซ่อมตัวถังและสีคุณณัฐพงษ์ สุก๋า
และคุณเสกสิทธิ์ เชื้อวงศ์คำ
บริษัท เชียงแสงยนตรการ จำกัด สาขาถนนลำปาง-เชียงใหม่
พนักงานช่างบริการตามระยะแบบคู่คุณบุญส่ง กอนนาค
และคุณยานี เสมอเหมือน
บริษัท สุวินทวงศ์ ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
พนักงานตรวจสอบคุณภาพรถใหม่คุณคณินทร์ คำหนูบริษัท นครราชสีมา ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
ครูฝึกขับขี่ปลอดภัยคุณกัมพล ใจแก้วบริษัท ฮอนด้าคาร์ส นครสวรรค์ จำกัด สาขาเขาเขียว

นอกจากพนักงานฮอนด้าที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ที่พร้อมให้บริการลูกค้า ฮอนด้ายังมาพร้อมบริการพิเศษฟรี ที่ทำให้การซื้อรถยนต์ฮอนด้าคันใหม่ของลูกค้าอุ่นใจ อาทิ “การรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี” ที่มาพร้อมกับ “บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง”

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังมีบริการเสริมสำหรับลูกค้าเพิ่มเติม อาทิ

“Honda Ultimate care” ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง* ให้ลูกค้าจ่ายเบา ๆ ในราคาที่สุดคุ้ม

“Honda PaySave แพ็กเกจเช็กระยะ” ลดค่าแรงค่าอะไหล่สูงสุด 15%* ซึ่งมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในการบำรุงรักษารถยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานของฮอนด้าทั่วประเทศ และในปีนี้ฮอนด้าได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ได้แก่

-PaySave Exclusive 6 และ Exclusive 10 ที่จะครอบคลุมการเช็กระยะสูงสุด 10 ระยะ ภายใน 66เดือน มาพร้อมส่วนลดค่าแรงค่าอะไหล่สูงสุด 15%* สำหรับลูกค้ารถใหม่ที่อายุไม่เกิน 1 ปี

-PaySave อุ่นใจ สำหรับลูกค้าที่ต้องการความคุ้มครองบนท้องถนนต่อเนื่องหลังจากหมดระยะการรับประกันและอายุรถไม่เกิน 6 ปี โดยจะครอบคลุมการเช็กระยะ 4 ระยะ ภายใน 30 เดือน พร้อมส่วนลดค่าแรงและค่าอะไหล่ 10%* และมอบความอุ่นใจให้ยาวขึ้นอีกด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพิ่มให้อีกฟรี 2 ปี*

พร้อมมอบความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในการเข้ารับบริการ เพียงลูกค้านัดหมายและยืนยันเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่าน “Online Service Booking” ที่ https://servicebooking.honda.co.th  หรือทาง LINE Official Account (@Honda-Thailand) ท่านสามารถเลือกใช้การบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ อาทิ

“Honda Drop & Go”* เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในนัดหมายเช็กระยะล่วงหน้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ เพียงลูกค้านัดหมายและยืนยันเข้ารับบริการล่วงหน้า เมื่อถึงวันนัดหมาย ลูกค้าสามารถนำรถมาจอดและฝากกุญแจ ณ จุดบริการของศูนย์บริการได้เลย

“Honda Quick Service”* ลูกค้าสามารถนัดหมายล่วงหน้าในการบริการเช็กระยะแบบเร่งด่วนที่สะดวก รวดเร็ว ด้วยบริการที่อบอุ่น มั่นใจกับทีมช่างเช็กระยะแบบคู่ที่ชำนาญ อะไหล่ที่ได้มาตรฐานใส่ใจคุณภาพงานซ่อม โดยสามารถรอรับรถได้ภายในระยะเวลา 60 90 และ 120 นาที ขึ้นอยู่กับประเภทของงานเช็กระยะ

“บริการซ่อมตัวถังและสี”* ด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ด้านงานบริการซ่อมตัวถังและสีโดยเฉพาะ และนวัตกรรมการซ่อมสีด้วยสูตรน้ำ (Waterborne) ที่ทำให้สีรถดูสวยเงางาม คงทนในทุกสภาวะ โดยสามารถนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของการบริการได้ที่ https://www.honda.co.th/service

