- Advertisement -
33.8 C
Bangkok
Home Blog Page 23

มาสด้า เปิดตัวปิกอัพใหม่ BOLD NEW MAZDA BT-50 ที่แรกของโลก

มาสด้าเปิดตัวปิกอัพใหม่ BOLD NEW MAZDA BT-50 ที่แรกของโลก ดีไซน์แกร่งดุดันสไตล์ญี่ปุ่น สง่างามทุกมุมมอง เครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 – มาสด้าออกสตาร์ทกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี พร้อมพลิกสถานการณ์โหมตลาดรถยนต์ไทยให้กระหึ่ม เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นรวด ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ทั้งครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-5 และปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุด Bold New Mazda BT-50 ที่แรกของโลก ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ใส่เทคโนโลยีแห่งอนาคต มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Dignity into Power พลังแกร่ง สะท้อนตัวตน” ฉีกกฎภาพลักษณ์แบบเดิมๆ เติมความแกร่ง ดุดัน หรูหรา สง่างาม พรีเมี่ยมทุกจุดสัมผัส ตามแนวทางการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่งดงามและทรงพลัง

สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นกับเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ให้พละกำลังแรงสุด 163 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สมรรถนะแรงขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ให้พละกำลังแรงสุด 190 แรงม้า สมรรถนะแรงทรงพลังสมบุกสมบันพร้อมลุยไปได้ทุกที่ ออปชั่นเต็มคันในสไตล์ที่คนขับปิกอัพยุคใหม่ต้องการ เพิ่มเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัยใส่มาแบบครบครัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 7 แสนกว่าบาท ในรุ่นขับ 2 แบบยกสูง หรือ FSC 2.2 XS HI-RACER 6MT จองวันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ย 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี2 หรือ ส่วนลดสูงสุด 55,000 บาท3 และฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท4 พิเศษสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมัน 30,000 บาท4 ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป และที่โชว์รูมมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว Bold New Mazda BT-50 ในประเทศไทยครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เนื่องจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญต่อฐานการผลิตและส่งออกในประเทศไทย เลือกประเทศไทยเพื่อแนะนำและวางจำหน่ายที่แรกของโลก มาพร้อมความสดใหม่หลากหลายด้าน โดยเฉพาะการออกแบบที่มาสด้าบรรจงสรรสร้างอย่างพิถีพิถัน สวยสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ ภายในเพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยมอีกระดับ ภายนอกแข็งแกร่งดุดันในสไตล์ญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้พละกำลังแรงขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมถึงการใส่อุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ใส่ระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ มาให้อย่างครบครัน โดยรวมเอาจุดเด่นสำคัญๆ ของรถมาสด้า มาผนวกเข้ากับจุดแข็งที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตร ทำให้กลายเป็นรถปิกอัพที่มีความสมดุลในทุกๆ ด้านอย่างลงตัว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถกระบะที่ให้ทั้งสมรรถนะสูงแรงและดีไซน์ที่โดดเด่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะ สามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง หรือการเดินทางไปทำกิจกรรม Outdoor ที่ต้องการทั้งสมรรถนะและความอเนกประสงค์ของรถปิกอัพเพื่อตอบสนองการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ

แม้มาสด้าจะมีรถยนต์หลากหลายรุ่นวางจำหน่ายในตลาด แต่รถปิกอัพเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญ ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 1961 คือ มาสด้า B1500 บี-ซีรีส์ ซึ่งรุ่นนี้เปรียบเสมือนจุดกำเนิดของยานพาหนะที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ช่วยให้ทุกช่วงเวลาบนท้องถนนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญสูงสุดกับตลาดประเทศไทย และประเทศไทยคือฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์และรถปิกอัพที่ใหญ่สุดของมาสด้า ดังนั้น การเปิดตัว Bold New Mazda BT-50 แห่งแรกของโลก โดยเฉพาะคนไทยจะได้เป็นเจ้าของคนแรก การเปิดตัวปิกอัพ Bold New Mazda BT-50 “Dignity into Power” จะเป็นการกลับมาอีกครั้งแบบ Revolutionary Change เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้ตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น ด้วยสไตล์ที่แตกต่าง สง่างามทรงพลังทุกมุมมอง จากการออกแบบของ โคโดะ ดีไซน์ จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นจากการผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพ ด้วยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ผสานอย่างลงลงตัวกับจุดเด่นที่ดีที่สุดจากความร่วมมือกับพันธมิตร

Bold New Mazda BT-50 มาพร้อมแนวคิด “Dignity into Power พลังแกร่ง สะท้อนตัวตน” ดึงเอาความแข็งแกร่ง ความเป็นตัวตนที่แท้จริง ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณให้ออกมาโลดแล่นบนเส้นทางของการใช้ชีวิตที่ไร้ลิมิต เป็นการนำเสนอรถปิกอัพที่มีภาพลักษณ์ แกร่ง เข้ม ดุดัน เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่มองหาปิกอัพที่มาพร้อมอรรถประโยชน์การใช้งานด้วยปิกอัพที่มีสมรรถนะสูง แต่ก็ยังต้องการปิกอัพที่มีดีไซน์สง่างามสไตล์ญี่ปุ่น โดยที่ไม่ซ้ำแบบใคร เพื่อสะท้อนถึงบุคลิกอันโดดเด่นเป็นตัวของตนเอง Bold New Mazda BT-50 จะมาเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ มาพร้อมความใหม่ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

ดีไซน์ใหม่ แกร่งในแบบสง่างาม เรียบง่ายแต่ทรงพลังตามแบบฉบับรถปิกอัพของมาสด้า พร้อมสีภายนอกใหม่ถึง 3 สี และการออกแบบที่ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น

เอกลักษณ์ที่สำคัญของ Bold New Mazda BT-50 คือ การออกแบบอันสง่างามตามแนวทาง Kodo design – Soul of Motion ทำให้ปิกอัพมาสด้ามีความแตกต่างโดดเด่น เป็นปิกอัพที่มีสไตล์เฉกเช่นเดียวกับรถเอสยูวีที่ถ่ายทอดความสง่างามหรูหราพรีเมี่ยม ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่รถปิกอัพพึงมี โดยมาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่รอบคัน ถ่ายทอดภาพลักษณ์ แกร่ง ดุดัน สไตล์ญี่ปุ่น ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED Signature ล้ออัลลอยขนาด 17” สีดำ และ 18” สีเงิน และ สีดำ (Matte Black) ทั้งยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่อีกถึง 3 สี ได้แก่ สีขาว จีโอด ไวท์ เพิร์ล สีน้ำเงิน เซลลิ่ง บลู และ สีแดง เวอร์มิลเลี่ยน ลาโตซอล เรด สีใหม่ที่เปิดตัวในรถรุ่นนี้เป็นครั้งแรก ภายในยังคงเน้นความหรูหรา ประณีต คัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูงตามแบบฉบับรถมาสด้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น นอกจากนี้ การออกแบบของตัวรถเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้กับปิกอัพรุ่นนี้ ทำให้ได้สมรรถนะที่ดีขึ้น ช่วงล่างเกาะถนนดียิ่งขึ้น นุ่นนวลขึ้น และช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นในทุกการเดินทาง

สีภายนอกของ Bold New Mazda BT-50 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี

ลำดับรายละเอียดหมายเหตุ
1สีขาว ไอซ์ ไวท์ (Ice White) 
2สีเทา คอนกรีต เกรย์ (Concrete Gray) 
3สีน้ำเงิน เซลลิ่ง บลู (Sailing Blue)สีใหม่
4สีขาว จีโอด ไวท์ เพิร์ล (Geode White Pearl)สีใหม่
5สีแดง เวอร์มิลเลี่ยน ลาโตซอล เรด (Vermilion Latosol Red)สีใหม่

ยกระดับเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัยอย่างครบครัน

มาพร้อมหน้าจอ MID แบบสี ขนาด 7 นิ้ว พร้อมด้วย Vehicle Tilt information เพิ่มความสะดวกสบายด้วยช่องเสียบ USB-C หน้าจอ Center Display ขนาด 8” และ 9” ที่รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ตอบรับทุกความต้องการของคนยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงเพิ่มเติม เพื่อมอบความปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) ระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA) และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)

ใช้งานสมบุกสมบันแบบรถปิกอัพ แต่นุ่มสบายเหมือนรถยนต์นั่ง

มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่แบบรถปิกอัพเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4×4 ที่มาพร้อมเฟืองท้ายแบบ Diff-lock รวมถึงระบบการขับขี่แบบออฟโร้ด (Off-Road Mode) ในขณะที่ยังคงมอบความนุ่มสบายให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเสมือนรถยนต์นั่งตามแบบฉบับรถยนต์มาสด้า

เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์ทรงพลังขนาด 3.0 ลิตร

Bold New Mazda BT-50 ได้รับการปรับปรุงพละกำลังของเครื่องยนต์ให้มีความแรงยิ่งขึ้น กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.2 ลิตร ทั้งในรุ่นฟรีสไตล์แค็บ (บานแค็บเปิดได้) แบบขับสองยกสูง หรือ FSC HI-RACER และดับเบิ้ลแค็บ แบบขับสองยกสูง หรือ DBL HI-RACER ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ให้พละกำลังแรงสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ใหม่ล่าสุด ให้อัตราทดต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองฉับไว แม่นยำ ราบเรียบ นุ่มนวล ทำให้การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ DBL รุ่นเครื่องยนต์ 3.0 รุ่น HI-RACER และรุ่นขับเคลื่อน 4×4 ให้พละกำลังแรงสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร สามารถขับลุยได้ทุกสถานการณ์ตอบโจทย์ทุกการใช้งานแบบอเนกประสงค์

•ดูแลด้วยบริการหลังการขายแบบพรีเมี่ยม พร้อมเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยข้อเสนอสุดคุ้ม

ไร้ความกังวลกับบริการหลังการขาย ด้วยการบริการที่เป็นไปตามมาตรฐานมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พร้อมการดูแลอย่างพรีเมี่ยมที่ครบครันในทุกด้าน มอบข้อเสนอ ดอกเบี้ย 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี2 หรือ ส่วนลดสูงสุด 55,000 บาท3 และสำหรับช่วงเปิดตัวแนะนำ มาสด้ามอบฟรี บัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท4 และฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท4 สำหรับ Mazda Family

นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยที่เพิ่มเติมเข้ามาแล้ว Bold New Mazda BT-50 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงมากมายหลายระบบ อาทิ

-AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ

-ACC แบบ Stop & Go (Adaptive Cruise Control with Stop & Go) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ จนถึงจุดหยุดนิ่ง

-LDW (Lane Departure Warning) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน

-FCW (Forward Collision Warning) ระบบเตือนการชนด้านหน้า

-PMM (Pedal Misapplication Mitigation) ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด

-MSL (Manual Speed Limiter) ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็ว

-AHB (Auto High Beam) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

-DAA (Driving Attention Assist) ระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่

-RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง

Bold Mazda BT-50 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย โดยมีราคาจำหน่ายดังต่อไปนี้

รุ่นเครื่องยนต์ราคาจำหน่าย (บาท)
Freestyle Cab 2 ประตูFSC 2.2 XS HI-RACER 6MT762,000
Double Cab 4 ประตูDBL 2.2 XT HI-RACER 8AT992,000
Double Cab 4 ประตูDBL 3.0 XTR HI-RACER 6AT1,242,000
Double Cab 4 ประตูDBL 3.0 XTR 4×4 6AT1,352,000

หมายเหตุ : สีเมทัลลิก เพิ่ม 7,000 บาท และสีขาวมุก เพิ่ม 14,000 บาท

ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าและสัมผัสคันจริงของรถปิกอัพ Bold New Mazda BT-50 สามารถยลโฉมได้แล้ววันนี้ที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. 67 – 10 ธ.ค.  67 หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษในช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธ.ค. 67

หมายเหตุ :

1 ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์  (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย (5) บมจ. แอกซ่าประกันภัย

3 ทุกรุ่น

4 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เงื่อนไขเพิ่มเติม :

•เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

•ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถ ภายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bold New Mazda BT-50

อุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้า

อุปกรณ์มาตรฐานBold New Mazda BT-50
อัพเกรดระบบแสดงข้อมูลการขับขี่หน้าจอ MID ขนาด 7 นิ้ว (เดิม 4.2 นิ้ว) ระบบตรวจสอบการเอียงของรถและมุมองศาของล้อ (Vehicle tilt information)
อัพเกรด ADASAEB: ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติDAA: ระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่RCTB: ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
อัพเกรด USBอัพเกรดเป็น USB-C ทั้งคอนโซลหน้า-หลัง (ยกเว้นรุ่น FSC XS)

รายละเอียดการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า

 ดีไซน์/ สเปค/ อุปกรณ์FSC 2.2 XS HI-RACER 6MTDBL 2.2 XT HI-RACER 8ATDBL 3.0 XTR HI-RACER 6ATDBL 3.0 XTR 4×4 6AT
เครื่องยนต์ใหม่เปลี่ยนจาก 1.9 ลิตร เป็น 2.2 ลิตร  
เกียร์ใหม่เปลี่ยนเป็น 8AT   
ภายนอกล้อขนาด 17” สีดำ   
ล้อขนาด 18” สีเงิน   
ล้อขนาด 18” สีดำ (Matte Black)  
ดีไซน์ด้านหน้าและด้านท้ายแบบใหม่
ไฟท้ายแบบ LED
สปอร์ตบาร์ ชุดตกแต่งกันชนหน้า ชุดตกแต่งซุ้มล้อ พื้นปูกระบะแบบไร้ขอบ  
Sภายในเปลี่ยนสีเบาะหนังจากสีกากีเป็นสีดำ-ส้ม Terracotta  
วัสดุตัดขอบเปลี่ยนจากสีกากีเป็นสีส้ม Terracotta  
อัพเกรดอุปกรณ์หน้าจอ MID เปลี่ยนเป็น 7” 
เพิ่มระบบ Vehicle tilt information
เพิ่มระบบ RCTB  
เพิ่มระบบ DAA  
ขนาดหน้าจอ Center Display8”9”9”9”
เปลี่ยนจาก USB-A เป็น USB-C 

                     √       √       √

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

อีซูซุ ยกขบวนยนตรกรรมโชว์ขุมพลังดีเซลแห่งอนาคต ในงาน Motor Expo 2024

อีซูซุ ยกขบวนยนตรกรรมโชว์ขุมพลังดีเซลแห่งอนาคต “ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก” ครั้งแรก! ในงาน Motor Expo 2024

