- Advertisement -
29.9 C
Bangkok
Home Blog Page 21

“ลามิน่าฟิล์ม” ยกทัพสุดยอดแคมเปญส่งท้ายปี ที่งาน Motor Expo 2024

“ลามิน่าฟิล์ม” ชี้ตลาดฟิล์มกรองแสงหดตัวรุนแรงตามอุตสาหกรรยานยนต์กว่า 25% กระทบยอดขายหดตัวในปีนี้ แต่น้อยกว่าตลาดในภาพรวม เหตุจากผู้บริโภคยังมั่นใจในคุณภาพและการให้บริการที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากกว่า 10 ล้านคัน เดินหน้าจัดแคมเปญในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” ฟิล์มกลุ่มพิเศษคุณภาพสูง “ลูมาร์” ผลิตโดย อีสท์แมน เพอร์ฟอร์แมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา และอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่” จากประเทศสวีเดน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร “แอลลักซ์” คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า การหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2567 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดฟิล์มกรองแสง ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ โดยได้ทำการปรับลดเป้าหมายการขายลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเช่นเดียวกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีการประเมินว่าอุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะปิดตัวเลขการขายที่ไม่ถึง 6 แสนคันในปีนี้

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยมีการหดตัวอย่างรุนแรงจากปัญหาเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้นสูง รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินก็มีข้อจำกัดมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถปิกอัพ ทำให้ในช่วง 10 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรถยนต์เพียง 478,341 คันเท่านั้น หดตัวไปกว่า 26.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

“หากดูจากตลาดรถยนต์แล้ว ตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมก็น่าจะมีทิศทางที่ไม่แตกต่างกันมาก คาดว่าตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะหดตัวไม่น้อยกว่า 25% ในขณะที่ตลาดฟิล์มอาคารคงที่ ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมอยู่ที่ 1,000 – 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ถือว่ายากลำบากสำหรับผู้ประกอบการฟิล์มกรองแสงเช่นเดียวกัน”

ในส่วนของลามิน่าฟิล์มนั้น ในปีนี้ก็ยอมรับต้องมีการปรับเป้าหมายการขายลงเช่นเดียวกัน โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมียอดจำหน่ายรวม 600 ล้านบาท หรือลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 19% ซึ่งเป็นการหดตัวที่น้อยกว่าตลาดและจะทำให้บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดรวมไม่น้อยกว่า 33% เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในตลาดฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงเหมือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม จากความผันผวนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็จำเป็นที่จะต้องจับตาดูสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่รัฐบาลมีแนวโน้มจะออกมาตรการช่วยเหลือ รวมถึงการปรับตัวของผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย ว่าจะช่วยกันผลักดันยอดขายรถยนต์ไปในทิศทางใดในปี 2568

นางสาวจันทร์นภา กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ลามิน่าฟิล์มได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน นอกเหนือจากการที่บริษัทได้อยู่คู่กับลูกค้าในประเทศไทยมายาวนานย่างเข้าปีที่ 30 ในปัจจุบัน และเป็นฟิล์มกรองแสงเพียงรายเดียวที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้รถสูงสุดมากกว่า 10 ล้านคันในประเทศไทย ที่ให้การยอมรับทั้งเรื่องสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลาย และการให้บริการที่โดดเด่น

ในปัจจุบัน ฟิล์มกรองแสงลามิน่าได้รับการแนะนำและบอกต่อจากทั้งในโลกออนไลน์ และผ่านเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงศูนย์ติดตั้งฟิล์มกรองแสงลามิน่าอีกกว่า 770 แห่ง ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นฟิล์ม Voted By The People หรือฟิล์มกรองแสงที่ได้รับการโหวต แนะนำ และบอกต่อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในเมืองไทยด้วยการโหวตจาก 4 ส่วนหลัก ประกอบไปด้วย 1. โหวต…จากอินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าทั่วเมืองไทย 

2. โหวต…จากลูกค้าผู้ใช้รถจริงมากกว่า 10 ล้านรายจากฐานข้อมูลของบริษัท

3. โหวต…จากกว่า 40 คาร์คลับและโชว์รูมรถยนต์ทั่วไทย

4. โหวต…จากองค์กรชั้นนำทั่วเมืองไทยและทั่วโลก ที่เห็นได้จากรางวัลที่ได้รับมามากกว่า 75 รางวัลจาก 22 สถาบันตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

โดยรุ่นฟิล์มกรองแสงที่ได้รับการโหวตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 Lamina Ceramatrix ฟิล์มเซรามิคแท้ตัวจริง อันดับ 2 Lamina CM Series ทั้งรุ่น CM Icon และ CM1 และ อันดับ 3 Lamina Ceramic Iris และ Ceramic Onyx ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งทั้งหมดเป็นฟิล์มดิจิทัลกันร้อนคุณภาพสูง เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม สวยงามและล้ำสมัย จนได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถอย่างล้นหลาม

“ลามิน่าคำนึงถึงความต้องการพื้นฐานของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ทั้งเรื่องของคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนจากแสงแดด การป้องกันรังสียูวี ความทนทานในการใช้งาน การรองรับสัญญาณดิจิทัลยุคใหม่ หรือแม้แต่เรื่องของความสวยงามเมื่อนำมาติดตั้งให้กับรถ ก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคำนึงถึงมาโดยตลอด และลามิน่าฟิล์ม ก็ได้เดินหน้าแนะนำผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร”

ลามิน่าฟิล์ม ยังได้ต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมฟิล์มกรองแสงกันความร้อนสูง ฟิล์มนิรภัยและฟิล์มตกแต่ง เพื่อที่อยู่อาศัยอย่างบ้าน คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์ รวมถึงฟิล์มเพื่อสัตว์เลี้ยงแบรนด์แรกในประเทศไทยกับ Lamina Buddy Series และฟิล์มเซรามิคเพื่อบ้านยุคใหม่ Lamina Ceramic Solar ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาปนิก และเจ้าของที่พักอาศัยทั่วเมืองไทยกว่า 1 หมื่นโครงการ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะตอกย้ำในการเป็นผู้นำในตลาดฟิล์มกรองแสงดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ยังมีการพัฒนาและอบรมช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงทั่วประเทศ รวมถึงการปรับในส่วนของผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการติดตั้งให้เหมาะสม ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นมากมายในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41

สำหรับแคมเปญพิเศษในงานนี้ เพียงจองติดตั้งฟิล์มภายในงานกับ 3 รุ่นฟิล์มที่ได้รับการโหวตสูงสุด ทั้ง Lamina Digital Ceramatrix ฟิล์มดิจิทัลเซรามิคแท้ 100% ตัวจริงคุณภาพอันดับ 1 Lamina Digital CM ICON  ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ เพื่อยานยนต์อัจฉริยะยุค 5G และ Lamina Digital IRIS  ฟิล์มเซรามิคฟีลกู๊ด สบายทุกแดด สนุกทุกทริป มีสิทธิ์ร่วมสนุกหมุนวงล้อ ลุ้นรับรางวัลมากมาย มูลค่ารวมกว่า 30,000 บาท

ผู้ที่สนใจจะติดตั้งฟิล์มกรองแสงลามิน่า ห้ามพลาดการเข้าร่วมงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41 ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม พ.ศ.2567 นี้ ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมแสดงสินค้าที่บูธหมายเลข H04 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งภายในงานจะมีการแสดงสินค้า โปรโมชั่นที่น่าสนใจต่างๆ อย่างครบครัน ห้ามพลาดกันอย่างแน่นอน

จูนเหยา ออโต นำรถไฟฟ้าอัจฉริยะ JY AIR อวดโฉมในงาน Thailand Motor Expo 2024

บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ในเครือเดียวกับบริษัท จูนเหยา กรุ๊ป (JuneYao Group) เตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในงาน Thailand Motor Expo 2024 ที่ให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสกับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งอนาคต JY AIR เป็นครั้งแรก นับเป็นนวัตกรรมการเดินทางที่ก้าวล้ำจากการบินสู่การขับเคลื่อนบนท้องถนน ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหายานยนต์ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ เทคโนโลยีทันสมัย ความสะดวกสบาย ความคุ้มค่าในทุกมิติ และบริการพิเศษที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2567 ณ บูธ B17 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ผสมผสานเทคโนโลยีแห่งการขับขี่อัจฉริยะและดีไซน์ล้ำสมัย JY AIR คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ด้วยระบบ Crystal OS ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยในทุกการเดินทาง ระบบนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการตั้งค่าแสงไฟ ระบบปรับอากาศ และการปรับแต่งการขับขี่ให้เหมาะสมตามสภาพถนน ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับ 2+ ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การขับขี่ให้ราบรื่นและมั่นคง

JY AIR ยังมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถในงาน Thailand Motor Expo 2024 และออกรถกับ JY AIR โดยผู้ออกรถจะได้รับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็น

•ตั๋วเครื่องบิน JuneYao Air แบบไม่ระบุปลายทาง 4 ที่นั่งต่อปี ติดต่อกัน 3 ปี ทั้งหมด 12 ที่นั่ง 

•บัตรสมาชิก Gold Membership ของ Juneyao Airlines นาน 3 ปี

•ประกันแบตเตอรี่ยาวนานถึง 8 ปี หรือสูงสุด 800,000 กิโลเมตร ที่จะช่วยยกระดับความคุ้มค่าของการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ JY AIR แตกต่างจากคู่แข่งคือบริการหลังการขายที่ครบวงจร ด้วยการจัดหาอะไหล่สำรองทุกประเภทภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ โชว์รูมและศูนย์บริการของ JY AIR ยังได้รับการออกแบบให้ทันสมัย เพียบพร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดไฟแนนซ์อย่างมืออาชีพ

ภายในงาน Thailand Motor Expo 2024 ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถทดลองขับ JY AIR เพื่อสัมผัสกับสมรรถนะและความสะดวกสบายของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ด้วยตัวเอง พร้อมพบกับทีมงานที่พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ ที่ตอบสนองทุกความต้องการ นอกจากนี้ JY AIR ยังมาพร้อมตัวเลือกสีที่หลากหลาย มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green, และสีดำ Galactic Black ซึ่งแต่ละสีถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ใช้งาน

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมงาน Thailand Motor Expo 2024 ได้ที่บูธ B17 เพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัยและเหนือระดับ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JY AIR ได้ที่เว็บไซต์ www.juneyaothailand.com

หรือเฟซบุ๊ก Juneyao Auto Thailand www.facebook.com/Juneyaothailand เพื่อไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชันที่น่าสนใจ

JY AIR พร้อมแล้วที่จะพาผู้บริโภคก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเดินทางด้วยนวัตกรรมที่ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความสะดวกสบาย และความคุ้มค่าที่เหนือชั้น สัมผัสอนาคตแห่งการขับเคลื่อนด้วยตัวคุณเองที่งานนี้เท่านั้น

โอโมดา แอนด์ เจคู อวดโฉมคอนเซ็ปต์คาร์ ในงาน Motor Expo 2024

โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย มอบข้อเสนอพิเศษ “ซื้อรถชิงรถ” ในงาน Motor Expo 2024 พร้อมยลโฉมรถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคตจาก “Chery Automobile”

โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย แบรนด์รถยนต์ภายใต้ Chery Automobile บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ OMODA & JAECOO เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ Thailand International Motor Expo 2024 ที่มาพร้อมกับแนวคิดบูธจัดแสดงภายใต้แนวคิด “NEW ENERGY, NEW ECO, NEW ERA” สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการร่วมสร้างระบบนิเวศพลังงานใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างยั่งยืน ด้วยโมเดลรถสุดล้ำที่ตอบโจทย์การใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ ภายในงานโอโมดา แอนด์ เจคู ได้ส่งมอบข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจต้อนรับลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิก OJ Club กับโปรโมชัน “แคมเปญ Motor Expo Deal” ร่วมเป็นเจ้าของรถ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ได้ง่าย ๆ ผ่อน OMODA C5 EV เริ่มต้นเพียง 5,000 กว่าบาทต่อเดือน(2) พร้อมรับส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 150,000 บาท** (เฉพาะรุ่น) และลุ้นรับสิทธิพิเศษอีกมากมายภายในงาน

นายฉี เจี๋ย ประธานบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Chery Automobile ในฐานะบริษัทแม่ของโอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี ที่ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (passenger car) รายใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยยอดส่งออกกว่า 1 ล้านคัน เติบโต 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับโอโมดา แอนด์ เจคู ในปี 2567 ประสบความสำเร็จในการทำตลาดกว่า 32 พื้นที่ทั่วโลก ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 360,000 คัน และได้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ ภายในปี 2568 จะเริ่มดำเนินการผลิตและประกอบรถยนต์ในประเทศไทย พร้อมทั้งดำเนินสายงานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าทั้งหมดของ  Chery Automobile และ OMODA & JAECOO อีกด้วย

นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำยานยนต์ชั้นนำระดับโลก วันนี้ ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป เราได้นำรถยนต์รุ่นเรือธง JAECOO 7 PHEV เวอร์ชันพวงมาลัยขวามาอวดโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยรถยนต์ JAECOO 7 PHEV ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ด้วยประสิทธิภาพประหยัดพลังงานสูงสุด มาพร้อมกับความปลอดภัยที่เหนือชั้น ที่มีระยะทางขับขี่ไฮบริดกว่า 1,000 กิโลเมตร และอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญก็คือ การเผยโฉม OMODA C9 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย OMODA C9 เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูง มีกำลังขับเคลื่อนรวมสูงสุด 618 แรงม้า ที่สร้างมาตรฐานใหม่ด้านดีไซน์ความสวยงามที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นสายของกระแสน้ำ มีขุมพลังการขับขี่ที่เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนแบบ Continuous Damping Control รองรับขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกสภาพถนน พร้อมระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ถึง 17 ฟังก์ชัน นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์แห่งอนาคตคอนเซ็ปต์ (Concept Car) สุดล้ำมาโชว์ในเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่ รถ iCar X25 รถครอสโอเวอร์ในรูปแบบ One Box off-road MPV ออฟโรดสุดแข็งแกร่ง และรถยนต์คอนเซ็ปต์ Chery Fengyun E05 กับดีไซน์คูเป้สุดโฉบเฉี่ยวที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่สุดหรูหราผสมผสานกับความสะดวกสบายตลอดเส้นทาง”

