- Advertisement -
34.1 C
Bangkok
Home Blog Page 13

เกรท วอลล์ มอเตอร์ โชว์ความสำเร็จปี 2567 คว้า 14 รางวัลจากโลก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำความสำเร็จแห่งปี 2567 คว้า 14 รางวัลคุณภาพทั่วโลก การันตีสมรรถนะการขับขี่เหนือระดับ คุ้มค่าทุกมิติ พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

กรุงเทพฯ 11 กุมภาพันธ์ 2568 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผู้นำตลาดรถยนต์ระดับโลก พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน ล่าสุดประกาศความสำเร็จระดับโลกตลอดทั้งปี 2567 คว้า 14 รางวัลคุณภาพชั้นนำจากทั่วโลก การันตีถึงความสำเร็จของแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถยนต์กลุ่มเซกเมนต์เอสยูวีและกระบะพรีเมียม ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกมิติ ทั้งด้านสมรรถนะที่ทรงพลัง เหนือชั้น และมีประสิทธิภาพรวม 8 รางวัล และด้านความคุ้มค่าแบบรอบด้าน 4 รางวัล รวมถึงรางวัลที่สะท้อนด้านความปลอดภัยอีก 2 รางวัล ซึ่งทุกรางวัลได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญและสื่อชั้นนำในวงการยานยนต์ระดับโลก ซึ่งล้วนเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความสำเร็จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการพัฒนายานยนต์คุณภาพที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมล้ำหน้าที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างรอบด้าน สู่การมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในทุกการขับขี่

สมรรถนะเปี่ยมประสิทธิภาพและทรงพลังที่การันตีโดย 8 รางวัลแห่งความภาคภูมิจากกว่า 3 ทวีป

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้รับการยอมรับจากหลากหลายองค์กรและสื่อยานยนต์ชั้นนำทั่วโลก โดยเฉพาะในด้านสมรรถนะที่โดดเด่นของรถยนต์แต่ละรุ่น ซึ่งสามารถคว้ารางวัลสำคัญ ได้แก่

•GWM HAVAL H6 คว้ารางวัล Best Hybrid 2024 จากนิตยสาร Autoesporte และ Best Hybrid of Top Car TV Premio ในประเทศบราซิล ซึ่งรางวัล Best Hybrid of Top Car TV Premio เป็นรางวัลด้านยานยนต์เพียงรางวัลเดียวในบราซิลที่รวบรวมนักข่าวจากโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต วิทยุ/พอตแคสต์ หนังสือพิมพ์ และสื่อสิ่งพิมพ์เข้าด้วยกัน ทั้ง 2 รางวัลนี้ยืนยันถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค

•GWM POER SAHAR กวาดถึง 4 รางวัล จากเวที NAMPO Cape exhibition ในเมือง Bredasdorp ประเทศแอฟริกาใต้ ได้แก่ 4×4 Winner 2024, Pickup Truck of the Year 2024, Towing Winner 2024 และ Category Winner 161KW+ สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง สมรรถนะออฟโรดที่เหนือชั้น และความสามารถในการลากจูงที่โดดเด่น

•GWM ORA 07 LONG RANGE ได้รับรางวัล Best EV SEDAN จากเวที Thailand Car of The Year 2024 โดย Grandprix International ประเทศไทย ตอกย้ำถึงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าที่มอบระยะทางวิ่งที่เหนือกว่าพร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย

•GWM TANK 300 HEV ได้รับรางวัล BEST HYBRID 4×4 OFFROAD จากเวที Thailand Car of The Year 2024 โดย Grandprix International ประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของ GWM TANK 300 HEV ในฐานะ รถออฟโรดไฮบริดที่มีทั้งพละกำลัง ประสิทธิภาพ และความล้ำสมัย พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ต้องการ ความทนทาน ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีล้ำหน้า ในการเดินทางทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย

ความคุ้มค่าแบบรอบด้าน ที่ได้รับการยอมรับจาก 4 รางวัลสำคัญ

นอกจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้รับการยอมรับด้านความคุ้มค่าคุ้มราคาจากหลากหลายสื่อและองค์กรชั้นนำ ได้แก่

•GWM HAVAL H6 คว้า 2 รางวัลจากประเทศบราซิลอย่าง Award of Lowest Cost Ownership และ 2024 “Best Buy” Category by Quatro Rodas แสดงให้เห็นถึงความประหยัดทั้งในด้านการบำรุงรักษาและต้นทุนการใช้งานในระยะยาว สะท้อนความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพและราคา

•GWM ORA ได้รับรางวัล 2024 “Best Buy” Category by Quatro Rodas จากประเทศบราซิล ตอกย้ำถึงความคุ้มค่าในแง่ของคุณสมบัติ ฟังก์ชัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

•GWM POER SAHAR ได้รับรางวัล The Best Commercial HEV Award จากการประกาศรางวัล Thailand Car of The Year 2024 โดย Grandprix International ประเทศไทย ยืนยันถึงสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความสามารถในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

ความปลอดภัยระดับ 5 ดาวที่ได้รับการรับรองจากประเทศออสเตรเลีย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความคุ้มค่า แต่ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยระดับสูงสุด โดยพัฒนารถยนต์ทุกคันให้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดระดับโลก โดยในปี 2024 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก Australasian New Car Assessment Program (ANCAP) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

•GWM POER SAHAR และ GWM TANK 500 ผ่านมาตรฐาน Five-star Certification in Australia จาก ANCAP ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่ง ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ รวมถึงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบความปลอดภัยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ไม่เพียงแต่ผ่านมาตรฐานในปัจจุบัน แต่ยังพัฒนาเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) และระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety) ให้ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการปกป้องสูงสุดในทุกเส้นทาง

นอกเหนือจากความสำเร็จในการคว้ารางวัลระดับโลก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังประกาศความสำเร็จด้านยอดขายทั่วโลกในปี 2567 ด้วยยอดขายสะสมทะลุ 14.9 ล้านคัน โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว มียอดขายเติบโตสูงถึง 20.25% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตอกย้ำการเติบโตที่แข็งแกร่งและการขยายตลาดในระดับสากล ในกลุ่มรถยนต์เอสยูวี GWM HAVAL ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้วยยอดขายตลอดปีที่ 706,234 คัน และยอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 9.46 ล้านคัน ขณะที่ GWM TANK รถยนต์ออฟโรดระดับพรีเมียมทำยอดขาย 231,001 คัน เพิ่มขึ้น 42.12% จากปีก่อน และ GWM WEY ในกลุ่มรถ MPV หรู มียอดขาย 54,728 คัน เพิ่มขึ้น 31.55% จากปีก่อน ความสำเร็จเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ และการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชี้จุดเด่น TANK Series ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดมิติใหม่ยนตรกรรมสายลุย ชวนมาทำความรู้จักกับเอสยูวีออฟโรดพรีเมียมทั้ง 5 รุ่น ในตระกูล GWM TANK Series ตอบโจทย์ 5 ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง กับสุดยอดนวัตกรรมที่เปลี่ยนทุกอุปสรรคเป็นความสนุกในทุกเส้นทาง

กรุงเทพฯ 30 มกราคม 2568 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้นำในตลาดรถยนต์ออฟโรดระดับโลก และยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน เปิดศักราชใหม่รับปีมะเส็ง พร้อมพ่นความสนุกในทุกการเดินทาง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ และทุกไลฟสไตล์สายลุยทั้ง 5 รูปแบบ ผ่านประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าใน GWM TANK Series ได้แก่ GWM TANK 300 HEV, GWM TANK 330 HEV, GWM TANK 400 Hi4-T, GWM TANK 500 HEV และ GWM TANK 700 Hi4-T โดย GWM TANK Series ได้รับการพัฒนาให้มีเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักผจญภัยที่ต้องการสมรรถนะสูงและความทนทานในทุกสภาพถนน เพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่ท้าทาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมอบความสะดวกสบาย เปลี่ยนทุกอุปสรรคให้เป็นความสนุกและง่ายดายในทุกเส้นทาง ตั้งแต่การขับขี่ในเมืองจนถึงการผจญภัยในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคแบบขั้นสุด GWM TANK Series ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าเพื่อประสบการณ์ขั้นสุดของความสะดวกสบายและปลอดภัย

