- Advertisement -
28.1 C
Bangkok
Home Blog Page 43

สรยท.จับมือไทยฮอนด้า จัดอบรมหลักสูตรขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน

สรยท.จับมือไทยฮอนด้า จัดอบรมหลักสูตรขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน ภายใต้ชื่อโครงการ “อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Big Bike Basic Course)” เพื่อส่งเสริมทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมกับบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จัดกิจกรรม “อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Big Bike Basic Course)” เพื่อส่งเสริมทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยให้กับสมาชิกของสมาคมฯ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 11 กันยายน 2567 ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า สุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ

การอบรมครั้งนี้เริ่มตั้งแต่การทำความรู้จักขั้นพื้นฐานของการใช้บิ๊กไบค์ในภาคทฤษฎี ไปจนถึงการปฏิบัติจริง ซึ่งผู้เข้าอบรมจะมีโอกาสได้ขับขี่บนสนามฝึกของศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า สุขาภิบาล 3 ภายใต้การควบคุมและดูแลจากครูฝึกของไทยฮอนด้าที่มีประสบการณ์และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้าอบรม เพื่อเรียนรู้ทักษะและเทคนิคในการขับขี่บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและปลอดภัย ก่อนที่จะรับประกาศนียบัตรหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) กล่าวว่า “อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Big Bike Basic Course) ถือเป็นกิจกรรมแรกที่ทางคณะกรรมการสมาคมฯ ชุดปัจจุบันร่วมมือกันผลักดันเพื่อให้เกิดเป็นจริงขึ้นมา ด้วยคณะกรรมการเล็งเห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญในการสร้างพื้นฐานการขับขี่ที่ดีและอยู่บนความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวัน”

นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า “ผมขอขอบคุณบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมดีๆ ในครั้งนี้ รวมถึงสมาชิกที่ให้ความสนใจสละเวลาเข้ามาร่วมอบรม สมาคมฯ รู้สึกยินดีที่กิจกรรมที่จัดขึ้นได้รับการตอบรับที่ดีจากสมาชิกหลังจากที่เปิดให้ลงทะเบียน แต่ด้วยคอร์สการสอนที่รองรับผู้เรียนเพียง 30 ท่านเท่านั้น จึงจำเป็นต้องคัดเลือกผู้ที่สมัครเข้ามาก่อนและมีคุณสมบัติในด้านสมาชิกภาพภายในสมาคมฯ เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณา”

“หลังจากที่ได้รับเสียงตอบรับในการอบรม บวกกับนโยบายและแผนการทำงานของคณะกรรมการวาระปี 2567-2569 ในการมุ่งเน้นจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกฯ ได้มีทักษะในด้านต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ทางสมาคมฯ เองยังวางแผนในการจัดคอร์สอบรมอย่างต่อเนื่องในโอกาสต่อไป เพื่อเป็นการ Upskill และ Reskill ให้กับสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งสมาชิกทุกท่านสามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารผ่านทางประกาศใน LINE Official Account ของทางสมาคมฯ”

บีเอ็มดับเบิลยู ส่งทัพยนตรกรรมจัดแสดงในงาน BMW Xpo 2024

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ส่งทัพยนตรกรรมสู่งาน BMW Xpo 2024 นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานยอดนิยมในราคาที่จับต้องได้ พร้อมอีกหลายรุ่นและข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยกทัพยนตรกรรมสุดหรูหลากหลายรุ่นมาให้ลูกค้าและแฟน ๆ ชาวไทยที่สนใจได้เลือกสรร ในงาน “BMW Xpo 2024” ตั้งแต่ยานยนต์ที่หรูหราสง่างามในกลุ่มคอมแพ็คพรีเมียม ไปจนถึงยนตรกรรมล้ำสมัยแห่งอนาคต พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ภายใต้แนวคิด ‘Future of Joy’ ยกระดับสุนทรียภาพแห่งการขับขี่สู่วิสัยทัศน์แห่งอนาคตอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ งาน BMW Xpo 2024 มีกำหนดจัดขึ้น 2 แห่งเพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้สัมผัสยนตรกรรมแห่งอนาคตของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ลานโปรโมชั่น โซน B, C, D และ Extra ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน พ.ศ. 2567 และศูนย์การค้าเมกาบางนา ลานแฟชั่น แกลเลอเรีย 1-2 ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน พ.ศ. 2567

มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งาน BMW Xpo 2024 จัดขึ้นเพื่อนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยที่มาพร้อมกับความหรูหราเหนือระดับ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยูในการส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับลูกค้า โดยในปีนี้ยังคงตอกย้ำแนวคิด สุนทรียภาพแห่งการขับขี่และการคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ สะท้อนให้เห็นจากการขยายพื้นที่จัดงานสู่สองทำเลสำคัญ พร้อมการจัดแสดงรถยนต์ในรูปแบบใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์บีเอ็มดับเบิลยูที่เข้าถึงง่ายและน่าประทับใจยิ่งขึ้น”

“เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้กับบีเอ็มดับเบิลยูเสมอมา ปีนี้ เราจึงนำเสนอที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูรุ่นใหม่ล่าสุดหลากหลายรุ่น ภายใต้แนวคิด 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ‘Future of Joy : LIFE’ ซึ่งสะท้อนถึงยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยอย่างลงตัว นำทัพโดย บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport สมาชิกใหม่จากตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ยอดนิยม มาพร้อมราคาที่เอื้อมถึงง่ายยิ่งขึ้น พร้อมด้วย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2, ซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 เสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยยนตรกรรมตระกูล X ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู X1, X3, X4, X5 และ X6 กลุ่มที่สองคือ ‘Future of Joy: THRILL’ ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ อัดแน่นด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง กับยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล M นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e และ บีเอ็มดับเบิลยู M240i xDrive ที่จะมาปลุกทุกความเร้าใจให้โลดแล่น” มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด กล่าว

“กลุ่มที่สาม ‘Future of Joy: ELECTRiFY’ พร้อมมอบประสบการณ์แห่งสุนทรียภาพการขับขี่ที่เหนือระดับและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแบบฉบับยนตรกรรมไฟฟ้าสุดหรูของตระกูล i นำทัพโดยยนตรกรรมซีดานพรีเมียม บีเอ็มดับเบิลยู i5 และ i7 เสริมความเร้าใจด้วยรถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) บีเอ็มดับเบิลยู iX3 และ iX ปิดท้ายด้วย ‘Future of Joy: EXCLUSIVITY’ ที่สุดแห่งความหรูหราเหนือระดับ กับทัพยนตรกรรมในกลุ่ม Luxury Class ที่ผสานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้นไว้ในที่เดียว นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู X7 ยานยนต์อเนกประสงค์สุดหรู และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ยนตรกรรมซีดานระดับผู้นำ ที่จะมามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ”

มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด กล่าวเสริมภายในงาน BMW Xpo 2024 ยกระดับความหรูหรา สู่มิติใหม่แห่งดีไซน์ ด้วยวัสดุอะคริลิคแบบกระจกที่ตกแต่งบูธได้อย่างสุดล้ำ ผสานความสง่างาม สะท้อนแสงเงาอย่างมีระดับ สู่พื้นที่จัดแสดงที่ดึงดูดทุกสายตา สร้างความรู้สึกโอ่โถง กว้างขวาง และน่าประทับใจ สะท้อนภาพลักษณ์แห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียมได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้น ผู้ที่มาร่วมงานยังจะได้พบกับหลากหลายกิจกรรมเวิร์กชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะเปิดโอกาสให้ได้ค้นหาความ JOY ในแบบของตัวเอง และดื่มด่ำกับสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตในแบบที่แต่ละคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น

•EXPERIENCE LIFE FULL OF JOY: THE ART OF LIVING: ร่วมเวิร์กชอปเทคนิคการลงสีสุดพิเศษกับ ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ศิลปินต้นแบบของนักวาดภาพประกอบไทย ถ่ายทอดความงามของงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กชอปจาก Painterbell นักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ เจ้าของผลงานสติกเกอร์ John and Lulu ตัวการ์ตูนสุดน่ารักที่ครีเอทขึ้นมาจากความชอบในวัยเด็ก สู่แรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบการวาดรูปการ์ตูน และเวิร์กชอปสร้างผลงานศิลปะชิ้นพิเศษไปกับคุณจี๊ป ศิลปินที่มีชื่อเสียงเรื่องภาพประกอบที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ผลงานแต่ละชิ้น มีความละเอียดอ่อน ประณีต ขณะเดียวกันก็ให้มุมมองที่ลึกซึ้งที่แตกต่างกันไป

