- Advertisement -
26.8 C
Bangkok
Home Blog Page 26

เอ็มจี เปิดวิสัยทัศน์ขึ้น ท็อป 5 ในทศวรรษที่ 2 พร้อมเปิดตัว NEW MG IM6

เอ็มจี เปิดวิสัยทัศน์ขึ้น ท็อป 5 ในทศวรรษที่ 2 พร้อมเปิดตัว NEW MG IM6 ชาร์จไว ฟังก์ชันครบ แรงสุดในรุ่น รับประกันแบตเตอรี่ Lifetime Warranty

กรุงเทพฯ – 18 มีนาคม 2568 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจในไทยตั้งเป้าปีนี้ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 5% และมุ่งก้าวสู่ ท็อป 5 ในตลาดยานยนต์ไทย ภายในทศวรรษที่ 2 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า และ ไฮบริด รุ่นใหม่ เพิ่มเติมพอร์ตโฟลิโอภายในปี 2026  เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เติมเต็มพรีเมียมอีวี NEW MG IM6 เข้าเสริมทัพ ชูจุดเด่น The First-ever Premium Intelligent e-SUV ที่มาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จเร็วที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ ฟังก์ชันครบถ้วน พร้อมแรงม้าสูงถึง 778 แรงม้า สะท้อนภาพยนตรกรรมที่ล้ำสมัย มอบความตื่นเต้นให้ลูกค้า พร้อมส่งมอบในช่วงเมษายนนี้

เอ็มจี ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในวงการยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพสูงที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อนในหลากหลายเซกเมนต์ด้วยจุดเด่นของฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและราคาที่เข้าถึงง่าย ด้วยยอดขายสะสม ณ ปัจจุบันรวมกว่า 220,000 คัน ทั้งยังมียอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในไทยไปยังภูมิภาคอาเซียนแล้วมากกว่า 32,000 คัน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จที่ได้รับความเชื่อมั่นไม่เพียงตลาดภายในประเทศ แต่ยังขยายไปสู่การเติบโตในระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นคง ในทศวรรษที่ 2 เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเอ็มจีมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และรถไฮบริด เพิ่มเติมภายในปี 2026 เริ่มต้นด้วย NEW MG IM6 ยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นเรือธง ที่จะเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมอีวี และ B-SUV ไฟฟ้าล้วน อย่าง NEW MG S5 EV ที่จะเปิดตัวในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 พร้อมเสริมทัพแผนการขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพลังงานทางเลือกตามเทรนด์โลก และมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  1. การตอกย้ำความเป็นผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้าในไทยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง

เอ็มจี มุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและคุ้มค่า โดยภายในปี 2026 เอ็มจี เตรียมขยายไลน์อัพรถไฟฟ้าใหม่ ทั้ง SUV และ MPV นอกจากนี้ เอ็มจี ยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่มอบการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์สำคัญของแบรนด์ เพื่อคลายความกังวลเกี่ยวกับความทนทานของระบบไฟฟ้าและเพิ่มมูลค่าให้กับรถมือสอง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการยกระดับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อให้พร้อมต่อการขยายตัวในการใช้รถอีวี

2) การพัฒนายานยนต์พลังงานทางเลือก เพื่อเสริมประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์การขับขี่

เอ็มจี เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดภายใต้แนวคิด “Global Quality, Local Relevance” ด้วยการนำเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันที่ 2 จาก SAIC MOTOR CORPORATION มาชูจุดเด่นด้านสมรรถนะที่ดีขึ้น การประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่า และการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมคงความคุ้มค่าในการใช้งาน พร้อมกันนี้ เอ็มจี ยังเตรียมขยายไลน์อัพรถยนต์ไฮบริดอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ภายในปี 2026 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยทั้งในกลุ่มครอบครัวและกลุ่มที่มองหาความประหยัดเป็นหลัก

3) สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกด้าน

สำหรับ  เอ็มจี เรามุ่งมั่นยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนา E-Workshop ระบบบริการดิจิทัล  ที่ให้ลูกค้าติดตามงานซ่อมได้แบบเรียลไทม์ สะดวก และมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าอัตราการจัดหาอะไหล่ 99% เพื่อให้บริการได้รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย พร้อมเสริมด้วยบริการ ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และการดูแลแบบใส่ใจรายบุคคล เพราะที่ เอ็มจี เราเชื่อว่า ลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ และเราพร้อมดูแลตลอดการเดินทาง

4) การขับเคลื่อนแบรนด์สู่ความยั่งยืน พร้อมเคียงข้างสังคมไทย

ในปีนี้ เอ็มจี จะยังคงเดินหน้าพันธกิจนำแบรนด์สู่ความยั่งยืน โดยบูรณาการความร่วมมือกับทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาองค์กรและสังคมไปพร้อมกัน ทั้งยังสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมและมุ่งถ่ายทอดทักษะด้านนวัตกรรมในการพัฒนาเทคโนโลยี NEV ด้วยเผยการขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาทักษะในอนาคตและสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ

และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญภายในงานกับการเปิดตัว NEW MG IM6 ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของแบรนด์ เอ็มจี ซึ่ง NEW MG IM6 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ขับเคลื่อนตัวตน บนความเป็นตัวเอง” (I’M WHO I’M) โดยนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับเติมเต็มทั้งความหรูหราและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแค่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังสะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ผ่านการออกแบบที่โดดเด่นและแตกต่างอย่างมีสไตล์ ซึ่งยนตรกรรมรุ่นนี้ได้รับรางวัล 2024 Red Dot Product Design Award ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เรียบหรู ภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว ผสานกับการออกแบบภายในที่เน้นความสะดวกสบาย ด้วยเบาะ POPO Sofa รูปทรงขนมปังที่มอบความนุ่มนวล ไม่ว่าเส้นทางไหนก็นั่งสบายตลอดทาง เสริมความบันเทิงด้วยหน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว ที่รองรับระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS ที่ได้รับการพัฒนาโดย Alibaba Group ซึ่งระบบดังกล่าวยังได้รับรางวัล Red Dot Design Award สาขา Brand & Communication Design รวมถึงระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 ตำแหน่ง ให้ลูกค้าได้เต็มอิ่มกับเครื่องเสียงรอบทิศทางขณะการเดินทาง

NEW MG IM6 ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีระดับสูง ด้วยแชสซีดิจิทัลอัจฉริยะ IM Digital Chassis ที่มอบความสมดุลและประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 778 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 802 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh ที่รองรับแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) สะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีระบบ Cooling System เจเนอเรชันใหม่ที่สามารถระบายความร้อนถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที และมอบความขั้นกว่าด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ทำให้ NEW MG IM6 เป็นรถที่ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกันและยังสามารถเพิ่มระยะทาง การขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุ่นใจกับการใช้รถไฟฟ้าด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยระบบ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และ ADAS รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาว จาก China NCAP พร้อมดีไซน์ระบบให้รองรับ EURO-NCAP ต่อไป นอกจากนี้ NEW MG IM6  ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าทุกมาตรฐาน ด้วยระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดายแม้ในพื้นที่จำกัด และระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ช่วยให้การขับขี่ในสภาพอากาศที่ยากลำบากยังคงมีความชัดเจน อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นคงในทุกการเดินทาง

นาย ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า “แม้ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เรามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยการพัฒนาแบรนด์ในทุกมิติ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิต การขยายเครือข่ายบริการหลังการขาย และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานต่างๆ สำหรับการเปิดตัวและประกาศราคา NEW MG IM6 ครั้งนี้ เรามุ่งหวังที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยและยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของแบรนด์ เอ็มจี นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ระดับสากล โดยในปีนี้ เอ็มจี ตั้งเป้าหมายที่จะ เพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็น 5% พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจอย่างเข้มข้นเพื่อผลักดันสู่หมุดหมายใหญ่ในการขึ้นเป็นแบรนด์  “ท็อป 5” ภายในทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย”

บีเอ็มดับเบิลยู ยกขบวนยานยนต์สุดทุกรุ่นบุกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยกขบวนยานยนต์สุดตื่นตา จุดกระแสความคึกคักก่อนมุ่งสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

นำทัพด้วยตัวแรงหน้าใหม่จาก บีเอ็มดับเบิลยู M และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ตอบโจทย์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้งรถทัวริ่งสมรรถนะสูงและ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ พลังงานไฟฟ้า

รุ่นยอดนิยมระดับตำนาน บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 เปิดประสบการณ์ใหม่อีกครั้งในรุ่น 330e M Sport และ 530e Inspiring

สัมผัสที่สุดแห่งการผจญภัยแบบเอ็นดูโร กับบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS Adventure ใหม่ ออกตัวคู่กับจรวดทางเรียบในรุ่น S 1000 RR

