- Advertisement -
29 C
Bangkok
Home Blog Page 34

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยเทรนด์ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาเซียน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยสภาวะตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ วิเคราะห์เทรนด์ โอกาส ความท้าทาย และพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดภูมิภาคอาเซียน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์สะท้อนการเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในงาน International NEV Summit 2024 ครั้งที่ 2 โดย นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้บรรยายในหัวข้อ “Insights into the NEVs Market in Southeast Asia” เผยความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ มองอดีตและอนาคต พร้อมข้อมูลวิเคราะห์เจาะลึกอย่างละเอียดทั้งแนวโน้มของอุตสาหกรรม โอกาส ความท้าทาย และพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน พร้อมชี้โอกาสการเติบโตทางธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยเน้นกลยุทธ์สร้างเอกลักษณ์และมอบความแตกต่างให้ผู้บริโภคสู่การนำพาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ และขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาเซียน โดยงาน International NEV Summit 2024 ครั้งที่ 2 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องคอนราด บอลลูน โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

งาน International NEV Summit 2024 ครั้งที่ 2 เป็นการประชุมระดับนานาชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาตลาดรถยนต์พลังงานใหม่เพื่ออนาคต รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภายในงานรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้บริหารระดับสูง และนักวิจัย เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มการพัฒนาตลาดพร้อมวางแผนกลยุทธ์อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ และโอกาสในการดำเนินธุรกิจในกลุ่มของรถยนต์พลังงานใหม่

นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) วิเคราะห์ข้อมูลตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียนว่า “ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนในปี พ.ศ. 2566 มียอดขายทั้งสิ้น 3.4 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้เป็นรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) กว่า 3 แสนคัน หรือ 8% ของตลาดรถยนต์โดยรวมทั้งหมด โดยใน 8% นี้ แบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด (HEV) 4%, รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) 1% และรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) 3% โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มียอดขายรถ NEV สูงที่สุดในตลาดอาเซียน หรือประมาณ 64% ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 19%, มาเลเซีย 8%, เวียดนาม 6% และฟิลิปปินส์ ที่ 3% โดยรถ NEV ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอาเซียนจะเป็นรถเอสยูวีและรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ คาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 ตลาดอาเซียนจะมียอดขายรถ NEV เพิ่มขึ้นจาก 3 แสนคันเป็น 6 แสนคัน หรือมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 18% ของตลาดรถยนต์โดยรวม ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญให้แบรนด์ต่างๆ ได้เร่งทำกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาสใหญ่นี้ท่ามกลางจำนวนประชากรในภูมิภาคที่มีมากถึง 640 ล้านคน โดยอีก 6 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรจะทะลุถึง 721 ล้านคน และยังเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยศักยภาพในการเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ เป็นที่ตั้งของแรงงานของคนรุ่นใหม่ไปจนถึงกลุ่มคนระดับกลางที่กำลังเติบโต”

เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่สร้างการเติบโตของรถยนต์ NEV ในแต่ละประเทศในตลาดอาเซียนจะพบว่า นโยบายภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการผลิตและการใช้รถยนต์ NEV โดยในประเทศไทย มีนโยบาย 30@30 การส่งเสริมการลงทุนของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ประเทศมาเลเซียตั้งเป้าหมายสัดส่วนรถยนต์ NEV 31%, 40%, 70% ภายในปี 2569, 2578, และ 2593 ตามลำดับ สำหรับประเทศอินโดนีเซีย ตั้งกลยุทธ์ INDONESIA AUTOMOTIVE 4.0 เป้าหมายมีรถยนต์ NEV 20% ภายในปี 2569 รวมถึงให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนผลิตแบตเตอรี่ในการใช้แร่นิกเกิลที่มีอยู่ในประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ในประเทศเวียดนาม ตั้งเป้าให้รถยนต์ทุกคันบนถนนเป็นรถยนต์พลังงานสีเขียวภายในปี 2593 และในประเทศฟิลิปปินส์ ออกนโยบายการลดภาษีนำเข้ารถ NEV เหลือ 0% จนถึงปี 2571 เพื่อกระตุ้นการใช้รถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ตลาด NEV ในอาเซียนก็ยังมีความท้าทายในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความต่อเนื่องของนโยบายของภาครัฐ การกีดกันทางการค้าทั้งในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษี ความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบอะไหล่ต่างๆ ภายในประเทศ รวมถึงข้อกังวลในมุมมองผู้บริโภค ทั้งในด้านของราคาชิ้นส่วนอะไหล่โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ค่าประกันภัยรถยนต์ NEV ความพร้อมของสถานีชาร์จ ความไม่มั่นใจในคุณภาพสินค้า ราคาขายต่อ ความกังวลด้านบริการหลังการขายและความรู้ความชำนาญของช่างเทคนิค รวมถึงความกังวลผลพวงจากสงครามราคา ล้วนเป็นปัจจัยที่ชะลอการเติบโตของตลาดรถยนต์ NEV ในภูมิภาคอาเซียนทั้งสิ้น

สำหรับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เข้ามาดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและเป็นประเทศยุทธศาสตร์ โดยในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมและเร่งขับเคลื่อนปรับกลยุทธ์ด้วยการสร้างความแตกต่างผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 10 รุ่น โดยครอบคลุมทุกประเภทเครื่องยนต์ที่หลากหลายและครอบคลุม ทั้งไฮบริด ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มรถยนต์ตระกูล HAVAL และ ORA ที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการใช้งานรถยนต์พลังงานใหม่ในกลุ่มนรถยนต์อเนกประสงค์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและนวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยขั้นสูงสุด การออกแบบที่มีเอกลักษณ์และเพื่ออนาคต งานบริการหลังการขายที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเร่งเดินหน้าผลักดันให้ประเทศไทยมีระบบนิเวศรถยนต์พลังงานใหม่ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การตั้งโรงงานอัจฉริยะแห่งแรกในอาเซียนเมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่จังหวัดระยอง รวมถึงการนำพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงงานผลิตแบตเตอรี่ SVOLT, HYCET, NOBO, MIND, และ Exquisite สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้อีกด้วย

นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ภายใต้นโยบาย One Price Policy ที่สร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใสในการกำหนดราคา ให้ผู้บริโภคคลายความกังวลด้วยราคาเดียวกันทั่วประเทศ โมเดลการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ สโตร์ (Partner Models) ที่เน้นการสร้างความร่วมมือและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน การให้บริการแบบผสานช่องทางการค้าแบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (Online to Offline Commerce) ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ Smart Service ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล รวมถึงการรับฟังเสียงของผู้บริโภคด้วยกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานใหม่เพื่ออนาคต เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน อยู่เคียงข้างคนไทยและผลักดันศักยภาพของประเทศไทยเพื่อก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้วิสัยทัศน์ In Thailand, For Thailand

อีซูซุบริจาคเงิน 1 ล้านบาท พร้อมน้ำดื่มสะอาด สู้ภัยน้ำท่วม

อีซูซุบริจาคเงิน 1 ล้านบาท เพื่อการจัดหาเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมน้ำดื่มสะอาดเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ

นายจุติพงศ์ บุญสูง ประธานกรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยมอบให้แก่ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อการจัดหาเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนผู้ประสบภัยในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ อีกทั้งอีซูซุยังส่งมอบน้ำดื่ม อีซูซุมากกว่า 54,000 ขวด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมบริการรถอีซูซุโมบายเซอร์วิส ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนสำหรับลูกค้าอีซูซุในจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน และยังสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี พร้อมรับส่วนลดค่าแรง 30% และค่าอะไหล่ 30% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 3 จ.บุรีรัมย์ เสียงเชียร์กระหึ่ม

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 3 จ.บุรีรัมย์ ส่งมอบความมันต่อเนื่อง เสียงเชียร์กระหึ่มในงาน นับเป็นสุดขีดของมอเตอร์สปอร์ต ที่โตโยต้าปักธงเป็นสนามวิจัยเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า หรือ Make Ever-Better Cars ก่อนผลิตส่งมอบให้กับผู้บริโภค

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าในจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้สนับสนุนรายการอย่างเป็นทางการ ร่วมเปิดการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 3 ที่จัดขึ้น ในวันที่ 13-14 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวเปิดการแข่งขันว่า “ขอขอบคุณ พี่น้องชาวบุรีรัมย์ทุกท่านที่ให้การต้อนรับ เข้าร่วมกิจกรรม และสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยสนามบุรีรัมย์ เป็นสนามที่ 3 ของการแข่งขันนี้ ที่ท้าให้ท่านร่วมพิสูจน์สมรรถนะ ความทนทาน และสนุกสนานไปกับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ Toyota One Make Race หลากหลายรุ่น อาทิ ยาริส / ยาริส เอทีฟ / โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต และ ไฮลักซ์ รีโว่ โดยมีรถเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 55 คัน ที่พร้อมจะมาท้าทายขีดจำกัด เพราะเราเชื่อว่า สภาพแวดล้อมที่สุดขีดของมอเตอร์สปอร์ต ล้วนส่งเสริมให้ โตโยต้าพยายามสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า หรือ Make Ever-Better Cars

นอกจากนี้ท่านจะได้เห็นความมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยใช้เชื้อเพลิงทางเลือก Carbon Neutral Fuel ผ่านกีฬามอเตอร์สปอร์ตจาก ยาริส ที่ขับโดย อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “ป๊ายปาย โอริโอ้” และยาริส เอทีฟ ที่ขับโดย “มิย่า-พิชชา ทองเจือ”

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 1 (แข่งขัน 8 รอบ)

บรรยากาศการแข่งขันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน ตลอด 8 รอบการแข่งขัน โดยมีนักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ป๊ายปาย โอริโอ้” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ลงสนามโดยใช้ YARIS One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก เข้าร่วมแข่งขัน แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ หมายเลข 90 นฤนนท์ภัทร รัตน์ชเลสินธร จากทีม Wise BRDM-Tech Just car Top one web By VG

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
190นฤนนท์ภัทร รัตน์ชเลสินธรWise BRDM-Tech Just car Top one web By VG
289วรัญชิต วัฒนาธนกุลWISE PTT Lubricants
31อเล็กซานเดอร์ ฟัน เมาริคFortron Racing Team
466ศริทธนา มิตรอารีLenso Motorsport x Carlified Car Wash by VG
536ปณิธาน รักไพบูลย์สมบัติNexzter drive to drift MX racing team

ผลการแข่งขัน YARIS One Make Race : Division 2 (แข่งขัน 8 รอบ)

แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ หมายเลข 47 เบร็นแดน พอล แอนโทนี่ จากทีม Superclub Racing Team

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
147เบร็นแดน พอล แอนโทนี่Superclub Racing Team
239คาร์เมน เหลียง
35ร้อยเอกจองชัย วงศ์ทรายทอง
493แดลเนียล ชาร์
563ขวัญศิโรช ตระกูลวณิชย์Project Monkey

ผลการแข่งขัน YARIS ATIV Lady One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

รายการแข่งขันของนักแข่งสาวสวย โดยมี YARIS ATIV One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเชื้อเพลิงทางเลือก ที่ขับโดย มิย่า พิชชา ทองเจือ นักแข่งจาก Toyota Racing Star Team เข้าร่วมแข่งขัน จบการแข่งขันผลปรากฎว่า อันดับที่ 1 ตกเป็นของ หมายเลข 188 ณัฏฐวลัญช์ แสนสุข จากทีม KUROKI RACING

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
1188ณัฏฐวลัญช์ แสนสุขKUROKI RACING
2154ระพีพรรณ มีอุสาห์Nexkart Racing
3156อริญรดา ฮอร์นDrive Todrift
4168ศิริภากรณ์ แยบยนต์TMC-Drive 68 Lenso by Woot Bangbon3
5155นิชา วีรพรLenso Motorsport by WootBangbon3

ผลการแข่งขัน COROLLA ALTIS GR SPORT One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

บรรยากาศเข้มข้น และเร้าใจสุดๆ โดยมีดารานักแข่งจาก Toyota Racing Star Team “ปังปอนด์ อัครวุฒิ” เข้าร่วมแข่งขัน และสามารถชิงอันดับ 5 ขึ้นยืนโพเดียมได้ในสนามนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนคลับ จบการแข่งขันผลปรากฏว่า แชมป์สนาม 3 ตกเป็นของ หมายเลข 51 ไอตั้น อัษฏาธร จากทีม Lin Motorsport

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
151ไอตั้น อัษฏาธรLin Motorsport
222ธนากร เลี่ยวไพรัตน์
326อัฐพล แก้วอาษาB-Quik Racing Team
49สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์Nexzter Singha Sittipol Racing Team
510ปังปอนด์-อัครวุฒิ มังคลสุตTOYOTA Racing Star Team

ผลการแข่งขัน HILUX REVO One Make Race (แข่งขัน 8 รอบ)

รายการแข่งขันชิงเจ้ากระบะ โชว์สมรรถนะของเครื่องยนต์ ผลการแข่งขันปรากฏว่า อันดับที่ 1 ตกเป็นของ หมายเลข 31 ประพจน์ ชื่นวิจิตร จากทีม Nexzter GG Racing

อันดับหมายเลขนักแข่งทีม
131ประพจน์ ชื่นวิจิตรNexzter GG Racing
23กิตติศักดิ์ เสียงสลักBKC by House of Cars
320ธิบดินทร์ สันทัดค้าNeon Creation Nexzter Trane Racing Team
449พงศธร โอนอ่อนKM Racing By กมลการยาง
544อรุณพงศ์ ศรีฤทธิ์Nexzter racing team by Vanguarg X Voltronic

แล้วไปมันส์กันต่อในงาน Toyota Gazoo Racing Thailand สนามที่ 4

วันที่ 9-10 พฤศจิกายน 2567 นี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ. เชียงใหม่

พร้อมออกเดินทางไปสร้างรอยยิ้มและความสนุกกันต่อ กับกิจกรรมจัดเต็มตลอดทั้งวัน

ตื่นเต้นไปกับ “Night Show” แสงสีเสียงจัดเต็มยามค่ำคืน

อีกทั้งการแสดงสุดฟินจากศิลปิน และอินฟลูเอนเซอร์คนดังมากมาย

แฟนพันธุ์แท้กีฬามอเตอร์สปอร์ต ห้ามพลาด!