อีซูซุจำลองบรรยากาศสนามแข่งรถ ยกขบวนยนตรกรรมสุดยอดสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก โดยนำ อีซูซุ ดีแมคซ์ และ มิว-เอ็กซ์ ใหม่! ภายใต้ชื่อเครื่องยนต์  MAXFORCE ร่วมโชว์งานแรกใน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (The 41st Thailand International Motor Expo 2024) ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์  เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุได้เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ซึ่งเป็นขุมพลังที่แรงขึ้น เร็วขึ้น ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม และมีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือทำงานควบคู่กับพลังงานทางเลือกอื่นๆ ในอนาคต พร้อม ใหม่! ISUZU 3.0 Ddi MAXFORCE ที่มี ใหม่! ECM แบบ MULTI-CORE โดยมีให้เลือกทั้งในอีซูซุ ดีแมคซ์ และ มิว-เอ็กซ์ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายวันแรกในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 และได้นำรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE และ ใหม่! 3.0 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ร่วมโชว์ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2024 โดยจำลองบรรยากาศของสนามแข่งรถ พร้อม ISUZU SAFETY CAR และกิจกรรม MAXFORCE 360° XPERIENCE ผ่าน VR มุมมอง 360 องศา เพื่อสัมผัสประสบการณ์ความแรงและเร็วเสมือนนั่งกับนักแข่งรถในสนามจริง นอกจากนี้ยังได้นำอีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 Ddi Blue Power ไลฟ์สไตล์ปิกอัพสายพันธุ์สปอร์ต และรถแต่งหลากหลายสไตล์มาร่วมโชว์ รวมทั้งสิ้น 15 คัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลของโลก และตอบโจทย์ครบครันด้านความอเนกประสงค์ที่เหนือกว่าทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์”

ใหม่! ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ได้รับการพัฒนาใหม่ ให้เป็นเครื่องยนต์แห่งอนาคต ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงขึ้นแรงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที  ออกตัว เร่งแซงเร็วขึ้น กับแรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้นถึง 56%  แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิมสูงสุด 10% และมีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน  ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอีซูซุเป็นระยะทางเทียบเท่า 2.2 ล้านกิโลเมตร จนมั่นใจว่าเครื่องยนต์นี้มีความแรง ทนทาน และประหยัดน้ำมันเหมาะสมกับตลาดรถยนต์เมืองไทยมากที่สุด พร้อมที่จะถ่ายทอดสมรรถนะอันยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน ถือเป็นเทคโนโลยีดีเซลที่จะกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง

* ใหม่! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa. และใหม่! ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง

* ใหม่! E-VGS เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

* ใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับลูกสูบใหม่  ULTRA-LOW FRICTION ที่ให้แรงเสียดทานต่ำพิเศษ และเสื้อสูบแบบขึ้นรูปแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH พร้อมระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่แบบ HI-FLOW

* ระบบส่งกำลังใหม่ ครั้งแรกของอีซูซุ! กับ ใหม่! เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic  ให้อัตราทดต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองไว แม่นยำ นุ่มนวล ขับขี่สนุกเร้าใจ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีดใหม่ แบบ Genius Sport Shift ที่มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดให้เหมาะสมกับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE

พร้อมกันนี้  อีซูซุยังได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ ใหม่! ISUZU 3.0 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน แรงจัดตั้งแต่รอบต่ำ ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทนทาน และประหยัดน้ำมัน ให้พลังแรงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที ด้วย ECM ใหม่ แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการใช้งานที่ต้องการกำลังสูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเพิ่มไลน์อัพใหม่กับ ใหม่! มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์พีค” รุ่น RS  2.2 Ddi MAXFORCE อีซูซุ วี-ครอส 4×4 รุ่น 4 ประตู เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 3.0 Ddi MAXFORCE และ อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค 4×4 เกียร์อัตโนมัติ 3.0 Ddi MAXFORCE  รวมทั้งยังมาพร้อมสีใหม่ “เทาเอลบรุส โอเพค” (Elbrus Grey Opaque)  ในอีซูซุ ดีแมคซ์ทุกรุ่น

ขบวนรถอีซูซุจำนวน 15 คันที่นำมาจัดแสดง ในงาน MOTOR EXPO 2024 ประกอบด้วย

รถอีซูซุรุ่นมาตรฐานยอดนิยม จำนวน 9 คัน

* NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×2 ไลน์อัพใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมการออกแบบที่โดดเด่น และสปอร์ต เอกลักษณ์เฉพาะ THE PEAK OF RS DESIGN  พร้อมชุดแต่ง RS Design ครั้งแรกใน MU-X กับพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) กล้อง 360 องศา (360° Surround View Camera) มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ พร้อมอัพเกรดระบบความปลอดภัยให้เหนือไปอีกขั้นกับ ADAS Generation ล่าสุด! ทรงพลังด้วยกระจังหน้า Black Diamond Grille วัสดุ Black Chrome พร้อมสัญลักษณ์ RS โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line เท่เร้าใจอารมณ์สปอร์ตด้วยหลังคาดำ Gloss Black Roof ล้ออัลลอย RS Design ขนาด 20 นิ้ว เสริมลุคสปอร์ตด้วย Fender Garnish สีดำ และ Side Garnish สัญลักษณ์ RS ยกระดับภายในห้องโดยสารให้พีคกว่าเดิม ด้วยโทนสีดำ พร้อมตกแต่งด้วย Matte Silver Garnish  โดยนำมาโชว์ทั้งสิ้น 2 คัน ได้แก่ สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) จัดแสดงเป็นไฮไลท์บนเวที  และสีขาวมุก โดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) จัดแสดงด้านล่าง

*  NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ULTIMATE 4×2  สีขาวมุก โดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พลิกโฉมสู่ความพรีเมี่ยม THE PEAK OF ULTIMATE DESIGN  ผ่านเส้นสายภายนอกที่มีความ Dynamic สู่ภายในที่หรูล้ำให้ความรู้สึก Modern Luxe พร้อมโทนสี Truffle Brown ครั้งแรกกับพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) พร้อมอัปเกรดระบบความปลอดภัยให้เหนือไปอีกขั้นกับ ADAS Generation ล่าสุด กระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide ไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade โฉบเฉี่ยว พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line  ล้ออัลลอยดีไซน์ Dynamic Turbine ขนาด 20 นิ้ว สี Magnetite II พร้อมดีเทลก้านแม็กแบบ 3D ยกระดับความหรูในห้องโดยสาร ด้วยโทนสี Truffle Brown – Black อบอุ่นดู High Class

* NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ELEGANT 4×2 สีดำบาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica) 3.0 Ddi MAXFORCE กระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide  โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line และล้ออัลลอยดีไซน์ขนาด 1.8 นิ้ว ยกระดับห้องโดยสารหรู Modern Luxe  กว่าเดิมด้วยโทนสี Truffle Brown – Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class  เบาะนั่งดีไซน์ สี Truffle Brown นั่งสบายโอบรับสรีระ ทำด้วยวัสดุ Cool Max ลดการสะสมความร้อน  คอนโซลดีไซน์ สี Truffle Brown พรีเมี่ยมด้วยวัสดุ Piano Black – Satin Silver  พร้อม Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay

* NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู  2.2 Ddi MAXFORCE M และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพยกสูงระดับ TOP CLASS ที่ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวก้าวล้ำไปสู่เทคโนโลยีอนาคตแฝงด้วยศาสตร์แห่งวิศวกรรมการขับเคลื่อน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Turbine Spiral ห้องโดยสารพรีเมี่ยมด้วยแนวคิด High-Class & Sophisticated โดดเด่นด้วย Miura Design พร้อมการออกแบบตามหลัก Usability Design เบาะนั่งเทคโนโลยี COOLMAX ลดการสะสมความร้อน พร้อมระบบปรับเบาะไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ  และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น  เข้าร่วมโชว์ทั้งสิ้น 2 คัน โดยสีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque จัดแสดงเป็นไฮไลท์บนเวที และยังมีรุ่นเดียวกัน สีดำบาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica) จัดแสดงด้านล่าง

* NEW! ISUZU D-MAX CAB4 2.2 Ddi MAXFORCE Z สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) เกียร์ธรรมดา 6 สปีดอัตราทดใหม่ ภายนอกภูมิฐาน ไฟหน้าดีไซน์เน้นความโฉบเฉี่ยว ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight กระจังหน้าแบบ 3-Dimension สี Silky Silver และ Dark Grey พร้อม Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์แห่งความโดดเด่น  และล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวทันสมัย  ห้องโดยสารใช้งานได้หลากหลายออกแบบตามหลัก Usability Design โดดเด่นด้วย Miura Design  พร้อมเบาะผ้าพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว ใช้รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay

* ISUZU X-SERIES รุ่น HI-LANDER 4 ประตู 1.9 Ddi Blue Power AT สีดำบาวาเรียน (Bavarian Black Mica) ปิกอัพสปอร์ตยกสูง มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้ว สี Gloss Black ห้องโดยสารโทนดำ-เทา คอนโซลดีไซน์แบบ Iron Structure เพิ่มความเท่อย่างมีสไตล์  เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยเทคโนโลยี COOLMAX พร้อมโลโก้ X และหน้าจอแสดงข้อมูล Integrated MID 7 นิ้ว โทนแดงให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมพร้อมโลโก้ X อีกทั้งมี Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงปลายนิ้ว ขับสนุกเร้าใจ โดยมีเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดพร้อม Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift ให้เลือก

* ISUZU X-SERIES รุ่น SPEED 4 ประตู 1.9 Ddi Blue Power สีขาวไซบีเรียน (Siberian White) ปิกอัพสปอร์ตแนวสตรีทเรซ ล้ออัลลอย 16 นิ้ว สี Gloss Black ให้อารมณ์สปอร์ต หน้าปัดแสดงข้อมูลสไตล์เรซซิ่ง สะท้อนตัวตนผ่านโลโก้ X คอนโซลดีไซน์แบบ Flaming Wing เพิ่มความเร้าใจ เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตทูโทนดำ-แดง พร้อมโลโก้ X เกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift

รถอีซูซุตกแต่งพิเศษหลากสไตล์ 6 คัน

* NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4WD สีเทาไอเกอร์ โอเพค (Eiger Grey Opaque) มาพร้อมความแรงแบบฉบับอนาคต กับเครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด 3.0 Ddi MAXFORCE ตอบโจทย์อรรถรสการขับขี่ ด้วยสมรรถนะดีที่สุดรอบด้าน แต่งสไตล์สปอร์ตลุย ด้วยล้อ Lenso รุ่น Jager Zeta ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone รุ่น Dueler AT002 ขนาด 265/50R20 เสริมสมรรถนะด้วยชุดโหลดช่วงล่างจาก Profender รุ่น Tune Series

* NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ACTIVE 4×2 2.2 Ddi MAXFORCE AT สีขาวมุก โดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) ชูแนวคิด Sport Luxury PPV ด้วยชุดแต่งที่เน้นเส้นสายเข้ากับตัวรถ ผสานเอกลักษณ์โดยแบรนด์ AKC พร้อมล้อ Lenso 20 นิ้ว และ ยาง Bridgestone รุ่น ECOPIA H/L100 ขนาด 265/50R20 ชุดโหลดช่วงล่างจาก Profender รุ่น Tune Series คาลิปเปอร์เบรคสีแดงขนาดใหญ่ 6 pot จาก Run Stop จานเบรกขนาด 380 มม.

* NEW! ISUZU V-Cross 4 ประตู 3.0 Ddi MAXFORCE M AT สีส้มนามิบู ไมก้า (Orange Namibu Mica) ตกแต่งสไตล์ลุยจาก Hamer แรงบันดาลใจมาจากความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มสไตล์และเสริมประสิทธิภาพให้กับรถที่ขับในชีวิตประจำวัน แต่ยังคงมีความแข็งแกร่งและทนทานแบบออฟโรด

*  NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู 3.0 Ddi MAXFORCE M AT สีขาวมุก โดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) มาพร้อมชุดแต่งจาก WILD โดดเด่นในสไตล์ Rally Master แบบรถแข่งแรลลี่ ที่ต้องทั้งลุย ทั้งเร็ว พร้อม ล้อ MK Sports 20 นิ้ว และยาง Toyo รุ่น R/T ขนาด 305/55R20 ยกสูง 2 นิ้ว ด้วยชุดช่วงล่าง Profender พร้อมชุดปีกนกบนเพื่อรถยกสูง

* ISUZU SAFETY CAR 2.2 Ddi MAXFORCE มาดใหม่ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปรับแต่งความแรงด้วยคันเร่งไฟฟ้าและกล่องพ่วงเพิ่มแรงม้าจาก ECU Shop โดยปรับเน้นให้แรงแบบไร้ควัน ได้แรงม้าสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร ใส่แต่งช่วงล่างใหม่ด้วยโช๊คอัพ Explorar สเปกเดียวกับรถแข่งในสนาม ดิสก์เบรกสี่ล้อขนาด 6 pot จานเบรกขนาด 355 มม.จาก Run Stop ล้อ VEGAS จาก MK Sport  พร้อมยาง Toyo Proxes Sport ขนาดยางหน้า 245/45R18  และขนาดยางหลัง 275/40R18 ไล่เบาด้วยชุดคาร์บอนคอมโพสิตที่ฝากระโปรงหน้าและฝาท้ายจาก Akana Carbon เสริมความปลอดภัยด้วยชุด Roll Cage เบาะนั่งรถแข่ง Sparco พร้อมเข็มขัดนิรภัย 6 จุดจาก Sabelt พร้อมชุดสัญญาณไฟไซเรน

* NEW! ISUZU D-MAX SPARK 4×4 3.0 Ddi MAXFORCE S AT สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) ไลน์อัพใหม่ของอีซูซุ ดีแมคซ์ มาพร้อมชุดแต่งจาก Outlander กันชนหน้าเมทริกซ์ คอกกระบะฮันเตอร์ บันไดข้างฮันเตอร์ กันชนท้ายฮันเตอร์ แผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องสีแดง 3 ชิ้น แผ่นบังโคลนสลิง ด้วยล้อ Fuel ขนาด 18 นิ้ว และยาง BF Goodrich A/T ขนาด 265/65R18

นอกจากนี้ภายในบูธอีซูซุยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัล อาทิ เปิดประสบการณ์ใหม่กับสถานการณ์เสมือนจริง ปะทะความเร็วและแรงบนสนามแข่งรถราวกับการนั่งคู่กับนักแข่งขาซิ่งในสนามจริง ผ่านกิจกรรม MAXFORCE 360°XPERIENCE แว่น VR ในมุมมอง 360 องศา พร้อมแชร์ความแรงผ่าน “AI Snap MAXFORCE” Photo Booth และทดลองขับสัมผัสประสบการณ์ความแรงและเร็วของ อีซูซุ ดีแมคซ์ และมิว-เอ็กซ์ ในงาน MOTOR EXPO 2024  ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ อาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี  ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชวนสัมผัสยนตรกรรม 7 รุ่นไฮไลท์ ในงาน Motor Expo 2024

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชวนเปิดประสบการณ์ “Own Your Star” สัมผัสยนตรกรรม 7 รุ่นไฮไลท์ พร้อมโอกาสเป็นเจ้าของดวงดาว ในงาน Motor Expo 2024

•พบกับทัพยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury ที่เปิดตัวใหม่กว่า 5 รุ่น เสริมด้วยไลน์อัพล่าสุด ของ The new E-Class ในรุ่น E 350 e Exclusive จำหน่ายในราคา 3.65 ล้านบาท

•ครั้งแรกในไทยกับโมเมนต์ “G-Turn” 720 องศา ประเดิมการเผยโฉมของ G-Class ขุมพลัง ไฟฟ้ารุ่นแรก “G 580 with EQ Technology” ที่มาพร้อมราคาเริ่มต้น 9.5 ล้านบาท