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมนำทัพยานยนต์รุ่นใหม่สุดตระการตา มุ่งสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “สนทนาภาษายานยนต์” โดยทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมนำเสนอรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุดที่ตอบสนองทุกความต้องการของนักขับชาวไทย นับตั้งแต่ความหรูหราขณะโลดแล่นบนท้องถนนในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงที่สุดของสมรรถนะและการผจญภัยออฟโรดอย่างไร้ขีดจำกัด

มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าวว่า “ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้เผยถึงกระแสตอบรับอันอบอุ่นของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและกลุ่มยานยนต์สมรรถนะสูงของเรา ในมอเตอร์โชว์ปีนี้ เราจึงเตรียมต่อยอดความสำเร็จและกระแสความสนใจของลูกค้าด้วยความตื่นตาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หลายรุ่น อย่างในตระกูล M ของบีเอ็มดับเบิลยู เรามีทั้งบีเอ็มดับเบิลยู M3 Competition M xDrive Touring และ M5 Touring ใหม่ ที่ผสมผสานประสิทธิภาพและความคล่องตัวในระดับสูงสุด เข้ากับรูปลักษณ์สง่างามและประโยชน์ใช้สอยของรถประเภท Touring”

“ทางฝั่งมินิก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ด้วยรถยนต์สมรรถนะสูงจากตระกูล จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ถึง 4 รุ่น ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึง JCW พลังงานไฟฟ้าสองรุ่นแรก ทั้งในรุ่นแบบ 3 ประตู และรุ่น Aceman แบบ 5 ประตู ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ขนตัวท็อปมาเผยโฉมกันในสองสไตล์ ทั้งสายผจญภัยออฟโรดกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS Adventure และซูเปอร์ไบค์อย่างบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR”

ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูและมินิยังทำการปรับโฉม เสริมสมรรถนะให้กับรุ่นยอดนิยมของแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ที่รองรับการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วนได้ไกลยิ่งขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู 530e Inspiring ที่เปิดทางให้ลูกค้าเป็นเจ้าของซีรีส์ 5 ได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงความพรีเมียมในทุกมิติ หรือความเพลิดเพลินจากประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดประทุนกับ MINI Cooper Convertible S นอกจากยานยนต์รุ่นใหม่ที่ยกทัพมาเปิดตัวเป็นครั้งแรก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังมีข้อเสนอพิเศษมากมายจากทั้งสามแบรนด์ ให้ลูกค้าได้สัมผัสที่สุดแห่งการขับขี่ระดับพรีเมียมได้อย่างสบายใจ

มร. แกร์ฮาร์ด กล่าวเสริมว่า “ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรานำมาเปิดตัวในมอเตอร์โชว์ปีนี้ เป็นการเน้นย้ำถึงความสามารถของเราในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในตลาดรถยนต์พรีเมียม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จของเรา ทั้งในตลาดไทยและบนเวทีโลก เรามีความยินดีที่จะได้เห็นลูกค้าได้สนุกและตื่นเต้นไปกับยานยนต์ของเรา และผมขอให้ทุกท่านจับตารอความเคลื่อนไหวของเราในปีนี้ กับสีสันและความแปลกใหม่ที่ยังรออยู่ข้างหน้าในปี 2568 นี้”

ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประกาศเปิดตัวในวันนี้ จะเผยแพร่อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2568

ข้อเสนอพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยูในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่ร่วมรายการ โดยเลือกใช้ข้อเสนอทางการเงินจากบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส และมีกำหนดรับรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 สามารถเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษ* ได้ในงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 8 ปี ประกันภัยชั้นหนึ่ง BMW Protect ฟรีสูงสุด 3 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% และอื่นๆ อีกมากมาย

รุ่นข้อเสนอพิเศษ
บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d, X3 M50 ใหม่    ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 32,299 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู 330e ใหม่ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 23,799 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู M340i ใหม่ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 33,999 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู 320dฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 23,799 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู iX3ฟรี BMW Wall Boxฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 27,499 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 32,299 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู M และ M Performance   (รุ่นที่เข้าร่วม บีเอ็มดับเบิลยู M240i, บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50, บีเอ็มดับเบิลยู M440i (รุ่นก่อนปรับโฉม), บีเอ็มดับเบิลยู Z4 M40i, บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60, บีเอ็มดับเบิลยู M3 CS, บีเอ็มดับเบิลยู M3 Touring, บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe (รุ่นก่อนปรับโฉม) และ บีเอ็มดับเบิลยู X4M )ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 37,299 บาท/เดือนฟรี แพ็คเกจ BMW Driving Experience ที่เกาหลีใต้ สำหรับรุ่น M240i, i4 M50, i5 M60, M440i (รุ่นก่อนปรับโฉม), Z4 M40i, M3 CS, M3 Touring (รุ่นก่อนปรับโฉม) และ M4 Coupe (รุ่นก่อนปรับโฉม)
บีเอ็มดับเบิลยู 320Li / 330Liฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 19,999 บาท/เดือนหรือ ฟรีอัปเกรด BSI Ultimate นานสูงสุด 5 ปีสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 320 Li
บีเอ็มดับเบิลยู X1ฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%ผ่อนเริ่มต้น 15,799 บาท/เดือน (สำหรับรุ่น X1 sDrive20i xLine เท่านั้น)
บีเอ็มดับเบิลยู X3 30eฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 33,099 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู X5 30eฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 46,399 บาท/เดือน
บีเอ็มดับเบิลยู รุ่นพลังงานไฟฟ้า   (บีเอ็มดับเบิลยู i4, i5, i7, iX2, iX)ฟรี BMW Wall Boxฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect สูงสุด 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 31,099 บาท/เดือนฟรี เครดิตการชาร์จมูลค่า 20,000 บาทที่สถานีชาร์จ Elex by EGAT

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/promotional-offers/bmw-march-2025-motorshowoffer.html

ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Thailand หรือติดต่อ BMW Contact Centre ที่เบอร์ 1397

ข้อเสนอพิเศษจากมินิในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

พบกับข้อเสนอพิเศษ** ที่พร้อมเปิดทางให้คุณได้โลดแล่นไปกับมินิหลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าขับสนุกหรือรถอเนกประสงค์สำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ ด้วยความอุ่นใจจากอัตราผ่อนชำระพิเศษ ประกันภัยชั้นหนึ่ง และอื่นๆ

รุ่นข้อเสนอพิเศษ
MINI Cooper SE และ MINI Aceman SE  ฟรี MINI Wall Box หรือฟรี ประกันภัยชั้น 1 MINI Protect สูงสุด 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceผ่อนเริ่มต้น 11,555 บาท/เดือน (สำหรับ MINI Cooper SE) และ 15,555 บาท/เดือน (สำหรับ MINI Aceman SE)
MINI Countryman S ALL4ฟรี ประกันภัยชั้น 1 MINI Protect สูงสุด 3 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาในโปรแกรม Hire Purchase, Hire Purchase With Balloon, Finance Lease หรือ BMW Freedom Choiceฟรี กล้องหน้ารถ Advanced Car Eye 3.0 สำหรับรุ่น MINI Countryman S ALL4 Classicผ่อนเริ่มต้น 22,099 บาท/เดือน

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mini.co.th/en_TH/home/serv/special-offers/the_new_mini_family.html  

ข้อเสนอพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

ออกตัวสู่ทุกเส้นทางกับสองล้อคู่ใจคันใหม่จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยข้อเสนอพิเศษ*** ที่มีทั้งประกันภัยชั้นหนึ่ง ขยายเวลาบริการหลังการขาย และอัตราดอกเบี้ยพิเศษสุด

รุ่นข้อเสนอพิเศษ
บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GTฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Motorrad Protect สูงสุด 1 ปีขยายระยะเวลา แพ็คเกจบริการหลังการขาย BMW Motorrad Service Inclusive เป็น 3 ปีเต็ม
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventureเลือกจากฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Motorrad Protect สูงสุด 1 ปีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GSอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.65% สำหรับลูกค้าเดิมของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เท่านั้น

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด 

มาสด้า เปิดตัว NEW MAZDA MX-5 รุ่นลิมิเต็ด ฉลองครบรอบ 35 ปี

มาสด้า เปิดตัวรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอน NEW MAZADA MX-5 รุ่นลิมิเต็ด ฉลองครบรอบ 35 ปี