GWM TANK Family: นวัตกรรมล้ำหน้า สร้างประสบการณ์ขับขี่ระดับใหม่สำหรับผู้บริโภคสายลุย

GWM TANK 300 HEV : ความท้าทายที่ไม่มีขีดจำกัด

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ออฟโรดในพื้นที่ที่ท้าทายและต้องการความคล่องตัวในทุกเส้นทาง GWM TANK 300 HEV คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ด้วยขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลัง ระบบขับเคลื่อน 4WD ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด มีโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ พร้อมนวัตกรรมอันล้ำสมัยเพื่อการขับขี่ออฟโรดที่มีอยู่ในรถเอสยูวีระดับไฮเอนด์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road หรือแม้แต่ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบสภาพใต้ท้องรถและหน้ารถ รวมถึงระบบ 360-Degree Camera System ช่วยให้มองเห็นพื้นที่รอบคันเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในพื้นที่แคบอย่างการหาที่จอดรถในเมือง เป็นต้น

GWM TANK 330 HEV : การขับขี่อันทรงพลังไปอีกขั้น

GWM TANK 330 HEV ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก GWM TANK 300 Frontier Limited Edition จากแนวคิดในการแบ่งปันประสบการณ์ความสนุกและความท้าทายร่วมกัน เหมาะกับการเดินทางที่ต้องการทั้งความสะดวกสบายและความสามารถในการขับขี่ในเส้นผจญภัย GWM TANK 330 HEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Mild Hybrid เครื่องยนต์ 3.0T V6 เทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังสูงสุด 355 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีพรีเมียม ที่มีขนาดกว้างขวาง พร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ที่ไม่ทิ้งการผจญภัยในเส้นทางออฟโรด ด้วยห้องโดยสารที่มีพื้นที่กว้างขวางและฟังก์ชันครบครัน ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยให้ขับขี่ในทุกสภาพถนนเป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้วยระบบ 4WD และโหมดการขับขี่ เช่น Mud หรือ Sand ช่วยให้การขับขี่ผ่านเส้นทางโคลนหรือทรายเป็นไปได้อย่างราบรื่น ระบบ Infotainment ทำให้การเดินทางในระยะยาวมีความสะดวกสบาย พร้อมบรรยากาศที่เพลิดเพลินกันทั้งครอบครัวและกลุ่มเพื่อน GWM TANK 330 HEV ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมในประเทศจีน โดยได้รับยอดจองสูงถึง 1,000 คันภายในระยะเวลาเพียง 6 วินาทีหลังการประกาศแคมเปญ

GWM TANK 400 Hi4-T: สมรรถนะสูงสำหรับนักผจญภัยระดับโปร

เมื่อนักผจญภัยสายโปรจับคู่กับรถยนต์เอสยูวีพรีเมียมระดับโปร อุปสรรคที่เหลือก็ไม่ต้องกังวล เพราะ GWM TANK 400 Hi4-Tรุ่นที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ออฟโรดที่มีสมรรถนะสูง การผสมผสานระหว่างพลังเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0T รุ่นใหม่ มอบพละกำลังที่มีทั้งความแรงและความต่อเนื่องให้กับรถยนต์ ผสมผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ตอบสนองความต้องการของนักผจญภัยทั้งด้านการขับขี่สู่การปีนป่ายได้อย่างมั่นคง โดยสามารถขับขี่ได้ในพื้นที่ลาดชันสูงถึง 57.24 องศา สามารถทำความเร็วต่ำสุดที่ 2.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ GWM TANK 400 Hi4-T พร้อมสำหรับการเดินทางในเส้นทางที่ท้าทายที่สุด ด้วยระบบกันสะเทือนที่สามารถรับมือกับเส้นทางขรุขระ ในขณะเดียวกันยังคงความปลอดภัยและความสะดวกสบายในทุกเส้นทางที่ยากลำบากด้วยระบบ 4WD  Multi-Link Suspension และ Differential Lock ช่วยรับมือกับเส้นทางภูเขาที่มีหินและหลุมบ่อได้อย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีระบบ Night Vision และ 360-Degree Camera ช่วยให้การขับขี่ในพื้นที่มืดหรือไม่ชัดเจนจากในสภาวะที่แสงน้อยหรือกลางคืน ให้อุ่นใจยิ่งขึ้น ปลอดภัยและสะดวกสบาย

GWM TANK 500 HEV: การผสานกันที่ลงตัวระหว่างความหรูหราและสมรรถนะที่เหนือชั้น

GWM TANK 500 HEV ผสมผสานความหรูหราและสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่ยอดเยี่ยมระดับสูง ด้วยการออกแบบภายในที่มีความพิถีพิถัน มาพร้อมความสะดวกสบาย และระบบขับขี่ที่แข็งแกร่งในทุกสภาพถนนและสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ตอบโจทย์การเดินทางไกลและการผจญภัยออฟโรด GWM TANK 500 HEV มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตันเมตรและกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลาย และโหมดการขับขี่ 11 รูปแบบ พร้อมระบบ 4WD ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเส้นทางออฟโรดและทางหลวงเป็นไปได้อย่างมั่นคง และยังตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองด้วยห้องโดยสารที่หรูหราและระบบช่วยเหลือการขับขี่ หรือ ADAS มากมาย ช่วยให้การขับขี่ในเมืองเต็มไปด้วยสุดยอดประสบการณ์ที่สะดวกสบายและปลอดภัยขั้นสุด

GWM TANK 700 Hi4-T: ที่สุดของพละกำลังและความสะดวกสบาย

รถเอสยูวีพรีเมียมตัวบนสุดของตระกูล GWM TANK Series ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการผจญภัยในทุกสภาพแวดล้อม ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า พร้อมมอบความหรูหรา ความปลอดภัย และความสะดวกสบายขั้นสุด เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเครื่องยนต์ V8 4.0 Twin-Turbo ร่วมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 385 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร (850 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Limited Edition) และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเส้นทางมากถึง 12 โหมด และสามารถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 970 มิลลิเมตร พร้อม Electronic Air Suspension ช่วยให้การขับขี่ในทุกเส้นทางที่ท้าทายเป็นไปได้อย่างราบรื่น นุ่มนวล และปลอดภัย GWM TANK 700 Hi4-T มอบความเพลิดเพลินในการผจญภัยด้วยระบบเสียงจาก Harman Kardon ที่มาพร้อมลำโพง 16 ตัวที่สร้างความละเอียดเสียงระดับ Hi-Fi (High Fidelity) พร้อมระบบเก็บเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยการผนึกประตูข้างถึง 3 ชั้น และประตูด้านหลังถึง 2 ชั้น และกระจกที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกหนา 5 มิลลิเมตร ทำให้ห้องโดยสารเงียบแม้จะขับขี่ที่ความเร็วสูงถึง 199 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม

ด้านความสำเร็จของ GWM TANK Series ตั้งแต่ที่การเปิดตัว GWM TANK 300 ในงานเฉิงตู ออโต้ โชว์ 2563 แบรนด์ GWM TANK ก็สามารถครอบครองตลาดได้อย่างรวดเร็วผ่านการเปิดตัว GWM TANK 400 Hi4-T,GWM TANK 500, GWM TANK 500 Hi4-T และ GWM TANK 700 Hi4-T สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขายทะลุ 1 แสนคัน ภายใน 14 เดือน ยอดขายทะลุ 2 แสนคัน ภายใน 24 เดือน ยอดขายทะลุ 3 แสนคัน ภายใน 33 เดือน และยอดขายสูงถึง 5 แสนคัน ภายใน 44 เดือนเท่านั้น โดยตั้งแต่ที่ GWM TANK 300 เปิดตัวมานั้นส่งผลให้สัดส่วนการครองตลาดรถยนต์ออฟโรดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นจาก 47.4% เป็น 83.1% ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งใหญ่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่สามารถกระตุ้นตลาดรถยนต์ออฟโรดของประเทศจีนได้สำเร็จ

