- Advertisement -
26.9 C
Bangkok
Home Blog Page 40

GAC AION ปักหลักไทยฐานผลิตรถไฟฟ้าพวงมาลัยขวาส่งออกทั่วโลก

GAC AION ปักหลักประเทศไทย เปิดโรงงานผลิตแห่งแรกในต่างประเทศและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเป็นฮับการผลิตและส่งออกทั่วโลก ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง เขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC บนพื้นที่ 85,000 ตารางเมตร จับตลาดรถพวงมาลัยขวา มุ่งมั่นสร้างการเติบโตทั้งด้านแบรนด์และยอดจำหน่ายทั่วโลก

ระยอง, ประเทศไทย – 17 กรกฎาคม 2567 – บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) หรือ GAC AION ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลกสัญชาติจีน เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกนอกประเทศจีน ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC บนพื้นที่ 85,000 ตารางเมตร มีความพร้อมด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อมุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทั้งผลิตและจำหน่ายในประเทศรวมถึงส่งออกไปยังประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวาทั่วโลก เพื่อสร้างการเติบโตทั้งด้านแบรนด์และยอดจำหน่าย ตลอดจนถึงผลักดันเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้เติบโตร่วมกัน

การเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยของ GAC AION ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาด้านการขาย การจัดจำหน่ายและการส่งเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเช่นเดียวกับโรงงานในประเทศจีน โดยวางกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ มีคุณภาพสูง และเป็นมาตรฐานในเรื่องการอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม โดย AION ได้ปรับปรุงแผนพัฒนาทั้งหมด 6 แนวทาง ซึ่งรวมถึง การเพิ่มความสามารถในการผลิต การขยายสายผลิตภัณฑ์ และการกำหนดแนวทางของตลาดในเรื่องฐานการผลิตและจำหน่ายทั่วประเทศ

มร.เจิง ชิ่งหง (Zeng Qinghong) ประธานบริษัท GAC กรุ๊ป กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทฯ ว่า “GAC กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 เป็นเวลา 11 ปี ติดต่อกัน และในปี 2566 GAC AION ยังคงอยู่ในอันดับที่ 165 และมียอดขายสูงถึง 2.5 ล้านคัน (ยอดขายรวมของทั้ง GAC กรุ๊ป) ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในด้านการขยายตลาดในเกือบทุกภูมิภาคของโลก ได้เข้าสู่ตลาดแล้วกว่า 30 ประเทศ ในห้าทวีปหลักของโลก และยังเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ภายใต้กระแส “การเปลี่ยนแปลงสี่ด้าน” โดยในปี 2017 ได้ลงทุน 45,000 ล้านหยวน (6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างโรงงาน Guangzhou Automobile Group (GAC) รวมถึงได้ลงทุน 45 พันล้านหยวน (2.25 แสนล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ (GAC Zhilian New Energy Automobile Industrial Park) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า”

       มร.เจิง ชิ่งหง (Zeng Qinghong) ประธานบริษัท GAC กรุ๊ป

โดย AION เป็นบริษัทแนวหน้าของ GAC กรุ๊ป ในการพัฒนาของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะสู่ตลาดโลก ที่ได้สร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีความล้ำหน้าและเป็นเอกลักษณ์ โดยเป็นแบรนด์ที่มียอดขายครบ 1 ล้านคัน ด้วยระยะเวลาที่ “เร็วที่สุดในโลก” เพียง 4 ปี 8 เดือน และ GAC AION ยังคงอยู่ในสามอันดับแรกของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลก ทั้งนี้ GAC AION มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการก้าวสู่โลกเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต โดยได้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายอัจฉริยะและยานพาหนะพลังงานใหม่ โดยมีโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีเทคโนโลยี แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (AEP Platform) และเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ทำให้ GAC AION ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีน

การเปิดตัวโรงงานในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการขยายตลาด ที่มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ในระดับสากล สร้างการผลิตและผลักดันให้เกิดการจำหน่าย รวมถึงกระจายความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปสู่ระดับท้องถิ่น ซึ่ง AION ได้นำเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับวางแผนสายงานอย่างครบวงจรทั้งหมด ทั้งระบบนิเวศพลังงาน วางรากฐานการฝึกอบรมพนักงาน และสร้างระบบอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับโลก เพื่อช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ GAC AION ในประเทศไทย ถือเป็นการเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันของแบรนด์ทั้งในประเทศไทยและในระดับสากล ด้วยการเป็นฐานการผลิตรถยนต์แห่งแรกในต่างประเทศของ GAC AION ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตสองแห่งในประเทศจีน มีกำลังการผลิต 500,000 คันต่อปี และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 120% ทั้งยังมียอดการผลิตและจำหน่ายอยู่ในสามอันดับแรกของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เมื่อเปิดโรงงานแห่งนี้ขึ้นอีกหนึ่งแห่ง จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และยังมีแผนสร้างฐานการผลิตและการจำหน่ายใน 7 พื้นที่ทั่วโลก

“ไม่เพียงแค่การประกอบรถเท่านั้น แต่เราจะนำเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาในประเทศไทย พร้อมวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อให้การจำหน่ายและการบริการเป็นไปได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ” มร.เจิง ชิ่งหง กล่าว

ความสำเร็จจากการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จะแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างจีนและไทยในด้านพลังงานใหม่ และเกิดเป็นการพัฒนาร่วมกันต่อไปในระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “การแบ่งปันเทคโนโลยีและการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์” ซึ่งสนับสนุนนโยบายในการเปลี่ยนแปลงพลังงานรถยนต์ให้เป็นพลังงานสีเขียว โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่ออยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า “ผมขอชื่นชม GAC AION ที่ได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดโครงการลงทุนที่สำคัญแห่งนี้ในประเทศไทย นับจากวันที่ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยหารือกับทีมผู้บริหาร GAC AION ซึ่งได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และได้รับการอนุมัติโครงการในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียง 10 เดือน ในการเตรียมการลงทุนเพื่อเปิดโรงงาน แสดงถึงความมุ่งมั่นและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของทีมงาน GAC AION ในการเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ความรวดเร็วในการเปิดโรงงานของ GAC AION ยังสะท้อนถึงศักยภาพของไทยที่จะเป็นแหล่งรองรับการลงทุนของบริษัทชั้นนำจากประเทศจีน และความพร้อมที่จะเป็นฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของภูมิภาคอีกด้วย”

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ประเทศไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนยานยนต์สมัยใหม่เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของโลก โดยมีการกำหนดเป้าหมายและแผนงานในการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ภายใต้แผน 30-30 รวมถึงการพัฒนาแรงงานฝีมือ การสร้างความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานและความปลอดภัย ตลอดจนการให้บริการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติและศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า (ATTiC) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่รัฐบาลกำหนดให้ “ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก”

    นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

มร.กู่ ฮุ่ยหนาน (Gu Huinan) ประธานกรรมการบริษัท GAC AION กล่าวว่า “โรงงานผลิตรถยนต์อัจฉริยะของ GAC AION ในประเทศไทยที่กำลังจะเปิดอย่างเป็นการทางในวันนี้ ได้นำเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดจากโรงงานในประเทศจีน และถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศจีนจะมีความร่วมมืออันดีที่เป็นมิตรกับประเทศไทย ในการผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ระหว่างสองประเทศ ให้มีความก้าวหน้าและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศไทยและประเทศจีน”

       มร.กู่ ฮุ่ยหนาน (Gu Huinan) ประธานกรรมการบริษัท GAC AION

มร.หม่า ไห่หยาง (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไป GAC AION ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ GAC AION ได้ยึดมั่นในแนวคิดหลักว่า “คุณภาพต้องมาก่อน” และมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการผ่านยานยนต์พลังงานใหม่ที่มีคุณภาพและชาญฉลาดแก่ผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยจุดเด่นด้านการผลิตที่ก้าวหน้าระดับโลก 4 ประการ ได้แก่ ความอัจฉริยะทางเทคโนโลยีขั้นสูง คุณภาพสูง ประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และในวันนี้ ความสำเร็จของโรงงานในประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแสดงว่า AION ได้สร้างแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่างแท้จริง แต่ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ไฮเทค อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และวัฒนธรรมเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนไปต่างประเทศ” และเรามีความยินดีที่จะแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของเราอย่าง AION V เจเนอเรชันที่ 2 ที่มาพร้อมกับความสามารถที่รอบด้าน เทคโนโลยีอันเหนือชั้น และมีความปลอดภัยสูง โดยการเผยโฉมในครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมกันกับการเผยโฉมรถ AION V เจเนอเรชันที่ 2 ในประเทศจีน

มร.หม่า ไห่หยาง (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไป GAC AION ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โรงงานผลิตรถยนต์เชิงนิเวศอัจฉริยะแห่งนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การทำตลาดในระดับโลกของเรา โดยมีข้อได้เปรียบด้านการผลิตอัจฉริยะชั้นนำของโลกสี่ประการ ได้แก่ ความอัจฉริยะทางเทคโนโลยีขั้นสูง คุณภาพสูง ประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อข้อมูล 100% ในการผลิตแบบครบวงจร โดยมีการใช้หุ่นยนต์ร่วมกับเทคโนโลยี AI เพื่อให้แน่ใจว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ GAC AION จะไม่มีข้อบกพร่อง และเราตระหนักถึงการสลับแบบเรียลไทม์ของการกำหนดค่า 10W+ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้หลายพันคน เราใช้ “การรวมการจัดเก็บแสง การชาร์จ และการเปลี่ยน” การใช้พลังงานอย่างครอบคลุมเพื่อมอบ “โซลูชัน AION” สำหรับการเปลี่ยนแปลงสีเขียวของอุตสาหกรรมการผลิตของไทย

“การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์เชิงนิเวศอัจฉริยะ GAC AION ในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์ที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาร่วมกันของอุตสาหกรรมยานยนต์ระหว่างไทยและจีน ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพมากที่สุด และคาดว่าในอนาคต โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การพัฒนาขึ้นในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการจ้างงาน สร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับประเทศไทย และช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกทางหนึ่ง” มร.หม่า ไห่หยาง กล่าว

สำหรับโรงงานในประเทศไทยจะใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับชั้นนำของโลก และควบคุมคุณภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลัง การผลิตอัจฉริยะไร้คาร์บอนชั้นนำของโลก รวมถึงการเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานสะอาด จาก GAC AION ประเทศจีน ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานใหม่ Lighthouse Factory แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดย World Economic Forum ที่ได้ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำอย่าง McKinsey & Company ในการคัดเลือกโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าเกณฑ์เทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตแบบคาร์บอนต่ำ เป็นการตอกย้ำว่า GAC AION มุ่งมั่นเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ในการเปิดตัวโรงงานครั้งนี้ GAC AION ยังได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า AION V เจเนอเรชันที่ 2 อย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเผยโฉม AION V เจเนอเรชันที่ 2 ในประเทศจีนอีกด้วย เพื่อตอกย้ำความสำคัญของตลาดในประเทศไทย รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและทันสมัยที่สุดสู่ตลาดโลก โดยผลิตขึ้นตามหลักการ 8 จุดเด่นหลัก ได้แก่ ดีไซน์ที่โดดเด่น, พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง, เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว, ระบบขับขี่อัจฉริยะระดับโลก, เทคโนโลยี AI อัจฉริยะ, มีระยะทางวิ่งไกลและทนทานต่อสภาพอากาศ, เทคโนโลยีชาร์จเร็วอัจฉริยะ, แบตเตอรี่มีความปลอดภัยสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก

นอกจากนี้ GAC AION ยังได้มอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 2 คัน ให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี ตามโครงการความร่วมมือระหว่าง GAC AION และสถาบันการศึกษาในประเทศไทย สำหรับใช้ในการศึกษาและเรียนรู้ ของนิสิตนักศึกษารวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในอนาคตต่อไป

ซูซูกิ ยกระดับงานบริการ เปิดแคมเปญ Suzuki Worry Free

ซูซูกิ ยกระดับงานบริการลูกค้าเปิดแคมเปญ Suzuki Worry Free ฟรี! ค่าแรงเช็ก ระยะนาน 3 ปี ฟรี รถสำรองใช้ระหว่างซ่อม เป้าหมายมีอะไหล่รองรับรถยนต์ทุกรุ่นนาน 10 ปี ชูแอปพลิเคชัน HELLO SUZUKI ช่วยดูแลลูกค้า พร้อมลุยขยายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วไทยเพิ่มเติมอีก 6 แห่ง

18 กรกฎาคม 2567-กรุงเทพมหานคร – บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแผนดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มุ่งเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการ เตรียมขยายการรับประกันฟรีค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร พร้อมเป้าหมายมีอะไหล่รองรับรถยนต์ทุกรุ่นนาน 10 ปี โดยนำแอปพลิเคชัน Hello Suzuki รองรับงานบริการที่รวดเร็วทันใจ เร่งเดินหน้าขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค และพัฒนายกระดับศูนย์ซ่อมตัวถังและสีตามมาตรฐานของซูซูกิเพื่อรองรับงานบริการอย่างทั่วถึงในอนาคต

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงซบเซา ช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-มิถุนายน) ตลาดรถยนต์รวมมียอดขายอยู่ที่ 307,995 คัน สำหรับซูซูกิ ยอดขายรวมทั้งสิ้น 3,791 คัน ลดลง 54 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตลาดยังคงหดตัว คือ ปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น กระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันในอุตสากรรรมยานยนต์ที่เข้มข้น สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัว จนส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในภาพรวม และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ซูซูกิยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไปอย่างมั่นคง จึงเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรองรับต่อการแข่งขันในอนาคต ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ “Enhancing the Ability to Compete in the Upcoming Automotive Market เพิ่มขีดความสามารถสู่การแข่งขันในอนาคต” ที่ได้ทำการประกาศแก่ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่จะเกิดขึ้นภายใต้แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานบริการในทุกด้าน โดยเน้นย้ำถึงการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ มอบคุณภาพของงานบริการที่ดีที่สุด ตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้เสมอมา

นอกจากแผนการพัฒนางานบริการในด้านต่างๆ ซูซูกิยังเตรียมความพร้อมแข่งขันในตลาดรถยนต์ ด้วยแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายการรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยประกอบไปด้วยรถประเภทไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้า 100% โดยมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าแต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่เข้ามารับผิดชอบดูแลงานด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการและอะไหล่ สิ่งที่ยึดมั่นคือการดำเนินงานภายใต้ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care–เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” การพัฒนางานบริการในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศเป็นเป้าหมายสำคัญยิ่งของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

โดยเพื่อให้ซูซูกิสามารถดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย การปรับปรุงแผนและพัฒนาการดำเนินงานเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง ซึ่งรายละเอียดจะประกอบไปด้วย 7 หัวข้อ ดังนี้

1. ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี

•สำหรับลูกค้าที่นำรถเข้าเช็กระยะต่อเนื่องตามกำหนดกับศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิทุกสาขา ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2. ขยายการรับประกันอะไหล่และงานบริการ

•อุ่นใจไร้กังวล กับการขยายการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่แท้ทุกชิ้น นานถึง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) จากเดิมที่รับประกันเพียง 3 เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร

3. บริการพิเศษรถสำรองใช้ระหว่างซ่อม

•รถยนต์ที่อยู่ในระยะรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ไร้ความกังวลเรื่องไม่มีรถใช้งานระหว่างซ่อม ด้วยบริการพิเศษ ‘รถสำรองใช้ระหว่างซ่อม’ สำหรับรถยนต์ซูซูกิที่ต้องใช้เวลาตรวจเช็กมากกว่า 1 วัน (ไม่รวมระยะเวลาวิเคราะห์ปัญหา) และไม่รวมกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ

4. HELLO SUZUKI APPLICATION ยกระดับงานบริการแบบ S-Solution

•HELLO SUZUKI คือ แอปพลิเคชัน ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลการทำงานกับลูกค้า อำนวยความสะดวกสบายและความมั่นใจในงานบริการทุกขั้นตอน ทั้งการนัดหมายนำรถเข้ารับบริการ หรือติดต่อสอบถามข้อมูล รายงานการการตรวจสอบและดูแลรถในทุกขั้นตอน รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษมากมาย ด้วยการสะสมคะแนนจากค่าใช้จ่ายในการเข้าซ่อมบำรุงตามระยะอย่างต่อเนื่อง หรือซ่อมแซมที่ศูนย์บริการของซูซูกิทั่วประเทศ

5. ระบบการจัดการอะไหล่ มีเป้าหมายรองรับบริการได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี

•การจัดการเตรียมระบบจัดการอะไหล่รถยนต์ทุกรุ่นที่จำหน่ายภายในประเทศ ช่วยให้ลูกค้าคลายความกังวลเรื่องการขาดแคลนอะไหล่ในการบำรุงรักษารถ เพราะซูซูกิมีคลังอะไหล่ 2 แห่ง ทั้งที่คลังอ่อนนุช กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่จัดเก็บขนาด 1,216 ตารางเมตร และคลังอะไหล่ จังหวัดระยอง มีพื้นที่จัดเก็บขนาด 4,076 ตารางเมตร รวมถึงคลังอะไหล่ของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มีอะไหล่จัดเก็บรวมมากถึง 741,000 ชิ้น โดยมีเป้าหมายรองรับความต้องการของลูกค้าได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดการผลิต

•บริการจัดส่งอะไหล่แบบเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่อื่นๆ ภายใน 48 ชั่วโมง คุ้มค่าต่อการใช้งาน ด้วยอะไหล่ในราคาที่เข้าถึงง่าย

6. ศูนย์บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

•ลูกค้ามั่นใจกับศูนย์บริการ 92 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และเตรียมเสริมความแข็งแกร่งเพื่อรองรับแผนงานในอนาคต ด้วยการแต่งตั้งผู้จำหน่ายรายใหม่เพิ่มอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดพัทลุง

7. ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของซูซูกิ

•ปัจจุบันซูซูกิมีผู้จำหน่ายที่มีบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีตามมาตรฐานของซูซูกิ ด้วยกันทั้งหมด 32 แห่ง ประกอบด้วย

ลำดับชื่อบริษัทผู้จำหน่ายภาคจังหวัด
1บริษัท ซูซูกิ อินดี้ บางหว้า จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
2บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
3บริษัท พีพี เมกะ ออโต้ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
4บริษัท มาพรพาณิชย์ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
5บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)กรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
6บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด (สาขาทองหล่อ)กรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
7บริษัท บีบี ซูซูกิ ออโต้ จำกัด (สำนักงานใหญ่)กรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
8บริษัท ซูซูกิ ตงเจริญออโต้เซลส์ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลปทุมธานี
9บริษัท ซูซูกิ นวนคร จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลปทุมธานี
10บริษัท นวซูซูกิ ปทุมธานี จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลปทุมธานี
11บริษัท นวออโตโมบิล บางใหญ่ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลนนทบุรี
12บริษัท ยนต์ตระการ พรีเมียม คาร์ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลนนทบุรี
13บริษัท สุพรรณยนตการ เทรดดิ้ง จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลนนทบุรี
14บริษัท บีบี ซูซูกิ ออโต้ จำกัด (สาขาบางบ่อ)กรุงเทพและปริมณฑลสมุทรปราการ
15บริษัท ซูซูกิ ราชบุรี จำกัด (สำนักงานใหญ่)  กลางราชบุรี
16บริษัท ซูซูกิ ราชบุรี จำกัด (สาขาบ้านโป่ง)  กลางราชบุรี
17บริษัท ซูซูกิกาญจนบุรี จำกัดกลางกาญจนบุรี
18บริษัท พ.บรรจง ออโตซัพพลาย จำกัดกลางประจวบคีรีขันธ์
19บริษัท ซูซูกิ หัวหิน (สิทธิภัณฑ์) จำกัดกลางประจวบคีรีขันธ์
20บริษัท ซูซูกิเพชรบุรี (สิทธิภัณฑ์) จำกัดกลางเพชรบุรี
21บริษัท ซูซูกิ ฉะเชิงเทรา (2555) จำกัด  ตะวันออกฉะเชิงเทรา
22บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัดเหนือเชียงใหม่
23บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด (สาขาดอนจั่น)เหนือเชียงใหม่
24บริษัท บี.เค. ออโต้ โมบิล จำกัดเหนือตาก
25บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)ตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา
26บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาบายพาส)ตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา
27บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาปากช่อง)ตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา
28บริษัท ซูซูกิเจียงอุดร จำกัดตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานี
29บริษัท สำราญยนตรการ ชัยภูมิ จำกัดตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิ
30บริษัท ซูซูกิ อุบลราชธานี จำกัด (สำนักงานใหญ่)ตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานี
31บริษัท ซูซูกิ อุบลราชธานี จำกัด (สาขาเดชอุดม)ตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานี
32บริษัท เลิศวิจิตร ออโต้เซลส์ จำกัดตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญ

โดยในอนาคต ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังมีแผนงานที่จะขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีตามมาตรฐานของซูซูกิ เพิ่มอีกจำนวน  9 แห่ง ทั้งในจังหวัดนนทบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอยุธยา จังหวัดลพบุรี และจังหวัดขอนแก่น ภายในปี 2567

“เราพยายามพัฒนางานบริการหลังการขายให้ยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มเข้ามาของบริการ HELLO SUZUKI คือ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราพัฒนา ระบบจัดการฐานข้อมูลลูกค้า (Dealer Management System หรือ DMS) ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ เพื่อทราบถึงข้อมูลการเข้ารับบริการของลูกค้าได้แบบ Real Time ซึ่งช่วยประเมินความต้องการของลูกค้า ไปจนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังร่วมมือกับผู้จำหน่ายทุกราย มุ่งเน้นการอบรมพนักงานในเชิงปฏิบัติอย่างมืออาชีพให้มีใจรักในการบริการลูกค้าเป็นอย่างดีอีกด้วย” นายวัลลภ กล่าว

ทั้งนี้ แม้ซูซูกิจะต้องเผชิญการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงสภาวะการหดตัวลงของตลาดและความเข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเรายังคงรักษาระดับยอดขายรถยนต์ไว้ได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งนอกจากต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของซูซูกิเป็นอย่างสูงแล้วนั้น ต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายของซูซูกิทุกรายที่ทำงานอย่างหนัก จึงขอให้ลูกค้าซูซูกิทุกท่านเชื่อมั่นได้ว่า  เราจะยังเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยึดความสำคัญด้านการบริการทั้งก่อนและหลังการขายเป็นที่ตั้ง เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ จนเราสามารถสร้างยอดขายสะสมนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ถึง 310,885 คัน

อย่างไรก็ตาม ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” นอกจากเป็นแนวทางในการยึดมั่นให้เราพัฒนางานบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อลูกค้าแล้ว ยังเป็นโครงการที่ต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าและคนไทยทุกท่าน ว่าเราไม่ใช่แค่เพียงผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ แต่เราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย พร้อมทั้งตอกย้ำการมาของรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ที่จะสร้างการเติบโตของตลาดรถยนต์ภายในประเทศต่อไป

มาสด้า สานฝันเยาวชนไทยสู่โปรกอล์ฟระดับโลก

มาสด้า สานฝันเยาวชนไทยก้าวสู่เส้นทางโปรกอล์ฟระดับโลก พร้อมชวนลูกค้าเปิดประสบการณ์ร่วมเล่นกอล์ฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สานฝันปูทางสู่นักกอล์ฟระดับโลก

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 19 กรกฎาคม 2567 – มาสด้าส่งเสริมเติมความฝันเยาวชนไทยสู่เส้นทางโปรกอล์ฟระดับโลก มอบโอกาสสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าและครอบครัวผู้ใช้รถยนต์มาสด้า เพื่อคว้าสิทธิ์ในการเดินทางไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเชิญชวนเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงอายุระหว่าง 12-19 ปี สมัครเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟรอบคัดเลือก ที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาผู้ที่ทำผลงานดีที่สุดเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายร่วมกับนักกอล์ฟเยาวชนที่เดินทางมาจากทั่วโลก 128 คน ในโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าระดับสากลที่เฟ้นหาและผลักดันเยาวชนกอล์ฟดาวเด่นให้ไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลก ผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันรอบสุดท้ายจะได้เดินทางไปร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่หลายรายการในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นก็มีโอกาสที่จะได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางนักกอล์ฟมืออาชีพอีกด้วย นับเป็นโครงการดีๆ ที่เยาวชนไทยผู้รักในกีฬากอล์ฟไม่ควรพลาด

อีกหนึ่งในกิจกรรมสุดพิเศษที่จัดขึ้นพร้อมกัน มาสด้ามอบเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ามาสด้าและครอบครัว เพื่อร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็นก๊วน พร้อมด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ มากมายตลอดงาน กับโครงการ “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” ณ สนาม Alpine Golf Club โดยเปิดรับสมัครนักกอล์ฟสมัครเล่นลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้า จำนวน 32 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 64 คน เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความสนุกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับความ สัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับมาสด้า เป็นการสร้างสรรค์ประสบกาณร์ที่ดีที่สุดที่มาสด้าต้องการส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางร่วมกัน เพื่อให้แบรนด์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้า และสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเพื่อให้การสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถในด้านกอล์ฟครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจของมาสด้าที่ต้องการต่อเติมความฝันให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็น Challenger Spirit ที่มีอยู่ในสายเลือดของนักกีฬาทุกคน เฉกเช่นเดียวกับแนวคิดหลักของแบรนด์มาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ พร้อมผลักดันขีดความสามารถตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มาสด้าเชื่อในศักยภาพของคนไทยที่มากฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก และมาสด้าต้องการผลักดันเยาวชนไทยให้มีโอกาสได้เปล่งประกายประดับวงการกีฬา เพื่อก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพระดับโลก และนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทยต่อไปในอนาคต

การสมัครเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟสำหรับเยาวชนชายและหญิง

MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024

เอกสิทธ์พิเศษนี้มาสด้าจัดขึ้นสำหรับกับลูกค้าและครอบครัวมาสด้า โดยเปิดรับสมัครทั้งประเภทเยาวชนชายและหญิง ที่มีอายุระหว่าง 12 – 19 ปี จำนวน 64 คน แบ่งเป็นเยาวชนชาย 32 คน และเยาวชนหญิง 32 คน รวม 64 คน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน “รอบคัดเลือก” ในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี ค่าสมัครเพียง 2,500 บาทต่อคน (รวมค่ากรีนฟรี รถกอล์ฟ และแคดดี้) ซึ่งผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ณ สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตุทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ และผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย จำนวน 32 คน ในครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์ในการเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กรุณากดลิงค์เพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขันสำหรับกอล์ฟเยวาชน https://m.mazda.co.th/PR-GPTP-0724

เยาวชนที่สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน กรุณาแสกน QR Code เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงาน

การสมัครเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟ MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024

เพื่อยกระดับประสบการณ์และมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าครอบครัวมาสด้าเกินความคากหวัง มาสด้าจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้าครอบครัวมาสด้า เชิญชวนลูกค้าสมัครเข้าร่วมออกรอบเล่นกอล์ฟเป็นก๊วน ในโครงการ “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” ณ สนาม Alpine Golf Club จัดแข่งขัน วันที่  4 ตุลาคม 2567 เปิดรับสมัครคัดเลือกลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้า จำนวน 32 คัน โดยสามารถสมัครเข้าร่วม 2 คนต่อหนึ่งคัน รวมจำนวนจำนวน 64 คน ค่าสมัครเพียง 2,900 บาท (รวมค่ากรีนฟรี รถกอล์ฟ และแคดดี้) พร้อมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ มากมายตลอดงาน เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 จนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2567 เวลา 18:00 น. กรุณากดลิงค์เพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขันสำหรับลูกค้ามาสด้า https://m.mazda.co.th/PR-GET-0724

ลูกค้ามาสด้าที่สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน กรุณาแสกน QR Code เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงาน

โครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” และโครงการ “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 จนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2567 เวลา 18:00 น. และประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง Facebook/MazdaThailandOfficial สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th หรือสอบถามผ่านมาสด้าสปีดไลน์ 0-2030-5666

มาสด้ายังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่า และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกๆ ช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการต่อเติมความฝันและการมอบโอกาสให้กับผู้คนได้ลงมือทำในสิ่งที่ตนเองรัก ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ทั้งด้านกีฬา มอเตอร์สปอร์ต หรือการให้การสนับสนุนด้านสังคมและชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและสร้างความรักความผูกพันโดยมีมาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ความสุข เพื่อขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้าด้วยกัน

มิตซูบิชิ ปรับแนวรุก เผยโฉม ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เผยโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด คมเข้ม หล่อเต็มพิกัด

กรุงเทพฯ – 19 กรกฎาคม 2567 : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เผยโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด ปรับโฉมจากออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ เติมความหล่อเข้มเต็มพิกัดด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน สะท้อนนิยามแห่งความสปอร์ต แข็งแกร่งทรงพลัง ตามแบบฉบับรถกระบะที่เหนือระดับอย่างแท้จริง

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน ตอกย้ำแนวคิดแห่งการปฏิวัติเพื่อสิ่งใหม่ที่เหนือกว่า พร้อมสะท้อนตัวตนที่แตกต่างของผู้ขับขี่ ด้วยการตกแต่งภายนอกสีดำสุดเท่ ประกอบด้วย ไดนามิก ชีลด์และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ ทั้งหมดนี้ผสานกันอย่างลงตัว เร่งอารมณ์สปอร์ตถึงขีดสุด ดึงดูดทุกสายตา

นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตาแล้ว ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน ยังมาพร้อมเครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้พละกำลังที่เหนือกว่าและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ด้วยกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ผสานช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบายเหนือระดับ คล่องตัวทั้งในเมืองและขณะเดินทางไกล

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) ที่มีระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) พร้อมระบบตรวจจับและแจ้งเตือนวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection : MOD) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ละเอียด แม่นยำ พร้อมปกป้องคุณให้ปลอดภัยในทุกเส้นทางที่ไปในแบบ 360 องศา

ภายในห้องโดยสารของ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน ได้รับการออกแบบเพื่อมอบที่สุดแห่งความสะดวกสบายหรูหรา เติมเต็มสุนทรียภาพขณะขับขี่ที่เทียบได้กับรถเอสยูวี พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay ที่พร้อมเชื่อมต่อแบบไร้สาย และ Android Auto เพื่อให้เป็นรถกระบะที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในชีวิตประจำวัน และการออกทริปเอาท์ดอร์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน มาพร้อมสีตัวถังสีเทา Graphite Gray และสีขาว White Diamond โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 1,027,000 บาท ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย วางใจ “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี”

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ไว้วางใจ “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี” เลือกเป็นยานยนต์สำหรับการปฏิบัติงานด้านการทูตในราชอาณาจักรไทย

บรรยายภาพ : สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นำโดย มร.โนโมโตะ โยชิฟูมิ (ที่ 2 จากซ้าย) นักการทูตที่ปรึกษา หัวหน้าแผนกบริหารงานส่วนกลาง สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ มร.มิโซะกุจิ อะทสึชิ (ซ้ายสุด) นักการทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นตัวแทนรับมอบ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี จาก มร.โนโบรุ สึจิ (ที่ 2 จากขวา) ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ นายพิพัฒน์พล อุนนาภิรักษ์ (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง จำกัด ณ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

กรุงเทพฯ – 16 กรกฎาคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง ร่วมส่งมอบรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ให้แก่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยที่เลือกใช้รถยนต์ระบบขับเคลื่อน ฟูลไฮบริด เป็นยานยนต์สำหรับการปฏิบัติงานของสถานทูต ตอกย้ำความเชื่อมั่นในยนตรกรรมของมิตซูบิชิ

มร.โนโบรุ สึจิ ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เลือกใช้ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เป็นยานยนต์สำหรับการปฏิบัติงานของสถานทูต ตอกย้ำถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยมและความเชื่อมั่นในรถยนต์มิตซูบิชิ พร้อมแสดงถึงการไว้วางใจในระบบวิศวกรรมยานยนต์และการบริการที่เราทุ่มเทพัฒนาอย่างเต็มที่ เรามีความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งที่จะนำเสนอยานยนต์เพื่อการเดินทางขับเคลื่อนที่เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืนซึ่งมีมาตรฐานสูงสุดทั้งในด้านสมรรถนะ ความไว้วางใจ และคุณภาพ”

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี โดดเด่นด้วย Mitsubishi e:MOTION ประสบการณ์ขับขี่ใหม่เหนือระดับ ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อมอบการขับขี่ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจและมั่นใจได้ยิ่งกว่าในทุกสภาพถนน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบการขับขี่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ ควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ยังโดดเด่นเหนือระดับด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย และตอบโจทย์การใช้งานอย่างยอดเยี่ยม รองรับการเดินทางทั้งในเมืองและขับขี่ทางไกลร่วมกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน พร้อมดีไซน์ภายนอกสุดเท่ อันเป็นเอกลักษณ์เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความลงตัวของสมรรถนะการขับขี่และสไตล์การออกแบบที่เหนือระดับ

สมาคม สรยท. เข้าพบแนะนำคณะกรรมการบริหารชุดใหม่กับผู้บริหารระดับสูง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เข้าพบแนะนำคณะกรรมการบริการชุดใหม่กับผู้บริหารรระดับสูง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เข้าพบ มร.มาซาโอะ สึสึมิ รองประธานอาวุโส และนางสาวอัจจิมา วรรณพินทุ รองประธานสายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยการเข้าพบครั้งนี้นอกจากแนะนำคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ วาระปี 2567-2569 แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังได้มีการพูดคุยแลกเปลี่บยนความคิดเห็นในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ และนโยบายการดำเนินงานของสมาคมฯ เพื่อคำแนะนำมาพัฒนาเพิ่มศักยภาพในการทำงาน​ต่อไป เมื่อเร็วๆ นี้

เริ่มแล้ว “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 46”

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ จัด “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 46” แสดงรถโบราณ และรถคลาสสิค ทรงคุณค่ากว่าร้อยคัน พร้อมมินิคอนเสิร์ตเพลงย้อนยุค และกิจกรรมมากมาย วันที่ 17–21 กรกฎาคม 2567