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 17 มีนาคม 2568 – มาสด้าแนะนำรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนเจ้าของตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี ของ MX-5 ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต มอบความสปอร์ตสไตล์คลาสสิก แฝงด้วยความสปอร์ตทุกรายละเอียด มาพร้อมความพิเศษกับสีภายนอก Artisan Red Premium เอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้า ภายในตกแต่งด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan สะท้อนความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial number บ่งบอกความพิเศษที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด วางราคาจำหน่าย 3,069,000 บาท และแคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัว ฟรีประกันชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี หรือ Mazda Ultimate Service พร้อมเปิดโอกาสให้แฟนพันธุ์แท้ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้า MX-5 คือรถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนหลังคาไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบา เจ้าของตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ แบรนด์ไอคอนของมาสด้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก โดยมาสด้า MX-5 เจนเนอเรชั่นแรก เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2532 ในงาน Chicago Auto Show ด้วยการเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์น้ำหนักเบา ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 เจนเนอเรชั่นที่สองก็ได้ถูกเปิดตัว สร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลกจนได้รับการบันทึกลงในหนังสือ Guinness World Records ให้เป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบบสองที่นั่งที่ขายดีที่สุดในโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 MX-5 เจนเนอเรชั่นที่สามก็ได้เปิดตัวขึ้น และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โรดสเตอร์ที่มาพร้อมหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกเพียง 13 วินาที จนกระทั่งในปี 2558 จนถึงปัจจุบัน MX-5 เจนเนอเรชั่นที่สี่ ได้มีการพลิกโฉมอีกครั้ง โดยมาพร้อมกับดีไซน์ที่เฉียบคมและพริ้วไหว ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ทำให้ได้ภาพลักษณ์ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวอย่างชัดเจน และยังคงสร้างกระแสความนิยมในกลุ่มแฟนๆ อย่างไม่เสื่อมคลาย ทำให้การผลิตในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.2 ล้าน คันทั่วโลก

“การแนะนำ New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษครบรอบ 35 ปี ครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองไปพร้อมๆ กับแฟนมาสด้าทั่วโลก นับตั้งแต่รถรุ่นนี้ได้เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรก และยังคงเป็นรถในเจนเนอเรชั่นที่สี่ ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์ยอดนิยมของมาสด้าไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบที่พรีเมี่ยมสง่างาม ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีไดนามิกในการขับขี่ที่ดี พร้อมการควบคุมที่แม่นยำ มาพร้อมกับเครื่องยนต์วางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลัง กระจายน้ำหนักหน้า-หลังแบบ 50:50 มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ พัฒนาโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ตามปรัชญา จินบะ-อิไต โดยผลิตจำนวนจำกัดเพื่อให้แฟนๆ ทั่วโลก และนักสะสมชาวไทยได้ครอบครอง เชื่อว่ารถรุ่นนี้จะเป็นรถอีกโมเดลที่จะมาสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ ทำให้แฟนๆ สปอร์ตโรดสเตอร์ได้ภูมิใจที่ได้ครอบครองอย่างแน่นอน“ นายธีร์ กล่าว

Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี ได้รับการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อถ่ายทอดความพิเศษในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น สีภายนอกพิเศษ Artisan Red Premium ที่ได้รับผสมผสานตามแนวทาง ทาคุมิ-นูริ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพ่นสีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า โดยเน้นแสงเงาและความมีมิติ ช่วยเพิ่มความสวยงามของตัวถังภายนอกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมความพิเศษด้วยสัญญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial Number ที่บริเวณด้านข้างตัวถัง บ่งบอกถึงความพิเศษที่มีจำนวนจำกัด รวมถึงหลังคาหลังคาแข็งที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Bright ที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความพิเศษได้อย่างมีเอกลักษณ์

ภายในห้องโดยสารของ New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี มาพร้อมความสปอร์ตพรีเมี่ยมที่พิเศษแตกต่างจากรุ่นปกติ ด้วยเบาะหุ้มหนังสีพิเศษ Sports Tan พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition ที่บริเวณพนักพิงศีรษะ เบาะนั่ง และพรมปูพื้นห้องโดยสาร มาพร้อมพวงมาลัย หัวเกียร์ และเบรกมือหุ้มหนังสีดำ พร้อมด้ายสีพิเศษ Sports Tan กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีพิเศษ Artisan Red Premium แผงคอนโซลและแผงประตูหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ ด้วย Apple CarPlay® และ Mazda Connect ที่สามารถแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพงถึง 9 ตำแหน่ง

New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี ยังคงเอกลักษณ์ของมาสด้าด้านความสนุกสนานในการขับขี่ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ตามหลักปรัชญา จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ที่ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้สมรรถนะความแรงสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยมอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบสัญญาณเตือนกันขโมย และระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อม ระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากมายหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)

•ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)

•ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)

•ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ แบบ Advance (Advanced Smart Brake Support)

•ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

•ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

•ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support- Rear Crossing)

New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี มาพร้อมสีภายนอก Artisan Red Premium โดยวางราคาจำหน่ายที่ 3,069,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับแฟนๆ MX-5 ที่สนใจร่วมเป็นหนึ่งกับความภาคภูมิใจไปพร้อมกับแฟนมาสด้าทั่วโลกที่จะได้ครอบครองรถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นพิเศษนี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th

รายการตกแต่งพิเศษใน New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี

ลำดับรายการตกแต่งพิเศษ
1พวงมาลัย หัวเกียร์ และเบรค มือหุ้มหนัง พร้อมด้ายสีพิเศษ Sports Tan
2เบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary
3กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ (สีแดง อาร์ทิซาน เรด)
4กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีพิเศษ (สีแดง อาร์ทิซาน เรด)
5แผงคอนโซล และแผงประตูหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan
6ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว สี Bright ใหม่
7สัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial Number
8พรมปูพื้นห้องโดยสาร พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition
9สีภายนอก สีพิเศษ Artisan Red Premium
10หลังคา Hardtop

ซูซูกิ ตอกย้ำความอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย

ซูซูกิ ตอกย้ำความอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลายจับมือผู้ประกอบการจัดแสดงรถตรวจวัดสายตาและรถตัดผมทางเลือกอาชีพคนรุ่นใหม่ ส่งมอบความสุขให้ผู้สูงอายุในปทุมธานี

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซูซูกิ มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่า คุ้มราคา สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย โดย SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เพื่อการพาณิชย์ คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ตอกย้ำให้ผู้บริโภคทราบได้อย่างชัดเจนถึงแนวทางดังกล่าวของซูซูกิได้เป็นอย่างดี

SUZUKI CARRY ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานรวมถึงรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต และสามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับหลากหลายธุรกิจ ตอบโจทย์การเป็นรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ตั้งแต่การขนส่งสินค้า การให้บริการเคลื่อนที่ ไปจนถึงการสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ด้วยความอเนกประสงค์และความคุ้มค่าในการลงทุน SUZUKI CARRY เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินลงทุนไม่มาก และยังสามารถผ่อนชำระในอัตราที่เข้าถึงได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนสูงก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ทันที เติมเต็มธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยและรายใหญ่ ทั้งยังพัฒนาสู่การสื่อสารการตลาดในเชิงสังคมที่โดดเด่น ภายใต้แนวคิด “CARRY YOUR DREAM เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ด้วยการนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดในเชิงนวัตกรรมให้สามารถออกไปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ด้านการตอบรับความต้องการของกลุ่มธุรกิจ SUZUKI CARRY ถูกออกแบบมาให้เป็นกระบะบรรทุกแบบเรียบ ด้วยพื้นที่กระบะบรรทุกขนาดใหญ่ สามารถเปิดกระบะได้ทั้ง 3 ด้าน ช่วงล่างแข็งแกร่ง รองรับหนักบรรทุกสูงสุดถึง 945 กิโลกรัม เป็นจุดเด่นที่ทำให้ SUZUKI CARRY เหมาะสำหรับการใช้งานในกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการความสะดวกสบายในการบรรทุกและขนส่งสิ่งของ หรือการจัดกิจกรรมเคลื่อนที่  โดยถูกนำไปตกแต่งและพัฒนาต่อยอดเป็น รถบ้าน รถขายอาหาร ร้านซักรีดเสื้อผ้า ร้านตัดขนสุนัข ร้านทำเล็บ หรือการนำไปบรรทุกสินค้าอื่นๆ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ของรถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