นี่คือ GWM TANK Series ทั้ง 5 รุ่น ที่ล้วนได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภคสายลุยทั้ง 5 สไตล์ ที่ไม่ว่าจะเป็นสายลุยแบบไหน GWM TANK Series พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของนักผจญภัย แต่ยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีปลอดภัยที่เหนือชั้น เริ่มสัมผัสประสบการณ์ใหม่พร้อมทดลองขับ GWM TANK Series ในรุ่น GWM TANK 300 HEV และ GWM TANK 500 HEV ได้แล้ววันนี้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ และเตรียมสัมผัสกับ GWM TANK 300 และ 500 ในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซลได้ภายในปี 2568 นี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่ บูสต์ความภูมิใจครั้งใหม่ สปอร์ตเร้าใจเกินห้าม

ALL NEW YAMAHA NMAX “THE MAX PRIDE BOOSTER” ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! บูสต์ความภูมิใจครั้งใหม่แบบสุดฟีลมันส์…เปลี่ยนโลก

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่! เขย่าตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย ด้วยการเปิดตัว All NEW YAMAHA NMAX “Premium Sport on Road” บูสต์โลกออโตเมติกสู่ความพรีเมียมใหม่ สปอร์ตเร้าใจเกินห้าม! มันส์…เปลี่ยนโลก The MAX Pride Booster มาพร้อมดีไซน์พรีเมียมสปอร์ตใหม่ที่ถูกปรับแต่งสู่ความสมบูรณ์แบบรอบคัน พร้อมเทคโนโลยีใหม่เหนือระดับ ครั้งแรก! ในสกู๊ตเตอร์คลาส 150 ที่วิวัฒนาการไปอีกขั้น เพื่อตอบสนองทุกความเร้าใจ ฟีเจอร์ล้ำสมัยให้ความสะดวกสบาย ที่จะพาคุณเปิดโลกใหม่ ภูมิใจไปกับความมีระดับ พร้อมประสบการณ์ในการขับขี่ที่สนุกเร้าใจยิ่งขึ้น และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

สำหรับ ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! บูสต์ความภูมิใจครั้งใหม่แบบสุดฟีล…มันส์เปลี่ยนโลก พร้อมเปลี่ยนโลกรถออโตเมติกครั้งใหม่! ด้วย…

NEW! MAX Series DESIGN วิวัฒนาการใหม่แห่งดีไซน์สไตล์ MAX ที่ได้รับการออกแบบใหม่ภายใต้ DNA ของ MAX Series ที่พัฒนาไปอีกขั้น ยกระดับความเป็น Premium Sport Scooter รอบคัน ปรับแต่งในทุกรายละเอียด ให้สปอร์ตดุดันด้วยเส้นสายเฉียบคม เพื่อตอบสนองความเท่แบบเร้าใจ

NEW! LED Projector Headlight ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ใหม่แบบยานยนต์ชั้นนำ ด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ทั้งไฟสูง-ต่ำ ทนทาน ให้แสงสว่างชัดเจน ไม่ฟุ้งกระจายรบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง เพิ่มทัศนะวิสัยในเวลากลางคืน บ่งบอกความมีระดับอย่างเป็นเอกลักษณ์

NEW! LED Taillight / Flasher Light ชุดไฟท้ายใหม่แบบ LED ทั้งหมด ให้ความสว่างกว่าหลอดธรรมดา ประหยัดพลังงาน และทนทานกว่า ดีไซน์สไตล์ MAX Series ที่พัฒนาจากรุ่นพี่อย่าง TMAX

NEW! Dual Digital Meters (TFT Infotainment & Negative LCD) หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลแบบใหม่ 2 หน้าจอ ซึ่งสามารถควบคุมการใช้งาน ได้อย่างง่ายดายด้วยสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย *เฉพาะรุ่น TECH MAX

โดยหน้าจอสี TFT 4.2 นิ้ว ฟังก์ชันสุดล้ำแบบ INFOTAINMENT แสดงผลข้อมูลมากมาย เพิ่มความสะดวกสบายขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น แสดงผล และแจ้งเตือนการทำงานของรถ โหมดการขับขี่ รอบเครื่องยนต์ และสถานะการทำงานของ YECVT, แสดงเบอร์โทรศัพท์สายเรียกเข้า พร้อมกดรับหรือวางสายได้, แสดงข้อความ SMS – Line – Messenger, แสดงมิวสิคเพลย์ลิสต์ Streaming และเพิ่ม-ลด เสียง รวมถึงเลือกเปลี่ยนเพลงได้, แสดงผลสภาพภูมิอากาศแบบ Realtime, แสดงสถานะการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

NEW! Garmin Navigation System *เฉพาะรุ่น TECH MAX

แสดงผลระบบนำทางบนหน้าจอเรือนไมล์โดยการเชื่อมต่อ กับแอปพลิเคชันGarmin StreetCross ค้นหาสถานที่ กำหนดปลายทาง และเลือกเส้นทางบนสมาร์ทโฟน ระบบนำทางจะแสดงบนหน้าจอแสดงผล TFT เพื่อรองรับการเดินทางของผู้ใช้โดยไม่มีค่าบริการ สามารถซูมแผนที่เส้นทางเข้าออก หรือปรับเปลี่ยนมุมมองได้โดยใช้สวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้ายในการควบคุม

– แสดงแผนที่เส้นทาง

– ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์

– แสดงเส้นทางเลี่ยงที่เป็นไปได้

– เวลาถึงที่หมายโดยประมาณ

– สภาพอากาศที่ปลายทาง

– แจ้งเตือนข้อมูลเส้นทางที่อาจไม่ปลอดภัย เช่น ทางโค้งหักศอก ทางจำกัดความเร็ว *เมื่อเชื่อมต่อ Y-Connect

NEW! Negative LCD Meter (รุ่น Standard)

เท่ไม่เหมือนใครด้วยหน้าจอดิจิทัล 3.2 นิ้ว ในรูปแบบ Negative LCD แสดงผลชัดเจนขณะขับขี่ดีไซน์ใหม่ เพิ่มความสปอร์ตเร้าใจแสดงผลครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแสดงผลความเร็ว / ระยะทาง / ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง / เวลา พร้อมแสดงไอคอนการเชื่อมต่อ Y-Connect, แสดงไอคอนแจ้งเตือนสายเรียกเข้าหรือมีข้อความ, แสดงปริมาณแบตเตอรี่มือถือ, แสดงการทำงานรอบเครื่องยนต์, แสดงค่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Average หรือ Real Time และแจ้งเตือนเมื่อถึงรอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และสายพาน

NEW! Special TECH MAX Seat *เฉพาะรุ่น TECH MAX

เบาะนั่งดีไซน์พิถีพิถัน วัสดุ และลวดลายพิเศษ เพิ่มความพรีเมียมสปอร์ต กระชับ พร้อมความสบาย ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะเดินทางทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! มาพร้อมกับขุมพลัง BOOST TO THE MAX PERFORMANCE พร้อมตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ Blue Core 155 ซีซี 4 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม ช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองทุกแรงบิด ลดอาการรอรอบ ให้อัตราเร่งเต็มกำลัง ทั้งรอบต่ำ กลาง และสูง ตั้งแต่ออกตัว และเร่งแซง ระบายความร้อนด้วยน้ำควบคุมประสิทธิภาพของการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมกับการจุดระเบิดอย่างแม่นยำ ลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์ ระบายความร้อน ของเครื่องยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดี และประหยัดน้ำมันมากขึ้น

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! บูสต์ความภูมิใจครั้งใหม่แบบสุดฟีล มันส์…เปลี่ยนโลก ให้ความเร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วย…

NEW! ระบบขับเคลื่อน YECVT ระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยระบบ Electronic สั่งงานผ่าน ECU ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดการขับขี่เพื่อออกแบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน มั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น *ระบบ YECVT จะยกเลิกการทำงานอัตโนมัติ เมื่อความเร็ว ≤ 15 ก.ม./ชม. โปรดศึกษาการใช้งานเพิ่มเติมได้จากคู่มือการใช้งาน (เฉพาะรุ่น TECH MAX)