•แคมเปญ “Own Your Star” สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรก ที่จองรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงาน Motor Expo 2024 รับไปเลยดวงดาวบนท้องฟ้าอีก 1 ดวง

•โชว์เคสโมเดลพี่ใหญ่ของ G-Class “G 63 4×4 Squared” พร้อมเปิดโซน “Maybach Lounge” มอบความเอ็กซ์คลูซีฟตามแบบฉบับของแบรนด์ “Mercedes-Maybach”

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เชิญชวนลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของดวงดาว ในงานมหกรรม ยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) พร้อมทะยานสู่โลกอนาคตผ่านคอนเซ็ปต์ “Own Your Star” ที่จะมอบดวงดาวบนท้องฟ้า พร้อมใบประกาศนียบัตร Star Certificate และพิกัดของ ดวงดาว ให้กับผู้ที่จองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน 100 ท่านแรก โดยขนทัพยนตรกรรม รุ่นใหม่มาจัดแสดงกว่า 7 รุ่น นำโดย G 580 with EQ Technology, G 450 d, Mercedes-Maybach EQS 680 SUV, Mercedes-Maybach S 580 e Premium, E 350 e Exclusive, V 300 d Exclusive, Vito 119 CDI Tourer Pro และรุ่นอื่นๆ รวมกว่า 20 รุ่น โดยรถยนต์ทุกรุ่นมาพร้อมราคาและข้อเสนอเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะซื้อรถในงานหรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2567

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกจากสัญลักษณ์ดาวสามแฉกที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความเชี่ยวชาญ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ครอบคลุมทุกมิติแล้ว เราเปรียบยนตร กรรมแต่ละรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เสมือนดวงดาวที่รอให้คุณมาครอบครอง สำหรับงาน Motor Expo ในปีนี้ เราจึงมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Own Your Star” เมื่อคุณเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากคุณจะได้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่ใฝ่ฝันแล้ว เรายังได้มอบดวงดาวบนท้องฟ้า อีก 1 ดวง ที่สามารถตั้งชื่อดวงดาวได้เอง โดยเราได้นำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่กว่า 7 รุ่น เริ่มด้วย G-Class ทั้งรุ่นพลังงานไฟฟ้า EQ Technology และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล, Mercedes-Maybach EQS SUV, Mercedes-Maybach S-Class, E-Class รุ่น Exclusive Line, V-Class, Vito และ รถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษที่ทุกคนรอคอยตลอดช่วงเวลาของ การจัดงาน ทั้งที่งาน Motor Expo 2024 และที่ตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ”

ความโดดเด่นของบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงาน Motor Expo 2024 คือการจัดแสดงรถยนต์รุ่น ใหม่ที่เผยโฉมต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมกว่า 7 รุ่น ได้แก่

•G 580 with EQ Technology เจ้าของฉายา “King of Off-Road” มาพร้อมระบบขับเคลื่อน พลังงานไฟฟ้า 100% และมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว สามารถทำแรงบิดได้สูงสุดถึง 1,164 นิวตัน เมตร โดยมาด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น STANDARD ราคาเริ่มต้น 9,500,000 บาท และรุ่น EDITION ONE (จำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 6 คัน) ราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท 

•G 450 d ยนตรกรรม The new G-Class ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลตามคำเรียกร้อง ของกลุ่มลูกค้าชาวไทย จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท

•Mercedes-Maybach EQS 680 SUV รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach ที่สุดแห่งเอสยูวีที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอันเหนือระดับ จำหน่ายใน ราคาเริ่มต้น 12,500,000 บาท

•Mercedes-Maybach S 580 e Premium รถยนต์ซีดานระดับไฮเอนด์ลักชัวรีที่สะท้อน เอกลักษณ์ความสง่างามในแบบฉบับของ S-Class กลับมาพร้อมตัวถังสีทูโทนใหม่ “High-tech Silver/Selenite Grey” จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 11,300,000 บาท

•E 350 e Exclusive ยนตรกรรมระดับไอคอนที่ผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน พร้อมการ กลับมาอีกครั้งของการออกแบบระดับตำนานที่แสดงถึงความหรูหราและเอกลักษณ์เฉพาะตัว กับโลโก้ดาวลอย (MB logo on bonnet) จำหน่ายในราคา 3,650,000 บาท

•V 300 d Exclusive รถแวนระดับลักชัวรี่ 6 ที่นั่ง รุ่นนำเข้ามาตรฐานยุโรป ออกแบบมาเพื่อ รองรับทั้งการเดินทางแบบครอบครัวและการใช้งานในทางธุรกิจ มอบความสะดวกสบายและความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส จำหน่ายในราคา 5,820,000 บาท

•Vito 119 CDI Tourer Pro รถแวนอเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง ผสานความสมบูรณ์แบบของ ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง และเทคโนโลยี ล้ำสมัยอันเป็นเอกลักษณ์จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ จำหน่ายในราคา 3,100,000 บาท

ภายในบูธจัดแสดงรถยนต์ ลูกค้าสามารถทดลองใช้งานแอปฟลิเคชัน Mercedes-Benz ในการสั่งการ รถยนต์ที่จัดแสดงได้ อาทิเช่น การควบคุมรถยนต์จากระยะไกล การค้นหาตำแหน่งรถยนต์ ทั้งนี้ บริการเสริม Digital Extras บนแอปฯ Mercedes-Benz มีให้พร้อมกับรถยนต์ตั้งแต่แรกซื้อ และสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 36 เดือน โดยขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ อุปกรณ์ติดตั้งพิเศษที่เลือก ปีการผลิต และประเทศที่จำหน่าย

และสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 จะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษ “Worry-Free Package” มอบความอุ่นใจและประสบการณ์แบบเหนือขีดจำกัดในทุกการเดินทาง ดังนี้

•เงินชำระส่วนแรก 0% สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทุกรุ่น เมื่อทำสัญญามายสตาร์*

•รับฟรี ค่าบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (Unlimited DC Charging) เป็นระยะเวลา 1 ปี ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่กำหนดไว้ของผู้ให้บริการ SHARGE**

•รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง**

•รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือไม่เกินระยะทางสูงสุด 250,000 กิโลเมตร**

*เมื่อเริ่มต้นสัญญามายสตาร์กับบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ในรถรุ่นที่ร่วมรายการ โดยเงินชำระส่วนแรก หมายถึง เงินชำระงวดแรกตามที่ระบุในสัญญามายสตาร์ และค่าเช่าชำระข้างต้น อ้างอิงแคมเปญเงินชำระครั้งแรก 0% ที่ระยะเวลาของสัญญา 60 เดือน โดยกำหนดระยะทางการใช้งานรถยนต์ที่ 20,000 กิโลเมตร/ปี

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

นอกจากการจัดแสดงรถยนต์หลากหลายรุ่นแล้ว ในปีนี้ที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดแสดงสินค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ คอลเลคชั่น และสินค้าประดับยนต์ ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ อาทิ หมวก, สินค้าสำหรับเด็ก, เสื้อและแจ็คเก็ต, แก้วและกระติกน้ำ และสินค้าประเภทกีฬา พร้อมข้อเสนอพิเศษ ได้แก่

-ซื้อสินค้าประดับยนต์หรือคอลเลคชั่น จำนวน 2 ชิ้น ยอดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป (ต่อใบเสร็จ) รับฟรี! สินค้าอีก 1 ชิ้น (ชิ้นที่มูลค่าต่ำที่สุดในใบเสร็จเดียวกัน)**

-รับของขวัญพิเศษ! กระเป๋าเมอร์เซเดส-เบนซ์** (มูลค่า 12,250 บาท) สำหรับลูกค้าที่มียอดสูงสุดในการซื้อสินค้าประดับยนต์หรือคอลเลคชั่น ในวันที่ 29 พ.ย. 67, 30 พ.ย. 67, 1 ธ.ค. 67, 6 ธ.ค. 67, 7 ธ.ค. 67, 8 ธ.ค. 67 และ 10 ธ.ค. 67 

ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิกบัตรเครดิตยูโอบี เมอร์เซเดส (UOB Mercedes) ที่มีการชำระค่าจองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ 50,000 บาท/เซลส์สลิป ภายในงาน Motor Expo 2024 รับสิทธิ์แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 50%** เมื่อใช้คำแนนสะสมเท่ากับยอดจองรถยนต์ (จำกัด 1 สิทธิ์/ผู้ถือบัตร/ตลอดรายการ) รวมถึงบัตรกำนัลเซ็นทรัล มูลค่าสูงสุด 2,500 บาท** และคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 25 เท่า** (สำหรับทุกการใช้จ่าย 25 บาท)

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

พบกับทัพยนตรกรรมกว่า 20 รุ่นจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) ณ บูธหมายเลข A02 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ

ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand

IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

มิตซูบิชิ ยกแคมเปญพร้อมข้อเสนอพิเศษจัดเต็ม ส่งท้ายปี ที่งาน Motor Expo 2024

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนสัมผัสประสบการณ์พิเศษ MITSUBISHI e:MOTION พร้อมมอบแคมเปญ “MEGA DEAL จัดเต็ม ส่งท้ายปี” ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดบูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ณ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

กรุงเทพฯ – 28 พฤศจิกายน 2024 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ชวนลูกค้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ MITSUBISHI e:MOTION พร้อมขนทัพสุดยอดยนตรกรรมล้ำสมัย นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ร่วมด้วย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ อีลีท เอดิชัน มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน มิตซูบิชิ แอททราจ สมาร์ท  และ มิตซูบิชิ มิราจ สมาร์ท ด้วยข้อเสนอพิเศษกับแคมเปญ “MEGA DEAL” โปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่จัดเต็มส่งท้ายปี รับข้อเสนอมูลค่ารวมสูงสุด 160,000 บาท ณ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำที่ก่อตั้งในประเทศไทยมากว่า 63 ปี เราได้มุ่งมั่นพัฒนารถยนต์คุณภาพสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่เป็นจุดเด่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ในงานนี้ ลูกค้าทุกท่านสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ MITSUBISHI e:MOTION ได้ที่โซนพิเศษ ซึ่งจะนำเสนอระบบการทำงาน พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ข้อมูล”

ไฮไลท์ของการจัดแสดงสุดยอดยนตรกรรมล้ำสมัย นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ขนาดเล็ก พร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เต็มเปี่ยมด้วยพลังและมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วย MITSUBISHI e:MOTION ที่ผสานระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เพื่อการขับขี่ที่ตอบสนองยอดเยี่ยมและประหยัดน้ำมัน โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ให้ความปลอดภัย ลุยได้ในทุกสภาพถนน และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control : AYC) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจและปลอดภัยมากขึ้นในขณะเข้าโค้ง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง พับเบาะได้หลากหลายรูปแบบ จัดสรรพื้นที่ได้ตามต้องการ รองรับได้ทุกกิจกรรม มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง และมั่นใจได้ในคุณภาพรถยนต์ที่ผลิตและประกอบในประเทศไทย โดนใจครอบครัวยุคใหม่ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าร้อยละ 60 สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก

“นอกจากนี้ เรายังได้จัดแสดงรถยนต์รุ่นยอดนิยมของมิตซูบิชิครบทุกรุ่น ที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษจากแคมเปญ MEGA DEAL โปรโมชั่นจัดเต็มส่งท้ายปี ทั้งบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ และสิทธิประโยชน์มากมาย” มร. อินาบะ กล่าวเสริม

อีกหนึ่งรถยนต์รุ่นเด่นภายในงาน ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ อีลีท เอดิชัน มาพร้อมเครื่องยนต์ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power)” ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันมากขึ้น 13% ทรงพลัง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 (Euro 5) มาพร้อมระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly) เพิ่มความปลอดภัยบนทุกเส้นทางด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) ทั้งยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’ และโหมดการขับขี่แบบออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่ โหมดขับขี่บนทางฝุ่น (Gravel) โหมดขับขี่บนผิวทางที่ปกคลุมด้วยโคลนหรือหิมะ (Mud/Snow) โหมดขับขี่บนพื้นผิวทราย (Sand) และโหมดขับขี่บนผิวทางที่ขรุขระหรือพื้นผิวหิน (Rock)

มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮเปอร์ พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู (Hyper Power X2) กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ตอบสนองไลฟ์สไตล์สปอร์ตพรีเมียมด้วยรูปลักษณ์โดดเด่นมีสไตล์ สะกดทุกสายตา ห้องโดยสารสะดวกสบายทุกจุด ผสานดีไซน์ภายในสีทูโทน เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’ พร้อมระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) และระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly) ทั้งยังสามารถขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและพื้นผิวถนนทุกรูปแบบด้วย 7 โหมดการขับขี่ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control : AYC)

มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกสีดำสุดเท่ ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว บันไดข้างและกันชนท้ายตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ไฮเปอร์ พาวเวอร์ คลีนดีเซลเทอร์โบ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’

มิตซูบิชิ แอททราจ สมาร์ท และ มิตซูบิชิ มิราจ สมาร์ท รถซิตี้คาร์ยอดนิยม ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ให้การขับขี่ที่สะดวกสบายคล่องตัว ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ได้แก่ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) (Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range: FCM-LS) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) (Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-FORWARD : RMS-FORWARD) และระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย (Cruise Control)

ด้วยความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเติมเต็มความสนุกเร้าใจให้การขับขี่ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง พร้อมปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ภายในบูธ ยังได้จัดแสดงรถยนต์ตกแต่งพิเศษรุ่นต่างๆ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี  และ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ที่มาพร้อมการตกแต่งแบบออฟโรด ประกอบด้วย ล้อและยางสไตล์ออฟโรด และที่วางสัมภาระบนหลังคา เพื่อสร้างแรงบัลดาลใจให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการเดินทางและกิจกรรมเอาท์ดอร์ ร่วมด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ โปร รุ่นตัวเตี้ย ที่ได้รับการตกแต่งภายใต้แนวคิดรถกระบะแห่งอนาคต (Futuristic Pick-Up Truck) ด้วยคิ้วซุ้มล้อ อุปกรณ์ตกแต่งกันชนหน้า การตกแต่งด้วยเคฟล่าร์สีขาว ฝาปิดกระบะท้ายแบบไฟฟ้า และล้อแบบแอโรไดนามิกส์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะในด้านบริการหลังการขายภายใต้สโลแกน “เราดูแล…คุณแค่ขับ” ด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ร่วม 200 สาขา ทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานสูงสุด โดยช่างผู้ชำนาญงานที่ได้รับการฝึกอบรม และอะไหล่แท้จากมิตซูบิชิ ทั้งยังต่อยอดสู่รถบริการนอกสถานที่ “มิตซูบิชิ โมบายเซอร์วิส” รุ่นใหม่ ที่สามารถให้บริการบำรุงรักษาตามกำหนดและตรวจเช็กระยะได้ถึง 100,000 กิโลเมตร โดยได้รับการติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมืออันทันสมัยเพิ่มเติมกว่า 60 รายการ จึงสามารถรองรับงานบริการได้หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าองค์กรที่มีรถหลายคัน ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ และลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล

“เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจมิตซูบิชิตลอดมา เราจึงขอมอบสิทธิพิเศษให้กับครอบครัวมิตซูบิชิ โดยเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่นที่เป็นสมาชิก M-Care ระดับ Gold+ และ Platinum+ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน M-Drive เมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิคันใหม่” มร. อินาบะ กล่าวปิดท้าย

