- Advertisement -
27.1 C
Bangkok
Home Blog Page 28

มิตซูบิชิ มอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนไทยปีที่ 5

“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน” เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 5 มอบ 100 ทุน ให้แก่เยาวชนไทย ส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษา

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เดินหน้าสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้น (ม.1-3) จำนวน 100 คน ในโครงการ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน” ประจำปี 2567 โดยเป็นนักเรียนจากจังหวัดชลบุรี 70 คน และจังหวัดปทุมธานี 30 คน โครงการนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 หลังจากเริ่มดำเนินการมอบทุนการศึกษาครั้งแรกในปี 2563

มร.เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 64 ปี โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งยังมีการจ้างงานจำนวนมาก เราเริ่มต้นโครงการ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน” ในปี 2563 ด้วยความร่วมมือจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยได้มอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนที่เรียนดีและประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ มาแล้วเป็นจำนวนทั้งหมด 574 ทุน ซึ่งรวมถึง 100 ทุน ที่มอบในปี 2567 นี้ และหวังว่าจะได้เห็นนักเรียนทุนของเราได้ศึกษาเล่าเรียนได้อย่างไม่ขาดตอน พัฒนาศักยภาพเชิงวิชาการของตนเองได้อย่างเต็มที่ และนำความรู้และประสบการณ์มาร่วมกันพัฒนาประเทศไทยต่อไป” มร.โอกาวะ กล่าวเพิ่มเติม

นางผลิพร ธัญญอนันต์ผล ผู้อำนวยการสำนักสื่อสาธารณะและระดมความร่วมมือ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า “ขอขอบคุณโครงการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้น้องได้เรียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้รับโอกาสเล่าเรียนอย่างต่อเนื่อง และช่วยแบ่งเบาภาระด้านการเงินของหลายครอบครัว สอดคล้องกับหลักคิดของ กสศ. ที่ว่า ‘ให้การศึกษาคือกิจของทุกคน’ หรือ All for Education”

พิธีมอบทุนการศึกษาในจังหวัดชลบุรีจัดขึ้น ณ โรงงานแหลมฉบัง 3 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำโดย มร.เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และกรรมการมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาจำนวนทั้งหมด 70 คน ยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงานแห่งที่ 2 และโรงงานแห่งที่ 3 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อสัมผัสเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ที่ล้ำสมัย

สำหรับพิธีมอบทุนการศึกษาในจังหวัดปทุมธานีจัดขึ้น ณ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำโดย นายจรูญ บัญญัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม สายงานกลยุทธ์ทรัพยากรบุคคลและสิ่งแวดล้อม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นพิธีมอบทุนการศึกษา เด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาจำนวนทั้งหมด 30 คน ยังได้เยี่ยมชมสถาบันการศึกษาและฝึกอบรมที่เป็นแหล่งพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญให้กับพนักงานของผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทั้งในด้านบริการการขาย บริการหลังการขาย และบริการซ่อมบำรุงโดยช่างเทคนิค

มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2563 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยด้วยการดำเนินงานผ่านหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ความรับผิดชอบต่อสังคม “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

มิตซูบิชิ รับรางวัล ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สูงสุด จากสรยท.

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รับรางวัล “ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สูงสุด” จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

นางสาวริสึโคะ คาเนะโคะ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรมการบริการ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับมอบรางวัลเกียรติยศ “ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สูงสุด” จาก นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ในพิธีประกาศรางวัลรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2567 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ณ เดอะฮอลล์ แบงค็อก (The HALLS Bangkok) เมื่อเร็วๆ นี้

ในโอกาสนี้ นางสาวริสึโคะ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับยกย่องให้เป็น ‘ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สูงสุด’ จวบจนถึงปัจจุบัน เรามียอดการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิสะสมรวมมากกว่า 7 ล้านคัน โดยร้อยละ 80 ถูกส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงานในต่างประเทศของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา ด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิร่วม 200 แห่ง ทั่วประเทศไทย”

โรงงานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีกำลังการผลิตกว่า 400,000 คันต่อปี ปัจจุบันผลิตรถยนต์ 5 รุ่น ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี  มิตซูบิชิ ไทรทัน  มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ  และ มิตซูบิชิ มิราจ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการผลิตและการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับรางวัลมากมายทั้งในระดับประเทศและในระดับนานาชาติ

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์รายแรกของไทยที่ส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยคนไทยสู่ต่างประเทศ โดยรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นแรกที่ส่งออกจากไทยคือ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ ซึ่งส่งไปยังประเทศแคนาดา เมื่อปี พ.ศ. 2531 จากนั้นได้ขยายการผลิตและการส่งออกอย่างต่อเนื่อง จวบจนมียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมในปีสำคัญๆ ดังนี้

ปี พ.ศ.ยอดส่งออกรถยนต์สะสม ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
2550ยอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 1 ล้านคัน
2556ยอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 2 ล้านคัน
2559ยอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 3 ล้านคัน
2562ยอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 4 ล้านคัน
2567ยอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมกว่า 5.5 ล้านคัน

จุดแข็งในด้านการผลิตและการส่งออกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เอื้อต่อการพัฒนาและต่อยอดบริการหลังการขาย โดยสามารถอำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับลูกค้าในการจัดหาอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งได้อย่างพร้อมสรรพ ควบคู่กับบริการอันยอดเยี่ยมของช่างเทคนิคผู้ชำนาญการ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิร่วม 200 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าส่งมอบบริการด้านการขายและบริการหลังการขายด้วยมาตรฐานสูงสุด ภายใต้แนวคิด “เราดูแล…คุณแค่ขับ” เพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกๆ ท่าน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดงานวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” มอบเงินบริจาค 850,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เพื่อสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย”

บรรยายภาพ : นายแพทย์ ปิยะวิทย์ หมดมลทิน (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะจันทร์ พร้อมด้วย นางสาวนงลักษณ์ สุวรรณโท (ที่ 2 จากขวา) พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ เป็นตัวแทนโรงพยาบาลและเหล่าบุคลากรรับมอบเงินบริจาคสมทบทุนมูลค่า 850,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี สำหรับจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์จาก งานวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” โดย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ (กลาง) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย มร.โนโบรุ สึจิ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มร.เออิจิ โอกาวะ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มร.ชิน คุโบะ (ซ้ายสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ขวาสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบเงินบริจาคจำนวน 850,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ตามเจตนารมณ์ของงานวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” (Mitsubishi Motors Charity Run 2024 #5 “Together We Run, Together We Share’) เพื่อสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย”

มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในงานวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” ซึ่งไม่เพียงช่วยส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มผู้เข้าร่วมงาน แต่ยังเป็นการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนผ่านการบริจาคสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลเกาะจันทร์ งานวิ่งการกุศลครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการพัฒนาด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานเพื่อสังคมภายใต้หลักสำคัญด้าน ‘สุขภาพ’ อีกด้วย”

นายแพทย์ ปิยะวิทย์ หมดมลทิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะจันทร์ กล่าวว่า “เราขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รวมไปถึงนักวิ่งและผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดงานทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการสนับสนุนเงินบริจาคในครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์อย่างมากในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยให้เราปรับปรุงการให้บริการทางการแพทย์และทำให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น”

สำหรับงานวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” ในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 6,600 คน พร้อมการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อาทิ เสื้อนักวิ่งที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และส่งเสริมการคัดแยกขยะแต่ละประเภท รวมถึงขยะรีไซเคิล อีกทั้งยังมีบูธนำเสนอโครงการเพื่อสังคมตามแกนหลักทั้ง 3 ด้านของบริษัทฯ และกิจกรรมแจกกล้าไม้ให้แก่ผู้ร่วมงานรวมทั้งสิ้น 3,000 ต้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม สานต่อโครงการ “รากกล้าแห่งความยั่งยืน” ของบริษัท

