- Advertisement -
30.3 C
Bangkok
Home Blog Page 14

ไทยฮอนด้า จัดโปรโมชันสุดพิเศษ ในงาน Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7

ไทยฮอนด้า จัดหนัก! โปรโมชันสุดพิเศษ เฉพาะในงาน ‘Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7’ วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2568 นี้

ไทยฮอนด้า ชวนไบค์เกอร์และผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์สุดมันส์มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความสนุกแบบยกกำลังสอง พร้อมขนทัพโปรโมชันสุดพิเศษเอาใจสายสองล้อในงาน ‘Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7 FEATURING FRIENDS’ Bike Music Festival อันดับหนึ่งของเมืองไทยที่รวมดีลสุดคุ้มสำหรับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหลากหลายรุ่น ทั้งดอกเบี้ยสุดพิเศษ Gift Voucher และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย เตรียมพร้อมรับข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปี ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โกดังเสริมสุข เจริญนคร

นำโดยรถจักรยานยนต์รุ่นคอมมิวเตอร์พร้อมโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับรุ่นยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น

•New Honda Giorno+ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99%

•All New Honda Scoopy ดอกเบี้ยสุดพิเศษ 0.99% และแพ็กเกจบำรุงรักษารถ (HSP) ฟรี 2 ปี หรือ 18,000 กม. รวมถึงรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 50,000 กม.

•All New Honda PCX160 ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% รับฟรี! หมวกกันน็อก H2C Helmet Collection มูลค่า 3,200 บาท

•New Honda Forza350 และ New Honda ADV350 ดอกเบี้ยพิเศษ 4.55% พร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมทริป 3FIFTY ณ จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 22-23 มีนาคม 2568 มูลค่า 8,000 บาท

ตามด้วยฮอนด้าบิ๊กไบค์ ที่มาพร้อมโปรโมชันโดนใจ ทั้ง XL750 Transalp, CBR500R, CBR650R E-Clutch และ CB650R E-Clutch  ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี รวมถึงทะเบียน และ พ.ร.บ. พร้อมรับ เสื้อแจ็คเกต Honda x Alpinestar สุดพิเศษ มูลค่า 4,500 บาท

•XL750 Transalp ดอกเบี้ยพิเศษ 3.29% พร้อมรับ Gift Voucher มูลค่า 25,000 บาท (สามารถใช้ได้ที่ Honda Bigwing ทุกสาขา)

•CBR500R ดอกเบี้ยพิเศษ 3.55% พร้อมรับ Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท (สามารถใช้ได้ที่ Honda Bigwing ทุกสาขา)

•CBR650R E-Clutch และ CB650R E-Clutch ดอกเบี้ยพิเศษ 3.55% พร้อมรับ Gift Voucher มูลค่า 15,000 บาท (สามารถใช้ได้ที่ Honda Bigwing ทุกสาขา)

ตามด้วย CUB House by Honda ที่ยกขบวนรถจักรยานยนต์ทุกรุ่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ จะสายซน สายเท่ สายคลาสิกก็ห้ามพลาด! โปรโมชันพิเศษจัดเต็มเฉพาะในงานเท่านั้น

•รับดอกเบี้ยพิเศษ 0.59%

•ฟรี! ทะเบียน และ พ.ร.บ.

•Gift Voucher มูลค่า 1,000 บาท (สำหรับใช้ที่ร้าน Customize Shop และ Honda Collection ภายในงาน)

•รับ CUB House Helmet คละสี 1 ใบ มูลค่า 990 บาท

•ฟรี! แพ็กเกจ True Vision Now 3 เดือน (เฉพาะรุ่น Dax และ C125)

•ฟรี! เก้าอี้แคมป์ปิ้ง Kitaco จำนวน 1 ตัว (เฉพาะรุ่น CT125)

เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความสนุกแบบยกกำลังสองในงาน ‘Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7 FEATURING FRIENDS’ พบกับไลน์อัพศิลปินที่พร้อมมอบความมันส์ ทั้ง NONT TANONT, JEFF SATUR, PiXXiE, ZEAL, EBOLA, ONLY MONDAY, MOBYe ร่วมด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษ ต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว และ เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ พร้อมด้วยปาร์ตี้ EDM สุดเร้าใจตลอดสองวัน รวมถึงกิจกรรมที่หลากหลาย พร้อมมอบความประทับใจให้กับสาวกทุกสาย ทั้งสายรถ สายดนตรี สายแฟชั่น และสายอาร์ต

งานนี้เข้าร่วมฟรี! ใครไม่มีมอเตอร์ไซค์ก็สามารถเข้าร่วมได้ ลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ https://thescooterfest.net

และสำหรับลูกค้าที่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถลงทะเบียนได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (ที่เข้าร่วมกิจกรรม) พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

วอลโว่ ประกาศความสำเร็จ เดินหน้าสู่ความมุ่งมั่นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นการเป็นบริษัทผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม ประกาศความสำเร็จสัดส่วนยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บรรยายภาพ : (กลาง) คุณคริส เวลส์ – กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ขวา) คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ – ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย) คุณถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ – ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศการเติบโตของยอดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่  4 พร้อมความสำเร็จยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าที่ทำสถิติสูงที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 24 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกันนี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังได้ประกาศเป้าหมายการดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2025 และอนาคต โดยมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด, เสริมความพึงพอใจ และบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยงานขายและการบริการที่ครอบคลุม พร้อมเพิ่มมูลค่าในการเป็นเจ้าของรถวอลโว่ด้วยโครงการใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของรถวอลโว่

