- Advertisement -
26.8 C
Bangkok
Home Blog Page 22

“อีซูซุ” จัดแคมเปญจุใจ ในงาน “FAST AUTO SHOW THAILAND 2025”

“อีซูซุ” ชูคอนเซ็ปต์บูธ “Trusted Buddy” ตอกย้ำรถคุณภาพ “ดีแมคซ์ ดีจริง” พร้อมจัดแคมเปญจุใจ ในงาน “FAST AUTO SHOW THAILAND 2025”

อีซูซุจัดทัพรถโชว์ในคอนเซ็ปต์ “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” โดยรถปิกอัพคุณภาพ “ดีแมคซ์ ดีจริง” และบริการหลังการขายสู่ Digital Experience เต็มรูปแบบ พร้อมแจกจริงกับแคมเปญใหญ่แห่งปี ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” อีซูซุได้นำรถหลากรุ่นหลากสไตล์ รวม 8 คัน นำโดยรถอเนกประสงค์สุดหรู NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” 4 คัน แบ่งเป็นรถมาตรฐานโรงงาน 2 คัน และรถตกแต่งพิเศษ 2 คัน โดยแต่งแนวแคมป์ปิ้งตอบรับสายท่องเที่ยว และแต่งหล่อรอบคันสำหรับสายเท่สปอร์ต ส่วนอีก 4 คันเป็นรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX ที่มาในคอนเซ็ปต์ “ดีแมคซ์ ดีจริง” ปิกอัพที่รวมทุกความต้องการไว้ครบ ทั้งในเรื่องความแรง ความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน การเกาะถนน และความคุ้มค่า พร้อมกันนี้ยังได้ตอกย้ำแนวคิด “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” สะท้อนความจริงใจในการดำเนินธุรกิจของอีซูซุในประเทศไทยตลอด 68 ปี โดยไม่เพียงพร้อมบริการดูแลและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้รถตลอดอายุการใช้งานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการพัฒนาไปข้างหน้าของสังคมไทยควบคู่กันไปด้วย ทั้งในฐานะผู้ผลิตที่มั่นใจในการวางรากฐานการผลิตรถปิกอัพในไทยเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกโดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศมากกว่า 90% และร่วมกับคู่ค้าธุรกิจชิ้นส่วนในประเทศสร้างห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ที่แข็งแกร่งของไทยในระดับโลก ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศไทยทั้งในด้านการผลิตและบริการอย่างครบวงจร และในปี 2568 นี้ ประสบการณ์เข้าศูนย์บริการอีซูซุจะเปลี่ยนแปลงไป ด้วยการยกระดับสู่ Digital Experience เต็มรูปแบบ เพื่อให้ทุกการเข้าศูนย์ฯ ของลูกค้า ง่าย ชัดเจน และสะดวกยิ่งกว่าที่เคย ตั้งแต่การนัดหมาย ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัน-เวลาที่สะดวกได้ด้วยตนเอง การเสนองานซ่อมด้วยภาพถ่ายจริงเพื่อให้ง่ายในการตัดสินใจ พร้อมแอปพลิเคชัน my-ISUZU ที่แสดงผลการตรวจสภาพรถ และประวัติการซ่อมย้อนหลัง เพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นในทุกครั้งที่เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอีซูซุ ตามสโลแกน “ศูนย์บริการอีซูซุ วางใจได้ ตลอดการใช้งาน”

สำหรับยนตรกรรมอีซูซุที่มาพร้อมพละกำลังอันยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต 2.2 และ 3.0 Ddi MAXFORCE… The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ตอบสนองความเร้าใจสไตล์ High Performance Diesel ตอบโจทย์ความเร็ว ความแรง แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้นำมาจัดแสดงจำนวน 8 คัน ได้แก่

• NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×4 สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ ตกแต่งสำหรับสายท่องเที่ยวแคมป์ปิ้ง สไตล์ Overland เริ่มจากบันไดข้างจาก TJM พร้อมชุดกันกระแทกด้านข้างตัวถัง เต๊นท์บนหลังคาจาก TJM รุ่น ALLORA ALUMINIUM ROOF TOP TENT เพิ่มความสว่างในยามค่ำคืนด้วยชุดไฟ TJM รุ่น SEEKER LIGHT BAR และชุดไฟ SEEKER SIDE SHOOTER บริเวณฝากระโปรงหน้า ลุยได้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดช่วงล่างจาก TJM โช้คอัพรุ่น XGS ROAMER จับคู่กับคอยล์สปริงรุ่น XGS พร้อมปีกนกปรับองศา ล้อ Lenso รุ่น MX รุ่น Cezar พร้อมยาง BRIDGESTONE DUELER AT002 ขนาด 285/60R18

• NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ACTIVE 4×2 สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แต่งด้วยคอนเซ็ปต์ SPORT SUV ด้วยชุดแต่งบอดี้พาร์ทรอบคันสไตล์สปอร์ตจาก AKC เสริมสมรรถนะด้วยชุดโหลดช่วงล่าง 3.5 นิ้วจาก Profender รุ่น Tune Series พร้อมปีกนกปรับองศา เสริมลุคให้สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้อ LENSO รุ่นใหม่ล่าสุด JAGER AJAX พร้อมยาง YOKOHAMA ADVAN SPORT ขนาด 265/50R20 เสริมสมรรถนะระบบเบรกด้วยเบรกหน้า CALIPER แบบ 6 POT รุ่น R8 พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. CALIPER เบรกหลังแบบ 4 POT รุ่น R3 พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. จาก Run Stop ตกแต่งด้วยลวดลายกราฟิกพิเศษ ให้ดูโดดเด่น สะกดทุกสายตา

• NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×2 สีเทาไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) ไลน์อัพใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ REV TRONIC โดดเด่นและสปอร์ตเหนือระดับด้วยชุดแต่ง RS Design ที่มาพร้อมสัญลักษณ์ RS เน้นความสปอร์ต หรูหรา พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) กล้อง 360 องศา (360° Surround View Camera) มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ พร้อมอัปเกรดระบบความปลอดภัยให้เหนือไปอีกขั้นกับ ADAS Generation ล่าสุด!

• NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ELEGANT 4×2 สีดำบาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica) เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ กระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade เพิ่มความสปอร์ตของชุดไฟท้าย ยกระดับความหรูภายในห้องโดยสารให้ Modern Luxe กว่าเดิม ด้วยโทนสี Truffle Brown – Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class และใหม่! Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay

• ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด M 4 ประตู สีเทาไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) เครื่องยนต์ 3.0 Ddi เกียร์อัตโนมัติ ปิกอัพสุดแกร่งแบบฉบับสปอร์ตออฟโรด ด้วย ISUZU V-CROSS Package ชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ไม่เพียงให้อารมณ์สปอร์ตแต่สะท้อนความเป็นผู้นําที่กล้าท้าทายทุกอุปสรรค พร้อมสมรรถนะที่พร้อมลุยในทุกเส้นทางด้วยพลังเต็มแมคซ์ ทลายทุกข้อจํากัด ภายในหรูสะดวกสบายสไตล์พรีเมียมภายใต้แนวคิด High-Class & Sophisticated เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทาง พิเศษ! ให้คุณโดดเด่นไม่เหมือนใคร เสริมความเท่แบบพิเศษด้วยชุดแต่ง Bold Body Set พร้อมด้วยล้อแต่งแท้ จาก LENSO

• ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู เกรด M สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) 3.0 Ddi เกียร์อัตโนมัติ ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพยกสูงที่มาพร้อมกับความแรง แต่ประหยัดแบบฉบับอีซูซุ ให้คุณโดดเด่นไม่เหมือนใคร เสริมความพรีเมี่ยมแบบพิเศษด้วยชุดแต่ง Bold Body Set พร้อมด้วยล้อแต่งแท้ จาก LENSO

• NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู เกรด M สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพยกสูงระดับ TOP CLASS ที่ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวก้าวล้ำไปสู่เทคโนโลยีอนาคตแฝงด้วยศาสตร์แห่งวิศวกรรมการขับเคลื่อน

• NEW! ISUZU D-MAX CAB4 เกรด Z สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดใหม่ ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารพรีเมียมด้วยแนวคิด High-Class & Sophisticated ประณีตทุกสัมผัส โดดเด่นด้วย Miura Design พร้อมการออกแบบตามหลัก Usability Design สะดวกสบายเต็มรูปแบบไปกับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่แบบฉบับปิกอัพอีซูซุ

นอกจากนี้ อีซูซุยังได้จัดแคมเปญ “ดีแมคซ์ ดีจริง ลุ้นทองทุกสัปดาห์” สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถอีซูซุดีแมคซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 ลุ้นรับรางวัลจี้ทองคำน้ำหนัก 2 สลึง มูลค่า 26,051.39 บาท จับรางวัลทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 22 รางวัล จำนวน 9 สัปดาห์ รวม 198 รางวัล คิดเป็นมูลค่ารวม 5,158,175.17 บาท (การลุ้นรางวัลจะถูกแบ่งตามรอบการจับรางวัล โดยผู้โชคดีมีสิทธิ์ได้รับรางวัลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น)

มาร่วม “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” กับ “อีซูซุ” ยนตรกรรมคุณภาพเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย สัมผัสความพีคในด้านอรรถประโยชน์ที่เหนือกว่าของรถอเนกประสงค์สุดหรู NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” และรถปิกอัพตัวจริง NEW! ISUZU D-MAX ที่พร้อมเติมเต็มความคุ้มค่าดีจริงครบด้านทั้งแรงจัด ประหยัดจัด ทนจัด เกาะถนนจัด และคุ้มจัด พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่รถอีซูซุด้วยตัวท่านเอง ได้ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ฮอลล์ 102-103 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

“ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025” เปิดฉากกระตุ้นตลาดรถยนต์กลางปี

เปิดฉาก “ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025” จุดพลุเติมพลังกระตุ้นตลาดรถยนต์กลางปี หนุนยอดขาย-สร้างความคึกคัก ทั้งตลาดรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว 2-6 ก.ค. ณ ไบเทค

“ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” (Fast Auto Show Thailand 2025) เปิดฉากตอกย้ำบทบาทสำคัญในฐานะเวทีขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงกลางปี ด้วยจุดแข็งในการรวมค่ายรถยนต์ชั้นนำและรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีไว้ในที่เดียว พร้อมข้อเสนอพิเศษที่กระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในคอนเซ็ปต์ “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” เปิดพื้นที่คุณภาพช่วยผลักดันยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยโปรโมชั่นแรงจาก 10 แบรนด์รถใหม่ และ 5 ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 10 โมงเช้า – 3 ทุ่ม วันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จองรถยนต์ใหม่หรือรถยนต์ใช้แล้วทุก 100,000 บาท รับคูปองชิงรางวัลใหญ่ในกิจกรรม “ซื้อรถ ลุ้นรับ” และร่วมลุ้นรับโชคประจำวันอื่นๆ ตลอดงาน 5 วันเต็ม มูลค่ารวมกว่าสี่แสนบาท โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน

นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโตโชว์ ไทยแลนด์ 2025” เผยว่า “ฟาสต์ ออโต โชว์” เป็นมหกรรมจำหน่ายรถยนต์งานเดียวในประเทศไทยที่มีทั้งรถยนต์ใหม่ป้ายแดง และรถยนต์ใช้แล้วในงานเดียวกันแบบครบครัน ซึ่งเป็นดีเอ็นเอ (DNA) ของงานตั้งแต่การจัดงานครั้งแรก จนปีนี้เป็นครั้งที่ 13 แม้ว่าจะเป็นงานที่มีระยะเวลาจัดงานเพียง 5 วัน แต่ก็มุ่งมั่นทำหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์เมืองไทยให้เกิดการตื่นตัวในช่วงกลางปีอย่างเต็มกำลัง โดยมั่นใจว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคครัวเรือนจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้พร้อมก้าวสู่เศรษฐกิจยานยนต์ยุคใหม่ และเป็นหนึ่งในพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบายไทยสู่ศูนย์กลางยานยนต์ระดับโลก

“ผมขอขอบคุณพันธมิตรทั้งค่ายรถยนต์ใหม่ ผู้ประกอบการรถใช้แล้ว และสปอนเซอร์ที่ร่วมสนับสนุนตอบรับเข้าร่วมงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” และให้ความไว้วางใจว่างานของเราจะช่วยผลักดันยอดขาย สร้างความคึกคัก และสร้างโอกาสให้ตลาดรถยนต์ไทยได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแรงตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป โดยปีนี้เราจัดงานภายใต้แนวคิด “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” ด้วยสโลแกน “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” และในครั้งนี้มีบริษัทร่วมจัดแสดงรถยนต์ในงาน ประกอบด้วย

1. กลุ่มรถยนต์ใหม่ จำนวน 10 แบรนด์ ได้แก่ อีซูซุ (Isuzu) โตโยต้า (Toyota) ฮอนด้า (Honda) มิตซูบิชิ (Mitsubishi) วอลโว่ (Volvo) และแบรนด์ในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป ซึ่งมี เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เอ็มจี (MG) ซีกเกอร์ (Zeekr) ดีพอล (Deepal) และ ไอออน (Aion) ครบทุกเซ็กเมนต์ ครอบคลุมทุกทางเลือกด้านพลังงาน โดยมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่โดนใจ

2. กลุ่มรถยนต์ใช้แล้ว มีผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ จำนวน 5 ราย คือ DDS คาร์เซ็นเตอร์ ดา ศรีนครินทร์ โย รัชดา Mercedes Benz Certified by Benz Keng Hong Thong (เบนซ์ เค้งหงษ์ทอง) และ Volvo Selekt Approved Used Cars ที่นำรถยนต์สภาพนางฟ้า รุ่นใหม่ เลขไมล์น้อย ครบทุกเซ็กเมนท์มานำเสนอ พร้อมราคาพิเศษที่เป็นเจ้าของได้ง่ายและยังมีการรับประกันให้ด้วย เรียกว่า คุ้มค่าเกินราคา