ฮอนด้า เชื่อมั่นว่าการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานผ่านกิจกรรม Honda Skill Contest จะช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการของฮอนด้าให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

* – เงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางบริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.honda.co.th/service

  – “Honda Drop & Go” “Honda Quick Service” และ “บริการซ่อมตัวถังและสี” ให้บริการแตกต่างกันในแต่ละโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า ลูกค้าสามารถตรวจสอบล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยเทรนด์ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาเซียน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยสภาวะตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ วิเคราะห์เทรนด์ โอกาส ความท้าทาย และพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดภูมิภาคอาเซียน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์สะท้อนการเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในงาน International NEV Summit 2024 ครั้งที่ 2 โดย นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้บรรยายในหัวข้อ “Insights into the NEVs Market in Southeast Asia” เผยความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ มองอดีตและอนาคต พร้อมข้อมูลวิเคราะห์เจาะลึกอย่างละเอียดทั้งแนวโน้มของอุตสาหกรรม โอกาส ความท้าทาย และพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน พร้อมชี้โอกาสการเติบโตทางธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยเน้นกลยุทธ์สร้างเอกลักษณ์และมอบความแตกต่างให้ผู้บริโภคสู่การนำพาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ และขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาเซียน โดยงาน International NEV Summit 2024 ครั้งที่ 2 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องคอนราด บอลลูน โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

งาน International NEV Summit 2024 ครั้งที่ 2 เป็นการประชุมระดับนานาชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาตลาดรถยนต์พลังงานใหม่เพื่ออนาคต รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภายในงานรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้บริหารระดับสูง และนักวิจัย เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มการพัฒนาตลาดพร้อมวางแผนกลยุทธ์อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ และโอกาสในการดำเนินธุรกิจในกลุ่มของรถยนต์พลังงานใหม่

นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) วิเคราะห์ข้อมูลตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียนว่า “ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนในปี พ.ศ. 2566 มียอดขายทั้งสิ้น 3.4 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้เป็นรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) กว่า 3 แสนคัน หรือ 8% ของตลาดรถยนต์โดยรวมทั้งหมด โดยใน 8% นี้ แบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด (HEV) 4%, รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) 1% และรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) 3% โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มียอดขายรถ NEV สูงที่สุดในตลาดอาเซียน หรือประมาณ 64% ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 19%, มาเลเซีย 8%, เวียดนาม 6% และฟิลิปปินส์ ที่ 3% โดยรถ NEV ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอาเซียนจะเป็นรถเอสยูวีและรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ คาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 ตลาดอาเซียนจะมียอดขายรถ NEV เพิ่มขึ้นจาก 3 แสนคันเป็น 6 แสนคัน หรือมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 18% ของตลาดรถยนต์โดยรวม ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญให้แบรนด์ต่างๆ ได้เร่งทำกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาสใหญ่นี้ท่ามกลางจำนวนประชากรในภูมิภาคที่มีมากถึง 640 ล้านคน โดยอีก 6 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรจะทะลุถึง 721 ล้านคน และยังเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยศักยภาพในการเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ เป็นที่ตั้งของแรงงานของคนรุ่นใหม่ไปจนถึงกลุ่มคนระดับกลางที่กำลังเติบโต”

เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่สร้างการเติบโตของรถยนต์ NEV ในแต่ละประเทศในตลาดอาเซียนจะพบว่า นโยบายภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการผลิตและการใช้รถยนต์ NEV โดยในประเทศไทย มีนโยบาย 30@30 การส่งเสริมการลงทุนของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ประเทศมาเลเซียตั้งเป้าหมายสัดส่วนรถยนต์ NEV 31%, 40%, 70% ภายในปี 2569, 2578, และ 2593 ตามลำดับ สำหรับประเทศอินโดนีเซีย ตั้งกลยุทธ์ INDONESIA AUTOMOTIVE 4.0 เป้าหมายมีรถยนต์ NEV 20% ภายในปี 2569 รวมถึงให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนผลิตแบตเตอรี่ในการใช้แร่นิกเกิลที่มีอยู่ในประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ในประเทศเวียดนาม ตั้งเป้าให้รถยนต์ทุกคันบนถนนเป็นรถยนต์พลังงานสีเขียวภายในปี 2593 และในประเทศฟิลิปปินส์ ออกนโยบายการลดภาษีนำเข้ารถ NEV เหลือ 0% จนถึงปี 2571 เพื่อกระตุ้นการใช้รถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ตลาด NEV ในอาเซียนก็ยังมีความท้าทายในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความต่อเนื่องของนโยบายของภาครัฐ การกีดกันทางการค้าทั้งในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษี ความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบอะไหล่ต่างๆ ภายในประเทศ รวมถึงข้อกังวลในมุมมองผู้บริโภค ทั้งในด้านของราคาชิ้นส่วนอะไหล่โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ค่าประกันภัยรถยนต์ NEV ความพร้อมของสถานีชาร์จ ความไม่มั่นใจในคุณภาพสินค้า ราคาขายต่อ ความกังวลด้านบริการหลังการขายและความรู้ความชำนาญของช่างเทคนิค รวมถึงความกังวลผลพวงจากสงครามราคา ล้วนเป็นปัจจัยที่ชะลอการเติบโตของตลาดรถยนต์ NEV ในภูมิภาคอาเซียนทั้งสิ้น

สำหรับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เข้ามาดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและเป็นประเทศยุทธศาสตร์ โดยในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมและเร่งขับเคลื่อนปรับกลยุทธ์ด้วยการสร้างความแตกต่างผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 10 รุ่น โดยครอบคลุมทุกประเภทเครื่องยนต์ที่หลากหลายและครอบคลุม ทั้งไฮบริด ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มรถยนต์ตระกูล HAVAL และ ORA ที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการใช้งานรถยนต์พลังงานใหม่ในกลุ่มนรถยนต์อเนกประสงค์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและนวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยขั้นสูงสุด การออกแบบที่มีเอกลักษณ์และเพื่ออนาคต งานบริการหลังการขายที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเร่งเดินหน้าผลักดันให้ประเทศไทยมีระบบนิเวศรถยนต์พลังงานใหม่ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การตั้งโรงงานอัจฉริยะแห่งแรกในอาเซียนเมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่จังหวัดระยอง รวมถึงการนำพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงงานผลิตแบตเตอรี่ SVOLT, HYCET, NOBO, MIND, และ Exquisite สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้อีกด้วย

นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ภายใต้นโยบาย One Price Policy ที่สร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใสในการกำหนดราคา ให้ผู้บริโภคคลายความกังวลด้วยราคาเดียวกันทั่วประเทศ โมเดลการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ สโตร์ (Partner Models) ที่เน้นการสร้างความร่วมมือและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน การให้บริการแบบผสานช่องทางการค้าแบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (Online to Offline Commerce) ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ Smart Service ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล รวมถึงการรับฟังเสียงของผู้บริโภคด้วยกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานใหม่เพื่ออนาคต เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน อยู่เคียงข้างคนไทยและผลักดันศักยภาพของประเทศไทยเพื่อก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้วิสัยทัศน์ In Thailand, For Thailand

อีซูซุบริจาคเงิน 1 ล้านบาท พร้อมน้ำดื่มสะอาด สู้ภัยน้ำท่วม

อีซูซุบริจาคเงิน 1 ล้านบาท เพื่อการจัดหาเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมน้ำดื่มสะอาดเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ

นายจุติพงศ์ บุญสูง ประธานกรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยมอบให้แก่ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อการจัดหาเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนผู้ประสบภัยในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ อีกทั้งอีซูซุยังส่งมอบน้ำดื่ม อีซูซุมากกว่า 54,000 ขวด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมบริการรถอีซูซุโมบายเซอร์วิส ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนสำหรับลูกค้าอีซูซุในจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน และยังสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี พร้อมรับส่วนลดค่าแรง 30% และค่าอะไหล่ 30% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 3 จ.บุรีรัมย์ เสียงเชียร์กระหึ่ม