เพื่อเป็นการส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจและแสดงถึงความอเนกประสงค์ของ SUZUKI CARRY และตอกย้ำถึงการมุ่งมั่นให้ซูซูกิเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซูซูกิยังคงสานต่อโครงการ “SUZUKI CARRY Your Dream CARRY Your Life” กับกิจกรรม CSR Suzuki Carry Barber Truck ปี 4 โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการในการนำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY ดัดแปลงเป็นร้านตัดผมเคลื่อนที่เพื่อออกไปร่วมกิจกรรมตัดผมให้แก่ประชาชนยังสถานที่ต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา กิจกรรมจัดขึ้น ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งนอกจาก ร้าน GOT BARBER TRUCK ที่นำรถ Suzuki Carry Barber Truck นำมาให้บริการตัดผมแก่ผู้สูงอายุในสถานที่ดังกล่าวแล้ว ซูซูกิยังได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ เช่น ร้านแว่นตาซันเดย์ออฟติค ให้บริการตรวจวัดค่าสายตาและบริการตัดแว่นสายตาที่สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้านขนมหวานมานีมีนม และรวมถึงได้จัดแสดงรถรับส่งผู้ป่วยติดเตียง ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้สะดวกยิ่งขึ้น ไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทั้งยังได้มอบเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นให้กับทางศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี โดยมีคุณยุวดี วณิชชยังกรู หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการและสังคมสงเคราะห์ เป็นผู้แทนในการรับมอบอีกด้วย

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า SUZUKI CARRY ตอบโจทย์ธุรกิจหลากหลายประเภทด้วยการนำเสนอแนวคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือการดัดแปลงรถ SUZUKI CARRY ให้บริการตัดแว่นสายตาบนรถ ซึ่งเป็นไอเดียใหม่ที่สะดวกและเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่อยู่อาศัยหรือสถานที่อื่นๆ การบริการในรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า แต่ยังมีส่วนช่วยให้ธุรกิจขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น SUZUKI CARRY จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการพัฒนาปรับตัวให้ทันกับความต้องการของตลาดและสร้างความแตกต่างในการให้บริการ

SUZUKI CARRY จำหน่ายในราคาเพียง 395,000 บาท (ราคารุ่นมาตรฐานไม่รวมอุปกรณ์ตกแต่ง) เรายังได้จัดแคมเปญพิเศษ เลือกรับข้อเสนอ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก ทั้งนี้เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิ 91 แห่งทั่วประเทศ เรามีที่ปรึกษาการขายพร้อมบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและตกแต่ง SUZUKI CARRY นอกจากนั้น ซูซูกิยังได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำเข้ามาร่วมเป็น Suzuki Exclusive Leasing พร้อมทีมงานให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายให้สามารถเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ได้โดยง่ายอีกด้วย

นายวัลลภ กล่าวท้ายสุดว่า แนวคิด “Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน” ยังคงเป็นดีเอ็นเอที่ชัดเจนของ SUZUKI CARRY เพราะไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอย่างไร หรืออยู่ท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบไหน SUZUKI CARRY ก็พร้อมจะเป็นยานพาหนะที่อยู่เคียงข้างร่วมฝ่าวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนารูปแบบให้สามารถรองรับการดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย จึงตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า SUZUKI CARRY เป็นได้มากกว่ารถขนสินค้าหรือสัมภาระ แต่เปรียบเสมือนดั่งพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ที่พร้อมจะสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการด้วยความจริงใจ เดินหน้าไปสู่จุดหมายและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

เอ็มจี ร่วมกับจุฬาฯ ชาร์จพลังนักการตลาดคนรุ่นใหม่

เอ็มจี ร่วมกับภาควิชาการตลาด Chulalongkorn Business School ชาร์จพลังนักการตลาดคนรุ่นใหม่ ผ่านเวที “Marketing CBS x MG Brain Rush” ชิงรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เปิดโอกาสให้นิสิตชั้นปีที่ 4 ได้ทดสอบลองสนามการเรียนรู้โจทย์ธุรกิจในชีวิตจริง เพื่อท้าทายความสามารถในการคิดวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์การตลาด ภายใต้โครงการ “Marketing CBS x MG Brain Rush” เพื่อก้าวสู่นักการตลาดมืออาชีพรุ่นใหม่ พร้อมชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

โครงการนี้จัดขึ้นภายใต้รายวิชาการวางแผนการตลาด มุ่งเน้นให้นิสิตได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์แผนการตลาดจากสถานการณ์จริง โดยได้ให้โจทย์เพื่อสร้างความท้าทายจากแบรนด์รถยนต์ เอ็มจี เพื่อร่วมวิเคราะห์การตลาดเชิงบูรณาการองค์รวม ทั้งความรู้ทางทฤษฎีเข้ากับประสบการณ์ปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ มุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้า รุ่น MG4 Long Range โดยมีทีมการตลาดของ เอ็มจี ให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการทำงาน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึกและเตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจจริง

โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เปิดโอกาสให้นิสิตที่มีผลงานที่โดดเด่นจากทั้งหมด 9 ทีมเหลือ 4 ทีมสุดท้าย ร่วมนำเสนอผลงานแผนการตลาด และโต้ตอบมุมมองการตลาดเชิงลึกต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจาก นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ และนายชุมพล คงสกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรองศาสตราจารย์ ม.ล.สาวิกา อุณหนันท์ อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชา

ทั้งนี้ ผลงานแผนการตลาดที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่

1.รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มน้องวอนยอง

2.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 (2 รางวัล) ได้แก่ กลุ่มKrit & Friends และ กลุ่มเพราะรักมันร้ายเลยย้ายมาทำรถ

3.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ กลุ่ม1234!

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความภาคภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ในการจัดกิจกรรม Marketing CBS x MG Brain Rush ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้แสดงศักยภาพทางด้านการตลาดผ่านการแก้โจทย์ธุรกิจจริงของแบรนด์ เอ็มจี ทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าประสบการณ์การเรียนรู้จากสถานการณ์จริงจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพของเยาวชนไทย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เอ็มจี ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษาและสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายแรงบันดาลใจและสนับสนุนการเรียนรู้ของนิสิตผ่านโครงการนี้”

อีซูซุ เปิดศึกเจ้าแห่งความเร็วใน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16

อีซูซุ เปิดศึกเจ้าแห่งความเร็วใน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16

กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ฟาอีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต จำกัด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด บริษัท ไพโอเนียร์ เอ็นจิเนียริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ริซไวส์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และบริษัท บี.เจ.มอเตอร์พาร์ท จำกัด ร่วมกันระเบิดศึกอีซูซุ ดีแมคซ์ รวม 19 คัน เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่น สุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวม 200,000 บาท

มร.ทาคาชิ  ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “การแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้จัดการแข่งขันกันมายาวนาน และต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ซึ่งการแข่งขันในทุกปีที่ผ่านมานั้นได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ชมที่ติดตามการแข่งขัน และนักแข่งที่เลือกใช้ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เป็นรถคู่ใจในการลงสนามประลองความเร็ว ในปีนี้จะมีการแข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” จำนวน 12 คัน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE จำนวน 7 คัน รวม 19 คัน โดยมีนักดนตรีและนักแข่งอย่าง “โดม ราชนันทร์ คุณาริยานุกูล” และการกลับมาอีกครั้งของนักแสดงและนักแข่งชื่อดัง “แอนดรูว์ โคนินทร์” เข้าร่วมการแข่งขันในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” สำหรับไฮไลท์ในปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเนื่องจากการแข่งขันจัดขึ้นในรูปแบบ “CITY STREET CIRCUIT” ถือเป็นครั้งแรกของ ISUZU ONE MAKE RACE ที่จะนำรถไปวิ่งแข่งขันในสนามเฉพาะกิจกลางเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้น อีก 2 สนาม คือ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี พบกันครั้งแรกกับรถ Safety Car ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่! ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ปรับแต่งความแรงแบบไร้ควัน ให้แรงม้าสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับ คุณสุรชัย เพ็งผ่อง จากการคว้าแชมป์ ในรุ่น  ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 UNLIMIT และ คุณปกรณ์ ธรรมโชติ ที่คว้าแชมป์ในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” รับถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท จากการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2024 ด้วย”

ร่วมพิสูจน์ความมันส์และความแรงสะใจในรายการ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” เพื่อชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่า 200,000 บาท เริ่มการแข่งขันสนามแรกในวันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และจะทำการแข่งขันแบบออนทัวร์เพื่อเก็บคะแนนในแต่ละสนาม และจัดลำดับผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง เพื่อค้นหาที่สุดเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแห่งปี 2025

สำหรับกำหนดการแข่งขันทั้ง  6 สนาม ดังนี้

สนามที่ 1 วันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568     สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

สนามที่ 2 วันที่ 2 – 4  พฤษภาคม 2568  สนามเฉพาะกิจ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อุตรดิตถ์

สนามที่ 3 วันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568   สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

สนามที่ 4 วันที่ 22 – 24 สิงหาคม 2568    สนามแก่งกระจานเซอร์กิต เพชรบุรี

สนามที่ 5 วันที่ 3 – 5 ตุลาคม 2568          สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

