- Advertisement -
32.7 C
Bangkok
Home Blog Page 38

สมาคม สรยท. เข้าพบแนะนำคณะกรรมการบริหารชุดใหม่กับผู้บริหารไทยฮอนด้า

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เข้าพบแนะนำคณะกรรมการบริการชุดใหม่กับผู้บริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เข้าพบนายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานสื่อสารการตลาด และทีมสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เพื่อแนะนำคณะกรรมการบริหารชุดใหม่วาระปี 2567-2569 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย พร้อมทั้งพูดคุยแนวทางประสานความร่วมมือการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการขับขี่รถจักรยานยนต์ให้กับสมาชิกตามนโยบายของสมาคมฯ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต พร้อมลุยศึก เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2024

ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต พิสูจน์สมรรถนะรถแข่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ ก่อนตะลุยศึก เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2024 ทวงบัลลังก์แชมป์ในรอบ 2 ปี

                               ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต

กรุงเทพฯ – 7 สิงหาคม 2567 : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) ประกาศความพร้อมของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ภายใต้การสนับสนุนด้านเทคนิคจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เตรียมลงสู้ศึกการแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2024 หรือ เอเอ็กซ์ซีอาร์ 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 11 – 17 สิงหาคมนี้ บนเส้นทางเขตภาคใต้และภาคกลางของประเทศไทย ด้วยรถกระบะไทรทัน1 จำนวน 4 คัน  เพื่อทวงตำแหน่งแชมป์กลับคืนอีกครั้งในรอบ 2 ปี

ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ได้เตรียมพร้อมในด้านสมรรถนะและความแข็งแกร่งของรถแข่งไทรทัน แรลลี่คาร์ บนเส้นทางออฟโรด ด้วยระยะทาง 800 กิโลเมตรในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทีมแข่ง ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ ความปราดเปรียวคล่องตัว และการควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะระบบช่วงล่างด้านหลังที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดยในวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา หรือ 5 วัน ก่อนเริ่มการแข่งขันเอเอ็กซ์ซีอาร์ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ได้ทดสอบสมรรถนะของรถที่จะใช้ขับแข่งอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกองค์ประกอบของตัวรถนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์และพร้อมตะลุยศึกครั้งนี้อย่างเต็มที่

“เราได้พัฒนาสมรรถนะการขับขี่ของรถไทรทัน และขยายความกว้างของช่วงล้อ ทั้งยังปรับปรุงระบบกันสะเทือนหลังแบบจัดเต็ม โดยนำจุดเด่นของรถรุ่น ปาเจโร ซึ่งเคยคว้าแชมป์ดาการ์ แรลลี่ มาปรับใช้ในการแข่งขันครั้งนี้” มร. ฮิโรชิ มาซูโอกะ ผู้อำนวยการ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต กล่าว “ผลลัพธ์ที่ได้คือ รถแข่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ สามารถเร่งความเร็วได้เต็มสูบ แม้ในสเตจที่ต้องใช้ความเร็วสูง เช่น ขับขี่ด้วยความเร็วที่สูงกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยตัวรถได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังให้สมรรถนะการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้นตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะบนสภาพถนนที่สมบุกสมบัน ซึ่งในปีนี้เรามีรถที่เข้าแข่งขันเพิ่มขึ้นจาก 3 คันเป็น 4 คัน และผมมั่นใจว่านักแข่งและผู้นำทางจะสามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากเราจะมีเป้าหมายทวงคืนบัลลังก์แชมป์ในรอบ 2 ปีแล้ว เรายังต้องการสานต่อธรรมเนียมปฏิบัติของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มุ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอันหฤโหด มาใช้ต่อยอดในการพัฒนารถยนต์ต่อไป”

ภาพรวมของการแข่งขัน “เอเอ็กซ์ซีอาร์ 2024”

การแข่งขันเอเอ็กซ์ซีอาร์ในปีนี้ มีรถเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 67 คัน แบ่งเป็นประเภทรถยนต์ 46 คัน ประเภทรถจักรยานยนต์ 19 คัน และประเภทไซด์คาร์ 2 คัน พิธีเปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันที่ 11 สิงหาคม ณ หอนาฬิกา ใจกลางเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางภาคใต้ของไทย จากนั้น การแข่งขัน Leg 1 อย่างเต็มรูปแบบ จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม ตามด้วยการแข่งขัน Leg 2 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาวที่สุดของการแข่งขันทั้งหมด จะเริ่มต้นพิสูจน์ความแกร่งสุดท้าทายจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปยังอำเภอหัวหิน ตะลุยผ่านเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยก้อนหินตะปุ่มตะป่ำ จากนั้นการแข่งขัน Leg 3 จะเป็นเส้นทางที่ต้องใช้ความเร็วสูงบนทางฝุ่นเรียบในอำเภอหัวหิน ตามด้วยการแข่งขัน Leg 4 ซึ่งจะฝ่าเส้นทางลาดชันขึ้นลงเขา มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนเข้าสู่การแข่งขัน Leg 5 ซึ่งวิ่งผ่านพื้นที่การเกษตร ที่มีลักษณะเป็นพื้นราบแต่มีทัศนวิสัยจำกัด ปิดท้ายด้วยการแข่งขัน Leg 6 ที่จะมุ่งเข้าสู่เส้นชัย ณ สกายวอร์ค กาญจนบุรี ซึ่งเป็นสะพานกระจกใส ที่เพิ่งเปิดตัวในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เมื่อปี 2565

รถสนับสนุน ของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต

สำหรับการแข่งขันในปี 2024 ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต มีรถสนับสนุนทั้งหมด 6 คัน ได้แก่ เดลิกา ดี:5 จำนวน 4 คัน เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี 1 คัน และเดลิกา มินิ 1 คัน

เดลิกา ดี:5  เป็นรถมินิแวนอเนกประสงค์ที่มาพร้อมตัวถังอันแข็งแกร่งด้วยโครงสร้างนิรภัยรอบคันแบบ Rib-Bone และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขับขี่คล่องตัวปราดเปรียว ด้วยสมรรถนะการควบคุมรถที่ดีเยี่ยมในสภาพอากาศและสภาพถนนหลากหลายรูปแบบ โดย มร. ฮิโรชิ มาซูโอกะ ผู้อำนวยการ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต จะขับขี่รถเดลิกา ดี:5 จำนวน 1 คัน เพื่อสำรวจเส้นทางการแข่งขัน โดยตัวรถได้รับการติดตั้งแผงอลูมิเนียมป้องกันเครื่องยนต์ ทั้งยังยกสูงขึ้นจากเดิม 20 มิลลิเมตรโดยประมาณ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถบนเส้นทางสมบุกสมบัน

เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นรถยนต์รุ่นแฟล็กชิพของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้ผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification Technology) และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWC (All-wheel Control Technology) เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและการขับขี่ที่ทรงพลังในสภาพอากาศและสภาพถนนที่หลากหลายตามแบบฉบับรถเอสยูวี พร้อมมีอัตราเร่งที่นุ่มนวลและเปี่ยมด้วยพลัง มอบความปลอดภัยและไว้วางใจได้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

เดลิกา มินิ  เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กหลังคาสูงแบบเคคาร์2 (Kei-car) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เดลิกา มินิแวน ซึ่งผสานห้องโดยสารที่กว้างขวางเข้ากับสมรรถนะการขับขี่ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย มั่นใจได้แม้ขณะขับขี่บนถนนทางกรวดและถนนลูกรัง