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 3 จ.บุรีรัมย์ ส่งมอบความมันต่อเนื่อง เสียงเชียร์กระหึ่มในงาน นับเป็นสุดขีดของมอเตอร์สปอร์ต ที่โตโยต้าปักธงเป็นสนามวิจัยเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า หรือ Make Ever-Better Cars ก่อนผลิตส่งมอบให้กับผู้บริโภค

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าในจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้สนับสนุนรายการอย่างเป็นทางการ ร่วมเปิดการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 3 ที่จัดขึ้น ในวันที่ 13-14 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเปิดการแข่งขันว่า “ขอขอบคุณ พี่น้องชาวบุรีรัมย์ทุกท่านที่ให้การต้อนรับ เข้าร่วมกิจกรรม และสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยสนามบุรีรัมย์ เป็นสนามที่ 3 ของการแข่งขันนี้ ที่ท้าให้ท่านร่วมพิสูจน์สมรรถนะ ความทนทาน และสนุกสนานไปกับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ Toyota One Make Race หลากหลายรุ่น อาทิ ยาริส / ยาริส เอทีฟ / โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต และ ไฮลักซ์ รีโว่ โดยมีรถเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 55 คัน ที่พร้อมจะมาท้าทายขีดจำกัด เพราะเราเชื่อว่า สภาพแวดล้อมที่สุดขีดของมอเตอร์สปอร์ต ล้วนส่งเสริมให้ โตโยต้าพยายามสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า หรือ Make Ever-Better Cars

นอกจากนี้ท่านจะได้เห็นความมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยใช้เชื้อเพลิงทางเลือก Carbon Neutral Fuel ผ่านกีฬามอเตอร์สปอร์ตจาก ยาริส ที่ขับโดย อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “ป๊ายปาย โอริโอ้” และยาริส เอทีฟ ที่ขับโดย “มิย่า-พิชชา ทองเจือ”

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 8 รอบ)

บรรยากาศการแข่งขันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน ตลอด 8 รอบการแข่งขัน โดยมีนักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ป๊ายปาย โอริโอ้” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ลงสนามโดยใช้ YARIS One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก เข้าร่วมแข่งขัน แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ หมายเลข 90 นฤนนท์ภัทร รัตน์ชเลสินธร จากทีม Wise BRDM-Tech Just car Top one web By VG

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
190นฤนนท์ภัทร รัตน์ชเลสินธรWise BRDM-Tech Just car Top one web By VG
289วรัญชิต วัฒนาธนกุลWISE PTT Lubricants
31อเล็กซานเดอร์ ฟัน เมาริคFortron Racing Team
466ศริทธนา มิตรอารีLenso Motorsport x Carlified Car Wash by VG
536ปณิธาน รักไพบูลย์สมบัติNexzter drive to drift MX racing team

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 8 รอบ)

แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ หมายเลข 47 เบร็นแดน พอล แอนโทนี่ จากทีม Superclub Racing Team

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
147เบร็นแดน พอล แอนโทนี่Superclub Racing Team
239คาร์เมน เหลียง
35ร้อยเอกจองชัย วงศ์ทรายทอง
493แดลเนียล ชาร์
563ขวัญศิโรช ตระกูลวณิชย์Project Monkey

ผลการแข่งขัน YARIS ATIV Lady One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

รายการแข่งขันของนักแข่งสาวสวย โดยมี YARIS ATIV One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก ที่ขับโดย มิย่า พิชชา ทองเจือ นักแข่งจาก Toyota Racing Star Team เข้าร่วมแข่งขัน จบการแข่งขันผลปรากฎว่า อันดับที่ 1 ตกเป็นของ หมายเลข 188 ณัฏฐวลัญช์ แสนสุข จากทีม KUROKI RACING

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
1188ณัฏฐวลัญช์ แสนสุขKUROKI RACING
2154ระพีพรรณ มีอุสาห์Nexkart Racing
3156อริญรดา ฮอร์นDrive Todrift
4168ศิริภากรณ์ แยบยนต์TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3
5155นิชา วีรพรLenso Motorsport by WootBangbon3

ผลการแข่งขัน COROLLA ALTIS GR SPORT One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