สำหรับผู้ที่จอง JAECOO 6 EV รับข้อเสนอ “แคมเปญ Motor Expo Deal: JAECOO 6 EV พร้อมทุกสภาพถนนก่อนใคร” สำหรับผู้ที่จอง JAECOOO 6 EV รับข้อเสนอเดียวกับ Motor Expo มูลค่ากว่า 100,000 บาท** กับข้อเสนอพิเศษ ประกอบด้วย

1.ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.68 %(2)

2.ฟรี! ค่าบำรุงรักษารถ ตลอดระยะเวลา 5 ปี(5) มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท*

3.ฟรี! โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง(4) มูลค่า 25,000 บาท*

4.ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 (ซ่อมห้าง) เป็นระยะเวลา 1 ปี(3) มูลค่า 21,000 บาท*

5.ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง มูลค่า 10,000 บาท*

6.ฟรี! Garmin รุ่นเอ็กซ์คลูซีฟ JAECOO x Garmin FORERUNNER 165 มูลค่า 9,990 บาท*

7.ฟรี! Application T-Box service 5 ปี มูลค่า 5,000 บาท*

8.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ OMODA | Earthology Studio มูลค่า 1,400 บาท*

9.ฟรี! พรม JAECOO มูลค่า 1,500 บาท ยี่ห้อและชนิดของพรมเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด*

ข้อเสนออื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จองและรับรถ JAECOO 6 EV ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 1,000 คันแรก(1)

1.การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

oการรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty)

oการรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving motor system)

oการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery)

2.ฟรี! สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า (V-to-L)*

3.ฟรี! สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger*

สำหรับผู้ที่จองรถ OMODA C5 EV โอโมดา แอนด์ เจคู มีแคมเปญ Motor Expo Deal รับข้อเสนอเดียวกับ Motor Expo มูลค่ากว่า 150,000 บาท** กับข้อเสนอพิเศษ ประกอบด้วย

1.เลือกรับ ดอกเบี้ย 0% หรือ ขับฟรี 3 เดือน และช่วยผ่อน 5,000 บาท เป็นเวลา 8 เดือน หรือ ดอกเบี้ย 0% และช่วยผ่อน 5,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน หรือ ดาวน์ต่ำ 10% และช่วยผ่อน 5,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน*

2.ฟรี! โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง(4) มูลค่า 25,000 บาท*

3.ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 (ซ่อมห้าง) เป็นระยะเวลา 1 ปี(3) มูลค่า 19,000 บาท*

4.ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง มูลค่า 10,000 บาท*

5.ฟรี!  Application T-Box service 5 ปี มูลค่า 5,000 บาท*

6.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ OMODA | Earthology Studio มูลค่า 1,400 บาท*

7.ฟรี! พรม OMODA มูลค่า 1,500 บาท ยี่ห้อและชนิดของพรมเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด*

ข้อเสนออื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จองและรับรถ OMODA C5 EV ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 1,000 คันแรก(1)

1.ฟรี! การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*

oการรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty)

oการรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving motor system)

oการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery)

2.ฟรี! สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า (V-to-L) เฉพาะรุ่น OMODA C5 EV Long Range Ultimate*

3.ฟรี! สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger*

ฉลองโอกาสพิเศษส่งท้ายปี! ลูกค้า OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ที่จดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,539,000 บาท โดยจะจับรางวัลในวันที่ 23 มกราคม 2568 และประกาศผู้โชคดี 28 มกราคม 2568 ผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท ประกอบด้วยของรางวัลดังนี้

•รถยนต์ OMODA C5 EV Long Rang Plus จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 899,000 บาท

•สร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง จำนวน 30 รางวัล มูลค่า 390,000 บาท

•บัตรชาร์ตรถไฟฟ้า มูลค่า 2,500 บาท จำนวน 100 รางวัล มูลค่า 250,000 บาท

พิเศษสำหรับลูกค้า JAECOO 6 EV มีสิทธิ์ ซื้อชุดแต่งในราคาพิเศษ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ของมีจำนวนจำกัด

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้ามาชมและสัมผัสรถคันจริงได้ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป บูธโอโมดา แอนด์ เจคู (A01) ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี หรือทดลองขับขี่และจองรถ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศของ OMODA & JAECOO ทั้ง 22 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั่วประเทศไทย

ข้อกำหนดและเงื่อนไข

(1) ข้อเสนอพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าที่รับมอบรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567

(2) สถาบันการเงินที่ร่วมรายการ ได้แก่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด และ โดยการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินกำหนด

(3) เฉพาะบริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการกับทางบริษัทฯ เท่านั้น ได้แก่ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)

(4) ติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 15 เมตร (1 ครั้ง) จากตู้ควบคุมไฟฟ้าในบ้าน (ตู้เมน) (ไม่รวมแท่นชาร์จ หากต้องการติดตั้งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

(5) ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง สูงสุด 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน (ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) โดยลูกค้าต้องนำรถเข้ารับการบำรุงรักษาทุก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตลอดระยะเวลาที่กำหนดข้างต้น เพื่อรักษาสิทธิการบำรุงรักษาตามระยะทาง และเป็นไปตามเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพรถใหม่

*ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขข้างต้นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

**ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

หมายเหตุ :

โปรแกรมส่งเสริมการขายนี้สำหรับรถไฟฟ้า OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV เท่านั้น ทั้งนี้ไม่รวมรถฟลีทบางประเภท (กรุณาสอบถามรายละเอียดรุ่นรถฟลีทที่ร่วมรายการกับบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด)

LOTUS เปิดตัว LOTUS CHAPMAN BESPOKE พร้อมยนตรกรรมไฮไลต์ ในงาน MOTOR EXPO 2024

LOTUS CARS THAILAND เปิดตัว ‘LOTUS CHAPMAN BESPOKE’ เป็นประเทศที่ 2 ของโลก กับการปรากฏโฉม Eletre TYPE 79 และ Emeya Blossom (Limited Edition) ยนตรกรรม 2 รุ่นไฮไลต์เป็นครั้งแรก ในงาน MOTOR EXPO 2024

•การเปิดตัว Lotus Chapman Bespoke ในประเทศไทย เป็นประเทศที่ 2 ของโลก

•Lotus Chapman Bespoke ในรุ่น Tailor Made และ One-Off ที่พร้อมมอบบริการสุดพิเศษเหนือระดับ ให้ลูกค้าของ Lotus สามารถดีไซน์ทุกความต้องการในแบบที่ไม่ซ้ำใคร

•Lotus Chapman Bespoke ในรุ่น Collection ที่นำเสนอการออกแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่เกิดจากความร่วมมือกันของพันธมิตร ศิลปิน และแบรนด์สุดหรูระดับโลก

•พบกับการปรากฏโฉมของ Lotus Chapman Bespoke, Eletre และ Emeya ที่บูธ Lotus Cars

LOTUS CARS THAILAND (โลตัส คาร์ ไทยแลนด์) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษ ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย สร้างปรากฎการณ์ Talk of the Town ในวงการยานยนต์ประเทศไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ “Lotus Chapman Bespoke” อย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2024 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นับเป็นการเปิดตัวเป็นประเทศที่สองของโลกและถือเป็นประเทศแรกในเอเชียแปซิฟิกในการเปิดตัว “Lotus Chapman Bespoke” หลังเผยโฉมครั้งแรกในงาน Beijing Auto Show เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โดยการใช้ชื่อ Lotus Chapman Bespoke ถือเป็นการเชิดชูและให้เกียรติแก้ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Lotus คือ Colin และ Hazel Chapman ซึ่งเริ่มธุรกิจในปี 1948 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ในฐานะผู้พัฒนาและบุกเบิก การออกแบบ เทคโนโลยี และนวัตกรรมหลายอย่างที่เห็นในมอเตอร์สปอร์ตในปัจจุบัน

นายธีรพงศ์ รอดลอย ผู้จัดการส่วนภูมิภาค เวิร์นส์ ออโทโมทีฟ ประเทศไทย เผยถึงการเปิดตัว Lotus Chapman Bespoke สุดยอดยนตรกรรมไฟฟ้าหรูคู่ดีไซน์สุดพรีเมียมระดับโลกว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้เปิดตัว Lotus Chapman Bespoke ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ของโลกและเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก นับเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ Globalized Bespoke Strategy ที่ Lotus มุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความเป็นเอกลักษณ์ในระดับสากล ความพิเศษของ Chapman Bespoke ที่เราอยากนำเสนอว่า Lotus Cars ไม่ได้โดดเด่นแค่ในเรื่องของสมรรถนะและเทคโนโลยีล้ำสมัยเท่านั้น แต่ Lotus ยังส่งมอบคุณค่าให้ผู้ขับได้สัมผัสถึงความหรูหราและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ด้วย ซึ่งเราได้รังสรรค์ขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรถได้ตามความต้องการ แสดงถึงการยกระดับมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมที่สะท้อนถึงความสปอร์ต ผสานกับงานดีไซน์การแต่งรถที่ยูนีค ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับนวัตกรรมที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นอนาคตของวงการยานยนต์ ผมเชื่อมั่นว่า Lotus Chapman Bespoke จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพื่อให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างและสะท้อนสไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

อีกทั้ง นายธีรพงศ์ รอดลอย ยังกล่าวเสริมถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ในปี 2025 ต่อจากนี้ เพิ่มเติมว่า “ทาง Lotus Cars Thailand มุ่งหวังที่จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น โดยได้วางแผนรีโนเวตโชว์รูมและศูนย์บริการ Lotus Cars Thailand อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการปรับเปลี่ยนและขยายพื้นที่โชว์รูมใหม่บริเวณด้านหน้าอาคาร พร้อมพื้นที่รับรองสำหรับให้บริการลูกค้าอย่างเอ็กซ์คลูซีฟและมอบความเป็นส่วนตัวอย่างเหนือระดับ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน หลังได้ส่งมอบรถไปแล้วรวมกว่า 200 คัน ตั้งแต่ธันวาคมในปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัว Lotus Eletre ที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าการปรับโฉมโชว์รูมใหม่ในครั้งนี้จะพร้อมให้บริการลูกค้าได้ในช่วงกลางปีหน้า แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ทางโชว์รูมและศูนย์บริการยังคงสามารถรองรับลูกค้าให้เข้ามารับบริการได้ตามปกติ”

Lotus Chapman Bespoke : เปิดประสบการณ์สุดพิเศษที่ไร้ขีดจำกัด เพื่อสร้างสรรค์รถยนต์ในเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้วยบริการพิเศษสำหรับออกแบบปรับแต่งรถที่รองรับความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าที่แตกต่างในทุกมิติของรถยนต์สปอร์ต เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกตั้งแต่สีของรถ วัสดุตกแต่ง ไปจนถึงรายละเอียดพิเศษที่สะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ การตกแต่งเฉพาะบุคคลที่จะทำให้รถ Lotus Chapman ของลูกค้าแต่ละคันมีความพิเศษไม่เหมือนใคร โดยมีบริการออกแบบได้ถึง 3 ระดับได้แก่

1.Tailor-made : ให้ลูกค้าปรับแต่งดีไซน์รถตามความต้องการ โดยมีตัวเลือกปรับแต่งที่หลากหลาย เช่น การปรับแต่งสีภายนอก ที่มีให้เลือกมากถึง 36 เฉดเมทัลลิค, สีภายใน 13 แบบ, วัสดุตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็น คาร์บอนแท้ อลูมิเนียมแท้ รวมถึงการปักโลโก้เฉพาะตัว สร้างรายละเอียดที่หรูหราและพิถีพิถันของตนเอง

2.Collection : ลูกค้าของ Lotus สามารถเลือกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่เกิดจากความร่วมมือกันของพันธมิตร ศิลปิน และแบรนด์สุดหรูระดับโลก โดยทาง Lotus Chapman Bespoke ได้ออกแบบคอลเลคชันพิเศษที่ได้นำเสนอประวัติศาสตร์ความเป็นรถแข่งของแบรนด์อย่างรุ่น “Eletre TYPE 79 (Black Gold Edition)” มีแรงบันดาลใจมาจาก Type 79 รถแข่งฟอร์มูล่าวันในตำนานที่นำชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของ Lotus ในปี 1978  และ “Emeya Blossom (Limited Edition)” คอลเลคชันสุดหรูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสวนที่ East Carleton Manor ในแต่ละฤดูที่เปลี่ยนไป

3.One-off : การรังสรรค์รถที่มีเอกลักษณ์เหมือนกับตัวคุณเอง บริการปรับแต่งรถสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อการออกแบบขั้นสูงให้ลูกค้าสามารถเลือกปรับแต่งได้อย่างไร้ข้อจำกัด สามารถสร้างคอนเซปต์ของรถที่บ่งบอกตัวตนให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ ผ่านทีมออกแบบที่พร้อมคัสตอมไมซ์ทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างความโดดเด่นที่แตกต่างมอบให้คุณเพียงคันเดียวในโลก

ร่วมสัมผัสกับยนตกรรม 2 รุ่น เป็นครั้งแรกในงาน Motor Expo 2024: Eletre TYPE 79 และ Emeya Blossom

Lotus Chapman Bespoke นำเสนอยนตรกรรม 2 รุ่นไฮไลต์ที่ไม่เพียงแค่สวยงามโดดเด่น แต่ยังมีดีไซน์ที่สะท้อนจิตวิญญาณและตำนานของ Lotus อย่างแท้จริง:

Eletre TYPE 79 (Black Gold Edition): สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและพลังในสนามแข่ง

ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Lotus Type 79 รถแข่งฟอร์มูล่าวัน  ในตำนานที่นำชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ Lotus ในปี 1978 สำหรับรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันนี้สะท้อนความสง่างามและทรงพลัง ด้วยสีดำทองที่เป็นเอกลักษณ์ของยุครุ่งเรืองของวงการรถแข่ง Lotus Type 79 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีในวงการ F1 ด้วยการนำหลักอากาศพลศาสตร์ Ground Effects มาใช้อย่างเต็มที่ ช่วยเพิ่มแรงกดและความเร็วในการเข้าโค้งจนคว้าแชมป์โลกทั้งในประเภทนักขับและผู้สร้าง โดยช่างเพ้นท์สีฝีมือเยี่ยมของ Lotus ที่ออกแบบโลโก้ Type 79 ตั้งแต่ต้นได้สร้างลวดลายงานเพ้นท์มือที่ผสานอดีตและปัจจุบันไว้อย่างงดงาม