สนามที่ 6 วันที่ 12 – 14 ธันวาคม 2568   สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

ติดตามข้อมูลการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” ได้ที่ www.isuzu-tis.com และ www.facebook.com/allnewisuzudmax ชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวม 200,000 บาท และสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง FACEBOOK และ YOUTUBE ช่อง RACING CAR THAILAND CHANNEL และ AUTO SPICY CHANNEL  เวลา 14.00 น. ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ของทุกสนามที่ทำการแข่งขัน

รูปแบบการแข่งขัน ISUZU 3.0 PRODUCTION GROUP “N” 2025 รุ่นใหม่

การแข่งขันแบบ GROUP “N” ตามกติกาสากล บังคับให้ใช้เครื่องยนต์ที่เป็นมาตรฐานเดิมจากโรงงานผู้ผลิต แต่สามารถปรับเปลี่ยนช่วงล่าง เพิ่มเติมความสวยงาม เช่น ติดตั้งสปอยเลอร์หน้า เปลี่ยนฝากระโปรงแบบ VACUUM ซึ่งช่วยสร้างหลักอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการเสริมประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างและเบรก เปลี่ยนเบรกทั้งคันเป็นแบบ DISC BRAKE 4 ล้อ

ล้อหน้าเป็นคาลิปเปอร์แบบ 8 POT เปลี่ยนข8นาดล้อและยาง โช้คอัพ สปริงหน้าและแหนบ เพื่อให้เหมาะกับการแข่งขัน ทั้งหมดนี้เป็นการเน้นให้เห็นถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ให้ความแรงมาตรฐานโรงงาน ปรับแต่งเพียงแค่ช่วงล่างและเบรก แต่ส่งผลให้รถแข่งมีสมรรถนะสูง ความเร็วต่อรอบเทียบเท่ารถแข่งที่มีแรงม้าสูง

รูปแบบการแข่งขัน “ISUZU ONE MAKE RACE 2025”

การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” แต่ละสนามจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ การควอลิฟายด์, การแข่งขัน RACE 1 และการแข่งขัน RACE 2

การควอลิฟายด์

จะมีขึ้นในวันเสาร์เช้า เป็นการจับเวลาแบบ HOT LAP โดย แข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น 2 เรซ คือ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE การจับเวลาและแบ่งกลุ่มจะทำให้นักแข่งสามารถแข่งขันในรุ่นของตนเองได้เต็มที่ ทำให้การแข่งขันเข้มข้นเร้าใจในทุกช่วงเวลา

การแข่งขัน RACE 1

จะมีขึ้นในวันเสาร์ช่วงบ่าย ลำดับ START ตามผลการจัดลำดับเวลา และผลการแข่งขันใน RACE 1 จะเป็นการจัดอันดับออก START ใน RACE 2 ของวันอาทิตย์ จะมีคะแนนเก็บให้ตามลำดับที่เข้าแข่งขัน

การแข่งขัน RACE 2

จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ลำดับ START จะเป็นแบบ Reverse Grid ผลการแข่งขันยังคงรับถ้วยตามกลุ่มการควอลิฟายด์ RACE 2 นี้จะเป็นการตัดสินในการรับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล (เงินรางวัลรับตามอันดับ OVERALL)

หมายเหตุ :

-รถแข่งทุกคัน จะต้องจอดรวมอยู่ในสถานที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น

-หลังจบการแข่งขันทุกครั้ง รถที่มีตำแหน่งจะถูกตรวจสภาพ

-กรณีที่ซีลและมาร์คเครื่องหมายต่างๆ หลุดลอก จะต้องทำการตรวจสภาพใหม่ทั้งหมด

{“ARInfo”:{“IsUseAR”:false},”Version”:”1.0.0″,”MakeupInfo”:{“IsUseMakeup”:false},”FaceliftInfo”:{“IsChangeEyeLift”:false,”IsChangeFacelift”:false,”IsChangePostureLift”:false,”IsChangeNose”:false,”IsChangeFaceChin”:false,”IsChangeMouth”:false,”IsChangeThinFace”:true},”BeautyInfo”:{“IsAIBeauty”:false,”OldBeautyCount”:1,”IsSharpen”:false,”SwitchMedicatedAcne”:false,”IsBrightEyes”:false,”IsOldBeauty”:false,”IsReduceBlackEyes”:false},”HandlerInfo”:{“AppName”:2},”FilterInfo”:{“IsUseFilter”:false}}

รายชื่อนักแข่ง ISUZU ONE MAKE RACE 2025

ลำดับที่หมายเลขชื่อนักแข่งรุ่นที่แข่ง 
14สิริพงศ์ ปภังกรพิทักษ์GROUP “N” 
211ปาณัสม์ อารีรัตนศักดิ์GROUP “N” 
313ภูดิท ธุวะชาวสวนGROUP “N” 
415ปกรณ์ ธรรมโชติGROUP “N” 
518วศิน สินเจริญกุลGROUP “N” 
677วีร์ธรรศ ลิลิตชัยกุลGROUP “N” 
730ราชนันทร์ คุณาริยานุกูลGROUP “N” 
833ชาตรี วงษ์น้อยGROUP “N” 
945อวิโรธน์ ศิรินทร์วรชัยGROUP “N”FULL RACE
1078แอนด์ดรูว์ โคร์นินGROUP “N” 
1188จักรณัฎฐ์ มากสัมพันธ์GROUP “N” 
1299ฐณะวัฒน์ ตั้งจิตรมณีศักดาGROUP “N” 
130สัญญา พลเยี่ยม FULL RACE
149สมร มะปะเข FULL RACE
1589สุรชัย เพ็งผ่อง FULL RACE
1668พัทธดนย์ แซ่เตียว FULL RACE
1775สุนันท์ เหงี่ยมผักแว่น FULL RACE
1822อิทธิพงษ์ ลิลิตชัยกุล FULL RACE

หมายเหตุ : ข้อมูลรายชื่อนักแข่ง ณ วันที่ 10 มีนาคม 2568 ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มเติมระหว่างการแข่งขัน รวม 19 คัน

“ยามาฮ่า” เปิดตัว “ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่” ยกระดับความทันสมัย

“ยามาฮ่า” ย้ำบทบาทผู้นำออโตเมติกแฟชั่น เปิดตัว “ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่” เอาใจแฟน 2 รุ่น ยกระดับความทันสมัย

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เติมไลน์อัปเอาใจแฟนรถจักรยานยนต์ออโตเมติกแฟชั่น ด้วย “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” ชูความโดดเด่นภายใต้บทบาทสกู๊ตเตอร์ดีไซน์แฟชั่นสุดเทรนดี้ การันตีกับรางวัล Mini Bike Best Design จากการประกาศผลรางวัล Thailand Bike of The Year 2025 ยกระดับทั้งในเรื่องรูปโฉมและสมรรถนะการใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานด้วย 2 รุ่นทางเลือก ราคาสุดคุ้ม / ราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้ราคาแนะนำเริ่มต้น 50,900 บาท พร้อมการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้าสานต่อทิศทางอันยอดเยี่ยมของ All New YAMAHA NMAX ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดรถจักรยานยนต์ตั้งแต่ช่วงโค้งแรกของปี สะท้อนความต้องการและความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อออโตเมติกไบค์ เปิดตัว “NEW YAMAHA FAZZIO HYBRID CONNECTED” ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติกในตลาดประเทศไทย

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่ ชูความโดดเด่นด้วย เทรนดี้สไตล์แฟชั่น FAZZ IT UP โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์แคปซูลสุดเก๋ สวยสะดุดตาโดดเด่น สไตล์ใหม่สุดโมเดิร์น ล้ำสมัยทุกมุมมอง สว่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน, LCD DIGITAL METER ทรงแคปซูลดีไซน์สุดคูล ดูเท่ทุกครั้งที่ขี่เห็นชัดทุกข้อมูล ที่ออกแบบเพื่อชีวิตที่ทันสมัย ครบทุกฟังก์ชันที่วัยรุ่นต้องการ อ่านค่าได้ง่าย ทั้งความเร็ว เวลา และข้อมูลการประหยัดน้ำมัน แสดงผลครบในจอเดียว พร้อมให้ออกไปสนุกได้ทุกเวลา รวมถึงมี ACCESSORIES PORT เติมสไตล์เท่ได้ไม่ซ้ำใคร แต่งเพิ่มเติมคาแรกเตอร์ให้เท่ได้ในสไตล์ที่ชอบ ด้วยพอร์ตติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่ใช่ แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังตอบสนองการขับขี่แบบ FULL – ON FUN! สนุกได้เต็มที่ ด้วยเครื่องยนต์ Blue Core Hybrid 125 ซีซี ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้อัตราการเร่งราบรื่น แรง ประหยัด และรักษ์โลกทุกการเดินทาง จะขี่ในเมืองหรือเที่ยวชิลๆ ก็สบายใจได้ว่าช่วยลดมลพิษ เหมาะกับการใช้ชีวิตสไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการใช้งานแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นที่อยากใช้ชีวิตแบบคูลๆ อีกทั้งยังมีขนาดตัวรถ Compact Size ขับขี่ง่าย คล่องตัว สะดวกสบาย ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เหมาะกับการขับขี่ในเมือง เลี้ยวง่าย สะดวกคล่องตัวสุดๆ จะขี่ไปเรียน ทำงาน หรือแฮงก์เอาท์ ก็ไม่ต้องกลัวติดขัดในที่แคบ จอดง่าย ไม่ว่าซอกซอยไหนก็ไปได้สบาย! พร้อมเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ UBS (Unified Brake System) เบรกง่าย มั่นใจในการหยุดทุกเส้นทาง มั่นใจทุกครั้งที่เบรก ด้วยระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ลดระยะเบรกให้สั้นลง และให้การควบคุมที่สมดุล ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นในทุกครั้งที่ออกไปสนุกกับชีวิตเมือง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