บรรยากาศเข้มข้น และเร้าใจสุดๆ โดยมีดารานักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ปังปอนด์ อัครวุฒิ” เข้าร่วมแข่งขัน และสามารถชิงอันดับ 5 ขึ้นยืนโพเดียมได้ในสนามนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนคลับ จบการแข่งขันผลปรากฏว่า แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ หมายเลข 51 ไอตั้น อัษฏาธร จากทีม Lin Motorsport

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
151ไอตั้น อัษฏาธรLin Motorsport
222ธนากร เลี่ยวไพรัตน์
326อัฐพล แก้วอาษาB-Quik Racing Team
49สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์Nexzter Singha Sittipol Racing Team
510ปังปอนด์-อัครวุฒิ มังคลสุตTOYOTA Racing Star Team

ผลการแข่งขัน HILUX REVO One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

รายการแข่งขันชิงเจ้ากระบะ โชว์สมรรถนะของเครื่องยนต์ ผลการแข่งขันปรากฏว่า อันดับที่ 1 ตกเป็นของ หมายเลข 31 ประพจน์ ชื่นวิจิตร จากทีม Nexzter GG Racing

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
131ประพจน์ ชื่นวิจิตรNexzter GG Racing
23กิตติศักดิ์ เสียงสลักBKC by House of Cars
320ธิบดินทร์ สันทัดค้าNeon Creation Nexzter Trane Racing Team
449พงศธร โอนอ่อนKM Racing By กมลการยาง
544อรุณพงศ์ ศรีฤทธิ์Nexzter racing team by Vanguarg X Voltronic

แล้วไปมันส์กันต่อในงาน Toyota Gazoo Racing Thailand สนามที่ 4

วันที่ 9-10 พฤศจิกายน 2567 นี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ. เชียงใหม่

พร้อมออกเดินทางไปสร้างรอยยิ้มและความสนุกกันต่อ กับกิจกรรมจัดเต็มตลอดทั้งวัน

ตื่นเต้นไปกับ “Night Show” แสงสีเสียงจัดเต็มยามค่ำคืน

อีกทั้งการแสดงสุดฟินจากศิลปิน และอินฟลูเอนเซอร์คนดังมากมาย

แฟนพันธุ์แท้กีฬามอเตอร์สปอร์ต ห้ามพลาด!

ติดตามความสนุกและชมการแข่งขันสดผ่านทาง Live Streaming

ได้ที่ Facebook / Youtube : TOYOTA GAZOO Racing Thailand

ติดตามข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมเพิ่มเติมได้จาก

TikTok: tgr.thailand และ Instagram : tgrthailand

กรังด์ปรีซ์ฯ จัดกิจกรรม Content Creator Contest 2024 ชิง 1.5 ล้าน

กรังด์ปรีซ์ฯ จัดกิจกรรม Content Creator Contest 2024 ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 1,500,000 บาท พร้อมโอกาสเข้าร่วมงานกับ กรังด์ปรีซ์ฯ

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ขอเชิญนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปอายุ 18–35 ปี ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด “Grand Prix Content Creator Contest 2024” ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,500,000 บาท

วัตถุประสงค์

เพื่อเฟ้นหา Content Creator รุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เปิดมุมมองการทำคอนเทนต์ใหม่ๆ และเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ เข้าสู่วงการสื่อมวลชนสายรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์

คุณสมบัติผู้เข้าประกวด

•นิสิต/นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี (พิจารณาอายุ ณ วันสุดท้ายของการรับสมัคร)

•เป็นผู้ที่มีบุคลิกดี มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก

•สามารถถ่ายทอดข้อมูลองค์ความรู้ต่างๆ ให้แก่บุคคลอื่นเข้าใจได้ง่าย

•หากมี Social Media ของตนเอง (Youtube/Tiktok/Facebook) จะต้องมีผู้ติดตามไม่เกิน 10,000 คน

รางวัลการประกวด Grand Prix Content Creator Contest 2024

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1

รางวัล เงินสด 30,000 บาท พร้อมสัญญาร่วมงานกับบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระยะเวลา 2 ปี มูลค่า 480,000 บาท รวม 510,000 บาท