ติดตามความสนุกและชมการแข่งขันสดผ่านทาง Live Streaming

ได้ที่ Facebook / Youtube : TOYOTA GAZOO Racing Thailand

ติดตามข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมเพิ่มเติมได้จาก

TikTok: tgr.thailand และ Instagram : tgrthailand

กรังด์ปรีซ์ฯ จัดกิจกรรม Content Creator Contest 2024 ชิง 1.5 ล้าน

กรังด์ปรีซ์ฯ จัดกิจกรรม Content Creator Contest 2024 ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 1,500,000 บาท พร้อมโอกาสเข้าร่วมงานกับ กรังด์ปรีซ์ฯ

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ขอเชิญนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปอายุ 18–35 ปี ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด “Grand Prix Content Creator Contest 2024” ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,500,000 บาท

วัตถุประสงค์

เพื่อเฟ้นหา Content Creator รุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เปิดมุมมองการทำคอนเทนต์ใหม่ๆ และเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ เข้าสู่วงการสื่อมวลชนสายรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์

คุณสมบัติผู้เข้าประกวด

•นิสิต/นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี (พิจารณาอายุ ณ วันสุดท้ายของการรับสมัคร)

•เป็นผู้ที่มีบุคลิกดี มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก

•สามารถถ่ายทอดข้อมูลองค์ความรู้ต่างๆ ให้แก่บุคคลอื่นเข้าใจได้ง่าย

•หากมี Social Media ของตนเอง (Youtube/Tiktok/Facebook) จะต้องมีผู้ติดตามไม่เกิน 10,000 คน

รางวัลการประกวด Grand Prix Content Creator Contest 2024

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1

รางวัล เงินสด 30,000 บาท พร้อมสัญญาร่วมงานกับบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระยะเวลา 2 ปี มูลค่า 480,000 บาท รวม 510,000 บาท

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2

รางวัล เงินสด 20,000 บาท พร้อมสัญญาร่วมงานกับบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 240,000 บาท รวม 260,000 บาท

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3

รางวัล เงินสด 10,000 บาท พร้อมสัญญาร่วมงานกับบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 240,000 บาท รวม 250,000 บาท

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประกวด

•กรอกใบสมัคร พร้อมข้อความแนะนำตัวเบื้องต้น ถึงความสนใจในการสมัครเข้าร่วมประกวดในกิจกรรมครั้งนี้

•นำเสนอ 2 คลิปวีดีโอ โดยเป็นคลิปแนวตั้ง จำนวน 1 คลิป ความยาวไม่เกิน 1 นาที และ คลิปแนวนอน จำนวน 1 คลิป ความยาวไม่เกิน 5 -10 นาที

•พร้อมส่งไฟล์คลิป หรือ แนบไฟล์ลง Google Drive แล้วส่งมาที่ Email : [email protected]

•เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ 16–30 กันยายน 2567 

•โดยสามารถนำเสนอเนื้อหาในลักษณะรีวิวผลิตภัณฑ์ สรุปประเด็นข่าว หรือข้อมูลเชิงเทคนิคเกี่ยวกับรถยนต์ รถไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ ให้สื่อสารออกมาให้เข้าใจได้ง่าย และน่าสนใจ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และเป็นคลิปวีดีโอที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน

•ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องกําหนดชื่อเรื่องและแนวคิดในการผลิตคลิปวิดีโอ

•ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นผลงานที่ผลิตขึ้นเอง ห้ามมิให้ส่งผลงานของผู้อื่น

•การผลิตผลงาน ไม่จํากัดรูปแบบนําเสนอ เทคนิคการถ่ายทํา เทคนิคการผลิตและการติดต่อ สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ

•ผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องไม่เคยส่งเข้าประกวด หรือได้รับรางวัลจากที่อื่นๆ มาก่อน

•ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดเป็นผู้รับผิดชอบต่อลิขสิทธิ์ของข้อมูล ได้แก่ เนื้อหา ภาพ เสียง คลิปวิดีโอ ซอฟต์แวร์ หรืออื่นใดที่ใช้ในการผลิตผลงาน โดยไม่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา มีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาอย่างชัดเจน โดยบริษัทกรังด์ปรีซ์ฯ จะไม่รับผิดชอบทั้งทางตรงและทางอ้อม ในกรณีที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว หากคณะกรรมการตรวจพบหรือทราบภายหลังจะถือเป็นโมฆะและเรียกคืนรางวัล

•ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act: PDPA)

•ผลงานที่ได้รับรางวัลถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

•ผู้จัดงานสามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขผลงาน โดยไม่จําเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

•เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องกับการตัดสินไม่สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้

•สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ทาง Email : [email protected] หรือ โทร.02-522-1731-8 ต่อ 412 หรือ 237

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัว R 1250 GS Adventure รุ่นพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สุดยอดมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ตระกูล GS รุ่นพิเศษ อัดแน่นพร้อมชุดแต่งระดับพรีเมียม

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สุดยอดมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ โดดเด่นด้วยออปชั่นและอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษมากมาย สะดุดตายิ่งขึ้นด้วยตราสัญลักษณ์ Ultimate Edition บริเวณฝาครอบกระจกมองหลัง บนแฮนด์จับทั้งสองข้าง และบนกล่องสัมภาระอะลูมิเนียม ผสานความตื่นเต้นเร้าใจในการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างลงตัว พร้อมบุกตะลุยไปได้ในทุกสภาพเส้นทาง

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) 

ราคาจำหน่าย: 1,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 

*รูปภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น สเป็คที่ขายในประเทศไทยมาพร้อมล้อซี่ลวดสีดำ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สืบทอดเอกลักษณ์ของ GS ที่เป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจพร้อมลุยทั้งทางออฟโร้ดและบนถนน ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์สองลูกสูบสี่จังหวะที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ/ของเหลว ขนาด 1,254 ซีซี เติมเต็มด้วยระบบควบคุมแกนลูกเบี้ยวแบบแปรผันด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ปลดล็อคอีกขั้นของขุมพลังแห่งการเดินทาง ส่วนระบบหัวฉีดคู่และระบบไอเสียใหม่ผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐาน 3 แบบ ได้แก่ ‘Eco’, ‘Rain’ และ ‘Road’ ขณะที่ ‘Riding Modes Pro’ นำเสนอโหมดการขับขี่เพิ่มเติม ได้แก่ ‘Dynamic’, ‘Dynamic Pro’, ’Enduro’ และ ‘Enduro Pro’ รองรับสภาพการขับขี่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมยกสมรรถนะการขับขี่และความปลอดภัยสู่ขั้นสูงสุดด้วยระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า (Dynamic ESA) ระบบ Hill Start Control ที่ทำให้ผู้ขับขี่ออกตัวในทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ ขณะที่ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ ABS Pro ให้การเข้าโค้งอย่างราบรื่น ส่วนระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ใหม่ล่าสุดช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยการตัดกำลังของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ผ่อนคลาย และมั่นใจได้ในความปลอดภัยบนทุกเส้นทางผจญภัยที่รออยู่ข้างหน้า

ก้าวล้ำยิ่งขึ้นกับระบบการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลสี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว และระบบ BMW Motorrad Multi-Controller ให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชันของรถ ตลอดจนการเชื่อมต่อต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และยังมีช่องเสียบ USB 2 แบบสำหรับใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้อีกด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังคงสืบทอดเอกลักษณ์ความปราดเปรียวและทรงพลังของ GS ด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ส่องสว่างแม้ในช่วงกลางวัน สร้างความโดดเด่นสะดุดตา และยังปรับเปลี่ยนกลมกลืนไปกับทางโค้งตามตำแหน่งความลาดเอียงของตัวรถ มาพร้อมไฟ Cruising ซึ่งจะเปิดไฟเลี้ยวด้านหน้าทั้งสองแบบหรี่ไว้ตลอดเวลา เพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาบนท้องถนน ขณะที่ไฟท้าย LED แบบ multifunctional สามารถสลับระหว่างไฟกระพริบสีเหลือง ไฟเบรกสีแดง และไฟท้ายส่องสว่างได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) และระบบ Keyless Ride

