•เดินหน้าวิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ในโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งความสำเร็จของรถยนต์นั่งจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ระดับโลกที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต
•ผลักดันตลาดอีวีด้วย “EV Worry-Free Package” ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ด้วยข้อเสนอพิเศษกับค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาทต่อเดือน ในรุ่น EQE 350 4MATIC SUV Electric Art โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนแรกและก้อนสุดท้าย
•ต่อยอดโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” และเสริมศักยภาพในการแข่งขันในตลาดด้วยการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา (Pricing Strategy) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการคงมูลค่าในระยะยาวของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น
นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความสำเร็จในด้านการบริการลูกค้าในปี 2567 ที่ผ่านมา เรามีเครือข่ายศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งหมด 41 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (Certified Body & Paint Service Center) ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคกว่า 26 แห่ง ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่างๆ มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยแพ็กเกจ MBSP มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12% พร้อมกับการเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86%
นอกจากนี้ เรายังจัดแคมเปญต่างๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน ในแคมเปญ Mercedes-Benz & Michelin Sustainability in Motion เพื่อช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ทางด้านฝ่ายบริการลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมพัฒนาและนำเสนอบริการหลังการขายแก่ลูกค้าในทุกมิติ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรถยนต์ทั้งในด้านการบำรุงรักษาและข้อเสนอพิเศษสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ StarParts รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ด้านดิจทัลด้วยบริการ Digital Extras ที่จะมีแพ็คเกจเสริมอย่าง Entertainment Package Plus ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์วิดีโอสตรีมมิงและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน อีกทั้งกิจกรรม Nationwide Service Clinics ที่จะจัดร่วมกับทีม Flying Doctor จากประเทศเยอรมนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อมอบการบริการและการดูแลรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก
•GWM HAVAL H6 คว้ารางวัล Best Hybrid 2024 จากนิตยสาร Autoesporte และ Best Hybrid of Top Car TV Premio ในประเทศบราซิล ซึ่งรางวัล Best Hybrid of Top Car TV Premio เป็นรางวัลด้านยานยนต์เพียงรางวัลเดียวในบราซิลที่รวบรวมนักข่าวจากโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต วิทยุ/พอตแคสต์ หนังสือพิมพ์ และสื่อสิ่งพิมพ์เข้าด้วยกัน ทั้ง 2 รางวัลนี้ยืนยันถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค
•GWM ORA 07 LONG RANGE ได้รับรางวัล Best EV SEDAN จากเวที Thailand Car of The Year 2024 โดย Grandprix International ประเทศไทย ตอกย้ำถึงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าที่มอบระยะทางวิ่งที่เหนือกว่าพร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย
•GWM TANK 300 HEV ได้รับรางวัล BEST HYBRID 4×4 OFFROAD จากเวที Thailand Car of The Year 2024 โดย Grandprix International ประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของ GWM TANK 300 HEV ในฐานะ รถออฟโรดไฮบริดที่มีทั้งพละกำลัง ประสิทธิภาพ และความล้ำสมัย พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ต้องการ ความทนทาน ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีล้ำหน้า ในการเดินทางทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย
•GWM HAVAL H6 คว้า 2 รางวัลจากประเทศบราซิลอย่าง Award of Lowest Cost Ownership และ 2024 “Best Buy” Category by Quatro Rodas แสดงให้เห็นถึงความประหยัดทั้งในด้านการบำรุงรักษาและต้นทุนการใช้งานในระยะยาว สะท้อนความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพและราคา
•GWM ORA ได้รับรางวัล 2024 “Best Buy” Category by Quatro Rodas จากประเทศบราซิล ตอกย้ำถึงความคุ้มค่าในแง่ของคุณสมบัติ ฟังก์ชัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
•GWM POER SAHAR ได้รับรางวัล The Best Commercial HEV Award จากการประกาศรางวัล Thailand Car of The Year 2024 โดย Grandprix International ประเทศไทย ยืนยันถึงสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความสามารถในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดมิติใหม่ยนตรกรรมสายลุย ชวนมาทำความรู้จักกับเอสยูวีออฟโรดพรีเมียมทั้ง 5 รุ่น ในตระกูล GWM TANK Series ตอบโจทย์ 5 ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง กับสุดยอดนวัตกรรมที่เปลี่ยนทุกอุปสรรคเป็นความสนุกในทุกเส้นทาง
กรุงเทพฯ 30 มกราคม 2568 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้นำในตลาดรถยนต์ออฟโรดระดับโลก และยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน เปิดศักราชใหม่รับปีมะเส็ง พร้อมพ่นความสนุกในทุกการเดินทาง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ และทุกไลฟสไตล์สายลุยทั้ง 5 รูปแบบ ผ่านประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าใน GWM TANK Series ได้แก่ GWM TANK 300 HEV, GWM TANK 330 HEV, GWM TANK 400 Hi4-T, GWM TANK 500 HEV และ GWM TANK 700 Hi4-T โดย GWM TANK Series ได้รับการพัฒนาให้มีเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักผจญภัยที่ต้องการสมรรถนะสูงและความทนทานในทุกสภาพถนน เพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่ท้าทาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมอบความสะดวกสบาย เปลี่ยนทุกอุปสรรคให้เป็นความสนุกและง่ายดายในทุกเส้นทาง ตั้งแต่การขับขี่ในเมืองจนถึงการผจญภัยในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคแบบขั้นสุด GWM TANK Series ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าเพื่อประสบการณ์ขั้นสุดของความสะดวกสบายและปลอดภัย
GWM TANK Family: นวัตกรรมล้ำหน้า สร้างประสบการณ์ขับขี่ระดับใหม่สำหรับผู้บริโภคสายลุย
ด้านความสำเร็จของ GWM TANK Series ตั้งแต่ที่การเปิดตัว GWM TANK 300 ในงานเฉิงตู ออโต้ โชว์ 2563 แบรนด์ GWM TANK ก็สามารถครอบครองตลาดได้อย่างรวดเร็วผ่านการเปิดตัว GWM TANK 400 Hi4-T,GWM TANK 500, GWM TANK 500 Hi4-T และ GWM TANK 700 Hi4-T สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขายทะลุ 1 แสนคัน ภายใน 14 เดือน ยอดขายทะลุ 2 แสนคัน ภายใน 24 เดือน ยอดขายทะลุ 3 แสนคัน ภายใน 33 เดือน และยอดขายสูงถึง 5 แสนคัน ภายใน 44 เดือนเท่านั้น โดยตั้งแต่ที่ GWM TANK 300 เปิดตัวมานั้นส่งผลให้สัดส่วนการครองตลาดรถยนต์ออฟโรดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นจาก 47.4% เป็น 83.1% ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งใหญ่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่สามารถกระตุ้นตลาดรถยนต์ออฟโรดของประเทศจีนได้สำเร็จ
นี่คือ GWM TANK Series ทั้ง 5 รุ่น ที่ล้วนได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภคสายลุยทั้ง 5 สไตล์ ที่ไม่ว่าจะเป็นสายลุยแบบไหน GWM TANK Series พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของนักผจญภัย แต่ยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีปลอดภัยที่เหนือชั้น เริ่มสัมผัสประสบการณ์ใหม่พร้อมทดลองขับ GWM TANK Series ในรุ่น GWM TANK 300 HEV และ GWM TANK 500 HEV ได้แล้ววันนี้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ และเตรียมสัมผัสกับ GWM TANK 300 และ 500 ในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซลได้ภายในปี 2568 นี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th
NEW! MAX Series DESIGN วิวัฒนาการใหม่แห่งดีไซน์สไตล์ MAX ที่ได้รับการออกแบบใหม่ภายใต้ DNA ของ MAX Series ที่พัฒนาไปอีกขั้น ยกระดับความเป็น Premium Sport Scooter รอบคัน ปรับแต่งในทุกรายละเอียด ให้สปอร์ตดุดันด้วยเส้นสายเฉียบคม เพื่อตอบสนองความเท่แบบเร้าใจ
