- Advertisement -
34.2 C
Bangkok
Home Blog Page 17

มาสด้า ประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน

มาสด้า ประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน รูปทรงกระบอก ณ เมืองอิวาคุนิ จังหวัดยามากูชิ เพื่อประกอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก

ฮิโรชิม่า – ประเทศญี่ปุ่น, วันที่ 9 มกราคม 2568 : มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศเดินหน้าเต็มกำลังต่อแผนงานการขยายการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ สำหรับผลิตแบตเตอรี่ระดับโมดูล (Battery Module) และระดับแพ็ค (Battery Pack) ชนิดลิเธียม-ไอออน รูปทรงกระบอก เพื่อนำมาใช้สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ณ เมืองอิวาคุนิ จังหวัดยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่น โดยความร่วมมือกันระหว่างมาสด้ากับพานาโซนิค เอเนอร์จี ซึ่งจะเป็นซัพพลายเออร์ในการผลิต และแบตเตอรี่ที่จะทำการผลิตขึ้นมาใหม่นี้จะถูกนำมาติดตั้งเข้าไปในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นแรกของมาสด้า ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ โดยจะทำการผลิตขึ้นในโรงงานผลิตรถยนต์ของมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ คาดว่ากำลังการผลิตของโรงงานใหม่แห่งนี้จะอยู่ที่ 10 GWh ต่อปี

ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง 2030 มาสด้าได้เตรียมความพร้อมสำหรับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าตามกลยุทธ์ Multi-solution เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและข้อกำหนดใหม่ เพื่อมีส่วนสนับสนุนและช่วยแก้ไขปัญหาสังคมในการลดภาวะโลกร้อนในระยะยาว โดยเฉพาะแบตเตอรี่ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า มาสด้าได้มีการลงนามข้อตกลงร่วมกับพานาโซนิค เอเนอร์จี เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2566 เพื่อจัดหาแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน รูปทรงกระบอก สำหรับใช้ในการประกอบในรถยนต์ ต่อมาในเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา แผนการขยายการผลิตแบตเตอรี่และการพัฒนาเทคโนโลยีผ่านกระบวนการความร่วมมือในครั้งนี้ ก็ได้รับการรับรองจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (METI) กลายเป็น “แผนงานรับรองการจัดหาแบตเตอรี่” จากแผนงานดังกล่าว จะส่งผลทำให้มาสด้าสามารถนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีลักษณะเฉพาะของมาสด้าให้กับลูกค้า โดยจะมาพร้อมกับการออกแบบที่เหนือระดับ ส่งมอบความสะดวกสบาย และการขับขี่ที่ให้ระยะทางไกลขึ้น นอกจากนั้น โรงงานใหม่แห่งนี้ ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างการจ้างงานในระดับท้องถิ่น รวมถึงช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

มาสด้าจะยังคงเดินหน้ายกระดับ “ความสุขในการขับขี่” โดยยึดมั่นในคุณค่าของ “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ไปจนถึงปี 2030 และมุ่งมั่นที่จะมอบ “ความสุขในการใช้ชีวิต” ด้วยการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าตื่นเต้นในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าทุกคน

“พิมพ์พิศา รับรอง” คว้าแชมป์ Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers

พิมพ์พิศา รับรอง ฉลองวันเกิดด้วยแชมป์ Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers คว้าสิทธิ์เข้าดวลวงสวิงกับนักกอล์ฟระดับโลกในศึกฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025

บรรยายภาพ : ร่วมแสดงความยินดี – (ซ้าย) นางสาวมนวรา เพชรพลากร ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) และ (ขวา) นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับ พิมพ์พิศา รับรอง ผู้ชนะการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ณ สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 โดย พิมพ์พิศา จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 60 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี

ชลบุรี – 8 มกราคม 2568 : การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ณ สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 7 – 8 มกราคม 2568  ฝ้าย-พิมพ์พิศา รับรอง คว้าตำแหน่งผู้ชนะ พร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 60 ล้านบาท) โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี

ฝ้าย-พิมพ์พิศา นักกอล์ฟสมัครเล่นทีมชาติไทย วัย 18 ปี จากกรุงเทพมหานคร สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ จากผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 88 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มจัดการแข่งขัน ด้วยผลงานยอดเยี่ยม 6 อันเดอร์พาร์ 138 (69-69) ทิ้งอันดับ 2 สรัลพร เกตุสุวรรณ ที่ทำสกอร์เข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 140 (69-71) ฝ้าย-พิมพ์พิศา ซึ่งคว้าแชมป์ฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปี ในวันที่ 9 มกราคม 2568 นี้ กล่าวถึงความรู้สึกในการแข่งขันครั้งนี้ว่า ภูมิใจและดีใจมาก ตนเองได้ลงแข่ง Honda LPGA Thailand National Qualifiers มา 2 ครั้ง ทำให้รู้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น    

ฝ้าย-พิมพ์พิศา ยังย้ำด้วยความมุ่งมั่นว่า จะตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดในการแข่งขันกับนักกอล์ฟชั้นนำของโลก โดยจะซ้อมให้มากขึ้นโดยเฉพาะที่สนามโอลด์คอร์ส และฝึกควบคุมสมาธิ ขอบคุณครอบครัวที่เป็นกำลังใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ และขอบคุณฮอนด้าที่จัดการแข่งขันนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟไทยได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันในระดับโลก

นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด และบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ การได้มาเห็นบรรยากาศการแข่งขัน National Qualifiers ในวันนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของบรรดานักกอล์ฟไทยทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นที่ตั้งใจก้าวเดินตามความฝันของตนเองในเส้นทางกีฬากอล์ฟ ต้องขอแสดงความยินดีกับพิมพ์พิศา และขอเป็นกำลังใจให้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจในการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้”

การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (ไทยแอลพีจีเอ) ผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี ส่งเสริมและพัฒนากอล์ฟสตรีไทยก้าวสู่ระดับนานาชาติ ได้เข้าร่วมดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยเวทีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของนักกอล์ฟหลายคน อาทิ พราว-ชเนตตี วรรณแสน แชมป์ National Qualifiers ระดับประเทศ 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2021 และ 2022 ปัจจุบันได้สร้างผลงานยอดเยี่ยมและโลดแล่นในเวทีโลก ด้วยดีกรีแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ 2 รายการ ได้แก่ Portland Classic 2023 และ Dana Open 2024  สำหรับนักกอล์ฟสาวไทยที่คว้าแชมป์รายการนี้ ได้แก่ กิฟท์ – เบญญาภา นิภัทร์โสภณ (แชมป์ 2019) รีน่า ทัตเทมัตซึ (แชมป์ 2020) พราว – ชเนตตี วรรณแสน (แชมป์ 2021 และ 2022) ซิม – ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ (แชมป์ 2023) ฮัท – สุวิชยา วินิจฉัยธรรม (แชมป์ 2024) และแชมป์คนล่าสุด ฝ้าย-พิมพ์พิศา รับรอง

การแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 จะกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่และความตื่นเต้นเร้าใจให้กับแฟนกอล์ฟอีกครั้งในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี สำหรับนักกอล์ฟไทยที่เข้าร่วมแข่งขัน นำโดย จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล ที่คว้า 2 แชมป์แอลพีจีเอ ในปีที่ผ่านมา ทั้ง Dow Championship และ CME Group Tour Championship ก่อนจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของโลก ในฤดูกาล 2024 พร้อมด้วย แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 ที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ โดยรายชื่อทั้งหมดของนักกอล์ฟสตรีชั้นนำระดับโลกทั้งไทยและต่างชาติจำนวน 72 คน จะมีการเปิดเผยในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้

แฟนกอล์ฟสามารถติดตามชมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ผ่านการถ่ายทอดสดทาง PPTV HD 36 และทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ www.pptvhd36.com  เฟซบุ๊ก www.facebook.com/PPTVHD36  และ YouTube ช่อง PPTV Sports สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันทั้งแบบทั่วไปและแบบวีไอพี เปิดจำหน่ายแล้ว ทาง hondalpgathailand.com ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี และอายุมากกว่า 60 ปี สามารถลงทะเบียนเข้าชมการแข่งขันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ฮอนด้า เผยโฉมโมเดลยนตรกรรมต้นแบบ “Honda 0 Saloon” และ “Honda 0 SUV” เป็นครั้งแรกในโลก

ฮอนด้า เผยโฉมโมเดลยนตรกรรมต้นแบบ “Honda 0 Saloon” และ “Honda 0 SUV” เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2025 พร้อมเปิดตัว “ASIMO OS” ระบบปฏิบัติการรถยนต์ที่พัฒนาโดยฮอนด้า ซึ่งติดตั้งใน Honda 0 Series

•ฮอนด้า เผยโฉม Honda 0 Saloon และ Honda 0 SUV โมเดลรถต้นแบบภายใต้ “Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์)” เป็นครั้งแรกในโลก

•เปิดตัว “ASIMO OS” ระบบปฏิบัติการรถยนต์ที่พัฒนาโดยฮอนด้า ที่จะได้รับการติดตั้งในยนตรกรรมไฟฟ้า Honda 0 Series ทุกรุ่น

•พร้อมการเร่งขยายการใช้งานระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 (แบบละสายตา) ในระดับโลกมากขึ้น โดยเริ่มจาก Honda 0 Series เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลก ที่มอบประสบการณ์ขับขี่แบบละสายตาได้ในทุกสภาวะการขับขี่ เพื่อเปิดความเป็นไปได้ใหม่แห่งการขับเคลื่อน

•ฮอนด้า ประกาศในสัญญาข้อตกลงความร่วมมือกับ Renesas Electronics Corporation บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ ในการพัฒนาระบบชิปบนอุปกรณ์ (SoC) ประสิทธิภาพสูงที่จะนำมาใช้ใน Honda 0 Series และยนตรกรรมฮอนด้ารุ่นอื่นๆ ที่จะเปิดตัวครึ่งหลังของคริสต์ทศวรรษที่ 2020

•พร้อมเร่งนำเสนอโครงการในส่วนของบริการด้านพลังงานที่รวมถึงการเสนอบริการด้านพลังงานใหม่ ผ่านระบบการจัดการพลังงานในบ้าน (Home Energy Management System)

(ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา – 8 มกราคม 2568) : ฮอนด้า เผยโฉมโมเดลรถต้นแบบ 2 รุ่น เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2025 ได้แก่ Honda 0 Saloon และ Honda 0 SUV ซึ่งเป็นรถภายใต้ไลน์อัป “Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์)” ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี พ.ศ. 2569 พร้อมทั้งเปิดตัว “ASIMO OS” ระบบปฏิบัติการรถยนต์ที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นเองสำหรับใช้กับรถ Honda 0 Series อีกด้วย

Honda 0 Saloon (ฮอนด้า ซีโร่ ซาลูน)

-รถต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก concept model ที่เปิดตัวในงาน CES 2024 เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี พ.ศ. 2569 โดยยังคงไว้ซึ่งดีไซน์เอกลักษณ์ตามแบบฉบับ concept model ที่มาพร้อมตัวถังต่ำสไตล์สปอร์ต พร้อมด้วยภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง

-นับเป็น Flagship Model ภายใต้ Honda 0 Series ที่จะได้รับการพัฒนาบนสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ อีกทั้งมาพร้อมหลากหลายเทคโนโลยีใหม่ที่ผสานแนวคิด “บาง เบา และชาญฉลาด” เข้าไว้ด้วยกัน

-ฮอนด้า จะนำเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติที่เชื่อถือได้สูงบนพื้นฐานของระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 มาติดตั้งเพื่อการใช้งานจริงเป็นครั้งแรกในโลก พร้อมด้วยฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” ที่ผู้ใช้รถแต่ละรายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวเอง เมื่อทำงานบนระบบปฏิบัติการยานยนต์ “ASIMO OS”

-ฮอนด้า จะเริ่มเดินสายการผลิต Honda 0 Saloon ในปี พ.ศ. 2569 โดยเริ่มจากอเมริกาเหนือเป็นที่แรกตามด้วยญี่ปุ่นและยุโรปตามลำดับ