หนึ่งในภาพจำและความสำเร็จของงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” คือการเป็นงานแรกและงานเดียวในประเทศที่รับประกันรถยนต์ใช้แล้วที่ซื้อจากงาน ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะดูรถไม่เป็นเลยก็ตาม นับเป็นความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานของตลาดรถยนต์ใช้แล้ว และทำให้ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์มือสองต้องตั้งมาตรฐานตาม โดยในปีนี้ได้เพิ่มเงื่อนไขการรับประกันจาก 5 ข้อเดิม คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยเพิ่มข้อที่ 6 คือ การันตีไมล์แท้ หากผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง รับประกันซื้อคืน 100%” นายพัฒนเดช กล่าว

พบกับไฮไลท์ต่าง ๆ ของงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ประกอบด้วย

-บูธรถยนต์ใหม่ป้ายแดงมากคุณภาพจาก 10 แบรนด์ชั้นนำที่ขนทัพรถยนต์รุ่นยอดนิยม และรุ่นพิเศษมานำเสนอ มาพร้อมกับดีลโปรโมชั่นสุดเร้าใจ ครอบคลุมทุกทางเลือกด้านพลังงาน ทั้งเครื่องยนต์สันดาป ไฟฟ้า และไฮบริด

-พบกับ “The New Volvo EX30 Cross Country” เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ยนตรกรรมไฟฟ้าเต็มรูปแบบ SUV ขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยพลังและสีสัน ก้าวข้ามกรอบเดิมๆ อย่างมีสไตล์ พร้อมให้จับจองได้แล้ววันนี้

-โซนรถยนต์ใช้แล้วสภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย คุ้มจัดประหยัดจริงเกินราคา แถมพ่วงการรับประกันจาก 5 ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ โดยมาครบทุกเซ็กเมนต์ พร้อมยกระดับมาตรฐานการรับประกันรถยนต์ใช้แล้วทุกคันในงานจากผู้จัดงาน เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดแก่ผู้บริโภค ด้วยเงื่อนไขการรับประกัน 6 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก สามารถจดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นงานแรกที่รับประกัน “ไมล์แท้” หากผิดเงื่อนไขใน 6 ข้อ รับซื้อคืน 100% พร้อมการออกหนังสือรับประกันคุณภาพรถยนต์ใช้แล้ว (Used Car Warranty) ซึ่งจะระบุคุณภาพเกรดของรถยนต์ใช้แล้วทุกคันภายในงาน

-เพลิดเพลินกับบรรยากาศชิคแอนด์คูล มีโซนรถตกแต่งพิเศษ สวย เท่ห์ ใช้งานได้จริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้รถที่ต้องการแต่งรถที่เป็นสไตล์ของตัวเอง เปิดโซนใหม่! พื้นที่จัดแสดงรถดัดแปลงเพื่อประกอบธุรกิจอิสระหลากหลายรูปแบบ นำเสนอเป็นไอเดียให้กับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสเริ่มต้นธุรกิจใหม่หรือต่อยอดธุรกิจเดิม และเพื่อความสุขของผู้รักสัตว์เลี้ยง ปีนี้งานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025 เปิดเป็นพื้นที่ PET Friendly ให้ผู้เข้าชมงานสามารถนำสัตว์เลี้ยงที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนดเข้ามาชมงานได้ โดยอยู่ในความดูแลของเจ้าของตลอดเวลาที่อยู่ในงาน

-ใหม่! กิจกรรมสำหรับเด็กเล็กและครอบครัว การแข่งขันจักรยานทรงตัว หรือ Balance Bike Racing สำหรับนักซิ่งรุ่นจิ๋ววัย 2- 4 ปี โดยร่วมกับพันธมิตร Strider Thailand จัดการแข่งขัน “Strider Racing @Fast Auto Show Thailand 2025” ด้วยการยกสนามแข่งขันมาตรฐานมาไว้ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” จัดแข่งขันให้ลุ้นและเชียร์กันให้สนั่นในวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568 แบ่งการแข่งขันเป็น 2 รุ่น คือ รุ่น Enjoy และรุ่น Racing รวม 14 รุ่นเพื่อชิงถ้วยและเหรียญรางวัล

-ปรึกษาด้านการประกันภัยกับกรุงเทพประกันภัย พร้อมรับข้อเสนอประกันภัยดีๆ ที่คุ้มค่า เหมาะสมกับการใช้งานของรถยนต์ทุกประเภท

-พิเศษสุด! งานเดียวที่ให้ดอกเบี้ยรถมือสองและเงื่อนไขที่ดีที่สุด ต่ำสุดถึง 1.99%

-ลุ้นเป็นผู้โชคดีเมื่อซื้อรถในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” กับกิจกรรม “ซื้อรถ ลุ้นรับ” โดยผู้จองรถและซื้อรถในงาน ทุก 100,000 บาท รับคูปอง 1 ใบ ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ “เก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น ROBO 8989 Massage Chair” จาก เอแม็กซ์ (Amaxs) มูลค่า 279,000 บาท จำนวน 1 รางวัลหลังจบงาน สำหรับผู้จองรถในงานได้สิทธิ์ร่วมกิจกรรม “จองรถ ลุ้นรับ” เพื่อลุ้นรับรางวัลประจำวัน “สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway รุ่น Ninebot KickScooter D18W” มูลค่า 16,900 บาท จาก MONOWHEEL วันละ 1 รางวัล รวม 5 รางวัล และร่วมลุ้นรับบัตรของขวัญจาก Lotus’sวันละ 4 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รวม 20 รางวัล หรือแค่แวะมาชมงานและร่วมสนุกกับกิจกรรม “แชร์มา รับไป” เพื่อรับของที่ระลึกจากผู้จัดงาน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่าสี่แสนบาท

แวะมา “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” แบบไม่ต้องรอ ทั้งรถยนต์ใหม่ป้ายแดงและรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพเยี่ยมในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” หนึ่งในกลไกที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและมีพลังในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งแต่วันนี้ – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-103 ตั้งแต่ 10.00 – 21.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/FASTAUTOSHOW หรือ www.fastautoshow.com

“ลามิน่า” เปิดตัวแคมเปญ “ลามิน่า แชะโดนๆ ไปกับ โจนส์สลัด”

ลามิน่า ผนึกกำลัง โจนส์สลัด เปิดตัวแคมเปญ “ลามิน่า แชะโดนๆ ไปกับ โจนส์สลัด” เอาใจสายคลีน คนรักสุขภาพ

“ลามิน่า ชวนแชะโดนๆ ไปกับ โจนส์สลัด” โพสต์ภาพสติ๊กเกอร์ Lamina ท้ายรถ แลกรับเครื่องดื่มสุดสดชื่นจาก Jones’ Salad

บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” จับมือ โจนส์สลัด (Jones’ Salad) ร้านจำหน่ายเมนูอาหารสุขภาพ เปิดตัวแคมเปญ “ลามิน่า แชะโดนๆ ไปกับ โจนส์สลัด” เอาใจคนไทยสายรักสุขภาพ ชวนคนไทยใส่ใจสุขภาพ ด้วยแนวคิด “สุขภาพดี เริ่มได้จากฟิล์มที่ใช่ และอาหารที่เลือก” ได้ทุกที่ทุกเวลา

จากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ การเลือกติดตั้งฟิล์มกรองแสงคุณภาพดี และป้องกันความร้อนจากแสงแดดสูงอย่าง “ลามิน่าฟิล์ม” จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งท่ามกลางการใช้ชีวิตที่รีบเร่งของคนทำงานยุคใหม่ การใส่ใจดูแลสุขภาพ กลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงในปัจจุบัน เมนูอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพได้รับความนิยมสูงขึ้น จึงเป็นที่มาของแคมเปญพิเศษระหว่าง “ลามิน่าฟิล์ม” และ “โจนส์สลัด” ในวันนี้