นายพีระ สำอางค์อินทร์ หนึ่งในนักวิ่ง Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร กล่าวว่า “ผมเข้าร่วมงานวิ่งการกุศลของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นการร่วมทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพกับครอบครัวที่ทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกัน พวกเรารู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลเกาะจันทร์และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการบริจาคในครั้งนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชน”

นางสาวสรัญญา ดีสมเลิศ หนึ่งในนักวิ่ง Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร กล่าวเสริมว่า “ดิฉันมาร่วมกิจกรรมนี้เป็นปีแรก ซึ่งประทับใจบรรยากาศงานในปีนี้มาก ทั้งเรื่องการจัดงานดี รวมถึงวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสถานที่จัดงาน ทำให้การวิ่งมีความสนุกมากขึ้น ท้ายที่สุดดิฉันภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมสุขภาพและมีส่วนขับเคลื่อนในการดูแลสุขภาพของผู้คนในชุมชนท้องถิ่นผ่านการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์”

เกรท วอลล์ มอเตอร์ กวาดยอดจองในงาน Motor Expo 2024 ทะลุ 2,060 คัน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ กวาดยอดจองทะลุ 2,060 คัน ในงาน Motor Expo 2024 เผยท็อป 3 รถยนต์พลังงานใหม่ที่มียอดจองสูงสุด GWM ORA Good Cat, GWM HAVAL JOLION HEV และ GWM HAVAL H6 HEV

กรุงเทพฯ 13 ธันวาคม 2567 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ ฉลองความสำเร็จส่งท้ายปีมะโรง ปิดยอดจองจากมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ด้วยยอดจองรวมทั้งสิ้น 2,060 คัน ติดอันดับ 1 ใน 10 แบรนด์รถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดภายในงาน โดยรถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรก นำโดย GWM ORA Good Cat มียอดจองสูงถึง 1,272 คัน GWM HAVAL JOLION HEV มียอดจองอยู่ที่ 246 คัน และ GWM HAVAL H6 HEV ด้วยยอดจองที่ 228 คัน และรุ่นอื่น ๆ อีกทั้งสิ้น  314 คัน ในขณะที่อีกสองรุ่นไฮไลต์ที่ส่งตรงมาจากประเทศจีนเพื่อให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดอย่าง GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition และ GWM TANK 700 Hi4-T ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยดีไซน์ที่สะดุดตาและนวัตกรรมล้ำหน้าที่สร้างความต่างในตลาดทั้งเซกเมนต์รถยนต์เอ็มพีวีและรถยนต์เอสยูวี ทั้งหมดนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ส่งท้ายปี 2567 ได้อย่างงดงาม ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดที่ยังคงความดุเดือด

มร.ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านในไทยที่ให้การสนับสนุน เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นอย่างดีและอบอุ่นเสมอมา จากยอดจองของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในงาน

Motor Expo 2024 นี้ พบว่าลูกค้าของเรายังคงให้ความสนใจในรถยนต์พลังงานใหม่ โดย 66.65% เป็นกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ EV ตามมาด้วยรถยนต์เอสยูวีเครื่องยนต์ไฮบริด 31.94% และ 1.41% เป็นลูกค้ารถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด สำหรับรถกระบะไฮบริดคันแรกในไทยอย่าง GWM POER SAHAR HEV ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่มองหาทางเลือกใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสบการณ์การขับขี่แบบเฟิร์สคลาส นอกจากนี้ การนำอีก 2 รุ่นไฮไลต์ ทั้ง  GWM WEY 80 PHEV Executive Extended Edition และ GWM TANK 700 Hi4-T มาจัดแสดงในไทยเป็นครั้งแรกได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นภายในงานอีกด้วย ด้วยเหตุเหล่านี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์และเน้นย้ำถึงการที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ที่มีนวัตกรรมที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อตอบสนองความต้องการในทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง และยังเป็นการร่วมผลักดันประเทศไทยสู่ระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่”

ภายในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้สำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าเยี่ยมชมบูธกว่า 1,329 คน เกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆ ดังต่อไปนี้

GWM POER SAHAR HEV จากผลการสำรวจพบว่า ลูกค้ากว่า 50% มองหารถกระบะที่มีราคาอยู่ในช่วง 0.85 – 1.149 ล้านบาท โดย GWM POER SAHAR HEV เป็นรถกระบะที่มีความโดดเด่นในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากรถกระบะคันอื่นที่มีอยู่ในตลาด (28%) ขนาดที่ใหญ่และกว้างขวาง (23%) และความล้ำสมัยและมีสไตล์ (21%) ทั้งนี้ 3 อันดับที่ลูกค้าชื่นชอบในรถกระบะคันนี้ คือ การออกแบบภายใน (19%) ระบบฝาท้ายอัจฉริยะที่เปิด-ปิดได้ 2 รูปแบบ (19%) และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย (17%)

ด้าน GWM WEY 80 PHEV ก็ได้รับการตอบรับที่ล้นหลามจากลูกค้ากลุ่มเอ็มพีวี โดยจากผลสำรวจพบว่า เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ดีไซน์ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงขนาดของตัวรถที่ใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์ คือเหตุผล 3 อันดับแรกในการพิจารณาซื้อ GWM WEY 80 PHEV โดยสีภายในที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุดคือ สีดำ (67%) สีขาว-น้ำเงิน (24%) และสีน้ำตาล (9%) นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงการใช้งานรถยนต์เอ็มพีวี ลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์ประเภทนี้ในการท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ (29%) ใช้ในการเดินทางในชีวิตประจำวัน (27%) และใช้ในการส่งบุตรหลานไปโรงเรียน (21%) โดยส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณสำหรับการซื้อรถยนต์ประเภทนี้ไว้ในช่วงประมาณ 2.0 – 2.49 ล้านบาท

สำหรับ GWM TANK 700 Hi4-T ถือเป็นรถยนต์เอสยูวีที่ได้รับความสนใจสูงจากผู้เข้าเยี่ยมชมบูธ โดยลูกค้าให้ความชื่นชอบดีไซน์ภายนอก การออกแบบภายใน จอแสดงผลและจอมัลติมีเดียด้านหน้า และคันเกียร์มากที่สุดตามลำดับ โดยจะใช้รถยนต์คันนี้ในการท่องเที่ยวสไตล์ออฟโรด 40% ท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ทั่วไป 28% และออกทริปท่องเที่ยวระยะยาว 17%

ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่คาดหวังให้ GWM TANK 700 Hi4-T ใช้เครื่องยนต์เบนซินมากที่สุด ตามมาด้วยระบบปลั๊กอิน-ไฮบริด และเครื่องยนต์ดีเซลตามลำดับ โดยลูกค้าให้คำจำกัดความของรถยนต์เอสยูวีระดับไฮเอนด์คันนี้ว่า มีความทันสมัย ดุดัน และมีความเป็นเอกลักษณ์

นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังมีการเปิดให้ทดลองขับรถยนต์พลังงานใหม่รุ่นต่างๆ พบว่ารถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมในการทดลองขับมากที่สุดคือ GWM ORA Good Cat GT, GWM TANK 300 HEV และ GWM POER SAHAR HEV ตามลำดับ โดยลูกค้าได้แสดงความประทับใจภายหลังจากการทดลองขับในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นของดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในที่ดูประณีต ฟีลลิ่งการขับขี่ ประสบการณ์การขับขี่โดยรวม การควบคุมการขับขี่ที่ดีเยี่ยม เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาซื้อรถยนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

สำหรับผู้ที่พลาดชมนวัตกรรมใหม่ๆ จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในงาน Motor Expo 2024 สามารถเข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับเทคโนโลยีเพื่อการเดินทางแห่งอนาคตได้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ โปรโมชัน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจเลือกรับดีลพิเศษและสิทธิประโยชน์อีกมากมายเพื่อฉลองปลายปี จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM แอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ www.gwm.co.th หรือสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM Contact Center 02-668-888