Honda 0 Series

Honda 0 SUV (ฮอนด้า ซีโร่ เอสยูวี)

-ต้นแบบยนตรกรรมไฟฟ้าขนาดกลาง ที่จะเป็นโมเดลแรกภายใต้ Honda 0 Series ซึ่งได้รับการพัฒนาจากโมเดลต้นแบบ Space-Hub ที่เปิดตัวในงาน CES 2024

-Honda 0 SUV จะมาพร้อมกับหลากหลายเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สะท้อนแนวคิดการพัฒนา “บาง เบา และชาญฉลาด” เช่นเดียวกับ Honda 0 Saloon โดยจะส่งมอบพื้นที่สุดล้ำ ผ่านฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” และประสบการณ์ดิจิทัล เมื่อทำงานบนระบบปฏิบัติการยานยนต์ “ASIMO OS”

-นอกจากนี้ Honda 0 Series จะใช้การประมาณค่าความสูงจากพื้น และการควบคุมเสถียรภาพที่มีความแม่นยำสูงโดยอิงจาก 3D Gyro Sensors ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ฮอนด้าสั่งสมผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของตน เพื่อให้การควบคุมเป็นไปตามความต้องการของผู้ขับขี่ เมื่ออยู่บนพื้นผิวถนนหลากหลายรูปแบบ

-โดยฮอนด้าจะเริ่มเดินสายการผลิต Honda 0 SUV ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2569 โดยเริ่มจากอเมริกาเหนือเป็นที่แรก ตามด้วยญี่ปุ่นและยุโรปตามลำดับ

Honda 0 SUV

ระบบปฏิบัติการรถยนต์ ASIMO OS

-ยนตรกรรมภายใต้ไลน์อัป Honda 0 Series จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรถยนต์ “ASIMO OS” ที่พัฒนาขึ้นโดยฮอนด้าเอง โดยฮอนด้านำชื่อ ASIMO มาใช้เป็นชื่อระบบปฏิบัติการฯ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ยานยนต์ซีรีส์นี้กลายเป็นไอคอนของยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นต่อไป ที่จะสร้างความประหลาดใจ และมอบแรงบันดาลใจแก่ผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับที่ ASIMO เคยทำมา

-นับตั้งแต่การพัฒนา ASIMO ฮอนด้าได้มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยมุ่งที่จะส่งมอบคุณค่าใหม่ของยานพาหนะที่ฟังก์ชันหลักถูกควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (SDVs) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ด้วยการผสานเทคโนโลยีหุ่นยนต์เหล่านี้เข้ากับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสำหรับ Honda 0 Series

-ASIMO OS จะถูกนำไปใช้ในการควบคุมการทำงานร่วมกับหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECUs) ในยนตกรรมไฟฟ้า เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติ/ระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) และระบบความบันเทิงในรถยนต์ (IVI)

-โดยในทุกครั้งที่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์ในรถยนต์อย่างต่อเนื่องผ่านการอัปเดตแบบ OTA (Over-the-Air) แม้หลังจากที่ซื้อรถแล้ว ฟังก์ชันและบริการจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามความชอบและความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งฟังก์ชันและบริการที่ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องนี้ จะช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของ “พื้นที่” และประสบการณ์ดิจิทัล ที่มอบความสนุกสนานและความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง รวมทั้งการควบคุมสมรรถนะการทรงตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ที่จะทำให้ทุกการขับสนุกสนานยิ่งขึ้น และทำให้ผู้ขับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ

-ทั้งนี้ ฮอนด้า วางแผนที่จะติดตั้ง ASIMO OS ใน Honda 0 SUV และ Honda 0 Saloon และยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ ใน Honda 0 Series

ระบบการขับขี่อัตโนมัติ AD (Automated Driving)

-ในปี พ.ศ. 2564 ฮอนด้า เป็นผู้ผลิตยานยนต์รายแรกของโลกที่นำระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 มาใช้จริง โดยได้ติดตั้งใน Honda Legend ที่มาพร้อม ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท (Honda SENSING Elite) ซึ่งรองรับระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 (แบบละสายตาได้) และการขับขี่อัตโนมัติแบบมีเงื่อนไขในพื้นที่จำกัด

-ฮอนด้า เชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีการขับขี่แบบละสายตาได้อย่างแพร่หลาย จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการทำให้อุบัติเหตุทางท้องถนนเป็นศูนย์ในอนาคตได้ ฮอนด้า จึงพยายามนำเสนอยนตรกรรมขับขี่อัตโนมัติในราคาที่จับต้องได้ให้กับลูกค้าทั่วโลกผ่าน Honda 0 Series

-โดยฮอนด้า ได้นำเทคโนโลยี AI ของตนเองที่ผสมผสานเทคโนโลยีการเรียนรู้แบบไร้การควบคุม*1 ของ Helm.ai เข้ากับโมเดลพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ ซึ่งช่วยให้ AI สามารถเรียนรู้ด้วยข้อมูลจำนวนน้อย และขยายขอบเขตของสถานการณ์ที่การขับขี่อัตโนมัติและการช่วยเหลือผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-นอกจากนี้ ฮอนด้า จะนำเทคโนโลยี AI ของฮอนด้ามาประยุกต์ใช้กับงานพัฒนา ผ่านการวิจัยเกี่ยวกับผู้คนและการเคลื่อนที่ เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของพฤติกรรมการอยู่ร่วมกัน (cooperative behavior) เช่น การให้ทางกับผู้อื่นบนถนน ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้ จะทำให้ฮอนด้าสามารถสร้างระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เชื่อถือได้สูง ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม เช่น เมื่อมีสัตว์วิ่งเข้าสู่ช่องทาง หรือวัตถุตกลงบนถนน

-Honda 0 Series จะได้รับการติดตั้งระบบที่ช่วยขยายขอบเขตความสามารถในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ในหลากหลายสภาพการขับขี่ ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 โดยจะเริ่มด้วยเทคโนโลยีการขับขี่แบบละสายตา (eyes-off) ที่ใช้ได้ในสภาพการจราจรติดขัดบนทางหลวง และสภาพการจราจรอื่นๆ จากการอัปเดต OTA ของฟังก์ชันต่างๆ