โดยลามิน่าฟิล์ม และโจนส์สลัด เล็งเห็นความสำคัญของการเลือกติดฟิล์มกรองแสงคุณภาพดี เพื่อช่วยปกป้องสุขภาพจากอันตรายของความร้อนจากแสงแดดและรังสี UV รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ก็ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้ดีควบคู่กัน จึงได้จัดกิจกรรม “ลามิน่า แชะโดนๆ ไปกับ โจนส์สลัด” ชวนลูกค้าที่ติดตั้งฟิล์มลามิน่า รับเครื่องดื่มฟรี! ที่ร้านโจนส์สลัด (Jones’ Salad)

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ง่ายๆ แค่ ถ่ายภาพสติ๊กเกอร์ ลามิน่า (Lamina) บนกระจกท้ายรถ แล้วโพสต์เป็นสาธารณะใต้โพสต์ “Lamina แชะโดนๆ ไปกับ Jones’ Salad” พร้อมคอมเมนต์อวดรุ่นฟิล์มที่ท่านติดตั้ง บนเฟซบุ๊ก Laminafilms และติดแฮชแท็ก #Lamina #JonesSalad #LaminaXJonesSalad เพียงเท่านี้ท่านจะได้รับโค้ดเครื่องดื่มฟรี! ท่านละ 1 แก้ว/ท่าน/สิทธิ์ จาก Jones’ Salad จำนวน 550 แก้ว ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม  – 31 สิงหาคม 2568 (หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด)

พิเศษสุดกับ 4 เมนูสุดสดชื่นจากโจนส์สลัดที่จัดเตรียมไว้ ประกอบด้วย Jones’ Salad Cloud on the Farm ราคา 199 บาท (จำนวน 300 แก้ว) Jones’ Salad Mighty Blue ราคา 169 บาท (จำนวน 100 แก้ว) Jones’ Salad Pun ราคา 159 บาท (จำนวน 50 แก้ว) และ Jones’ Salad Watermelon Splash ราคา 99 บาท (จำนวน 100 แก้ว)  โค้ดที่ได้รับสามารถใช้ได้ถึง 30 กันยายน 2568 ที่ร้าน Jones’ Salad ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาศิริราช และระบบ Delivery)

โบนัสสุดพิเศษฉลองเดือนเกิดลามิน่าฟิล์มครบ 30 ปี สำหรับทุกท่านที่ร่วมกิจกรรม Lamina แชะโดนๆ ไปกับ Jones’ Salad มีสิทธิ์รับบัตรเติมน้ำมันพีที 500 บาท รวม 30 ท่าน ฟรี! จากการคัดเลือกภาพถ่าย “สติ๊กเกอร์ติดท้ายรถลามิน่า” สวยโดนใจกรรมการ มีความสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพ และสื่อถึงแบรนด์ลามิน่าฟิล์มได้อย่างชัดเจน โดยประกาศผลผู้ได้รับโบนัสพิเศษวันที่ 3 กันยายน 2568 ทางเฟซบุ๊ก Laminafilms (เงื่อนไขการคัดเลือกเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด)

โตโยต้า ฉลองยอดผลิต Toyota Commuter 100,000 คัน

โตโยต้า ออโต้ เวิคส ประเทศไทย ฉลองยอดผลิต Toyota Commuter 100,000 คัน ตอกย้ำเบอร์ 1 ตลาดรถตู้ สะท้อนความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้า

มร.ซุซุมุ คะจิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายวิเชียร ฉันทศิริพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด เป็นประธานในพิธีฉลองยอดการผลิต Toyota Commuter รถตู้ยอดนิยมของโตโยต้าในประเทศไทยครบ 100,000 คัน ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรถตู้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้า ในมาตรฐานการผลิตในระดับสากลของโตโยต้า โดยมีคณะผู้บริหารจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แก่ นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ พร้อมด้วย นายสมคิด ประดิษฐกำจรชัย และ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2568 ณ บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด

มร.ซุซุมุ คะจิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด กล่าวว่า “ในการเดินทางมาถึง 100,000 คัน นับเป็นความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ได้ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยและคุณภาพของรถยนต์เป็นอันดับแรก และสะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน สำหรับรถตู้รุ่น Commuter ที่ผลิตโดยบริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานในการเดินทางสำหรับผู้คนจำนวนมากในประเทศไทยในฐานะรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ในอนาคต เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้บริษัทเป็นฐานการผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์สำหรับส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย”

นายวิเชียร ฉันทศิริพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ออโต้ เวิคส จำกัด กล่าวแสดงความขอบคุณกลุ่มบริษัทในเครือ ผู้แทนจำหน่าย และผู้ผลิตชิ้นส่วน ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดภายใต้สถานการณ์การผลิตที่มีความผันผวนว่า “ยอดการผลิตรถตู้ Toyota Commuter ครบ 100,000 คันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของ

(1) ความไว้วางใจจากลูกค้า

(2) ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่มบริษัทในเครือโตโยต้าและผู้ผลิตชิ้นส่วน

(3) ความพิถีพิถันในทุกกระบวนการผลิตของบริษัทฯ

ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ยึดมั่นมาโดยตลอด และเราจะมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น”

เอ็มจี ทดสอบซอฟต์แวร์ NEW MG IM6 และติดตั้ง ADAS

เอ็มจี เดินหน้าทดสอบซอฟต์แวร์ NEW MG IM6 รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับความละเอียด ADAS เสริมศักยภาพรถ e-SUV อัจฉริยะ และยกระดับประสบการณ์ขับขี่ของลูกค้าให้ดีขึ้น

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทยเดินหน้าทดสอบฟังก์ชันสำคัญอย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญของ “NEW MG IM6” ที่มีกำหนดเปิดตัวภายในเดือนกันยายนนี้ โดยการอัปเกรดดังกล่าวจะเป็นตัวยกระดับฟังก์ชันของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ตอบโจทย์การเป็น “Premium Intelligent e-SUV” อย่างเต็มรูปแบบ

NEW MG IM6 คันนี้ ได้รับการดูแลโดยทีม Product Engineer จาก IM Motors ประเทศจีนและ SAIC MOTOR-CP โดยได้ติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะสำหรับทดสอบระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และระบบบันทึกข้อมูล (Data Recorder) เพื่อดำเนินการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมจริงในประเทศไทย การทดสอบครั้งนี้ครอบคลุมการปรับปรุงระบบสั่งการอัจฉริยะ หรือ IM OS และฟังก์ชันการเชื่อมต่ออัจฉริยะให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นกว่าช่วงเปิดตัว โดยรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งาน ทั้งด้านการพัฒนาระบบเดิม และความต้องการฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันโดยได้มีการทดสอบเบื้องต้นตามหัวข้อหลัก ดังนี้

1.Advanced Driver Assistance System (ADAS) ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่ตรวจจับสภาพถนนและป้ายจราจรในประเทศไทย เสริมความเสถียรในการควบคุมรถ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

