เปิดข้อสรุป 5 ความต่างของ ‘ORA 07 LONG RANGE ULTRA’ และ ‘ORA 07 LONG RANGE’ อัปเกรดสู่การขับขี่ที่เหนือกว่า ครบครันทั้งความสะดวกสบาย ความบันเทิงเต็มขั้น และความปลอดภัยขั้นสุด
กรุงเทพฯ 1 สิงหาคม 2567 – หลังจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงอีกหนึ่งรุ่นออกมา ทำให้ ORA 07 ในปัจจุบันมีทั้งหมดถึง 3 รุ่น เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง ORA 07 รุ่น LONG RANGE ราคา 1,299,000 บาท สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคุ้มค่าคุ้มราคากับระยะทางการขับขี่ที่ไกลถึง 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) รุ่น LONG RANGE ULTRA ราคา 1,399,000 บาท สำหรับผู้ที่ชอบระยะทางการขับขี่ที่ไกลพร้อมความสะดวกสบายแบบจัดเต็มจากเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ และรุ่น PERFORMANCE ในราคา 1,499,000 บาท สำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบสมรรถนะจากมอเตอร์คู่และต้องการไปสุดทุกทางแบบไร้ขีดจำกัด
สำหรับ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวให้คนไทยได้สัมผัสกันนั้น มาจากกลยุทธ์การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric) ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ รับฟังเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการอ็อปชันล้นแต่ยังต้องการระยะทางการขับขี่ที่ไกล โดยมี 5 ความต่างที่อัปเกรดจากรุ่น LONG RANGE เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก โดดเด่น และแตกต่างอย่างมีสไตล์
** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service
###
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA
ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงที่ถูกอัปเกรดขึ้นจาก ORA 07 รุ่น LONG RANGE มาพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่แข็งแกร่งเหนือชั้น เหนือกว่าในทุกการขับขี่ ร่วมกับรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ครองใจชาวไทยมาแล้วทั่วประเทศ เปรียบเสมือนผลงานศิลปะชิ้นเอกที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนน สะกดทุกคู่สายตาสมกับคำนิยาย “More Than Stunning” กับดีไซน์ภายนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความพลิ้วไหวของสายน้ำ กระจังหน้าที่มีความวับวาวยามแสงตกกระทบ ความโค้งมนรอบตัวรถมอบความรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของธรรมชาติและความนิ่งสงบ นอกจากนี้ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ยังมาพร้อมกับดีไซน์ภายในที่ถูกออกแบบให้มีความสง่างามผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำมากมายที่จะเข้ามามอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบให้คนไทยได้สัมผัส ตอบสนองทุกความต้องการด้านการขับขี่ที่มีความหลากหลายได้อย่างครบครับ สู่การปลุกกระแสวงการยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
•ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะสูงสุด 640 กิโลเมตร (NEDC Standard)
โครงสร้าง ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA
เสา A และ B ซึ่งภายในของเสา B จะรวมเอาวัสดุคอมโพสิตที่เสริมด้วยไฟเบอร์เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยให้มั่นใจถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพการโค้งงอที่ยอดเยี่ยม ปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารจากการกระแทกจากด้านหน้า ด้านข้าง และหลังคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA เป็นรถซีดานที่สรรค์สร้างมาด้วยรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการไหลของน้ำที่มีความงดงาม ตามปรากฏการณ์ธรรมชาติ “การไหลแบบลามินาร์” ซึ่งเมื่อน้ำนิ่งพบกับก้อนกรวดหินในลำธาร มันจะไม่เกิดการชนกัน แต่จะโอบอุ้มหินเหล่านั้นด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
•มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบด้วยลายเส้นโค้งที่พลิ้วไหว รวมความอิสระ ความสมบูรณ์ ที่มีมิติและสง่างามสร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่รวมกับความงดงามที่สมดุลกับความสปอร์ต ความหรูหราและความทรงพลังอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยมิติตัวรถ 1,862 x 4,871 x 1,500 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,870 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) 125 มม. การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว
การออกแบบภายใน (Interior Design)
ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ได้รับการตกแต่งภายในเป็นแบบเรโทรที่แฝงความลักซ์ชัวรี และรูปทรงปราดเปรียวสง่างามแต่ยังมีความน่ารัก การผสมผสานระหว่างเส้นโค้งและเหลี่ยมมุมได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมมอบความสุนทรีย์ในทุกช่วงเวลาการขับขี่ด้วยลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light แบบ Super I Space และวัสดุสีเงิน ดำ (Silver, Black)