*1 การเรียนรู้แบบไร้การควบคุม (Unsupervised learning) เป็นหนึ่งในวิธีการเรียนรู้ของเครื่องยนต์ที่สนับสนุน AI โดยแตกต่างจากการเรียนรู้แบบมีการควบคุม (supervised learning) ซึ่ง AI เรียนรู้คำตอบที่ถูกต้องจากข้อมูลที่มีป้ายกำกับ การเรียนรู้แบบไร้การควบคุมนั้นอนุญาตให้ AI เรียนรู้โดยไม่ต้องได้รับคำตอบที่ถูกต้องและค้นหาแบบแผนและลักษณะเฉพาะของข้อมูลที่ไม่มีป้ายกำกับด้วยตนเอง

การพัฒนา SoC สำหรับ Honda 0 Series

-ในงาน CES 2025 ฮอนด้า และ Renesas Electronics Corporation (Renesas) ได้ประกาศการลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาระบบชิปบนอุปกรณ์ (SoC) ประสิทธิภาพสูง เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านยานพาหนะในอนาคตที่ฟังก์ชันหลักถูกควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (SDVs) ซึ่งฮอนด้ามุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จในไลน์อัป Honda 0 Series

-สำหรับยนตรกรรม Honda 0 Series เจเนอเรชันถัดไป ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ทศวรรษที่ 2020 ฮอนด้าจะนำสถาปัตยกรรม E&E แบบ Centralized ซึ่งเป็นการรวม ECU หลายตัวที่รับผิดชอบควบคุมระบบยานพาหนะแต่ละตัวให้เป็นหนึ่ง ECU หลัก ซึ่งทำหน้าที่เสมือนศูนย์กลางของยานพาหนะ (SDV) ในการจัดการระบบต่าง ๆ เช่น AD/ADAS, การควบคุมระบบขับเคลื่อน และฟีเจอร์เพื่อความสะดวกสบายต่าง ๆ ทั้งหมดอยู่ใน ECU เดียว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ECU จึงต้องการระบบชิป (SoC) ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าระบบทั่วไป ในขณะที่ใช้พลังงานเพิ่มในอัตราที่น้อยที่สุด

-เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ฮอนด้าและ Renesas จะสร้างระบบที่ใช้เทคโนโลยีชิปเล็ตแบบ Multi-Die Chiplet Technology*2 ที่นำชิป Renesas generic รุ่นที่ห้า (Gen 5) R-Car X5 SoC series มาทำงานร่วมกับ AI accelerator ที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับซอฟต์แวร์ AI ที่พัฒนาขึ้นโดยฮอนด้า ซึ่งการผสานการทำงานนี้ ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาระบบ AI ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 2,000 TOPS*3 (Sparse) ด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 20 TOPS ต่อวัตต์ (TOPS/W)

*2 เทคโนโลยีในการสร้างระบบโดยการรวมชิปหลายตัว (dies) ที่มีฟังก์ชันต่างกันเข้าด้วยกัน

*3 Tera Operations Per Second (TOPS) เป็นหน่วยวัดประสิทธิภาพการประมวลผลของ AI และวัดจำนวนปฏิบัติการที่สามารถดำเนินการได้ต่อวินาที โดยอิงตามโมเดล AI แบบกระจาย (sparse AI model)

บริการด้านพลังงาน

เพื่อนำเสนอยนตรกรรมไฟฟ้า Honda 0 Series ที่สามารถส่งมอบความสุขและอิสระในการขับเคลื่อนให้กับผู้คนจำนวนมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฮอนด้า จึงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอบริการด้านพลังงานใหม่ๆ ตาม 2 แนวคิดหลัก ได้แก่ 1) การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่ช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินและมีอิสระในการขับเคลื่อนอย่างไร้กังวล และ 2) การให้ผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตประจำวันด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้แบตเตอรี่ EV

1)การจัดตั้งเครือข่ายการชาร์จ

-ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ผู้ใช้ Honda 0 Series จะไม่มีปัญหาในการชาร์จรถยนต์ของพวกเขา เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ ในอเมริกาเหนือ ผู้ผลิตรถยนต์ 8 ราย*4 ได้ร่วมกันจัดตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อสร้างเครือข่ายการชาร์จที่ชื่อว่า “IONNA” โดยมีเป้าหมายที่จะรวมสถานีชาร์จคุณภาพสูงอย่างน้อย 30,000 แห่งภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งยนตรกรรมไฟฟ้าทุกรุ่นในไลน์อัป Honda 0 Series จะมาพร้อมช่องชาร์จไฟตามมาตรฐานการชาร์จในอเมริกาเหนือ (NACS) โดยฮอนด้าจะเดินหน้าขยายเครือข่ายการชาร์จต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ Honda 0 Series จะสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จมากกว่า 100,000 แห่งภายในปี 2573

-นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเปิดตัวของ Honda 0 Series ฮอนด้า กำลังพิจารณาเพิ่มบริการชาร์จไฟใหม่จากเครือข่ายการชาร์จที่ครอบคลุมนี้ โดยใช้เทคโนโลยีของ Amazon Web Services, Inc. (AWS) เช่น Amazon Bedrock, เทคโนโลยี AI ของ AWS เข้ากับเทคโนโลยี AI ของฮอนด้า และหลังจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจาก Honda 0 Series และเครือข่ายการชาร์จที่ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ฮอนด้า จะพยายามส่งมอบประสบการณ์การชาร์จไฟที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลในแง่ของการหาสถานที่ชาร์จและทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าฮอนด้าให้มากที่สุด

2)การทำให้ผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตประจำวันด้วยพลังงานสะอาด เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน การใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น นับเป็นสิ่งสำคัญควบคู่กับความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า

-สำหรับการชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณ 80% ของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด*5 ฮอนด้าจะพัฒนา Honda Smart Charge ซึ่งเป็นบริการชาร์จไฟสำหรับผู้ใช้รถ EV ที่ฮอนด้ากำลังให้บริการในอเมริกาเหนือ โดยการรวมระบบการจัดการพลังงานในบ้านที่พัฒนาร่วมกับ Emporia Corp. เข้ากับระบบ Vehicle Grid Integration (VGI) ของ ChargeScape ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านซอฟต์แวร์ที่ฮอนด้าจัดตั้งขึ้นร่วมกับบีเอ็ม ดับเบิ้ลยู และฟอร์ด และด้วยโครงการที่ฮอนด้าได้ริเริ่มเหล่านี้ คาดว่าจะมีส่วนช่วยลดค่าไฟฟ้าและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับลูกค้าในอเมริกาเหนือและตลาดอื่นๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป

-ด้วยบริการด้านพลังงานนี้ หากนำเอายนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จำนวนหนึ่งมารวมกัน จะสามารถทำหน้าที่เป็นโรงไฟฟ้าเสมือน หรือ VPP ได้ และสามารถปรับแผนการชาร์จได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนได้มากขึ้น โดยเฉพาะยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จะชาร์จไฟตัวเองโดยการเลือกช่วงเวลาของวันที่ค่าไฟฟ้าต่ำ และสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้ และปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้านในช่วงเวลาที่ค่าไฟฟ้าสูง จึงมีส่วนช่วยในการจัดการค่าไฟครัวเรือนทั้งบ้านได้อย่างชาญฉลาด

-นอกจากนี้ เมื่อกระแสไฟฟ้าเกิดการขาดแคลน ไฟฟ้าที่เก็บไว้ในรถ Honda 0 Series จะสามารถจ่ายไฟกลับเข้าสู่กริดพลังงานได้ จึงช่วยเสริมเสถียรภาพในระบบการจ่ายไฟฟ้า และช่วยให้เจ้าของรถสามารถสร้างรายได้จากรถยนต์ EV ของพวกเขา ในส่วนของการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่อาจเป็นข้อกังวลจากการชาร์จและปล่อยประจุซ้ำ ๆ ปัญหานี้จะลดลงได้ด้วยเทคโนโลยีการจัดการแบตเตอรี่ที่ฮอนด้าสั่งสมมาจากการพัฒนาระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด

*4  American Honda Motor, บริษัทในเครือของฮอนด้าในสหรัฐอเมริกา, BMW Group, General Motors, Hyundai Motors, Kia Corporation, Mercedes-Benz Group, Stellantis N.V., Toyota Motor

*5 ผลการวิจัยภายในของ Honda

ลิงก์รับชมการแถลงข่าวของฮอนด้าภายในงาน CES 2025

มาสด้า ประเทศไทย แต่งตั้งซีอีโอคนใหม่

มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแต่งตั้งคนไทยขึ้นเป็นประธานคนใหม่ ขับเคลื่อนองก์กรสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 7 มกราคม 2568 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแต่งตั้ง นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (President & CEO) บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีบทบาทสำคัญในการบริหารองค์กรมาสด้ามายาวนาน สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนนับตั้งแต่ร่วมงานกับมาสด้า เมื่อปี พ.ศ. 2550 เริ่มจากการเป็นผู้ร่วมพัฒนารถยนต์มาสด้าในตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ฝ่ายการตลาด สั่งสมประสบการณ์กว่า 18 ปี บริหารงานครบทุกฟังก์ชั่น สร้างผลงานความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะการเปิดตัวมาสด้า2 ได้รับความนิยมสูงสุดจนสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ ครองแชมป์ทำสถิติยอดขายสูงสุด 3 ปีติดต่อกัน รวมทั้งประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทแม่ ประเทศญี่ปุ่น ขยายการลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในประเทศไทย ผลักดันโครงการขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจมาสด้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 18 ปี นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารองค์กรมาสด้า ทั้งส่วนงานวางแผนด้านผลิตภัณฑ์ การวางกลยุทธ์การตลาด ส่งเสริมการขาย การพัฒนาผู้จำหน่าย การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว และส่วนอื่นๆ อย่างรอบด้าน ถือเป็นผู้บริหารที่มีส่วนร่วมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และอยู่ในทุกช่วงเวลา ทุกสถานการณ์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคมากมาย ร่วมมือปลุกปั้นแบรนด์มาสด้าจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย แรกเริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2558 จากยอดขาย 11,000 คันต่อปี ก้าวสู่การสร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายสูงสุดถึง 74,000 คันต่อปี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของธุรกิจมาสด้า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ท้าทาย และมีคุณค่ายิ่ง ความผูกพันกับทีมงานคนไทย ผู้จำหน่ายมาสด้า สื่อมวลชน และพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานกับมาสด้า ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงานทุกคน การที่มาสด้าทำงานลงลึกในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขาย การดูแลและการบริการ การมอบความประทับใจให้ลูกค้า ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกหล่อหลอมและส่งเสริมให้มาสด้าก้าวเดินและเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาถึงทุกวันนี้ ต่อจากนี้ อีกหนึ่งบทบาทใหม่จะมีความท้าทายยิ่งขึ้น มาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังและเข้มข้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในทุกมิติ สร้างธุรกิจมาสด้าและผู้จำหน่ายให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มอบประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ให้ลูกค้าตลอดไป

มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างคุณค่าแบรนด์ โดยเฉพาะการบริการหลังการขายที่ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า รวมถึงผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ถือเป็นประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนไทยคนแรกที่มาจากสายเลือดอันเข้มข้นของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เพียงคนเดียว เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในองค์กรระดับโลก และมีเพียงคนไทยไม่กี่คนที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคนานัปการมาได้ เป็นขุนศึกที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้บริหารระดับสูงมานับไม่ถ้วน โดยดำรงตำแหน่งล่าสุด คือ รองประธานกรรมการบริหาร  มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา

มร.ทาดาชิ มิอุระ จะขยับขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาอาวุโส กล่าวสั้นๆ แต่มากด้วยความหมายว่า “ผมเชื่อมั่นในพลังของการทำงานเป็นทีม ด้วยศักยภาพของพนักงานทุกคนใน มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายมาสด้าทุกราย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างมาสด้าให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย แน่นอนที่สุดการสนับสนุนและให้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วยดีมาโดยตลอดนั้น คือสิ่งสำคัญยิ่งต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ผมภูมิใจและมีความสุขกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะมาถึง อีกไม่นานจากนี้ไป มาสด้ากำลังเร่งมือเดินหน้าแนะนำยนตรกรรมใหม่และรถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงการสร้างความยั่งยืนที่ครอบคลุมทุกๆ ด้าน เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่สังคมไทยตลอดไป ผมมั่นใจว่าเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่นำพามาสด้าในประเทศไทยประสบความสำเร็จและยั่งยืน ทำให้มาสด้าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ลูกค้าภาคภูมิใจที่ได้ครอบครอง”

การปรับทัพผู้บริหารของมาสด้าในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไทยมีการแข่งขันรุนแรงเช่นนี้ นับว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง ถือเป็นความท้าทายที่มาสด้าจะต้องก้าวผ่านเพื่อไปสู่ความสำเร็จในระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะการแนะนำรถมาสด้ารุ่นใหม่ที่กำลังจ่อคิวลงตลาดตามแผนพัฒนาธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะส่งผลให้มาสด้ากลับมาทวงแชมป์ความยิ่งใหญ่ และได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าชาวไทยในเร็วๆ นี้

NEW MG4 ELECTRIC เติมสปอยเลอร์ TWIN ARROW WING เสริมหล่อทุกรุ่นย่อย

NEW MG4 ELECTRIC เติมสปอยเลอร์ TWIN ARROW WING เสริมหล่อทุกรุ่นย่อย พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ 0% 60 เดือน หมดกังวลในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าระยะยาว ด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงและระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนแบบไม่จำกัดระยะทาง

กรุงเทพฯ – 7 มกราคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดศักราชใหม่ด้วยการเสริมสปอยเลอร์หลังให้กับ NEW MG4 ELECTRIC ทุกรุ่นย่อย เพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้กับ NEW MG4 ELECTRIC พร้อมราคาเริ่มต้น 709,900 บาท ข้อเสนอพิเศษดอกเบี้ย 0% 60 เดือน และการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงและระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน และไม่จำกัดระยะทาง

NEW MG4 ELECTRIC ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ เอ็มจี ที่เป็นโกลบอลโมเดล ส่งมอบให้กับลูกค้าแล้วมากกว่า 12,000 คัน โดยได้รับการการันตีจากรางวัลระดับโลก ในเรื่องการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์รวมถึงการออกแบบที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยครบครัน ได้รับการรับรอง “Made in Thailand (MiT)” ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองในหมวดรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ EV OF THE YEAR ปี 2023 จากสมาคมสื่อมวลชนสายยานยนต์ไทย โดยรถยนต์รุ่นนี้ ทาง เอ็มจี ได้มีการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงและระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนแบบไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในประเทศไทย เพื่อให้หมดกังวลในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าระยะยาว พร้อมตอกย้ำถึงความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าชาวไทย โดยจะมีการเสริมสปอยเลอร์ TWIN ARROW WING เพิ่มในรุ่นเริ่มต้น

ณ ปัจจุบัน NEW MG4 ELECTRIC มี ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่

•NEW MG4 ELECTRIC รุ่น D ราคา 709,900 บาท

•NEW MG4 ELECTRIC รุ่น X ราคา 809,900 บาท

•NEW MG4 ELECTRIC รุ่น V (LONG RANGE) ราคา 889,900 บาท

•NEW MG4 ELECTRIC รุ่น X POWER ราคา 1,119,900 บาท

ข้อเสนอสุดพิเศษจาก NEW MG4 ELECTRIC ราคาเริ่มต้น 709,900 บาท

•ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% ผ่อนชำระนาน 60 เดือน

•ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี

•ฟรี! MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด

•ฟรี! ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER

•รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน

•ฟรี ชุดพรมปูพื้น

“ซูซูกิ” เปิดแคมเปญพิเศษรับตลาดต้นปี SUZUKI ERTIGA SUPER FLASH DEAL

“ซูซูกิ” เปิดแคมเปญพิเศษรับตลาดต้นปี SUZUKI ERTIGA SUPER FLASH DEAL ราคาพิเศษเริ่มต้น 555,000 บาท ฟรี! ประกันภัยชั้น 1

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิเตรียมพร้อมในการรุกตลาดรถยนต์ปี 2568 อย่างเข้มข้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้อย่างกว้างขวางในราคาที่เหมาะสม ภายใต้ แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” ซึ่งเป็นแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยการยกระดับงานบริการในทุกด้าน เพื่อการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ ทำให้เราสามารถมอบคุณภาพของงานบริการที่ดีที่สุด รวมไปจนถึงการมอบโปรโมชันพิเศษให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ตอบแทนความไว้วางใจที่มอบให้แก่เราเสมอมา

ในปี 2568 นี้ ยังคงเป็นปีที่เราจะยังเดินหน้าในการนำเสนอสิ่งที่ดีให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดประเทศไทยในปีนี้อย่างแน่นอนแล้วนั้น เราจะยังนำเสนอแคมเปญพิเศษเพื่อกระตุ้นความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการหลากหลายเป็นอย่างมาก ซูซูกิในฐานะที่เป็นแบรนด์ผู้จำหน่ายรถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายเซกเมนต์ไว้รองรับต่อความต้องการก็พร้อมจะนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบรับต่อความต้องการนั้น

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ซูซูกิ มีรถยนต์หลายรุ่นที่เข้าไปอยู่ในใจของคนไทยและยังได้การตอบรับเป็นอย่างดีเสมอมา โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งหนึ่งในทางเลือกของรถยนต์สำหรับครอบครัวรุ่นหนึ่งของคนไทย คือ “SUZUKI ERTIGA HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด” ที่มอบความคุ้มค่า ครบครันที่สุดให้แก่ผู้บริโภค

