- Advertisement -
26.9 C
Bangkok
Home Blog Page 33

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวปลั๊กอินไฮบริด GLE 53 รุ่นแรกประกอบในไทย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวปลั๊กอินไฮบริดรหัสตัวแรงรุ่นแรกในไทย Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ราคาจำหน่าย 5,850,000 บาท

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รถเอสยูวีสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid เจเนเรชั่นที่ 4สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทางสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงแบบจัดเต็ม และเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 22 นิ้ว สำหรับรุ่นประกอบในประเทศ และยังมี AMG Performance 4MATIC+, AMG RIDE CONTROL+ suspension, AMG high-performance brake system และ AMG Performance exhaust system โดยเปิดราคาจำหน่ายที่ 5,850,000 บาท ที่ตัวแทนจำหน่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ (M256M) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Plug-in hybrid และแบตเตอรี่ขนาด 31.2 kWh มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาจาก 10-80% ภายในระยะเวลา 20 นาที และการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kWh ใช้เวลาจาก 0-100% ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระเพื่อให้ตอบโจทย์บนทุกสภาพพื้นผิวถนน ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ดีไซน์ภายนอกเพิ่มความดึงดูดสายตาบนท้องถนนด้วยการตกแต่งแบบ AMG Night Package กับสี Deep gloss black ที่ถูกตัดแซมไว้บนชุดกันชนหน้า “A-wing” กระจกมองข้าง คิ้วขอบกระจก แร็คหลังคา กันชนท้าย และปลายท่อคู่อันทรงพลังเพื่อมอบพลังความสปอร์ตและปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior ไฟหน้า MULTIBEAM LED ผสานการทำงานกับ Adaptive Highbeam assist Plus ที่จะมอบความปลอดภัยขณะขับขี่แบบไร้กังวล ติดตั้งล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Cross-spoke ขนาด 22 นิ้ว พ่นด้วยสีดำด้าน matte black        

ภายในห้องโดยสารมาพร้อม AMG Interior Package มอบรายละเอียดการตกแต่งที่โดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและไมโครไฟเบอร์ หลังคากระจก Panoramic Sunroof ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX7 แบบ zero-layer concept ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอธีมพิเศษของ AMG รวมถึงการวัดแทร็กสนาม โดยควบคุมผ่านจอกลางแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับ AMG Head-up Display ขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งระบบนำทางแสดงภาพเสมือนจริง MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® surround sound system ลำโพง 13 ตัว กำลังขับ 590 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ

ติดตั้งโปรแกรมการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT สามารถปรับเลือกได้ถึง 7 รูปแบบ ตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ รวมถึงโหมด Off-Road ที่มาพร้อมการแสดงผลแบบ Transparent bonnet ที่จะแสดงภาพใต้ท้องรถแบบ real-time ทำให้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive AIRMATIC) และระบบเบรกแบบ AMG high-performance brake system ด้านหน้า 6 พอร์ต และด้านหลัง 1 พอร์ต ติดตั้งระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Performance exhaust system ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่อที่เร้าใจที่สุดของ Mercedes-AMG สามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง หรือบน AMG steering wheel buttons พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัด

สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Plus Package และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ

รุ่นเครื่องยนต์ความจุแบตเตอรี่
(kWh)
แรงม้าสูงสุด
  
(แรงม้า)
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร)อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
(วินาที)
ความเร็วสูงสุด
(กม. / ชม.)
Mercedes-AMG
GLE 53 HYBRID 4MATIC+
เบนซิน Plug-in hybrid
แถวเรียง / 6 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
31.25447504.7250

มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเทา (Selenite Grey) สีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) และสีแดง (MANUFAKTUR Hyacinth Red Metallic)

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

ซูซูกิ ประกาศรายชื่อผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2567

ซูซูกิ จัดแข่งขัน Best Dealer Award 2024 พร้อมประกาศรายชื่อ 7 ผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี มุ่งยกระดับด้วยบริการ S-SOLUTION มุ่งสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจาก ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย “Enhancing the Ability to Compete in the Upcoming Automotive Market เพิ่มขีดความสามารถสู่การแข่งขันในอนาคต” นอกจากแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น เริ่มตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป เรายังปรับแผนการบริหารงานด้วยการสร้างความร่วมมือกับผู้จำหน่ายในการยกระดับงานบริการ ทั้งก่อนและหลังการขายให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ เพื่อการเข้าถึงและดูแลลูกค้าได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

“ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราเตรียมจะแนะนำในอนาคต จะมีทั้งรถในกลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริด และรถพลังงานไฟฟ้า 100% แต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน”

ด้านงานบริการ แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” คือ แผนงานที่แตกยอดออกมาจากวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเราส่งต่อแผนงานนี้ไปยังผู้จำหน่ายทุกรายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดรถยนต์ที่มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นย้ำถึงการสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าซูซูกิว่า เราจะสามารถมอบบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง

หนึ่งในบริการจากแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” คือ HELLO SUZUKI APPLICATION เป็นการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อยกระดับงานบริการ S-Solution ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลการทำงานกับลูกค้า อำนวยความสะดวกสบายและความมั่นใจในงานบริการทุกขั้นตอน ทั้งการนัดหมายนำรถเข้ารับบริการ หรือติดต่อสอบถามข้อมูล รายงานการตรวจสอบและดูแลรถในทุกขั้นตอน รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษมากมาย ด้วยการสะสมคะแนนจากค่าใช้จ่ายในการเข้าซ่อมบำรุงตามระยะอย่างต่อเนื่อง หรือซ่อมแซมที่ศูนย์บริการของซูซูกิทั่วประเทศ

อีกส่วนหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมากก็คือ การพัฒนาด้านงานบริการของผู้จำหน่าย ผ่านการจัดการแข่งขันผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี ซึ่งจัดมาต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปี ติดต่อกัน มุ่งหวังจะยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ กระตุ้นให้เกิดการดูแลและการปรับปรุงพัฒนางานการบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในประเทศไทย

สำหรับการแข่งขัน ‘SUZUKI Best Dealer Award 2024’ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “แนวทางการสร้างมูลค่าแบรนด์ซูซูกิ จากประสบการณ์การซื้อรถและใช้ศูนย์บริการเปรียบเทียบกับแบรน์รถ EV ในตลาดปัจุบัน” ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก โดยให้ผู้จำหน่ายที่เข้าแข่งขัน นำเสนอแนวคิดสู่ความสำเร็จของกลยุทธ์ด้านการขาย บริการหลังการขาย ไปจนถึงการพัฒนางานในด้านการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามายกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้น และสามารถผ่านตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนดหรือไม่ ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นแนวทางการพัฒนางานเพื่อแข่งขันกับภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันและเตรียมพร้อมสู่การแข่งขันในอนาคตอีกด้วย

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดการแข่งขัน  ‘SUZUKI Best Dealer Award 2024’ ยังคงยึดโยงอยู่กับนโยบาย Suzuki Cause We Care “เหนือกว่าความใส่ใจ คือเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงพัฒนางานบริการเพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกด้าน แต่เรายังมุ่งหวังให้ผู้จำหน่ายก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพราะบุคลากรทุกคนเป็นทรัพยากรอันสำคัญที่จะช่วยนำพาซูซูกิไปสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์คุณภาพและเข้าไปอยู่ในใจของคนไทยได้อย่างดียิ่ง

สำหรับแนวทางในการแข่งขันทางซูซูกิได้ทำการคัดเลือกผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี 2024 จำนวน 7 แห่ง โดยพิจารณาจากคุณสมบัติและผลการดำเนินงานของผู้จำหน่ายในรอบปีที่ผ่านมาตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนดก่อนจะทำการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ผ่านการนำเสนอวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินงานของผู้จำหน่ายแต่ละแห่ง แบ่งออกเป็นรางวัล Best of the Best Dealer 2024 จำนวน 1 รางวัล และรางวัล Platinum Dealer 2024 จำนวน 6 รางวัล ซึ่งได้รายชื่อผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปีที่ผ่านการแข่งขันและตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ ดังนี้

รางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม 2567 ระดับ Best of the Best

ชื่อผู้จำหน่ายชื่อบริษัทผู้จำหน่ายจังหวัด
คุณรณกฤต  ฐิติกฤตานน บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้กรุงเทพมหานคร

รางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม 2567 ระดับ Platinum Dealer