NEW! LED Projector Headlight ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ใหม่แบบยานยนต์ชั้นนำ ด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ทั้งไฟสูง-ต่ำ ทนทาน ให้แสงสว่างชัดเจน ไม่ฟุ้งกระจายรบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง เพิ่มทัศนะวิสัยในเวลากลางคืน บ่งบอกความมีระดับอย่างเป็นเอกลักษณ์
NEW! LED Taillight / Flasher Light ชุดไฟท้ายใหม่แบบ LED ทั้งหมด ให้ความสว่างกว่าหลอดธรรมดา ประหยัดพลังงาน และทนทานกว่า ดีไซน์สไตล์ MAX Series ที่พัฒนาจากรุ่นพี่อย่าง TMAX
NEW! Dual Digital Meters (TFT Infotainment & Negative LCD) หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลแบบใหม่ 2 หน้าจอ ซึ่งสามารถควบคุมการใช้งาน ได้อย่างง่ายดายด้วยสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย *เฉพาะรุ่น TECH MAX
ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! ยังล้ำสมัยด้วย BOOST TO THE MAX SMART VALUE ระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพิ่มความสามารถในการใช้งาน ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชัน Y-Connect ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน CCU ของตัวรถ เพื่อให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมายบนสมาร์ทโฟน ดังนี้…
1. METER INDICATOR – แจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า/ข้อความมือถือบนหน้าจอ
NEW XMAX CONNECTED…Follow the MAX MY PREMIUM SPORT, MY PRIDE…MY XMAX หนึ่งเดียวต้อง MAX
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ “พรีเมียมสปอร์ต ออโตเมติก” ด้วยการส่ง “NEW XMAX CONNECTED” โมเดลปี 2025 ที่มาพร้อมกับสีสันใหม่! ภายใต้คอนเซ็ปต์ MY PREMIUM SPORT, MY PRIDE …MY XMAX หนึ่งเดียวต้อง MAX…รุกตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกคลาส 300 แบบเต็ม MAX
NEW XMAX CONNECTED พรีเมียมสปอร์ตออโตเมติกที่สะท้อนความภาคภูมิใจ ดีไซน์สปอร์ตหรูอันโดดเด่น มีสไตล์เฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ของ MAX Series ยกระดับด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสุดล้ำ ด้วยจอสี TFT พร้อมเชื่อมต่อระบบนำทางจาก GARMIN เพิ่มความสะดวกสบายที่นำคุณไปได้ทุกเส้นทาง การันตีด้วยรางวัล Bike of the Year ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ และมั่นใจในประสิทธิภาพพร้อมรับประกันถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร*
NEW XMAX CONNECTED ยังคงมาพร้อมกับ MAXIMIZED THE PREMIUM, MAXIMUM SPORT ด้วยรูปลักษณ์สุดสปอร์ต “X” MOTIF FULL LED ไฟหน้า ไฟท้าย LED ดีไซน์เอกลักษณ์สไตล์ “X” ส่องสว่างอย่างมีสไตล์! ผสานความล้ำ และโฉบเฉี่ยวให้สมบูรณ์แบบในทุกมุมมองสไตล์ MAX Series ระบบไฟ LED เต็มรูปแบบทั้งหน้า-หลัง สัมผัสถึงความสปอร์ตในทุกการขับขี่ เพิ่มวิสัยทัศน์ในการเดินทางยามค่ำคืน, DUAL DISPLAYS : DIGITAL LCD & TFT INFOTAINMENT เรือนไมล์แบบใหม่ แสดงผล 2 หน้าจอ Digital LCD 3.2” พร้อมจอสี TFT 4.2” ซึ่งสามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย ที่สามารถแสดงข้อมูลรถ และการขับขี่, แสดงข้อมูล/รับสายโทรศัพท์ (เมื่อเชื่อมต่อกับ Headset), แสดงข้อความ Text Message (รวม SMS และ Email), แสดง / เล่นเพลงจากสมาร์ทโฟน และปรับระดับเสียง (เมื่อเชื่อมต่อกับ Headset), แสดงสภาพอากาศ / เวลา, เลือกภาษาที่แสดง, แสดงระบบนำทาง (เมื่อเปิดใช้แอป Garmin StreetCross)
นอกจากนี้ NEW XMAX CONNECTED ยังสามารถเชื่อมต่อขั้นสูงกับโลกแห่งข้อมูลอันล้ำสมัย CONNECTIVITY การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพียงติดตั้งแอปพลิเคชั่น Y-Connect ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ CCU ของตัวรถผ่าน Bluetooth พร้อมทั้งเปิด Location โดยสามารถตรวจสอบสถานะได้บนจอแสดงผล TFT ผ่านฟังก์ชันที่หลากหลายให้ใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของคุณ เมื่อเชื่อมต่อกับ Y-Connect Application แอปพลิเคชันหลากหลายฟังก์ชันที่ทำให้เชื่อมต่อกับรถได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยการแจ้งเตือนดังนี้
1. SMARTPHONE NOTIFICATIONS ON METER – แจ้งเตือนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน