- Advertisement -
32.4 C
Bangkok
Home Blog Page 40

มาสด้า เดินหน้าจัดหนักแคมเปญบิ๊กเซอร์ไพรส์ตลอดเดือนตุลาคม 2567

มาสด้า จัดหนักบิ๊กเซอร์ไพรส์ขยายเวลารับข้อเสนอใหญ่ตลอดเดือนตุลาคม ยกทัพยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟรุ่นยอดนิยมครบทุกรุ่นจัดแสดงพร้อมแคมเปญ Mazda Big Surprise มาส่งมอบความสุขให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายยิ่งขึ้น

นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทุ่มจัดงานอีเว้นท์ใหญ่เอาใจคนอยากเป็นเจ้าของรถมาสด้าตลอดเดือนตุลาคม ยกทัพยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟรุ่นยอดนิยมหลากหลายรุ่น อาทิ มาสด้า2, มาสด้า CX-3, มาสด้า CX-30, มาสด้า CX-5, มาสด้า CX-8 และ มาสด้า6 ออกงาน มาสด้า เอ็กซ์โป ณ ศูนย์การค้าชื่อดังทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงจัดงานมอบข้อเสนอใหญ่ที่โชว์รูมมาสด้าในต่างจังหวัด ภายใต้แคมเปญ Mazda Big Surprise ต่อเวลา ข้อเสนอใหญ่ เซอร์ไพรส์ไม่หยุด ทั้งส่วนลดพิเศษ ฟรีประกันภัยชั้น 1 และของแถมมากมาย รวมถึงมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ามาสด้าแฟมิลี่ที่จองรถมาสด้าภายในงานฯ เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายขึ้นและแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าให้การตอบรับรถยนต์มาสด้าเป็นอย่างดี โดยรายละเอียดการจัดกิจกรรมและข้อเสนอสุดพิเศษ มีดังต่อไปนี้

•Mazda Expo ณ ศูนย์การค้า แฟชั่น ไอส์แลนด์ (บริเวณ เซ็นเตอร์คอร์ท ชั้น1) ระหว่างวันที่ 27 ก.ย. 67 – 6 ต.ค. 67 และ ระหว่างวันที่ 16-21 ต.ค. 67 ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เวสต์เกต มอบส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท* หรือ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 72 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และเมื่อจองรถมาสด้าในงาน รับฟรี หูฟังไร้สาย JBL Under Armour Streak มูลค่า 2,990*บาท* และลูกค้าที่จองมาสด้า6 รับฟรีลำโพงบลูทูธ BOSE SOUNDLINK COLOR II มูลค่า 5,900 บาท* นอกจากนี้ เจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว ยังได้รับสิทธิพิเศษ เมื่อออกรถใหม่ รับฟรี บัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท* หรือ เมื่อออกรถมาสด้า6 รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติม*

•Mazda Fan Fest รวมความสุข ทุกข้อเสนอ ให้แฟนมาสด้า ณ โชว์รูมมาสด้า พัทลุง ระหว่างวันที่ 4-5 ต.ค. 67 และ โชว์รูมอนุภาษมาสด้า ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 25-26 ต.ค. 67 มอบข้อเสนอ ส่วนลดสูงสุด 200,00 บาท* หรือ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 84 เดือน* พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง* เมื่อจองรถทุกรุ่นในงานรับลำโพง SONY PORTABLE WIRELESS SPEAKER มูลค่า 1,990 บาท* และพิเศษสำหรับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว ออกรถใหม่ รับฟรี บัตรน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท*

•กิจกรรมทดลองขับในเดือนตุลาคม เมื่อทดลองขับรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นรับบัตร Starbucks มูลค่า 200 บาท โดยผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า สามารถติดต่อทดลองขับพร้อมรับบัตรฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 67 เป็นต้นไป ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

ลูกค้ามาสด้าแฟมิลี่หรือผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า ห้ามพลาดกับข้อเสนอดีๆ เหล่านี้ หรือสนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mazda.co.th

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

ThaiGP2024 นับถอยหลัง พร้อมส่งความสุขสู่แฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกกว่า 800 ล้านคน

ภาครัฐและเอกชนผนึกกำลังจัดงานแถลงข่าวนับถอยหลังสู่กรังด์ปรีซ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก “โมโตจีพี” ปีที่5 บนแผ่นดินไทย “PT Grand Prix of Thailand 2024” พร้อมเปิดตัวถ้วยรางวัล ThaiGP2024

รัฐบาลไทยผนึกภาคเอกชน แถลงความพร้อมโค้งสุดท้ายสู่สุดยอดศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก PT Grand Prix of Thailand 2024” ที่แฟนความเร็วทั่วโลกรอคอย ชูความพร้อมเดินเครื่องเต็มระบบ บูรณาการความร่วมมือทุกมิติ พร้อมเปิดตัวโทรฟี่ ThaiGP สง่างามด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” สไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความงดงามปราสาทหินพนมรุ้ง โดยมีการนำชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล กลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย เผยภายในงานจะได้พบกับจุดไฮไลท์ใหม่ Thai Thai Pavilion นำเสนอเสน่ห์แบบไทยสุดอลังการ 25-27 ตุลาคม 2567 นี้ ที่ จ.บุรีรัมย์ การันตีชื่อชั้นความมันส์ พร้อมสร้างความประทับใจและความสุขครบเครื่องระดับโลกสู่แฟนกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกแล้ว

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2024” ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่าง 25- 27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

30 กันยายน 2567 ที่สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพ : ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด (ดูคาติ ไทยแลนด์) รวมทั้ง อินฟลูเอนเซอร์ แพร ทวินันท์ เพิ่มพูน และป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ทัพสื่อมวลชน-ผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว “ถ้วยรางวัลการแข่งขันหรือโทรฟี่” ThaiGP ประจำปี 2024 ด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” ลักษณะไทยโมเดิร์น ผสานความงดงาม “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ส่วนกลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย “ตัวเลข ๑ ของไทย” อยู่ตรงกลางและด้านล่างจะเป็นลวดลายไทย ส่วนวัสดุของตัวถ้วยมีการดัดแปลงนำ “ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์” มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล เช่น ตัวน็อต และ เฟรมอลูมิเนียม 5 แผ่น สื่อถึงการจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่ประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ด้วยสีทองและดำที่เป็นสีแห่งเกียรติยศ ความแข็งแกร่ง ความสง่าและทรงคุณค่า การออกแบบสอดผสานความงดงามแบบไทยสู่สายตาชาวโลก