ชื่อผู้จำหน่ายชื่อบริษัทผู้จำหน่ายจังหวัด
คุณสนาวุธ คลังเจริญพงษ์ภาบริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัดนครราชสีมา
คุณวรปรัชญ์ อุปัติศฤงค์บริษท เอส.ยู.ซูซูกิ ภูเก็ตภูเก็ต
คุณชยธร อุเทนพัฒนันท์บริษัท อาร์เฮงวัฒนา จำกัดขอนแก่น
คุณยุวดี ชคทิศบริษัท เอ.ซี.ออโตโมบิล(2002) จำกัดสงขลา
คุณพีรพัฒน์ สิทธิยานุรักษ์บริษัท ซูซูกิ หัวหิน (สิทธิภัณฑ์) จำกัดประจวบคีรีขันธ์
คุณศุภชัย พฤฒิธาดาบริษัท ยนต์ตระการ พรีเมียม คาร์ จำกัดนนทบุรี

นายรณกฤต ฐิติกฤตานน กรรมการบริหาร บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ จำกัด ผู้ได้รับรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม 2567 ระดับ Best of the Best  กล่าวว่า ในฐานะที่ ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ ดำเนินธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิมายาวนานเกือบ 40 ปี เราบริหารงานโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางมาโดยตลอด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางนโยบาย Suzuki Cause We Care “เหนือกว่าความใส่ใจ คือเข้าใจทุกความต้องการ” ของซูซูกิ เพราะเมื่อเราเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าจะช่วยให้เราพัฒนางานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการได้ครบทุกรูปแบบ แต่เหนืออื่นใด ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ ยังให้ความสำคัญกับพนักงานเพื่อสร้างทัศนคติที่ตรงกันในด้านการดูแลลูกค้า เราจึงไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่สร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นายวัลลภ ยังกล่าวอีกว่า เป้าหมายอันสำคัญยิ่งของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) คือ การเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมส่งมอบสินค้าที่มีแต่ความคุ้มค่า คุ้มราคา เหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนางานบริการในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายของซูซูกิทุกรายที่ทุ่มเทและทำงานอย่างหนัก ทำให้ซูซูกิเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้การยอมรับว่ามีคุณภาพที่ดี ทั้งเรื่องผลิตภัณฑ์และงานบริการ จากผู้บริโภคมาโดยตลอด

บิ๊กบอส “ลามิน่า” คว้ารางวัลจากสหประชาชาติ

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” รับรางวัล HER AWARDS, UNFPA THAILAND 2024 ประชากรหญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจ ณ ห้องประชุม ESCAP Hall องค์การสหประชาชาติ (UN) ราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร

HER AWARDS, UNFPA THAILAND 2024 ประชากรหญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจ เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่เสียสละอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือและพัฒนากลุ่มคนเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ เพื่อให้หลุดพ้นจากบริบทปัญหาด้านต่างๆ รวมทั้งสร้างโอกาสให้ต่อยอดพัฒนาสู่การพึ่งตนเองและการยกระดับคุณภาพชีวิต จัดขึ้นโดย 3 องค์กรภาคีหลัก ได้แก่ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประจำประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด และบริษัท นินจา เพอร์เฟคชั่น จำกัด

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์และอาคารลามิน่า รับรางวัล HER AWARDS, UNFPA THAILAND 2024 ประชากรหญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจ จากนางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA ประจำประเทศไทย ณ ห้องประชุม ESCAP Hall องค์การสหประชาชาติ (UN) ถนนราชดำเนิน

ทั้งนี้เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคคลทุกเพศ ทุกวัย และองค์กรต่างๆ ที่อุทิศตนทำงานขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพประชากรทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความเท่าเทียมระหว่างเพศและการเสริมพลังของผู้หญิงและเด็ก เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยในทุกมิติ โดยสรรหาบุคคลหรือองค์กรที่มีผลงานเป็นเชิงประจักษ์

 HER AWARDS, UNFPA THAILAND 2024 เกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ICPD เวทีการประชุมพัฒนาประชากรเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน และวาระครบรอบ 45 ปี CEDAW อนุสัญญาระหว่างประเทศที่ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ เพื่อเป็นรางวัลเกียรติยศมอบแก่บุคคลหรือองค์กรจากทุกจังหวัดทั่วประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจ จำนวน 110 รางวัล แบ่งเป็น 77 รางวัลจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ, 23 รางวัลจากส่วนกลาง โดยการตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และ 10 รางวัล จากการโหวตโดยคนไทยทั้งประเทศผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่

การคัดเลือกตัดสินผู้ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลทั่วประเทศ ได้ผ่านการคัดเลือกในรอบอนุกรรมการอย่างเข้มข้น เพื่อสู่กระบวนการตัดสินรอบสุดท้ายโดยคณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ ทั้งจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ตัวแทนเด็กและเยาวชน ตัวแทนภาคประชาสังคม และภาคีความร่วมมือในโครงการทั้ง 3 ภาคี

นางสาวจันทร์นภา สายสมร หนึ่งในผู้รับรางวัลประชากรหญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจ จากส่วนกลาง 23 รางวัล ได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองและลงคะแนนคุณสมบัติด้านการขับเคลื่อนงาน รวมถึงผลลัพธ์การทำงาน ที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพประชากรในแต่ละมิติ จากโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียนที่สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร ส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่พร้อมสาธารณูปโภคต่อเนื่องมาตลอด 24 ปี

อีกทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ อาทิ โครงการลามิน่ามินิสานฝัน ต่อเนื่อง 10 ปี โครงการรักษ์โลกกับลามิน่า ต่อเนื่อง 12 ปี ร่วมคืนผืนป่าให้ประเทศไทยกว่า 550 ไร่ โครงการสร้างฝันปันรอยยิ้ม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553

รวมถึงสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมและองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย มูลนิธิชัยพัฒนา ตั้งแต่ พ.ศ.2548 ทุนมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ พ.ศ.2553 สนับสนุนทุนวิจัยขั้นสูงด้านเภสัชวิทยา ศิริราชมูลนิธิ ตั้งแต่ พ.ศ.2556 และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งทุกโครงการล้วนเกิดจากพลังความมุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อส่งมอบความสุขคืนสู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตลอดไป

SUZUKI CARRY ชูแคมเปญสู้เศรษฐกิจดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%

SUZUKI CARRY ชูแคมเปญสู้เศรษฐกิจดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท ตอกย้ำภาพลักษณ์ รถคู่คิดธุรกิจ SME ลุยกิจกรรมเพื่อสังคม จัดขบวน Suzuki Carry Barber Truck ส่งความสุข ณ มูลนิธิคุณพ่อเรย์ จ.ชลบุรี

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ตลาดรถยนต์ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ลดลง ผลมาจากหลายปัจจัยทั้งเรื่องความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ในส่วนของซูซูกิเองแม้จะได้รับผลกระทบ แต่พยายามรักษาตัวเลขยอดขายไว้ในระดับที่น่าพอใจ โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ยังได้รับความสนใจและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันยอดขายได้เป็นอย่างดี คือ SUZUKI CARRY รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าไปอยู่ในใจของคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมหรือ SME  ด้วยรูปโฉมทันสมัย คงไว้ซึ่งจุดเด่นในเรื่องความอเนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ส่งให้ปัจจุบันมียอดขายสะสมในประเทศไปมากกว่า 61,621 คัน

ล่าสุดยังได้นำเสนอแคมเปญพิเศษ  “SUZUKI WORRY FREE โปรแกรมดีโดนใจ มอบความมั่นใจให้คุณ” เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจขนาดย่อมที่กำลังเติบโต แก่ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ SUZUKI CARRY สามารถเลือกรับข้อเสนอสุดคุ้ม ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง มูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

“สิ่งที่เราพยายามตอกย้ำอยู่เสมอ คือ รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กคันนี้ ควรถูกนิยามใหม่ว่า Good Truck เพราะเป็นรถที่เข้าไปเติมเต็มความฝันของผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเคลื่อนที่เป็นของตนเอง ดั่งที่ผ่านมา SUZUKI CARRY ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นแค่เพียง Food Truck แต่ต่อยอดไปสู่การดัดแปลงที่มากกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นการนำไปตกแต่งเป็นรถบ้าน หรือ Motor Home และล่าสุด Barber Truck ซึ่งความอเนกประสงค์ของรถรุ่นนี้ สามารถขยายไปสู่การรองรับธุรกิจได้อย่างหลากหลาย”