•ระยะทางมากกว่า 5,000 กิโลเมตร ที่ทีมวิศวกรระดับโลกได้นำ ALL NEW MG3 HYBRID+
วิ่งทดสอบและปรับจูนในสถานการณ์ที่หลากหลาย (Multi-scenario Road Test and Tuning) โดยมีสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ และพื้นผิวบนท้องถนนที่แตกต่างกัน อาทิ สนามทดสอบกว่างเต๋อ (SAIC – GM Guangde Proving Ground) ในมณฑลอานฮุย (Anhui) สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ซึ่งเป็นสนามทดสอบรถทุกรุ่นของ SAIC MOTOR CORPORATION ก่อนปล่อยสู่ตลาด ตลอดจนทดสอบวิ่งบนถนนสาธารณะ (Public Road) บนทางไฮเวย์ รวมถึงการทดสอบวิ่งในสนามที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นอย่าง Hailar Ultra-cold Proving Ground ในเมืองไฮลาเออร์ ประเทศมองโกเลีย กับการทดสอบแบบ Extreme Cold Test ภายใต้อุณหภูมิ -30 °C
Screenshot
ทั้งยังผ่านการทดสอบการวิ่งใช้งานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด หรือ Extreme Hot Test ภายใต้อุณหภูมิพื้นผิวสูงถึงกว่า 70°C ที่เมืองถูหลู่ฟาน มณฑลซินเจียง ซึ่งถือเป็นดินแดนที่ร้อนที่สุดในประเทศจีน
BYD ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ประเดิมยนตรกรรม Plug-in Hybrid เอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD รุ่นแรกที่ผลิตในไทย ชูเทคโนโลยี DM-i สุดล้ำ มอบประสบการณ์ขับขี่เสมือนรถ EV ขยายตลาดตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม
ระยอง – 8 กรกฎาคม 2567 – บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ เปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รถยนต์ C-SUV ขนาดใหญ่ 5 ที่นั่ง 5 ประตู ที่มาพร้อมสมรรถนะเหนือชั้น มอบความสะดวกสบายระดับพรีเมียมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะรอบคัน ประเดิมเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกจาก BYD ที่ผลิตโดยโรงงานบีวายดีประเทศไทย เปิดจองสิทธิ์แล้ววันนี้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศในราคาคาดการณ์จำหน่าย รุ่น Dynamic 939,900 บาท พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยสัมผัสประสบการณ์เสมือนขับรถ EV ได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป
BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i อันล้ำสมัย ผสานจุดแข็งของรถยนต์ไฟฟ้า (BEVs) และ รถยนต์ไฮบริด (HEV) เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงพร้อม เครื่องยนต์เบนซินที่พัฒนามาเพื่อรถยนต์ Plug-In Hybrid โดยเฉพาะ สามารถสลับการทำงานระหว่างโหมดไฟฟ้าและโหมดไฮบริดได้อย่างชาญฉลาด โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อนจากมอเตอร์เป็นหลัก สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นุ่มนวล และยังมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางทั้งสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางเพื่อการพักผ่อนระยะทางไกล ด้วยเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานเสริมให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเพื่อประสิทธิภาพการส่งกำลังสูงสุดเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อการขับเคลื่อนโดยตรงเมื่อต้องการกำลังขับเคลื่อนสูงสุด เช่น การเร่งแซง หรือเมื่อแบตเตอรี่มีระดับพลังงานต่ำ เป็นต้น เทคโนโลยี DM-i เอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD ไม่เพียงมอบการขับขี่ที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม และลดการปล่อยมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของ BYD “Cool the Earth By One Degree”
การนำร่องผลิตรถยนต์ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ที่โรงงานบีวายดีประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง เป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ BYD ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระดับชุมชนและระดับประเทศ โดย BYD ต้องการให้โรงงานซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุด 150,000 คันต่อปีแห่งนี้เติบโตเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ช่วยกระตุ้นการเติบโตของ GDP และยังมีแผนในการสร้างงานให้กับคนไทยกว่า 10,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ BYD ยังมีแผนการพัฒนาและการให้ความรู้ระยะยาวกับสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก และวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทำเข้ามาเพื่อพัฒนาตนเองและศึกษาความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันทันสมัย รวมถึงยังให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่อุปทานของประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก นำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดีไทยแลนด์ จํากัด กล่าวว่า “ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่โดดเด่นที่สุดและมีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบ 40 เท่าในปี พ.