•EXPERIENCE SUSTAINABLE JOY: BEST FROM WASTE สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษขยะจากทะเลด้วยการใช้ “ศิลปะ” โดยคุณวิยะดา โค้วศานติ ศิลปินผู้เนรมิตขยะทะเล ไม่ว่าจะเป็นอวน ลูกทุ่น เชือก รองเท้าแตะ เหยื่อตกปลาพลาสติก และอื่นๆ  ให้กลายเป็นกระเป๋า DIY สุดเก๋

•EXPERIENCE LUXURIOUS JOY: LUCK OF LUXURY เวิร์กชอปกับศาสตร์แห่งการพยากรณ์เพื่อเสริมความรู้สึกด้านบวกให้กับชีวิตและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเสริมดวงชะตาและรับพลังแห่งความโชคดีไปกับ RAVIPAโดยอาจารย์มดดำ ยิปซีคาราวาน

•EXPERIENCE POWERFUL OF JOY: M THE MOST POWERFUL LETTER IN THE WORLD พบกับประสบการณ์สุดเร้าใจที่จะปลุกสัญชาตญาณแห่งการขับขี่ในตัวคุณ กับ M Driving Simulator สุดล้ำที่จะมอบประสบการณ์เสมือนจริง เสริมสร้างทักษะการขับขี่ผ่านการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟ ให้ได้ปรับตัวและฝึกซ้อมในสถานการณ์ที่หลากหลาย เสริมความมั่นใจและเตรียมพร้อมสู่การขับขี่อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งในการเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/special-offers/bmw-September-2024-offer.html

ข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน BMW Xpo 2024 จากบีเอ็มดับเบิลยู

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ที่งาน BMW Xpo ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 และ เมกาบางนา ระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน 2567 รับของสมนาคุณถึง 2 ต่อ รวมมูลค่าสูงสุด 14,000 บาท*

•ของสมนาคุณ ต่อที่ 1 เลือกรับเลยทันที BMW MINIATURE MODELS รุ่น M3 (มูลค่า 7,144.39 บาท) หรือ X7 (มูลค่า 6,594.41 บาท) 1 ชิ้น*

•ของสมนาคุณ ต่อที่ 2 เลือกรับของสมนาคุณที่ตอบโจทย์ความ JOY ไม่ว่าจะเป็น ของสมนาคุณจาก RAVIPA มูลค่ารวมสูงสุด 6,880 บาท หรือ เซ็ทผลิตภัณฑ์จาก Officine Universelle Buly มูลค่า 3,870 บาท หรือ Central Gift Card มูลค่า 4,000 บาท*

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม ข้อกำหนด และเงื่อนไข ได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/special-offers/bmw-September-2024-offer.html

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์รุ่นต่อไปนี้ ตั้งแต่วันนี้ – เดือนธันวาคม 2567 ผ่านทางออนไลน์ shop.bmw.co.th รับข้อเสนอพิเศษ ได้แก่*

•บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport รับฟรี ฝาครอบกระจกคาร์บอน M Performance 

•บีเอ็มดับเบิลยู 220i M Sport รับฟรี ชุดไฟ Door Projector Light Kit

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สำหรับลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่าง ๆ ต่อไปนี้ ภายในเดือนกันยายน 2567 โดยมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 และเลือกทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังจะได้รับข้อเสนอพิเศษดังนี้**:

รุ่นข้อเสนอ
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine  ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 16,099 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0% ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 16,899 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู M240i xDriveผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 30,899 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 18,699 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 18,899 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 24,099 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 23,699 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี  
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 23,399 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport (Inspiring)ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 27,499 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport (Pro)ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 34,099 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 1.99%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 25,699 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 36,999 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive50e M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 38,299 บาท/เดือน ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 41,099 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 44,399 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 33,299 บาท/เดือน ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport (Inspiring)ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 34,099 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 57,399 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 38,199 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 40,499 บาท/เดือน ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW Xpo 2024 รายละเอียดข้อเสนอ และการจองทดสอบรถ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของบีเอ็มดับเบิลยู

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ในงาน BMW Xpo 2024

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport 

ราคาจำหน่าย: 2,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู ปฏิวัติวงการยนตรกรรมซีดานพรีเมียมขนาดกลางอีกครั้งด้วยบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport น้องใหม่จากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ยอดนิยม ที่มาพร้อมกับการยกระดับขุมพลังการขับขี่และนวัตกรรมเทคโนโลยีทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างครอบคลุม ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ซีดานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ดึงขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบและเทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที โดยบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงผลจาก ECO Sticker)

ในด้านรูปโฉมภายนอกและนวัตกรรมเพื่อประสิทธิภาพด้านการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย V-Spoke Bicolour ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมสมรรถนะและความปลอดภัยอีกมากมายจากบีเอ็มดับเบิลยู ครอบคลุมตั้งแต่ระบบกันสะเทือนที่มีการกระจายน้ำหนักของยานพาหนะได้อย่างสมดุล ในอัตราส่วน 50/50 ระหว่างด้านหน้าและด้านหลังของรถซีดาน และยังมาพร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนที่ทำงานประสานกัน ระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว ระบบช่วยการขับขี่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ รวมทั้งระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ระบบตรวจวัดลมยาง และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนให้ดียิ่งกว่าเดิม

ภายในห้องโดยสาร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้พบกับเทคโนโลยี ระบบความบันเทิงและการสื่อสารซึ่งอัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมอันทันสมัย รวมถึงการตกแต่งภายในด้วยอะลูมิเนียมลาย Mesheffect เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ต และชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light) ระบบแสดงผลข้อมูลสำคัญด้านการขับขี่ BMW Head-up Display ที่ปรากฏให้เห็นด้านหลังพวงมาลัยหนังดีไซน์สปอร์ต บริการด้านดิจิทัลผ่านหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการแสดงผลต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ รวมทั้งเลือกช่องทางในการเชื่อมต่อสื่อสารและควบคุมได้ตามความถนัด ทั้งผ่านจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบการสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 รุ่นใหม่ล่าสุด และระบบเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive และยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Smartphone ผ่านระบบ Apple Carplay และ Android Auto

ในส่วนของไฟหน้าและกระจังหน้าทรงไตคู่แบบใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ยังเสริมให้ตัวรถสะดุดตายิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยระบบไฟหน้าแบบ LED ที่รองรับการปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ยังตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีเงาดำ ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของได้ในสีขาว Mineral White Metallic และสีดำ Black Sapphire Metallic (ทั้ง 2 สีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ในสีน้ำตาลสไตล์ Mocha Décor Stitching) ที่สำคัญ ในราคาที่จับต้องได้ที่ 2,399,000 บาท เพื่อเอาใจแฟน ๆ บีเอ็มดับเบิลยูในไทยทุกกลุ่ม และพร้อมเปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

มาสด้า สานฝันเยาวชนไทยเปิดตัวโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024

มาสด้า เดินหน้าส่งเสริมและสานฝันเยาวชนไทยเปิดตัวโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 พร้อมมอบเอกสิทธิ์สร้างความสุขให้ลูกค้าเล่นกอล์ฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟ นับเป็นหนึ่งกลยุทธ์สำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้กลยุทธ์ Customer Experience Management (CXM) มุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention มอบความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 12 กันยายน 2567 – มาสด้าเปิดตัวโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าในระดับสากลที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีพให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเยาวชนไทยที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ให้มีโอกาสไปโลดแล่นบนเวทีการแข่งขันระดับโลก ลุ้นรับทุนการศึกษา เพื่อก้าวสู่เส้นทางโปรกอล์ฟมืออาชีพ พร้อมเปิดตัว “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” อีกหนึ่งโครงการที่จัดขึ้นเพื่อมอบเอกสิทธิ์สำหรับมาสด้าแฟมิลี่ในการเข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้า โดยทั้งสองโครงการจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้ ณ สนาม Alpine Golf Club ซึ่งงานแถลงข่าวครั้งนี้ มีเยาวชนทั้งชายและหญิง พันธมิตรผู้สนับสนุนการแข่งขัน ตัวแทนสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย โปรกอล์ฟ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เป็นโครงการที่ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของมาสด้า ที่ต้องการต่อเติมเสริมความฝันให้กับเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก พร้อมผลักดันขีดความสามารถให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งริเริ่มโครงการ MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024 เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าครอบครัวมาสด้าได้เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นต์พิเศษ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มาสด้ามุ่งมั่นตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้า ที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