Emeya Blossom (Limited Edition): ความงดงามของธรรมชาติที่ถ่ายทอดผ่านรถหรูอันทรงพลัง

รุ่นลิมิเต็ดอิดิชันที่ผลิตเพียง 88 คันทั่วโลก โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใต้ธีม ”Summer of the Garden” ที่ผสานความหรูหราและความอ่อนหวานของสวนดอกไม้ในฤดูร้อนอย่างลงตัว ภายนอกโดดเด่นด้วยสีแดงดาห์เลียและสีชมพูอ่อนของดอกกุหลาบ ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด เบาะหนังสีสันโดดเด่น พร้อมฉลุลายดอกไม้สไตล์อังกฤษที่สะท้อนถึงความประณีต หนึ่งในจุดเด่นของ Emeya Blossom คือการใช้หินธรรมชาติตกแต่งภายใน สีตัวถังของ Emeya Blossom ใช้กระบวนการเคลือบ 14 ชั้นและขัดเงาเพื่อไล่เฉดสีที่ละเอียดอ่อนทุกขั้นตอนถูกควบคุมอย่างพิถีพิถัน เปรียบได้กับการเปลี่ยนแปลงของสีดอกไม้ในธรรมชาติ

พร้อมสัมผัสสุดยอดรถหรูสมรรถนะสูง 2 รุ่นเรือธง อย่าง

“LOTUS ELETRE” รถไฟฟ้าระดับ Hyper-SUV คันแรกของค่าย ด้วยจุดแข็งที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันและสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ที่มอบพละกำลังสูงสุด 905 แรงม้า รองรับระยะทางได้สูงสุด 600 กิโลเมตร (WLTP)

“LOTUS EMEYA” รถไฟฟ้าสปอร์ตพรีเมียม Hyper-GT ที่ถือว่าเป็นรถไฟฟ้า Dual-Motor ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่น และมีรุ่นย่อยให้เลือกได้ตามความต้องการ ในราคาเริ่มต้นที่ 5,690,000 บาท

Lotus Emiran: ข้อเสนอสุดท้ายของ ‘First Edition’ พร้อมมอบแก่ลูกค้าภายในงาน

นอกจากนี้ โลตัสคาร์ยังมีรถสปอร์ตให้ท่านได้เป็นเจ้าของความเอ็กซ์คลูซีฟพร้อมส่งมอบ เพียง 4 คันสุดท้ายในประเทศไทย สำหรับ “LOTUS EMIRA First Edition” ด้วยเครื่องยนต์ V6 Supercharged 3.5 และเครื่องยนต์ 2.0 Turbocharged Inline 4 สำหรับ Emira First Edition 4คัน สุดท้ายในเมืองไทย ราคาเริ่มต้นที่ 10,990,000 บาท

ทั้งนี้โลตัสคาร์ขอประกาศราคารถสปอร์ต LOTUS EMIRA MY25  พร้อมเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์สปอร์ตที่สะท้อนดีเอ็นเอของแบรนด์ได้อย่างดี นำโดยรุ่น

“Emira Turbo SE” ถือเป็นอีกรุ่นเรือธงแห่งรถสปอร์ตที่มุ่งเน้นการแสดงสมรรถนะสปอร์ตเร้าใจและการควบคุมรถที่เหนือระดับ ในราคาเริ่มต้นที่ 12,900,000 บาท

“Emira Turbo” เข้ามามีบทบาทการขับขี่ที่สนุกยิ่งขึ้นและมุ่งเน้นให้ตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ในราคาเริ่มต้นที่ 11,900,000 บาท

พบกับข้อเสนอพิเศษครั้งแรกในจำนวนจำกัด สำหรับผู้จอง Lotus Pre-Configuration และส่งมอบภายในปี 2024

•เมื่อจอง Lotus Eletre (Hyper-SUV) Pre-Configuration รับทันที Free Option มูลค่า 400,000 บาท

•ลูกค้าที่จอง Lotus Emeya (Hyper-GT) Pre-Configuration: รับทันที Free Option มูลค่า 250,000 บาท

และพบกับสิทธิพิเศษเฉพาะผู้จองรถในงาน Motor Expo 2024 เท่านั้น!

•รับสิทธิพิเศษพักฟรีที่ TE MATA Glamping Khaoyai มูลค่า 17,000 บาท ให้คุณได้สัมผัสการพักผ่อนระดับห้าดาวท่ามกลางธรรมชาติแบบหรูหราในบรรยากาศส่วนตัวที่ห้องพักรูปแบบ Te Mata Lakeside จำนวน 1 คืน (4 ท่าน) สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2568

โอกาสพิเศษนี้มีเพียงครั้งเดียว! เตรียมมาสัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันทรงพลังครั้งยิ่งใหญ่กับ LOTUS CARS พร้อมดีลรถ Pre-Configuration สุดเอ็กซ์คลูซีฟจำนวนจำกัด ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” หรือ “Motor Expo 2024” ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ บูธ B02 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

อาวดี้ เปิดตัวแคมเปญ Motor Expo ออกรถอาวดี้ ดอกเบี้ย 0%

อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ Motor Expo ข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแจก 1 ล้านไมล์การบินไทย ส่งท้ายปีด้วยแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ในงาน Motor Expo สำหรับผู้ที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจากอาวดี้ รับข้อเสนอสุดคุ้ม ไมล์การบินไทย 1 ล้านไมล์ จากรอยัล ออร์คิด พลัส พร้อมข้อเสนอทางการเงิน อาทิ ดอกเบี้ย 0% นาน 7 ปี และส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท

1 ล้านไมล์การบินไทย พาคุณบินไกลได้ทุกจุดหมาย

ไมล์สะสม 1 ล้านไมล์ จากแคมเปญ Audi Motor Expo สามารถพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางสุดหรูทั่วโลก   ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว พักผ่อน หรือทำธุรกิจ เลือกบินชั้น First Class หรือ Business Class ได้อย่างจุใจ

ตัวอย่างจุดหมายปลายทางและจำนวนครั้งที่เดินทางได้

•โซนยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน เบลเยี่ยม

oชั้น First Class : เดินทางไป-กลับ ได้ถึง 4 รอบ

oชั้น Business Class : เดินทางไป-กลับ ได้ถึง 5 รอบ

•โซนตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน ปากีสถาน

oชั้น First Class : เดินทางไป-กลับ ได้ถึง 9 รอบ

oชั้น Business Class : เดินทางไป-กลับ ได้ถึง 11 รอบ

•โซนเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน

oชั้น First Class : เดินทางไป-กลับ ได้ถึง 7 รอบ

oชั้น Business Class : เดินทางไป-กลับ ได้ถึง 10 รอบ

ไมล์การบินไทย (รอยัล ออร์คิด พลัส) เป็นโปรแกรมสะสมไมล์ของการบินไทยที่ให้สมาชิกสามารถสะสมไมล์จากการเดินทางกับการบินไทยและสายการบินพันธมิตรในเครือ Star Alliance อย่าพลาดโอกาสสุดพิเศษนี้! พบกับข้อเสนอที่ดีที่สุดจากอาวดี้ได้ในงาน Motor Expo 2024 และโชว์รูมทั่วประเทศ แล้วคุณจะได้สัมผัสความเหนือระดับของยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต พร้อมสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าเกินใคร

นอกจากโปรโมชั่นแจก 1 ล้านไมล์การบินไทยที่เป็นไฮไลท์ของอาวดี้ ในงาน Motor Expo ปีนี้แล้ว ยังมีรถรุ่นยอดฮิตอย่าง A5 Coupé ที่ผ่อนเริ่มต้นเพียง 23,500 บาท/เดือน ดอกเบี้ย 0% นาน 7 ปี และอาวดี้ยังขนขบวนรถทุกรุ่นทุกเซกเมนต์จอดแสดงที่งาน Motor Expo พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ ทั้งกลุ่มรถไฟฟ้า รถเครื่องยนต์สันดาป    รถ Plug-in Hybrid รวมไปถึงรถสมรรถนะสูงตระกูล RS

รับ 1 ล้านไมล์การบินไทย พร้อมส่วนลด 1 ล้านบาท หรือ รับ 1 ล้านไมล์การบินไทย พร้อมดอกเบี้ย 0% นาน 7 ปี

•RS e-tron GT quattro

รับ 1 ล้านไมล์การบินไทย หรือ รับดอกเบี้ย 0% นาน 7 ปี

•Q8 e-tron 55 quattro Black Edition

•Q8 Sportback e-tron 50 quattro S line

•Q8 Sportback e-tron 55 quattro S line Black Edition

•e-tron GT quattro Performance

•A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S line

ดอกเบี้ย 0% นาน 7 ปี

•A5 Coupé 40 TFSI S line edition one ผ่อนเดือนละ 23,500 บาท

•A5 Sportback 40 TFSI S line edition one ผ่อนเดือนละ 23,500 บาท

•Q3 40 TFSI quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 25,500 บาท

•Q3 Sportback 40 TFSI quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 27,700 บาท

•TT Coupé Final Icon Black ผ่อนเดือนละ 32,500 บาท

•A6 40 TFSI S line ผ่อนเดือนละ 31,700 บาท

•S3 Sportback quattro ผ่อนเดือนละ 32,600 บาท

•A6 Avant 45 TFSI quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 38,800 บาท

•Q5 55 TFSI e quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 35,500 บาท

•Q5 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 37,500 บาท

•Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 52,700 บาท

ดอกเบี้ย 0% นาน 4 ปี

•A4 Avant 45 TFSI quattro S line Icon Black ผ่อนเดือนละ 51,500 บาท

•A5 Coupé 45 TFSI quattro S line edition one ผ่อนเดือนละ 53,950 บาท

•A5 Sportback 45 TFSI quattro S line edition one ผ่อนเดือนละ 53,950 บาท

•A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line ผ่อนเดือนละ 69,990 บาท

•A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ผ่อนเดือนละ 74,500 บาท

รถ High Performance ตระกูล RS รูดผ่อนดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน

•TT RS coupe quattro

•TT RS Heritage Edition

•RS Q3 Sportback Edition 10 Years

•RS Q3 Sportback quattro

•RS 3 Sportback quattro

•RS 4 Avant quattro competition

•RS 5 Coupe quattro competition

•RS 6 Avant quattro Performance

•RS 7 Sportback quattro Performance

สามารถรับข้อเสนอพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม-10 ธันวาคม 2567* (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิยกเลิกโปรโมชั่นในกรณีที่สินค้าหมด) หรือเข้าชมรถคันจริงและทดลองขับได้ที่บูธ Audi ในงาน Motor Expo ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี สามารถสอบถามราย ละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทดลองขับได้ที่โชว์รูมอาวดี้ทั่วประเทศ หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook / Instagram: Audi Thailand / www.audi.co.th

Audi เป็นรถยนต์นำเข้าประกอบนอกทั้งคัน คุณภาพมาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถอาวดี้ทุกรุ่นได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถไฟฟ้า e-tron และรถ Plug-in Hybrid TFSI e Audi ใหม่ทุุกรุ่น รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

oฟรี บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

oฟรี บริการยก/ลากรถไปยังศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Audi Thailand ภายในระยะทาง 50 กิโลเมตร หรือไปยังสถานที่อื่นที่ลูกค้าต้องการภายในระยะทาง 35 กิโลเมตร (ส่วนต่างคิดค่าบริการ กิโลเมตรละ 25 บาท ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าบริการส่วนต่าง)

oฟรี บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิดรถเสียฉุกเฉิน

oฟรี บริการรับกุญแจสำรอง กรณีล็อครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จะประสานงานเพื่อนำกุญแจสำรองมาให้ ณ จุดเกิดเหตุภายในระยะทาง 20 กิโลเมตร (กรณีที่เกินกว่า 20 กิโลเมตร คิดค่าบริการ กิโลเมตรละ 25 บาท กรณีที่ต้องการใช้ช่างกุญแจที่มีความชำนาญเพื่อหาวิธีการเข้าไปในรถนั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อน ค่าใช้จ่ายสำหรับช่างกุญแจจะรวมอยู่ในค่าบริการ)

oกรณีเกิดเหตุน้ำมันหมดฉุกเฉินไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เจ้าหน้าที่จะจัดส่งน้ำมันไม่เกิน 10 ลิตร/ครั้ง/ปี เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนไปยังสถานีน้ำมันที่ใกล้ที่สุดได้ (หากเกิดเหตุมากกว่า 1 ครั้ง/ปีครั้งต่อไปฟรีค่าประสานงาน ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าน้ำมัน)

Audi Centre Thailand 02-765-8888

Audi New Petchburi 02-023-4888

Audi Pattaya 038-197-888

Audi Phuket 076-646-666

Audi Service Ratchapruek 02-034-5888

Audi Korat 044-017-888

Audi Chiangmai 081-792-3696

Audi Hat Yai 098-140-1440

AION Thailand เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ AION V 602 Luxury ในงาน Motor Expo 2024

GAC AION ผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในงาน Thailand International Motor Expo เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด AION V 602 Luxury อย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2024 พร้อมสิทธิประโยชน์เหนือระดับ ชูจุดเด่นเรื่องระยะทางวิ่งสูงสุด 602 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง, เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C รับกำลังไฟได้สูงสุด 180 kW และฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ล่าสุด คุณต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร

มร.จัสติน เฉา (Justin Cao) ผู้จัดการแบรนด์อาวุโส บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในงาน Motor Expo เมื่อปีก่อน เราได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus Premium ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทย และในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เราได้นำเสนอมิติใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้ากับ HYPTEC HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าระดับลักชูรี่ ที่มาพร้อมกับประตูแบบปีกนก Gull-Wing door รุ่นแรกของประเทศไทย และในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้ เราได้เปิดตัว AION V 602 Luxury รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และการใช้งานของลูกค้าชาวไทย โดยรถรุ่นนี้มียอดขายสูงถึงประมาณ 10,000 คันต่อเดือนในประเทศจีน และเรามีความยินดีที่จะเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ AION V นั่นก็คือ คุณต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร ซึ่งถือเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า AION