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมโตจีพี ถือเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุดที่มีการจัดในประเทศไทย มีผู้ติดตามชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก โอกาสสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพมาตรฐานการจัดแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติฝีมือคนไทยและพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาไทยในทุกมิติ รวมทั้งช่วยผลักดันการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง

“นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือน จะเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย จากความร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานทั้งส่วนกลาง-ภูมิภาค ภาคเอกชน-ประชาชนที่ร่วมกันวางแผนงานเป็นอย่างดีนั้น จะทำให้การจัดการแข่งขันในครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้ รวมทั้งทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นและประทับอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป เป็นสนามแข่งขันที่ถูกยกย่องว่าที่ดีสุด มีความสุขที่สุดในโลก ครบเครื่อง คุ้มค่าที่สุด ตามเป้าหมายสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะใช้ “มหกรรมกีฬา” ในการเป็นแรงส่งสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทั้งระบบ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม”

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTGกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5 ของการแข่งขันโมโตจีพีบนผืนแผ่นดินไทย แต่เป็นปีแรกของ PTG ในฐานะ Title Sponsor รายใหม่ของการแข่งขัน ยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ปี สิ่งหนึ่งที่ทาง PTG มองว่าสำคัญไม่แพ้กันคือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศไทยตามสโลแกน “บริษัทพลังงานของคนไทย เพื่อเติมความสุขให้คนไทยอยู่ดีมีสุข” นั่นคือการได้ประชาสัมพันธ์ประเทศสู่สายตาคนทั่วโลก แสดงศักยภาพคนไทยและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง

“ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ในสีสันที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้ต้อนรับที่ PTG Pavilion โดยได้ยกทัพแบรนด์ในเครือของ PTG ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PT Station, PT Maxnitron, Autobacs, กาแฟพันธุ์ไทย, Coffee World, Max Card Plus ฯลฯ ขนสิทธิพิเศษ ของรางวัล และกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมลุ้น แลก แจก ชม ช็อป อย่างเต็มอิ่มจุใจ รวมทั้งกิจกรรมสุด Exclusive ที่แฟนๆ จะได้กระทบไหล่นักแข่งคนดังทุกรุ่นแบบใกล้ชิด ซึ่งจะมีที่ PTG Pavilion ที่เดียวเท่านั้น คือ กิจกรรม Hero Walk และ Meet and Greet ซึ่งจะมีนักแข่งจากทุกคลาสไม่ว่าจะเป็น MotoGP Moto2 Moto3 แฟนๆ จะสามารถ ถ่ายภาพและขอลายเซ็นได้อย่างใกล้ชิด โดย PTG มุ่งมั่นและตั้งใจ ที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่แฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกับประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยกัน”

นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติ ตรา ช้าง กล่าวว่า หนึ่งในไฮไลต์ของการจัดโมโตจีพีวิถีไทยที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด นอกจากจะได้ชมเรซที่สนุกสุดมันส์ แฟนความเร็วจากทั่วโลกยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบของมอเตอร์สปอร์ตเฟสติวัล ซึ่งน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เตรียมจัดเต็มความสนุกตลอดทั้ง 3 วัน บริเวณลานกิจกรรมเพื่อให้ผู้ชมได้สนุกเต็มอิ่ม ครบรส ได้แก่ ประสบการณ์สุด Exclusive ใน Chang House ที่จะได้รับชมการแข่งขันโมโตจีพีในเต็นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ วงดนตรี และดีเจ พร้อมมีผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้างบริการตลอดทั้งวัน

รวมทั้งคอนเสิร์ต Chang Music Connection ตลอด 3 วัน เริ่มต้นวันแรก วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พบกับ “ยังโอม” เจ้าพ่อฮิปฮอปขวัญใจวัยรุ่น และปิดท้ายค่ำคืนกับศิลปินลูกทุ่งขวัญใจชาวอิสาน อย่าง “ก้อง ห้วยไร่”, วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม สนุกกันต่อกับการแข่งขัน “ศึกมวยไทย วิถีถิ่นไทย” โดยมีการประกบคู่ชกสุดมันส์ด้วยกันถึง 7 คู่ โดยมีไฮไลท์คู่เอกอยู่ที่ ยอดกตัญญู จิตรเมืองนนท์ ปะทะ เพชรสมาน ส.สมานการ์เมนท์ เอาใจแฟนมวยทั้งไทยและต่างชาติอย่างเต็มที่ และปิดท้ายค่ำคืนพบกับ “จ๊ะ นงผณี” ลูกทุ่งตัวแม่สุดเซ็กซี่ ส่วนวันสุดท้าย อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ปิดฉากโมโต จีพี 2024 ไปกับคอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปินสุดกวนที่ยกมาทั้งแก็งอย่าง “แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก” และมียังมีจุดบริการ Chang Shuttle Station บริการ “ชัตเติ้นแต๋น” นับร้อยคัน มาใช้ในการรับ – ส่งผู้ชมสู่เซอร์กิต ซึ่งมีที่เดียวในโลก คอยรับส่งแฟนๆ กันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย

ด้านนายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า สนามช้างฯพร้อมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตลอดทั้งปีมีอีเวนต์ต่างๆ มากมาย ที่ต้องรองรับมาตรฐานระดับโลกทั้ง FIM และ FIA ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิวสนาม เจ้าหน้าที่บุคลากร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่พรั่งพร้อม ซึ่งปีนี้จะมีจุดเล็กๆ ที่เพิ่มมิติการแข่งขันในสนุก เร้าใจมากยิ่งขึ้นก็คือเรื่อง Misano Curve ที่ปีที่แล้วได้ทำเพิ่ม 1 จุด และปีนี้เพิ่มเป็น 3 จุด ที่โค้ง 1 โค้ง 5 และโค้ง 8 ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันขับเคี่ยวกันสนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ส่วนลานกิจกรรมปีนี้ยังได้พบกับครั้งแรกของ Thai Thai Pavilion ที่มีคอนเซ็ปต์ต่อยอดจากโมโตจีพีวิถีไทย ที่จะนำเสนอเสน่ห์ วัฒนธรรมของไทย ทั้งงานศิลปะ หัตถกรรม ของกิน ของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน นอกจากนี้ด้านการอำนวยความสะดวกของผู้ชม จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแกนหลักในประสานไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร และที่พัก เพื่อให้ทุกๆ อย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดรองรับแฟนความเร็วผู้มาเยือนให้มีช่วงเวลาที่สุดแสนจะประทับใจ รับรองว่ามาชมการแข่งขันที่สนาม สนุกกว่ารับชมที่จอโทรทัศน์ที่บ้านแน่นอน