ตัวรถมาในสีดำ Black Storm Metallic พร้อมล้อซี่ลวดสีดำ สะท้อนความแข็งแกร่งทนทานสไตล์ออฟโร้ด เสริมความหรูหราด้วยชุดแต่ง Option 719 แพ็คเกจ Shadow ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอะลูมิเนียมขึ้นรูปอย่างประณีตในโทนสีดำ/เงิน ไม่ว่าจะเป็นฝาครอบเครื่องยนต์ ฝาครอบกระจกมองหลัง ที่พักเท้า แป้นเกียร์และเบรกเท้า มือจับ ฝาถังน้ำมัน อีกทั้งยังเพิ่มความดุดันด้วยกระจกบังลมรมดำ ฝาครอบเครื่องยนต์สีดำ กล่องอะลูมิเนียมท้ายและข้างสีดำ ป้าย Ultimate Edition บนมือจับ บนกล่องสัมภาระท้ายและกล่องทั้งสองข้าง รวมถึงปลอกกุญแจพิเศษสำหรับรุ่น Ultimate Edition

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) พร้อมให้เหล่านักบิดจับจองเป็นเจ้าของที่ราคา 1,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยจำนวนจำกัดเพียง 24 คันเท่านั้น และยังพิเศษกับความเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับรถแต่ละคันด้วยหมายเลขประจำตัวรถตั้งแต่หมายเลข 1 ถึง 24 ยิ่งไปกว่านั้น ยังคุ้มค่าเหนือระดับด้วยอุปกรณ์ตกแต่งสุดพิเศษ มูลค่ากว่า 400,000 บาท มอบความอุ่นใจด้วยการรับประกันตัวรถนาน 5 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และการรับประกันอุปกรณ์ตกแต่งนาน 2 ปี

สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติมของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ที่ www.bmw-motorrad.co.th เฟซบุ๊ก แฟนเพจ BMW Motorrad Thailand หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วประเทศ

สรยท.จับมือไทยฮอนด้า จัดอบรมหลักสูตรขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน

สรยท.จับมือไทยฮอนด้า จัดอบรมหลักสูตรขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน ภายใต้ชื่อโครงการ “อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Big Bike Basic Course)” เพื่อส่งเสริมทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมกับบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จัดกิจกรรม “อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Big Bike Basic Course)” เพื่อส่งเสริมทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยให้กับสมาชิกของสมาคมฯ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 11 กันยายน 2567 ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า สุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ

การอบรมครั้งนี้เริ่มตั้งแต่การทำความรู้จักขั้นพื้นฐานของการใช้บิ๊กไบค์ในภาคทฤษฎี ไปจนถึงการปฏิบัติจริง ซึ่งผู้เข้าอบรมจะมีโอกาสได้ขับขี่บนสนามฝึกของศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า สุขาภิบาล 3 ภายใต้การควบคุมและดูแลจากครูฝึกของไทยฮอนด้าที่มีประสบการณ์และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้าอบรม เพื่อเรียนรู้ทักษะและเทคนิคในการขับขี่บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและปลอดภัย ก่อนที่จะรับประกาศนียบัตรหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) กล่าวว่า “อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Big Bike Basic Course) ถือเป็นกิจกรรมแรกที่ทางคณะกรรมการสมาคมฯ ชุดปัจจุบันร่วมมือกันผลักดันเพื่อให้เกิดเป็นจริงขึ้นมา ด้วยคณะกรรมการเล็งเห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญในการสร้างพื้นฐานการขับขี่ที่ดีและอยู่บนความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวัน”

นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า “ผมขอขอบคุณบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมดีๆ ในครั้งนี้ รวมถึงสมาชิกที่ให้ความสนใจสละเวลาเข้ามาร่วมอบรม สมาคมฯ รู้สึกยินดีที่กิจกรรมที่จัดขึ้นได้รับการตอบรับที่ดีจากสมาชิกหลังจากที่เปิดให้ลงทะเบียน แต่ด้วยคอร์สการสอนที่รองรับผู้เรียนเพียง 30 ท่านเท่านั้น จึงจำเป็นต้องคัดเลือกผู้ที่สมัครเข้ามาก่อนและมีคุณสมบัติในด้านสมาชิกภาพภายในสมาคมฯ เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณา”

“หลังจากที่ได้รับเสียงตอบรับในการอบรม บวกกับนโยบายและแผนการทำงานของคณะกรรมการวาระปี 2567-2569 ในการมุ่งเน้นจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกฯ ได้มีทักษะในด้านต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ทางสมาคมฯ เองยังวางแผนในการจัดคอร์สอบรมอย่างต่อเนื่องในโอกาสต่อไป เพื่อเป็นการ Upskill และ Reskill ให้กับสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งสมาชิกทุกท่านสามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารผ่านทางประกาศใน LINE Official Account ของทางสมาคมฯ”

บีเอ็มดับเบิลยู ส่งทัพยนตรกรรมจัดแสดงในงาน BMW Xpo 2024

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ส่งทัพยนตรกรรมสู่งาน BMW Xpo 2024 นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานยอดนิยมในราคาที่จับต้องได้ พร้อมอีกหลายรุ่นและข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยกทัพยนตรกรรมสุดหรูหลากหลายรุ่นมาให้ลูกค้าและแฟน ๆ ชาวไทยที่สนใจได้เลือกสรร ในงาน “BMW Xpo 2024” ตั้งแต่ยานยนต์ที่หรูหราสง่างามในกลุ่มคอมแพ็คพรีเมียม ไปจนถึงยนตรกรรมล้ำสมัยแห่งอนาคต พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ภายใต้แนวคิด ‘Future of Joy’ ยกระดับสุนทรียภาพแห่งการขับขี่สู่วิสัยทัศน์แห่งอนาคตอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ งาน BMW Xpo 2024 มีกำหนดจัดขึ้น 2 แห่งเพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้สัมผัสยนตรกรรมแห่งอนาคตของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ลานโปรโมชั่น โซน B, C, D และ Extra ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน พ.ศ. 2567 และศูนย์การค้าเมกาบางนา ลานแฟชั่น แกลเลอเรีย 1-2 ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน พ.ศ. 2567

มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งาน BMW Xpo 2024 จัดขึ้นเพื่อนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยที่มาพร้อมกับความหรูหราเหนือระดับ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยูในการส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับลูกค้า โดยในปีนี้ยังคงตอกย้ำแนวคิด สุนทรียภาพแห่งการขับขี่และการคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ สะท้อนให้เห็นจากการขยายพื้นที่จัดงานสู่สองทำเลสำคัญ พร้อมการจัดแสดงรถยนต์ในรูปแบบใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์บีเอ็มดับเบิลยูที่เข้าถึงง่ายและน่าประทับใจยิ่งขึ้น”

“เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้กับบีเอ็มดับเบิลยูเสมอมา ปีนี้ เราจึงนำเสนอที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูรุ่นใหม่ล่าสุดหลากหลายรุ่น ภายใต้แนวคิด 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ‘Future of Joy : LIFE’ ซึ่งสะท้อนถึงยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยอย่างลงตัว นำทัพโดย บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport สมาชิกใหม่จากตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ยอดนิยม มาพร้อมราคาที่เอื้อมถึงง่ายยิ่งขึ้น พร้อมด้วย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2, ซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 เสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยยนตรกรรมตระกูล X ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู X1, X3, X4, X5 และ X6 กลุ่มที่สองคือ ‘Future of Joy: THRILL’ ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ อัดแน่นด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง กับยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล M นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู XM 50e และ บีเอ็มดับเบิลยู M240i xDrive ที่จะมาปลุกทุกความเร้าใจให้โลดแล่น” มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด กล่าว

“กลุ่มที่สาม ‘Future of Joy: ELECTRiFY’ พร้อมมอบประสบการณ์แห่งสุนทรียภาพการขับขี่ที่เหนือระดับและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแบบฉบับยนตรกรรมไฟฟ้าสุดหรูของตระกูล i นำทัพโดยยนตรกรรมซีดานพรีเมียม บีเอ็มดับเบิลยู i5 และ i7 เสริมความเร้าใจด้วยรถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) บีเอ็มดับเบิลยู iX3 และ iX ปิดท้ายด้วย ‘Future of Joy: EXCLUSIVITY’ ที่สุดแห่งความหรูหราเหนือระดับ กับทัพยนตรกรรมในกลุ่ม Luxury Class ที่ผสานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้นไว้ในที่เดียว นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู X7 ยานยนต์อเนกประสงค์สุดหรู และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ยนตรกรรมซีดานระดับผู้นำ ที่จะมามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ”

มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด กล่าวเสริมภายในงาน BMW Xpo 2024 ยกระดับความหรูหรา สู่มิติใหม่แห่งดีไซน์ ด้วยวัสดุอะคริลิคแบบกระจกที่ตกแต่งบูธได้อย่างสุดล้ำ ผสานความสง่างาม สะท้อนแสงเงาอย่างมีระดับ สู่พื้นที่จัดแสดงที่ดึงดูดทุกสายตา สร้างความรู้สึกโอ่โถง กว้างขวาง และน่าประทับใจ สะท้อนภาพลักษณ์แห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียมได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้น ผู้ที่มาร่วมงานยังจะได้พบกับหลากหลายกิจกรรมเวิร์กชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะเปิดโอกาสให้ได้ค้นหาความ JOY ในแบบของตัวเอง และดื่มด่ำกับสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตในแบบที่แต่ละคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น

•EXPERIENCE LIFE FULL OF JOY: THE ART OF LIVING: ร่วมเวิร์กชอปเทคนิคการลงสีสุดพิเศษกับ ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ศิลปินต้นแบบของนักวาดภาพประกอบไทย ถ่ายทอดความงามของงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กชอปจาก Painterbell นักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ เจ้าของผลงานสติกเกอร์ John and Lulu ตัวการ์ตูนสุดน่ารักที่ครีเอทขึ้นมาจากความชอบในวัยเด็ก สู่แรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบการวาดรูปการ์ตูน และเวิร์กชอปสร้างผลงานศิลปะชิ้นพิเศษไปกับคุณจี๊ป ศิลปินที่มีชื่อเสียงเรื่องภาพประกอบที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ผลงานแต่ละชิ้น มีความละเอียดอ่อน ประณีต ขณะเดียวกันก็ให้มุมมองที่ลึกซึ้งที่แตกต่างกันไป

•EXPERIENCE SUSTAINABLE JOY: BEST FROM WASTE สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษขยะจากทะเลด้วยการใช้ “ศิลปะ” โดยคุณวิยะดา โค้วศานติ ศิลปินผู้เนรมิตขยะทะเล ไม่ว่าจะเป็นอวน ลูกทุ่น เชือก รองเท้าแตะ เหยื่อตกปลาพลาสติก และอื่นๆ  ให้กลายเป็นกระเป๋า DIY สุดเก๋

•EXPERIENCE LUXURIOUS JOY: LUCK OF LUXURY เวิร์กชอปกับศาสตร์แห่งการพยากรณ์เพื่อเสริมความรู้สึกด้านบวกให้กับชีวิตและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเสริมดวงชะตาและรับพลังแห่งความโชคดีไปกับ RAVIPAโดยอาจารย์มดดำ ยิปซีคาราวาน

•EXPERIENCE POWERFUL OF JOY: M THE MOST POWERFUL LETTER IN THE WORLD พบกับประสบการณ์สุดเร้าใจที่จะปลุกสัญชาตญาณแห่งการขับขี่ในตัวคุณ กับ M Driving Simulator สุดล้ำที่จะมอบประสบการณ์เสมือนจริง เสริมสร้างทักษะการขับขี่ผ่านการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟ ให้ได้ปรับตัวและฝึกซ้อมในสถานการณ์ที่หลากหลาย เสริมความมั่นใจและเตรียมพร้อมสู่การขับขี่อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งในการเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/special-offers/bmw-September-2024-offer.html

ข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน BMW Xpo 2024 จากบีเอ็มดับเบิลยู

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ที่งาน BMW Xpo ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 และ เมกาบางนา ระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน 2567 รับของสมนาคุณถึง 2 ต่อ รวมมูลค่าสูงสุด 14,000 บาท*

•ของสมนาคุณ ต่อที่ 1 เลือกรับเลยทันที BMW MINIATURE MODELS รุ่น M3 (มูลค่า 7,144.39 บาท) หรือ X7 (มูลค่า 6,594.41 บาท) 1 ชิ้น*

•ของสมนาคุณ ต่อที่ 2 เลือกรับของสมนาคุณที่ตอบโจทย์ความ JOY ไม่ว่าจะเป็น ของสมนาคุณจาก RAVIPA มูลค่ารวมสูงสุด 6,880 บาท หรือ เซ็ทผลิตภัณฑ์จาก Officine Universelle Buly มูลค่า 3,870 บาท หรือ Central Gift Card มูลค่า 4,000 บาท*

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม ข้อกำหนด และเงื่อนไข ได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/special-offers/bmw-September-2024-offer.html

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์รุ่นต่อไปนี้ ตั้งแต่วันนี้ – เดือนธันวาคม 2567 ผ่านทางออนไลน์ shop.bmw.co.th รับข้อเสนอพิเศษ ได้แก่*

•บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport รับฟรี ฝาครอบกระจกคาร์บอน M Performance 

•บีเอ็มดับเบิลยู 220i M Sport รับฟรี ชุดไฟ Door Projector Light Kit

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สำหรับลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่าง ๆ ต่อไปนี้ ภายในเดือนกันยายน 2567 โดยมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 และเลือกทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังจะได้รับข้อเสนอพิเศษดังนี้**:

รุ่นข้อเสนอ
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i xLine  ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 16,099 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0% ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 16,899 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู M240i xDriveผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 30,899 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 18,699 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 18,899 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 24,099 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 23,699 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี  
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 23,399 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 0%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport (Inspiring)ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 27,499 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport (Pro)ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 34,099 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ย 1.99%ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 25,699 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 36,999 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive50e M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 38,299 บาท/เดือน ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 41,099 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 44,399 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 33,299 บาท/เดือน ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport (Inspiring)ผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 34,099 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 57,399 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 38,199 บาท/เดือนฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox
บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sportผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 40,499 บาท/เดือน ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 1 ปีฟรี BMW Wallbox