ศ. 2566 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเปิดโรงงานบีวายดีประเทศไทย ที่จังหวัดระยองเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม เป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำว่า BYD ไม่เพียงมีเป้าหมายในการผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังต้องการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวไทย ตลอดจนส่งต่อองค์ความรู้และการเติบโตร่วมกันในระยะยาว ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของ BYD ในวงการยานยนต์พลังงานใหม่ เทคโนโลยี DM-i ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของเราจึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และส่งผลให้ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ได้การตอบรับอย่างท่วมท้น ด้วยยอดขายทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคันภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีนับจากวันเปิดตัว การันตีความเป็นเลิศด้านสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ เราเชื่อมั่นว่า BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริดจาก BYD รุ่นแรกที่ผลิตและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย จะเพิ่มความหลากหลายให้กับตลาดยานยนต์พลังงานใหม่และครองใจผู้บริโภคชาวไทยเช่นเดียวกัน”
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ ออโตโมทีฟ ยินดีที่ได้ร่วมผนึกพลังกับ BYD ในการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น กับการเปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รถยนต์ C-SUV ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัยอย่าง DM-i ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะสำหรับการขับขี่ระยะไกล ด้วยเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่เสมือนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ครบครันด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว นวัตกรรมล้ำสมัย และประสิทธิภาพในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน สอดรับกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มธุรกิจเรเว่ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต ”
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “การเปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ในประเทศไทย เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเรเว่ ออโตโมทีฟ ในการนำเสนอยานยนต์พลังงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์การขับขีี่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการทั้งก่อนและหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับแทนคำขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและการสนับสนุนที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้กับเรเว่ ออโตโมทีฟและบีวายดีเสมอมา โดยผู้ที่สนใจน้องใหม่จาก BYD รุ่นนี้ สามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศ ก่อนสัมผัสประสบการณ์เสมือนขับรถไฟฟ้า 100% ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป”
BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid เป็นรถ C-SUV ปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกโดดเด่นสะกดทุกสายตา รูปทรงกระจังหน้าแบบไร้ขอบ โค้งมนคล้ายหยดน้ำ ดึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ OCEAN X โฉบเฉี่ยวด้วยโคมไฟแบบตัว C เสริมความปราดเปรียวด้วยเส้นสายด้านข้างที่ลากยาวต่อเนื่องถึงด้านหลัง ตกแต่งด้วยแถบอลูมิเนียม เพิ่มความพรีเมียมสะดุดตาเมื่อวิ่งบนท้องถนน ยนตรกรรมเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid รุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ MacPherson Strut เสริมความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนอย่างสมบูรณ์แบบ ผสานการทำงานกับระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Multi-link ยกระดับความนุ่มนวลและความสบายระหว่างการเดินทาง เก็บเสียงรบกวนจากภายนอกให้ห้องโดยสารเงียบสงบตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอย่างครบครันและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร อาทิ
BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รุ่น Dynamic มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 2 สี Quantum Black และ Horizon White พร้อมให้ลูกค้าชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook BYD RÊVER Thailand