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2

รางวัล เงินสด 20,000 บาท พร้อมสัญญาร่วมงานกับบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 240,000 บาท รวม 260,000 บาท

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3

รางวัล เงินสด 10,000 บาท พร้อมสัญญาร่วมงานกับบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 240,000 บาท รวม 250,000 บาท

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประกวด

•กรอกใบสมัคร พร้อมข้อความแนะนำตัวเบื้องต้น ถึงความสนใจในการสมัครเข้าร่วมประกวดในกิจกรรมครั้งนี้

•นำเสนอ 2 คลิปวีดีโอ โดยเป็นคลิปแนวตั้ง จำนวน 1 คลิป ความยาวไม่เกิน 1 นาที และ คลิปแนวนอน จำนวน 1 คลิป ความยาวไม่เกิน 5 -10 นาที

•พร้อมส่งไฟล์คลิป หรือ แนบไฟล์ลง Google Drive แล้วส่งมาที่ Email : [email protected]

•เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ 16–30 กันยายน 2567 

•โดยสามารถนำเสนอเนื้อหาในลักษณะรีวิวผลิตภัณฑ์ สรุปประเด็นข่าว หรือข้อมูลเชิงเทคนิคเกี่ยวกับรถยนต์ รถไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ ให้สื่อสารออกมาให้เข้าใจได้ง่าย และน่าสนใจ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และเป็นคลิปวีดีโอที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน

•ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องกําหนดชื่อเรื่องและแนวคิดในการผลิตคลิปวิดีโอ

•ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นผลงานที่ผลิตขึ้นเอง ห้ามมิให้ส่งผลงานของผู้อื่น

•การผลิตผลงาน ไม่จํากัดรูปแบบนําเสนอ เทคนิคการถ่ายทํา เทคนิคการผลิตและการติดต่อ สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ

•ผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องไม่เคยส่งเข้าประกวด หรือได้รับรางวัลจากที่อื่นๆ มาก่อน

•ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดเป็นผู้รับผิดชอบต่อลิขสิทธิ์ของข้อมูล ได้แก่ เนื้อหา ภาพ เสียง คลิปวิดีโอ ซอฟต์แวร์ หรืออื่นใดที่ใช้ในการผลิตผลงาน โดยไม่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา มีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาอย่างชัดเจน โดยบริษัทกรังด์ปรีซ์ฯ จะไม่รับผิดชอบทั้งทางตรงและทางอ้อม ในกรณีที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว หากคณะกรรมการตรวจพบหรือทราบภายหลังจะถือเป็นโมฆะและเรียกคืนรางวัล

•ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act: PDPA)

•ผลงานที่ได้รับรางวัลถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

•ผู้จัดงานสามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขผลงาน โดยไม่จําเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

•เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องกับการตัดสินไม่สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้

•สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ทาง Email : [email protected] หรือ โทร.02-522-1731-8 ต่อ 412 หรือ 237

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัว R 1250 GS Adventure รุ่นพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สุดยอดมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ตระกูล GS รุ่นพิเศษ อัดแน่นพร้อมชุดแต่งระดับพรีเมียม

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สุดยอดมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ โดดเด่นด้วยออปชั่นและอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษมากมาย สะดุดตายิ่งขึ้นด้วยตราสัญลักษณ์ Ultimate Edition บริเวณฝาครอบกระจกมองหลัง บนแฮนด์จับทั้งสองข้าง และบนกล่องสัมภาระอะลูมิเนียม ผสานความตื่นเต้นเร้าใจในการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างลงตัว พร้อมบุกตะลุยไปได้ในทุกสภาพเส้นทาง

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) 