การส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของผู้คน โดยเฉพาะเยาวชนให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยเฉพาะด้านกีฬาคือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญตลอดมา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เยาวชนที่ต้องการเดินตามความฝัน ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลก และนำเอาความรู้ทักษะที่ได้รับจากการแข่งขันไปฝึกฝนพัฒนาต่อยอดเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับการริเริ่มโครงการในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเยาวชนคนไทยทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถ ให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่ทัดเทียมกับนานาชาติ มาสด้าเล็งเห็นว่าเยาวชนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้นักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าหากเรามอบโอกาสและพื้นที่ในการแสดงศักยภาพให้กับเยาวชนกลุ่มนี้ ก็จะมีส่วนช่วยผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เขาเลือกได้ในอนาคต

โครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” เป็นโครงการที่มาสด้าจัดขึ้นร่วมกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับมาสด้าแฟมิลี่ที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสเดินตามความฝันและมุ่งสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดย เปิดรับสมัครเยาวชนจำนวน 39 คน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (แบ่งเป็นชาย 25 คน และหญิง 14 คน) เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน “รอบคัดเลือก” เตรียมจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่สำคัญ ในวันแข่งขันจะมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตุทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจะมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษา เพื่อปูทางสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ นอกจากนั้น นักกอล์ฟจำนวนครึ่งหนึ่งที่เข้าแข่งขันในรอบ CHAMPIONSHIP ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับคัดเลือกเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกจากจะมอบโอกาสให้เยาวชน ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในระดับโลกแล้ว มาสด้ายังได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการพิเศษ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับมาสด้าแฟมิลี่โดยเฉพาะ ด้วยการเชิญชวนลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็น ก๊วน พร้อมร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้โครงการ “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” ซึ่งมาสด้าได้เปิดรับสมัครนักกอล์ฟลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าจำนวน 46 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 89 คน เข้าร่วมการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยตั้งแต่เปิดรับสมัครไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มากกว่า 100 คัน และได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งสองโครงการนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อขอบคุณที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจของทุกคนในครอบครัวไปตลอดการเดินทาง ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับโอกาสเพื่อออกเดินทางตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพในระดับสากลแล้ว ยังได้รับความรู้และสัมผัสประสบการณ์ความสนุกจากการเล่นกอล์ฟออกรอบเป็นก๊วนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อดูแลลูกค้าและส่งเสริมให้ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยมาสด้าให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้ Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่มาสด้าตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

ภายในงานฯ มาสด้ายังได้ร่วมมือกับพันธมิตร ประกอบด้วย Adidas, Taylormade, สิงห์ คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท AR รวมทั้ง โปรแพรว ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอล์ฟสาวไทยดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงเจ้าของตำแหน่ง มิสทัวริซึ่ม ไทยแลนด์ 2020 ร่วมกันจัดกิจกรรม Mazda Golf Clinic ให้กับเยาวชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวโดยมีโปรกอล์ฟอาชีพเป็นผู้มอบความรู้และสอนทักษะทั้งการไดร์ฟกอล์ฟ และการพัตต์กอล์ฟ พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำโดย US College ให้กับนักกีฬา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะเลิศในการเข้าสู่การแข่งขัน JWCI (Junior World Cup Invitational 2025) พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกที่จะถึงในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

มาสด้าเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยที่มี Challenger Spirit เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์มาสด้า ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมาสด้าจะยังคงเดินหน้าส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าคุณค่าที่ได้จากรถยนต์ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา เพื่อให้มาสด้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ความสุข และเพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้ากับ Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มาสด้ามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

มาสด้ายังคงยึดมั่นแนวทางในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียว ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง นับจากวันนี้และตลอดไป

บีวายดี ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD M6

บีวายดี ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD M6 รถ MPV ไฟฟ้า 6 ที่นั่ง ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายครบครัน พร้อมให้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับด้วยระยะทางสูงสุด 530 กม. และฟีเจอร์อัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยทุกการเดินทาง

กรุงเทพฯ – 9 กันยายน 2567 – บีวายดี บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต นำโดย นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย บีวายดี ออโต้เอเชียแปซิฟิก และ นายเคอ ยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไทย บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ นำโดย นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่  เปิดตัว BYD M6 รถยนต์ MPV ไฟฟ้า 100% เอนกประสงค์ขนาด 6 ที่นั่ง ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม และฟังก์ชันอัจฉริยะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับทุกเส้นทาง เตรียมวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ BYD M6 Extended ราคา 929,900 บาท และ BYD M6 Dynamic ราคา 829,900 บาท พร้อมส่งมอบให้กับผู้บริโภคชาวไทยตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

BYD M6 ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตรกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว ครบครันทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความปลอดภัย ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายทั้งในชีวิตประจำวันและระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกล โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 150kW และ BYD Blade Battery ขนาด 71.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 530 กิโลเมตร และรุ่น 120 kW มาพร้อมขนาดแบตเตอรี 55.4 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC กว้างขวางและสะดวกสบายด้วยที่นั่ง 3 แถวที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 6 คน สัมผัสประสบการณ์การเดินทางได้กว้างขึ้นด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามิก (Panoramic Glass Roof) เพลิดเพลินกับเทคโนโลยีความบันเทิง หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย ขนาด 12.8 นิ้ว ปรับหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับแบรนด์บีวายดีซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมนับตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงปัจจุบัน สะท้อนจากยอดจดทะเบียน 17,402 คันในช่วง 7 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งของบีวายดีกับยอดขายรวม 717,600 คันทั่วโลก การเปิดตัว BYD M6 ไม่เพียงเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของเราที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ยังเป็นการเดินหน้าภารกิจการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้าในประเทศไทย เรามั่นใจว่า BYD M6 จะเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวได้เป็นอย่างดี”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่มีเป้าหมายที่จะนำยนตรกรรมจากบีวายดีที่มาพร้อมความโดดเด่นล้ำสมัยทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี มาตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลายของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยลูกค้ากลุ่มครอบครัวเป็นอีกกลุ่มที่มีความสำคัญ ที่มองหาความเอนกประสงค์และมาพร้อมพลังงานไฟฟ้า พิสูจน์ได้จากตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ MPV ในประเทศไทยด้วยยอดขายรวมกว่า 9,009 คัน ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งเซ็กเม้นต์ที่มีศักยภาพ วันนี้ เรเว่และบีวายดี พร้อมแล้วที่จะเปิดประตูสู่อีกหนึ่งตลาดพร้อมกับขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นกับการเปิดตัว BYD M6 ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่กำลังมองหายานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง ครบครันด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นสำคัญ”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “นอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพภายใต้แบรนด์บีวายดีให้กับผู้บริโภคชาวไทย เรเว่ยังมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบการบริการที่เหนือระดับทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขาย ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับลูกค้าทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ เราเชื่อว่า BYD M6 จะไม่เพียงสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ผู้บริโภคกลุ่มครอบครัวและผู้ที่สนใจได้มีโอกาสสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงบริการที่คุ้มค่าและประสบการณ์อันน่าประทับใจไปด้วยกันกับครอบครัวบีวายดีของเรา”

BYD M6 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ของตระกูลราชวงศ์ (Dynasty Series) ผสานความเรียบง่ายและทันสมัยให้ความรู้สึกถึงสุนทรียภาพทางเทคโนโลยีของพลังงานแห่งอนาคต กับดีไซน์ที่สะดุดตา ทั้งยังถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับความต้องการของครอบครัว ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย เบาะนั่งโดยสารที่ปรับระดับได้ และพื้นที่สำหรับเก็บและจัดระเบียบสัมภาระได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยล้ำสมัยครบครัน อาทิ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบความปลอดภัยก่อนการชน ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ยกระดับความอุ่นใจให้กับทุกคนบนทุกเส้นทาง

นอกจากนี้ BYD M6 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบคัน อาทิ

•ระบบส่งกำลังแบบ 8 in 1 ที่ช่วยให้ระบบมีการประมวลผลการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยลดน้ำหนักรวมของรถยนต์เพื่อเพิ่มระยะทางในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ

•รองรับการชาร์จไฟแบบกระแสตรง (DC) กำลังสูงสุดที่ 115 กิโลวัตต์ ใช้เวลาเพียง 80 นาทีในการชาร์จไฟจาก SOC 0%-100% (เป็นเพียงระยะเวลาคาดการณ์ โดยมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้ระยะเวลาในการชาร์จนานขึ้น เช่น สภาพแวดล้อม อุณหภูมิแบตเตอรี่ กำลังการจ่ายไฟของเครื่องชาร์จ ฯลฯ)

•รองรับการชาร์จไฟแบบกระแสสลับ (AC) ที่ 7 กิโลวัตต์

•ระบบ VtoL ที่ช่วยให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก

•ประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ประตูท้ายไฟฟ้าระยะไกล

•เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง

•เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

•เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศ

•ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ที่ช่วยให้ความเย็นกระจายได้ทั่วถึง