ผู้สนใจสามารถชมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นได้ที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย A15 ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ MOTOR EXPO 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

สุดยอดยนตรกรรมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่จัดแสดง ณ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

รุ่นรถยนต์ฟีเจอร์เด่นข้อเสนอพิเศษ *
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี                MITSUBISHI e:MOTION ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด
(HEV System) โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ
(7 Drive Mode) ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)    
เลือกรับอัตราดอกเบี้ย 0%* เลือกรับแพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี*รับฟรี รับประกันคุณภาพ นาน 5 ปี
พร้อมฟรีค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี*รับฟรี MITSUBISHI XTRA CARE ประกันแบตเตอรี่ขับเคลื่อนไฮบริด 10 ปี และ ประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี
ไม่จำกัดระยะทาง*ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*มูลค่ารวมกว่า 160,000 บาท*
รุ่นรถยนต์ฟีเจอร์เด่นข้อเสนอพิเศษ *    
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ อีลีท เอดิชัน                  เครื่องยนต์ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (184 แรงม้า) ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู
(Super Select 4WD II)   โหมดการขับขี่แบบออฟโรด 4 รูปแบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.09%* เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี
หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี*รับฟรี รับประกันคุณภาพ นาน 5 ปี
พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี*ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*มูลค่ารวมกว่า 160,000 บาท*
มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท    เครื่องยนต์ ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู (204 แรงม้า) ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (EPS) ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)  เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.89%*  เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี
หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี*รับฟรี รับประกันคุณภาพ นาน 5 ปี
พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี*ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*มูลค่ารวมกว่า 140,000 บาท*
มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน    เครื่องยนต์ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (184 แรงม้า) เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน ‘Diamond Sense’  เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.89%*  เลือกรับแพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี
หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี*รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี*รับฟรี รับประกันคุณภาพ นาน 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี* ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*มูลค่ารวมกว่า 130,000 บาท*
มิตซูบิชิ แอททราจ สมาร์ท
มิตซูบิชิ มิราจ สมาร์ท
   
ระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) หรือ Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range: FCM-LSระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ
เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) หรือ Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-FORWARD: RMS-FORWARDระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย
(Cruise Control)
เลือกรับข้อเสนอดอกเบี้ย 0%* รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี* รับฟรี รับประกันคุณภาพ นาน 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี* ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่าน M-Drive*มูลค่ารวมกว่า 116,0000 บาท*

*เงื่อนไขและรายละเอียดเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด หลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

โตโยต้า ยกทัพยนตรกรรมพร้อมแคมเปญ TOYOTA CARNIWOW ร่วมงาน Motor Expo 2024

โตโยต้าใจป้ำ ขนข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย พร้อมมอบส่วนลดเพิ่มกับแคมเปญสุดว้าวส่งท้ายปี TOYOTA CARNIWOW พร้อมเปิดราคา NEW GR COROLLA และ NEW GR YARIS ครั้งแรกในประเทศไทย ในงาน Thailand International Motor Expo 2024

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมเปิดบูธโตโยต้าในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 Thailand International Motor Expo 2024” ภายใต้แนวคิด “Mobility for Everyone ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” จัดแสดงรถยนต์โตโยต้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ นำโดยรถรุ่นใหม่และอีกหลากหลายรุ่นครบทุกไลน์อัพ ทั้งยนตรกรรมไฮบริด “ALL-NEW CAMRY” และ “NEW CORLLA ALTIS HEV GR SPORT” รวมถึง KING OF PPV รุ่นล่าสุด “ฟอร์จูนเนอร์ LEADER S” และซีดานยอดนิยมรุ่นพิเศษ “YARIS ATIV NIGHTSHADE” พร้อมพบกับการแนะนำ “NEW GR COROLLA” และ “NEW GR YARIS” ครั้งแรกในประเทศไทย ที่รับจองสิทธิ์จำนวนจำกัดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยรถทุกรุ่นมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ และแคมเปญส่งท้ายปี “TOYOTA CARNIWOW เทศกาลออกรถสุดว้าว” ในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้ บูธโตโยต้าจัดแสดงรถรุ่นใหม่ๆหลายรุ่น โดยแบ่งโซนการจัดแสดง ได้แก่

1)โซนรถยนต์ไฮบริด

ยอดขายกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 อยู่ที่กว่า 168,000 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั้งหมดลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รถยนต์ HEV ยังคงได้รับความนิยม เติบโต 42% มียอดขายถึงกว่า 100,000 คัน ในขณะทีรถยนต์ BEV มียอดขายเพิ่มขึ้น 1% ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูกค้าชาวไทยที่เลือกรถยนต์ไฮบริด 

นับตั้งแต่การเปิดตัวคัมรี ไฮบริด ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ถือว่าโตโยต้าคือผู้บุกเบิกกลุ่มตลาดรถยนต์ xEV ของประเทศไทย ทั้งเราได้แนะนำยนตรกรรมไฮบริดอีกหลายรุ่น  สามารถสร้างยอดจำหน่ายสะสมของรถยนต์ไฮบริดโตโยต้าอยู่ที่กว่า 230,000 คัน ปีนี้ ยอดขายรถยนต์ HEV ของโตโยต้าอยู่ที่ 48,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 47% โดยเฉพาะ ALL-NEW CAMRY ที่เปิดตัวเดือนที่แล้ว ประสบความสำเร็จมียอดจองถึงเกือบ 4,000 คัน (ข้อมูลยอดจองถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567) เราขอขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนจากลูกค้า ที่มีให้กับ Toyota Trusted HEV

โตโยต้ามีรถยนต์ HEV หลายรุ่น อาทิ รถยนต์ HEV รุ่นยอดนิยม ยาริส ครอส รวมทั้ง โคโรลล่า ครอส,  โคโรลล่า อัลติส และ อินโนวา ซีนิกซ์ ที่เรานำเสนอมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของทุกท่าน ที่สำคัญ โตโยต้าขอนำเสนอความสบายใจ (Peace of mind) ในทุกด้าน ด้วยบริการแบบครบวงจร นับตั้งแต่ด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ รวมถึงแพ็กเกจด้านการเงิน โดยรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นของโตโยต้า มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี

2)โซนไฮลักซ์ซีรีส์และฟอร์จูนเนอร์

เริ่มจาก ไฮลักซ์ รีโว่ จีอาร์ สปอร์ต 4×4 กระบะรุ่นเรือธงดีไซน์ฐานล้อกว้างผ่านการพิสูจน์สมรรถนะบนเส้นทางสุดทรหดในประเทศออสเตรเลีย และคว้าแชมป์เอเชีย ครอส คันทรี แรลลี่ 2024 รุ่นต่อมา คือ ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่น Z Edition  เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถ ซึ่งเรานำรถที่ได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวด กิจกรรม “อาชีวะ ท้า แต่ง แซด กับ ไฮลักซ์ รีโว่-ดี Z Edition ปีที่ 2” มาจัดแสดง และเรามี ไฮลักซ์ รีโว่ Smart Cab Pre-runner และ 4×4  มากับดีไซน์กระจังหน้าแบบดุดัน หรูหรา พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบายครบครัน เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

สำหรับรุ่นสุดท้าย คือ ไฮลักซ์ แชมป์ ครอบคลุมทุกการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์ และการใช้งานส่วนบุคคล โตโยต้ามีการจัดแสดงการดัดแปลงรถรุ่นนี้ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และการใช้งานทางธุรกิจที่หลากหลาย เช่น รถขายป๊อปคอร์นเคลื่อนที่ของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ นอกจากนี้ ในปีนี้ เราขอแนะนำ ไฮลักซ์แชมป์ในรูปแบบของ Mobile Office ทำให้ทุกที่เป็นที่ทำงานได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ไหนก็ตาม

 และเรายังได้เพิ่มรุ่นย่อยให้กับ King of PPV กับ ฟอร์จูนเนอร์ Leader S ที่ยังคงคุณสมบัติเด่นอย่าง QDR และสเปกที่เหนือระดับ ทำให้เป็นรถรุ่นที่สมบูรณ์แบบ เหมาะกับผู้นำรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถ PPV ที่ไว้วางใจได้ ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

และเพื่อสร้างเอกลักษณ์และความเท่ห์ให้กับรถยนต์ เราได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ที่เป็นที่รู้จักระดับประเทศหลายแห่ง อาทิ ชุดตกแต่งรอบคันสไตล์ออฟโรดจากแบรนด์ GR สำหรับไฮลักซ์ รีโว่ จาก บริษัท ทีซีดี เอเชีย อุปกรณ์ตกแต่งแนวแคมป์ปิ้ง สำหรับไฮลักซ์แชมป์จากแบรนด์ TJM และล้ออัลลอยสำหรับ ไฮลักซ์แชมป์ ไฮลักซ์ รีโว่ และ ฟอร์จูนเนอร์ภายใต้แบรนด์  LENSO

3) โซน NEW GR และอื่นๆ

ในวันนี้ ผมขอแนะนำ Toyota GR Corolla ใหม่ และ GR Yaris ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาและอัพเกรด ทั้งในเรื่องของดีไซน์และสมรรถนะ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายในงานนี้ ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะสร้างความพึงพอใจให้ ไม่ใช่เพียงแต่ ลูกค้าที่รักความมันส์สไตล์ GR แต่รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบความสนุกในการขับขี่ และหลงไหลในเสน่ห์ของรถสปอร์ต โดยเราเริ่มรับจองสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์ในจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งรถทั้งสองรุ่นจะถูกจำหน่ายพร้อมกับแพ็กเกจการขายสุดพิเศษ

พร้อมพบกับ ATIV NIGHTSHADE รุ่นพิเศษ Special Model กับสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray กับการออกแบบทูโทนแนวสปอร์ต และภายในสีดำ (premium black) ให้ความรู้สึกพรีเมียม และ New Corolla Altis HEV – GR Sport รุ่นใหม่ ดีไซน์ทรงพลัง บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็น GR”

ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ผู้บุกเบิกยนตรกรรมไฮบริดกับ “TOYOTA TRUSTED HYBRID”

All-New CAMRY ราคาเริ่มต้น 1,455,000 บาท

รถยนต์ HYBRID MEDIUM SIDE SEDAN ขุมพลัง Hybrid เจเนอเรชันใหม่ ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 227 แรงม้า ประหยัดน้ำมันที่ 25 กิโลเมตรต่อลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) มาพร้อมอุปกรณ์และฟังก์ชันต่างๆ ครบครัน อาทิ Auto slide-away function เข้า-ออกจากรถได้ง่ายขึ้น, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ 3 Zone, Wireless Charger, Wireless Apple CarPlay, หลังคา Panoramic แบบเปิดได้พร้อมม่านไฟฟ้า ที่นั่งโดยสารด้านหลัง มาพร้อมเบาะที่นั่งปรับไฟฟ้าและแผงควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ระบบสัมผัส, ม่านหน้าต่าง และม่านไฟฟ้าที่กระจกหลัง ปลอดภัยกับเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense เจเนอเรชันล่าสุด

เลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ หรือฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

New COROLLA ALTIS ราคาเริ่มต้น 894,000 บาท

นำโดยรุ่น “HEV GR SPORT” เร้าใจสไตล์ GAZOO Racing ทั้งดีไซน์ และสมรรถนะ ขุมพลังไฮบริดอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) กระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังสีดำเงาสไตล์ GR ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens ทางเลือกสีภายนอกใหม่ Platinum White Pearl with Black Roof และ Red Mica Metallic with Black Roof  ตกแต่งด้ายสีแดงบริเวณเบาะนั่ง และตกแต่งสัญลักษณ์ GR ตามจุดต่างๆ ปรับจูนสมรรถนะการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า, Shock Absorber, Coil Spring และ Rear Stabilizer Bar สำหรับอีก 3 รุ่นย่อย คือ HEV Premium, 1.8 Sport และ 1.6G มีสีภายนอกใหม่ สี Cement Gray Metallic

รับข้อเสนอ อัตราดอกเบี้ยอัตราพิเศษ พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD 

ALL-NEW YARIS CROSS ราคาเริ่มต้น 789,000 บาท

SUV ขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตร อัตราการใช้น้ำมัน 26.3 กม/ลิตร เหนือระดับด้วยหลังคา Panoramic แบบ Fixed Type พร้อมม่านปรับไฟฟ้า สะดวกสบาย ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อม Kick Activated, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย และหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย ทั้งอุ่นใจกับเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed ให้ความมั่นใจในการขับขี่

เลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ หรือผ่อนสบาย 

NEW COROLLA CROSS ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท

SUV ระดับ Premium ด้วยดีไซน์กระจังหน้าแบบ Multi-Dimensional ไฟหน้า LED Crystalized Headlamp และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential เหนือระดับด้วยหลังคา Frameless Panoramic Roof พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า ห้องโดยสารกว้างขวาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องต่อ USB type C พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่า

รับข้อเสนอ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD 

INNOVA ZENIX ราคาเริ่มต้น 1,379,000 บาท

PREMIUM MPV ขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 186 แรงม้า อัตราการใช้น้ำมัน 21.3 กม./ลิตร ภายในกว้างขวาง พร้อมฟังก์ชันระดับพรีเมียม เช่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถวสองปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า หลังคา PANORAMIC ROOF สิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยรอบคัน มาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense เลือกรับข้อเสนอ ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD หรือดอกเบี้ยอัตราพิเศษ

โซนไฮลักซ์ ซีรีส์ และฟอร์จูนเนอร์

HILUX REVO GR SPORT 4×4 ราคาเริ่มต้น 1,479,000 บาท

กระบะสปอร์ตออฟโรดแรง ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันแรลลี่ ผ่านการทดสอบอันหฤโหดจากทั้งประเทศออสเตรเลียและประเทศอาร์เจนตินา จุดเด่นคือดีไซน์ฐานล้อกว้างแบบ Wide tread เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ เกาะถนนดีเยี่ยม ดีไซน์สปอร์ต และการตกแต่งเอกลักษณ์แบบ GR เครื่องยนต์ GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตรปรับจูนใหม่ ให้กำลัง 224 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วงล่างหน้าหลังพร้อมโช้คอัพ Monotube ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบ Rear Differential Lock ล้ออัลลอยสีดำเงาขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง BFGoodrich แบบ All-Terrain มี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย และมั่นใจได้ด้วย Toyota Safety Sense

รับข้อเสนอ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ หรือฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

HILUX REVO-D Z EDITION ราคาเริ่มต้น 744,000 บาท

รูปลักษณ์หล่อเท่ ด้วยดีไซน์ Black Out ภายนอกโดดเด่น กระจังหน้าใหม่ สีดำเมทัลลิก พร้อมไฟหน้ารมดำ แบบ Bi-Beam LED เครื่องยนต์ GD Super Power 2.4 ลิตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมเพราะมีระบบ I-ART คุมการจ่ายน้ำมันอัจฉริยะ รองรับมาตรฐานยูโร 5 และเพิ่มระบบ VSC ในทุกรุ่นย่อย รับข้อเสนอ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ หรือผ่อนสบายพร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