ในปี 2024 ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า fully electric มีสัดส่วนสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวม โดยเป็นสัดส่วนสูงสุดที่เคยมีมาตั้งแต่ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เริ่มจำหน่ายรถไฟฟ้า fully electric ในปี 2022 ซึ่งความนิยมของ Volvo EX30 ส่งผลให้รถรุ่นดังกล่าวมีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย Volvo EC40 และ EX40 ที่มียอดขายที่ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่าๆ กัน สำหรับรถปลี๊กอินไฮบริดนั้นมีสัดส่วนยอดจำหน่ายรวมที่ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยมีรถสไตล์เอสยูวี รุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo XC60 และ XC90 ที่ยังคงสร้างความสนใจให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการเติบโตของรถใหม่ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังได้ประกาศการเติบโตของรถวอลโว่มือสองไมล์น้อยคุณภาพดี อย่าง Volvo Selekt Approved Used Cars ว่ามียอดจำหน่ายที่โตขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปี 2023

มร.คริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และ ประเทศมาเลเชีย กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจกับผลลัพธ์ของปีที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งการเติบโตที่ต่อเนื่องก็สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์วอลโว่ และตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

แม้ว่าความท้าทายจะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องมาในปี 2025 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ของเรา โดยเราตั้งเป้าหมายการเติบโตของปี 2025 ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ เราเชื่อว่าด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า fully electric และรถปลั๊กอินไฮบริด จะยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคต่อเนื่องไปในอนาคต อีกทั้งความพรีเมียมของแบรนด์ที่ทำให้ วอลโว่ คาร์ แตกต่าง และเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

Volvo EX90 Sand Dune Exterior

สานต่อความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในปี 2025 ในปี 2025 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้วางเป้าหมายเพื่อสานต่อความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถไฟฟ้าในอนาคต

Volvo EX90 Vapour Grey Extrior

เริ่มในไตรมาสแรกของปี 2025 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้วางแผนการส่งมอบรถไฟฟ้าขนาด 7 ที่นั่ง สไตล์เอสยูวี รุ่นเรือธงอย่าง Volvo EX90 ให้แก่ลูกค้า ซึ่ง EX90 นำเสนอนิยามบทใหม่ของเทคโนโลยีและมาตรฐานความปลอดภัยของ วอลโว่ คาร์ โดยเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้ชิปในการประมวลผล ผ่านการทำงานของซอฟ์แวร์เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ความปลอดภัย, การเชื่อมต่อ และข้อมูล บนแพลตฟอร์มที่สามารถอัพเกรดเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

Volvo EX90

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้า fully electric รวมถึงรถกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเท่านั้นในอนาคต

ในแง่ของการบริการเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า บริษัทฯ ได้วางแผนในการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR) แห่งใหม่ พร้อมวางแผนการขยายบริการ Volvo Mobile Service ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับความนิยมของลูกค้าที่สนใจรับบริการเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นบริการที่มีความสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถรับบริการได้จากที่บ้านหรือสถานที่ที่นัดหมาย ประหยัดเวลาการเดินทางไปที่ศูนย์บริการ  พร้อมกันนี้ยังได้รับความอุ่นใจว่าช่างที่มาให้บริการได้รับการอบรมตามมาตรฐานของวอลโว่ คาร์

Volvo EX90 Sand Dune Exterior

เนื่องด้วยความเข้าใจในสภาวะของตลาด และเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยยังได้วางแผนจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ ร่วมถึงเปิดบริการ SMART Repair Service ซึ่งเป็นการบริการซ่อมความเสียหายขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่เกิดขึ้นกับตัวรถด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยของวอลโว่ แทนที่การเปลี่ยนอุปกรณ์ยกชิ้น ซึ่งการซ่อมดังกล่าวใช้เวลาไม่นาน และมีราคาประหยัด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการใช้รถ เพิ่มมูลค่าในการเป็นเจ้าของซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ต้องการนำเสนอให้แก่ผู้เป็นเจ้าของรถวอลโว่ทุกคน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมทริป TANK 300 HEV และ GWM HAVAL JOLION เปิดประสบการณ์สุดพิเศษ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมทริปกับผู้ใช้รถ GWM TANK 300 HEV และ GWM HAVAL JOLION สร้างประสบการณ์แสนอบอุ่นและประทับใจในการเดินทางสุดพิเศษ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์จริง ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง

กรุงเทพฯ 7 กุมภาพันธ์ 2568 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นระหว่างผู้ใช้งานชาวไทยกับบริษัทฯ ร่วมออกทริปพร้อมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงเรื่องราวประสบการณ์การใช้งานรถยนต์กับลูกค้า GWM TANK 300 HEV สู่เขาพะเนินทุ่ง จังหวัดเพชรบุรี และครอบครัวฝูงสิงโตอารมณ์ดีอย่าง GWM HAVAL JOLION รุ่น Sport และรุ่น ULTRA ที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยการเข้าร่วมทั้งสองทริปนี้ ตอกย้ำถึงความสำคัญของลูกค้าต่อการดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมพิเศษต่างๆ กับลูกค้าผู้ใช้งานจริง พร้อมรับฟังเสียงของผู้บริโภคภายใต้กลยุทธ์การมีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง หรือ User-Centric อย่างแท้จริง ซึ่งลูกค้าถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้แบรนด์เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