ปีนี้เรียกได้ว่าจะเป็นปีที่มีความสุขที่สุดของแฟน MotoGP ประเทศไทย เพราะนอกจากจะได้เชียร์นักบิดระดับโลกที่ชื่นชอบ ยังได้เชียร์ “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” นักบิดที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แข่งขันทิ้งท้ายในรุ่น Moto2 ก่อนที่ในฤดูกาลที่จะถึงในปี 2025 นี้ จะได้ขยับไปแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของโลก MotoGP ได้สำเร็จ เป็นคนไทย  คนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬารถจักรยานยนต์ของไทย

นอกจากนี้ยังมี PT Grand Prix of Thailand 2024 Expo ที่เนรมิตลานกิจกรรมด้านหน้าสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นงานเอ็กซ์โปสำหรับคนมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่ 09.00-20.00 น. ตลอด 3 วันเต็ม โดยมีทั้งพาวิลเลียนขนาดยักษ์และร้านค้ารายย่อยมากมาย ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง, ฮอนด้า, ยามาฮ่า, โตโยต้า, ดูคาติ, กรมการขนส่งทางบก โดย กปถ. ฯลฯ ที่พร้อมสร้างสีสัน ความสนุกให้แก่แฟนๆ ได้ช็อปสินค้าแบรนด์ดังมากมาย รวมทั้งครั้งแรกกับการเนรมิต Thai Thai Pavilion ได้ส้มผัสความสวยงามของวัฒนธรรมไทย ชม ชิมเลือกซื้อของดีของขึ้นชื่อ ร้านอาหารชื่อดังจากบุรีรัมย์และทั่วประเทศมาไว้ในงาน ครบจบที่เดียว โดยลานกิจกรรมนี้ผู้ถือบัตรชมการแข่งขันทุกประเภทเข้าชมฟรี หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION) ราคา 100 บาทต่อวัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท

บัตรเข้าชมการแข่งขันยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION)  ซื้อบัตรได้ที่บูธ All Ticket หน้างาน วันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 นี้เท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

ฟอร์ด จัดกิจกรรม Give to Grow ช่วย 3 โรงเรียน ระยอง-ชลบุรี

ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิสติ จัดโครงการ ‘Give to Grow’ ส่งมอบระบบเทคโนโลยีและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็น พัฒนาพื้นที่ในโรงเรียน และจัด       เวิร์กช็อปเพิ่มพูนทักษะชีวิตแก่โรงเรียน 3 แห่งในจังหวัดชลบุรี และระยอง เพื่อเสริมศักยภาพการเรียนรู้ เพิ่มสุขอนามัยที่ดี และส่งเสริมการเติบโตด้านทักษะชีวิตแก่เด็กนักเรียนในชุมชน โดยมีคณะผู้บริหาร อาสาสมัครฟอร์ด รวมถึงตัวแทนจากพันธมิตรบริษัทเอกชนรวมกว่า 150 คน ร่วมพลังจิตอาสาส่งมอบอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่สอดคล้องกับความจำเป็นของแต่ละโรงเรียน

“การสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนเป็นเรื่องที่ฟอร์ดให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยยึดแนวทางของฟอร์ด ฟิแลนโธรพี ในการส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ผู้ที่ขาดแคลน และส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะสำหรับอนาคต” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว “ฟอร์ดเล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาสาธารณูปโภคในสถานศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มทักษะชีวิตของเด็กนักเรียนที่ยังขาดโอกาส จึงได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ และจัดการอบรมที่มีประสิทธิภาพ ผ่านโครงการ Give to Grow ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Ford Global Caring Month ที่ได้นำอาสามัครฟอร์ดเข้ามามีส่วนร่วม”

โครงการ Give to Grow เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างฟอร์ด ประเทศไทย มูลนิธิสติ และพันธมิตรในการสนับสนุนระบบโซลาร์เซลล์ โซลาร์รูฟ ออกแบบระบบ รวมถึงติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ประกอบด้วย บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ไพรม์ พาวเวอร์ จำกัด และบริษัท อาร์ ๑-๒ ไทยเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งร่วมดำเนินโครงการนำร่องในสามโรงเรียนในชุมชนพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานฟอร์ด ได้แก่ โรงเรียนชุมชนบริษัทน้ำตาลตะวันออก อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โรงเรียนบ้านเขาคันทรง และโรงเรียนบ้านระเวิง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุน ได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญของตนเองมาร่วมดำเนินการตั้งแต่เริ่มโครงการ อาทิ การลงพื้นที่สำรวจความต้องการของโรงเรียน การวางแผนปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ของโรงเรียน และการสำรวจทักษะที่ขาดแคลนของนักเรียน โดยมีคณะผู้บริหารและอาสาสมัครฟอร์ดจากสำนักงานฟอร์ด กรุงเทพฯ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ผู้จำหน่ายฟอร์ดเอกกรุ๊ป และพันธมิตรกว่า 150 คน ร่วมส่งมอบอุปกรณ์ ติดตั้งระบบเทคโนโลยี และทำกิจกรรมในโรงเรียนทั้งสามแห่ง ประกอบด้วย

  • ส่งมอบและติดตั้งระบบโซลาร์รูฟขนาด 5 กิโลวัตต์ โดยมีจำนวนแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 370 วัตต์ จำนวน 39 แผง พร้อมต่อเข้ากับระบบไฟฟ้าหลักของทั้งสามโรงเรียน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าไฟฟ้าประมาณ 2,000-2,500 บาทต่อเดือน
  • ส่งมอบและติดตั้งเครื่องกรองน้ำแก่โรงเรียนบ้านระเวิง และโรงเรียนบ้านเขาคันทรง
  • ทาสีตกแต่งห้องเรียน ที่โรงเรียนบ้านระเวิง
  • ปรับปรุงเครื่องเล่นและถมดินในสนามเด็กเล่น ที่โรงเรียนบ้านเขาคันทรง
  • ติดตั้งและทาสีสุขาเคลื่อนที่ สำหรับโรงเรียนชุมชนบริษัทน้ำตาลตะวันออก
  • ติดตั้งรั้วโรงอาหาร ที่โรงเรียนบ้านเขาคันทรง