HILUX REVO-D PRE-RUNNER ราคาเริ่มต้น 881,000 บาท

และ HILUX REVO SMART CAB PRERUNNER ราคาเริ่มต้น 775,000 บาท

ตอบโจทย์ทั้งในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการใข้งานเดินทางไกล ช่วงล่าง Superflex Suspension นุ่มสบาย ห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย ระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน เช่น หน้าจอใหม่ขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายและ ระบบ Wireless charger มาพร้อมเครื่องยนต์ GD Super Power ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูง 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร รองรับมาตรฐานยูโร 5 รับข้อเสนอ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ หรือผ่อนสบายพร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

HILUX CHAMP ราคาเริ่มต้น 459,000 บาท

ครอบคลุมทุกการใช้งานทั้งในเชิงธุรกิจ และการใช้งานส่วนบุคคล ด้วยทางเลือกรุ่นย่อยที่หลากหลายทั้งแบบช่วงล้อสั้นและยาว เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ คล่องตัวด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเท่ารถยนต์นั่งขนาดเล็ก แข็งแรงทนทานด้วยช่วงล่างที่แกร่งตระกูลเดียวกับไฮลักซ์ และมีออกแบบด้วยแนวคิด “Monozukuri” หรือ “Easy for Conversion” ช่วยให้สามารถดัดแปลงต่อเติมได้ง่าย รับข้อเสนอพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการขนส่งและประกอบธุรกิจ รับดอกเบี้ยอัตราพิเศษ เมื่อซื้อ

ไฮลักซ์ แชมป์ พร้อมดัดแปลงหรือต่อเติมเพื่อการทำธุรกิจทุกรูปแบบ

FORTUNER LEADER S ราคาเริ่มต้น 1,239,000 บาท

ตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหา PPV ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อม Daytime Running Lights และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันทั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมแผ่นกรองปรับอากาศ PM2.5 สมรรถนะทรงพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker) พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่ง และกล้องมองหลัง เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนสบายพร้อมประกันภัยชั้น1 Toyota Care PHYD หรือดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 

สัมผัสยนตรกรรมใหม่ ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ

YARIS ATIV ราคาเริ่มต้น 549,000 บาท

รถ Compact Sedan ดีไซน์ Fastback ปราดเปรียว ทรงพลัง และสง่างาม ไฟเลี้ยว Sequential และไฟหน้าแบบ LED ภายในห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้ง Apple CarPlay, เครื่องเสียงขนาดหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

YARIS ATIV NIGHTSHADE Special Edition ราคา 699,000 บาท

โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยหลังคาดำ กระจกมองข้างสีดำเงาพร้อมไฟเลี้ยว สปอย์เลอร์หลังสีดำเงา ลงตัวกับล้ออัลลอยปัดเงาสีโครมดำ ตกแต่งภายใน ด้วยเบาะนั่งหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายเทา กับทางเลือกสีภายนอกสีใหม่ สี Cement Gray with Black Roof และสี Platinum White Pearl with Black Roof อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กล้องมองรอบคัน และเทคโนโลยี Toyota Safety Sense

เลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD  หรือ ผ่อนสบายพร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD   

YARIS ราคาเริ่มต้น 559,000 บาท

Hatchback ยอดนิยม โฉบเฉี่ยว ดีไซน์สปอร์ต ด้านหน้าแบบ HAMMERHEAD ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ใช้งานได้สะดวกรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ให้สนุกไปกับความบันเทิงเต็มพิกัด เพิ่มความมั่นใจ ด้วยระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense

เลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD หรือผ่อนสบายพร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD

VELOZ ราคาเริ่มต้น 795,000 บาท

รถยนต์ 7 ที่นั่ง Way Smart ดีไซน์ล้ำสมัย ห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-segment เบาะที่นั่งโดยสารปรับได้ 7 แบบ แผงหน้าปัด ปรับได้ 4 รูปแบบ มาพร้อมเครื่องยนต์ Dual VVT-i  1.5 ลิตร ประสานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Sequential Shift อัตราการใช้น้ำมัน 17.9 กม/ลิตร มั่นใจปลอดภัยทั้งครอบครัว ด้วยระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และกล้องมองรอบคัน

รับข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%* พร้อมประกันภัยชั้น1 Toyota Care PHYD *** พร้อมโปรแกรมช่วยผ่อน 4,000 บาท/เดือน เดือนที่ 1 – 6

(เงื่อนไขรถทุกรุ่นเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ สามารถศึกษารายละเอียดโปรโมชันของรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นได้ที่ https://www.toyota.co.th/promotion )

เปิดราคา NEW GR COROLLA และ NEW GR YARIS ครั้งแรกในไทย จำนวนจำกัด

ด้านรถยนต์ Sport hatchback สายเลือดแชมป์ WRC ปรับปรุงใหม่ทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะ เร้าใจยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ “Unified Design” ระบบเกียร์ใหม่ ขุมพลังเครื่องยนต์ G16E-GTS แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด (GAZOO Racing Direct Auto Transmission) ซึ่งมาพร้อมกับ sequential shift และ paddle shiftระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR FOUR ช่วยกระจายกำลังขับเคลื่อนสู่ล้อ หน้า/หลัง ภายในห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ Driver-Centric Cockpit

NEW GR COROLLA กำลังสูงสุด 300 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร

ราคา 4,199,000 บาท

NEW GR YARIS กำลังสูงสุด 280 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตร

ราคา 3,499,000 บาท

เป็นเจ้าของรถ GR COROLLA และ GR YARIS วันนี้ สัมผัสประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตแบบ GAZOO Racing และสิทธิพิเศษสุด Exclusive

-GR Service package บริการเช็กระยะมาตรฐาน ภายในระยะเวลา 3 ปี 60,000 กม.(แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

-Roadside Service package ฟรี ระยะเวลา 5 ปี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

-GR Track Experience package สัมผัสประสบการณ์ลงขับในสนามแข่ง

-GR Collection souvenir ของที่ระลึก GR Collection

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ทางเว็บไซต์ https://stores.toyota.co.th/register

พบกับทางเลือกชุดแต่งดีไซน์เฉียบ คุณภาพดี ที่หลากหลาย Associated Accessories Product – AAP

ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าที่ชื่นชอบการตกแต่งรถ ภายใต้ความร่วมมือและขยายพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งที่เป็นที่นิยม และมีคุณภาพเชื่อถือได้ มาจำหน่าย โดยลูกค้าโตโยต้าที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่บูธโตโยต้าภายในงานฯ และโชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

1)ชุดตกแต่งรอบคันแนวออฟโรดภายใต้แบรนด์ GR สำหรับ Hilux Revo จาก บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด

“จากสนามแข่งสู่ชุดแต่งทีคุณเป็นเจ้าของได้’’ ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง Asia Cross Country ประกอบด้วย

-ชุดกันกระแทกใต้ท้องรถ ด้านหน้า –กลาง –หลัง / แร็คกระบะหลัง / บันไดข้าง / แร็คหลังคา / ล้ออัลลอย 17 นิ้ว / ชุดน็อตล้อ / ชุดบังโคลนล้อ ที่มีให้เลือกทั้งสีแดงและสีดำและชุดท่อไอเสีย

-ผลิตภัณฑ์จีอาร์ พาร์ท (GR PARTS) ผลิตและรับประกันโดยบริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด รับประกัน 1 ปี หรือ 20,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

-โปรดศึกษารายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ www.toyota.co.th/accessories/warranty/grparts

2)อุปกรณ์ตกแต่งแนวแคมป์ปิ้ง ภายใต้แบรนด์ TJM สำหรับ Hilux Champ จาก บริษัท ทีเจเอ็ม เอเชีย แปซิฟิก จำกัด

“มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งที่ตอบโจทย์สายแคมป์ปิ้งอย่างแท้จริง” ประกอบด้วย

-กันชนหน้า / กันกระแทกชายบันไดข้าง/ ถาดหลังคา / บังโคลนล้อ

-ผลิตภัณฑ์ TJM ผลิตและรับประกันโดยบริษัท ทีเจเอ็ม เอเชีย แปซิฟิก จำกัด เป็นระยะเวลา 1 ปี หรือ 20,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

-โปรดศึกษารายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ www.toyota.co.th/accessories/warranty/tjm

3)ล้ออัลลอยและยาง ภายใต้แบรนด์ Lenso จาก บริษัท เลนโซ่ วีล จำกัด

3.1 HILUX Revo Z Edition (D-cab,C-cab ทุกรุ่น) ประกอบด้วย

1)ล้ออัลลอยแนวสปอร์ต รุ่น VT7 / รุ่น 95G / รุ่น 95T ขอบ 18 นิ้ว x กว้าง 8.5 นิ้ว Offset 10

2)ยาง Lenso รุ่น D-One ขนาด 255/50 R18 

3.2 HILUX CHAMP (ทุกรุ่น) ประกอบด้วย

1)ล้ออัลลอยแนวออฟโรด รุ่น M1K ขอบ 16 นิ้ว x กว้าง 7 นิ้ว Offset 30 แนะนำติดตั้งร่วมกับยาง TOYO Tire Open country AT3 ขนาด 215/70 R16

2)ล้ออัลลอยแนวออฟโรด รุ่น RT7 ขอบ 16 นิ้ว x กว้าง 7 นิ้ว Offset 30 แนะนำติดตั้งร่วมกับยาง Lenso RT07 All terrain ขนาด 215/70 R16

3)ชุดน็อตล้อ Lenso 20 ชิ้น

3.3 Fortuner ประกอบด้วย

1)ล้ออัลลอย แนวพรีเมียมสปอร์ต รุ่น Vamos6 และ รุ่น Jager Ventus ขอบ 20 นิ้ว x กว้าง 9 นิ้ว Offset 15 (สามารถใช้กับยางมาตรฐานที่ติดมากับรถได้ ขนาด 265/50 R20 สำหรับขอบ 20 นิ้ว)

2)ล้ออัลลอย แนวสปอร์ต รุ่น VT7 ขอบ 18นิ้ว x กว้าง 9 นิ้ว Offset 0 (สามารถใช้กับยางมาตรฐานที่ติดมากับรถได้ 265/60 R18 สำหรับขอบ 18 นิ้ว)

3)ล้ออัลลอย แนวสปอร์ต รุ่น Vamos6 ขอบ 18 นิ้ว x กว้าง 9 นิ้ว Offset 15 (สามารถใช้กับยางมาตรฐานที่ติดมากับรถได้ 265/60 R18 สำหรับขอบ 18 นิ้ว)

4)ล้ออัลลอย แนวออฟโรด รุ่น Cezar ขอบ 17 นิ้ว x กว้าง 9 นิ้ว Offset 12 (สามารถใช้กับยางมาตรฐานที่ติดมากับรถได้ 265/65 R17 สำหรับขอบ 17 นิ้ว)

5)ชุดน็อตล้อ Lenso 24 ชิ้น

-ผลิตภัณฑ์ล้ออัลลอยและยาง LENSO ที่จัดจำหน่ายผ่านช่องทางผู้แทนจำหน่ายโตโยต้านี้ ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพรถยนต์โตโยต้าและอะไหล่แท้โตโยต้า โดยผลิตภัณฑ์ LENSO นี้ ผลิตและรับประกันโดยบริษัทเลนโซ่ วีล จำกัด รับประกัน 2 ปี หรือ 50,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

-โปรดศึกษารายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ www.toyota.co.th/accessories/warranty/lenso

บริการครบวงจร มั่นใจและอุ่นใจได้ตลอดการใช้รถ

-T-connect

แอปพลิเคชันที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ง่ายในการเป็นเจ้าของ ปลอดภัย คุ้มค่า สะดวกสบาย และมีสิทธิประโยชน์มากมาย ด้วยเทคโนโลยี Connected ที่จะเชื่อมต่อประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถโตโยต้า เติมเต็มชีวิตยิ่งขึ้น ได้แก่ บริการใหม่ Connect Car แจ้งเตือนทุกเรื่องรถเพื่อความปลอดภัย อุ่นใจ, Connect You แจ้งสิทธิพิเศษเฉพาะคุณ, บริการสินเชื่อ Connected Auto Loan (CAL), ประกันภัยขับดี ลดให้ หรือ Pay How You Drive, บริการช่วยเหลือด้านความปลอดภัย, บริการอำนวยความสะดวกในการเข้าศูนย์บริการ, สิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โปรแกรม Toyota ALIVE-X สะสมคะแนน The1 แลกเป็นส่วนลดที่ศูนย์บริการโตโยต้า และร้านค้าในเครือเซ็นทรัลกว่า 30,000 ร้านทั่วประเทศ และอีกมากกว่า 20 บริการจาก T-Connect

TCFR Plus+ “เข้าศูนย์ตามนัด พลัสระดับความคุ้ม” รับสิทธิ์ขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 8 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ตามการเช็กระยะต่อเนื่อง

Service Loyalty Program “TCFR Plus+” บริการหลังการขายใหม่ ที่จะสร้างความมั่นใจตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถโตโยต้า เริ่มต้นที่ระดับบรอนซ์ (Bronze), ปรับเป็นระดับซิลเวอร์ (Silver) เมื่อเช็กต่อเนื่อง 5 ครั้ง, ระดับโกลด์ (Gold) เมื่อเช็กต่อเนื่อง 7 ครั้ง, และระดับไดมอนด์ (Diamond) เมื่อเช็กต่อเนื่อง 9 ครั้ง รับระดับและสิทธิประโยชน์ตามการเช็กระยะต่อเนื่อง ขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 8 ปี, ส่วนลดในศูนย์บริการ, คะแนน Alive-X พิเศษ 2.5 เท่า, จนถึงสิทธิพิเศษซื้อรถยนต์ใหม่คันถัดไป รับสิทธิ์ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน T-CONNECT (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) ศึกษารายละเอียดได้ที่ https://aftersales.toyota.co.th/tcfrplus/

พิเศษ รับของที่ระลึกเมื่อเยี่ยมชมบูธ T-CONNECT และ TCFR Plus+ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 และเมื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ รับของที่ระลึกจาก TCFR Plus+

-Toyota Sure

บริการแบบ One Stop Service ในด้านการซื้อ-ขาย Trade-in รถมือสอง ที่มีมาตรฐานการประเมินสภาพรถ TVI โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ (inspector) และควบคุมมาตรฐานการดำเนินการภายใต้บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นเรื่องราคาขายต่อ และมูลค่ารถยนต์มือสอง ผ่านบริการประเมินราคารถด้วยมาตรฐานราคากลางฟรี ซึ่งท่านสามารถปรึกษาพนักงานขายได้ ภายในบูธของโตโยต้า

พิเศษ นำรถมาประเมินราคากับโตโยต้า ชัวร์ภายในงาน รับบัตรกำนัลจากเซ็นทรัล มูลค่า 300 บาท และสำหรับลูกค้าที่แลกเปลี่ยนรถกับโตโยต้า ชัวร์ภายในงาน รับฟรีชุดอุปกรณ์เติมลมยางมูลค่า 1,700 บาท