•AION V 602 Luxury ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 1,029,900 บาท

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับ AION V เฉพาะในงาน Motor Expo 2024 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2567 รับสิทธิพิเศษ ส่วนลดเพิ่ม 30,000 บาท ราคาเหลือเพียง 999,900 บาท

สิทธิประโยชน์ Exclusive Privilege AION V*

1.Exclusive Warranty Package

-รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า 8 ปี หรือระยะทาง 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-รับประกันคุณภาพตัวรถ 8 ปี หรือระยะทาง 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

2.Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

3.Exclusive Deal for Home Charger

-ฟรี Home Charger พร้อมบริการติดตั้ง (ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ออกรถ)

-รับประกัน 1 ปี สำหรับ Home Charger และงานติดตั้ง

-ฟรี งานติดตั้งระยะสายไฟยาว 20 เมตร (ส่วนเกินมีค่าใช้จ่าย เงื่อนไขการรับประกันตามที่บริษัทกำหนด)

4.IN-CAR Internet Service – ฟรี!! แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ นาน 2 ปี จำนวน 4 GB/เดือน

5.LIFETIME OTA FIRMWARE UPDATE – ฟรี!! อัปเดตซอฟต์แวร์ ตลอดชีพ

6.24 Hours Roadside Service – บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

AION V ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Global Model รุ่นแรกของ GAC AION ที่มุ่งเน้นการทำตลาดในระดับโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเผยโฉมรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการในงาน Paris Motor Show และได้รับเสียงตอบรับของผู้ที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างดี โดย AION V นำเสนอความสะดวกสบาย ความอัจฉริยะ และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ผ่าน 5 จุดเด่นได้แก่ V Design, V Comfort, V Energy, V Confidence และ V Intelligent

V Design

AION V ถูกออกแบบโดยยึดหลักแนวคิด Cyber Design ผสมผสานรูปทรงที่ล้ำสมัยเข้ากับรูปทรงเรขาคณิตที่หลากหลาย เพื่อสร้างความสวยงามที่เฉียบคมและพลิ้วไหว โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องจักรกลล้ำสมัย ด้านข้างมาพร้อมเส้นสายที่ดูแข็งแกร่งและทรงพลัง พร้อมด้วยล้ออัลลอยแบบ 8 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว

AION V มาพร้อมสีตัวถังภายนอกทั้งหมด 7 สี และสีภายในห้องโดยสาร 2 สี ดังนี้

สีภายนอก (Exterior)

-สีขาว Alpine White

-สีดำ Onyx Black

-สีน้ำตาล Sahara Sand

-สีเงิน Aurora Silver

-สีเทา Iceland Grey

-สีส้ม Volcano Orange

-สีส้ม หลังคาขาว Volcano Orange + White Roof

สีภายใน (Interior)

-สีดำ Midnight Black

-สีน้ำตาล Olympus Brown

V Comfort

AION V นำเสนอมิติใหม่ของการขับขี่และการโดยสารที่เหนือกว่า พร้อมมอบความหรูหราระดับเรือธง ด้วยฟีเจอร์และออปชันอำนวยความสะดวกมากมาย

-เบาะนวดแบบสปา : เลียนแบบการนวดเสมือนจริง พร้อมการนวด 8 จุด, ปรับระดับความแรงได้ 3 ระดับ และมีโหมดให้เลือก 5 แบบ ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการขับขี่และอาการปวดเอว

-วัสดุนุ่มสัมผัสบริเวณที่สัมผัสบ่อย 100% :  ภายในห้องโดยสารดูหรูหราตั้งแต่แรกเห็น และพื้นที่สัมผัสบ่อยหุ้มด้วยวัสดุนุ่ม 100% เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่

-ตู้เย็นอเนกประสงค์อัจฉริยะ : ปรับการทำงานได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดอุ่นร้อน โหมดแช่เย็น และโหมดแช่แข็ง ครอบคลุมช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -15 ถึง 50 องศาเซลเซียส ให้คุณเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและความอร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา

-ห้องโดยสารแบบลอยตัว : หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 8.88 นิ้ว และ หน้าจอ Infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว มอบประสบการณ์ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้

-ช่องลมแอร์ด้านหลัง บริเวณเสา B-Pillar : ให้ความเย็นโดยไม่มีลมกระแทก ป้องกันลมเย็นเป่าตรงไปที่หัวเข่าของผู้โดยสารด้านหลัง

-โต๊ะพับอเนกประสงค์ : โต๊ะพับอเนกประสงค์หลังเบาะผู้ขับขี่ เพื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม

-หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.14 ตารางเมตร : ให้การป้องกันแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า

-มุมเปิดประตูขนาดใหญ่ : ประตูหลังสามารถเปิดได้กว้างเกือบ 90 องศา เพิ่มความสะดวกในการขึ้นลง

-ระบบเสียงพรีเมียมเสมือนอยู่ในสถานที่จริง : ลำโพงพรีเมียมจากเบลเยียม พร้อมซับวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว ให้เสียงที่เต็มอิ่ม

-พื้นที่เงียบสงบ : กระจกกันเสียง 2 ชั้นด้านหน้า และวัสดุซับเสียงคุณภาพสูง ลดเสียงรบกวนจากภายนอก สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบขณะเดินทาง

-เบาะนั่งตอนหลังหรูหราแบบปรับเอนได้ : เบาะนอนขนาดใหญ่คล้ายโซฟา ปรับเอนได้ถึง 137 องศา พร้อมการปรับพนักพิงได้สูงสุด 20 องศา รองรับทุกสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

-การควบคุมเสียงเลื่อนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าไปข้างหน้า : เมื่อเปิดใช้งาน เบาะผู้โดยสารด้านหน้าจะเลื่อนไปตำแหน่งด้านหน้าสุด เพื่อเพิ่มพื้นที่ด้านหลังให้กว้างขึ้น

-พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ : ขนาดความจุ 427 ลิตร และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 987 ลิตร

-ประตูท้ายอัจฉริยะไฟฟ้า : ประตูท้ายแบบไฟฟ้า ปรับระดับได้ตามความสูงของผู้ใช้งาน เปิดและปิดได้อย่างสะดวกสบาย

-โหมดปรับเป็นเตียงขนาดใหญ่ในทันที : รองรับการควบคุมด้วยหน้าจอและคำสั่งเสียง เปลี่ยนเป็นเตียงขนาดใหญ่ในพริบตา

-ที่นั่งข้างคนขับเสมือนโต๊ะเครื่องแป้งเคลื่อนที่ : ด้วยกระจกแต่งหน้าบานใหญ่ ไฟแต่งหน้าวงแหวน พร้อมคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารที่สามารถวางของได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟ ลิปสติก อายแชโดว์ หรือวางสัมภาระอื่นๆ ได้อย่างที่ใจต้องการ

V Energy

ไปได้ไกลกว่า ชาร์จเร็วเหนือใคร ปลอดภัยกว่าที่เคย ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะใน AION V

-วิ่งได้ไกลถึง 602 กม. (มาตรฐาน NEDC) : สามารถเดินทางไป – กลับ ระหว่างกรุงเทพฯ และนครราชสีมา โดยไม่ต้องแวะชาร์จ

-เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C : รองรับกระแสไฟสูงสุด 180 kW สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้วิ่งได้ถึง 300 กม. ในเวลาเทียบเท่ากับการดื่มกาแฟ 1 แก้ว (15 นาที)

-ประหยัดพลังงาน : การใช้พลังงานตามมาตรฐาน NEDC ต่ำเพียง 14.1 kWh/100 กม. ช่วยประหยัดพลังงานและเดินทางได้ไกลมากยิ่งขึ้น

-ฟีเจอร์ปล่อยกระแสไฟฟ้าสู่อุปกรณ์ภายนอก V2L : กำลังไฟสูงสุด 3.3 kW รองรับการใช้งานกลางแจ้งทุกสถานการณ์ เช่น การตั้งแคมป์และการดูหนัง

-แบตเตอรี่และระบบส่งกำลังน้ำหนักเบา : ใช้วัสดุน้ำหนักเบา สามารถลดน้ำหนักแบตเตอรี่ลง 7% และลดน้ำหนักระบบส่งกำลังลง 33% ส่งผลให้การใช้พลังงานและสมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น

-เทคโนโลยีซิลิคอนคาร์ไบด์ : ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และเพิ่มระยะทางขับขี่ได้อีก 30 กม.

V Confidence

-โครงสร้างตัวถัง ความแข็งแรงสูง : ใช้วัสดุเหล็กคุณภาพสูง วัสดุขึ้นรูปด้วยความร้อน และอลูมิเนียมอัลลอยด์ ในตัวรถทั้งคันสูงถึง 72%

-แพลตฟอร์มรถไฟฟ้าอัจฉริยะ AEP 3.0 : เพิ่มพื้นที่ภายในรถได้ถึง 20% โดยที่ยังคงระยะฐานล้อเท่าเดิม เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน

-เทคโนโลยี Magazine Battery 2.0 : มีความปลอดภัยสูง ผ่านการทดสอบการยิงด้วยกระสุนปืน โดยไม่เกิดไฟลุกไหม้แต่อย่างใด มาพร้อมระบบจัดการความร้อนและระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ

-ถุงลมนิรภัยตรงกลาง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า : ลดการบาดเจ็บจากการชนซ้ำสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า

-ม่านถุงลมนิรภัยยาวพิเศษ 2.3 เมตร : สามารถพองตัวได้ในเวลา 0.03 วินาที และรักษาแรงดันได้นาน 6 วินาที เพื่อให้การปกป้องรอบด้านอย่างต่อเนื่องเมื่อรถเกิดการพลิกคว่ำ

-ที่จอดรถที่สะดวกสบาย : เพิ่มความมั่นคงของรถขณะเบรก ลดการหน้าทิ่มและโยนตัว เพื่อให้ผู้โดยสารมีความสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง

V Intelligent

-ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ : รองรับการควบคุมด้วยเสียงในภาษาอังกฤษและภาษาไทย ครอบคลุมทุกสถานการณ์ พร้อมระบบโต้ตอบ 4 ทิศทาง ใช้งานได้ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้คุณไม่ต้องใช้มือในการควบคุม

-รองรับ CarPlay และ Spotify : แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงชั้นนำระดับโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในหลายภูมิภาคทั่วโลก (Spotify จะพร้อมใช้งานผ่าน OTA ในเดือนธันวาคม)

-ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง Snapdragon 8155P : ให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ยอดเยี่ยม สั่งการค่าต่างๆ ของตัวรถได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด

-ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 : มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นบนทางหลวงหรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่น

-ระบบนำทางอัจฉริยะ : รองรับการค้นหาสถานีชาร์จ และการแสดงผลแผนที่แบบ 3 มิติ พร้อมประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยด้วยข้อมูลภาพจาก Here

-ความปลอดภัยเชิงรุก : ระบบความปลอดภัยเชิงรุกที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ มอบการปกป้องรอบด้านด้วยการตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอกรถแบบเรียลไทม์และครบถ้วน รวมถึงยานพาหนะและคนเดินถนน

เรเว่ เปิดตัว DENZA D9 อย่างเป็นทางการ ที่งาน Motor Expo 2024

เรเว่ เปิดตัวแบรนด์ DENZA รุกตลาดลักชัวรี NEV เต็มรูปแบบ เปิดตัวโมเดลแรกอย่างเป็นทางการ DENZA D9 ที่มาพร้อมนิยามใหม่ของความหรูหราผสานนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

กรุงเทพฯ – 1 พฤศจิกายน 2567 – บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวแบรนด์ DENZA (เดนซ่า) ยนตรกรรมพลังงานใหม่ในกลุ่มธุรกิจ BYD ที่นำเสนอนิยามใหม่ของความหรูหราให้กับทุกการเดินทาง เจาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมขุมพลังของนวัตกรรมที่ตอกย้ำจุดยืนด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างเสริมโลกที่ยั่งยืนให้กับทุกคน พร้อมทั้งเปิดตัว DENZA D9 โมเดลแรกอย่างเป็นทางการสำหรับตลาดประเทศไทย โดยประกาศราคาขายแนะนำ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท และ DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท โดยเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง เพิ่มอีกด้วย

แบรนด์ DENZA ถือกำเนิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle : NEV) โดยพัฒนาและขับเคลื่อนโดยบีวายดีอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ซึ่งได้ปรับโครงสร้างภายในทำให้แบรนด์อยู่ภายใต้บีวายดี 100% โดยยังคงเน้นความโดดเด่นในการหลอมรวมเทคโนโลยีและความหรูหราเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากหลายประเภทที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นรถครอสโอเวอร์ (Crossover) อย่าง DENZA N7, รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) อย่าง DENZA N8, รถแฮทช์แบ็กทรงสปอร์ตระดับพรีเมียมอย่าง DENZA Z9 GT และรถตู้อเนกประสงค์ (MPV) DENZA D9 ที่เน้นสมรรถนะ ความหรูหรา และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้งยังการันตีด้วยความเป็นที่หนึ่งในตลาดรถตู้อเนกประสงค์ของจีนในปี พ.ศ. 2566 โดยมียอดจองและยอดขายมากกว่า 250,000 คัน