ล้ำสมัย FILL DIGITAL LIFE! เติมชีวิตดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี Y-Connect APPLICATION เชื่อมต่อกับรถและแสดงข้อมูลบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้ชีวิตสมาร์ทขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันสำหรับคนรุ่นใหม่ ทำให้การใช้สกู๊ตเตอร์เป็นเรื่องง่าย สะดวกสบายและคูลไปอีกขั้น ที่พร้อมแสดงข้อมูลได้ถึง 9 ฟังก์ชัน ประกอบด้วย

1. SMARTPHONE NOTIFICATIONS ON METER – แจ้งเตือนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน

2. MAINTENANCE RECOMMENDATIONS – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา

3. MALFUNCTION NOTIFICATION – แจ้งเตือนเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา

4. FUEL CONSUMPTION – แสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

5. REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่

6. LAST PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด

7. RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่

8. RIDING LOG – บันทึกประวัติการขับขี่

9. CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า

**ทำงานเมื่อเชื่อมต่อ Y–Connect ผ่าน Bluetooth และเปิด Location เพื่อใช้งานเท่านั้น

พร้อมตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบครัน FIT FOR ALL! ครบทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย SMART KEY SYSTEM ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สะดวกสไตล์คนรุ่นใหม่ ใช้งานง่ายไม่ต้องเสียบกุญแจ แค่พกไว้ก็พร้อมลุยทุกที่ จัดเต็มทุกฟังก์ชัน ทั้งเปิด-ปิดสวิตช์ และปลดล็อก พร้อมฟังก์ชัน Answer Back หารถได้ง่ายทันทีในทุกที่จอด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นอย่างแท้จริง, USB Type-A Mobile Charging พอร์ต USB Type-A สำหรับชาร์จมือถือ พร้อมลุยทุกทริปแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยช่องเก็บของด้านหน้า และไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทาง สามารถฟังเพลงหรือคุยกับเพื่อนก็สนุกแบบไม่มีสะดุด ขี่ไปได้ทุกทางแบบมีไฟ! มาพร้อม F-BOX พื้นที่เก็บของใต้เบาะจุใจ ใส่ของได้สบายๆ ในกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 17.8 ลิตร เก็บของได้หมด ทั้งหมวกกันน็อก กระเป๋า ของช้อปปิ้ง หรือสัมภาระของใช้ส่วนตัว ไม่ต้องหิ้วให้พะรุงพะรัง เก็บได้สบายไม่ต้องพกพา และ DOUBLE HOOK CARABINER เพิ่มที่แขวนของแบบคู่ แขวนได้ 2 จุด เพิ่มความสะดวกสบายในการพกพาทุกสัมภาระ ทั้งของช้อปปิ้ง หรือ อุปกรณ์เสริมต่างๆ เหมาะกับสายช้อป พร้อมพื้นที่วางเท้าด้านหน้ากว้างพิเศษ ไม่อึดอัด สะดวก คล่องตัว ขับขี่ได้แบบชิลๆ นั่งขี่สบายไม่เสียลุค

ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ใหม่ ตอบสนองการใช้งานด้วย 2 รุ่นทางเลือก ได้แก่ รุ่น Smart Key Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีขาว-น้ำเงิน Retro White, สีเขียว-ขาว Relax Matt Green และสีน้ำเงิน-ชมพู Neo Dark Blue ที่วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 52,900 บาท และรุ่น Standard มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ Active Black, สีชมพู Neo Mauve และสีเขียว Nomad Green วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 50,900 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น พร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ผู้ที่สนใจ ยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด คอนเน็กเต็ดใหม่ สนุกไม่ซ้ำใคร สไตล์…ฟาซซิโอ้…PLAY UNIQUE, PLAY FAZZIO เทรนดี้สกู๊ตเตอร์ แฟชั่นของคนรุ่นใหม่

GWM เปิดสเปกจัดเต็มใน ALL NEW GWM HAVAL H6 โชว์ดีไซน์ล้ำ สมรรถนะเร้าใจ

GWM เปิดสเปกจัดเต็มใน ALL NEW GWM HAVAL H6 เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ยกเครื่องอัปเกรดรอบด้าน ดีไซน์ล้ำ สมรรถนะเร้าใจ วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ไกลที่สุดในเซกเมนต์ เตรียมเปิดราคาในงาน Motor Show 2025

กรุงเทพฯ 14 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับการเดินทางสู่มาตรฐานใหม่ ด้วยนวัตกรรมเพื่อการเดินทางรุ่นใหม่ล่าสุด ใน ALL NEW GWM HAVAL H6 ที่พร้อมเปิดราคาและเผยโฉมอย่างเป็นทางการให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในมหกรรมยานยนต์แห่งปี มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ โดย GWM (Thailand) ได้เปิดสเปกอย่างเต็มรูปแบบของ

ALL NEW GWM HAVAL H6 ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ทำความรู้จักก่อนสัมผัสคันจริงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยผ่านการอัปเกรดแบบรอบด้าน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งกว่า สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ปลอดภัยและคุ้มค่ายิ่งกว่าในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งดีไซน์อันล้ำสมัย ผสานการพัฒนาซอฟต์แวร์สุดไฮเทค พร้อมด้วย User Experience (UX) และ User Interface (UI) อันเหนือระดับ ร่วมกับระบบอินโฟเทนเมนต์เต็มรูปแบบ และสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการตอบรับเสียงของผู้บริโภคผ่านการพัฒนาช่วงล่างใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านการขับขี่ของชาวไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมไฮไลต์สำคัญกับการเป็นรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% ที่ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) เดินหน้าสู่การเป็นรถยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมสุดล้ำเพื่อการเดินทางแห่งอนาคต ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการขับขี่ที่หลากหลายของชาวไทยด้วยรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด (HEV) 1 รุ่นย่อย รุ่น PRO และรุ่นเครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และ รุ่น ULTRA โดยมีไฮไลต์สเปกที่อัปเกรดมาแบบรอบด้าน ดังนี้

ปรับโฉมดีไซน์ใหม่ให้ล้ำสมัยยิ่งกว่า ดึงดูดทุกสายตาด้วยสุนทรียศาสตร์รอบคันในทุกมุมมอง

ALL NEW GWM HAVAL H6 ในทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมกับการอัปลุคใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งกว่า เพิ่มความสปอร์ตและความสมาร์ตในทุกองศา ทั้งกระจังหน้าและกันชนหน้า สี Smoke Chrome ร่วมกับไฟหน้า LED อัจฉริยะแบบรมดำ รวมถึงระบบไฟ Signature Light แบบ Waterfall สะท้อนเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและตัวตนของผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน อีกทั้งคิ้วประตู คิ้วฝาท้าย หน้าต่าง ด้านข้างของรถ และราวหลังคาแบบสีเปียโนแบล็ก ระบบไฟท้ายแบบ LED Light Strip แบบรมดำ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รมดำลายสปอร์ต พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง (เฉพาะ PHEV รุ่น ULTRA) มอบลุคสปอร์ตทันสมัยในทุกการขับขี่ พร้อมปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่จากคำว่า “HAVAL” เป็น “GWM” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แบรนด์ภายใต้ “ONE GWM” เหมือนกันทั่วโลก

อัปเกรดเต็มพิกัดกับระบบปฏิบัติการสุดล้ำ กับ User Experience (UX) และ User Interface (UI) ที่เหนือระดับและความสะดวกสบายที่ยิ่งกว่า

ALL NEW GWM HAVAL H6 มาพร้อมการออกแบบภายในที่ให้ประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และความบันเทิงที่ครบครันยิ่งกว่าสำหรับทุกคนในครอบครัว

•เพิ่มอรรถรสในการเดินทางด้วย หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นกับขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay* และ Android Auto* (* ระบบจะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป) ให้ทุกคนในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงเต็มรูปแบบ พร้อมระบบเครื่องเสียง Amor luxury hifi system ลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง และในรุ่น ULTRA มาพร้อม Sub-Woofer ให้คุณภาพเสียงคมชัดทั่วถึงทั้งคัน

•สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ User Experience (UX) และ User Interface (UI) โฉมใหม่ทั้งหมด ผ่าน Coffee OS 3.0 + QUALCOMM Snapdragon 8155 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก GWM ที่ให้การใช้งานและการสั่งการเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และลื่นไหลในทุกการขับขี่ ควบคุมทุกฟังก์ชันผ่านหน้าจอ ทั้งประตูท้ายรถ หลังคาซันรูฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่และการใช้งานภายในรถให้ล้ำสมัย ครบครัน ระบบนำทางของ Huawei Petal Map ช่วยให้การค้นหาเส้นทางแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมพาทุกครอบครัวไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอสั่งการได้ตามความต้องการ พร้อมสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพิ่มเติมจาก GWM app store ได้อีกด้วย

•หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 10.25 นิ้ว มาพร้อมระบบนำทางและระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) เพิ่มความสะดวกและลดการสัมผัสปุ่มขณะขับขี่ ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมตัวกรองอากาศ CN95 และช่องแอร์ด้านหลัง ช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไวไฟและระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger) สูงถึง 50W

•พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณหลังพวงมาลัยง่ายต่อการใช้งาน

•ประตูหลังเปิด-ปิดไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิดและปิดประตูไฟฟ้าให้เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกับระบบแฮนด์ฟรี* และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า* (* เฉพาะใน PHEV รุ่น ULTRA)

•อำนวยความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมตลอดทั้งเส้นทาง ด้วยช่องต่อ USB Type A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลังรวม 5 จุด และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ 1 จุด และจุดชาร์จไฟ 12V 1 จุด

สมรรถนะที่เร้าใจ มอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ พร้อมการปรับระบบช่วงล่างจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภค

ALL NEW GWM HAVAL H6 มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุด 179 กิโลวัตต์ หรือ 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น HEV) และพละกำลังสูงสุด 240 กิโลวัตต์ หรือ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น PHEV) มีระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ซึ่งระบบเกียร์ดังกล่าวมีจุดเด่นที่สามารถสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพในทุกความเร็ว พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มนวลในทุกเส้นทาง รองรับทุกสถานการณ์และทุกสภาพถนนสำหรับครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

•ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่น PHEV มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium Ion กับความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 27.54 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ไม่ต้องชาร์จบ่อย ทำให้ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหัวชาร์จประเภท CCS Type 2 combo ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงถึง 41 กิโลวัตต์ รวดเร็วทันใจในการชาร์จกว่ารถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในเซกเมนต์เดียวกัน

•ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่น HEV เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยการปรับเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ที่ถูกพัฒนาจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ความต้องการขับขี่ของชาวไทยมากยิ่งขึ้น มอบการขับขี่ที่มั่นคง มั่นใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสบายในทุกสถานการณ์

•ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และพื้นหิมะ โดยรุ่น PHEV ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 2 ระบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (น้ำมัน + ไฟฟ้า) และโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนอีกด้วย

•ALL NEW GWM HAVAL H6 มีมิติตัวรถที่มีความยาว 4,703 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,886 มิลลิเมตร ความสูง 1,730 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ 170 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,631 / 1,640 มิลลิเมตร (HEV / PHEV) อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 61 ลิตร ในรุ่น HEV และ 55 ลิตร ในรุ่น PHEV มอบประสบการณ์ที่เหนือระดับด้วยมิติตัวรถที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างลงตัว

เหนือชั้นไปอีกระดับกับกล้อง 540 องศา ทั้งครอบครัวอุ่นใจ มอบความปลอดภัยยิ่งกว่า

ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น พร้อมเสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะกว่า 31 รายการ อาทิ กล้องแสดงภาพความละเอียดสูงรอบทิศทาง 540 องศา (กล้องรอบคันและด้านใต้ท้องรถ) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) และอื่น ๆ อีกทั้งยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) และอื่นๆ (โปรดศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นเพิ่มเติม)

เตรียมพิสูจน์อย่างใกล้ชิดกับมาตรฐานใหม่ของรถยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์ กับ ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น พร้อมเผยราคาอย่างเป็นทางการภายใน มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่กำลังจะถึงนี้ สอสบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GWM application, www.gwm.co.th หรือ GWM Contact Center 02-668-8888

GWM ส่งรถไฮไลต์เขย่าวงการ เตรียมเปิดตัวและประกาศราคารถ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด

GWM เตรียมเขย่าวงการ เปิดตัวและประกาศราคารถ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด รวมถึง NEW GWM ORA Good Cat สีฟ้าใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 พร้อมอัดโปรฯ ที่ต้องห้ามพลาด

ร่วมชม LIVE สด บรรยากาศการเปิดบูธพร้อมกันทั่วประเทศได้ทาง Facebook หรือ YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand ในวันที่ 24 และ 25 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป

กรุงเทพฯ 12 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน เตรียมสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้ง ผ่านแนวคิด GWM Go With More ที่มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าและเหนือกว่าในทุกๆ ด้านอย่างครอบคลุม โดยในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ GWM พร้อมอวดโฉมยนตรกรรมใหม่ล่าสุด 3 รุ่น จาก 3 เซกเมนต์ที่ได้รับกระแสแตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวไทย ได้แก่ รุ่นไฮไลต์สำคัญอย่าง NEW GWM TANK 300 DIESEL รถยนต์เอสยูวีออฟโรดเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่พร้อมปลุกจิตวิญญาณให้สายชิคและสายลุยเตรียมขับหล่อและหลั่งอะดรีนาลีนไปกับการเดินทางครั้งใหม่ พร้อมปลุกกระแสรถเอสยูวีสไตล์ BOXY ที่หลายคนต่างตั้งตารอคอย แข็งแกร่งและทนทานยิ่งขึ้น ทรงพลังยิ่งกว่า มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้น ตามมาด้วยอีกหนึ่งรุ่นไฮไลต์ขวัญใจผู้ใช้งานชาวไทยกับรถยนต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW GWM HAVAL H6 ใน 2 รุ่น ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด และปลั๊กอิน-ไฮบริด กับการปรับโฉมและอัปเกรดความล้ำสมัยเพื่อมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าและดีกว่าเคย  โดยมาพร้อมดีไซน์ที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น โดดเด่นเหนือใคร เพิ่มการอัปเกรดซอฟต์แวร์และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่มากขึ้น และไฮไลต์สุดท้ายกับ NEW GWM ORA Good Cat เจ้าเหมียวไฟฟ้าที่มาในสีฟ้าใหม่ พร้อมเพิ่มความสปอร์ตกับเครื่องแต่งดำ Black Package ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ครอบคลุมมากขึ้น ผ่านการออกแบบและการตั้งชื่อสีใหม่จากการรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างแท้จริง (User Centric)

พบกับ 5 ไฮไลต์สำคัญภายในบูธ GWM ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 กับ 3 รุ่นไฮไลต์ และทัพนวัตกรรมทุกขุมพลังงานพร้อมโปรโมชันแบบแรงเกินต้าน ดังนี้

ไฮไลต์ #1 : การเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของรถยนต์จาก GWM ทั้ง 3 รุ่นย่อยของ “NEW GWM TANK 300 DIESEL” รถยนต์เอสยูวีออฟโรด ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของ GWM ที่ได้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 30 ปี ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในประเทศจีนและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลก ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน ความนิ่งเงียบและนุ่มนวล และความทนทาน พร้อมการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซลสูงสุดถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี) ซึ่ง NEW GWM TANK 300 DIESEL จะมาใน 3 รุ่นย่อย ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ที่มีสไตล์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แข็งแกร่ง และทรงพลัง พร้อมตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่ครอบคลุมทั้งในเมือง-นอกเมือง พร้อมฉีกกฏการขับขี่เครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิมๆ

ไฮไลต์ #2 : การมาถึงของ “ALL NEW GWM HAVAL H6” รถยนต์เอสยูวีที่โดดเด่นและมีเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นไฮบริด และรุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริด กับดีไซน์ใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูทันสมัย โดดเด่นเหนือใคร ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงการอัปเกรดเทคโนโลยีขั้นสูงครั้งใหญ่ ทั้งระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะ อินโฟเทนเมนต์ และสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ และยังตอบรับเสียงของผู้บริโภคชาวไทยกับการพัฒนาช่วงล่างใหม่ให้ตอบโจทย์ความชื่นชอบและการขับขี่ของคนไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมไฮไลต์ที่ยังคงเป็นรถยนต์เอสยูวีระบบปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ไกลที่สุดในเซกเมนต์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในทุกมิติ ตอบโจทย์เหล่าครอบครัวยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมล้ำหน้าเพื่อทุกการเดินทางที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น ปลอดภัย และคุ้มค่าคุ้มราคา

ไฮไลต์ #3 : เพิ่มความเร้าใจกับ “NEW GWM ORA Good Cat” เจ้าเหมียวไฟฟ้ายอดนิยม กับ “ลุคใหม่” ใน 2 คู่สีฟ้า-ดำสุดพิเศษที่โดดเด่นกว่าเคย เตรียมพร้อมให้เหล่าสาวกสัมผัสความสปอร์ตและจับจองเป็นเจ้าของได้ภายในงาน ยิ่งไปกว่านั้น GWM ยังจัดกิจกรรมสุดพิเศษให้เหล่าแฟนๆ เจ้าเหมียวไฟฟ้าได้ร่วมสนุกและเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัว GWM ด้วยการร่วมโหวตชื่อคู่สีใหม่นี้ได้ที่ช่องทาง Facebook ของ GWM Thailand ตั้งแต่วันที่ 12 – 22 มีนาคม 2568 เพื่อร่วมลุ้นรับบัตรเข้าชมงานมอเตอร์ โชว์อีกด้วย โดย GWM จะมีการประกาศชื่อคู่สีใหม่ที่ได้รับการโหวตมากที่สุดจากแฟน ๆ อย่างเป็นทางการในช่วงการแถลงข่าวของบูธ GWM ในวันที่ 24 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.40 – 11.00 น.

ไฮไลต์ #4 : พบข้อเสนอสุดพิเศษและสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งส่วนลด ดอกเบี้ยพิเศษ ประกันภัยชั้นหนึ่ง แพ็กเกจบำรุงรักษา และอื่นๆ อีกมากมาย ให้กับลูกค้าที่จองรถยนต์ทุกรุ่นทุกพลังงานจาก GWM ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 46 นี้ และที่ พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อรับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า และความคุ้มค่าคุ้มราคาที่มากกว่าจาก GWM

นอกเหนือจาก 4 ไฮไลต์แล้ว GWM ยังขนไลน์อัพรถยนต์ครบทุกพลังงานและทุกเซกเมนต์ ครอบคลุมทุกตระกูลของ GWM ไม่ว่าจะเป็น NEW GWM ORA Good Cat, GWM ORA 07 ยนตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซที่ผสานดีไซน์สปอร์ตและความสง่างามได้อย่างลงตัว ตามด้วย NEW GWM HAVAL JOLION Sport เอสยูวีที่ครบครันทุกฟังก์ชันการขับขี่ พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย รวมถึง GWM TANK 300 HEV พร้อมเครื่องตกแต่งพิเศษ เพิ่มความหล่อ เท่ ในทุการขับขี่ และ GWM TANK 500 HEV เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่พร้อมพิชิตทุกเส้นทาง โดยยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและความดุดันเกินคาด ปิดท้ายด้วย NEW GWM POER SAHAR รถกระบะพลังงานไฮบริดดีไซน์ล้ำสมัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความสะดวกสบายและสมรรถนะที่เหนือระดับ

GWM พร้อมต้อนรับทุกท่านที่บูธ A10 ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ) สำหรับผู้ที่สนใจรับชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศการแถลงข่าวของ GWM จำนวน 2 รอบ รอบแรก วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป (การเปิดตัวและประกาศราคา ALL NEW GWM H6 และ NEW GWM ORA Good Cat สีใหม่) และรอบที่สอง ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.45 น. เป็นต้นไป (การเปิดตัวและประกาศราคา NEW GWM TANK 300 DIESEL) สามารถรับชมผ่านทุกช่องทางของ GWM Thailand ทั้ง Facebook, YouTube และ TikTok

GWM แต่งตั้ง “เวย์น โจว” นั้งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ

GWM แต่งตั้ง “เวย์น โจว” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ เดินหน้านำทัพพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

กรุงเทพฯ 11 มีนาคม 2568 – GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ประกาศแต่งตั้ง เวย์น โจว (Wayne Zhou) ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 โดยการแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงให้กับธุรกิจในประเทศไทย โดย เวย์น โจว จะนำทัพขับเคลื่อนแบรนด์และขยายการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานคนไทยกว่า 1,000 ราย และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์และบริการที่เป็นเลิศ พร้อมมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยภายใต้กลยุทธ์ “การมีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง” (User-Centric) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมสร้างคุณค่าสู่สังคมไทย

เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “วันนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทย โดยในปี 2568 นี้ GWM จะก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เพรียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำหน้า พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครันครอบคลุมทุกประเภทพลังงานได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ผมยังให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เสริมความแข็งแกร่งให้กับ GWM และส่งมอบคุณค่าในระยะยาวให้กับลูกค้า ชุมชน และพันธมิตรชาวไทย อีกทั้ง GWM จะยังคงเดินหน้าลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญสำหรับการส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังตลาดโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผมให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย อีกทั้งยังพร้อมเรียนรู้จากทีมงานชาวไทย และให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งนับว่าเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้น ผมมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของ GWM ในประเทศไทย และพร้อมนำพาแบรนด์ให้ก้าวเข้าสู่ยุคทองของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”

เวย์น โจว พร้อมนำทัพ GWM (Thailand) ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 15 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสามารถที่โดดเด่นทางด้านการวางกลยุทธ์การตลาดและการขาย พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวสู่ตลาดที่ท้าทายมาแล้วทั่วโลกได้อย่างเป็นประจักษ์ โดย เวย์น โจว เริ่มต้นบทบาทผู้นำในตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้ (ปี 2553) ภูมิภาคตะวันออกกลาง (ปี 2553 – 2562) สู่การเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายเครือข่ายและการขาย GWM ประเทศอินเดีย (ปี 2562 – 2565) จากนั้นก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ GWM ละตินอเมริกา กับการดูแลการดำเนินธุรกิจในกว่า 40 ประเทศทั่วอเมริกากลางและอเมริกาใต้ (ยกเว้นบราซิลและเม็กซิโก) (ปี 2565 – 2567)

หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดของ เวย์น โจว คือ การพลิกโฉม GWM ในตลาดละตินอเมริกา กับบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายทั่วภูมิภาค ภายใต้การนำทัพของ เวย์น โจว ทำให้ GWM ชิลี สามารถก้าวจากอันดับที่ 14 ขึ้นสู่อันดับที่ 8 ของตลาดในปี 2566 แม้ตลาดโดยรวมจะหดตัวลงเกือบ 30% และภายในเวลาเพียง 1 ปี GWM กลายเป็นแบรนด์จีนอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และแผนการตลาดที่แม่นยำ นำไปสู่การคว้ารางวัล “BEST BRAND” จาก Autocosmos ในปี 2566 พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2567 โดยยังคงครองอันดับ 1 ในกลุ่มแบรนด์จีน อันดับ 8 ในตลาดรวม และติด 1 ใน 3 อันดับแรกของตลาดรถกระบะ นอกจากความสำเร็จในชิลี เวย์น โจว ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดเอกวาดอร์ โดยทำให้ GWM ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 7 และเป็น 1 ใน 2 แบรนด์จีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด รวมถึงเป็นแบรนด์รถกระบะจีนอันดับ 1 ในปี 2567 พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยการเปิดสายการผลิตแบบ KD สำหรับ GWM POER เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนและรองรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บทบาทของ เวย์น โจว ยังขยายไปถึงตะวันออกกลาง กับการปรับโครงสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของตัวแทนจำหน่าย ส่งผลให้ศักยภาพทางธุรกิจของ GWM แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอกย้ำการเป็นเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่แข็งแกร่งและมีขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ทั้งนี้ ผมขอขอบคุณ ไมเคิล ฉง สำหรับความทุ่มเทและความพยายามในการขับเคลื่อนการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจในประเทศไทยท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทาย นอกจากนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับ ไมเคิล ฉง กับบทบาทสำคัญในการกำหนด

กลยุทธ์ทางธุรกิจของทีม GWM ระดับโลก เพื่อผลักดันความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ” เวย์น โจว กล่าวเสริม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save