NEW! Riding Mode Selection ตอบรับทุกการขับขี่ ด้วยโหมดการขับขี่ปรับได้ 2 รูปแบบ ตามลักษณะการใช้งาน ทั้งในเมืองหรือขับขี่ทางไกล เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานตามความเหมาะสม *เฉพาะรุ่น TECH MAX

– T Mode (Town Mode) – ขับขี่ง่าย นุ่มนวล เหมาะกับใช้งานในเมือง ประหยัดน้ำมัน

– S Mode (Sport Mode) – อัตราเร่งดี เครื่องยนต์ทางานเต็มประสิทธิภาพ ขับขี่เร้าใจสไตล์สปอร์ต

NEW! Shift Down Function *เฉพาะรุ่น TECH MAX พร้อมเปลี่ยนโลกรถออโตเมติกครั้งใหม่! ด้วย  2 ฟังก์ชัน ได้แก่…

– ฟังก์ชันที่ 1 เพิ่มอัตราเร่ง เพื่อเร่งแซงได้ทันใจ เพียงแค่เปิดคันเร่งอย่างรวดเร็ว

– ฟังก์ชันที่ 2 เพิ่มทางเลือกในการควบคุม สมรรถนะด้วยตัวเอง แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ

1) เปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift เพื่อเพิ่มอัตราเร่ง โดย ECU จะปรับอัตราทดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมในการเร่งแซง โดยสามารถเพิ่มได้ 3 ระดับ

2) ปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift เพื่อสร้างแรงเบรกจากเครื่องยนต์ (Engine Brake) โดย ECU จะปรับอัตราทดของเครื่องยนต์ ทำให้เกิดแรงต้าน และความเร็วของรถจะลดลงเร็วกว่าการปิดคันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยสามารถลดได้ 3 ระดับ

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! ให้ฟิลลิงการขับขี่ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยมด้วย NEW! โช้คหน้า-หลัง ที่ได้รับการเซ็ตอัพใหม่ รองรับการขับขี่ที่สนุกมากยิ่งขึ้น ตอบสนองการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังหยุดรถได้อย่างปลอดภัยด้วยระบบดิสก์เบรก ABS ทั้งล้อหน้า-หลัง มั่นใจได้มากกว่า ควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ลดอาการล้อล็อกทั้งหน้า และหลัง กรณีเบรกกะทันหัน พร้อมระบบ Traction Control System (TCS) ช่วยลดอาการล้อลื่นไถล ปรับสมดุลการหมุนของล้อหน้า – หลังให้สัมพันธ์กัน หากล้อหลังเกิดอาการหมุนฟรี ระบบจะลดการส่งกำลังของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ช่วยลดอาการลื่นไถลใน สภาพพื้นถนนผิดปกติ และระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop and Start System) ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน เมื่อรถหยุดในการจราจรติดขัด ช่วยประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! ยังล้ำสมัยด้วย BOOST TO THE MAX SMART VALUE ระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพิ่มความสามารถในการใช้งาน ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชัน Y-Connect ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน CCU ของตัวรถ เพื่อให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมายบนสมาร์ทโฟน ดังนี้…

 1. METER INDICATOR – แจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า/ข้อความมือถือบนหน้าจอ

2. MAINTENANCE RECOMMEND – แจ้งเตือนการบำรุงรักษาเมื่อถึงรอบระยะ

3. MALFUNCTION NOTIFICATION – แจ้งเตือนเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา

4. FUEL CONSUMPTION – แสดงข้อมูลการอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

5. REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่

6. PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด

7. RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่

8. RIDING LOG – บันทึกประวัติการขับขี่

9. CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! ตอบโจทย์ความพรีเมียมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key System สะดวกในการใช้งาน ที่สามารถสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์, ปลดล็อกแฮนด์รถ / ปลดล็อกเบาะ / ปลด ล็อกหรือล็อกฝาถังน้ำมัน และเป็นสัญญาณตอบรับ ANSWER BACK รวมถึงยังให้กล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 25 ลิตร เก็บสัมภาระได้มาก ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบหรือกระเป๋าเอกสารได้ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วย Front Luggage & Type C – Mobile Charging เก็บสะดวก ชาร์จมือถือสบาย ด้วยการอัพเกรดช่องชาร์จสมาร์ทโฟนเป็น USB-Type C เพื่อรองรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า 2 ด้านสำหรับเก็บอุปกรณ์หรือสิ่งของ

ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างเหมาะสม โดยมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นคือ รุ่น ALL NEW NMAX TECH MAX ที่มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ สีน้ำตาล-ดำ (Magma Black) และสีเทา-ดำ (Prestige Gray) พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 113,500 บาท และรุ่น ALL NEW NMAX (Standard) ที่มีให้เลือกถึง 4 สี คือ สีแดง (Super Red), สีฟ้า (Pastel Blue), สีดำ (Vivid Black) และสีขาว (Glossy White) วางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้น 98,500 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นยังให้ความคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

สำหรับผู้ที่สนใจ ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ใหม่! บูสต์ความภูมิใจครั้งใหม่แบบสุดฟีล…มันส์เปลี่ยนโลก สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์   ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th

เจาะลึกสเปก NEW XMAX CONNECTED พรีเมียมสปอร์ต  ออโตเมติก

NEW XMAX CONNECTED…Follow the MAX MY PREMIUM SPORT, MY PRIDE…MY XMAX หนึ่งเดียวต้อง MAX

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ “พรีเมียมสปอร์ต  ออโตเมติก” ด้วยการส่ง “NEW XMAX CONNECTED” โมเดลปี 2025 ที่มาพร้อมกับสีสันใหม่! ภายใต้คอนเซ็ปต์ MY PREMIUM SPORT, MY PRIDE …MY XMAX หนึ่งเดียวต้อง MAX…รุกตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกคลาส 300 แบบเต็ม MAX

NEW XMAX CONNECTED พรีเมียมสปอร์ตออโตเมติกที่สะท้อนความภาคภูมิใจ ดีไซน์สปอร์ตหรูอันโดดเด่น มีสไตล์เฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ของ MAX Series ยกระดับด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสุดล้ำ ด้วยจอสี TFT พร้อมเชื่อมต่อระบบนำทางจาก GARMIN เพิ่มความสะดวกสบายที่นำคุณไปได้ทุกเส้นทาง การันตีด้วยรางวัล Bike of the Year ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ และมั่นใจในประสิทธิภาพพร้อมรับประกันถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร*

NEW XMAX CONNECTED ยังคงมาพร้อมกับ MAXIMIZED THE PREMIUM, MAXIMUM SPORT ด้วยรูปลักษณ์สุดสปอร์ต “X” MOTIF FULL LED ไฟหน้า ไฟท้าย LED ดีไซน์เอกลักษณ์สไตล์ “X” ส่องสว่างอย่างมีสไตล์! ผสานความล้ำ และโฉบเฉี่ยวให้สมบูรณ์แบบในทุกมุมมองสไตล์ MAX Series ระบบไฟ LED เต็มรูปแบบทั้งหน้า-หลัง สัมผัสถึงความสปอร์ตในทุกการขับขี่ เพิ่มวิสัยทัศน์ในการเดินทางยามค่ำคืน, DUAL DISPLAYS : DIGITAL LCD & TFT INFOTAINMENT เรือนไมล์แบบใหม่ แสดงผล 2 หน้าจอ Digital LCD 3.2” พร้อมจอสี TFT 4.2” ซึ่งสามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย ที่สามารถแสดงข้อมูลรถ และการขับขี่, แสดงข้อมูล/รับสายโทรศัพท์ (เมื่อเชื่อมต่อกับ Headset), แสดงข้อความ Text Message (รวม SMS และ Email), แสดง / เล่นเพลงจากสมาร์ทโฟน และปรับระดับเสียง (เมื่อเชื่อมต่อกับ Headset), แสดงสภาพอากาศ / เวลา, เลือกภาษาที่แสดง, แสดงระบบนำทาง (เมื่อเปิดใช้แอป Garmin StreetCross)