2.Intelligent Computing Domain ระบบประมวลผลอัจฉริยะที่ครอบคลุมการทำงานของระบบข้อมูลและความบันเทิงภายในรถ (Infotainment & Entertainment System)

3.Overall Engineering Performance Function ฟังก์ชันการทำงานด้านสมรรถนะทางวิศวกรรมโดยรวม

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การอัปเกรดซอฟต์แวร์ของ NEW MG IM6 ในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ เอ็มจี ในการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ทั่วไปสู่ ‘รถยนต์ที่พัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง’ ผ่านระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยยกระดับสมรรถนะโดยรวม พร้อมเพิ่มความแม่นยำ และการตอบสนองที่รวดเร็ว ตรงกับพฤติกรรมผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น สำหรับการทดสอบระบบในครั้งนี้ เอ็มจีถือเป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ และอาจเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ดำเนินการทดสอบระบบในลักษณะนี้อย่างจริงจัง สำหรับ NEW MG IM6 ถือเป็น The First-ever Premium intelligent e-SUV จากเอ็มจี ที่มาพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS โดยได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากบริษัทแม่ในประเทศจีน เพื่อให้รถยนต์รุ่นนี้ตอบโจทย์ความเป็นพรีเมียมอีวีอย่างสมบูรณ์แบบ”

ณ ปัจจุบัน เอ็มจี ได้ส่งมอบรถให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกแล้วกว่า 1,000 คัน โดยจุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด คือ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นคงในทุกการเดินทาง รวมถึงระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) การจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) สะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ NEW MG IM6 ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Cooling System เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที พร้อมขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกัน และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) เพื่อมอบประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าที่เหนือระดับและไร้กังวล

ซูซูกิ รุกขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ

ซูซูกิ รุกขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ 2S เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทั่วไทยครอบคลุมทุกพื้นที่ 93 แห่ง มอบความอบอุ่นลูกค้าทุกพื้นที่มั่นใจทั่วไทย เตรียมพร้อมเปิดตัวรถยนต์ใหม่ในปีนี้

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าตอกย้ำพันธกิจในการมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าทุกคน ผ่านการยกระดับการให้บริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐานซูซูกิ 2S (Service & Spare Parts) อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐานเดียวกัน พร้อมสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในการดูแลรถยนต์ซูซูกิได้อย่างยั่งยืน โดยแนวคิดของการจัดตั้งศูนย์บริการ 2S คือ ในปัจจุบันการสั่งซื้อรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น การมุ่งเน้นการให้บริการหลังการขายในเชิงคุณภาพแก่ลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ศูนย์บริการหลัก (3S: Sales, Service & Spare Parts) เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานและลดความกังวลของลูกค้าในพื้นที่ห่างไกล ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะมีเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 95 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับแผนการเปิดตัวจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิรายเดิมเพิ่มศักยภาพการให้บริการหลังการขายผ่าน “ศูนย์บริการ 2S” (Service & Spare Parts) ในพื้นที่ที่ยังไม่มีโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค ให้สามารถเข้าถึงบริการมาตรฐานได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ศูนย์บริการ 2S จะให้บริการงานซ่อมบำรุงทั่วไป งานบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ ซึ่งจะดำเนินการโดยช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมจากบริษัทฯ พร้อมด้วยเครื่องมือมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพในการใช้งานรถของลูกค้า เช่น การตรวจเช็กและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กระบบเบรก ผ้าเบรก และน้ำมันเบรก ตรวจเช็กและเปลี่ยนกรองอากาศ/กรองแอร์ ตรวจสอบระบบช่วงล่าง ยางรถ ระบบไฟ และแบตเตอรี่ เปลี่ยนหลอดไฟ/ใบปัดน้ำฝน/แบตเตอรี่ เป็นต้น นอกเหนือจากนั้น ศูนย์บริการ 2S มีการจัดจำหน่ายและติดตั้งอะไหล่แท้ของซูซูกิ (Genuine Suzuki Spare Parts Supply) ที่ผลิตตามมาตรฐานเดียวกับชิ้นส่วนที่ใช้ในสายการผลิตจากโรงงาน ซึ่งมีคุณภาพและความทนทานสูงผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ มีระบบสำรองอะไหล่และกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการอย่างรวดเร็ว

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิยังคงกำหนดให้ศูนย์บริการแบบ 3S (Sales, Service, Spare Parts) เป็นศูนย์หลักของผู้จำหน่ายในการให้บริการอย่างครบวงจร โดยล่าสุด ได้เปิดโชว์รูมมาตรฐาน 3S ให้บริการเพิ่มอีก 1 แห่งคือบริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด สาขาดอนจั่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งบริหารงานโดยคุณประวิตร พันธ์สายเชื้อ ตำแหน่งกรรมการบริหาร ขณะเดียวกัน ศูนย์บริการ 2S จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขยายขีดความสามารถของเครือข่ายบริการ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยให้การสนับสนุนผู้จำหน่ายในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารการจัดการ การฝึกอบรมบุคลากร ระบบเทคโนโลยี รวมถึงการสื่อสารภาพลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ เช่น ป้ายสัญลักษณ์ SUZUKI การออกแบบและจัดหาอุปกรณ์ตกแต่งภายใน เพื่อให้ศูนย์บริการ 2S สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างสูงสุด

ปัจจุบัน ศูนย์บริการ 2S เปิดให้บริการแล้วในจังหวัดพัทลุง มหาสารคาม และปราจีนบุรี รวมถึงจังหวัดแพร่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพร้อมเปิดบริการในเดือนสิงหาคม 2568  มีรายละเอียดดังนี้

ชื่อบริษัทผู้จำหน่ายพื้นที่จังหวัดที่ให้บริการบริหารงานโดยตำแหน่ง
บริษัท เอ.ซี.ออโตโมบิล (2002) จำกัดพัทลุงคุณยุวดี ชคทิศกรรมการบริหาร
บริษัท อาร์เฮงวัฒนา จำกัดมหาสารคามคุณชยธร อุเทนพัฒนันท์กรรมการบริหาร
บริษัท เอส ซี เอ็น ออโต กรุ๊ป จำกัดปราจีนบุรีคุณนิรันดร์ ตั้งกงพานิชกรรมการบริหาร
บริษัท แพร่ยนตรการ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัดแพร่คุณแมน นิตยเมฆินทร์กรรมการบริหาร

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซูซูกิมีแผนที่จะเพิ่มศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซึ่งปัจจุบันมี 44 แห่ง รวมถึงขยายจำนวนศูนย์บริการ 2S (Service & Spare Parts) เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกเหนือจากนี้ ซูซูกิได้สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายขยายบริการ “Mobile Service” หรือบริการดูแลรถยนต์นอกสถานที่ ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลรถโดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์บริการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญการพร้อมให้บริการพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กระบบเบื้องต้น เช่น ระบบเบรก แบตเตอรี่ หรือยาง และบริการบำรุงรักษาตามรอบระยะ เป็นต้น

ซูซูกิยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการอย่างเป็นระบบ เพื่อมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิที่ดีที่สุด สอดคล้องกับการพัฒนาแนวทางการบริการแบบ S-Solution โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้บริการ ทั้งในด้านการจัดการข้อมูลลูกค้าแบบ Real-Time ผ่านระบบ Dealer Management System (DMS) ซึ่งช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการและประเมินค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