SUZUKI CARRY นับเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กที่อยู่คู่กับผู้ประกอบการไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยแนวคิดของซูซูกิ นอกจากคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีความคุ้มค่าในทุกด้านแล้ว “ซูซูกิ” ยังยกให้ SUZUKI CAARY เป็นตัวแทนแห่งความมุ่งมั่นในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมไทยผ่านแคมเปญ “SUZUKI Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” จึงเป็นความมุ่งหวังที่จะพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับช่วยเหลือเกื้อกูลชุมชนและสังคมให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หนึ่งโครงการเพื่อสังคมที่เราให้ SUZUKI CAARY เป็นตัวนำ พร้อมให้ความสำคัญที่จะเดินหน้าส่งมอบความสุขแก่ผู้ด้อยโอกาสอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 คือ กิจกรรม “CARRY YOUR DREAM CARRY YOUR LIFE” ซึ่งได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการที่เป็นพันธมิตรและผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ทำการดัดแปลงรถกระบะเพื่อการพาณิชย์อเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ให้กลายเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่ Suzuki Carry Barber Truck เพื่อนำไปให้บริการ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เพื่อมอบความสุขให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในแต่ละมูลนิธิฯ มาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับทางผู้ประกอบการร้านตัดผมจากร้าน “ออร์โต้บาร์เบอร์” นำ SUZUKI CARRY Barber Truck มาให้บริการตัดผมแก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาส จำนวนกว่า 50 คน ณ มูลนิธิคุณพ่อเรย์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งกิจกรรม “CARRY YOUR DREAM CARRY YOUR LIFE” ในครั้งนี้ สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้แก่เด็กและเยาวชนในมูลนิธิฯ พร้อมยังได้มอบเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นให้กับทางมูลนิธิคุณพ่อเรย์ โดยมีบาทหลวงวิบูลย์ ลิมปนวุฒิ รองประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ คุณมานพ เอี่ยมสอาด รองเลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ และคุณวรรณวนัช กันพรม ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการ เด็กพิเศษพระมหาไถ่ และผู้จัดการโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ เป็นผู้แทนในการรับมอบ

มูลนิธิคุณพ่อเรย์ จังหวัดชลบุรี ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 ตามชื่อของบาทหลวง เรย์มอน อัลลีน เบรนนัน ซึ่งเป็นมูลนิธิฯ จะแบ่งออกเป็นหลายโครงการที่ที่มีความมุ่งมั่นในการมอบความช่วยเหลือแก่ทั้งเด็กกำพร้าผู้ด้อยโอกาส ให้ได้รับการศึกษา ไปจนถึงการดูแลส่งเสริมผู้พิการ ทั้งการดูแลจัดการด้านศึกษา จัดหางาน ส่งเสริมอาชีพ ช่วยเหลือและพัฒนาศักยภาพคนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

จากทุกกิจกรรมที่ซูซูกิจัดขึ้น โดยมี SUZUKI CARRY เป็นสื่อกลางในการส่งมอบทุกความสุขให้คนไทย ตอกย้ำให้เห็นถึงคุณค่าของรถยนต์รุ่นนี้ สามารถตอบรับต่อความต้องการที่หลากหลายเป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ เปรียบเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญที่พร้อมจะสนับสนุน และร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

นายวัลลภ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY ก็พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย จึงตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY เป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ แต่เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน อีกทั้งเรายังมีพันธมิตรเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟลีสซิ่ง ช่วยเรื่องการอนุมัติสินเชื่อให้มีความหลากหลายและช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ

ZEEKR เปิดตัว “ZEEKR 009” รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้าเซกเมนต์ลักชูรี

ZEEKR เปิดตัว “ZEEKR 009” รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้าเซกเมนต์ลักชูรี ชูแนวคิด “Every Journey Shines” ให้ทุกโมเมนต์ของการเดินทางมีความหมายผสานความหรูหราระดับเฟิร์สคลาสและนวัตกรรมสุดล้ำอย่างลงตัว

บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ZEEKR Intelligent Technology) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ต่อยอดความสำเร็จจากการเปิดตัว ZEEKR X ที่ผ่านมา ประกาศเปิดตัว “ZEEKR 009” รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้าเจาะเซกเมนต์ลักชูรี นำเสนอยนตรกรรมไฟฟ้าที่ผสานความเป็นที่สุด “ความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส นวัตกรรมอัจฉริยะ สมรรถนะที่เหนือชั้น และความปลอดภัยขั้นสูงสุด” ภายใต้แนวคิด “Every Journey Shines” ให้ทุกโมเมนต์ของการเดินทางมีความหมายกับทุกคนในรถ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3.099 ล้านบาทพร้อมส่งมอบรถประมาณเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

ตลาดเอ็มพีวีปี 2567 โตต่อเนื่อง ตอบโจทย์ครอบครัวและการใช้งานอเนกประสงค์

ตลาดยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้คาดการณ์การเติบโตของยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 อาจสูงถึง 18.9%  นอกจากนี้ตลาดรถยนต์เอ็มวีพีที่กำลังไต่ระดับยอดจองและยอดขาย แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการควาอเนกประสงค์ในการใช้งาน ส่งผลให้แต่ละแบรนด์ในตลาดแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อนำเสนอรถเอ็มพีวีที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีพลังงานสะอาดยังเป็นแนวโน้มที่น่าจับตามองในตลาดนี้ ทำให้สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นรถเอ็มพีวีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคตอันใกล้

ความสำเร็จของ ZEEKR X ในไทย สู่การเปิดตัว ZEEKR 009 เอ็มพีวีเซกเมนต์ลักชูรี

เป่า จ้วงเฟย (อเล็กซ์) ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี กล่าวว่า “ความสำเร็จของ ZEEKR ในตลาดไทยเริ่มต้นด้วยการเปิดตัว ZEEKR X ซึ่งได้รับการตอบรับความสนใจอย่างมาก โดยมียอดส่งมอบรถมากกว่า 250 คันภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนหลังการเปิดตัวซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ไม่เพียงแค่แสดงถึงการยอมรับในผลิตภัณฑ์ แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยที่มีต่อแบรนด์ ZEEKR ครั้งนี้เราเปิดตัว ZEEKR 009 เอ็มพีวีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่จะเป็นการปฏิวัติแนวคิดของการเดินทางในยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างความสุขให้กับผู้ใช้งานทุกคน ภายใต้แนวคิด ‘Every Journey Shines’ ซึ่ง ZEEKR 009 จะสร้างประสบการณ์ที่ดีตลอดการใช้งาน ทำให้ทุกโมเมนต์ของทุกคนมีความหมายและเต็มไปด้วยความสุข ผ่านความเป็นสุดยอดของ ZEEKR 009 ได้แก่ ‘Ultimate Luxury ความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส, Ultimate Intelligence นวัตกรรมอัจฉริยะ,Ultimate Performance สมรรถนะที่เหนือชั้น และ Ultimate Safety ความปลอดภัยขั้นสูงสุด อีกทั้ง ZEEKR 009 ยังให้ความสำคัญกับคนขับและผู้โดยสารทุกที่นั่ง ให้ความสบายและความปลอดภัยสูงสุดทุกที่นั่ง ด้วยแนวคิด ‘Every Seat Matters’ ที่แตกต่างจากเอ็มพีวีทั่วไปในตลาด ZEEKR 009 จึงพร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในเมืองไทย”

สัมผัสนวัตกรรมใหม่ภายใต้แนวคิด “Every Journey Shines” กับ ZEEKR 009

ZEEKR 009 เป็นยนตรกรรมที่ครบครันทั้ง “ความหรูหรา นวัตกรรมอัจฉริยะ สมรรถนะที่เหนือชั้น และความปลอดภัยขั้นสูงสุด” โดดเด่นด้วยแนวคิด “Every Journey Shines” ที่เน้นความสะดวกสบายผสมผสานความหรูหรากับห้องโดยสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์คุณภาพระดับเฟิร์สคลาสของสายการบิน ด้วยเบาะที่นั่งผู้โดยสารแถวสองแบบ Sofaro First Class Airline Seats พร้อมโหมดการการปรับแบบ Eames Lounge Chair Mode ที่สามารถปรับเอนนอนได้เพียงปุ่มเดียว และโต๊ะแบบพับเก็บได้ เบาะนั่งบุด้วยหนัง Nappa แบบนุ่ม เบาะนั่งคนขับ, ผู้โดยสารด้านหน้าและผู้โดยสารแถวสองมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้า มีหน้าจอ OLED แบบทัชสกรีนขนาด 15.05 นิ้ว และหน้าจอเสมือนบนกระจก AR-HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมหน้าจอเพดาน สำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบ Touch Screen OLED ขนาด 17 นิ้ว ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่อย่างเหนือชั้นด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 จำนวนสองชุด เพื่อเสริมการประมวลผลที่รวดเร็วและทรงพลัง รองรับคำสั่งได้ถึง 60 ล้านคำสั่งต่อวินาที รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA  30 ตัวที่พร้อมให้ความบันเทิงได้ในทุกการเดินทาง