นอกจากนี้ NEW XMAX CONNECTED ยังสามารถเชื่อมต่อขั้นสูงกับโลกแห่งข้อมูลอันล้ำสมัย CONNECTIVITY การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพียงติดตั้งแอปพลิเคชั่น Y-Connect ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ CCU ของตัวรถผ่าน Bluetooth พร้อมทั้งเปิด Location โดยสามารถตรวจสอบสถานะได้บนจอแสดงผล TFT ผ่านฟังก์ชันที่หลากหลายให้ใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของคุณ  เมื่อเชื่อมต่อกับ Y-Connect Application แอปพลิเคชันหลากหลายฟังก์ชันที่ทำให้เชื่อมต่อกับรถได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยการแจ้งเตือนดังนี้

1. SMARTPHONE NOTIFICATIONS ON METER – แจ้งเตือนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน

2. MAINTENANCE RECOMMENDATIONS – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา

3. MALFUNCTION NOTIFICATION –แจ้งเตือนเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา

4. FUEL CONSUMPTION แสดงข้อมูลการอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

5. REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่

 6. LAST PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด

7. RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่

8. RIDING LOG –บันทึกประวัติการขับขี่

9. WEATHER – แสดงสถานะภูมิอากาศ

10. MUSIC – แสดงรายละเอียดและควบคุมการฟังเพลง

11. CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า

NEW XMAX CONNECTED ยังเหนือชั้นด้วย GARMIN NAVIGATION SYSTEM ระบบนำทางจาก GARMIN มุ่งสู่จุดหมายอย่างมั่นใจทุกเส้นทาง ด้วยการเชื่อมต่อ Y-Connect และแอปพลิเคชัน Garmin StreetCross เพื่อค้นหาสถานที่และกำหนดปลายทาง ระบบนำทางจะแสดงผลบนหน้าจอ TFT สามารถซูมแผนที่และปรับเปลี่ยนมุมมองได้ง่ายด้วยสวิตช์ที่แฮนด์ซ้ายอย่างราบรื่น ช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างมั่นใจไร้กังวล ซึ่งสามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้ดังนี้

– แสดงแผนที่เส้นทาง

– ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์

– แสดงเส้นทางเลี่ยงที่เป็นไปได้

– เวลาถึงที่หมายโดยประมาณ

– สภาพอากาศที่ปลายทาง

– แจ้งเตือนข้อมูลเส้นทางที่อาจไม่ปลอดภัย เช่น ทางโค้งหักศอก ทางจำกัดความเร็วและทางที่วิ่งผ่านสถานศึกษา

โดย NEW XMAX CONNECTED ยังมาพร้อมกับ SMART KEY SYSTEM กุญแจรีโมทอัจฉริยะหรูล้ำ ที่สามารถเปิด-ปิดรถได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการค้นหากุญแจ ด้วยเทคโนโลยีกุญแจรีโมทที่ทันสมัย มั่นใจได้ในความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งาน

 สำหรับ NEW XMAX CONNECTED ยังมาพร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ด้วยขุมพลัง BLUE CORE เครื่องยนต์หัวฉีด 300 ซีซี ระบบเกียร์อัตโนมัติ มาตรฐาน EURO5 ที่ให้ความแรง และความประหยัดน้ำมันในเวลาเดียวกัน เพลิดเพลินกับการขับขี่ที่เต็มไปด้วยพลัง และประสิทธิภาพ, TRACTION CONTROL SYSTEM ระบบช่วยลดอาการล้อหมุนฟรี เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ไม่ว่าสภาพถนนแบบไหน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง ช่วยลดอาการล้อหมุนฟรีและรักษาสมดุลให้กับรถ, ABS DUAL CHANNEL SYSTEM ระบบเบรก ABS ทั้ง 2 ล้อ ความรู้สึกมั่นใจที่ควบคุมได้ ด้วยระบบเบรก ABS ที่ควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติทั้งหน้า-หลัง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ ลดอาการเกิดล้อล็อก, SEAT & UNDERSEAT STORAGE SHAPEเบาะนั่งและที่เก็บของดีไซน์ปราดเปรียว ขึ้น-ลงง่าย ควบคุมรถได้คล่องตัวมากขึ้น ที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่สามารถเก็บหมวกกันน็อกเต็มใบได้ 2 ใบ, LIGHTWEIGHT FRAME & SPORT FRONT FORK เฟรมแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา ผนวกกับโช้คหน้าเทเลสโคปิคแบบรถสปอร์ต ขนาด 33 ม.ม. ทำให้มั่นคงทุกการควบคุม เฉียบคมทุกการเข้าโค้ง เพิ่มความมั่นใจและตอบสนองการขับขี่ได้ดีเป็นพิเศษ และ NEW! USB-C MOBILE CHARGING เก็บสะดวก ชาร์จมือถือสบาย ด้วยการอัพเกรดช่องชาร์จสมาร์ทโฟนเป็น USB-C รองรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า 2 ด้านสำหรับเก็บอุปกรณ์หรือสิ่งของได้

สำหรับ NEW XMAX CONNECTED มาพร้อมกับไลน์อัพสีใหม่! 5 สี คือ สีแดง (Hyper Red), สีเทา (Smoky Gray), สีเทา-ดำ (Shadow Gray) สีดำ (Midnight Black) และ สีเทา (Silver Gray) พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 176,100 บาท…พร้อมตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website :  www.yamaha-motor.co.th

มิตซูบิชิ โรงงาน 3 รับรางวัล ธงขาวดาวเขียว ประจำปี 2567

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โรงงาน 3 รับรางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว ประจำปี 2567 จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

บรรยายภาพ : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายธีรุตม์ บุตรเลิศเจริญ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายกลยุทธ์สิ่งแวดล้อม บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว ประจำปี 2567 จาก นายธีรวุฒิ เจริญสุข รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในพิธีมอบธงธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประจำปี 2567

กรุงเทพฯ – 10 กุมภาพันธ์ 2568 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โรงงาน 3 รับรางวัลใบประกาศเกียรติคุณธงขาวดาวเขียว ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประจำปี 2567 จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อเป็นการยกย่องความเป็นเลิศในการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การตรวจประเมินทั้งหมด 5 มิติ ได้แก่ มิติกายภาพ มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติการบริหารจัดการ โดยโรงงาน 3 ได้รับรางวัลนี้ต่อจากโรงงาน 1 และ 2 ที่ได้รับรางวัลเดียวกันในปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่มุ่งมั่นจะเติบโตอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น พร้อมเติบโตควบคู่ไปกับสังคมไทย

สำหรับรางวัลธงขาว-ดาวเขียว มุ่งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมส่งเสริมให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนำหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคมมาใช้ในการดำเนินงาน พร้อมทั้งสร้างการยอมรับและความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการโรงงาน ทำให้เกิดการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานและความโปร่งใส อีกทั้งยังสนับสนุนให้อุตสาหกรรมและชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้และเติบโตอย่างยั่งยืน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โรงงาน 3 ได้รับการยอมรับในด้านความเป็นเลิศตามหลักเกณฑ์การตรวจประเมินครบทั้ง 5 มิติ เริ่มจาก มิติกายภาพ แสดงถึงความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางกายภาพทั้งองค์รวม ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน มิติเศรษฐกิจ โรงงาน 3 ได้รับการยกย่องจากการดำเนินโครงการนักศึกษาฝึกงาน MMTh Talent Internship Program ที่มอบโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริงในโรงงานที่ทันสมัย พร้อมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจชุมชน โดยอนุญาตให้ร้านค้าชุมชนเข้ามาค้าขายสินค้าในพื้นที่ที่โรงงานจัดเตรียมไว้ให้เพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพ

ภายใต้ มิติสิ่งแวดล้อม โรงงาน 3 ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 4 (วัฒนธรรมสีเขียว) จากกระทรวงอุตสาหกรรม และการรับรองธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จากการนิคมอุตสาหกรรม ทั้งยังมีระบบและผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษที่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด พร้อมด้วยระบบการจัดการน้ำเสียที่มีการหมุนเวียนน้ำในระบบพ่นสี และมีการควบคุมคุณภาพตลอดเวลา ระบบการจัดการกากอุตสาหกรรมที่ไม่มีการนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัดด้วยวิธีฝังกลบ (Zero Landfill) และมีการรณรงค์ส่งเสริมการแยกขยะในองค์กร โดยมีการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สีฐานน้ำ (Water-Based Paint) ในกระบวนการพ่นสีทั้งยังติดตั้งระบบบำบัดมลพิษอากาศชนิด Regenerative Thermal Oxidizer เพื่อกำจัดสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ก่อนปล่อยอากาศสู่สิ่งแวดล้อม มีการตรวจวัดค่ามลพิษและควบคุมไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการอนุรักษ์พลังงาน โรงงาน 3 มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานที่มีกำลังการผลิต 7.6 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 6,200 ตันต่อปี การติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง LED และจัดทำโครงการและนวัตกรรมอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อประหยัดพลังงานซึ่งจะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ความมุ่งมั่นในด้านสิ่งแวดล้อม ยังรวมถึงนโยบายจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement Policy)  โดยจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น และปราศจากส่วนประกอบที่เป็นโลหะหนักอันตราย รวมไปถึงโครงการรากกล้าแห่งความยั่งยืน (Root for Sustainability) เพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปูทางสู่แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

ภายใต้ มิติด้านสังคม โรงงาน 3 ได้รับการยกย่องในด้านโครงการให้ความรู้เรื่องการแยกขยะและการรีไซเคิล รวมถึงโครงการภายในองค์กรต่างๆ เช่น โครงการมอบทุนการศึกษาให้เยาวชนที่เรียนดี มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมด้านการศึกษาในสังคมไทย โดยมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนปีละ 100 ทุน โครงการมอบระบบไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่สร้างพลังงานมากกว่า 50 กิโลวัตต์ ให้แก่โรงพยาบาลชุมชน 40 แห่ง ภายในระยะเวลา 10 ปี โครงการวิ่งการกุศลเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในจังหวัดชลบุรี โครงการส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการอย่างต่อเนื่องร่วมกับมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม และการได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานสีขาวจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานสำหรับการส่งเสริมกิจกรรมต่อต้านยาเสพติด เป็นต้น

ด้าน มิติการบริหารจัดการ โรงงาน 3 ได้ใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001, ISO 14001 และ ISO 45001 จากทียูวี (TÜV) พร้อมด้วยใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 และการดำเนินนโยบายจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว

รางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ริเริ่มโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในปี 2550 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้วยหลักธรรมาภิบาล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัย มุ่งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อการประกอบการของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม สำหรับโรงงานที่ได้รับธงธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 แบ่งเป็นโรงงานที่ได้รับรางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวเขียว จำนวน 177 โรงงาน และโรงงานที่ได้รับรางวัลใบประกาศเกียรติคุณ ธงขาวดาวทอง จำนวน 51 โรงงาน เพื่อยกย่องความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม

Isuzu 2.2 MAXFORCE MAXDEAL จัดโปรแรงสะใจ

Isuzu 2.2 MAXFORCE MAXDEAL โปรแรงสะใจ งานใหญ่สุดฟิน” ลุ้นรับทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1,900,000 บาท

“Isuzu 2.2 MAXFORCE MAXDEAL โปรแรงสะใจ งานใหญ่สุดฟิน” พิเศษสำหรับลูกค้าจองรถปิกอัพ  อีซูซุ ดีแมคซ์ และรถอเนกประสงค์ มิว-เอ็กซ์ ทุกรุ่น รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ ทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 22 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1,900,000 บาท นอกจากแคมเพจ์นพิเศษ ภายในงานยังจัดเต็มความบันเทิงจากศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิเช่น วิน-เมธวิน โบกี้ไลอ้อน และดีเจพุฒ-พุฒิชัย พร้อมด้วยพิธีกรมากความสามารถ เป๊ก-เปรมณัช โบ-ธนากร และดีเจคิว พร้อมเพิ่มความสนุกกับกิจกรรม LIVE สุดฟิน สกาย-นานิ และ เต-นิว ที่จะมามอบความสุขและมอบโชคให้กับทุกคนพร้อมกันทั่วประเทศ โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 18 – 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เซ็นทรัลหาดใหญ่ จ.สงขลา และ 19 – 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี

วันที่ : 22 – 23 กุมภาพันธ์ 2568

กิจกรรม : พบกับคู่เพื่อนซี้สุดฟิน สกาย-นานิ LIVE on stage พร้อมพิธีกรสุดฮา เจนนี่  ปาหนัน และ มาร์ค ภาคิน (สามารถติดตามชมการ LIVE ได้ทาง Facebook All-New Isuzu D-Max) พบกับ วิน-เมธวิน และโบกี้ไลอ้อน พร้อมพิธีกร เป๊ก-เปรมณัช และโบ-ธนากร

สถานที่ : เซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ลงทะเบียนร่วมงานเพื่อรับของที่ระลึกสุดพิเศษจากอีซูซุ : https://bit.ly/4hHMADY

วันที่ : 22 – 23 กุมภาพันธ์ 2568

กิจกรรม : พบกับคู่จิ้นสุดฟิน เต-นิว LIVE on stage พร้อมพิธีกรสุดฮา เจนนี่ ปาหนัน และ มาร์ค ภาคิน (สามารถติดตามชมการ LIVE ได้ทาง Facebook All-New Isuzu D-Max) พบกับ พุฒ-พุฒิชัย พร้อมพิธีกร ดีเจคิว

สถานที่ : เซ็นทรัลหาดใหญ่ จ.สงขลา ลงทะเบียนร่วมงานเพื่อรับของที่ระลึกสุดพิเศษจากอีซูซุ : https://bit.ly/42yQ6fL

เงื่อนไขการร่วมกิจกรรม

สำหรับลูกค้าที่ทำการจองรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ และรถอเนกประสงค์ มิว-เอ็กซ์ ทุกรุ่น จากโชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศและได้ใบจองรถ ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 23.59 น. (จองรถและได้รับใบจองรถตามวันที่กำหนด) มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท มูลค่า 89,000 บาท จำนวน 22 รางวัล รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้น 1,971,200 บาท ซึ่งแบ่งจับรางวัลออกเป็น 2 ครั้ง ดังนี้ จับรางวัลครั้งที่ 1 ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 (เวลา 13.30 น.) จำนวน 10 รางวัล สำหรับผู้ที่จองรถปิกอัพอีซูซุตามเงื่อนไขฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และจับรางวัลครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 มีนาคม 2568 (เวลา 13.30 น.) จำนวน 12 รางวัล ณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่) โดยนำข้อมูลสลากของผู้ที่ยังไม่ได้รางวัลในครั้งที่ 1 มารวมกับกองสลากของครั้งที่ 2 (รวมข้อมูลผู้จองรถอีซูซุตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568) ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ในวันที่ 15 มีนาคม 2568 ผ่านช่อง Facebook : ISUZU (All-New ISUZU D-Max) และมีกำหนดการแจก ของรางวัลทั้งหมดวันที่ 1 – 6 เมษายน 2568 ทั้งนี้ ผู้ร่วมสนุกจะต้องรับรถภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 และทำตามกติกาการร่วมสนุกอย่างครบถ้วนเท่านั้น ถ้าทำตามกติกาการร่วมสนุกไม่ครบไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม ให้ถือว่าสิทธิ์ของผู้ที่ได้รับรางวัลเป็นโมฆะ ทางบริษัทฯ จะไม่มีความรับผิดชอบใดๆ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/42zS6V5

วิริยะประกันภัย เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ

วิริยะประกันภัย เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ให้กับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive เพิ่มความสบายใจขณะเดินทางต่างประเทศ

วิริยะประกันภัย ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive ชูโรงความแตกต่างจากในตลาด ด้วยการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนสำคัญ ภายใต้นโยบาย “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” โดยลูกค้าทุกกรมธรรม์จากทุกช่องทางจะได้รับสิทธิพิเศษ ทั้งก่อนและหลังการเดินทาง แบบไม่จำกัด รวมถึงความสบายใจขณะเดินทางต่างประเทศ คุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านหากสูญเสียหรือเสียหายจากอัคคีภัยหรือการโจรกรรม

นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 บริษัทฯ ได้มุ่งดำเนินงานตามแนวนโยบาย “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งในด้านของการบริการและในด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย ล่าสุด บริษัทฯ ได้ยกระดับการให้บริการลูกค้าคนสำคัญผ่านผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive ภายใต้ Product Concept  “คุ้มครองรอบโลก คุ้มค่ารอบด้าน” ผลิตภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาให้คุ้มครองทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง มีผลประโยชน์วงเงินความคุ้มครองสูงถึง 5,000,000 บาท เพื่อให้สามารถดูแลค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกค้ากรณีเกิดเหตุเจ็บป่วยที่ต่างประเทศ และสามารถกลับมารักษาต่อเนื่องได้เมื่อกลับถึงประเทศไทย คุ้มครองความล่าช้า การเลื่อน หรือการบอกเลิกการเดินทางจากสายการบิน กระเป๋าเดินทางเสียหายหรือสูญหาย และขณะที่ลูกค้าเดินทางอยู่ที่ต่างประเทศหากทรัพย์สินภายในบ้านสูญเสียหรือความเสียหายจากอัคคีภัยหรือการโจรกรรม ก็จะได้รับความคุ้มครองด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากผลประโยชน์ความคุ้มครองของผลิตภัณฑ์ ลูกค้าทุกกรมธรรม์และจากทุกช่องทางจะได้รับประสบการณ์แบบสุดพิเศษ โดยลูกค้าสามารถใช้บริการความคุ้มค่าผ่าน Viriyah Privileges ที่พร้อมดูแล ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ตลอดจนถึงหลังการเดินทาง ซึ่งเป็นความพิเศษที่แตกต่างจากในตลาด โดยรวมความคุ้มค่าส่วนลดประเภททัวร์และกิจกรรมท่องเที่ยวจาก KKday, ตรวจเช็คสุขภาพราคาพิเศษที่โรงพยาบาลสมิติเวช, ส่วนลดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ส่วนลดรถรับส่งสนามบินจาก Lineman Ride และอิ่มอร่อยที่ มิสเตอร์ โดนัท อานตี้ แอนส์ โคล สโตน และจองร้านอาหารผ่าน Hungry Hub

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานตัวแทนฯ และสาขา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสมัครง่ายรับกรมธรรม์ได้ทันทีบนช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://vinsure.viriyah.co.th/insurance/travel/v-travel-comprehensive

ท้ายนี้ นางฐวิกาญจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาทุกผลิตภัณฑ์และคัดสรรทุกความคุ้มค่าเพื่อนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนและดูแลลูกค้าคนสำคัญอย่างดีที่สุดให้สมกับที่ลูกค้าวางใจให้วิริยะประกันภัยดูแล”

วิริยะประกันภัย ครบรอบ 78 ปี เคียงข้างสังคมไทย

วิริยะประกันภัย ครบรอบ 78 ปี องค์กรแห่งความมั่นคง เคียงข้างสังคมไทย ด้วยความเป็นธรรม ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” ที่จะส่งมอบไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากรุ่นสู่รุ่น

นางสุวพร ทองธิว ประธานกรรมการบริหาร และนายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 78 ปี แห่งการก่อตั้งบริษัทฯ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2490 เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล และเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรของบริษัททุกภาคส่วน ที่ร่วมปฏิบัติงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ในการเคียงข้างดูแลความเสี่ยงให้กับสังคมไทย ตลอดระยะเวลา 78 ปี แห่งความมั่นคงและเป็นธรรม โดยพิธีทำบุญดังกล่าวจัดขึ้น ณ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ สาขาและศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนของวิริยะประกันภัย ต่างร่วมใจกันจัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

สำหรับ ปี 2568 นี้ วิริยะประกันภัย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัย ให้ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ โดยยังคงยึดหลัก “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” อันเปรียบเสมือนหัวใจหลักในการดำเนินงานของบุคลากรวิริยะประกันภัยจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ตามแนวทาง ESG (Environmental Social and Governance) เพื่อขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจประกันวินาศภัยที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการงมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้ลูกค้าอย่างเป็นธรรม และเกิดความพึงพอใจสูงสุด ดั่งนโยบาย “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า”

ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 พร้อมดวลวงสวิง

ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 พร้อมแล้ว “จีโน่” และ “แพตตี้” นำทัพนักกอล์ฟไทยและระดับโลก 72 คน ดวลวงสวิง ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ พร้อมด้วยรางวัลโฮลอินวัน ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี และโกล์ดวิง ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้

“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025” กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แฟนกอล์ฟชาวไทยร่วมลุ้นแชมป์ จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล มืออันดับ 4 ของโลก และ แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 นำทัพนักกอล์ฟไทยดวลวงสวิงกับ นักกอล์ฟชั้นนำของโลกรวม 72 คน ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 60 ล้านบาท) พิเศษกับรางวัลโฮลอินวัน รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV RS ที่หลุม 16 และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โกล์ดวิง ที่หลุม 8 ซึ่งจะจัดแข่งขันวันที่  20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี

มร.โทชิโอะ คุวาฮาระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ทัวร์นาเมนต์นี้ได้สร้างความสุขให้กับแฟนกอล์ฟอย่างยาวนานเป็นครั้งที่ 18 ฮอนด้าในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ตั้งใจยกระดับและขับเคลื่อนความสนุกของการแข่งขันกอล์ฟ ไปพร้อมกับการสานต่อการพัฒนาวงการกอล์ฟสตรีไทย และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ”

“นับตั้งแต่จุดเริ่มต้น รายการนี้ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาวงการกีฬาผ่านวิสัยทัศน์ ‘Honda Sport Challenge’ เราได้สนับสนุนนักกีฬาและสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในการก้าวตามความฝันด้านกีฬาของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้ก็ได้เติบโตจนเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้นักกอล์ฟรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นความสนใจในกีฬากอล์ฟไปยังกลุ่มผู้ชมที่หลากหลายมากขึ้น”

“ฮอนด้าขอขอบคุณพันธมิตรและแฟนกีฬา ที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งนี้ และขอเชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นและแรงบันดาลใจที่มากกว่าการแข่งขันกอล์ฟในปีนี้”

สำหรับรายชื่อนักกอล์ฟที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 จำนวน 72 คน มีสถิติคว้าแชมป์อาชีพรวมในแอลพีจีเอทัวร์ถึง 147 รายการ โดยเป็นแชมป์เมเจอร์ 27 รายการ นำโดยนักกอล์ฟชั้นนำ ท็อป 10 คะแนนสะสมโลกจำนวน 6 คน ได้แก่ รัว หนิง หยิน (มืออันดับ 3 จากจีน) ลิเลีย วู อดีตมือ 1 ของโลก (ปัจจุบันมืออันดับ 5 จากสหรัฐอเมริกา) แฮรัน ริว (มืออันดับ 7 จากเกาหลีใต้) และ ซีลีน บูติเยร์ (มืออันดับ 9 จากฝรั่งเศส) นอกจากนี้ ยังมีนักกอล์ฟ ชั้นนำจากญี่ปุ่น อาทิ อายากะ ฟูรูเอะ (มืออันดับ 8 แชมป์เมเจอร์ เอวิยอง แชมเปียนชิพ 2024) และ ยูกะ ซาโสะ (แชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น 2  สมัย ปี 2021 และ 2024) รวมถึง จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล มืออันดับ 4 ของโลกที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอถึง 2 รายการ ในฤดูกาล 2024 ได้แก่ ดาว แชมเปียนชิพ และ ซีเอ็มอี กรุ๊ปทัวร์ แชมเปียนชิพ พร้อมรางวัล Aon Risk Reward Challenge และตำแหน่งผู้เล่นที่ทำเงินสูงสุดในทัวร์ประจำฤดูกาล

“จีนรู้สึกภูมิใจมากกับผลงานของตัวเองในฤดูกาลที่ผ่านมา ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในเส้นทางอาชีพ สำหรับรายการนี้ หลังจากที่ปีที่แล้วไม่ได้ลงแข่งเพราะอาการบาดเจ็บซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับนักกีฬา ตอนนี้หายดีและพร้อมเต็มที่ค่ะ คิดถึงแฟนๆ และบรรยากาศที่อบอุ่นของประเทศไทย ปีนี้หวังว่าทุกคนจะสนุกและมีความสุขไปกับการแข่งขันของพวกเรานะคะ ขอฝากกำลังใจด้วยค่ะ”