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทยในช่วงสองถึงสามปีให้หลังสะท้อนถึงศักยภาพที่รอการปลดปล่อยของตลาดพรีเมียมซึ่งยังคงมีพื้นที่ให้ขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบน เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความสำเร็จกับพันธมิตรระยะยาวอย่างเรเว่ ออโตโมทีฟ กับการเปิดตัวแบรนด์ DENZA อย่างเป็นทางการเพื่อยกระดับประสบการณ์ขับขี่ให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงความหรูหราในทุกมิติ เราเชื่อว่าแบรนด์ DENZA จะเข้ามาสร้างสีสันและเพิ่มตัวเลือกผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในตลาดให้กับผู้บริโภค กระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และผลักดันตลาดยานยนต์ลักชัวรี่พลังงานใหม่ในประเทศไทยให้เติบไตต่อไป”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความยั่งยืน จึงยังเห็นการเติบโตและโอกาสของกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ซึ่งรวมถึงรถไฟฟ้าพรีเมียม เรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพพร้อมตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม วันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะพาชาวไทยไปสัมผัสอีกระดับของความหรูหรากับ DENZA แบรนด์ยนตรกรรมพลังงานใหม่ระดับลักชัวรี่ ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย สมรรถนะที่ไม่เป็นรอง เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำทัพโดย DENZA D9 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ที่สะท้อนความโมเดิร์นและความหรูหรา เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เราเชื่อว่า DENZA D9 จะไม่เพียงมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และความมั่นใจให้กับทุกการเดินทาง แต่จะพลิกโฉมวงการยานยนต์ลักชัวรี่อเนกประสงค์ในไทยพร้อมกับสร้างความคึกคักให้กับทั้งอุตสาหกรรมส่งท้ายปีอย่างแน่นอน”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “การเปิดตัวแบรนด์ DENZA นอกจากจะเป็นการนำแบรนด์ยนตรกรรมพลังงานใหม่มาสู่ตลาด ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเรเว่ในการสร้างระบบนิเวศ EV ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ EV ในรูปแบบต่างๆ ทั้งยังเป็นการสานต่อความตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Green Economy ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านรถยนต์พลังงานใหม่ ควบคู่ไปกับการก้าวสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำของเรเว่ที่พร้อมจะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว ที่สำคัญ เราจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความไว้วางใจและยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขาย โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการเฉพาะของแบรนด์ DENZA ที่จะพร้อมให้บริการระดับพรีเมียมกับลูกค้าทุกท่านให้เข้ามาสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับลักชัวรี่ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป และจะทยอยเปิดเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการใช้รถแบรนด์ DENZA ในอนาคตต่อไป”

เอกสิทธิ์ด้านบริการสำหรับลูกค้า DENZA โดยเฉพาะ

โชว์รูมและศูนย์บริการแบรนด์ DENZA นำเสนอบริการระดับพรีเมียมโดยบุคลากรทั้งหมดจาก DENZA ไม่ว่าจะเป็นพนักงานฝ่ายขายและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อมอบประสบการณ์และความประทับใจให้กับลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก โดยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านสำคัญในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ในประเทศไทย พร้อมมอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงให้กับลูกค้าหลากหลายพื้นที่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ประกอบด้วย

•กรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สาธุประดิษฐ์ เพชรบุรีตัดใหม่ และศรีนครินทร์

•ต่างจังหวัด 7 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต

DENZA D9 ดีไซน์หรูสะกดทุกสายตาและสมรรถนะที่ไม่เป็นรอง

ลักชัวรี่ MPV ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อรังสรรค์ที่สุดแห่งประสบการณ์การเดินทางอันหรูหราและเป็นเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด DENZA π – Motion ดีไซน์ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion พร้อมด้วยไฟหน้ารูปแบบ Meteor Arrow และไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา มาพร้อมกับสมรรถนะอันเป็นเลิศจากมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 275 kW และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ได้ภายใน 6.9 วินาที เพลิดเพลินกับการเดินทางที่ราบรื่นกว่าที่เคยด้วยระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างแบบไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะจากบีวายดี รองรับการปรับแต่งความกระด้างและความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ลดปัญหาการยุบตัวของตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง

ที่สุดแห่งความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

พื้นที่ภายในของ DENZA D9 ให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วย Panoramic Glass Roof ขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า เนรมิตความกว้างขวางสะดวกสบายพร้อมรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง เพิ่มระดับความหรูหราด้วยเบาะหุ้มหนังแท้ Nappa เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง รวมทั้งยังสามารถปรับหมอนรองศรีษะให้เข้ากับสรีระศรีษะได้อีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ ยกระดับความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับและผู้โดยสารแถวที่สอง ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Welcome Seat และปุ่ม reset ตั้งค่าเบาะ ทำให้สะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถ ครบครันด้วยระบบมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิง อาทิ หน้าจอมัลติมีเดียสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 15.6 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก Dynaudio Hi-Fi Class ลำโพง 14 ตำแหน่ง ที่พักแขนเบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง พร้อมหน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชัน ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายทั้งหมด 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ห้องโดยสารตอนหน้า 1 ตำแหน่ง และห้องโดยสารแถวที่สองอีก 2 ตำแหน่ง ทั้งยังมีระบบตู้เย็นภายในรถยนต์ที่สามารถปรับแต่งองศาตั้งแต่ -6 จนถึง 50 และสัญญาณอินเตอร์เน็ต 4G ในตัว ให้ทุกคนใช้ชีวิตยุคออนไลน์ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ พร้อมทั้งเติมเต็มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องโดยสารด้วยกระจกกันเสียง 2 ชั้นรอบคัน

อุ่นใจได้ทุกเส้นทางกับนวัตกรรมล้ำสมัย

DENZA D9 ยังมาพร้อมความโดดเด่นของเทคโนโลยีอีกมากมายเพื่อการขับขี่อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 ตำแหน่ง, ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว รวมถึงเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครันสำหรับทุกเส้นทาง อาทิ

•ระบบช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)

•ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)

•ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)

•ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)

•ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

•ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)

•ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)

•ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTA)

•ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTB)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)

•ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)

•ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA)

•ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)

•ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)

•ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)

•ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)

•ระบบช่วยป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS)

•ระบบช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH)

•ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)

•ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)

•ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)

•ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI) ทั้งนี้สามารถสั่งจอง DENZA D9 ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ DENZA ทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

เรเว่ เปิดตัว BYD SEALION 7 และ BYD SHARK 6 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

เรเว่ ยกทัพ NEV บุคคลและพาณิชย์จากบีวายดี และรถหรูจากเดนซ่า ตอบโจทย์ตลาดทุกกลุ่มพร้อมเปิดตัว BYD SEALION 7 และเผยโฉม BYD SHARK 6 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

กรุงเทพฯ – 28 พฤศจิกายน 2567 – กลุ่มธุรกิจเรเว่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ จัดทัพรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและยานยนต์เชิงพาณิชย์สุดล้ำจากบีวายดี และยนตรกรรมระดับลักชัวรีจากเดนซ่า ร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 เดินหน้าเขย่าวงการส่งท้ายปีกับไฮไลต์สุดพิเศษมากมาย โดยในครั้งนี้ได้นำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่พร้อมราคาขายปลีกแนะนำดังนี้

•BYD SEALION 7 รถยนต์ C-SUV Sport พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น Premium ราคาขายปลีกแนะนำ 1,249,900 บาท และรุ่น AWD Performance ราคาขายปลีกแนะนำ 1,399,900 บาท และพิเศษสุดกับ Early Bird 2024 Motor Expo Campaign! สามารถเป็นเจ้าของ BYD SEALION 7 รุ่น Premium ได้ในราคา 1,149,900 บาท และรุ่น AWD Performance ในราคา 1,249,900 บาท

•BYD ATTO 3 ผลิตในประเทศ รุ่น Dynamic ราคาขายปลีกแนะนำ 759,900 บาท และรุ่น Extended ราคาขายปลีกแนะนำ 899,900 บาท

•BYD DOLPHIN รุ่น Standard Range ราคาขายปลีกแนะนำ 569,900 และรุ่น Extended Range ราคาขายปลีกแนะนำ 709,900 บาท

•BYD SEAL รุ่น Dynamic ราคาขายปลีกแนะนำ 999,900 บาท, รุ่น Premium ราคาขายปลีกแนะนำ 1,099,900 บาท และรุ่น AWD Performance ราคาขายปลีกแนะนำ 1,199, 900 บาท

•BYD SEALION 6 DM-i รุ่น Dynamic ราคาขายปลีกแนะนำ 969,900 บาท และรุ่น Premium ราคาขายปลีกแนะนำ 1,069,900 บาท

•BYD M6 7 ที่นั่ง รุ่น Dynamic ราคาขายปลีกแนะนำ 799,900 บาท และรุ่น Extended ราคาขายปลีกแนะนำ 899,900 บาท

พร้อมทั้งเผยโฉม BYD SHARK 6 กระบะขุมพลัง Plug-in Hybrid อย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย ร่วมด้วยการจัดแสดงยานยนต์สมรรถนะเหนือชั้นรวมทั้งสิ้น 27 คัน ใน 3 บูธ ให้ชาวไทยได้สัมผัสความล้ำสมัยของนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน พร้อมทั้งจัดเต็มข้อเสนอและของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงานระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 เท่านั้น

สำหรับบูธ “บีวายดี” จัดแสดงรถยนต์พลังงานใหม่ 7 รุ่น ประกอบด้วย BYD ATTO 3, BYD DOLPHIN, BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 6, BYD SEALION 7 และ BYD SHARK 6 ขณะที่บูธ “เดนซ่า” นำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับลักชัวรี 3 รุ่น คือ DENZA D9, DENZA N7 และ DENZA Z9 GT ส่วนบูธ “เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์” นำยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ภายใต้แบรนด์บีวายดีมาอวดโฉม 4 รุ่น ได้แก่ BYD Q3B, BYD eMIXER, BYD T3 และ BYD eBUS

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บีวายดีมีความยินดีที่ได้ผนึกพลังอีกครั้งกับพันธมิตรระยะยาวอย่างเรเว่ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมากับการรังสรรค์พื้นที่จัดแสดงถึง 3 บูธ เพื่อนำเสนอยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่จากทั้งบีวายดี เดนซ่า และคอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ยลโฉมและพิจารณาเลือกซื้ออย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งฉายภาพระบบนิเวศยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ของเราที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและยานพาหนะเชิงพาณิชย์ให้เป็นที่ประจักษ์อีกด้วย”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ปี 2567 เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญสำหรับกลุ่มธุรกิจเรเว่ที่ได้สานต่อวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ‘NEW ENERGY FOR ALL’ ที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ NEV Nation ผ่านการนำเสนอยานยนต์พลังงานใหม่หลากหลายรุ่นให้แก่ผู้บริโภค โดยมีบีวายดีเป็นแบรนด์เรือธงที่ยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องสวนทางตลาด การันตีด้วยอัตราการเติบโต 7% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แบรนด์เดนซ่าซึ่งเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนก็ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยการกวาดยอดจองโมเดลแรกคือ DENZA D9 ถึง 823 คันหลังเปิดตัวเพียง 3 วัน สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคและตอกย้ำความเป็นผู้นำของเรเว่ในตลาดประเทศไทย เราเชื่อว่าการเปิดตัวและประกาศราคา BYD SEALION 7 รวมถึงการเผยโฉม BYD SHARK 6 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 นี้ จะสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมและมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพในทั้ง 3 บูธของเราจะมอบความประทับใจให้กับผู้มาเยี่ยมชมทุกท่าน โดยนอกเหนือจากการนำเสนอยานยนต์คุณภาพภายใต้แบรนด์บีวายดีและเดนซ่า ให้กับผู้บริโภคชาวไทยตามแผนการขยายธุรกิจอย่างรอบด้านที่ได้เคยประกาศไว้ เรเว่จะยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการทั้งด้านการขายและหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเติมเต็มความพร้อมให้กับระบบนิเวศและช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยรู้สึกมั่นใจที่จะพิจารณาเลือกใช้ยานยนต์พลังงานใหม่มากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่อนาคตที่สะอาดและยั่งยืนสำหรับทุกคน”

สัมผัสยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เพื่อโลกยั่งยืนที่บูธ “บีวายดี”

บูธ “บีวายดี” ภายใต้แนวคิด “Futuristic Green Mobility” โลกแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จัดเต็มไฮไลต์สุดพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 กับการเปิดตัว BYD SEALION 7 และการเผยโฉม BYD SHARK 6 อย่างเป็นทางการ

BYD SEALION 7 ที่สุดของประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตรักษ์โลก

BYD SEALION 7 สร้างนิยามใหม่ให้กับรถยนต์กลุ่ม C-SUV ด้วยการผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยรูปทรงแบบ Fastback และฐานล้อต่ำให้ภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยว มอบประสบการณ์เหนือชั้นด้วยระบบส่งกำลังอัจฉริยะ 8 in 1 พร้อมเทคโนโลยีการประกอบแบตเตอรี่แบบ Cell-to-Body และระบบห้องโดยสารอัจฉริยะ BYD Intelligent Cockpit

oดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมหาสมุทร

รูปโฉมภายนอกของ BYD SEALION 7 ได้รับแรงบันดาลใจจากความพลิ้วไหวของสายน้ำและมวลอากาศ โดยด้านหน้ารถโดดเด่นด้วยดีไซน์ “Ocean X” กับรูปทรงตัว “X” ที่สะท้อนถึงความล้ำสมัยและทรงพลัง ไฟหน้าดีไซน์ “Double U” อันเป็นเอกลักษณ์ เสา A-pillar ที่ลาดเอียงเชื่อมต่อกับหลังคาแบบ Fastback อย่างไร้รอยต่อ พร้อมสปอยเลอร์หลังที่ผสานเข้ากับตัวรถอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสปอร์ตแบบรถ SUV Coupe ฝากระโปรงท้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูเสริมความดุดัน ไฟท้ายทรงหยดน้ำแบบไดนามิกวางตัวในแนวนอนช่วยเพิ่มมิติความกว้างให้กับตัวรถ พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม และการตกแต่งด้วยโครเมียม เสริมความหรูหราด้วยรายละเอียดไฟ Dot-Matrix ภายในไฟหน้าและไฟท้ายให้ความสะดุดตาเมื่อส่องสว่างบนท้องถนน

oหรูหรา สะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว

ภายในห้องโดยสารของ BYD SEALION 7 ตกแต่งด้วยวัสดุสัมผัสนุ่มระดับพรีเมียมกว่า 80% ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ Nappa ระบบกันเสียงรบกวนที่เหนือชั้นด้วยกระจกอะคูสติกสองชั้น พร้อมฟิล์ม PVB Resin ในกระจกบังลมหน้า พรมปูพื้นอะคูสติกแบบไร้รอยต่อ วัสดุฉนวนกันเสียงรอบคัน ซุ้มล้อบุวัสดุกันเสียง และฉนวนกันเสียงรอบมอเตอร์ ทั้งยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย อาทิ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางและที่พักขาปรับไฟฟ้า 2 ทิศทาง พร้อมปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง และ Welcome Seat เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมระบบไล่ฝ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระดับ CN95 พร้อมระบบ IONIZER หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD 3 มิติ ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้ว ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ระบบเครื่องเสียง DYNAUDIO ลำโพง 12 ตำแหน่ง หลังคา Panoramic Glass Roof ช่วยลดความร้อนและกรองแสง UV กระจกบังลมหน้าและกระจกหน้าต่างด้านหน้าแบบเก็บเสียง กระจกส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ไฟ Ambient Light ภายในห้องโดยสาร 128 สี ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและผ่อนคลายภายในห้องโดยสาร

oทรงพลัง แต่ยังคงความนุ่มนวล

BYD SEALION 7 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมดุลทั้งความแม่นยำและความนุ่มนวลขณะขับขี่ มาพร้อมขุมพลัง Blade Battery ความจุ 82.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 690 นิวตัน-เมตร และระยะทางวิ่งสูงสุด 542กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double Wishbone และด้านหลังแบบ Multi-link ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ที่ปรับระดับความหนืดของโช้คอัพอัตโนมัติตามสภาพถนน