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW Xpo 2024 รายละเอียดข้อเสนอ และการจองทดสอบรถ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของบีเอ็มดับเบิลยู

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ในงาน BMW Xpo 2024

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport 

ราคาจำหน่าย: 2,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู ปฏิวัติวงการยนตรกรรมซีดานพรีเมียมขนาดกลางอีกครั้งด้วยบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport น้องใหม่จากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ยอดนิยม ที่มาพร้อมกับการยกระดับขุมพลังการขับขี่และนวัตกรรมเทคโนโลยีทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างครอบคลุม ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ซีดานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ดึงขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบและเทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที โดยบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงผลจาก ECO Sticker)

ในด้านรูปโฉมภายนอกและนวัตกรรมเพื่อประสิทธิภาพด้านการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย V-Spoke Bicolour ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมสมรรถนะและความปลอดภัยอีกมากมายจากบีเอ็มดับเบิลยู ครอบคลุมตั้งแต่ระบบกันสะเทือนที่มีการกระจายน้ำหนักของยานพาหนะได้อย่างสมดุล ในอัตราส่วน 50/50 ระหว่างด้านหน้าและด้านหลังของรถซีดาน และยังมาพร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนที่ทำงานประสานกัน ระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว ระบบช่วยการขับขี่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ รวมทั้งระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ระบบตรวจวัดลมยาง และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนให้ดียิ่งกว่าเดิม

ภายในห้องโดยสาร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้พบกับเทคโนโลยี ระบบความบันเทิงและการสื่อสารซึ่งอัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมอันทันสมัย รวมถึงการตกแต่งภายในด้วยอะลูมิเนียมลาย Mesheffect เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ต และชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light) ระบบแสดงผลข้อมูลสำคัญด้านการขับขี่ BMW Head-up Display ที่ปรากฏให้เห็นด้านหลังพวงมาลัยหนังดีไซน์สปอร์ต บริการด้านดิจิทัลผ่านหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการแสดงผลต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ รวมทั้งเลือกช่องทางในการเชื่อมต่อสื่อสารและควบคุมได้ตามความถนัด ทั้งผ่านจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบการสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 รุ่นใหม่ล่าสุด และระบบเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive และยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Smartphone ผ่านระบบ Apple Carplay และ Android Auto

ในส่วนของไฟหน้าและกระจังหน้าทรงไตคู่แบบใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ยังเสริมให้ตัวรถสะดุดตายิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยระบบไฟหน้าแบบ LED ที่รองรับการปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ยังตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีเงาดำ ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของได้ในสีขาว Mineral White Metallic และสีดำ Black Sapphire Metallic (ทั้ง 2 สีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ในสีน้ำตาลสไตล์ Mocha Décor Stitching) ที่สำคัญ ในราคาที่จับต้องได้ที่ 2,399,000 บาท เพื่อเอาใจแฟน ๆ บีเอ็มดับเบิลยูในไทยทุกกลุ่ม และพร้อมเปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

มาสด้า สานฝันเยาวชนไทยเปิดตัวโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024

มาสด้า เดินหน้าส่งเสริมและสานฝันเยาวชนไทยเปิดตัวโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 พร้อมมอบเอกสิทธิ์สร้างความสุขให้ลูกค้าเล่นกอล์ฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟ นับเป็นหนึ่งกลยุทธ์สำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้กลยุทธ์ Customer Experience Management (CXM) มุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention มอบความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 12 กันยายน 2567 – มาสด้าเปิดตัวโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าในระดับสากลที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีพให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเยาวชนไทยที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ให้มีโอกาสไปโลดแล่นบนเวทีการแข่งขันระดับโลก ลุ้นรับทุนการศึกษา เพื่อก้าวสู่เส้นทางโปรกอล์ฟมืออาชีพ พร้อมเปิดตัว “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” อีกหนึ่งโครงการที่จัดขึ้นเพื่อมอบเอกสิทธิ์สำหรับมาสด้าแฟมิลี่ในการเข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้า โดยทั้งสองโครงการจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้ ณ สนาม Alpine Golf Club ซึ่งงานแถลงข่าวครั้งนี้ มีเยาวชนทั้งชายและหญิง พันธมิตรผู้สนับสนุนการแข่งขัน ตัวแทนสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย โปรกอล์ฟ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เป็นโครงการที่ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของมาสด้า ที่ต้องการต่อเติมเสริมความฝันให้กับเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก พร้อมผลักดันขีดความสามารถให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งริเริ่มโครงการ MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024 เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าครอบครัวมาสด้าได้เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นต์พิเศษ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มาสด้ามุ่งมั่นตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้า ที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

การส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของผู้คน โดยเฉพาะเยาวชนให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยเฉพาะด้านกีฬาคือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญตลอดมา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เยาวชนที่ต้องการเดินตามความฝัน ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลก และนำเอาความรู้ทักษะที่ได้รับจากการแข่งขันไปฝึกฝนพัฒนาต่อยอดเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับการริเริ่มโครงการในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเยาวชนคนไทยทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถ ให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่ทัดเทียมกับนานาชาติ มาสด้าเล็งเห็นว่าเยาวชนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้นักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าหากเรามอบโอกาสและพื้นที่ในการแสดงศักยภาพให้กับเยาวชนกลุ่มนี้ ก็จะมีส่วนช่วยผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เขาเลือกได้ในอนาคต

โครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” เป็นโครงการที่มาสด้าจัดขึ้นร่วมกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับมาสด้าแฟมิลี่ที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสเดินตามความฝันและมุ่งสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดย เปิดรับสมัครเยาวชนจำนวน 39 คน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (แบ่งเป็นชาย 25 คน และหญิง 14 คน) เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน “รอบคัดเลือก” เตรียมจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่สำคัญ ในวันแข่งขันจะมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตุทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจะมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษา เพื่อปูทางสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ นอกจากนั้น นักกอล์ฟจำนวนครึ่งหนึ่งที่เข้าแข่งขันในรอบ CHAMPIONSHIP ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับคัดเลือกเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกจากจะมอบโอกาสให้เยาวชน ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในระดับโลกแล้ว มาสด้ายังได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการพิเศษ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับมาสด้าแฟมิลี่โดยเฉพาะ ด้วยการเชิญชวนลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็น ก๊วน พร้อมร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้โครงการ “MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024” ซึ่งมาสด้าได้เปิดรับสมัครนักกอล์ฟลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าจำนวน 46 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 89 คน เข้าร่วมการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยตั้งแต่เปิดรับสมัครไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มากกว่า 100 คัน และได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งสองโครงการนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อขอบคุณที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจของทุกคนในครอบครัวไปตลอดการเดินทาง ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับโอกาสเพื่อออกเดินทางตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพในระดับสากลแล้ว ยังได้รับความรู้และสัมผัสประสบการณ์ความสนุกจากการเล่นกอล์ฟออกรอบเป็นก๊วนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อดูแลลูกค้าและส่งเสริมให้ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยมาสด้าให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้ Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่มาสด้าตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