นอกจากการฟื้นฟูพื้นที่ทั้งสามโรงเรียนแล้ว โครงการ Give to Grow ยังได้จัดเวิร์กช็อปพัฒนาทักษะชีวิตแก่เด็กนักเรียนในสามหัวข้อสำคัญ ได้แก่ การเรียนรู้และพัฒนาทักษะสังคม การเรียนรู้เรื่องเพศอย่างเท่าทัน และการขยายความรู้เส้นทางอาชีพให้เด็กๆ เห็นโอกาสด้านอื่นๆ ในชีวิต โดยฟอร์ดร่วมกับมูลนิธิสติทำงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งสามโรงเรียนเพื่อสำรวจและจัดทำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายที่นักเรียนในแต่ละพื้นที่ต้องเผชิญ และนำข้อมูลมาออกแบบเวิร์กช็อปให้เกิดประสิทธิผลที่สุด ขณะที่อาสาสมัครฟอร์ดก็ได้มีส่วนร่วมในพูดคุยให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกแก่เด็กนักเรียน เพื่อให้แน่ใจว่าทักษะที่เด็กๆ ได้รับจะสามารถนำไปใช้ได้จริงและเกิดประโยชน์ในระยะยาว โครงการ Give to Grow ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากฟอร์ด ฟิแลนโธรพี (Ford Philanthropy) ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อสังคมของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี จัดสรรมาใช้จัดกิจกรรม Ford Global Caring Month ในเดือนกันยายนของทุกปี เพื่อให้อาสาสมัครฟอร์ดทั่วโลกร่วมทำกิจกรรมเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม ซึ่งฟอร์ดได้จัดกิจกรรม Global Caring Month มาต่อเนื่องกว่า 10 ปีแล้ว ในปีนี้ ฟอร์ดได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิสติ ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อสังคมมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาของเด็กในกลุ่มเสี่ยง มีบทบาทสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กกลุ่มนี้เห็นว่าชีวิตยังมีทางเลือกอื่นๆ อีกทั้ง มูลนิธิสติยังมีเครือข่ายอาสาสมัครจากหลากหลายอาชีพ ที่พร้อมส่งต่อทักษะอาชีพ และทักษะการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับรูปแบบปัญหาและความท้าทายของแต่ละพื้นที่

ฟอร์ดบริจาคกว่า 1.6 ล้านบาท ส่งชุดยังชีพเยียวยาน้ำท่วม

ฟอร์ดบริจาคกว่า 1.6 ล้านบาท ช่วยชุมชนห่างไกล นำทีมอาสาลุยมอบชุดยังชีพเยียวยาน้ำท่วม

ฟอร์ด ประเทศไทย ภายใต้การจัดสรรงบประมาณของฟอร์ด ฟิแลนโธรพี ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อสังคมของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มอบเงินสนับสนุน ร่วมกับเงินบริจาคที่ระดมทุนจากพนักงานฟอร์ด ประเทศไทย รวมกว่า 1,600,000 บาท เพื่อเร่งดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าหลากและดินถล่มในชุมชนห่างไกล โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ และการเยียวยาทางจิตใจ พร้อมนำทีมอาสาสมัครฟอร์ด หน่วยงานพันธมิตรเพื่อสังคม และผู้จำหน่ายฟอร์ด เดินทางไปมอบสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตแก่เด็กและชุมชนในหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบหนักในอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

“ฟอร์ด ฟิแลนโธรพี มุ่งมั่นที่จะนำความช่วยเหลือเร่งด่วนส่งมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งการสนับสนุนยากที่จะเข้าถึง” เจน ฮอลโลเวย์ ผู้จัดการ ฟอร์ด ฟิแลนโธรพี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว “ฟอร์ดทำงานร่วมกับพันธมิตรและชุมชนเพื่อสำรวจและประเมินความเสียหายในหลายพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่าหลายหมู่บ้านในหุบเขาที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินถล่ม ยังต้องการความช่วยเหลือในการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ การเยียวยาจิตใจ รวมถึงการเข้าถึงการศึกษาของเด็กๆ ฟอร์ดจึงไม่รีรอที่จะระดมการสนับสนุนจากทั้งจากพนักงานฟอร์ดและพันธมิตรที่เกี่ยวข้องอย่างทันท่วงที”

ทั้งนี้ ฟอร์ด ฟิแลนโธรพี ทำงานร่วมกับมูลนิธิเพื่อชาวกะเหรี่ยงในประเทศไทย (Karen Hilltribes Trust) มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และมูลนิธิสติ ในการดำเนินโครงการส่งมอบความช่วยเหลือจำเป็นเร่งด่วนแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ห่างไกล โดยการสนับสนุนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ แต่ยังเน้นเยียวยาด้านจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบในระยะยาว และส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านการมอบทุนการศึกษา สนับสนุนค่าอาหารสำหรับนักเรียนประจำ และการเดินทางไป-กลับของนักเรียน โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟอร์ด ประเทศไทย ระดมอาสาสมัครนำโดยทีมวิศวกรเทคนิคบริการของฟอร์ด พร้อมด้วยผู้จำหน่ายฟอร์ด อเมริกัน มอเตอร์ส เชียงใหม่ นำขบวนรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ บรรทุกสิ่งของจำเป็นในการใช้ชีวิต ได้แก่ น้ำดื่มสะอาด เสื้อผ้า และผ้าห่ม นอกจากนี้ มูลนิธิ SOS ยังร่วมมอบอาหารแห้ง และอาหารกระป๋องจำนวนมาก ให้แก่หมู่บ้านแม่โกปี่ และหมู่บ้านแม่ลาก๊ะใต้ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งทั้งสองหมู่บ้านเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักและตั้งอยู่บนเขาห่างไกล โดยมีบ้านเรือนกว่า 20 หลังถูกน้ำพัดถล่มเสียหาย ทำให้ประชาชนราว 90 คนไร้ที่อยู่ และอีก 32 หลังต้องย้ายที่อยู่เนื่องจากเสี่ยงต่อดินถล่ม ระบบประปาเสียหายจากความแรงของน้ำป่า ทำให้สมาชิกในหมู่บ้านกว่า 680 คน ขาดน้ำดื่มสะอาดและสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต

นอกจากการนำสิ่งของช่วยเหลือส่งมอบให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว ฟอร์ดและหน่วยงานพันธมิตรเพื่อสังคม ยังเตรียมจัดสรรงบประมาณดังกล่าวเพื่อใช้ในการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การซ่อมระบบน้ำประปาเพื่อให้เข้าถึงน้ำสะอาด รวมถึงการทำงานกับมูลนิธิสติในการจัดอบรมเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจแก่เด็กๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาด้านสุขภาพจิตอันเป็นผลมาจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น เพื่อดูแลชุมชนในกลุ่มเปราะบางยามวิกฤตให้ครอบคลุมในหลายมิติ

ฟอร์ด เปิดจองฟอร์ด เอเวอเรสต์ ล็อตใหม่

ฟอร์ดเปิดจองฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ล็อตใหม่ไม่จำกัดจำนวน พร้อมกันทั่วประเทศ 17 กันยายนนี้

ฟอร์ด ประเทศไทย เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า ประกาศเปิดรับจองฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ล็อตใหม่ ไม่จำกัดจำนวน ราคาเดิม 2,279,000 บาท เปิดจองพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ www.ford.co.th  พร้อมเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัมที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความ ‘กล้าทุกความท้าทาย’ ในกิจกรรม  ‘The Unexpected  Driving Experience’ วันที่ 5-6 ตุลาคมนี้ ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้แล้ววันนี้ทางเว็บไซต์ www.EverestTestDrive.com

“ฟอร์ดขอขอบคุณกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เรามีลูกค้าจองรถเต็มโควต้าอย่างรวดเร็วถึง 2 รอบหรือ 650 คัน นับเป็นการตอกย้ำสถานะผู้นำในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ของฟอร์ด และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เราจึงทำงานร่วมกับทีมฝ่ายผลิตอย่างใกล้ชิดในการจัดสรรรถยนต์เพิ่มเติม ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลกให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างเต็มที่” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม 3.0 ลิตร วี 6 เป็นรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาความเป็นเลิศในการใช้ชีวิตขณะที่ยังคงแสวงหาการผจญภัย ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ดีไซน์ที่เน้นความเท่ ดุดัน เรียบหรูตามแบบฉบับแพลทินัม รวมถึงอีกขั้นของความหรูหราและสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร มาพร้อมขุมพลังใหม่เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E- Shifter มอบพละกําลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้น ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีเหนือชั้น พร้อมดีไซน์ที่เน้นความเรียบหรูตามแบบฉบับแพลทินัม มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก สีเทา เมทิเออร์ เกรย์ สีดำ แอบโซลูท แบล็ค สีน้ำตาล อีควิน็อคซ์ บรอนซ์ และสีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัมล็อตใหม่มาพร้อมแคมเปญส่งเสริมการขายเดิม ดอกเบี้ย 1.99% นาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยจะทยอยส่งมอบถึงมือลูกค้าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ตามลำดับคิวที่ลูกค้าจองผ่านช่องทางออนไลน์  ติดตามข่าวสารรถยนต์ฟอร์ดได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th

มิตซูบิชิ มอบเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังให้วิทยาลัยการอาชีพชุมพร

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบเครื่องยนต์ พร้อมชุดส่งกำลังให้แก่ วิทยาลัยการอาชีพชุมพร มุ่งสนับสนุนการศึกษาด้านเทคนิคยานยนต์อย่างยั่งยืน

บรรยายภาพ : นายธนนท์ พรรพีภาส (กลาง) รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีรับมอบเครื่องยนต์พร้อมชุดส่งกำลัง ให้แก่ วิทยาลัยการอาชีพชุมพร โดยมี นายรักษ์วิเลิศ รักษารัตน์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพชุมพร รับมอบจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 4 จากขวา) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายกุญญาวัตน์ รวยอารีย์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการศึกษาและฝึกอบรมและฝ่ายพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายณัฐกฤษณ์ จอมเกตุ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซู มิตรแท้ จำกัด (สำนักงานใหญ่) และ นางสาวอภิญญา จอมเกตุ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซู มิตรแท้ จำกัด (สำนักงานใหญ่) โดยได้รับเกียรติจาก นายกมล เรืองตระกูล (ซ้ายสุด) ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร ร่วมเป็นสักขีพยาน

ชุมพร – 26 กันยายน 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความมุ่งมั่นส่งเสริมการศึกษาไทยเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการมอบเครื่องยนต์และชุดส่งกำลัง ให้แก่วิทยาลัยการอาชีพชุมพร ประกอบด้วย ชุดเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งในมิตซูบิชิ ไทรทัน เครื่องยนต์ 4N15 ชุดเกียร์ธรรมดา รุ่น R6M5A เฟืองท้าย และ ชุดแร็คพวงมาลัยเพาเวอร์ ซึ่งจะใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถของนักเรียน เพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ เพิ่มโอกาสในการจ้างงานและความก้าวหน้าในสายอาชีพ

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซู มิตรแท้ ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของวิทยาลัยการอาชีพชุมพร ที่มุ่งส่งเสริมให้นักเรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะความสามารถของนักเรียนด้วยการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพในระบบนิเวศอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน”

นายรักษ์วิเลิศ รักษารัตน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพชุมพร กล่าวว่า “เราขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซู มิตรแท้ เป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนสื่อการเรียนการสอนในครั้งนี้ ซึ่งจะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และมอบโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัยของมิตซูบิชิเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับนักเรียนให้มีความพร้อมในการเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต”

นายณัฐกฤษณ์ จอมเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซู มิตรแท้ จำกัด (สำนักงานใหญ่) กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่เราได้มีโอกาสตอบแทนสังคม เรายินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้จากเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นับเป็นโอกาสสำคัญที่นักเรียนจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างใกล้ชิด”

ในพิธีมอบเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังครั้งนี้ ผู้จำหน่าย มิตซู มิตรแท้ ยังได้นำรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี  มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024  มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และ มิตซูบิชิ แอททราจ สมาร์ท มาจัดแสดงและทดลองขับได้อีกด้วย

นอกจากการจัดแสดงรถยนต์และเปิดโอกาสให้ทดลองขับ นักเรียนยังได้รับการอบรมด้านเทคโนโลยียานยนต์พร้อมเรียนรู้ภาคปฎิบัติกับเครื่องยนต์ 4N16 และชุดเกียร์ธรรมดารุ่น R6M5A ซึ่งดำเนินการฝึกสอนโดยสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับช่างเทคนิคจาก มิตซู มิตรแท้

โครงการมอบเครื่องยนต์ให้แก่สถาบันการศึกษา ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน ตามปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย’ โดยมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ นอกจากวิทยาลัยการอาชีพชุมพรแล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้มอบเครื่องยนต์เทคโนโลยีขั้นสูงและชุดส่งกำลังให้แก่สถาบันการศึกษามากกว่า 100 แห่ง มาก่อนหน้านี้

มิตซูบิชิ ส่งต่อธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กองทัพอากาศไทย โดยกรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ส่งต่อธารน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

บรรยายภาพ : พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี (ที่ 3 จากขวา) เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ กองทัพอากาศไทย พร้อมด้วย นาวาอากาศเอก เกริกพล สิทธิทูล ผู้อำนวยการกองบรรเทาสาธารณภัย กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ กองทัพอากาศไทย (ที่ 2 จากขวา) รับมอบสิ่งของเครื่องใช้บริจาครวมมูลค่า 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในจังหวัดเชียงราย จากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย และนายธราดล วัฒนะลาภา (ซ้ายสุด) ผู้ชำนาญการอาวุโส พร้อมด้วย ทพญ. สุจินดา นิมิตรรุ่งทวี (ที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด และนางสลินดา ชมภูศรี (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูล้านนา จำกัด

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ส่งต่อธารน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย ในจังหวัดเชียงราย โดยบริจาคสิ่งของเครื่องใช้รวมมูลค่า 100,000 บาท ให้กับกรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ กองทัพอากาศไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจบรรเทาทุกข์ของประชาชน สอดคล้องกับปณิธานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้านโครงการเพื่อสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม การศึกษา และสุขภาพ

นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังเปิดให้บริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี! สำหรับรถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่นซึ่งได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย พร้อมตรวจเช็กด้วยเครื่องสแกน MUT-III รวม 23 รายการ และมอบส่วนลดร้อยละ 30 สำหรับค่าอะไหล่ ค่าแรง และค่าเคมีภัณฑ์* ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2567 ที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ โดยติดต่อมิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง  

*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด สำหรับลูกค้าผู้มีประกันภัยรถยนต์ จะสามารถรับส่วนลดตามรายการส่งเสริมการขายนี้ได้เฉพาะค่าใช้จ่ายที่

ไม่อยู่ในความคุ้มครองของบริษัทประกันภัยเท่านั้น

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ปรับกลยุทธ์ ดันไทยศูนย์กลางการผลิต-ส่งออกทั่วโลก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ปรับกลยุทธ์ภายใต้ภาวะการแข่งขันสูง ยืนยันความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว พร้อมดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต-ส่งออกรถยนต์ทั่วโลก

กรุงเทพฯ 25 กันยายน 2567 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) หนึ่งในผู้นำรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมอัจฉริยะ ย้ำชัด ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและในระยะยาว ท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์และสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกาศจุดยืน “ประเทศไทย” เป็นประเทศยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียนและตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภายใต้ “Great Wall Motors International” บริษัทฯ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อกำกับ ดูแล รวมถึงบริหารธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในตลาดต่างประเทศทั่วโลก สำหรับตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวารวมถึงประเทศไทย นำทัพโดย เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและนำการบริหารงาน ณ สำนักงานที่กรุงเทพฯ เพื่อปรับเปลี่ยนและพัฒนาการดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้ในช่วงเวลาแห่งความท้าทาย รวมถึงกำกับดูแลการดำเนินงานของโรงงาน “GWM Smart Factory” ในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโรงงานการผลิตเต็มรูปแบบ ที่ถูกวางให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ปัจจัยเหล่านี้ล้วนตอกย้ำทิศทางและวิสัยทัศน์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในระยะยาว

ชูกลยุทธ์ 3 ด้าน เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว : ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์คนไทย งานบริการหลังการขายและการบริหารจัดการอะไหล่ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน เข้ามาปรับปรุงและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันภายใต้ภาวะการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างรากฐานเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ประกอบด้วย

ด้านผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะมีการปรับกลยุทธ์การวางแผนผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวไทย รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนแห่งอนาคต (Powertrain) อันหลากหลายเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องและใช้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีคุณภาพในประเทศให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตและส่งออกที่สำคัญของรถยนต์พวงมาลัยขวาและซ้ายของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

ด้านบริการหลังการขาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีการยกระดับมาตรฐานศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีผ่านโครงการ “Certified Body and Paint” โดยมี พาร์ทเนอร์ สโตร์ จำนวน 6 แห่ง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลที่ผ่านการรับรองจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อมอบความมั่นใจในคุณภาพงานซ่อมให้กับลูกค้า โดยในอนาคต บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายโครงการดังกล่าวไปยังจังหวัดต่างๆ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกด้วย สำหรับด้านการบริหารจัดการอะไหล่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังมีแผนในการสร้างโรงเก็บอะไหล่ขนาดใหญ่ในประเทศจีน เพื่อรองรับความต้องการอะไหล่จากตลาดต่างประเทศรวมถึงประเทศไทย ทำให้การจัดส่งอะไหล่ที่ต้องนำเข้าจากประเทศจีนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการพัฒนาการบริการส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการทั่วประเทศได้ภายใน 1 วัน รวมถึงมีแผนในการขยายคลังเก็บอะไหล่ในประเทศไทย เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์และรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต รวมถึงการจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการอะไหล่ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