BYD SHARK 6 รถปิคอัพสมรรถนสูง พร้อมอวดโฉมแล้ววันนี้

BYD SHARK 6 ยกระดับรถกระบะแบบ Double Cab 5 ที่นั่งให้พร้อมรับมือทุกความท้าทาย ด้วยการผสานความสะดวกสบายเข้ากับความอเนกประสงค์ที่เหนือชั้น ตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การบรรทุกสัมภาระ การลากจูง และการผจญภัยแบบออฟโรด

oโครงสร้างแข็งแกร่ง ปลอดภัย ไม่เป็นรอง

โครงสร้างตัวถังของ BYD SHARK 6 ผลิตจากเหล็กความแข็งแก่รงสูงมากถึง 78% มอบความแข็งแกร่งและความทนทานที่เหนือกว่าพร้อมลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้มีเสถียรภาพการทรงตัวและการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ขนาดยาง 265/65 R18 ระบบช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลัง แบบปีกนกคู่ท และดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความอากาศ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นคง

oห้องโดยสารที่ทั้งอัจฉริยะและสะดวกสบาย

ห้องโดยสารของ BYD SHARK 6 มาพร้อม หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้ว และระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลัง 4 ทิศทาง กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบกันเสียงและกระจกส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย จัดเต็มกับระบบเสียง DYNAUDIO ซึ่งเป็นระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ลำโพง 12 ตำแหน่ง ให้ประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบ

oขุมพลังเหนือชั้น รองรับการใช้งานได้หลากหลาย

BYD SHARK 6 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DM-O ที่ล้ำสมัย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดอันทรงพลัง เครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับระบบ EHS และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 in 1 ที่ติดตั้งด้านหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 321 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาเพียง 5.7 วินาที และใช้ BYD Blade Battery ความปลอดภัยสูง ความจุแบตเตอรี 29.58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด 100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบกระจายแรงบิดแบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ถึงการส่งกำลังที่เหมาะสมและการควบคุมที่แม่นยำในทุกสภาพถนน สามารถลากจูงได้สูงสุด 2,500 กิโลกรัม และรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 790 กิโลกรัม ทั้งยังตอบโจทย์สายออฟโรดด้วยศักยภาพการปีนไต่ทางลาดชันได้สูงสุด 60% มุมปะทะ 31 องศา และลุยน้ำได้ลึกสูงสุด 700 มิลลิเมตร

ยลโฉมยนตรกรรมแห่งความหรูหราเหนือระดับที่บูธ “เดนซ่า”

บูธ “เดนซ่า” เสนอแนวคิด “Luxury Oasis” ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสุนทรียะแห่งความสง่างาม โดยจัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับลักชัวรี่ที่ถึง 3 รุ่น ได้่แก่

DENZA N7

รถครอสโอเวอร์ (Crossover) พลังงานไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบ Fastback Coupe พัฒนาบน e-Platform 3.0 พร้อมเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ ทั้งระบบแบตเตอรี่แบบ CTB (cell-to-body) และระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ iTAC (Intelligence Torque Adaptation Control System) มาพร้อมดีไซน์หรูหรา กระจังหน้าแบบปิด ไฟหน้าดีไซน์แยกส่วน พร้อมไฟ DRL รูปแบบ Diamond Arrow และเซ็นเซอร์ LiDAR บริเวณกันชนหน้า ด้านข้างโดดเด่นด้วยมือจับประตูแบบซ่อนและเส้นโครเมียมรอบกรอบกระจก ยิ่งไปกว่านั้น N7 ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ Dual-gun ที่สามารถชาร์จพร้อมกันสองพอร์ตด้วยเครื่องชาร์จเดียวด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 230 kW เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยแบตเตอรี่มีความจุ 91.392 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางการวิ่งที่ไกลสูงสุดถึง 702 ตามมาตรฐาน CLTC

DENZA Z9 GT

รถแฮทช์แบ็กทรงสปอร์ตระดับพรีเมียมและเป็นเรือธงรุ่นล่าสุดจากแบรนด์เดนซ่า โดดเด่นด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว ดุดัน เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ มีให้เลือกทั้งแบบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% บนแพลตฟอร์ม Intelligent e3 platform มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ขับเคลื่อนล้อหลังอิสระซ้ายและขวาที่สามารถปรับทิศทางของล้อหลังที่ช่วยให้การบังคับรถได้อิสระมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ  พร้อม Blade Battery 800V แบบปลั๊กอินไฮบริดที่ผสานพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมระยะทางวิ่งรวมสูงสุด 1,100 กม. ตามมาตรฐาน CLTC เสริมด้วยระบบช่วงล่างแพลตฟอร์ม DiSus-A ช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าอัจฉริยระที่สามารถปรับระดับความนุ่มนวลและความสปอร์ตของช่วงล่างได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบความสบายภายในห้องโดยสารและระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะอีกมากมาย อาทิ เช่น ระบบปรับเบาะให้รองรับสรีระเมื่อเข้าโค้ง ระบบตู้เย็นที่สามารถทำความเย็นจนถึง 0 องศา ภายใน 4.5 นาที AR-HUD หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียเฉพาะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ฯลฯ

DENZA D9

รถตู้อเนกประสงค์ (MPV) ที่มาพร้อมดีไซน์ซึ่งสะท้อนความโมเดิร์นและความหรูหรา เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ มอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และความมั่นใจให้กับทุกการเดินทาง มาพร้อมกับสมรรถนะอันเป็นเลิศจากมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยเรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ได้เปิดตัว DENZA D9 อย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศราคาจำหน่ายแนะนำสำหรับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท และ DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท ซึ่งเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น

ชมนวัตกรรมยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และร่วมกิจกรรมพิเศษที่บูธ “เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์”

ครั้งแรกของเรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ที่มาร่วมจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ โดยนำเสนอยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ 4 รุ่น ประกอบด้วย

BYD Q3B

รถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมเทอร์มินอลไฟฟ้าแทรคเตอร์สูงสุด 75,000 กก. GCW MAXให้ระยะทางสูงสุด 200 กม. ต่อหนึ่งรอบการชาร์จ แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร และช่วงล่างกันสะเทือน

BYD eMIXER

รถผสมคอนกรีตไฟฟ้าที่มาพร้อมกับห้องโดยสารซึ่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าและไฮดรอลิก กระจกไฟฟ้าและเบาะคนขับสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฮดรอลิก โช้คอัพ แผงหลังคาสามารถปรับได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ ระบบกันสะเทือนและเหล็กกันโคลง ครบที่สุด สำหรับ BYD eMixer

•BYD T3

รถตู้ไฟฟ้าสำหรับงานเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ ตอบโจทย์การขนส่งในเมืองด้วยดีไซน์ที่กะทัดรัด คล่องตัว รองรับน้ำหนักของสินค้าได้กว่า 799 กิโลกรัมบนพื้นที่ความจุ 3,800 ลิตร เสริมด้วยแผ่นรองพื้นอลูมิเนียมอัลลอย ที่มีลักษณะพื้นผิวกันลื่น เพื่อความทนทานและความปลอดภัย ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน มาพร้อม Blade Battery ความจุ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด 280 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC

•BYD eBUS

รถบัสไฟฟ้า 100% สำหรับการขนส่งสาธารณะ ภายในกว้างขวางรองรับผู้โดยสารได้ถึง 42 คน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 70 กม./ชม. และสามารถขึ้นทางลาดชันได้ถึง 25% มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟตขนาด 348 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางมากกว่า 250 กม. ที่ความเร็วคงที่ 40 กม./ชม. และรองรับการชาร์จเร็วแบบ DC 100 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จเพียง 3-3.5 ชั่วโมง

กลุ่มธุรกิจเรเว่ ขอเชิญชวนผู้บริโภคร่วมชมและสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 โดยผู้ที่จองรถบีวายดี เดนซ่า และยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ทุกรุ่น พบกับบีวายดีและเดนซ่าได้ที่บูธ A06 และเรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ ที่บูธ R03 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

เลกซัส กรุ๊ป เผยโฉม Lexus LBX Bespoke ครั้งแรกในเมืองไทย ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41

เลกซัส กรุ๊ป พบกับ Lexus LBX Bespoke ครั้งแรกในเมืองไทย พร้อมยนตรกรรมหรูจาก Lexus Electrified หลากหลายรุ่น และบริการเหนือระดับแบบ “Omotenashi” ที่งาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัส กรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวเปิดบูธเลกซัส ภายใต้แนวคิด “Stylish Luxury” ที่สะท้อนความหรูหราผ่านมุมมองใหม่ผ่านการนำเสนอ ยนตรกรรมครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด The New Lexus LBX Bespoke: Customize Your Style ที่ให้คุณออกแบบและปรับแต่งรถตามสไตล์คุณอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ทุกท่านสามารถสัมผัสกับยนตรกรรมระดับหรูจาก Lexus Electrified หลากหลายรุ่น พร้อมรับข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปี รวมถึงการบริการเหนือระดับแบบ “Omotenashi” ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดตามแบบฉบับเลกซัส ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายศุภกร รัตนวราหะ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า “ในครั้งนี้ บูธเลกซัสนำเสนอภายใต้แนวคิด “Stylish Luxury” ที่ผสานความหรูหรากับความทันสมัย เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น โดยเรายังคงจัดแสดงรถภายใต้คอนเซปท์ “Lexus Electrified” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้า ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์หลากหลายรูปแบบ ตอกย้ำ Brand Direction ที่ส่งเสริมแนวทาง “Multi-Pathway”

รวมถึงกล่าวเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานนี้ว่า “ขอแนะนำ The New Lexus LBX Bespoke : Customize Your Style ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ Lexus ที่ให้ทุกท่านสามารถปรับแต่งและออกแบบรถตามสไตล์ของตัวเอง ที่มาพร้อมกับเครื่องเสียง Mark Levinson / ระบบ Lexus Teammate Advanced Park และ Panoramic View Monitor ผสานการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และคุณภาพงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม ตอบโจทย์แนวคิด “Making Luxury Personal” ที่ทำให้ความหรูหราสะท้อนตัวตนของแต่ละบุคคล โดย LBX Bespoke มีตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย โดยสามารถเลือก สีภายนอกและภายใน/วัสดุตกแต่ง/สีเข็มขัดนิรภัย/ลายปักภายใน/สีหนังหุ้มพวงมาลัยและหัวเกียร์ รวมถึง ล้ออัลลอย เพื่อให้รถสะท้อนสไตล์ของคุณอย่างแท้จริง

ทุกท่านสามารถออกแบบ LBX Bespoke และจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Lexus.co.th ได้ด้วยตัวเอง หรือสามารถมาลองออกแบบได้ที่ Bespoke Corner ซึ่งมี Lexus Brand Ambassador คอยให้ข้อมูล และช่วยแนะนำการปรับแต่ง LBX Bespoke ให้ตรงกับสไตล์ของคุณ นอกจากนี้ภายในบูธของเราทุกท่านจะยังได้พบกับ Lexus RX รุ่นปรับปรุงใหม่ ครอสโอเวอร์สุดหรูจากเลกซัส ที่ได้มีการอัพเกรดฟีเจอร์และสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

และพิเศษสุดภายในงาน ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของ Lexus ได้ง่ายยิ่งขึ้นกับแคมเปญพิเศษที่ดีที่สุดในรอบปี ด้วยดอกเบี้ย 0% ประกันภัยชั้นหนึ่ง และ LXP ที่ขยายการรับประกันเป็น 5 ปี พร้อม Lifestyle Voucher สำหรับการจองรถรุ่นที่ร่วมรายการ

นอกจากนี้เลกซัสยังมีบริการ “KINTO” ให้บริการลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้รถยนต์ โดยครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย เพื่อให้คุณมีประสบการณ์ที่ไร้กังวล ให้ท่านตัดสินใจเป็นเจ้าของรถได้ง่ายกว่าที่เคย พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Peace of Mind สร้างความมั่นใจด้วยบริการหลังขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วย Lexus Service Corner และ Home Visit Mobility Service”

พบกับยนตรกรรมใหม่ล่าสุดจาก Lexus Electrified ภายในงาน 

The New Lexus LBX Bespoke… “Customize Your Style”

ครั้งแรกของ Lexus กับการ Customize ได้เต็มรูปแบบใน The New LBX Bespoke ที่ให้คุณออกแบบได้เต็มรูปแบบทั้ง สีภายนอกและภายใน/วัสดุตกแต่ง/สีเข็มขัดนิรภัย/ลายปักภายใน/สีหนังหุ้มพวงมาลัยและหัวเกียร์และล้ออัลลอย เพื่อให้รถสะท้อนสไตล์ของคุณอย่างแท้จริง โดยทุกท่านสามารถออกแบบ Lexus LBX Bespoke และจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Lexus.co.th หรือแวะมาที่บูธ Lexus ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป เพื่อออกแบบ Lexus LBX ด้วยตัวคุณเองที่ Bespoke Corner โดยมี Lexus Brand Ambassador คอยให้ข้อมูลและช่วยแนะนำการปรับแต่ง LBX Bespoke ให้ตรงกับสไตล์ของคุณ