โตโยต้า เปิดโครงการประกวดวาดภาพระบายสี TOYOTA Dream Car Art Contest 2025

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดโครงการประกวดวาดภาพระบายสี “โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” TOYOTA Dream Car Art Contest 2025”  ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย ดร.วีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ นางศิริลักษณ์ มีมาก รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนางสาวสิริรักษ์ ชูสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมเปิดโครงการประกวดวาดภาพระบายสี “โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” “TOYOTA Dream Car Art Contest 2025” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ณ TOYOTA ALIVE บางนา

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นโครงการที่โตโยต้าให้ความสำคัญ และดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 ด้วยความมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชน ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ ทักษะทางด้านศิลปะ การประกวดในปีนี้จัดขึ้น ภายใต้เเนวคิด “รถยนต์ในฝัน” ที่นอกจากจะให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกทางด้านจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์อย่างเป็นอิสระ ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจในเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตอีกด้วย

ในปีนี้ บริษัทฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อันหาที่สุดมิได้ที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดในระดับประเทศ สำหรับเยาวชนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 ของทั้ง 3 รุ่น และบริษัทฯ จะมอบทุนการศึกษา พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้กับเยาวชนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม พร้อมกับการนำผลงานของผู้ชนะเลิศทั้ง 9 ผลงาน ไปจัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในรูปแบบ Digital Animation หรือ ภาพเคลื่อนไหว เพื่อให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบที่น่าสนใจมากขึ้น

นอกจากนี้ ผลงานของผู้ชนะเลิศจะถูกส่งเข้าร่วมประกวด “TOYOTA Dream Car Art Contest” ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วกว่า 46 รางวัล”

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวแสดงความขอบคุณว่า “ขอขอบคุณ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ให้การสนับสนุนการร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ และส่งผลงานของโรงเรียนในสังกัดเข้าร่วมกิจกรรม ทั้งโรงเรียนรัฐบาล เอกชน เด็กด้อยโอกาส และเด็กกำพร้า เพื่อให้น้องๆ ได้เติมเต็มความฝันเเละจินตนาการร่วมกับโครงการของเรา

ตลอดจนผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม รวมถึงการเสริมความรู้ด้านศิลปะแก่นักเรียนก่อนการประกวด ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ”

โครงการในปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องภายใต้เเนวคิด “รถยนต์ในฝัน” โดยมีรายละเอียดของโครงการ และการรับสมัครเข้าประกวด ดังนี้

การประกวดแบ่งออกเป็น 3 รุ่นระดับอายุ

• ระดับอายุต่ำกว่า 8 ปี

• ระดับอายุ 8 – 11 ปี

• ระดับอายุ 12 – 15 ปี

รางวัลการประกวดระดับประเทศในแต่ละระดับอายุ

รางวัลที่ 1 : ทุนการศึกษา 30,000 บาท โล่รางวัล และประกาศนียบัตร พร้อมถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

รางวัลที่ 2 : ทุนการศึกษา 20,000 บาท โล่รางวัล และประกาศนียบัตร

รางวัลที่ 3 : ทุนการศึกษา 10,000 บาท โล่รางวัล และประกาศนียบัตร

รางวัลชมเชย : 7 รางวัล ทุนการศึกษา 2,000 บาท และประกาศนียบัตร

สำหรับการประกวดระดับประเทศคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์จินตนาการที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในแต่ละรุ่นจำนวน 3 ผลงาน รวมทั้งสิ้น 9 ผลงาน และประกาศผลผู้ชนะการประกวดภาพวาดระบายสีใน เดือนมิถุนายน 2568

ผู้ชนะการประกวดระดับประเทศ รางวัลที่ 1-3 ของทุกรุ่นอายุ รวม 9 ผลงานได้รับสิทธิ์ส่งเข้าร่วมประกวดในเวทีระดับโลก

รางวัลการประกวดระดับโลก

ทุนการศึกษาจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น

Grand Prize Winner : ผู้ชนะเลิศได้รับ ทุนการศึกษามูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

โรงเรียนได้รับ ทุนการศึกษามูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

Best Finalist : ผู้ชนะเลิศได้รับ ทุนการศึกษามูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

Special Award : ผู้ชนะเลิศได้รับทุนการศึกษามูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

โรงเรียนได้รับทุนการศึกษามูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

เชิญสมัครร่วมกิจกรรมประกวดภาพวาดระบายสี ในหัวข้อ

“โตโยต้า รถยนต์ในฝัน” หรือ “TOYOTA Dream Car Art Contest 2025” ที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ช่องทางการสมัคร : ดาวน์โหลดเอกสาร เเละสมัครออนไลน์ได้ที่ www.toyota.co.th/toyotadreamcarthailand

วิธีการส่งผลงาน : ส่งผลงานจริงทางไปรษณีย์ :

บริษัท ดีรติ จำกัด (ผู้ประสานงานโครงการ)

14 ซอยสุคนธสวัสดิ์ 19 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว

กรุงเทพมหานคร 10230

โทร 095 741 6959

ระยะเวลารับสมัคร : ตั้งแต่วันนี้ จนถึง กุมภาพันธ์ 2568

จุดประกายความฝัน จุดประกายทุกจินตนาการ ส่งเสริมเด็กไทย

กับการประกวดวาดภาพระบายสี “TOYOTA Dream Car Art Contest 2025”

ติดตามรายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่

Facebook : www.facebook.com/DreamCarArtContest

Website : www.toyota.co.th/toyotadreamcarthailand

อีซูซุ จัดประกวดวาดภาพดิจิทัล “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์” ประจำปี 2567 ชิงรางวัล 500,000 บาท

อีซูซุร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เดินหน้าจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลป์กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผ่านการจัดประกวดวาดภาพรูปแบบดิจิทัลในโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์” ประจำปี 2567 โดยเชิญชวนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาสายสามัญทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานรูปแบบดิจิทัลสุดสร้างสรรค์ในรอบคัดเลือก ภายใต้หัวข้อ “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่าเผลอทำผิด คิดก่อนแชร์” ผ่านเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ชิงรางวัลทุนการศึกษาพร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้อินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องใกล้ตัว และเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของผู้คนสมัยนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงสมาร์ทโฟนอย่างไม่ระวัง จึงอาจทำให้ผู้ใช้พลาด ทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และทำร้ายผู้อื่นในทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว เราเห็นถึงความสำคัญของการตระหนักรู้พระราชบัญญัติดังกล่าวของเยาวชนรุ่นใหม่ จึงต้องการมีส่วนช่วยป้องกัน และควบคุมการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้น ผ่านโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์” ประจำปี 2567 โดยการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะในรูปแบบดิจิทัล (Digital Painting) ผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเลต หรือเครื่องมือดิจิทัลอื่น ๆ ในโปรแกรมที่กำหนด ภายใต้หัวข้อ “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่าเผลอทำผิด คิดก่อนแชร์” ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ในรอบคัดเลือก และรอบชิงชนะเลิศ โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ จะได้เข้าแข่งขันในหัวข้อที่กำหนดขึ้นใหม่ ณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ต่อไป”

สำหรับผลงานที่โดดเด่น สามารถสื่อสารตามหัวข้อที่กำหนดได้อย่างยอดเยี่ยม จะได้รับรางวัลต่าง ๆ ดังนี้

•รางวัลชนะเลิศจำนวน 2 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 1 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งจำนวน 2 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 1 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

•รางวัลรองชนะเลิศอันดับสองจำนวน 2 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 1 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 20,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

•รางวัลชมเชยจำนวน 14 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 7 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

•รางวัล Popular Vote จำนวน 10 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 5 คน จะได้รับทุนการศึกษาคนละ 2,500 บาท

•พิเศษ! รางวัล Content Creator 10 รางวัล สำหรับผู้เข้าแข่งที่จัดทำคลิปที่เกี่ยวข้องกับผลงานหรือกิจกรรมนี้อย่างสร้างสรรค์ ลงในช่องทาง TikTok ด้วยบัญชีผู้ใช้งานของผู้ส่งผลงาน เปิดเป็นสาธารณะ พร้อมติดแฮชแท็ก #ISUZU #IYRP2024 #ISUZUYOUTHRELATIONS #อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์2567 โดย 10 คลิปที่ถูกใจคณะกรรมการมากที่สุด และทำถูกต้องตามกติกา จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 2,500 บาท