รถสนับสนุนทุกคันจะติดตั้งล้ออัลลอย CRAG T-GRABIC II ของแบรนด์ Work (เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ติดตั้งล้อ Work Emotion M8R) และยางออฟโรด GEOLANDAR ของแบรนด์ Yokohama ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นไม่ว่าจะเป็นทางฝุ่น หรือทางโคลน เพื่อให้รถทุกคันสามารถตะลุยผ่านเส้นทางการแข่งขันแรลลี่ได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ รถสนับสนุนทั้ง 6 คัน ยังได้รับการตกแต่งภายนอกเช่นเดียวกับรถแข่ง ไทรทัน แรลลี่คาร์ ที่โดดเด่นด้วยสีแดงที่แสดงถึงพลังอันฮึกเหิม พร้อมด้วยกราฟิกลวดลายดินฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย และสีเทาเมทัลลิก เพื่อสะท้อนถึงชั้นหินที่หนักแน่นและแข็งแกร่ง

การรายงานผลการแข่งขันประจำวัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะรายงานความเคลื่อนไหวของการแข่งขันเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันแรกของการแข่งขัน คือ วันที่ 11 สิงหาคม ไปจนถึงการแข่งขันช่วงสุดท้ายในวันที่ 17 สิงหาคม ทางเว็บไซต์เอเอ็กซ์ซีอาร์ของบริษัทฯ

[เว็บไซต์ของการแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ สำหรับสื่อมวลชน]

1. จำหน่ายในชื่อ L200 ในบางประเทศ

2. เคคาร์ เป็นประเภทรถยนต์ที่มีขนาดเล็กในประเทศญี่ปุ่น

โตโยต้า ร่วมแสดงความยินดี ต้อนรับ “วิว กุลวุฒิ”

โตโยต้า ร่วมแสดงความยินดี ต้อนรับ “วิว กุลวุฒิ” นักกีฬา Global Team Toyota Athlete ทัพนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย และโค้ช กลับสู่ประเทศไทยด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแสดงความยินดี ต้อนรับ “วิว กุลวุฒิ” นักกีฬา Global Team Toyota Athlete (GTTA) / ทัพนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย และโค้ช กลับสู่ประเทศไทยด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีความยินดีอย่างภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน และพัฒนาวงการกีฬาแบดมินตันในประเทศไทย ผ่านการเป็นการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติในประเทศไทย สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้แฟนกีฬาแบดมินตันไทยได้ชม และเชียร์ทัพนักกีฬาไทย พร้อมสร้างผลงานให้กับนักกีฬาระดับโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสานต่อแนวคิด Start Your Impossible ชวนคนไทยขับเคลื่อนสู่ทุกความเป็นไปได้ไปด้วยกัน

Start Your Impossible หรือ “เมื่อเริ่มลงมือทำ ทุกสิ่งก็เป็นไปได้” คือจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของโตโยต้าที่ประกาศจุดยืนเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2560 เพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการมุ่งมั่นจากบริษัทยานยนต์ สู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อนสังคมในทุกแง่มุม โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนที่สร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนบนพื้นฐานความเชื่อว่า ร่างกายและจิตวิญญาณของมนุษย์คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

ในประเทศไทย โตโยต้าได้ส่งต่อแนวคิดดังกล่าวผ่านเส้นทางสู่การประสบความสำเร็จของ นักกีฬาทีมชาติไทย โดยเริ่มต้นจากการแข่งขันโอลิมปิก และพาราลิมปิกที่โตเกียว โดยมี น้องเทนนิส เทควันโด (เหรียญทอง) / น้องเมย์ รัชนก แบตมินตัน / โปรเมย์ กอล์ฟ / คุณประวัติ วะโฮรัมภ์ วีลแชร์ เรซซิ่ง (เหรียญเงิน) / น้องปิ่น อัญชญา ว่ายน้ำพาราลิมปิก

ล่าสุด สำหรับการแข่งขันโอลิมปิก และพาราลิมปิกที่ปารีส น้องวิว – กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (เหรียญเงิน) และคุณกร – พงศกร แปยอ วีลแชร์ เรซซิ่ง ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมเป็นหนึ่งใน Global Team Toyota Athlete หรือ GTTA ซึ่งเป็นผลมาจากการทุ่มเทแรงกาย และแรงใจในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง พร้อมทั้งเริ่มต้นทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้… ให้เป็นไปได้

มาสด้า ประกาศสนับสนุน “สวาทแคท” ลุยศึกไทยลีก

มาสด้า ประกาศสนับสนุน “สวาทแคท” ลุยศึกไทยลีก เปิดตัวชุดแข่งและนักเตะที่พร้อมลงฟาดแข้งในฤดูกาลใหม่

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช นครราชสีมา, 7 สิงหาคม 2567 – มาสด้าประกาศเดินหน้าผลักดันแผนพัฒนากีฬาควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ลงนามต่อสัญญาฉบับใหม่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของทีม “สวาทแคท” เตรียมลุยสู้ศึกไทยลีกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น จัดงานเปิดตัวสโมสรฯ ผู้สนับสนุน และชุดแข่งขันในฤดูกาล 2024/2025 ภายใต้ธีม “SWATCAT IS REAL สวาทแคท ของแทร่” สื่อถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของทีมฟุตบอลชื่อดังแห่งเมืองโคราช ด้วยการเลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในฐานะแชมป์ T2 เปิดตัวขุนพลนักเตะใหม่ฝีเท้าฉกาจทั้งสายเลือดไทยและต่างชาติเสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีม ลั่นปีนี้ทีมมีความพร้อมกว่าเดิมมาก ตั้งเป้าทำอันดับให้ดีที่สุด พร้อมเชิญชวนแฟนๆ ร่วมเชียร์ไปด้วยกัน

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมามีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นมากมาย ทีมสวาทแคทได้นำความสุข นำชัยชนะกลับมาเป็นของขวัญให้แฟน ๆ ทุกคน ทำให้เรากลับขึ้นมายืนหนึ่งในไทยลีกได้อย่างสง่างาม ในฐานะแชมป์ T2 ผมชื่นชมในความอุตสาหะและการทุ่มเทของนักกีฬา โค้ช ผู้บริหาร และทีมงานทุกคน ที่สำคัญคือแฟนๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจส่งเสียงเชียร์ช่วยผลักดันให้ทีมก้าวไปสู้เป้าหมายได้สำเร็จ เราทุกคนต่อสู้เพื่อทีมที่เรารัก โดยไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค สิ่งเหล่านี้คือสปิริตที่เรามีร่วมกัน นี่คือบทพิสูจน์ที่นำพาให้เราชาวสวาทแคทก้าวเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ มาสด้าสนับสนุนสวาทแคทตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ 12 ปีเต็ม ผ่านประสบการณ์ร่วมกันมากมาย ทั้งสุข และเศร้า ผ่านอุปสรรคนานัปการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ความรักความผูกพันของเราเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นมิตรภาพที่เหนียวแน่นมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเฉพาะคนโคราชเท่านั้น แต่รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสนับสนุน “สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี” เป็นจุดเริ่มสำคัญของมาสด้าในการบุกเบิก Sports Marketing วันนี้ มาสด้าและสวาทแคทเดินทางมาไกล แต่เราจะไม่หยุดเดิน เราต้องไปให้ถึงจุดหมายที่ทุกคนคาดหวัง เราประสบความสำเร็จจากการก้าวขึ้นมาเล่นในไทยลีก T1 อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ T2 ปีนี้มาสด้าสานต่อการสนับสนุนทีมต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน เราทุกคนเชื่อมั่นในสปิริตของทีม เรามั่นใจว่าฤดูกาลนี้สโมสรจะประสบความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะทุกคนมีความความพยายาม มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่เคยยอมแพ้ ด้วยสปิริตแห่งนักสู้นี้ เรามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าปีนี้ทีมจะก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของตาราง การลงนามความร่วมมือกันระหว่างมาสด้าและสโมสรฯ ในครั้งนี้ คือ พันธสัญญาที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อความสำเร็จของทีม รวมถึงความสุขของแฟนบอล โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพวงการกีฬาฟุตบอลของเมืองไทยให้ก้าวไปสู่ระดับชั้นนำของโลกดังที่ทุกคนตั้งความหวัง

“ปีนี้มาสด้ายังคงให้การสนับสนุนทีมสวาทแคทอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทีมก้าวสู้เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะเราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ชัยชนะเท่านั้น การที่มาสด้ามีส่วนช่วยผลักดันนักเตะและวงการฟุตบอลของไทยให้เติบโตไปไกลกว่าเดิม ผมมั่นใจว่าทีมงานทั้งหมด ทั้ง ผู้บริหารสโมสรฯ, โค้ช และนักเตะทุกคน ต่างมีใจสู้ไม่ถอย ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พร้อมร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้ทีมก้าวสู้เป้าหมายตามที่ต้องการ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสปิริตที่เรามีร่วมกัน เราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่เก็บชัยชนะเท่านั้น เราต้องการพัฒนาและยกระดับฟุตบอลไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักกีฬาก้าวสู่ระดับอาชีพ ที่สำคัญ คือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อมๆ กันทุกภูมิภาคทั่วประเทศ” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ประธานเปิดงาน กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา เราสามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จ คว้าแชมป์ฟุตบอลไทยลีก 2 ได้เลื่อนชั้นกลับขั้นมาอยู่บนไทยลีก 1 ส่วนฤดูกาลใหม่นี้ ก็เป็นปีที่มีความท้าทาย เราในฐานะทีมน้องใหม่ ซึ่งในส่วนของฝ่ายบริหาร ผมพร้อมให้การสนับสนุนทีมในทุกๆ ด้าน อย่างเต็มที่ เพราะผมรู้ว่าการแข่งขันในลีกสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นในทุกมิติ และเตรียมพร้อมทุกอย่างให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทีมทุกๆ ท่าน ที่ยังอยู่เคียงข้างทีมสวาทแคท และที่สำคัญก็คือแฟนบอลสวาทแคทที่คอยส่งเสียงเชียร์สนับสนุนทีมมาโดยตลอด

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสรฯ กล่าวว่า “เราทำสำเร็จตามเป้าหมาย คือ เลื่อนชั้นกลับไปสู่ลีกสูงสุดภายในปีเดียว และเราขึ้นมาด้วยการคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ทำให้มีความมั่นใจ ซึ่งฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงเราพร้อมต่อยอดผลงาน มีการเตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน ทั้งด้านบริหารและการเตรียมทีม ที่มี “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เป็นเฮดโค้ช ได้เตรียมความพร้อมตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาใหม่ผนวกกับตัวผู้เล่นเดิมที่มีการผสมผสานจนเกิดความลงตัวและพร้อมลงสนามแข่งขัน ผมจึงอยากเชิญชวนแฟนบอลชาวโคราชเข้ามาส่งกำลังใจเชียร์ทีมในสนามให้เยอะๆ ซึ่งผมมีความเชื่อมั่นว่าการแข่งขันในปีนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สนุกของพวกเรา”

สำหรับอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงานฯ คือการเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ประจำฤดูกาล 2024/25 ที่มาจากการออกแบบของ VOLT โดยมี 3 แบบ คือ SWATCAT HOME JERSEY (สีส้ม), SWATCAT AWAY JERSEY (สีน้ำเงิน), SWATCAT THIRD JERSEY (สีเทา) และชุดผู้รักษาประตู 3 สี คือ สีดำ, สีขาว, สีเหลือง โดยนักฟุตบอลของสวาทแคทยังได้ร่วมกันเดินแบบโชว์ตัว สวมชุดแข่งขันใหม่อวดสายตาแฟนบอลอย่างเป็นทางการครั้งแรก ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น และเต็มไปด้วยความอบอุ่น โดยกิจกรรมจัดขึ้นที่โคราช ฮอลล์ 2 ชั้น 4 ศูนย์การค้า เซ็นทรัล โคราช เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

บรรยายภาพ

ภาพที่ 1 : คณะผู้บริหารสโมสรฯ ผู้สนับสนุนหลัก และนักฟุตบอล ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิดตัวสโมสรฯ

ภาพที่ 2 : มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวสนับสนุนสโมสรฯ

ภาพที่ 3 : ชุดการแข่งขันประจำฤดูกาลใหม่ล่าสุดของทีมฯ

ภาพที่ 4 : ผู้บริหารมาสด้า นำโดย มร.ทาดาชิ มิอุระ และ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ พร้อมด้วยผู้จำหน่ายในจังหวัดนครราชสีมา นางสาวทัศนียา พัฒนจิตวิไล จาก มาสด้า ราชา ออโต้ เซลส์ และ นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ จาก มาสด้า เอกสห กรุ๊ป ร่วมแสดงความยินดีกับผู้บริหารสโมสรฯ

ภาพที่ 5 : ทีมนักฟุตบอลจากทีมสวาทแคท ซีซั่น 2024/25

ภาพที่ 6 : ประธานกิตติมศักดิ์สโมสรฯ มอบของที่ระลึกให้ประธานบริหารมาสด้า

ปอร์เช่ เผยโฉมยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้า Macan

ปอร์เช่ ประเทศไทย จัดงาน The New All-Electric Macan Sneak Preview เผยโฉมยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เปิดราคาเริ่มต้นที่ 5.39 ล้านบาท ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย กรุงเทพฯ (MOCA)

-สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากปอร์เช่ ประเทศไทย ที่เผยโฉม ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในประเทศไทย ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย กรุงเทพฯ (MOCA)

-ภายใต้คอนเซ็ปต์ของงาน “Keep Your Essence” ที่สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างดีไซน์อันเหนือกาลเวลาและสมรรถนะอันเป็นเอกลักษณ์ของมาคันน์ (Macan) กับผลงานศิลปะร่วมสมัย

-ปัจจุบันปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ใหม่ เปิดรับจองแล้วผ่านปอร์เช่ ประเทศไทย พร้อมการจัดแสดงรถยนต์สุดพิเศษ ณ ศูนย์การค้า The Emsphere ในวันที่ 9 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทยนำเสนอรถมาคันน์ 4 (Macan 4) และ มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย กรุงเทพฯ (MOCA) งานเปิดตัวครั้งนี้มาพร้อมกับการแสดงดนตรีและแฟชั่นโชว์สุดอลังการที่สะท้อนเอกลักษณ์ของรถสปอร์ต SUV ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในค่ำคืนของงาน แขกผู้มีเกียรติจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดตระการตา รวมถึงการแสดงพิเศษจากปอร์เช่ ประเทศไทย ผ่านการรังสรรค์บรรยากาศของงานที่สร้างความสุนทรีย์ ด้วยบทเพลงโอเปร่าที่ถูกเลือกสรรมาอย่างลงตัว และการแสดงแฟชั่นโชว์สุดพิเศษที่นี่ที่เดียว ที่จะสะท้อนธีมของมาคันน์ (Macan) ใหม่ “Keep Your Essence” (รักษาเอกลักษณ์ของคุณ) ไม่ว่าจะเป็นความทันสมัย โดดเด่น แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ โดยโชว์ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากคุณคริส หอวัง ที่จะมาปรากฏตัวภายในชุดราตรีสุดหรูที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของมาคันน์ (Macan) ใหม่ในครั้งนี้

มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ (Peter Rohwer) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “มาคันน์ (Macan) ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านี้ ผสมผสานสมรรถนะอันน่าตื่นตาเข้ากับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ (Porsche) ตามรอยไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของเรา มาคันน์ (Macan) ใหม่สะท้อนถึงความหลงใหลในนวัตกรรมของเรา ในขณะที่ยังคง DNA ความเป็นปอร์เช่ (Porsche) อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอเชิญแฟนๆ ของปอร์เช่ (Porsche) ในประเทศไทย ร่วมกันรักษาเอกลักษณ์และเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่มีความหมาย”