สมรรถนะของ ZEEKR 009 โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ที่มีกำลังสูงสุด 450 kW หรือเทียบเท่า 603 แรงม้า และแรงบิด 693 N•m  ทำให้รถสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 km/h ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 116 kWh โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ทำให้ ZEEKR 009 เป็นรถที่มีสมรรถนะสูงและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วย ระบบช่วงล่างถุงลมประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนที่จะเข้าสู่ในห้องโดยสาร และ ZEEKR 009 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่ได้รับการออกแบบเพื่อปกป้องผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโครงสร้างด้านท้ายของรถที่ผลิตจากอลูมิเนียมชิ้นเดียวมีความแข็งแรงสูงพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งพร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั่วทั้งคัน

ปูพรมกิจกรรมทางการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายพรีเมียม-ลักชูรี

ZEEKR ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย หรูหรา แต่ยังเตรียมแผนขยายการรับรู้และสร้างฐานลูกค้าในประเทศไทย ทั้งการสปอนเซอร์ให้กับดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ประภากาศ อังศุสิงห์ แห่งแบรนด์ HOOK (HOOK’S by PRAPAKAS PRESENTED by ZEEKR) ในแฟชั่นโชว์ครั้งใหญ่ระดับประเทศ และคอร์สอบรบเพิ่มทักษะการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยสำหรับเจ้าของรถยนต์ ZEEKR ที่สนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์  ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังเน้นกลยุทธ์ด้านบริการหลังการขายระดับพรีเมียมด้วยโปรแกรมบริการพิเศษสำหรับเจ้าของรถ ZEEKR  ทุกรุ่น เช่น การรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และ Mobile Service นานถึง 5 ปี เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพและการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า

สร้างปรากฏการณ์ใหม่ สู่การเป็นผู้นำตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชูรี

“ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับดีไซน์สุดหรูอันเป็นเอกลักษณ์ ZEEKR มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังและระยะทางขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้น ZEEKR มุ่งสร้างประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้รอยต่อ ด้วยการพัฒนาและเพิ่มสาขาของ ZEEKR House อย่างต่อเนื่องพร้อมดูแลลูกค้าอย่างเหนือชั้น ด้วยความมุ่งมั่นของ ZEEKR ในการที่จะก้าวเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต” เป่า จ้วงเฟย กล่าวสรุป

ราคาเริ่มต้น 3.099 ล้านบาท พร้อมส่งมอบรถประมาณเดือนตุลาคม

ZEEKR 009 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังขับขี่ 603 แรงม้า สามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ในการชาร์จเพียงครั้งเดียว กับล้อขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ 6 คน ตกแต่งหรูหราพร้อมอุปกรณ์ครบครันทั้งไฟ Ambient Light, หน้าจอแสดงผล 5 จอ รวมถึงจอ AR HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA ทั้งหมด 30 ตำแหน่ง ZEEKR 009 มี 3 โทนสีรถภายนอกได้แก่

•สีขาว Crystal White (ภายในโทนสีดำ)

•สีน้ำเงิน Electric Blue (ภายในโทนสีดำ หรือ ภายในทูโทนสีน้ำเงิน/ขาว)

•สีดำ Phantom Black (ภายในโทนสีดำ หรือ ภายในทูโทนสีเทา/ขาว)

ราคา 3,099,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ประกันภัยชั้น 1, การรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน การรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน  24 ชั่วโมง และบริการ Mobile Service นาน 5 ปี และ พิเศษสุด สำหรับลูกค้า 1,000 ท่านแรก รับฟรี Wallbox จาก “VREMT” พร้อมแพคเกจติดตั้ง* มูลค่า 70,000 บาท

*หมายเหตุ : เมื่อจองและรับรถภายใน 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

GAC AION เปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าระดับไฮเอนด์

GAC AION เปิดตัวยานยนต์แห่งอนาคต HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในประเทศไทย

GAC AION สร้างความตื่นเต้นครั้งยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ เน้นความหรูหราและเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ผสานเข้ากับการออกแบบและการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยจุดเด่น 5 ด้านของตัวรถ ได้แก่ HYPTEC Design, HYPTEC Space, HYPTEC Smart, HYPTEC Energy และ HYPTEC Performance พร้อมลงสู้ศึกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอความหรูหราเหนือระดับและเทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์

มร.โอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ GAC AION ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย ในงาน Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา ได้มีกระแสตอบรับแรงเกินคาดมีประชาชนให้ความสนใจ Hyper HT อย่างล้นหลาม เนื่องจาก Hyper (ไฮเปอร์) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ของ GAC AION ที่ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความเป็นที่สุด ทั้งความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะขั้นสูง สะท้อนภาพลักษณ์ และรสนิยมอย่างเหนือชั้น ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

โดยล่าสุด HYPER แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น HYPTEC และไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น สะท้อนถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและการขยายตัวในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก HYPER เป็น HYPTEC เกิดจากการศึกษาวิจัยตลาดและความต้องการของลูกค้าทั่วโลกอย่างละเอียดลึกซึ้ง ชื่อ “HYPTEC” ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยชื่อแบรนด์ HYPTEC มีที่มาจาก “Hyper” สื่อถึงความสุดยอดและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ “Technology” สื่อถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่หรูหรา แต่ยังล้ำหน้าด้วยคุณสมบัติทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น

มร.พอนตุส ฟอนเทอุส (Pontus Fontaeus) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ GAC Advanced Design Los Angeles และผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ HYPTEC ได้กล่าวว่า ปรัชญาการออกแบบของ HYPTEC เริ่มต้นจากหลักปรัชญาการออกแบบ Human-Machine Symbiotic Aesthetics ที่มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีอัจฉริยะ และธรรมชาติอย่างลงตัว ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เรามุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งให้แก่ผู้ใช้ ด้วยการออกแบบภายในที่ทันสมัยและเรียบง่าย สะท้อนถึงบรรยากาศที่หรูหราของการเดินทางระดับเฟิร์สคลาส และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สะดวกสบาย

มร.สวี่เจ้าหยู่ (Xu Zhaoyu) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ ได้กล่าวว่า HYPTEC HT ถูกพัฒนาขึ้นด้วย 5 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ HYPTEC Design, HYPTEC Space, HYPTEC Smart, HYPTEC Energy และ HYPTEC Performance ที่เป็นการผสมผสานความสวยงามทางด้านดีไซน์, พื้นที่ภายในห้องโดยสาร, เทคโนโลยีอัจฉริยะ, การจัดการพลังงาน และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รวมกันไว้ใน HYPTEC HT เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับลูกค้า ทำให้ทุกคนหลงใหลในทุกการขับขี่ พร้อมเป็นเพื่อนคุณในทุกเส้นทาง

สำหรับการเปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ ในครั้งนี้ เปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่

•HYPTEC HT 620 Premium ราคาจำหน่าย 1,449,000 บาท

•HYPTEC HT 620 Luxury (ประตูปีกนก) ราคาจำหน่าย 1,749,000 บาท

สิทธิประโยชน์ HYPTEC Exclusive Privilege*

1.Financial Benefit ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% (เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 งวด)

*เมื่อรับรถและจดทะเบียนรถ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น

2.Exclusive Warranty Package

1.1รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม ตลอดอายุการใช้งาน

(เฉพาะเจ้าของรถส่วนบุคคล ผู้ครอบครองรถลำดับที่ 1, และไม่ใช้งานรถในลักษณะเชิงพาณิชย์)

*กรณีไม่เข้าตามเงื่อนไขด้านบน ระยะการรับประกันสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม จะถูกปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันเป็น 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยนับจากวันที่ออกรถ

1.2รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

1.3รับประกันชิ้นส่วนประตูปีกนก 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3.Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

4.Exquisite Gifts ฟรี ฟิล์มกระจก แผ่นรองเท้า ค่าจดทะเบียน

5.Exclusive Deal for Home Charger ฟรี Home Chager พร้อมบริการติดตั้ง (ฟรีสายไฟความยาวไม่เกิน 20 เมตร / รับประกันเครื่องชาร์จ 1 ปี)