ราคาจำหน่าย: 1,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 

*รูปภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น สเป็คที่ขายในประเทศไทยมาพร้อมล้อซี่ลวดสีดำ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สืบทอดเอกลักษณ์ของ GS ที่เป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจพร้อมลุยทั้งทางออฟโร้ดและบนถนน ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์สองลูกสูบสี่จังหวะที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ/ของเหลว ขนาด 1,254 ซีซี เติมเต็มด้วยระบบควบคุมแกนลูกเบี้ยวแบบแปรผันด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ปลดล็อคอีกขั้นของขุมพลังแห่งการเดินทาง ส่วนระบบหัวฉีดคู่และระบบไอเสียใหม่ผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐาน 3 แบบ ได้แก่ ‘Eco’, ‘Rain’ และ ‘Road’ ขณะที่ ‘Riding Modes Pro’ นำเสนอโหมดการขับขี่เพิ่มเติม ได้แก่ ‘Dynamic’, ‘Dynamic Pro’, ’Enduro’ และ ‘Enduro Pro’ รองรับสภาพการขับขี่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมยกสมรรถนะการขับขี่และความปลอดภัยสู่ขั้นสูงสุดด้วยระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า (Dynamic ESA) ระบบ Hill Start Control ที่ทำให้ผู้ขับขี่ออกตัวในทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ ขณะที่ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ ABS Pro ให้การเข้าโค้งอย่างราบรื่น ส่วนระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ใหม่ล่าสุดช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยการตัดกำลังของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ผ่อนคลาย และมั่นใจได้ในความปลอดภัยบนทุกเส้นทางผจญภัยที่รออยู่ข้างหน้า

ก้าวล้ำยิ่งขึ้นกับระบบการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลสี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว และระบบ BMW Motorrad Multi-Controller ให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชันของรถ ตลอดจนการเชื่อมต่อต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และยังมีช่องเสียบ USB 2 แบบสำหรับใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้อีกด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังคงสืบทอดเอกลักษณ์ความปราดเปรียวและทรงพลังของ GS ด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ส่องสว่างแม้ในช่วงกลางวัน สร้างความโดดเด่นสะดุดตา และยังปรับเปลี่ยนกลมกลืนไปกับทางโค้งตามตำแหน่งความลาดเอียงของตัวรถ มาพร้อมไฟ Cruising ซึ่งจะเปิดไฟเลี้ยวด้านหน้าทั้งสองแบบหรี่ไว้ตลอดเวลา เพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาบนท้องถนน ขณะที่ไฟท้าย LED แบบ multifunctional สามารถสลับระหว่างไฟกระพริบสีเหลือง ไฟเบรกสีแดง และไฟท้ายส่องสว่างได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) และระบบ Keyless Ride

ตัวรถมาในสีดำ Black Storm Metallic พร้อมล้อซี่ลวดสีดำ สะท้อนความแข็งแกร่งทนทานสไตล์ออฟโร้ด เสริมความหรูหราด้วยชุดแต่ง Option 719 แพ็คเกจ Shadow ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอะลูมิเนียมขึ้นรูปอย่างประณีตในโทนสีดำ/เงิน ไม่ว่าจะเป็นฝาครอบเครื่องยนต์ ฝาครอบกระจกมองหลัง ที่พักเท้า แป้นเกียร์และเบรกเท้า มือจับ ฝาถังน้ำมัน อีกทั้งยังเพิ่มความดุดันด้วยกระจกบังลมรมดำ ฝาครอบเครื่องยนต์สีดำ กล่องอะลูมิเนียมท้ายและข้างสีดำ ป้าย Ultimate Edition บนมือจับ บนกล่องสัมภาระท้ายและกล่องทั้งสองข้าง รวมถึงปลอกกุญแจพิเศษสำหรับรุ่น Ultimate Edition

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) พร้อมให้เหล่านักบิดจับจองเป็นเจ้าของที่ราคา 1,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยจำนวนจำกัดเพียง 24 คันเท่านั้น และยังพิเศษกับความเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับรถแต่ละคันด้วยหมายเลขประจำตัวรถตั้งแต่หมายเลข 1 ถึง 24 ยิ่งไปกว่านั้น ยังคุ้มค่าเหนือระดับด้วยอุปกรณ์ตกแต่งสุดพิเศษ มูลค่ากว่า 400,000 บาท มอบความอุ่นใจด้วยการรับประกันตัวรถนาน 5 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และการรับประกันอุปกรณ์ตกแต่งนาน 2 ปี

สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติมของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ที่ www.bmw-motorrad.co.th เฟซบุ๊ก แฟนเพจ BMW Motorrad Thailand หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วประเทศ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save