ซึ่งในปีนี้ โครงการ ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมาตัดสินดังนี้

•ผศ.ดร. วิชญ มุกดามณี

คณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

•รศ.ดร. ศุภชัย อารีรุ่งเรือง

รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

•ผศ. อนุพงษ์ จันทร

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาศิลปกรรม คณะสถาปัตยกรรมศิลปะและการออกแบบสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูล และสมัครเข้าร่วมการประกวดวาดภาพดิจิทัล ในโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567” ได้ที่ www.isuzuyouthrelations.com  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่แผนกสื่อสารการตลาด-เอ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โทร. 0-2966-2127-9 

ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai   

กติกาและเงื่อนไขของโครงการอีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด

1. คุณสมบัติผู้สมัคร

1.1 กำลังศึกษาอยู่ในสายสามัญของสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชนทั่วประเทศ แบ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

          1.2 การสมัครเข้าประกวด จำเป็นที่จะต้องมีาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้ส่งรายชื่อเข้าประกวด

2. วิธีการสมัคร

2.1 อาจารย์ที่ปรึกษาทำการสมัครเข้าร่วมโครงการอีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567 (“โครงการ”) ผ่านเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com โดยกรอกอีเมลและกำหนดรหัสผ่านของตนเอง

2.2 อาจารย์ที่ปรึกษากรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสถาบันการศึกษาโดยตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และกดยืนยันสมัครเข้าร่วมโครงการบนเว็บไซต์

2.3 เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาทำการสมัครบนเว็บไซต์เสร็จสิ้นระบบจะส่งลิงก์ยืนยันการสมัครไปยังอีเมลของอาจารย์ที่ปรึกษา โดยอาจารย์ที่ปรึกษาจะต้องทำการกดที่ลิงก์เพื่อยืนยันการสมัครเข้าร่วมโครงการ

2.4 เมื่อทำการยืนยันการสมัครเข้าร่วมโครงการเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาจะต้องเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com เพื่อส่งรายชื่อนักเรียนผู้สมัครเข้าประกวดโครงการอีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ (“ผู้สมัคร”) โดยอาจารย์ที่ปรึกษา 1 ท่าน จะสามารถส่งผู้สมัคร ได้ระดับชั้นละไม่เกิน 20 คน รวมทั้งหมดไม่เกิน 40 คน

2.5 อาจารย์ที่ปรึกษาเลือกระดับชั้นที่ต้องการส่งผู้สมัคร และกรอกข้อมูลผู้สมัครในใบสมัคร และหนังสือยินยอม (ข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ครบถ้วน

2.6 อาจารย์ที่ปรึกษากดพิมพ์ใบสมัคร และหนังสือยินยอม (ข้อมูลส่วนบุคคล) เพื่อให้ผู้สมัคร และผู้มีอำนาจปกครอง นำไปกรอกข้อมูล ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลงนาม และประทับตราของสถาบันการศึกษาให้ครบถ้วน มิฉะนั้นจะถือว่าใบสมัครไม่สมบูรณ์ ดังนี้

o        ใบสมัครเข้าร่วมประกวดในโครงการจะต้องลงนามโดยผู้สมัคร ผู้มีอำนาจปกครอง อาจารย์ประจำโรงเรียน และประทับตราของสถาบันการศึกษา

o        หนังสือยินยอม (ข้อมูลส่วนบุคคล) ให้เก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัคร จะต้องลงนามโดยผู้มีอำนาจปกครอง และผู้สมัคร

2.7 อาจารย์ที่ปรึกษาสแกนหรือถ่ายภาพที่ชัดเจนของใบสมัครและหนังสือยินยอม (ข้อมูลส่วนบุคคล) ที่กรอกข้อมูลลงนาม และตราประทับของสถาบันการศึกษาครบถ้วน อัปโหลดใบสมัคร และหนังสือยินยอม (ข้อมูลส่วนบุคคล) ของผู้สมัครแต่ละคน ขึ้นบนเว็บไซต์ และรอตรวจสอบสถานะการสมัครบนเว็บไซต์

2.8 เมื่อสถานะการสมัครแสดงข้อความว่า “เสร็จสมบูรณ์” จะถือว่าการสมัครเสร็จสมบูรณ์

3. วิธีการส่งผลงาน

3.1 เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาทำการสมัครให้ผู้สมัครเสร็จสมบูรณ์ ระบบจะทำการส่งลิงก์สำหรับตั้งรหัสผ่านไปที่อีเมลของผู้สมัครที่อาจารย์ที่ปรึกษาได้กรอกไว้

3.2 ผู้สมัครตั้งรหัสผ่าน ยืนยันรหัสผ่าน และกรอกข้อมูลบนเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com

3.3 เมื่อผู้สมัครตั้งรหัสผ่าน และยืนยันรหัสผ่านเสร็จสมบูรณ์ ผู้สมัครจะสามารถอัปโหลดผลงานขึ้นบนเว็บไซต์ได้

4. การประกวด

4.1     รอบคัดเลือก

o        ผู้สมัครทำการเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com

o        ผู้สมัครทำการส่งผลงานบนเว็บไซต์ โดยสร้างสรรค์ผลงานการวาดภาพดิจิทัลผ่านโปรแกรม Procreate® หรือ ibis Paint X เท่านั้น และอัปโหลดผลงานในประเภท JPG หรือ PNG ขนาด A2  โดยมีขนาดความละเอียด 300 dpi ซึ่งผลงานสามารถเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ พร้อมใส่ชื่อและแนวคิดของผลงาน

o        ผู้สมัครจะต้องสมัครและส่งผลงานบนเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com

ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น.

4.2     รอบชิงชนะเลิศ

o        บริษัทฯ จะประกาศรายชื่อผู้สมัครผู้ผ่านเข้ารอบ 20 คน โดยจะแบ่งเป็นมัธยมศึกษาตอนต้น 10 คน และมัธยมศึกษาตอนปลาย 10 คน ผ่านเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com

o        ผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบจะต้องทำการประกวดวาดภาพดิจิทัลในหัวข้อที่คณะกรรมการกำหนดขึ้นในวันแข่งขัน โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด 1088 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2568 ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง (โดยกำหนดการจะแจ้งให้ทราบทางจดหมายต่อไป)

o        ผู้สมัครต้องสร้างสรรค์ผลงานการวาดภาพดิจิทัลผ่านโปรแกรม Procreate® หรือ ibis Paint X ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยใช้อุปกรณ์ (iPad Pro) และโปรแกรมการวาดภาพดิจิทัลที่ทางบริษัทฯ จัดเตรียมให้กับผู้สมัครเท่านั้น

5. กติกา และเงื่อนไขในการส่งผลงาน

5.1 ผลงานจะต้องเป็นภาพวาดดิจิทัลที่สร้างสรรค์ผ่านโปรแกรม Procreate® หรือ ibis Paint X ขนาด A2 เท่านั้น โดยมีความละเอียด 300 dpi

5.2 ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องสร้างสรรค์ขึ้นด้วยตัวผู้สมัครเอง ไม่เคยโฆษณา หรือ ไม่เคยเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ใด ๆ มาก่อน และไม่อนุญาตให้ลอกเลียนแบบผลงานของผู้ใด หรือละเมิดกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา หากมีข้อร้องเรียนเกิดขึ้น ผู้สมัครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในทุกกรณี

5.3 ผู้สมัครตกลงยินยอมให้ผลงานที่ส่งเข้าประกวดรวมถึงไฟล์ต้นฉบับตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด แต่ผู้เดียว รวมทั้งยินยอมให้ลิขสิทธิ์ สิทธิ์ในทางทรัพย์สินทางปัญญาอื่น และสิทธิใด ๆ ในผลงานดังกล่าวตกเป็นของบริษัทฯ แต่ผู้เดียวไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม โดยบริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องส่งคืนผลงานรวมถึงไฟล์ต้นฉบับให้แก่ผู้สมัคร

5.4 บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกผลงานที่ส่งเข้าประกวด รวมทั้งการนำผลงานดังกล่าวมา ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะในเอกสาร สื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภท หรือสื่อรูปแบบอื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อการประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อการใด ๆ ที่บริษัทฯ พิจารณาเห็นสมควร

5.5 การตัดสินของคณะกรรมการเจ้าของโครงการ หรือบริษัทฯ ถือเป็นที่สุด

6. เกณฑ์การตัดสิน

6.1 บริษัทฯ จะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ จากมหาวิทยาลัย ร่วมเป็นคณะกรรมการการตัดสิน ดังนี้

o        ผศ.ดร. วิชญ มุกดามณี คณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

o        รศ.ดร. ศุภชัย อารีรุ่งเรือง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

o        ผศ. อนุพงษ์ จันทร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาศิลปกรรม คณะสถาปัตยกรรมศิลปะและการออกแบบสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

7. รางวัล

7.1 รางวัลการประกวดให้แก่ผู้สมัคร

o        รางวัลชนะเลิศจำนวน 2 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 1 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

o        รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งจำนวน 2 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 1 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

o        รางวัลรองชนะเลิศอันดับสองจำนวน 2 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 1 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 20,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

o        รางวัลชมเชย จำนวน 14 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 7 คน จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

o        รางวัล Popular Vote* จำนวน 10 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 5 คน จะได้รับทุนการศึกษาคนละ 2,500 บาท

*รางวัล Popular Vote จะนับคะแนนจากยอดไลก์บนเว็บไซต์ 1 คะแนนต่อ 1 ไลก์ และยอดแชร์จากเว็บไซต์ไปเฟซบุ๊ก 2 คะแนน ต่อ 1 แชร์ โดยนับยอดไลก์และยอดแชร์ จากที่โชว์บนหน้าเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com  จนถึงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2568

o        รางวัล Content Creator จำนวน 10 รางวัล จะได้รับรางวัล รางวัลละ 2,500 บาท รวม 25,000 บาท

นักเรียนสามารถจัดทําคลิปผลงานที่เกี่ยวข้องกับผลงานและกิจกรรมโดยไม่จำกัดความคิดสร้างสรรค์ โดยอัปโหลดบน Application TikTok ด้วยบัญชีผู้ใช้งานของผู้ส่งผลงานเอง และเปิดบัญชีผู้ใช้งานเป็นสาธารณะ พร้อมติดเครื่องหมายแฮชแท็ก (Hashtag) ประกอบด้วย #isuzu #iyrp2024 #isuzuyouthrelations #อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์2567

โดยสิ้นสุดการส่งผลงานวันที่ 5 มีนาคม 2568 สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมที่ทำถูกต้องตามกติกา และถูกใจคณะกรรมการมากที่สุด

7.2 รางวัลพิเศษให้แก่สถานศึกษา

o        รางวัลพิเศษเงินสนับสนุนด้านการศึกษาสำหรับสถานศึกษาของนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้ง 20 คน ตามจำนวนนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบ จำนวนคนละ  20,000 บาท

หมายเหตุ : การตัดสินของคณะกรรมการเจ้าของโครงการ หรือบริษัทฯ ถือเป็นที่สุด

EVAT – TAJA จัดงานเสวนา “เช็คลิสต์ความพร้อมการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า”

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จับมือ สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์เเละรถจักรยานยนต์ไทย จัดงานเสวนา “เช็คลิสต์ความพร้อมการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า” หวังสร้างเเรงขับเคลื่อนด้านความรู้

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกับ สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์เเละรถจักรยานยนต์(สรยท.)

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกับ สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์เเละรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) นำโดย นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เเละนายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์เเละรถจักรยานยนต์ไทย จัดงานเสวนา “เช็คลิสต์ความพร้อมการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า” ภายในงาน Motor Expo ห้อง Jupiter Function Rooms 4-5

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT)

เปิดงานเสวนาโดย นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 600% หรือราว 76,000 คัน คิดเป็น 10% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมดของประเทศในปีที่ผ่านมา การเติบโตนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ ซึ่งสามารถสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่มุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแม้ว่าในปีนี้ ผลพวงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้การผลิตและการใช้รถยนต์ในประเทศลดลง แต่สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราวๆ 13-14% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และความท้าทายด้านการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะเพื่อรองรับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต”

นายอภิสิทธิ์ ณัฐวรวโรตม์ สถาปนิกระดับ 8 ทีมพัฒนาธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้แทนจากทีม EGAT EV Business Solutions

ถัดมาเป็นการบรรยายจาก นายอภิสิทธิ์ ณัฐวรวโรตม์ สถาปนิกระดับ 8 ทีมพัฒนาธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้แทนจากทีม EGAT EV Business Solutions ร่วมให้ข้อมูลว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี กฟผ. ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาพื้นฐานโครงสร้างของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทย จึงมุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ EV หรือ ผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้งาน EV ผ่านการดำเนินงานภายใต้ EGAT EV Business Solutions ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีสถานีชาร์จ “EleX by EGAT” ระบบบริหารจัดการเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า “BackEN EV” และ EV Application “EleXA” รวมถึง  การเชื่อมโยงโครงข่ายแอปพลิเคชันการจัดการสถานีชาร์จ EV ซึ่งปัจจุบันมีการแชร์และแสดงผลข้อมูลร่วมกัน ทั้งสถานีชาร์จของ กฟผ. MEA PEA PTTOR EA ReverSharger และ GWM เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศด้วยการถือเพียงแผนที่เดียวก็สามารถเห็นสถานะปัจจุบันของทุกสถานีชาร์จดังกล่าวได้ ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางด้วยแบตเตอรี่ ที่ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทุกที่ ทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย

นายสุรมิส เจริญงาม อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์เเละรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

เข้าสู่เสวนาช่วงไฮไลท์ในหัวข้อ “เช็คลิสต์ความพร้อมการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า” เริ่มโดย นายสุรมิส เจริญงาม อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์เเละรถจักรยานยนต์ไทย (TAJA) “ความคุ้มค่า นโยบาย EV3 ต่อเนื่อง EV3.5 มีส่วนกระตุ้นการเปลี่ยนมาใช้รถยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก จุดชาร์จกับสถานีชาร์จถ้าย้อนกลับไป 2 ปีที่เเล้วมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้คนที่สนใจ บางส่วนชะลอการตัดสินใจ แต่ถึงปัจจุบันสัดส่วนจำนวนจุดชาร์จไฟ กับจำนวนรถไฟฟ้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่พร้อมและจำเป็นต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ มีการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มที่มีรูปแบบการใช้รถครบตามเช็คลิสต์ ในงานเสวนาในครั้งนี้ น่าจะทำให้ตัดสินใจ ได้ง่ายมากขึ้น”

ดร.มานพ มาสมทบ ทีมวิจัยระบบกักเก็บพลังงาน ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ต่อด้วย ดร.มานพ มาสมทบ ทีมวิจัยระบบกักเก็บพลังงาน ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) “ในส่วนของล้อ เป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า ล้อโดยปกติรถสันดาบจะสึกช้ากว่าล้อในรถยนต์ไฟฟ้า ฉะนั้นการเช็คสภาพล้อก่อนออกเดินทาง เป็นสิ่งสำคัญของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยรวมไปถึงการเตรียมความพร้อมของพื้นที่บ้าน ที่จะต้องรับน้ำหนักรถ ที่มาพร้อมเเบตด้วย ในส่วนของความกังวลใจในประเด็นถ้ารถจมน้ำหรือน้ำท่วมแบตเตอรี่จะกระทบอะไรไหม จริงๆเเล้วเเบตถูกออกเเบบมา ให้กันน้ำได้อยู่เเล้ว”

นายตติยะ หลิมวิจิตร กรรมการ และเลขานุการ คณะทำงานฝ่ายข้อมูลการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT)

นายตติยะ หลิมวิจิตร กรรมการ และเลขานุการ คณะทำงานฝ่ายข้อมูลการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า “ในส่วนของอุตสาหกรรมอะไหล่ คนที่ตัดสินใจซื้อรถ 1 คัน ไม่ได้มองว่าซ่อมเเค่ศูนย์ เเต่เมื่อหมด warranty เเล้วเเน่นอนว่าก็จะต้องซ่อมข้างนอก ฉะนั้นในการให้ความรู้ อบรมช่างนอกศูนย์ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการอบรม เพราะถ้ามีรถยนต์ไฟฟ้าเเล้วศูนย์ข้างนอกซ่อมไม่ได้มันจะเป็น Pain Point ที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ปัจจุบันสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ได้มีการ จับมือกับทั้งภาครัฐเเละเอกชน ในการจัดงานอบรมความรู้ช่างซ่อมบำรุง ไม่ว่านะเป็นการจับมือกับค่าย MG เเละวิทยาลัยเทคนิคเฉิงตู”

รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT)

รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า “ในปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเเข่งขันกันสูง ถ้าซื้อวันนี้จะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้รถยนต์สันดาบเเน่นอน เเต่รถยนต์ไฟฟ้าก็มีโอกาสที่จะจำหน่ายในราคาที่ถูกลงได้อีกเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา เรามั่นใจยี่ห้อที่เราต้องการซื้อตอนนี้ ในโลกเราพูดถึงการชาร์จไฟเเบตเตอรี่ 800 โวลต์ เเล้ว ไม่ใช่เเค่ 400 โวลต์ กล่าวคือ ต้องมีความรู้ในเรื่องการใช้ มันมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย ในส่วนของผู้ใช้ก็ต้องให้ข้อมูลผู้ซื้อให้ครบถ้วน ถ้าถามผมคือ ตัดสินใจซื้อเเล้วต้องใช้ยาวๆเเละยอมรับในเรื่องของราคาที่อาจจะถูกลง”

นายกฤษฎา ธีรศุภลักษณ์ KOL ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ช่อง Welldone Guarantee

นายกฤษฎา ธีรศุภลักษณ์ KOL ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ช่อง Welldone Guarantee กล่าวว่า “เทคโนโลยี กับ อุตสาหกรรมรถยนต์ มันถูกรวมอยู่ด้วยกันเเล้วกลายเป็น อีวี ฉะนั้นมันเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากๆ การที่จะทำให้คนเปลี่ยนรถอีวีมาเป็นคันใหม่ ส่วนตัวผมคิดว่า ผู้ใช้ปัจจุบันอยากขายคันเดิม เเล้วซื้อคันใหม่ ฉะนั้นตลาดมือสองเป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดมือหนึ่งเดินหน้าไปต่อ เพราะคนอยากขายสินทรัพย์ที่มีเอามาเป็นทุน เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ตลาดมือหนึ่งยังไปต่อได้ เเต่ในภาพรวมอาจไปเเบบไม่เต็มที่ในปัจจุบันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ตลาดมือหนึ่งชะลอตัว”

ภาพโปสเตอร์ งานอบรมช่างซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า

ติดตามงานเสวนาที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าได้กับทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังมีกิจกรรมของทางสมาคมที่น่าสนใจให้บุคคลทั่วไปได้เพิ่มองค์ความรู้ ในด้านการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ที่ทางสมาคมฯ ร่วมกับ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด เเละมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กำลังเปิดรับสมัครบุคคลที่สนใจเข้าร่วมงานอบรมช่างซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีขึ้น วันที่ 16 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นี้

เกี่ยวกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand)

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไร โดยแนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน และการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ในปัจจุบันสมาคมมี คุณสุโรจน์ เเสงสนิท ทำหน้าที่นายกสมาคม และมีสมาชิกที่มาจากภาคเอกชน สถาบันศึกษา รัฐวิสาหกิจ และบุคคลทั่วไปรวมทั้งสิ้นกว่า 390 ราย โดยทางสมาคมมีการกำหนดการจัดการประชุม ในทุกๆเดือน และมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ที่ www.evat.or.th

MOTOR EXPO 2024 ปิดฉากด้วยจองรวมกว่า 6 หมื่นคัน

MOTOR EXPO 2024 ปิดฉากสวย พลิกฟื้นตลาดรถยนต์และจักรยานยนต์ ดันยอดจองกว่า 6 หมื่นคัน

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ร้อนแรงเกินคาด รถสันดาป ไฮบริด ยังฮอตฮิต รถไฟฟ้าตามติด จักรยานยนต์คึกคัก ผู้ชมกว่า 1.4 ล้าน เงินสะพัด 5.5 หมื่นล้าน

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เปิดเผยว่า “งาน MOTOR EXPO 2024 ประสบความสำเร็จอย่างสูง และมีส่วนช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก พร้อมสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทย จึงขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานี และชมงานผ่านระบบออนไลน์”

สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 54,513 คัน จักรยานยนต์ 7,982 คัน รวมยอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น 62,495 คัน จากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่าปีที่แล้ว โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ (สันดาป, ไฮบริด และพลักอิน-ไฮบริด) 58.7 % และรถยนต์ไฟฟ้า 41.3 % รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ TOYOTA, BYD, HONDA ส่วนรถเครื่องยนต์ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ HONDA, TOYOTA, FORD ด้านรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ BYD, AION, GEELY

นอกจากนั้น ประเภทรถที่ได้รับความสนใจ แบ่งเป็นประเภทต่างๆ  ได้แก่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 60.9% รถเก๋ง 14.2% รถท้ายลาด 12.0% รถอเนกประสงค์ 6.9% รถกระบะ 5.5% และอื่นๆ 0.5%

รถจักรยานยนต์ ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ZONTES, EM, ROYAL ALLOY, YAMAHA และ TRIUMPH ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,259,928 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 191,063 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 5.5 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,426,044 คน ยอดดาวน์โหลด MOTOR EXPO Application 30,808 คน และมีผู้ชมงานออนไลน์ 2,476,001 วิว

ด้านอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง และ JOIN BOAT PLATFORM สร้างยอดเงินสะพัด รวมกว่า 30 ล้านบาท ส่วนแพคเกจ MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ชมงานระดับวีไอพีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นอย่างมาก

พบกันใหม่ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” อย่าพลาดติดตามรายละเอียดที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

RIDDARA ยกแคมเปญทุกรุ่นร่วมงาน Motor Expo 2024

RIDDARA เริ่มส่งมอบ RIDDARA RD6 รถกระบะไฟฟ้า100% ให้ลูกค้าคนไทย พร้อมจัดทำข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อจอง RIDDARA RD6 ทุกรุ่น ในงาน Motor Expo 2024

RIDDARA (ริดดารา) แบรนด์รถกระบะพลังงานไฟฟ้าในเครือ GEELY AUTO GROUP ประกาศเริ่มส่งมอบ RIDDARA RD6 อย่างเป็นทางการให้ลูกค้าคนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่ให้ความสะดวกสบายระดับ SUV ตอบโจทย์ทุกการใช้งานแบบกระบะ : Drive like an SUV, Function like Pickup พร้อมเชิญทุกท่านมาสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของ RIDDARA ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” หรือ “Motor Expo 2024” พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมบัตรของขวัญโลตัสมูลค่า 5,000 บาท* และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อจอง RIDDARA RD6 ทุกรุ่นในงาน หรือที่ผู้จำหน่าย RIDDARA ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 นี้

มร.หลิง ซื่อ เฉวียน ประธานกรรมการบริหาร GEELY AUTO RIDDARA เปิดเผยว่า  RIDDARA ประเทศไทย ได้เริ่มส่งมอบกระบะไฟฟ้า 100% สู่คนไทยพร้อมกับประกาศก่อตั้งกลุ่ม RIDDARA Owners Club อย่างเป็นทางการเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างเจ้าของ RIDDARA ที่จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการจากแบรนด์ RIDDARA ในอนาคต

“RIDDARA ต้องขอขอบคุณลูกค้าคนไทย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจทุกท่านที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยเป็นอย่างดีและทำให้การเปิดตัว RIDDARA RD6 รถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% อย่างเป็นทางการสู่ตลาดเมืองไทยเมื่อเดือนที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและได้รับความสนใจรวมทั้งการชื่นชอบอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภคชาวไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราพยายามอย่างเต็มที่ในการเร่งการผลิตและส่งมอบรถ รวมไปถึงการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถสัมผัสประสิทธิภาพและการบริการอันยอดเยี่ยมของ RIDDARA RD6 ได้โดยเร็วที่สุด

“ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้เราได้เริ่มส่งมอบ RIDDARA RD6 อย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าทั่วประเทศแล้ว เราพร้อมส่งมอบรถกระบะพลังงานไฟฟ้าออกสู่ผู้บริโภคเพื่อส่งต่อประสบการณ์ยานยนต์พลังงานใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างทุกความสำเร็จ และลุยไปกับทุกกิจกรรมของครอบครัว ” มร.หลิง ซื่อ เฉวียน กล่าวปิดท้าย

พิธีส่งมอบ RIDDARA RD6 ให้กับลูกค้าชาวไทยกลุ่มแรก

RIDDARA RD6 รถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% จาก RIDDARA ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41

Drive like an SUV, Function like Pickup สะดวกสบายระดับ SUV ตอบโจทย์ทุกการใข้งานแบบกระบะ” 

RIDDARA RD6 รถกระบะไฟฟ้า 100% ที่พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ในการใช้งาน “Drive like an SUV, Function like Pickup สะดวกสบายระดับ SUV ตอบโจทย์ทุกการใข้งานแบบกระบะ” ด้วยนวัตกรรม M.A.P (Multiplex Attached Platform) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นด้วยการเอาจุดเด่นของรถกระบะและรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาผสมผสานกัน ทำให้ RIDDARA RD6 โดดเด่นทั้งในด้านของการออกแบบ สมรรถนะ ประสบการณ์ในการขับขี่ และความอัจฉริยะในแบบฉบับของ SUV ด้วยโครงสร้างตัวถังขนาดใหญ่และมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย และติดตั้งระบบความปลอดภัยและระบบช่วยในการขับขี่ที่ครบครัน พร้อมความสามารถในการขับขี่บนสภาพถนนที่แตกต่างกันได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงความสามารถในการลากจูงและการบรรทุกอันทรงพลังตามแบบฉบับของรถกระบะได้อย่างแท้จริง จึงรองรับทั้งการเดินทาง และการทำกิจกรรมแบบเอาท์ดอร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่น้อยกว่ารถกระบะสันดาปทั่วไป

EASY DRIVE TO WORK เปลี่ยนนิยามของกระบะให้เป็นได้มากกว่า

RIDDARA RD6 มีตัวถังที่รับน้ำหนักได้ดี ประกอบกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีระบบกันสะเทือนอิสระ และช่วงล่าง multi-link ให้สมรรถนะที่โดดเด่นด้วยอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที แรงบิดสูงสุด 595 นิวตันเมตร กำลังสูงสุด 315 kW และความเร็วสูงสุดที่ 190 กม./ชม. มาพร้อมช่องจ่ายกระแสไฟตามมาตรฐานยุโรปขนาด 6KW ที่กระบะท้ายพร้อมระบบป้องกันการจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ทั้งในขณะจอดรถ ล็อกรถ ชาร์จไฟ หรือแม้กระทั่งขณะขับรถ นอกจากนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อและควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทำให้สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน

LUXURIOUS COMFORT & INTELLIGENT COCKPIT FOR FAMILY มอบความสะดวกสบายและห้องโดยสารที่มาพร้อมนวัตกรรมทันสมัย

RIDDARA RD6 มอบความความสะดวกสบายระดับ SUV ด้วยห้องโดยสารระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับทุกคนในครอบครัว ให้ห้องโดยสารที่เงียบสงบด้วยเทคโนโลยี Pure Electric NVH Silent  พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Carbit link พร้อมที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายขนาด 50W มีระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ CN95 filter PM 2.5 เบาะหนังคุณภาพสูง ดีไซน์เอกลักษณ์ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะโดยสาร เบาะหน้าเอนได้แบบ 180 องศา ปรับแต่งเพิ่มพื้นที่การใช้งานที่หลากหลายเพื่อทุกคนในครอบครัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกครบครันพร้อมมอบความสะดวกสบายในทุกเส้นทาง

ENJOY OUTDOOOR LIFESTYLE พร้อมตอบทุกโจทย์กิจกรรมของครอบครัว

RIDDARA RD6 ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 แบบอัตโนมัติ โดยมีโหมดการขับขี่ 7 โหมด สำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกัน (Sand / Mud / Off-road / Wading / Economy / Comfort / Sport) อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงสุด 815 มิลลิเมตร และความสามารถในการไต่ทางชันสูงสุด 95% มีพื้นที่บรรทุกกระบะท้ายขนาด 1,200 ลิตร ช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 70 ลิตร และพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังอีก 48 ลิตร มีความสามารถในการบรรทุก 1,030 กิโกรัม อีกทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัม พร้อมบันไดท้ายซ่อนภายในประตูท้ายกระบะ ให้การขึ้นลงท้ายกระบะเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย

SAFETY IS THE FOUNDATION OF EVERY ADVENTURE มั่นใจในทุกเส้นทาง ปกป้องทุกคนในครอบครัว

RIDDARA RD6 มาพร้อมระบบความปลอดภัยรอบคัน ในแง่ของแบตเตอรี มีระบบป้องกันน้ำมาตรฐาน IP68 พร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยหลัก 6 ระบบ 5 ฟังก์ชั่น และระบบมอนิเตอร์ 24 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงระบบช่วยในการขับขี่ ADAS (Advanced Driving Assistance Systems) สูงสุด 14 ระบบ และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 540 องศา รวมไปถึงถุงลมนิรภัย 6 จุดช่วยปกป้องทั่วทั้งห้องโดยสาร ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูง โครงรถทั้งคันมีความแข็งแรงที่ 30,300 N·m/deg ซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของโครงสร้างรถ

RIDDARA RD6 มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมี 4 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่ายดังนี้

oRIDDARA RD6 2WD 63kWh   ราคา 899,000 บาท

oRIDDARA RD6 2WD 73.9 kWh ราคา 999,000 บาท

oRIDDARA RD6 4WD 73.9 kWh ราคา 1,149,000 บาท

oRIDDARA RD6 4WD 86kWh   ราคา 1,299,000 บาท

จอง RIDDARA RD6 วันนี้รับข้อเสนอสุดพิเศษ

RIDDARA ได้จัดทำข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จอง RIDDARA RD6 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ถึง วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” หรือที่ผู้จำหน่าย RIDDARA อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

oอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด)

oบัตรของขวัญโลตัสมูลค่า 5,000 บาท*

oรับโฮมชาร์จเจอร์พร้อมค่าบริการติดตั้งฟรี

oฟรีประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี

oการรับประกันคุณภาพรถใหม่ครอบคลุมระยะเวลา 6 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร 

oการรับประกันมอเตอร์ขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ขับเคลื่อน เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร

oฟรีค่าอะไหล่และค่าแรงบํารุงรักษาตามระยะทางสูงสุด 6 ครั้ง ภายใน 6 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

oฟรี แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถขนาด 2GB ระยะเวลา 1 ปี

oบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง ฟรี 6 ปี

oฟรี ค่าจดทะเบียน 

oฟรี สายชาร์จเคลื่อนที่

*เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของ RIDDARA RD6 ได้ที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” หรือ “Thailand International Motor Expo 2024” ที่ บูธ A13 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00 – 22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00 – 22.00 น.