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 46 จัดภายใต้แนวคิด “สะท้อน และส่องทาง – Reflecting and llluminating the path” เพื่อแสดงให้เห็นว่ารถโบราณแต่ละคันสะท้อน และส่องทางรูปแบบศิลปะในแต่ละยุคสมัย โดยปีนี้มีผู้ส่งรถโบราณ และรถคลาสสิคเข้าประกวด และจัดแสดงให้ชมกว่า 100 คัน ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์

การประกวดแบ่งออกเป็น 7 รุ่น ได้แก่ รถรุ่นบรรพบุรุษ รถรุ่นผ่านศึก รถโบราณ รถรุ่นก่อนสงคราม รถรุ่นหลังสงคราม รถคลาสสิค และรถคลาสสิคร่วมสมัย โดยรถเด่น ได้แก่ Lancia Artena ปี 1931 รถยนต์สัญชาติอิตาเลียน ซึ่งเป็นแบบโปสเตอร์งานปีนี้ / Mercedes-Benz 300 Cabriolet D ปี 1953 รถเปิดประทุนคันงามของค่ายดาวสามแฉก / Mercedes-Benz 190SL ปี 1956 ของ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ร่วมขบวน Love Pride Parade 2024 / Ford Mustang ปี 1966 ม้าป่าสัญชาติอเมริกันคันงามของ มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ

นอกจากนี้ยังมีการประกวด รถจำลอง รถดัดแปลง รถประดิษฐ์พิเศษ รถแจกวาร์ รถมีนี รถโฟล์คสวาเกน รถอเมริกัน และกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ เสวนาเรื่อง “ทิศทางการสะสม และอนุรักษ์รถคลาสสิคในประเทศไทย” การประกวดราชินีแห่งความสง่างาม มินิคอนเสิร์ตจาก สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลาดนัดซื้อขายอะไหล่รถโบราณ จำหน่ายสินค้าวินเทจ เช่น รถโบราณจำลอง หนังสือ นิตยสาร ฯลฯ

นางณัฐรินทร์ พยุงวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ-สายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ผู้ให้การสนับสนุนสถานที่จัดงาน กล่าวว่า “งานรถโบราณครั้งนี้ จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ทั่วบริเวณศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์  ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจกับรถโบราณระดับตำนานที่หาชมได้ยาก กว่า 100 คัน และเรายังสร้างความประทับใจให้ผู้ชมด้วยการจัดตกแต่งสถานที่สไตล์ ART DECO ที่มีความหรูหรา ผสมผสานกับความทันสมัย เพื่อให้ผู้ชมได้ชื่นชมความงดงามทั้งรถ และสถานที่จัดแสดง พร้อมเก็บภาพถ่ายเป็นที่ระลึก และแชร์ลงโซเชียล นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับสมาชิก FUTURE PARK  ที่ร่วมสนุกตามหา QR Code จุดโชว์รถไฮไลต์ครบทั้ง 4 คัน รับฟรี! ของรางวัล กระบอกน้ำ และอุปกรณ์ทำความสะอาด”

เชิญชม “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 46” ณ ชั้น G ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ ตั้งแต่วันที่ 17-21 กรกฎาคม 2567 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub

โตโยต้า ร่วมพิธีส่งมอบผู้ผ่านการฝึกอบรมช่างซ่อมตัวถังและสีรถยนต์

โตโยต้า เข้าร่วมพิธีส่งมอบผู้ผ่านการฝึกอบรมในสาขาช่างซ่อมตัวถังและสีรถยนต์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า ได้เข้าร่วมพิธีส่งมอบผู้สำเร็จการอบรม หลักสูตรช่างซ่อมตัวถังและสีรถยนต์ โดยมี นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ภายใต้โครงการ Toyota Technical Education Program (T-TEP)

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เริ่มสนับสนุนการฝึกอบรมในหลักสูตร ช่างซ่อมตัวถังและสีรถยนต์ ตั้งแต่ปี 2550 ระยะเวลาการฝึก 120ชั่วโมง มุ่งเน้นให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษามีงานทำ ภายใต้การการันตีคุณภาพโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งโตโยต้าร่วมกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 7 อุบลราชธานีและบริษัทในเครือข่าย ที่เกี่ยวข้องกับงานช่างซ่อมตัวถังและสีรถยนต์ ได้ให้การสนับสนุนวัสดุฝึก อุปกรณ์ วิทยากร รวมถึงสอบรับรองมาตรฐาน โดยรับเข้าทำงานกับผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 5 แห่ง รวมจำนวน 29 คน ดังนี้

1) บริษัท โตโยต้าพัทยา (1998) จำกัด

2) บริษัท โตโยต้าจันทบุรี (1972) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

3) บริษัท โตโยต้าปราจีนบุรี (1993) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

4) บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด

5) บริษัท โตโยต้า บัสส์ จำกัด

โตโยต้า มีความแน่วแน่ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่

“เป็นผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขของผู้คน และความยั่งยืนของสังคม”

                              “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

HAVAL JOLION Sport ใหม่ รถเอสยูวีไฮบริดที่คุ้มค่า

New HAVAL JOLION Sport สะกดทุกสายตา สายสปอร์ต กดทั้ง Like ทั้ง Love การันตีความว้าวเกินคุ้ม กับ 5 เรื่องสุดจึ้งของ New HAVAL JOLION Sport รถเอสยูวีไฮบริดที่มาแรงและคุ้มค่าคุ้มราคาในขณะนี้ พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

กรุงเทพฯ 15 กรกฎาคม 2567 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) หลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2566 New HAVAL JOLION Sport ได้พลิกโฉมวงการเอสยูวีด้วยดีไซน์คมเข้ม ดุดัน พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม คุ้มค่าด้วยการขับเคลื่อนแบบเครื่องยนต์ไฮบริดตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาล้วนได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ปลุกเร้าสปิริตในการขับขี่ให้ Rise Up Your Spirit เร้าทุกมิติ สปอร์ตทุกเส้นทาง อย่างแท้จริง กับ 5 สิ่งที่คาดไม่ถึงที่เจ้าสิงโตอารมณ์ดีได้คำรามบนท้องถนนและมอบความว้าวแล้วเกือบกว่า 2,000 คันทั่วไทย

ตอบโจทย์สายสปอร์ต เท่ สุขุมนุ่มลึก บ่งบอกคาแรคเตอร์สายลุยแต่เนี้ยบ

ไม่พูดถึงไม่ได้ นี่คือเอกลักษณ์ในด้านดีไซน์ที่ล้วนเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค ที่ต่างตกหลุมรักในการออกแบบตั้งแต่แรกเห็นของ New HAVAL JOLION Sport ที่ผสานการออกแบบทั้งภายใน-ภายนอกได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสปอร์ตเต็มขั้น เท่ และ ดึงดูดทุกสายตาได้เป็นอย่างดี สะท้อนอารมณ์สปอร์ตให้ผู้ขับขี่ได้ทะยานไปทุกเส้นทาง ด้วยกระจังหน้า Black Symmetric ในดีไซน์สีดำล้วน พร้อมโลโก้ HAVAL โดดเด่นด้วยไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ เข้าถึงความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวไปอีกขั้นด้วยดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ล้ำ ผสมผสานกับการจับคู่กับโทนสี ALL BLACK ของห้องโดยสารภายใน รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกอย่าง กระจกมองข้าง และชุดราวหลังคา (Roof Rail) เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตด้วยการตกแต่งด้วยเส้นสายสีเงิน และวัสดุสัมผัส SOFT-TOUCH ที่ผสานความสะดวกสบาย ความสง่างาม และความลํ้าสมัยในหนึ่งเดียว สะท้อนลุคสปอร์ตกับมิติความสวยงามจากด้านหน้านอกตัวรถที่ส่งผ่านมาจนถึงด้านหลัง กับไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED เต็มระบบ การันตีความเท่กับ 3 เฉดสีขายดีสะท้อนลุคสปอร์ตได้แก่ สีดำ (Sun Black) สีเทา (Ayers Gray) และสีขาว (Hamilton White)