•ระบบกรองฝุ่นพร้อมแสดงค่า PM 2.5

BYD M6 พร้อมให้ผู้บริโภคชาวไทยสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook BYD RÊVER Thailand

ฟอร์ดแชร์เคล็ดลับการขับขี่แบบออฟโรด

หลายคนจินตนาการถึงการขับขี่ออฟโรดว่าเป็นการเดินทางที่แสนยากลำบากและสมบุกสมบัน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบทักษะของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอร์ดจึงแนะนำเทคนิคการขับขี่ออฟโรดให้แก่ผู้เข้าร่วมทริปการขับขี่รถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ในต่างแดน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีทักษะในการขับขี่ที่แตกต่างกัน

รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะพาคุณไปถึงจุดหมายและกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ว่าจะขับรถขึ้นเขาหรือใช้งานในโหมดลากจูง โหมดการขับขี่1 ที่ปรับการทำงานของรถให้เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลาย รวมถึงมีแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ กล้องมองรอบทิศทางอันทันสมัย และระบบล็อกเฟืองท้าย ทำให้การผจญภัยบนเส้นทางสมบุกสมบันเป็นไปได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องอาศัยความระมัดระวัง ความตั้งใจ และทักษะบางอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักในชีวิตประจำวัน

ก่อนออกเดินทางไปออฟโรด ผู้ใช้งานควรตรวจสภาพรถยนต์ให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานมากที่สุด แนะนำให้ชวนเพื่อนขับขี่ออฟโรด2 ไปด้วยกันอย่างน้อยสองคันเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือกันได้ หากรถคันใดคันหนึ่งติดหล่มหรือเสียหาย ควรเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ ติดไปด้วยทุกครั้ง เช่น ชุดปฐมพยาบาล น้ำดื่ม เชือกสำหรับลากจูง โทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม  โดยสรุปฟอร์ดแนะนำเคล็ดลับสำหรับการขี่ออฟโรด ดังนี้

1.จับพวงมาลัยให้มั่น

ควรจับพวงมาลัยโดยให้นิ้วหัวแม่มือทาบอยู่บนขอบด้านนอกของพวงมาลัย วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหากพวงมาลัยหมุนกะทันหันขณะขับขี่บนพื้นผิวที่ขรุขระ คนขับควรปรับที่นั่งเพื่อให้มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน ข้อดีของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือคุณสามารถมองเห็นขอบกระโปรงหน้ารถได้จากหลังพวงมาลัย ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายแม้อยู่บนเส้นทางที่ท้าทาย

2.ขับให้ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้

การขับรถเร็วนอกจากจะทำให้คุณมีเวลาน้อยลงในการตอบสนองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด  ยังทำให้หยุดรถได้ช้าลงอีกด้วย ความเร็วสูงยังเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะเสียหายเมื่อขับผ่านสิ่งกีดขวาง การขับช้าๆ ช่วยให้ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น และทำให้มีเวลาสังเกตสิ่งรอบข้าง พร้อมคาดการณ์และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้มากขึ้น แม้บางอุปสรรคอาจต้องเร่งความเร็วให้ข้ามผ่านไปได้  เช่น การขึ้นเนินชัน แต่อุปสรรคส่วนมากควรขับผ่านด้วยความเร็วต่ำ จำไว้ว่า ควรขับช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเร็วเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

3.เลือกเส้นทางที่ดีที่สุด

มองดูทางข้างหน้าและเลือกเส้นทางที่มั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับใต้ท้องรถ ให้เลือกเส้นทางที่ล้อทั้งสี่สัมผัสกับพื้นได้ตลอดเวลา หากเส้นทางแคบเป็นพิเศษ ชัน หรือมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ควรมี ‘ผู้สังเกตการณ์’ หรือเพื่อนที่ลงจากรถมาช่วยนำทางผ่านอุปสรรคได้ นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากกล้องมองหน้ารถที่มีเส้นบอกระยะแบบ  ไดนามิกของฟอร์ด เอเวอเรสต์ด้วย บางครั้งคุณอาจพบหลุม บ่อระหว่างทาง แทนที่จะขับตรงเข้าหาหลุมและเสี่ยงกันชนครูด ควรขับลงหลุมแบบทำมุมเอียง ให้ล้อค่อยๆ ลงหลุมทีละล้อ

4.ควบคุมรถอย่างนุ่มนวล

ควรใช้คันเร่ง เบรก และการหมุนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล ควบคุมรถด้วยความรู้สึกมั่นใจอยู่เสมอ การเหยียบคันเร่งแบบกะทันหันอาจทำให้รถไม่ยึดเกาะถนนหรือสูญเสียการทรงตัว โดยเฉพาะบนพื้นผิวขรุขระหรือมีสิ่งกีดขวางอย่างก้อนหินหรือท่อนไม้ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งกีดขวางที่ต้องใช้ความเร็วต่ำ การแตะเบรกเบาๆ ร่วมกับการใช้คันเร่งจะช่วยป้องกันไม่ให้รถกระตุกและช่วยให้ควบคุมรถผ่านสิ่งกีดขวางได้ง่ายขึ้น เกียร์ต่ำขับเคลื่อนสี่ล้อ (4L) มีประโยน์ในสถานการณ์เช่นนี้ 

5.ใช้เกียร์ต่ำ หรือเกียร์ต่ำสุดที่มี

การเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำบนเส้นทางออฟโรด2 จะช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้นในความเร็วต่ำ คุณจำเป็นต้องควบคุมรถให้ได้มากขึ้นเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทาย หรือทางที่เต็มไปด้วยหินซึ่งมีแรงยึดเกาะน้อย หรือเมื่อต้องขับลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำได้เมื่อหยุดรถและหมุนเปลี่ยนเกียร์ เกียร์ต่ำจะทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่บางโหมด เพื่อให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ

6.อย่าลืมใส่ใจลมยาง

การลดแรงดันลมยางของรถเป็นหนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบออฟโรด2 และเพิ่มความสบายภายในห้องโดยสาร อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายทั้งต่อยางและต่อเส้นทางที่ขับผ่าน อย่างไรก็ตาม ควรปล่อยแรงดันลมยางออกในกรณีที่สามารถเติมลมยางกลับคืนก่อนกลับสู่ทางเรียบได้เท่านั้น

7.พร้อมที่จะเลี้ยวกลับได้เสมอหากไม่มั่นใจ

แม้จะใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงอย่างฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก1 และมีระบบเกียร์ต่ำ แต่ผู้ขับขี่ยังคงต้องประเมินความเหมาะสมของสภาพเส้นทางออฟโรดด้วยตนเอง หากไม่มั่นใจที่จะขับผ่านเส้นทางข้างหน้า ให้หาเส้นทางอื่นอ้อมไป หรือกลับไปทางเดิมที่มา อย่าลืมว่าความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเสมอเมื่อขับขี่ออฟโรด2

8.ตรวจสภาพรถก่อนเดินทางกลับ

ก่อนกลับสู่ทางเรียบ ควรจอดรถและตรวจสอบรอบๆ ให้ละเอียดก่อน หากลดแรงดันลมยางลงก่อนหน้านี้ ก็อย่าลืมเติมลมกลับไปยังระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่บนทางหลวง ตรวจสอบว่าป้ายทะเบียนไม่ถูกโคลนบดบัง และรถไม่ได้รับความเสียหาย หากมีสิ่งของที่ผูกไว้บนหลังคาหรือในกระบะ ให้ตรวจสอบว่าสายรัดยังคงแน่นหนาและไม่มีสิ่งใดเคลื่อนที่ได้ การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจว่าคุณพร้อมสำหรับการเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

หมายเหตุ

  1. เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงไม่สามารถทดแทนการควบคุมโดยผู้ขับขี่ได้  รถอาจสูญเสียการควบคุมหากเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่
  2. ควรศึกษาคู่มือการใช้งานก่อนขับขี่ออฟโรดเสมอ ควรศึกษาลักษณะภูมิประเทศและระดับความยากของเส้นทางล่วงหน้า และใช้อุปกรณ์นิรภัยที่เหมาะสม

วิริยะประกันภัย คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง 3 ปีซ้อน

วิริยะประกันภัย คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง กลุ่มประกันรถยนต์ เป็นปีที่ 3 สะท้อนภาพความเชื่อมั่นผลิตภัณฑ์และบริการ