นายวัลลภ กล่าวตอนท้ายว่า ซูซูกิพร้อมยึดมั่นในแนวทาง “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจว่า ซูซูกิมุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าและชุมชนในทุกช่วงเวลาอีกด้วย

ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคม ยอดขาย 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7%

ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคม ยอดขาย 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% โตโยต้ายังครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาดห้าเดือนแรกที่ 37.5%

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ยอดขายตลาดรวม 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 21,935 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 30,294 คัน ลดลง 2.9% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 14,333 คัน ลดลง 18.8%

ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2568 มียอดขาย 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งปรับตัวดีขึ้น ด้วยยอดขาย 21,935 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% จากปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวลงเล็กน้อย ยอดขาย 30,294 คัน ลดลง 2.9% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 14,333 คัน ลดลง 18.8% รถยนต์ HEV มียอดขาย 10,765 คัน ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยที่ 2.4% และมียอดขายสะสมห้าเดือนแรกถึง 55,766 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 50.7% ของตลาด xEV ทั้งหมด

สำหรับโตโยต้า ยังคงครองอันดับหนึ่งตลาดรถยนต์ ด้วยยอดขายสะสมห้าเดือนแรกถึง 94,784 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 37.5% นำโดย Hilux 29,295 คัน Yaris ATIV 21,405 คัน และ Yaris Cross 15,023 คัน

ตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน มีแนวโน้มจะปรับตัวลงจากเดือนพฤษภาคมเล็กน้อย ด้วยยอดขายที่ลดลงตามฤดูกาล และผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ อาจส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2568

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 4.7%        
  2. อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,201 คัน ลดลง         1.6% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
  3. อันดับที่ 2 อีซูซุ    5,976 คัน    ลดลง        24.2% ส่วนแบ่งตลาด 11.4%
  4. อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,481 คัน   ลดลง         16%  ส่วนแบ่งตลาด 10.5%
  5. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 21,935 คัน เพิ่มขึ้น 17.4%     
  6. อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,093 คัน   เพิ่มขึ้น        23.1%ส่วนแบ่งตลาด  32.3%
  7. อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,646 คัน    เพิ่มขึ้น        1%    ส่วนแบ่งตลาด  16.6%
  8. อันดับที่ 3 บีวายดี 2,657 คัน    เพิ่มขึ้น        141.3% ส่วนแบ่งตลาด  12.1%
  9. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,294 คัน ลดลง 2.9%   

อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,108 คัน ลดลง 11.9% ส่วนแบ่งตลาด 40%

อันดับที่ 2 อีซูซุ    5,976 คัน    ลดลง 24.2% ส่วนแบ่งตลาด 19.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 1,835 คัน   ลดลง 37.1% ส่วนแบ่งตลาด 6.1%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 14,333 คัน ลดลง 18.8%  

อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,852 คัน   ลดลง 12.8%        ส่วนแบ่งตลาด 47.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ    5,149 คัน    ลดลง 25.1%        ส่วนแบ่งตลาด 35.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด  1,445 คัน    ลดลง 14.9%        ส่วนแบ่งตลาด 10.1%

                *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,099 คัน  โตโยต้า 1,301 คัน -– อีซูซุ 896 คัน -– ฟอร์ด 697 คัน – มิตซูบิชิ 113 คัน – นิสสัน 92 คัน

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,234 คัน ลดลง 24.3%        

อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,551 คัน      ลดลง 18.8%     ส่วนแบ่งตลาด 49.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ     4,253 คัน       ลดลง 28.8%    ส่วนแบ่งตลาด 37.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด     748 คัน     ลดลง 35.3%     ส่วนแบ่งตลาด 6.7%     

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม –  พฤษภาคม 2568

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 252,615 คัน ลดลง 3%   
  2. อันดับที่ 1 โตโยต้า        94,784 คัน  ลดลง 3%    ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
  3. อันดับที่ 2 อีซูซุ            31,881 คัน  ลดลง 18.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.6%
  4. อันดับที่ 3 ฮอนด้า        30,206 คัน  ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 12%
  5. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 98,086 คัน ลดลง 3.4%             
  6. อันดับที่ 1 โตโยต้า        33,069 คัน  เพิ่มขึ้น 18.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
  7. อันดับที่ 2 ฮอนด้า         16,542 คัน  ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 16.9%
  8. อันดับที่ 3 บีวายดี        9,622 คัน    ลดลง 1.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%
  9. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 154,529 คัน ลดลง 2.7%                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        61,715 คัน  ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            31,881 คัน  ลดลง 18.6% ส่วนแบ่งตลาด 20.6%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า         13,664 คัน  ลดลง 15.3% ส่วนแบ่งตลาด 8.8%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 78,091 คัน ลดลง 14.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 35,331 คัน ลดลง 15.4%       ส่วนแบ่งตลาด 45.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ    28,048 คัน  ลดลง 18.6%        ส่วนแบ่งตลาด 35.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด  8,001 คัน   ลดลง   17%        ส่วนแบ่งตลาด 10.2%

                *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 15,365 คัน โตโยต้า 6,036 คัน – อีซูซุ 5,195 คัน – ฟอร์ด 3,139 คัน – มิตซูบิชิ 759 คัน – นิสสัน 236 คัน

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 62,726 คัน ลดลง 16.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า  29,295 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 46.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ    22,853 คัน  ลดลง  22.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด  4,862 คัน   ลดลง  18.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.8% 

ฟอร์ด ฉลอง 15 ปี โรงงานเอฟทีเอ็ม ยกระดับคุณภาพพาฟอร์ด เรนเจอร์สู่เวทีโลก

โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) หนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์สำคัญของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ฉลองครบรอบ 15 ปี สะท้อนพลังศักยภาพคนไทยที่ร่วมกันสร้างสรรค์ยนตรกรรมคุณภาพระดับโลก และยืนหนึ่งในบทบาทการเป็นศูนย์กลางการผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่ทั่วโลกยอมรับ

ระยอง, ประเทศไทย, 27 มิถุนายน 2568 – โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เอฟทีเอ็มเติบโตอย่างมั่นคงในฐานโรงงานผลิตที่รองรับทั้งตลาดในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก พร้อมได้รับความไว้วางใจจากฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ให้เป็นโรงงานแรกของโลก หรือ Lead Plant ในการเริ่มสายการผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นปัจจุบัน โดยมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และกระบวนการผลิตให้กับโรงงานฟอร์ดอีก 4 แห่งทั่วโลก ที่สำคัญ เอฟทีเอ็มยังเป็น ฐานการผลิตหลักระดับโลกของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูงระดับตำนาน ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเมื่อปี 2561และยังคงเป็นโรงงานที่ผลิตเรนเจอร์ แร็พเตอร์ สำหรับตลาดนานาชาติส่วนใหญ่ แม้ว่าฟอร์ดจะเริ่มต้นการผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สำหรับตลาดอเมริกาเหนือที่สหรัฐอเมริกาในปี 2566 เอฟทีเอ็มยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะฐานการผลิตหลักของรถรุ่นนี้ที่ส่งออกไปจำหน่ายในหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก

มร.วินโค้ ซาริค ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิรูปด้านการดำเนินงาน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การฉลองครบ 15 ปี ของเอฟทีเอ็ม ไม่ใช่แค่การย้อนรำลึกถึงเส้นทางการเติบโตของเรา แต่คือการตอกย้ำถึงความภาคภูมิใจของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ที่ได้เห็นคนไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ ยกระดับคุณภาพ และผลักดันฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สู่เวทีระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและพลังของทีมงานทุกคน”

คุณภาพที่เริ่มตั้งแต่ครั้งแรก: First Run Capability (FRC)

หัวใจของความสำเร็จของเอฟทีเอ็ม คือ การยึดหลัก First Run Capability (FRC) หรือ ‘ผลิตได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก’ โดยไม่มีข้อผิดพลาด (Zero Defects) ผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย ตั้งแต่แรงบิดของน็อตที่แม่นยำทุกตัว จนถึงกระบวนการทำงานที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุด หากพบปัญหาก็จะได้รับวิเคราะห์และแก้ไขทันที เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกคันมีคุณภาพดีที่สุดเสมอ นับเป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและความทุ่มเทของพนักงานในทุกระดับ

“การผลิตได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก คือหัวใจของมาตรฐานคุณภาพที่ยึดถือในสายงานผลิต ไม่เพียงแค่วัดผลด้านคุณภาพ แต่คือการสร้างระบบการทำงานที่มั่นใจได้เราจะส่งมอบรถยนต์ฟอร์ดคุณภาพสูงสุดในทุกคัน” มร.วินโค้ กล่าวเพิ่มเติม

ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยพลังใจของพนักงาน

นอกจากการส่งมอบรถยนต์คุณภาพสูงสู่มือลูกค้าแล้ว เอฟทีเอ็มยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ผ่านแนวคิด “ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยจิตสำนึกของพนักงาน” (Driving Efficiency Through Employee Ownership) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการต้นทุน และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในผลงานของตนเอง นำไปสู่ผลลัพธ์ดำเนินงานที่คุ้มค่าและยั่งยืนในระยะยาว

FTM DNA : พลังบุคลากรและเอกลักษณ์แห่งความเป็นเอฟทีเอ็ม

แม้จะดำเนินการภายใต้มาตรฐานระดับโลกของฟอร์ด แต่สิ่งที่ทำให้เอฟทีเอ็มโดดเด่น คือ ‘FTM DNA’ เอกลักษณ์องค์กรที่พนักงานร่วมกันสร้างขึ้น ประกอบด้วย ‘Family – Teamwork – Motivated’ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง พนักงานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเสมือนครอบครัวเดียวกัน มีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน และขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจร่วมกันในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

พนักงานของเอฟทีเอ็มจากทุกระดับสามารถแสดงศักยภาพ และร่วมคิดนวัตกรรมใหม่เพื่อต่อยอดและยกระดับกระบวนการผลิตอย่างสม่ำเสมอ เช่น:

•แอปพลิเคชัน DTC Smart Repair: ใช้ช่วยวิเคราะห์ปัญหาของรถยนต์ได้รวดเร็ว แม่นยำ ลดเวลาและต้นทุน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนทีมบริการลูกค้าที่ศูนย์บริการในการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

•แอปพลิเคชัน IQ Dashboard: ที่แสดงข้อมูลคุณภาพชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมงานตรวจจับและแก้ไขปัญหาเรื่องซัพพลายเชน ก่อนส่งผลกระทบต่อสายการผลิต และช่วยในเรื่องการติดตามผลการวิเคราะห์ เพื่อการปรับปรุงต่อไป

นวัตกรรมเหล่านี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพนักงานเอฟทีเอ็มในการยกระดับคุณภาพ ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างเป็นรูปธรรม

15 ปี แห่งการเดินทางของโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ เอฟทีเอ็ม เป็นมากกว่าการผลิตรถยนต์ แต่เป็นการส่งต่อความภาคภูมิใจของคนไทยสู่ถนนทั่วโลก พร้อมเดินหน้าด้วยหัวใจแห่งนวัตกรรมและความมุ่งมั่น เพื่อยกระดับยนตรกรรมไทยสู่มาตรฐานโลกที่ไม่มีวันหยุดยั้ง

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ คว้ารางวัลคุณภาพจาก เจ.ดี.พาวเวอร์ ประจำปี 2568

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ คว้าสองรางวัลคุณภาพ จากการสำรวจด้านคุณภาพรถยนต์ โดย เจ.ดี.พาวเวอร์ ประจำปี 2568

บรรยายภาพ : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย (ซ้าย-รูปที่ 1) และ นายถาวร กำแก้ว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต (ซ้าย-รูปที่ 2) รับรางวัลอันดับ 1 “รถใหม่คุณภาพสูง” จากผลการสำรวจความคิดเห็นด้านคุณภาพของผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2568 โดย มร.อัตสึชิ คาวาฮาชิ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจยานยนต์ บริษัท เจ.ดี. พาวเวอร์ (ประเทศญี่ปุ่น)

กรุงเทพฯ – 25 มิถุนายน 2568 : มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ สองรุ่นยอดนิยมจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้อย่างมั่นใจ ดีไซน์โดดเด่น และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ล่าสุดรถยนต์ทั้งสองรุ่น ได้รับการยืนยันด้านคุณภาพอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัล อันดับ 1 “รถใหม่คุณภาพสูง” จากผลการสำรวจความคิดเห็นด้านคุณภาพของผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย ปี 2568 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2025 Thailand Initial Quality StudySM (IQS))

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส ได้รับรางวัลอันดับหนึ่ง ในกลุ่ม รถกระบะ 4 ประตู (Pickup Double Cab)                        

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ได้รับรางวัลอันดับหนึ่ง ในกลุ่ม รถยนต์อเนกประสงค์ (MPV)

รางวัลในครั้งนี้ สะท้อนถึงความพึงพอใจของผู้ใช้รถที่ซื้อรถยนต์ใหม่ทั่วประเทศ และตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพระดับสูงของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้รถทั้งสองรุ่นของเรา ได้รับการจัดอันดับสูงสุดของแต่ละประเภทรถยนต์ในปีนี้ โดย มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะที่มีดีไซน์โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ทั้งในด้านสมรรถนะ ความทนทาน และความปลอดภัย มีระบบอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารอย่างครบครัน ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และวันหยุดพักผ่อนในวันสุดสัปดาห์ เราจึงมั่นใจว่า มิตซูบิชิ ไทรทัน คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่มองหารถกระบะอเนกประสงค์ ขับขี่ง่าย และที่สำคัญคือ ความมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์คันนี้”

“ขณะเดียวกัน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ก็ได้รับความนิยมในฐานะรถ MPV ที่ครบครัน ทั้งฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ในด้านความสะดวกสบาย ความกว้างขวางของห้องโดยสาร และความคุ้มค่าต่อการใช้งานของครอบครัว”

นายถาวร กำแก้ว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต กล่าวเสริมว่า “รางวัลในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน ณ โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาค เราภูมิใจที่สามารถส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่าทุกรุ่นที่ผลิตจากโรงงานของเรา ได้ผ่านกระบวนการที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกมิติ”