ประเดิมทริปแรกแห่งปี ที่่รวมพลครอบครัวสายลุยกับ GWM TANK 300 HEV รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสายพันธุ์ดุ มุ่งหน้าสู่เขาพะเนินทุ่ง จังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ 25 – 26 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ในระยะทางทั้งสิ้นกว่า 450 กิโลเมตร สัมผัสประสบการณ์พิเศษกับการแคมปิงที่ระดับความสูง 1,207 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ท่ามกลางลมหนาวรับปีมะเส็งในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง พร้อมความงดงามที่สะกดทุกสายตาด้วยดวงดาวเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน และทางช้างเผือกที่ทอดยาวเหนือศีรษะ โดย “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” แห่งนี้ มีภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้าสลับแนวเขาสูงตระหง่าน ที่ท้าทายขีดความสามารถในการขับขี่ของบรรดาสายลุย โดยตลอดทั้งเส้นทาง GWM TANK 300 HEV ได้พิสูจน์สมรรถนะความแข็งแกร่งและความสามารถรอบด้านได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งการขับขี่บนทางเรียบและการขับขี่แบบออฟโรด ด้วยระบบขับเคลื่อนสุดล้ำ ทั้งระบบ 4WD แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ในระหว่างการเดินทางขึ้นสู่เขาพะเนินทุ่งที่มีทั้งทราย หิน และลำธาร ลูกค้าทุกท่านได้มีโอกาสใช้งานระบบอัจฉริยะต่าง ๆ มากมายของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด (Off-road Cruise Control) ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) และกล้อง 360° ที่จะทำให้ผู้ร่วมทริปได้มองเห็นทุกอุปสรรคได้ชัดเจน ในขณะที่ทริปจบลงไปแล้วแต่เรื่องราวความสุขและความประทับใจยังคงดำเนินต่อ ผู้ใช้ GWM TANK 300 HEV ทุกคนล้วนภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ กับดีไซน์สไตล์ BOXY ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สะดุดตา รวมถึงสมรรถนะ ระบบช่วยการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่พิสูจน์แล้วตลอดทั้งเส้นทาง มอบการขับขี่ที่สะดวกสบาย ไม่เมื่อยล้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายลุยได้อย่างลงตัว

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับลูกค้า โดยร่วมมือกับ HAVAL JOLION Sport Club นำฝูงเจ้าสิงโตอารมณ์ดี ทั้งรุ่น Sport และรุ่น ULTRA พร้อมครอบครัวกว่า 40 ท่าน มุ่งหน้ารับลมหนาว ณ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วยระยะทางไป-กลับ จากกรุงเทพฯ รวมกว่า 800 กิโลเมตร ระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา การเดินทางในครั้งนี้เป็นการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบและสะดวกสบาย โดยในทริปนี้ ครอบครัว GWM HAVAL JOLION ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญและทัศนียภาพอันงดงามของพระตำหนักเขาค้อ, จุดกางเต็นท์ไปรษณีย์เขาค้อ, เจดีย์กาญจนาภิเษก, Amazing Dinosaur เขาค้อ ก่อนปิดท้ายทริปด้วยการสักการะพระธาตุผาซ่อนแก้วที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่วิจิตรงดงาม ประดับประดาด้วยกระจกหลากสีแวววาวระยิบระยับใต้แสงแดด โดยครอบครัว GWM HAVAL JOLION ได้แสดงความประทับใจจากประสบการณ์การใช้งานจริง ทั้งจากห้องโดยสารที่กว้างขวาง สมรรถนะที่เหนือชั้น เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยและครบครัน อาทิ ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน (LKA) และระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ รวมถึงความประทับใจในสมรรถนะการขับขี่ โดยเฉพาะช่วงล่างที่ให้ความหนึบ เกาะถนนดี แม้ในขณะเข้าโค้งที่ความเร็วสูง พร้อมอัตราเร่งที่ตอบสนองฉับไว แม้ในเส้นทางขึ้นและลงจากเขาค้อที่เป็นทางลาดชันและคดเคี้ยว GWM HAVAL JOLION ก็ทำให้ทุกการขับขี่เป็นไปอย่างมั่นใจและง่ายดาย ทำให้ทริปนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ยังปลอดภัยและสะดวกสบายในทุกการเดินทาง

นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่านที่มอบความไว้วางใจให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของเราด้วยดีเสมอมาตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เดินทางไปพร้อมกับครอบครัว GWM TANK 300 HEV และ GWM HAVAL JOLION รวมทั้งสิ้นกว่า 70 ท่าน ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมร่วมสร้างความสุขและความทรงจำที่ดีร่วมกัน โดยตลอดทั้งปี 2568 นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพกับผู้ใช้งานรถยนต์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทุกรุ่น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ที่พร้อมเคียงข้างลูกค้าและเติบโตไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นอกจากนี้ จากการร่วมทริปทั้งสองทริปกับลูกค้า เรายังได้รับข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์อย่างมากจากผู้ใช้งานจริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับประสบการณ์ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้เตรียมความพร้อมเข้าร่วมทริปกับบรรดาลูกค้าของเจ้าเหมียวไฟฟ้า GWM ORA Good Cat ซึ่งเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ของเราอีกด้วย โดยมีจุดหมายปลายทางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนกิจกรรมของครอบครัวผู้ใช้ของเราอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่ดีไปด้วยกัน”

วิริยะประกันภัย จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญาคู่ค้า ภาค 5 (ภาคใต้)

นายนที ไชยกาล ผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานงานคู่ค้าสินไหมทดแทนรถยนต์ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทน บริษัทฯ นำคณะผู้บริหาร จัด “พิธีลงนามเซ็นสัญญาคู่ค้า ภาค 5 (ภาคใต้)” ประจำปี 2568 – 2569 พร้อมร่วมลงนามเซ็นสัญญากับคู่ค้า ซึ่งประกอบไปด้วย อู่โครงการมาตรฐานวิริยะประกันภัย อู่เฉพาะกิจ ร้านกระจก รถยก และร้านซ่อมทรัพย์สิน ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการด้านการจัดซ่อม ให้สอดคล้องและเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มคู่ค้า ในการดำเนินการทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมืออันแข็งแกร่ง อันจะนำไปสู่การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ณ โรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญากับกลุ่มคู่ค้า ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ณ ห้องคริสตัลแกรนด์บอลรูม โรงแรมคริสตัล อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมถึงจัด “พิธีมอบโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณให้กับศูนย์ซ่อมที่ได้รางวัลชนะเลิศ ด้านการพัฒนาดีเด่น ของภาคใต้ ประจำปี 2567” อีกด้วย