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร รักษาการอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลัง (The Most Powerful Brands of Thailand 2024)” แก่นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทฯ ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง ในกลุ่มธุรกิจประกันภัยรถยนต์ (Car Insurance) เป็นปีที่ 3 สะท้อนความสำเร็จของแบรนด์วิริยะประกันภัย ที่ดำเนินงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ จนได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจเป็นอันดับ 1 จากผู้บริโภคอย่างแท้จริง โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สำหรับรางวัล The Most Powerful Brands of Thailand ถือได้ว่าเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ ที่มีหลักเกณฑ์การประเมินอย่างเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือตามหลักวิชาการ โดยคณาจารย์ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคมากกว่า 24,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ ใน 29 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ผลการสำรวจพบว่า วิริยะประกันภัย ยังคงครองการเป็นแบรนด์ทรงพลังสูงสุด ในกลุ่มธุรกิจประกันภัยรถยนต์ โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ความตระหนักในแบรนด์ (Awareness) ความชื่นชอบในแบรนด์ (Preference) การใช้ผลิตภัณฑ์ (Usage) และภาพลักษณ์อันโดดเด่น (Image) ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้การยึดหลักแนวคิด “ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” พร้อมยึดมั่นอุดมการณ์การดำเนินภารกิจเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อแสดงความขอบคุณถึงผู้บริโภคและประชาชนทุกท่าน ที่ไว้วางใจให้วิริยะประกันภัย เคียงข้างดูแลความเสี่ยงแก่สังคมไทยเสมอมา

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เปิดตัวนายกและคณะกรรมการชุดใหม่ และแถลงนโยบาย

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เปิดตัวนายกสมาคมฯ อุปนายก และคณะกรรมการสมาคมฯ ชุดใหม่ นำทัพโดยนายสุโรจน์ เเสงสนิท หวังผลักดัน ต่อยอด ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโต พร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลาง การผลิต EV ส่งออกอันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บรรยายภาพ : นายสยามณัฐ พนัสสรณ์ อุปนายกฯ ฝ่ายอุตสาหกรรมและการพัฒนาธุรกิจ, นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน อุปนายกฯ ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, นายสุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย, นางสาวธมลวรรณ ชลประทิน อุปนายกฯ ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ และผศ.ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกฯ ฝ่ายวิชาการและการพัฒนาบุคลากร

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จัดงานเเถลงข่าว เปิดตัวนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมด้วยอุปนายกสมาคมฯ ท่านใหม่อีก 4 ท่าน ณ อาคารเคเอกซ์ (Knowledge Exchange – KX) กรุงธนบุรี ซึ่งภายในงานยังได้รับเกียรติจาก อดีตนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย 2 สมัย นายกฤษฎา อุตตโมทย์ กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนตลอดระยะเวลา 4 ปี เนื่องในโอกาสหมดวาระ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย 2 สมัย และพร้อมส่งมอบตำแหน่งดังกล่าวให้กับนายสุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ท่านปัจจุบันที่ได้รับการโหวตคัดเลือกจากคณะกรรมการสมาคมฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย โดยมีวาระนับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้ง 2 ปี ตั้งเเต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ด้านนายสุโรจน์ เเสงสนิท ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด มีประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมาอย่างยาวนานและเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งในด้านผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และกับผู้บริโภค อีกทั้งภายในงานเเถลงข่าว ยังได้มีการแนะนำอุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ชุดใหม่ ได้แก่ ผศ.ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกฯ ฝ่ายวิชาการและการพัฒนาบุคลากร, นายสยามณัฐ พนัสสรณ์ อุปนายกฯ ฝ่ายอุตสาหกรรมและการพัฒนาธุรกิจ, นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน อุปนายกฯ ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนางสาวธมลวรรณ ชลประทิน อุปนายกฯ ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์

นายสุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย

นายสุโรจน์ เเสงสนิท เผยว่า “ผมขอขอบพระคุณสื่อมวลชนที่มาร่วมงานในวันนี้ พร้อมด้วย คณะกรรมการสมาคม และสมาชิกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยทุกๆท่านที่มอบความไว้วางใจให้กระผมดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งหน้าที่และภารกิจสำคัญที่เราต้องการพุ่งเป้า หลังจากที่กระผมได้รับตำแหน่งมานี้คือการโฟกัสที่การพัฒนาและผลักดัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ในห่วงโซ่อุปทาน เป็นภารกิจและพันธกิจสำคัญที่ผมอยากเห็นอนาคตที่ไทยจะกลายเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นเทคโนโลยีเเห่งอนาคต นำมาสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับแรงงานไทย และพร้อมต่อยอดทักษะบุคลากรในประเทศให้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในด้านการผลิต การพัฒนา และการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านการเป็นพันธมิตรกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยยังมีพื้นที่การเติบโตไปได้ไกลอีกมาก หากได้รับการสนับสนุน ส่งเสริม และผลักดัน จากทุกๆภาคส่วน และทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมเป็นองค์กรในการประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ กับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอย่างยั่งยืน และต่อยอดสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ที่เเข็งแรง”

ผศ.ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกฯ ฝ่ายวิชาการและการพัฒนาบุคลากร

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกฯ ฝ่ายวิชาการและการพัฒนาบุคลากร กล่าวว่า “การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการเสริมสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยพร้อมที่จะสนับสนุนและผลักดันให้บุคลากรในอุตสาหกรรมมีทักษะและความเชี่ยวชาญที่ทันสมัย เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน”

นายสยามณัฐ พนัสสรณ์ อุปนายกฯ ฝ่ายอุตสาหกรรมและการพัฒนาธุรกิจ

นายสยามณัฐ พนัสสรณ์ อุปนายกฯ ฝ่ายอุตสาหกรรมและการพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า “สมาคมฯสนับสนุนนโยบาย 30@30 ของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด หรือแม้แต่การส่งเสริมเชื้อเพลิง Biofuel ล้วนมีส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยิ่งไปกว่านั้นสมาคมฯ มีพันธกิจสำคัญต่อเนื่อง คือการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการใช้ชิ้นส่วนและซัพพลายเชนในประเทศไทย หวังว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการส่งออก ให้เป็น Product Champion สร้างรายได้ให้ประเทศเช่นเดียวกับรถปิคอัพ สมาคมฯ ได้เริ่มหารือกับบีโอไอ และสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) ในการส่งเสริมการผลิตดังกล่าว  นอกจากนี้สมาคมฯยังร่วมมือกับบีโอไอในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่สนใจมาลงทุนในธุรกิจ EV หรือ Ecosystem อีกด้วย”

นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน อุปนายกฯ ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน อุปนายกฯ ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เผยว่า “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เมื่อมีความต้องการจากผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ดังจะเห็นได้จากข้อมูลการเติบโตของจำนวนผู้ใช้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่รองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ล้วนเป็นสิ่งจำเป็น ภารกิจและภาระหน้าที่ของสมาคมฯ คือการผลักดันสิ่งอำนวยความสะดวกให้เกิดขึ้นในประเทศ และสนับสนุน พร้อมผลักดันนโยบายที่ยืดหยุ่นให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวนี้ ได้พัฒนา ต่อยอด และสร้างประโยชน์ในห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง”

นางสาวธมลวรรณ ชลประทิน อุปนายกฯ ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์

นางสาวธมลวรรณ ชลประทิน อุปนายกฯ ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า “ข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ภารกิจหลักของสมาคมฯคือการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติจากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รุ่นและราคา สถานีชาร์จไฟฟ้าที่มีจำนวนและตำแหน่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมารยาทในการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของสมาคม เช่น Directory เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับภารกิจและพันธกิจของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย”

ทางนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และ อุปนายกสมาคมฯ พร้อมคณะกรรมการชุดใหม่จะมีวาระการดำเนินงานในกรอบ 2 ปี

อนึ่ง สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand : EVAT) เป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไร โดยแนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน และการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ในปัจจุบันสมาคมมี นายสุโรจน์ เเสงสนิท ทำหน้าที่นายกสมาคม และมีสมาชิกที่มาจากภาคเอกชน สถาบันศึกษา รัฐวิสาหกิจ และบุคคลทั่วไปรวมทั้งสิ้นกว่า 390 รายโดยทางสมาคมมีการกำหนดการจัดการประชุม ในทุกๆเดือน และมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ที่ www.evat.or.th

พานาโซนิค เอเนอร์จี และมาสด้า ร่วมมือพัฒนาแบตเตอรี่รถอีวีมาสด้า

พานาโซนิค เอเนอร์จี และมาสด้า ร่วมมือพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่สำหรับยนตรกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตจากมาสด้าเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการขยายฐานการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศญี่ปุ่นและเร่งการนำมาใช้กับรถอีวี