6.In-car Internet Service แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ฟรี นาน 2 ปี ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน

7.Lifetime OTA Firmware Update ล้ำสมัยตลอดการขับขี่ บริการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในระบบรถยนต์ฟรีตลอดชีพ

8.24 Hours Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

โดย HYPTEC HT มาพร้อม 5 จุดเด่น ที่จะสร้างปรากฏการณ์การขับขี่ก้าวล้ำทันสมัย ดังนี้

HYPTEC Design

HYPTEC HT ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเหมือนผลงานศิลปะ เปรียบเสมือนแสงและเงาที่ไหลเวียนบนพื้นผิวที่เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน ตามหลักแนวคิด Aesthetics of mechanics and humanity สุนทรียศาสตร์ทางกลไกที่ผสมผสานกับความเป็นมนุษย์ ด้วยเส้นสายที่โค้งมนและลื่นไหล พร้อมด้วยดีไซน์หลังคาแบบลาดเอียง (Fastback) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ดีไซน์ด้านหน้าได้รับแรงบันดาลใจจาก อัญมณีคริสตัล ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน สร้างรูปลักษณ์หน้ารถที่เต็มเปี่ยมด้วยความลึกลับและสง่างามด้วยเทคนิคการขัดอัญมณี ไฟหน้าดีไซน์ Diamond Cut การออกแบบแบบคลาสสิกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพชร ส่องประกายอย่างสดใส ไฟท้าย Horizon ดีไซน์ไฟท้ายแบบรัน-ทรู ส่องแสงยามค่ำคืนเหมือนเส้นขอบฟ้าที่งดงาม

ไฮไลท์ที่โดดเด่นของ HYPTEC HT ก็คือ ประตูปีกนก (Gull wing doors) ที่นอกจากจะดูสวยงามและโดดเด่น ยังมอบพื้นที่การขึ้นลงขนาดใหญ่เป็นพิเศษด้วยความสูงของการเปิดที่ 2.3 เมตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องก้มศีรษะหรือย่อตัวเมื่อต้องขึ้นหรือลงจากรถ สามารถเปิดประตูในที่จอดรถแคบๆ ได้อย่างง่ายดาย ต้องการระยะด้านข้างเพียง 34 ซม. เพื่อเปิดประตู ทำให้ปรับตัวได้ดีกับพื้นที่จอดรถทั่วไป ระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางอัจฉริยะของระบบประตูปีกนกติดตั้งเรดาร์ 12 จุด ทำให้การเปิดประตูมีความชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ระบบดูดประตูไฟฟ้า ช่วยให้ประตูเปิดและปิดได้อย่างเงียบสนิทโดยไม่ส่งเสียงรบกวน (เฉพาะรุ่น 620 Luxury)

HYPTEC HT มาพร้อมสีตัวถังภายนอกทั้งหมด 5 สี และสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ดังนี้

สีภายนอก (Exterior)

-Rose Star (โรสสตาร์) *เฉพาะรุ่น 620 Luxury

-Spinel Grey (สปิเนลเกร)

-Alpine White (อัลไพน์ไวท์)

-Crystal Silver (คริสตัลซิลเวอร์)

-Onyx Black (โอนิกซ์แบล็ก)

สีภายใน (Interior)

-Berlin Beige (เบอร์ลินเบจ) *เฉพาะรุ่น 620 Luxury

-Midnight Black (มิดไนท์แบล็ก)

-Olympus Brown (โอลิมปัสบราวน์)

HYPTEC Space

HYPTEC HT นำเสนอมิติใหม่ของความสะดวกสบายและความหรูหราเหนือระดับ ด้วยห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาสขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อการพักผ่อนที่สะดวกสบาย เบาะนั่งโดยสารหุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa คุณภาพสูงและที่พักแขนทำจากวัสดุไม้แท้ ให้สัมผัสที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยฟีเจอร์เบาะรองน่องผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า พนักพิงเบาะหลังปรับเอนได้มากถึง 143 องศา ทำให้ผู้โดยสารสามารถนอนพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มความสบายระหว่างการเดินทางด้วยที่รองขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทำให้ผู้โดยสารสามารถเหยียดขาได้อย่างอิสระ ลดอาการเมื่อยล้าของขาและเท้าระหว่างการเดินทางไกล นอกจากนี้ยังมีโต๊ะอเนกประสงค์ในเบาะหลังคนขับดีไซน์โค้ง เพื่อลดอันตรายจากการกระแทกสำหรับเด็ก เบาะนวดไฟฟ้า 10 จุดคู่หน้า มอบความเพลิดเพลินจากการนวดระดับสปาด้วยโหมดการนวด 5 รูปแบบ

หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.6 ตารางเมตร พร้อมม่านไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 620 Premium) ให้การป้องกันแสงแดดและสะท้อนความร้อนได้ดียิ่งขึ้น กระจกลามิเนตสองชั้นรอบคัน ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก สร้างพื้นที่ส่วนตัวที่เงียบสงบ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่พิเศษ 670 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋ากอล์ฟได้ถึงสามใบ พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระแบบสองชั้นขนาด 80 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว และอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดเก็บด้านหน้ารถใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 55 ลิตร

สัมผัสสุนทรียภาพที่เหนือกว่า ด้วยระบบเสียง Dolby Atmos 7.1.2 พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 22 ตำแหน่ง สร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง ทำงานร่วมกับซับวูฟเฟอร์ ให้เสียงเบสที่หนักแน่นเหมือนการแสดงสดที่น่าประทับใจ พร้อมลำโพงอิสระที่ตำแหน่งไหล่ของผู้ขับขี่ ช่วยให้สามารถพูดคุยโทรศัพท์หรือฟังระบบนำทางโดยไม่รบกวนการฟังเพลงหรือภาพยนตร์ของผู้โดยสาร หน้าจอความละเอียดสูง 2.5K ขนาด 14.6 นิ้ว ประมวลผลด้วยชิป Qualcomm 8155 ที่ช่วยให้การเล่นลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และแอปพลิเคชันอื่น ๆ นอกจากนี้ HYPTEC HT ยังมาพร้อมระบบน้ำหอมปรับอากาศ ที่สามารถสั่งการผ่านหน้าจอกลาง เลือกกลิ่นได้ถึง 3 รูปแบบ

HYPTEC Smart

ห้องโดยสารอัจฉริยะ ADiGO SPACE มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงแบบ 4 ตำแหน่ง ไม่ว่าผู้ใช้อยู่ที่ใดภายในรถ ระบบสามารถรับรู้และดำเนินการตามคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิขณะขับขี่ ระบบสามารถวิเคราะห์สถานะการขับขี่ของผู้ขับได้อย่างชาญฉลาด และจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงและข้อความบนจอคอนโซลกลาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงฟีเจอร์การปรับที่นั่งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าแบบคลิกเดียว สามารถเลื่อนที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปด้านหน้าด้วยการกดเพียงครั้งเดียว เพื่อเพิ่มพื้นที่นั่งในแถวที่สองได้อย่างง่ายดาย

HYPTEC Energy

HYPTEC HT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง มอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.8 วินาที ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 แบบ lithium ion phosphate ขนาดความจุ 83.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยและคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์ และเทคโนโลยี “ซูเปอร์ชาร์จ” รองรับการชาร์จเร็ว สามารถชาร์จไฟจาก 10-70% ได้ภายใน 15 นาที วิ่งได้ระยะทาง 372 กม. และมีระยะทางขับขี่ไกลสูงสุด 620 กม. สามารถเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ – โคราช โดยไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างทาง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟสู่อุปกรณ์ภายนอก V2L กำลังสูงสุด 3,300 วัตต์

HYPTEC Performance

ระบบควบคุมการขับขี่ที่ทรงพลังของ HYPTEC HT ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP 3.0 ช่วยให้การควบคุมรถขนาดใหญ่เป็นเรื่องงาน ด้วยรัศมีวงเลี้ยว 5.6 เมตร ให้ความคล่องตัวสูง สามารถกลับรถได้ง่าย การจูนช่วงล่างที่มีต้นแบบจากรถซูเปอร์คาร์ พวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำพร้อมโหมดการขับขี่ที่ปรับแต่งได้ ทั้งในด้าน อัตราเร่ง/การเบรก/พวงมาลัย และการฟื้นฟูพลังงานได้อย่างอิสระ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbones) และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link ช่วยเพิ่มสมรรถนะและความสบายในการขับขี่ ลดการโคลงและสะเทือนในขณะจอดหรือเลี้ยว เสริมด้วย ASTC (Eagle Claw) ระบบรักษาเสถียรภาพอัจฉริยะ ช่วยปรับสมดุลของตัวรถโดยอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงจากการลื่นไถลของรถในสภาพฝนตก หรือเมื่อรถเสียการควบคุม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