ภายในงานฯ มาสด้ายังได้ร่วมมือกับพันธมิตร ประกอบด้วย Adidas, Taylormade, สิงห์ คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท AR รวมทั้ง โปรแพรว ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอล์ฟสาวไทยดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงเจ้าของตำแหน่ง มิสทัวริซึ่ม ไทยแลนด์ 2020 ร่วมกันจัดกิจกรรม Mazda Golf Clinic ให้กับเยาวชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวโดยมีโปรกอล์ฟอาชีพเป็นผู้มอบความรู้และสอนทักษะทั้งการไดร์ฟกอล์ฟ และการพัตต์กอล์ฟ พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำโดย US College ให้กับนักกีฬา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะเลิศในการเข้าสู่การแข่งขัน JWCI (Junior World Cup Invitational 2025) พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกที่จะถึงในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

มาสด้าเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยที่มี Challenger Spirit เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์มาสด้า ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมาสด้าจะยังคงเดินหน้าส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าคุณค่าที่ได้จากรถยนต์ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา เพื่อให้มาสด้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ความสุข และเพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้ากับ Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มาสด้ามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

มาสด้ายังคงยึดมั่นแนวทางในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียว ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง นับจากวันนี้และตลอดไป

บีวายดี ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD M6

บีวายดี ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD M6 รถ MPV ไฟฟ้า 6 ที่นั่ง ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายครบครัน พร้อมให้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับด้วยระยะทางสูงสุด 530 กม. และฟีเจอร์อัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยทุกการเดินทาง

กรุงเทพฯ – 9 กันยายน 2567 – บีวายดี บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต นำโดย นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย บีวายดี ออโต้เอเชียแปซิฟิก และ นายเคอ ยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไทย บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ นำโดย นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่  เปิดตัว BYD M6 รถยนต์ MPV ไฟฟ้า 100% เอนกประสงค์ขนาด 6 ที่นั่ง ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม และฟังก์ชันอัจฉริยะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับทุกเส้นทาง เตรียมวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ BYD M6 Extended ราคา 929,900 บาท และ BYD M6 Dynamic ราคา 829,900 บาท พร้อมส่งมอบให้กับผู้บริโภคชาวไทยตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

BYD M6 ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตรกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว ครบครันทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความปลอดภัย ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายทั้งในชีวิตประจำวันและระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกล โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 150kW และ BYD Blade Battery ขนาด 71.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 530 กิโลเมตร และรุ่น 120 kW มาพร้อมขนาดแบตเตอรี 55.4 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC กว้างขวางและสะดวกสบายด้วยที่นั่ง 3 แถวที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 6 คน สัมผัสประสบการณ์การเดินทางได้กว้างขึ้นด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามิก (Panoramic Glass Roof) เพลิดเพลินกับเทคโนโลยีความบันเทิง หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย ขนาด 12.8 นิ้ว ปรับหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับแบรนด์บีวายดีซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมนับตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงปัจจุบัน สะท้อนจากยอดจดทะเบียน 17,402 คันในช่วง 7 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งของบีวายดีกับยอดขายรวม 717,600 คันทั่วโลก การเปิดตัว BYD M6 ไม่เพียงเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของเราที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ยังเป็นการเดินหน้าภารกิจการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้าในประเทศไทย เรามั่นใจว่า BYD M6 จะเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวได้เป็นอย่างดี”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่มีเป้าหมายที่จะนำยนตรกรรมจากบีวายดีที่มาพร้อมความโดดเด่นล้ำสมัยทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี มาตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลายของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยลูกค้ากลุ่มครอบครัวเป็นอีกกลุ่มที่มีความสำคัญ ที่มองหาความเอนกประสงค์และมาพร้อมพลังงานไฟฟ้า พิสูจน์ได้จากตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ MPV ในประเทศไทยด้วยยอดขายรวมกว่า 9,009 คัน ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งเซ็กเม้นต์ที่มีศักยภาพ วันนี้ เรเว่และบีวายดี พร้อมแล้วที่จะเปิดประตูสู่อีกหนึ่งตลาดพร้อมกับขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นกับการเปิดตัว BYD M6 ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่กำลังมองหายานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง ครบครันด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นสำคัญ”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “นอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพภายใต้แบรนด์บีวายดีให้กับผู้บริโภคชาวไทย เรเว่ยังมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบการบริการที่เหนือระดับทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขาย ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับลูกค้าทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ เราเชื่อว่า BYD M6 จะไม่เพียงสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ผู้บริโภคกลุ่มครอบครัวและผู้ที่สนใจได้มีโอกาสสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงบริการที่คุ้มค่าและประสบการณ์อันน่าประทับใจไปด้วยกันกับครอบครัวบีวายดีของเรา”

BYD M6 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ของตระกูลราชวงศ์ (Dynasty Series) ผสานความเรียบง่ายและทันสมัยให้ความรู้สึกถึงสุนทรียภาพทางเทคโนโลยีของพลังงานแห่งอนาคต กับดีไซน์ที่สะดุดตา ทั้งยังถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับความต้องการของครอบครัว ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย เบาะนั่งโดยสารที่ปรับระดับได้ และพื้นที่สำหรับเก็บและจัดระเบียบสัมภาระได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยล้ำสมัยครบครัน อาทิ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบความปลอดภัยก่อนการชน ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ยกระดับความอุ่นใจให้กับทุกคนบนทุกเส้นทาง

นอกจากนี้ BYD M6 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบคัน อาทิ

•ระบบส่งกำลังแบบ 8 in 1 ที่ช่วยให้ระบบมีการประมวลผลการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยลดน้ำหนักรวมของรถยนต์เพื่อเพิ่มระยะทางในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ

•รองรับการชาร์จไฟแบบกระแสตรง (DC) กำลังสูงสุดที่ 115 กิโลวัตต์ ใช้เวลาเพียง 80 นาทีในการชาร์จไฟจาก SOC 0%-100% (เป็นเพียงระยะเวลาคาดการณ์ โดยมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้ระยะเวลาในการชาร์จนานขึ้น เช่น สภาพแวดล้อม อุณหภูมิแบตเตอรี่ กำลังการจ่ายไฟของเครื่องชาร์จ ฯลฯ)

•รองรับการชาร์จไฟแบบกระแสสลับ (AC) ที่ 7 กิโลวัตต์

•ระบบ VtoL ที่ช่วยให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก

•ประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ประตูท้ายไฟฟ้าระยะไกล

•เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง

•เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

•เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศ

•ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ที่ช่วยให้ความเย็นกระจายได้ทั่วถึง

•ระบบกรองฝุ่นพร้อมแสดงค่า PM 2.5

BYD M6 พร้อมให้ผู้บริโภคชาวไทยสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook BYD RÊVER Thailand

ฟอร์ดแชร์เคล็ดลับการขับขี่แบบออฟโรด

หลายคนจินตนาการถึงการขับขี่ออฟโรดว่าเป็นการเดินทางที่แสนยากลำบากและสมบุกสมบัน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบทักษะของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอร์ดจึงแนะนำเทคนิคการขับขี่ออฟโรดให้แก่ผู้เข้าร่วมทริปการขับขี่รถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ในต่างแดน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีทักษะในการขับขี่ที่แตกต่างกัน

รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะพาคุณไปถึงจุดหมายและกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ว่าจะขับรถขึ้นเขาหรือใช้งานในโหมดลากจูง โหมดการขับขี่1 ที่ปรับการทำงานของรถให้เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลาย รวมถึงมีแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ กล้องมองรอบทิศทางอันทันสมัย และระบบล็อกเฟืองท้าย ทำให้การผจญภัยบนเส้นทางสมบุกสมบันเป็นไปได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องอาศัยความระมัดระวัง ความตั้งใจ และทักษะบางอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักในชีวิตประจำวัน

ก่อนออกเดินทางไปออฟโรด ผู้ใช้งานควรตรวจสภาพรถยนต์ให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานมากที่สุด แนะนำให้ชวนเพื่อนขับขี่ออฟโรด2 ไปด้วยกันอย่างน้อยสองคันเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือกันได้ หากรถคันใดคันหนึ่งติดหล่มหรือเสียหาย ควรเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ ติดไปด้วยทุกครั้ง เช่น ชุดปฐมพยาบาล น้ำดื่ม เชือกสำหรับลากจูง โทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม  โดยสรุปฟอร์ดแนะนำเคล็ดลับสำหรับการขี่ออฟโรด ดังนี้

1.จับพวงมาลัยให้มั่น

ควรจับพวงมาลัยโดยให้นิ้วหัวแม่มือทาบอยู่บนขอบด้านนอกของพวงมาลัย วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหากพวงมาลัยหมุนกะทันหันขณะขับขี่บนพื้นผิวที่ขรุขระ คนขับควรปรับที่นั่งเพื่อให้มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน ข้อดีของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือคุณสามารถมองเห็นขอบกระโปรงหน้ารถได้จากหลังพวงมาลัย ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายแม้อยู่บนเส้นทางที่ท้าทาย

2.ขับให้ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้

การขับรถเร็วนอกจากจะทำให้คุณมีเวลาน้อยลงในการตอบสนองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด  ยังทำให้หยุดรถได้ช้าลงอีกด้วย ความเร็วสูงยังเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะเสียหายเมื่อขับผ่านสิ่งกีดขวาง การขับช้าๆ ช่วยให้ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น และทำให้มีเวลาสังเกตสิ่งรอบข้าง พร้อมคาดการณ์และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้มากขึ้น แม้บางอุปสรรคอาจต้องเร่งความเร็วให้ข้ามผ่านไปได้  เช่น การขึ้นเนินชัน แต่อุปสรรคส่วนมากควรขับผ่านด้วยความเร็วต่ำ จำไว้ว่า ควรขับช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเร็วเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

3.เลือกเส้นทางที่ดีที่สุด

มองดูทางข้างหน้าและเลือกเส้นทางที่มั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับใต้ท้องรถ ให้เลือกเส้นทางที่ล้อทั้งสี่สัมผัสกับพื้นได้ตลอดเวลา หากเส้นทางแคบเป็นพิเศษ ชัน หรือมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ควรมี ‘ผู้สังเกตการณ์’ หรือเพื่อนที่ลงจากรถมาช่วยนำทางผ่านอุปสรรคได้ นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากกล้องมองหน้ารถที่มีเส้นบอกระยะแบบ  ไดนามิกของฟอร์ด เอเวอเรสต์ด้วย บางครั้งคุณอาจพบหลุม บ่อระหว่างทาง แทนที่จะขับตรงเข้าหาหลุมและเสี่ยงกันชนครูด ควรขับลงหลุมแบบทำมุมเอียง ให้ล้อค่อยๆ ลงหลุมทีละล้อ

4.ควบคุมรถอย่างนุ่มนวล

ควรใช้คันเร่ง เบรก และการหมุนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล ควบคุมรถด้วยความรู้สึกมั่นใจอยู่เสมอ การเหยียบคันเร่งแบบกะทันหันอาจทำให้รถไม่ยึดเกาะถนนหรือสูญเสียการทรงตัว โดยเฉพาะบนพื้นผิวขรุขระหรือมีสิ่งกีดขวางอย่างก้อนหินหรือท่อนไม้ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งกีดขวางที่ต้องใช้ความเร็วต่ำ การแตะเบรกเบาๆ ร่วมกับการใช้คันเร่งจะช่วยป้องกันไม่ให้รถกระตุกและช่วยให้ควบคุมรถผ่านสิ่งกีดขวางได้ง่ายขึ้น เกียร์ต่ำขับเคลื่อนสี่ล้อ (4L) มีประโยน์ในสถานการณ์เช่นนี้ 

5.ใช้เกียร์ต่ำ หรือเกียร์ต่ำสุดที่มี

การเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำบนเส้นทางออฟโรด2 จะช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้นในความเร็วต่ำ คุณจำเป็นต้องควบคุมรถให้ได้มากขึ้นเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทาย หรือทางที่เต็มไปด้วยหินซึ่งมีแรงยึดเกาะน้อย หรือเมื่อต้องขับลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำได้เมื่อหยุดรถและหมุนเปลี่ยนเกียร์ เกียร์ต่ำจะทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่บางโหมด เพื่อให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ

6.อย่าลืมใส่ใจลมยาง

การลดแรงดันลมยางของรถเป็นหนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบออฟโรด2 และเพิ่มความสบายภายในห้องโดยสาร อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายทั้งต่อยางและต่อเส้นทางที่ขับผ่าน อย่างไรก็ตาม ควรปล่อยแรงดันลมยางออกในกรณีที่สามารถเติมลมยางกลับคืนก่อนกลับสู่ทางเรียบได้เท่านั้น

7.พร้อมที่จะเลี้ยวกลับได้เสมอหากไม่มั่นใจ

แม้จะใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงอย่างฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก1 และมีระบบเกียร์ต่ำ แต่ผู้ขับขี่ยังคงต้องประเมินความเหมาะสมของสภาพเส้นทางออฟโรดด้วยตนเอง หากไม่มั่นใจที่จะขับผ่านเส้นทางข้างหน้า ให้หาเส้นทางอื่นอ้อมไป หรือกลับไปทางเดิมที่มา อย่าลืมว่าความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเสมอเมื่อขับขี่ออฟโรด2

8.ตรวจสภาพรถก่อนเดินทางกลับ

ก่อนกลับสู่ทางเรียบ ควรจอดรถและตรวจสอบรอบๆ ให้ละเอียดก่อน หากลดแรงดันลมยางลงก่อนหน้านี้ ก็อย่าลืมเติมลมกลับไปยังระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่บนทางหลวง ตรวจสอบว่าป้ายทะเบียนไม่ถูกโคลนบดบัง และรถไม่ได้รับความเสียหาย หากมีสิ่งของที่ผูกไว้บนหลังคาหรือในกระบะ ให้ตรวจสอบว่าสายรัดยังคงแน่นหนาและไม่มีสิ่งใดเคลื่อนที่ได้ การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจว่าคุณพร้อมสำหรับการเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

หมายเหตุ

  1. เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงไม่สามารถทดแทนการควบคุมโดยผู้ขับขี่ได้  รถอาจสูญเสียการควบคุมหากเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่
  2. ควรศึกษาคู่มือการใช้งานก่อนขับขี่ออฟโรดเสมอ ควรศึกษาลักษณะภูมิประเทศและระดับความยากของเส้นทางล่วงหน้า และใช้อุปกรณ์นิรภัยที่เหมาะสม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save