ในโอกาสนี้เพื่อเป็นการตอบรับต่อความไว้วางใจของลูกค้ารวมถึงเป็นการกระตุ้นตลาดที่กำลังแข่งขันอย่างรุนแรงในช่วงต้นปี ซูซูกิ จึงเตรียมจัดแคมเปญ “SUZUKI ERTIGA SUPER FLASH DEAL” มอบให้แก่ลูกค้าที่สนใจและต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ SUZUKI ERTIGA HYBRID ทุกท่าน

โดยแคมเปญ “SUZUKI ERTIGA SUPER FLASH DEAL” จะมาพร้อมกับการมอบราคาพิเศษสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ SUZUKI ERTIGA HYBRID ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2568- 28 กุมภาพันธ์ 2568 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด)  ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 555,000 บาท นอกจากนั้นลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ SUZUKI ERTIGA HYBRID ได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง(ปีแรก)  และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

ราคาจำหน่ายพิเศษ SUZUKI ERTIGA HYBRID

รุ่นชนิดเกียร์ราคาจำหน่ายเดิม (บาท)ราคาจำหน่ายพิเศษ (บาท)
ERTIGA HYBRID  GLอัตโนมัติ783,000.-555,000.-
ERTIGA HYBRID  GXอัตโนมัติ839,000599,000.-

ทั้งนี้ SUZUKI ERTIGA HYBRID มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ มีขนาดมิติความยาว 4,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,735 และความสูง 1,690 มิลลิเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี SHVS ระบบไฮบริดของซูซูกิ ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า (Integrated Starter Generator หรือ ISG) พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION นอกจากจะประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร ยังเสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เพราะรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี

SUZUKI ERTIGA HYBRID โดดเด่นด้วยดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน กระจังหน้าโครเมียมผสมผสานด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน GuideMe (Automatic turn-on/off headlight with guide me functionality) ไฟท้ายแบบ LED แบบ Light Guides และสัญลักษณ์ Hybrid ที่บริเวณประตูด้านท้าย กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ (Auto Retractable Outside Mirror) ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทน ขนาด 15 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมฟังก์ชันการปรับพับเบาะที่เหมาะกับทุกการใช้งาน เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 แถวที่สามแบบ 50:50 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร จัดสรรสัมภาระได้อย่างลงตัวกับพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์บริเวณใต้ห้องเก็บสัมภาระ เปิด-ปิด ได้อย่างอิสระ 50:50

แพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน ด้านความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกได้อย่างสมดุล เสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP และการปรับแต่ง module ยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ Idling Stop ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control), จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether, กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ที่กะระยะในขณะถอยหลังได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการป้องกันการโจรกรรมด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

ทั้งนี้ แม้ซูซูกิจะต้องเผชิญการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงสภาวะการหดตัวลงของตลาดและความเข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเรายังคงรักษาระดับยอดขายรถยนต์ไว้ได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งนอกจากต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของซูซูกิเป็นอย่างสูงแล้วนั้น ต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายของซูซูกิทุกรายที่ทำงานอย่างหนัก จึงขอให้ลูกค้าซูซูกิทุกท่านเชื่อมั่นได้ว่า  เราจะยังเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยึดความสำคัญด้านการบริการทั้งก่อนและหลังการขายเป็นที่ตั้ง เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ โดยซูซูกิสามารถสร้างยอดขายสะสมนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ถึง 312,748 คัน

อย่างไรก็ตาม ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” นอกจากเป็นแนวทางในการยึดมั่นให้เราพัฒนางานบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อลูกค้าแล้ว ยังเป็นโครงการที่ต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าและคนไทยทุกท่าน ว่าเราไม่ใช่แค่เพียงผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ แต่เราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ฟอร์ดต่อโปรฯ แคมเปญสุดเร้าใจต้อนรับปีใหม่

ฟอร์ด ประเทศไทย ต้อนรับปีใหม่ด้วยการต่อแคมเปญพิเศษสุดคุ้มจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยมอบข้อเสนอที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยราคาที่คุ้มค่าและอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

ทั้งนี้ครอบคลุมรถหลากหลายรุ่น ได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ XLS ใหม่ รุ่นปี 2024 ราคาพิเศษ 799,000 บาท และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบ-เทอร์โบ ราคาพิเศษ 1,699,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถฟอร์ดระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ ราคาพิเศษ 1,249,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถฟอร์ดระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2568 ที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ

“แคมเปญนี้เป็นการต่อยอดจากงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยม เราจึงตั้งใจมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้าฟอร์ดทุกท่าน ที่กำลังมองหารถยนต์คู่ใจคันใหม่ เพื่อเริ่มต้นปีด้วยความมั่นใจและก้าวสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ตลอดปี 2568 ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นของทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ผสานสมรรถนะที่เหนือชั้น เทคโนโลยีทันสมัย อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน และอุ่นใจจากบริการหลังการขายที่มุ่งยกระดับอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ฟอร์ดเป็นตัวเลือกอันดับแรกของลูกค้าทุกท่าน” นายเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ข้อเสนอสุดเร้าใจจากฟอร์ดที่ไม่ควรพลาด ได้แก่

-ฟอร์ด เรนเจอร์ โอเพ่น แค็บ XLS กระบะแค็บยกสูง เกียร์อัตโนมัติ ราคาพิเศษ 699,000 บาท จากราคาปกติ 809,000 บาท

-ฟอร์ด เรนเจอร์ XLS ใหม่ รุ่นปี 2024 กระบะ 4 ประตูยกสูง เกียร์อัตโนมัติ ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว 799,000 บาท จากราคาปกติ 919,000 บาท

-ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 2.0 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคาพิเศษ 999,000 บาท จากราคาปกติ 1,089,000 บาท

-ฟอร์ด เรนเจอร์ สปอร์ต เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 6AT ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เรนเจอร์ สตอร์มแทรค เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบ-เทอร์โบ 10AT ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบ-เทอร์โบ ราคาพิเศษเพียง 1,699,000 บาท จากราคาปกติ 1,799,000 บาท หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ 4×2 ราคาพิเศษ 1,249,000 บาท จากราคาปกติ 1,392,000 บาท