สำหรับ การดำเนินพิธีลงนามดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร ได้แถลงนโยบายของบริษัทฯ เพื่อสื่อสารแนวทางการพัฒนาการจัดซ่อมที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า โดยมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ระหว่างบริษัทฯ และกลุ่มคู่ค้า เพื่อพัฒนากระบวนการซ่อมแซมและการบริการให้มีมาตรฐานสูงสุด และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในระยะยาวต่อไป

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดแผนธุรกิจปี 2568

“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” รุกหนักตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2568 เปิดแคมเปญ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE…สุดทุกทางต่างทุกฟีล” เปิดตัว ALL NEW YAMAHA NMAX TECH MAX และ ALL NEW YAMAHA NMAX ผนึกกำลังพันธมิตรสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ชิงส่วนแบ่งการตลาด 14.5%

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในประเทศไทย ประกาศกร้าวพร้อมเดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยปี 2568 เต็มพิกัด เปิดแคมเปญ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE…สุดทุกทาง ต่างทุกฟีล” พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ให้กับลูกค้ายามาฮ่า ด้วยการเปิดตัว ALL NEW YAMAHA NMAX TECH MAX และ ALL NEW YAMAHA NMAX พร้อมผนึกกำลังพันธมิตร ผู้จำหน่าย บริษัทเช่าซื้อ ตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด 14.5% ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการเดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยปี 2568 ว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.708 ล้านคัน โดยยอดจดทะเบียนของยามาฮ่าอยู่ที่ 232,000 คัน สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจ และความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของยามาฮ่าอย่างต่อเนื่อง”

“สถานการณ์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในปีนี้ มีปัจจัยช่วยสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ ความต้องการรถจักรยานยนต์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถออโตเมติกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น การปรับตัวของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เติบโตขึ้น สำหรับปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก หนี้ครัวเรือนที่สูง รวมถึงการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นส่งผลกระทบต่อการขาย”

“สำหรับการคาดการณ์ตลาดรวมในปี 2568 คาดว่าอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยเป้าหมายของยามาฮ่าอยู่ที่ 247,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดิม 7% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว และส่วนแบ่งการตลาดของยามาฮ่า เราตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% โดยการเน้นการตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักปรัชญาคันโด (KANDO) เพื่อสร้างความพึงพอใจที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า และสร้างความแตกต่างในทุกๆกิจกรรมการตลาด โดยในปีนี้ยามาฮ่าได้มีการสร้างแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้ชื่อ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE…สุดทุกทาง ต่างทุกฟีล” ที่พร้อมมอบที่สุดแห่งประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ทั้ง สุด…ทุกการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย สุด…ในทุกความเร้าใจในการขับขี่ ผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่ตื่นเต้น และสร้างความสนุกสนาน สุด…ในทุกความมั่นใจ ผ่านการรับประกัน 5 ปี และการบริการจากยามาฮ่า สุด…ในทุกสไตล์ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์ และกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ และสุด…ในความเป็นตัวตนของยามาฮ่า ที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์และความหลากหลายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทั้งเสริมสร้างความผูกพันกับแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

“ทั้งนี้ ยามาฮ่ายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้ายามาฮ่าในประเทศไทย และยังคงเน้นย้ำในความสำคัญของบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งกับความเป็นสินค้าพรีเมียมของยามาฮ่า และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้อยู่กับเราไปตลอด ผมเชื่อว่าด้วยสินค้าที่ยามาฮ่าเตรียมไว้สำหรับปีนี้ และแผนงานที่ได้วางไว้ เราจะสามารถบรรลุเป้าการขาย และส่วนแบ่งการตลาดที่เรามุ่งหวัง และเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่เป็นที่สุด เหนือกว่าความคาดหวังให้กับลูกค้าของเราทุกๆ คนครับ”

นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมถึงนโยบายการขายและการตลาดในปี 2568 ว่า “สำหรับนโยบายการขายและการตลาดของยามาฮ่าในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแบรนด์แคมเปญใหม่ “FEEL THE UNIQUE EXPERIENCE…สุดทุกทาง ต่างทุกฟีล” เราจึงมุ่งเน้นนโยบายการตลาดของยามาฮ่าในเรื่องของการสร้าง “ที่สุดของประสบการณ์” ให้กับลูกค้าผ่านช่องทางจากพันธมิตรที่สำคัญคือ ผู้จำหน่ายยามาฮ่า และบริษัทเช่าซื้อ ผนวกกับพันธมิตรทางการตลาด เพื่อส่งต่อประสบการณ์ที่แตกต่างใน 2 แกนหลัก คือ Cool…สุด กับประสบการณ์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวที่ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ทั้งด้านบันเทิง กีฬา แฟชั่น อาหาร และการท่องเที่ยว Care…สุด กับบริการหลังการขายจากยามาฮ่า ได้แก่ การรับประกัน 5 ปี, Yamaha Pro Care, Yamaha Premium Service, Yamaha Roadside Service บริการยกรถ 24 ชั่วโมงผ่าน Yamaha Call Center การร่วมมือกับพันธมิตรด้านประกันภัย และการพัฒนาทักษะในอนาคตสำหรับลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยเติมเต็มความต้องการของลูกค้า พร้อมได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี 2568”

“ในส่วนของนโยบายด้านการขาย เราให้ความสำคัญกับผู้จำหน่าย โดยเน้นในเรื่อง “ที่สุดของการดูแล” โดยให้ความรู้กับที่ปรึกษาการขายให้มากขึ้น เพื่อสามารถสนับสนุนความต้องการของผู้จำหน่ายในทุกมิติ เน้นให้ผู้จำหน่ายทำกิจกรรม On Ground เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้โดยตรงให้กับลูกค้า และเป็นรูปแบบเดียวกัน การทำ Online เพื่อสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างคลับในพื้นที่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ และสร้าง Lifetime Customer การขยาย New Yamaha Square ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวม 239 สาขา”