HYPTEC HT ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากสถาบัน C-NCAP และได้รับคะแนนระดับ G (ระดับสูงสุด) ในด้านการปกป้องผู้โดยสาร, การปกป้องคนเดินถนน และความปลอดภัยเชิงรุก จากสถาบัน Zhongbao Research พร้อมด้วยช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมากมาย ดังนี้

•ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้า (SRS Airbags)

•ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างตอนหน้า

•ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้าง

•ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

•ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

•ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน (LDP)

•ระบบไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)

•ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)

•ระบบเตือนการเปิดประตู (DOW)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหลังเข้าใกล้ (RAW)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (ACC-S&G)

•ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICA)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)

•ระบบควบคุมความเร็วในขณะเข้าโค้ง (CSC)

•ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DMS)

•ระบบเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)

•ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)

•ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

มร.โอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) ยังได้กล่าวอีกว่า “GAC AION ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบพลังงานควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่ เราทำงานร่วมกับ GAC Energy โดยตั้งเป้าสร้างสถานีชาร์จ 25 แห่งในปีนี้ และสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จภายในรัศมี 15 กิโลเมตรทั่วกรุงเทพฯ”

“ภายในปี 2570 เราวางแผนจะสร้างสถานีชาร์จให้ครอบคลุม 100 เมืองทั่วประเทศ เป็นจำนวน 200 แห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION และ HYPTEC จะได้รับความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้า ในด้านการพัฒนาบุคลากร เราได้เพิ่มจำนวนพนักงานในประเทศไทยถึง 12.6 เท่า จากช่วงเริ่มต้น และได้สนับสนุนการสร้างงานในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง”

มาสด้า มอบรางวัลดีลเลอร์ที่ผลการดำเนินธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2566

มาสด้า มอบรางวัลดีลเลอร์ที่ผลการดำเนินธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2566 เดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดและมุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้าชาวไทย

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2566 หรือ Mazda Dealer of Excellence Award 2023 ภายใต้ธีม “Celebrating the Spirit’s Pathway” เพื่อยกย่องความสำเร็จจากผลการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในปีที่ผ่านมา ตามแนวทาง Customer Experience Management (CXM) หรือ การจัดการประสบการณ์ลูกค้า ที่ดีลเลอร์มุ่งมั่นทุ่มเทส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขที่ได้จากประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า ซึ่งเป็นนโยบายหลักสำคัญในการบริหารงานของมาสด้าทั่วโลก มีผู้จำหน่าย 16 แห่ง จากทั่วประเทศ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในปีนี้ไปครอง นอกจากนี้ ภายในงานฯ มาสด้ายังได้มอบรางวัล Mazda Guild Award 2023 หรือ รางวัลยอดเยี่ยมฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายให้กับทีมงานของผู้จำหน่าย เพื่อแสดงถึงความสำเร็จในการทำงานของทีมงานตลอดปีที่ผ่านมา โดยงานนี้จัดขึ้น ณ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าได้นำกลยุทธ์ Retention Business Model มาใช้เป็นแกนหลักในการปรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องเป็นปีที่สองติดต่อกัน เป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า ตั้งแต่ก่อนการซื้อไปจนถึงการบริการหลังการขาย และนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำกลายเป็นวงจรแห่งชัยชนะ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มาสด้ายึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติจนประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก มีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์มาสด้าเพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน กลยุทธ์ดังกล่าวได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง และกำลังมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งมาสด้าในประเทศไทยจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ หากปราศจากผู้จำหน่ายที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันผลักดันนโยบายนี้ไปพร้อมกัน

“มาสด้าไม่ต้องการเป็นแบรนด์ที่จำหน่ายยานพาหนะเพื่อการเดินทางเท่านั้น แต่เราต้องการส่งมอบความสุขและประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือระดับให้กับลูกค้ารวมถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว ขอขอบคุณผู้จำหน่ายที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับแบรนด์มาสด้า และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกันนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้จำหน่ายที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมา สามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติแห่งปีไปครอง ซึ่งรางวัลแห่งเกียรติยศในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่เพียงเครื่องหมายการันตีถึงความมุ่งมั่นในการทำงานเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความสำเร็จของผู้จำหน่ายที่สามารถครองใจลูกค้าของเรา” มร.ทาดาชิ มิอุระ กล่าว

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งาน Mazda Dealer of Excellence Award 2023 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Celebrating the Spirit’s Pathway” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จอีกก้าวของผู้จำหน่ายมาสด้าที่แข่งขันกันในการดูแลลูกค้า ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนานัปการ อันเป็นสปิริตที่ชาวมาสด้ายึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติงานจนประสบความสำเร็จ และสามารถส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุก ๆ Touchpoint ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของมาสด้าทั่วโลกที่ยึดมั่นปฏิบัติงานเพื่อให้มาสด้ากลายเป็น Top Retention Brand เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้าตลอดไป

รางวัล Mazda Dealer of Excellence Award 2023 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Gold 5 รางวัล Silver 5 รางวัล และ Bronze 5 รางวัล และยังมีการมอบรางวัล Guild Award ประเภทฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายยอดเยี่ยม ให้กับทีมงานของผู้จำหน่ายที่ปฏิบัติงานด้วยความเป็นเลิศ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและตอกย้ำถึงความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในปีที่ผ่านมา บรรยากาศในงานมอบรางวัลเต็มไปด้วยความอบอุ่น เป็นกันเอง สร้างความปลื้มปิติของทั้งผู้จำหน่าย ทีมงาน และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ทุกคน

พร้อมกันนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายมาสด้าในประเทศไทย ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นต่อไป เพื่อตอบสนองต่อเจตนารมณ์ในการดำรงอยู่ของมาสด้า (Purpose) พร้อมสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คน แทนคำมั่นสัญญาในการส่งมอบรถยนต์และประสบการณ์ความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน (Promise) และการส่งมอบคุณค่า รวมถึงประสบการณ์ความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยการดูแลเอาใจใส่ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท (Value) เพื่อให้แบรนด์มาสด้ากลายเป็น Top Customer Retention Brand เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้าตลอดเวลา แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจตลอดการเดินทาง พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่เคียงข้างลูกค้าชาวไทยและสังคมตลอดไป

 ผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ประกอบด้วย

รางวัลผู้จำหน่าย
ระดับ Goldบริษัท ชูเกียรติยนต์ จำกัด
กลุ่มบริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน)
กลุ่มบริษัท พระราม 7 กรุ๊ป จำกัด
กลุ่มบริษัท 14 ออโต้กรุ๊ป จำกัด
กลุ่มบริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ จำกัด
ระดับ Silverบริษัท มาสด้า ประจวบฯ จำกัด
บริษัท กฤษฎา ออโต้ จำกัด
บริษัท เจริญศรีนครพนม (2012) จำกัด
กลุ่มบริษัท ช.เอราวัณออโตเซลล์ จำกัด
กลุ่มบริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้าภูเก็ต จำกัด
ระดับ Bronzeกลุ่มบริษัท วี แอนด์ พี มอเตอร์เซลส์ จำกัด
กลุ่มบริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด
กลุ่มบริษัท แอลบาทรอส ออโต้ จำกัด
กลุ่มบริษัท บิซ มอเตอร์ส จำกัด
กลุ่มบริษัท มาสด้า เชียงใหม่ จำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญสินมอเตอร์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งแคมเปญคืนสิทธิการรับประกันแบตเตอรี่

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งแคมเปญ “Welcome Back Stars” คืนสิทธิการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 ให้กับลูกค้าที่หลุดจากเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพเดิม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เห็นความสำคัญของประสิทธิภาพและความมั่นใจในการใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคัน จึงได้จัดแคมเปญมอบสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม HYBRID และ Plug-in Hybrid ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี และหลุดจากเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพ High Voltage Battery ตามเงื่อนไขเดิม โดยสามารถนำรถยนต์กลับเข้ามารับบริการ ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 และเข้าร่วมแคมเปญ “Welcome Back Stars” เพื่อรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 เพิ่มความมั่นใจให้ทุกการเดินทางของลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์  โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