นักกอล์ฟไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันปีนี้รวมทั้งสิ้น 12 คน นอกจาก จีโน่ ยังมี แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์แอลพีจีเอ 2 รายการ คือ เอเอ็นเอ อินสไปเรชัน แชมเปียนชิพ 2021 (เมเจอร์) และฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 ที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ พร้อมด้วย เม-เอรียา จุฑานุกาล แชมป์แอลพีจีเอ 12 รายการ (รวมถึงฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021) พราว-ชเนตตี วรรณแสน แชมป์แอลพีจีเอ 2 รายการ (พอร์ทแลนด์ คลาสสิก 2023 และ ดานา โอเพ่น 2024) เมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ แชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ 2 รายการ (ไอเอสพีเอส ฮันดะ เวิลด์ อินวิเทชันแนล 2021 และแบงค์ออฟโฮป แอลพีจีเอ แมทช์เพลย์ 2023) จัสมิน-ธิฎาภา สุวัณณะปุระ แชมป์แอลพีจีเอ 3 รายการ (มาราธอน คลาสสิก 2018 ดาว เกรท เลคส์ เบย์ อินวิเทชันแนล (ทีม) ปี 2019 และวอลมาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอว์ แชมเปียนชิพ 2024) โม-โมรียา จุฑานุกาล แชมป์แอลพีจีเอ 3 รายการ (ฮูเจล-เจทีบีซี แอลเอ โอเพ่น ปี 2018 ดาว เกรท เลคส์ เบย์ อินวิเทชันแนล (ทีม) ปี 2021 และ พอร์ทแลนด์ คลาสสิก 2024) และ เปียโน-อาภิชญา ยุบล พร้อมด้วยนักกอล์ฟรับเชิญชาวไทยอีก 4 คน ได้แก่ ฝ้าย-พิมพ์พิศา รับรอง ทีมชาติไทยมือสมัครเล่นวัย 18 ปี แชมป์การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers  แจน-วิชาณี มีชัย  มาย-ตรีฉัฐ จีนกลับ และ ว่าน-จารวี บุญจันทร์

นอกจากนี้ ยังมีนักกอล์ฟรับเชิญจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ริโอะ ทาเคดะ อากิเอะ อิวาอิ ชิซาโตะ อิวาอิ และ มิยุ ซาโตะ พร้อมด้วย จอร์เจีย ฮอลล์ (อังกฤษ) แอนนา นอร์ดควิสต์ (สวีเดน) แอนนาเบล ดิมม็อค (อังกฤษ) และ จิอันนา เคลเมนเต (สหรัฐอเมริกา) รวมนักกอล์ฟรับเชิญทั้งหมด 12 คน

ดร.นิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท) กล่าวว่า “การแข่งขัน Honda LPGA Thailand สะท้อนถึงความสำเร็จของไทยในวงการกอล์ฟ เราภูมิใจที่มีนักกอล์ฟอย่าง เอรียา จุฑานุกาล และอาฒยา ฐิติกุล ซึ่งเคยครองอันดับหนึ่งของโลก เป็นแรงบันดาลใจให้นักกอล์ฟรุ่นใหม่และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ อีกทั้งการแข่งขันนี้และกิจกรรมนำร่องต่างๆ ยังสอดคล้องกับภารกิจของ กกท ในการพัฒนากีฬาในทุกระดับ ตั้งแต่การสนับสนุนการแข่งขันจนถึงการพัฒนาเยาวชนและบุคลากร เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสสู่ความสำเร็จในเวทีสากล”

มิสวินนี่ เฮง รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเอ็มจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดการแข่งขัน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่กีฬากอล์ฟหญิงเติบโตและได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ไอเอ็มจีและฮอนด้าได้ร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนและมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์ที่มากกว่ากีฬา เราขอเชิญชวนทุกคนพาครอบครัวและเพื่อนๆ มาร่วมสนุก พร้อมสัมผัสแรงบันดาลใจในงานฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ทั้งนี้  ความมุ่งมั่นนี้สอดคล้องกับการสนับสนุนกีฬา หรือ sport marketing ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมกีฬาและนักกีฬา ทั้งในด้านการสร้างแบรนด์ การดึงดูดนักลงทุน และการขยายฐานแฟนกีฬา รวมถึงสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทยในเวทีสากล”

นายสมชาย สืบบุญศรีพงศ์ กรรมการผู้จัดการ สยามคันทรีคลับ กล่าวว่า “สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 54 ปี เป็นสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐานของแอลพีจีเอทัวร์ ซึ่งความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านคุณภาพของสนามที่ท้าทาย ทัศนียภาพที่สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการระดับสากล เราพร้อมแล้วที่จะต้อนรับและสร้างความประทับใจให้กับนักกอล์ฟและผู้ชมทุกคนอีกครั้ง”

ขอเชิญชวนแฟนกีฬากอล์ฟร่วมชมร่วมเชียร์นักกอล์ฟที่ท่านชื่นชอบในการแข่งขันระดับโลกรายการ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี โดยสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันทั้งแบบทั่วไปและแบบวีไอพีได้ทาง  www.hondalpgathailand.com  สิทธิพิเศษสำหรับบัตรเครดิต และบัตรเดบิตบีเฟิสต์ ธนาคารกรุงเทพ รับส่วนลดทันทีสูงสุด 15 เปอร์เซ็นต์ และผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี และอายุมากกว่า 60 ปี สามารถลงทะเบียนเข้าชมการแข่งขันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถติดตามชมการแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD ในทุกแพลทฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ www.pptvhd36.com เฟซบุ๊ก PPTVHD36 และ YouTube ช่อง PPTV Sports

Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7 สาวกแห่ร่วมงานแน่น

Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7 คนแน่นตั้งแต่วันแรก! ท่ามกลางบรรยากาศริมแม่น้ำสุดชิ

สุดยิ่งใหญ่ตั้งแต่วันแรก! กับงาน Honda MEGA FEST PRESENT THE SCOOTER FEST #7 FEATURING FRIENDS เทศกาลมอเตอร์ไซค์และดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ณ โกดังเสริมสุข เจริญนคร เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดคึกคักจากเหล่าไบค์เกอร์และแฟนเพลงที่มาร่วมสนุกกันอย่างคับคั่ง

อลังการ! พาเหรดรถจักรยานยนต์กว่า 1,000 คัน ร่วมเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่สร้างสีสันให้กับงาน ก่อนจะต่อด้วยมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากพรีเซนเตอร์สุดหล่อ เจษ–เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ที่มาส่งต่อเสียงเพลงและรอยยิ้มให้แฟนคลับได้ฟินกันอย่างใกล้ชิด

จัดเต็มเวทีดนตรีสุดมันส์จากศิลปินแถวหน้า ระเบิดความมันส์ต่อเนื่องตลอดคืนกับไลน์อัปที่ถูกใจสายเจนซี ONLY MONDAY, EBOLA และปิดท้ายด้วยความเดือดจากวงร็อกตัวพ่อ ZEAL ที่ทำให้ทุกคนโยกกันสนั่น พร้อมโซนจัดแสดงสุดพิเศษ! รถแต่ง–ของกิน–ช้อปปิ้ง ครบในที่เดียว ภายในงานยังมีโซน Idea Challenge  ที่รวมไฮไลต์รถแต่งจากสำนักแต่งชั้นนำกว่า 40 ร้าน พร้อมโซนอาหารและตลาดให้เลือกช้อปกันแบบจุใจ และยังมีร้านแต่งช้้นนำมาให้คัสตอมรถกันมากกว่า 60 ร้านค้า

วันสุดท้ายอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โกดัง เสริมสุข เจริญนคร ที่ขนไลน์อัปศิลปินแน่นเวที นำโดย NONT TANONT, JEFF SATUR, PiXXiE, MOBYe พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษ ต้าห์อู๋–พิทยา แซ่ฉั่ว โชว์สุดเซอร์ไพรส์มาให้ทุกคนได้สนุกกันแบบจัดเต็ม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save