การสำรวจของ เจ.ดี. พาวเวอร์ ในปีนี้ครอบคลุมรถยนต์ 55 รุ่น จาก 14 แบรนด์ โดยสำรวจความเห็นจากเจ้าของรถใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 4,721 ราย ซึ่งซื้อรถระหว่าง เดือนมิถุนายน 2567- มกราคม 2568 โดยทำการสำรวจหลังการซื้อ ระหว่างช่วงเดือนธันวาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 ใน 22 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE), ไฮบริด (HEV) และรถพลังงานไฟฟ้า (BEV)

แม้จะมีความท้าทายมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคปัจจุบัน แต่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและส่งมอบยานยนต์คุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเดินหน้าบริหารจัดการการผลิต และการส่งมอบรถยนต์ให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างตรงเวลาและมีประสิทธิภาพ และยังมุ่งมอบความสบายใจให้กับลูกค้า ด้วยบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม จากเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพ กระจายอยู่กว่า 190 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าทุกท่านได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ด้วยมาตรฐานสูงสุด

มาสด้า ชวนลูกค้าร่วมค้นหาความสุขและสร้างแรงบันดาลใจ

มาสด้า ชวนลูกค้าร่วมค้นหาความสุขและสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านปรัชญา “JOY DRIVES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต”

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 24 มิถุนายน 2568 – ภายใต้ความสับสนวุ่นวายในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่กำลังเกิดขึ้น หลายคนกังวลใจกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน มาสด้าเชิญชวนลูกค้าออกมาร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจและค้นหาความสุขในแบบของตนเอง เพราะมาสด้าเชื่อว่าในทุกรายละเอียดของชีวิตมีความสุขขับเคลื่อนเราเสมอ เฉกเช่นเดียวกับมาสด้าที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยปรัชญา “JOY DRIVES LIVES” หรือความสุขขับเคลื่อนชีวิต สื่อสารถึงรายละเอียดความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมีส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแบรนด์ และมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์การใช้ชีวิต

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าเชื่อเสมอว่าความสุขคือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนชีวิต เราจึงมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ความสุขให้กับผู้คนในทุกช่วงเวลาและพร้อมเดินทางไปด้วยกัน เพื่อค้นพบความสุขที่มากกว่าการขับขี่ในทุกเส้นทาง ให้ทุกรายละเอียดของชีวิตมีความสุขขับเคลื่อนเสมอ นั่นคือที่มาของปรัชญาใหม่ของแบรนด์ “JOY DRIVES LIVES” หรือความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาสด้าจะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุข เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นหัวใจหลักในการสร้างความเชื่อมโยง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ มาสด้าจึงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Customer Experience Management หรือการบริหารประสบการณ์ลูกค้าที่มุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถมาสด้า ที่ไม่ได้มีเพียงการขับขี่ที่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากแบรนด์ในทุกๆ Touchpoint เริ่มตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบออนไลน์ไปจนถึงประสบการณ์ที่ได้สัมผัสจากผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าและผู้คนได้ตระหนักถึงรายละเอียดความสุขเล็กๆ รอบตัว ตลอดจนมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์ เพื่อถ่ายทอดหลักปรัชญาการทำงาน สร้างความรักความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า ตามแนวทางการบริหารงานที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง (Customer Centric) สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดลงไปในทุกองค์ประกอบของการทำงาน เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขในการขับขี่รถยนต์” (Joy of Driving) จะนำไปสู่ “ความสุขในการใช้ชีวิต” (Joy of Living) และมาสด้าตั้งใจส่งมอบความสุขเหล่านี้ไปยังลูกค้าทุกคน จะดีกว่าไหมถ้าคนเราค้นพบความสุขที่อยู่ระหว่างทางโดยในบางครั้งอาจถูกมองข้ามไป ลองหยุดพักจากการรอคอยความสุขที่ยิ่งใหญ่หรือสิ่งที่หวังไว้ในอนาคต แล้วมาเติมเต็มชีวิตด้วยความสุขเล็ก ๆ ที่เราก็สร้างขึ้นเองได้ เพื่อให้ทุกวันขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและใช้ชีวิตให้มีความหมายตามแบบฉบับของตนเอง

ดังนั้น มาสด้าจึงถ่ายทอดเรื่องราวการดำเนินชีวิตของครอบครัวอันแสนอบอุ่น ผ่านภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง Joy Drives Lives เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนมองหาความสุขในรายละเอียดของชีวิต และต่อยอดด้วยการมุ่งเน้นความเชื่อที่ว่า ความสุข คือพลังขับเคลื่อนชีวิต มาสด้าจึงสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าการขับขี่ แต่เป็นการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในทุกช่วงเวลา ดังนั้น เพื่อสื่อสารแนวคิดนี้ให้ชัดเจนขึ้นจึงได้นำเสนอบทเพลง “Joy is in the details” บอกเล่าเรื่องราวจากหิ่งห้อยตัวน้อยผ่านสถานการณ์ของผู้คนต่างๆ หลากหลายมิติ เช่น การใช้เวลากับครอบครัวหรือคนรัก การก้าวข้ามขีดจำกัด และการนึกถึงอดีตที่น่าจดจำ เป็นต้น ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ล้วนดูธรรมดา แต่หากมองลึกลงไปในอริยาบททุกคนล้วนมีรอยยิ้มและกำลังมีความสุขในชีวิต

“บางครั้งความสุขอาจเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาสด้าเชื่อว่าเราจะค้นพบด้วยตัวเองได้ เพียงลองมองลึกลงไปในรายละเอียด เราอาจพบความสุขที่อยู่ระหว่างทางที่บางครั้งอาจถูกมองข้ามไป ในช่วงที่ผ่านมา มาสด้าได้ทำการสำรวจสถิติคนไทย ผ่านแบบทดสอบ Mazda Joy Research เพื่อทำความเข้าใจความสุขในรูปแบบต่าง ๆ ตามด้วยการสร้างการรับรู้ในความหมายใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พบว่า คนไทยกว่า 2 ใน 3 จากกลุ่มตัวอย่าง มีความสุขน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ เพราะเราสร้างเงื่อนไขการมีความสุขด้วยการผูกมัดไว้กับความคาดหวัง มาสด้าจึงได้สร้างความตระหนักถึงว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง และสร้างความเชื่อมโยงต่อการสื่อสารเพื่อให้เห็นรายละเอียดความสุขในชีวิต” นายภพนิพิฐ กล่าวเสริม

สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตามการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาและบทเพลงอันไพเราะอันลึกซึ้งที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ JOY DRVIES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต รวมถึงการออกไปค้นหาความสุขของคุณร่วมกับแบรนด์มาสด้า สามารถกดเข้าผ่านลิงค์ดังต่อไปนี้

-รับชมภาพภาพยนตร์โฆษณาภายใต้สโลแกน “JOY DRIVES LIVES” ได้ตามช่องทาง

-Mazda official YouTube – Full VDO : ภาพยนตร์โฆษณาhttps://www.youtube.com/watch?v=wYhA68ocA8g

-Facebook : ถ่ายทอดเรื่องราวความสุขขับเคลื่อนชีวิตhttps://www.facebook.com/share/r/1EM8oLW4AR/

-TikTok บทเพลง “Joy is in the details”

 Music : https://vt.tiktok.com/ZSkG28nHE/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save