-Auction Express

แพลตฟอร์มประมูลรถยนต์ออนไลน์ ที่ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมให้บริการแล้วด้วยระบบที่ทันสมัย รวดเร็ว สะดวกสบายยิ่งขึ้น รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปัจจุบันหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น และยังตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งความสะดวกและความเชื่อมั่น ด้วยมาตรฐานการตรวจสภาพและประเมินเกรดรถประมูลแบบ “TVI-A Standard” ที่พัฒนาจากประเทศญี่ปุ่น ถูกต้องแม่นยำ ครอบคลุมทุกจุด ยกระดับมาตรฐานการประมูลรถยนต์ในประเทศ และช่วยให้ลูกค้าผู้ประกอบการสามารถใช้เวลาในการทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Auction Express พร้อมแล้วกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนวงการประมูลรถยนต์มือสองของไทย ด้วยความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ บนนวัตกรรมระบบประมูลออนไลน์ “มาตรฐาน สะดวกรวดเร็ว วางใจได้”

-FixFit

ศูนย์บริการทางเลือกที่ได้มาตรฐาน ภายใต้การควบคุณภาพของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สะดวกไม่ต้องนัดหมาย ใกล้บ้าน และให้บริการรถทุกยี่ห้อ เหมาะสำหรับลูกค้านอกระยะรับประกัน ที่ต้องการความสะดวก คุ้มค่าด้านราคา และคุณภาพที่เชื่อถือได้

-T-OPT

อะไหล่ทางเลือก T-OPT อะไหล่คุณภาพระดับ OEM ที่ได้มาตรฐาน พร้อมรับประกันที่คุ้มค่า มีจำหน่ายที่ศูนย์บริการโตโยต้า และศูนย์บริการฟิกซ์ฟิตทั่วประเทศ

-KINTO

อีกหนึ่งทางเลือกของการใช้รถยนต์ ให้ลูกค้ามีรถใช้ ไม่ต้องซื้อ ให้บริการทั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพียงจ่ายค่าบริการรายเดือนราคาเดียว ครอบคลุมทุกการบริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้น 1 ตลอดอายุสัญญา เช็กระยะ เปลี่ยนแบต เปลี่ยนยาง เปลี่ยนอะไหล่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม มีรถทดแทนให้ใช้ระหว่างซ่อม โดยนิติบุคคลสามารถลดหย่อนภาษีได้ถึง 36,000 บาท/คัน/เดือน พร้อมมีรถให้เลือกหลากหลายรุ่น สามารถเลือกใช้รถยนต์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตั้งแต่ 1-5 ปี เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย และความคล่องตัวของการใช้ชีวิต พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย สมัครง่าย เพียงยื่นเอกสารออนไลน์

พิเศษสุดๆ ส่งท้ายปีสำหรับงาน Motor Expo 2024 นี้ สมัครบริการ KINTO ภายในงาน รับบัตรสตาร์บัคส์ มูลค่า 500 บาท และบัตรกำนัลโรงแรม จาก TripSabuy มูลค่า 3,000 บาท หลังรับมอบรถ

เป็นเจ้าของรถโตโยต้าวันนี้ ว้าว 2 ต่อ กับ “CARNIWOW เทศกาลออกรถสุดว้าว” รวมมูลค่ากว่า 231 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น

-WOW ที่ 1 จองรถโตโยต้า พร้อมสแกน QR Code ก็รับไปเลย ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5%

-WOW ที่ 2 รับรถแล้ว ลุ้นรับของรางวัลรวม 555 รางวัล!!

-รางวัลที่ 1 ทองคำแท่ง 30 บาท

-รางวัลที่ 2 ทองคำแท่ง 5 บาท

-รางวัลที่ 3 iPhone 16 Pro (128 GB)

-รางวัลที่ 4 Central Shopping Voucher มูลค่า 2,000 บาท

* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ ที่บูธโตโยต้า หรือโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน บริการข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต www.toyota.co.th หรือ Line ID : @toyotathailand

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.toyota.co.th/promotion/yearend2024

เป็นเจ้าของรถโตโยต้าง่ายๆ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 Thailand International Motor Expo 2024

ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

พลาดไม่ได้กับข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน และที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.toyota.co.th/                     Facebook: Toyota Motor Thailand

LINE Official: @ToyotaThailand          TikTok: @ToyotaMotorTH

X: @ToyotaMotorTH                            Instagram: @toyotamotorthailandofficial

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผนึกกำลังพันธมิตรในงาน GWM Partner Meeting 2024

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผนึกกำลังพันธมิตรในงาน GWM Partner Meeting 2024 เร่งเครื่องเดินหน้าสู่อนาคต ชู 3 กลยุทธ์สำคัญภายใต้แนวคิด Unity to Greatness สร้างการเติบโตก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 อย่างแข็งแกร่งงและมั่นคง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) จัดงานใหญ่ GWM Partner Meeting 2024 ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด “Unity to Greatness” ประกาศกลยุทธ์มุ่งเน้นสร้างการเติบโตพร้อมกับพันธมิตรอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง พร้อมอัปเดตสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในไทย ตอกย้ำความพร้อม เพื่อตอบสนองตลาดภายใต้การแข่งขันที่รุนแรง ปรับกลยุทธ์ ชู 3 แนวทางสำคัญเพื่อเร่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ทั้งตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วย การทำงานใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์สโตร์มากยิ่งขึ้นในทุกด้านเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด, การพัฒนางานบริการหลังการขายเพื่อส่งมอบบริการที่ไร้ที่ติแก่ลูกค้าทั่วประเทศ และการลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญด้านการตลาดและการสื่อสาร เพื่อมุ่งมั่นเดินหน้าสู่ปีที่ 4 อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

งาน GWM Partner Meeting 2024 ครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา นำโดย ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน และ เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ ร่วมกับ วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน และ ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมด้วยทีมผู้บริหารและพนักงานจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) โดยมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ทั้งสิ้น 71 แห่ง จำนวน 113 ท่านทั่วประเทศเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยภายในงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้แต่งตั้งพาร์ทเนอร์ใหม่อย่างเป็นทางการเพิ่มเติมอีก 10 แห่ง เพื่อขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางและกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 รวมไปถึงแผนการดำเนินงานในปี 2568 เพื่อสร้างการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันให้กับพาร์ทเนอร์ อีกทั้งยังได้ร่วมหารือ พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนาการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้งานรถยนต์ เกรท วอลล มอเตอร์ ทั่วประเทศ

ภายใต้สถานการณ์ของตลาดรถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัว ความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพาร์ทเนอร์ทุกรายทั่วประเทศ คือหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่จะร่วมกันเป็นฟันเฟืองสู่ความสำเร็จที่ตั้งเป้าไว้ และนี่คือที่มาของแนวคิด “Unity to Greatness” ในงานครั้งนี้ ภายในงาน ผู้บริหารระดับสูงจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ร่วมแถลงกลยุทธ์และแนวทางความร่วมมือแก่บรรดาพาร์ทเนอร์ ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.การทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ให้มากยิ่งขึ้น

เน้นการทำงานและการสื่อสารที่ใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ในทุกด้านเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจตลาดในเชิงลึก ผ่านการพบปะเยี่ยมเยียนบรรดาพาร์ทเนอร์สโตร์และลูกค้า เพื่อให้สามารถจัดหากลยุทธ์ต่างๆ และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงจุดในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงรับฟังความคิดเห็นของพาร์ทเนอร์สโตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแก้ไขป้ญหาในการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขาย การบริหารการขาย การพัฒนาทักษะบุคคลากร พฤติกรรมและความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปพัฒนาและส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของพาร์ทเนอร์ แต่ละราย และที่สำคัญการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์ และพาร์ทเนอร์สโตร์นั้น จะช่วยทำให้งานบริการของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทั้งจากทีม iAM, ทีมผู้บริหาร และทีมปฏิบัติการ สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ

2.การพัฒนางานบริการหลังการขาย

การบริการหลังการขาย คือกลยุทธ์สำคัญที่สร้างความแตกต่างของแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาซื้อของลูกค้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเพิ่มความเข้มข้นด้านคุณภาพงานบริการหลังการขายให้มากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าทั่วประเทศทั้งจากส่วนกลางและการให้บริการที่พาร์ทเนอร์สโตร์ โดยเน้นการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างศูนย์กระจายอะไหล่ขนาดใหญ่สำหรับตลาดต่างประเทศและการเพิ่มจำนวนการเก็บชิ้นส่วนอะไหล่ในประเทศไทยขึ้น 1000 SKU ทั้งนี้ ยังได้มีการแนะนำระบบ GWM SMART Service ให้พาร์ทเนอร์สโตร์ ได้นำมาปรับใช้ เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน โดยจะเป็นระบบบริการที่ช่วยสร้างความสะดวกสบายและสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าในการใช้งาน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน จะมีการจัดอบรมเพื่อพัฒนาความรู้และความสามารถของช่างเทคนิคอย่างเข้มข้น โดยจะมีทีมงานจากฝ่ายวิจัยและพัฒนา รวมถึงฝ่ายควบคุมคุณภาพ และทีมงานจากสำนักงานใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมวิเคราะห์ปัญหาและให้แนวทางการแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

3.การลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญด้านการตลาดและการสื่อสาร

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเดินหน้าสร้างการรับรู้ของแบรนด์สู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพิ่มการลงทุนเพื่อช่วยสนับสนุนการขายให้กับพาร์ทเนอร์โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ภายใต้กลยุทธ์ ONE GWM เน้นพัฒนาแบรนด์ภายใต้ชื่อ GWM ให้แข็งแกร่ง ผ่านกิจกรรมด้านการตลาดและการสื่อสารแบรนด์และผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตรงจุด และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ รวมถึงการโปรโมทพาร์ทเนอร์สโตร์เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายให้กว้างยิ่งขึ้น และการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ของพาร์ทเนอร์สโตร์อีกด้วย นอกจากนี้ และยังเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสื่อสารในส่วนของงานบริการหลังการขาย เพื่อเพิ่มความไว้วางแก่ผู้ใช้งานทั่วประเทศ สำหรับด้านกิจกรรมเพื่อสังคม เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพาร์ทเนอร์ในกิจกรรมเพื่อสังคมมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน

เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบพาร์ทเนอร์ทุกรายในวันนี้ เพื่อร่วมกระชับและสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในวันนี้ และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน และพร้อมจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 อย่างแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป แม้ ณ ปัจจุบันเรากำลังเผชิญกับความท้าทายของตลาดและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ภายใต้ความท้าทายนี้ ยังมีโอกาสให้พวกเราทุกคนได้คว้าไว้”

“เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส เพราะเราเชื่อว่า การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายของพลังงาน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกตามความเหมาะสมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับเรา โดยใน 3 ปีข้างหน้านี้ คาดการณ์ว่า ยอดขายของรถยนต์กลุ่ม HEV และกลุ่ม PHEV จะเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีรถยนต์ที่มีความหลากหลายของพลังงานที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้ง HEV, PHEV, BEV และเครื่องยนตต์สันดาปภายใน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเหนือแบรนด์จากประเทศจีนอื่น ๆ สร้างโอกาสในการขายให้กับ

พาร์ทเนอร์ได้ครอบคลุม โดยในปีหน้านี้ (2568) เราจะเปิดตัว GWM HAVAL H6 HEV และ PHEV ไมเนอร์เชนจ์ รวมถึง GWM TANK และ POER ในเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อมุ่งเน้นทำตลาดรถกระบะในไทยอีกด้วย นอกเหนือไปจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว เรายังให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาแบรนด์ภายใต้กลยุทธ์ ONE GWM เพื่อใช้ในการทำการสื่อสารการตลาด มุ่งเน้นสร้างการรับรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อนำเสนอความแตกต่างและเอกลักษณ์ สู่สายตาคนไทยทั่วประเทศ” เจมส์ หยาง กล่าวสรุป

เพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 อย่างภาคภูมิใจ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อปลายทางแห่งความสำเร็จและผลประโยชน์ร่วมกันระหว่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์ และพันธมิตรทุกราย รวมถึงเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ในการร่วมสร้างปาฏิหาริย์และอนาคตที่รุ่งโรจน์ มั่นคง และยั่งยืน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู 4 กลยุทธ์หลัก ยกไทยฐานผลิตรถพวงมาลัยขวา

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู 4 กลยุทธ์หลัก ผลักดันประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ของรถยนต์พวงมาลัยขวาระดับโลก เร่งเครื่องสร้างการเติบโตของธุรกิจในไทยสู่ปีที่ 4 อย่างมั่นคง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ย้ำประเทศไทย เป็นพื้นที่ยุทธศาตรที่มีความพร้อมและมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางสำหรับการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ล่าสุด ได้เร่งเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายนี้ผ่านแนวคิด Local Excellence to Global Success ด้วยการเสริมศักยภาพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแบบรอบด้าน ผ่านการปรับกลยุทธ์เพื่อเร่งเครื่องมุ่งสู่เป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมขั้นสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย, บริการหลังการขายที่ครอบคลุม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ, การขยายเครือข่ายและการบริหารผู้จัดจำหน่ายเพื่อการขายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการขยายธุรกิจฟลีทและรถยนต์ใช้แล้วภายใต้ GWM Certified Pre-Owned (CPO) และการสร้างแบรนด์ให้แตกต่างสู่การเป็นแบรนด์ในใจของคนไทยและคนทั่วโลก เพื่อมุ่งสู่ปลายทางแห่งความสำเร็จทั้งระดับภูมิภาคและบนเวทีโลก เพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 อย่างแข็งแกร่งและเต็มภาคภูมิ ภายใต้การนำทัพโดย ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน  และ เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ ร่วมกับ วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน และ ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

ภายใต้สถานการณ์ในตลาดรถยนต์ที่แข่งขันสูงอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย รวมถึงความท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั่วโลกนั้น Great Wall Motors International หน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อกำกับ ดูแล และบริหารธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในตลาดต่างประเทศทั่วโลก ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจ สู่การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำการเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ชั้นนำระดับโลก พร้อมเดินหน้าเติบโตคู่กับคนไทยและประเทศไทยในระยะยาว

มร.ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ กล่าว “ประเทศไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการขยายธุรกิจสู่ระดับโลกภายใต้กลยุทธ์ “Ecological Globalization” เนื่องจากเป็นพื้นที่เปี่ยมด้วยศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน ทั้งภูมิประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ความพร้อมของห่วงโซ่อุปทาน และทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะความรู้ความสามารถ ที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ นอกจากนี้ เรามีการนำพันธมิตรของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมาลงทุนในประเทศไทย สร้างระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผมมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้การดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Local Excellence to Global Success จะทำให้การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าด้วยความมั่นคงและยั่งยืน ที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท และภายในอีก 3 ปีข้างหน้านี้เราจะลงทุนเพิ่ม รวมแล้วเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นกว่า 23,000 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาด นอกเหนือไปจากการส่งมอบนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าชาวไทยแล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงสนับสนุนการจ้างงานในท้องถิ่น รวมถึงการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ และทีมผู้บริหารและพนักงานในประเทศไทย เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคงร่วมกัน”