Lexus LBX Bespoke ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มาพร้อมคุณภาพเหนือระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Premium Casual” เรียบหรูและโดดเด่น ด้วยดีไซน์รอบด้านที่มีความประณีต สะท้อนความเป็นตัวตนของ LBX ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะดีไซน์ด้านหน้าใหม่แบบ Resolute Look ภายในห้องโดยสารของ LBX ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Tazuna Concept” ให้ผู้โดยสารสามารถผ่อนคลาย เพลิดเพลิน รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวร่วมไปกับรถ สามารถขับขี่ได้อย่างเป็นตัวเอง และได้รับความสะดวกสบายสูงสุดตามหลักสรีรศาสตร์

Lexus LBX Bespoke มาพร้อมเครื่องเสียง Mark Levinson / ระบบ Lexus Teammate Advanced Park Panoramic View Monitor และเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0 ประกอบไปด้วยระบบความปลอดภัยหลากหลาย อาทิ ระบบป้องกันก่อนการชน Pre-Collision System ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control ระบบช่วยเปลี่ยนเลน Lane Change Assist ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัจฉริยะ Adaptive High Beam System ระบบติดตามช่องทางการวิ่ง พร้อมเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Tracing Assist ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam นอกจากนี้ยังมี ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Lexus Teammate Advanced Park ระบบความปลอดภัยขณะเปิดประตู Safe Exit Assist (SEA) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Monitor ควบคุมระบบกลอนประตูอัจฉริยะ e-Latch ฯลฯ มาเสริมประสบการณ์ขับขี่และความปลอดภัยไปอีกขั้น

Lexus LBX Bespoke ยังคงเอกลักษณ์ความสุนทรีย์ในการขับขี่แบบเฉพาะตัวของเลกซัส หรือ “Lexus Driving Signature” ไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยี สถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-B (Global Architecture-B Platform) ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มสมรรถนะความปลอดภัยระดับสูง รองรับแรงเฉื่อยและลดจุดศูนย์ถ่วง ให้รถมีความเสถียรยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบ HEV ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังรวมทั้งระบบ 134 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.32 กม./ลิตร

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

เกรด   Luxury                    2,229,000 บาท

เกรด   Premium                2,390,000 บาท

เกรด   Bespoke                2,690,000 บาท*

* สำหรับเบาะที่นั่งวัสดุ L-Aniline เพิ่ม 100,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ Lexus LBX Luxury และ Premium ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป รับดอกเบี้ย 0% และ Lexus Exclusive Package (LXP Standard) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Lexus RX รุ่นปรับปรุงใหม่… “Charge Through the Limits of Imagination”

Lexus RX ยนตรกรรมครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียม ตอบสนองการใช้งานทุกรูปแบบด้วยทางเลือกระบบส่งกำลังที่หลากหลายนำเสนอเอกลักษณ์ใหม่ของเลกซัส ด้วยสมรรถนะและการออกแบบที่ประณีตและพิถีพิถัน พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้น ตกแต่งหรูหราด้วยวัสดุชั้นดี Semi-Aniline Leather เพิ่มมุมมองใหม่ในห้องโดยสาร ด้วยหลังคากระจกพาโนรามา Panorama Glass Roof ภายในออกแบบภายใต้ปรัชญา “Human Centric” ที่มุ่งเน้นคนขับเป็นจุดศูนย์กลาง ตามหลักการดีไซน์แบบ “Tazuna Concept” สร้างบรรยากาศที่โอบล้อมผู้ขับขี่ให้สามารถควบคุมทุกอย่างโดยแทบไม่ต้องละสายตา และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกับตัวรถ

Lexus RX มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำพร้อมกับระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi-Link และ Adaptive Variable Suspension ส่งผลให้ RX ทรงตัวและเกาะถนนดีเยี่ยม พวงมาลัย และคันเร่งตอบสนองได้ดั่งใจ ตอกย้ำเอกลักษณ์การขับขี่ “Lexus Driving Signature” ได้เป็นอย่างดี และยังพร้อมไปด้วยด้วยเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยที่เหนือระดับ

Lexus RX 350h มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบไฮบริด HEV สร้างสมดุลใหม่ระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล และประหยัดพลังงานยอดเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 2.5 ลิตร ทรงประสิทธิภาพ

Lexus RX 450h+ มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าปลั๊กอิน PHEV ประสิทธิภาพสูงขนาด 2.5 ลิตร ที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมระบบขับเคลื่อนสีล้อไฟฟ้า E-Four ที่ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ประเมินสภาวะการขับขี่ ควบคุมการจ่ายกำลัง และการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและหลังให้เหมาะสม

Lexus RX 500h F SPORT PERFORMANCE คือความเร้าใจอีกขั้นของ F SPORT มาพร้อมกับ เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.4L-T HEV เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 366 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 6.2 วินาที และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ DIRECT4 ให้สัมผัสที่ชัดเจนและการตอบสนองฉับไว โดดเด่นด้วยชุดแต่ง F SPORT รอบคันทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

Lexus RX 350h

-เกรด Luxury                              4,520,000 บาท

-เกรด Premium                           4,870,000 บาท

Lexus RX 450h+

-เกรด Luxury AWD                     4,720,000 บาท

-เกรด Premium AWD                 5,170,000 บาท

Lexus RX 500h

-เกรด F SPORT Direct4             5,580,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ The New Lexus RX ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป

รับดอกเบี้ย 0% และ Lexus Exclusive Package (LXP Standard) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

พบกับยนตรกรรมระดับหรูของเลกซัสหลากหลายรุ่นภายในงาน 

Lexus RZ 450e…“Electrify Your Way”

ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% เกรดพรีเมียมจาก Lexus Electrified ออกแบบโดยการผสมผสานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยแนวคิดในการออกแบบ “Seamless E-Motion” สะท้อนความพริ้วไหวในแบบของรถยนต์ไฟฟ้า กระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ตัวถังแบบ Spindle Body คอนโซลด้านหน้าออกแบบภายใต้แนวคิด Tazuna Cockpit ที่เน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ใช้ได้งานอย่างเป็นธรรมชาติ

ในด้านการขับขี่ Lexus RZ มาพร้อมเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังแบบ e-TNGA ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ  DIRECT4 AWD กระจายแรงขับให้ล้อหน้าและหลังได้ในทุกสภาพการขับขี่ โดยทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน BEV ที่มาพร้อมกับเพลาไฟฟ้า eAxles มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เพลิดเพลินเป็นธรรมชาติในทุกขณะ เสริมเอกลักษณ์ในการขับขี่ของ “Lexus Driving Signature” ให้ก้าวไปอีกขั้น นอกจากนี้ ฐานล้อที่ยาวยังเอื้อเฟื้อให้พื้นที่โดยสารด้านหลังมีความกว้างขวาง ให้ความรู้สึกโอ่โถง ด้วยหลังคากระจกพาโนรามาพร้อมฟังก์ชันปรับลดแสงอัตโนมัติ Dimmable Panorama Glass Roof ตกแต่งหรูหราด้วยเบาะหนัง Ultrasuede ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Lexus RZ ยังเสริมความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก Lexus Safety System+ เช่น ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับสะดวกยิ่งขึ้น และระบบป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งสวนมา Safe Exit Assist ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรงถึง 80% ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ให้กำลังรวมทั้งระบบ 308 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ภายใน 5.3 วินาทีเท่านั้น

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-เกรด Luxury                    3,870,000 บาท

-เกรด Premium                4,190,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ Lexus RZ ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป

รับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1

Lexus Exclusive Package (LXP Standard) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับ Wallbox Charger พร้อมติดตั้ง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Lexus LM… “Own A World Apart”

Lexus LM ยนตรกรรมระดับหรูยอดนิยมในกลุ่มมินิแวน ที่มาพร้อมกับความคล่องแคล่ว หรูหรา และสง่างาม พร้อมที่จะมอบสุดยอดประสบการณ์ “Omotenashi” สร้างสภาพแวดล้อมอันผ่อนคลาย ราวกับว่าอยู่ภายในห้องสวีทของโรงแรมสุดหรู หรือห้องทำงานเคลื่อนที่ ให้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ และพื้นที่สำหรับแรงบันดาลใจเชิงบวก ทั้งด้านความคิดและการกระทำ ให้ความหรูหราเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล สะท้อนวิสัยทัศน์ “Making Luxury Personal” ของเลกซัส

Lexus LM มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย อาทิ จอส่วนตัว Personalized Screen แยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ 2-Zone Audio System แยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับและด้านหลัง สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่รบกวนซึ่งกันและกัน หลังคา Moon roof หน้าจอแสดงผล ระบบปรับอากาศแบบแยกโซนสามารถควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วย Overhead Control และแท็บเล็ตสั่งการด้านหลัง Removable Touchscreen Rear Controller

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-Lexus LM 350h Executive 7-Seater            ราคา          6,290,000 บาท

-LM 350h Executive 4-Seater                       ราคา          7,590,000 บาท

-Lexus LM 500h Executive 6-Seater            ราคา          6,990,000 บาท

-Lexus LM 500h Executive 4-Seater            ราคา          8,290,000 บาท

Lexus ES… “Refine Your Journey”

Lexus ES (Executive Sedan) ยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลาง โดดเด่นเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่ และความเงียบภายในห้องโดยสาร ที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของเลกซัส ประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ควบคู่กับความกว้างขวางของที่นั่งด้านหลังแตกต่างจากรถยนต์หรูทั่วไป มาพร้อมกับไฟหน้าดีไซน์ใหม่รับกับกระจังหน้า Spindle Grille เส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว ไฟหน้าแบบ 3-eye LED Headlamps มาพร้อมกับเทคโนโลยี Blade Scan Adaptive High-beam System ที่จะทำหน้าที่ปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ ช่วยกระจายแสงไฟด้านหน้ารถได้อย่างแม่นยำ และละเอียดมากยิ่งขึ้น หน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ตอกย้ำสมรรถนะอันทรงพลังด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด มั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ ด้วยระบบ Lexus Safety System+ เจเนอเรชันที่ 2 และระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด Parking Support Brake : PKSB เพิ่มความปลอดภัยขณะถอยจอด โดยระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติทันทีหากระบบประเมินว่าอาจเกิดการชน

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-เกรด Luxury                    3,625,000 บาท

-เกรด Grand Luxury        3,795,000 บาท

-เกรด Premium                 4,210,000 บาท

-เกรด F SPORT                4,380,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ Lexus ES ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป

รับดอกเบี้ย 0% และ Lexus Exclusive Package (LXP Standard) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Lexus IS 300h… “Elegantly Crafted”

Lexus IS 300h รถสปอร์ตซีดานหรูเหนือระดับยอดนิยมจากลูกค้าทั่วโลก โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว สปอร์ต และสมรรถนะที่ทรงพลัง เกาะถนนดีเยี่ยม ตอบสนองการควบคุมได้ดั่งใจ อัตราเร่งออกตัวที่ดี ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของสมรรถนะการขับขี่ในรูปแบบเดิม ภายใต้การพัฒนาด้วยการใช้ถนนออกแบบรถ และทดสอบในสนามแข่ง Shimoyama ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากสนามแข่งสุดโหดระดับโลก Nurburgring ประเทศเยอรมนี เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง พร้อมโครงสร้างตัวถังรถยนต์ที่ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม โดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ ให้กับผู้ขับขี่ได้ ดีไซน์ภายนอกออกแบบด้วยเส้นสายที่เฉียบคม โฉบเฉี่ยว ดุดัน กว้างขวาง และยาวขึ้น พร้อมล้อขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยการเกาะถนนดีเยี่ยม บ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ตซีดานได้เป็นอย่างดี

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-เกรด Luxury                    2,690,000 บาท

-เกรด Premium                3,370,000 บาท

-เกรด F SPORT                3,890,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ Lexus IS ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป

รับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP Standard)

ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Lexus UX 300h… “The Urban Disruptor”

 Lexus UX 300h มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-C ที่เชื่อมต่อตัวถังด้วยระบบเลเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส และใช้อลูมิเนียมเข้ามาเป็นองค์ประกอบของตัวรถ ส่งผลให้ตัวถังมีน้ำหนักเบา และแข็งแกร่ง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ การทรงตัวดีเยี่ยม ควบคุมรถได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดมากยิ่งขึ้น ถึง 196 แรงม้า ผสานกับแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ให้อัตราเร่งได้ดั่งใจ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8.1 วินาที

การออกแบบภายนอกปราดเปรียวแข็งแกร่ง ด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ทอดตัวจากกระจังหน้าแบบ Spindle Grille อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส และบังโคลนขึ้นรูปสามมิติ สื่อถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง พร้อมสีภายนอกใหม่ Sonic Copper ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง การออกแบบภายในแฝงด้วยปรัชญา “YET” ของเลกซัส สร้างความแตกต่างด้วยเส้นสายที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมแห่งอนาคต ผสมผสานความสร้างสรรค์และหลักการทางสรีรศาสตร์ ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเป็นหลัก ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เพลิดพลิน สะดวกสบาย ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานล้ำสมัย

นอกจากนี้ UX 300h ยังประหยัดเชื้อเพลิงดีเยี่ยม โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.81 กม./ลิตร  พร้อมให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ในการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

-เกรด Luxury                              2,670,000 บาท

-เกรด Grand Luxury                   2,780,000 บาท

-เกรด F SPORT                          3,300,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ Lexus UX ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป

รับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP Standard) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Lexus NX… “Reimagine”

Lexus NX ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวและทันสมัย ด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายรูปทรงตัว L สอดรับกับโลโก้แบบใหม่ของเลกซัส ภายในออกแบบมาให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ 9.8 นิ้ว ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) ทำให้ตัวรถมีขนาดที่ใหญ่ และกว้างขึ้น ส่งผลให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ NX มีเสถียรภาพในการขับขี่ดีขึ้นในทุกมิติ ตอกย้ำปรัชญา “Lexus Driving Signature” ได้เป็นอย่างดี มั่นใจตลอดการเดินทางมาพร้อมกับ Lexus Hybrid Drive ที่ได้พละกำลังจากเครื่องยนต์ 4 สููบแถวเรียงความจุุ 2.5 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประสิทธิภาพสููง ทำให้สมรรถนะการขับขี่ที่เต็มพลัง สนุุกเร้าใจ แต่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus NX มาพร้อมกับ Lexus Safety System+ ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ E-LATCH โดยระบบจะช่วยให้ประตูรถทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ระบบการเปิด-ปิดประตูแบบ Safe Exit Assist เพิ่มความปลอดภัยขณะลงจากรถ ช่วยให้คุณไม่ต้องออกแรงดึงหรือผลักเพื่อเปิดประตู ทำให้ Lexus NX เป็น SUV ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