ด้านการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ถึงแม้ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายหลายราย ซึ่งเป็นผลจากภาวะการแข่งขันสูงและการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม เรายังคงเดินหน้าในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้งสิ้น 71 แห่ง โดยในปี 2567 นี้ เรามีการเปิด พาร์ทเนอร์ สโตร์ เพิ่มเติมไปแล้วถึง 11 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑลและต่างจังหวัด ได้แก่ GWM ไลฟ์ นนทบุรี, GWM จีที ออโต้ พัฒนาการ, GWM มหานคร พหลโยธิน กม.25, GWM เอก อารีย์, GWM บางกอก ถนนจันทน์, GWM คาร์แมน วงศ์สว่าง, GWM ฑีฆ อุดรธานี, GWM อนุภาษ ภูเก็ต กะทู้, GWM วายเอเอส ยะลา, GWM ระยอง ปลวกแดง และ GWM ชูเกียรติ สงขลา นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสู่มือผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ

เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 3 ปีเต็ม และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 พร้อมความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสู่มือผู้บริโภคชาวไทย เราขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมากที่มอบความไว้วางใจและให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอด ภายใต้ความท้าทายของอุตสาหกรรมรถยนต์และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์คนไทยให้มากที่สุด เราเชื่อว่ากลยุทธ์ทั้ง 3 ด้านของเราจะทำให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เราขอยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจะยังคงดำเนินต่อไปด้วยความมั่นคงและแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดประเทศไทยและผู้บริโภคชาวไทย และประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้ความสำคัญเสมอมา เรายังคงมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่สำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในระดับโลก เราจะเติบโตไปพร้อมกับคนไทยและประเทศไทยในระยะยาวอย่างแน่นอน”

ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) เกรท วอลล์ มอเตอร์ เร่งเครื่องสุดกำลังในการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากลควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ปรับทัพขับเคลื่อนตลาดประเทศไทยและพวงมาลัยขวา

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้ง Great Wall Motors International รุกตลาดต่างประเทศ ส่ง เจมส์ หยาง ขับเคลื่อนตลาดประเทศไทยและพวงมาลัยขวา ผลักดันแบรนด์สู่การเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานใหม่ระดับโลก

กรุงเทพฯ 20 กันยายน 2567 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ หนึ่งในผู้นำรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมอัจฉริยะ เดินหน้าอย่างมั่นคงด้วยการประกาศจัดตั้ง “Great Wall Motors International” บริษัทฯ ที่กำกับ ดูแล และบริหารธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในตลาดต่างประเทศทั่วโลก โดยมี เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ ดูแลตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก ร่วมกับ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และ ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่กำกับดูแลการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจให้เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพท่ามกลางความท้าทายของตลาดโลก สู่การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ล้ำหน้าและบริการคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายทั่วโลกอย่างครอบคลุมและบูรณาการ

Great Wall Motors International ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “การมุ่งสร้างระบบนิเวศรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลก” (eco-system going global) ประกอบด้วย 4 กุญแจสำคัญ ได้แก่ ความสามารถในการผลิตในท้องถิ่น (localized production) การดำเนินงานในท้องถิ่น (localized operations) การสร้างแบรนด์ข้ามวัฒนธรรม (cross-cultural branding) และห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง (secure supply chains) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้การดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต ระบบห่วงโซ่อุปทาน การขาย และการบริการหลังการขาย โดยโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ จะช่วยให้การส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของตลาดในแต่ละประเทศ ให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้ายอดจำหน่ายในต่างประเทศที่ 1 ล้านคัน ภายในปี 2573 โดยที่มีสัดส่วนรถยนต์พลังงานใหม่ระดับไฮเอนด์มากกว่าหนึ่งในสามของยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2567 เกรท วอลล์ มอเตอร์ มียอดขายทั่วโลกสูงถึง 745,415 คัน และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 181,363 คันเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ ที่เพิ่มขึ้น 22.17% เมื่อเทียบกับปีก่อน (2566) นอกจากนี้ ยอดขายในตลาดต่างประเทศยังคงเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อยู่ที่ 280,139 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 54.20%

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียนและ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกที่สำคัญของรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ภายใต้ Great Wall Motors International ในการบริหารงานของ เจมส์ หยาง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ จะรับผิดชอบดูแลตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และ ไมเคิล ฉง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ทั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณ นายณรงค์ สีตลายน กับความทุ่มเทในการทำงานเพื่อผลักดันการเติบโตและความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ที่ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567

ในบทบาทหน้าที่ใหม่นี้ เจมส์ หยาง จะรวบรวมทรัพยากรเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการดำเนินงานในท้องถิ่น ชูข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์และทรัพยากรห่วงโซ่อุตสาหกรรมของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในตลาดต่างประเทศ สร้างประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจให้กับคนไทยและประเทศไทย โดย เจมส์ หยาง มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากกว่า 20 ปี ด้านการวิจัยและพัฒนา การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการจัดการตลาดในประเทศต่าง ๆ ก่อนหน้าดำรงตำแหน่งปัจจุบัน เจมส์ หยาง ดูแลรับผิดชอบงานด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต การขาย และการบริการ ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในตลาดละติน อเมริกา

เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความต้องการของผู้โภค ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายครบครันทุกเซกเมนต์ ทุกเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ และในทุกระดับ รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานใหม่ที่กำลังเป็นแนวโน้มที่สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่ไว้วางใจและเลือกใช้รถยนต์จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ กว่า 14 ล้านคนทั่วโลก ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่นเติบโตไปกับคนไทยและประเทศไทยในระยะยาว รวมถึงจะมีการแนะนำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่าง ๆ ในระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าคนไทยและแนวโน้มตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ Thailand International Motor Expo 2024 ปลายปีนี้ เราจะมีการนำรถยนต์เรือธงรุ่นล่าสุด 2 รุ่นมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย”

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี ในการบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารงานในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการขาย การตลาด การบริการหลังการขาย สร้างความสำเร็จให้กับองค์กรที่ผ่านมามากมาย