1.เข้ารับบริการ Service A หรือ B ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

2.มีค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ มากกว่าหรือเท่ากับ 40,000 บาท* (ค่าแรงและค่าอะไหล่ หลังหักส่วนลดและก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม)

3.High-Voltage Battery ได้รับการตรวจสอบคุณภาพปัจจุบันโดยศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ และมีผลทดสอบคุณภาพผ่านเกณฑ์โดยแบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ (แบตเตอรี่เสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ) ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ*

4.เฉพาะรถยนต์รุ่นที่กำหนดในโครงการ Welcome Back Stars และมีเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery ตามรายละเอียดที่ระบุในตารางด้านล่างนี้

รุ่นรถยนต์และเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพเดิมของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery)
ลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 1ลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 2
การรับประกัน High-Voltage Battery รับประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง ภายใน 5 ปีแรก และ จำกัดระยะทาง โดยหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ต้องมีระยะทางไม่เกิน 150,000 กม. ในระหว่างปีที่ 6-10 ปี นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า รุ่นรถยนต์ GLE (W166) 166063 GLE 500 e 4MATIC C-Class (W205) 205012 C 300 BlueTEC HYBRID C-Class Estate (S205) 205212 C 300 BlueTEC HYBRID Estate C-Class (W205) 205047 C 350 e C-Class Estate (S205) 205247  C 350 e Estate C-Class (W205) 205053 C 300 e E-Class (W212) 212098 E 300 BlueTEC HYBRID E-Class Estate (S212) 212298 E 300 BlueTEC HYBRID Estate E-Class (W213) 213050 E 350 e S-Class (V222) 222157 S 400 HYBRID S-Class (V222) 222104 S 300 BlueTEC HYBRID S-Class (V222) 222163 S 500 e S-Class (V222) 222173 S 560 eการรับประกัน High-Voltage Battery รับประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า   รุ่นรถยนต์ C-Class (W206) 206054 C 350 e E-Class (W213) 213053 E 300 e GLC Coupé (C253 ) 253353 GLC 300 e 4MATIC Coupé GLC (X253) 253953 GLC 300 e 4MATIC GLC Coupé (C254) 254356 GLC 350 e 4MATIC  Coupé GLC (X254) 254656 GLC 350 e 4MATIC GLE (V167) 167117 GLE 350 de 4MATIC S-Class (V223) 223168 S 580 e Mercedes-Maybach S-Class (Z223) 223968 Mercedes-Maybach S 580 e Premium และรุ่นรถยนต์อื่นๆ ในปี 2567 ที่ทางบริษัทฯกำหนด

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมแคมเปญเพื่อรับสิทธิ ดังนี้ 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมแคมเปญเพื่อรับสิทธิ ดังนี้ 

1.ส่วนลด 20% จากราคาขายแนะนำสำหรับอะไหล่ High Voltage Battery

•สำหรับลูกค้าที่รถยนต์ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบคุณภาพ High-Voltage Battery ตามเงื่อนไขและข้อกำหนด จะได้รับสิทธิพิเศษส่วนลดค่าอะไหล่ 20%* จากราคาขายแนะนำ เมื่อทำการเปลี่ยน High-Voltage Battery (โดยได้รับส่วนลดข้างต้น) จะได้รับการรับประกันคุณภาพ 2 ปี ตามมาตรฐานอะไหล่แท้เมอร์เซเดส-เบนซ์

•เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ และเข้ารับบริการ Service A หรือ B จะได้รับคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพ High-Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10* นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพจำกัดระยะทางขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ ที่ระบุในตารางด้านบน

2.ราคาพิเศษ! แพ็กเกจ Extended HV battery การขยายการรับประกัน High-Voltage Battery 10 ปี เป็นแบบไม่จำกัดระยะทาง ในราคา 50,000 บาท (สำหรับกลุ่มรถยนต์ที่ได้รับการรับประกัน 10 ปี แบบจำกัดระยะทาง 150,000 กม.)

สำหรับลูกค้ารถยนต์กลุ่มที่ 1 ที่ได้รับการประกัน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางภายใน 5 ปีแรก และ จำกัดระยะทางโดยหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ต้องมีระยะทางไม่เกิน 150,000 กม. ระหว่างปีที่ 6-10 ปี (นับจากวันส่งมอบรถให้กับลูกค้า) สามารถขยายการรับประกันคุณภาพเดิม High-Voltage Battery 10 ปี เป็นแบบไม่จำกัดระยะทาง เมื่อซื้อแพ็กเกจ Extended HV battery นี้

*เงื่อนไขและข้อกำหนดการรับสิทธิ

1.สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ารับบริการ Service A หรือ B ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567 และชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด

2.มียอดค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์บริการฯ มากกว่าหรือเท่ากับ 40,000 บาท คำนวณเฉพาะค่าสินค้าและบริการตามประเภทที่กำหนด โดยสามารถรวมค่าบริการ Service A/B, งานซ่อมบำรุงตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์, Accessories & Collections, MB Tire, Digital Extras, Renew Mercedes Me Service รวมค่าอะไหล่และค่าแรงหลังหักส่วนลดใดๆ (ถ้ามี) โดยเป็นมูลค่าก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

3.สงวนสิทธิ์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์, งานบริการ Internal, งานรับประกัน Warranty และงานซ่อมสีตัวถัง ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

4.สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้ ในกรณีมีการเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่ในศูนย์บริการฯ เท่านั้น ไม่สามารถนำอะไหล่ออกไปนอกศูนย์บริการฯ

5.โปรดตรวจสอบรายละเอียดโครงการ รุ่นรถยนต์ที่เข้าร่วม และเงื่อนไขโครงการ ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

โตโยต้า จัดกิจกรรมแข่งขันทักษะการบริการประจำปี 2567

โตโยต้า จัดกิจกรรมแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้ารอบคัดเลือก ประจำปี 2567 (2024 Toyota Dealer Customer Service Skills Contest, Qualifying Round)

นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแสดงความยินดี และมอบรางวัลในการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบคัดเลือก ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า จัดการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบคัดเลือก ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม ถึง 11 กันยายน พ.ศ. 2567 รวมทั้งสิ้น 8 รอบ โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 1,100 คน จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 154 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน 9 ประเภท ที่ครอบคลุมตั้งแต่การบริการลูกค้าทั่วไป ไปจนถึงการบริการตัวถังและสี ได้แก่

1. ช่างเทคนิคระดับสูง

2. ช่างเทคนิคระดับพื้นฐาน

3. ผู้บริหารงานบริการ

4. พนักงานอะไหล่

5. พนักงานลูกค้าสัมพันธ์

6. พนักงานคอลเซ็นเตอร์  

7. ช่างซ่อมสีรถยนต์

8. ช่างซ่อมตัวถังรถยนต์

9. ผู้บริหารงานตัวถังและสี

จากการแข่งขันรอบคัดเลือกอย่างเข้มข้น มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 91 คน จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 53 แห่ง ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ ซึ่งจะจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

การแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า จัดขึ้นภายใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งพัฒนาทักษะการบริการลูกค้าของบุคลากรผู้แทนจำหน่าย ให้มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้า ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านพฤติกรรม ความต้องการของลูกค้า และเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ของโตโยต้า ในการเป็นผู้นำและสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้านการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อส่งมอบความสุข และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้คน และสังคมไทย

นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี กล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมว่า “การจัดกิจกรรมแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้าถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้โตโยต้ายังคงครองความเป็นที่หนึ่ง อันเกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของโตโยต้า โดยเรามุ่งมั่นให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการเข้ามาของคู่แข่งหน้าใหม่ ดังนั้น ในการเสริมจุดแข็ง และแก้จุดอ่อนของเรา ต้องมาจากรากฐานที่เข้มแข็ง นั่นคือ ทรัพยากรบุคคล หรือพนักงานของผู้แทนจำหน่าย ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่า และสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้แทนจำหน่าย”

ร่วมเป็นกำลังใจและติดตามชมภาพบรรยากาศและผลการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า รอบชิงชนะเลิศ ประจำปี 2567 ได้ที่ www.toyota.co.th ในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้

ฮอนด้า ยกระดับศักยภาพพนักงานขายและบริการ

ฮอนด้า ยกระดับศักยภาพพนักงานขายและบริการทั่วประเทศผ่านการแข่งขัน Honda Skill Contest 2024 อย่างเข้มข้น พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าตลอดการใช้งาน