มาคันน์ 4 (Macan 4) และ มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนมกราคม 2024 มาคันน์ (Macan) ใหม่มอบสมรรถนะ E-Performance สำหรับทุกสภาพถนนและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเลขสมรรถนะเทียบเท่ารถสปอร์ต ผสานกับการชาร์จเร็วที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 270 กิโลวัตต์ และพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 613 กิโลเมตรในมาตรฐาน WLTP

ปอร์เช่ (Porsche) ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanent Magnet Synchronous) รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งเพลาหน้าและเพลาหลัง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและการส่งกำลังที่แม่นยำ ผลลัพธ์คือสมรรถนะระดับสูงสุด เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Launch Control ปอร์เช่ มาคันน์ 4  (Macan 4) สามารถสร้างพละกำลังสูงสุด 300 กิโลวัตต์ (408 แรงม้า) ด้วยพลังโอเวอร์ บูส และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.2 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับผู้ที่ชื่อนชอบและต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้น เราขอนำเสนอ มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ที่มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 470 กิโลวัตต์ (639 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 1,130 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ภายใน 3.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ใหม่ มาพร้อมแพลตฟอร์มไฟฟ้าพรีเมียม 800 โวลต์

มอเตอร์ไฟฟ้าของมาคันน์ (Macan) ใหม่ ได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนซึ่งติดตั้งอยู่ที่ตัวถังด้านล่าง มีความจุพลังงานรวม 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบตเตอรี่แรงสูง (HV) เป็นส่วนประกอบหลักของแพลตฟอร์มไฟฟ้าระดับพรีเมียม (PPE) ที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมรองรับกำลังไฟฟ้าถึง 800 โวลต์ ซึ่งปอร์เช่ (Porsche) นำใช้เป็นครั้งแรกในมาคันน์ (Macan) ใหม่นี้

มาคันน์ (Macan) สามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงหรือ DC ได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์ ชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาประมาณ 21 นาที สำหรับสถานีชาร์จ 400 โวลต์ รถสามารถแบ่งแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ออกเป็นสองส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 135 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ผ่าน Wallbox ที่บ้าน และสามารถชาร์จไฟคืนสู่แบตเตอรี่ขณะขับขี่ได้สูงสุด 240 กิโลวัตต์

ลวดลายสปอร์ตและเส้นสายแบบคูเป้

ด้วยลวดลายที่เฉียบคมและดีเอ็นเอการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ ทำให้มาคันน์ 4 (Macan 4) และมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่สปอร์ตและทรงพลัง

ฝากระโปรงหน้าที่ลาดเอียงและโป่งล้อที่ออกแบบมาอย่างโดดเด่น ทำให้ มาคันน์ 4 (Macan 4) และมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ใหม่ มีความยาว 4,784 มิลลิเมตร กว้าง 1,938 มิลลิเมตร และสูง 1,622 มิลลิเมตร สร้างลุคที่ดุดันและสปอร์ตแม้จะจอดนิ่งอยู่กับที่ สามารถเลือกติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว พร้อมยางขนาดต่างกัน ระยะฐานล้อยาวขึ้น 86 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (2,893 มิลลิเมตร) ทำให้ได้ระยะส่วนหน้าและท้ายของรถที่สั้นลง

ไฟหน้าแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ชุดไฟเดย์ไลท์แบบ 4 จุด ฝังอยู่ในปีกช่วยเน้นความกว้างของตัวรถ โมดูลไฟหน้าหลักพร้อมเทคโนโลยี LED เมทริกซ์ที่เป็นอุปกรณ์เสริม จะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงเล็กน้อยที่ด้านหน้า

เส้นสายหลังคาแบบ Porsche Flyline ผสานเข้ากับกระจกหลังแบบราบเรียบ เมื่อผสานกับประตูไร้ขอบและเส้นสายด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ของมาคันน์ (Macan) จึงทำให้ตัวรถดูเรียบหรูและสปอร์ต บั้นท้ายรถโดดเด่นด้วยเส้นสายที่แข็งแรง โลโก้ PORSCHE ถูกวางไว้ตรงกลางแถบไฟท้าย 3 มิติ

แอโรไดนามิกส์แบบแอคทีฟและพาสซีฟ (Active and passive aerodynamics) เพื่อระยะทางที่ไกลขึ้น

ปอร์เช่ (Porsche) ผสานดีเอ็นเอการออกแบบเข้ากับระบบอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ด้วยระบบ Porsche Active Aerodynamics (PAA) ที่ควบคุมการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถ และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.25 ทำให้มาคันน์ (Macan) ใหม่เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำที่สุด ซึ่งช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่และประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน

ระบบ Porsche Active Aerodynamics (PAA) ประกอบด้วย สปอยเลอร์หลังแบบปรับได้ ช่องดักอากาศด้านหน้าแบบปรับได้ และแผ่นปิดใต้ท้องรถแบบเต็มพื้นที่ ช่องดักอากาศใต้ไฟหน้าและด้านหน้ารถที่ออกแบบให้ต่ำลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ ส่วนด้านท้ายรถมีการออกแบบให้มีขอบด้านข้างที่ช่วยลดแรงต้านอากาศ และดิฟฟิวเซอร์แบบช่องลมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์

ช่องเก็บสัมภาระ 2 ตำแหน่งและพื้นที่ภายในที่เพิ่มขึ้น

ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ใหม่ เป็นรถ SUV ที่เน้นสมรรถนะการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน และพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง การเปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้า ทำให้ Macan ใหม่มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเบาะหลังมากขึ้น โดยสามารถจุได้สูงสุด 540 ลิตร (โหมดคาร์โก้)

นอกจากนี้ มาคันน์ (Macan) ใหม่ ยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า หรือที่เรียกว่า ‘Frunk’ ความจุ 84 ลิตร เพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระรวม 127 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด จะสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้สูงสุดถึง 1,348 ลิตร และยังสามารถลากจูงได้ที่น้ำหนักสูงสุด 2,000 กิโลกรัม

ตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าของมาคันน์ (Macan) ใหม่ ลดต่ำลง 28 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในขณะที่ผู้โดยสารตอนหลังนั่งต่ำลง 15 มิลลิเมตร พร้อมพื้นที่วางขาที่กว้างขึ้น ภายในห้องโดยสารเน้นความกว้างด้วยการออกแบบในโทนสีดำ และคอนโซลกลางที่ยกสูง ช่วยสร้างความรู้สึกถึงตำแหน่งการขับขี่ที่ต่ำลงและเน้นสมรรถนะมากขึ้น พร้อมให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วยกระจกบานใหญ่

นอกจากหน้าจอสัมผัสแบบดิจิทัลแล้ว มาคันน์ (Macan) ยังมีองค์ประกอบการควบคุมแบบอะนาล็อกที่เลือกสรรมา ได้แก่ ระบบปรับอากาศและการควบคุมช่องแอร์ แถบไฟ LED ถูกออกแบบรวมเข้ากับแถบตกแต่งของห้องโดยสารและประตู ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างภายในและเป็นไฟเพื่อการสื่อสาร ทำหน้าที่ให้ข้อมูลหรือคำเตือนในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การทักทาย กระบวนการชาร์จไฟ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่

ปอร์เช่ (Porsche) ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในบางส่วนของห้องโดยสารของมาคันน์ (Macan) ไฟฟ้ารุ่นนี้

ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด

มาคันน์ (Macan) มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลและระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด โดยมีหน้าจอถึง 3 หน้าจอ ประกอบด้วยหน้าปัดแบบโค้งขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอกลางขนาด 10.9 นิ้ว