สำหรับ ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มีประสบการณ์ด้านการตลาดและการดำเนินงานในตลาดต่างประเทศมากว่า 17 ปี ในหลากหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น อเมริกาเหนือ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกลาง โดย ไมเคิล ฉง ยังเป็นผู้นำสำคัญในการขยายตลาดของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สู่ประเทศไทย รวมถึงเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานของโรงงานผลิตที่จังหวัดระยองอีกด้วย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชูความสำเร็จ GWM HAVAL คว้า 5 รางวัลระดับโลก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชูความสำเร็จ GWM HAVAL คว้า 5 รางวัล จาก 5 ประเทศ การันตีรถยนต์เอสยูวีพลังงานใหม่คุณภาพสูงพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ตอกย้ำความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำพาแบรนด์ HAVAL รถเอสยูวีพลังงานใหม่ที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดแบบรอบด้าน คว้า 5 รางวัลคุณภาพจาก 5 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ รางวัล APAC Effie Awards จากประเทศชิลี  ปี 2562 รางวัล Best Value Medium SUV Mega Test จากประเทศออสเตรเลีย ปี 2565 รางวัล First New Car Brand และ TOP 1 SUV จากประเทศเม็กซิโก ปี 2566 รางวัล BEST HYBRID SUV UNDER 1,600 ซีซี. จากประเทศไทย ปี 2566 และรางวัล Lowest Cost for Hybrid Vehicles จากประเทศบราซิล ปี 2567 สะท้อนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก สะท้อนความนิยมที่สูงขึ้นในตลาดรถเอสยูวีทั่วโลก พร้อมเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมั่นคงและยั่งยืน

HAVAL จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ คว้ามาได้ทั้งหมด 5 รางวัล จาก 5 ประเทศทั่วโลก ได้แก่

•รางวัลจาก APAC Effie Awards ประเทศชิลี ปี 2562

รถยนต์รุ่น All New HAVAL H6 ได้รับรางวัล “Effie Awards” ในประเทศชิลี ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของแบรนด์ในการสื่อสาร และสร้างการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคในตลาดชิลีได้อย่างตรงจุด ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความภาคภูมิใจในด้านการสื่อสารการตลาดที่ดีของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่สามารถสะท้อนคุณภาพรถยนต์ All New HAVAL H6 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มลูกค้าในประเทศชิลีได้เป็นอย่างดี

รางวัลด้าน Best Value Medium SUV Mega Test จาก Drive ประเทศออสเตรเลีย ปี 2565

Drive.com.au สื่อออนไลน์ด้านรถยนต์ชื่อดังในประเทศออสเตรเลีย มอบรางวัล “Best Value Medium SUV Mega Test” ให้กับรถยนต์รุ่น HAVAL H6 ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของรถยนต์รุ่นนี้ในฐานะผู้นำในตลาดยานยนต์ที่มีการแข่งขันสูงของออสเตรเลีย หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชนะรางวัลคือ สมรรถนะการขับขี่ที่รอบด้าน พร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดที่ทั้งแรง และประหยัดน้ำมันในเวลาเดียวกัน

รางวัลด้าน First New Car Brand และ TOP 1 SUV จาก Atracción360 ประเทศเม็กซิโก ปี 2566

Atracción ถือเป็นหนึ่งในองค์กรสื่อที่เก่าแก่ที่สุดในเม็กซิโก ในการคัดเลือกรางวัลประจำปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะแบรนด์ใหม่ในตลาดเม็กซิโกสามารถทำตลาดได้อย่างโดดเด่น ด้วยภาพลักษณ์ของรถยนต์พลังงานใหม่ ความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยี และดีไซน์ที่ทันสมัย จึงทำให้ได้รับรางวัล “First New Car Brand” ที่ผู้บริโภคไว้วางใจ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยระดับห้าดาว ในส่วนของรถยนต์รุ่น HAVAL JOLION HEV ยังสามารถคว้ารางวัล “TOP 1 SUV” รถยนต์พลังงานใหม่ที่ออกแบบมาตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ในเม็กซิโก มอบประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารที่สะดวกสบาย ผสานกับสมรรถนะที่ทรงพลังและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม

รางวัลด้าน BEST HYBRID SUV UNDER 1,600 C.C จาก Grand Prix ประเทศไทย ปี 2566

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) คว้ารางวัล “BEST HYBRID SUV UNDER 1,600 C.C” ของรถยนต์รุ่น ALL NEW HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV เป็นรถยนต์เอสยูวีพลังงานใหม่แบบเสียบปลั๊ก สะท้อนแนวคิดการออกแบบแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบ แตกต่าง โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สร้างสรรค์บนแพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยะ GWM LEMON จากงานประกาศรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “CAR & BIKE OF THE YEAR 2023” ของบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

รางวัลด้าน Lowest Cost for Hybrid Vehicles จาก Quatro Rodas ประเทศบราซิล ปี 2567

ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ รถยนต์รุ่น HAVAL H6 HEV สามารถเอาชนะรถยนต์พลังงานใหม่มากมายที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และได้รับรางวัล “Lowest Cost for Hybrid Vehicles” จากสื่อประเมินรถยนต์ที่มีอิทธิพลอย่าง Quatro Rodas ในประเทศบราซิล โดยรางวัลนี้ ถือเป็นหนึ่งในรางวัลที่ได้รับการยอมรับ และน่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ของบราซิล เนื่องจากมีการพิจารณาปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเป็นเจ้าของรถยนต์อย่างครบถ้วน เป็นอีกหนึ่งเสียงสำคัญที่สะท้อนความคุ้มค่าในมิติต่างๆ ที่ครอบคลุมในทุกด้านของ HAVAL H6 HEV

การที่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ GWM HAVAL ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้ง 5 รางวัล จาก 5 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของรถยนต์เอสยูวีพลังงานใหม่ตระกูล HAVAL สะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นในด้านรถเอสยูวีพลังงานใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์  โดยถูกพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ พร้อมไปด้วยเทคโนโลยีการขับขี่สุดล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างลงตัว เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ขับขี่ทั้งชาวไทย และทั่วโลก สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่อย่างต่อเนื่องผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัยควบคู่ไปกับเทคโนโลยีอัจฉริยะด้านความสะดวกสบาย และความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด โดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ในการดำเนินงานต่อไป

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “ผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก”(Global Intelligent Technology) มุ่งมั่นที่จะเติบโตเคียงข้างผู้บริโภค พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม เพื่อรวมขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยยังคงให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครบครันอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทั้งปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือชั้นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคพร้อมทั้งยังยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยและอาเซียน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save