ฮอนด้า สานความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าตลอดการใช้งานผลิตภัณฑ์และการบริการในทุกขั้นตอน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 34 ประจำปี 2567 (Honda Skill Contest 2024) ภายใต้แนวคิด “Empowering Excellence ก้าวสู่ความเป็นเลิศ มุ่งสู่ความสำเร็จ” เพื่อเป้าหมายในการยกระดับศักยภาพและพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญของพนักงานผู้จำหน่ายฮอนด้า 219 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งการขายและบริการหลังการขาย 10 ประเภท ได้แก่ ที่ปรึกษาการขาย ที่ปรึกษาการบริการ พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ พนักงานช่างซ่อมทั่วไป พนักงานช่างซ่อมตัวถังและสี พนักงานอะไหล่ พนักงานช่างบริการตามระยะแบบคู่ ที่ปรึกษาการบริการซ่อมตัวถังและสี พนักงานตรวจสอบคุณภาพรถใหม่ และครูฝึกขับขี่ปลอดภัย เพื่อส่งมอบการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการ สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ทั้งยังสานต่อความผูกพันของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“กว่า 40 ปีที่ฮอนด้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นอกจากการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า สิ่งที่ฮอนด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ บุคลากร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานในทุกขั้นตอน และวันนี้กิจกรรม Honda Skill Contest ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 34 ปี นับเป็นหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยพัฒนาทักษะและยกระดับความสามารถการปฏิบัติงานของพนักงานผู้จำหน่ายฮอนด้าทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการให้บริการลูกค้า นับตั้งแต่ลูกค้าก้าวเข้ามาเป็นครอบครัวฮอนด้า การบริการหลังการขาย รวมถึงการขายต่ออย่างครบวงจร การแข่งขันฯ นี้ ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้พนักงานเกิดความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าถึงความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการกลับมาซื้อและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงถ่ายทอดความประทับใจให้กับคนใกล้ชิดมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฮอนด้าอีกด้วย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้ฮอนด้าเติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างสังคมไทยต่อไป”

การแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าประจำปี 2567 ได้มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยมุ่งเน้นการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ไลน์อัปผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อให้พนักงานทุกส่วนมีความพร้อมในการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ และรองรับพื้นฐานที่สำคัญของผลิตภัณฑ์กลุ่ม xEV ในอนาคต โดยการแข่งขันได้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และรอบชิงชนะเลิศ จัดขึ้นในวันที่ 15 กันยายน 2567 ณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการขายและบริการ มีพนักงานที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 120 คน จากพนักงานเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 2,194 คน โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ Silver Trophy โล่รางวัลใบประกาศเกียรติคุณ เงินรางวัล และได้รับการจารึกชื่อที่หอเกียรติยศ ณ ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการขายและบริการ พร้อมทั้งเดินทางไปทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำประสบการณ์มาใช้ต่อยอดในการทำงานต่อไป

สำหรับผลการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าครั้งที่ 34 ประจำปี 2567 (Honda Skill Contest 2024) ทั้งหมด 10 ประเภท ได้แก่

ประเภทการแข่งขันผู้ชนะศูนย์บริการ
ที่ปรึกษาการขายคุณธีรนนท์ สุขพงษ์บริษัท สระบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาพระพุทธบาท
ที่ปรึกษาการบริการคุณธีรชัย อุยตระกูลบริษัท ราชบุรี ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
ที่ปรึกษาการบริการซ่อมตัวถังและสี คุณวิศิษศักดิ์ ท้าวกัลยาบริษัท วี. กรุ๊ป ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด สาขาบางกอกน้อย
พนักงานลูกค้าสัมพันธ์คุณปัทมาวรรณ ปัญญาใสบริษัท นนทบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด
พนักงานอะไหล่คุณอรรถพล แย้มยงค์บริษัท นนทบุรีฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด
พนักงานช่างซ่อมทั่วไปคุณถกลรัตน์ วงษ์สนิทบริษัท เมืองกาญจน์ ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
พนักงานช่างซ่อมตัวถังและสีคุณณัฐพงษ์ สุก๋า
และคุณเสกสิทธิ์ เชื้อวงศ์คำ
บริษัท เชียงแสงยนตรการ จำกัด สาขาถนนลำปาง-เชียงใหม่
พนักงานช่างบริการตามระยะแบบคู่คุณบุญส่ง กอนนาค
และคุณยานี เสมอเหมือน
บริษัท สุวินทวงศ์ ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
พนักงานตรวจสอบคุณภาพรถใหม่คุณคณินทร์ คำหนูบริษัท นครราชสีมา ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด
ครูฝึกขับขี่ปลอดภัยคุณกัมพล ใจแก้วบริษัท ฮอนด้าคาร์ส นครสวรรค์ จำกัด สาขาเขาเขียว

นอกจากพนักงานฮอนด้าที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ที่พร้อมให้บริการลูกค้า ฮอนด้ายังมาพร้อมบริการพิเศษฟรี ที่ทำให้การซื้อรถยนต์ฮอนด้าคันใหม่ของลูกค้าอุ่นใจ อาทิ “การรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี” ที่มาพร้อมกับ “บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง”

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังมีบริการเสริมสำหรับลูกค้าเพิ่มเติม อาทิ

“Honda Ultimate care” ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง* ให้ลูกค้าจ่ายเบา ๆ ในราคาที่สุดคุ้ม

“Honda PaySave แพ็กเกจเช็กระยะ” ลดค่าแรงค่าอะไหล่สูงสุด 15%* ซึ่งมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในการบำรุงรักษารถยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานของฮอนด้าทั่วประเทศ และในปีนี้ฮอนด้าได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ได้แก่

-PaySave Exclusive 6 และ Exclusive 10 ที่จะครอบคลุมการเช็กระยะสูงสุด 10 ระยะ ภายใน 66เดือน มาพร้อมส่วนลดค่าแรงค่าอะไหล่สูงสุด 15%* สำหรับลูกค้ารถใหม่ที่อายุไม่เกิน 1 ปี

-PaySave อุ่นใจ สำหรับลูกค้าที่ต้องการความคุ้มครองบนท้องถนนต่อเนื่องหลังจากหมดระยะการรับประกันและอายุรถไม่เกิน 6 ปี โดยจะครอบคลุมการเช็กระยะ 4 ระยะ ภายใน 30 เดือน พร้อมส่วนลดค่าแรงและค่าอะไหล่ 10%* และมอบความอุ่นใจให้ยาวขึ้นอีกด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพิ่มให้อีกฟรี 2 ปี*

พร้อมมอบความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในการเข้ารับบริการ เพียงลูกค้านัดหมายและยืนยันเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่าน “Online Service Booking” ที่ https://servicebooking.honda.co.th  หรือทาง LINE Official Account (@Honda-Thailand) ท่านสามารถเลือกใช้การบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ อาทิ

“Honda Drop & Go”* เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในนัดหมายเช็กระยะล่วงหน้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ เพียงลูกค้านัดหมายและยืนยันเข้ารับบริการล่วงหน้า เมื่อถึงวันนัดหมาย ลูกค้าสามารถนำรถมาจอดและฝากกุญแจ ณ จุดบริการของศูนย์บริการได้เลย

“Honda Quick Service”* ลูกค้าสามารถนัดหมายล่วงหน้าในการบริการเช็กระยะแบบเร่งด่วนที่สะดวก รวดเร็ว ด้วยบริการที่อบอุ่น มั่นใจกับทีมช่างเช็กระยะแบบคู่ที่ชำนาญ อะไหล่ที่ได้มาตรฐานใส่ใจคุณภาพงานซ่อม โดยสามารถรอรับรถได้ภายในระยะเวลา 60 90 และ 120 นาที ขึ้นอยู่กับประเภทของงานเช็กระยะ

“บริการซ่อมตัวถังและสี”* ด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ด้านงานบริการซ่อมตัวถังและสีโดยเฉพาะ และนวัตกรรมการซ่อมสีด้วยสูตรน้ำ (Waterborne) ที่ทำให้สีรถดูสวยเงางาม คงทนในทุกสภาวะ โดยสามารถนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของการบริการได้ที่ https://www.honda.co.th/service

ฮอนด้า เชื่อมั่นว่าการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานผ่านกิจกรรม Honda Skill Contest จะช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการของฮอนด้าให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

* – เงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางบริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.honda.co.th/service

  – “Honda Drop & Go” “Honda Quick Service” และ “บริการซ่อมตัวถังและสี” ให้บริการแตกต่างกันในแต่ละโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า ลูกค้าสามารถตรวจสอบล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save