โอซาก้า และ ฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น, 6 กันยายน 2567 – บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มพานาโซนิค และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้ออกประกาศในวันนี้ว่า ทั้งสองบริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ชนิดรูปทรงกระบอกสำหรับยนตรกรรมแห่งอนาคตในเจเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งในยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของมาสด้า (BEVs) โดยมีกำหนดเปิดตัวนับตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป ซึ่งการประกาศในครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงของความร่วมมือก่อนหน้านี้ และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อความร่วมมือในระยะกลางถึงระยะยาวของทั้งสองบริษัท ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น ได้อนุมัติโครงการความร่วมของทั้งสองบริษัทในการขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ และการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างแหล่งผลิตแบตเตอรี่ที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

มร.มาซาฮิโระ โมโร่, ประธานและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (ซ้าย) และ มร.คาซูโอะ ทาดาโนบุ, ประธานและซีอีโอ บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี จำกัด

เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะกลาง Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อโลกของเราที่ยังคงความสวยงามตลอดไป เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คนให้มีความสุขยิ่งขึ้น และเพื่อสังคมที่น่าอยู่ตลอดไปมาสด้าได้แบ่งแผนงานการพัฒนาการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าออกเป็นสามเฟส เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงตามกลไกของตลาดและความต้องการของลูกค้า ซึ่งภายในปี 2027 มาสด้าวางแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ (BEVs) ที่พัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์ม EV ที่ออกแบบเฉพาะขึ้นเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ บริษัท พาโนโซนิค เอเนอร์จี จำกัด ตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตและมีแผนที่จะผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ชนิดรูปทรงกระบอกขึ้นที่โรงงาน ซูมิโนเอะ และ คาอิซูกะ ในเมืองโอซาก้า เริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป โดยแบตเตอรี่เหล่านี้จะถูกบรรจุเป็นโมดูลโดยมาสด้า และสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ พานาโซนิค เอเนอร์จี ได้วางกำลังการผลิตในประเทศญี่ปุ่นที่ 10GWh ต่อปี ภายในปี 2030

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดให้แบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าเป็นทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และกำลังมุ่งหน้าขยายห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่ภายในประเทศ รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ด้วยเหตุนี้ จากความร่วมมือระหว่างมาสด้าและพานาโซนิค เอเนอร์จี ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ชนิดรูปทรงกระบอกในประเทศ พร้อมทั้งขยายและเสริมสร้างฐานการผลิตของญี่ปุ่นอีกด้วย

โดยทั้งสองบริษัทจะยังคงร่วมมือกันต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม เช่น การบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์และแบตเตอรี่ การสนับสนุนการจ้างงานในท้องถิ่นและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร

มร.คาซูโอะ ทาดาโนบุ ประธานและซีอีโอ บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ เรามีแนวโน้มที่จะขับเคลื่อนการขยายกำลังการผลิต BEVs และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของญี่ปุ่น ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของเราคือการสร้างสังคมที่ยั่งยืน และเรามุ่งมั่นที่จะบรรลุพันธกิจนี้”

มร.มาซาฮิโระ โมโร่ ประธานและซีอีโอของมาสด้า กล่าวเสริมว่า “มาสด้ามุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานไฟฟ้าด้วยแนวทางที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตของลูกค้า เราจะใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง มีประสิทธิภาพดี และปลอดภัย ซึ่งจัดหาโดยพานาโซนิค เอเนอร์จี และนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าของมาสด้าที่เอกลักษณ์ และมีความสมดุลระหว่างการออกแบบ ความสะดวกสบาย และระยะทางในการขับขี่เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าของเรา”

อ้างอิง :

แผนการจัดหาแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่ได้รับการอนุมัติโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น

รายการที่ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรูปทรงกระบอกสำหรับรถยนต์
ความสามารถในการผลิต6.5 GWh ต่อปี (ตามที่คาดการณ์ไว้ในปี 2030; ส่วนกำลังการผลิตเพิ่มเติม)
เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 83.3 พันล้านเยน
การสนับสนุนด้านการเงินประมาณ 28.3 พันล้านเยน (สูงสุด)
กิจกรรมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานการผลิต การแนะนำ พัฒนา และปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต

ข้อมูลข้างต้นรวมถึงจำนวนเงินลงทุน เงินสนับสนุนของพานาโซนิค เอเนอร์จี ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาอื่นๆ นอกเหนือจากความร่วมมือนี้

MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2024 สัมผัสยนตรกรรมในเครือ MGC-ASIA ข้อเสนอคุ้มที่สุดแห่งปี

MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2024’ สัมผัสยนตรกรรมในเครือ MGC-ASIA จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ The Ultimate Deals of the Year’ มาพร้อมหลากข้อเสนอคุ้มที่สุดแห่งปี 11-15 กันยายนนี้ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลตี้ครบวงจร จัดงานใหญ่ประจำปี ‘MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2024’ ยกทัพยนตรกรรมในเครือ ครบทุกแบรนด์ จัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อม ‘The Ultimate Deals of the Year’ ข้อเสนอพิเศษแห่งปีที่ยากจะปฏิเสธ ระหว่างวันที่ 11-15 กันยายน 2567 นี้ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสดี ที่เราได้จัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ประจำปีขึ้นอีกครั้ง กับ ‘MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2024’ ที่ได้ยกขบวนยนตรกรรมในเครือ มาให้สัมผัสอย่างครบครันทุกเซกเมนต์ พร้อมแคมเปญพิเศษที่ต้องบอกว่าดีที่สุดแห่งปี โดยปีนี้มีไฮไลท์ คือ งานประมูลยนตรกรรมระดับพรีเมียมในเครือฯ ที่เพิ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกบริเวณ Parc Paragon ในวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และขอขอบคุณพื้นที่ดีๆ จากพันธมิตรทางธุรกิจของเราอย่าง สยามพารากอน ที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์คสำคัญของนักช็อปจากทั่วทุกมุมโลก รับรองว่ามางานนี้งานเดียว ได้เก็บเกี่ยวความคุ้มค่าแบบเต็มๆ แน่นอนครับ”

นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กรบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ความพิเศษของการจัดงาน MGC-ASIA Mobility Expo เหนือสิ่งอื่นใด คือ ความมั่นใจของลูกค้าที่จะต้องได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจ ทั้งในด้านสินค้าและการบริการ ทำให้ MGC-ASIA Mobility Expo เป็นงานที่คนรักรถตั้งตารอ โดยในปีนี้ นอกจากพื้นที่การจัดงานที่ยิ่งใหญ่กว่า 2,500 ตารางเมตร รวม 6 พื้นที่ ครอบคลุมทั้งชั้น M ชั้น 1 และชั้น 3 สยามพารากอน ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถในงาน และส่งมอบในเวลาที่กำหนด จะได้ที่รับสิทธิ์ที่จอดรถฟรีสูงสุดนาน 1 ปี และรับสยามกิฟท์การ์ด รวมมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถในงาน ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับสิทธิสมาชิกบัตร ONESIAM BLACK ซึ่งเป็นบัตรสำหรับสมาชิกระดับสูงสุด เพื่อรับสิทธิประโยชน์สำหรับลักชัวรีไลฟ์สไตล์พร้อมสัมผัสความลักชัวรีแบบเอ็กซ์คลูซีฟมากกว่าที่เคย”

Rolls-Royce อัครยนตรกรรมที่หรูหราที่สุดในโลก

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก จัดทัพยนตรกรรมที่ได้การยอมรับว่าหรูหราและดีที่สุดในโลก จัดแสดงให้ได้ชมกันแบบตื่นตาตื่นใจ นำโดย Black Badge Cullinan อัครยนตรกรรมอเนกประสงค์รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ สมทบด้วยรุ่นยอดนิยมอย่าง Ghost และ Spectre ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%

สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน และรับมอบรถยนต์ภายในเดือนตุลาคม 2567 รับบัตรโดยสารการบินไทย ชั้นธุรกิจ ไป-กลับที่ใดก็ได้ในยุโรป จำนวน 2 ที่นั่ง* หรือ รับประสบการณ์สุดพิเศษ ‘A Day in Goodwood, England’* เยี่ยมชม The Home of Rolls-Royce แบบใกล้ชิด หรือ รับ Siam Gift card มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท*

Aston Martin การผสมผสานรูปลักษณ์และความเร็วอย่างลงตัว

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก จัดเต็มภายในงานนี้ โดยนำหลากหลายยนตรกรรมพันธุ์แรงรุ่นไฮไลท์มาจัดแสดงให้ชมกันแบบตระกานตา อาทิ Vantage F1 Edition, DBX707, DB12 และ DB12 Volante ภายใต้คอนเซปต์ ‘Style Meets Speed’ พร้อมความร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์ชื่อดัง ‘HUGO BOSS’และ ‘VALENTINO’ ในการรังสรรค์สินค้าไลฟ์สไตล์ในรูปแบบลิมิเต็ด อิดิชั่น รวมถึงเวอร์คช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘The Art of Cocktail Mix’