เป็นครั้งแรกที่ผู้โดยสารสามารถดูข้อมูล ปรับการตั้งค่าบนระบบอินโฟเทนเมนต์ หรือการสตรีมเนื้อหาวิดีโอขณะเดินทาง เพลิดเพลินผ่านหน้าจอขนาด 10.9 นิ้วของตนเองที่เป็นอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งได้

และเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ (Porsche) นำเสนอการแสดงผลภาพบนกระจกหน้ารถ (Head-up Display) ที่ใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เป็นครั้งแรก โดยสามารถแสดงข้อมูลเสมือนจริง เช่น ลูกศรนำทาง ซ้อนทับกับภาพจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยภาพจะปรากฏขึ้นที่ระยะห่าง 10 เมตรจากผู้ขับขี่ และมีขนาดที่สอดคล้องกับหน้าจอขนาด 87 นิ้ว ทั้งหมดนี้คือ Porsche Driver Experience แนวคิดเพื่อสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจแก่ผู้ขับขี่

มาคันน์ (Macan) ใหม่ มาพร้อม ระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Automotive OS โดย Porsche Communication Management (PCM) ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบสั่งการด้วยเสียง “Hey Porsche” สามารถแนะนำเส้นทาง รวมถึงสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว และผู้โดยสารสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Porsche App Center เพื่อใช้งานในรถยนต์ได้ทันที

มาคันน์ (Macan) รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลังและช่วงล่างแบบวาล์วคู่

ปอร์เช่ (Porsche) พัฒนามาคันน์ (Macan) ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นไปที่ไดนามิกการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงสัมผัสของการใช้พวงมาลัยที่เป็นเอกลักษณ์ ยอร์ก เคอร์เนอร์ (Jörg Kerner) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “ด้วยตำแหน่งการนั่งที่เน้นความสปอร์ต ระยะฐานล้อต่ำ และการควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้มาคันน์ (Macan) ใหม่มอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์รถสปอร์ตที่แท้จริง”

มาคันน์ (Macan) ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเรียลไทม์ Porsche Traction Management (ePTM) สามารถกระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้เร็วกว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเดิมถึง 5 เท่า และสามารถตอบสนองต่อการลื่นไถลได้ภายใน 10 มิลลิวินาที นอกจากนี้ ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ยังช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน ความเสถียร และการควบคุมตัวรถได้อย่างแม่นยำ

มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) มีช่วงล่างแบบถุงลมที่มาพร้อมกับระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ซึ่งเป็นช่วงล่างที่สามารถปรับเลเวลความนุ่มนวลได้ โดยใช้ระบบไฟฟ้าควบคุม สำหรับมาคันน์ 4 (Macan 4) เป็นช่วงล่างสปริงที่มาพร้อมกับระบบ PASM เช่นกัน ระบบ PASM ใหม่ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของระบบช่วงล่างแบบ 2 Valve ที่มอบความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถมอบความนุ่มนวล รวมถึงการแสดงสมรรถนะในการยึดเกาะกับพื้นผิวถนน ระบบนี้จะทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสการตอบสนองของช่วงล่างในแต่ละโหมดการขับขี่ได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าเคย

เป็นครั้งแรกที่มาคันน์ (Macan) มีระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง ที่มาเป็นอุปกรณ์เสริมให้สามารถเลือกติดตั้งได้ โดยมีมุมบังคับเลี้ยวสูงสุด 5 องศา ช่วยให้รถยนต์สามารถเลี้ยวกลับรถได้ด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียง 11.1 เมตร ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ที่ความเร็วสูง ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากระบบบังคับเลี้ยวล้อหน้าที่เสถียรและแม่นยำ ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์

ท่านสามารถออกแบบรถปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ในฝันได้แล้ววันนี้ ผ่าน Porsche Car Configurator ในราคาเริ่มต้นที่ 5.39 ล้านบาทสำหรับ มาคันน์ 4 (Macan 4) และราคา 7.79 ล้านบาท สำหรับมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo)

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน ปอร์เช่ ประเทศไทย ขอเชิญทุกท่านสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับรถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ต SUV รุ่นใหม่ล่าสุด Porsche Macan 4 และ Macan Turbo ที่งาน “The new all-electric Macan Sneak Preview at The Emsphere” จัดขึ้นที่ AAS House ชั้น 2 โซน EM Innovation ศูนย์การค้า The Emsphere

พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถ Porsche Macan ใหม่ภายในงาน รับทันทีแพ็คเกจสุดคุ้มมากมาย อาทิ

-บัตรชาร์จไฟฟ้าราคาพิเศษ สูงสุด 850 กิโลวัตต์ต่อปี นาน 3 ปี

-การรับประกันรถยนต์ นาน 2 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมสิทธิ์ซื้อแพ็คเกจขยายการรับประกันเพิ่มเติมได้สูงสุด 15 ปี

-ของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากปอร์เช่ (Porsche) อาทิ กระเป๋าถือ และร่ม Porsche Martini Racing

-สิทธิพิเศษจากศูนย์การค้า The Emsphere อาทิ บัตรจอดรถฟรี 1 ปี เมื่อมียอดใช้จ่าย 200,000 บาทขึ้นไป และบัตร Platinum M Card เมื่อมียอดใช้จ่าย 1.5 ล้านบาทขึ้นไป

อย่าพลาดโอกาสเป็นเจ้าของ Porsche Macan รุ่นใหม่ พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมายภายใน 30 กันยายนนี้

เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ โดยได้รับการแต่งตั้ง จากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขาย ให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส กรุ๊ปฯ ทุ่มงบการอบรมบุคลากรให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถ และคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 4 แห่ง คือ Porsche Centre Bangkok, Porsche Centre Pattanakarn, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2, Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 และขยายเพิ่มอีก 3 แห่งในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ศูนย์ปอร์เช่ กัลปพฤกษ์, ศูนย์ปอร์เช่ บางนา และศูนย์ปอร์เช่ พัทยา

มิตซูบิชิ จัดประสบการณ์ขับขี่สุดล้ำ Mitsubishi e:MOTION

ลูกค้าการันตีความเหนือระดับ กับประสบการณ์การขับขี่สุดล้ำจาก Mitsubishi e:MOTION ในงาน Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ ชวนลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับกับ Mitsubishi e:MOTION ที่มีที่มาจากคำว่า ELECTRIFIED MOTION การขับเคลื่อนที่ผสานพลังงานไฟฟ้า เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มั่นใจในทุกเส้นทาง เพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ สุดเร้าใจไปกับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นแรกจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

กิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ จัดขึ้นที่หนองค้อ แอร์ฟิลด์ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกของการทดลองขับขี่ในยามค่ำคืนที่จัดขึ้นโดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในสนามที่จำลองขึ้นจากเส้นทางที่ ท้าทายและหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบที่จะได้จาก Mitsubishi e:MOTION พร้อมพาผู้ทดลองขับได้ลุยกับทุกสภาพถนน และตอบโจทย์สถานการณ์ใช้งานจริงได้อย่างยอดเยี่ยม

มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจในไทยมานานกว่า 63 ปี ปัจจุบันมีเครือข่ายผู้จำหน่ายมากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ได้รับการผลิตที่โรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในจังหวัดชลบุรี ทุกท่านจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตได้อย่างแน่นอน”

“เราจัดกิจกรรมทดลองขับ “Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย” ในครั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสความเป็นที่สุดของการผสานการทำงานของเทคโนโลยีอันเหนือชั้น ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและพิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีของเราได้รับการพัฒนาและพร้อมที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ที่ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน มั่นใจได้ในความปลอดภัยมั่นใจได้ในความปลอดภัยในทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศ  โดยเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม

Mitsubishi e: MOTION เป็นการผสานการทำงานระหว่างเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส อันได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (Full HEV System) ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม แต่ยังประหยัดน้ำมัน ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดใหม่ ที่ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid System) อีกทั้งยังสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ถึง 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับรูปแบบการขับขี่ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ลุยได้ทุกสภาพถนน ทุกรูปแบบการเดินทาง สร้างประสบการณ์การเดินทางไร้ข้อจำกัด ให้ความมั่นใจและปลอดภัยทุกสถานการณ์ พร้อมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยระบบนี้จะควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้งให้ทำงานสัมพันธ์กันและรักษาสมดุลของตัวรถ เพื่อรักษาเสถียรภาพให้การขับขี่ในทุกโค้งเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ยังโดดเด่นเหนือระดับ ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน

กิจกรรม ‘Mitsubishi e:MOTION VERSE เปิดมิติการขับขี่สุดท้าทาย’ ได้ออกแบบสนามทดสอบจำนวนทั้งสิ้น 5 สถานี เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงคุณสมบัติและสมรรถนะที่โดดเด่นของประสบการณ์การขับขี่แบบ Mitsubishi e:MOTION สถานีแรกเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่จากพลังงานไฟฟ้า ด้วย ‘Charge Mode’ และ ‘EV Priority Mode’ ที่สามารถชาร์จไฟฟ้ากลับคืนเข้าแบตเตอรี่ได้แม้จะจอดอยู่กับที่ด้วยเวลาอันสั้น และยังให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าจากพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เงียบ พร้อมความคล่องตัวในการหลบสิ่งกีดขวาง ตลอดจนการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยมของห้องโดยสาร 

สถานีที่สอง เป็นการจำลองการทำงานของ ‘Tarmac Mode’ ผู้ขับขี่ต้องเหยียบคันเร่งในอัตราความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนลาดยางในระยะทางที่กำหนด เพื่อสัมผัสถึงพละกำลังแรงบิดอันทรงพลังเช่นเดียวกับโหมดสปอร์ต แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล เมื่อถึงสถานีที่สาม ผู้ขับขี่จะต้องปรับรูปแบบการขับขี่ไปยัง ‘Wet Mode’ โหมดการขับขี่บนถนนเปียกลื่น ซึ่งเป็นรูปแบบการขับขี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะกับภูมิอากาศของประเทศไทยโดยเฉพาะ และในสถานีนี้ ผู้ขับขี่ยังได้ทดสอบระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง  (Active Yaw Control: AYC)  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้ง โดยไม่เกิดอาการท้ายปัด หรือ อันเดอร์สเตียร์ (understeer)

สำหรับในสถานีที่สี่ ผู้ขับขี่ได้ทดสอบการใช้งานรูปแบบการขับขี่ ‘Gravel Mode’ ทดสอบการขับขี่บนถนนลูกรัง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขับขี่บนถนนที่ลื่นไถลจากกรวดหินและฝุ่น แต่ยังสามารถควบคุมตัวรถได้อย่าง

มีเสถียรภาพและมั่นใจ และสถานีสุดท้ายกับการทดสอบรูปแบบการขับขี่ ‘Mud Mode’ โดยรูปแบบการขับขี่นี้จะมีการปรับการตอบสนองและการควบคุมที่ทรงพลังบนถนนดินโคลนอันสมบุกสมบัน ให้สามารถผ่านไปได้โดยไม่ติดหล่ม พร้อมกับความสูงใต้ท้องรถที่ 205 มิลลิเมตร จึงทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลกับอุปสรรคบนพื้นผิวถนน

จากการทดสอบสมรรถนะทั้ง 5 สถานี จึงเป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะอันเหนือกว่าของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ที่เหนือกว่ารถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อ ในกลุ่มรถยนต์ประเภทเดียวกัน 

นอกเหนือจากการได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ไปกับ Mitsubishi e:MOTION ลูกค้ายังได้สนุกกับการเล่นเกมและกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย พร้อมกระทบไหล่กับดาราดังภายในงาน ที่มาร่วมสร้างความสนุกสนานไปกับลูกค้า และร่วมทดสอบการขับขี่กับลูกค้าผู้โชคดีร่วมกัน

นายพีรพัฒน์ ธรวิวัฒน์ อายุ 43 ปี เจ้าของรถ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส หนึ่งในลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่า “กิจกรรมทดลองขับครั้งนี้มีความแปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และเป็นโอกาสดีที่ทำให้ได้มาพิสูจน์การทำงานของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดที่ล้ำสมัย พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ซึ่งผมรู้สึกประทับใจ Wet Mode และ Gravel Mode รวมถึงระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ AYC ที่ทำให้เข้าโค้งแล้วรถไม่เสียอาการ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ทั้งนี้ ผมใช้รถ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาแล้ว 4 ปี ประทับใจทั้งในด้านสมรรถนะ ความทนทาน ความปลอดภัยและช่วงล่างของรถ รวมถึงศูนย์บริการที่นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้  และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างดี”

อีกหนึ่งลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม นางสาวลักษณ์นารา เล็กกระจ่าง อายุ 31 ปี เจ้าของรถ มิตซูบิชิ แอททราจ กล่าวว่า “รู้สึกสนุกและตื่นตาตื่นใจกับการทดลองขับตอนกลางคืน และเมื่อได้ทดลองขับก็รู้สึกประทับใจในความเงียบของห้องโดยสาร การขับขี่ที่นุ่มนวล และอัตราเร่งที่ดีมาก ส่วนตัวชอบ Wet Mode กับระบบ AYC ที่ทำให้ตัวรถเกาะถนนได้ดีเยี่ยมขณะเข้าโค้ง ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยและตอบโจทย์การใช้งานจริง เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันที่ต้องขับบนเส้นทางจังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือ ที่ถนนบนภูเขาจะลื่นมาก ๆ ในช่วงหน้าฝน”

ลูกค้าและผู้สนใจสามารถสัมผัสเทคโนโลยีอันเหนือชั้นของ Mitsubishi e:MOTION โดยสามารถติดต่อขอทดลองขับได้ที่ผู้จำหน่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเฉพาะ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี สำหรับ 500 ท่านแรก ที่ลงทะเบียนผ่าน https://bit.ly/3LyVplr ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และออกรถ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 4,000 บาท พร้อมแพ็กเกจพิเศษ MITSUBISHI XTRA CARE และสามารถเลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน

มิตซูบิชิ มอบเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุดให้แก่วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมชุดส่งถ่ายกำลัง ให้แก่ วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย มุ่งส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะช่างยนต์

บรรยายภาพ : นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 10 จากซ้าย) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายสมเกียรติ์ นิมิตรุ่งทวี (ที่ 11 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด และ ทพญ.สุจินดา นิมิตรุ่งทวี (ที่ 12 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด ร่วมมอบเครื่องยนต์ 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด 2 เครื่อง พร้อมชุดส่งถ่ายกำลัง ให้แก่วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย โดยมี นางปิยะพร พูลเพิ่ม (ที่ 9 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย พร้อมด้วย นางธิติมา โรจน์วัชราภิบาล (ที่ 8 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา และ ดร.ศรากร บุญปถัมภ์ (ที่ 7 จากซ้าย) ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัดเชียงราย ร่วมรับมอบ

กรุงเทพฯ – 23 กรกฎาคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรหัส 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด 2 เครื่อง พร้อมชุดส่งถ่ายกำลัง ให้แก่วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะเชิงช่างผ่านการลงมือฝึกฝนในภาคปฏิบัติด้วยเครื่องยนต์จริง นำไปสู่การพัฒนาบุคลากรอาชีวศึกษาให้มีความรู้ความสามารถ และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ เพิ่มโอกาสในการจ้างงานและความก้าวหน้าในสายอาชีพ