“สำหรับในปีนี้ ไทยยามาฮ่า พร้อมทำตลาดอย่างเต็มโดยจะมีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องถึง 5 รุ่น โดยรุ่นแรกที่ทำการเปิดตัวในปีนี้คือ ALL NEW YAMAHA NMAX “THE MAX PRIDE BOOSTER” ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! บูสต์ความภูมิใจครั้งใหม่แบบสุดฟีล มันส์…เปลี่ยนโลก รถจักรยานยนต์ออโตเมติก Premium Sport ที่จะมาสร้างประสบการณ์ขับขี่ใหม่ๆ ให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากยามาฮ่า “ระบบขับเคลื่อน YECVT* (YAMAHA ELECTRIC CONTIUOUSLY VARIABLE TRANSMISSION) (*เฉพาะรุ่น Tech Max) ครั้งแรกในประเทศไทย และเพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์ของผู้ขับขี่ได้อย่างโดนใจที่สุด โดยสามารถเป็นเจ้าของ ALL NEW YAMAHA NMAX TECH MAX และ ALL NEW YAMAHA NMAX ได้แล้ววันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศครับ”

ยามาฮ่ายังคงมอบความมั่นใจในสินค้าด้วยการกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ให้กับลูกค้า และสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในการรับประกันสินค้ามากที่สุดในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ด้วยระยะเวลาการรับประกัน ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และสำหรับในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟินน์ เรากล้าให้การรับประกัน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อสินค้าเพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม

ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบพระคุณท่านสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และบริการที่ดี สร้างความมั่นใจสู่ความเป็น Premium Brand รวมทั้งเสริมสร้างกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

สถาบันยานยนต์เดินหน้ายกระดับองค์กรสู่มาตรฐานขั้นสูงเพื่อยานยนต์แห่งอนาคต

สถาบันยานยนต์ ไม่หยุดพัฒนาเดินหน้ายกระดับความสามารถขององค์กรขยายความสามารถการทดสอบ พร้อมเป็นองค์กรกำหนดมาตรฐานขั้นสูง เพื่อยานยนต์แห่งอนาคต

สถาบันยานยนต์หน่วยงานให้บริการด้านทดสอบมาตรฐานทั่วไป มาตรฐานบังคับ และมาตรฐานสากล สำหรับยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายความสามารถการให้บริการเพิ่มขึ้น โดยได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ มอก. 17025-2561 และได้รับการจดทะเบียนเป็น องค์กรกำหนดมาตรฐานประเภทขั้นสูง จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อยานยนต์แห่งอนาคต

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติมอบใบรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ มอก. 17025-2561 (Standard No. TIS 17025-2561 (2018) ISO/IEC 17025: 2017) ข้อกำหนดทั่วไปว่าด้วย ความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและห้องปฏิบัติการทดสอบเทียบ ออกให้เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 และใบจดทะเบียนองค์กรกำหนดมาตรฐาน ประเภทขั้นสูง เพิ่มเติม 6 สาขา ออกให้ ณ วันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า “การที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ซึ่งดำเนินงานโดยสถาบันยานยนต์ ได้รับใบรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ มอก. 17025 ใน 3 สาขา ได้แก่ 1. สาขายานยนต์ มาตรฐานมลพิษทางเสียงที่เกิดจากรถจักรยานยนต์และยานยนต์ตั้งแต่ 4 ล้อขึ้นไป (UN R 41, UN R 51)  มาตรฐานการยึดเกาะถนนบนพื้นเปียกและเสียงจากยางล้อ (UN R 117)  มาตรฐานระบบห้ามล้อสำหรับรถจักรยานยนต์, รถยนต์ และรถบรรทุก (UN R 78, UN R 13H และ UN R 13) 2.สาขาชิ้นส่วนยานยนต์ มาตารฐานยางล้อ (UN R 117) มาตรฐานเข็มขัดนิรภัยสำหรับรถยนต์ (UN R 14, UN R 16) มาตรฐานที่นั่งยานยนต์ (UN R 17, UN R 25) 3. สาขาระบบและชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า มาตรฐานแบตเตอรี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ (UN R 100, UN R 136) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่ห้องปฏิบัติการได้พัฒนาเพิ่มเติมความสามารถและปรับปรุงกระบวนการ เพื่อให้สอดรับกับมาตรฐานใหม่ที่ประกาศใช้ในการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการให้เป็นที่ยอมรับทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทำให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพและความน่าเชื่อถือของการรายงานผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการจากสถาบันยานยนต์ และศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ

พร้อมกันนี้สถาบันยานยนต์ยังได้รับการจดทะเบียนเป็น องค์กรกำหนดมาตรฐาน (Standard Developing Organization, SDOs) ประเภทขั้นสูง เพิ่มเติม จำนวน 6 สาขา ได้แก่ สาขาที่ 44 ระบบขับเคลื่อน ขับหมุนและเบรกยานยนต์ สาขาที่ 45 ระบบไฟฟ้า แสง และสัญญาณแสงยานยนต์ สาขาที่ 46 ความปลอดภัยยานยนต์ สาขาที่ 47 มลพิษ เสียง และพลังงานยานยนต์ สาขาที่ 76 แบตเตอรี่และ สาขาที่ 81 ยานพาหนะไฟฟ้า นั่นหมายความว่า สถาบันยานยนต์เป็นหน่วยงานที่มีความสามารถในการจัดทำมาตรฐานให้เป็นไปตามหลักสากล เสนอร่างกำหนดเป็นมาตฐานของชาติ เพื่อประชาชนผู้ใช้ปลายทางได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานมีความปลอดภัยตรงตามวัตถุประสงค์การคุ้มครองผู้บริโภค โดยการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งในขณะนี้ศูนย์ทดสอบยานยนต์ สถาบันยานยนต์และศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์ทดสอบยานยนต์ ที่มีศักยภาพและครบวงจรที่สุดในอาเซียน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยบุคลากรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านการทดสอบ พร้อมทำหน้าที่เพื่อรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เป็นไปตามที่กำหนด เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์สู่อนาคต พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต อันดับ 1 ในอาเซียนอย่างเข้มแข็ง โดยสามารถตรวจสอบรายการและรายละเอียดการขอรับบริการได้ที่ www.thaiauto.or.th หรือ line @thaiauto

ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : แผนกการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ สถาบันยานยนต์  ชั้น 4  อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4  โทรศัพท์ : 02 712 2414 ต่อ 6301 – 6303  โทรสาร: 02 712 2415

เอ็มจี ขึ้นแท่นแบรนด์จีนตลาดยุโรป ทำยอดขายทะลุ 244,595 คัน

เอ็มจี สร้างยอดขายทะลุ 244,595 คัน ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์รถยนต์จีนที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในยุโรป

กรุงเทพ –  4 กุมภาพันธ์ 2568 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้เผยยอดขายรวมของ เอ็มจี ภายใต้การดำเนินงานของ SAIC MOTOR CORPORATION ในตลาดยุโรป ปี 2024 ขึ้นแท่นบริษัทรถยนต์จีนที่มียอดขายรถยนต์สูงสุดในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศนอร์ดิก โดยมียอดขายรวมของ เอ็มจี อยู่ที่ 244,595 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของยอดขายรถยนต์รวมในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และ กลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย มีจำนวนทั้งสิ้น 12.964 ล้านคัน มีอัตราเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

เอ็มจี ภายใต้การดำเนินงานของ SAIC MOTOR CORPORATION ยังคงมีผลงานที่ดีในตลาดยุโรป ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี โดยในฝรั่งเศส เอ็มจี ครองส่วนแบ่งตลาด 4.2% ในเดือนธันวาคม 2024 ด้วยยอดขายรถยนต์ใหม่ 7,692 คัน ขณะที่ในอิตาลี ยอดขายตลอดปี 2024 ของ เอ็มจี เพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหลักอย่างสหราชอาณาจักรมียอดขายรวมในปี 2024 ที่ 81,536 คัน คิดเป็นสัดส่วน 4.18% ของตลาดรถยนต์ในสหราชอาณาจักร โดย MG HS ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดของ เอ็มจี ในสหราชอาณาจักร มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและระบบปลั๊กอินไฮบริด โดยมียอดขายอยู่ที่ 30,207 คัน รวมถึงรถยนต์รุ่นล่าสุดอย่าง ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมในปี 2024 กว่า 6,000 คัน

แม้ในปีที่ผ่านมาสหภาพยุโรปมีการเพิ่มภาษีรถยนต์ไฟฟ้า100% ที่มาจากจีนสูงขึ้น แต่ข้อจำกัดดังกล่าวไม่ได้ทำให้แบรนด์ เอ็มจี ลดความมุ่งมั่นและยังคงรักษาผลงานยอดขายโดยรวมได้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ เอ็มจี เข้าสู่ตลาดยุโรปเร็วกว่าบริษัทอื่น ทำให้มีการรับรู้แบรนด์และเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่เติบโตอย่างมั่นคง รวมถึงแบรนด์เอ็มจีมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเป็นที่รู้จักมามากกว่า 100 ปี อีกทั้ง SAIC MOTOR ได้มีการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย ทั้งรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริด รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ช่วยสนับสนุนยอดขายของ เอ็มจี ในตลาดยุโรป สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ของ เอ็มจี ที่วางจำหน่ายในยุโรป จะมีสเปกเดียวกันกับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย นับเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้ลูกค้าชาวไทย ผ่านการนำเสนอโกลบอลโมเดลให้กับผู้บริโภค ที่ครอบคลุมทั้งคุณภาพและสเปคที่เทียบเท่ากับทุกประเทศทั่วโลก

MOTOR EXPO 2025 แนวคิด อลังการงานแสดง

IMC สื่อสากล” เผยแนวคิด “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เพื่อตอกย้ำ และต่อยอดความอลังการของงานที่ว่า “อลังการงานแสดง – The Magnificent Motor Expo”

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เผยว่า แนวคิดของการจัดงานปีนี้ต้องการเน้นความอลังการของงาน โดยที่ผ่านมา “มหกรรมยานยนต์” เป็นงานแสดงที่มีความอลังการหลายด้าน

เริ่มจาก อลังการด้านระยะเวลาดำเนินการจัดงาน ที่ยาวนานต่อเนื่องมากว่า 4 ทศวรรษ ยิ่งกว่านั้น ยังได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าระดับโลก โดย สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก (UFI)

อลังการด้านขนาดของงาน เราใช้พื้นที่ภายใน และภายนอกอาคาร IMPACT CHALLENGER 1-3 เมืองทองธานี รวมทั้งหมดถึง 80,000 ตารางเมตร จัดแสดงยานยนต์ทุกประเภท พร้อมอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง โดยมียานยนต์เข้าร่วมงานรวมแล้วกว่า 60 แบรนด์ แบ่งเป็นรถยนต์ กว่า 40 แบรนด์ และจักรยานยนต์ อีกกว่า 20 แบรนด์ มากที่สุดในบรรดางานแสดงยานยนต์ทั่วอาเซียน

อลังการด้านกิจกรรม ทั้งกิจกรรมนันทนาการของหน่วยงาน โครงการ และมูลนิธิต่างๆ รวมถึงกิจกรรมชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ 3 คัน และบิกไบค์ 1 คัน ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