-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ Sport 4×2 6AT ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียม พลัส 4×4 6AT ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

-รถฟอร์ดทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และฟรีค่าแรงเช็กระยะ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเปิดรับจองรถฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมชุดแต่ง MS-RT สุดยอดรถกระบะสไตล์เรซซิ่ง ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากมอเตอร์สปอร์ต เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยการนำเสนอครั้งแรกจำนวน 200 คันเท่านั้น ในราคา 1,749,000 บาท

ผู้สนใจดูข้อมูลและเงื่อนไขข้อเสนอพิเศษของแคมเปญส่งเสริมการขายได้ที่โชว์รูมฟอร์ดใกล้บ้านท่าน หรือเว็บไซต์ http://www.ford.co.th  และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร 1383

กรังด์ปรีซ์ฯ ประกาศแต่งตั้ง “พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา” ขึ้นตำแหน่ง CEO

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2567 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 โดยมีการแต่งตั้ง นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ซึ่งมีผลในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ผ่าน

นอกจากนี้ยังคงดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัทฯ กรรมการสรรหา พิจารณาค่าตอบแทนและการกำกับดูแลกิจการที่ดี กรรมการบริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและกรรมการบริหาร เพื่อช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัทในทิศทางที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดย ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ยังคงดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร เพื่อให้คำแนะนำ และสนับสนุนการบริหารจัดการของบริษัทฯ ต่อไป

การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริหารของ กรังด์ปรีซ์ ฯ โดยนายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา พร้อมสานต่อความสำเร็จ และจะนำประสบการณ์ วิสัยทัศน์ที่มีมา พัฒนาองค์กรให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและท้าทายใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศ และระดับสากลต่อไป ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สะท้อนถึงความพร้อมของบริษัทฯ ในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืนของ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

มิตซูบิชิ ยกระดับบริการหลังการขาย มอบส่วนลดร้อยละ 20

รถเก่า เราก็ดูแล! มิตซูบิชิ ยกระดับการให้บริการหลังการขายด้วยข้อเสนอ ส่วนลดร้อยละ 20 สำหรับค่าแรงและค่าอะไหล่ที่ร่วมรายการพร้อมฟรีเช็กรถ 22 รายการ และตรวจเช็กด้วยเครื่อง MUT-III เฉพาะรถยนต์มิตซูบิชิที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบแคมเปญสุดพิเศษ ‘รถเก่า เราก็ดูแล’สำหรับลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่นที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่นำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิทั่วประเทศ ส่วนลดร้อยละ 20 สำหรับค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าเคมีภัณฑ์ ที่ร่วมรายการ พร้อมฟรี เช็กรถ 22 รายการ และตรวจเช็กด้วยเครื่อง MUT-III เฉพาะรถยนต์มิตซูบิชิที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ณ ศูนย์บริการมาตรฐานของผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของแคมเปญได้ที่ https://www.mitsubishi-motors.co.th/th/buy/promotion/reduce-pm2-5-campaign

เพื่อให้ลูกค้าใช้งานรถยนต์ได้อย่างเต็มสมรรถนะ และลดปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 จากการใช้งาน พร้อมสนับสนุนโครงการ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ครั้งที่ 6 ประจำปี 2567 ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับกรุงเทพมหานครในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบส่วนลดร้อยละ 20 สำหรับค่าแรง รวมไปถึง ค่าอะไหล่ น้ำมันเครื่อง และเคมีภัณฑ์ที่ร่วมรายการ ทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ น้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่อง ชุดกรองน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำยาทำความสะอาดเครื่องยนต์มิตซูบิชิ น้ำยาทำความสะอาดระบบหัวฉีดมิตซูบิชิ พร้อมตรวจเช็กฟรี 22 รายการ และตรวจเช็กเครื่องยนต์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ MUT-III สำหรับรถยนต์ มิตซูบิชิที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป นับจากวันจดทะเบียนที่ระบุไว้ในเล่มทะเบียนรถยนต์ที่ออกโดยกรมขนส่งทางบก หรือเป็นลูกค้าที่ออกรถก่อนปี 2553  โดยลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิทั่วประเทศ เติมความอุ่นใจและมอบความสะดวกสบายให้กับทุกการเดินทาง ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและความสะดวกสบายสูงสุดจากรถยนต์มิตซูบิชิ

เชื่อมั่นในทุกการเดินทาง สำหรับรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ กับการตรวจเช็กและดูแลบำรุงรักษารถยนต์ของคุณด้วยบริการที่ได้รับมาตรฐานโดยช่างผู้ชำนาญงานที่ได้รับการอบรม และอะไหล่แท้จากมิตซูบิชิ ภายใต้สโลแกน ‘เราดูแล…คุณแค่ขับ’ ลูกค้าที่เข้ามาที่ศูนย์บริการของมิตซูบิชิ สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลจากช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญและใช้อะไหล่แท้ของมิตซูบิชิ สร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพระดับสูงสุด เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเข้ารับบริการที่สะดวกราบรื่นยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถนัดหมายการเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน M-Drive ซึ่งสามารถเข้าถึงเครือข่ายศูนย์บริการมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

ตรวจสอบรายการอะไหล่ที่ร่วมรายการ และรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือสอบถามรายละเอียด และ ติดต่อเพื่อนัดหมายเข้ารับบริการตรวจเช็กรถยนต์และบำรุงรักษา ได้ที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุมอบชุดอุปกรณ์การฝึกด้านยานยนต์

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุมอบชุดอุปกรณ์การฝึกด้านยานยนต์ ให้แก่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และสถาบันฝึกอบรมตรีเพชรอีซูซุ โดยนายโสภณ ตั้งฐานทรัพย์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป มอบชุดอุปกรณ์การฝึกด้านยานยนต์ มูลค่ารวม 200,000 บาท ให้แก่ศูนย์เทคโนโลยียานยนต์ โดยความร่วมมือระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลุ่มอีซูซุ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยมี ศ.ดร.สัญญา มิตรเอม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นผู้รับมอบ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save