CHANGAN เปิดตัว DEEPAL E07 ที่ Motor Expo 2024

CHANGAN สร้างปรากฏการณ์ที่ The 41st Thailand International Motor Expo 2024 ด้วยการเปิดตัว DEEPAL E07 ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสมรรถนะที่โดดเด่น พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ระดับโลก Vast Ocean Plan เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ปีที่ผ่านมาเป็นปีสำคัญของ CHANGAN ในประเทศไทย เราได้เปิดตัวแผนระดับโลก ‘Vast Ocean Plan’ ซึ่งช่วยขยายธุรกิจจากภูมิภาคอาเซียนไปยังยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา โอเชียเนีย และประเทศไทย เราภูมิใจในการเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีของ CHANGAN Thailand โดยในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัว DEEPAL S07 และ L07 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากตลาดไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์”

CHANGAN ขับเคลื่อนความยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ Vast Ocean Plan ที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทในประเทศไทย รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ที่ระยอง และการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ 3 หน่วย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในภูมิภาค ความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืนสะท้อนผ่านการลดการปล่อย CO2 โดยยอดขายยานยนต์พลังงานใหม่ของ CHANGAN ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 10,000 ตัน จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ CHANGAN ยังร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในประเทศไทยกว่า 300 ราย ส่งเสริมการผลิตในประเทศมากกว่า 50% โดยพนักงานกว่า 80% เป็นคนไทย สร้างงานในห่วงโซ่อุปทานกว่า 20,000 ตำแหน่ง และจ่ายภาษีมากกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทย

ในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา CHANGAN ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัว AVATR แบรนด์รถ SUV ระดับหรูที่มุ่งเน้นการผสมผสานความสง่างาม นวัตกรรม และความคุ้มค่า โดยรุ่น AVATR 11 ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งผู้บริโภคและสื่อมวลชน ด้วยดีไซน์ที่ล้ำยุค เทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม

 สำหรับไฮไลต์ในงานครั้งนี้ DEEPAL ได้เปิดตัว DEEPAL E07 รถ SUV ไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สะท้อนแนวคิด “BE YOURSELF, DRIVE YOUR WAY” มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

DEEPAL E07 มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุค เส้นสายภายนอกที่โฉบเฉี่ยว ผสานความสวยงามและความแข็งแกร่ง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 89.98 กิโลวัตต์-ชั่วโมง สมรรถนะดีเยี่ยมด้วยขุมพลัง 2 ทางเลือก

1.รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)

มาพร้อมมอเตอร์คู่ให้กำลังรวมสูงสุด 440 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมสูงสุด 645 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ไกล 590 กิโลเมตร ต่อหนึ่งการชาร์จเต็ม ตามมาตรฐาน NEDC

2.รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ  (RWD)

มาพร้อมมอเตอร์ให้กำลังสูงสุด 252 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 365 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ไกลถึง 640 กิโลเมตร ต่อหนึ่งการชาร์จเต็ม ตามมาตรฐาน NEDC

นอกจากนี้ DEEPAL E07 ยังเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย อาทิ ระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบช่วยจอดอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ระบบเลือกโหมดสถานการณ์เพื่อช่วยปรับพื้นที่ห้องโดยสารพร้อมสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม โหมดเฝ้าระวังเพื่อช่วยตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติและบันทึกวิดีโอสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เมื่อไม่ได้อยู่ที่รถ เป็นต้น อีกทั้งยังมีพื้นที่ภายในที่สะดวกสบาย เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทางพร้อมฟังก์ชัน Zero Gravity และระบบระบายอากาศ

จุดเด่นของ DEEPAL E07

•ดีไซน์ล้ำยุค: เส้นสายภายนอกที่โฉบเฉี่ยว ผสานความสวยงามและความแข็งแกร่ง

•สมรรถนะไฟฟ้าทรงพลัง: กำลังรวมสูงสุด 440 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมสูงสุด 645 นิวตัน-เมตร (รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ) และกำลังสูงสุด 252 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 365 นิวตันเมตร (รุ่นขับเคลื่อนสองล้อ)

•ระยะทางไกล: ชาร์จครั้งเดียววิ่งได้ไกล 590 กิโลเมตร (รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ) และ 640 กิโลเมตร (รุ่นขับเคลื่อนสองล้อ)

•เทคโนโลยีอัจฉริยะ: ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบเลือกโหมดสถานการณ์ และโหมดเฝ้าระวัง

•พื้นที่ภายในที่สะดวกสบาย: เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 14 ทิศทางพร้อมฟังก์ชัน Zero Gravity และระบบระบายอากาศ

รุ่นและราคา DEEPAL E07

•DEEPAL E07 Plus: ราคา 1,699,000 บาท

•DEEPAL E07 Performance AWD: ราคา 2,099,000 บาท

•DEEPAL E07 Plus Limited Edition: ราคา 1,890,000 – 1,990,000 บาท (เปิดจองล่วงหน้า)

•DEEPAL E07 Performance AWD Limited Edition: ราคา 2,290,000 – 2,390,000 บาท (เปิดจองล่วงหน้า)

•DEEPAL E07 Legacy: ราคา 2,990,000 – 3,090,000 บาท (เปิดจองล่วงหน้า)

ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จอง DEEPAL E07 มีรายละเอียดดังนี้

สิทธิประโยชน์ สำหรับรถยนต์ DEEPAL E07 รุ่น Plus

1. แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care

-ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. 1 ปี 

– รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี 

-ฟรี การบำรุงรักษา 6 ปี หรือ 6 ครั้ง ยกเว้น ชิ้นส่วนพิเศษ วัสดุสิ้นเปลือง และชิ้นส่วนที่สึกหรอ

2. แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care Plus

-ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมบริการติดตั้ง 

-ฟรี สายชาร์จเคลื่อนที่

-ฟรี อินเทอร์เน็ต 10 ปี  (ข้อมูลอินเทอร์เน็ตสำหรับระบบ 1 GB  ต่อเดือน  และข้อมูลสำหรับสื่อบันเทิง 1 GB ต่อเดือน )

3. พิเศษสำหรับผู้ที่จอง 500 ท่านแรก รับราคาเปิดตัวพิเศษ DEEPAL E07 Plus ราคา 1,599,000 บาท พร้อมรับ Special Gift: เลือกรับไลฟ์สไตล์แพ็คเกจ Outdoor Explorer Pack หรือ Bike & Beyond Kit มูลค่า 60,000 บาท

สิทธิประโยชน์ สำหรับรถยนต์ DEEPAL E07 รุ่น Performance AWD

1. แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care

-ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. 1 ปี 

-รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี 

-ฟรี การบำรุงรักษา 6 ปี หรือ 6 ครั้ง ยกเว้น ชิ้นส่วนพิเศษ วัสดุสิ้นเปลือง และชิ้นส่วนที่สึกหรอ

2. แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care Plus

-ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมบริการติดตั้ง 

-ฟรี สายชาร์จเคลื่อนที่

-ฟรี อินเทอร์เน็ต 10 ปี  (ข้อมูลอินเทอร์เน็ตสำหรับระบบ 1 GB  ต่อเดือน  และข้อมูลสำหรับสื่อบันเทิง 1 GB ต่อเดือน )

-รับประกัน 10 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร เฉพาะช่วงล่างแบบถุงลมและระบบปรับความหนืดช่วงล่างอัจฉริยะ

3. พิเศษสำหรับผู้ที่จอง 500 ท่านแรก รับราคาเปิดตัวพิเศษ DEEPAL E07 Performance AWD ราคา 1,999,000 บาท พร้อมรับ Special Gift: เลือกรับไลฟ์สไตล์แพ็คเกจOutdoor Explorer Pack หรือ Bike & Beyond Kit มูลค่า 60,000 บาท

“ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน CHANGAN อย่างต่อเนื่อง ความไว้วางใจของทุกท่านคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เราเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดไทย ในปี 2025 เรามุ่งมั่นขยายการผลิตและบริการในประเทศไทย โดยจะเริ่มการผลิตในโรงงานระยองช่วงครึ่งปีแรก และขยายศูนย์บริการหลังการขายเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าต่อไป” นายเซิน ซิงหัว กล่าวปิดท้าย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save