พิเศษ! จองรถภายในงานและรับรถภายในเดือนกันยายน 2567 รับบัตรโดยสารสายการบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ลอนดอน 2 ที่นั่ง* หรือ รับประสบการณ์พิเศษ ‘A Factory Tour, Visit The Home of Aston Martin’ ที่ประเทศอังกฤษ มูลค่า 40,000 บาท จำนวน 2 ท่าน* หรือ รับ Siam Gift card มูลค่า 20,000 บาท*

Maserati มนต์เสน่ห์แห่งความเป็น Italian Luxury ฉลองครบปีที่ 110

มาเซราติ จัดแสดงยนตรกรรมไฮไลท์ภายใต้คอนเซปต์ ‘Itallian Luxury’ นำโดยซูเปอร์คาร์รุ่น MC20 ที่ล่าสุดได้รับการนำไปเพิ่มดีกรีความดุดันแบบรถแข่ง ภายใต้ชื่อ ‘GT2 Stradale’ สมทบด้วยรุ่น Grecale Trofeo เอสยูวีพลังแรง และ Grecale Folgore เอสยูวีพลังไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล

ลูกค้าที่จองรถภายในงาน รับ ‘Maserati Corse Program GT Am, Warm Up On Track’ บนสนามแข่ง Autodromo di Modena ประเทศอิตาลี* Siam Gift card มูลค่า 20,000 บาท* และรับเชิญเป็นสมาชิก Maserati Owners Club Thailand

XPENG ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค

บริษัท เอ็กซ์ โมบิลิตี้ พลัส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ เอ็กซ์เผิง ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค จัดแสดงยนตรกรรมไฮไลท์รุ่น G6 อัลตราสมาร์ทเอสยูวีคูเป้ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมเทคโนโลยี A.I. และ 800V Silicon Carbide (SiC) Architecture ชาร์จไฟได้เร็วกว่ารถไฟฟ้าทั่วไป 2 เท่า ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ล้ำสมัยที่สุด รุ่น G6 Standard Range ราคา 1,439,000 บาท* และ G6 Long Range ราคา 1,599,000 บาท* มาพร้อมการรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่า 30,000 บาท* ติดตั้ง Wall Box ขนาด 7.4kW มูลค่า 35,000 บาท* ฟรี! Premium Roadside Assistance 5 ปี* และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบพกพา มูลค่า 6,000 บาท* XPENG x OR Collaboration รับส่วนลดราคาชาร์จ 15%* สำหรับการชาร์จไฟที่สถานีชาร์จ EV Station Pluz* และสถานี DC Charger ที่โชว์รูม XPENG ทั่วประเทศ*ลงทะเบียนทดลองขับภายในงาน รับหมวก XPENG LIFESTYLE

ZEEKR ยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี่

บริษัท ซี โมบิลิตี้ พลัส จำกัด เชิญสัมผัสและเปิดประสบการณ์ใหม่ กับ ZEEKR X และ ZEEKR 009 โดยเฉพาะ ZEEKR 009 เอ็มพีวี ดีไซน์ที่สุดแห่งแรงบันดาลใจในการสรรสร้างสุนทรียภาพของการเดินทางรูปแบบใหม่ สะท้อนทุกความหรูหราเหนือระดับ เช่นเดียวกับ ZEEKR X เอสยูวีหรูหราขนาดกะทัดรัด ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคปัจจุบัน พร้อมราคาเร้าใจ Standard RWD เริ่ม 1,199,000 บาท* และ Flagship AWD เริ่ม 1,349,000 บาท* รับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร* รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร* ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี และฟรี! VReMT Wallbox มูลค่ากว่า 50,000 บาท

Millennium Auto Group นำกองทัพรถหรู ทุกรุ่น ทุกสายพันธุ์ ให้คุณได้สัมผัส

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดเต็มเพื่อสาวกยนตรกรรมในเครือ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อยากดูรุ่นไหน รวมไว้ที่เดียว ทั้ง BMW, MINI และ BMW MOTORRAD มีครบทั้งรถน้ำมัน, รถไฟฟ้า 100%,รถปลั๊ก-อินไฮบริด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ข้อเสนอพิเศษ

• ทุกการจอง รับฟรี คูปองเช่ารถ SIXT สูงสุด มูลค่า 1,000 บาท* และส่วนลดการจองตั๋วเครื่องบิน

   สูงสุด มูลค่า 4,000 บาท*

• จองและออกรถ รับฟรี

1) iPhone 16 Pro 256 GB มูลค่า 48,900 บาท*

2) บัตรจอดรถฟรี Siam Paragon นาน 6 เดือน (จำนวนจำกัด)*

3) รับ Siam Gift card มูลค่า 20,000 บาท เมื่อจองและรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น*

4) สิทธิพิเศษ ส่วนลด 50% ซื้อตั๋วเครื่องบินจากการบินไทย*

5) สมาชิก MOBILIFE ลุ้นรับคะแนนและของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท (ทุก 100,000 บาท รับ 1 คูปองลุ้นโชค)*

6) ผ่อนเงินจองและเงินดาวน์ 0% นาน 6 เดือน หรือแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% จากบัตรเครดิตชั้นนำ*

BMW

• ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 4 ปี*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง สูงสุด 3 ปี*

• อัปเกรด BSI สูงสุด 6 ปี*

• ฟรี BMW Wall Box*

MINI

• The All-New MINI Cooper SE ราคาเพียง 1.699 ล้านบาท วิ่งได้ไกลถึง 402 กิโลเมตร*

• The First-Ever All-Electric MINI Aceman ราคาเพียง 1.99 ล้านบาท*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

• เลือกรับดอกเบี้ย 0%* ทุกรุ่น หรือ ผ่อนนานสูงสุด 65 เดือน (สำหรับรุ่นปัจจุบัน)*

BMW MOTORRAD

• ออกรถ 0 บาท*

• ดอกเบี้ยพิเศษ 0%*

• รับส่วนลดเงินสด สูงสุด 600,000 บาท*

PEUGEOT ‘Lucky Number 777’ ค้นหาความโชคดีจากเลข 7 กับโปรดีที่สุดที่เคยมี

บริษัท ไลอ้อน ออโตโมบิล จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ สัญชาติฝรั่งเศส มาในธีม Lucky Number 777 มาร่วมค้นหาความโชคดีจากเลข 7 กับโปรดีที่สุดที่เคยมี โดยไฮไลท์สำหรับงานนี้ คือ New Peugeot 408 รถยนต์สปอร์ต ฟาสแบ็ค ครอสโอเวอร์ (Fastback Crossover) มาพร้อมเครื่องยนต์สันดาป ราคาเริ่มต้นเพียง 1.549 ล้านบาท และอีกหลายรุ่น ที่มาพร้อมโปรโมชั่นเฉพาะงานนี้เท่านั้น โปรแกรมบำรุงรักษา Peugeot Value Care นานสูงสุด 7 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร* การรับประกันคุณภาพสูงสุด 7 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร*การบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดระยะทาง*พร้อมรับคะแนนสะสมจาก MGC-MOBILIFE เพิ่ม 70,000 คะแนน หรือ Siam Gift Card 10,000 บาท* พิเศษ! เพียงจองและรับรถยนต์ The New Peugeot 408 Allure และ The New Peugeot 408 Allure Plus ภายในงาน เลือกรับสิทธิพิเศษจาก เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล คือ ที่พัก Intercontinental หัวหิน 2 คืน* หรือ คอร์ส Michelin Star ร้านโพทง* หรือ Chaopraya Dining Cruise Package

Jeep ‘Famous for freedom–การผจญภัย ไร้ขอบเขต’

บริษัท จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล จำกัด มากับคอนเซปต์ ‘Famous for freedom-การผจญภัย ไร้ขอบเขต’ กับแคมเปญ Lucky Number 777 +70,000 กับสองยนตรกรรมไฮไลท์ คือ New 2024 Jeep Wrangler Rubicon และ All-new Grand Cherokee Summit Reserve 4xe Plug-in Hybrid โดยทั้ง 2 รุ่น ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท มาพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ขยายเวลาการบำรุงรักษา Jeep Service Care นานสูงสุด 7 ปี หรือ 135,000 กิโลเมตร* การรับประกันคุณภาพสูงสุดถึง 7 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร* บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดระยะทาง* การรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่สูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร สำหรับ Jeep Grand Cherokee* พร้อมรับคะแนนสะสมจาก MGC-MOBILIFE เพิ่ม 70,000 คะแนน* และ Siam Gift card 20,000 บาท*

All-new 2022 Jeep® Grand Cherokee Summit Reserve

พิเศษ! Golden Hour สำหรับลูกค้า จี๊ป รับส่วนลดการซื้ออุปกรณ์ Mopar 30%* (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) และลดเพิ่มอีก 10%* สำหรับลูกค้าที่จองรถ Jeep ในงานเท่านั้น

Summit Honda ‘เลือกความมั่นใจ พาคุณไปได้ไกลกว่า’

บริษัท ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ฮอนด้า อย่างเป็นทางการ จัดแสดงยนตรกรรมไฮไลท์ New Honda Civic e:Hev RS และ New Honda Civic 1.5 ลิตร VTEC TURBO มาพร้อมอีกหลายรุ่นยอดนิยม และพิเศษกับ THE EXCLUSIVE DEAL

ต่อที่ 1 จองปุ๊บ เที่ยวปั๊บ – รับทันทีคูปองส่วนลด 50% สำหรับรถเช่า SIXT จำนวน 5 ใบ สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ภายในงาน*

ต่อที่ 2 พิเศษ! สายช็อป – รับบัตร Siam Gift Card มูลค่า 2,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ HONDA CR-V TURBO และ HONDA WR-V RS ภายในงาน*

ต่อที่ 3 เอกสิทธิ์ไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

สิทธิพิเศษสมาชิก MOBILIFE รับคะแนน x3 สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ HONDA CR-V TURBO

และ HONDA WR-V RS ภายในงาน และรับรถยนต์ภายในเดือนตุลาคม 2567*

รถเช่า SIXT, MGC Marine และ MGC Aviation ครบถ้วนบริการ ทั้งบก-น้ำ-อากาศ

ซิกท์ ประเทศไทย หนึ่งในผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้น มาตรฐานระดับโลกจากประเทศเยอรมนี ร่วมหยิบยื่นข้อเสนอสุดคุ้มค่า ให้กับลูกค้าที่จองรถภายในงาน รับคูปองเช่ารถกับ SIXT มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ขณะที่ เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) ผู้นำเข้าและจำหน่ายเรือยอทช์ อะซิมุท จากประเทศอิตาลี และเรือแม่น้ำ คริส-คราฟท์ จากสหรัฐอเมริกา มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก MGC-MOBILIFE แลก 10,000 คะแนน รับส่วนลดบริการเช่าเหมาลำเรือ มูลค่า 10,000 บาท* บริการสุดพิเศษจาก เอ็มจีซี เอวิเอชั่น ตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ รวมถึงบริการอื่นๆ เพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่จองรถภายในงาน รับส่วนลดจองบัตรโดยสารสายการบิน มูลค่าสูงสุด 4,000 บาท* สำหรับการเดินทางต่างประเทศ

สิทธิพิเศษสมาชิก MGC-MOBILIFE สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน

1.Lucky Surprise! รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ แจกฟินกว่า 100 รายการ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท* อาทิ ทริปล่องเรือสุดเอ็กซ์คลูซีฟ, ที่พักโรงแรมเครือดุสิต 3 วัน 2 คืน, LA MER Giftset, คะแนน MGC Points และอีกมาก

2.รับฟรี MOBILIFE PACKAGE มูลค่ารวมกว่า 30,000 บาท* อาทิ ส่วนลดจาก SIXT, MMS, TWG TEA และอื่นๆ

3.สมัครสมาชิกใหม่ รับทันที 1,000 MGC Points และรับ Signature Luxury Facial Voucher จาก LA MER มูลค่า 5,000 บาท*

4.รับฟรีเครื่องดื่มจาก Cha Bar เมื่อแลกคะแนน*

สิทธิพิเศษ ลูกค้า Serenade

-รับ เอไอเอส พอยท์ สูงสุด 10,000 คะแนน* รวมมูลค่า 200,000 บาท* เมื่อจองรถภายในงาน

สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตชั้นนำอาทิ SCB Card X, KTC, ttb และ กรุงศรี

-ผ่อนเงินจอง 0% นานสูงสุด 6 เดือน*

-ใช้คะแนนแลกเครดิตเงินคืน สูงสุด 30%*

-แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน สูงสุด 48,000 บาท*

-ฟรี Starbucks Card มูลค่า 3,600 บาท* และแลกคะแนนเครดิตเงินคืน 12%*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งฮีโร่ไลน์อัพ “The new CLE Coupé”

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งฮีโร่ไลน์อัพ “The new CLE Coupé” ลงตลาดสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู ประเดิมรุ่น CLE 300 4MATIC Coupé และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé

•The new CLE Coupé ลุยเซกเมนต์ Dream Car ยุคใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ชูดีเอ็นเอความเป็นรถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู เจเนเรชั่นล่าสุด มีมิติตัวถังเทียบเท่า E-Class Coupé

•เปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศ พร้อมกัน 2 รหัส ทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่นสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG ที่ปลดล็อกความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม.

•ติดตั้ง MBUX Gen20x ระบบปฏิบัติการเจนใหม่ล่าสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก The new E-Class ผสานการทำงานของ AI และ Routines Mode ให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น

•เป็นเจ้าของ 100 คันแรก เปิดจอง CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว The new CLE Coupé ยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่เข้ามาแทนที่ตระกูล Coupé ทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ บุกตลาดประเทศไทยด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งทางการตลาดในเซกเมนต์ Dream Car ออกแบบขนาดมิติตัวถังเทียบเท่า E-Class Coupé ประเดิมเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศ 2 รุ่น นำโดย CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé จัดเต็มด้วยการติดตั้งอุปกรณ์และระบบการขับขี่ขั้นสูงที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู รุ่นประกอบในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าทุกคนเป็นเจ้าของผ่านช่องทางออนไลน์และตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษกับ “Premium Gift Set” สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้า 100 คนแรก ที่ได้รับมอบรถในเดือนตุลาคม 2567

มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถสปอร์ต 2 ประตู โดยมีจุดเริ่มต้นความสำเร็จมาจากโมเดล Classic Coupé อย่างรุ่น Mercedes-Benz Coupé หรือที่รู้จักกันดีในฐานะ E-Class Coupé รหัสตัวถัง C123 ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ต 2 ประตูรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เข้ามาในประเทศไทย ตามด้วย Mercedes-Benz CE รหัสตัวถัง C124 ก่อนจะเข้าสู่ยุค Modern Luxury Coupé ด้วยการแนะนำ CLK ที่ทำตลาดต่อเนื่อง 2 เจเนเรชั่น และกลับมาใช้ชื่อ E-Class Coupé อีกครั้ง ด้วยรหัสตัวถัง C207 จนมาถึงรุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดในไทยอย่าง C238 โดยรถในตระกูล Coupé ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

ในวันนี้ เราต้องการพาทุกคนก้าวสู่ยุคใหม่ของรถตระกูล Coupé ด้วยการแนะนำ The new CLE Coupé รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู เจเนเรชั่นล่าสุด ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลงใหลในยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมความหรูหรา ผสานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และรุ่นสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ขั้นสูงสุดอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé”

The new CLE Coupé ทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมระบบปฎิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด MBUX Gen20x ซึ่งนับเป็นรุ่นที่ 2 ของรถที่ทำตลาดในประเทศไทย หลังจาก The new E-Class โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าวมีความโดดเด่นด้วยระบบควบคุมการสร้าง routines mode หรือ AI-generated routines ที่ผสานระบบ AI ในการเรียนรู้และบันทึกรูปแบบการใช้งานของผู้ขับขี่ และยังมีการออกแบบปุ่มไอคอนให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า พร้อมแยกสีให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นตามมาตรฐานความปลอดภัย Euro NCAP อีกทั้งยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกมิติ

CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในเซกเมนต์เดียวกับ E-Class Coupé นำเสนออีกขั้นของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความสปอร์ต ความหรูหรา และความทันสมัยตามสไตล์ยนตรกรรมยุคใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ กระจายการส่งกำลังที่ด้านหน้า 45% และด้านหลัง 55% ใช้เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ราคา 3,950,000 บาท

Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé รถสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง มาพร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงจาก Mercedes-AMG ที่มีมากที่สุดในบรรดารถรุ่นประกอบในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น AMG Performance 4MATIC+, AMG DYNAMIC PLUS Package, AMG dynamic engine mount และ AMG Real Performance Sound โดยใช้เครื่องยนต์ชุดเดียวกับ CLS 53 และ GLE 53 ซึ่งมาพร้อมขุมกำลังเบนซิน 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบ 100% ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.2 วินาที และเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งแพ็กเกจ AMG Driver’s Package ช่วยปลดล็อกความเร็วได้สูงสุดถึง 270 กม./ชม. ราคา 5,250,000 บาท

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save