“บทบาทต่อจากนี้ของเรา คือ การผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญเชิงกลยุทธ์ผ่านการลงทุนระยะยาว รวมถึงปรับเปลี่ยนการดำเนินงานหลากหลายด้านผ่านกลยุทธ์ด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันสูง ผมขอยืนยันว่าเราจะยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยมให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับในตลาดโลก หลังจากประสบผลสำเร็จในการจำหน่ายแล้วกว่า 14 ล้านคันทั่วโลก Great Wall Motors International ตั้งเป้ายอดจำหน่ายในต่างประเทศที่ 1 ล้านคัน ภายในปี พ.ศ. 2573 นี้ โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2567 เราทำยอดขายในตลาดต่างประเทศได้ถึง 316,000 คัน เติบโตจากปีที่แล้วถึง 22.17%” ปาร์คเกอร์ ฉี กล่าวปิดท้าย

ด้าน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เตรียมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เข้มข้นในปัจจุบัน ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ภายใต้แนวคิด Local Excellence to Global Success เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน สร้างการเติบโต ขยายฐานลูกค้า รวมถึงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ประกอบด้วย

กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมขั้นสูงที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภค เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งเน้นการปรับตำแหน่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการปรับแผนผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยอย่างแท้จริง ในราคาที่เหมาะสมที่แข่งขันได้

นอกจากนี้ ยังเตรียมนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของประเภทเครื่องยนต์ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ผ่านการรับฟังเสียงของผู้บริโภค (User-Centric) เพื่อนำไปพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี พ.ศ. 2568 เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมเปิดตัว HAVAL H6 HEV และ PHEV ไมเนอร์เชนจ์ รวมถึง GWM TANK ในเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้กลยุทธ์เดียวกันนี้

ภายในงาน Motor Expo 2024 ปลายปีนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะนำนวัตกรรมใหม่ มาจัดแสดง พร้อมสร้างเสียงฮือฮาถึง 2 รุ่น ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม SUV ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้โรงงานอัจฉริยะที่จังหวัดระยอง เป็นศูนย์กลางของการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาระดับโลก

กลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขาย (After-Sales Service Strategy) เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้าหมายในการส่งมอบบริการหลังการขายที่รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างศูนย์กระจายอะไหล่ขนาดใหญ่สำหรับตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งจะมีพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร รวมถึงการเพิ่มจำนวนการเก็บชิ้นส่วนอะไหล่กว่า 1,000 SKUs ในประเทศไทย โดยมี Part fill rate ที่ 97% รวมถึงการพัฒนาโครงการศูนย์สีและซ่อมตัวถังที่ได้มาตรฐานครบวงจร (Certified Body & Paint) ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และขยายสู่ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการผ่าน GWM Smart Service เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและอุ่นใจให้กับลูกค้าในการใช้งาน ให้รองรับการใช้งานที่หลากหลายและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งพัฒนาความรู้และความสามารถของช่างเทคนิคอย่างเข้มข้น ผ่านหลักสูตรที่เข้มข้นของศูนย์ฝึกอบรม (GWM Training Center) ที่ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถมอบบริการที่ดีและมีคุณภาพให้แก่ลูกค้า รวมถึงการรับฟังเสียงของลูกค้าเพื่อนำไปปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุดในทุกครั้งที่ใช้บริการ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถยนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์

กลยุทธ์ด้านการขาย (Sales Strategy) ผ่านการสร้างการเติบโตและการบริหารเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายเพื่อการขายที่มีประสิทธิภาพ โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งเน้นการทำงานพูดคุยกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาการดำเนินงานให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตและการแข่งขันที่สูงขึ้นในของตลาด นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรผู้จำหน่าย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด

ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีพาร์ทเนอร์ สโตร์ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งหมด 70 แห่ง นอกเหนือไปจากนี้ ยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในฐานะ Authorized Fleet Partner ทั่วประเทศ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจฟลีทให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งบริษัทรถเช่า ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการเข้าร่วมประมูลของหน่วยงานภาครัฐ

ยิ่งไปกว่านั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะขยายธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วภายใต้ GWM Certified Pre-Owned (CPO) เป็นบริการซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วที่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีที่ได้มาตรฐานอีกด้วย

กลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์ (Brand Building) ให้แตกต่างสู่การเป็นแบรนด์ในใจของคนไทยและทั่วโลก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เน้นการสร้างแบรนด์ในระยะยาวโดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ผ่านกิจกรรมระดับโลกต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะขยายการรับรู้ของแบรนด์เพื่อเข้าถึงและสร้างการจดจำในกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้มากยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีความทันสมัยและสร้างความแตกต่างมากยิ่งขึ้น ผ่านการสื่อสารเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่างๆ ที่มอบทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทั้งที่เป็น First-in-class และ Best-in-class

ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมให้มากยิ่งขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเข้าไปมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเดิม ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณค่าและจงรักภักดีกับแบรนด์ โดยส่งเสริมการแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีที่มีต่อแบรนด์สู่เพื่อน ครอบครัว และบุคคลรอบข้าง สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นำไปสู่การเติบโตของชุมชนผู้ใช้งานของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่างยั่งยืนในอนาคต

นอกจากกลยุทธ์ทั้ง 4 ด้าน เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้มีความฉับไวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงสร้างองค์กรที่เอื้อต่อการตัดสินใจ เพื่อสอดรับกับการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ประกอบกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของทีมผู้บริหารและทีมงานที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมแล้วที่จะขับเคลื่อนให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่วางไว้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ชั้นนำของโลก และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และไม่หยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งมอบนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

ปั๊มบางจาก บลูมมิ่ง เทลส์ รับมอบป้าย HAPPY TOILET ส้วมสาธารณะระดับดีเยี่ยม

ปั๊มบางจาก บลูมมิ่ง เทลส์ @พุทธมณฑลสาย 3 รับมอบป้าย HAPPY TOILET รับรองมาตรฐานส้วมสาธารณะ “ระดับดีเยี่ยม”

นางสาวจันทร์นภา สายสมร กรรมการบริหาร บริษัท บลูมมิ่ง เทลส์ จำกัด รับมอบป้าย HAPPY TOILET จาก พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เนื่องในวัน World Toilet Day ณ สถานีบริการน้ำมันบางจาก บลูมมิ่ง เทลส์ @พุทธมณฑลสาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มอบป้าย HAPPY TOILET ส้วมสะอาด ถูกสุขลักษณะระดับดีเยี่ยม ตามมาตรฐานสากล H.A.S แก่สถานีบริการน้ำมัน “บางจาก บลูมมิ่งเทลส์ @พุทธมณฑลสาย 3” เนื่องในวัน World Toilet Day ของสหประชาชาติ 19  พฤศจิกายน 2567 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการสุขาภิบาลอย่างปลอดภัย

นางสาวจันทร์นภา สายสมร กรรมการบริหาร บริษัท บลูมมิ่งเทลส์ จำกัด รับมอบป้าย HAPPY TOILET จาก แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และนางณีรนุช อาภาจรัส ผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมอนามัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการ Blooming Toilet ให้มีสุขอนามัยที่ดีและปราศจากโรค

ส้วมสาธารณะที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับสากล  H.A.S (H : Health, A : Accessibility, S : Safety) ประกอบด้วย 1. สะอาด มีการออกแบบระบบระบายอากาศที่ปลอดโปร่ง รวมถึงการจัดการความสะอาดและระบบควบคุมตรวจตราเป็นประจำ   2. เพียงพอ มีปริมาณห้องส้วมมากเพียงพอ มีส้วมนั่งราบสำหรับผู้พิการ ผู้สูงวัย หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ และพร้อมใช้งานตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ 3. ปลอดภัย แยกส่วนห้องส้วมชายหญิงชัดเจน และมีบริการแสงสว่างที่ดีทั้งกลางวันและกลางคืน

สำหรับสถานีบริการน้ำมันบางจาก บลูมมิ่งเทลส์ @พุทธมณฑลสาย 3 นอกจากให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังพรั่งพร้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหารอร่อย และบริการอื่นๆ มากมายครบครัน อำนวยความสะดวกให้ผู้รับบริการ รวมถึง Blooming Toilet ห้องส้วมที่มีความสะอาดเพียงพอและปลอดภัย ตามเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะ และได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนสำนักงานเขตบางแค ประเภทกลุ่มสถานีบริการเชื้อเพลิง เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดห้องน้ำขวัญใจมหาชนแห่งปีของกรุงเทพมหานคร กรมอนามัยจึงมีความชื่นชม และยินดีในการมอบป้าย HAPPY TOILET ให้เป็นส้วมสาธารณะถูกสุขลักษณะระดับดีเยี่ยมก่ทางสถานี

พลิกตำนานปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี

ย้อนตำนานต้นกำเนิดปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสรรสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร กับอนาคตแห่งความภูมิใจที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าภายใต้แบรนด์มาสด้าอย่างยั่งยืน

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย “มาสด้า” ก่อตั้งโดย “คุณจูจิโร่ มัทซึดะ” เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 ต่อมาเริ่มผลิตเครื่องมือกลไกในปี พ.ศ. 2472 เนื่องจากเป็นผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ มร. มัทสึดะ ก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตมอเตอร์ไซค์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2474 จึงได้เริ่มผลิตรถบรรทุกสามล้อ เรียกว่า “มาสด้า โก” เป็นรถคันแรกที่ผลิตออกสู่ตลาดในนาม “มาสด้า” ก่อนที่จะได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เป็นรายแรกของโลก ปัจจุบัน “มาสด้าเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตเครื่องยนต์โรตารี่”

ตำนานที่คงอยู่ตลอดกาล หลังจากเริ่มนำรถมาสด้าเข้ามาให้คนได้รู้จัก ในปี พ.ศ. 2507 โดย บริษัท กมลสุโกศล ได้นำเข้าปักอัพมาสด้าตัวแรก รุ่น 800 ซีซี 4 สูบ เข้ามาจำหน่ายในชื่อรุ่น “Familia 800” ความจุ 782 ซีซี 48 แรงม้า แบบ 4 ประตู ซึ่งได้รับความนิยมและถูกกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน

ลงทุนสร้างโรงงานในไทยปักหลักตลาดสำคัญฐานผลิตและส่งออกทั่วโลก

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 มาสด้าได้ตกลงร่วมทุนกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง และเริ่มทำการผลิตเต็มอัตราในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 บนเนื้อที่ 529 ไร่ ด้วยเงินลงทุนถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีกำลังการผลิต 135,000 คันต่อปี และผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่น B2500 สำหรับส่งออก และจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่น 323 โปรทีเจ

มาถึงปี พ.ศ. 2542 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จัดตั้งคณะผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น “บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” มุ่งเน้นแนวทางการบริหารไปที่ด้านการตลาด การขาย การบริการลูกค้า และการสนับสนุนผู้จำหน่าย เพื่อนำเสนอรถยนต์มาสด้ารุ่นต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มาสด้าเริ่มต้นการผลิตรถปิกอัพที่ ชื่อว่า มาสด้า ไฟเตอร์ โฉมใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกรถปิกอัพที่มีประตูแค็บเปิดได้เป็นครั้งแรกของโลก และทำให้มาสด้าประสบความความสำเร็จอย่างสูง โดยมียอดขายสะสมสูงกว่า 55,000 คัน

จุดเริ่มต้นตำนาน MAZDA BT-50

เมื่อเดือนมีนาคม 2549 มาสด้าเปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตปิกอัพ MAZDA BT-50 เครื่องยนต์คอมมอลเรล ให้พลังแรงเต็มพิกัด ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซูม-ซูม” โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์สุดล้ำแห่งอนาคต พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน สร้างชื่อเสียงของแบรนด์มาสด้าให้กระหึ่มทั่วโลกอีกครั้ง

รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ได้รับการออกแบบภายใต้ DNA ของมาสด้า ประกอบด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พิถีพิถันทุกรายละเอียด และขีดสุดแห่งพลังที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว เป็นรถปิกอัพโฉมเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม รวมถึงเครื่องยนต์อันทรงพลัง คอมมอนเรล ชื่อ มาสด้า BT-50 เป็นชื่อที่ใช้สำหรับตลาดทั่วโลก คำว่า มาสด้า BT-50 มาจาก B-Series Truck ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้เรียกรถปิกอัพมาสด้ามาอย่างยาวนานและถือเป็นตำนานรถปิกอัพมาสด้า ส่วนตัวเลข 50  หมายถึงความสมดุลที่อยู่กึ่งกลางของน้ำหนักการบรรทุกของปิกอัพครึ่งตัน และมีน้ำหนักบรรทุกมากกว่า 1 ตัน ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรถรุ่นนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก โดยผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ มีมาตรฐานเดียวกับโรงงานมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ควบคุมดูแลโดยทีมวิศวกรมาสด้า ผลิตและจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศ ทั่วโลก

มาสด้า BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ดีเซล ไดเรคท์อินเจ็คชัน เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คอมมอนเรล มีให้เลือกทั้งแบบ MZR-CD 3,000 ซีซี 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร และ MZR-CD 2,500 ซีซี 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ถือได้ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดในรถกระบะเมืองไทย เพราะให้แรงบิดสูงสุดมหาศาลอย่างต่อเนื่อง

สร้างมาตรฐานปิกอัพใหม่แนะนำฟรีสไตล์แค็ปเจ้าแรกจนเป็นที่นิยมในตลาด

ต่อมาในเดือนมกราคม 2555 มาสด้าเริ่มสตาร์ทอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์แบบฮีโร่ “ขับเคลื่อนทุกสิ่ง…ให้เป็นจริงได้” ซึ่งเป็นรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดจากสายการผลิตในประเทศไทยที่พร้อมอวดโฉมอันสง่างามดุจรถยนต์นั่งระดับหรู ที่ลบภาพความเป็นปิกอัพแบบเดิมๆ จนหมดสิ้น เหนือชั้นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังแรงสุดในตลาด ดีไอ-ธันเดอร์ โปร (Di-THUNDER PRO) อัดแน่นด้วยออพชั่นที่ใส่มาแบบเต็มๆ รูปลักษณ์การออกแบบที่งดงามทั้งภายนอกและภายในดุจรถอเนกประสงค์สุดหรูและมีมิติขนาดที่ใหญ่สุดในตลาด ซึ่งมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มีให้ลูกค้าได้เลือกหลายรุ่นทั้ง ฟรีสไตล์แค็ป หรือบานแค็ปเปิดได้ และดับเบิ้ลแค็ป 4 ประตู มาใน 2 เครื่องยนต์ คือ ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 3.2 ลิตร 200 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร  และ ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 2.2 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง หรือ Hi-Racer จะเป็นจุดขายที่สำคัญของมาสด้าซึ่งจะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายการขายรถปิกอัพที่ตั้งไว้ในปีนี้  22,000 คันอย่างแน่นอน

ปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ได้ฉีกทุกกฎของการออกแบบปิกอัพแบบเดิมๆ ด้วยการผสมผสานแนวคิดการออกแบบที่เน้นความสวยงามมีสไตล์ ควบคู่กับการใช้งานของปิกอัพที่มากกว่ารถเก๋ง ออกแบบภายใต้แนวคิด “นากาเร่” เป็นความงดงามที่อยู่ในธรรมชาติ ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหวและดุดันมาประยุกต์ให้เข้ากับแนวคิดการออกแบบ “โคโดะ” หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพของเสือชีต้าห์อันสง่างาม น่าเกรงขาม แต่คงไว้ซึ่งความปราดเปรียวและพลังที่ดุดัน พร้อมกระโจนไปข้างหน้าอย่างว่องไว ทำให้มาสด้า บีที -50 โปร ใหม่ เป็นปิกอัพคันแรกของโลกที่มีเส้นสายที่สวยงามพลิ้วไหวอยู่รอบคันตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย ให้อารมณ์ความสปอร์ตและมีบุคลิกที่โดดเด่น ฉีกออกจากรถปิกอัพแบบเดิมๆ นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันสง่างามทันสมัยนี้ คือความลงตัวใหม่สำหรับทุกรูปแบบการใช้งาน และยังมีขนาดของมิติตัวถังที่ใหญ่สุดในตลาดรถปิกอัพของประเทศไทย สร้างความสำเร็จอย่างมากด้วยยอดขายสะสมสูงถึง 110,000 คัน

มาสด้า นักสู้ผู้ไม่เคยย่อท้อ

ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2564 ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับวิกฤตโคโรน่าไวรัส แต่มาสด้าไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ มาสด้าเปิดตัวปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน กับ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ รถปิกอัพที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด  กลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง

All-New Mazda BT-50 เจนเนอเรชั่นใหม่ “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series เจเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า ที่ผสานกับรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี และคุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาส การผนวกรวมจุดเด่นทั้งหมดเหล่านี้ และความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเห็นจากรถปิกอัพในปัจจุบัน ทำให้ All-New Mazda BT-50 เป็นปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดปิกอัพ ตั้งแต่การใช้งานได้ในทุกโอกาส ขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้นและเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้น

ปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพ ไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน หรืออัตราการประหยัดน้ำมันเท่านั้น วันนี้ลูกค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และดีไซน์มากขึ้น การผสมผสานความแข็งแกร่ง อึด ทน ในรถสไตล์รถปิกอัพเข้ากับ โคโดะ ดีไซน์ ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม จึงเกิดเป็นความโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร บ่งบอกได้ว่า นี่คือ ปิกอัพสายพันธุ์ใหม่ของมาสด้า เกิดเป็นความแข็งแกร่งควบคู่กับความสง่างามของรถปิกอัพยุคใหม่ ตอบโจทย์รูปแบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในยุคปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Infotainment รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ซึ่งสามารถใช้งาน Miracast แบบไร้สายผ่าน Wifi และรองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

ก้าวที่มั่นคงสู่อนาคตที่ยั่งยืนของมาสด้าในประเทศไทย

ปัจจุบันมาสด้าลงทุนรวมกว่า 56,300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 240,000 คัน ส่งออกไปทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ ในอาเซียน เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกากลาง แอฟริกา รวมถึงส่งกลับไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันผลิตรถยนต์มาสด้า2, มาสด้า3, CX-3 และ CX-30 และลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นเมื่อปี 2556 ภายใต้ชื่อ บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MPMT จังหวัดชลบุรี บนเนื้อที่กว่า 800 ไร่ ผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลและสกายแอคทีฟเบนซิน จำนวน 100,000 ลูก/ปี เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดร์ฟ 400,000 ลูก/ปี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ด้วยเงินลงทุนกว่า 26,000 ล้านเยน หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท และเพิ่มเงินลงทุนอีกประมาณ 22,100 ล้านเยน หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท

น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับเรื่องราวความเป็นมาของรถปิกอัพมาสด้า นับจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ก้าวผ่านเรื่องราวผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่ด้วยสปิริต ความเป็นมาสด้า เพราะเรากล้าที่จะแตกต่าง ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคเฉกเช่นเดียวกับชาวฮิโรชิมา กว่า 104 ปี ของมาสด้าญี่ปุ่น กว่า 74 ปี ในประเทศไทย มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของมาสด้าในประเทศไทย

โตโยต้า เดินหน้าเสริมทัพ PPV รุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S

โตโยต้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด PPV เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S TRUST OF THE LEADER…ความไว้วางใจแห่งผู้นำ” ทางเลือกใหม่รถอเนกประสงค์ราคาที่เข้าถึงง่าย ดีไซน์สุดพรีเมียม พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกครบครัน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงในตลาด PPV แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ในรุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมดีไซน์พรีเมียม สวยสะดุดตา คุ้มค่าด้วยระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย ตอบโจทย์ในทุกสภาพการใช้งาน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท PPV เข้าสู่ตลาดเมืองไทยครั้งแรกในปี พ.ศ.2547 ในนาม โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ภายใต้โครงการ IMV: International Innovative Multi-purpose Vehicle ซึ่งประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท Pick-Up Passenger Vehicle (PPV) ในประเทศไทย โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 453,000 คัน* (*ข้อมูลยอดขายสะสมของฟอร์จูนเนอร์ภายใต้โครงการ IMV ตั้งแต่ปี 2547 – กันยายน 2567) อีกทั้งยังส่งออกจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย และที่สำคัญสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม ตลอดจนอรรถประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า สร้างความภูมิใจในการเป็นเจ้าของด้วยความเหนือระดับอย่างแท้จริง จนสามารถครองใจลูกค้า ยืนยันความสำเร็จด้วยยอดขาย อันดับ 1 ในตลาด PPV 12 ปีติดต่อกัน

เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นในคุณภาพ และความไว้วางใจด้วยดีตลอดมา พร้อมกันนี้ยังเป็นการเสริมความเป็นผู้นำตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเพิ่มตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย โตโยต้าภูมิใจแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ในรุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S ที่โดดเด่นด้วย ดีไซน์ที่มากับไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อม Daytime Running Lights และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED เสริมด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding โดดเด่นในทุกมุมมอง ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมแผ่นกรองปรับอากาศ PM2.5 สมรรถนะทรงพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker) พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่ง และกล้องมองหลัง

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี T-Connect ที่จะคอยดูแลผู้ขับขี่ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระบบต่างๆ เช่น Find My Car บริการเช็กตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ TheftTrack บริการตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม SOS บริการประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง Geo-Fencing บริการกำหนดขอบเขตความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีบริการที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Telematics อาทิ Maintenance Reminder บริการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้าศูนย์บริการ Vehicle Information บริการข้อมูลรถและการขับขี่แบบรอบด้าน PHYD ประกันภัย ขับดี ลดให้ และบริการด้านไลฟ์สไตล์ทั้ง Concierge Services บริการผู้ช่วยส่วนตัว และ TOYOTA ALIVE-X โปรแกรมสะสมคะแนน The 1 แลกเป็นส่วนลดสำหรับใช้บริการศูนย์โตโยต้า และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล

FORTUNER LEADER S ความเหนือระดับของผู้นำรุ่นใหม่

THE STATE OF A LEADER

ดีไซน์ภายนอก…รองรับทุกบทบาทของผู้นำ

กระจังหน้า-กันชนหน้า บ่งบอกความภูมิฐาน

ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อม Daytime Running Lights

ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED

ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

LEADING WITH TRUSTED FEATURES

ไว้วางใจกับความสะดวกสบายรอบด้าน

หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมแผ่นกรองปรับอากาศ PM2.5

เบาะนั่งวัสดุผ้าคุณภาพสูง

กุญแจรีโมทแบบ Jack Knife Key

ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า แบบกระแสสลับ AC 220 โวลต์

LEADING WITH TRUSTED PERFORMANCE

ไว้วางใจด้วยสมรรถนะทรงพลัง

เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ประหยัดน้ำมัน 14.3 กม. / ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker)

ระบบควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามระดับความเร็ว

ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง

LEADING WITH TRUSTED SAFETY

ไว้วางใจด้วยระบบความปลอดภัยครบครัน

Active Safety

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System)

ระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Stability Control)

ระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Brake System)

ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist)

ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake-force Distribution)

ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย (Trailer Sway Control)

ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control)

ดิสก์เบรก 4 ล้อ (Front & Rear Disc Brake)

กล้องมองหลัง (Back Monitor)

Passive Safety

ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่ง (7 Airbags)

โครงสร้างนิรภัย GOA (GOA Structure)

พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ (Collapsible Steering Column)

ELR Seatbelt 3 จุด 7 ที่นั่ง

เลือกเป็นเจ้าของ FORTUNER LEADER

FORTUNER LEADER มี 4 รุ่นย่อย มาพร้อม 6 สีให้เลือก

-สีเงิน SILVER METALLIC                    – สีเทาดำ DARK GREY METALLIC

-สีดำ ATTITUDE BLACK MICA           – สีน้ำเงิน DARK BLUE MICA

-สีแดง EMOTIONAL RED                     – สีขาวมุก PLATINUM WHITE PEARL

ราคาสุดคุ้ม ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา

-2.4 Leader V เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ  1,600,000 บาท

-2.4 Leader V เกียร์อัตโนมัติ                           1,530,000 บาท

-2.4 Leader G เกียร์อัตโนมัติ                           1,400,000 บาท

-ใหม่… 2.4 Leader S เกียร์อัตโนมัติ                1,239,000 บาท

(*LEADER S สามารถเลือกได้ 3 สี 1. Platinum White Pearl เพิ่ม 12,000 บาท, 2. Attitude Black Mica, 3.Silver Metallic)

เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วยเงื่อนไขพิเศษ

ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนเริ่มต้น 9,884 บาทต่อเดือน*

(คำนวณจาก Fortuner รุ่น Leader S ราคา 1,239,000 บาท ที่ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 96 เดือน ดอกเบี้ย 3.25%)

หมายเหตุ *ผ่อนเริ่มต้น 9,884 บาทต่อเดือน สำหรับปีแรก (โดยคำนวณจากการรวมโปรแกรมช่วยผ่อน 1,500 บาทต่อเดือน นาน 12 เดือน) และผ่อน 11,384 บาทต่อเดือน สำหรับปีที่สองถึงปีที่แปด

ทางเลือกที่ 2 : ดอกเบี้ยพิเศษ 0.89% พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง TOYOTA Care PHYD

*เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน บริการข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต www.toyota.co.th หรือ Line ID : @toyotathailand

พร้อมขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเช็กระยะตามกำหนด จากโปรแกรม TCFR Plus+

สะดวกสบายเหนือระดับด้วยระบบเชื่อมต่อ T-Connect และประกันภัย PHYD (Pay How You Drive) ประกันภัยชั้น 1 Toyota Care ที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมการขับขี่ คำนวณเป็นคะแนนการขับขี่ “ขับดี ลดให้” ส่งเสริมให้ลูกค้าขับรถอย่างปลอดภัย โดยคะแนนการขับขี่จะปรากฎบนแอพพลิเคชั่น T-Connect ของลูกค้าหลังการขับขี่ทุกครั้ง ซึ่งมาจากพฤติกรรมการขับขี่โดยคำนวณจาก การเร่งความเร็ว – การเบรก – การเข้าโค้งและระยะทางการขับขี่

พร้อมรับความคุ้มค่าของประกันภัย PHYD

1.ปีที่ 1         : ประกันรถป้ายแดงรับส่วนลด 5%-10% เมื่อเปรียบเทียบกับเบี้ยประกันกันโตโยต้าแคร์ปกติ

2. ปีที่ 2-8     : รับส่วนลดประกันภัย 2 ต่อ

ต่อที่ 1 : ส่วนลดประวัติดี 20%-50% ในการต่ออายุตั้งแต่ปีที่ 2-8

ต่อที่ 2 : ส่วนลดเพิ่มเติมสูงสุด 25% โดยคำนวณจากพฤติกรรมและระยะทางการขับขี่ของลูกค้า*

(*หมายเหตุ : พฤติกรรมการขับขี่ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.การเร่งความเร็ว  2.การเบรก  3.การเข้าโค้ง จะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนการขับขี่ และคำนวณเป็นส่วนลดค่าเบี้ยในการต่ออายุประกัน)

     3.การใช้งานสะดวกสบาย ลูกค้าเพียงแค่ผูกข้อมูลรถกับแอปพลิเคชัน T-Connect เมื่อหน้าจอแอปของท่านแสดงข้อมูลรถยนต์ เช่น ระยะทาง และปริมาณน้ำมันคงเหลือก็แสดงว่ารถของท่านมีระบบเทคโนโลยี Connected ใหม่ พร้อมการเตือนต่ออายุประกันภัย

     4. สิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามมาตรฐานประกันภัย Toyota CARE อาทิ

          –  รับประกันงานซ่อมที่ศูนย์บริการตัวถัง และสีของโตโยต้า

          –  สามารถใช้บริการ ณ ศูนย์บริการตัวถังและสีของโตโยต้า กรณีเป็นประกันภัย PHYD นานสูงสุด 8 ปี

          –  บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

          –  รับบริการมาตรฐานโตโยต้า ด้วยอะไหล่แท้ที่ศูนย์บริการตัวถัง และสี ครอบคลุมกว่า 260 แห่งทั่วประเทศ

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง TOYOTA ACCESSORIES สำหรับ FORTUNER LEADER

โลโก้ FORTUNER (สีดำเงา / โครเมียม)

กล้องบันทึกภาพด้านหน้าและหลัง

ที่ชาร์จภายในรถยนต์ (USB)

ที่บังแดดด้านหน้า GR

แผงบังแดดข้าง GR

อุปกรณ์ช่วยผ่อนแรงเปิด-ปิด ฝากระโปรงหน้า

ชุดกันโคลนซุ้มล้อ

ถาดใส่ของท้ายรถ

แผ่นสเตนเลสกันรอยขอบกันชนท้าย

ตาข่ายเก็บของท้ายรถ

หมายเหตุ : อุปกรณ์ตกแต่งแท้โตโยต้ารับประกันสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม. (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.toyota.co.th/accessories/

เตรียมพบกับอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจจากแบรนด์ยอดนิยมในตลาดอุปกรณ์ตกแต่ง และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มาจัดจำหน่าย ผ่านช่องทางของโตโยต้า (Associated Accessory Product – AAP) ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 Thailand International Motor Expo 2024  

ทางเลือกการเป็นเจ้าของรูปแบบใหม่ KINTO

มีรถใช้ แบบไม่ต้องซื้อ บริการให้เช่ารถยนต์ระยะยาวจากโตโยต้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตการขับขี่สะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น จ่ายราคาเดียวเท่ากันทุกเดือน เป็นเจ้าของ FORTUNER LEADER S ได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 22,930 บาท ต่อเดือน พร้อมบริการครบวงจร ประกันภัยชั้น 1 การบำรุงรักษา ต่อ พรบ. ภาษี ให้ตลอดอายุสัญญา

สัมผัสความเหนือระดับของผู้นำรุ่นใหม่

และทดลองขับ FORTUNER LEADER S ได้แล้ววันนี้

ณ Toyota ALIVE บางนา และโชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

พบกับกิจกรรมพิเศษต่างๆ

ช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2567

-Leader’s Experience Day

ระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2567 ณ โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

-งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 Thailand International Motor Expo 2024                         ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

จองทดลองขับ FORTUNER LEADER S และรถรุ่นอื่นๆ บนสนามทดสอบเต็มรูปแบบได้ที่ https://www.toyota.co.th/alive/testdrive-reservation 

ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.toyota.co.th/                               Facebook: Toyota Motor ThailandLINE Official: @ToyotaThailand             TikTok: @ToyotaMotorTH

X: @ToyotaMotorTH                            Instagram: @toyotamotorthailandofficial

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save