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรหัส 4N16 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ล้ำสมัยเป็นขุมพลังขับเคลื่อนใน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และชุดส่งถ่ายกำลัง จะถูกใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานด้วยเครื่องยนต์จริง สร้างความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซูพันล้าน ได้พัฒนาคุณภาพการขาย และบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากรผ่านการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เราได้เล็งเห็นศักยภาพในการจัดการและพัฒนานักเรียน นักศึกษา และชุมชนของวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย จึงมีความยินดีที่จะสนับสนุนครุภัณฑ์ทางการศึกษาอย่างเครื่องยนต์และชุดส่งถ่ายกำลัง รวมทั้งเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ของนักเรียน ผ่านระบบการเรียนรู้ออนไลน์ของเรา”

นางปิยะพร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย กล่าวว่า “เรามีความยินดีและขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และ มิตซูพันล้าน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การสอน และการเรียนรู้ให้กับนักเรียนด้านยานยนต์ในสถาบันของเรา ความร่วมมือนี้จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะ ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพิ่มพูนโอกาสในการทำงานและความก้าวหน้าในสายอาชีพ”

นายสมเกียรติ์ นิมิตรุ่งทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูพันล้าน จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เพิ่มความต้องการบุคลากรที่มีทักษะ โดยเฉพาะช่างเทคนิคยานยนต์ มิตซูพันล้านจึงร่วมมือกับวิทยาการอาชีพเชียงราย ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสร้างความมั่นคงในการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพในระบบนิเวศอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยจะสนับสนุนพันธกิจทางการศึกษาของวิทยาลัยและมอบประสบการณ์การทำงานจริงให้กับนักเรียน นอกจากนี้ ครูผู้สอนจะได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะของสุดยอดยนตรกรรมมิตซูบิชิ ทางมิตซูพันล้าน ยังได้นำรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 และ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาให้ทุกท่านได้ทดลองขับภายในงานอีกด้วย”

โครงการมอบเครื่องยนต์ให้แก่สถาบันการศึกษา ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน ตามปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์ “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” โดยมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

นอกจากวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิค และสถาบันการศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศ โดยได้มอบเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงและชุดส่งถ่ายกำลังให้กับสถาบันต่างๆ ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสารภี จังหวัดเชียงใหม่ วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด จังหวัดตาก วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี และวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี เป็นต้น

“ซูซูกิ” จัดแคมเปญสุดคุ้ม โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจ 7 ปี

“ซูซูกิ” จัดแคมเปญสุดคุ้ม “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” จองและซื้อ SWIFT ทุกรุ่น ฟรี! บำรุงรักษาและค่าแรง นาน 7 ปี ฟรี! รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี ฟรี!บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี ผ่อนเพียง 5,780 บาท นานสุงสุด 99 เดือน

5 สิงหาคม 2567-กรุงเทพมหานคร- บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง จัดแคมเปญพิเศษ สำหรับลูกค้า SUZUKI SWIFT จองและซื้อรถรับฟรี! บำรุงรักษารถรวมค่าแรงระยะเวลานาน 7 ปี ฟรี! รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี พร้อมผ่อนเริ่มต้น 5,780 นานสูงสุด 99 เดือน  ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ซูซูกิ ได้ประกาศแผนงานดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการ ด้วยแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานบริการในทุกด้าน โดยเน้นย้ำถึงการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ มอบคุณภาพของงานบริการที่ดีที่สุด ตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้เสมอมา

ล่าสุดเพื่อเป็นการตอกย้ำและแสดงถึงความจริงใจในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งยังต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่ไว้วางใจใช้งานรถยนต์ของซูซูกิทุกท่าน จึงขอมอบแคมเปญพิเศษ “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” ให้ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ผ่อนง่าย จ่ายสบายมากกว่าที่เคย โดยสามารถเลือกรับข้อเสนอผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ SUZUKI SWIFT ฟรี ค่าบำรุงรักษารถรวมค่าแรง 7 ปี ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี เริ่มตั้งแต่วันนี้ 1 สิงหาคม – 31 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

SUZUKI SWIFT

•ฟรี ค่าบำรุงรักษารถรวมค่าแรง 7 ปี

•ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 7 ปี 

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 ปี

•ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 5,780 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

SUZUKI ERTIGA HYBRID

•ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท

•ผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 7,126 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI XL7 HYBRID

•ราคาพิเศษ 799,000 บาท

•เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้น เดือนละ 7,888 บาท หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 8,146 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CELERIO

•ราคาพิเศษ เริ่มต้น 319,900 บาท

•เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้น เดือนละ 2,999 บาท หรือ เลือกผ่อนนานสูงสุด 99 เดือน เพียงเดือนละ 3,302 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

•บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

•รับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง มูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

•หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

•หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ซูซูกิยึดมั่นมาโดยตลอด คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่า ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า ซึ่งมีรถยนต์หลายรุ่นที่เข้าไปอยู่ในใจของคนไทยและยังได้การตอบรับเป็นอย่างดีเสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็ก นับเป็นรถยนต์รุ่นเรือธงยอดนิยมของซูซูกิ ที่มีส่วนในการผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ครองใจกลุ่มลูกค้าที่มองหาความเป็นตัวตนที่แตกต่าง พร้อมแสดงออกมาผ่านยานพาหนะคู่ใจ ที่นอกจากจะเข้ามาตอบรับกับการใช้ชีวิตด้วยดีไซน์อันโดดเด่นแล้ว ยังต้องมาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ และอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่าการใช้งานอีกด้วย

โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2555 SUZUKI SWIFT สปอร์ตแฮทช์แบ็ก สามารถสร้างยอดขายรวมทั้งสิ้น 153,440 คัน (ยอดขายถึงเดือนกรกฎาคม 2567) ปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้รถยนต์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของตลาดอีโคคาร์ เพราะดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีความล้ำสมัยด้วยรูปทรงที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกตัวตนที่โดดเด่นไม่เหมือนใครได้อย่างชัดเจน รวมถึงสมรรถนะมอบการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ มาพร้อมอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดคุ้มค่า ภายใต้ราคาที่สามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง

ฉะนั้น การมอบข้อเสนอให้ลูกค้า SUZUKI SWIFT  เป็นพิเศษ ด้วยการยกเว้นค่าบำรุงรักษารถ รวมค่าแรงนาน 7 ปี ประกอบกับการนำเสนอแคมเปญพิเศษ  “SUZUKI WORRY FREE” หนึ่งในแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่ซูซูกิได้ทำการประกาศไปก่อนหน้า และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไปนั้น จึงเป็นการตอกย้ำถึงการสร้างความเชื่อมั่นว่าซูซูกิจะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง ซึ่งรายละเอียดจะประกอบไปด้วย 7 หัวข้อ ดังนี้

1. ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี

•สำหรับลูกค้าที่นำรถเข้าเช็กระยะต่อเนื่องตามกำหนดกับศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิทุกแห่ง ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะสูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2. ขยายการรับประกันอะไหล่และงานบริการ

•อุ่นใจไร้กังวล กับการขยายการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่แท้ทุกชิ้น นานถึง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) จากเดิมที่รับประกันเพียง 3 เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร

3. บริการพิเศษรถสำรองใช้ระหว่างซ่อม

•รถยนต์ที่อยู่ในระยะรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ไร้ความกังวลเรื่องไม่มีรถใช้งานระหว่างซ่อม ด้วยบริการพิเศษ “รถสำรองใช้ระหว่างซ่อม” สำหรับรถยนต์ซูซูกิที่ต้องใช้เวลาตรวจเช็กมากกว่า 1 วัน (ไม่รวมระยะเวลาวิเคราะห์ปัญหา) และไม่รวมกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ

4. HELLO SUZUKI APPLICATION ยกระดับงานบริการแบบ S-Solution

•HELLO SUZUKI คือ แอปพลิเคชัน ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลการทำงานกับลูกค้า อำนวยความสะดวกสบายและความมั่นใจในงานบริการทุกขั้นตอน ทั้งการนัดหมายนำรถเข้ารับบริการ หรือติดต่อสอบถามข้อมูล รายงานการการตรวจสอบและดูแลรถในทุกขั้นตอน รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษมากมาย ด้วยการสะสมคะแนนจากค่าใช้จ่ายในการเข้าซ่อมบำรุงตามระยะอย่างต่อเนื่อง หรือซ่อมแซมที่ศูนย์บริการของซูซูกิทั่วประเทศ

5. ระบบการจัดการอะไหล่ มีเป้าหมายรองรับบริการได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี

•การจัดการเตรียมระบบจัดการอะไหล่รถยนต์ทุกรุ่นที่จำหน่ายภายในประเทศ ช่วยให้ลูกค้าคลายความกังวลเรื่องการขาดแคลนอะไหล่ในการบำรุงรักษารถ โดยมีเป้าหมายรองรับความต้องการของลูกค้าได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดการผลิต

•บริการจัดส่งอะไหล่แบบเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่อื่นๆ ภายใน 48 ชั่วโมง 

•คุ้มค่าต่อการใช้งาน ด้วยอะไหล่ในราคาที่เข้าถึงง่าย

6. ศูนย์บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

7. ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของซูซูกิ 

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า แคมเปญพิเศษ “SUZUKI WORRY FREE ยังคงอยู่ภายใต้ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care–เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ด้วยการ ส่งมอบสินค้าที่มีแต่ความคุ้มค่า คุ้มราคา ตามปรัชญาของซูซูกิที่มุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย ควบคู่ไปกับ การพัฒนางานบริการในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศเป็นเป้าหมายสำคัญยิ่งของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

ฮอนด้า หั่นราคา ซิตี้ อี:เอชอีวี สู้ศึกตลาดแข่งเดือด

ฮอนด้าปรับราคา ซิตี้ อี:เอชอีวี ลง รุกหนักกระตุ้นการตัดสินใจ เพิ่มความคุ้มค่าให้กับรถซิตี้คาร์ ฟูลไฮบริด สัมผัสความมั่นใจในการขับขี่และความประหยัดเหนือความคาดหมายพร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความนิยมของตลาดxEV และกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย มอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้ง่ายขึ้น ปรับราคาใหม่ สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ลงทุกรุ่นย่อย โดยรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลายของคนยุคใหม่ มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ให้ทั้งอัตราเร่งแรงเร้าใจ และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมพาคุณเดินทางสู่ทุกจุดหมายและไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง* มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มาพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่** อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99%*** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเบาดาวน์สบาย กับโปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเริ่มต้น 7,265 บาท/เดือน (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% พร้อมมอบความอุ่นใจในการใช้งานรถฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/promotions

ฮอนด้า ซิตี้ มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการโดยมีให้เลือกรวม 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็น

•ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย

oรุ่น e:HEV RS       ราคา 799,000 บาท

oรุ่น e:HEV SV        ราคา 729,000 บาท

ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย

oรุ่น RS        ราคา 749,000 บาท

oรุ่น SV         ราคา 679,000 บาท

oรุ่น V           ราคา 629,000 บาท

oรุ่น S           ราคา 599,000 บาท

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น S และ V)

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/city

ขอเชิญชวนลูกค้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ทดลองขับยนตรกรรมฮอนด้าได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยทำการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทาง www.honda.co.th/testdrive

หมายเหตุ :

-สำหรับ สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท, สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท, และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท

*ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)

**อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ และ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ โดยจองและรับรถตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567

ฮอนด้า ซิตี้ มาพร้อม 2 ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1.ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

2.ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อน 4 ปี หรือ ผ่อน 5 ปี ได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ผ่อน 4 ปี ค่างวดเริ่มต้น 6,224 บาท / ผ่อน 5 ปี ค่างวดเริ่มต้น 5,970 บาท (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ เกรด S เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10%

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มาพร้อม 2 ข้อเสนอพิเศษ ดังนี้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)

1.ดอกเบี้ย 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

2.ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อน 4 ปี หรือ ผ่อน 5 ปี ได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ผ่อน 4 ปี ค่างวดเริ่มต้น 7,575 บาท / ผ่อน 5 ปี ค่างวดเริ่มต้น 7,265 บาท (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10%

ฮอนด้า เปิดจองสิทธิ์ ซีวิค ใหม่ ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 5,000 บาท

ฮอนด้า เปิดจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่ 1 ส.ค. 2567 – 22 ส.ค. 2567เตรียมเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 23 ส.ค. 2567 พร้อมกันทั้งที่งาน Big Motor Sale 2024 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตอกย้ำความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจในไทย พร้อมลงทุนและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง

(รุ่น e:HEV RS สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก)) (รุ่น EL+ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์(เมทัลลิก))

•ฮอนด้าเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 22 สิงหาคม 2567 ณ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567* โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมกันทั้งที่งาน Big Motor Sale 2024 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

•อัปดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยไฟท้าย LED รมดำ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ลงตัวกับทุกการใช้งาน

•2 ขุมพลังขับเคลื่อน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง VTEC TURBO 1.5 ลิตร และมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

•ยกระดับความคุ้มค่าไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย** อาทิ Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ** อาทิ เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด

•ฮอนด้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ยืนยันดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องในไทย เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง

(กรุงเทพฯ – 1 สิงหาคม 2567) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้า ยืนยันการดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง ล่าสุด ประกาศให้ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ภายใต้เจเนอเรชันที่ 11 ที่มีการปรับโฉมและเพิ่มเติมคุณค่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ด้วยข้อเสนอพิเศษ ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อทำการจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567* และเตรียมพบกับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ* สำหรับลูกค้าและครอบครัวที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า รวมถึงแคมเปญ “Honda Happy Trade-in*” และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ ที่พร้อมมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูทฮอนด้าในงาน Big Motor Sale 2024 ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ฮอนด้า ซีวิค เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและครองใจลูกค้าชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เจเนอเรชันแรกจนถึงเจเนอเรชันที่ 11 โดยสามารถครองอันดับ 1 ด้านยอดขายกลุ่มคอมแพคท์คาร์ในไทย 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559 -ปัจจุบัน

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

•รุ่น e:HEV RS      ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท***

•รุ่น e:HEV EL+    ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท***

•รุ่น EL+                ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท***  

(ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะประกาศในวันที่ 23 สิงหาคม 2567)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น

-ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว

-ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว

-ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต

-ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว

-ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเท่ สปอร์ต และทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายเหนือระดับ

-ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต

-ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ

-ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย

-ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย

เสริมความมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย**

-ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)

-ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ

ยกระดับความสบายและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

-ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

-ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย

-ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย

-ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย

-ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย

มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะอันทรงพลังผ่านการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง**** และขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในทุกรุ่นย่อย

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+)  สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)  สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวแพลทินัม (มุก) พร้อมภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

โดยมั่นใจตลอดการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยบริการหลังการขายและทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานต์ “Honda Thailand” ในช่องทาง Facebook, YouTube Channel, TikTok และ Instagram  ตั้งแต่เวลา 11:30 น. เป็นต้นไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777  หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/civic

หมายเหตุ :

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

**อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

***ราคาประมาณการยังไม่รวมราคาสีพิเศษ (มุก)

****ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save