อลังการด้านยอดจองรถในงาน ทุกปีจะมีผู้ชมตัดสินใจจองรถยนต์ และจักรยานยนต์ภายในงานปีละหลายหมื่นคัน สร้างความคึกคักให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมถึงสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล

อลังการด้านจำนวนผู้ชม แต่ละปีจะมีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมงานจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีผู้ชมงานผ่าน MOTOR EXPO ONLINE PLATFORM และ PLATFORM อื่นๆ ตลอดจนการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อีกนับล้านคนทั่วประเทศ

“ทั้งหมดนี้ คือองค์ประกอบของงาน “มหกรรมยานยนต์” ที่ภาคภูมิใจ และมุ่งมั่นจะสร้างสรรค์งานปีนี้ ให้มีความอลังการยิ่งกว่าเดิมในทุกด้าน ดังนั้น เราจึงกำหนดแนวคิดเพื่อตอกย้ำเป้าหมาย พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ว่า “อลังการงานแสดง – The Magnificent Motor Expo”

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

มิตซูบิชิ เปิดตัว ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม รุ่นเริ่มต้นออปชั่นแน่นราคาเดิม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม (PRIME) ใหม่ รถอเนกประสงค์รุ่นเริ่มต้น ที่ฟีเจอร์ครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยการเปิดตัว มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม (PRIME) ใหม่ พัฒนาขึ้นจากความต้องการของลูกค้า มาพร้อมความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเหนือระดับสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่ง ในราคาเดิม มอบนิยามของการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกไลฟ์สไตล์

มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญสูงสุดกับความต้องการของลูกค้า และมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการนั้น มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม ใหม่ คือรุ่นเริ่มต้นของรถอเนกประสงค์ยอดนิยม ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบครันมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ โดยไม่ปรับเพิ่มราคา แต่ยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยในแบบที่ลูกค้าชาวไทยต้องการ”

“ด้วยยอดขายที่ผ่านมากว่า 200,000 คัน ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ เราพัฒนาคุณภาพรถยนต์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นใจ ด้วยบริการหลังการขายจากศูนย์บริการของผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพพร้อมให้บริการหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายเกือบ 200 แห่งทั่วประเทศ” มร.อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม ใหม่ มาพร้อมกับความคุ้มค่ากว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ 360 องศา (Diamond Sense): ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA) ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) เสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยจากเดิม 2 ตำแหน่ง (บริเวณผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า) เพิ่มอีก 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลม พร้อมถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านผู้ขับขี่  รวมทั้งสิ้น 7 ตำแหน่ง  และมีจอแสดงผลการขับขี่ใหม่แบบ Full Digital ขนาด 8 นิ้ว พร้อมด้วย เบาะปรับดันหลังด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับ (Power Lumbar Support)

เทคโนโลยี Diamond Sense อื่นๆ ประกอบด้วย ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) และระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน Apple CarPlay และ Android Auto จอเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 12.1 นิ้ว มาพร้อมกับรีโมท หูฟังอินฟราเรด และเชื่อมต่อ HDMI และ USB เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และระบบชาร์จอุปกรณ์ไร้สาย พิถีพิถันในทุกรายละเอียดไปกับการตกแต่งด้วยสีเงินและเปียโนแบล็ก เหนือระดับความทันสมัยและความหรูหรา

พลังการควบคุมที่เหนือชั้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ (Hyper Power) แรง ประหยัดน้ำมัน ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร  ที่ 2,250 – 2,500 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมัน 15.2 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker)

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม ใหม่ คงราคาเดิมที่ 1,389,000 บาท ตอกย้ำนิยามความเป็นรถพีพีวีอเนกประสงค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ต้องการกำหนดทุกความสำเร็จด้วยตัวเอง โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่สีเงิน Blade Silver สีดำ Jet Black Mica สีเทา Graphite Grey และสีขาว White Diamond (ราคาเพิ่ม 15,000 บาท)

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ไพร์ม ใหม่ มาพร้อมกับแคมเปญพิเศษ

•ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 1 ปี

•ฟรี ประกันคุณภาพ พร้อมค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี/ 100,000 กิโลเมตร

•ฟรี ชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ WIFI (WIFI Dongle)

•เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.09% กับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ

•เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี/ 100,000 กิโลเมตร พร้อมขยายบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

•ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 30,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน M-Drive

หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

บีเอ็มดับเบิลยู สานต่อวิสัยทัศน์สู่สังคมแห่งความยั่งยืน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อวิสัยทัศน์ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ มอบรางวัลแก่ผู้จำหน่ายที่ร่วมกันผลักดันสู่สังคมแห่งความยั่งยืน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความยั่งยืนสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรม มอบรางวัลแก่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3 ราย ได้แก่ เชิดชัย ออโต้เฮาส์ มิลเลนเนียม ออโต้ และ เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ในการประกวด Dealer Sustainability Awards 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม สนับสนุนผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู และมินิอย่างเป็นทางการที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือสังคม

การประกวด Dealer Sustainability Awards 2024 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘CHOICEISYOURS 2024’ ซึ่งจัดขึ้นมาเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมศักยภาพให้กับผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ ในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงพนักงาน ผ่านแนวคิดนวัตกรรมความยั่งยืนที่พัฒนาไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงจนมีผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ ครอบคลุม 4 หัวข้อ ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ แนวคิดทรัพยากรหมุนเวียน การมีส่วนร่วมของพนักงาน และการช่วยเหลือสังคม โดยตัดสินภายใต้เกณฑ์ตามหลักการ ESG หรือแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน 3 ปัจจัยหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)

มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เชื่อว่าการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เครือข่ายผู้จำหน่ายถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการขับเคลื่อนความมุ่งมั่นนี้ รางวัล Dealer Sustainability Awards 2024 ก็สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกันในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความยั่งยืนในประเทศไทยและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมไทยได้ ผมขอแสดงความชื่นชมแก่ผู้จำหน่ายทั้งสามรายที่ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ความสำเร็จด้านธุรกิจจะต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับความยั่งยืน และผู้จำหน่ายของเราก็ได้เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงเป้าหมายในด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป”

สำหรับผู้จำหน่ายที่ได้รับรางวัล Dealer Sustainability Awards 2024 ในแต่ละหมวดหมู่ ได้แก่ :

รางวัลยอดเยี่ยมด้านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Outstanding Circularity Initiatives)โครงการ “ReVolt” โดยเชิดชัย ออโต้เฮาส์

คุณปริญ กัญจนาทิพย์ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ และคุณกฤตกมล กัญจนาทิพย์ (ที่ 4 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชิดชัย ออโต้เฮ้าส์ จำกัด พร้อมด้วย รศ.ดร.วรวัฒน์ มีวาสนา (ขวาสุด) รองผู้อำนวยการเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมรับมอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจาก มร.เรเน่ แกร์ฮาร์ด (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานและซีอีโอ และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

เชิดชัย ออโต้เฮาส์ เป็นผู้บุกเบิกแนวทางการจัดการแบตเตอรี่แบบหมุนเวียนด้วยโครงการ “ReVolt” โดยทำงานร่วมกับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาโซลูชันเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วให้กลับมามีประโยชน์ใหม่ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และนำเสนอโซลูชั่นที่ใช้งานได้จริง โครงการดังกล่าวประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ การปรับสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้สามารถรองรับการชาร์จเร็วในพื้นที่ชนบทที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าต่ำ การจัดหาแบตเตอรี่ให้กับสถานพยาบาลในระดับตำบลเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองสำหรับตู้เย็นเก็บยา โซลูชั่นการชาร์จเคลื่อนที่กับการรวมแบตเตอรี่เข้ากับระบบการชาร์จเคลื่อนที่ที่ติดตั้งบนรถพ่วง เพื่อช่วยเหลือรถยนต์ไฟฟ้าที่แบตเตอรี่หมดระหว่างการเดินทาง ทำหน้าที่เป็นสถานีชาร์จแบบพกพา และระบบกักเก็บพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมและบ้าน โดยนำแบตเตอรี่จากรถยนต์ไฟฟ้าเก่ามาใช้ใหม่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และลดความต้องการพลังงานสูงสุด รวมถึงปรับเปลี่ยนให้ใช้ในที่อยู่อาศัยได้ ช่วยจัดการพลังงานในบ้านและส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

รางวัลยอดเยี่ยมด้านการสร้างประโยชน์แก่สังคม (Outstanding Societal Impact Initiatives) โครงการ “Giving Something Good: Give Back to Society” มิลเลนเนียม ออโต้

คุณเจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ (กลาง) ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยคุณสมปราชญ์ โบสุวรรณ (ที่ 4 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด และคุณศรันย์ อรรถเวทยวรวุฒิ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ร่วมรับมอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านการสร้างประโยชน์แก่สังคมจาก มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานและซีอีโอ และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

มิลเลนเนียม ออโต้ สร้างความแตกต่างที่จับต้องได้ในชุมชนด้วยโครงการ “Giving Something Good” ด้วยการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่และการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น โดยนำปฏิทินเก่ารวม 1,000 เล่ม ไปรีไซเคิลเพื่อทำหนังสืออักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตาในมูลนิธิต่าง ๆ รวบรวมขวดพลาสติกไม่ใช้แล้ว 3,200 ขวด บริจาคให้กับวัดจากแดง เพื่อเปลี่ยนขวดพลาสติกให้เป็นเส้นใย แล้วทอเป็นจีวรมอบให้พระภิกษุ และการนำสิ่งของจำเป็นมือสองที่ได้จากการร่วมบริจาค ไปจำหน่ายต่อเพื่อสร้างทุนการศึกษา

รางวัลยอดเยี่ยมด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โครงการ “Project South Pole” จาก เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส 

พอล ชาง อิน เชง (กลาง) กรรมการผู้จัดการ เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส รับมอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จาก มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด (ขวา) ประธานและซีอีโอ และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย “Project South Pole” ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ลดการใช้กระดาษมาเป็นนามบัตรดิจิทัล การนำแพลตฟอร์ม Kube มาใช้ด้วยแบบฟอร์มดิจิทัลแทนการใช้แบบฟอร์มกระดาษ เพื่อลดทั้งการใช้กระดาษและลดคาร์บอน

รางวัลยอดเยี่ยมด้านการมีส่วนร่วมของพนักงาน โครงการ “Great Strength Comes From Within” จาก เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส

พอล ชาง อิน เชง (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร รับมอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านการมีส่วนร่วมของพนักงาน จาก มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานและซีอีโอ และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส  ส่งเสริมวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่ดีในหมู่พนักงานด้วยโปรแกรม “Great Strength Comes From Within” ส่งเสริมให้พนักงานมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ผ่านกิจกรรมกีฬา คำแนะนำด้านโภชนาการจากผู้เชี่ยวชาญ และการจัดการน้ำหนัก ส่งผลให้พนักงานมีความกระฉับกระเฉง สุขภาพแข็งแรง ลูกค้าสัมผัสได้ถึงพลังบวกจากภายใน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป  ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยได้ดำเนินการร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ CHOICEISYOURS มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ทั้งสำหรับเครือข่ายผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และการร่วมมือกับอีก 7 องค์กรชั้นนำ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนให้แก่นิสิตนักศึกษา ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัลและมูลนิธิชัยพัฒนา ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เอสซีจี โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และ บางจาก คอร์ปอเรชัน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save