NX 350h

-เกรด Luxury                              3,310,000 บาท

-เกรด Grand Luxury                   3,460,000 บาท

NX 450h+

-เกรด Grand Luxury AWD         3,660,000 บาท

-เกรด Premium AWD                 3,940,000 บาท

-เกรด Overtrail AWD                  4,180,000 บาท

-เกรด F SPORT AWD                 4,390,000 บาท

พิเศษ เลือกเป็นเจ้าของ Lexus NX ภายในงานมอเตอร์เอกซ์โป

รับดอกเบี้ย 0% และ Lexus Exclusive Package (LXP Standard) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

สัมผัสประสบการณ์บริการใช้รถรูปแบบใหม่

กับบริการ LEXUS KINTO ONE

บริการใช้รถรูปแบบใหม่ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ สำหรับลูกค้าบุคคล และนิติบุคคล ซึ่งมีทั้งแบบสัญญา 3-5 ปี ที่ทำให้การใช้รถเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย คุ้มค่า ไร้กังวล มอบความสะดวกสบายด้วยค่าบริการครอบคลุมค่าใช้จ่าย ทั้งในการบำรุงรักษา ประกันภัยชั้น 1 มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง บริการรวดเร็วทันสมัยผ่านออนไลน์ หมดกังวลเรื่องราคาขายต่อเพียงคืนรถเมื่อครบสัญญา

รุ่นที่มีบริการ LEXUS KINTO ONE

-LBX                                           ค่าบริการเริ่มต้น      39,660 บาท

-RZ 450e                                    ค่าบริการเริ่มต้น      62,900 บาท

-ES 300h                                    ค่าบริการเริ่มต้น      60,890 บาท

-IS 300h                                     ค่าบริการเริ่มต้น      43,000 บาท

-UX 300h                                    ค่าบริการเริ่มต้น      47,150 บาท

สนใจสอบถามได้ที่ เจ้าหน้าที่ภายในบูธเลกซัส ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41 หรือ www.kinto-th.com และ Kinto Call Center 02-386-3888

เพิ่มความมั่นใจสูงสุดกับ “Lexus Exclusive Package Standard”

โปรแกรมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ Lexus

เพิ่มความมั่นใจสูงสุดกับโปรแกรมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ Lexus เป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง บริการเลขาส่วนตัว ฟรีค่าแรงและอะไหล่ในการบำรุงรักษาตลอด 5 ปี โดยได้ออกแบบประเภทโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ และช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว

STANDARD : ครอบคลุมค่าแรงตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

PLUS : ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (ยกเว้นอะไหล่เสื่อมสภาพ)

PREMIUM : ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมอะไหล่เสื่อมสภาพ

เอกสิทธ์เฉพาะเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เหนือกว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เลกซัสทุกรุ่นจากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

•รับสิทธิ์เป็นสมาชิกแอปพลิเคชัน Lexus Elite Club เพื่ออำนวยความสะดวกตลอดการใช้รถเลกซัส เช่น การแจ้งเตือน และนัดหมายนำรถเข้าศูนย์บริการ ทั้งร่วมรับสิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย

•สะดวก ครอบคลุมทุกพื้นที่ กับ Lexus Service Corner ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่ง ใน 8 จังหวัด สำหรับพื้นที่นอกเหนือจากการบริการของ Lexus Service Corner เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เรามีบริการ Lexus Home Visit Mobility Unit ที่จะส่งช่างที่มีความรู้ และความชำนาญไปดูแลลูกค้าถึงที่ครอบคลุมครบทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

พลาดไม่ได้กับข้อเสนอสุดพิเศษ

ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41

29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 นี้ ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานีและผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

นิสสัน เปิดตัว “เซเรน่า ใหม่” ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024

นิสสัน เปิดตัว “นิสสัน เซเรน่า ใหม่” ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 กับคอนเซ็ปต์ “Big. Easy. Fun.” สร้างความประทับใจทุกเส้นทาง

นิสสัน เปิดตัว “นิสสัน เซเรน่า ใหม่” รถยนต์อเนกประสงค์ MPV พรีเมียม 7 ที่นั่ง ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024)  ในคอนเซ็ปต์ “Big. Easy. Fun” ที่พร้อมมอบ “ความสนุกที่ใช่ ความสบายที่ชอบ” ให้แก่ครอบครัวนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์ประทับใจในทุกการเดินทาง ด้วยดีไซน์สะดุดตา ห้องโดยสารกว้างขวาง และเทคโนโลยีสุดล้ำ สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 1,469,000 บาท

นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ S-Hybrid เปิดให้จองแล้ววันนี้ และพร้อมส่งมอบในเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป  นอกจากนี้ นิสสัน ยังมีแผนที่จะเพิ่มรุ่น อี-พาวเวอร์ เร็วๆ นี้

มร.โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธานนิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าวว่า “ประเทศไทยนับว่าเป็นตลาดสำคัญของนิสสันในภูมิภาคอาเซียน การเปิดตัว นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ในวันนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนิสสันที่มีต่อประเทศไทย และพร้อมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าด้วยประสบการณ์ในการเดินทางที่น่าตื่นเต้น และประทับใจ นิสสัน เซเรน่า ใหม่ มีจุดเด่นในเรื่องห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ นิสสันจึงเชื่อมั่นว่า นิสสัน เซเรน่า ใหม่ พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สนุกสนาน น่าประทับใจในทุกเส้นทาง และช่วยให้ทุกคนได้ใช้เวลาอย่างมีค่า และมีความสุขกับครอบครัว และเพื่อนฝูง”

การเปิดตัวนิสสัน เซเรน่า ใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจที่นิสสันจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องในประเทศไทยตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ นิสสันตระหนักดีว่า คนไทยให้ความสำคัญกับการใช้เวลากับครอบครัว และเพื่อนฝูง ซึ่งทำให้ตลาดมีความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์หรือ MPV เพิ่มขึ้น นิสสัน เซเรน่า ใหม่  ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์อันดับหนึ่งในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมสูงในหลายๆ ประเทศ เนื่องจากเป็นรถที่นั่งสบาย มากประโยชน์ใช้สอย และใช้งานได้จริง จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี

BIG”: ห้องโดยสารกว้างขวาง หน้าต่างบานใหญ่ให้ทัศนวิสัยยอดเยี่ยม

นิสสัน เซเรน่า เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2534 ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะห้องโดยสารที่กว้างขวาง นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ที่เปิดตัวในประเทศไทยในวันนี้ ยังคงรักษาคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์นี้ โดยมีห้องโดยสารที่กว้างขวางมากที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกัน มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารทุกคนในที่นั่งทั้ง 3 แถว

การออกแบบที่โดดเด่น ทำให้นิสสัน เซเรน่า ใหม่ มีพื้นที่มากพอสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระขนาดใหญ่ทางด้านหลังโดยยังคงมีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายในเบาะที่นั่งแถว 3

กระจกบานใหญ่รอบคันทั้งกระจกหน้า และหน้าต่างด้านข้าง ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม รวมทั้งให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง ช่วยลดอาการเมารถได้ รวมทั้งสร้างความประทับใจกับทิวทัศน์ด้านนอกได้เต็มที่

EASY” ใช้งานง่าย

นิสสันเข้าใจเป็นอย่างดีถึงความต้องการของลูกค้าในการเดินทางเป็นกลุ่ม จึงได้ออกแบบให้ นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ใช้งานได้ง่ายสำหรับทุกคน มาพร้อมกับประตูสไลด์อัตโนมัติพร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้เข้าออกจากรถได้สะดวกแม้ในขณะที่มือไม่ว่าง นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ยังเป็นรถ MPV รุ่นเดียวในตลาดที่มีฝาท้ายอเนกประสงค์ (Dual Back Door) น้ำหนักเบา จึงเปิดได้ง่ายทั้งแบบเต็มบาน หรือครึ่งบาน เพิ่มความสะดวกแก่ผู้โดยสาร และผู้ขับขี่ให้สามารถเปิดฝาท้ายได้แม้จอดชิดด้านหลัง สัมภาระจึงไม่หล่นลงจากท้ายรถขณะเปิดปิด

ภายในรถ เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับได้อิสระและแยกออกจากกันได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ระหว่างที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก แต่ยังคงมีความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนที่นั่งแถว 3 สามารถปรับเอนได้เพิ่มความสบายในการเดินทางระยะไกล นอกจากนี้ ยังมีที่เก็บของหลายจุด ที่วางแก้ว 14 จุด ช่องเสียบ USB 6 ช่อง (ที่นั่งแถวละ 2 จุด) ระบบแอร์แยกส่วนที่ผู้โดยสารสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามความต้องการเฉพาะตัว  โต๊ะเล็กอเนกประสงค์ในแถวที่ 2 สำหรับวางสิ่งของ เช่น แท็บเล็ตสำหรับชมภาพยนตร์เพิ่มความบันเทิงระหว่างการเดินทาง นับได้ว่า นิสสัน เซเรน่า ใหม่ มอบความสะดวกสบายในทุกรายละเอียด

นอกจากนี้ จอทัชสกรีน HD ขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบไร้สาย และด้วยสาย สำหรับ Apple CarPlay และ Android Auto เพิ่มความบันเทิงในทุกรูปแบบ จอนี้ยังรองรับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitoring (IAVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง เพิ่มความปลอดภัยได้อีกด้วย

FUN” สนุกกับการปรับที่นั่งได้มากถึง  13 รูปแบบ

นิสสัน เซเรน่า ใหม่ พร้อมสร้างประสบการณ์ “ความสนุกที่ใช่ ความสบายที่ชอบ” ในทุกการเดินทางกับครอบครัว ด้วยอิสระในการปรับที่เบาะที่นั่งภายในรถได้ถึง 13 รูปแบบ เช่น โหมดขนกระเป๋า หรือสัมภาระชิ้นยาวอย่างถุงกอล์ฟ โหมดเพิ่มพื้นที่ช่วงขา โดยปรับเลื่อนที่นั่งแถว 2 และ 3 ไปด้านหลัง เพิ่มพื้นที่ขา โหมด “travel-to-the-sea” ที่เที่ยวทะเลได้อย่างจุใจ ด้วยการเลื่อนเบาะแถว 2 และ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางเซิร์ฟบอร์ด อุปกรณ์ดำน้ำ และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของครอบครัว โหมด “Fun-at-the-back” ที่ปรับเบาะที่นั่งแถว 2 และ 3 ราบ ให้กลายเป็นที่นั่งราบเหมือนห้องนั่งเล่นที่สมาชิกในครอบครัวจะนอนเล่นพักผ่อนกันได้ตามสบาย เป็นต้น อิสระในการปรับรูปแบบที่นั่งที่หลากหลายช่วยตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้อย่างตรงใจ

ขับสนุกกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองทันใจ ประหยัดเชื้อเพลิง

นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้พลังแรง 150 แรงม้า (PS) และแรงบิด 200 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ให้การขับขี่ที่ราบรื่น เครื่องยนต์แบบ S-Hybrid (mild hybrid) จะทำงานร่วมกับ ECO Motor ที่ให้ทั้งความสนุกจากการตอบสนองทันใจ และประหยัดเชื้อเพลิง

ความปลอดภัยเต็มพิกัด เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง

เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Nissan Safety Shield พร้อมระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ให้ความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะเต็มพิกัด อาทิ กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor (IAVM) พร้อมระบบตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว Moving Object Detection (MOD) ที่ให้มุมมองจากด้านบน เห็นสภาพถนน และการจราจรรอบคัน และเตือนผู้ขับขี่เมื่อตรวจพบวัตถุเคลื่อนที่รอบคัน ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าหรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFW) และระบบเบรกฉุกเฉินหรือ Intelligent Forward Emergency Braking (IEB) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนด้านหน้า ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) จะส่งเสียงเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว

ระบบป้องกันเพื่อความปลอดภัย Active Safety ยังครบครันด้วยระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอื่นเข้ามาในจุดอับสายตา ขณะที่ เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ช่วยปกป้องให้ความปลอดภัยเมื่อถอยหลังออกจากช่องจอด และยังมีระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness – IDA) ที่ติดตามและคอยเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อยหรือล้า ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution – EBD) ระบบช่วยเบรก (Brake Assist – BA)  ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System – TCS) เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาด (Hill Start Assist – HSA)

พร้อมกันนี้ นิสสัน เซเราน่า ใหม่ ยังพร้อมปกป้องผู้โดยสารด้วยระบบความปลอดภัย Passive Safety อาทิ ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ระบบติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็ก ISOFIX และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับเพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ เป็นต้น

นิสสัน เซเรน่า ใหม่ รุ่น ไฮเวย์ สตาร์ มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ Diamond Black และสีขาว White Solid

รถยนต์ไฮไลต์และโปรโมชั่นพิเศษ “SAY YES!”

นอกจากการเปิดตัวนิสสัน เซเรน่า ใหม่ แล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งนี้ นิสสันยังคงนำรถยนต์รุ่นหลักมาโชว์ในงาน ได้แก่ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์  “คันนี้ ใช่เลย” นิสสัน นาวารา “ทน พร้อม ลุย” นิสสัน อัลเมร่า “แรงจริง จัดให้” และ นิสสัน เทอร์ร่า “คันเดียวจบ ครบเกินคุ้ม”

นิสสัน ยังได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษที่จะทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพเยี่ยมได้ง่ายขึ้นกับแคมเปญ SAY YES! ที่มีความหลากหลายสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นให้ลูกค้าเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ตั้งแต่ดอกเบี้ยต่ำ 0% ไปจนถึงผ่อนนาน 96 เดือน

สามารถแวะมาเยี่ยมชมบูธนิสสันในงานมหกรรมยานยนต์ ได้ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save