ขับขี่สนุก ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ

ขับสนุกด้วยพลังเครื่องยนต์แบบไฮบริด ผสานเข้ากับการทํางานอย่างลงตัวกับระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) สมรรถนะที่เต็มเปี่ยมด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร โดยระบบเกียร์แบบ DHT นี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริดด้วยกันถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดพื้นหิมะ

นอกจากนี้ชุดเกียร์แบบ DHT ยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดน้ำหนักรวมของตัวรถได้ พร้อมด้วยอัลกอริทึมการควบคุมขั้นสูงซึ่งปรับการทำงานของระบบให้มีความเหมาะสม นอกจากนี้ New HAVAL JOLION Sport ยังมาพร้อมกับ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) ซึ่งเป็นระบบกันสั่นสะเทือนช่วงล่างที่จะทำให้เกิดความนุ่มนวลขณะขับขี่ อีกทั้งยังช่วยให้รถสามารถยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดี รวมถึงรักษาสมดุลของรถขณะที่อยู่บนถนนที่ไม่ราบเรียบได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับ ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Vertical Arm Torsion Beam) ซึ่งนับว่าเป็นช่วงล่างที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ห้องโดยสารภายในรถมีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก สปอร์ต ราบรื่นแต่เร้าใจในทุกการเดินทาง

•ราคาเกินคุ้มในออปชันการใช้งานและความบันเทิงจัดเต็ม

New HAVAL JOLION Sport กับราคาเพียง 799,000 บาท เรียกได้ว่ามีออปชันสุดแรงครบครัน คุ้มค่าเกินราคาสำหรับรถในเซกเมนต์เดียวกัน มอบประสบการณ์ขับขี่ที่เต็มไปด้วยความบันเทิงตลอดทั้งเส้นทางด้วยระบบความบันเทิงแบบจัดเต็ม ทั้งหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลําโพงจำนวน 6 ตําแหน่ง ที่รองรับ Apple Carplay, Android Auto, Bluetooth และ MP3 อีกทั้งยังพร้อมมอบความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในระดับพรีเมียมเกินคาดด้วยเบาะหนังสังเคราะห์ดีไซน์สปอร์ตที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกสรีระ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เพื่อช่วยจัดท่านั่งให้สบายและอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นวิสัยทัศน์ได้ดีที่สุด และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ถึง 4 ทิศทาง และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังอีกด้วย นอกจากนี้ อีกหนึ่งความคุ้มค่าที่จะได้รับ คือ ความอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดี ทั้งห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย  รวมถึงเบาะที่นั่งด้านหลังที่สามารถพับและปรับได้ทั้งแบบ 60:40 รวมถึงแบบเรียบ พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่จุได้มากถึง 1,069 ลิตร ตอบโจทย์ทุกการใช้งานและทุกการเดินทางได้อย่างเต็มรูปแบบ

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย มั่นใจทุกการเดินทาง

หลากหลายเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งาน New HAVAL JOLION Sport ตอกย้ำถึงความคุ้มค่าของรถคันนี้ด้วยความมั่นใจในเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะโดยเฉพาะด้านความปลอดภัยที่ให้มากับตัวรถอย่างครบครัน เช่น เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว (Intelligent Single Pedal), กล้องแสดงภาพขณะถอยหลังที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทุกมุมมองรวมถึงเพิ่มความชัดเจนในทุกการถอยหลัง, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CC – Cruise Control), ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง, ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM – Second Collison Mitigation) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน, ระบบลดความเสี่ยงที่รถจะพลิกคว่ำ (ARS – Anti-Rollover System) และระบบช่วยเหลือการขับขี่อื่น ๆ อีกมากมาย มอบความมั่นใจและความปลอดภัยแบบรอบด้านให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกการเดินทาง

คำตอบของความคุ้มค่า มั่นใจทุกการดูแล

นอกจากความคุ้มค่าที่ New HAVAL JOLION Sport มอบให้ในเรื่องของเทคโนโลยีการขับขี่และความหลากหลายในการใช้งานแล้ว ตอกย้ำความคุ้มค่ายิ่งขึ้นและมอบความอุ่นใจยิ่งกว่า ด้วยการรับประกันคุณภาพรถใหม่นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร รวมถึงการรับประกันแบตเตอร์รี่ไฮบริดนานถึง 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับด้านการบริการหลังการขาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การบริการหลังการขายในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วย GWM Smart Service ผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

นี่คือ 5 เหตุผลที่ยืนยันว่า New HAVAL JOLION Sport เป็นรถไฮบริดเอสยูวีที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทั้งเรื่องราคาที่จับต้องได้ รวมถึงดีไซน์เท่ สปอร์ตทันสมัย ดึงดูดทุกสายตา ผสมผสานกับเทคโนโลยีการขับขี่สุดล้ำและพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทย และการดูแลที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มอบให้ลูกค้าผ่านการบริการหลังการขายที่ครอบคลุม นอกจากนี้เจ้าสิงโตอารมณ์ดีสายสปอร์ตคันนี้ยังมาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษ ได้แก่ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และแพ็กเกจบำรุงรักษา GWM Pro Service Inclusive (GPSI) นาน 5 ปี พร้อมเลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 0.99% นาน 48 เดือน หรือ ฟรี ชุดอุปกรณ์ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง และฟรี ฟิล์มกรองแสงลามิน่า รุ่น CM ONE สามารถทดลองขับและจับจองเพื่อเป็นเจ้าของ New HAVAL JOLION Sport ได้แล้ววันนี้ ที่ GWM  Partner Store ทั่วประเทศ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) และบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) ด้วยการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในปี 2567 รวมถึงปีถัดไป เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากลควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคชาวไทย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้ความมั่นใจ เจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA ไม่หวั่นแม้วันฝนตก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศให้ความมั่นใจ ORA ลุยน้ำได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด แม้ประเทศไทยได้เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ในช่วงที่ฝนตกหนักอาจมีน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่ การขับรถลุยน้ำท่วมจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยาก ผู้ขับขี่หลาย ๆ คนที่สนใจในเจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Good Cat, ORA Good Cat รุ่น GT หรือ ORA 07 หรือผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อยู่แล้วอาจมีข้อสงสัยและความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานว่าเจ้าเหมียวไฟฟ้าจะสามารถขับลุยน้ำในช่วงหน้าฝนนี้ได้หรือไม่ ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) พร้อมคลายความกังวลเหล่านี้ให้แก่ผู้ขับขี่ชาวไทย พร้อมมอบความเชื่อมั่นว่ารถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถใช้งานในช่วงหน้าฝนได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน

เจ้าเหมียวไฟฟ้าลุยน้ำท่วมได้ หมดห่วงเรื่องแบตเตอรี่

ในช่วงหน้าฝนนี้ ผู้ขับขี่สามารถใช้งานเจ้าเหมียวไฟฟ้าทุกรุ่น จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ตามปกติ ทั้งส่วนมอเตอร์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในตัวรถได้รับการปกป้องด้วยฉนวนไฟฟ้าอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นระบบภายในยังมีเซนเซอร์ตรวจจับไฟฟ้ารั่วและระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน (Ground Fault Protection) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ในช่วงหน้าฝนนี้ การออกแบบที่ทนทานต่อสภาพอากาศของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานในทุกสภาวะอากาศ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทุกคันได้ผ่านการทดสอบ IP Rating (Ingress Protection) ซึ่งระดับ IP แสดงให้เห็นถึงค่ามาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าในตัวแบตเตอรี่ โดยรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่นปัจจุบันถูกกำหนดระดับมาตรฐานอยู่ที่ IP67 ซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันน้ำท่วมสูงได้ไม่เกิน 1 เมตร ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที และสามารถลุยน้ำท่วมลึกได้ถึง 40 เซนติเมตร และในกรณีที่ต้องลุยน้ำท่วมในระดับที่สูง ให้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำและคงที่ หลีกเลี่ยงการจอดรถนานๆ เนื่องจากความเสียหายอาจเกิดขึ้นจากน้ำที่ซึมเข้าตัวรถและทำให้ตัวรถเกิดความเสียหาย และไม่ว่าจะขับรถประเภทใดก็ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำเมื่อมีความสูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตร เพื่อป้องกันรถยนต์จากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

หน้าฝนนี้ชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร้กังวล แม้ในที่ฝนตก

ในกรณีที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังชาร์จไฟอยู่ แต่ฝนตกลงมาและอยู่ในที่กลางแจ้ง ผู้ขับขี่อาจเกิดความกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวรถหรือไม่ ทั้งนี้ช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์การชาร์จของเจ้าเหมียวไฟฟ้าทุกรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถูกคิดค้นและพัฒนาเพื่อให้สามารถป้องกันฝุ่นละอองและป้องกันละอองน้ำผ่านมาตรฐาน IP55 ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับอุปกรณ์การชาร์จที่ได้มาตรฐาน IP55 ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้อุปกรณ์การชาร์จโดยทั่วไปจะถูกออกแบบให้สามารถป้องกันน้ำได้เป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบตัดไฟรั่วและสายดิน พร้อมทั้งระบบป้องกันและที่ครอบที่มีช่องระบายน้ำ จึงทำให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากลางแจ้งขณะฝนตกมีความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสถานีชาร์จและปลั๊กชาร์จก่อนใช้งานทุกครั้งว่าอุปกรณ์เหล่านี้อยู่ในสภาพดี ไม่มีส่วนที่ชำรุดหรือเสียหาย เนื่องจากการใช้สถานีชาร์จที่ไม่สมบูรณ์ในช่วงหน้าฝนอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และตัวรถยนต์ได้ และแนะนำผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการชาร์จไฟในขณะที่ฝนตกหากไม่จำเป็น โดยเฉพาะการชาร์จในสภาพอากาศที่รุนแรงหรือเมื่อฝนตกหนักมากถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่ำก็ตาม

อุ่นใจไร้กังวล กับการรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่แบบจัดเต็ม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้า พร้อมการบริการหลังการขายที่เยี่ยมยอดให้ลูกค้าได้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า 100% คุณภาพที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยความอุ่นใจ ด้วยการรับประกันคุณภาพยาวนานถึง 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมการใช้งานถึง 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และหากภายในระยะเวลารับประกันแบตเตอรี่ดังกล่าวนั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ และผู้ผลิตแบตเตอรี่ ตรวจสอบพบว่า ค่า SOH (State of Health) ของแบตเตอรี่ของท่านต่ำกว่า 70% โดยสภาพภายนอกของแบตเตอรี่ไม่ได้รับความเสียหายจากการใช้งานหรืออุบัติเหตุ ทางบริษัทฯ จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้ใหม่โดยทันที โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ปลอดภัยหายห่วง ตรวจสอบรถยนต์ให้พร้อมก่อนขับช่วงหน้าฝน

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์สันดาปภายใน ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสภาพรถยนต์ของท่านทั้งภายในและภายนอกให้อยู่เสมอ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการใช้งานรถยนต์ให้มีความปลอดภัยและเป็นการดูแลรักษารถให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่ที่ปัดน้ำฝน ที่ควรอยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งาน รวมไปถึงไฟสัญญาณต่างๆ ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอกว่ามีความสว่างตามปกติหรือไม่ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีขณะขับขี่ท่ามกลางสายฝน นอกจากนี้ควรตรวจสอบการสึกหรอของผ้าเบรก รวมถึงแรงดันลมยางและสภาพยางรถยนต์ อีกทั้งควรเอาใจใส่ในการเติมลมยางให้เหมาะสมกับสภาพถนนเปียกและลื่นเพื่อประสิทธิภาพในการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น หากผู้ขับขี่เกิดเหตุการณ์สุดวิสัยในช่วงหน้าฝนและต้องลุยน้ำเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงจุดหมายแล้วควรติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อขจัดความชื้นออกจากห้องเครื่องยนต์

ไม่หวั่นในทุกเส้นทางแม้ในกรณีฉุกเฉิน ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชม.

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถพาท่านไปยังจุดหมายปลายทางได้โดยไม่ต่างจากรถยนต์ประเภทอื่นๆ พร้อมมอบความสะดวกสบาย ประหยัด และการลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่เหตุไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ในทุกการขับขี่ ทุกที่และทุกเวลา ท่านสามารถอุ่นใจได้กับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง* ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มอบให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีความพร้อมในการประสานงานและสามารถเดินทางมายังจุดเกิดเหตุได้ภายใน 30 นาทีสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน และภายใน 45 นาทีสำหรับบริการรถยก* ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชัน GWM เพื่อติดต่อบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ติดต่อผ่าน GWM Contact Centre ที่หมายเลข 02-668-8888 หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ท่านก็สามารถติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อรับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

ดังนั้นในช่วงหน้าฝนนี้ ผู้ขับขี่สามารถมั่นใจได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง สามารถขับขี่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัยไร้กังวล และทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ อยากเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงอุปกรณ์ชาร์จอย่างถูกต้อง เพื่อให้ทุกการเดินทางในช่วงฤดูฝนนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

* เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save